Thai Qur'an
 9788194366331, 8588822672

  • 0 0 0
  • Like this paper and download? You can publish your own PDF file online for free in a few minutes! Sign Up
File loading please wait...
Citation preview

CMYK

กุรอาน คัมภีร์ที่นำ�ข่าวดีมายังมนุษชาติพร้อมกับคำ�ตักเตือนจาก พระเจ้า เน้นย้ำ�ถึงความสำ�คัญของการค้นพบสัจธรรมของมนุษย์ทั้งทาง ด้านจิตวิญญาณและสติปัญญา หนังสือทุกเล่มมีวัตถุประสงค์ของมันและวัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุ รอานคือการทำ�ให้มนุษย์รู้จักแผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า นั่นคือ เพื่อ บอกมนุษย์ว่าทำ�ไมพระเจ้าสร้างโลกนี้ การให้มนุษย์มาอาศัยอยู่บนโลก นี้มีวัตถุประสงค์อะไร สิ่งจำ�เป็นสำ�หรับมนุษย์คืออะไรในช่วงชีวิตก่อน ตาย และเขาจะเผชิญอะไรหลังความตาย วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอาน คือการทำ�ให้มนุษย์รู้ความจริงนี้ ดังนั้น คัมภีร์กุรอานจึงทำ�หน้าที่น�ำ ทาง มนุษย์ตลอดการเดินทางของเขาผ่านชีวิตไปสู่ชีวิตหลังความตาย หัวข้อหลักของคัมภีร์กุรอานคือการให้แสงสว่างทางปัญญา ความใกล้ ชิดกับพระเจ้า ความสงบและจิตวิญญาณ คัมภีร์กุรอานใช้ค�ำ ตะวัซซัม (หมายถึง การพยายามทำ�ความเข้าใจสัญญาณต่างๆของธรรมชาติ), ตะ ดับบุรฺ(การตรึกตรองและวิเคราะห์อะไรบางอย่าง) และตะฟักกุรฺ(การ นึกถึงพระเจ้า) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเรียนรู้บทเรียนโดยการตรึกตรอง คิด และใคร่ครวญในสัญญาณต่างๆของพระเจ้าที่กระจายไปทั่วโลก การ แปลกุรอานนี้ถูกทำ�ขึ้นโดยคำ�นึงถึงหัวข้อหลักดังกล่าวมานี้

www.goodwordbooks.com www.cpsglobal.org

ISBN 978-81-943663-3-1

9

7 8 8194

366331

Goodword

Goodword

THAI

Gold

CMYK

กุรอาน คัมภีร์ที่นำ�ข่าวดีมายังมนุษชาติพร้อมกับคำ�ตักเตือนจาก พระเจ้า เน้นย้ำ�ถึงความสำ�คัญของการค้นพบสัจธรรมของมนุษย์ทั้งทาง ด้านจิตวิญญาณและสติปัญญา หนังสือทุกเล่มมีวัตถุประสงค์ของมันและวัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุ รอานคือการทำ�ให้มนุษย์รู้จักแผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า นั่นคือ เพื่อ บอกมนุษย์ว่าทำ�ไมพระเจ้าสร้างโลกนี้ การให้มนุษย์มาอาศัยอยู่บนโลก นี้มีวัตถุประสงค์อะไร สิ่งจำ�เป็นสำ�หรับมนุษย์คืออะไรในช่วงชีวิตก่อน ตาย และเขาจะเผชิญอะไรหลังความตาย วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอาน คือการทำ�ให้มนุษย์รู้ความจริงนี้ ดังนั้น คัมภีร์กุรอานจึงทำ�หน้าที่นำ�ทาง มนุษย์ตลอดการเดินทางของเขาผ่านชีวิตไปสู่ชีวิตหลังความตาย หัวข้อหลักของคัมภีร์กุรอานคือการให้แสงสว่างทางปัญญา ความใกล้ ชิดกับพระเจ้า ความสงบและจิตวิญญาณ คัมภีร์กุรอานใช้ค�ำ ตะวัซซัม (หมายถึง การพยายามทำ�ความเข้าใจสัญญาณต่างๆของธรรมชาติ), ตะ ดับบุรฺ(การตรึกตรองและวิเคราะห์อะไรบางอย่าง) และตะฟักกุรฺ(การ นึกถึงพระเจ้า) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเรียนรู้บทเรียนโดยการตรึกตรอง คิด และใคร่ครวญในสัญญาณต่างๆของพระเจ้าที่กระจายไปทั่วโลก การ แปลกุรอานนี้ถูกทำ�ขึ้นโดยคำ�นึงถึงหัวข้อหลักดังกล่าวมานี้

แปลเป็นภาษาอังกฤษ โดย

เมาลานา วาฮิดุดดีน คาน ศ. ฟาริดา เคาะนัม แปลเป็นภาษาไทยโดย บรรจง บินกาซัน

GOODWORD BOOKS

4



First published 2020 This translation of the Quran is copyright free Goodword Books 1, Nizamuddin West Market, New Delhi-110013 Tel. +9111-41827083 Mob. +91-8588822672 email: [email protected] www.goodwordbooks.com Center for Peace and Spirituality 1, Nizamuddin West Market, New Delhi-110 013 Mob. +91-999944119 email: [email protected] www.cpsglobal.org Al-Risala Forum International 2665 Byberry Road, Bensalem, PA 19020, USA Cell: 617-960-7156 email: [email protected] Printed in India

5

สารบัญ

คำ�นำ� แผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า คัมภีร์แห่งการเตือนของพระเจ้า จิตวิญญาณภายในและการรู้จักพระเจ้า วจนะของพระเจ้า การต่อสู้ทางอุดมการณ์ที่สันติ คัมภีร์ที่ถูกประทานมา จะอ่านกุรอานอย่างไร? 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20.

คัมภีร์กุรอาน

การเปิด (อัล-ฟาติฮะฮฺ) วัวตัวเมีย (อัล-บะกอเราะฮฺ) ครอบครัวของอิมรอน (อาลิ อิมรอน) ผู้หญิง (อัล-นิซาอ์) โต๊ะ (อัล-มาอิด๊ะฮฺ) ปศุสัตว์ (อัล-อันอาม) ที่สูง (อัล-อะอฺรอฟ) ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ (อัล-อันฟาล) การสำ�นึกผิด (อัต-เตาบ๊ะฮฺ) โยนาห์ (ยูนุส) ฮูด (ฮูด) โจเซฟ (ยูซุฟ) ฟ้าคำ�ราม (อัรฺ-เราะอฺด์) อับราฮัม (อิบรอฮีม) พื้นที่ภูเขา (อัล-ฮิจญร์) ผึ้ง (อัล-นะฮ์ลุ) การเดินทางในยามราตรี (อัล-อิสรอ) ถ้�ำ (อัล-กะฮฺฟ) มารีย์ (มัรฺยัม) ฏอ ฮา (ฏอฮา)

9 11 12 13 14 15 18 19 21 21 63 88 113 132 154 178 188 207 220 235 247 254 261 266 280 292 304 311

6

21. 22. 23. 24. 25. 26. 27. 28. 29. 30. 31. 32. 33. 34. 35. 36. 37. 38. 39. 40. 41. 42. 43. 44. 45. 46. 47. 48. 49. 50. 51. 52.

สารบัญ

บรรดานบี (อัล-อัมบิยาอ์) การแสวงบุญ (อัล-ฮัจญ์) บรรดาผู้ศรัทธา (อัล-มุมินูน) รัศมี (อัล-นูรฺ) เกณฑ์ตัดสิน (อัล-ฟุรฺกอน) กวี (อัล-ชุอะรออ์) มด (อัล-นัมล์) เรื่องราว (อัล-เกาะศ็อศ) แมงมุม (อัล-อันกะบูต) ชาวโรมัน (อัล-รูม) ลุกมาน (ลุกมาน) การกราบ (อัล-ซัจญ์ด๊ะฮฺ) สหพรรค (อัล-อะฮฺซาบ) ชีบา (สะบะอ์) ผู้สร้าง (อัล-ฟาฏิรฺ) ยาซีน (ยาซีน) ตำ�แหน่ง (อัล-ศ็อฟฟาต) ศอด (ศอด) ฝูงคน (อัล-ซุมัรฺ) ผู้ให้อภัย (ฆอฟิรฺ) การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด (ฟุศศิลัต) การปรึกษาหารือกัน (อัล-ชูรอ) เครื่องประดับทองคำ� (อัล-ซุครุฟ) ควัน (อัล-ดุคอน) การคุกเข่า (อัล-ญาซิยะฮฺ) สันทราย (อัล-อะฮฺกอฟ) มุฮัมมัด (มุฮัมมัด) ชัยชนะ (อัล-ฟัตฮฺ) ที่พักอาศัย (อัล-ฮุญุรอต) ก๊อฟ (ก๊อฟ) ลมที่พัดกระจาย (อัล-ซาริยาต) ภูเขาซีนาย (อัล-ฏูรฺ)

322 331 340 348 358 365 375 383 393 400 407 411 414 423 429 435 441 448 454 463 472 478 484 491 494 498 503 507 512 515 518 521

สารบัญ

53. 54. 55. 56. 57. 58. 59. 60. 61. 62. 63. 64. 65. 66. 67. 68. 69. 70. 71. 72. 73. 74. 75. 76. 77. 78. 79. 80. 81. 82. 83. 84.

ดวงดาว (อัล-นัจญม์) ดวงจันทร์ (อัล-เกาะมัรฺ) ความกรุณา (อัล-เราะฮฺมาน) เหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (อัล-วากิอ๊ะฮฺ) เหล็ก (อัล-ฮะดีด) การอุทธรณ์ (อัล-มุญาดะละฮฺ) การขับไล่ (อัล-ฮัชร์) ผู้หญิงที่ถูกทดสอบ (อัล-มุมตะฮะนะฮฺ) ตำ�แหน่ง (อัล-ศ็อฟ) วันแห่งการชุมนุม (อัล-ญุมุอ๊ะฮฺ) พวกตลบตะแลง (อัล—มุนาฟิกูน) การขาดทุนและกำ�ไร (อัล-ตะฆอบุน) การหย่า (อัล-เฎาะลาก) การห้าม (อัล-ตะฮฺรีม) อำ�นาจสูงสุด (อัล-มุลก์) ปากกา (อัล-เกาะลัม) เวลาที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (อัล-ฮากเก๊าะฮฺ) ทางขึ้นข้างบน (อัล-มะอาริจญ์) โนอาห์ (นูฮฺ) ญิน (อัล-ญิน) ผู้ที่คลุมกาย (อัล-มุซซัมมิล) ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม (อัล-มุดดัซซิรฺ) วันแห่งการฟื้นคืนชีพ (อัล-กิยามะฮฺ) มนุษย์ (อัล-อินซาน) บรรดาผู้ถูกส่งมา (อัล-มุรฺซะลาต) ข่าวคราว (อัล-นะบะอ์) ผู้กระชาก (อัล-นาซิอาต) เขาแสดงหน้าขมึงทึง (อะบะซะ) การม้วน (อัล-ตักวีรฺ) การแยกออกจากกัน (อัล-อินฟิฏอรฺ) ผู้โกงตาชั่ง (อัล-มุฏ็อฟฟิฟีน) การเปิดโดยระเบิดออก (อัล-อินชิกอก)

7

524 527 530 534 537 542 545 549 552 553 555 556 558 561 563 565 568 570 572 574 576 578 580 581 583 585 587 588 590 591 592 593

8

สารบัญ

85. หมู่ดาว (อัล-บุรูจญ์) 86. สิ่งที่มาในตอนกลางคืน (อัล-ฏอริก) 87. สูงที่สุด (อัล-อะอฺลา) 88. เหตุการณ์ที่ปกคลุม (อัล-ฆอชิยะฮฺ) 89. รุ่งอรุณ (อัล-ฟัจญร์) 90. เมือง (อัล-บะลัด) 91. ดวงอาทิตย์ (อัล-ชัมส์) 92. กลางคืน (อัล-ลัยล์) 93. แสงสว่างยามเช้าที่เจิดจ้า (อัล-ฎุฮา) 94. ความสะดวกสบาย (อัล-ชัรฺฮ) 95. มะเดื่อ (อัล-ตีน) 96. ก้อนเลือด (อัล-อะลัก) 97. คืนแห่งการกำ�หนด (อัล-ก๊อดรฺ) 98. หลักฐานที่ชัดเจน (อัล-บัยยินะฮฺ) 99. แผ่นดินไหว (อัล-ซัลซะละฮฺ) 100. ม้าที่หอบ (อัล-อาดิยาต) 101. ผู้ทำ�ให้เกิดเสียงกระทบกัน (อัล-กอริอ๊ะฮฺ) 102. โลภอยากได้แล้วได้อีก (อัล-ตะกาซุรฺ) 103. การผ่านไปของเวลา (อัล-อัศรฺ) 104. ผู้นินทา (อัล-ฮุมะซะฮฺ) 105. ช้าง (อัล-ฟีล) 106. กุเรช (กุรอยชฺ) 107. สิ่งเล็กๆน้อยๆ (อัล-มาอูน) 108. ความอุดมสมบูรณ์ (อัล-เกาษัรฺ) 109. บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม (อัล-กาฟิรูน) 110. ความช่วยเหลือ (อัล-นัศร์) 111. เส้นใยที่ถูกบิดเป็นเกลียว (อัล-มะซัด) 112. ความเป็นหนึ่งเดียว (อัล-อิคลาศ) 113. รุ่งสาง (อัล-ฟะลัก) 114. ผู้คน (อัล-นาส)

594 595 596 597 598 599 600 600 601 602 602 603 604 604 605 605 606 606 607 607 608 608 608 609 609 610 610 611 611 611

9

คำ�นำ� กุรอานคือคัมภีร์ของพระเจ้า เป็นคัมภีร์ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ สำ�หรับทุกยุคสมัย ถึงแม้เดิมทีจะถูกเขียนเป็นภาษาอาหรับ แต่ด้วย การแปล มันจึงทำ�ให้ผู้ไม่รู้ภาษาอาหรับสามารถเข้าถึงได้ ในขณะทีไม่มี ภาษาใดมาแทนภาษาต้นฉบับได้ การแปลจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแผ่ วจนะของพระเจ้าให้ไกลจากคนที่พูดภาษาอาหรับไปยังมนุษยชาติที่ กว้างออกไป คัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์ที่เป็นภาษาอาหรับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันอยู่ในภาษาของธรรมชาติ นั่นคือ ภาษาที่พระเจ้ากล่าวโดยตรงกับ มนุษย์ทั้งหมดในตอนที่ถูกสร้าง การวอนขอต่ออำ�นาจศักดิ์สิทธิ์ของ มนุษยชาติเป็นสิ่งที่ยังคงมีอยู่ตลอดไปในจิตสำ�นึกของมนุษย์ทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำ�ไมกุรอานจึงเป็นที่เข้าใจได้โดยทั่วไปสำ�หรับคนที่มี จิตสำ�นึกธรรมดาและสำ�หรับคนที่มีจิตใต้สำ�นึก ความจริงนี้ได้ถูกกล่าว ไว้ในคัมภีร์กุรอานว่าเป็น “การประทานที่ชัดเจนในหัวใจของบรรดาผู้ ที่ได้รับความรู้” ข้อความนี้ยังกล่าวต่อไปว่า “ไม่มีใครปฏิเสธสิ่งที่เรา ประทานมานอกไปจากคนทำ�ผิด” (29:49) นี่หมายความว่าความจริงที่มาจากพระเจ้าซึ่งถูกอธิบายโดยกุรอานบ บนระดับจิตสำ�นึกมีอยู่ก่อนแล้วในตัวมนุษย์ในระดับจิตใต้ส�ำ นึก ดังนั้น สาสน์ของคัมภีร์กุรอานจึงมิใช่สิ่งที่แปลกประหลาดสำ�หรับมนุษย์ ความ จริงแล้ว มันเป็นการแสดงออกทางคำ�พูดของความจริงที่มาจากพระเจ้า องค์เดียวซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์เองและกับสิ่งที่เขารู้จักอยู่ แล้ว คัมภีร์กุรอานอธิบายสิ่งนี้โดยการกล่าวว่าคนที่เกิดในตอนนี้เดิมที แล้วล้วนเกิดในตอนสร้างอาดัมและตอนนั้นพระเจ้าได้กล่าวโดยตรงกับ วิญญาณมนุษย์ทั้งหมด

10

คำ�นำ�

คัมภีร์กุรอานกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ดังนี้ : “(นบี) เมื่อพระผู้อภิบาลของเจ้านำ�ลูกหลานออกมาจากกระดูกสัน หลังของลูกหลานของอาดัมและพระองค์ได้ให้พวกเขายืนยันเกี่ยวกับตัว ของพวกเขาเอง พระองค์ทรงกล่าวว่า ‘ฉันไม่ใช่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า กระนั้นหรือ?’ ‘เราขอยืนยันว่าพระองค์คือพระผู้อภิบาลของเรา’ ดังนั้น สูเจ้าไม่อาจพูดในวันแห่งการฟื้นคืนชีพได้ว่า ‘เราไม่รู้เรื่องนี้’” (7:172) คัมภีร์กุรอานได้เอ่ยถึงการสนทนากันระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ไว้ใน โองการต่อไปนี้ว่า : “แท้จริง เราได้เสนอความไว้วางใจให้แก่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และภูเขา พวกมันไม่กล้าที่จะเข้ามาแบกรับมันไว้และกลัวมัน แต่มนุษย์ ได้เข้ามารับมันไว้ มนุษย์นั้นเป็นผู้อธรรมและโง่เขลา” (33:72) สำ�หรับมนุษย์แล้ว กุรอานอยู่ในแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ที่เขารู้ อยู่แล้วมากกว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ทั้งหมด ในความเป็นจริง กุรอานคือการเปิด เผยจิตใจของมนุษย์นั่นเอง เมื่อใครที่ธรรมชาติของเขายังมีชีวิต – โดยการรักษาตัวเองให้พ้นจาก สภาพการณ์ที่ตามมาทีหลัง - อ่านกุรอาน เซลล์สมองเหล่านั้นจะถูก กระตุ้นทำ�ให้เขารู้ว่าสิ่งที่พระเจ้าพูดกับเขานั้นยังคงถูกเก็บรักษาไว้ ถ้า เราคิดถึงตรงนี้ มันก็ไม่เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าการแปลกุรอานเป็นวิธี การที่ยังใช้ได้ในการเข้าใจมัน ถ้าการพูดของพระเจ้าเป็นพันธะสัญญาแรก คัมภีร์กุรอานก็เป็นพันธะ สัญญาที่สอง แต่ละพันธะสัญญานี้ต่างยืนยันความถูกต้องของกันและกัน ถ้าใครมีความรู้เล็กน้อยหรือแม้แต่ไม่เข้าใจภาษาอาหรับเลยและสามารถ อ่านได้แต่เฉพาะคำ�แปล เขาต้องไม่คิดว่าเขาจะสับสนในการทำ�ความ เข้าใจคัมภีร์กุรอาน เพราะแนวความคิดเกี่ยวกับคัมภีร์กุรอานของมนุษย์

�����

11

ในฐานะผู้ได้รับวจนะของพระเจ้าโดยธรรมชาติได้เป็นความจริงแล้วใน ยุคสมัยใหม่ ศาสตร์แห่งรหัสพันธุกรรมและการค้นพบทางโบราณคดีล้วน สนับสนุนทัศนะนี้อย่างเต็มที่

แผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า

หนังสือทุกเล่มมีวัตถุประสงค์ของตัวเองและวัตถุประสงค์ของคัมภีร์ กุรอานก็คือการทำ�ให้มนุษย์รู้ถึงแผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า นั่น คือ เพื่อบอกมนุษย์ให้รู้ว่าทำ�ไมพระเจ้าสร้างโลกนี้ขึ้นมา อะไรคือ วัตถุประสงค์ของการให้มนุษย์มาอยู่บนโลกนี้ มนุษย์ต้องทำ�อะไรในช่วง ชีวิตก่อนตาย และเขาจะเผชิญอะไรหลังความตาย มนุษย์เกิดมาในฐานะ เป็นสิ่งมีชีวิตนิรันดร เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์มาเช่นนั้น พระองค์จึงได้ แบ่งช่วงชีวิตของเขาออกเป็นสองช่วง นั่นคือ ช่วงเวลาก่อนตายซึ่งเป็น ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ และช่วงเวลาหลังตายซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการ รับรางวัลตอบแทนหรือการลงโทษตามที่แต่ละคนได้ทำ�ไว้ในช่วงเวลาที่มี ชีวิต การตอบแทนเหล่านี้อยู่ในรูปของสวรรค์อันนิรันดรหรือนรกตลอด กาล วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอานก็คือการทำ�ให้มนุษย์รู้ถึงความจริง นี้ นี่คือหัวข้อสำ�คัญของคัมภีร์นี้ซึ่งทำ�หน้าที่นำ�ทางมนุษย์ตลอดการเดิน ทางผ่านชีวิตเข้าไปยังชีวิตหลังความตาย มั น เป็ น สิ่ ง ถู ก ต้ อ งที่ จ ะกล่ า วว่ า มนุ ษ ย์ เ ป็ น ผู้ แ สวงหาโดยกำ � เนิ ด คำ�ถามเหล่านี้ซ่อนอยู่ในความคิดจิตใจของทุกคน เช่น ฉันเป็นใคร? วัตถุประสงค์ของชีวิตฉันคืออะไร? อะไรคือความจริงของชีวิตและความ ตาย? อะไรคือความลับของความสำ�เร็จและความล้มเหลวของมนุษย์? เป็นต้น ตามคัมภีร์กุรอาน คำ�ตอบต่อคำ�ถามเหล่านี้คือ โลกปัจจุบันเป็น สนามสอบและอะไรก็ตามที่มนุษย์ได้รับในช่วงเวลาก่อนตายของเขา

12

คำ�นำ�

เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบทั้งหมด โลกหน้าเป็นสถานที่ผลการสอบ ของเขาจะถูกนำ�มาตรวจสอบโดยพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ และอะไรก็ตาม ที่มนุษย์ได้รับในชีวิตหลังความตายในรูปของรางวัลตอบแทนหรือการ ลงโทษจะเป็นไปตามการงานที่เขาได้ท�ำ ไว้ในโลกนี้ ความลับแห่งความ สำ�เร็จของมนุษย์ในโลกนี้คือการเข้าใจแผนการสร้างของพระเจ้าและใช้ ชีวิตไปตามนั้น

คัมภีร์แห่งการเตือนของพระเจ้า

คัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์แห่งการเตือนของพระเจ้า การนำ�เอาบท เรียนต่างๆและคำ�ตักเตือนมารวมไว้ด้วยกันทำ�ให้คัมภีร์กุรอานน่าจะถูก เรียกว่าคัมภีร์แห่งภูมิปัญญาที่มีเหตุผลลุ่มลึกน่าจะเหมาะสมกว่า คัมภีร์ กุรอานไม่ได้ทำ�ตามแบบแผนของหนังสือที่ใช้สั่งสอนแบบเดิมๆที่ทำ�กัน มา ความจริงแล้ว เมื่อผู้อ่านหยิบคัมภีร์กุรอานขึ้นมา เขาจะพบว่ามัน เป็นการนำ�เอาคำ�พูดที่แยกเป็นส่วนๆมารวมเข้าด้วยกัน แต่ความรู้สึก นี้ไม่เป็นความจริง เพราะการจัดเรียงคำ�พูดเช่นนั้นเป็นไปตามแผนการ ของกุรอานในการรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ใน การนำ�สาสน์แห่งสัจธรรมไปยังผู้อ่านที่มีอคติที่อาจอ่านแค่เพียงหนึ่งหน้า หนึ่งข้อความหรือแม้แต่บรรทัดเดียว ส่ ว นที่ สำ � คั ญ ส่ ว นหนึ่ ง ของคั ม ภี ร์ กุ ร อานก็ คื อ มั น เป็ น สิ่ ง ที่ เ ตื อ นให้ ระลึกนึกถึงความจำ�เริญต่างๆที่ถูกประทานมาโดยพระเจ้าผู้ทรงกรุณา ปรานีอย่างสูงสุด ที่สำ�คัญที่สุดของความจำ�เริญต่างๆนี้คือคุณสมบัติ เฉพาะที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์เมื่อพระองค์สร้างเขาขึ้นมา ความ จำ�เริญอันยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่งก็คือพระองค์ได้ทรงตั้งหลักแหล่งที่อาศัย ให้เขาบนโลกซึ่งเป็นดาวดวงหนึ่งที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประโยชน์แก่

�����

13

เขา วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอานก็เพื่อให้แน่ใจว่าในขณะที่เขามีความ สุขอยู่กับความจำ�เริญของธรรมชาติเหล่านี้ มนุษย์ต้องนึกถึงพระผู้ทรง กรุณาปรานีอยู่ตลอดเวลา เขาต้องยอมรับความกรุณาอันยิ่งใหญ่ของ พระผู้ทรงสร้างของเขา ด้วยการทำ�เช่นเองที่มนุษย์จะได้รับทางเข้าไปสู่ สวรรค์อันนิรันดร ในทางตรงข้าม การไม่ค�ำ นึงถึงพระผู้ทรงกรุณาปรานี จะนำ�มนุษย์ไปยังนรก คัมภีร์กุรอานเป็นผู้คอยเตือนถึงความจริงในเรื่อง นี้ที่ไม่อาจหลีกหนีได้

จิตวิญญาณภายในและการรู้จักพระเจ้า

คุณสมบัติประการหนึ่งของคัมภีร์กุรอานคือมันเป็นคัมภีร์ที่ให้แค่เพียง หลักการที่เป็นพื้นฐานแก่เรา แต่เป็นหลักการที่ส�ำ คัญและจำ�เป็น และใช้ วิธีการกล่าวย้ำ�ซ้ำ�แล้วซ้ำ�อีกเพื่อเน้นถึงหลักการที่ส�ำ คัญนี้ ในทางตรง ข้าม เรื่องที่ไม่ใช่พื้นฐานหรือเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบเป็นเพียง ส่วนน้อยของคัมภีร์ นี่เป็นไปตามแผนการของคัมภีร์กุรอาน ส่วนความ สำ�คัญของรูปแบบเป็นเรื่องรอง สำ�หรับคัมภีร์กุรอาน แก่นธรรมคำ�สอน เหล่านี้เท่านั้นเป็นสิ่งสำ�คัญที่เป็นตัวกำ�หนดแนวทางหลัก เรื่องนี้ของ คัมภีร์กุรอานเป็นที่ชัดเจนจนผู้อ่านไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากต้อง ยอมรับ ความจริงก็คือว่าวิญญาณภายในเป็นสิ่งที่มีความสำ�คัญที่สุดในเรือน ร่างของบุคลิกภาพอิสลาม เมื่อวิญญาณภายในได้รับการพัฒนา รูปแบบ ที่ถูกต้องก็จะตามมาเองตามธรรมชาติ แต่รูปแบบโดยตัวมันเองแล้วไม่ อาจที่จะสร้างจิตวิญญาณภายใน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำ�ไมเป้าหมายของ คัมภีร์กุรอานคือการริเริ่มและก่อให้เกิดการปฏิวัติทางสติปัญญาภายใน

14

คำ�นำ�

ตัวมนุษย์ คำ�พูดที่คัมภีร์กุรอานใช้เพื่อการปฏิวัติทางสติปัญญานี้เองคือ มะอฺริฟะฮฺ(การรู้จักความจริง) (5:83) คัมภีร์กุรอานเน้นถึงความสำ�คัญของการค้นพบความจริงของมนุษย์ ในระดับที่เข้าใจได้ ความศรัทธาที่แท้จริงในพระเจ้าเป็นสิ่งที่ใครก็ สามารถบรรลุได้ในระดับนั้น ที่ไหนไม่มีความเข้าใจ ที่นั้นก็ไม่มีความ ศรัทธา

วจนะของพระเจ้า

เมื่อคุณอ่านคัมภีร์กุรอาน คุณจะพบแล้วพบอีกว่ามันเป็นวจนะของ พระเจ้า นี่เป็นความจริงง่ายๆที่เห็นได้ชัด แต่เมื่อมองเข้าไปที่เนื้อหา คุณจะพบว่ามันเป็นถ้อยคำ�ที่ไม่ธรรมดา มีหนังสือหลายเล่มในโลกที่ ถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เราไม่พบคัมภีร์ทางศาสนาใดที่บอกว่า ตัวเองเป็นวจนะของพระเจ้านอกไปจากคัมภีร์กุรอาน คำ�พูดเช่นนี้ซึ่ง ปรากฏเด่นเป็นเอกลักษณ์ในคัมภีร์กุรอานเป็นการบอกจุดออกเดินทาง ให้แก่ผู้อ่าน ดังนั้น เขาจึงศึกษามันในฐานะเป็นคัมภีร์สำ�คัญแทนที่จะ เป็นหนังสือทั่วไปที่มนุษย์เขียนขึ้น เราพบคำ�พูดครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มาก ก็น้อยในคัมภีร์กุรอานว่า “โอ้มนุษย์เอ๋ย พระเจ้าของสูเจ้าต่างหากที่พูด กับสูเจ้า จงฟังวจนะของพระองค์และปฏิบัติตามพระองค์” แม้ลีลาการ พูดเช่นนี้ก็เป็นคำ�พูดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร การเรียกร้องของพระเจ้า โดยตรงเช่นนี้ไม่มีอยู่ในคัมภีร์อื่นๆ มันทิ้งความประทับใจตลอดไปไว้บน ตัวมนุษย์ เขาจะรู้สึกว่าพระเจ้าของเขากำ�ลังพูดกับเขาโดยตรง ความ รู้สึกนี้ทำ�ให้มนุษย์ถือเอาคำ�ยืนยันของกุรอานเป็นเรื่องจริงจังมากกว่า การยึดถือถ้อยคำ�ในหนังสือปกติทั่วไป วิธีการรวบรวมคัมภีร์กุรอานก็ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน หนังสือที่เขียนโดยมนุษย์ปกติแล้วจะ

�����

15

มีการจัดเรียงลำ�ดับเนื้อหาจาก A ไปถึง Z ตามหัวข้อ แต่คัมภีร์กุรอานไม่ ได้เป็นไปตามแบบแผนเช่นนี้จนคนทั่วไปเห็นว่ามันไม่มีการเรียงลำ�ดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเข้าไปในความเป็นจริง มันจะเป็นคัมภีร์ที่มีความ เกี่ยวเนื่องกันอย่างยิ่งและเรียงลำ�ดับกันและค่อนข้างงามสง่าในลีลาของ การเขียน ในขณะที่อ่านกุรอาน เราจะรู้สึกว่าผู้เขียนมันอยู่บนฐานที่ สูงมากซึ่งจากที่นั่นพระองค์กำ�ลังมองลงมาและกำ�ลังพูดกับมนุษยชาติ ทั้งหมดซึ่งเป็นความอาทรโดยเฉพาะของพระองค์ การพูดนี้เน้นไปยัง มนุษย์กลุ่มต่างๆ แต่ก็รวมถึงมนุษย์ทั้งหมด ความพิ เ ศษอี ก อย่ า งหนึ่ ง ของกุ ร อานก็ คื อ ผู้ อ่ า นสามารถปรึ ก ษาผู้ เขียนมันในเวลาใดก็ได้ ตั้งคำ�ถามไปและรับคำ�ตอบ เพราะผู้เขียนคัมภีร์ กุรอานคือพระเจ้าเอง พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงมีชีวิต ในฐานะผู้สร้าง มนุษย์ พระองค์ทรงได้ยินและตอบคำ�เรียกร้องของมนุษย์โดยตรง

การต่อสู้ทางอุดมการณ์ที่สันติ

บรรดาผู้ที่ได้รับการแนะนำ�ให้รู้จักคัมภีร์กุรอานโดยผ่านทางสื่ออย่าง เดียวโดยทั่วไปแล้วจะมีความฝังใจว่าคัมภีร์กุรอานเป็นตำ�ราแห่งการญิ ฮาด และสำ�หรับพวกเขาแล้วญิฮาดคือความพยายามที่จะบรรลุถึงเป้า หมายของตนเองโดยอาศัยความรุนแรง แต่ความคิดเช่นนี้มาจากความ เข้าใจผิด ใครที่อ่านคัมภีร์กุรอานด้วยตัวเองจะเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่า สาสน์ของคัมภีร์กุรอานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความรุนแรงเลย คัมภีร์กุ รอานตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเป็นคัมภีร์ที่ประกาศสันติภาพและไม่สนับสนุน การใช้ความรุนแรง เป็นเรื่องจริงที่ญิฮาดเป็นหนึ่งในคำ�สอนของคัมภีร์กุ รอาน แต่ญิฮาดในความหมายที่ถูกต้องแล้วคือชื่อของการต่อสู้ด้วยความ สันติมากกว่าการใช้ความรุนแรงใดๆ แนวความคิดเรื่องการญิฮาดของ

16

คำ�นำ�

คัมภีร์กุรอานถูกกล่าวไว้ในโองการต่อไปนี้ “จงทำ�ญิฮาดที่ใหญ่กว่า(กล่าว คือต่อสู้อย่างจริงจัง)ด้วยการช่วยเหลือของสิ่งนี้(กุรอาน)” (25:2) เห็นได้ชัดว่าคัมภีร์กุรอานมิใช่อาวุธ แต่เป็นคัมภีร์ที่แนะนำ�เราไปสู่ อุดมการณ์แห่งการต่อสู้อย่างสันติของพระเจ้า วิธีการต่อสู้เช่นนั้นตาม คัมภีร์กุรอานก็คือ “การพูดกับพวกเขาด้วยถ้อยคำ�ที่ไปถึงวิญญาณของ พวกเขา” (4:63) ดังนั้น วิธีการที่ต้องการตามคัมภีร์กุรอานก็คือวิธีการที่ท�ำ ให้หัวใจและ ความคิดของมนุษย์ต้องสั่นไหว นั่นคือ ในการพูดกับความคิดจิตใจของ ผู้คน คัมภีร์กุรอานทำ�ให้พวกเขาพอใจ ทำ�ให้พวกเขาเชื่อมั่นในความจริง ของคัมภีร์กุรอาน กล่าวโดยสั้นๆ คัมภีร์กุรอานได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติ ทางสติปัญญาภายในพวกเขา นี่คือภารกิจของคัมภีร์กุรอาน และภารกิจ นี้สามารถทำ�ได้โดยการโต้ตอบที่มีเหตุผล เป้าหมายนี้ไม่มีทางที่จะบรรลุ ได้โดยการใช้ความรุนแรงหรือการใช้อาวุธ เป็นเรื่องจริงที่บางโองการของคัมภีร์กุรอานมีค�ำ สั่งว่า “จงฆ่าพวกเขา ที่ใดก็ตามที่สูเจ้าพบพวกเขา” (2:191) โดยการยกข้อความดังกล่าวขึ้นมาอ้าง มีบางคนที่พยามยามจะสร้าง ความฝังใจว่าอิสลามเป็นศาสนาแห่งสงครามและความรุนแรง นี่เป็นสิ่ง ที่ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ข้อความเช่นนั้นพูดถึงบรรดาผู้โจมตีมุสลิมฝ่าย เดียวในความหมายที่จ�ำ กัด ข้อความนี้มิได้สื่อถึงคำ�สั่งโดยทั่วไปของ อิสลาม ความจริงของเรื่องก็คือคัมภีร์กุรอานไม่ได้ถูกประทานมาในรูปเล่มที่ สมบูรณ์ในคราวเดียวอย่างที่เป็นในปัจจุบัน มันถูกประทานมาทีละคราว ตามสถานการณ์ต่างๆตลอดช่วงระยะเวลา 23 ปี ถ้าช่วงเวลานี้ถูกแบ่ง ออกเป็นปีแห่งสงครามและสันติภาพ ช่วงเวลาแห่งความสันติมีจ�ำ นวนถึง

�����

17

20 ปีในขณะที่ช่วงเวลาแห่งสงครามมีเพียง 3 ปีเท่านั้น ข้อความกุรอา นที่ถูกประทานมาในช่วงเวลาแห่งความสงบ 20 ปีนี้เป็นคำ�สอนที่เป็น สันติภาพของอิสลามเพราะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับการรู้จักพระเจ้า การ ปฏิบัติศาสนกิจ ศีลธรรมและความยุติธรรม เป็นต้น การแบ่งคำ�สั่งออกเป็นประเภทต่างๆเป็นเรื่องธรรมดาและพบได้ใน คัมภีร์ทางศาสนาทั้งหมด ตัวอย่างเช่น คีตา คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู เกี่ยวกับปัญญาและคุณค่าทางศีลธรรม แต่พร้อมกันนี้ก็มีการคะยั้นคะยอ ของกฤษณะที่มีต่ออรชุนให้เขาต่อสู้ (ภควัตคีตา, 3:30) นี่ไม่ได้ หมายความว่าผู้ศรัทธาในคัมภีร์คีตาต้องทำ�สงครามตลอดเวลา ที่ส�ำ คัญ มหาตมะ คานธีได้ปรัชญาอหิงสาของเขาจากคัมภีร์คีตาเล่มเดียวกันนี้ การคะยั้นคะยอให้ทำ�สงครามในคัมภีร์คีตาหมายถึงแต่เฉพาะกรณีที่ไม่มี ทางเลือก แต่สำ�หรับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มันให้ค�ำ สั่งทางสันติภาพเช่น เดียวกับมหาตมะ คานธีได้มา ในทำ�นองเดียวกัน พระเยซูคริสต์ได้กล่าวว่า “อย่าคิดว่าฉันมาเพื่อนำ� สันติภาพสู่โลก ฉันมิได้มาเพื่อนำ�สันติภาพ แต่เป็นดาบ” (มัทธิว 10:34) มันจึงไม่ถูกต้องที่จะสรุปว่าศาสนาที่เผยแพร่สั่งสอนโดยพระคริสต์ เป็นศาสนาแห่งสงครามและความรุนแรง เพราะคำ�พูดเช่นนั้นเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์บางอย่างเป็นการเฉพาะ ในเรื่องของชีวิตโดยทั่วไป พระ เยซูคริสต์สอนคุณค่าแห่งสันติภาพ เช่นการสร้างอุปนิสัยที่ดี การรักกัน และกัน การช่วยเหลือคนยากจนและคนขัดสน เป็นต้น เช่นเดียวกับคัมภีร์กุรอาน เมื่อนีมุฮัมมัดอพยพจากมักก๊ะฮฺไปยังมะดี นะฮฺ เผ่าต่างๆที่เคารพบูชารูปปั้นได้แสดงความก้าวร้าวต่อท่าน แต่ท่าน นบีมักจะหลีกหนีการโจมตีของคนกลุ่มนี้โดยการใช้ความอดทนและการ หลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ไม่มีทางเลือกนอกจากการ

18

คำ�นำ�

ป้องกันตัว ดังนั้น ท่านจึงต้องทำ�การต่อสู้ในบางโอกาส สถานการณ์เหล่า นี้เองที่ท�ำ ให้ข้อความเกี่ยวกับสงครามถูกประทานมา คำ�บัญชาเหล่านี้ มีไว้สำ�หรับบางสถานการณ์ มิได้เป็นคำ�สั่งใช้โดยทั่วไป นั่นคือเหตุผล ที่ว่าทำ�สถานะอันถาวรของท่านนบีจึงถูกใช้ค�ำ ว่า “ความเมตตาสำ�หรับ มนุษยชาติทั้งมวล” (21:107) อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพในความหมายที่ครบถ้วนที่สุดของคำ� นี้ คัมภีร์กุรอานเรียกหนทางของตนว่า “หนทางแห่งสันติภาพ” (5:16) มันพูดถึงการประนีประนอมว่าเป็นนโยบายที่ดีที่สุด (4:128) และกล่าว ว่าพระเจ้ารังเกียจการบ่อนทำ�ลายสันติภาพ (2:205) เราสามารถกล่าว ได้ว่ามันไม่เป็นการเกินไปที่จะกล่าวว่าอิสลามเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความ รุนแรง

คัมภีร์ที่ถูกประทานมา

คัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์ของพระเจ้าที่ถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัด มัน ไม่ได้ถูกประทานมายังท่านในรูปของคัมภีร์ที่สมบูรณ์ แต่ถูกประทาน มาเป็นตอนๆตลอดระยะเวลา 23 ปี ตอนแรกถูกประทานมาใน ค.ศ.610 เมื่อนบีมุฮัมมัดอยู่ในมักก๊ะฮฺ หลังจากนั้น ส่วนต่างๆได้ถูกประทานมา อย่างต่อเนื่อง ตอนสุดท้ายถูกประทานมาใน ค.ศ.632 เมื่อท่านนบีอยู่ใน มะดีนะฮฺ ในคัมภีร์กุรอานมี 114 บททั้งสั้นและยาว ประกอบด้วย 6600 วรรค (หรือที่เรียกว่าอายะฮฺ) และถูกแบ่งออกเป็น 30 ภาคเพื่อตอบสนองความ ต้องการของการอ่าน ตอนต่างๆเหล่านี้ถูกจัดเรียงภายใต้การแนะนำ�ของ ทูตสวรรค์ญิบรีลที่เป็นผู้น�ำ คัมภีร์กุรอานมาจากพระเจ้า เมื่อคัมภีร์กุรอานถูกประทานมาในช่วงแรกของศตวรรษที่ 7 มีการ

�����

19

ประดิษฐ์กระดาษขึ้นมาแล้ว กระดาษนี้ถูกเรียกว่าปาปีรัส เป็นกระดาษ ที่ท�ำ ด้วยมือจากเส้นใยของต้นไม้บางชนิด เมื่อส่วนใดของกุรอานถูก ประทานมา มันจะถูกเขียนไว้บนปาปีรัสหรือในภาษาอาหรับเรียกว่า “กิรตัส” (6:7) ในช่วงของการบันทึกนี้ ผู้คนได้จดจำ�ไว้ด้วย คัมภีร์กุรอาน เป็นวรรณกรรมอิสลามเล่มเดียวที่ถูกอ่านในการนมาซเช่นเดียวกับการ อ่านเพื่อวัตถุประสงค์ของการเชิญชวน(ดะอฺวะฮฺ) ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์กุ รอานจึงยังคงถูกจดจำ�ทันทีพร้อมกับการบันทึก วิธีการเก็บรักษาเช่น นี้ยังคงดำ�เนินต่อมาในขณะที่นบีมุฮัมมัดยังมีชีวิต ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์กุ รอานจึงถูกรักษาไว้ในระหว่างสมัยของนบีมุฮัมมัด หลังจากนั้น อุษมาน อิบนุอัฟฟาน เคาะลีฟะฮฺคนที่สามได้สั่งให้มี การคัดสำ�เนาเป็นหลายฉบับและส่งฉบับสำ�เนาเหล่านี้ไปยังเมืองต่างๆ สำ�เนาเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในมัสญิดหลวง ผู้คนไม่เพียงแต่อ่านจากสำ�เนา เหล่านี้เท่านั้น แต่ยังได้คัดลอกจากสำ�เนาต้นฉบับไปด้วย การเขียนคัมภีร์กุรอานโดยมือยังคงทำ�กันต่อไปจนกระทั่งมีการตั้ง โรงพิมพ์และกระดาษเริ่มถูกผลิตออกมาเป็นจำ�นวนมากจากการปฏิวัติ อุตสาหกรรม ดังนั้น คัมภีร์กุรอานจึงเริ่มถูกพิมพ์ เมื่อวิธีการพิมพ์ ก้าวหน้า การพิมพ์กุรอานก็ก้าวหน้าไปด้วย ตอนนี้ สำ�เนาฉบับพิมพ์ ของกุรอานมีอยู่ทั่วไปจนสามารถหาได้ในทุกบ้าน มัสญิด ห้องสมุดและ ร้านหนังสือ ทุกวันนี้ ใครก็สามารถหาสำ�เนากุรอานที่สวยงามได้ไม่ว่าจะ อยู่ในส่วนไหนของโลก

จะอ่านกุรอานอย่างไร?

กุรอานกล่าวว่า “จงอ่านกุรอานอย่างช้าๆและชัดถ้อยชัดคำ�” (73:4) นี่หมายความว่าจงอ่านกุรอานช้าๆและด้วยน้ำ�เสียงที่ไพเราะเป็นจังหวะ

20

คำ�นำ�

นั่นคืออ่านด้วยความตั้งใจที่จะได้รับสิ่งที่อยู่ในนั้น เมื่ออ่านเช่นนี้ กระบวนการสื่อสารกันระหว่างกุรอานกับผู้อ่านก็จะเริ่มขึ้น สำ�หรับผู้อ่าน คัมภีร์กุรอานคือการพูดโดยพระเจ้าและหัวใจของเขาเริ่มตอบการพูดนี้ ในทุกข้อความ ในคัมภีร์กุรอาน ตรงไหนที่มีการเอ่ยถึงความยิ่งใหญ่ของ พระเจ้า ตัวตนทั้งหมดของผู้อ่านจะได้รับผลอย่างแรงจากการรู้ถึงความ ยิ่งใหญ่ของพระองค์ เมื่อความจำ�เริญของพระเจ้าถูกแจกแจงในคัมภีร์กุ รอาน หัวใจของผู้อ่านจะเปี่ยมล้นไปด้วยความกตัญญูรู้คุณ เมื่อมีการ สาธยายถึงการลงโทษในกุรอาน ผู้อ่านจะตัวสั่นเมื่ออ่านมัน เมื่อมีการ ออกคำ�สั่งในคัมภีร์กุรอาน ผู้อ่านจะมีความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าเขาต้อง เป็นบ่าวผู้เชื่อฟังของพระผู้อภิบาลของเขาโดยการทำ�ตามคำ�สั่งนั้น วาฮิดุดดีน คาน, นิวเดลฮี, มกราคม 2009 [email protected]

21

1. การเปิด

อัล-ฟาติฮะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 2 บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากล จักรวาล 3 ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 4 พระผู้อภิบาลแห่งวัน ตัดสินตัดตอบแทน 5 เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราเคารพสักการะและ เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ 6 โปรดนำ�เราสู่ทางที่เที่ยง ตรง 7 ทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ประทานความโปรดปรานแก่พวกเขา มิใช่ทางของผู้ที่พระองค์ทรงกริ้ว และมิใช่ทางของผู้ที่หลงผิด 1

2. วัวตัวเมีย

อัล-บะกอเราะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม มีม 2 นี่คือคัมภีร์ที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยใด เป็นทางนำ�สำ�หรับผู้ยำ�เกรง พระเจ้า 3 ผู้ศรัทธาในสิ่งเร้นลับและพวกเขาดำ�รงนมาซและใช้จ่ายจาก สิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา 4 ผู้ศรัทธาในคัมภีร์ที่เราได้ส่งมาให้แก่เจ้า และในคัมภีร์ที่เราได้ส่งมาก่อนหน้าเจ้าและเชื่อมั่นในโลกหน้า 5 คนเหล่า นี้คือผู้ปฏิบัติตามพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ที่ ประสบความสำ�เร็จ 6 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น มันไม่มีอะไรแตกต่างกันสำ�หรับ พวกเขา ไม่ว่าเจ้าจะตักเตือนพวกเขาหรือไม่ก็ตาม พวกเขาจะไม่ศรัทธา 7 พระเจ้าทรงปิดผนึกหัวใจของพวกเขาและหูของพวกเขา และบนดวงตา

22

2. วัวตัวเมีย

ของพวกเขาก็มีสิ่งปกปิดอยู่ สำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอันน่าสะพรึง กลัว 8 มีบางคนกล่าวว่า “เราศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้าย” แต่พวก เขาไม่ได้เป็นผู้ศรัทธา 9 พวกเขาพยายามที่จะหลอกลวงพระเจ้าและ บรรดาผู้ศรัทธา แต่พวกเขาไม่ได้หลอกลวงใครนอกจากพวกเขาเอง และ พวกเขาไม่ตระหนัก 10 ในหัวใจของพวกเขานั้นมีโรค ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ เพิ่มโรคนั้นให้มากขึ้น และการลงโทษอันเจ็บปวดจะมีไว้ส�ำ หรับพวกเขา เพราะการที่พวกเขาโกหก 11 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาถูกบอกว่า “จงอย่า สร้างความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน” พวกเขาจะตอบว่า “แท้จริง เราเป็นผู้ ส่งเสริมสันติภาพ” 12 แต่พวกเขานั่นแหละที่เป็นผู้ก่อความเสียหายโดย พวกเขาไม่ได้ตระหนัก 13 และเมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “จงศรัทธาเหมือน กับที่ผู้คนทั้งหลายศรัทธา” พวกเขากล่าวว่าจะให้เราศรัทธาเหมือนกับผู้ ที่โง่เขลาศรัทธากระนั้นหรือ ?” แน่นอน พวกเขาเองนั่นแหละที่โง่เขลา แต่พวกเขาหารู้ไม่ 14 เมื่อพวกเขาได้พบบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขากล่าว ว่า “เราก็เป็นผู้ศรัทธา” แต่เมื่อพวกเขาอยู่ตามลำ�พังกับบรรดาหัวโจก ของพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “แท้จริง เราอยู่กับพวกท่าน เราเพียง แต่จะเยาะเย้ยคนพวกนี้เท่านั้น” 15 พระเจ้าจะตอบแทนการเยาะเย้ยของ พวกเขา และปล่อยให้พวกเขาดื้อดึงต่อไปในความระเหระหนอย่างมืด บอด 16 เหล่านี้คือคนที่แลกเปลี่ยนความหลงผิดกับทางนำ� แต่นี่เป็นการ ค้าที่ไม่ก่อกำ�ไร และพวกเขาก็ไม่พบทางนำ�ที่ถูกต้อง 17 สภาพของพวกเขาเหมือนกับบรรดาผู้จุดไฟขึ้น และเมื่อมันส่อง สว่างรอบๆพวกเขา พระเจ้าได้เอาแสงสว่างนั้นออกไปจากตาของพวก เขาและปล่อยพวกเขาไว้ในความมืดทึบที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่ง ใด 18 พวกเขาหูหนวก เป็นใบ้ ตาบอด ดังนั้น พวกเขาจะไม่กลับมา (ยัง หนทางที่ถูกต้อง) 19 หรือพวกเขาอาจเหมือนดั่งฝนหนักที่ก�ำ ลังตกลงมา จากฟากฟ้าท่ามกลางความมืดทึบและมีเสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบ พวกเขา

อัล-บะกอเราะฮฺ

23

ก็เอานิ้วมืออุดหูของพวกเขาให้พ้นจากเสียงฟ้าผ่าเพราะหวาดกลัวความ ตาย ดังนั้น พระเจ้านั้นทรงล้อมผู้ปฏิเสธสัจธรรมไว้ทุกด้าน 20 สายฟ้า แลบทำ�ให้พวกเขาแทบจะไม่เห็นอะไร เมื่อใดที่พวกเขาเห็นแสง พวกเขา ก็เดินหน้าไป แต่เมื่อความมืดทึบเกิดขึ้นอีก พวกเขาก็หยุดยืน และถ้า พระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงขจัดการได้ยินและการเห็นของพวก เขา แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 21 มนุษย์เอ๋ย จงเคารพสักการะพระผู้อภิบาลของสูเจ้าผู้ทรงบังเกิด สูเจ้าและบรรดาผู้คนก่อนหน้าสูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้สำ�รวมตนจากความชั่ว 22 ผู้ทรงทำ�แผ่นดินให้เป็นพื้นลาดสำ�หรับสูเจ้าและทรงทำ�ชั้นฟ้าให้เป็น หลังคา และทรงส่งน้ำ�ลงมาจากฟากฟ้าเพื่อให้ผลไม้ต่างๆงอกเงยออกมา เป็นปัจจัยยังชีพสำ�หรับสูเจ้า ดังนั้น เมื่อสูเจ้ารู้ดีอยู่แล้ว จงอย่าตั้งสิ่งใด เทียบเคียงกับพระเจ้า 23 และถ้าหากสูเจ้ายังคงคลางแคลงสงสัยในสิ่งที่ เราได้ประทานมายังบ่าวของเรา ดังนั้น จงแต่งขึ้นมาสักบทหนึ่งที่เหมือน กับสิ่งนี้ และเรียกพวกพ้องของสูเจ้านอกไปจากพระเจ้ามาช่วยสูเจ้าก็ได้ ถ้าหากสูเจ้าแน่จริง 24 แต่หากสูเจ้าทำ�ไม่ได้ และสูเจ้าไม่มีทางทำ�ได้ ดังนั้น จงระวังไฟที่ถูกเตรียมไว้ส�ำ หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมซึ่งจะมี มนุษย์และหินเป็นเชื้อเพลิง 25 (มุฮัมมัด) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา และกระทำ�ความดีทั้งหลายว่า สำ�หรับพวกเขาคือสวนสวรรค์หลากหลาย ที่เบื้องล่างมีลำ�น้�ำ หลายสายไหลผ่าน คราวใดที่พวกเขาได้รับผลไม้จาก ที่นั่นเป็นปัจจัยยังชีพ พวกเขาจะกล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่ เรามาก่อน” เพราะพวกเขาได้รับสิ่งเดียวกันนั้น และจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์ สำ�หรับพวกเขาในนั้น และพวกเขาทั้งหลายจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป 26 แท้จริง พระเจ้าไม่ล�ำ บากใจที่จะยกอุทธาหรณ์ใดๆขึ้นมาเปรียบ เทียบแม้จะเป็นริ้นสักตัวหนึ่งหรือบางสิ่งที่เล็กกว่านั้น สำ�หรับบรรดาผู้ ศรัทธา พวกเขารู้ว่ามันเป็นสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา แต่ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวว่า “พระเจ้าหมายความว่าอย่างไรโดยคำ�

24

2. วัวตัวเมีย

เปรียบเทียบนี้ ?” พระเจ้าทรงปล่อยให้หลายคนหลงทางและทรงนำ�ทาง หลายคนสู่หนทางที่ถูกต้องโดยสิ่งเดียวกันนี้ แต่พระองค์ทรงทำ�ให้ผู้ ฝ่าฝืนเท่านั้นหลงทาง 27 ผู้ท�ำ ลายสัญญาของพระเจ้าหลังจากที่สัญญาไว้ กับพระองค์แล้ว และผู้ตัดขาดสิ่งที่พระเจ้าได้บัญชาให้สัมพันธ์และแพร่ ความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน พวกเขาเหล่านี้เองคือบรรดาผู้ขาดทุน 28 สูเจ้าปฏิเสธพระเจ้าได้อย่างไรในเมื่อความจริงแล้วสูเจ้าตาย(ไม่มี ชีวิต)มาก่อน แล้วพระองค์ได้ทรงให้ชีวิตแก่สูเจ้า? หลังจากนั้น พระองค์ ทรงทำ�ให้สูเจ้าตาย แล้วทรงทำ�ให้สูเจ้ามีชีวิตอีก แล้วสูเจ้าจะถูกนำ�กลับ ไปยังพระองค์ 29 พระองค์คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่งที่อยู่บนโลกเพื่อสูเจ้า แล้วพระองค์ได้ทรงหันไปยังท้องฟ้าและทรงจัดลำ�ดับมันเป็นเจ็ดชั้นฟ้า พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง 30 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้กล่าวกับบรรดาทูต สวรรค์ว่า “ฉันจะแต่งตั้งผู้สืบทอดคนหนึ่งขึ้นบนหน้าแผ่นดิน” บรรดาทูต สวรรค์ได้ทูลว่า “พระองค์จะทรงตั้งผู้ก่อความเสียหายและหลั่งเลือดกัน ในแผ่นดินกระนั้นหรือทั้งๆที่เรากล่าวสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์และ เทิดทูนความบริสุทธิ์ของพระองค์อยู่ตลอดเวลา” พระองค์ทรงตอบว่า “แท้จริง ฉันรู้ในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้” 31 แล้วพระองค์ได้ทรงสอนอาดัมถึงนามของทุกสรรพสิ่ง หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงนำ�มันมาเสนอต่อมลาอิก๊ะฮฺและถามว่า “จงบอกฉันซึ่ง ชื่อของสิ่งเหล่านี้ถ้าสิ่งสูเจ้าพูดเป็นความจริง” 32 บรรดาทูตสวรรค์ตอบ ว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ เราไม่มีความรู้อันใดนอกจากที่พระองค์ ได้ทรงสอนเรา แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ” 33 ดัง นั้น พระองค์จึงกล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย จงบอกนามของสิ่งเหล่านี้แก่พวกเขา” เมื่ออาดัมได้บอกพวกเขาถึงนามของสิ่งเหล่านั้นแล้ว พระองค์ได้ทรง ประกาศว่า “ฉันมิได้บอกสูเจ้าหรือว่าฉันรู้ดียิ่งถึงสิ่งเร้นลับแห่งชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน และฉันรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผยและที่สูเจ้าปิดบัง?”

อัล-บะกอเราะฮฺ

25

เมื่อเราได้กล่าวแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า “จงก้มกราบต่ออาดัม” ทูต สวรรค์ทั้งหมดจึงได้ก้มกราบ นอกจากอิบลีส(ซาตาน) มันยโสโอหังและ เป็นผู้ปฏิเสธ 35 เราได้กล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย เจ้าและคู่ครองของเจ้าจง พำ�นักอยู่ในสวนสวรรค์และจงกินตามความพอใจของเจ้าทั้งสองจากสิ่งที่ มีอยู่ในนั้น แต่จงอย่าเข้าใกล้ต้นไม้นี้ มิเช่นนั้น เจ้าทั้งสองจะกลายเป็นผู้ ทำ�ความผิด” 36 แต่ต่อมา ซาตานได้หลอกลวงทั้งสองด้วยต้นไม้นั้น และ ได้น�ำ เขาทั้งสองออกจากสภาพที่เคยอยู่ เราได้กล่าวว่า “เจ้าทั้งสองจง ออกไปจากที่นี่ เจ้าต่างเป็นศัตรูกัน เจ้าจะมีที่พักและปัจจัยยังชีพบนโลก ชั่วระยะเวลาหนึ่ง” 37 ในเวลานั้น อาดัมได้เรียนถ้อยคำ�บางอย่าง(ในการ วิงวอน)จากพระผู้อภิบาลของเขา ดังนั้น พระองค์จึงรับการสำ�นึกผิดของ เขา แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงนิรโทษโดยปรานีและผู้ทรงเมตตาเสมอ 38 เราได้กล่าวว่า “เจ้าทั้งหมดจงออกไปจากที่นี่ และถ้ามีทางนำ�จากฉัน มายังเจ้า ผู้ใดปฏิบัติตามทางนำ�ของฉัน พวกเขาก็จะไม่มีความหวาด กลัวและพวกเขาจะไม่ระทม 39 และผู้ใดที่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของ เรา พวกเขาคือสหายของไฟที่พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป” 40 โอ้ ลูกหลานอิสรออีล จงนึกถึงความโปรดปรานที่ฉันได้ประทาน แก่สูเจ้า และจงปฏิบัติตามสัญญาที่สูเจ้าทำ�ไว้กับฉันให้ครบ ส่วนฉัน จะปฏิบัติตามสัญญาของฉันที่ท�ำ กับสูเจ้าโดยครบด้วย และเฉพาะฉัน เท่านั้นที่สูเจ้าต้องเกรงกลัว 41 และจงศรัทธาในสาสน์ที่ฉันได้ส่งมาซึ่งจะ ทำ�ให้สิ่งที่สูเจ้ามีอยู่ (การบอกล่วงหน้าถึงการมาของนบีคนสุดท้ายใน คัมภีร์ของพวกเขา) เป็นจริงไปตามนั้น และจงอย่าเป็นคนแรกที่ปฏิเสธ ความจริงของมัน จงอย่าขายสิ่งที่ฉันประทานมาด้วยราคาเพียงเล็กน้อย และเฉพาะฉันเท่านั้นที่สูเจ้าต้องเกรงกลัว 42 จงอย่าเอาความจริงไปปน กับความเท็จหรือปิดบังความจริงทั้งๆที่เจ้ารู้อยู่ 43 และจงดำ�รงนมาซและ จ่ายซะกาต (ทานที่ถูกกำ�หนดไว้) และจงโค้งคำ�นับต่อฉันร่วมกับบรรดา ผู้ที่โค้งคำ�นับ 44 สูเจ้ากำ�ชับคนอื่นให้ปฏิบัติตามคุณธรรม แต่สูเจ้ากลับ 34

26

2. วัวตัวเมีย

ลืมตัวเองกระนั้นหรือทั้งๆที่สูเจ้าอ่านคัมภีร์? แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีก หรือ? 45 และจงขอความช่วยเหลือด้วยความอดทนและนมาซ แน่นอน การนมาซนั้นเป็นงานหนัก แต่ไม่ใช่ส�ำ หรับบรรดาผู้ถ่อมตน 46 ผู้ที่ ตระหนักว่าในที่สุด พวกเขาจะได้พบกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา และ พวกเขาจะกลับไปยังพระองค์ 47 ลูกหลานอิสรออีลเอ๋ย จงนึกถึงความโปรดปรานของฉันที่มีต่อ สูเจ้า และจงจำ�ไว้ว่าฉันได้ยกย่องสูเจ้าเหนือประชาชาติทั้งหลาย 48 จง ปกป้องตัวสูเจ้าเองให้รอดจากวันที่ไม่มีชีวิตใดสามารถช่วยอีกชีวิตหนึ่ง ได้ และการขอไถ่แทนจากใครก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ และจะไม่มีใครถูก ไถ่แทน และคนผิดจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครด้วย 49 จงนึกถึง เมื่อตอนที่เราได้ช่วยสูเจ้าให้รอดพ้นจากการเป็นทาสของพวกฟาโรห์ผู้ กดขี่สูเจ้าด้วยการทรมานอันแสนสาหัส พวกเขาฆ่าลูกชายของสูเจ้าและ ไว้ชีวิตลูกสาวของสูเจ้า และในนี้คือการทดสอบอันใหญ่หลวงสำ�หรับ สูเจ้าจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า 50 และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้แยกน้�ำ ทะเลเพื่อนำ�ทางให้สูเจ้าและให้พวกสูเจ้าผ่านทางนั้นไปได้โดยปลอดภัย และเราได้ ทำ � ให้ บ ริ ว ารของฟาโรห์ จ มน้ำ � ไปต่ อ หน้ า ต่ อ ตาของสู เ จ้ า 51 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้นัดมูซา(โมเสส)เป็นเวลาสี่สิบคืน(บนภูเขาซี นาย) และหลังจากที่มูซาไม่อยู่ สูเจ้าก็ได้เอาลูกวัวขึ้นบูชา ดังนั้น สูเจ้า จึงเป็นผู้ละเมิด 52 แต่ถึงกระนั้น เราได้ยกโทษให้สูเจ้าหลังจากนั้นเพื่อ ที่ว่าสูเจ้าจะได้ขอบคุณ 53 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ประทานคัมภีร์และ เกณฑ์ตัดสิน(เพื่อแยกสิ่งถูกออกจากสิ่งผิด)แก่มูซาเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้อยู่ ในทางนำ� 54 จงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซากล่าวแก่ผู้คนของเขาว่า “โอ้ผู้คน ของฉัน แท้จริง พวกท่านได้กระทำ�ผิดต่อตัวของพวกท่านเองโดยการ เคารพสักการะลูกวัว ดังนั้น พวกท่านจงหันไปยังพระผู้ทรงบังเกิดพวก ท่านเพื่อขออภัยโทษและจงฆ่าผู้กระทำ�ผิดในหมู่พวกท่าน นี่เป็นการ ดีที่สุดสำ�หรับพวกท่านในสายตาของพระผู้ทรงบังเกิดพวกท่าน” แล้ว

อัล-บะกอเราะฮฺ

27

พระองค์ได้ทรงนิรโทษสูเจ้า เพราะพระองค์คือผู้ทรงนิรโทษโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 55 จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้าได้กล่าวว่า “มูซาเอ๋ย เรา จะไม่เชื่อท่านจนกว่าเราจะได้เห็นพระเจ้าด้วยตาของเราเอง” ทันใดนั้น สายฟ้าก็ได้ฟาดลงมายังพวกสูเจ้าในขณะที่สูเจ้ากำ�ลังมองอยู่จนสูเจ้าล้ม สิ้นชีวิตไป 56 หลังจากนั้น เราได้ให้สูเจ้าฟื้นขึ้นจากความตายเพื่อที่สูเจ้า จะได้ขอบคุณ 57 หลังจากนั้น เราได้ให้เมฆมาบังสูเจ้าและเราได้ประทาน “มันนะ” และนกคุ่มเป็นอาหารสำ�หรับสูเจ้าและกล่าวว่า “จงกินจากสิ่งดีๆ ที่เราได้ประทานแก่สูเจ้า” แท้จริง พวกเขามิได้อธรรมต่อเรา หากแต่พวก เขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง 58 จงนึกถึงเมื่อเราได้กล่าวว่า “จงเข้าไปในแผ่นดินนี้และกินตามความ พอใจที่ไหนก็ได้ที่สูเจ้าประสงค์ จงเข้าไปทางประตูต่างๆโดยโค้งเข้าไป และกล่าวว่า ‘โอ้พระเจ้า โปรดให้อภัยบาปของเรา’ เราจะให้อภัยบาป ของสูเจ้าและเราจะประทานความอุดมสมบูรณ์แก่ผู้ทำ�ความดี” 59 แต่ บรรดาผู้ทำ�ความผิดได้เปลี่ยนถ้อยคำ�ที่ถูกกล่าวแก่เขาให้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น เราจึงส่งการลงโทษจากเบื้องบนมายังบรรดาผู้ล่วงละเมิดเพราะ การที่พวกเขาฝ่าฝืน 60 จงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาขอน้�ำ ดื่มเพื่อผู้คนของ เขา เราได้กล่าวกับว่า “จงเอาไม้เท้าของเจ้าฟาดหินก้อนนั้น” ซึ่งทำ�ให้มี ตาน้�ำ สิบสองตาพุ่งออกมาจากหินก้อนนั้น ดังนั้น ผู้คนจากทุกเผ่าจึงได้ รู้ถึงแหล่งน้�ำ ดื่มของพวกเขา (เราได้กล่าวว่า) “จงกินและจงดื่มจากสิ่งที่ พระเจ้าประทานมา และจงอย่าเป็นผู้ก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน อีก” 61 และจงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้ากล่าวว่า “มูซาเอ๋ย เราไม่สามารถทน ต่ออาหารอย่างเดียวได้ ดังนั้น จงร้องขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้น�ำ ผลผลิตที่งอกเงยออกจากพื้นดิน คือ ผัก แตงกวา กระเทียม ถั่วและหัว หอมมาให้แก่เราหน่อย” มูซาได้กล่าวตอบว่า “พวกท่านต้องการเปลี่ยน เอาสิ่งที่เลวกว่าแทนสิ่งที่ดีกว่ากระนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้น จงไปอยู่ในเมือง และพวกท่านจะได้สิ่งที่พวกท่านต้องการที่นั่น” หลังจากนั้น พวกเขาต้อง

28

2. วัวตัวเมีย

ตกต่ำ�จนถูกความอัปยศและความขัดสนฟาดกระหน่ำ�และได้รับความ กริ้วจากพระเจ้า เพราะพวกเขาปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ และพวกเขาฆ่านบีบางคนโดยไม่เป็นธรรม นั่นเพราะพวกเขาดื้อดึงและ ล่วงละเมิด 62 บรรดาผู้ศรัทธา ชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวซอบิอีนที่เชื่อใน พระเจ้าและในวันสุดท้ายและกระทำ�ความดี พวกเขาจะได้รับรางวัล ตอบแทนที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีความกลัว และพวก เขาจะไม่ระทม 63 (ลูกหลานอิสราเอล) จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำ�สัญญากับสูเจ้า และเราได้ยกภูเขาขึ้นเหนือสูเจ้า และกล่าวว่า “จงยึดมั่นในสิ่งที่เราได้ ประทานแก่สูเจ้า และจงนึกถึงหลักธรรมที่อยู่ในนั้นเพื่อที่สูเจ้าจะได้ ปกป้องตัวสูเจ้าเอง(จากความชั่ว)” 64 แต่หลังจากนั้น สูเจ้าได้ละทิ้ง สัญญา หากมิใช่ความโปรดปรานและความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อ สูเจ้าแล้ว สูเจ้าจะต้องอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน 65 สูเจ้ารู้ดีถึง เรื่องราวของผู้คนในหมู่สูเจ้าที่ละเมิดเรื่องสับบะโต เราได้กล่าวแก่พวก เขาเหล่านั้นว่า “จงเป็นลิงที่ถูกรังเกียจ” 66 ดังนั้น เราได้ทำ�ให้จุดจบของ พวกเขาเป็นการเตือนแก่บรรดาผู้คนในเวลานั้นและแก่คนรุ่นหลัง และ เป็นข้อตักเตือนสำ�หรับผู้เกรงกลัวพระเจ้า 67 และจงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “แท้จริง พระเจ้าได้ทรงบัญชาพวกท่านให้เชือดวัวตัวหนึ่ง” พวกเขาตอบว่า “ท่าน กำ�ลังล้อเล่นกับเราใช่ไหม ?” เขาตอบว่า “ฉันขอต่อพระเจ้าอย่าให้ฉันเป็น ผู้โง่เขลาเช่นนั้นเลย” 68 พวกเขากล่าวว่า “จงขอพระผู้อภิบาลของท่านให้ บอกรายละเอียดชัดเจนด้วยว่าวัวตัวเมียนั้นเป็นวัวประเภทใด” มูซาตอบ ว่า “พระองค์ตรัสว่าเป็นวัวตัวเมียที่ไม่แก่และไม่อ่อน แต่เป็นวัววัยปาน กลาง ดังนั้น จงทำ�ตามที่ท่านถูกบัญชาเถิด” 69 พวกเขากล่าวต่อไปอีกว่า “จงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้บอกถึงสีของวัวให้เป็นที่กระจ่างแก่เรา

อัล-บะกอเราะฮฺ

29

ด้วย” มูซาได้ตอบว่า “พระองค์ตรัสว่าวัวตัวนั้นควรจะมีสีเหลืองเข้มสดใส เป็นที่ต้องใจแก่ผู้พบเห็น” 70 พวกเขากล่าวอีกว่า “จงขอต่อพระผู้อภิบาล ของท่านให้กำ�หนดชนิดของวัวที่ต้องการแก่เรา เพราะวัวนั้นมีลักษณะ คล้ายกันโดยทั่วไป แล้วเราจะได้หามันพบถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์” 71 มูซากล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของพวกท่านตรัสว่าวัวตัวนั้นเป็นวัวที่ไม่ เคยถูกเทียมคันไถให้ไถดินและไม่เคยถูกใช้ให้ทดน้�ำ เข้านา เป็นวัวที่ สมบูรณ์ปราศจากตำ�หนิตามตัว” แล้วพวกเขาก็ร้องออกมาว่า “ท่านได้ให้ รายละเอียดที่ชัดเจนแล้ว” ดังนั้น พวกเขาจึงได้เชือดวัวตัวนั้นพลีโดยที่ พวกเขาไม่เต็มใจ 72 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พวกสูเจ้า(ชาวอิสราเอล)ฆ่าชาย คนหนึ่งและสูเจ้าก็เริ่มซัดทอดกันในเรื่องนี้ แต่พระเจ้าได้นำ�เรื่องที่สูเจ้า ปิดบังออกมาเปิดเผย 73 ดังนั้น เราจึงได้บัญชาว่า “จงฟาดศพของคนที่ ถูกฆ่าด้วยส่วนหนึ่งของวัวที่ถูกเชือดพลี จงดูว่าพระเจ้าทรงทำ�ให้คนตาย ฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร และพระองค์ได้ทรงแสดงสัญญาณให้เห็นเพื่อที่ว่า สูเจ้าจะได้เข้าใจ” 74 แต่ถึงแม้จะเห็นสัญญาณเหล่านี้แล้วก็ตาม หัวใจของสูเจ้าก็ยัง กระด้างเป็นหินหรือยิ่งกว่าหินเสียอีก อย่างไรก็ตาม ในบรรดาหินนั้นมี บางก้อนที่มีสายน้ำ�พุ่งออกมาจากมัน และมีบางก้อนที่แตกออกและมีน้ำ� ไหลออกมา และมีบางก้อนที่ทลายลงมาด้วยความกลัวพระเจ้า พระเจ้ามิ ทรงเฉยเมยในสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 75 แล้วสูเจ้ายังหวังว่าคนเหล่านี้จะยอมรับคำ�เชิญชวนของสูเจ้าและ เป็นผู้ศรัทธากระนั้นหรือในขณะที่ในหมู่พวกเขามีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ยิน ถ้อยคำ�ของพระเจ้าแล้วเข้าใจมันดี แต่กลับไปบิดเบือนมันเสียทั้งๆที่ พวกเขารู้ดี? 76 และเมื่อพวกเขาพบบรรดาผู้ที่ศรัทธา พวกเขากล่าวว่า “เราเป็นผู้ศรัทธาด้วย” แต่เมื่อพวกเขาอยู่กับคนอื่นตามลำ�พัง พวกเขา พูดกันและกันว่า “พวกแกต้องบอกคนพวกนั้นถึงสิ่งที่พระเจ้าประทาน แก่พวกเรากระนั้นหรือ? คนพวกนั้นแค่ใช้มันไปโต้แย้งพวกแกต่อหน้า

30

2. วัวตัวเมีย

พระเจ้าของพวกแก พวกแกไม่เข้าใจหรือไง?” 77 พวกเขาไม่รู้จริงๆหรือ ว่าพระเจ้านั้นทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบังและที่พวกเขาเปิดเผย? 78 ในหมู่พวกเขานั้นมีผู้อ่านเขียนไม่เป็น ไม่รู้คัมภีร์ นอกจากจะรู้ เรื่องไร้สาระต่างๆและการนึกเดากันเอาเอง 79 ความวิบัติจงมีแด่ผู้เขียน คัมภีร์ด้วยมือของพวกเขาแล้วกล่าวว่า “นี่มาจากพระเจ้า” ทั้งนี้เพื่อที่ พวกเขาจะได้แลกเปลี่ยนมันด้วยราคาเล็กน้อย ความหายนะจงมีต่อพวก เขาเพราะสิ่งที่พวกเขาเขียนด้วยมือของพวกเขาและความหายนะจงมี ต่อพวกเขาสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 80 พวกเขากล่าวว่า “ไฟนรก จะไม่สัมผัสเรา และถ้าหากมันจะสัมผัสเรา มันก็จะเป็นเพียงสองสาม วันเท่านั้น” จงกล่าว(แก่พวกเขา)ว่า “พวกท่านได้รับสัญญาจากพระเจ้า กระนั้นหรือ? เพราะพระองค์จะไม่ทรงบิดพลิ้วสัญญาของพระองค์? หรือ พวกท่านอ้างในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้ว่ามาจากพระเจ้า? 81 ทำ�ไมไฟนรก จะไม่สัมผัสพวกท่าน ? ใครก็ตามที่ทำ�ความชั่วและหมกมุ่นอยู่ในการ ทำ�บาป เขาเหล่านั้นก็คือสหายของไฟนรกและพวกเขาจะพำ�นักอยู่ใน นั้นตลอดไป 82 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีจะเป็นผู้ที่ได้อยู่ใน สวรรค์และพำ�นักอยู่ที่นั่นตลอดไป 83 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ท�ำ สัญญากับลูกหลานของอิสรออีลว่า “จง อย่าเคารพภักดีผู้ใดเว้นแต่พระเจ้า จงทำ�ดีต่อบิดามารดา ต่อญาติสนิท เด็กกำ�พร้า ผู้ขัดสน และจงสนทนากับผู้คนโดยดี จงดำ�รงนมาซและจ่าย ซะกาต” แต่พวกสูเจ้าได้หันหลังกลับให้มันและไม่ใส่ใจมันยกเว้นส่วน น้อยจากหมู่สูเจ้าเท่านั้น 84 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ท�ำ สัญญากับสูเจ้า เรากล่าวว่า “สูเจ้า ต้องไม่หลั่งเลือดพวกของสูเจ้าและต้องไม่ขับไล่พวกของสูเจ้าออกจาก บ้านของพวกเขา” สูเจ้าได้รับรองและเป็นพยานอยู่ด้วย 85 แต่หลังจาก นั้น ทั้งๆที่มีสัญญาแล้ว สูเจ้ายังฆ่าพวกพ้องของสูเจ้าและขับไล่พวกของ สูเจ้าและหนุนหลังอีกฝ่ายหนึ่งให้ต่อต้านพวกเขา สูเจ้ายังทำ�บาปและ

อัล-บะกอเราะฮฺ

31

ทำ�ตัวเป็นศัตรู แต่เมื่อพวกเขามายังสูเจ้าในฐานะเชลย สูเจ้าก็ไถ่ตัวพวก เขาทั้งๆที่การขับไล่พวกเขานั้นเป็นเป็นที่ต้องห้ามสำ�หรับสูเจ้าแล้ว สูเจ้า ศรัทธาเพียงบางส่วนของคัมภีร์และปฏิเสธบางส่วนกระนั้นหรือ? ดัง นั้น ไม่มีการตอบแทนอันใดสำ�หรับผู้กระทำ�เช่นนั้นนอกจากความอัปยศ ในโลกนี้ และการลงโทษอันแสนสาหัสในวันฟื้นคืนชีพ พระเจ้ามิทรง เฉยเมยต่อสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 86 เหล่านี้คือคนที่ซื้อชีวิตของโลกนี้ด้วยราคา ของโลกหน้า ดังนั้น การลงโทษของพวกเขาจะไม่ถูกลดหย่อน และพวก เขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ 87 เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซา และหลังจากเขา เราได้ให้มีศาสน ทูตสืบต่อเนื่องกันมา เราได้ส่งอีซา(เยซัส)บุตรของนางมัรฺยัม(มารีย์)มา พร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง และเราได้ท�ำ ให้เขาเข้มแข็งด้วยวิญญาณ บริสุทธิ์ แต่เมื่อใดที่มีศาสนทูตคนหนึ่งมายังสูเจ้าพร้อมกับสิ่งที่สูเจ้า ไม่ชอบ สูเจ้าก็กระด้างกระเดื่องต่อเขาและกล่าวเท็จต่อเขาและฆ่าเขา 88 พวกเขากล่าวว่า “หัวใจของพวกเราถูกห่อหุ้มไว้มิดชิดแล้ว(ต่อสิ่งที่ สูเจ้ากล่าวมา)” แต่ความจริงก็คือพระเจ้าได้ประณามสาปแช่งพวกเขา เพราะการที่พวกเขาปฏิเสธ ดังนั้น พวกเขาจึงมีน้อยที่ศรัทธา 89 แล้วตอนนี้ มีคัมภีร์จากพระเจ้ามายังพวกเขาซึ่งทำ�ให้(คำ�พูดล่วง หน้าถึงการมาของนบีคนสุดท้ายในคัมภีร์ของพวกเขา)ที่พวกเขามีอยู่ แล้วเป็นไปตามนั้น แต่พวกเขาปฏิเสธ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคย วิงวอนขอให้ได้ชัยชนะเหนือบรรดาผู้ไม่ศรัทธา แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ ยังปฏิเสธมันถึงแม้ว่าพวกเขารู้ว่ามันเป็นความจริง ดังนั้น การสาปแช่ง จากพระเจ้าจึงเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 90 ช่างชั่วช้าแท้ๆที่ พวกเขาขายวิญญาณของพวกเขาเองโดยการที่พวกเขาปฏิเสธทางนำ� ที่พระเจ้าประทานลงมาเพียงเพราะพวกเขาริษยาว่าทำ�ไมพระเจ้าจึงได้ ประทานความโปรดปรานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของ

32

2. วัวตัวเมีย

พระองค์ ดังนั้น พวกเขาจึงได้ก่อให้เกิดความกริ้วแล้วกริ้วอีก และสำ�หรับ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมคือการลงโทษอันแสนสาหัส 91 เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “จงศรัทธาตามที่พระเจ้าประทานลงมา” พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาแต่เฉพาะในสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่เรา” และพวกเขาปฏิเสธสัจธรรมในสิ่งที่ถูกส่งมาหลังจากนั้นทั้งๆที่มันเป็น สัจธรรมและยืนยันสิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้ว ดังนั้น จงถามพวกเขาว่า “ถ้า หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง ทำ�ไมพวกท่านถึงได้ฆ่านบีของ พระเจ้า? 92 (ยิ่งไปกว่านั้น) มูซาได้มายังสูเจ้าพร้อมกับสัญญาณต่างๆ อันชัดแจ้ง แต่เมื่อเขาไม่อยู่สักพัก สูเจ้าก็เป็นผู้ละเมิดเอาลูกวัวมาบูชา” 93 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำ�สัญญากับสูเจ้าในขณะที่เราได้ยกภูเขา เหนือสูเจ้าและเราได้กล่าวว่า “จงยึดมั่นในสิ่งที่เราประทานแก่สูเจ้า และ จงฟังคำ�บัญชาของเรา” พวกเขากล่าวว่า “เราได้ยินแล้ว แต่เราไม่เชื่อ ฟัง” หัวใจของพวกเขามีแต่ความรักในลูกวัว เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะ รับความจริง (มุฮัมมัด)จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ ศรัทธาจริง ศรัทธาของพวกท่านก็เป็นศรัทธาที่บัญชาพวกท่านให้ท�ำ สิ่ง ชั่วช้าเช่นนั้น” 94 จงบอกพวกเขาว่า “ถ้าหากที่พำ�นักแห่งโลกหน้าของ พระเจ้ามีไว้สำ�หรับพวกท่านเท่านั้น มิใช่ส�ำ หรับมนุษย์คนอื่นแล้ว พวก ท่านจงเรียกหาความตายเถิดถ้าหากสิ่งที่พวกท่านกล่าวอ้างเป็นความ จริง” 95 แต่จงเชื่อเถิดว่าพวกเขาไม่อยากตายหรอก เพราะพวกเขารู้ดี ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว และพระเจ้าทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้ ทำ�ความผิด 96 เจ้า (มุฮัมมัด) จะพบว่าในบรรดามนุษยชาติทั้งหมด พวก เขาเป็นผู้ที่โลภเพื่อชีวิตมากที่สุด ความจริงแล้ว พวกเขาโลภยิ่งกว่า บรรดาผู้บูชารูปเคารพเสียอีก พวกเขาแต่ละคนอยากที่จะมีอายุยืนถึง พันปี แต่ถึงแม้จะมีอายุยืนยาวเช่นนั้นก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาให้พ้น จากการถูกลงโทษได้ และพระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างที่พวกเขากระทำ� 97 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “ใครที่เป็นศัตรูต่อญิบรีล – ผู้นำ�กุรอานมา

อัล-บะกอเราะฮฺ

33

ยั ง หั ว ใจของเจ้ า โดยอนุ มั ติ ข องพระเจ้ า เพื่ อ ยื น ยั น สิ่ ง ที่ ไ ด้ ถู ก ประทาน ลงมาก่อนหน้านี้(การพูดล่วงหน้าถึงการมาของนบีคนสุดท้ายในคัมภีร์ ก่อนหน้านี้) และเป็นทางนำ�และเป็นข่าวดีส�ำ หรับบรรดาผู้ศรัทธา - 98 ผู้ ใดเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ต่อทูตสวรรค์และต่อศาสนทูตของพระองค์ หรือ ต่อญิบรีลและมีกาอีล จะพบว่าพระเจ้าทรงเป็นศัตรูต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรม” 99 เราได้ประทานสัญญาณทั้งหลายอันชัดแจ้งมายังเจ้าแล้ว และไม่มีผู้ใดปฏิเสธมันนอกจากพวกคนชั่ว 100 ทำ�ไมจึงเป็นเช่นนั้นที่เมื่อ ใดพวกเขาได้ทำ�สัญญา พวกเขากลุ่มหนึ่งได้ทิ้งสัญญา? ใช่เลย พวกเขา ส่วนมากต่างหากที่ไม่ศรัทธา 101 และเมื่อใดก็ตามที่มีศาสนทูตคนหนึ่ง จากพระเจ้ามายังพวกเขา เป็นผู้ยืนยัน(สิ่งที่บอกล่วงหน้า)ที่มีอยู่กับพวก เขา ชาวคัมภีร์กลุ่มหนึ่งจะโยนคัมภีร์ของพระเจ้าไว้ข้างหลังประหนึ่งว่า พวกเขาไม่รู้อะไร 102 พวกเขาได้ปฏิบัติตามสิ่งที่พวกซาตานได้อ้างอย่างผิดๆว่ามันมา จากอาณาจักรของโซโลมอน(สุลัยมาน) ทั้งๆที่ความจริงแล้ว สุลัยมาน มิได้เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา แต่พวกซาตานที่พร่�ำ สอนไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คน ต่างหากที่ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกส่งมายังทูตสวรรค์ ทั้งสองคือฮารูตและมารูตที่เมืองบาบิล (บาบิโลน) ทูตสวรรค์ทั้งสองไม่ ได้สอนไสยศาสตร์แก่ผู้ใดจนกว่าเขาทั้งสองจะเตือนล่วงหน้าไว้อย่าง ชัดเจนว่า “เราเป็นเพียงการทดสอบอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น พวกท่าน จงอย่าปฏิเสธศรัทธา(ในทางนำ�ของพระเจ้า)” แต่ถึงแม้จะเตือนแล้ว ผู้คน ก็ยังเรียนจากทูตสวรรค์ทั้งสองซึ่งวิชาที่เป็นสาเหตุให้เกิดการแตกแยก ระหว่างสามีและภรรยาของเขา แต่พวกเขาไม่สามารถทำ�อันตรายผู้ใด โดยใช้ไสยศาสตร์ได้หากพระเจ้าไม่อนุมัติ (ในทางตรงข้าม)คนเหล่านี้ ได้เรียนสิ่งที่ให้โทษแก่พวกเขาและไม่ได้ให้คุณค่าแก่พวกเขาทั้งๆที่พวก เขารู้ดีว่าผู้ใดที่ซื้อวิชานี้จะไม่มีส่วนใดในปรโลกสำ�หรับเขาเลย ช่างชั่ว ช้าเสียนี่กระไรสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้ขายตัวของพวกเขาไปเพื่อมัน ถ้า

34

2. วัวตัวเมีย

หากว่าพวกเขารู้ 103 ถ้าหากพวกเขาศรัทธาและสำ�รวมตนต่อพระเจ้า พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนที่ดีกว่าจากพระเจ้า ถ้าหากว่าพวกเขา ได้รู้ 104 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าพูดกับนบีว่า “รออินา” แต่จงกล่าวคำ� ว่า “อุนซุรฺนา” และจงฟังเขาด้วยความตั้งใจ* สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น คือการลงโทษอันเจ็บปวด 105 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมไม่ว่าจะเป็นชาว คัมภีร์หรือบรรดาผู้บูชาเทวรูปไม่ปรารถนาที่จะเห็นความดีใดจากพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้าถูกส่งมายังสูเจ้าทั้งๆที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะประทาน ความเมตตาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยเฉพาะ และพระเจ้าไม่มีขีด จำ�กัดในความโปรดปรานอันใหญ่หลวงของพระองค์ 106 ถ้าเรายกเลิก ข้อความใดหรือถูกทำ�ให้ข้อความนั้นถูกลืม เราจะนำ�ข้อความที่ดีกว่า หรืออย่างน้อยที่สุดก็เท่าเทียมกันมาทดแทน สูเจ้าไม่รู้หรือว่า พระเจ้า เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง? 107 สูเจ้าไม่รู้หรือว่าอำ�นาจแห่งชั้นฟ้า ทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของพระเจ้า และสูเจ้าไม่มีผู้ใดเป็นผู้คุ้มครอง และผู้ช่วยเหลือนอกจากพระเจ้า ? 108 หรือสูเจ้า(มุสลิม)อยากจะถาม ศาสนทูตของสูเจ้าดังที่มูซาได้ถูกถามแต่ก่อนนี้? และผู้ใดที่แลกเปลี่ยน ความศรัทธาเพื่อการปฏิเสธ เขาผู้นั้นก็หลงไปจากทางที่เที่ยงตรง 109 ส่วนมากของชาวคัมภีร์ต้องการที่จะหันสูเจ้ากลับมายังการปฏิเสธ หลังจากที่สูเจ้าได้ศรัทธา ทั้งนี้เนื่องด้วยความอิจฉาของพวกเขาหลัง จากที่สัจธรรมได้เป็นที่แจ่มแจ้งแก่พวกเขาแล้ว ดังนั้น สูเจ้าจงแสดง ความอดทนและให้อภัยแก่พวกเขาจนกว่าพระเจ้าจะได้มีบัญชาลงมา จง แน่ใจว่าพระเจ้าเป็นผู้มีอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 110 จงดำ�รงนมาซและจ่าย * บางคนนั่งรวมอยู่กับท่านนบีและทำ�เป็นตลกขบขันในสิ่งที่ท่านสอน ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้ค�ำ ภาษาอาหรับที่ไม่ก�ำ กวมสำ�หรับคำ�พูดว่า “ขอให้พวกท่านสนใจเรา” (อุนซุรฺนา) พวกเขากล่าวว่า “รออินา” ซึ่งมี ความหมายว่า “คนเลี้ยงสัตว์ของเรา”

อัล-บะกอเราะฮฺ

35

ซะกาต และความดีอันใดที่สูเจ้าได้กระทำ�ไว้ก่อนสำ�หรับตัวสูเจ้า สูเจ้า จะพบมันที่พระเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงเฝ้ามองทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 111 พวกเขากล่าวว่า “ไม่มีใครจะได้เข้าสวรรค์เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเป็นยิว หรือคริสเตียน” นี่คือความหวังอันเลื่อนลอยของพวกเขา (นบี) จงกล่าว แก่พวกเขาว่า “จงนำ�หลักฐานของพวกท่านมาถ้าพวกท่านพูดความจริง” 112 ความจริงแล้วใครก็ตามที่ยอมมอบตนต่อพระเจ้าและกระทำ�ความ ดีจะได้รับการตอบแทนจากพระผู้อภิบาลของเขา พวกเขาจะไม่มีความ กลัวและความเศร้าโศกเสียใจ 113 ชาวยิวกล่าวว่า “พวกคริสเตียนไม่มีสิ่งใดมาเป็นหลักฐาน” และ ชาวคริสเตียนกล่าวว่า “พวกยิวก็ไม่มีสิ่งใดเช่นกัน” ทั้งๆที่พวกเขาทั้งสอง ฝ่ายอ่านคัมภีร์เล่มเดียวกัน และพวกที่ไม่มีความรู้เรื่องคัมภีร์ยังกล่าวอ้าง เช่นเดียวกัน ดังนั้น พระเจ้าจะตัดสินเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกันในวันแห่ง การฟื้นคืนชีพ 114 ผู้ใดเล่าที่ชั่วช้ายิ่งไปกว่าผู้ที่ห้ามการเอ่ยนามของพระ เจ้าในมัสญิดทั้งหลายของพระองค์และพยายามที่จะทำ�ลายมัน ในขณะที่ คนเหล่านี้ต้องเข้าไปข้างในนั้นด้วยหัวใจที่เกรงกลัว? สำ�หรับพวกเขาใน โลกนี้คือความอัปยศอดสูและการลงโทษอันมหันต์ในปรโลก 115 ทั้งตะวัน ออกและตะวันตกเป็นของพระเจ้า ไม่ว่าสูเจ้าจะหันไปทางใดล้วนมีพระ พักตร์ของพระเจ้าทุกทิศทาง แท้จริง พระเจ้าคือผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ 116 และพวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าได้เอามนุษย์มาเป็นบุตร” มหาบริสุทธิ์ ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงอยู่เหนือสิ่งเช่นนั้น ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ล้วนเป็นของพระองค์และทุกสรรพสิ่งล้วนเชื่อฟังพระองค์ 117 พระองค์คือ ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงกำ�หนดกิจการใด พระองค์แค่เพียงกล่าวว่า “จงเป็น” แล้วมันก็เป็นขึ้นมา 118 พวกคนที่ไม่รู้กล่าวว่า “ทำ�ไมพระเจ้าไม่พูดกับเราหรือส่งสัญญาณ หนึ่งมาให้เรา?” คนก่อนหน้าพวกเขาก็เคยพูดเช่นนี้มาแล้วเพราะหัวใจ ของพวกเขาคล้ายคลึงกัน เราได้แสดงสัญญาณอันชัดแจ้งของเราแก่

36

2. วัวตัวเมีย

ประชาชนผู้เชื่อมั่นแล้ว 119 เราได้ส่งเจ้า(มุฮัมมัด)พร้อมด้วยสัจธรรมและ ได้ทำ�ให้เจ้าเป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน และเจ้าจะไม่ต้องเป็นผู้รับ ผิดชอบต่อบรรดาชาวนรก 120 ชาวยิวและชาวคริสเตียนจะไม่มีวันพอใจ เจ้า(มุฮัมมัด)จนกว่าเจ้าจะปฏิบัติตามแนวทางของพวกเขา จงบอกพวก ขาว่า “ทางนำ�ของพระเจ้าคือทางนำ�ที่เที่ยงตรง” และถ้าหากเจ้าปฏิบัติ ตามความปรารถนาของพวกเขาหลังจากที่ความรู้ทั้งปวงมายังเจ้าแล้ว เจ้าจะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือจากพระเจ้า 121 บรรดาผู้ที่เราได้ ประทานคัมภีร์นี้ปฏิบัติตามมันดังที่มันควรจะได้รับการปฏิบัติตาม พวก เขาเหล่านี้เชื่อในคัมภีร์ด้วยความจริงใจ ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธมัน พวกเขา เหล่านั้นคือผู้ขาดทุน 122 โอ้ ลูกหลานอิสรออีล จงระลึกถึงความโปรดปรานของฉันที่ได้ ประทานแก่สูเจ้าและที่ฉันได้ยกย่องสูเจ้าให้เหนือประชาชาติทั้งหลาย 123 และจงเกรงกลัววันหนึ่งซึ่งในวันนั้นไม่มีใครสามารถที่จะช่วยใคร ได้ และการไถ่โทษแทนจากใครจะไม่เป็นที่ยอมรับ การขอไถ่โทษแทน ก็จะไม่เป็นประโยชน์แก่ใคร และผู้ทำ�ผิดทั้งหลายจะไม่ได้รับความช่วย เหลือ 124 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของอิบรอฮีม(อับราฮัม)ได้ ทรงทดสอบเขาด้วยคำ�บัญชาบางอย่าง แล้วเขาได้ปฏิบัติตามโดยครบ ถ้วน พระองค์ทรงตรัสว่า “ฉันจะทำ�ให้เจ้าเป็นผู้น�ำ ของมนุษยชาติ” เขา ได้ถามว่า “สัญญานี้รวมถึงลูกหลานของฉันด้วยหรือไม่?” พระองค์ตรัส ว่า “สัญญาของฉันไม่แผ่ถึงบรรดาผู้ละเมิด” 125 และเราได้ทำ�บ้านหลังนี้(ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ)ให้เป็นสถานที่แห่งการชุมนุม และเป็นที่ปลอดภัยสำ�หรับมนุษยชาติ(โดยกล่าวว่า) “จงทำ�ให้ที่ยืนของอิ บรอฮีมเป็นที่นมาซ” เราได้สั่งอิบรอฮีมและอิสมาอีลว่า “จงรักษาบ้านของ ฉันให้สะอาดสำ�หรับบรรดาผู้มาเวียนรอบ ผู้ที่มาทำ�สมาธิ ผู้ที่มาโค้งและ กราบ” 126 และจงนึกถึงเมื่ออิบรอฮีมกล่าววิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ของฉัน ขอได้โปรดทำ�ให้เมืองนี้เป็นที่ปลอดภัยและได้โปรดประทานผล

อัล-บะกอเราะฮฺ

37

ไม้นานาชนิดแก่ชาวเมืองผู้ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายด้วยเถิด” พระองค์ได้ทรงตอบว่า “สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม ฉันจะให้สิ่ง จำ�เป็นแห่งชีวิตในโลกนี้แก่พวกเขา และหลังจากนั้น ฉันจะส่งเขาไปสู่ การลงโทษของไฟนรก และนั่นเป็นปลายทางอันชั่วช้าที่สุด” 127 และจงนึกถึงเมื่ออิบรอฮีมและอิสมาอีลได้ก่อกำ�แพงของบ้านหลัง นี้ (เขาทั้งสองได้วิงวอนว่า) “พระผู้อภิบาลของเรา โปรดรับงานนี้จากเรา ด้วยเถิด แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 128 พระผู้อภิบาล ของเรา โปรดทำ�ให้เราทั้งสองเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ และโปรดให้ลูก หลานของเราเป็นชนชาติที่นอบน้อมต่อพระองค์ โปรดสอนเราให้รู้ถึงการ ปฏิบัติศาสนกิจของเราและโปรดนิรโทษเราโดยปรานีด้วยเถิด แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงนิรโทษโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 129 พระผู้อภิบาล ของเรา โปรดส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากพวกเขามายังพวกเขาเพื่ออ่านสิ่ง ที่พระองค์ประทานมาแก่พวกเขา และสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวก เขาและขัดเกลาชีวิตของพวกเขาให้สะอาด แท้จริง พระองค์คือผู้ทรง อำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” 130 แล้วใครเล่าที่จะหันเหออกไปจากแนวทางของอิบรอฮีมนอกจากผู้ ที่โฉดเขลา? แน่นอน อิบรอฮีมคือผู้ที่เราได้เลือกมาเพื่อรับใช้เราในโลก นี้ และในปรโลก เขาจะอยู่ในหมู่กัลยาณชน 131 เมื่อพระผู้อภิบาลของเขา กล่าวแก่เขาว่า “จงนอบน้อม” เขาได้ตอบรับทันทีว่า “ฉันได้นอบน้อมต่อ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกแล้ว” 132 ในทำ�นองเดียวกัน อิบรอฮีมได้สั่ง ลูกๆของเขาให้ปฏิบัติตามแนวทางเดียวกัน และยะกู๊บก็ได้สั่งบรรดาลูกๆ ของเขาเช่นกันว่า “ลูกๆของฉันเอ๋ย พระเจ้าได้ทรงเลือกศาสนาให้พวก เจ้าแล้ว ดังนั้น จงดำ�รงสภาพการยอมจำ�นนไว้จนกว่าพวกเจ้าจะตาย” 133 สูเจ้าอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่เมื่อตอนที่ยะกู๊บใกล้ตาย? เขาได้ถามลูกๆ ของเขาว่า “หลังจากฉันแล้ว พวกเจ้าจะเคารพสักการะผู้ใด?” พวกเขา กล่าวว่า “เราจะเคารพสักการะพระเจ้าของท่าน พระเจ้าของบรรพบุรุษ

38

2. วัวตัวเมีย

ของท่าน ของอิบรอฮีมและอิสมาอีลและอิสฮากเป็นพระเจ้าองค์เดียว และ เราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์” 134 พวกเขาคือหมู่ชนที่ได้ล่วงลับไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้จะเป็นของพวกเขาและสิ่งที่สูเจ้าได้ทำ�ไว้จะเป็นของ สูเจ้า สูเจ้าจะไม่ถูกสอบถามเกี่ยวกับการงานของพวกเขา 135 พวกเขากล่าวว่า “จงเป็นยิวหรือเป็นคริสเตียนเถิด แล้วพวกเจ้าจะ ได้อยู่ในทางนำ�” จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “ไม่ เราเชื่อในความศรัทธา ของอิบรอฮีมที่หันไปสู่พระเจ้า เขาไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคี กับพระเจ้า” 136 จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “เราศรัทธาในพระเจ้าและทาง นำ�ที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เรา และที่ได้ถูกประทานลงมาแก่อิบรอฮีม อิสมาอีล อิสฮาก ยะกู๊บและลูกหลานของเขาและที่ได้ถูกประทานแก่มู ซา อีซาและที่ได้ถูกประทานแก่บรรดานบีจากพระผู้อภิบาลของเขาทั้ง หลาย เรามิได้จำ�แนกคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา และเราเป็นผู้นอบน้อม ต่อพระองค์” 137 ถ้าพวกเขาศรัทธาอย่างที่สูเจ้าศรัทธา พวกเขาก็อยู่ใน ทางนำ� แต่ถ้าพวกเขาหันกลับ จงรู้ไว้ว่าพวกเขาเป็นผู้ดื้อรั้นในการเป็น ศัตรู จงมั่นใจได้เลยว่าพระเจ้านั้นเพียงพอแล้วที่จะป้องกันสูเจ้าจากพวก เขา พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 138 เราใช้สีย้อมของ พระเจ้า และใครเล่าที่จะมีการย้อมที่ดีกว่าพระเจ้า ? และเราเป็นผู้เคารพ สักการะพระองค์ 139 (โอ้ นบี) จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “พวกท่านโต้ เถียงเราเกี่ยวกับพระเจ้ากระนั้นหรือทั้งๆที่พระองค์คือพระผู้อภิบาลของ เราและพระผู้อภิบาลของพวกท่าน? เรามีการงานของเราและพวกท่านก็ มีการงานของพวกท่าน และเราเป็นผู้อุทิศตนต่อพระองค์เท่านั้น 140 พวก ท่านอ้างว่าอิบรอฮีม อิสมาอีล อิสฮาก ยะกู๊บ และลูกหลานของพวกเขา เป็นยิวหรือคริสเตียนกระนั้นหรือ ?” จงถามพวกเขาว่า “พวกท่านรู้ดีกว่า พระเจ้ากระนั้นหรือ? และผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ปิดบังคำ�ยืนยันที่ พระเจ้าได้มอบหมายให้แก่เขา ? และพระเจ้ามิทรงเฉยเมยในสิ่งที่พวก เขาได้กระทำ� 141 พวกเขาคือหมู่ชนที่ได้ล่วงลับไปแล้ว และพวกเขาจะ

อัล-บะกอเราะฮฺ

39

ถูกตอบแทนสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ และพวกท่านจะไม่ถูกสอบถาม ในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ�ไป” 142 พวกคนโง่เขลาจะถามว่า “อะไรที่ท�ำ ให้พวกเขาหันเหออกจาก ทิศทางที่พวกเขาเคยหันไปในเวลานมาซ?” จงบอกพวกเขาว่า “ทั้งตะวัน ออกและตะวันตกเป็นของพระเจ้า พระองค์จะทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ให้อยู่ในหนทางที่เที่ยงตรง” 143 ดังนั้น เราจึงได้ทำ�ให้สูเจ้า เป็นประชาชาติสายกลางเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษยชาติและ ศาสนทูตจะได้เป็นพยานต่อสูเจ้า เราได้ก�ำ หนดทิศทางการนมาซที่สูเจ้า เคยหันหน้าไปก่อนหน้านี้แล้วเพื่อที่จะแยกว่าใครคือผู้ปฏิบัติตามศาสน ทูตและใครที่หันหลังให้เขาเป็นที่ชัดเจน นี่เป็นข้อทดสอบที่หนัก แต่ มิใช่สำ�หรับบรรดาผู้ที่พระเจ้าได้ทรงนำ�ทาง พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้ความ ศรัทธาของเจ้าสูญเปล่า จงแน่ใจได้เลยว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงเอ็นดูและ ผู้ทรงเมตตาต่อปวงมนุษย์เสมอ 144 เราได้เห็นเจ้า (โอ้มุฮัมมัด)แหงนหน้าขึ้นสู่ฟากฟ้าอยู่เนืองๆ ดังนั้น เราจะหันหน้าเจ้าไปยังทิศทางที่เจ้าพอใจที่สุด ดังนั้น จงหันหน้าของเจ้า ไปยังมัสญิดอัลฮะรอม และไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด จงหันหน้าของเจ้าไปยัง สถานที่แห่งนั้นในเวลานมาซ บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์รู้ดีว่าคำ�บัญชานี้เป็น ความจริงจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพระเจ้ามิเป็นผู้ทรงเฉยเมย ต่อการกระทำ�ของพวกเขา 145 ถึงแม้เจ้าจะนำ�สัญญาณทุกอย่างมาแสดง แก่ชาวคัมภีร์ พวกเขาจะไม่ยอมรับทิศทางของเจ้า และเจ้าก็จะไม่ยอมรับ ทิศทางของพวกเขา และพวกเขาส่วนหนึ่งจะไม่ยอมรับทิศทางของผู้อื่น ดังนั้น ถ้าหากเจ้ายังปฏิบัติตามความปรารถนาของพวกเขาหลังจากที่ ได้รับความรู้แล้ว เจ้าจะถูกถือว่าเป็นผู้ท�ำ ความผิด 146 สำ�หรับบรรดาผู้ ที่เราได้ประทานคัมภีร์ให้นั้น พวกเขารู้ถึงสถานที่เป็นอย่างดีเหมือนกับ พวกเขารู้จักลูกๆของพวกเขาเอง แต่ถึงกระนั้น พวกเขาบางคนได้ปิดบัง

40

2. วัวตัวเมีย

ความจริงทั้งๆที่พวกเขารู้ดีอยู่ 147 ความจริงเป็นสิ่งที่มาจากพระผู้อภิบาล ของเจ้า ดังนั้น เจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ 148 แต่ละประชาชาติต่างมีทิศทางที่หันไปของตนเอง ดังนั้น จงแข่งขัน กันในการทำ�ความดี ไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าจะทรงนำ�สูเจ้ามา รวมกันต่อหน้าพระองค์ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 149 ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด จงหันหน้าของเจ้าไปยังมัสญิดอัลฮะรอม นี่เป็น คำ�สั่งจากพระผู้อภิบาลของเจ้า และพระองค์ไม่เป็นผู้เฉยเมยในสิ่งที่สูเจ้า กระทำ� 150 ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด จงหันหน้าของเจ้าไปยังมัสญิดอัลฮะรอม และไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ไหน จงหันหน้าของสูเจ้าไปทางเดียวกันนั้นในเวลา นมาซเพื่อที่ว่าผู้คนจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งอันใดต่อสูเจ้านอกจากบรรดาผู้ อธรรม ดังนั้น จงอย่ากลัวพวกเขา แต่จงกลัวฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ให้ความ โปรดปรานของฉันแก่สูเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์ และเพื่อที่สูเจ้าจะได้พบทาง ที่เที่ยงตรง 151 ดังนั้น เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากในหมู่สูเจ้ามายัง สูเจ้า เพื่ออ่านสิ่งที่เราประทานมาแก่สูเจ้า เพื่อขัดเกลาชีวิตของสูเจ้าให้ สะอาด เพื่อสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่สูเจ้า และสอนสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้า ไม่รู้ 152 ดังนั้น จงระลึกถึงฉันและฉันจะนึกถึงสูเจ้า จงขอบคุณฉัน และจง อย่าเนรคุณต่อฉัน 153 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงขอความช่วยเหลือด้วยความอดทนและจง นมาซ เพราะพระเจ้าจะทรงอยู่กับบรรดาผู้อดทน 154 และจงอย่ากล่าว ว่าบรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของพระเจ้านั้นตาย ความจริงแล้ว พวกเขา ยังมีชีวิตอยู่ แต่สูเจ้าไม่รู้ 155 แน่นอน เราจะทดสอบสูเจ้าด้วยความกลัว และความหิว และการสูญเสียทรัพย์สิน ชีวิตและพืชผล จงแจ้งข่าวดีแก่ บรรดาผู้อดทน 156 บรรดาผู้ที่เมื่อมีทุกข์ภัยมาประสบแก่พวกเขา พวก เขากล่าวว่า “แท้จริง เราเป็นของพระเจ้าและยังพระองค์ที่เราจะกลับไป” 157 คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับความจำ�เริญและความเมตตาจากพระผู้

อัล-บะกอเราะฮฺ

41

อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาเหล่านี้แหละที่เป็นผู้อยู่บนหนทางที่ถูก ต้อง 158 แท้จริง เศาะฟาและมัรฺวะฮฺนั้นเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งในบรรดา สัญลักษณ์ที่พระเจ้ากำ�หนดไว้ดังนั้น จึงไม่ผิดแต่ประการใดสำ�หรับผู้ทำ� พิธีฮัจญ์หรืออุมเราะฮฺที่จะเดินไปมาระหว่างเนินเขาทั้งสอง พระเจ้าทรง รู้ดีถึงผู้ที่กระทำ�ความดีด้วยความสมัครใจ 159 แท้จริง พระเจ้าทรงสาป แช่ง และคนอื่นๆก็สาปแช่งผู้ปิดบังคำ�สอนและทางนำ�อันชัดแจ้งที่เราได้ ประทานลงมาหลังจากที่เราได้ทำ�ให้มันเป็นที่กระจ่างแจ้งไว้ในคัมภีร์เพื่อ เป็นทางนำ�สำ�หรับมนุษยชาติแล้ว 160 ยกเว้นบรรดาผู้ที่ส�ำ นึกผิดและเปิด เผยสิ่งที่พวกเขาปิดบังอยู่ บรรดาคนเหล่านี้แหละที่ฉันอภัยโทษแก่พวก เขา เพราะฉันเป็นผู้ทรงนิรโทษโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 161 บรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมและตายในขณะที่เป็นผู้ปฏิเสธนั้น พวกเขาได้รับการสาป แช่งจากพระเจ้า จากทูตสวรรค์และจากมนุษย์ทั้งหลาย 162 พวกเขาจะคง อยู่ในการสาปแช่งนั้นตลอดไป โทษของพวกเขาจะไม่ถูกลดหย่อน และ พวกเขาจะไม่ได้รับการผ่อนผัน 163 พระเจ้าของสูเจ้านั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก นอกจากพระองค์ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 164 ในการสร้าง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และในการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลาง วันและในเรือที่ล่องลอยในมหาสมุทรด้วยสรรพสิ่งที่อำ�นวยประโยชน์แก่ มนุษย์ และในน้ำ�ฝนที่พระเจ้าได้หลั่งลงมาจากท้องฟ้า และจากน้�ำ นั้น พระองค์ได้ชุบชีวิตให้แก่แผ่นดินหลังจากที่มันได้ตายไป และได้ทรงแพร่ ขยายสัตว์ทุกชนิดให้กระจายออกไป และในการผันแปรของลมและเมฆที่ คอยคำ�สั่งอย่างเชื่อฟังระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้นมีสัญญาณมากมาย สุดคณานับสำ�หรับผู้ใช้สติปัญญา 165 ถึงกระนั้นยังมีบางคนยึดเอาสิ่งอื่นเป็นภาคีกับพระเจ้า และพวก เขาหลงรักมันเหมือนกับความรักที่พวกเขาจะต้องมีต่อพระเจ้า ในขณะที่

42

2. วัวตัวเมีย

ผู้ศรัทธานั้นมีความรักในพระเจ้ามากกว่า ถ้าหากบรรดาผู้ที่ละเมิดเหล่า นี้ได้เห็นการลงโทษต่อหน้าเขา พวกเขาจะตระหนักว่าอำ�นาจทั้งปวง นั้นเป็นของพระเจ้า และพระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงเฉียบขาดในการลงโทษ 166 เมื่อพวกเขาเผชิญกับการลงโทษของพวกเขา บรรดาผู้ที่ถูกตามทั้ง หลายจะผละหนีจากบรรดาผู้ที่ตามพวกเขา และความเกี่ยวพันกันของ พวกเขาทั้งหมดจะถูกตัดขาด 167 บรรดาผู้ตามจะกล่าวว่า “ถ้าหากเรามี โอกาสกลับไปสู่โลกอีก เราจะผละจากพวกเขาเหมือนกับที่พวกเขาผละ จากเรา” ดังนั้น พระเจ้าจะนำ�เอาการงานของพวกเขาที่ท�ำ ไว้ในโลกนี้ ออกมาแสดงจนทำ�ให้พวกเขารู้สึกรันทด แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะพ้น ออกไปจากไฟนรกได้ 168 โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงกินสิ่งที่ได้รับอนุมัติและสิ่งที่ดีจากที่มีอยู่ใน แผ่นดินและจงอย่าปฏิบัติตามแนวทางของซาตาน เพราะซาตานเป็น ศัตรูที่เปิดเผยของสูเจ้า 169 มันเสี้ยมสอนสูเจ้าให้กระทำ�สิ่งชั่วช้าลามก และชักนำ�สูเจ้าให้กล่าวถึงพระเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าไม่มีความรู้ 170 แต่เมื่อ พวกเขาถูกบอกว่า “จงปฏิบัติตามคำ�บัญชาที่พระเจ้าได้ประทานมา” พวกเขาตอบว่า “เราจะปฏิบัติตามเฉพาะที่เราได้พบว่าบรรพบุรุษของเรา ได้ปฏิบัติ” ทั้งๆที่บรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้ใช้สติปัญญาและไม่ได้อยู่ ในทางนำ�ที่ถูกต้องกระนั้นหรือ? 171 สภาพของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม นั้นอาจเปรียบได้เหมือนกับสภาพของสัตว์ที่ผู้เลี้ยงกู่เรียกมัน แต่พวกมัน ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงร้องและเสียงตะโกน พวกเขาหูหนวก เป็นใบ้ ตาบอด ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจอะไร 172 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงกินสิ่งที่ดีและสะอาดที่เราได้ประทานแก่ สูเจ้า และจงขอบคุณพระเจ้าถ้าหากพระองค์เท่านั้นที่สูเจ้าเคารพสักกา ระ 173 พระเจ้าได้ห้ามสูเจ้าเฉพาะสัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อสุกร สัตว์ที่ถูก กล่าวอุทิศให้ด้วยนามอื่นนอกจากพระเจ้า แต่ถ้าหากผู้ใดตกอยู่ในภาวะ คับขันโดยไม่มีเจตนาขัดขืนและไม่ได้ละเมิด มันก็ไม่มีบาปแก่เขา เพราะ

อัล-บะกอเราะฮฺ

43

พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 174 แท้จริง บรรดาผู้ปิดบัง ส่วนใดของคัมภีร์ที่พระเจ้าประทานลงมาเพื่อผลประโยชน์ทางโลกเล็กๆ น้อยๆนั้น คนพวกนี้มิได้กินสิ่งใดนอกจากไฟ พระเจ้าจะไม่พูดกับพวก เขาในวันฟื้นคืนชีพและจะไม่ช�ำ ระพวกเขาให้สะอาด พวกเขาจะได้รับ การลงโทษอันแสนเจ็บปวด 175 พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่แลกทางนำ�กับสิ่ง ผิด และแลกการอภัยโทษกับการลงโทษ พวกเขาดูไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่ กับไฟ 176 นี่เป็นเพราะพระเจ้าประทานคัมภีร์พร้อมกับสัจธรรมลงมาแล้ว แต่ผู้คนที่ยังคงขัดแย้งกันในคัมภีร์ได้หันห่างออกไปไกลจากสัจธรรมใน ความขัดแย้งของพวกเขา 177 คุณธรรมไม่ได้อยู่ที่สูเจ้าหันหน้าไปทางตะวันออกหรือทางตะวัน ตก แต่คุณธรรมหมายถึงการศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและบรรดา ทูตสวรรค์และคัมภีร์และนบีทั้งหลายและจ่ายทรัพย์สินของเขาด้วยความ รักต่อพระองค์แก่ญาติสนิทและเด็กกำ�พร้าและแก่ผู้ขัดสน ผู้เดินทาง ผู้ ขอ(บริจาค)และเพื่อไถ่ทาส และดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาตและบรรดาผู้ ปฏิบัติตามสัญญาโดยครบถ้วนเมื่อพวกเขาให้สัญญา และอดทนในความ ทุกข์ยากและความลำ�เค็ญและในการสู้รบ คนเหล่านี้แหละคือผู้ศรัทธา ที่แท้จริง และคนเหล่านี้แหละคือผู้เกรงกลัวพระเจ้า 178 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย กฎหมายการแก้แค้นอย่างเท่าเทียมกันใน กรณีของการฆาตกรรมได้ถูกกำ�หนดสำ�หรับสูเจ้าแล้ว คนที่เป็นอิสระกับ คนที่เป็นอิสระ ทาสกับทาส หญิงกับหญิง แต่ถ้าหากทายาทของผู้ถูกฆ่า เต็มใจที่จะผ่อนปรนให้ฆาตกร เงินทำ�ขวัญต้องถูกตัดสินตามกฎหมาย อย่างเท่าเทียมกัน และฆาตกรต้องจ่ายเงินนั้น นี่เป็นข้อผ่อนปรนและ ความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ทีนี้ ผู้ใดที่ละเมิดขอบเขตหลัง จากนี้ เขาผู้นั้นจะต้องได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 179 ในกฎหมายแห่ง การตอบแทนที่เท่าเทียมกันนั้นมีความมั่นคงปลอดภัยแห่งชีวิตสำ�หรับ สูเจ้า โอ้ผู้มีความเข้าใจทั้งหลาย เพื่อที่ว่าบางทีสูเจ้าจะนึกถึงพระเจ้า

44

2. วัวตัวเมีย

มันได้ถูกกำ�หนดไว้สำ�หรับสูเจ้าแล้วว่าเมื่อความตายย่างกรายเข้าสู่ผู้ ใดในหมู่สูเจ้าและเขามีทรัพย์สมบัติทิ้งไว้บ้าง เขาควรจะทำ�พินัยกรรมยก ให้แก่พ่อแม่และญาติสนิทโดยชอบธรรม นี่เป็นหน้าที่สำ�หรับผู้เกรงกลัว พระเจ้า 181 ถ้าผู้ใดเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมหลังจากที่ได้ยินมันแล้ว บาป จะตกแก่เขาผู้นั้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 182 แต่ถ้าผู้ใดเกรงว่าผู้ท�ำ พินัยกรรมได้ท�ำ สิ่งที่ไม่ยุติธรรมหรือทำ�ผิดแน่ มันก็ไม่เป็นบาปแต่ประการใดสำ�หรับเขาที่จะจัดให้มีการประนีประนอม กันระหว่างผู้เกี่ยวข้อง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตา เสมอ 183 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา การถือศีลอดได้ถูกกำ�หนดแก่สูเจ้าเช่นเดียวกับ ที่ได้ถูกกำ�หนดไว้สำ�หรับบรรดาผู้คนก่อนหน้าสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ ปกป้องตนเองให้พ้นจากความชั่ว 184 จงถือศีลอดในวันที่ได้ถูกกำ�หนด ไว้ แต่ถ้าหากคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้าป่วยหรืออยู่ในระหว่างเดินทาง จง ให้เขาถือศีลอดชดเชยตามจำ�นวนวันที่ขาดไปในตอนหลัง สำ�หรับบรรดา ผู้ถือศีลอดด้วยความยากลำ�บากยิ่ง เขาต้องชดใช้ด้วยการเลี้ยงอาหารคน ยากจน แต่ใครที่ท�ำ ดีมากกว่านี้จะได้รับรางวัลตอบแทน แต่การถือศีล อดนั้นดีกว่าสำ�หรับสูเจ้าถ้าหากสูเจ้ารู้ 185 เดือนเราะมะฎอนเป็นเดือน ที่คัมภีร์กุรอานถูกประทานลงมาเป็นทางนำ�สำ�หรับมนุษยชาติพร้อมกับ หลักฐานและเกณฑ์ตัดสินที่แยกความถูกต้องออกจากความผิดอย่าง ชัดเจน ดังนั้น ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าอยู่ในเดือนนั้น จงถือศีลอด แต่ใครที่ ป่วยหรืออยู่ในระหว่างเดินทาง เขาต้องถือศีลอดชดใช้ตามจำ�นวนวันที่ ขาดไปในภายหลัง พระเจ้าต้องการให้ความสะดวกง่ายดายแก่สูเจ้า และ ไม่ต้องการให้สูเจ้าลำ�บาก พระองค์ต้องการให้สูเจ้าถือศีลอดตลอดทั้ง เดือนเพื่อที่สูเจ้าจะได้สดุดีพระองค์ที่ทรงนำ�ทางสูเจ้าและเพื่อที่สูเจ้าจะได้ กตัญญูต่อพระองค์ 186 เมื่อบรรดาบ่าวของฉันถามเจ้าเกี่ยวกับฉัน จงกล่าวว่าฉันอยู่ 180

อัล-บะกอเราะฮฺ

45

ใกล้ ฉันตอบรับการวิงวอนของผู้ที่วิงวอนเมื่อใดก็ตามที่เขาวิงวอนต่อ ฉัน ดังนั้น ขอให้พวกเขาตอบรับฉันและศรัทธาในฉันเพื่อที่พวกเขาจะ ได้รับการนำ�ทางอย่างถูกต้อง 187 เป็นที่อนุมัติส�ำ หรับสูเจ้าที่จะเข้าหา ภรรยาของสูเจ้าในตอนกลางคืนของการถือศีลอด พวกนางเป็นเหมือน กับอาภรณ์สำ�หรับสูเจ้าและสูเจ้าเป็น เหมือนอาภรณ์สำ�หรับพวกนาง พระเจ้าทรงรู้ว่าสูเจ้าไม่ซื่อตรงต่อตัวของสูเจ้าเอง พระองค์จึงได้หันมายัง สูเจ้าด้วยความเมตตาและให้อภัยสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงสมสู่กับพวกนาง และหาความสุขจากสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงอนุมัติแก่สูเจ้า จงกินและจงดื่ม จนกระทั่งสามารถแยกเส้นด้ายสีขาวแห่งรุ่งอรุณออกจากความมืด ดัง นั้น จงถือศีลอดให้ครบถ้วนจนกระทั่งพลบค่�ำ และจงอย่าเข้าหาภรรยา ของสูเจ้าในช่วงค่ำ�คืนขณะที่สูเจ้าปลีกตัวมาอยู่ในมัสญิด นี่คือขอบเขตที่ พระเจ้ากำ�หนดไว้ ดังนั้น จงอย่าเข้าใกล้มัน ด้วยวิธีการเช่นนี้ พระองค์ได้ ทำ�ให้ค�ำ บัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่มนุษยชาติ ทั้งนี้เพื่อที่พวก เขาจะได้ป้องกันตนเอง(ให้พ้นจากความชั่ว) 188 จงอย่ากินทรัพย์สินของ กันและกันโดยไม่ชอบธรรมและจงอย่าให้สินบนแก่ผู้มีอำ�นาจเพื่อที่สูเจ้า จะกินสมบัติส่วนหนึ่งของคนอื่นโดยไม่เป็นธรรมทั้งๆที่สูเจ้ารู้ดี 189 พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆของดวงจันทร์ จงบอกพวก เขาว่า “มันเป็นวิธีการของการนับวันและกำ�หนดระยะเวลาสำ�หรับการ ทำ�พิธีฮัจญ์” จงบอกพวกเขาด้วยว่า “คุณธรรมไม่ใช่อยู่ที่การเข้าบ้าน จากทางด้านหลังของมัน แท้จริง คนที่ปกป้องตัวเองให้พ้นจากความชั่ว เพราะเกรงกลัวพระเจ้าคือผู้มีคุณธรรม จงเข้าบ้านของสูเจ้าทางประตู ของมันและจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความเจริญรุ่งเรือง 190 และจงต่อสู้ในหนทางของพระเจ้ากับบรรดาผู้ที่ต่อสู้สูเจ้า แต่จงอย่า ละเมิดขอบเขต เพราะแท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ละเมิด 191 จงฆ่าคน พวกนั้นไม่ว่าสูเจ้าจะเผชิญหน้าพวกเขา(ที่ต่อสู้สูเจ้า)ไม่ว่าที่ไหน* จง * ดูหน้า 14-17 ของบทนำ�

46

2. วัวตัวเมีย

ขับไล่พวกเขาออกไปจากที่ที่พวกเขาขับไล่สูเจ้าออกมา เพราะการกดขี่ ข่มเหง(ทางศาสนา)นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการฆ่า จงอย่าต่อสู้กับพวกเขาที่ มัสญิดอัลฮะรอม เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะโจมตีสูเจ้าที่นั่น และถ้าพวก เขาโจมตีสูเจ้าก่อน จงสังหารพวกเขา นี่เป็นการลงโทษที่บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมพึงได้รับ 192 แต่ถ้าพวกเขาหยุดยั้งการโจมตี แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 193 จงต่อสู้พวกเขาต่อไปจนกว่าจะไม่มีฟิต นะฮฺ(การกดขี่ข่มเหงทางศาสนา)และศาสนาเป็นของพระเจ้าเท่านั้น ดัง นั้น ถ้าพวกเขาหยุดยั้ง ก็จงอย่าให้มีการเป็นศัตรูต่อไปเว้นแต่กับผู้ที่กดขี่ ข่มเหงและโหดเหี้ยม 194 เดือนต้องห้ามต้องได้รับการเคารพ การละเมิดกฎเดือนต้องห้าม ต้องได้รับการตอบโต้อย่างเท่าเทียมกัน ถ้าผู้ใดละเมิดกฎต่อสูเจ้า สูเจ้าก็ ตอบโต้เท่าที่เขาละเมิด จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรง อยู่กับบรรดาผู้นึกถึงพระองค์ 195 จงใช้จ่ายทรัพย์สินของสูเจ้าในหนทาง ของพระเจ้าและจงอย่าโยนตัวของสูเจ้าเองลงไปสู่ความพินาศด้วยมือ ของเจ้าเอง จงทำ�ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรื่องดี เพราะพระเจ้าทรงรักบรรดา ผู้ท�ำ ความดี 196 จงทำ�พิธีฮัจญ์และอุมเราะฮฺให้ครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อพระเจ้า แต่ ถ้าหากสูเจ้ามีอุปสรรค ก็ให้สูเจ้าอุทิศสิ่งพลีอะไรก็ได้ที่สูเจ้าสามารถหา ได้แก่พระเจ้า และจงอย่าโกนผมของสูเจ้าจนกว่าสิ่งพลีนั้นจะถึงที่ของ มัน แต่ถ้าหากผู้ใดในหมู่สูเจ้าป่วยหรือเจ็บปวดที่ศีรษะและได้โกนผม ก่อน เขาต้องชดใช้ด้วยการถือศีลอดหรือให้ทานหรือเชือดสัตว์พลี ใน ยามสันติ ถ้าใครถือโอกาสนี้ท�ำ อุมเราะฮฺรวมไปด้วย เขาต้องเชือดสัตว์ที่ สามารถหาได้พลีถวายพระเจ้า แต่ถ้าหากไม่สามารถหาได้ ให้เขาถือศีล อดสามวันระหว่างการการทำ�ฮัจญ์และอีกเจ็ดวันหลังจากกลับถึงบ้าน ของเขาแล้ว รวมกันเป็นสิบวันสำ�หรับบรรดาผู้ที่ครอบครัวของพวกเขา ไม่ได้อยู่ใกล้มัสญิดอัลฮะรอม จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ว่าพระเจ้าเป็น

อัล-บะกอเราะฮฺ

47

ผู้ทรงเฉียบขาดในการลงโทษ 197 การทำ�ฮัจญ์อยู่ในเดือนที่ได้ถูกกำ�หนด ไว้ ใครก็ตามที่ตั้งใจจะทำ�พิธีฮัจญ์ในเดือนที่ก�ำ หนดไว้จะต้องละเว้นโดย สิ้นเชิงจากการพูดจาที่น่ารังเกียจ จากความชั่วช้าเลวทรามและการวิวาท ระหว่างการทำ�ฮัจญ์ และจงจำ�ไว้ว่าพระเจ้าทรงรู้ถึงความดีอะไรก็ตามที่ สูเจ้ากระทำ� และจงเตรียมเสบียงที่จ�ำ เป็นสำ�หรับการทำ�ฮัจญ์ แต่ความ ยำ�เกรงนั้นเป็นเสบียงที่ดีที่สุด ดังนั้น จงละเว้นจากการไม่เชื่อฟังฉัน โอ้ ผู้มีความเข้าใจเอ๋ย 198 ไม่เป็นการผิดบาปแต่ประการใดหากสูเจ้าจะแสวงหาความ โปรดปรานจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า(ในระหว่างการไปทำ�ฮัจญ์) ยิ่งไป กว่านั้น เมื่อสูเจ้ากลับมาจากอะเราะฟาต จงระลึกถึงพระเจ้าที่สถานที่อัน ศักดิ์สิทธิ์ และจงระลึกถึงพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงนำ�ทางสูเจ้า เพราะ ก่อนหน้านี้ สูเจ้าได้อยู่ในหมู่ผู้หลงทาง 199 หลังจากนั้น จงกลับมาจากที่ ที่ผู้คนพากันหลั่งไหลกลับมาและจงขออภัยต่อพระเจ้า แท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 200 เมื่อสูเจ้าทำ�พิธีฮัจญ์ของสูเจ้าเสร็จ แล้ว จงระลึกถึงพระเจ้าดังที่สูเจ้าระลึกถึงบรรพบุรุษของสูเจ้าเองหรือยิ่ง กว่านั้น และในหมู่ผู้คนเหล่านั้นมีบางคนกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดประทานสิ่งที่ดีทั้งหลายแก่เราในโลกนี้” สำ�หรับคนเหล่านี้จะ ไม่มีส่วนใดๆสำ�หรับเขาในโลกหน้า 201 และมีบางคนในหมู่พวกเขากล่าว ว่า “พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานสิ่งที่ดีในโลกนี้และสิ่งที่ดีในโลก หน้าแก่เรา และโปรดช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษของไฟนรกด้วยเถิด” 202 คนเหล่านี้จะมีส่วนแบ่งตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้และพระเจ้าเป็น ผู้ทรงเฉียบพลันในการคำ�นวณ 203 และจงระลึกถึงพระเจ้าในวันทั้งหลาย ที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ และไม่มีบาปอันใดถ้าใครจะรีบเร่งออก(จากมินา)ใน สองวันหรืออยู่ที่นั่นต่อ(อีกหนึ่งวัน) ถ้าหากเขาใช้วันเหล่านี้ไปด้วยความ เกรงกลัวพระเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิดว่าวันหนึ่งสูเจ้าจะถูก รวบรวมไว้ต่อหน้าพระองค์

48

2. วัวตัวเมีย

ในหมู่มนุษย์นั้นมีคนบางประเภทที่ท�ำ ให้สูเจ้าหลงใหลในคำ�พูด ของเขาเกี่ยวกับชีวิตแห่งโลกนี้ และเขาได้ขอให้พระเจ้าเป็นพยานครั้ง แล้วครั้งเล่าถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขาเป็น ผู้ต่อต้านที่ดื้อรั้นที่สุด 205 แต่เมื่อเขากลับไป เขาได้ใช้ความพยายามทุก อย่างของเขาเพื่อสร้างความเสียหายให้แพร่ระบาดขึ้นในแผ่นดิน ทำ�ลาย พืชผลและปศุสัตว์ ในขณะที่พระเจ้าไม่ทรงรักการสร้างความเสียหาย 206 เมื่อเขาถูกบอกว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้า” ความผยองก็เกาะกุมเขาและ ชักนำ�ให้เขาทำ�ผิด สำ�หรับคนพวกนี้ นรกคือที่ที่เหมาะสมสำ�หรับพวก เขา และมันเป็นที่พ�ำ นักอันแสนชั่วร้าย 207 แต่มีบางคนประเภทที่อุทิศ ชีวิตทั้งหมดของเขาเพื่อแสวงความพึงพอพระทัยจากพระเจ้า พระเจ้า เป็นผู้ทรงเอ็นดูปวงบ่าวของพระองค์ 208 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงยอมจำ�นนต่อพระเจ้าโดยสิ้นเชิง และจง อย่าปฏิบัติตามรอยเท้าของซาตาน เพราะมันเป็นศัตรูที่เด่นชัดของสูเจ้า 209 ถ้าหากสูเจ้าถลำ�ตัวไปทำ�ความชั่วหลังจากสัญญาณทั้งหลายอัน ชัดแจ้งได้มายังสูเจ้าแล้ว จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ 210 พวกเขาจะคอยให้พระเจ้าและทูตสวรรค์ลงมายังพวกเขา ในเงาของเมฆและกำ�หนดวาระของพวกเขากระนั้นหรือ? ในที่สุด ทุก สิ่งจะถูกนำ�ไปกลับไปยังพระเจ้า 211 จงถามลูกหลานของอิสรออีลเถิด ว่ากี่สัญญาณอันชัดแจ้งแล้วที่เราได้แสดงให้พวกเขาได้เห็น และใครที่ เปลี่ยนแปลงความโปรดปรานของพระเจ้าหลังจากที่มันได้มายังเขาแล้ว จะพบว่าพระเจ้าทรงลงโทษอย่างรุนแรง 212 ชีวิตแห่งโลกนี้ได้ถูกทำ�ให้ เป็นที่เย้ายวนน่าสนใจสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม ดังนั้น พวกเขาจึง เยาะเย้ยบรรดาผู้ศรัทธา แต่ผู้ส�ำ รวมตนจากความชั่วนั้นจะอยู่เหนือพวก เขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และพระเจ้าจะประทานปัจจัยยังชีพแห่งโลก นี้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยไม่มีการคำ�นวณ 213 ครั้งหนึ่ง มนุษย์เป็นประชาชาติเดียวกัน(หลังจากนั้น ผู้คนได้ทำ�ให้ 204

อัล-บะกอเราะฮฺ

49

ความขัดแย้งเกิดขึ้น) ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ส่งนบีทั้งหลายมาเป็นผู้แจ้ง ข่าวดีและให้คำ�ตักเตือน และพระองค์ได้ส่งคัมภีร์ที่มีสัจธรรมมาพร้อม กับนบีเหล่านั้นเพื่อที่จะได้ตัดสินระหว่างมนุษย์ในเรื่องที่พวกเขาขัดแย้ง กัน ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างผู้ที่ได้รับคำ�สอนที่ชัดแจ้งแล้วเพราะพวก เขาต่างเป็นคู่แข่งกัน ดังนั้น ด้วยอนุมัติของพระองค์ พระเจ้าจึงได้ทรง นำ�ทางบรรดาผู้ที่เชื่อในนบีไปสู่สัจธรรมเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นๆขัดแย้งกัน และพระเจ้าทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปยังแนวทางที่เที่ยงตรง 214 สูเจ้าคิดหรือว่าสูเจ้าจะได้เข้าสวรรค์โดยไม่ต้องถูกทดสอบอย่างเช่น ที่บรรดาผู้ศรัทธาก่อนหน้าสูเจ้าได้ประสบมาแล้ว? พวกเขาเหล่านั้นต้อง ประสบความทุกข์ยากและความลำ�เค็ญกันมาแล้ว และการทดสอบได้ ทำ�ให้พวกเขาเหล่านั้นต้องหวั่นไหวจนศาสนทูตแห่งเวลานั้นและบรรดา ผู้ปฏิบัติตามเขาถึงกับร้องว่า “เมื่อไหร่ความช่วยเหลือของพระเจ้าจะมา สักที” แน่นอน การช่วยเหลือของพระเจ้าอยู่ใกล้ๆนี้แล้ว 215 ผู้คนทั้งหลายถามเจ้าว่า “อะไรที่เราควรใช้จ่ายเพื่อคนอื่น?” จง บอกพวกเขาว่า “อะไรก็ตามที่พวกท่านใช้จ่าย จงใช้จ่ายเพื่อพ่อแม่และ ญาติสนิท เด็กกำ�พร้า ผู้ขัดสนและคนเดินทางและความดีอันใดที่พวก ท่านทำ�ไปนั้น พระเจ้าทรงรู้ดี” 216 การสู้รบ(เพื่อป้องกันตัว)ได้ถูกกำ�หนด แก่สูเจ้าแล้ว สูเจ้าอาจรังเกียจบางสิ่งถึงแม้มันเป็นสิ่งดีส�ำ หรับสูเจ้า หรือ สูเจ้าอาจชอบบางสิ่งที่ไม่ดีส�ำ หรับสูเจ้า พระเจ้าทรงรู้ แต่สูเจ้าไม่รู้ 217 พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับการทำ�สงครามในเดือนต้องห้าม จงบอก พวกเขาว่า “การ รบพุ่งในเดือนนั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่ในสายตา ของพระเจ้า การขัดขวางผู้คนออกจากหนทางของพระเจ้า การปฏิเสธ พระองค์และขับไล่ผู้คนออกจากมัสญิดอัลฮะรอมเป็นความผิดที่ร้ายแรง ยิ่งกว่า และการกดขี่ข่มเหงนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าการฆ่า” พวกเขาจะไม่หยุด ต่อสู้กับสูเจ้าจนกว่าพวกเขาจะประสบผลสำ�เร็จในการหันสูเจ้าออกจาก ความศรัทธาของสูเจ้าถ้าพวกเขาสามารถทำ�ได้ แต่ใครก็ตามในหมู่สูเจ้า

50

2. วัวตัวเมีย

ละทิ้งความศรัทธาของเขาและตายในขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรม การงานของเขาทั้งหมดจะไร้ผลทั้งในโลกนี้และโลกหน้า พวกเขาเหล่า นี้จะได้รับไฟนรกและพวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้น 218 แต่ส�ำ หรับบรรดาผู้ ศรัทธาและอพยพออกจากบ้านและต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า คนเหล่า นี้แหละที่มุ่งหวังในความเมตตาของพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 219 พวกเขาถามเจ้า(นบี)เกี่ยวกับน้ำ�เมาและการพนัน จงกล่าวเถิดว่า “ในทั้งสองนั้นมีโทษใหญ่ถึงแม้ว่ามันจะมีคุณบ้างสำ�หรับมนุษย์ แต่โทษ ของมันทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่กว่าคุณประโยชน์ของมัน” และพวกเขาถามว่า อะไรที่พวกเขาต้องจ่าย(ในทางของพระเจ้า) จงกล่าวเถิดว่า “อะไรก็ได้ที่ เกินความจำ�เป็นของพวกท่าน” ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ท�ำ ให้คำ�บัญชาของ พระองค์เป็นที่แจ่มแจ้งแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ใคร่ครวญถึงสิ่งดี 220 ใน โลกนี้และโลกหน้า พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับเด็กกำ�พร้า จงกล่าวเถิด “วิธี การทำ�ดีที่ยิ่งใหญ่คือการสร้างการกินดีอยู่ดีให้เด็กกำ�พร้า มันไม่มีโทษ อันใดถ้าหากพวกท่านจะอยู่กับพวกเขา เพราะเหนืออื่นใด พวกเขาก็ เป็นพี่น้องของพวกท่าน พระเจ้าทรงรู้ดีว่าใครเป็นผู้คิดจะสร้างความเสีย หายและใครที่มีเจตนาดี ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์อาจทำ�ให้ พวกท่านลำ�บากได้ในเรื่องนี้ เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชา ญาณ” 221 จงอย่าแต่งงานกับหญิงผู้ตั้งภาคีจนกว่านางจะศรัทธา แท้จริงแล้ว บ่าวหญิงผู้มีความศรัทธานั้นดีกว่าหญิงผู้ตั้งภาคีถึงแม้ว่านางจะเป็นที่ ต้องใจสูเจ้าก็ตาม ในทำ�นองเดียวกัน จงอย่ายกหญิงผู้ศรัทธาให้แต่งงาน กับชายผู้ตั้งภาคีจนกว่าเขาจะศรัทธา แท้จริง บ่าวชายผู้มีความศรัทธา นั้นดีกว่าชายผู้ตั้งภาคีแม้ว่าเขาจะเป็นที่ต้องใจสูเจ้าก็ตาม ผู้ตั้งภาคีเหล่า นั้นเรียกร้องสูเจ้าไปสู่ไฟนรกขณะที่พระเจ้าเรียกร้องสูเจ้าไปสู่สวรรค์ และการอภัยโทษ พระองค์ได้ทรงทำ�ให้สาสน์ทั้งหลายของพระองค์เป็น

อัล-บะกอเราะฮฺ

51

ที่แจ่มแจ้งสำ�หรับมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้จดจำ� 222 พวกเขา ถามเจ้าเกี่ยวกับระดู จงกล่าวเถิดว่า “มันเป็นสิ่งที่ไม่สะอาด จงออกห่าง จากผู้หญิงระหว่างที่นางมีระดู และจงอย่าเข้าใกล้พวกนางจนกว่าพวก นางจะสะอาด เมื่อพวกนางทำ�ความสะอาดตัวของพวกนางแล้ว สูเจ้าจึง เข้าหาพวกนางได้ตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาสูเจ้า” แน่นอน พระเจ้าทรง รักบรรดาผู้หันไปสำ�นึกผิดและพระองค์ทรงรักผู้ที่รักษาตัวเองให้สะอาด 223 ภรรยาของสูเจ้าคือทุ่งนาของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงเข้าสู่ทุ่งนาของสูเจ้า ตามที่สูเจ้าพึงใจ จงส่ง(ความดีบางอย่าง)ล่วงหน้าไปเพื่อสูเจ้าเองและจง เกรงกลัวพระเจ้า และจงรู้ไว้เถิดว่าวันหนึ่งสูเจ้าจะพบกับพระองค์” (นบี เอ๋ย) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา 224 จงอย่าเอาพระเจ้ามาอ้างเมื่อสูเจ้าสาบานด้วยพระองค์เพื่อหลีก เลี่ยงการทำ�ความดี การสำ�รวมตนและการสร้างความสันติในหมู่ผู้คน แท้จริง พระเจ้าทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 225 พระเจ้าจะไม่ให้สูเจ้ารับ ผิดชอบต่อคำ�สาบานที่สูเจ้ากล่าวโดยไม่ได้เจตนา แต่พระองค์จะถือเอา คำ�สาบานที่สูเจ้าทำ�ขึ้นโดยมีเจตนา แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง ขันติ 226 สำ�หรับบรรดาผู้สาบานว่าจะเลิกเกี่ยวข้องกับภรรยาของเขานั้น จะได้รับเวลาสี่เดือน ถ้าพวกเขากลับมามีความสัมพันธ์ดังเดิม พระเจ้า เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 227 แต่ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะหย่า พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 228 หญิงที่ถูกหย่าจะต้องรอ คอยให้ประจำ�เดือนครบสามรอบ และไม่อนุมัติให้นางปิดบังซ่อนเร้นสิ่ง ที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นในมดลูกของนางถ้าหากนางศรัทธาในพระเจ้าและ ในวันสุดท้าย สามีของนางมีสิทธิ์ที่จะเอาตัวนางกลับคืนมาเป็นภรรยาใน ช่วงเวลาแห่งการรอคอยนั้นถ้าหากเขาทั้งสองปรารถนาที่จะปรองดอง กัน ภรรยาก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกับที่สามีมีสิทธิ์เหนือนางตามหลักการที่รู้กัน ดี แต่สำ�หรับชายนั้นมีสถานะเหนือนางหนึ่งขั้น พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

52

2. วัวตัวเมีย

การหย่าอาจถูกกล่าวออกมาได้สองครั้ง หลังจากนั้น จงให้นาง อยู่อย่างมีเกียรติหรือให้นางจากไปโดยปรานี ไม่เป็นที่อนุมัติให้สูเจ้าเอา สิ่งใดที่สูเจ้าให้นางไปแล้วกลับคืนมา แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าหากทั้งสอง กลัวว่าจะไม่สามารถรักษากฎเกณฑ์ที่พระเจ้ากำ�หนดไว้ ในกรณีเช่นนั้น ไม่มีบาปแก่เขาทั้งสองถ้าหากว่าฝ่ายหญิงเลือกที่จะให้บางสิ่งแก่สามีเพื่อ การปล่อยนางไป นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่ก�ำ หนดโดยพระเจ้า ดังนั้น จงอย่า ละเมิดกฎเกณฑ์นี้ เพราะผู้ใดละเมิดกฎเกณฑ์ของพระเจ้า พวกเขาก็เป็น ผู้ทำ�ความผิด 230 และถ้าสามีหย่าภรรยาของเขาเป็นครั้งที่สาม เขาจะ ไม่สามารถแต่งงานใหม่กับนางได้อีก จนกว่านางจะแต่งงานกับชายอื่น หลังจากนั้น ถ้าสามีคนที่สองของนางได้หย่านางแล้ว มันก็ไม่เป็นบาป แก่ทั้งสองที่จะกลับมาแต่งงานกันใหม่ ถ้าหากหญิงผู้นั้นและสามีคนแรก มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำ�รงอยู่ภายในกฎเกณฑ์ของพระเจ้าได้ นี่ คือกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่พระองค์ได้ทรงทำ�ให้มันเป็นที่ชัดเจนสำ�หรับ ผู้มีความเข้าใจ 231 เมื่อสูเจ้าได้หย่าภรรยาของสูเจ้าและนางจะครบระยะ เวลาที่กำ�หนดไว้สำ�หรับนางแล้ว จงยั้งนางให้อยู่โดยดีหรือให้นางจากไป ด้วยดี จงอย่ารั้งนางไว้เพื่อทำ�ร้ายนางหรือทำ�ให้นางเกิดทุกข์ ใครก็ตาม ที่กระทำ�เช่นนั้น โดยแท้จริงแล้วเขาเป็นผู้อธรรมต่อตัวเขาเอง จงอย่า ล้อเล่นกับคำ�บัญชาของพระเจ้า และจงนึกถึงความโปรดปรานมากมาย ที่พระเจ้าได้ประทานแก่สูเจ้า และคัมภีร์และวิทยปัญญาที่พระองค์ได้ ประทานมาเพื่อเตือนสูเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้า และจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้า ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 232 เมื่อสูเจ้าหย่าภรรยาของสูเจ้าและนางพ้นระยะเวลารอคอยที่ ถูกกำ�หนดไว้แล้ว สูเจ้าจงอย่าขัดขวางนางมิให้แต่งงานกับชายอื่น ถ้า หากว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแต่งงานกันอย่างมีเกียรติ สูเจ้าถูกบัญชา มิให้กระทำ�ผิดเช่นนั้นถ้าหากสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย มัน เป็นการผ่องแผ้วที่สุดและสะอาดที่สุดสำ�หรับสูเจ้า พระเจ้าทรงรอบรู้ แต่ 229

อัล-บะกอเราะฮฺ

53

สูเจ้าไม่รู้ 233 และแม่(ที่ถูกหย่า)ต้องให้ลูกของนางดื่มนมสองปีเต็มถ้า หากว่าพ่อประสงค์จะให้แม่ให้นมแก่ลูกจนครบ ในกรณีเช่นนี้ พ่อของเด็ก ต้องรับผิดชอบในการดูแลแม่(ของลูก)อย่างเป็นธรรม ไม่มีชีวิตใดแบก ภาระเกินกว่าที่มันจะสามารถแบกรับได้ แม่ต้องไม่ได้รับความลำ�บาก เดือดร้อนเพราะลูกของนาง และพ่อต้องไม่ถูกทำ�ให้เดือดร้อนเพราะลูก ของเขา หน้าที่เดียวกันนี้ตกอยู่กับทายาทของพ่อ(ในกรณีที่พ่อของเด็ก ตาย) แต่ถ้าหลังปรึกษากันแล้ว ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้เด็กหย่านาม มัน ก็ไม่มีข้อตำ�หนิอันใดแก่ทั้งสองฝ่าย และมันก็ไม่ผิดแต่ประการใดถ้าหาก สูเจ้าจะหาแม่นมมาให้นมแก่ลูกของสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าให้ค่าเลี้ยงดูนาง อย่างเป็นธรรม จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรง เห็นตามที่สูเจ้ากระทำ� 234 ถ้าหากสูเจ้าคนใดตายโดยทิ้งภรรยาไว้เป็นหม้าย นางต้องรอคอย เป็นเวลาสี่เดือนกับสิบวัน และเมื่อนางพ้นกำ�หนดแห่งการรอคอยแล้ว นางก็มีสิทธิ์ที่จะทำ�อะไรก็ได้ที่นางเลือกเพื่อตัวเองถ้าหากว่ามันเป็นเรื่อง บังควร และสูเจ้าจะไม่ถูกตำ�หนิในเรื่องนี้ พระเจ้าทรงรู้ทุกอย่างที่สูเจ้า กระทำ� 235 มันไม่เป็นความผิดแต่ประการใดถ้าหากสูเจ้าจะพูดทาบทาม ขอแต่งงาน(กับหญิงที่ถูกหย่าหรือหญิงหม้าย)ระหว่างที่นางกำ�ลังอยู่ใน ระยะเวลารอคอยหรือสูเจ้าจะเก็บมันไว้ในหัวใจของสูเจ้า เพราะพระเจ้า ทรงรู้ว่าในไม่ช้าสูเจ้าจะคิดถึงนาง แต่จงอย่าลอบทำ�สัญญาลับๆกับนาง ถ้าหากสูเจ้าจะต้องทำ�สิ่งใด จงทำ�มันอย่างมีเกียรติ และสูเจ้าจงอย่าเพิ่ง จัดการสิ่งใดเกี่ยวกับการแต่งงานจนกว่าระยะเวลาแห่งการรอคอยจะสิ้น สุดลง จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้าคิด ดังนั้น จงเกรงกลัวพระองค์ และจงรู้ไว้ด้วยว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงผ่อนปรน 236 สูเจ้าไม่ถูก ตำ�หนิแต่อย่างใด(สำ�หรับการไม่จ่ายเงินของขวัญแต่งงาน)ถ้าสูเจ้ายัง ไม่ได้อยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากับนางหรือกำ�หนดของหมั้นใดๆไว้สำ�หรับ นาง อย่างไรก็ตาม ในกรณีเช่นนี้ จงให้บางสิ่งแก่นาง คนที่มั่งมีก็ควรให้

54

2. วัวตัวเมีย

อย่างเป็นธรรมตามปัจจัยที่เขามีอยู่ และคนจนก็ควรให้ตามฐานะ นี่เป็น หน้าที่ของผู้มีคุณธรรม 237 ถ้าสูเจ้ากำ�หนดของหมั้นสำ�หรับนางแล้วและ หย่านางก่อนที่สูเจ้าได้อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยากับนาง สูเจ้าจงให้ของ หมั้นแก่นางครึ่งหนึ่ง เว้นเสียแต่ว่า(ผู้หญิง)ตกลงที่จะไม่รับมันหรือชาย (สามี)ที่มีพันธะจะต้องแต่งงานอยู่ในมือจะยกให้(ทั้งหมด) ถ้าหากสูเจ้า ทำ�ดีเช่นนั้น มันก็เป็นการใกล้กับการสำ�รวมตน จงอย่าละทิ้งโอกาสแสดง ความโอบอ้อมอารีต่อกันในระหว่างสูเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงเห็นสิ่งที่สูเจ้า กระทำ� 238 จงรักษาการนมาซของสูเจ้าโดยเฉพาะการนมาซตรงกลาง และจง ยืนต่อหน้าพระเจ้าดังบ่าวที่นอบน้อมด้วยความภักดี 239 เมื่อสูเจ้าอยู่ใน อันตราย สูเจ้าก็ต้องนมาซ ไม่ว่าจะเดินเท้าหรืออยู่บนหลังสัตว์พาหนะ และเมื่อสูเจ้าปลอดภัย ดังนั้น จงระลึกถึงพระเจ้าเพราะพระองค์ได้ทรง สอนสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้มาก่อน 240 ถ้าคนใดในหมู่สูเจ้าจะตายและทิ้ง ภรรยาหม้ายไว้ข้างหลัง เขาต้องทำ�พินัยกรรมไว้ให้พวกนางได้มีค่าเลี้ยง ดูถึงหนึ่งปีและทำ�ให้นางไม่จ�ำ เป็นต้องออกไปจากบ้านของพวกนาง แต่ ถ้านางจะออกจากบ้านตามความพอใจของนาง สูเจ้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ในสิ่งที่พวกนางเลือกเพื่อตัวของพวกนางเองโดยชอบธรรม พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 241 สำ�หรับผู้หญิงที่ถูกหย่าก็ควรที่จะได้ รับปัจจัยยังชีพโดยชอบธรรม นี่คือหน้าที่ส�ำ หรับผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า 242 ดังนั้น พระเจ้าได้ท�ำ ให้ค�ำ บัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้เข้าใจ 243 เจ้าไม่เคยเห็นคนนับพันที่อพยพออกจากบ้านของพวกเขา เพราะกลัวตายบ้างหรือ? พระเจ้าทรงกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงตาย” แล้ว พระองค์ก็ทรงให้ชีวิตแก่พวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แท้จริง พระเจ้าทรงเป็น เจ้าแห่งความโปรดปรานต่อมนุษยชาติทั้งมวล แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ จักขอบคุณ 244 จงต่อสู้(ป้องกันตนเอง)ในทางของพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิด

อัล-บะกอเราะฮฺ

55

ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินและผู้ทรงรู้ทุกสิ่ง 245 ใครบ้างในหมู่สูเจ้าที่จะ ให้การยืมที่ดีแก่พระเจ้า? พระองค์จะทรงใช้คืนให้เขาหลังจากที่ได้เพิ่ม มันเป็นทวีคูณแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถลดและเพิ่มความมั่งคั่ง และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะถูกนำ�กลับไป 246 สูเจ้าเคยได้ยินเรื่องที่บรรดาหัวหน้าของพวกลูกหลานอิสรออีล เรียกร้องต่อนบีคนหนึ่งหลังจากมูซาบ้างไหม? พวกเขากล่าวว่า “จงแต่ง ตั้งกษัตริย์คนหนึ่งให้แก่เราเพื่อที่เราจะได้ต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า” นบีคนนั้นตอบว่า “แล้วถ้าพวกท่านไม่ต่อสู้เมื่อถูกสั่งให้ต่อสู้ล่ะ จะว่า อย่างไร?” พวกเขาตอบว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่เราจะไม่ต่อสู้ในหนทาง ของพระเจ้าในเมื่อเราได้ถูกขับไล่ออกมาจากบ้านของเราและพลัดพราก จากลูกๆของเรา?” แต่เมื่อพวกเขาถูกบัญชาให้ต่อสู้ พวกเขาก็หันหลัง กลับยกเว้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในหมู่พวกเขา พระเจ้าทรงรู้จักบรรดา ผู้ท�ำ ความผิดเหล่านี้ทุกคน 247 นบีของพวกเขากล่าวแก่พวกเขาว่า “พระเจ้าได้ทรงแต่งตั้งฏอลูตให้เป็นกษัตริย์ของพวกท่านแล้ว” แต่พวก เขากล่าวว่า “เขามีสิทธิ์ที่จะเป็นกษัตริย์เหนือพวกเราได้อย่างไร? พวก เรามีสิทธิ์ที่จะเป็นกษัตริย์มากกว่าเขาเสียอีก เพราะเขาไม่มีความมั่งคั่ง เพียงพอ” นบีได้ตอบว่า “พระเจ้าทรงเลือกเขาเหนือพวกท่านแล้วและได้ ประทานพลังในความรู้และร่างกายแก่เขาอย่างมากมายมหาศาล พระเจ้า ทรงมีอำ�นาจที่จะประทานความเป็นกษัตริย์แก่ใครก็ได้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้” 248 นบีของพวกเขาได้ บอกแก่พวกเขาอีกว่า “สัญญาณแห่งการได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ จากพระเจ้าก็คือ ในระหว่างการปกครองของเขา หีบแห่งพันธสัญญาจะ กลับมายังพวกท่าน ในหีบนั้นจะมีความสงบทางจิตใจจากพระผู้อภิบาล ของพวกท่านและมีสิ่งของสำ�คัญที่ครอบครัวมูซาและฮารูนทิ้งไว้ข้างหลัง ซึ่งทูตสวรรค์แบกมันไว้ในตอนนี้ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่งสำ�หรับ พวกท่านหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง”

56

2. วัวตัวเมีย

เมื่อฏอลูตเคลื่อนทัพออกไปพร้อมกับกองทัพของเขา เขาได้บอก คนของเขาว่า “พระเจ้าจะทดสอบพวกท่านด้วยแม่น�้ำ สายหนึ่ง ใครก็ตาม ที่ดื่มน้ำ�จากแม่น้ำ�สายนี้ เขาคนนั้นไม่ใช่พวกพ้องของฉัน คนที่เป็นพวก พ้องของฉันคือคนที่ไม่ดื่มจากแม่น�้ำ สายนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากจะ จิบเพียงเล็กน้อยจากมือที่เขาวักขึ้นมาก็ไม่ถูกตำ�หนิ” แต่ถึงแม้จะเตือน แล้ว พวกเขาเกือบทั้งหมดยังดื่มมัน ยกเว้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หลังจาก นั้น เมื่อฏอลูตและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาได้ข้ามแม่น้ำ�และเคลื่อนที่ ไปข้างหน้า พวกเขาได้กล่าวกับฏอลูตว่า “วันนี้ เราไม่มีก�ำ ลังพอที่จะ ต่อสู้ญาลูต(โกไลแอธ)และไพร่พลของเขาได้” แต่บรรดาผู้ที่ศรัทธาว่าวัน หนึ่งพวกเขาจะไปพบพระเจ้าได้ประกาศว่า “มีบ่อยไปที่คนจำ�นวนน้อย เอาชนะคนจำ�นวนมากได้ด้วยอนุมัติของพระเจ้า เพราะพระเจ้าอยู่กับ ผู้ที่อดทน” 250 เมื่อพวกเขาดาหน้ากันออกมาพบกับญาลูตและไพร่พล ของเขา พวกเขาได้วิงวอนว่า “พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทาน ความอดทนแก่เราและทำ�ให้เรายืนหยัดได้อย่างมั่นคงและโปรดช่วยเรา ให้มีชัยเหนือพวกปฏิเสธสัจธรรมด้วยเถิด” 251 ดังนั้น ด้วยอนุมัติของ พระเจ้า พวกเขาก็สามารถเอาชนะบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้ ดาวูดได้ สังหารญาลูต และพระเจ้าได้ประทานตำ�แหน่งกษัตริย์และวิทยปัญญาแก่ เขาและได้สอนเขาถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงประสงค์ ถ้าพระเจ้าไม่ทรง ป้องกันคนกลุ่มหนึ่งโดยคนอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว แผ่นดินก็คงจะเต็มไปด้วย เสื่อมทรามอย่างแน่นอน แต่พระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานแก่ มนุษยชาติ 252 เหล่านี้คือสาสน์ของพระเจ้าที่เราอ่านให้เจ้าด้วยความจริงทั้งหมด แน่นอน เจ้าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้ถูกส่งมา 253 ในบรรดาศาสนทูตทั้ง หลายนั้น เราได้ให้บางคนมีบางอย่างเหนือกว่าอีกบางคน ในหมู่พวก เขานี้มีผู้ที่พระเจ้าตรัสกับเขาด้วยพระองค์เอง มีบางคนที่พระองค์ได้ ทรงยกย่องให้อยู่ในฐานะสูง ในทำ�นองเดียวกัน เราได้ประทานสัญญาณ 249

อัล-บะกอเราะฮฺ

57

ต่างๆอันชัดแจ้งแก่อีซาบุตรของมัรฺยัม และทำ�ให้เขาเข้มแข็งด้วย วิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ ผู้คนที่มาทีหลังพวกเขาจะ ไม่ต่อสู้กันเองหลังจากได้เห็นสัญญาณอันชัดเจนแล้ว แต่พวกเขาก็ขัด แย้งกันเอง บางคนศรัทธาในขณะที่บางคนไม่ศรัทธา ถ้าหากพระเจ้าทรง ประสงค์ พวกเขาคงจะไม่ต่อสู้กันและกัน แต่พระเจ้ากระทำ�สิ่งที่พระองค์ ทรงประสงค์ 254 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงใช้จ่ายทรัพย์สินที่เราได้ประทานแก่สูเจ้า ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึงซึ่งในวันนั้นจะไม่มีการซื้อขายและไม่มีมิตรภาพ และไม่มีการไถ่แทน แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้นคือผู้ท�ำ ความ ผิด 255 พระเจ้า : ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ผู้ทรงมีชีวิตอยู่ เสมอ ผู้ทรงดำ�รงอยู่นิรันดร พระองค์ไม่ทรงง่วงและไม่นอน ทุกสรรพ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์ ใครเล่าที่จะ สามารถเข้าไปขอไถ่โทษกับพระองค์ได้ เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะทรง อนุมัติ? พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาและทุกสิ่งที่ อยู่เบื้องหลังของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงความรู้ของพระองค์ เว้นแต่สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์จะแสดงให้เห็น อาณาจักรของพระองค์ แผ่กว้างทั่วชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการป้องกันทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้ทำ�ให้ พระองค์ต้องเหนื่อยหน่าย พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่ง ใหญ่ 256 ไม่มีการบังคับกันในเรื่องศาสนา สิ่งที่ถูกต้องได้ถูกจำ�แนก แยกแยะออกจากสิ่งที่ผิดเป็นที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้น ผู้ใดที่ปฏิเสธซาตาน และศรัทธาในพระเจ้าเขาก็ได้รับการสนับสนุนอันมั่นคงไม่มีวันขาด และ พระเจ้าทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 257 พระเจ้าทรงเป็นผู้คุ้มครองและ ผู้ทรงช่วยเหลือของบรรดาผู้ศรัทธาในพระองค์ พระองค์ทรงนำ�พวกเขา จากความมืดมาสู่แสงสว่าง สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น ผู้คุ้มครองพวก เขาคือซาตานที่น�ำ พวกเขาออกจากแสงสว่างสู่ความมืด คนเหล่านี้เป็น สหายของไฟซึ่งพวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้น

58

2. วัวตัวเมีย

เจ้าไม่ได้ยินเรื่องของคนที่โต้เถียงกับอิบรอฮีมในเรื่องพระผู้ อภิบาลได้ประทานอำ�นาจแก่เขากระนั้นหรือ? อิบรอฮีมกล่าวว่า “พระผู้ อภิบาลของฉันคือผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ตาย” เขาตอบว่า “ฉันก็ให้ชีวิต และให้ตายได้เช่นกัน” ดังนั้น อิบรอฮีมจึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงนำ�ดวง อาทิตย์มาทางตะวันออก ดังนั้น ขอให้ท่านนำ�มันมาทางตะวันตก” ดังนั้น ผู้ปฏิเสธจึงจนปัญญา พระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางผู้ทำ�ความผิด 259 หรือกรณีของผู้ที่ผ่านมายังเมืองหนึ่งซึ่งพังราบลงมา เขาได้อุทาน ว่า “พระเจ้าจะให้เมืองนี้กลับมามีชีวิตได้อย่างไรหลังจากที่มันได้ตาย ไปแล้ว?” ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงให้เขาตายไปหนึ่งร้อยปี หลังจาก นั้นก็ทรงให้เขามีชีวิตขึ้น แล้วพระองค์ทรงถามเขาว่า “สูเจ้าพักอยู่นาน เท่าใด?” เขาตอบว่า “ฉันอาจจะพักอยู่ที่นี่หนึ่งวันหรือเพียงไม่กี่ชั่วโมง” พระเจ้าทรงกล่าวว่า “ไม่ใช่ สูเจ้าพักอยู่ที่นี่นานหนึ่งร้อยปี จงดูอาหารและ เครื่องดื่มของสูเจ้าซิ มันยังไม่เน่าบูดเลย แล้วจงดูลาของสูเจ้าซิ (กระดูก ของมันผุพังแล้ว) และเราได้ท�ำ สิ่งนี้เพื่อทำ�ให้สูเจ้าเป็นสัญญาณสำ�หรับ มนุษย์ แล้วจงดูว่าเราได้เรียงโครงกระดูกของลาและหุ้มมันด้วยเนื้อได้ อย่างไร” เมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่เขาแล้ว เขาก็กล่าวว่า “ฉัน รู้ดีว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง” 260 และเมื่ออิบรอฮีมกล่าว ว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดแสดงให้ฉันเห็นว่าพระองค์ทรงทำ�ให้สิ่ง ที่ตายกลับมีชีวิตได้อย่างไร” พระองค์ทรงถามว่า “เจ้าไม่เชื่อหรือ ?” อิ บรอฮีมตอบว่า “ฉันเชื่อ แต่ฉันถามเพื่อให้หัวใจของฉันเกิดความแน่ใจ” พระเจ้าจึงทรงสั่งว่า “ถ้าเช่นนั้น จงเอานกมาสี่ตัวแล้วฝึกมันให้กลับมาหา เจ้า หลังจากนั้น จงวางชิ้นส่วนของนกแต่ละตัวไว้บนภูเขาแต่ละลูกโดย แยกจากกัน แล้วเรียกพวกมัน มันก็จะรีบมายังเจ้า จงรู้ ไว้เถิดว่าพระเจ้า เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” 261 บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาในหนทางของพระเจ้าอาจ เปรียบได้ดังเมล็ดพืชที่งอกออกมาเจ็ดรวง และแต่ละรวงมีหนึ่งร้อยเมล็ด 258

อัล-บะกอเราะฮฺ

59

เพราะพระเจ้าทรงทบทวีทานของผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระเจ้าเป็น ผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ 262 บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาใน หนทางของพระเจ้าและไม่ได้ติดตามการบริจาคของพวกเขาด้วยการ ลำ�เลิกและเราะรานความรู้สึกของผู้ได้รับนั้น พวกเขาจะได้รับ รางวัล ตอบแทนจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีความกลัวและ ความระทมแต่อย่างใด 263 คำ�พูดที่ไพเราะและการอดทนนั้นดีกว่าการ ทำ�ทานที่ตามมาด้วยการเราะรานหรือดูถูก พระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงมีอย่าง เพียงพอและผู้ทรงขันติ 264 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าทำ�ให้การทำ�กุศล ทานของสูเจ้าไร้ผลด้วยการลำ�เลิกและเราะรานผู้ที่ได้รับเหมือนกับผู้ บริจาคทานเพื่ออวดอ้างแก่มนุษย์และไม่เชื่อในพระเจ้าและในวันสุดท้าย คนเช่นนั้นอาจเปรียบได้กับก้อนหินที่มีดินติดอยู่ เมื่อฝนตกลงมาบนมัน ดินบนหินนั้นก็ถูกฝนชะล้างจนเกลี้ยง คนเช่นนี้จะไม่ได้รับสิ่งใดจากการ งานของพวกเขา และพระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางบรรดาผู้ปฏิเสธความจริง 265 ส่วนบรรดาผู้ใช้ทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อความพึงพอพระทัยของ พระเจ้าและทำ�ให้วิญญาณของพวกเขาเข้มแข็งก็เหมือนกับสวนบนที่ สูง ถ้าหากฝนตกหนัก มันก็ให้ผลผลิตเป็นสองเท่า และถึงแม้จะไม่มีฝน ตกหนัก แค่ฝนปรอยๆก็เพียงพอแล้วสำ�หรับมัน พระเจ้าทรงเห็นสิ่งที่ สูเจ้ากระทำ� 266 มีผู้ใดในหมู่สูเจ้าบ้างที่ต้องการให้ตัวเองมีสวนอินทผลัม และองุ่นเขียวชอุ่มโดยได้รับน้ำ�จากลำ�น้ำ�หลายสายที่ไหลผ่านและในสวน นั้นมีผลไม้หลายชนิด แล้วสวนนั้นถูกลมพายุหมุนพัดโหมกระหน่�ำ ไฟ ไหม้ในตอนที่ตัวเองอยู่ในวัยชราและบรรดาลูกเล็กๆของเขาอ่อนแอเกิน กว่าที่จะช่วยเหลือได้? ดังนั้น พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้สัญญาณทั้งหลายของ พระองค์เป็นที่แจ่มแจ้งแก่สูเจ้าแล้วเพื่อที่สูเจ้าจะได้ตรึกตรอง 267 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงใช้จ่ายจากสิ่งที่ดีที่สูเจ้าหามาได้และจากที่ เราได้ท�ำ ให้งอกเงยจากพื้นดินสำ�หรับสูเจ้าเป็นทาน ไม่ใช่สิ่งไร้ค่าที่สูเจ้า เองก็ไม่อยากรับ จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงมีอยู่อย่างเพียงพอและทรงควร

60

2. วัวตัวเมีย

ค่าแก่การได้รับการสรรเสริญ 268 ซาตานได้เอาความลำ�บากยากจนมา ข่มขู่สูเจ้าและเสี้ยมสอนสูเจ้าให้ตระหนี่ถี่เหนียว แต่พระเจ้าทรงสัญญา แก่สูเจ้าซึ่งการให้อภัยจากพระองค์และความบริบูรณ์ พระเจ้าเป็นผู้ทรง ไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ 269 พระองค์ทรงประทานวิทยปัญญาแก่ผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ และใครก็ตามที่ได้รับวิทยปัญญา เขาผู้นั้นก็ได้รับทรัพย์ สมบัติอันยิ่งใหญ่ แต่คนที่มีความเข้าใจเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้ 270 พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าได้ใช้จ่ายและการบนบานใดๆที่สูเจ้า ได้ท�ำ ไป แต่บรรดาผู้กระทำ�ผิดจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ 271 ถ้าสูเจ้าบริจาค ทานอย่างเปิดเผย มันก็เป็นการดี แต่ถ้าสูเจ้าบริจาคอย่างลับๆแก่คน ขัดสน มันจะดีกว่าสำ�หรับสูเจ้า เพราะมันจะลบล้างบาปบางอย่างของ สูเจ้า อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 272 เจ้า(มุฮัม มัด) ไม่ต้องรับผิดชอบที่จะทำ�ให้พวกเขาปฏิบัติตามทางนำ� พระเจ้า ต่างหากที่จะนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรัพย์สินอะไรก็ตามที่ สูเจ้าบริจาคเป็นกุศลทาน มันจะเป็นผลดีสำ�หรับสูเจ้าเองถ้าหากว่าสูเจ้า ใช้จ่ายทรัพย์สินของสูเจ้าเพื่อหวังความพึงพอใจจากพระเจ้า ทรัพย์สิน อะไรก็ตามที่สูเจ้าใช้จ่ายไป(เพื่อหนทางของพระเจ้า)สูเจ้าจะได้รับการ ตอบแทนอย่างเต็มเปี่ยมสำ�หรับสิ่งที่สูเจ้าใช้จ่าย และสิ่งที่สูเจ้าพึงได้นั้น จะไม่ถูกทำ�ให้บกพร่อง 273 บรรดาผู้ที่ลำ�บากยากเข็ญในหนทางของ พระเจ้าจนไม่สามารถไปไหนมาไหนเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเองได้นั้นสมควร ที่จะได้รับความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะ พวกคนไม่รู้อาจคิดว่าพวกเขา เหล่านั้นไม่มีความต้องการเพราะพวกเขาไม่ขอ แต่สูเจ้าสามารถสังเกต พวกเขาได้ พวกเขาไม่ขอจากผู้คนอย่างพร่�ำ เพรื่อ อะไรก็ตามที่สูเจ้า ใช้จ่ายไป พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่ง 274 บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขา อย่างลับๆและเปิดเผยทั้งในเวลากลางคืนและกลางวันนั้นจะได้รับรางวัล ที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวและ ระทม

อัล-บะกอเราะฮฺ

61

ส่วนบรรดาผู้กินดอกเบี้ยจะเป็นเหมือนกับผู้ที่ซาตานทำ�ให้พวก เขางงงวยและเป็นบ้าโดยการสัมผัสของมัน พวกเขาถูกสาปแช่งเช่น นี้เพราะพวกเขากล่าวว่า “การค้านั้นก็เหมือนกับดอกเบี้ย” ในขณะที่ พระเจ้าทรงอนุมัติการค้า แต่ทรงห้ามดอกเบี้ย ดังนั้น หากใครก็ตามที่ ละเว้นจากการเอาดอกเบี้ยหลังจากที่ได้รับคำ�เตือนนี้จากพระผู้อภิบาล ของเขาแล้ว เขาจะไม่ถูกดำ�เนินการทางกฎหมายเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่เขา ได้กินไปก่อนหน้านี้ และเป็นเรื่องของพระเจ้าที่จะตัดสินกรณีของเขา แต่ถ้าหากเขายังทำ�ความผิดอย่างเดียวกันนี้อีก เขาเหล่านี้คือสหายของ ไฟนรกและพวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้น 276 พระเจ้าจะทรงบั่นทอนความ จำ�เริญออกจากดอกเบี้ยและจะทรงเพิ่มพูนกุศลทาน พระเจ้าไม่ทรงรัก ผู้ท�ำ ผิดที่เนรคุณ 277 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี และ ดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาต พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขาที่พระผู้ อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาจะไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวและระทม 278 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงละทิ้งดอกเบี้ยใน ส่วนที่สูเจ้ายังอาจได้รับถ้าหากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง 279 แต่ถ้า หากสูเจ้าไม่ทำ�เช่นนั้น จงรู้ไว้ว่าสูเจ้ากำ�ลังทำ�สงครามกับพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ถ้าสูเจ้าสำ�นึกผิด สูเจ้ามีสิทธิ์ที่ จะได้เงินต้นคืน สูเจ้าจงอย่าอธรรม(ต่อคนอื่น)และสูเจ้าจะไม่ถูกอธรรม 280 ถ้าหากลูกหนี้ของสูเจ้าอยู่ในภาวะขัดสน จงผ่อนปรนให้แก่เขาจนกว่า สถานการณ์ของเขาจะดีขึ้น แต่ถ้าหากสูเจ้ายกหนี้ให้เป็นทาน มันก็ เป็นการดีกว่าสำ�หรับสูเจ้าถ้าหากสูเจ้ารู้ 281 จงระวังตนเองให้พ้นจาก ความทุกข์ยากแห่งวันที่สูเจ้าจะกลับไปหาพระเจ้า ณ ที่นั้น ทุกชีวิตจะ ได้รับการตอบแทนเต็มตามที่แต่ละคนได้ขวนขวายไว้และเขาจะไม่ได้รับ ความอยุติธรรม 282 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อสูเจ้าทำ�สัญญากันในเรื่องหนี้สินในเวลา ที่ก�ำ หนดไว้ สูเจ้าจงเขียนมันลงไป จงให้ผู้จดบันทึกเขียนมันด้วยความ 275

62

2. วัวตัวเมีย

เที่ยงธรรมสำ�หรับทั้งสองฝ่าย ผู้จดบันทึกจงอย่าปฏิเสธที่จะเขียน จงให้ เขาเขียนตามที่พระเจ้าทรงสอนเขา จงให้ลูกหนี้เป็นผู้สั่งให้เขียน และเขา จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของเขา และเขาจะต้องไม่ทำ�ให้สิ่งใดลดลงหรือ เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ถ้าหากลูกหนี้เบาปัญญาหรืออ่อนแอ หรือไม่สามารถสั่งให้เขียนได้ ดังนั้น จงให้ผู้ดูแลเขาสั่งให้เขียนโดยเที่ยง ธรรม และจงให้ชายสองคนในหมู่สูเจ้าเป็นพยานต่อบันทึกเอกสารนั้น แต่ถ้าหากไม่มีผู้ชายสองคน จงให้มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงสองคนเป็น พยาน เพื่อที่ว่าถ้าหากผู้หญิงคนหนึ่งลืม ผู้หญิงอีกคนหนึ่งจะได้เตือน ความจำ�ของเธอ พยานต้องมาจากผู้ที่สูเจ้ายอมรับให้เป็นพยาน และเมื่อ พยานถูกขอให้ยืนยัน พวกเขาต้องไม่ปฏิเสธ จงอย่าละเลยที่จะเขียนเรื่อง หนี้ของสูเจ้าไม่ว่ามันจะใหญ่หรือเล็กพร้อมกับวันที่ช�ำ ระ พระเจ้าถือว่านี่ เป็นการยุติธรรมกว่าสำ�หรับสูเจ้า เพราะมันจะทำ�ให้หลักฐานมั่นคงและ ลดการระแวงสงสัยลง เว้นเสียแต่ว่าถ้าสูเจ้าซื้อขายสินค้าระหว่างกันด้วย เงินสด มันก็ไม่ผิดแต่ประการใดที่สูเจ้าจะไม่บันทึก แต่ในการทำ�ธุรกิจ การค้านั้น สูเจ้าจงให้มีพยานและจงอย่าให้ผู้เขียนและพยานได้รับความ เสียหาย ถ้าหากสูเจ้าทำ�เช่นนั้น สูเจ้าก็กระทำ�ความผิดบาป จงเกรง กลัวพระเจ้า พระองค์ทรงสอนให้สูเจ้ารู้ถึงหนทางที่ถูกต้อง พระองค์ทรง รอบรู้ทุกสิ่ง 283 ถ้าหากสูเจ้าอยู่ในระหว่างการเดินทางและไม่สามารถ หาผู้เขียนได้ ดังนั้น จงดำ�เนินธุรกิจของสูเจ้าโดยให้มีหลักประกันอยู่ใน ครอบครอง แต่ถ้าหากคนหนึ่งของสูเจ้าไว้ใจอีกคนหนึ่งในการทำ�ธุรกิจ ดังนั้น ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจต้องปฏิบัติตามสัญญานั้นต่อเจ้าของ จงให้ เขาเกรงกลัวพระเจ้าพระผู้อภิบาลของเขา และจงอย่าปิดบังหลักฐาน ถ้า ใครปิดบังมันไว้ ในหัวใจของเขาก็มีบาป พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้า กระทำ� 284 อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของ พระเจ้า ไม่ว่าสูเจ้าจะเปิดเผยหรือปิดบังมัน พระเจ้าจะนำ�สูเจ้ามาชำ�ระ

อาลิ อิมรอน

63

บัญชี อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงมีอำ�นาจที่จะให้อภัยหรือลงโทษผู้ใด ก็ ไ ด้ ที่ พ ระองค์ ทรงประสงค์เ พราะพระองค์ เ ป็น ผู้ท รงอำ �นาจเหนื อ ทุ ก สิ่ง 285 ศาสนทูตผู้นี้ศรัทธาในทางนำ�ที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขาจาก พระผู้อภิบาลของเขาและบรรดาผู้ศรัทธาทุกคนก็ศรัทธาในพระเจ้าและ ทูตสวรรค์ของพระองค์และคัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์และศาสนทูตทั้ง หลายของพระองค์ พวกเขากล่าวว่า “เรามิได้จ�ำ แนกแยกแยะผู้ใดใน ระหว่างบรรดาศาสนทูตของพระองค์ เราได้ยินและเราเชื่อฟัง โอ้พระผู้ อภิบาล เราวิงวอนขอการอภัยโทษจากพระองค์และยังพระองค์ที่เราจะ กลับไป 286 พระเจ้าไม่ทรงวางภาระให้แก่มนุษย์ด้วยความรับผิดชอบ ที่หนักเกินกว่าที่เขาจะแบกรับได้ ทุกคนจะได้รับผลแห่งความดีและ ความชั่วที่เขาได้ท�ำ ไว้ (พวกเขาวิงวอนว่า) “พระผู้อภิบาลของเรา โปรด อย่าลงโทษเราถ้าหากเราหลงลืมหรือกระทำ�ผิด โอ้ พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดอย่าวางภาระแก่เราดังที่พระองค์ได้ทรงวางมันไว้แก่บรรดาคน ก่อนหน้าเรา โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าวางภาระแก่เราในสิ่งที่ เราไม่มีกำ�ลังจะแบกรับมันได้ โปรดกรุณาเรา โปรดให้อภัยเราและโปรด เมตตาเรา พระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองเรา ดังนั้น โปรดช่วยเราต่อบรรดา ผู้ปฏิเสธสัจธรรมด้วยเถิด” 3. ครอบครัวของอิมรอน

อาลิ อิมรอน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม มีม 2 พระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงชีวิต ผู้ทรง ดำ�รงทุกสิ่ง 3 พระองค์ได้ประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้าด้วยสัจธรรมที่ยืนยัน

64

(คำ�พูดล่วงหน้า)ในคัมภีร์ที่มีมาก่อนหน้านี้ ในอดีต พระองค์ได้ประทาน เตารอตและอินญีลลงมาเพื่อเป็นทางนำ�สำ�หรับมนุษยชาติ 4 และพระองค์ ได้ประทานมาตรฐานที่ใช้จำ�แนกแยกแยะความถูกต้องออกจากความผิด ลงมา แน่นอน บรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้านั้น สำ�หรับ พวกเขาคือการลงโทษอันสาหัสและพระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรง ลงโทษตอบแทน 5 ไม่มีสิ่งใดในแผ่นดินและในชั้นฟ้าจะซ่อนเร้นจาก พระเจ้าได้ 6 พระองค์คือผู้ทรงทำ�รูปร่างของสูเจ้าในมดลูกตามที่พระองค์ ทรงประสงค์ ไม่มีอำ�นาจใดนอกจากพระองค์ผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชา ญาณ 7 พระองค์คือผู้ประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้าซึ่งในนั้นมีบางตอนที่ความ หมายของมันชัดเจนเป็นพื้นฐานของคัมภีร์และบางตอนมีความหมาย เป็นนัย บรรดาผู้ที่ในหัวใจของเขาปรวนแปรจะปฏิบัติตามสิ่งที่เป็นนัย โดยหวังจะสร้างความปั่นป่วนและพยายามจะให้คำ�อธิบายด้วยตัวเอง ในขณะที่ความจริงแล้วไม่มีผู้ใดรู้ความหมายที่แท้จริงของมันนอกจาก พระเจ้า ส่วนบรรดาผู้ทรงความรู้นั้น พวกเขาจะกล่าวว่า “เราศรัทธา ในนั้น เพราะทั้งหมดมาจากพระผู้อภิบาลของเรา” และคนมีสติปัญญา เท่านั้นที่ใคร่ครวญ 8 (พวกเขาวิงวอนว่า) “พระผู้อภิบาลของเรา โปรด อย่าทำ�ให้หัวใจของเราปรวนแปรหลังจากที่พระองค์ได้ทรงนำ�ทางเรา แล้ว และโปรดประทานความเมตตาจากพระองค์แก่เรา แท้จริง พระองค์ คือผู้ประทานอย่างกว้างขวาง 9 พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงรวบรวมมนุษย์ทั้งหลายในวันที่การมาถึงของมันไม่มีข้อสงสัย แน่นอน พระองค์ไม่ทรงผิดสัญญา” 10 แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น สมบัติและลูกๆของพวกเขา ไม่อาจช่วยพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้เลย พวกเขาจะเป็นเชื้อเพลิง ของไฟ 11 จุดจบของพวกเขาจะเหมือนกับพวกพ้องของฟาโรห์และ บรรดาผู้ปฏิเสธก่อนหน้าพวกเขา พวกเขาปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของ

อาลิ อิมรอน

65

เรา ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงลงโทษพวกเขาเนื่องด้วยความผิดของพวก เขา และพระเจ้าเป็นผู้ทรงเฉียบขาดในการลงโทษ 12 ดังนั้น (มุฮัมมัด) จงบอกบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมว่า “พวกท่านจะถูกพิชิตในไม่ช้าและจะ ถูกส่งไปยังนรกอันเป็นที่พักที่น่าสะพรึงกลัว” 13 แน่นอน ได้มีสัญญาณ หนึ่งปรากฏแก่เจ้าแล้วในคราวที่สองฝ่ายต่างเผชิญหน้ากัน(ในสงคราม บะดัรฺ) ฝ่ายหนึ่งต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ปฏิเสธ สัจธรรม พวกเขา(บรรดาผู้ปฏิเสธ)ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าอีกฝ่าย หนึ่ง(บรรดาผู้ศรัทธา)มีจำ�นวนสองเท่าของพวกเขา แต่พระเจ้าทรงทำ�ให้ พวกเขาเข้มแข็งด้วยความช่วยเหลือของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ แท้จริง ในนั้นมีบทเรียนอันยิ่งใหญ่ส�ำ หรับบรรดาผู้มีสายตา ไตร่ตรอง 14 ความรักใคร่ในผู้หญิงและลูกๆ การสะสมทองคำ�และเงินเป็น กองๆ ม้าพันธุ์ดี ปศุสัตว์และไร่นาได้ถูกทำ�ให้เป็นที่เย้ายวนสำ�หรับ มนุษย์ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงปัจจัยยังชีพแห่งโลกนี้ แต่ที่พ�ำ นักที่ดีที่สุด นั้นคือที่พระเจ้า 15 จงกล่าวเถิด “จะให้ฉันบอกพวกท่านถึงสิ่งที่ดีกว่าสิ่ง เหล่านี้ไหม? สำ�หรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้น มีสวนหลากหลายที่ มีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านใกล้กับพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะอยู่ที่ นั่นพร้อมกับคู่ครองที่บริสุทธิ์และจะได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงมองดูปวงบ่าวของพระองค์ 16 บรรดาคนเหล่านี้ คือผู้ที่กล่าวว่า ‘พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง เราศรัทธาในพระองค์ ดัง นั้น โปรดอภัยให้แก่ความผิดของเราและทรงโปรดช่วยเราให้พ้นจากการ ลงโทษในไฟนรกด้วยเถิด’ 17 คนเหล่านี้คือผู้อดทน ผู้พูดความจริง ผู้เชื่อ ฟังและผู้ใช้จ่าย(เพื่อหนทางของพระเจ้า)และผู้ขอการอภัยโทษในช่วง ต้นๆของยามเช้า” 18 พระเจ้าทรงยืนยันว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ เช่น เดียวกับทูตสวรรค์และบรรดาผู้มีความรู้ต่างยืนยันด้วยเช่นกัน พระองค์

66

3. ครอบครัวของอิมรอน

เป็นผู้ทรงดำ�รงความยุติธรรม ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรง อำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 19 ศาสนาที่แท้จริงในทัศนะของพระเจ้าคือการ ยอมจำ�นนต่อพระเจ้าโดยสิ้นเชิง บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ขัดแย้งกันหลัง จากที่พวกเขาได้รับความรู้แล้วทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาในระหว่าง พวกเขากันเอง ผู้ใดปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้า จงรู้ไว้เถิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ทรงฉับพลันในการชำ�ระบัญชี 20 ถ้าพวกเขาเถียงเจ้า จง บอกพวกเขาว่า “สำ�หรับฉันและผู้ปฏิบัติตามฉันนั้น เรานอบน้อมยอม จำ�นนต่อพระเจ้า” และจงถามบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์และบรรดาผู้ไม่รู้ หนังสือว่า “พวกท่านนอบน้อมยอมจำ�นนต่อพระเจ้าเช่นเดียวกันนี้ไหม?” ถ้าหากพวกเขานอบน้อมยอมจำ�นนต่อพระองค์ พวกเขาก็อยู่ในหนทาง ที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากพวกเขาหันหลังให้ หน้าที่ของเจ้าก็เพียงนำ�สาสน์ ไปบอก พระเจ้าเป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวอย่างใกล้ชิด 21 สำ�หรับบรรดา ผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและฆ่านบีหลายคนอย่างไม่เป็น ธรรมและฆ่าบรรดาผู้ที่ลุกขึ้นมาย้�ำ ความยุติธรรมนั้น จงเตือนพวกเขาให้ รู้ถึงการลงโทษอันเจ็บแสบ 22 การงานของพวกเขาไร้ผลทั้งในโลกนี้และ โลกหน้าและพวกเขาไม่มีผู้ช่วยเหลือ 23 เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้ได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ? เมื่อพวกเขา ถูกเชิญให้ยอมรับการตัดสินของคัมภีร์ของพระเจ้า พวกเขาบางคนจะหัน หลังให้ไม่ยอมรับ 24 นั่นเป็นเพราะพวกเขากล่าวว่า “ไฟนรกจะแผ้วพาน พวกเราเพียงไม่กี่วันเท่านั้น” ความเชื่อผิดๆที่พวกเขาคิดขึ้นนี้เองทำ�ให้ พวกเขาเข้าใจผิดในเรื่องศาสนาของพวกเขา 25 ดังนั้น พวกเขาจะเป็น อย่างไรเมื่อเราจะรวบรวมพวกเขาในวันที่จะต้องมีมาอย่างแน่นอน ซึ่งใน วันนั้น ทุกชีวิตจะถูกตอบแทนครบตามที่มันได้กระทำ�ไว้และพวกเขาจะ ไม่ถูกอธรรม 26 จงกล่าวเถิด “โอ้ พระเจ้า ผู้ทรงอำ�นาจแห่งอำ�นาจทั้งหมด พระองค์ทรงประทานอำ�นาจแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ ทรงริบอำ�นาจจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงให้เกียรติแก่ผู้ที่

อาลิ อิมรอน

67

พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ทรงให้ความอัปยศแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ สิ่งที่ดีทั้งหมดนั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 27 พระองค์ทรงทำ�ให้กลางคืนผ่านเข้าไป ในกลางวัน และกลางวันผ่านเข้าไปในกลางคืน และพระองค์ทรงทำ�ให้ สิ่งที่มีชีวิตออกจากที่ตายและทรงทำ�ให้ที่ตายออกจากที่มีชีวิต พระองค์ ทรงประทานเครื่องยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยปราศจากการ คำ�นวณ” 28 จงอย่าให้บรรดาผู้ศรัทธายึดเอาพวกปฏิเสธสัจธรรมเป็นมิตรและ เห็นพวกเขาดีกว่าบรรดาผู้ศรัทธา หากผู้ใดกระทำ�เช่นนั้น เขาจะออกห่าง จากพระเจ้าไปโดยสมบูรณ์ เว้นแต่สูเจ้าจะปกป้องตัวเองให้พ้นจากพวก เขา* พระเจ้าได้ทรงเตือนสูเจ้าให้เกรงกลัวพระองค์ เพราะยังพระองค์ที่ สูเจ้าจะต้องกลับไป 29 จงบอกผู้คนเถิดว่า “พระเจ้าทรงรอบรู้ในสิ่งที่สูเจ้า ปิดบังไว้ในอกหรือที่สูเจ้าเปิดเผย และพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่อยู่ใน ชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดิน และพระเจ้าทรงมีอานุภาพเหนือทุกสิ่ง” 30 ในวันที่ทุกชีวิตจะได้พบสิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือ ความชั่วก็ตาม หลายคนอยากที่จะมีช่วงเวลาอันยาวไกลระหว่างตัวเขา กับวันนั้น พระเจ้าทรงเตือนสูเจ้าให้เกรงกลัวพระองค์ เพราะพระองค์เป็น ผู้ทรงกรุณาปรานีปวงบ่าวของพระองค์ 31 (นบีเอ๋ย)จงพูดเถิดว่า “ถ้าพวก ท่านรักพระเจ้า จงปฏิบัติตามฉัน แล้วพระเจ้าจะทรงรักพวกท่านและจะ ทรงให้อภัยความผิดของพวกท่าน เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ” 32 จงกล่าวกับพวกเขาด้วยว่า “จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสน ทูต” แต่ถ้าหากพวกเขายังหันหลังให้ (จงเตือนพวกเขาว่า) พระเจ้ามิทรง รักผู้ปฏิเสธสัจธรรม * ผู้ศรัทธาปฏิบัติต่อมนุษย์ทั้งหมดด้วยความยุติธรรมโดยไม่แบ่งแยก ระหว่างมุสลิมและผู้ที่มิใช่มุสลิม แต่การเป็นมิตรกับผู้ที่มิใช่มุสลิมที่ทำ� สงครามกับอิสลามไม่เป็นที่อนุมัติ

68

3. ครอบครัวของอิมรอน

แท้จริง พระเจ้าได้ทรงเลือกอาดัมและโนอาห์และครอบครัวของอิ บรอฮีมและครอบครัวของอิมรอนเหนือประชาชาติทั้งหลาย 33 พวกเขา เป็นลูกหลานของกันและกัน และพระเจ้าทรงได้ยินทุกสิ่ง ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 35 เมื่อภรรยาของอิมรอนกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันได้บนไว้ต่อ พระองค์ว่าจะอุทิศสิ่งที่อยู่ในครรภ์ของฉันให้เป็นสิ่งถวายสำ�หรับพระองค์ ดังนั้น โปรดทรงรับจากฉันด้วยเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง” 36 หลังจากนั้น เมื่อนางคลอดลูกออกมา นางได้กล่าว ว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันได้คลอดเด็กผู้หญิงออกมา” และพระเจ้า ทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่นางคลอด “แต่เพศชายนั้นไม่เหมือนเพศหญิง ดังนั้น ฉันได้ตั้งชื่อเธอว่ามารีย์(มัรฺยัม)และฉันขอพระองค์ได้ทรงคุ้มครองเธอ และลูกของเธอให้พ้นจากซาตานที่ถูกสาปแช่งด้วยเถิด” 37 ดังนั้น พระผู้ อภิบาลของนางจึงได้รับเธอด้วยดี และทรงให้เธอเจริญวัยอย่างสมบูรณ์ และได้ทรงมอบเธอให้อยู่ในการอุปการะของซะกะรียา แต่เมื่อใดก็ตามที่ ซะกะรียาเข้าไปหาเธอในที่หวงห้าม เขาได้พบอาหารอยู่ที่เธอ เขาจึงถาม ว่า “มัรฺยัมเอ๋ย เจ้าได้สิ่งนี้มาจากไหน ?” เธอตอบว่า “มันมาจากพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดย ปราศจากการคำ�นวณ” 38 ดังนั้น ซะกะรียาจึงได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาล ของเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน กรุณาประทานลูกที่ดีจากพระองค์แก่ ฉันด้วย แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินการวิงวอน” 39 ในขณะที่เขา ยืนวิงวอนอยู่ในสถานที่หวงห้ามนั้น ทูตสวรรค์ได้เรียกเขาและกล่าวว่า “พระเจ้าได้ทรงให้ข่าวดีแก่ท่านถึงเรื่องการมีบุตรชื่อยอห์น(ยะฮฺยา)ผู้ซึ่ง จะมายืนยันพระวจนะหนึ่งจากพระเจ้าและจะเป็นหัวหน้าและผู้บริสุทธิ์ และเป็นนบีคนหนึ่งจากหมู่กัลยาณชน” 40 ซะกะรียากล่าวว่า “พระผู้ อภิบาลของฉัน ฉันจะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อฉันเข้าสู่วัยชราภาพแล้วและ ภรรยาของฉันก็เป็นหมัน?” พระองค์ทรงตอบว่า “กระนั้นก็เถิด พระเจ้า ทรงกระทำ�สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์” 41 เขากล่าวว่า “พระผู้อภิบาล 33

อาลิ อิมรอน

69

ของฉัน ได้โปรดให้สัญญาณหนึ่งแก่ฉันด้วยเถิด” (ทูตสวรรค์)กล่าวว่า “สัญญาณของเจ้าคือเจ้าจะไม่สามารถพูดกับผู้คนสามวันเว้นแต่โดยการ บอกใบ้ และจงระลึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าให้มาก และจงสดุดีพระองค์ ทั้งยามค่�ำ และรุ่งอรุณ” 42 เมื่อทูตสวรรค์กล่าวว่า “มารีย์เอ๋ย แท้จริง พระเจ้าได้ทรงเลือกเธอและทรงทำ�ให้เธอบริสุทธิ์และได้ทรงเลือกเธอ เหนือบรรดาผู้หญิงทั้งหมดของโลก 43 มารีย์เอ๋ย จงภักดีต่อพระผู้อภิบาล ของเธอและจงกราบและจงโค้งร่วมกับผู้ที่โค้งในการแสดงความเคารพ สักการะ(ต่อหน้าพระองค์)” 44 (โอ้ มุฮัมมัด) นี่เป็นเรื่องเร้นลับที่เราได้เปิด เผยแก่เจ้า เจ้ามิได้อยู่ที่นั่นเมื่อพวกนักบวชแห่งวิหารทำ�การเสี่ยงทาย โดยการโยนติ้วเพื่อตัดสินว่าผู้ใดในหมู่พวกเขาควรจะดูแลมารีย์และเจ้าก็ ไม่ได้อยู่กับพวกเขาเมื่อพวกเขาโต้เถียงกันในเรื่องนี้ 45 เมื่อทูตสวรรค์กล่าวว่า “มารีย์เอ๋ย แท้จริง พระเจ้าได้ทรงแจ้งข่าวดี ซึ่งวจนะหนึ่งจากพระองค์ ชื่อของเขาก็คือ เมสซีอาห์ เยซัสลูกของมา รีย์ผู้ควรแก่การคารวะทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และเป็นผู้อยู่ในบรรดาผู้ ใกล้ชิดกับพระเจ้า 46 เขาจะพูดกับผู้คนตั้งแต่อยู่ในเปล และเมื่อเติบโต เป็นผู้ใหญ่ เขาเป็นผู้อยู่ในหมู่คนดี” 47 มารีย์กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของ ฉัน ฉันจะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อผู้ชายยังไม่ได้แตะต้องฉัน?” (ทูตสวรรค์) ตอบว่า “กระนั้นก็เถิด พระเจ้าจะสร้างสิ่งใดก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เมื่อพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์เพียงตรัสว่า ‘จงเป็น’ แล้วมันก็ เป็นขึ้นมา 48 พระเจ้าจะสอนเขาซึ่งคัมภีร์และวิทยปัญญา และเตารอต และอินญีล 49 พระองค์ทรงตั้งเขาเป็นศาสนทูตแก่ลูกหลานอิสรออีล เขา จะกล่าวว่า ‘แท้จริง ฉันได้มายังพวกท่านพร้อมกับสัญญาณหนึ่งจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่าน คือฉันปั้นดินเป็นรูปนกต่อหน้าพวกท่านแล้วฉัน จะเป่าเข้าไปในดินนั้น แล้วมันจะกลายเป็นนกที่มีชีวิตโดยอนุมัติของ พระเจ้า ฉันจะรักษาคนตาบอดและคนโรคเรื้อนและให้ชีวิตแก่คนตาย โดยอนุมัติของพระเจ้า และฉันแจ้งให้พวกท่านรู้ถึงสิ่งที่พวกท่านกินและ

70

3. ครอบครัวของอิมรอน

สิ่งที่พวกท่านสะสมในบ้านของพวกท่าน แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำ�หรับ พวกท่าน ถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา 50 ฉันมาเป็นผู้ยืนยัน(คำ�พูดล่วง หน้า)ของคัมภีร์เตารอตที่มีมาก่อนหน้าฉัน และเพื่ออนุมัติบางสิ่งที่เป็นที่ ต้องห้ามแก่พวกท่าน และฉันได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยสัญญาณหนึ่ง จากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟัง ฉัน 51 แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นพระผู้อภิบาลของฉันและพระผู้อภิบาลของ พวกท่าน ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ นี่คือทางที่เที่ยงตรง’” 52 เมื่อเยซัสรู้ถึงการปฏิเสธศรัทธาของพวกลูกหลานอิสรออีล เขา ได้กล่าวว่า “ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันในหนทางของพระเจ้า?” บรรดา สาวกกล่าวว่า “เราเป็นผู้ช่วยของพระเจ้า เราศรัทธาในพระเจ้าและท่าน จงเป็นพยานด้วยว่าเราได้ยอมมอบตัวของเราแล้ว 53 พระผู้อภิบาลของ เรา เราศรัทธาตามที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาและเราปฏิบัติตาม ศาสนทูตของพระองค์ ดังนั้น โปรดบันทึกเรารวมไว้กับผู้เป็นพยานด้วย เถิด” 54 พวกลูกหลานอิสรออีลได้วางแผน(ที่จะฆ่าเยซัส) แต่พระเจ้าทรง วางแผนของพระองค์ด้วยเช่นกัน และพระเจ้าทรงเป็นเลิศแห่งผู้วางแผน 55 พระเจ้าได้กล่าวว่า “โอ้ เยซัส ฉันจะนำ�เจ้ากลับมายังฉันและจะยกเจ้า มายังฉัน และฉันจะทำ�ให้เจ้าบริสุทธิ์(จากการใส่ร้าย)ของบรรดาผู้ปฏิเสธ เจ้าและจะทำ�ให้บรรดาผู้ปฏิบัติตามเจ้าอยู่เหนือบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม จนถึงวันฟื้นคืนชีพ แล้วในที่สุด สูเจ้าทั้งหมดจะกลับมาหาฉัน แล้วฉัน จะตัดสินระหว่างสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องนี้ 56 ดังนั้น สำ�หรับ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม ฉันจะลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอันแสน สาหัสทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และพวกเขาจะไม่มีผู้คอยช่วยเหลือ” 57 สำ�หรับผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัล ตอบแทนโดยครบถ้วน พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ท�ำ ความผิด” 58 เรื่องราวที่เรา ได้สาธยายแก่เจ้านั้นเป็นการเปิดเผยความจริงและเป็นสิ่งตักเตือนที่ดี 59 ในสายตาของพระเจ้านั้น กรณีของเยซัสก็เหมือนกับกรณีของอาดัม

อาลิ อิมรอน

71

พระองค์ทรงสร้างเขาจากดินและพระองค์ทรงตรัสว่า “จงเป็น” แล้วเขาก็ เป็นขึ้นมา 60 นี่เป็นความจริงจากพระผู้อภิบาลของเจ้า ดังนั้น จงอย่าเป็น ผู้อยู่ในความสงสัย 61 หลังจากที่เจ้า(มุฮัมมัด)รู้ความจริงนี้แล้ว ถ้าผู้ใดยัง โต้แย้งกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก จงพูดกับเขาว่า “มานี่สิ ขอให้เรามารวม กันแล้วเรียกลูกๆของเราและลูกๆของพวกท่าน พวกผู้หญิงของเราและ พวกผู้หญิงของพวกท่านรวมทั้งพวกเราทั้งหมดร่วมกันขอต่อพระเจ้าให้ พระองค์สาปแช่งบรรดาผู้โกหก” 62 เรื่องที่กล่าวมานี้เป็นความจริง ไม่มี พระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ” 63 แต่ถ้าพวกเขาหันหลังกลับ(ไม่ยอมรับคำ�ท้า) พระเจ้าทรง รู้ดีถึงผู้ทำ�ความชั่ว 64 (มุฮัมมัด)จงกล่าวเถิดว่า “ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย จงมายังถ้อยคำ� (ความจริง)ที่เรากับท่านรู้จักกันดีว่าเราจะไม่เคารพสักการะผู้ใดนอกจาก พระเจ้า และเราจะไม่นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ และจะไม่มีใครใน หมู่พวกเรายึดเอาสิ่งอื่นเป็นสิ่งเคารพสักการะนอกจากพระเจ้า” แต่ถ้า พวกเขาปฏิเสธ ดังนั้น จงกล่าวกับพวกเขาว่า “จงเป็นพยานด้วยว่าเรา เป็นผู้ยอมตนต่อพระเจ้า” 65 ชาวคัมภีร์เอ๋ย ไฉนสูเจ้าจึงโต้แย้งกับเรา เกี่ยวกับอิบรอฮีมในเมื่อเตารอตและอินญีลถูกประทานมาหลังจากเขา เป็นเวลานานแล้ว สูเจ้าไม่ใช้เหตุผลของสูเจ้าหรือ? 66 สูเจ้ามีข้อโต้แย้ง เกี่ยวกับสิ่งที่สูเจ้ามีความรู้อยู่แล้ว แต่ไฉนสูเจ้าจึงยังมาโต้แย้งเกี่ยวกับสิ่ง ที่สูเจ้าไม่มีความรู้เลย? ทั้งๆที่พระเจ้าทรงรอบรู้ แต่สูเจ้าไม่รู้ 67 อิบรอฮีม มิได้เป็นยิวและมิได้เป็นคริสเตียน แต่ว่าเขาเป็นผู้ที่มั่นคงในความศรัทธา เป็นผู้ยอมจำ�นนต่อพระเจ้าและเขามิได้อยู่ในหมู่ผู้นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคี กับพระเจ้า 68 แน่นอน บรรดาผู้ใกล้ชิดอิบรอฮีมคือบรรดาผู้ปฏิบัติตาม เขาและนบีผู้นี้(มุฮัมมัด)และบรรดาผู้ศรัทธาในตัวเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรง คุ้มครองผู้ศรัทธาทั้งหลาย 69 (โอ้บรรดาผู้ศรัทธา) ชาวคัมภีร์กลุ่มหนึ่ง ปรารถนาที่จะทำ�ให้สูเจ้าหลงทาง แต่พวกเขามิได้ท�ำ ให้ใครหลงทาง

72

3. ครอบครัวของอิมรอน

นอกจากพวกเขาเอง แต่พวกเขาไม่รู้สึก 70 โอ้ชาวคัมภีร์เอ๋ย ไฉนสูเจ้าจึง ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าทั้งๆที่สูเจ้าเองก็เห็นอยู่ ? 71 โอ้ชาว คัมภีร์เอ๋ย ไฉนสูเจ้าจึงปะปนความจริงด้วยความเท็จและปิดบังความจริง ทั้งๆที่สูเจ้ารู้ดี? 72 ชาวคัมภีร์บางคนพูดกับบางคนว่า “จงศรัทธาในสิ่งที่ได้ถูกประทาน ลงมาแก่บรรดาผู้ศรัทธาในตอนเช้าและปฏิเสธมันในตอนเย็น เพื่อที่ว่า บางทีพวกเขา(มุสลิม)อาจจะทิ้งความศรัทธาของพวกเขา 73 จงอย่าเชื่อ ผู้ใดนอกจากผู้ที่ปฏิบัติตามศาสนาของพวกท่าน” (มุฮัมมัด)จงบอกพวก เขาว่า “ความจริงแล้ว ทางนำ�ที่แท้จริงคือทางนำ�ของพระเจ้า (แต่พวก ท่านคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่) พระองค์จะประทานความจำ�เริญ(วิวรณ์)แก่ ใครด้วยสิ่งเดียวกับที่พระองค์เคยประทานแก่พวกท่าน หรือพระองค์ จะให้ข้อโต้แย้งที่หนักแน่นแก่คนอื่นเพื่อโต้แย้งพวกท่านต่อหน้าพระผู้ อภิบาลของพวกท่าน” จงกล่าวเถิด “แท้จริง ความโปรดปรานนั้นเป็นของ พระเจ้า พระองค์จะทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เพราะ พระองค์เป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ 74 พระองค์ทรงเลือกประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระเจ้า ทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันใหญ่หลวง” 75 ในหมู่ชาวคัมภีร์นั้น มีบางคนที่หากเจ้าฝากสมบัติสักกองหนึ่งไว้กับเขา เขาจะคืนให้เจ้าครบ ถ้วน แต่ในหมู่พวกเขาก็มีบางคนที่หากเจ้าฝากเขาไว้แม้เพียงหนึ่งดีนาร์ เขาจะไม่คืนมันแก่เจ้าเช่นกันเว้นแต่เจ้าจะยืนเฝ้าทวงเขาอยู่ พวกเขาให้ เหตุผลถึงพฤติกรรมอันเลวทรามของพวกเขาว่า “เราไม่ต้องรับผิดชอบ ในพฤติกรรมของเราต่อผู้ไม่รู้หนังสือ” แท้จริง พวกเขากล่าวเท็จต่อพระ เจ้าทั้งๆที่พวกเขารู้ดีอยู่” 76 พระเจ้าทรงรักบรรดาผู้ปฏิบัติตามสัญญา ของพวกเขาและเกรงกลัวพระองค์ พระเจ้าทรงรักบรรดาผู้ส�ำ รวมตน 77 สำ�หรับบรรดาผู้แลกเปลี่ยนสัญญาของพระเจ้าและคำ�สาบานของ พวกเขาด้วยราคาเพียงเล็กน้อยนั้น พวกเขาจะไม่มีส่วนใดๆในวันแห่ง

อาลิ อิมรอน

73

การฟื้นคืนชีพ พระเจ้าจะไม่ทรงพูดกับพวกเขา และจะไม่ทรงมองพวก เขาในวันแห่งการพิพากษา และจะไม่ท�ำ ให้พวกเขาสะอาดจากบาป สำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด 78 แท้จริง ในหมู่พวกเขามี บางคนที่บิดเบือนคัมภีร์โดยการตวัดลิ้นของพวกเขาเพื่อทำ�ให้เจ้าคิดว่า สิ่งที่พวกเขาอ่านเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันมิใช่ส่วน หนึ่งของคัมภีร์ พวกเขากล่าวว่ามันมาจากพระเจ้าทั้งๆที่ความจริงแล้ว มันมิได้มาจากพระเจ้า พวกเขาโกหกทั้งๆที่พวกเขารู้ดีอยู่ 79 ไม่มีใครที่ พระเจ้าประทานคัมภีร์และข้อวินิจฉัยและแต่งตั้งให้เป็นนบีจะกล่าวแก่ ผู้คนว่า “จงเคารพสักการะฉันแทนพระเจ้า” (แต่เขาจะกล่าวว่า) “จงเป็น ผู้เคารพสักการะพระเจ้าและปฏิบัติตามคำ�สอนของคัมภีร์ที่พวกท่านพร่ำ� อ่านและพร่�ำ สอนเถิด” 80 เขาจะไม่สั่งให้สูเจ้ายึดเอาทูตสวรรค์และบรรดา นบีเป็นสรณะของสูเจ้า เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสั่งสูเจ้าให้เป็นผู้ปฏิเสธ สัจธรรมหลังจากสูเจ้าได้ยอมจำ�นนต่อพระเจ้าแล้ว 81 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระเจ้าได้ทำ�สัญญากับบรรดานบีของพระองค์ ว่า “ตอนนี้ ฉันได้ประทานคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่สูเจ้าแล้ว เมื่อมีศาสน ทูตคนหนึ่งมายังสูเจ้าเพื่อยืนยัน(คำ�พูดล่วงหน้าเกี่ยวกับเขาในคัมภีร์ของ พวกเขา)ที่สูเจ้ามีอยู่ สูเจ้าจะต้องเชื่อเขาและช่วยเหลือเขา” แล้วพระองค์ ทรงกล่าวว่า “สูเจ้ายืนยันและรับผิดชอบต่อสัญญาที่ทำ�กับฉันไหม?” พวก เขากล่าวว่า “เรายืนยัน” พระองค์จึงตรัสว่า “ดังนั้น จงเป็นพยานและฉัน เองจะเป็นพยานกับสูเจ้าด้วย” 82 ฉะนั้น ผู้ใดก็ตามที่ท�ำ ลายสัญญาหลัง จากนี้ พวกเขาก็เป็นผู้ฝ่าฝืน 83 คนเหล่านี้ขวนขวายหาศาสนาอื่นนอกไป จากศาสนาของพระเจ้ากระนั้นหรือทั้งๆที่รู้ดีว่าทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินต่างนอบน้อมต่อพระองค์โดยเต็มใจหรือโดยไม่เต็มใจ? และยังพระองค์ที่ทุกสิ่งจะคืนกลับไป 84 (โอ้นบี) จงกล่าวเถิดว่า “เรา ศรัทธาในพระเจ้าและในคำ�สอนที่ถูกประทานมายังเราและที่ถูกประทาน มายังอิบรอฮีมและอิสมาอีลและอิสฮากและยะกู๊บและบรรดาลูกหลาน

74

3. ครอบครัวของอิมรอน

ของเขาและในคำ�สอนที่ถูกประทานมายังโมเสสและเยซัสและนบีคนอื่นๆ จากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เรามิได้จ�ำ แนกผู้หนึ่งผู้ใดในหมู่พวกเขา และเราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์” 85 ผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นนอกไปจาก อิสลาม(การยอมจำ�นนต่อพระเจ้า) มันจะไม่เป็นที่ถูกรับจากเขา และใน โลกหน้าเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน 86 เป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าจะทรง นำ�ทางหมู่ชนที่ไม่ศรัทธาหลังจากที่พวกเขาได้ยอมรับความศรัทธาและ หลังจากที่พวกเขาได้ยืนยันแล้วว่าศาสนทูตผู้นี้เป็นเป็นศาสนทูตจริงและ หลังจากที่หลักฐานอันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว? เพราะพระเจ้าไม่ ทรงนำ�ทางหมู่ชนที่ทำ�ความผิด 87 การตอบแทนที่สาสมสำ�หรับคนพวกนี้ คือการสาปแช่งของพระเจ้าและทูตสวรรค์และมนุษยชาติทั้งหมด 88 พวก เขาจะตกอยู่ในการสาปแช่งนั้นตลอดไป โทษของพวกเขาจะไม่ได้รับการ ลดหย่อนและพวกเขาจะไม่ได้รับการผ่อนปรน 89 เว้นแต่บรรดาผู้ส�ำ นึก ผิดหลังจากนั้นและปรับปรุงความประพฤติให้ดีขึ้น แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 90 แต่สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมหลัง จากที่พวกเขาได้ศรัทธาแล้ว หลังจากนั้นยังดึงดันปฏิเสธหนักยิ่งขึ้นไป อีก การสำ�นึกผิดและการขออภัยโทษของพวกเขาจะไม่ถูกรับเพราะพวก เขาเหล่านี้เป็นผู้หลงผิด 91 แท้จริง ใครก็ตามที่ปฏิเสธและตายในขณะที่ ยังเป็นผู้ปฏิเสธจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ ถึงแม้พวกเขาจะทำ�ให้โลกนี้ เต็มไปด้วยทองคำ�เพื่อนำ�มาไถ่โทษ สำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอัน เจ็บปวด และสำ�หรับพวกเขาจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ 92 สูเจ้าจะไม่อาจบรรลุถึงคุณธรรมได้จนกว่าสูเจ้าจะให้สิ่งที่สูเจ้ารัก แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าใช้จ่าย 93 อาหารทั้งหมดเป็นที่อนุมัติ สำ�หรับลูกหลานของอิสรออีล ยกเว้นแต่สิ่งที่อิสรออีลห้ามแก่ตัวเขาเอง ก่อนที่เตารอตจะถูกประทานลงมา จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “จงนำ�เตา รอตมาและจงอ่านมันถ้าหากพวกท่านพูดจริง 94 ดังนั้น หลังจากนี้ ถ้า หากผู้ใดอ้างถึงพระเจ้าอย่างผิดๆ พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้ล่วงละเมิด”

อาลิ อิมรอน

75

จงกล่าวเถิด “พระเจ้าทรงตรัสจริง ดังนั้น จงปฏิบัติตามแนวทางขอ งอิบรอฮีมผู้เที่ยงธรรม และเขามิได้อยู่ในหมู่ผู้เคารพกราบไหว้รูปปั้น” 96 แท้จริง บ้านหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้นสำ�หรับมนุษย์นั้นคือที่บักก๊ะฮฺ(มัก ก๊ะฮฺ) มันเป็นสถานที่ที่ได้รับความจำ�เริญและเป็นที่มาแห่งทางนำ�สำ�หรับ ประชาชาติทั้งหลาย 97 ในนั้นมีสัญญาณต่างๆที่ชัดแจ้ง มีสถานที่ยืนของอิ บรอฮีม ผู้ใดเข้าไปในนั้นย่อมปลอดภัย การไปทำ�พิธีฮัจญ์ยังบ้านหลังนี้ เป็นสิทธิ์ของพระเจ้าสำ�หรับคนที่มีความสามารถจะไปได้ และผู้ใดปฏิเสธ จงรู้เถิดว่า พระเจ้าไม่ทรงต้องการสิ่งใดๆจากใครทั้งหมด 98 จงกล่าวเถิด “ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย ไฉนพวกท่านจึงปฏิเสธสิ่งที่พระเจ้าประทานมาใน เมื่อพระเจ้าทรงเฝ้ามองสิ่งที่พวกท่านกำ�ลังกระทำ�อยู่?” 99 จงกล่าวเถิด “ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย ไฉนพวกท่านจึงกีดกันผู้ศรัทธาจากทางของพระเจ้า และหวังจะให้เขาปฏิบัติตามแนวทางที่คดเคี้ยว ทั้งๆที่พวกท่านเองก็เห็น อยู่? พระเจ้าจะไม่ทรงเฉยเมยต่อสิ่งที่พวกท่านกระทำ�” 100 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ถ้าสูเจ้าเชื่อฟังปฏิบัติตามชาวคัมภีร์บางคน พวกเขาจะหันสูเจ้าจากการศรัทธาไปสู่การปฏิเสธ 101 และสูเจ้าจะหันไป สู่การปฏิเสธได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่พระเจ้าประทานมาได้ถูกอ่านแก่สูเจ้า แล้วและศาสนทูตของพระองค์ก็อยู่ในหมู่สูเจ้า? ผู้ใดยึดมั่นในพระเจ้า ดัง นั้น เขาได้ถูกนำ�สู่หนทางที่เที่ยงตรงอย่างแน่นอน 102 บรรดาผู้ศรัทธา เอ๋ย จงเกรงกลัวพระเจ้าด้วยการสังวรตนต่อพระองค์ และจงอย่าตาย เว้นแต่สูเจ้าจะอยู่ในสภาพนอบน้อมยอมตนต่อพระองค์ 103 สูเจ้าจงยึด สายเชือกของพระเจ้าให้มั่นและอย่าให้สิ่งใดมาทำ�ให้สูเจ้าแตกแยกกัน จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้าเมื่อสูเจ้าต่างเป็น ศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้สมานหัวใจของสูเจ้าเข้าด้วยกันในความรัก แล้ว สูเจ้าได้มาเป็นพี่น้องกันด้วยความโปรดปรานของพระองค์ สูเจ้าเคยอยู่ บนปากหลุมของไฟและพระองค์ได้ทรงช่วยสูเจ้าให้พ้นจากมัน ดังนั้น 95

76

3. ครอบครัวของอิมรอน

พระเจ้าได้ทำ�ให้สัญญาณของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะ ได้พบทางนำ� 104 จงให้มีคนกลุ่มหนึ่งในหมู่สูเจ้าทำ�หน้าที่เชิญชวนคนอื่นๆไปสู่ ความดีและกำ�ชับกันในเรื่องความถูกต้องและห้ามปรามกันในเรื่องชั่วช้า เลวทราม พวกเขาเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับความสำ�เร็จ 105 และจงอย่า เป็นเหมือนกับบรรดาผู้แตกแยกกันและขัดแย้งกันหลังจากที่หลักฐาน ต่างๆได้มายังพวกเขาแล้ว สำ�หรับพวกเขาเหล่านั้นคือการลงโทษอัน มหันต์ 106 ในวันนั้น ใบหน้าของบางคนจะผ่องแผ้วและใบหน้าของบาง คนจะหมองคล้�ำ สำ�หรับบรรดาผู้ที่ใบหน้าหมองคล้�ำ นั้น พวกเขาจะถูก ถามว่า “สูเจ้าปฏิเสธหลังจากที่ได้รับความศรัทธาแล้วกระนั้นหรือ? ดัง นั้น จงลิ้มรสการลงโทษจากการที่สูเจ้าได้ปฏิเสธ” 107 สำ�หรับบรรดาผู้ที่ ใบหน้าของพวกเขาผ่องแผ้วนั้น พวกเขาอยู่ในความเมตตาของพระเจ้า ตลอดกาล 108 เหล่านี้คือสิ่งที่พระเจ้าประทานมา เราได้สาธยายมันแก่เจ้า ด้วยความจริง พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาความอธรรมต่อชาวโลกทั้งมวล 109 สรรพสิ่งทั้งปวงในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า และยัง พระเจ้าที่ทุกสิ่งจะกลับไป 110 สูเจ้าเป็นหมู่ชนที่ดีที่สุดที่ได้ถูกนำ�ออกมาเพื่อ(ความดีของ) มนุษยชาติ สูเจ้ากำ�ชับกันในเรื่องความดีและห้ามปรามความชั่ว และ สูเจ้าศรัทธาในพระเจ้า ถ้าหากบรรดาชาวคัมภีร์ศรัทธาด้วย แน่นอน มัน จะเป็นการดีสำ�หรับพวกเขา ถึงแม้ว่าในหมู่พวกเขามีผู้ศรัทธาบางคน แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน 111 อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่อาจ ทำ�ร้ายสูเจ้าได้ ถ้าพวกเขาต่อสู้กับสูเจ้า พวกเขาจะหันหลังให้สูเจ้าและ พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ 112 พวกเขาได้รับความอัปยศทุกหน ทุกแห่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาทำ�สัญญากับพระเจ้าหรือ กับคนอื่น พวกเขาได้ทำ�ให้พระเจ้าทรงกริ้ว ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับความ ต่�ำ ต้อย นั่นเป็นเพราะพวกเขาปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและ

อาลิ อิมรอน

77

ฆ่านบีของพระองค์โดยไม่เป็นธรรม นั่นเป็นเพราะพวกเขาดื้อดึงและ ละเมิดเสมอ 113 อย่างไรก็ตาม ชาวคัมภีร์นั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด ในหมู่พวกเขา มีบางคนที่ยึดมั่นตามพันธสัญญา พวกเขาอ่านวจนะของพระเจ้าในยาม ค่�ำ คืนและพวกเขาก้มกราบต่อพระองค์ 114 พวกเขาศรัทธาในพระเจ้าและ วันสุดท้าย กำ�ชับเรื่องความยุติธรรมและห้ามปรามความชั่วและแข่งขัน กันในการทำ�ความดี พวกเขาเหล่านี้อยู่ในหมู่คนดี 115 และความดีอันใดที่ พวกเขากระทำ�จะไม่ถูกปฏิเสธ(การได้รับรางวัลตอบแทน) เพราะพระเจ้า ทรงรอบรู้ดีถึงผู้ส�ำ รวมตนจากความชั่ว 116 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น สมบัติและลูกๆของพวกเขาจะไม่ช่วยอะไรพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้ เลย พวกเขาเหล่านี้เป็นสหายของไฟนรกและพวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้น 117 อะไรก็ตามที่พวกเขาได้จ่ายไปในชีวิตโลกนี้เปรียบเหมือนกับลมที่น�ำ ความเย็นจัดมากระหน่ำ�ทำ�ลายพืชผลของผู้ที่ไม่เป็นธรรมต่อตัวของพวก เขาเอง พระเจ้าไม่ได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรม ต่อตัวของพวกเขาเอง 118 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าคบคนอื่นจากพวกของสูเจ้าเป็นเพื่อน สนิท เพราะพวกเขาจะไม่ละความพยายามที่จะทำ�ร้ายสูเจ้า พวกเขา ปรารถนาที่จะเห็นสูเจ้าเดือดร้อน ความเกลียดชังของพวกเขานั้นเห็น ได้ชัดจากคำ�พูดที่ออกมาจากปากของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาซ่อนไว้ นั้นร้ายยิ่งกว่า แท้จริง เราได้ทำ�ให้สัญญาณของสิ่งเหล่านี้เป็นที่ชัดแจ้ง แก่สูเจ้าแล้ว สูเจ้าไม่เข้าใจหรือ? สูเจ้าเองต่างหากที่รักพวกเขา แต่พวก เขาหารักสูเจ้าไม่ ถึงแม้สูเจ้าจะศรัทธาในคัมภีร์ที่ถูกประทานมาทั้งหมด ก็ตาม เมื่อพวกเขาพบสูเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า “เราก็ศรัทธา” แต่เมื่อ พวกเขาอยู่ตามลำ�พัง พวกเขาก็กัดปลายนิ้วด้วยความเคียดแค้นสูเจ้า จง บอกพวกเขาว่า “จงตายด้วยความเคียดแค้นของพวกท่านเถิด แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวอกของพวกท่าน” 120 เมื่อใดที่สิ่งดีๆเกิด

78

3. ครอบครัวของอิมรอน

ขึ้นแก่สูเจ้า พวกเขาจะขมขื่น แต่ถ้าความทุกข์อันใดประสบแก่สูเจ้า พวก เขาจะดีใจ ถ้าสูเจ้าอดทนและสำ�รวมตนจากความชั่ว อุบายของพวกเขา ไม่อาจทำ�ร้ายสูเจ้าได้เลย แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นผู้สกัดล้อมสิ่งที่พวก เขากระทำ� 121 (โอ้นบี) จงเอ่ยให้มุสลิมฟังถึงตอนที่เจ้าออกจากบ้านของเจ้าแต่ เช้าตรู่เพื่อจัดวางกำ�ลังบรรดาผู้ศรัทธาไว้ตามที่มั่นต่างๆสำ�หรับการสู้ รบ พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 122 เมื่อคนสองกลุ่มในหมู่พวก เจ้ากำ�ลังจะถอดใจ แต่พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเขา ดังนั้น ผู้ศรัทธาต้องไว้วางใจในพระเจ้า 123 ความจริง พระเจ้าได้ทรงช่วยสูเจ้า แล้วที่บะดัรฺเมื่อสูเจ้ามีกำ�ลังน้อยกว่า ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่ สูเจ้าจะได้ขอบคุณ 124 (และจงจำ�)เมื่อตอนที่เจ้ากล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธา ว่า “ไม่เพียงพอแก่พวกท่านหรือที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านทรงช่วย พวกท่านด้วยการส่งทูตสวรรค์ลงมาถึงสามพัน? 125 แน่นอน ถ้าพวก ท่านอดทนและเกรงกลัวพระเจ้า หากพวกเขาโจมตีพวกท่านอย่างรุนแรง พระผู้อภิบาลของพวกท่านจะทรงช่วยพวกท่านด้วยทูตสวรรค์ถึงห้าพัน มาเป็นผู้กำ�ราบพวกเขา” 126 พระเจ้ามิได้ท�ำ เช่นนี้เพื่ออื่นใดนอกจาก เพื่อเป็นข่าวดีแก่สูเจ้าและเพื่อที่หัวใจของสูเจ้าจะได้สงบ และไม่มีการ ช่วยเหลือใดๆนอกจากที่พระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น 127 (พระองค์จะช่วยสูเจ้า) เพื่อที่ว่าพระองค์จะได้ท�ำ ลายส่วนหนึ่งของ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมหรือทรงทำ�ให้พวกเขาอัปยศและหันกลับไปด้วย ความสิ้นหวัง 128 (โอ้นบี) เจ้าไม่มีอำ�นาจใดๆที่จะตัดสินว่าพระเจ้าจะ ให้อภัยพวกเขาหรือลงโทษพวกเขา พวกเขาเป็นทำ�ความผิด 129 อะไร ก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรง อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 130 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่ากินดอกเบี้ยทบแล้วทบเล่าเป็นทวีคูณ

อาลิ อิมรอน

79

และจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความสำ�เร็จ 131 จงป้องกัน ตัวของสูเจ้าเองให้พ้นจากไฟที่ได้ถูกเตรียมไว้สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรม 132 และจงเชื่อฟังปฏิบัติตามพระเจ้าและศาสนทูตเพื่อที่สูเจ้าจะ ได้รับความเมตตา 133 และจงแข่งขันกันสู่การอภัยโทษจากพระผู้อภิบาล ของสูเจ้าและสวนสวรรค์ที่กว้างใหญ่ไพศาลดั่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินได้ถูกเตรียมไว้แล้วสำ�หรับผู้สำ�รวมตนจากความชั่ว 134 สำ�หรับผู้ที่ ใช้จ่ายทั้งในยามผาสุกและยามฝืดเคือง ผู้ที่สามารถข่มตัวเองได้ในยาม โกรธและให้อภัยคนอื่น พระเจ้าทรงรักผู้กระทำ�ความดี 135 และบรรดาผู้ที่ เมื่อทำ�การละเมิดหรือสร้างความอธรรมต่อตัวของเขาเอง พวกเขานึกถึง พระเจ้าแล้วขอการอภัยโทษสำ�หรับความผิดของพวกเขา – ผู้ใดเล่าจะ ให้อภัยความผิดทั้งหลายนอกจากพระเจ้า - และไม่ดึงดันทำ�ความผิดต่อ ไปอีกทั้งๆที่รู้ 136 การตอบแทนของพวกเขาเหล่านี้คือการอภัยโทษจาก พระผู้อภิบาลของพวกเขาและสวนสวรรค์หลากหลายที่เบื้องล่างมีลำ�น้ำ� หลายสายไหลผ่าน และพวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้น ช่างดีเสียนี่กระไร สำ�หรับรางวัลของบรรดาผู้กระทำ�ความดี 137 แน่นอน ก่อนหน้าสูเจ้า นั้นเคยมีตัวอย่าง(ของหลายประชาคม)แล้วที่ล่มสลายไป ดังนั้น จงท่อง เที่ยวไปตามแผ่นดินและดูว่าผลสุดท้ายของพวกที่ปฏิเสธสัจธรรมเป็น อย่างไร 138 กุรอานนี้เป็นการเตือนอันชัดแจ้งสำ�หรับมนุษยชาติและเป็น ทางนำ�และข้อตักเตือนสำ�หรับผู้ยำ�เกรงกลัวพระเจ้า 139 และจงอย่าท้อและจงอย่าระทม และสูเจ้าจะเหนือกว่าถ้าสูเจ้าเป็น ผู้ศรัทธา 140 ถ้าหากสูเจ้าได้รับบาดแผล ศัตรูของสูเจ้าก็ได้รับบาดแผล ด้วยเช่นกัน เหล่านี้เป็นการขึ้นลงของเวลาที่เราได้หมุนเวียนสับเปลี่ยน มันระหว่างมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงรู้ว่าใครเป็นผู้ศรัทธา และ เพื่อที่จะได้ทรงเลือกผู้เป็นพยานแห่งสัจธรรมจากในหมู่สูเจ้า และพระเจ้า ไม่ทรงรักผู้อธรรม 141 และเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงเลือกบรรดาผู้ศรัทธา ออกมา และเพื่อทรงกำ�จัดบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 142 หรือสูเจ้าคิดว่า

80

3. ครอบครัวของอิมรอน

จะได้เข้าสวรรค์โดยที่พระเจ้ายังมิได้ทดสอบสูเจ้าเพื่อที่จะดูว่าในหมู่สูเจ้า นั้นใครที่พร้อมจะต่อสู้และใครคือผู้ที่อดทน ? 143 สูเจ้าเคยนึกถึงความ ตายมาแล้วก่อนหน้าที่สูเจ้าจะเผชิญมัน แต่ตอนนี้ สูเจ้าก็ได้เห็นมัน ปรากฏอยู่ข้างหน้าแล้ว 144 มุฮัมมัดเป็นเพียงศาสนทูตคนหนึ่ง บรรดาศาสนทูตได้ล่วงลับไป ก่อนหน้าเขาหลายคนแล้ว ดังนั้น ถ้าหากเขาตายหรือถูกฆ่า สูเจ้าจะหัน ส้นเท้าของสูเจ้ากลับกระนั้นหรือ? หากจะมีใครหันส้นเท้ากลับ เขาก็ไม่ อาจทำ�ร้ายพระผู้อภิบาลได้เลย และในไม่ช้าพระเจ้าจะทรงตอบแทนผู้ กตัญญู 145 ไม่มีชีวิตใดจะตายได้เว้นแต่โดยอนุมัติของพระเจ้า และเวลา แห่งความตายได้ถูกกำ�หนดเอาไว้แล้ว และถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะได้รับ รางวัลแห่งโลกนี้ เราจะประทานมันแก่เขา และถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะ ได้รับรางวัลแห่งโลกหน้า เราก็จะประทานมันแก่เขา เราจะตอบแทนผู้ กตัญญูอย่างแน่นอน 146 ก่อนหน้านี้มีนบีกี่คนแล้วที่มีผู้มั่นคงในศาสนา จำ�นวนมากร่วมต่อสู้เคียงข้างเขา พวกเขาไม่ท้อถอยต่อความพ่ายแพ้ที่ พวกเขาประสบในหนทางของพระเจ้า พวกเขาไม่อ่อนแอและไม่ยอม(ต่อ ความเท็จ) พระเจ้าทรงรักผู้อดทน 147 พวกเขามิได้กล่าวอะไรนอกไป จาก “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอภัยโทษแก่เราสำ�หรับความผิดของ เราและสิ่งที่เราเกินเลยไปในการงานต่างๆของเรา โปรดให้เรายืนหยัดได้ อย่างมั่นคงแน่วแน่ และโปรดช่วยเราต่อบรรดาหมู่ชนที่ปฏิเสธสัจธรรม ด้วยเถิด” 148 ดังนั้น พระเจ้าได้ประทานรางวัลแห่งโลกนี้และรางวัลที่ดี แห่งโลกหน้าแก่พวกเขาและพระเจ้าทรงรักผู้ทำ�ความดี 149 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ถ้าสูเจ้าเชื่อฟังปฏิบัติตามผู้ปฏิเสธสัจธรรม พวกเขาจะทำ�ให้สูเจ้าหันหลังให้ความศรัทธา แล้วสูเจ้าจะกลายเป็นผู้ ขาดทุน 150 แต่ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงคุ้มครองสูเจ้าและพระองค์ทรงเป็น เลิศแห่งผู้ช่วยเหลือ 151 ในไม่ช้า เราจะสร้างความตระหนกขึ้นในจิตใจ ของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม เพราะพวกเขาได้ตั้งสิ่งที่พระองค์มิได้

อาลิ อิมรอน

81

ประทานอำ�นาจแก่มันมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ที่พ�ำ นักของพวกเขาคือไฟ นรก และเป็นที่อยู่อันชั่วช้าของพวกทำ�ความผิด 152 แน่นอน พระเจ้าได้ ทรงทำ�ให้สัญญาที่ให้ไว้แก่สูเจ้า(ว่าจะช่วยเหลือ)เป็นจริงแล้วเมื่อสูเจ้า ได้ก�ำ จัดพวกเขาด้วยอนุมัติของพระองค์ จนกระทั่งเมื่อสูเจ้าท้อแท้และ โต้เถียงกัน(เกี่ยวกับคำ�สั่งของนบี)และละเมิดคำ�สั่งหลังจากที่พระองค์ได้ ทรงทำ�ให้สูเจ้าเห็นสิ่งที่สูเจ้าชอบ เพราะในหมู่สูเจ้ามีผู้ปรารถนาโลกนี้ และผู้ปรารถนาโลกหน้า ดังนั้น พระองค์จึงไม่ให้สูเจ้าสร้างความปราชัย ให้แก่ศัตรูของสูเจ้าเพื่อที่จะทดสอบสูเจ้า แต่ตอนนี้ พระองค์ทรงอภัย สูเจ้าแล้ว พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธา 153 จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้าตะเกียกตะกายหนีจนมิได้หันมามองซึ่งกัน และกันและศาสนาทูตได้ร้องเรียกสูเจ้าทางด้านหลัง ดังนั้น พระองค์จึง ได้ทำ�ให้สูเจ้าต้องเสียใจแล้วเสียใจอีก เพื่อที่สูเจ้าจะได้ไม่ทุกข์ใจในสิ่งที่ สูเจ้าสูญเสียไปและในสิ่งที่ประสบแก่สูเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 154 ดังนั้น หลังจากความเสียใจ พระองค์ได้ประทานความรู้สึกสงบและ ปลอดภัยแก่สูเจ้าบางคนจนงีบไป แต่มีบางคนที่สนใจเพียงแต่ประโยชน์ ของตัวเอง พวกเขาเริ่มความคิดโง่ๆเกี่ยวกับพระเจ้าเหมือนความคิดใน ยุคอวิชชา พวกเขาถามว่า “เรามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยไหม?” จงกล่าวเถิด “ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเจ้า” พวกเขาไม่เปิดเผยสิ่งที่พวกเขาซ่อนเร้นไว้ใน ใจของพวกเขาแก่เจ้า พวกเขากล่าวว่า “ถ้าหากพวกเรามีส่วนในเรื่องนี้ บ้าง พวกเราก็คงไม่ถูกฆ่าที่นี่” จงบอกพวกเขาว่า “ถึงแม้พวกท่านอยู่ใน บ้านของพวกท่าน บรรดาผู้ถูกกำ�หนดไว้แล้วว่าต้องตายก็จะต้องออกไป ยังสถานที่ที่ได้ถูกกำ�หนดไว้แล้วว่าพวกเขาจะถูกฆ่า” ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ก็เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทดสอบสิ่งที่อยู่ในใจของสูเจ้า และเพื่อที่จะขัดเกลา สิ่งที่อยู่ในใจของสูเจ้า เพราะพระเจ้าทรงรู้ดีทุกอย่างถึงสิ่งที่อยู่ในหัวอก ของสูเจ้า 155 สำ�หรับบรรดาผู้ที่หันหลังกลับในวันที่สองกองทัพเผชิญกัน

82

3. ครอบครัวของอิมรอน

(ในสงคราม)นั้น ซาตานได้ท�ำ ให้พวกเขาเพลี่ยงพล้�ำ ด้วยบางสิ่งที่พวก เขาได้ขวนขวายไว้ แต่พระเจ้าได้ทรงอภัยพวกเขา เพราะแท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงขันติ 156 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าเป็นดังเช่นบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม ที่เมื่อพี่น้องของพวกเขาออกเดินทางไปตามแผ่นดินหรือไปเข้าร่วมใน สนามรบแล้ว พวกเขากล่าวว่า “ถ้าหากพวกเขาอยู่กับพวกเราก็คงจะ ไม่ตายหรือถูกฆ่า” เพราะพระเจ้าจะทรงทำ�ให้ความคิดเช่นนี้เป็นสาเหตุ แห่งความรันทดใจของพวกเขา เนื่องจากพระเจ้าคือผู้ทรงให้ชีวิตและ ทรงให้ตาย และพระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 157 ถ้าหากสูเจ้าถูก ฆ่าหรือตายในหนทางของพระเจ้า สูเจ้าจะได้รับการอภัยโทษและความ เมตตาจากพระเจ้าซึ่งดีกว่าที่พวกเขาสะสม 158 เพราะถ้าหากสูเจ้าตาย หรือถูกฆ่า สูเจ้าจะถูกนำ�ไปรวมกันต่อหน้าพระเจ้า 159 (โอ้มุฮัมมัด) มัน เป็นความเมตตาของพระเจ้าที่เจ้ามีความอ่อนโยนต่อพวกเขา เพราะถ้า หากเจ้าแข็งกร้าวและใจกระด้าง พวกเขาจะเตลิดออกไปจากเจ้า ดังนั้น จงให้อภัยแก่พวกเขาและจงขอต่อพระเจ้าให้ทรงยกโทษแก่พวกเขา จง ปรึกษาหารือพวกเขาในการทำ�กิจการต่างๆ ครั้นเมื่อเจ้าตัดสินใจเด็ด ขาดที่จะทำ�แล้ว จงวางใจในพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงรักผู้ที่ไว้วางใจใน พระองค์ 160 ถ้าพระเจ้าทรงช่วยสูเจ้า ไม่มีผู้ใดชนะสูเจ้าได้ แต่ถ้าพระองค์ ทรงทอดทิ้งสูเจ้า ใครเล่าจะช่วยสูเจ้านอกจากพระองค์? ดังนั้น พระเจ้า ต่างหากที่บรรดาผู้ศรัทธาจะต้องไว้วางใจ 161 มันเป็นไปไม่ได้ที่นบีคนใดจะเอาสิ่งใดมา ใครที่ซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เขาจะนำ�สิ่งนั้นมาด้วย ทุกชีวิตจะถูกตอบแทน เต็มตามที่ตัวเองได้ทำ�ไว้ และจะไม่มีใครถูกปฏิบัติอย่างไร้ความเป็น ธรรม 162 ดังนั้น คนที่ทำ�ตามความประสงค์ของพระเจ้าจะเป็นเหมือนกับ ผู้ที่ทำ�ให้พระเจ้าทรงกริ้วแล้วถูกส่งไปอยู่ในนรกอันเป็นปลายทางที่ชั่ว ช้ากระนั้นหรือ? 163 ในสายตาของพระเจ้า พวกเขามีหลายสถานะ และ

อาลิ อิมรอน

83

พระเจ้าทรงเฝ้ามองที่พวกเขากระทำ� 164 แท้จริง พระเจ้าได้ประทาน ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพระองค์ได้ทรงตั้งศาสนทูตขึ้น มาคนหนึ่งในหมู่พวกเขาเองเพื่อมาสาธยายวจนะของพระองค์และเพื่อ ขัดเกลาชีวิตของพวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาให้แก่พวกเขา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในการหลงทางอย่างชัดแจ้ง 165 อะไรกัน เมื่อทุกข์ภัยประสบแก่สูเจ้า หลังจากสูเจ้าได้สร้างความ เสียหายอย่างหนักเป็นสองเท่า(ให้แก่ศัตรู) สูเจ้ากล่าวว่า “นี่มันเกิดขึ้น ได้อย่างไร?” โอ้นบี จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “มันเป็นเพราะความผิดของ สูเจ้าเอง” แท้จริง พระเจ้าทรงมีอานุภาพที่จะประสงค์สิ่งใดก็ได้ 166 และ สิ่งที่ประสบแก่สูเจ้าในวันที่สองกองทัพเผชิญหน้ากันนั้นก็เป็นเพราะการ อนุมัติของพระเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงทดสอบบรรดาผู้ศรัทธา ที่แท้จริง 167 และรู้ถึงบรรดาผู้ที่ทำ�ตนเป็นคนตลบตะแลง เมื่อคนพวก นี้ถูกบอกว่า “จงออกมาต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าและป้องกันตนเอง” พวกเขากล่าวว่า “ถ้าหากเรารู้ว่ามันจะเกิดการต่อสู้ เราจะออกไปกับท่าน อย่างแน่นอน” ในวันที่พวกเขากล่าวถ้อยคำ�นี้ พวกเขาอยู่ใกล้การปฏิเสธ มากกว่าความศรัทธา เพราะพวกเขากล่าวสิ่งที่มิได้อยู่ในหัวใจของพวก เขา พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบัง 168 บรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลังได้ กล่าวถึงพี่น้องของพวกเขาว่า “ถ้าพวกเขาเชื่อฟังเรา พวกเขาก็อาจจะไม่ ถูกฆ่า” จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ดังนั้น จงปัดความตายให้พ้นไปจากตัว ของพวกท่านให้ได้ก่อน ถ้าหากสิ่งที่พวกท่านพูดเป็นความจริง” 169 จงอย่าคิดว่าบรรดาผู้ถูกฆ่าในหนทางของพระเจ้านั้นตาย มิใช่เช่น นั้น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และได้รับปัจจัยยังชีพจากพระเจ้า 170 พวกเขา รื่นเริงในสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปรานแก่พวกเขา และพวก เขายินดีที่ได้คิดว่าไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัวหรือน่าทุกข์ระทมสำ�หรับผู้ที่พวก เขาทิ้งไว้ข้างหลังและผู้ที่ยังไม่ได้มาเข้าร่วมกับพวกเขา 171 พวกเขา ยินดีที่ได้รับความการุญและความโปรดปรานจากพระเจ้า (พวกเขารู้ว่า)

84

3. ครอบครัวของอิมรอน

พระเจ้ามิทรงทำ�ให้รางวัลของผู้ศรัทธาได้รับความเสียหาย 172 สำ�หรับ บรรดาผู้สนองตอบการเรียกร้องของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ แม้ได้รับบาดเจ็บและบรรดาผู้กระทำ�ความดีและเกรงกลัวพระเจ้านั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ 173 บรรดาผู้ที่เมื่อมีคนบอกพวกเขา ว่า “ศัตรูกำ�ลังรวมตัวกันต่อต้านพวกท่าน ดังนั้น จงกลัวพวกเขา” แต่คำ� พูดนั้นกลับทำ�ให้พวกเขามีความศรัทธามั่นยิ่งขึ้นและกล่าวว่า “พระเจ้า นั้นเพียงพอแล้วสำ�หรับเรา พระองค์เป็นผู้ทรงพิทักษ์ที่ดีเลิศ” 174 ใน ที่สุด พวกเขาได้กลับบ้านด้วยความการุญและความโปรดปรานจาก พระเจ้า พวกเขามิได้ประสบภยันตรายใดๆ นอกจากนั้นแล้ว พวกเขา ยังปฏิบัติตามความปราโมทย์ของพระเจ้า และพระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่ง ความโปรดปรานอันใหญ่หลวง 175 มีแต่ซาตานเท่านั้นที่ท�ำ ให้สูเจ้ากลัว พวกพ้องของมัน ดังนั้น จงอย่ากลัวพวกมัน แต่จงกลัวฉันถ้าสูเจ้าเป็นผู้ ศรัทธาที่แท้จริง 176 จงอย่าให้การงานอันชั่วช้าของบรรดาผู้ดิ้นรนเพื่อการปฏิเสธ สัจธรรมสร้างความทุกข์ระทมให้แก่เจ้า พวกเขาไม่สามารถทำ�ร้าย พระเจ้าได้แม้แต่น้อยนิด พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาที่จะให้พวกเขามีส่วน ใดๆในโลกหน้า และสำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอันรุนแรง 177 แท้จริง บรรดาผู้แลกเปลี่ยนการศรัทธาด้วยการปฏิเสธสัจธรรมนั้นไม่อาจให้ร้าย ใดๆต่อพระเจ้าได้เลย สำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด 178 จง อย่าให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมคิดว่าการที่เราผ่อนปรนให้พวกเขานั้น เป็นการดีสำ�หรับพวกเขาเอง ความจริงแล้ว เราได้ผ่อนปรนให้พวกเขา ก็เพื่อที่พวกเขาจะได้ฝ่าฝืนมากยิ่งขึ้น และสำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษ อันเจ็บปวด 179 พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยบรรดาผู้ศรัทธาให้อยู่ในสภาพ อย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ในตอนนี้ จนกระทั่งพระองค์ทรงแยกความชั่ว ออกจากความดี และพระเจ้าจะไม่เปิดเผยสิ่งที่พ้นญาณวิสัยแก่สูเจ้า แต่ พระองค์จะทรงเลือกบรรดาศาสนทูตของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์

อาลิ อิมรอน

85

ดังนั้น จงศรัทธาในพระเจ้าและบรรดาศาสนทูตของพระองค์ เพราะถ้า สูเจ้าศรัทธาและสำ�รวมตนจากความชั่ว สูเจ้าจะได้รับรางวัลอันใหญ่ หลวง 180 จงอย่าให้ผู้ตระหนี่ถี่เหนียวในสิ่งที่พระเจ้าประทานความ โปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งดีสำ�หรับพวกเขา ความจริงแล้ว มันเป็นความชั่วสำ�หรับพวกเขาต่างหาก เพราะสิ่งใดที่ พวกเขาตระหนี่ไว้จะคล้องคอพวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระเจ้า เท่านั้นเป็นผู้มีสิทธิ์แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระเจ้าทรงเฝ้า ดูสิ่งที่สูเจ้ากำ�ลังกระทำ� 181 แน่นอน พระเจ้าทรงได้ยินคำ�พูดของบรรดา ผู้กล่าวว่า “แท้จริง พระเจ้าทรงยากจน แต่พวกเรานั้นมั่งคั่ง” เราจะบัน ทึกสิ่งที่พวกเขากล่าวไว้พร้อมกับการที่พวกเขาฆ่านบีหลายคนโดยไม่ เป็นธรรม และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า “ทีนี้ จงลิ้มรสการทรมานจากไฟที่ถูกไหม้ 182 นั่นเป็นเพราะสิ่งที่สูเจ้าได้ ขวนขวายไว้ด้วยมือของสูเจ้าเอง และพระเจ้าจะไม่ทรงอธรรมต่อปวง บ่าวของพระองค์” 183 มีบางคนกล่าวว่า “พระเจ้าได้สั่งกำ�ชับเราว่าเรา จะต้องไม่ยอมรับผู้ใดเป็นศาสนทูตจนกว่าเขาจะนำ�เอาสิ่งพลีที่ไฟจะกิน มันมาแสดงแก่เรา” จงบอกพวกเขาว่า “ก่อนหน้าฉันได้มีศาสนทูตหลาย คนมายั ง พวกท่ า นพร้ อ มกับสัญญาณอันชัดแจ้งและสิ่งที่พ วกท่า นพูด ถึง ทำ�ไมพวกท่านถึงได้ฆ่านบีเหล่านั้นเล่า ถ้าหากพวกท่านพูดจริง?” 184 ถ้าพวกเขาปฏิเสธเจ้า (โอ้มุฮัมมัด) ก่อนหน้าเจ้า ศาสนทูตหลายคน ที่มาพร้อมกับสัญญาณต่างๆและแผ่นจารึกและคัมภีร์ต่างๆก็ถูกปฏิเสธ มาแล้วเช่นกัน 185 ทุกชีวิตจะต้องลิ้มรสความตาย และสูเจ้าจะได้รับการ ตอบแทนอย่างครบครันในวันฟื้นคืนชีพ ดังนั้น ผู้ที่ประสบความสำ�เร็จ อย่างแท้จริงคือผู้ที่ถูกทำ�ให้ออกห่างจากนรกและถูกรับเข้าไว้ในสวรรค์ เพราะชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นเพียงสิ่งหลอกลวงเท่านั้น 186 สูเจ้าจะต้องถูกทดสอบในทรัพย์สินของสูเจ้าและสูเจ้าจะต้อง

86

3. ครอบครัวของอิมรอน

ได้ยินสิ่งที่เจ็บปวดมากมายจากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้าสูเจ้าและ จากบรรดาผู้ตั้งสิ่งอื่นเป็นภาคีร่วมกับพระเจ้า แต่ถ้าหากสูเจ้าอดทนและ สำ�รวมตนจากความชั่ว นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงการยืนหยัดอย่างมั่นคง 187 พระเจ้าได้ท�ำ สัญญากับบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ว่าจะทำ�ให้คัมภีร์เป็น ที่กระจ่างแก่ผู้คนและจะไม่ปิดบังมัน แต่พวกเขากลับทิ้งมันไว้ข้างหลัง พวกเขาและแลกเปลี่ยนมันด้วยราคาเล็กน้อย ช่างเป็นการแลกเปลี่ยน ที่ชั่วช้าเสียนี่กระไร 188 บรรดาผู้ที่ระเริงในการกระทำ�ผิดและรักที่จะถูก สรรเสริญในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้กระทำ� จงอย่าคิดว่าจะปลอดพ้นจากการ ลงโทษ สำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด 189 อำ�นาจแห่งชั้นฟ้า ทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือ ทุกสิ่ง 190 แท้จริง ในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และในการสับ เปลี่ ย นของกลางคื น และกลางวั น นั้ น มี สั ญ ญาณสำ �หรั บ ปวงผู้ มี ค วาม เข้าใจ 191 ผู้ที่ระลึกถึงพระเจ้าขณะยืน นั่งและนอนตะแคง พวกเขาจะ ใคร่ครวญในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน (พวกเขาจะกล่าว ว่า) “พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์มิได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวงนี้ขึ้นมาโดย ไร้วัตถุประสงค์ พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์ยิ่ง ดังนั้น โปรดช่วยเราให้พ้น จากการลงโทษของไฟนรกด้วยเถิด 192 พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง ผู้ ใดที่พระองค์ทรงให้เข้าไปในไฟนรก แน่นอน พระองค์ทรงทำ�ให้เขา อัปยศ สำ�หรับผู้ท�ำ ความผิดนั้นไม่มีผู้ช่วยเหลือ 193 โอ้พระผู้อภิบาล แท้จริง เราได้ยินผู้เรียกร้องเชิญชวนไปสู่การศรัทธาว่า “จงศรัทธาต่อ พระผู้อภิบาลของพวกท่าน” แล้วพวกเราได้ศรัทธา โอ้พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดอภัยโทษความผิดของเราและได้โปรดลบล้างความชั่วทั้งหลาย ของเรา และโปรดให้เราตายร่วมกับผู้ทรงคุณธรรม 194 พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดประทานแก่เราในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่เราผ่านบรรดา

อาลิ อิมรอน

87

ศาสนทูตของพระองค์ และโปรดอย่าทำ�ให้เราอัปยศในวันแห่งการฟื้น คืนชีพ แท้จริง พระองค์ไม่ทรงผิดสัญญา” 195 พระผู้อภิบาลของพวกเขาได้ทรงตอบพวกเขาว่า “ฉันจะไม่ปล่อย ให้การงานของผู้ท�ำ งานในหมู่สูเจ้าเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศ หญิง เพราะสูเจ้ามาจากกันและกัน ดังนั้น ฉันจะให้อภัยบาปของบรรดาผู้ อพยพหรือถูกขับไล่ออกจากบ้านของพวกเขา ผู้ได้รับความทุกข์จากการ ถูกกดขี่ข่มเหงในแนวทางของฉัน ผู้ต่อสู้และผู้ถูกฆ่า แน่นอน ฉันจะรับ พวกเขาเข้าไปในสวนสวรรค์ซึ่งเบื้องล่างนั้นมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน” นี่คือการตอบแทนจากพระเจ้า และพระเจ้าเท่านั้นที่มีการตอบแทนที่ดี เลิศ 196 จงอย่าให้การงานของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมในแผ่นดินล่อลวง เจ้า 197 เพราะนั่นเป็นผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย แล้วพวกเขาจะเข้าไป สู่นรกอันเป็นสถานที่พ�ำ นักอันชั่วช้า 198 แต่สำ�หรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระ ผู้อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์ที่เบื้องล่างมีล�ำ น้ำ� หลายสายไหลผ่าน ซึ่งพวกเขาจะได้เข้าไปอยู่ในนั้น นี่คือการต้อนรับจาก พระผู้อภิบาลของพวกเขา การตอบแทนของพระเจ้านั้นดียิ่งสำ�หรับผู้ทรง คุณธรรม 199 ในหมู่ชาวคัมภีร์นั้นมีบางคนศรัทธาในพระเจ้าและคัมภีร์ ที่ได้ถูกประทานแก่สูเจ้าและที่ได้ถูกประทานแก่พวกเขา พวกเขาเป็น ผู้ถ่อมตนต่อพระเจ้าและไม่แลกเปลี่ยนวจนะของพระเจ้าด้วยราคาเล็ก น้อย พวกเขาเหล่านี้จะได้รับรางวัลจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เพราะ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงฉับพลันในการชำ�ระ 200 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอดทนและและจงยืนหยัดในความศรัทธาของสูเจ้า และจงเกรงกลัว พระเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ประสบความสำ�เร็จ

88

4. ผู้หญิง

4. ผู้หญิง

อัล-นิซาอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 โอ้มนุษย์เอ๋ย จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ผู้ทรงสร้างสูเจ้ามา จากชีวิตหนึ่ง และจากชีวิตนั้น พระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครองของมัน และ จากคู่นั้น พระองค์ได้ทรงแพร่ขยายทั้งผู้ชายและผู้หญิงออกไป(บนหน้า แผ่นดิน)อย่างมากมายนับไม่ถ้วน และจงเกรงกลัวพระเจ้าที่สูเจ้าต่าง เรียกร้องสิทธิซึ่งกันและกัน และจงคำ�นึงถึงหน้าที่ของสูเจ้าในเรื่องการ รักษาความสัมพันธ์ทางเครือญาติ แท้จริง พระเจ้าทรงเฝ้าดูสูเจ้าอยู่ เสมอ* 2 จงให้เด็กกำ�พร้าซึ่งสมบัติของพวกเขา และจงอย่าแลกเปลี่ยน สิ่งเลวของสูเจ้าแทนสิ่งดีของพวกเขา และจงอย่ากินสมบัติของพวกเขา โดยการปะปนมันกับสมบัติของสูเจ้า เพราะแท้จริง มันเป็นบาปอันมหันต์ 3 ถ้าหากสูเจ้าเกรงว่าไม่สามารถที่จะให้ความเป็นธรรมแก่เด็กหญิง กำ�พร้า ดังนั้น จงแต่งงานกับผู้หญิงสองหรือสามหรือสี่ที่สูเจ้าสบใจ แต่ถ้า หากสูเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรม ได้ จงแต่งงานกับผู้หญิง เพียงคนเดียวหรือแต่งงานกับหญิงที่อยู่ในความครอบครองของสูเจ้า นั่น เป็นการดีกว่าที่สูเจ้าจะได้ไม่ล�ำ เอียง 4 และจงให้ของหมั้นของนางแก่นาง โดยเต็มใจ แต่ถ้านางคืนส่วนหนึ่งของมันแก่สูเจ้าโดยนางยินดีเอง สูเจ้า จะใช้มันด้วยความสุขและด้วยความปรารถนาดีก็ได้ * มนุษย์ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวและเหมือนกันโดยกำ�เนิด ทุกคน สามารถย้อนต้นกำ�เนิดของตนเองได้ว่าตัวเองมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน ดังนั้น จึงจำ�เป็นที่มนุษย์ทั้งหมดต้องมีความรู้สึกถึงความเป็นพี่น้องกัน และอยู่ด้วยความยุติธรรมและปรารถนาดีต่อกันเหมือนกับเป็นสมาชิกใน ครอบครัวเดียวกัน

อัล-นิซาอ์

89

จงอย่าให้ทรัพย์สินที่พระเจ้าได้ทำ�ให้เป็นปัจจัยยังชีพของสูเจ้า แก่คนปัญญาอ่อน แต่สูเจ้าจงให้เครื่องยังชีพและเครื่องนุ่งห่มแก่พวก เขา และจงพูดแก่พวกเขาด้วยคำ�พูดที่ดี 6 จงเฝ้าสังเกตและทดสอบเด็ก กำ�พร้าจนกว่าพวกเขาบรรลุถึงวัยสมรส และถ้าสูเจ้าคิดว่าพวกเขาเป็น ผู้ใหญ่แล้ว จงมอบสมบัติของพวกเขาคืนให้แก่พวกเขา จงอย่ากินทรัพย์ สมบัติของพวกเขาอย่างสิ้นเปลืองและรีบเร่งเพราะกลัวว่าพวกเขาจะ เติบโตขึ้น ถ้าหากผู้ดูแลเด็กกำ�พร้าคนใดเป็นผู้มั่งคั่ง ก็ให้เขาละเว้นจาก ทรัพย์สินของเด็กกำ�พร้า แต่ถ้าผู้ใดยากจน ก็ให้เขากินมันแต่พอควร และเมื่อสูเจ้ามอบทรัพย์สินของพวกเขาคืนให้แก่พวกเขา จงให้มีบาง คนเป็นพยาน และพระเจ้านั้นเพียงพอแล้วในฐานะเป็นผู้ชำ�ระ 7 สำ�หรับ ผู้ชายก็มีส่วนจากที่พ่อแม่และญาติสนิทได้ทิ้งไว้ และสำ�หรับผู้หญิงก็มี ส่วนจากที่พ่อแม่และญาติสนิทได้ทิ้งไว้ไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ตามเพราะ ส่วนแบ่งนี้ได้ถูกกำ�หนดไว้แล้ว 8 และถ้าหากญาติและเด็กกำ�พร้าและคน ยากจนอยู่ในตอนที่มีการแบ่งมรดก จงให้บางสิ่งจากมรดกนั้นแก่พวก เขาบ้าง และจงพูดแก่พวกเขาด้วยถ้อยคำ�ที่ดี 9 คนที่เป็นห่วงลูกหลานที่ อ่อนแอของตัวเองว่าจะอยู่อย่างไรถ้าหากตัวเองตายไปและทิ้งลูกหลาน ไว้ข้างหลังควรแสดงความเป็นห่วงเช่นเดียวกันนี้บ้างต่อเด็กกำ�พร้า ดัง นั้น จงให้พวกเขาเกรงกลัวพระเจ้าและรักษาความยุติธรรม 10 บรรดาผู้ กินสมบัติของเด็กกำ�พร้าโดยไม่ชอบธรรมนั้น แท้จริงแล้ว พวกเขาเพียง แต่กลืนไฟนรกเข้าไปในท้องของพวกเขา ในไม่ช้า พวกเขาจะถูกโยน เข้าไปในเปลวเพลิง 11 พระเจ้าทรงสั่งสูเจ้าเกี่ยวกับลูกๆของสูเจ้าในเรื่องมรดกว่า สำ�หรับ ส่วนแบ่งของชายนั้นจะเท่ากับผู้หญิงสองคน แต่ถ้าหากมีทายาทหญิง เกินสองคน ส่วนแบ่งของนางทั้งหมดคือสองในสามของผู้ตายได้ทิ้งไว้ แต่ถ้ามีลูกหญิงเพียงคนเดียว ส่วนแบ่งของนางคือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ถ้าหากผู้ตายมีบุตร พ่อและแม่ของเขาแต่ละคนมีสิทธิ์จะได้หนึ่งในหก 5

90

4. ผู้หญิง

ของทั้งหมด แต่ถ้าหากเขาไม่มีบุตรและพ่อแม่ของเขาเท่านั้นที่เป็น ทายาทของเขา ดังนั้น แม่ของเขาจะได้หนึ่งในสามของทั้งหมด แต่ถ้า หากเขามีพี่ชายน้องชาย(หรือพี่สาวน้องสาว) แม่ของเขาก็จะได้หนึ่งใน หกของทั้งหมด การแบ่งส่วนมรดกนี้จะมีขึ้นหลังจากที่พินัยกรรมได้รับ การปฏิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากได้มีการชำ�ระหนี้สินแล้ว เกี่ยวกับ พ่อของสูเจ้าและลูกๆของสูเจ้านั้น สูเจ้าไม่รู้หรอกว่าใครที่เป็นประโยชน์ ต่อสูเจ้ามากกว่ากัน แต่การกำ�หนดส่วนแบ่งนี้เป็นไปโดยพระเจ้าและ พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้และผู้ทรงปรีชาญาณ 12 สำ�หรับสูเจ้าคือครึ่งหนึ่ง ของสิ่งที่ภรรยาของสูเจ้าได้ทิ้งไว้ถ้าหากนางไม่มีบุตร แต่ถ้าหากนางมี บุตร สูเจ้าก็ได้รับหนึ่งในสี่ของสิ่งที่นางได้ทิ้งไว้หลังจากที่พินัยกรรมได้ รับการปฏิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากที่ได้มีการชำ�ระหนี้สินแล้ว และ สำ�หรับนางคือหนึ่งในสี่ของมรดกที่สูเจ้าได้ทิ้งไว้ถ้าสูเจ้าไม่มีบุตร แต่ ถ้าสูเจ้ามีบุตร นางมีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งหนึ่งในแปดของสิ่งที่สูเจ้าได้ทิ้ง ไว้ หลังจากที่พินัยกรรมได้รับการปฏิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากที่ได้ มีการชำ�ระหนี้สินแล้ว และถ้าผู้ตายไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงไม่มีบุตร แต่มีพี่ชายหรือน้องชายหนึ่งคนหรือมีพี่น้องหรือน้องสาวหนึ่งคน ดังนั้น แต่ละคนจากทั้งสองจะได้หนึ่งในหกของทั้งหมด แต่ถ้าพี่น้องชายหญิง มีมากกว่านั้น ส่วนแบ่งของพวกเขาทั้งหมดก็คือหนึ่งในสามของทั้งหมด หลังจากที่พินัยกรรมได้รับการปฏิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากที่ได้มี การชำ�ระหนี้สินแล้วเพื่อที่จะได้ไม่เป็นผลเสียแก่ใคร นี่เป็นคำ�สั่งจาก 13 พระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงขันติ เหล่านี้คือข้อกำ�หนด ของพระเจ้า ผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เขาเข้าสวรรค์ที่เบื้องล่างมันมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน ซึ่งเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้น และนั่นคือความสำ�เร็จที่สูงสุด 14 แต่ผู้ใดฝ่าฝืน พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และละเมิดข้อกำ�หนดของพระองค์

อัล-นิซาอ์

91

พระองค์จะทรงให้เขาเข้าไปในไฟซึ่งเขาจะอยู่ในนั้น และสำ�หรับเขาคือ การลงโทษอันอัปยศ 15 ถ้าผู้หญิงคนใดในหมู่ผู้หญิงของสูเจ้าทำ�ผิดประเวณี จงให้มีพยาน สี่คนจากในหมู่สูเจ้ามายืนยันต่อนาง และถ้าพวกเขายืนยันว่านางทำ� ผิด ดังนั้น จงกักตัวนางไว้ในบ้านจนกระทั่งความตายได้มาถึงนาง หรือ พระเจ้าทรงเปิดหนทางให้แก่นาง 16 หากผู้ชายสองคนในหมู่สูเจ้ากระทำ� ผิดเช่นเดียวกัน จงลงโทษเขาทั้งสอง แล้วถ้าหากเขาสำ�นึกผิดและ ปรับปรุงตัวเอง จงปล่อยเขาทั้งสองไว้เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษ กรรมโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 17 แท้จริง การสำ�นึกผิดที่พระเจ้าทรง รับนั้นมีแต่เฉพาะคนที่ท�ำ ความผิดด้วยความโง่เขลา แล้วหลังจากนั้นเขา สำ�นึกผิดโดยทันที พระเจ้าจะทรงหันไปยังคนเหล่านั้นโดยปรานีเพราะ พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ 18 การให้อภัยนั้นมิใช่ สำ�หรับบรรดาผู้กระทำ�ความชั่วต่างๆเป็นนิจจนกระทั่งความตายได้มายัง คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขาแล้วเขาก็กล่าวว่า “ตอนนี้ฉันสำ�นึกผิดแล้ว” และไม่ใช่สำ�หรับผู้ที่ตายในสภาพของผู้ปฏิเสธสัจธรรม คนเหล่านี้ เราได้ เตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้ส�ำ หรับเขาแล้ว 19 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ไม่เป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้าที่จะเอาหญิงหม้าย มาเป็นมรดกโดยฝืนใจนาง และจงอย่าบีบคั้นนางเพื่อที่จะเอาของหมั้น บางส่วนที่สูเจ้าได้ให้นางไป เว้นแต่นางจะทำ�การอันชั่วช้าอย่างชัดเจน และจงอยู่ร่วมกับนางโดยดีถึงแม้ว่าสูเจ้าจะชังนางก็ตาม มันเป็นไปได้ที่ สูเจ้าอาจไม่ชอบบางสิ่งที่พระเจ้าอาจทำ�ให้มันเป็นที่มาของสิ่งที่ดีๆอย่าง มากมาย 20 ถ้าสูเจ้าต้องการจะแต่งงานกับภรรยาอีกคนหนึ่งแทนภรรยา ที่มีอยู่ จงอย่าเอาสิ่งใดจากสิ่งที่สูเจ้าให้แก่นางไปกลับคืนมา ถึงแม้ว่ามัน จะเป็นสมบัติกองพะเนินก็ตาม สูเจ้าจะเอามันกลับมาด้วยการใส่ร้ายและ บาปอันชัดแจ้งกระนั้นหรือ? 21 สูเจ้าจะเอามันคืนได้อย่างไรในเมื่อสูเจ้า ทั้งสองเคยอยู่ร่วมกันมาอย่างมีความสุขและนางได้รับคำ�สัญญาอันมั่นคง

92

4. ผู้หญิง

จากสูเจ้าว่าจะอยู่ร่วมกับนางแล้ว ? 22 จงอย่าแต่งงานกับบรรดาหญิงที่ พ่อของสูเจ้าได้แต่งงานมาก่อน ยกเว้นสำ�หรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต แท้จริง นี่เป็นสิ่งน่าละอายและน่าเกลียดและเป็นการกระทำ�ที่ชั่ว 23 ผู้ที่สูเจ้าถูกห้ามแต่งงานด้วยคือแม่ของสูเจ้า ลูกสาวของสูเจ้า พี่ สาวน้องสาวของสูเจ้า พี่สาวน้องสาวของพ่อของสูเจ้า และพี่สาวน้องสาว ของแม่ของสูเจ้า ลูกสาวของพี่ชายน้องชายของสูเจ้าและลูกสาวของพี่ สาวน้องสาวของสูเจ้า แม่นมที่ให้นมแก่สูเจ้าและพี่สาวน้องสาวที่ร่วมนม กับเจ้า แม่ของภรรยาของสูเจ้าและลูกสาวของภรรยาของสูเจ้าที่สูเจ้าให้ ความอุปการะ ลูกสาวของภรรยาที่สูเจ้าได้สมสู่นางแล้ว แต่กับภรรยาที่ สูเจ้ายังไม่ได้สมสู่นาง มันก็ไม่เป็นบาปอันใดที่สูเจ้าจะแต่งงานกับลูกสาว ของนาง และที่ต้องห้ามสำ�หรับสูเจ้าอีกก็คือภรรยาของลูกชายของสูเจ้า ที่มาจากท้องของสูเจ้า และเป็นที่ต้องห้ามแก่สูเจ้าที่จะเอาหญิงที่เป็นพี่ สาวน้องสาวเป็นภรรยาในเวลาเดียวกัน ยกเว้นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วใน อดีต แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 24 เป็นที่ต้องห้าม อีกเช่นกันคือหญิงที่แต่งงานแล้ว เว้นแต่ที่ตกอยู่ในมือของสูเจ้าในฐานะ เชลยสงคราม นี่เป็นคำ�บัญชาของพระเจ้าที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ส�ำ หรับสูเจ้า นอกเหนือจากนั้นแล้วเป็นที่อนุมัติสำ�หรับสูเจ้าที่จะแสวงหาการแต่งงาน กับหญิงอื่นด้วยทรัพย์สินของสูเจ้าโดยที่สูเจ้าแต่งงานกับนาง และมิใช่ การลักลอบผิดประเวณี เมื่อสูเจ้าอยู่กินกับพวกนางแล้ว จงให้ของขวัญ แต่งงานแก่นาง และไม่มีบาปอันใดแก่สูเจ้าในการที่จะประนีประนอมโดย เห็นชอบซึ่งกันและกันในเรื่องของขวัญแต่งงาน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง รอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ 25 ถ้าผู้ใดในหมู่สูเจ้าไม่สามารถแต่งงาน กับหญิงผู้ศรัทธาที่เป็นไท จงแต่งงานกับบ่าวหญิงผู้ศรัทธาที่อยู่ในความ ครอบครองของสูเจ้า พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งในความศรัทธาของสูเจ้า บางคน ของสูเจ้ามาจากอีกบางคน ดังนั้น จงแต่งงานกับนางโดยการอนุมัติของ ผู้ดูแลนาง และจงให้ของขวัญแต่งงานแก่นางตามสมควรเพื่อที่นางจะได้

อัล-นิซาอ์

93

ใช้ชีวิตสมรสอย่างมีเกียรติ มิใช่เป็นผู้ค้าประเวณีและมิใช่เป็นเมียลับ และ ถ้าหากนางมีชู้หลังจากที่นางได้แต่งงานแล้ว การลงโทษสำ�หรับนางก็คือ ครึ่งหนึ่งของโทษที่ถูกกำ�หนดไว้ส�ำ หรับหญิงที่เป็นไท นี่มีไว้ให้ส�ำ หรับ ผู้เกรงว่าตัวเองจะมีบาป แต่มันเป็นการดีกว่าสำ�หรับสูเจ้าที่จะอดกลั้น ตนเอง และพระเจ้าทรงเป็นผู้ให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 26 พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้ความกระจ่างแก่สูเจ้าและแนะนำ�สูเจ้า ซึ่งแนวทางของบรรดาผู้ทรงความดีก่อนหน้าสูเจ้า และพระองค์ทรงหัน มายังสูเจ้าโดยปรานี พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 27 พระเจ้า ทรงปรารถนาที่จะหันมายังสูเจ้าโดยปรานี แต่บรรดาผู้ปฏิบัติตามความ ใคร่ต้องการที่จะให้สูเจ้าหันห่างออกจากแนวทางที่ถูกต้อง 28 พระเจ้าทรง ปรารถนาที่จะผ่อนปรนให้สูเจ้า เพราะมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาอย่างอ่อนแอ 29 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่ากินทรัพย์สินในระหว่างสูเจ้ากันเองโดย วิธีการที่ไม่ถูกต้อง เว้นแต่โดยการทำ�การค้าด้วยการยินยอมร่วมกันของ สูเจ้า จงอย่าฆ่ากันและกัน เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดต่อสูเจ้า 30 ถ้าผู้ใดกระทำ�การละเมิดและอยุติธรรมเช่นนั้น เราจะโยนเขาเข้าไปในไฟ นรก และนั่นเป็นการง่ายมากสำ�หรับพระเจ้า 31 ถ้าหากสูเจ้าหลีกห่างจาก ความชั่วร้ายต่างๆที่ถูกห้ามแก่สูเจ้า เราจะลบล้างความผิดเล็กๆน้อยๆ ของสูเจ้า และเราจะรับสูเจ้าเข้าไปในสถานอันมีเกียรติ 32 จงอย่าอิจฉา ในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงโปรดปรานแก่ใครบางคนมากกว่าสูเจ้าอีกบางคน สำ�หรับชายจะได้ส่วนที่พวกเขาควรได้ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ และสำ�หรับหญิงจะได้ส่วนที่พวกนางควรจะได้ตามที่พวกนางขวนขวาย ไว้ และจงวอนขอความโปรดปรานจากพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง รอบรู้ทุกสิ่งเสมอ 33 สำ�หรับทุกคน เราได้ตั้งทายาทของมรดกที่พ่อแม่ และญาติสนิทได้ทิ้งไว้ สำ�หรับบรรดาผู้ที่สูเจ้าได้ท�ำ สัญญาไว้นั้น จงให้ ส่วนแบ่งของพวกเขาแก่พวกเขาด้วย แท้จริง พระเจ้าทรงเฝ้ามองทุกสิ่ง ทุกอย่าง

94

4. ผู้หญิง

ผู้ชายเป็นผู้คุ้มครองดูแลกิจการของผู้หญิงโดยการที่พระเจ้าได้ ทรงโปรดปรานทำ�ให้บางคนในพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคนและโดยการ ที่พวกเขาใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเลี้ยงดูนาง ดังนั้น หญิงที่ดีทั้ง หลายคือหญิงที่เชื่อฟังและปกป้องสิ่งที่พระเจ้าให้พวกนางปกป้องในยาม ที่สามีไม่อยู่ สำ�หรับหญิงที่สูเจ้าเกรงการดื้อดึงของนาง จงตักเตือนนาง ก่อนและ(หากยังดื้ออีก) จงปล่อยนางไว้ให้ห่างจากที่นอนของสูเจ้า และ สุดท้ายจงตีนาง(เบาๆ)* หากนางเชื่อฟังสูเจ้าแล้ว จงอย่าหาเหตุอื่นมา ลงโทษนาง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงเกรียงไกรเสมอ 35 ถ้า สูเจ้าเกรงว่าจะแตกแยกกันระหว่างชายคนหนึ่งกับภรรยาของเขา ดังนั้น จงตั้งตุลาการคนหนึ่งจากญาติของสามีและคนหนึ่งจากญาติของภรรยา ถ้าหากทั้งสองฝ่ายปรารถนาที่จะปรองดอง พระเจ้าจะทรงสร้างหนทาง ประสานระหว่างสองฝ่ายให้ แท้จริง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งและเป็น ผู้ทรงตระหนักเสมอ 36 จงเคารพสักการะพระเจ้า และจงอย่านำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระองค์ จงปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ของสูเจ้า ต่อญาติสนิท เด็กกำ�พร้า ผู้ขัดสน เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและห่างไกล เพื่อนข้างเคียง ผู้เดินทางและทาสที่อยู่ ในความครอบครองของสูเจ้า แท้จริง พระเจ้ามิทรงรักผู้โอหัง ผู้คุยโว 37 ผู้ ตระหนี่และเสี้ยมสอนคนอื่นให้ตระหนี่และซ่อนเร้นความโปรดปรานของ พระเจ้าที่พระองค์ประทานแก่พวกเขานั้น เราได้เตรียมการลงโทษอัน อัปยศไว้แล้วสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมแล้ว 38 และ(พระเจ้าไม่ชอบ) บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อโอ้อวดมนุษย์และพวกเขาไม่ ศรัทธาในพระเจ้าและไม่ศรัทธาในวันสุดท้าย ผู้ใดมีซาตานเป็นสหาย เขา ผู้นั้นก็มีสหายที่เลวทราม 39 จะเกิดผลร้ายอะไรแก่พวกเขาเล่าถ้าพวก เขาศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและใช้จ่ายจากที่พระเจ้าประทานแก่ * นี่หมายถึงการกระทำ�เป็นสัญลักษณ์ เพราะท่านนบีห้ามตีภรรยา โดยกล่าวว่า “จงอย่าตีสิ่งที่พระเจ้าสร้างมา” 34

อัล-นิซาอ์

95

พวกเขา? หากเขาทำ�เช่นนั้น แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาทำ� เสมอ 40 แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงอธรรมต่อผู้ใดแม้แต่เพียงนิดเดียว และ ถ้าหากใครทำ�ดี พระองค์จะทรงเพิ่มพูนมันเป็นทวีคูณ และจะประทาน รางวัลอันใหญ่หลวงจากพระองค์ 41 แล้วพวกเขาจะทำ�อย่างไรเล่าเมื่อเราจะนำ�พยานคนหนึ่งมาจาก ทุกประชาชาติและได้ให้เจ้า(มุฮัมมัด)เป็นพยานต่อคนเหล่านี้? 42 วัน นั้น บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและไม่เชื่อฟังศาสนทูตผู้นี้จะขอให้แผ่นดิน แยกกลบพวกเขาไป แต่พวกเขาไม่อาจจะปิดบังสิ่งใดจากพระเจ้าได้ 43 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่านมาซในขณะที่สูเจ้ามึนเมาอยู่ จนกว่าสูเจ้า จะรู้ในสิ่งที่สูเจ้ากล่าว และจงอย่านมาซในขณะที่สูเจ้าไม่สะอาดจนกว่า สูเจ้าจะอาบน้ำ� ยกเว้นเมื่อสูเจ้าเดินผ่าน และถ้าหากสูเจ้าป่วยหรืออยู่ใน ระหว่างเดินทาง หรือผู้ใดในหมู่สูเจ้ามาจากส้วมหรือสูเจ้าแตะต้องผู้หญิง และสูเจ้าหาน้ำ�ไม่พบ ดังนั้น จงหาฝุ่นหรือทรายที่สะอาดลูบหน้าของ สูเจ้าและมือของสูเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษ ผู้ทรงอภัยเสมอ 44 เจ้าไม่รู้จักบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ? พวก เขาซื้ อ ความหลงผิ ด และพวกเขาปรารถนาที่ จ ะให้ สู เ จ้ า หลงทางด้ ว ย 45 พระเจ้าทรงรู้จักศัตรูของสูเจ้าดียิ่ง และพระเจ้านั้นเพียงพอแล้วที่ จะเป็นผู้ทรงคุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือ 46 ชาวยิวบางคนได้น�ำ บาง ถ้อยคำ�จากคัมภีร์มาบิดเบือนโดยกล่าวว่า “เราได้ยินแล้ว แต่เราไม่เชื่อ ฟัง” หรือ “ได้ยินโดยไม่ได้ฟัง” และพวกเขากล่าวว่า “จงดูเรา” โดยบิด ลิ้นของพวกเขาเพื่อเป็นการลบหลู่ แต่ถ้าหากพวกเขากล่าวว่า “เราได้ยิน และเราเชื่อฟัง” และ “จงฟังเราและดูเราโดยเห็นดีด้วย” มันจะเป็นการดี กว่าและเหมาะสมกว่าสำ�หรับพวกเขา แต่พระเจ้าได้ทรงสาปแช่งพวก เขาแล้วเพราะการที่พวกเขาดื้อรั้นเพื่อที่พวกเขาจะไม่ศรัทธา ยกเว้นแต่ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น” 47 โอ้ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย จงศรัทธาในสิ่งที่เราได้ประทานลงมาเป็นสิ่ง

96

4. ผู้หญิง

ยืน(คำ�พูดล่วงหน้า)ที่มีอยู่กับสูเจ้าก่อนที่เราจะทำ�ลาย(ความสำ�นึกของ สูเจ้าในเรื่อง)คำ�แนะนำ�เพื่อที่จะสร้างความหายนะหรือสาปแช่งสูเจ้าดัง ที่เราได้สาปแช่งพวกที่ละเมิดวันสะบาโตมาแล้ว คำ�บัญชาของพระเจ้า จะเป็นไปตามนั้นอย่างสมบูรณ์เสมอ 48 พระเจ้าไม่ทรงให้อภัยใครก็ตาม ที่น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ ในขณะที่พระองค์จะทรงให้อภัยใคร ก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ส�ำ หรับสิ่งใดที่นอกเหนือจากนั้น ใครก็ตาม ที่น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า แน่นอน เขาได้ก่อบาปอันมหันต์ 49 เจ้า ไม่เห็นบรรดาผู้ถือว่าตัวของพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ดอกหรือ ? พระเจ้า เท่ า นั้ น ที่ ทำ � ให้ ผู้ ที่ พ ระองค์ ท รงประสงค์ บ ริ สุ ท ธิ์ แ ละพวกเขาจะไม่ ถู ก อธรรมแม้แต่เท่าความกว้างของเส้นผม 50 จงดูเถิดว่าพวกเขากุเรื่องเท็จ เกี่ยวกับพระเจ้าอย่างไร ? และนี่เป็นบาปอันชัดแจ้ง 51 เจ้าไม่ได้เห็นบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ? พวก เขาเชื่อในเรื่องเวทมนต์ไสยศาสตร์และการเคารพรูปปั้น พวกเขากล่าว ถึงบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมว่า “พวกเขาเหล่านั้นได้รับทางนำ�มากกว่าผู้ ศรัทธาเสียอีก” 52 คนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงสาปแช่งพวกเขา และผู้ใดที่พระเจ้าทรงสาปแช่ง เจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือสำ�หรับพวกเขา เลย 53 พวกเขามีส่วนในอำ�นาจของพระเจ้ากระนั้นหรือ ? ถ้าหากพวก เขามี พวกเขาจะไม่แบ่งให้ใคร แม้แต่เท่ารูเมล็ดอินทผลัม 54 หรือพวก เขาอิจฉาคนอื่นเพราะพระเจ้าประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่ พวกเขา? เราได้ประทานคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่ลูกหลานของอิบรอฮีม และได้ประทานอำ�นาจอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา 55 พวกเขาบางคนศรัทธา ในคัมภีร์และบางคนหันห่างออกจากมัน นรกที่ไฟลุกโชนเพียงพอแล้ว (สำ�หรับคนพวกนี้) 56 เราจะโยนบรรดาผู้ปฏิเสธสิ่งที่เราประทานมาลง ไปในไฟนั้น เมื่อใดก็ตามที่ผิวหนังของพวกเขาไหม้เกรียม เราจะเปลี่ยน ผิวหนังใหม่ให้พวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้รับลิ้มรสการลงโทษอย่างเต็ม ที่ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 57 สำ�หรับบรรดาผู้

อัล-นิซาอ์

97

ศรัทธาและกระทำ�การงานที่ดี เราจะให้พวกเขาได้เข้าสวนสวรรค์ที่เบื้อง ล่างมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านเพื่อที่พวกเขาจะได้พำ�นักอยู่ในนั้นตลอด ไป พวกเขาจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์และเราจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่ในสถาน ที่อันร่มรื่น 58 พระเจ้าทรงบัญชาสูเจ้าให้มอบสิ่งที่สูเจ้าได้รับความไว้วางใจคืน แก่เจ้าของของมัน และเมื่อสูเจ้าพิพากษาระหว่างมนุษย์ จงพิพากษา โดยยุติธรรม คำ�สั่งของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้านั้นเป็นสิ่งประเสริฐยิ่ง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินเสมอ ผู้ทรงเห็นเสมอ 59 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จง เชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูต และบรรดาผู้ที่ได้รับมอบอำ�นาจ หน้าที่ในหมู่สูเจ้า ดังนั้น หากสูเจ้าโต้แย้งกันในสิ่งใด จงอ้างมันกลับไป ยังพระเจ้าและศาสนทูตถ้าสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายอย่าง แท้จริง นั่นเป็นการดีกว่าและเป็นการดีที่สุดในการยุติ 60 (โอ้นบี) เจ้า ไม่เห็นบรรดาผู้อ้างว่าพวกเขาศรัทธาในคัมภีร์ที่ได้ถูกประทานลงมาแก่ เจ้าและ(แก่บรรดานบีอื่นๆ)ก่อนหน้าเจ้าหรือ? ถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขา ยังหันไปหาคนชั่วมาตัดสินเรื่องต่างๆของพวกเขาอีกทั้งๆที่พวกเขาได้ รับคำ�สั่งแล้วว่าอย่าเชื่อฟังคนเหล่านั้น ซาตานปรารถนาที่จะทำ�ให้พวก เขาหลงออกไปไกล 61 เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “จงมายังสิ่งที่พระเจ้าทรง ประทานมาและยังศาสนทูต” เจ้าจะเห็นพวกตลบตะแลงหันหลังให้เจ้า 62 แล้วเป็นอย่างไรเล่าเมื่อภัยพิบัติได้ประสบแก่พวกเขาเพราะสิ่งที่พวก เขาได้ทำ�ไว้? พวกเขามาหาเจ้าพร้อมกับสาบานว่า “เราสาบานด้วย พระนามของพระเจ้าว่าเราไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากการส่งเสริมความดี และการสมานฉันท์ 63 แต่พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้น จงอย่าสนใจสิ่งที่พวกเขาพูด และจงตักเตือนพวกเขาและจงพูด กับพวกเขาด้วยคำ�พูดที่ทำ�ให้หัวใจของพวกเขาซาบซึ้ง 64 ศาสนทูตทุกคนที่เราส่งมาก็เพื่อจะได้รับการเชื่อฟังเพราะพระเจ้า ได้ทรงบัญชาไว้ เมื่อพวกเขามาหาเจ้าและขอการอภัยโทษจากพระเจ้า

98

4. ผู้หญิง

เมื่อพวกเขาทำ�ผิดต่อตัวของพวกเขาเองและศาสนทูตได้วิงวอนขอการ อภัยโทษให้พวกเขาแล้ว พวกเขาจะพบว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษโดย ปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 65 ขอสาบานด้วยพระนามของพระผู้อภิบาล ของเจ้า พวกเขาจะไม่เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงจนกว่าพวกเขาจะยอมรับ เจ้าเป็นผู้ตัดสินในเรื่องที่พวกเขามีความขัดแย้งกันและพวกเขาไม่มีการ ข้องใจในเรื่องที่เจ้าตัดสินและยอมรับการตัดสินนั้นอย่างนอบน้อม 66 ถ้า เราสั่งพวกเขาว่า “จงสละชีวิตของสูเจ้าหรือออกจากที่พักของสูเจ้า” พวก เขาจะไม่ปฏิบัติตามนอกจากเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าพวกเขาทำ�สิ่งที่พวก เขาถูกสั่งให้ท�ำ มันจะเป็นการดีส�ำ หรับพวกเขาและทำ�ให้(ความศรัทธา ของ)พวกเขาเข้มแข็งขึ้น 67 และเราจะตอบแทนพวกเขาด้วยรางวัลอัน ยิ่งใหญ่จากเรา 68 และนำ�ทางพวกเขาไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง 69 ผู้ใดเชื่อ ฟังพระเจ้าและศาสนทูต เขาจะได้อยู่กับบรรดาผู้ที่พระเจ้าประทานความ โปรดปรานแก่พวกเขา นั่นคือบรรดานบี บรรดาผู้มีวาจาสัจจริง(ซิดดีกีน) บรรดาผู้พลีชีพในสงคราม(ชุฮะดาอ์) และบรรดากัลยาณาชน(ซอลิฮีน) ช่างดีเสียนี่กระไรมวลมิตรเหล่านี้ 70 นั่นคือความโปรดปรานจากพระเจ้า และเพียงพอแล้วที่พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง 71 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเตรียมตัวสูเจ้าให้พร้อมเสมอ หลังจาก นั้น จงเคลื่อนออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆหรือเคลื่อนออกไปพร้อมกันทั้งหมด 72 ในหมู่สูเจ้านั้นมีผู้ที่ไม่ยอมออกไปกับกองทัพด้วย ถ้าหากมีทุกข์ภัย อันใดประสบแก่สูเจ้า พวกเขาก็จะกล่าวว่า “พระเจ้าทรงโปรดปรานฉันที่ ฉันไม่ได้ร่วมไปกับพวกเขา” 73 แต่ถ้าสูเจ้าได้รับความโปรดปรานอันใด จากพระเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า “ถ้าฉันได้อยู่ร่วมกับพวกเขา ฉันคงจะ ได้รับความสำ�เร็จอันใหญ่หลวงด้วย” ราวกับว่าไม่มีความรักความผูก พันใดๆเกิดขึ้นระหว่างสูเจ้ากับพวกเขามาก่อนเลย 74 จงให้บรรดาผู้ที่ แลกชีวิตโลกนี้เพื่อชีวิตโลกหน้าต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า และผู้ใดต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้า ไม่ว่าเขาถูกฆ่าหรือได้รับชัยชนะ ในไม่ช้า เรา

อัล-นิซาอ์

99

จะประทานรางวัลอันใหญ่หลวงแก่เขา 75 แล้วทำ�ไมสูเจ้าจึงไม่ต่อสู้ใน หนทางของพระเจ้าเพื่อผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอและถูกกดขี่ที่ร้อง ว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงนำ�เราออกจากเมืองที่ผู้คนของมัน เป็นผู้กดขี่ข่มเหง และโปรดตั้งผู้คุ้มครองจากพระองค์ให้แก่เราและโปรด ตั้งผู้ช่วยเหลือจากพระองค์แก่เราด้วยเถิด?” 76 บรรดาผู้ศรัทธานั้นต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้า ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นต่อสู้ในหนทางของ ซาตาน ดังนั้น จงต่อสู้พวกพ้องของซาตาน แท้จริง แผนการของมารนั้น อ่อนแอ 77 เจ้าไม่เห็นพวกที่ถูกบอกว่า “จงยั้งมือของสูเจ้าจากการสู้รบไว้ชั่ว ขณะและจงดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาต” ดอกหรือ? และเมื่อพวกเขา ถูกบัญชาให้ต่อสู้ พวกเขาบางคนก็เกรงกลัวมนุษย์เหมือนกับเกรงกลัว พระเจ้าหรือกลัวยิ่งไปกว่านั้นเสียอีก พวกเขากล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของ เรา ไฉนพระองค์จึงได้ทรงกำ�หนดการสู้รบให้แก่เรา? พระองค์น่าจะทรง เลื่อนมันออกไปอีกนิดหนึ่ง” จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “ความสุขสบาย ต่างๆในโลกนี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความสุขของโลกหน้านั้น ดีกว่ามากมายสำ�หรับผู้สำ�รวมตนจากความชั่ว และสูเจ้าจะมิได้รับความ อยุติธรรมแม้แต่น้อย 78 ความตายจะเข้ามาหาสูเจ้าไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ใน ป้อมปราการสูงอันมั่นคงก็ตาม” ถ้าความดีอันใดประสบแก่พวกเขา พวก เขาจะกล่าวว่า “นี่มาจากพระเจ้า” และถ้าความชั่วอันใดประสบแก่พวก เขา พวกเขาจะกล่าวว่า “นี่มาจากเจ้า” จงกล่าวเถิดว่า “ทุกอย่างมาจาก พระเจ้า” มันเกิดอะไรกับคนเหล่านี้ที่พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย? 79 ความ ดีอะไรที่ประสบแก่เจ้านั้น มันมาจากพระเจ้า และความชั่วอะไรที่ประสบ แก่เจ้านั้น มันมาจากตัวของสูเจ้าเอง เราได้ส่งเจ้า(มุฮัมมัด)มาเป็นศาสน ทูตแก่มนุษยชาติ และเพียงพอแล้วที่พระเจ้าทรงเป็นพยาน 80 ผู้ใดที่ปฏิบัติตามศาสนทูต ผู้นั้นก็เชื่อฟังพระเจ้า ส่วนผู้ใดหันหลัง ให้เขา เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเป็นผู้เฝ้าดูพวกเขา 81 พวกเขากล่าวว่า “เราเชื่อ

100

4. ผู้หญิง

ฟังท่าน” แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาบางคนได้แอบชุมนุม กันในตอนกลางคืนเพื่อวางแผนต่อต้านสิ่งที่เจ้ากล่าว พระเจ้าทรงบันทึก สิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้ ดังนั้น จงหลีกห่างจากพวกเขาและจงไว้วางใจ ในพระเจ้า พระเจ้าเท่านั้นก็พอแล้วสำ�หรับการมอบหมายความไว้วางใจ 82 พวกเขาไม่พิจารณากุรอานดูดอกหรือ? ถ้าหากมันมาจากผู้ใดอื่น นอกไปจากพระเจ้า แน่นอน พวกเขาจะได้พบการขัดแย้งมากมายใน นั้น 83 เมื่อใดที่คนเหล่านี้ได้ยินข่าวเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความน่า กลัว พวกเขาจะแพร่มันออกไปทั่ว ถ้าหากพวกเขานำ�มันไปยังศาสนทูต และคนที่มีอ�ำ นาจหน้าที่ในหมู่พวกเขา มันจะทำ�ให้คนที่รู้เรื่องสามารถ สอบสวนและสรุปเรื่องราวจากมันได้ ถ้าหากมิใช่เพราะความโปรดปราน และความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้าแล้ว สูเจ้าทั้งหมดยกเว้นไม่กี่คน อาจจะต้องเดินตามรอยซาตาน 84 ดังนั้น เจ้าจงต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบต่อ ผู้ใดยกเว้นต่อตัวของเจ้าเองเท่านั้น และจงเร่งเร้าบรรดาผู้ศรัทธาให้ต่อสู้ ด้วย ไม่ช้า พระเจ้าจะทรงหยุดยั้งกำ�ลังรบของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงแข็งแกร่งที่สุดในพลังรบและทรงเฉียบขาดยิ่งใน การลงโทษ 85ผู้ใดวอนขอในสิ่งที่ดี เขาจะได้รับส่วนหนึ่งจากมัน และถ้า ใครวอนขอในสิ่งที่ชั่ว เขาจะต้องไปตอบในสิ่งที่เขามีส่วนในนั้น แท้จริง พระเจ้าทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง 86 เมื่อใครทักทายสูเจ้าด้วยความ เคารพ จงทักทายตอบด้วยการทักทายที่ดีกว่าหรืออย่างน้อยที่สุดก็ ทักทายกลับโดยเท่าเทียมกัน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงชำ�ระทุกสิ่งเสมอ 87 พระองค์เป็นพระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพกราบไหว้อื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์จะทรงรวบรวมสูเจ้าในวันฟื้นคืนชีพซึ่งการมาของวันนั้นไม่มีข้อ คลางแคลงสงสัยใดๆทั้งสิ้น และถ้อยคำ�ของผู้ใดเล่าที่จะเป็นจริงยิ่งกว่า ถ้อยคำ�ของพระเจ้า? 88 แล้วไฉนสูเจ้าจึงแตกออกเป็นสองกลุ่มในเรื่องเกี่ยวกับพวก

อัล-นิซาอ์

101

ตลบตะแลงในขณะที่พระเจ้าได้ทรงหันพวกเขากลับไปสู่สภาพเดิม(การ ไม่ศรัทธา)ของพวกเขาแล้วเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้? สูเจ้าคิด จะนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงปล่อยเขาให้หลงผิดกระนั้นหรือ? ผู้ใดที่พระเจ้า ทรงปล่อยให้หลงผิด สูเจ้าจะไม่พบหนทางใดสำ�หรับเขาเลย 89 พวกเขา ต้องการให้สูเจ้าเป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรมเหมือนดังที่พวกเขาเป็น เพื่อที่ สูเจ้าจะได้เหมือนกันกับพวกเขา ดังนั้น จงอย่าเอาพวกเขามาเป็นเพื่อน จนกว่าพวกเขาจะอพยพในหนทางของพระเจ้า และถ้าพวกเขาหันกลับ (ไปสู่การเป็นศัตรู) ดังนั้น จงจับกุมพวกเขาที่ใดก็ตามที่สูเจ้าพบและ ฆ่าพวกเขา และจงอย่าเอาพวกเขามาเป็นเพื่อนหรือผู้ช่วยเหลือ 90 แต่ จงยกเว้นบรรดาผู้ที่เข้าร่วมกับหมู่ชนที่เป็นพันธมิตรกับสูเจ้าโดยสนธิ สัญญา หรือผู้ที่มาหาสูเจ้าด้วยหัวอกที่หวั่นไหวไม่คิดจะต่อสู้สูเจ้าหรือ ต่อสู้ผู้คนของพวกเขา หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงทำ�ให้ พวกเขาจับอาวุธต่อสู้สูเจ้าแล้วแน่นอน ดังนั้น ถ้าพวกเขาถอยไปจาก สูเจ้าและยุติความเป็นศัตรูของพวกเขาและเสนอสันติภาพต่อสูเจ้า ใน กรณีเช่นนั้น พระเจ้าไม่ปล่อยให้มีหนทางใดสำ�หรับสูเจ้าที่จะไปทำ�ร้าย พวกเขา 91 สูเจ้าจะได้พบพวกตลบตะแลงอีกบางพวกที่ต้องการได้รับ ความปลอดภัยจากสูเจ้าและจากหมู่ชนของพวกเขา แต่คนพวกนี้จะก่อ ความวุ่นวายเสียหายอีกเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาสบโอกาส ดังนั้น ถ้าพวก เขาไม่ถอยไปจากสูเจ้าและยังไม่ยั้งมือจากการต่อสู้สูเจ้า จงจับกุมพวก เขาและฆ่าพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่สูเจ้าพบพวกเขา คนเหล่านี้แหละที่ เราได้ให้อ�ำ นาจอย่างเต็มที่แก่สูเจ้าที่จะต่อสู้พวกเขา 92 ผู้ศรัทธาต้องไม่ฆ่าผู้ศรัทธาอีกคนหนึ่ง เว้นแต่โดยพลั้งผิด และถ้า ผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยพลั้งผิด เขาต้องปล่อยทาสผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้เป็น อิสระและจ่ายค่าทำ�ขวัญแก่ทายาทของผู้ที่ถูกฆ่า เว้นแต่พวกเขาจะยก ให้เป็นทาน แต่ถ้าผู้ถูกฆ่าอยู่ในหมู่ชนที่เป็นศัตรูต่อสูเจ้าและเขาเป็นผู้ ศรัทธา ดังนั้น การไถ่โทษก็คือการปลดปล่อยทาสผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้

102

4. ผู้หญิง

เป็นไท แต่ถ้าผู้ถูกฆ่ามิได้เป็นมุสลิมและเป็นพันธมิตรกับสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าต้องจ่ายค่าสินไหมให้แก่ญาติของเขาและปล่อยผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้ เป็นอิสระ แต่ถ้าผู้ใดไม่สามารถหาทาสได้ เขาต้องถือศีลอดติดต่อกันสอง เดือน นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสั่งไว้ส�ำ หรับการสำ�นึกผิด พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ 93 ถ้าผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนา การ ตอบแทนของเขาคือนรกนิรันดรกาล พระเจ้าจะทรงตำ�หนิและทรงสาป แช่งเขาและทรงเตรียมการลงโทษอันน่าสะพรึงกลัวไว้ส�ำ หรับเขา 94 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าออกไปต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า จง แยกแยะให้แน่ชัด(ระหว่างมิตรและศัตรู) และถ้ามีผู้ทักทายสูเจ้าด้วย การกล่าวสลาม จงอย่าพูดกับเขาว่า “เจ้ามิใช่ผู้ศรัทธา” เพราะว่าสูเจ้า แสวงหาสิ่งที่ดีนี้ พระเจ้าทรงมีสิ่งดีๆอีกมากมายสำ�หรับสูเจ้า ก่อนหน้า นี้ สูเจ้าเองก็อยู่ในสภาพเช่นนี้เหมือนกัน แล้วพระเจ้าได้ประทานความ โปรดปรานแก่สูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงแยกแยะให้ชัดเจนเสียก่อน แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าทำ� 95 ผู้ศรัทธาที่อยู่ข้างหลัง นอกจากบรรดาผู้ ที่ต้องออกไปเพราะความจำ�เป็นนั้นไม่อาจเท่ากับบรรดาผู้ต่อสู้ในหนทาง ของพระเจ้าด้วยการเสียสละทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา พระเจ้าทรง ให้ตำ�แหน่งแก่บรรดาผู้ต่อสู้ด้วยการเสียสละทรัพย์สินและชีวิตของพวก เขาสูงกว่าผู้ที่อยู่ข้างหลัง พระเจ้าทรงสัญญารางวัลตอบแทนอันดีงามไว้ แล้วสำ�หรับทุกคน แต่พระองค์ทรงมีรางวัลตอบแทนสำ�หรับผู้ที่ต่อสู้เพื่อ พระองค์ 96 พวกเขามีต�ำ แหน่งอันสูงกว่าและจะได้รับการอภัยโทษและ ความเมตตาจากพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตา 97 เมื่อทูตสวรรค์ได้มาเอาวิญญาณของบรรดาผู้ที่กำ�ลังทำ�ผิดต่อ ตัวของพวกเขาเองนั้น ทูตสวรรค์จะถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้า ?” พวกเขาตอบว่า “เราเป็นผู้อ่อนแอในแผ่นดิน” ทูตสวรรค์จึงกล่าวว่า “แผ่นดินของพระเจ้าไม่กว้างพอสำ�หรับเจ้าที่จะอพยพไปยังที่อื่นกระนั้น หรือ?” คนเหล่านี้แหละที่นรกคือที่พำ�นักของพวกเขาและเป็นปลายทาง

อัล-นิซาอ์

103

อันชั่วช้า 98 ยกเว้นบรรดาผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอและไม่สามารถ หาทางอพยพได้ 99 พระเจ้าจะทรงให้อภัยคนเหล่านี้ เพราะพระเจ้าเป็น ผู้ทรงยกโทษ ผู้ทรงอภัยเสมอ 100 ผู้อพยพในหนทางของพระเจ้าจะพบ ที่พึ่งพิงหลบภัยมากมายในแผ่นดินและปัจจัยยังชีพอันไพบูลย์ ส่วนผู้ใด ที่ออกจากบ้านของเขาเพื่อหนทางของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ แล้วความตายได้มายังเขา เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนที่พระเจ้า พระเจ้า เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 101 เมื่อสูเจ้า(บรรดาผู้ศรัทธา)เดินทางตามแผ่นดิน มันไม่มีบาปอัน ใดที่สูเจ้าจะย่อการนมาซ ถ้าสูเจ้ากลัวว่าบรรดาผู้ปฏิเสธจะจู่โจมสูเจ้า เพราะแท้จริง พวกเขาเป็นศัตรูที่เปิดเผยต่อสูเจ้า 102 และเมื่อเจ้า(มุฮัม มัด)อยู่กับบรรดาผู้ศรัทธาและนำ�พวกเขานมาซ(ในยามสงคราม) จงให้ หมู่หนึ่งของพวกเขายืนอยู่ข้างหลังเจ้าโดยให้พวกเขาถืออาวุธไว้ และ เมื่อพวกเขาได้ก้มกราบแล้ว จงให้พวกเขาถอยไปอยู่ข้างหลังเจ้าและ ให้อีกพวกหนึ่งที่ยังไม่ได้นมาซเข้ามานมาซกับเจ้า แล้วให้พวกเขายืน ระวังและถืออาวุธของพวกเขาไว้ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมมักจะคอยเฝ้า ดูโอกาสที่สูเจ้าปล่อยปละละเลยอาวุธและสัมภาระของสูเจ้าเพื่อที่พวก เขาจะได้ลอบจู่โจมสูเจ้าแบบฉับพลัน อย่างไรก็ตาม ถ้าสูเจ้ารู้สึกลำ�บาก เพราะมีฝนหนักหรือถ้าสูเจ้าป่วย มันก็ไม่มีบาปอันใดถ้าสูเจ้าจะวางอาวุธ ของสูเจ้าไว้ แต่สูเจ้าจงตระเตรียมการป้องกันไว้ให้พร้อม แท้จริง พระเจ้า ทรงเตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมแล้ว 103 เมื่อสูเจ้านมาซเสร็จแล้ว สูเจ้าจงรำ�ลึกถึงพระเจ้าไม่ว่าจะในขณะ ยืน นั่งและเอกเขนก แต่เมื่อสูเจ้าปลอดภัยแล้ว จงดำ�รงนมาซตามปกติ แท้จริง การนมาซเป็นหน้าที่ของผู้ศรัทธาตามเวลาที่ก�ำ หนดไว้ 104 จง อย่าแสดงความอ่อนแอในการติดตามคนเหล่านี้ ถ้าหากสูเจ้าได้รับความ บาดเจ็บ พวกเขาก็ได้รับความบาดเจ็บดังที่สูเจ้าได้รับเช่นกัน แต่สิ่งที่

104

4. ผู้หญิง

สูเจ้าหวังจากพระเจ้านั้น พวกเขาไม่สามารถหวังได้ พระเจ้าทรงรอบรู้ และทรงปรีชาญาณเสมอ 105 (โอ้นบี) เราได้ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าด้วยสัจธรรม ทั้งนี้เพื่อที่เจ้า จะได้พิพากษาระหว่างมนุษย์ตามที่พระเจ้าได้ทรงสอนเจ้า ดังนั้น จง อย่าเป็นผู้แก้ต่างให้ผู้ที่ไม่ซื่อตรง 106 จงขออภัยโทษต่อพระเจ้า เพราะ พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 107 และจงอย่าเถียงแทน บรรดาผู้ที่ไม่ซื่อตรงต่อตัวของพวกเขาเอง แท้จริง พระเจ้ามิทรงรักผู้ ทรยศและผู้มีบาปหนา108 พวกเขารู้สึกละอายต่อหน้าผู้คน แต่พวกเขา ไม่รู้สึกละอายต่อหน้าพระเจ้าทั้งๆที่พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขาในตอนที่ พวกเขาวางแผนกันในตอนลางคืนโดยการพูดสิ่งต่างๆที่พระองค์ไม่ทรง ยินดี และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำ�เสมอ 109 สูเจ้าอาจโต้แย้งแทนพวกเขาในชีวิตโลกนี้ แต่ใครเล่าจะโต้แย้ง แทนพวกเขากับพระเจ้าในวันฟื้นคืนชีพ ? หรือใครเล่าจะเป็นผู้พิทักษ์ พวกเขาที่นั่น? 110 ถ้าผู้ใดกระทำ�ชั่วหรืออธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง แล้วขออภัยโทษต่อพระเจ้า เขาจะพบพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง ผู้ทรง เมตตาเสมอ 111 ส่วนใครที่ท�ำ บาป เขาก็น�ำ บาปมาสู่ตัวเขาเอง พระเจ้า เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงทรงปรีชาญาณเสมอ 112 แต่ถ้าผู้ใดกระทำ�ความผิด หรือทำ�บาป แล้วใส่ความผู้บริสุทธิ์ แน่นอน ตัวเขาเองได้แบกการใส่ร้าย และบาปนั้นไว้อย่างชัดแจ้ง 113 (โอ้นบี) หากมิใช่ความโปรดปรานของ พระเจ้าต่อเจ้าและหากมิใช่ความเมตตาของพระองค์ พวกเขาบางคนได้ ตกลงกันแล้วที่จะทำ�ให้เจ้าหลงผิด แต่พวกเขาไม่สามารถทำ�ให้ใครหลง ผิดได้นอกจากตัวของพวกเขาเอง พวกเขาไม่สามารถที่จะทำ�ร้ายใดๆแก่ เจ้าได้ พระเจ้าได้ประทานคัมภีร์และวิทยาปัญญาแก่เจ้าและได้ทรงสอน เจ้าในสิ่งที่เจ้าไม่รู้ แท้จริงแล้วความโปรดปรานของพระเจ้าต่อเจ้านั้น ใหญ่หลวงนัก 114 การปรึกษากันลับๆส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่มีสิ่งดีอันใด ยกเว้นใน

อัล-นิซาอ์

105

เรื่องของผู้ที่ก�ำ ชับกันในเรื่องกุศลทานและความดีหรือการสมัครสมานกัน ระหว่างมนุษย์ ถ้าคนใดทำ�สิ่งนั้นโดยหวังความยินดีจากพระเจ้า เราจะ ประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขา 115 แต่ถ้าผู้ใดต่อต้านศาสนทูตหลังจาก ทางนำ�ได้เป็นที่กระจ่างแก่เขาแล้วและปฏิบัติตามแนวทางอื่นนอกไป จากแนวทางของผู้ศรัทธา เราจะหันเขาไปยังทางที่เขาเองได้หันไปและ เราจะให้เขาเข้าไปในนรกอันเป็นปลายทางที่ชั่วช้า 116 แท้จริง พระเจ้าจะไม่ทรงให้อภัยการนำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระองค์ ส่วนบาปอื่นๆนอกจากนั้น พระองค์จะทรงให้อภัยแก่ผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดตั้งภาคีต่อพระเจ้า เขาผู้นั้นได้หลงทางออก ไปไกลลิบ 117 พวกเขา(ผู้บูชารูปเคารพ)ได้วิงวอนต่อเทพสตรี และพวก เขามิได้วิงวอนสิ่งใดนอกจากซาตานที่ดื้อรั้น 118 ซาตานที่พระเจ้าทรง สาปแช่ง ซาตานที่กล่าว(กับพระเจ้า)ว่า “ฉันจะเอาบ่าวส่วนหนึ่งของ พระองค์ไป 119 และฉันจะทำ�ให้พวกเขาหลงทาง ฉันจะยุยงให้พวกเขา ฟุ้งเฟ้อ ฉันจะสั่งพวกเขาให้ปาดหูสัตว์ และฉันจะสั่งพวกเขาจนพวก เขาเปลี่ยนแปลงการสร้างของพระเจ้า” ดังนั้น ผู้ใดยึดเอาซาตานเป็น ผู้คุ้มครองแทนพระเจ้า เขาก็เป็นผู้ขาดทุนอย่างชัดแจ้ง 120 มันสัญญา พวกเขาและหลอกลวงพวกเขาด้วยความหวังลมๆแล้งๆ แต่สัญญาของ ซาตานนั้นมิได้เป็นสิ่งใดนอกไปจากการหลอกลวง 121 ที่พ�ำ นักของพวก เขาเหล่านี้คือนรก และพวกเขาจะไม่พบที่หลบภัย 122 ส่วนบรรดาผู้ ศรัทธาและกระทำ�ความดี เราจะให้พวกเขาเข้าในสวนสวรรค์ที่เบื้องล่าง มีล�ำ น้ำ�หลายสายไหลผ่านซึ่งในนั้นพวกเขาจะพำ�นักอยู่ตลอดกาล นี่คือ สัญญาของพระเจ้า และผู้ใดเล่าจะสัจจริงยิ่งไปกว่าพระเจ้า? 123 มันไม่ใช่ความปรารถนาของสูเจ้าและไม่ใช่ความปรารถนาของ ชาวคัมภีร์ที่สำ�คัญกว่า ใครก็ตามที่ทำ�ความชั่วจะได้รับการตอบแทนไป ตามนั้น เขาจะไม่พบผู้คุ้มครองหรือผู้ช่วยเหลือสำ�หรับตัวเขานอกไป จากพระเจ้า 124 ผู้ใดทำ�การงานที่ดีไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เขาจะ

106

4. ผู้หญิง

ได้เข้าสวรรค์หากเขาเป็นผู้ศรัทธา และเขาจะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม แม้แต่น้อยนิด 125 ผู้ใดเล่าที่จะมีความศรัทธาดีไปกว่าผู้ที่ยอมจำ�นน อย่างสิ้นเชิงต่อพระเจ้าและกระทำ�การงานที่ดีและปฏิบัติตามแนวทาง ของอิบรอฮีมผู้ยึดมั่นในความศรัทธาซึ่งพระเจ้าได้เลือกเขาเป็นมิตร? 126 ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระเจ้าทรง มีความรู้รอบทุกสิ่ง 127 พวกเขาขอให้เจ้า(มุฮัมมัด)ชี้ขาดในเรื่องของผู้หญิง จงกล่าวเถิด “พระเจ้าได้ทรงให้คำ�แนะนำ�แก่พวกท่านไปแล้วในเรื่องของพวกนาง คำ� บัญชาที่ให้แก่พวกท่านในคัมภีร์เกี่ยวกับเด็กหญิงกำ�พร้าที่พวกท่านยัง ไม่ให้สิ่งที่ถูกกำ�หนดไว้สำ�หรับพวกเธอ แต่พวกท่านยังอยากจะแต่งงาน กับพวกเธอด้วย และคำ�บัญชาเกี่ยวกับเด็กที่อ่อนแอนั้น พระองค์ได้สั่ง สูเจ้าให้ปฏิบัติกับเด็กกำ�พร้าอย่างยุติธรรม พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงความดี ทุกอย่างที่พวกท่านกระทำ�” 128 ถ้าหญิงคนใดกลัวการทารุณหรือการห่าง เหินของสามีของนาง มันก็ไม่ผิดแต่ประการใดสำ�หรับนางที่จะหาทาง ปรองดองกัน เพราะการปรองดองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่มนุษย์นั้นมัก จะเห็นแก่ตัวเองเป็นสำ�คัญ ถ้าสูเจ้ากระทำ�ความดีและเกรงกลัวพระเจ้า สูเจ้าจงแน่ใจได้เลยว่าพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 129 สูเจ้า ไม่สามารถให้ความยุติธรรมระหว่างภรรยาของสูเจ้าได้ถึงแม้ว่าสูเจ้าจะ ปรารถนาก็ตาม ดังนั้น จงอย่าลำ�เอียงให้แก่ภรรยาคนใดจนหมดแล้ว ปล่อยให้คนอื่นค้างเติ่ง(ระหว่างการแต่งงานกับการหย่า) ถ้าหากสูเจ้า ปฏิบัติโดยชอบธรรมและปรับปรุงตน สูเจ้าจะพบว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรง อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 130 และถ้าเขาทั้งสองสามีภรรยาแยกกัน พระเจ้า จะทำ�ให้ทั้งสองมั่งคั่งโดยอำ�นาจอันไพศาลของพระองค์ พระเจ้าเป็น ผู้ทรงมั่งคั่งไม่มีขีดจำ�กัดและเป็นผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ 131 ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า เราได้สั่งผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนสูเจ้าและเราได้สั่งสูเจ้าให้เกรงกลัวพระเจ้า

อัล-นิซาอ์

107

ถ้าหากสูเจ้าปฏิเสธพระองค์ จงรู้ไว้เถิดว่าทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลาย เป็นของพระเจ้า พระเจ้าทรงมีอยู่อย่างเพียงพอโดยไม่ต้องอาศัยสิ่งใด และพระองค์ทรงคู่ควรกับการได้รับคำ�สรรเสริญ 132 ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า และไม่มีผู้ใดที่สมควรได้ รับความไว้วางใจเท่ากับพระเจ้า 133 ถ้าพระองค์ทรงต้องการ พระองค์ก็ สามารถขจัดสูเจ้าให้หมดไปและเอาคนอื่นมาแทนสูเจ้าก็ได้ พระองค์ทรง มีอ�ำ นาจที่จะทำ�เช่นนั้น 134 ถ้าผู้ใดต้องการรางวัลตอบแทนแห่งโลกนี้ (ขอให้เขาจำ�ไว้ว่า)ที่พระเจ้าคือรางวัลตอบแทนของทั้งโลกนี้และโลกหน้า และพระเจ้าทรงได้ยินและทรงเห็นทุกสิ่ง 135 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเป็นผู้ด�ำ รงรักษาความยุติธรรมและเป็น พยานเพื่อพระเจ้า ถึงแม้ความยุติธรรมและการเป็นพยานของสูเจ้าจะ เป็นผลร้ายต่อตัวสูเจ้าเองหรือต่อพ่อแม่และญาติสนิทของสูเจ้า ไม่ว่า เขาจะมั่งคั่งหรือยากจนก็ตาม เพราะพระเจ้าทรงรู้จักเขาทั้งสองมากกว่า สูเจ้า ดังนั้น จงอย่าทำ�ตามอารมณ์ต�่ำ ของสูเจ้าเพราะเกรงว่าสูเจ้าจะไม่ สามารถดำ�รงความยุติธรรมไว้ได้ ถ้าหากสูเจ้าปกปิดบิดเบือนหลักฐาน หรือละทิ้งความจริง จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรงรู้ดีเสมอในสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 136 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงศรัทธามั่นในพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์และในคัมภีร์ที่พระองค์ได้ประทานแก่ศาสนทูตของพระองค์และ คัมภีร์ที่พระองค์ได้ประทานก่อนหน้านี้ ผู้ใดปฏิเสธพระเจ้าและบรรดา ทูตสวรรค์ของพระองค์ ปฏิเสธคัมภีร์ทั้งหลายและบรรดาศาสนทูตของ พระองค์และวันสุดท้าย เขาผู้นั้นก็หลงทางอย่างแน่นอน 137 สำ�หรับ บรรดาผู้ที่ศรัทธาและต่อมาปฏิเสธสัจธรรม หลังจากนั้นได้กลับมาศรัทธา แล้วก็ปฏิเสธและดึงดันปฏิเสธยิ่งขึ้นไปอีกนั้น พระเจ้าจะไม่ทรงอภัยโทษ พวกเขาและจะไม่แสดงหนทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา 138 จงเตือนพวก ตลบตะแลงว่าสำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด 139 สำ�หรับ บรรดาผู้ยึดเอาบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเป็นเพื่อนแทนผู้ศรัทธา พวกเขา

108

4. ผู้หญิง

ไปหาคนเหล่านั้นเพื่อแสวงหาเกียรติยศกระนั้นหรือ? ในขณะที่เกียรติยศ ทั้งหมดนั้นเป็นของพระเจ้า 140 พระเจ้าได้ทรงบัญชาสูเจ้าไว้ในคัมภีร์นี้แล้วว่าเมื่อสูเจ้าได้ยินผู้คน ปฏิเสธหรือหัวเราะเยาะวจนะของพระเจ้า สูเจ้าจงอย่านั่งร่วมวงกับพวก เขาจนกว่าพวกเขาจะคุยกันในเรื่องอื่นนอกไปจากนั้น มิเช่นนั้น สูเจ้าจะ เป็นเยี่ยงพวกเขา แน่นอน พระเจ้าจะทรงรวบรวมบรรดาผู้ตลบตะแลง และบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมทั้งหมดไว้ในนรก 141 บรรดาผู้ตลบตะแลง ได้เฝ้ามองสูเจ้าอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับสูเจ้า ถ้าพระเจ้า ประทานชัยชนะแก่สูเจ้า พวกเขาก็จะกล่าวว่า “พวกเรามิได้อยู่กับพวก ท่านดอกหรือ?” และถ้าบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมมีส่วนในชัยชนะ พวก เขาจะกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า “เราไม่ได้ช่วยพวกท่านให้ได้ชัยชนะและ คุ้มครองพวกท่านจากบรรดาผู้ศรัทธากระนั้นหรือ?” พระเจ้าจะตัดสิน ระหว่างสูเจ้าทั้งหมดในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และพระเจ้าจะไม่เปิดทาง ให้บรรดาผู้ศรัทธาปฏิเสธสัจธรรมทำ�อันตรายบรรดาผู้ศรัทธา 142 บรรดาผู้ตลบตะแลง(มุนาฟิก)คิดที่จะลวงพระเจ้า แต่ความจริงแล้ว พระองค์ต่างหากได้ลวงพวกเขาอยู่ เมื่อพวกเขายืนขึ้นนมาซ พวกเขาจะ ยืนอย่างไม่เต็มใจเพียงเพื่อให้ผู้คนเห็นและพวกเขาไม่ได้รำ�ลึกถึงพระเจ้า เลยยกเว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 143 พวกเขากำ�ลังสองจิตสองใจ ไม่อยู่ ทางด้านนี้และไม่อยู่ทางด้านนั้น แต่สำ�หรับผู้ที่พระเจ้าปล่อยให้หลงทาง นั้น เจ้าไม่สามารถชี้ทางให้เขาได้เลย 144 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่ายึด เอาบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม(ที่ทำ�สงครามต่อสูเจ้า)เป็นเพื่อนแทนบรรดา ผู้ศรัทธา สูเจ้าต้องการจะแสดงข้อพิสูจน์อันชัดแจ้งที่ค้านต่อสูเจ้าเองต่อ พระเจ้ากระนั้นหรือ? 145 แท้จริง บรรดาผู้ตลบตะแลงนั้นจะอยู่ในห้วงลึก ที่สุดของนรก และสูเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือสำ�หรับพวกเขาเลย 146 เว้น แต่บรรดาผู้สำ�นึกผิดและกลับตัวกระทำ�ความดีและยึดมั่นในพระเจ้าและ สุจริตมั่นต่อศาสนาของเขาเพื่อพระเจ้า คนเหล่านี้อยู่กับบรรดาผู้ศรัทธา

อัล-นิซาอ์

109

และพระเจ้าจะประทานรางวัลอันใหญ่หลวงแก่บรรดาผู้ศรัทธา 147 ไฉน พระเจ้ า จะทรงลงโทษสู เ จ้ า ถ้ า สู เ จ้ า กตั ญ ญู แ ละศรั ท ธาในพระองค์ ? พระเจ้าทรงรู้ถึงคุณค่าและทรงรอบรู้เสมอ 148 พระเจ้าไม่ทรงรักการโพนทะนาความเลวของผู้ใด เว้นแต่เขาจะ ถูกข่มเหง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินเสมอ ผู้ทรงรอบรู้เสมอ 149 ไม่ว่าสูเจ้า กระทำ�ความดีโดยเปิดเผยหรือโดยลับ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ละเว้นจาก ความชั่ว สูเจ้าจงรู้เถิดว่าแท้จริงพระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษเสมอ ผู้ทรง อานุภาพเสมอ 150 แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์และปรารถนาที่จะแบ่งแยกระหว่างพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์ และกล่าวว่า “เราศรัทธาบางคนและปฏิเสธบางคน” และพวก เขาเลือกเอาทางระหว่างนั้น 151 พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรมโดย แท้จริง และเราได้เตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้ส�ำ หรับพวกปฏิเสธแล้ว 152 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตทั้งหลายของพระองค์ และไม่ได้แบ่งแยกผู้ใดในศาสนทูตเหล่านั้น พระองค์จะประทานรางวัล ของพวกเขาแก่พวกเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 153 ถ้าพวกชาวคัมภีร์ขอให้เจ้านำ�คัมภีร์เล่มหนึ่งลงมาจากฟากฟ้า พวกเขาได้ขอมูซาหนักยิ่งกว่านั้นมาแล้ว พวกเขากล่าวแก่มูซาว่า “จง ทำ�ให้เราเห็นพระเจ้าต่อหน้าสิ” เพราะความชั่วของพวกเขานี้เอง สายฟ้า ได้ฟาดลงมายังพวกเขาโดยฉับพลัน หลังจากนั้น พวกเขาได้ยึดเอาลูกวัว เป็นวัตถุบูชาหลังจากพวกเขาได้เห็นสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่หลังจาก นั้น เราได้ให้อภัยพวกเขาและเราได้ประทานอำ�นาจหน้าที่อันชัดแจ้งแก่มู ซา 154 และเราได้ยกภูเขาเหนือพวกเขาและได้ให้พวกเขาทำ�สัญญาโดย เราได้สั่งพวกเขาว่า “จงเข้าไปในประตูโดยนอบน้อม” และเราได้สั่งพวก เขาด้วยว่า “จงอย่าละเมิดวันสะบาโต” และให้พวกเขาทำ�สัญญาว่าจะ ปฏิบัติตามกฎนี้โดยเคร่งครัด 155 แต่พวกเขาได้ทำ�ลายสัญญาและปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายอันชัด

110

4. ผู้หญิง

แจ้งของพระเจ้าและพยายามฆ่านบีบางคนโดยไม่เป็นธรรมและประกาศ ว่า “หัวใจของเราถูกปิดแล้ว” แต่มิใช่ พระเจ้าต่างหากได้ทรงปิดหัวใจ ของพวกเขาเพราะการปฏิเสธสัจธรรมของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ศรัทธา ยกเว้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น 156 พวกเขาปฏิเสธและกล่าวร้ายต่อมารีย์ อย่างรุนแรง 157 พวกเขากล่าวว่า “เราได้ฆ่าเมสซีอาห์ อีซาลูกของมารีย์ ศาสนทูตของพระเจ้าแล้ว” แต่ในความเป็นจริง พวกเขาไม่ได้ฆ่าและไม่ ได้ทำ�ให้เขาตายบนไม้กางเขน แต่ว่าพวกเขาได้ถูกทำ�ให้มองเห็นละม้าย คล้ายเช่นนั้น และบรรดาผู้ที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีข้อสงสัย พวก เขาไม่มีความรู้ในเรื่องนี้นอกจากจะคาดเดากันไปเอง แต่แน่นอน พวก เขาไม่ประสบความสำ�เร็จในการฆ่าอีซา 158 ไม่ ความจริงก็คือพระเจ้าได้ ยกอีซาขึ้นไปยังพระองค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณ เสมอ 159 ไม่มีใครในหมู่ชาวคัมภีร์ที่เชื่อในเรื่องนี้ก่อนการตายของเขา และ เขาจะเป็นพยานให้แก่คนเหล่านั้นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ 160 ดังนั้น ด้วยความอธรรมของชาวยิว เราจึงได้ห้ามสิ่งดีๆมากมายที่ก่อนหน้านี้ เป็นที่อนุมัติสำ�หรับพวกเขา ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขามักจะขัดขวางทาง ของพระเจ้าเสมอ 161 เพราะการที่พวกเขากินดอกเบี้ยซึ่งได้ถูกห้ามไว้ แล้ว และเพราะการที่พวกเขากินทรัพย์สินของคนอื่นโดยไม่ชอบธรรม เราได้ เ ตรี ย มการลงโทษอั น เจ็ บ ปวดไว้ แ ล้ ว สำ� หรั บ บรรดาผู้ ( ที่ ยั ง คง) ปฏิเสธสัจธรรม 162 แต่ส�ำ หรับผู้มั่นคงในความรู้และผู้ที่ศรัทธาในสิ่งที่ ถูกประทานลงมาแก่เจ้าและที่ได้ถูกประทานลงมาก่อนเจ้า และผู้ที่ดำ�รง นมาซและจ่ายซะกาตและศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย คนเหล่านี้ เรา จะประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขาอย่างแน่นอน 163 เราได้ประทานวจนะแก่เจ้า(โอ้มุฮัมมัด)เช่นเดียวกับที่เราได้ ประทานวจนะแก่นูฮฺ(โนอาห์)และบรรดานบีอื่นๆหลังจากเขา และเรา ได้ประทานวจนะแก่อิบรอฮีม อิสมาอีล อิสฮาก ยะกู๊บและวงศ์วานของ

อัล-นิซาอ์

111

เขาและอีซา อัยยูบ ยูนุส ฮารูน สุลัยมานและเราได้ประทานคัมภีร์ษะบูรฺ (Psalms) แก่ดาวูด 164 เราได้บอกเจ้าแล้วเกี่ยวกับศาสนทูตบางคนที่ถูก ส่งมาก่อนหน้านี้ ในขณะที่เราไม่ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับคนอื่นๆ และพระเจ้า ได้พูดกับมูซาโดยตรง 165 พวกเขาเป็นศาสนทูตผู้น�ำ ข่าวดีมาบอกและให้ คำ�ตักเตือน ทั้งนี้เพื่อที่ว่าหลังจากการมาของบรรดาศาสนทูตเหล่านี้แล้ว มนุษย์จะได้ไม่มีข้ออ้างต่อพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ* 166 แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่เจ้าว่า พระองค์ได้ประทานมันลงมาด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และบรรดาทูต สวรรค์ก็เป็นพยานด้วย และแค่พระเจ้าเป็นพยานก็เป็นการเพียงพอแล้ว 167 แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธและกีดกันผู้อื่นจากทางของพระเจ้า พวกเขา ได้หลงทางไปไกลลิบ 168 แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและกระทำ� ความผิดนั้น พระเจ้าจะไม่ทรงอภัยพวกเขาและจะไม่ทรงนำ�ทางพวกเขา สู่หนทางใดๆ 169 เว้นแต่ทางของนรกซึ่งพวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตราบ กาลนาน นั่นเป็นการง่ายสำ�หรับพระเจ้า 170 มนุษย์เอ๋ย ศาสนทูตผู้นี้ได้ มายังสูเจ้าพร้อมกับสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น จงศรัทธา เขา เพราะมันเป็นการดีกว่าสำ�หรับสูเจ้าเอง แต่ถ้าหากสูเจ้าปฏิเสธ สัจธรรม สูเจ้าก็ควรจะรู้ไว้ว่าทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินเป็นของพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ 171 โอ้ชาวคัมภีร์ จงอย่าสุดโต่งในศาสนาของสูเจ้า จงอย่ากล่าวสิ่งใด * พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ หลังจากนั้น พระองค์ได้สร้างสวรรค์และ นรก ต่อมา มนุษย์ได้ถูกส่งมาตั้งถิ่นฐานบนโลกซึ่งที่นี่มนุษย์มีเสรีภาพที่ จะทำ�อะไรตามที่เขาต้องการ แต่เสรีภาพนี้ไม่ใช่สิ่งนิรันดร มันเป็นเพียง ชั่วคราวและเป็นวิธีการสำ�หรับการทดสอบเขา โดยที่ความดีและความชั่ว ได้ถูกแยกให้เขาได้เห็น หลังจากนั้น พระเจ้าจะเฝ้าดูว่าใครที่จะทำ�ตามใจ ตัวเองหรือทำ�ตามเจตนารมณ์ของพระเจ้าแม้ได้รับเสรีภาพแล้วก็ตาม

112

4. ผู้หญิง

นอกจากความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า แท้จริง เมสซีอาห์ อีซาลูกของมารีย์ เป็นเพียงศาสนทูตคนหนึ่งของพระเจ้าและพระบัญชาของพระองค์ที่ถูก นำ�มายังมารีย์ และเป็นวิญญาณจากพระองค์ ดังนั้น จงศรัทธาในพระเจ้า และบรรดาศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่ากล่าวว่าพระเจ้ามีสาม จง อย่ากล่าวเช่นนี้ มันเป็นการดีกว่าสำ�หรับเจ้า แท้จริง พระเจ้านั้นเป็น พระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงสูงส่งเกินกว่าที่จะมีบุตร ทุก สรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์และพระองค์ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำ�หรับการเป็นผู้พิทักษ์ 172 แน่นอน เมสซีอาห์ไม่ รังเกียจที่จะถูกนับว่าเป็นบ่าวของพระเจ้าและบรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิด ก็ไม่รังเกียจด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้ใดรังเกียจที่จะเคารพสักการะพระองค์ และเย่อหยิ่งจองหอง จงรู้ไว้เถิดว่าพระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขาไว้ต่อ หน้าพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน 173 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ� ความดี พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลโดยครบให้แก่พวกเขา และจะ ทรงเพิ่มพูนให้พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ สำ�หรับบรรดา ผู้รังเกียจและเย่อหยิ่งนั้น พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษ อันเจ็บปวดและพวกเขาจะไม่พบใครที่สามารถเป็นผู้ให้ความคุ้มครอง และความช่วยเหลือแก่พวกเขาจากพระเจ้าได้ 174 มนุษย์เอ๋ย ข้อพิสูจน์ อันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้มายังสูเจ้าแล้ว และเราได้ส่งแสง สว่างอันจำ�รัสมายังสูเจ้าแล้ว 175 ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและยึดมั่นในพระองค์ พระองค์ จะทรงให้พวกเขาอยู่ในความเมตตาและความโปรดปรานจากพระองค์ และจะทรงนำ�พวกเขาไปยังพระองค์ตามแนวทางที่เที่ยงตรง 176 พวก เขาถามเจ้าเกี่ยวกับคำ�สั่ง จงกล่าวเถิด “พระเจ้าได้สั่งเจ้าเกี่ยวกับเรื่อง ทายาทโดยอ้อมว่าหากชายใดตายโดยไม่มีลูก แต่ทิ้งพี่สาวหรือน้องสาว ไว้หนึ่งคน นางจะได้รับมรดกของเขาครึ่งหนึ่ง และถ้าหากนางไม่มีลูก พี่ ชายหรือน้องชายของนางจะได้รับมรดกของนาง และหากผู้ตายทิ้งพี่สาว

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

113

หรือน้องสาวไว้ข้างหลังสองคน นางทั้งสองจะได้รับสองในสามของสิ่งที่ เขาทิ้งไว้ และถ้าจำ�นวนของพี่ชายหรือน้องชายและพี่สาวหรือน้องสาว มีมากกว่าสอง ส่วนแบ่งของพี่ชายหรือน้องชายแต่ละคนจะเป็นสองเท่า ของพี่สาวหรือน้องสาวแต่ละคน พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้สิ่งต่างๆเป็นที่แจ่ม แจ้งแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะไม่หลง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง” 5. โต๊ะ

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงปฏิบัติตามเงื่อนไขให้ครบ บรรดาปศุสัตว์สี่เท้า ได้ถูกอนุมัติแก่สูเจ้า เว้นแต่ที่ได้ถูกบอกแก่สูเจ้า สูเจ้าถูกห้ามล่าสัตว์ใน ขณะที่สูเจ้าอยู่ระหว่างการแสวงบุญ แท้จริง พระเจ้าทรงบัญชาที่พระองค์ ทรงประสงค์ 2 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าละเมิดสัญลักษณ์ต่างๆของ พระเจ้าและเดือนต้องห้าม สัตว์พลีและอูฐที่สวมพวงมาลา(เพื่อบ่งบอก ว่ามันจะถูกเชือดพลีถวายพระเจ้า) และอย่าล่วงละเมิดบรรดาผู้ที่มุ่งมายัง บ้านอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสวงความโปรดปรานและความปราโมทย์จากพระ ผู้อภิบาลของพวกเขา เมื่อสูเจ้าเปลื้องชุดแสวงบุญแล้ว สูเจ้าจึงล่าสัตว์ ได้ จงอย่าให้ความเกลียดชังหมู่ชนที่กีดกันสูเจ้าจากมัสญิดอัลฮะรอมยุง สูเจ้าให้ท�ำ บาป จงช่วยเหลือกันในคุณธรรมและการสำ�รวมตนจากความ ชั่ว จงอย่าช่วยเหลือกันในการทำ�บาปและการเป็นศัตรู แต่จงเกรงกลัว พระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงเฉียบขาดในการลงโทษ 3 สิ่งที่ต้องห้ามสำ�หรับสูเจ้าคือสัตว์ที่ตายเอง เลือด และเนื้อสุกรและ เนื้อของสัตว์ที่ถูกกล่าวนามอื่นจากนามของพระเจ้าเวลาเชือด สัตว์ที่ถูก รัดคอตายหรือสัตว์ที่ถูกทุบตีจนตายหรือตกจากที่สูงและที่ถูกสัตว์ป่ากิน

114

5. โต๊ะ

เว้นแต่ที่สูเจ้าเชือดทัน(ในขณะที่มันยังมีชีวิต) และสัตว์ที่ถูกเชือดพลีบน แท่นบูชา และที่สูเจ้าเสี่ยงทาย เหล่านี้ล้วนเป็นบาป วันนี้ บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมสิ้นหวังต่อการทำ�ร้ายศาสนาของสูเจ้าแล้ว ดังนั้น จงอย่ากลัว พวกเขา แต่จงกลัวฉัน วันนี้ ฉันได้ทำ�ให้ศาสนาของสูเจ้าครบถ้วนสำ�หรับ สูเจ้าแล้ว และได้ให้ความโปรดปรานของฉันครบถ้วนแก่สูเจ้าด้วย และ ฉันพึงใจให้อิสลามเป็นศาสนาแก่สูเจ้า ดังนั้น ผู้ใดถูกบังคับด้วยความ หิวให้กินสิ่งที่ห้าม ไม่ใช่จงใจทำ�บาป เขาจะพบว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 4 ถ้าพวกเขาถามเจ้าถึงสิ่งที่อนุมัติแก่พวกเขา จงกล่าวเถิด “ที่ถูก อนุมัติแก่พวกท่านคือสิ่งที่ดีทั้งหลาย และที่พวกท่านสอนให้สัตว์ล่าเนื้อ ของพวกท่านจับมันโดยการฝึกมันตามที่พระเจ้าทรงสอนพวกท่าน ดัง นั้น จงกินที่มันจับมาให้พวกท่านโดยกล่าวพระนามของพระเจ้าเหนือมัน เสียก่อน และเกรงกลัว แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงฉับพลันในการชำ�ระ” 5 วันนี้ สิ่งที่ดีทั้งหมดเป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้าแล้ว อาหารของชาวคัมภีร์ก็ เป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้าและอาหารของสูเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา หญิง บริสุทธิ์จากหมู่ผู้ศรัทธาและหญิงบริสุทธิ์จากชาวคัมภีร์ก่อนสูเจ้าก็เป็น ที่อนุมัติก่อนสูเจ้าในการแต่งงานเมื่อสูเจ้าได้ให้ของหมั้นและให้นางได้ แต่งงาน ไม่ใช่เป็นผู้ค้าประเวณีและมิใช่ทำ�เป็นเมียลับ และผู้ใดปฏิเสธ การศรัทธา ดังนั้น แน่นอน การงานของเขาจะไร้ผลและในโลกหน้าเขาจะ อยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน 6 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อสูเจ้ายืนขึ้นเพื่อทำ�นมาซ ดังนั้น จงล้างหน้า ของสูเจ้าและมือของสูเจ้าถึงข้อศอกและจงลูบศีรษะของสูเจ้าและล้าง เท้าของสูเจ้าถึงตาตุ่ม ถ้าสูเจ้าอยู่ในสภาพที่ไม่สะอาด จงอาบน้�ำ ชำ�ระ ร่างกายทั่วทั้งตัว แต่ถ้าสูเจ้าป่วยหรืออยู่ระหว่างการเดินทางหรือผู้ใดใน หมู่สูเจ้ามาจากส้วมหรือได้สัมผัสผู้หญิงแล้วสูเจ้าหาน้�ำ ไม่พบ ดังนั้น จง เอาฝุ่นดิน(หรือทราย)ที่สะอาดลูบหน้าและมือของสูเจ้า พระเจ้าไม่ทรง

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

115

ปรารถนาที่จะก่อความลำ�บากใดๆแก่สูเจ้า แต่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะ ชำ�ระสูเจ้าให้สะอาดและเพื่อทำ�ให้ความโปรดปรานของพระองค์ครบครัน แก่สูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ขอบคุณ 7 จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้า และจงอย่าลืม พันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงทำ�กับสูเจ้าเมื่อตอนที่สูเจ้ากล่าวว่า “เรา ได้ยินและเราปฏิบัติตาม” จงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง รอบรู้ถึงความคิดที่ลึกที่สุดของมนุษย์ 8 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเป็นผู้ยืน หยัดเพื่อพระเจ้าโดยเป็นพยานที่ยุติธรรม จงอย่าให้ความเกลียดชังของ หมู่ใดยุยงสูเจ้าไม่ให้ปฏิบัติความยุติธรรม จงดำ�รงความยุติธรรมไว้เพราะ มันใกล้กับการเกรงกลัวพระเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 9 พระเจ้าได้ทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดีว่าสำ�หรับพวกเขาคือการอภัยโทษและรางวัลอันมหาศาล 10 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา พวกเขา เป็นสหายของไฟนรกที่โชติช่วง 11 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงนึกถึงความ โปรดปรานของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้าเมื่อชนหมู่หนึ่งได้ตั้งใจจะทำ�ร้ายสูเจ้า แต่พระองค์ได้ทรงยั้งมือของพวกเขาจากสูเจ้า ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า และพระเจ้าเท่านั้นที่ปวงผู้ศรัทธาควรต้องไว้วางใจ 12 พระเจ้าได้ทรงทำ�สัญญาผูกมัดลูกหลานอิสรออีลไว้และได้ตั้งผู้นำ� ขึ้นในหมู่พวกเขาสิบสองคนและพระเจ้าทรงกล่าวว่า “แน่นอน ฉันอยู่ กับสูเจ้าถ้าสูเจ้าดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาตและศรัทธาในบรรดาศาสน ทูตของฉันและสนับสนุนพวกเขาและให้พระเจ้ายืมสิ่งที่ดี แน่นอน ฉันจะ อภัยบาปของสูเจ้า และฉันจะให้สูเจ้าเข้าสวนสวรรค์อันหลากหลายซึ่ง เบื้องล่างมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน ส่วนผู้ใดปฏิเสธสัจธรรมหลังจากนี้จะ หลงไปจากทางอันเที่ยงตรง” 13 แต่เนื่องจากพวกเขาละเมิดพันธสัญญา ของพวกเขา ดังนั้น เราจึงได้สาปแช่งพวกเขาและทำ�ให้จิตใจของพวก เขาหยาบกระด้าง พวกเขาบิดเบือนความหมายของถ้อยคำ�ที่ถูกประทาน

116

5. โต๊ะ

มาโดยเอาถ้อยคำ�เหล่านั้นออกไปจากข้อความและเพิกเฉยต่อส่วนที่ พวกเขาได้ถูกสั่งกำ�ชับ เจ้าจะเห็นการทรยศของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นเพียงบางคนเท่านั้น แต่จงให้อภัยพวกเขาและจงอดทนต่อพวก เขา แท้จริง พระเจ้าทรงรักผู้ทำ�ความดี 14 เราได้ทำ�พันธสัญญากับบรรดาผู้ที่กล่าวว่า “แท้จริง พวกเราเป็น ชาวคริสเตียน” ด้วย แต่พวกเขาได้ลืมส่วนหนึ่งที่พวกเขาได้ถูกสั่งกำ�ชับ ไว้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงทำ�ให้ความเป็นศัตรูและความเกลียดชังเกิดขึ้นใน หมู่พวกเขาจนถึงวันแห่งการพิพากษา แน่นอน พระเจ้าจะทรงบอกพวก เขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ 15 โอ้บรรดาชาวคัมภีร์ ศาสนทูตของเราได้มายังสูเจ้าแล้วเพื่อทำ�ให้ สูเจ้าเกิดความกระจ่างในสิ่งที่สูเจ้าได้ปิดบังไว้จากคัมภีร์และเขาให้อภัย สูเจ้าในหลายสิ่ง แน่นอน แสงสว่างจากพระเจ้าและคัมภีร์อันชัดแจ้งได้ มายังสูเจ้าแล้ว 16 โดยคัมภีร์นี้ พระเจ้าทรงนำ�ทางผู้ปฏิบัติตามความ ปราโมทย์ของพระองค์ไปสู่หนทางแห่งความสงบสุข และทรงนำ�พวก เขาออกจากความมืดทั้งหลายสู่แสงสว่างด้วยความประสงค์ของพระองค์ และทรงนำ�พวกเขาสู่ทางที่เที่ยงตรง 17 แน่นอน พวกเขาเหล่านั้นได้ ปฏิเสธศาสนาแล้วเมื่อพวกเขากล่าวว่า “แท้จริง พระเจ้าคือพระคริสต์ บุตรของมารีย์” จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ใครเล่าจะขัดขวางพระเจ้าจาก การทำ�ลายพระคริสต์ บุตรของนางมารีย์และแม่ของเขาและทุกคนในโลก นี้ถ้าพระองค์ทรงประสงค์? อาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้าง สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และพระเจ้าทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง” 18 ชาวยิวและชาวคริสเตียนกล่าวว่า “เราเป็นบุตรของพระเจ้าและ เป็นที่รักของพระองค์” จงกล่าวเถิดว่า “แล้วไฉนพระองค์จึงทรงลงโทษ พวกท่านเพราะความผิดบาปของพวกท่านเล่า? ความจริงแล้ว พวกท่าน เป็นเพียงคนธรรมดาในหมู่ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น พระองค์ทรงอภัยผู้ที่

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

117

พระองค์ทรงประสงค์และทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ อาณาจักร แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง นั้นเป็นของพระเจ้า และทั้งหมดจะกลับไปยังพระองค์” 19 บรรดาชาว คัมภีร์เอ๋ย แน่นอน ศาสนทูตของเราได้มายังสูแล้วเพื่อทำ�ให้คำ�สอนเป็น ที่กระจ่างแก่สูเจ้าหลังจากที่การมีบรรดาศาสนทูตได้ว่างเว้นไป มิฉะนั้น สูเจ้าจะกล่าวว่า “ไม่เคยมีผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือนมายังเรา” ดังนั้น จึงมี ผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือนมายังสูเจ้าแล้ว พระเจ้าทรงมีอ�ำ นาจที่จะทำ�ได้ ทุกสิ่ง 20 จงนึกถึงตอนที่มูซาได้กล่าวกับคนของเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมีต่อพวกท่านเมื่อพระองค์ ได้ทรงตั้งนบีหลายคนขึ้นในหมู่พวกท่าน และได้ทรงทำ�ให้พวกท่านเป็น ผู้มีอำ�นาจปกครองและประทานแก่พวกท่านในสิ่งที่มิได้ประทานแก่ผู้ ใดในโลก 21 หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเข้าไปในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้า ได้ทรงกำ�หนดแก่พวกท่าน และจงอย่าหันหลังของพวกท่านกลับเพราะ พวกท่านจะกลายเป็นผู้ขาดทุน” 22 พวกเขาทั้งหลายกล่าวว่า “มูซาเอ๋ย แท้จริง ในแผ่นดินนั้นมีผู้คนที่ทรงอำ�นาจ พวกเราจะไม่เข้าไปในแผ่นดิน นั้นจนกว่าพวกเขาจะออกไปจากที่นั่นเสียก่อน ถ้าพวกเขาออกไปจากที่ นั้นแล้ว เราถึงจะเข้าไป” 23 ในตอนนั้น มีชายสองคนที่เกรงกลัวพระเจ้า และพระเจ้าทรงโปรดปรานเขาทั้งสองได้กล่าวว่า “จงเข้าไปยังพวกเขา ทางประตูหน้า เพราะเมื่อพวกท่านเข้าไปในนั้นได้ พวกท่านจะเป็นผู้ชนะ จงวางใจในพระเจ้าถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา” 24 แต่ถึงกระนั้น พวก เขาได้กล่าวว่า “มูซาเอ๋ย แท้จริง เราจะไม่เข้าไปในเมืองนั้นเด็ดขาดตราบ ใดที่พวกเขายังอยู่ในนั้น ขอให้ท่านและพระเจ้าของท่านไปต่อสู้เถิด พวก เราจะนั่งอยู่ที่นี่” 25 มูซาได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันไม่มีอาจเหนือใคร นอกจากตัวฉันและพี่ชายของฉัน ดังนั้น โปรดแยกเราทั้งสองออกจากหมู่

118

5. โต๊ะ

ชนผู้ฝ่าฝืนเหล่านี้ด้วยเถิด” 26 พระเจ้าทรงกล่าวว่า “แผ่นดินนี้เป็นที่ต้อง ห้ามสำ�หรับพวกเขาเป็นเวลาสี่สิบปี ในช่วงนี้พวกเขาจะเร่รอนไปตาม แผ่นดิน ดังนั้น จงอย่าเศร้าโศกเพื่อหมู่ชนที่ชั่วช้าเหล่านี้” 27 จงเล่าให้พวกเขารู้ถึงเรื่องราวของลูกชายทั้งสองของอาดัมด้วย ความจริงเมื่อทั้งสองได้ถวายสิ่งพลีแก่เรา แล้วสิ่งพลีของคนหนึ่งในสอง นั้นเป็นที่ยอมรับ แต่จากอีกคนหนึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ ฝ่ายหลังจึงได้กล่าว ว่า “ฉันจะฆ่าเจ้า” อีกฝ่ายหนึ่งจึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงรับ(สิ่งพลี)จากผู้ ยำ�เกรงพระองค์เท่านั้น 28 ถ้าท่านเหยียดมือของท่านเพื่อจะฆ่าฉัน ฉัน จะไม่ยกมือของฉันเพื่อฆ่าท่าน เพราะฉันเกรงกลัวพระเจ้าพระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก 29 ฉันต้องการให้ท่านรับบาปของท่านที่มีต่อฉันและบาป ของท่านด้วย และท่านจะได้กลายเป็นชาวนรก นั่นคือการตอบแทน สำ�หรับบรรดาผู้ท�ำ ความผิด” 30 แต่กระนั้น ตัวตนที่ชั่วร้ายของเขาได้ชักจูงเขาให้ฆ่าน้องชายของ เขา หลังจากนั้น เขาได้ฆ่าน้องชายของเขาและกลายเป็นผู้หนึ่งในบรรดา ผู้ขาดทุน 31 หลังจากนั้น พระเจ้าได้ส่งอีกาตัวหนึ่งมาคุ้ยดินเพื่อแสดงให้ เขาได้เห็นถึงการฝังศพน้องชายของเขา เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาได้ร้องออก มาว่า “วิบัติแน่แล้วตัวฉัน ฉันไม่สามารถทำ�อย่างเช่นอีกาได้ท�ำ เพื่อฝัง ศพน้องชายของฉันกะนั้นหรือ?” ดังนั้น เขาจึงรู้สึกผิดในสิ่งที่เขาได้ท�ำ ไป 32 นั่นคือสิ่งที่ว่าทำ�ไมเราจึงได้ก�ำ หนดแก่พวกลูกหลานอิสรออีลว่า “ผู้ใดฆ่าชีวิตใด เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นเป็นฆาตกรหรือเป็นผู้ก่อความเสีย หายบนหน้าแผ่นดิน คนผู้นั้นจะถูกถือเหมือนกับเขาได้ฆ่ามนุษยชาติ ทั้งมวล และผู้ใดที่ได้รักษาชีวิตหนึ่งไว้ เขาจะถูกถือว่าเหมือนกับผู้ให้ ชีวิตแก่มนุษยชาติทั้งมวล” แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขายังคงล่วงละเมิด ในแผ่นดิน ศาสนทูตของเราได้มายังพวกเขาคนแล้วคนเล่าพร้อมกับ สัญญาณอันชัดเจน แต่พวกเขาหลายคนยังคงสร้างความเสียหายใน แผ่นดิน 33 บรรดาผู้ทำ�สงครามต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และ

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

119

พยายามก่อความเสียหายในแผ่นดินนั้น พวกเขาต้องถูกประหารหรือถูก ตรึงให้ตายบนไม้กางเขนหรือตัดมือและเท้าของพวกเขาสลับข้างกันหรือ ถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน นี่คือความอัปยศสำ�หรับพวกเขาในโลกนี้ และยังมีการลงโทษอันหนักหน่วงยิ่งกว่านี้อีกสำ�หรับพวกเขาในโลกหน้า 34 ยกเว้นบรรดาผู้ที่ส�ำ นึกผิดก่อนที่สูเจ้ามีอ�ำ นาจเหนือพวกเขา ดังนั้น จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 35 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงแสวงหาทางที่จะ ได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ และจงดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของ 36 พระองค์เพื่อสูเจ้าจะได้รับความสำ�เร็จ สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ถึงแม้พวกเขามีทุกสิ่งบนโลกและอีกสองเท่าของจำ�นวนนั้นเพื่อนำ�มาไถ่ โทษตัวเองให้พ้นจากกรลงโทษในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ สิ่งเหล่านั้นจะไม่ ถูกรับจากพวกเขา และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันแสนสาหัส 37 พวก เขาต้องการที่จะออกจากไฟนรก แต่พวกเขาจะไม่สามารถออกมาจาก มันได้ และสำ�หรับพวกเขาคือการทรมานอย่างต่อเนื่อง 38 สำ�หรับขโมย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง จงตัดมือของพวกเขา นั่นคือการลงโทษ (เพื่อเป็นการยับยั้ง)จากพระเจ้าสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ พระเจ้า เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 39 แต่ถ้าผู้ใดสำ�นึกผิดหลังจากที่ ทำ�ผิดไปแล้วและปรับปรุงตนเอง พระเจ้าจะทรงหันกลับไปยังเขาโดย ปรานี แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 40 เจ้าไม่รู้หรือ ว่าอาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า? พระองค์ ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงอภัยโทษผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระเจ้าทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 41 ศาสนทูตเอ๋ย จงอย่าให้ผู้คนที่กำ�ลังแข่งขันกันในการปฏิเสธ สัจธรรมทำ�ให้เจ้าต้องระทมใจ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาผู้ที่กล่าวด้วยปากของ พวกเขาว่า “เราศรัทธา” แต่หัวใจของพวกเขาไม่ศรัทธาหรือจะมาจาก ชาวยิวเช่นกัน คนพวกนี้ชอบฟังเรื่องโกหก พวกเขามาฟังเจ้าเพื่อนำ�ไป

120

5. โต๊ะ

บอกคนอื่น(ผู้นำ�ทางศาสนา)ที่ไม่ได้มาหาเจ้า(เพราะความหยิ่งทะนง) พวกเขา(บรรดาผู้นำ�เหล่านี้)เอาถ้อยคำ�ในคัมภีร์ของพระเจ้าออกจากตัว บทและกล่าวแก่ผู้คนว่า “ถ้าหากนี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าถูกให้มา พวกเจ้าก็จง รับมัน แต่ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จงระวังให้ดี” ถ้าพระเจ้าต้องการจะทดสอบใคร เจ้าไม่อาจทำ�สิ่งใดเพื่อปกป้องเขาให้พ้นจากการลงโทษของพระเจ้าได้ คนที่พระเจ้าไม่ปรารถนาจะขัดเกลาหัวใจของเขาจะได้รับความอัปยศใน โลกนี้และการลงโทษอันแสนสาหัสในโลกหน้า 42 พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ฟังความเท็จและเป็นผู้กินสิ่งต้องห้าม ดัง นั้น ถ้าพวกเขามาหาเจ้า เจ้าจงตัดสินระหว่างพวกเขาหรือปฏิเสธไปเลย เพราะถึงแม้เจ้าปฏิเสธ พวกเขาจะไม่สามารถทำ�ร้ายอะไรเจ้าได้ แต่ถ้า หากเจ้าตัดสินระหว่างพวกเขา เจ้าจงตัดสินด้วยความยุติธรรม เพราะ พระเจ้าทรงรักผู้เที่ยงธรรม 43 แต่เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะให้เจ้า เป็นผู้ตัดสินในเมื่อพวกเขาเองมีคัมภีร์เตารอตซึ่งในนั้นมีคำ�ตัดสินของ พระเจ้าอยู่แล้ว ถึงกระนั้น พวกเขายังหันหลังให้มัน แน่นอน คนเหล่านี้ ไม่มีความศรัทธา 44 เราได้ประทานเตารอตลงมาซึ่งในนั้นมีทางนำ�และแสงสว่าง นบีทุก คนที่เชื่อฟังเราได้ใช้ตัดสินชาวยิวเช่นเดียวกับที่พวกนักปราชญ์และนัก ศาสนาชาวยิวตัดสินตามคัมภีร์ของพระเจ้าซึ่งพวกเขาได้ถูกมอบหมาย ให้เป็นผู้รักษาและเป็นพยานยืนยันคัมภีร์ของพระองค์ ดังนั้น จงอย่า กลัวมนุษย์ แต่จงกลัวฉัน และจงอย่าขายถ้อยคำ�ที่ฉันประทานมาเพื่อผล ประโยชน์เล็กน้อย ผู้ใดไม่ตัดสินตามที่พระเจ้าประทานลงมา พวกเขา เป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรม 45 เราได้กำ�หนดไว้ในเตารอตสำ�หรับชาวยิวแล้วว่า “ชีวิตต่อชีวิต ตาต่อตา จมูกต่อจมูก หูต่อหู ฟันต่อฟัน และบาดแผลนั้น ก็มีการตอบแทนกันอย่างเท่าเทียมกัน” แต่ถ้าผู้ใดยกการแก้แค้นแทนให้ เป็นทาน มันก็เป็นการไถ่โทษสำ�หรับเขา ส่วนผู้ใดไม่ตัดสินตามที่พระเจ้า ประทานมา เขาเหล่านั้นก็คือผู้ทำ�ความผิด 46 หลังจากนบีเหล่านั้น เราได้

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

121

ส่งอีซาบุตรของมารีย์มาเป็นผู้ยืนยันสิ่งที่ถูกประทานมาก่อนเขาในคัมภีร์ เตารอตและเราได้ประทานอินญีลแก่เขาซึ่งในนั้นมีทางนำ�และแสงสว่าง และยังเป็นการยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในเตารอตในเวลานั้น เป็นทางนำ�และการ ตักเตือนสำ�หรับผู้เกรงกลัวพระเจ้า 47 ดังนั้น จงให้บรรดาผู้ปฏิบัติตาม คัมภีร์อินญีลตัดสินตามที่พระเจ้าได้ประทานลงมาในนั้น ส่วนผู้ใดไม่ ตัดสินตามที่พระเจ้าประทานลงมา พวกเขาคือผู้ฝ่าฝืน 48 (โอ้มุฮัมมัด) เราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้าพร้อมกับสัจธรรม เป็นการ ยืนยัน(คำ�พูดล่วงหน้า)ที่ยังมีอยู่ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้และเป็นสิ่งที่กำ�หนด ว่าอะไรเป็นความจริงในนั้น ดังนั้น เจ้าจงตัดสินระหว่างพวกเขาโดย กฎหมายที่พระเจ้าประทานมา จงอย่าปฏิบัติตามความปรารถนาของ พวกเขาโดยการหันออกไปจากสัจธรรมที่ได้มายังสูเจ้า เราได้ก�ำ หนดกฎ และแนวทางแห่งชีวิตไว้สำ�หรับสูเจ้าทุกคนแล้ว หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์สามารถที่จะทำ�ให้สูเจ้าเป็นหมู่ชนเดียวกันได้ แต่เพื่อที่จะ ทดสอบสูเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่สูเจ้า ดังนั้น จงพยายาม แข่งขันในการทำ�ความดี ในท้ายที่สุดแล้ว สูเจ้าทั้งหมดจะกลับไปหา พระองค์ แล้วพระองค์จะทรงทำ�ให้สูเจ้ารู้ความจริงเกี่ยวกับที่สูเจ้าขัดแย้ง กัน 49 ดังนั้น จงตัดสินระหว่างพวกเขาตามที่พระเจ้าได้ทรงประทานลง มาและจงอย่าปฏิบัติตามอารมณ์ต�่ำ ของพวกเขา จงระวังพวกเขาให้ดี มิ ฉะนั้น พวกเขาจะล่อลวงเจ้าให้ออกจากทางนำ�ที่พระเจ้าทรงประทาน แก่เจ้า และถ้าหากพวกเขาปฏิเสธการตัดสินของเจ้า ดังนั้น จงรู้เถิด ว่าพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะลงโทษพวกเขาตามความผิดบางอย่างที่ พวกเขาได้กระทำ�ไว้ ความจริงแล้ว ส่วนใหญ่ของมนุษย์นั้นเป็นผู้ฝ่าฝืน 50 พวกเขาปรารถนาที่จะถูกตัดสินโดยกฎหมายแห่งความโง่เขลากระนั้น หรือ? และใครที่ดีเลิศกว่าพระเจ้าในการตัดสินสำ�หรับบรรดาผู้ที่เชื่อมั่น ในพระองค์?

122

5. โต๊ะ

โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเอาชาวยิวและชาวคริสเตียนมาเป็น เพื่อนใกล้ชิดของสูเจ้า พวกเขาต่างเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน ถ้าหาก ใครคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้าเอาพวกเขามาเป็นเพื่อน แน่นอน เขาจะถูก นับว่าอยู่ในหมู่พวกนั้น แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางบรรดาผู้ทำ�ความ ผิด 52 สูเจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่มีโรคแห่งการสับปลับในหัวใจของพวกเขา เคลื่อนไหวกันในหมู่ของพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขากล่าวว่า “เรากลัวว่า เราจะประสบความเดือดร้อนบางอย่าง” แต่มันอาจเป็นไปได้เมื่อพระเจ้า จะทรงประทานชัยชนะแก่สูเจ้าหรือการตัดสินที่เป็นประโยชน์แก่สูเจ้า หลังจากนั้น คนพวกนี้จะรู้สึกผิดในความคิดที่พวกเขาซ่อนไว้ในหัวใจ ของพวกเขา 53 ในตอนนั้น บรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า “คนเหล่านี้หรือ ที่สบถสาบานต่อพระเจ้าอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาจะอยู่กับพวกท่าน?” การงานของพวกเขาไร้ผลและพวกเขาจะกลายเป็นผู้ขาดทุน 54 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ถ้าผู้ใดในหมู่สูเจ้าทิ้งศาสนาของเขา พระเจ้า จะทรงยกหมู่ชนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขารักพระองค์ขึ้นมา แทน คนเหล่านี้คือผู้ที่อ่อนน้อมต่อผู้ศรัทธาและองอาจเข้มแข็งต่อบรรดา ผู้ปฏิเสธสัจธรรม พวกเขาจะต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าและไม่หวั่นกลัว ต่อการให้ร้ายของใครก็ตามที่ให้ร้ายพวกเขา นั่นคือความโปรดปรานของ พระเจ้า พระองค์ทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ ทรงมั่งคั่งอย่างเหลือหลายและพระองค์ทรงรอบรู้ 55 แท้จริง ผู้ช่วยเหลือ ของสูเจ้าคือพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ที่ดำ�รงนมาซ และจ่ายซะกาตและโค้งในการเคารพสักการะ 56 ผู้ใดเป็นพันธมิตรกับ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา ขอให้เขารู้เถิดว่า พรรคของพระเจ้าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน 57 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเอาคนเหล่านี้มาเป็นเพื่อน นั่นคือ คน ที่ถูกประทานคัมภีร์ก่อนหน้าสูเจ้าหรือบรรดาผู้ปฏิเสธที่ถือเอาศาสนา ของสูเจ้าเป็นที่เยาะเย้ยและล้อเล่น จงเกรงกลัวพระเจ้าถ้าหากสูเจ้าเป็น 51

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

123

ผู้ศรัทธาที่แท้จริง 58 เมื่อสูเจ้าป่าวร้องให้พวกเขามานมาซ พวกเขาถือ มันเป็นเรื่องตลกขบขันและล้อเล่น นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนที่ไม่ใช้ สติปัญญา 59 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “โอ้ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย พวกท่าน ไม่พอใจเราเพียงเพราะเราศรัทธาในพระเจ้าและในสิ่งที่ได้ถูกประทาน ลงมายังเราและสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนหน้าเรา และเพราะส่วนใหญ่ ของพวกท่านเป็นผู้ฝ่าฝืนกระนั้นหรือ? 60 จงกล่าวเถิดว่า “จะให้ฉันบอก พวกท่านถึงผู้ที่จะได้รับการตอบแทนที่เลวร้ายกว่านั้นจากพระเจ้าไหม? คนเหล่านั้นคือผู้ที่พระเจ้าทรงสาปแช่งและผู้ที่พระองค์ทรงกริ้ว พวกเขา ถูกสาปให้เป็นลิงและหมู และเป็นผู้ที่เคารพบูชาซาตาน* คนเหล่านี้เป็น ผู้ที่อยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งและเป็นผู้ที่หลงออกไปไกลจากแนวทางที่ถูก ต้อง” 61 เมื่อพวกเขามาหาสูเจ้า พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธา” แต่ความ จริงแล้ว พวกเขาเข้ามาในสภาพที่จะปฏิเสธสัจธรรมและออกไปในสภาพ เดียวกัน พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบังไว้ในหัวใจของพวกเขา 62 เจ้าจะเห็นส่วนมากของพวกเขาแข่งขันกันเพื่อทำ�บาปและความไม่ เป็นธรรมและการกินสิ่งต้องห้าม ช่างชั่วช้าจริงๆในสิ่งที่พวกเขากระทำ� 63 ทำ�ไมพวกผู้รู้ศาสนาชาวยิวและนักกฎหมายของพวกเขาไม่ห้ามพวก เขากล่าวถ้อยคำ�ที่เป็นบาปหรือการกินสิ่งต้องห้าม? การงานของพวกเขา ช่างเป็นสิ่งชั่วร้ายจริงๆ 64 ชาวยิวกล่าวว่า “พระหัตถ์ของพระเจ้าถูกล่ามแล้ว” ไม่ใช่ มือของ พวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามและพวกเขาถูกสาปแช่งก็เพราะคำ�กล่าวร้าย ที่พวกเขากล่าวออกมา พระหัตถ์ของพระองค์นั้นทรงเป็นอิสระ พระองค์ * มันมิใช่ในความหมายทางภาษา แต่เป็นคำ�อธิบายเชิงสัญลักษณ์ ที่อธิบายถึงความตกต่�ำ ทางศีลธรรมของพวกเขา คนเหล่านี้ไม่ได้กลาย เป็นสัตว์โดยทางร่างกาย แต่ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของพวกเขาเป็น เหมือนลิงและหมู

124

5. โต๊ะ

ทรงแจกจ่ายในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ถูกประทาน มายังเจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นได้ทำ�ให้พวกเขาหลายคนดื้อด้าน และปฏิเสธสัจธรรมยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้ก่อความเป็นศัตรูและความ เกลียดชังให้เกิดขึ้นในระหว่างพวกเขาจนกระทั่งถึงวันฟื้นคืนชีพ เมื่อ ใดก็ตามที่พวกเขาก่อไฟแห่งสงครามขึ้น พระเจ้าจะทรงดับมัน พวกเขา กำ�ลังพยายามแพร่ความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระเจ้าไม่ทรงชอบผู้ ก่อความเสียหาย 65 ถ้าหากพวกชาวคัมภีร์ศรัทธาและเกรงกลัวพระเจ้า เราจะขจัด ความชั่วช้าต่างๆของพวกเขาออกไปจากพวกเขา และเราจะให้พวกเขา ได้เข้าไปในสวนสวรรค์แห่งความโปรดปราน 66 ถ้าหากพวกเขาปฏิบัติ ตามเตารอตและอินญีลและที่ได้ถูกประทานลงมายังพวกเขาจากพระผู้ อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะได้รับความมั่งคั่งสมบูรณ์ทั้งจากเบื้องบน และเบื้องล่างที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขา ถึงแม้ในหมู่พวกเขาจะมีคนที่เที่ยง ธรรมบ้าง แต่ส่วนมากของพวกเขาก็เป็นผู้กระทำ�ความชั่ว 67 โอ้ศาสนทูต จงนำ�สิ่งที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของ เจ้าไปบอกแก่ผู้คน เพราะหากเจ้าไม่ท�ำ เช่นนั้น เจ้าก็มิได้น�ำ สาสน์ของ พระองค์ไปยังผู้คน พระองค์จะคุ้มครองเจ้าจากผู้คน เพราะพระเจ้าจะไม่ ทรงนำ�ทางผู้ปฏิเสธสัจธรรม 68 จงบอกพวกเขาว่า “โอ้ชาวคัมภีร์ พวกท่านไม่มีอะไรมาอ้างทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ว่าพวกท่านจะปฏิบัติตามเตารอตและอินญีลและสิ่งที่ได้ถูก ประทานลงมาแก่พวกท่านจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน” แน่นอน สิ่งที่ ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นจะทำ�ให้พวกเขาส่วนใหญ่ ดื้อดึงและปฏิเสธมากขึ้น แต่เจ้าจงอย่าเศร้าโศกให้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรม 69 บรรดาผู้ศรัทธา ชาวยิว ชาวซอบิอีนและชาวคริสเตียนที่ ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและกระทำ�ความดี ไม่มีสาเหตุใดที่จะ ต้องกลัวและพวกเขาจะไม่ทุกข์โศก

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

125

เราได้ทำ�พันธะสัญญาอันมั่นคงกับพวกลูกหลานอิสรออีลไว้และเรา ได้ส่งศาสนทูตหลายคนมายังพวกเขา แต่เมื่อใดที่ศาสนทูตคนหนึ่งมายัง พวกเขาพร้อมกับสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบ พวกเขาก็ถือว่าศาสนทูตผู้นั้นเป็น คนโกหกหรือไม่ก็ฆ่าเขา 71 และพวกเขาก็ยังกระหยิ่มว่าจะไม่มีความเสีย หายอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงตาบอดและหูหนวก หลัง จากนั้น พระเจ้าได้ทรงอภัยพวกเขา แต่ส่วนมากของพวกเขาก็ยังคง ปฏิบัติตัวเหมือนคนตาบอดและหูหนวกอีก พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งที่พวกเขา กำ�ลังกระทำ�อยู่ 72 แน่นอนที่สุด พวกเขาคือผู้ปฏิเสธสัจธรรม นั่นคือคนที่กล่าวว่า “แท้จริง พระเจ้าคือพระคริสต์บุตรของนางมารีย์” ในขณะที่พระคริสต์ เองได้กล่าวว่า “โอ้ลูกหลานอิสรออีล จงเคารพสักการะพระเจ้าผู้ทรงเป็น พระผู้อภิบาลของฉันและพระผู้อภิบาลของพวกท่านด้วยเช่นกัน” ถ้าใคร นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า แน่นอน พระเจ้าจะห้ามเขามิให้เข้าสวน สวรรค์ และนรกจะเป็นที่พำ�นักสำ�หรับเขา และบรรดาผู้ทำ�ความผิดจะ ไม่มีผู้ช่วยเหลือ 73 แน่นอนที่สุด พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศาสนา นั่นคือผู้ที่ กล่าวว่า “พระเจ้าทรงเป็นหนึ่งในสาม” ในขณะที่พระเจ้ามีเพียงองค์เดียว ถ้าหากพวกเขาไม่หยุดยั้งจากการพูดเช่นนั้น การลงโทษอันเจ็บปวดก็ จะประสบแก่ทุกคนในหมู่พวกเขาที่กล่าวเท็จปฏิเสธสัจธรรม 74 ทำ�ไม พวกเขาไม่หันไปยังพระเจ้าและขออภัยโทษต่อพระองค์? พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ 75 พระคริสต์บุตรของมารีย์นั้นมิได้เป็น อะไรนอกไปจากศาสนทูตคนหนึ่ง ศาสนทูตหลายคนได้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนหน้าเขา แม่ของเขาเป็นหญิงที่มีคุณธรรมและเขาทั้งสองก็กินอาหาร (เหมือนกับคนอื่นๆที่ต้องตาย) จงดูเถิดว่า เราได้ท�ำ ให้สัญญาณทั้งหลาย ที่นำ�ไปสู่ความจริงชัดเจนแก่พวกเขาอย่างไร และจงดูเถิดว่าพวกเขาถูก ทำ�ให้หันเหไปทางอื่นอย่างไร 76 จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “พวกท่าน เคารพสักการะสิ่งอื่นที่ไม่มีอำ�นาจให้โทษและคุณประโยชน์แก่พวกท่าน 70

126

5. โต๊ะ

กระนั้นหรือ ? ทั้งๆที่ความจริงแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงได้ยินและ ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง” 77 จงกล่าวเถิด “โอ้ชาวคัมภีร์ จงอย่าสุดโต่งในศาสนาของพวกท่าน และจงอย่าปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำ�ของบรรดาผู้หลงผิดมาแล้วก่อนหน้า พวกท่านและทำ�ให้คนอื่นอีกหลายคนหลงผิดและพวกเขาเองก็ได้หลง ออกไปจากทางที่เที่ยงตรง” 78 บรรดาลูกหลานอิสรออีลที่ปฏิเสธสัจธรรมได้ถูกสาปแช่งโดยดาวูด และอีซาบุตรของมารีย์ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาฝ่าฝืนและละเมิดเสมอ 79 พวกเขาไม่ได้ห้ามปรามกันและกันจากการทำ�ความผิดที่พวกเขาทำ� กัน สิ่งที่พวกเขานั้นช่างชั่วช้าจริงๆ 80 เจ้าเห็นส่วนมากของพวกเขา เป็นมิตรกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม ช่างชั่วช้าแท้ๆที่พวกเขาได้กระทำ� ไว้สำ�หรับตัวเอง พวกเขาทำ�ให้พระเจ้าทรงกริ้วและพวกเขาจะต้องถูก ลงโทษตลอดกาล 81 ถ้าหากพวกเขาศรัทธาในพระเจ้าและนบีและที่ได้ ถูกประทานลงมาแก่เขา พวกเขาคงไม่คบผู้ปฏิเสธสัจธรรมเป็นมิตร แต่ ว่าส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ไม่เชื่อฟัง 82 แน่นอน เจ้าจะพบว่าชาวยิวและบรรดาผู้ตั้งภาคีนั้นเป็นศัตรูตัว ฉกาจต่อบรรดาผู้ศรัทธา และแน่นอน เจ้าจะพบว่าพวกที่มีความรักใคร่ ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธามากกว่านั้นคือบรรดาผู้ที่กล่าวว่า “แท้จริง เราเป็นคริสเตียน” นั่นเป็นเพราะในหมู่พวกเขามีผู้ทรงความรู้และพวก บาทหลวง และเพราะพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง 83 เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่ถูก ประทานมาแก่ศาสนทูต เจ้าจะเห็นตาของพวกเขาเอ่อไปด้วยน้�ำ ตา เพราะความจริงที่พวกเขาจำ�ได้ พวกเขากล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของ รา เราศรัทธาแล้ว ดังนั้น โปรดบันทึกเราไว้ร่วมกับผู้ที่เป็นพยานด้วย เถิด 84 ทำ�ไมเราไม่ศรัทธาในพระเจ้าและในความจริงที่ได้มายังเรา? เรา ปรารถนาที่จะให้พระผู้อภิบาลของเรารับเราเข้าไปรวมกับบรรดาคนดี” 85 และด้วยสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไป พระเจ้าจะตอบแทนพวกเขาด้วยสวน

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

127

สวรรค์ที่มีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านซึ่งพวกเขาจะได้พำ�นักอยู่นั้นตลอดไป นั่นคือรางวัลตอบแทนของผู้ท�ำ ความดี 86 แต่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและ ปฏิเสธสัญญาทั้งหลายของเรา พวกเขาคือสหายของนรก 87 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าห้ามสิ่งที่ดีทั้งหลายที่พระเจ้าได้ทรง อนุมัติสำ�หรับสูเจ้าและจงอย่าละเมิด แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ละเมิด 88 จงกินจากสิ่งที่อนุมัติและสิ่งสะอาดที่พระเจ้าได้ทรงให้เป็นปัจจัยยังชีพ แก่สูเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้าที่สูเจ้าทั้งหลายมีความศรัทธา 89 พระเจ้า ไม่ทรงยึดถือถ้อยคำ�ไร้สาระในการสาบานของสูเจ้า แต่พระองค์ทรง ยึดถือสิ่งที่สูเจ้าสาบานไว้โดยเจตนา ดังนั้น การไถ่โทษสำ�หรับการผิด คำ�สาบานคือการให้อาหารคนขัดสนสิบคนตามปริมาณเฉลี่ยที่สูเจ้าให้ อาหารแก่ครอบครัวของสูเจ้า หรือให้เครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขา หรือการ ปลดปล่อยทาสหนึ่งคน หรือถ้าหากสูเจ้าไม่สามารถทำ�ได้ก็ให้ถือศีลอด สามวัน นี่คือการไถ่โทษคำ�สาบานที่สูเจ้าสาบานไว้ จงรักษาคำ�สาบาน ของสูเจ้า พระเจ้าทรงอธิบายคำ�บัญชาทั้งหลายของพระองค์เพื่อที่สูเจ้า จะได้ขอบคุณ 90 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา แท้จริง น้ำ�เมาและการพนัน การบูชายัญและ การเสี่ยงติ้วเป็นสิ่งโสมมจากการกระทำ�ของมาร ดังนั้น จงหันห่างจาก มันเสียเพื่อสูเจ้าจะได้รับความสำ�เร็จ 91 ซาตานเพียงแต่ปรารถนาที่จะ สร้ า งความเป็ น ศั ต รู และความเกลียดชังกันในระหว่างสูเจ้า โดยอาศัย น้ำ�เมาและการพนัน และเพื่อหันเหสูเจ้าออกจากการระลึกถึงพระเจ้าและ จากการนมาซ แล้วสูเจ้ายังไม่ละเว้นหรือ? 92 จงเชื่อฟังพระเจ้าและจง เชื่อฟังศาสนทูต และจงละเว้นจากสิ่งเหล่านี้ ถ้าหากสูเจ้าไม่เชื่อฟัง ดัง นั้น จงรู้ไว้เถิดว่าหน้าที่ของศาสนทูตของเราคือการเผยแผ่สาสน์อันชัด แจ้งเท่านั้น 93 ไม่มีบาปแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีในสิ่งที่เขา ทั้งหลายได้บริโภคไปในอดีต เมื่อเขาทั้งหลายละเว้นจากสิ่งที่ต้องห้าม สำ�หรับพวกเขาและยังคงศรัทธาและกระทำ�ความดี แล้วหลังจากนั้นได้

128

5. โต๊ะ

ยับยั้งตนเองจากสิ่งต้องห้ามและศรัทธาและเกรงกลัวพระเจ้าและกระทำ� ความดี เพราะพระเจ้าทรงรักผู้กระทำ�ความดี 94 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา แน่นอน พระเจ้าจะทรงทดสอบสูเจ้าด้วยการ ล่าสัตว์ที่อยู่ในระยะที่มือและหอกของสูเจ้าสามารถไปถึงได้ ทั้งนี้เพื่อ ที่พระเจ้าจะได้ทรงจำ�แนกว่าผู้ใดเกรงกลัวพระองค์ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ สามารถมองเห็นพระองค์ ดังนั้น ผู้ใดละเมิดขอบเขตหลังจากนี้จะได้รับ การลงโทษอันเจ็บปวด 95 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าฆ่าสัตว์ขณะที่สูเจ้า อยู่ในสภาพต้องห้ามระหว่างการแสวงบุญ และผู้ใดในหมู่สูเจ้าฆ่ามันโดย เจตนา เขาต้องหาปศุสัตว์ที่มีค่าเท่ากับสัตว์ที่เขาฆ่าโดยการตัดสินของผู้ เที่ยงธรรมสองคนมาพลีที่ก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นการชดเชย หรือไถ่โทษด้วยการ ให้อาหารแก่คนขัดสน(ตามราคาของสัตว์) หรือด้วยการถือศีลอดที่เท่า เทียมกัน ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้ลิ้มรสผลที่ติดตามมาจากการกระทำ�ของเขา พระเจ้าได้ทรงอภัยการทำ�ผิดที่ล่วงไปแล้ว แต่ถ้าผู้ใดละเมิดอีก พระเจ้า จะทรงลงโทษตอบแทนเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงลงโทษ ตอบแทน 96 การล่าสัตว์ในทะเลและการบริโภคมันเป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้า สูเจ้าจะ ใช้กินหรือใช้เป็นเสบียงเพื่อการเดินทางก็ได้ แต่ที่ต้องห้ามสำ�หรับสูเจ้า คือการล่าสัตว์บนบกในขณะที่สูเจ้ายังอยู่ในสภาพต้องห้ามระหว่างการ แสวงบุญ จงเกรงกลัวพระเจ้าก่อนที่สูเจ้าจะถูกรวบรวมไปยังพระองค์ 97 พระเจ้าได้ทรงทำ�อัลก๊ะอฺบ๊ะฮฺ บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ไว้เป็นแหล่งแห่งการ ค้ำ � จุ น สำ � หรั บ มนุ ษ ยชาติ เ ช่ น เดี ย วกั บ เดื อ นต้ อ งห้ า มและสั ต ว์ ที่ นำ �มา เชือดพลีโดยมีพวงมาลัยเป็นเครื่องหมายของพวกมัน เพื่อสูเจ้าจะได้รู้ว่า พระเจ้าทรงรอบรู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและที่อยู่ในแผ่นดิน และพระเจ้า นั้นทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 98 จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงเฉียบขาดในการ ลงโทษ และพระเจ้าทรงเป็นผู้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 99 หน้าที่อย่าง เดียวของศาสนทูตคือการนำ�สาสน์ไปเผยแผ่ พระเจ้าทรงรอบรู้ที่สูเจ้า

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

129

เปิดเผยและที่สูเจ้าปิดบัง 100 โอ้ศาสนทูต จงบอกพวกเขาว่า “สิ่งชั่วช้า และสิ่งดีนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าความมากมายของสิ่งชั่วช้าจะทำ�ให้พวก ท่านพอใจก็ตาม ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า โอ้ผู้มีความเข้าใจ เพื่อพวก ท่านจะประสบผลสำ�เร็จ” 101 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าถามถึงสิ่งต่างๆที่หากมันถูกเปิดเผยให้ สูเจ้าได้รู้แล้วจะทำ�ให้สูเจ้าลำ�บาก แต่ถ้าหากสูเจ้าจะถามถึงมันระหว่างที่ อัลกุรอานถูกประทานลงมา มันจะถูกเปิดเผยให้แก่สูเจ้าได้รู้ พระเจ้าทรง เงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงขันติ 102 แน่นอน ผู้คน ก่อนสูเจ้าเคยถามเช่นนี้มาแล้ว แต่เมื่อมีการเปิดให้พวกเขาได้รู้ พวกเขา ก็ยังปฏิเสธที่จะทำ�ตาม 103 พระเจ้ามิได้ทรงกำ�หนดความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยว กับสัตว์ที่ถูกเรียกว่า บะฮีเราะฮฺและซาอิบ๊ะฮฺและวะซีละฮฺและฮาม* แต่ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้กล่าวเท็จต่อพระเจ้า และส่วนมากของพวก เขาไม่ใช้เหตุผล 104 เมื่อได้มีการบอกแก่พวกเขาว่า “จงมายังที่พระเจ้า ได้ประทานลงมาแก่ศาสนทูต” พวกเขากล่าวว่า “เพียงพอแล้วสำ�หรับ เราในสิ่งที่เราได้พบจากบรรพบุรุษของเรา” ทั้งๆที่บรรพบุรุษของพวก เขาไม่รู้อะไรและไม่ได้รับทางนำ�” 105 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงระวังรักษาตัว ของสูเจ้าเอง ผู้หลงทางจะให้โทษแก่สูเจ้าไม่ได้เลยถ้าหากสูเจ้าอยู่ในทาง นำ� สูเจ้าทั้งหมดจะกลับไปยังพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงให้สูเจ้าได้รู้ถึง สิ่งที่สูเจ้าได้กระทำ� 106 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อเวลาแห่งความตายได้มาถึงผู้ใดในหมู่สูเจ้า จงให้มีคนที่ยุติธรรมสองคนในหมู่สูเจ้าทำ�หน้าที่เป็นพยานเมื่อสูเจ้าทำ� พินัยกรรม หรือมีสองคนจากอีกเผ่าหนึ่งถ้าหากสูเจ้าอยู่ในระหว่างเดิน ทางและทุกขภัยแห่งความตายประสบแก่สูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าสงสัยในความ ซื่อสัตย์ของเขา จงหน่วงเหนี่ยวเขาทั้งสองไว้หลังจากการนมาซและให้ * นี่คือประเภทต่างๆของสัตว์ท้องถิ่นที่ชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลาม เคยนำ�ไปถวายให้สิ่งที่พวกเขากราบไหว้บูชา

130

5. โต๊ะ

เขาทั้งสองสาบานด้วยพระนามของพระเจ้าว่า “เราจะไม่ขายหลักฐาน ด้วยราคาใดๆแม้ว่าเขาจะเป็นญาติสนิทก็ตาม และเราจะไม่ปิดบังหลัก ฐานของพระเจ้า เพราะแท้จริง ถ้าเราทำ�เช่นนั้น เราจะอยู่ในหมู่ผู้ท�ำ บาป อย่างแน่นอน” 107 แต่ถ้าพบว่าทั้งสองคนไม่ซื่อสัตย์ จงให้พยานอีกสอง คนจากบรรดาผู้ที่ถูกลิดรอนสิทธิออกมาสาบานต่อพระเจ้าว่า “การยืนยัน ของเราถูกต้องชอบธรมมากกว่าการยืนยันของเขาทั้งสอง และเราทั้งสอง ไม่ได้ละเมิด มิฉะนั้น เราจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ละเมิด” 108 ด้วยวิธีการเช่น นี้จะเป็นการเหมาะกว่าที่พวกเขาจะให้การเป็นพยานตามความเป็นจริง หรือมิเช่นนั้น พวกเขาจะกลัวว่าคำ�สาบานของพวกเขาจะขัดแย้งกับการ สาบานของคนอื่น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงฟัง พระเจ้านั้นมิทรงนำ�ทาง หมู่ชนผู้ฝ่าฝืน 109 ในวันที่พระเจ้าทรงรวบรวมบรรดาศาสนทูตทั้งหมดของพระองค์ และทรงถามว่า “พวกเจ้าได้รับการสนองตอบอย่างไร(จากผู้คน)?” บรรดาศาสนทูตจะกล่าวว่า “เราไม่มีความรู้ แท้จริง พระองค์เท่านั้นที่ทรง รอบรู้ยิ่งซึ่งความลับทั้งหมด” 110 หลังจากนั้น พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า “อี ซาบุตรของมารีย์เอ๋ย จงนึกถึงความโปรดปรานของฉันที่มีต่อเจ้าและต่อ แม่ของเจ้าเมื่อฉันได้ท�ำ ให้เจ้าเข้มแข็งด้วยวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่เจ้าจะ สามารถพูดกับผู้คนแม้แต่เมื่ออยู่ในเปลเหมือนกับเจ้าพูดในตอนโต และ เมื่อฉันได้สอนเจ้าซึ่งคัมภีร์และวิทยปัญญาและเตารอตและอินญีล และ เมื่อเจ้าเอาดินมาปั้นเป็นนกและเจ้าเป่าเข้าไปในดินที่เป็นรูปนก มันได้ กลายเป็นนกโดยอนุมัติของฉัน และเจ้ารักษาคนตาบอดและคนโรคเรื้อน โดยอนุมัติของฉัน และเมื่อเจ้าให้คนตายกลับมีชีวิตขึ้นมาโดยอนุมัติของ ฉันและเมื่อฉันคุ้มครองเจ้าจากพวกลูกหลานอิสรออีลเมื่อเจ้าไปหาพวก เขาด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง และบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้กล่าวว่า “นี่ มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นมายากล” 111 (จงนึกถึงในตอนที่)เมื่อฉันได้ดลใจแก่บรรดาสาวกให้ศรัทธาใน

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

131

ฉันและในศาสนทูตของฉัน พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาและได้โปรด เป็นพยานว่าเราเป็นมุสลิม” เมื่อสาวกกล่าวว่า “โออีซา บุตรของมารีย์ พระเจ้าของท่านสามารถส่งอาหารลงมาจากฟากฟ้าแก่เราได้ไหม?” เขา ตอบว่า “จงเกรงกลัวพระเจ้าถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง” 113 พวก เขากล่าวว่า “เราปรารถนาที่จะกินมันและทำ�ให้เรามั่นใจ และเพื่อเรา จะได้รู้แน่นอนว่าสิ่งที่ท่านพูดแก่เรานั้นเป็นความจริง และเพื่อเราจะได้ เป็นพยานในเรื่องนั้น” อีซาบุตรของมารีย์จึงวิงวอนว่า “โอ้พระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานอาหารลงมาจากฟากฟ้าแก่เราเพื่อเป็น ความสุขแก่คนแรกและคนสุดท้ายของเราและเป็นสัญญาณจากพระองค์ โปรดประทานเครื่องยังชีพแก่เรา และพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ประทาน ปัจจัย” 115 พระเจ้าตรัสว่า “แท้จริง ฉันจะส่งมันลงมายังเจ้า แต่หลังจาก นั้น ถ้าผู้ใดในหมู่สูเจ้าปฏิเสธ ฉันจะลงโทษเขาด้วยการลงโทษที่ฉันจะไม่ ลงโทษผู้ใดในโลกเลย” 116 เมื่อพระเจ้าตรัสว่า “โอ้อีซา บุตรของมารีย์ เจ้าบอกผู้คนหรือว่า ‘จง ยึดถือฉันและแม่ของฉันเป็นพระเจ้าสององค์อื่นจากพระเจ้าฺ?’ เขาตอบว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ มิเป็นการบังควรที่ฉันจะกล่าวในสิ่งที่ฉันไม่มี สิทธิ์ ถ้าหากว่าฉันได้กล่าวเช่นนั้น แน่นอน พระองค์ต้องทราบ พระองค์ ทรงรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของฉัน แต่ฉันไม่ทราบสิ่งที่อยู่ในจิตใจของ พระองค์ แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่งถึงสิ่งที่มองไม่เห็น 117 ฉัน บอกพวกเขาแค่เพียงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่ฉันว่า ‘จงเคารพสัก การะพระเจ้า พระผู้อภิบาลของฉันและพระผู้อภิบาลของพวกท่าน’ ฉัน เป็นพยานต่อความประพฤติของพวกเขาตราบใดที่ฉันอยู่ท่ามกลางพวก เขา แต่เมื่อพระองค์ทรงเรียกฉันกลับคืน พระองค์เป็นผู้ทรงเฝ้าดูพวก เขาและพระองค์ทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง 118 และถ้าพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา แน่นอน พวกเขาก็เป็นบ่าวของพระองค์ และถ้าพระองค์ทรงอภัยพวกเขา ดังนั้น แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ”

132

6. ปศุสัตว์

พระเจ้าจะกล่าวว่า “นี่คือวันที่ผู้พูดความจริงจะได้รับประโยชน์ จากความจริงของพวกเขา สำ�หรับพวกเขาคือสวนสวรรค์หลากหลายที่ มีล�ำ น้ำ�หลายสายไหลผ่านซึ่งพวกเขาจะพักอยู่ในนั้นตลอดกาล พระองค์ ทรงยินดีต่อพวกเขาและพวกเขาปีติต่อพระองค์ นั่นคือความสำ�เร็จอัน สูงสุด” 120 อำ�นาจสูงสุดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่อยู่ในนั้น เป็นของพระเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 119

6. ปศุสัตว์

อัล-อันอาม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และทรงทำ�ให้มีความมืดสนิทและแสงสว่าง แต่ถึงแม้กระนั้น ก็ตาม บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมก็ยังตั้งภาคีเทียมเท่าพระผู้อภิบาลของ พวกเขา 2 พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้าจากดิน แล้วทรงกำ�หนดวาระแห่ง ชีวิตสำ�หรับสูเจ้า เป็นวาระที่พระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้ แต่สูเจ้าก็ยังสงสัย 3 พระองค์คือพระเจ้าทั้งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงรู้ ทุกสิ่งที่สูเจ้าปิดบังและทุกสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผย พระองค์ทรงรู้สิ่งที่สูเจ้าทำ� 4 และเมื่อใดที่สัญญาณหนึ่งจากบรรดาสัญญาณต่างๆของพระผู้อภิบาล ของพวกเขาได้มายังพวกเขา พวกเขากลับไม่ใส่ใจ 5 ดังนั้น พวกเขา จึงได้ปฏิเสธสัจธรรมที่ได้มายังพวกเขา ในไม่ช้า พวกเขาจะได้รับข่าว (มากกว่านี้)เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเย้ยหยันมาจนกระทั่งเวลานี้ 6 พวกเขา ไม่เห็นหรือว่าก่อนหน้าพวกเขานั้น เราได้ท�ำ ลายไปกี่ชั่วคนแล้วสำ�หรับ ผู้ที่เราได้ตั้งหลักแหล่งให้พวกเขามั่นคงกว่าสูเจ้าด้วยซ้�ำ ? เราได้ส่งฝน มากมายมายังพวกเขาและเราได้สร้างลำ�น้ำ�หลายสายให้ไหลผ่านเบื้อง 1

อัล-อันอาม

133

ล่างพวกเขา แล้วเราได้ทำ�ลายพวกเขาเนื่องด้วยความผิดบาปของพวก เขา และเราได้ให้คนรุ่นอื่นอุบัติขึ้นมาหลังจากพวกเขา 7 ถึงแม้เราได้ส่งคัมภีร์ลงมาแก่เจ้าโดยเขียนไว้บนแผ่นหนังและพวก เขาได้จับต้องด้วยมือของพวกเขาเองแล้ว บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะยัง คงกล่าวว่า “นี่มิใช่อะไรนอกไปจากมายากลแท้ๆ” 8 พวกเขาถามว่า “ไฉน จึงไม่มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งถูกส่งลงมายังเขา?” ถ้าเราส่งทูตสวรรค์มา เรื่องของพวกเขาคงถูกตัดสินไปก่อนหน้านี้แล้ว และพวกเขาจะไม่ได้รับ การผ่อนปรนเลย 9 ถ้าเราส่งทูตสวรรค์มาเป็นศาสนทูต เราจะส่งเขามาใน รูปมนุษย์เพศชายซึ่งจะทำ�ให้พวกเขาสับสนยิ่งขึ้นไปอีก 10 บรรดาศาสน ทูตก่อนหน้าเจ้าได้ถูกเยาะเย้ยมาแล้ว แต่บรรดาผู้ที่เย้ยหยันจะพ่ายแพ้ ต่อสิ่งที่พวกเขาได้เย้ยหยัน 11 จงกล่าวเถิด “จงท่องเที่ยวไปตามแผ่นดิน แล้วจงดูผลสุดท้ายของพวกปฏิเสธสัจธรรมว่าเป็นอย่างไร” 12 จงถามพวกเขาว่า “ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของ ใคร?” จงกล่าวเถิด “เป็นของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงกำ�หนดความเมตตา ไว้สำ�หรับพระองค์แล้ว แน่นอน พระองค์จะทรงรวบรวมพวกท่านในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพ ไม่มีข้อคลางแคลงสงสัยใดๆในเรื่องนี้ ผู้ที่ท�ำ ตัวเอง ให้เป็นผู้หายนะนั้น พวกเขาจะไม่ศรัทธา” 13 ของพระองค์คือทุกสิ่งที่อยู่ ในกลางคืนและกลางวัน พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 14 จงกล่าว เถิด “ฉันจะยึดเอาผู้อื่นนอกจากพระเจ้าเป็นผู้คุ้มครองกระนั้นหรือ? ใน เมื่อพระองค์เป็นผู้ทรงเนรมิตชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงให้ อาหารและไม่ทรงต้องการอาหาร” จงกล่าวเถิด “แท้จริง ฉันได้ถูกบัญชา ให้ เ ป็ น คนแรกของผู้ น อบน้ อ มยอมจำ � นนและมิ ไ ด้ อ ยู่ ใ นหมู่ ผู้ ตั้ ง ภาคี ” 15 จงกล่าวเถิด “ฉันจะไม่ฝ่าฝืนพระผู้อภิบาลของฉัน เพราะฉันกลัวการ ลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่” 16 ผู้ใดที่การลงโทษไม่เกิดขึ้นกับเขาในวันนั้น แน่นอน พระองค์ได้ทรงเมตตาเขา และนั่นคือความสำ�เร็จอันสูงสุด 17 ถ้าพระเจ้าจะทรงให้ใครประสบความทุกข์ยาก ไม่มีใครสามารถ

134

6. ปศุสัตว์

ขจัดทุกข์ให้เขาได้นอกจากพระองค์ และถ้าพระองค์ทรงให้สูเจ้าประสบ สิ่งดี จงรู้ไว้เถิดว่าพระองค์ทรงมีอ�ำ นาจที่จะทำ�ทุกสิ่งที่พระองค์ทรง ประสงค์ 18 พระองค์เป็นผู้ทรงมีอำ�นาจสูงสุดเหนือปวงบ่าวของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงตระหนัก 19 จงถามพวกเขาว่า “การเป็นพยานของใครเชื่อถือได้มากที่สุด?” จงบอกพวกเขาว่าพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพยานระหว่างพวกท่านและฉัน จงกล่าวเถิด “อัลกุรอาน นี้ได้ถูกประทานแก่ฉันเพื่อที่ฉันจะได้ตักเตือนพวกท่านและผู้ที่มันจะไป ถึง พวกท่านยืนยันจริงๆหรือว่ามีสิ่งเคารพสักการะอื่นๆร่วมกับพระเจ้า อีก?” จงกล่าวเถิด “ฉันเองไม่ยืนยัน” จงกล่าวเถิด “พระองค์ เป็นพระเจ้า องค์เดียวเท่านั้น และฉันรังเกียจอะไรก็ตามที่พวกท่านนำ�ไปเป็นภาคีกับ พระองค์” 20 บรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขารู้เรื่องนี้เหมือนกับที่ พวกเขารู้จักลูกๆของพวกเขาเอง แต่บรรดาผู้ที่ทำ�ให้ตัวของพวกเขา เองขาดทุนนั้นไม่เชื่อในเรื่องนี้ 22 ใครเล่าที่ทำ�ความผิดอันยิ่งใหญ่กว่าผู้ กล่าวเท็จต่อพระเจ้าและปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระองค์? แท้จริง ผู้ทำ�ความผิดจะไม่ประสบความสำ�เร็จ 22 ในวันที่เราจะรวบรวมพวกเขา ทั้งหมดเข้าด้วยกัน เราจะกล่าวกับบรรดาผู้น�ำ สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับเรา ว่า “ภาคีย่อยๆที่สูเจ้ากล่าวอ้างเหล่านั้นอยู่ที่ไหน?” 23 แล้วพวกเขาจะไม่ สามารถแก้ตัวอะไรได้นอกจากจะกล่าวว่า “ขอสาบานด้วยพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเรา เราไม่ได้เป็นผู้บูชารูปเคารพ” 24 จงดูเถิดว่าพวกเขา โกหกต่อตัวของพวกเขาเองอย่างไร และรูปเคารพที่พวกเขากุขึ้นมาจะ ทิ้งพวกเขาไป 25 ในหมู่พวกเขามีบางคนที่ฟังเจ้า แต่เราได้คลุมหัวใจของพวกเขา และทำ�ให้พวกเขาไม่ได้ยินซึ่งทำ�ให้พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด แม้พวก เขาเห็นสัญญาณทุกอย่างแล้ว พวกเขาจะยังคงไม่เชื่อในสัญญาณเหล่า นั้น เมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมมาหาเจ้าเพื่อโต้แย้งกับเจ้า พวกเขาจะ

อัล-อันอาม

135

กล่าวว่า “นี่มิใช่อื่นใดนอกจากนิยายปรัมปรา” 26 และพวกเขาห้ามปราม คนอื่นจากการศรัทธาและพวกเขาเองก็หลีกห่าง แต่พวกเขาไม่ได้ท�ำ ลาย ผู้ใดนอกจากตัวของพวกเขาเอง แต่พวกเขาไม่รู้สึก 27 หากเจ้าเห็นตอน ที่พวกเขาถูกทำ�ให้หยุดยืนอยู่หน้านรก พวกเขาจะกล่าวว่า “วิบัติแท้แน่ เรา หากเราถูกส่งกลับมามีชีวิตในโลกนี้อีก เราจะไม่ปฏิเสธสัญญาณทั้ง หลายของพระผู้อภิบาลของเราอย่างแน่นอนและเราจะอยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา” 28 ความจริงที่พวกเขาเคยปิดบังไว้ก่อนหน้านี้จะปรากฏให้พวกเขาได้ เห็นอย่างชัดเจน แต่ถ้าพวกเขาถูกส่งกลับไปมีชีวิตอีก พวกเขาจะหัน กลับไปยังสิ่งที่พวกเขาถูกสั่งห้ามอีก เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขาเป็นผู้ โกหก 29 พวกเขากล่าวว่า “ไม่มีชีวิตอื่นนอกจากชีวิตของเราในโลกนี้เท่านั้น เราจะไม่ถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพอีก” 30 ถ้าหากเจ้าได้เห็นเมื่อตอนที่พวกเขา ถูกนำ�มาอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา พระองค์จะทรงถามพวก เขาว่า “นี่(ชีวิตที่สอง)มิใช่ความจริงกระนั้นหรือ?” พวกเขาจะกล่าวว่า “ใช่ แล้ว ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของเรา” พระองค์จะทรงกล่าวว่า “ดัง นั้น จงชิมการลงโทษสำ�หรับการปฏิเสธความจริงเถิด” 31 แน่นอน ผู้ที่ขาดทุนยิ่งคือผู้ที่ปฏิเสธการพบกับพระเจ้า จนกระทั่ง วาระสุดท้ายมาถึงพวกเขาอย่างฉับพลัน พวกเขาร้องว่า “อนิจจา เคราะห์ กรรมของเราแท้ๆที่เราละเลยในเรื่องนี้” พวกเขาจะแบกภาระบาปของ พวกเขาไว้บนหลังของตัวเอง จงรู้ไว้เถิดว่าบาปที่พวกเขาแบกไว้นั้นเป็น ความชั่วทั้งสิ้น 32 ชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นการละเล่นและ การบันเทิง แน่นอน สถานที่พ�ำ นักในโลกหน้านั้นดีกว่าสำ�หรับบรรดาผู้ เกรงกลัวพระเจ้า สูเจ้าไม่เข้าใจหรือ ? 33 (โอ้มุฮัมมัด) เรารู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นทำ�ให้เจ้าระทมใจ แท้จริง แล้ว มิใช่เจ้าที่บรรดาผู้ทำ�ความผิดปฏิเสธ แต่มันเป็นสัญญาณทั้งหลาย ของพระเจ้าต่างหากที่พวกเขาปฏิเสธ 34 บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้า

136

6. ปศุสัตว์

ต่างถูกปฏิเสธกันมาแล้ว แต่พวกเขาเหล่านั้นอดทนต่อการปฏิเสธและ การถูกกดขี่ข่มเหงของพวกเขา จนกระทั่งการช่วยเหลือของเราได้มายัง พวกเขา ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนวจนะของพระเจ้าได้ และโดยแน่นอนยิ่ง เจ้าก็ได้รับข่าวคราวของบรรดาผู้ที่ถูกส่งมาก่อนหน้าเจ้าแล้ว 35 ถ้าหาก เจ้าพบว่ามันเป็นการลำ�บากที่จะทนต่อการปฏิเสธของพวกเขา ดังนั้น ถ้าหากเจ้าสามารถ จงหาช่องทางลงไปในแผ่นดินหรือหาบันไดสู่ฟากฟ้า และนำ�สัญญาณหนึ่งมาให้แก่พวกเขา หากพระองค์ทรงประสงค์ แน่นอน พระองค์คงประทานทางนำ�แก่พวกเขาแล้ว ดังนั้น จงอย่าทำ�ตนเช่นเดียว กับพวกโง่เขลา 36 มีแต่บรรดาผู้ฟังเท่านั้นที่สนองตอบการเรียกร้อง ส่วน คนตายนั้น พระเจ้าจะทรงทำ�ให้เขาฟื้นขึ้น แล้วพวกเขาจะถูกนำ�กลับไป ยังพระองค์ 37 พวกเขาถามว่า “ทำ�ไมจึงไม่มีสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของ เขาถูกส่งลงมายังเขา?” จงกล่าวเถิด “แท้จริง พระเจ้าเท่านั้นที่มีอ�ำ นาจ จะส่งสัญญาณใดๆลงมาก็ได้” แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ 38 (จง ดูเถิดว่า) สัตว์ที่เคลื่อนไหวในแผ่นดินและสัตว์ที่บินด้วยปีกทั้งสอง ของมันนั้นล้วนแต่เป็นเผ่าพันธุ์เยี่ยงเจ้า เรามิได้ละเลยในการกำ�หนด แนวทางแห่งชีวิตของพวกมันไว้ล่วงหน้า ในที่สุดพวกเขาจะถูกรวบรวม ยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา 39 บรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของ เรานั้น พวกเขาหูหนวกและเป็นใบ้อยู่ในความมืดทึบ ผู้ใดที่พระเจ้า ทรงประสงค์ พระองค์ทรงปล่อยให้เขาหลงทาง และผู้ใดที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์ทรงให้เขาอยู่ในหนทางที่เที่ยงตรง 40 จงถามพวกเขาว่า “บอกฉันหน่อยซิว่าถ้าการลงโทษของพระเจ้า เกิดขึ้นกับพวกท่าน หรือยามอวสานกำ�ลังมาถึงพวกท่าน พวกท่านจะ ร้องเรียกผู้ใดอื่นนอกไปจากพระเจ้ากระนั้นหรือถ้าพวกท่านแน่จริง?” 41 มีแต่พระองค์เท่านั้นที่สูจ้าร้องเรียก และพระองค์ทรงปลดเปลื้องความ

อัล-อันอาม

137

ทุกข์ที่สูเจ้าวิงวอนขอต่อพระองค์ ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ แล้วสูเจ้าก็ลืม (พระเจ้าจอมปลอม)ที่สูเจ้าตั้งเป็นภาคีเทียบเทียมพระองค์” 42 เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตมายังหมู่ชนต่างๆก่อนเจ้า(นบี) และเรา ได้ทำ�ให้พวกเขาต้องทุกข์ยากลำ�บากด้วยความลำ�เค็ญและเคราะห์กรรม เพื่อที่พวกเขาจะได้ถ่อมตน 43 เมื่อความทุกข์ยากที่เรากำ�หนดไว้บังเกิด แก่พวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ยอมถ่อมตน แต่หัวใจของพวกเขากลับแข็ง กระด้าง เพราะซาตานได้ท�ำ ให้สิ่งที่พวกเขากำ�ลังทำ�อยู่ดูเป็นเรื่องดี สำ�หรับพวกเขา 44 ดังนั้น เมื่อพวกเขาลืมการตักเตือนของเรา เราได้ให้ พวกเขาทุกอย่างที่พวกเขาปรารถนา จนกระทั่งเมื่อพวกเขาคะนองต่อ สิ่งที่พวกเขาได้รับ เราจึงกระชากพวกเขาอย่างพลันจนพวกเขาเป็นผู้ สิ้นหวัง 45 ดังนั้น หมู่ชนผู้ทำ�ผิดจึงถูกทำ�ลายล้างโดยสิ้นเชิง บรรดาการ สรรเสริญเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 46 (มุฮัมมัด) จงถามพวกเขาว่า “ถ้าหากพระเจ้าทรงริบเอาการได้ยิน ของพวกท่าน การมองเห็นของพวกท่านไปและทรงปิดผนึกหัวใจของ พวกท่าน วัตถุบูชาใดเล่าที่จะนำ�มันกลับมาให้แก่พวกท่านนอกไปจาก พระเจ้า?” จงดูเถิดว่าเราได้อธิบายให้เห็นถึงสัญญาณทั้งหลายอย่างไร แต่พวกเขาก็ยังหันห่างอีก 47 จงถามพวกเขา “บอกฉันหน่อยซิ ถ้าการ ลงโทษของพระเจ้าเกิดขึ้นกับพวกท่านโดยฉับพลันหรือตามที่บอกไว้ ล่วงหน้า ใครเล่าจะถูกทำ�ลายนอกจากหมู่ชนผู้ท�ำ ความผิด?” 48 เรา ได้ส่งบรรดาศาสนทูตมาเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน ดังนั้น ผู้ใด ศรัทธาและปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่มีสาเหตุใดที่พวกเขาหวาด กลัว และพวกเขาจะไม่ระทม 49 การลงโทษจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเราเพราะพวกเขาได้ฝ่าฝืน 50 จงกล่าวเถิด “ฉันไม่ ได้บอกพวกท่านว่าฉันมีคลังสมบัติของพระเจ้าและฉันไม่รู้ในสิ่งเร้นลับ และฉันก็ไม่ได้อ้างว่าฉันเป็นทูตสวรรค์ ฉันเพียงแต่ปฏิบัติตามสิ่งที่ถูก

138

6. ปศุสัตว์

ประทานแก่ฉัน” จงถามพวกเขาว่า “คนตาบอดกับคนตาดีนั้นจะเหมือน กันกระนั้นหรือ? แล้วพวกท่านยังไม่พิจารณาอีกหรือ ?” 51 จงตักเตือนด้วยสิ่งนี้(อัลกุรอาน)แก่บรรดาผู้ที่เกรงกลัวว่าวันหนึ่ง พวกเขาจะถูกนำ�กลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขาในสภาพที่พวกเขา จะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ขอไถ่โทษให้นอกจากพระองค์ ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขา จะได้เกรงกลัวพระเจ้า 52 จงอย่าขับไล่บรรดาผู้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาล ของพวกเขาในยามเช้าและยามเย็นและแสวงหาความโปรดปรานของ พระองค์ เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการชำ�ระบัญชีของพวกเขาและพวกเขา ก็ไม่ต้องรับผิดชอบในการชำ�ระบัญชีของเจ้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้า เจ้าขับไล่พวกเขา เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ไม่เป็นธรรม53 ด้วยวิธีนี้เอง เราได้ใช้ พวกเขาบางคนทดลองบางคน เพื่อพวกเขาจะได้กล่าวว่า “คน(ต่�ำ ต้อย) พวกนี้ดอกหรือในหมู่พวกเราที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปราน?” พระเจ้าไม่รู้ดีที่สุดหรือว่าใครเป็นผู้กตัญญู? 54 เมื่อบรรดาผู้ศรัทธาในวจนะของเรามายังเจ้า จงกล่าวแก่พวกเขา ว่า “ขอความสันติจงมีแด่ท่าน พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ทรงกำ�หนด ความเมตตาไว้ส�ำ หรับพระองค์แล้ว เพื่อที่หากผู้ใดในหมู่พวกท่านกระทำ� ความชั่วไปโดยไม่รู้แล้วเกิดสำ�นึกผิดกลับตัวภายหลังจากนั้น แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 55 ในทำ�นองนี้เอง เราได้ทำ�ให้ สัญญาณทั้งหลายของเรากระจ่างชัดและง่ายเพื่อที่จะได้เห็นทางของคน ทำ�ชั่วอย่างชัดเจน 56 (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิด “ฉันถูกห้ามเคารพสักการะสิ่งที่พวกท่าน วิงวอนนอกไปจากพระเจ้า” จงกล่าวเถิด “ฉันจะไม่ปฏิบัติตามอารมณ์ต�่ำ ของพวกท่าน ถ้าฉันทำ� ฉันจะหลงผิดและฉันจะไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้ได้รับทาง นำ�” 57 จงกล่าวเถิด “ฉันอยู่บนหลักฐานอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของ ฉัน และพวกท่านปฏิเสธมัน สิ่งที่พวกท่านรีบเร่งอยากให้มีขึ้นนั้นมิได้ อยู่ในอำ�นาจของฉัน เพราะพระเจ้าเท่านั้นที่มีอำ�นาจแต่ผู้เดียวในการ

อัล-อันอาม

139

ตัดสิน พระองค์ทรงแจ้งสัจธรรม และพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ตัดสินทั้ง หลาย” 58 จงกล่าวเถิด “ถ้าฉันมีอ�ำ นาจทำ�สิ่งที่ท่านเร่งอยากให้มีขึ้น การ โต้แย้งระหว่างฉันกับพวกท่านก็คงจะยุติแล้ว พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดว่าจะ ทำ�อย่างไรกับบรรดาผู้ทำ�ความชั่ว” 59 พระองค์เท่านั้นที่มีกุญแจแห่ง สิ่ง พ้นญาณวิสัย ไม่มีใครล่วงรู้มันนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงรอบรู้ที่อยู่ ในแผ่นดินและในทะเล และไม่มีแม้แต่ใบไม้สักใบเดียวที่ร่วงหล่นโดยที่ พระองค์ไม่ทรงรู้ และไม่มีเมล็ดพืชแม้แต่เมล็ดหนึ่งในความมืดของแผ่น ดินที่พระองค์ไม่ทรงรู้ หรือสิ่งใดที่สดและเหี่ยวแห้งเว้นแต่ได้ถูกบันทึกไว้ หมดแล้วในบันทึกอันชัดแจ้ง 60 พระองค์ทรงเรียกสูเจ้ากลับในตอนกลางคืนและทรงรอบรู้สิ่งที่ สูเจ้าทำ�ในตอนกลางวัน หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำ�ให้สูเจ้ากลับคืนสู่ ยามนั้นอีกเพื่อที่สูเจ้าจะได้มีชีวิตครบวาระที่ถูกกำ�หนดไว้ หลังจากนั้น ยังพระองค์ที่สูเจ้าจะกลับไป แล้วพระองค์จะทรงแจ้งสูเจ้าถึงสิ่งที่สูเจ้า ได้กระทำ�ไว้ 61 พระองค์เป็นผู้ทรงมีอำ�นาจเหนือปวงบ่าวของพระองค์ พระองค์ได้ส่งบรรดาผู้พิทักษ์(ทูตสวรรค์)ผู้เฝ้าจับตาสูเจ้า จนกระทั่ง เวลาแห่งความตายของผู้ใดในหมู่สูเจ้ามาถึง ทูตสวรรค์ของเราก็จะ เอาวิญญาณเขาไป และพวกเขาจะไม่บกพร่องในหน้าที่แม้แต่นิดเดียว 62 แล้วทั้งหมดจะถูกนำ�กลับมายังพระเจ้าผู้ทรงเป็นนายที่แท้จริงของ พวกเขา การพิพากษาเป็นของพระองค์เท่านั้นและพระองค์ทรงรวดเร็ว ยิ่งในหมู่ผู้คิดบัญชี 63 (โอ้มุฮัมมัด) จงถามพวกเขาว่า “ผู้ใดช่วยพวกท่านให้พ้นจากความ หายนะในความมืดของแผ่นดินและในทะเลเมื่อตอนที่พวกท่านวิงวอนต่อ พระองค์อย่างเจียมตนโดยเงียบๆว่า ‘ถ้าพระองค์ช่วยเราให้พ้นจากความ วิบัตินี้ เราจะเป็นผู้กตัญญู’?” 64 จงกล่าวเถิด “พระเจ้าต่างหากผู้ทรงช่วย พวกท่านให้พ้นจากนั้นและจากทุกภัยพิบัติ แต่ถึงกระนั้น พวกท่านก็ยัง นำ�สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์” 65 จงกล่าวเถิด “พระองค์ทรงมีอ�ำ นาจที่

140

6. ปศุสัตว์

จะส่งการลงโทษมายังพวกท่านจากเบื้องบนของพวกท่านหรือจากใต้เท้า ของพวกท่าน หรือทำ�ให้พวกท่านแตกเป็นก๊กเป็นเหล่าเพื่อให้หมู่หนึ่ง ของพวกท่านได้ลิ้มรสความรุนแรงของอีกหมู่หนึ่ง” จงดูเถิดว่า เราได้ แสดงสัญญาณทั้งหลายของเราในลักษณะต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร เพื่อพวกเขาจะได้เข้าใจ 66 และหมู่ชนของเจ้าปฏิเสธสาสน์ที่เราส่งมา ทางเจ้า ทั้งๆที่มันเป็นสัจธรรม จงกล่าวเถิด “ฉันไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบ ต่อพวกท่าน 67 สำ�หรับทุกๆเหตุการณ์ได้ถูกกำ�หนดเวลาให้ปรากฏแล้ว และพวกท่านจะรู้ในไม่ช้า” 68 เมื่อเจ้า(มุฮัมมัด)เห็นผู้คนสาละวนอยู่กับการจับผิดสิ่งที่เราประทาน มา จงหันห่างออกจากพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะคุยกันในเรื่องอื่นจาก นั้น ถ้าซาตานทำ�ให้เจ้าหลงลืมในเรื่องนี้ ดังนั้น จงอย่านั่งร่วมกับบรรดา ผู้ทำ�ผิดทันทีที่เจ้านึกขึ้นได้ 69 ส่วนบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นไม่ต้อง รับผิดชอบต่อบรรดาผู้กระทำ�ผิดแต่ประการใด หน้าที่ของพวกเขาแค่ เพียงตักเตือนเพื่อคนเหล่านั้นจะได้เกรงกลัวพระเจ้า 70 จงปล่อยบรรดา ผู้ถือเอาศาสนาของพวกเขาเป็นการละเล่นและการบันเทิงและถูกล่อลวง โดยชีวิตนี้ไว้ตามลำ�พัง แต่จงตักเตือนพวกเขาโดยอัลกุรอาน มิฉะนั้น ชีวิตจะเสียหายตามความชั่วที่มันได้ท�ำ ไว้ ไม่มีผู้ใดอื่นนอกจากพระเจ้าที่ จะเป็นผู้คุ้มครองและไถ่แทนชีวิตนั้น ถึงแม้พวกเขาจะเอาอะไรมาเสนอ เป็นค่าไถ่แทน มันจะไม่เป็นที่ถูกรับจากเขา คนเหล่านี้คือบรรดาผู้สูญ เสียเนื่องจากการงานของพวกเขา พวกเขาจะได้รับน้�ำ ดื่มที่เดือดและการ ลงโทษอันเจ็บปวดเนื่องจากพวกเขาปฏิเสธสัจธรรม 71 (มุฮัมมัด) จงถามพวกเขาว่า “เราควรจะวิงวอนผู้ที่ไม่สามารถยัง คุณให้โทษแก่เราแทนพระเจ้ากระนั้นหรือ? เราควรหันส้นเท้าของเรา หลังจากที่พระเจ้าได้ทรงนำ�ทางเราแล้วเหมือนกับผู้ที่ซาตานได้ล่อลวง ให้เดินไปตามกิเลสต่ำ�ของมันในแผ่นดินอย่างมึนงงกระนั้นหรือขณะที่ พรรคพวกของเขาได้ร้องเรียกเขาว่า ‘มาหาเราเถิด นี่คือทางที่เที่ยงตรง’

อัล-อันอาม

141

?” จงกล่าวเถิด “แท้จริง ทางนำ�ของพระเจ้านั้นคือทางนำ�ที่แท้จริง และ เราได้รับบัญชาให้นอบน้อมต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 72 และดำ�รง นมาซและเกรงกลัวพระเจ้า” ยังพระองค์คือผู้ที่สูเจ้าจะถูกรวบรวมกลับ ไป 73 พระองค์คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์ ที่แท้จริง วันที่พระองค์ตรัสว่า “จงบังเกิดขึ้น” แล้วมันก็บังเกิดขึ้นมา พระ ดำ�รัสของพระองค์คือความจริง และในวันซึ่งแตรจะถูกเป่า อำ�นาจสูงสุด จะเป็นของพระองค์ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย และพระองค์ คือผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงตระหนัก 74 จงนึกถึงเมื่ออิบรอฮีมพูดกับอาซัรฺ บิดาของเขาว่า “พ่อยึดเอารูปปั้นเป็นพระเจ้ากระนั้นหรือ? ผมว่าพ่อและ ผู้คนของพ่อหลงผิดชัดๆ” 75 ด้วยเหตุนั้นเอง เราจึงได้ให้อิบรอฮีมเห็นอาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้อยู่ในหมู่ผู้เชื่อมั่น 76 เมื่อกลางคืน แผ่ปกคลุมเขาและเขาเห็นดวงดาว เขากล่าวว่า “นี่คือพระผู้อภิบาลของ ฉัน” แต่เมื่อมันหายไป เขาได้กล่าวว่า “ฉันไม่ชอบสิ่งที่หายไป” 77 ครั้น เมื่อเขาเห็นดวงจันทร์ขึ้นมาส่องแสง เขาได้กล่าวว่า “นี่คือพระผู้อภิบาล ของฉัน” แต่เมื่อมันหายลับไป เขาได้กล่าวว่า “ถ้าพระผู้อภิบาลของฉัน ไม่ทรงนำ�ทางฉัน ฉันคงเป็นผู้หลงผิดอย่างแน่นอน” 788 ครั้นเมื่อเขาเห็น ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา เขาได้กล่าวว่า “นี่คือพระผู้อภิบาลของฉัน นี่เป็น สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” แต่เมื่อมันลับขอบฟ้าไป เขาได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉัน เอ๋ย ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่พวกท่านตั้งภาคีเลย” 79 สำ�หรับฉันแล้ว ฉันขอหันหน้าตรงต่อพระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และฉัน ไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า” 80 เมื่อผู้คนโต้เถียงกับ เขา เขาได้กล่าวว่า “พวกท่านโต้เถียงฉันเกี่ยวกับพระเจ้ากระนั้นหรือใน ขณะที่พระองค์ได้ทรงนำ�ทางฉัน? และฉันไม่กลัวสิ่งที่พวกท่านนำ�มาเป็น ภาคีเทียบเคียงกับพระองค์ เว้นแต่พระผู้อภิบาลของฉันจะทรงประสงค์ ให้เป็นอย่างอื่น พระผู้อภิบาลของฉันทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง แล้วพวกท่าน

142

6. ปศุสัตว์

ยังไม่สำ�นึกอีกหรือ? 81 ทำ�ไมฉันจะต้องกลัวสิ่งที่พวกท่านนำ�มาเป็นภาคี กับพระองค์ในเมื่อพวกท่านเองก็ไม่เกรงกลัวการตั้งภาคีต่อพระเจ้าโดยที่ พระองค์ไม่ได้ให้อำ�นาจพวกท่าน ดังนั้น บอกฉันมาซิว่าอะไรในสองอย่าง นี้ที่จะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้าพวกท่านรู้? 82 แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธาและ ไม่ทำ�ให้ความศรัทธาของเขาปะปนกับการตั้งภาคีเท่านั้นที่จะปลอดภัย และเป็นผู้ได้รับทางนำ�ที่ถูกต้อง” 83 นี่คือข้อโต้แย้งของเราที่ได้ประทาน แก่อิบรอฮีมต่อผู้คนของเขา เรายกผู้ที่เราประสงค์ให้มีต�ำ แหน่งหลายชั้น แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ 84 เราได้ ประทานลูกหลานแก่เขา เช่น อิสฮากและยะกู๊บ และเราได้น�ำ ทางพวก เขาทุกคนเช่นเดียวกับที่เราได้น�ำ ทางนูฮฺมาก่อน และจากวงศ์วานของ เขาอันได้แก่ดาวูด สุลัยมาน อัยยูบ ยูซุฟ มูซาและฮารูนเราได้น�ำ ทางด้วย เช่นกัน ในทำ�นองนี้เองที่เราได้ตอบแทนผู้ท�ำ ความดี 85 ซะกะรียา ยะฮฺยา อีซาและอิลยาส ทุกคนอยู่ในหมู่ผู้ซื่อตรง 86 อิส มาอีล อัลยะซะอ์ ยูนุสและลูฏ แต่ละคนเราได้โปรดปรานพวกเขาให้ เหนือผู้คนทั้งหลาย 87 และยังมีบางคนในหมู่บิดาของพวกเขาและวงศ์ วานของพวกเขาและในหมู่พี่น้องของพวกเขาซึ่งเราเลือกสรรและนำ�ทาง พวกเขามายังทางที่เที่ยงตรง 88 นั่นคือทางนำ�ของพระเจ้าซึ่งโดยทางนำ� นี้พระองค์ทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ แต่ ถ้ า คนใดในหมู่ ค นของพระองค์ นำ � สิ่ ง ใดมาเป็ น ภาคี กั บ พระองค์ แน่นอน อันใดที่พวกเขาทำ�ไว้ทั้งหมดจะไม่มีประโยชน์อะไร 89 เหล่านี้คือ บรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์ ข้อตัดสินและการเป็นนบีแก่พวกเขา ดัง นั้น ถ้าผู้คนเหล่านี้(ชาวมักก๊ะฮฺ)ปฏิเสธ เราจะมอบมันให้แก่ผู้อื่นที่จะไม่ ปฏิเสธมัน 90 คนเหล่านี้(บรรดานบีก่อนๆ)คือผู้ที่พระเจ้าทรงนำ�ทาง ดัง นั้น จงปฏิบัติตามทางนำ�ของพวกเขาและ(มุฮัมมัด)จงกล่าวเถิดว่า “ฉัน ไม่ร้องขอการตอบแทนใดๆจากพวกท่านสำ�หรับการแสดงทางนำ�นี้ นี่ มิใช่อื่นใดนอกจากข้อตักเตือนสำ�หรับผู้คนทั้งหมดในโลก” 91 พวกเขาไม่

อัล-อันอาม

143

ได้ยอมรับพระเจ้าจริงๆเมื่อพวกเขากล่าวว่า “พระเจ้ามิได้ประทานสิ่งใด แก่คนธรรมดา” จงถามว่า “แล้วใครเล่าที่ได้ส่งคัมภีร์ที่มูซาได้นำ�มาเป็น แสงสว่างและทางนำ�แก่ปวงมนุษย์ซึ่งพวกท่านทำ�มันแยกออกเป็นส่วนๆ ส่วนหนึ่งพวกท่านนำ�มันออกมาแสดง แต่ปกปิดส่วนใหญ่ไว้จากผู้คน พวกท่านถูกสอนสิ่งต่างๆที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านไม่รู้มา ก่อน” จงกล่าวว่า “พระเจ้าได้ส่งมันมา” แล้วปล่อยพวกเขาให้เล่นลิ้นกับ การพูดที่ไร้สาระของพวกเขา 92 นี่คือคัมภีร์อันจำ�เริญที่เราได้ประทานลงมาเป็นสิ่งยืนยันที่เราได้ ส่งมาก่อนคัมภีร์นี้เพื่อเจ้าจะได้ตักเตือนผู้คนใจกลางเมือง(มักก๊ะฮฺ)และ ที่อาศัยอยู่รอบๆมัน บรรดาผู้ศรัทธาในโลกหน้าเชื่อในคัมภีร์นี้และพวก เขารักษาการนมาซของพวกเขา 93 ผู้ใดเล่าที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าผู้กล่าวเท็จ ต่อพระเจ้าหรือคนที่กล่าวว่า “มันถูกประทานแก่ฉัน” ทั้งๆที่ไม่มีสิ่งใด ถูกประทานแก่เขาเลยหรือผู้ที่กล่าวว่า “ฉันจะส่งสิ่งเดียวกับที่พระเจ้าส่ง มา” ถ้าเจ้าได้เห็นคนชั่วเหล่านี้อยู่ในอาการเจียนตายในขณะที่ทูตสวรรค์ กำ�ลังยื่นมือลงมาพลางกล่าวว่า “เอาชีวิตของเจ้าออกมา วันนี้พวกเจ้าจะ ถูกตอบแทนด้วยการลงโทษอันอัปยศเนื่องจากพวกเจ้ากล่าวร้ายพระเจ้า โดยไม่ เ ป็ น ความจริ ง และพวกเจ้ า หยิ่ ง ยโสต่ อ สั ญ ญาณทั้ ง หลายของ พระองค์” 94 และตอนนี้ สูเจ้าได้กลับมายังเราอย่างโดดเดี่ยวเหมือนกับที่เรา ได้สร้างสูเจ้าเมื่อครั้งแรก ตอนนี้ สูเจ้าได้ละทิ้งทุกสิ่งที่เราได้ประทาน แก่สูเจ้าไว้ข้างหลังสูเจ้า และตอนนี้ เราไม่เห็นผู้ขอไถ่โทษของสูเจ้าที่ สูเจ้าอ้างว่าเป็นภาคีกับพระเจ้าของสูเจ้าอยู่กับสูเจ้า แท้จริง สายสัมพันธ์ ระหว่างสูเจ้าได้ถูกตัดขาดแล้วและทั้งหมดที่สูเจ้าวางใจนั้นได้ทิ้งสูเจ้า ไปหมดแล้ว” 95 แท้จริง พระจ้าคือผู้ทรงปริเมล็ดพืชและเมล็ดอินทผลัม พระองค์ทรงทำ�ให้ชีวิตออกมาจากที่ตายและผู้ทรงทำ�ให้ที่ตายออกมา

144

6. ปศุสัตว์

จากที่มีชีวิต นั่นคือพระเจ้าผู้ทรงทำ�สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แล้วสูเจ้าถูกชักจูง ให้หันออกไปสัจธรรมได้อย่างไร? 96 พระองค์เป็นผู้ทรงเบิกอรุณและทรงทำ�กลางคืนเป็นยามพัก ผ่อน และทรงกำ�หนดการโคจรของดวงตะวันและดวงเดือน นั่นเป็นการ กำ�หนดของพระผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงรอบรู้ 97 พระองค์คือผู้ทรงสร้าง ดวงดาวไว้สำ�หรับสูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้อาศัยมันชี้ทางในเวลามืดทึบใน แผ่นดินและในทะเล แน่นอน เราได้ท�ำ ให้สัญญาณทั้งหลายของเราเป็น ที่แจ้งชัดแล้วสำ�หรับคนที่ต้องการจะเข้าใจ* 98 พระองค์คือผู้ทรงบังเกิด สูเจ้าจากชีวิตหนึ่งและได้ทรงจัดเตรียมสถานที่แห่งหนึ่งไว้ให้อยู่อาศัย(ใน ชีวิต)และสถานที่พักผ่อนไว้(หลังความตาย) แน่นอน เราได้ท�ำ ให้สิ่งที่เรา ประทานมาเป็นที่แจ้งชัดแล้วสำ�หรับผู้มีความเข้าใจ 99 พระองค์คือผู้ทรงให้น�้ำ หลั่งลงมาจากท้องฟ้า และโดยน้�ำ นั้น เรา ได้ทำ�ให้พืชผักทุกชนิดงอกเงยขึ้นมา แล้วเราได้ท�ำ ให้มันเขียวขจี หลัง จากนั้น เราได้ให้เมล็ดข้าวที่เรียงซ้อนกันเป็นรวงงอกออกมา และต้น อินทผลัมที่งวงของมันเป็นพวงย้อยต่ำ�ลงดิน และสวนองุ่นและมะกอก และทับทิมที่ถึงแม้ผลของมันจะดูละม้ายกัน แต่กระนั้นก็ยังมีคุณสมบัติที่ ต่างกัน จงดูผลของมันว่าออกมาได้อย่างไรและมันสุกได้อย่างไร แท้จริง ในสิ่งเหล่านั้นเป็นสัญญาณสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 100 แต่กระนั้น พวก เขายังตั้งพวกญินเป็นภาคีเทียบเคียงพระเจ้าในขณะที่พระองค์เป็นผู้ทรง สร้างพวกมัน พวกเขายังได้ใส่ร้ายอีกด้วยว่าพระองค์มีโอรสและธิดา หลายองค์โดยไม่มีความรู้ ในขณะที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง พ้นจากที่พวกเขากล่าวอ้าง 101 พระองค์คือผู้ทรงเริ่มต้นชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน พระองค์จะทรงมีโอรสได้อย่างไรในเมื่อพระองค์ไม่มีมเหษี? * ระบบอันกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาลดำ�เนินไปอย่างถูกต้อง แม่นยำ�จนไม่มีข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาเป็นเวลานับหลายล้านปีแล้ว นี่เป็นการพิสูจน์ถึงการดำ�รงอยู่ของผู้ที่มีอำ�นาจยิ่งใหญ่อย่างไม่จ�ำ กัด

อัล-อันอาม

145

พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งและพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 102 นี่คือ พระเจ้า พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรง สร้างทุกสิ่ง ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงพิทักษ์ ทุกสิ่ง 103 ไม่มีการมองเห็นใดๆสามารถมองเห็นพระองค์ แต่พระองค์ ทรงอยู่เหนือการมองเห็นทั้งหมด และพระองค์เป็นผู้ทรงละเอียด ผู้ทรง รอบรู้ 104 ตอนนี้ข้อพิสูจน์จากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้มายังสูเจ้าแล้ว ดังนั้น ผู้ใดมองเห็นก็เป็นการดีส�ำ หรับตัวเขาเอง และผู้ใดทำ�ตัวเหมือน คนตาบอดก็เป็นผลเสียต่อตัวของเขาเอง จงบอกพวกเขาว่า “ฉันไม่ใช่ผู้ คอยเฝ้าดูแลพวกท่าน” 105 นี่คือวิธีการที่เราอธิบายสิ่งที่เราได้ประทานมา ครั้งแล้วครั้งเล่าในลักษณะต่างๆเพื่อพวกเขาจะกล่าวว่า “เจ้า(มุฮัมมัด)ได้ อ่านสิ่งนี้ออกมาให้เราแล้ว” และเพื่อเราจะได้ท�ำ มันให้เป็นที่แจ่มแจ้ง(ว่า นี่คือสัจธรรม)สำ�หรับผู้ที่อยากรู้ 106 ดังนั้น (มุฮัมมัด) จงปฏิบัติตามที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระ ผู้อภิบาลของเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์และจงหันห่างจาก พวกบูชารูปเคารพ 107 หากพระเจ้าทรงประสงค์ พวกเขาคงจะไม่ตั้งภาคี และเราไม่ได้แต่งตั้งเจ้า(มุฮัมมัด)เป็นผู้เฝ้าดูแลพวกเขา และเจ้าก็ไม่ได้ รับมอบหมายให้เป็นผู้พิทักษ์ของพวกเขาด้วย 108 จงอย่าด่าว่าสิ่งที่พวก เขาวิงวอนแทนพระเจ้า มิฉะนั้น พวกเขาจะด่าว่าพระเจ้าอย่างเลยเถิด โดยไม่มีความรู้ ดังนั้น เราได้ท�ำ ให้การงานของผู้คนทุกหมู่เป็นที่ยุติธรรม แก่พวกเขา แล้วในที่สุด พวกเขาจะกลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา แล้วเราจะแจ้งพวกเขาตามที่พวกเขาได้กระทำ�ไว้ 109 พวกเขายังกล่าว คำ�สาบานอย่างหนักแน่นด้วยพระนามของพระเจ้าว่าถ้าหากมีสัญญาณ หนึ่งมายังพวกเขา พวกเขาจะศรัทธา จงกล่าวเถิดว่า “พระเจ้าเท่านั้นที่ สามารถแสดงสัญญาณต่างๆได้” เจ้าจะบอกได้อย่างไรว่าถ้าพวกเขาได้ รับสัญญาณหนึ่งแล้ว พวกเขาจะศรัทธา? 110 เราจะหันหัวใจและสายตาของพวกเขาให้ห่างออกจากสัจธรรม

146

6. ปศุสัตว์

เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อมันมาตั้งแต่แรก ดังนั้น เราจะปล่อยให้ พวกเขาระเหระหนอย่างมืดบอดในการดื้อดึงของพวกเขาต่อไป 111 ถึง แม้เราจะส่งทูตสวรรค์ลงมายังพวกเขาและทำ�ให้คนตายพูดกับพวกเขา และนำ�ทุกสิ่งมารวมอยู่ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ศรัทธาเว้นแต่ พระเจ้าประสงค์จะให้เขาศรัทธา แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ท�ำ ตัวโง่เขลา 112 ในทำ�นองนั้น เราได้ทำ�ให้นบีทุกคนมีศัตรูจากคนพาลในหมู่มนุษย์ และญินผู้คอยกระซิบกระซาบถ้อยคำ�เย้ายวนแก่บางคนเพื่อเป็นการ หลอกลวง ถ้าหากพระผู้อภิบาลของเจ้าประสงค์ พวกเขาจะไม่ท�ำ เช่นนั้น ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาให้กล่าวคำ�มุสาต่อไป 113 เพื่อหัวใจของบรรดาผู้ ไม่ศรัทธาในโลกหน้าจะได้คล้อยตามคำ�มุสานั้นและเพื่อที่พวกเขาจะได้ พอใจมันและทำ�บาปต่อไปตามที่พวกเขาอยากทำ� 114 ดังนั้น ฉันจึงควร แสวงหาผู้พิพากษาอื่นไปจากพระเจ้ากระนั้นหรือในเมื่อพระองค์เป็นผู้ ประทานคัมภีร์อันแจ่มแจ้งมาถึงพวกท่าน? และบรรดาผู้ที่เราได้ประทาน คัมภีร์ก่อนหน้าเจ้ารู้ดีว่าคัมภีร์นี้ถูกส่งมาจากพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วย ความจริง ดังนั้น เจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย 115 วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้าครบถ้วนแล้วในสัจธรรมและความ ยุติธรรม ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนวจนะของพระองค์ได้ และพระองค์เป็นผู้ทรง ได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 116 ถ้าเจ้า(มุฮัมมัด)เชื่อฟังปฏิบัติตามส่วนมากของ บรรดาผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน พวกเขาจะทำ�ให้เจ้าหลงไปจากทางของ พระเจ้า เพราะพวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกจากการคิดเอาเองและ พวกเขาคะเนเอาเท่านั้นเอง 117 แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีที่สุด ว่าผู้ใดหลงไปจากทางของพระองค์ และพระองค์ทรงรู้ดีที่สุดถึงผู้อยู่ใน ทางนำ� 118 ดังนั้น จงบริโภคเนื้อของสัตว์ที่พระนามของพระเจ้าถูกกล่าว เหนือมันถ้าสูเจ้าศรัทธาในสิ่งที่พระเจ้าประทานมาอย่างแท้จริง 119 แล้วไฉนเล่าที่สูเจ้าไม่บริโภคสิ่งที่พระนามของพระเจ้าถูกกล่าว เหนื อ มั น เมื่ อ พระองค์ ไ ด้ ท รงให้ สู เ จ้ า รู้ อ ย่ า งแจ่ ม แจ้ ง แล้ ว ว่ า อั น ใดที่

อัล-อันอาม

147

พระองค์ทรงห้ามแก่สูเจ้า นอกเสียจากว่าเมื่อสูเจ้าอยู่ในภาวะคับขัน จริงๆ? แท้จริงแล้ว ผู้คนส่วนมากได้หลงตามอารมณ์ต�่ำ ของพวกเขาโดย ไม่มีความรู้ แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงผู้ที่ละเมิด 120 จง ทิ้งบาปที่เปิดเผยและซ่อนเร้น แท้จริง บรรดาผู้ท�ำ บาปนั้นในไม่ช้าจะถูก ตอบแทนตามที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 121 และจงอย่ากินเนื้อของสัตว์ที่มิได้ ถูกกล่าวนามของพระเจ้าเมื่อตอนเชือด แท้จริง นั่นเป็นการฝ่าฝืน พวก ซาตานได้กระซิบเสี้ยมสอนพวกพ้องของมันให้โต้เถียงสูเจ้า ถ้าสูเจ้า ปฏิบัติตามพวกมัน สูเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า อย่างแน่นอน 122 คนตายที่เราได้ให้ชีวิตและแสงสว่างแก่เขาซึ่งทำ�ให้เขา สามารถเดินได้นั้นจะเหมือนกับคนที่อยู่ในความมืดและไม่สามารถออก มาจากความมืดได้กระนั้นหรือ? ดังนั้น การงานทั้งหลายของบรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมได้ถูกทำ�ให้เป็นที่สวยหรูดูดีส�ำ หรับพวกเขา 123 ดังนั้น เราได้ให้มีบรรดาผู้นำ�ของคนชั่วในทุกเมืองเพื่อวางกับดัก ในเมืองนั้น แต่พวกเขาเองกลับติดกับดักที่พวกเขาเองวางไว้โดยที่พวก เขาไม่รู้ 124 เมื่อมีสัญญาณหนึ่งมายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า “เราจะไม่ เชื่อในสัญญาณนั้นจนกว่าเราได้รับสิ่งที่ศาสนทูตของพระเจ้าได้รับ” แต่ พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดว่าใครเหมาะสมที่พระองค์จะแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูต ของพระองค์ ความอัปยศต่อหน้าพระเจ้าและการลงโทษอันแสนสาหัส จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ทำ�ความชั่วสำ�หรับแผนการที่พวกเขาได้วางไว้ 125 เมื่อพระเจ้าปรารถนาที่จะนำ�ทางผู้ใด พระองค์จะทรงเปิดหัวอกของ พวกเขาสู่อิสลาม และผู้ใดที่พระองค์จะทรงปล่อยให้เขาหลงทาง พระองค์ จะทำ�ให้หัวอกของเขาคับแคบและบีบแน่นจนเขารู้สึกเหมือนกับเขาได้ ปีนขึ้นไปสู่ท้องฟ้า นั่นเป็นวิธีที่พระเจ้าได้น�ำ เอาความอัปยศอดสูมากอง ไว้บนตัวผู้ไม่ศรัทธา 126 นี่คือหนทางอันเที่ยงตรงที่น�ำ ไปสู่พระผู้อภิบาลของเจ้า เราได้ ทำ�ให้สัญญาณทั้งหลายเป็นที่ชัดเจนแล้วสำ�หรับบรรดาคนที่ใช้ความคิด

148

6. ปศุสัตว์

พวกเขาจะได้พ�ำ นักอยู่ในที่พำ�นักอันสงบสุขกับพระผู้อภิบาลของ พวกเขา พระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเขาเนื่องจากความดีที่พวกเขา ได้ท�ำ ไว้ 128 ในวันที่พระองค์จะทรงรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน พระองค์จะ ทรงกล่าวกับพวกญินว่า “ชุมชนแห่งญินเอ๋ย สูเจ้าได้เอามนุษย์ส่วนมาก ไปใช้ประโยชน์แล้ว” และเพื่อนๆของพวกมันจากหมู่มนุษย์จะกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของเรา พวกเราบางคนก็ได้เอาพวกเขามาใช้ประโยชน์ ด้วยเช่นกัน และตอนนี้ เราได้มาถึงวาระที่พระองค์ได้ทรงกำ�หนดไว้ สำ�หรับเราแล้ว” พระองค์ทรงตรัสว่า “ไฟคือที่พ�ำ นักของสูเจ้าและสูเจ้า จะได้อยู่ในนั้นตลอดกาล เว้นแต่ที่พระเจ้าทรงประสงค์” แน่นอน พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ 129 และในทำ�นองนี้เอง เราได้ท�ำ ให้ผู้ทำ�ความผิดบางคนเป็นเพื่อน กับอีกบางคนเป็นการลงโทษสำ�หรับความผิดของพวกเขา 130 โอ้หมู่ญิน และมนุษย์เอ๋ย บรรดาศาสนทูตจากหมู่สูเจ้ามิได้มายังสูเจ้าและบอกเล่า สิ่งที่ฉันประทานมาแก่สูเจ้าและเตือนสำ�ทับสูเจ้าถึงการพบกันของวันนี้ กระนั้นหรือ?” พวกเขากล่าวว่า “ใช่ เราได้เป็นพยานยืนยันต่อตัวเราเอง แล้ว” แต่ชีวิตของโลกนี้ได้หลอกลวงพวกเขาและพวกเขาได้ยืนยันต่อตัว ของพวกเขาเองว่าพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรม 131 พระผู้อภิบาลของ เจ้าจะไม่ทรงทำ�ลายบ้านเมืองใดอย่างไม่เป็นธรรมตราบที่ชาวเมืองนั้นยัง ไม่รู้ 132 เพราะระดับ(การตอบแทน)ของแต่ละคนนั้นถูกกำ�หนดโดยสิ่งที่ พวกเขาได้กระทำ�ไว้ พระผู้อภิบาลของเจ้ามิใช่ผู้ทรงเมินเฉยต่อสิ่งที่พวก เขากระทำ� 133 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย ทรงเป็นเจ้า แห่งความเมตตาเสมอ หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงขจัด สู เ จ้ า และให้ ผู้ ที่ พ ระองค์ ท รงประสงค์ เ ข้ า มาแทนสู เ จ้ า เช่ น เดี ย วกั บ ที่ พระองค์ได้ทรงบังเกิดสูเจ้าจากวงศ์วานของกลุ่มชนอื่น 134 แท้จริง สิ่งที่ สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้นั้นจะต้องมาอย่างแน่นอน และสูเจ้าไม่อาจป้องกัน 127

อัล-อันอาม

149

ได้ 135 จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “หมู่ชนของฉันเอ๋ย พวกท่านจงทำ�ไปตาม ทางของพวกท่านและฉันจะทำ�ตามทางของฉัน แล้วในไม่ช้า พวกท่านจะ รู้ว่าจุดหมายปลายทางของใครจะดีที่สุดในโลกหน้า” แท้จริง ผู้ท�ำ ความ ผิดนั้นจะไม่ประสบผลสำ�เร็จ 136 พวกเขากันส่วนหนึ่งจากที่พระเจ้าได้ ทรงให้งอกเงยขึ้นจากไร่นาและปศุสัตว์ไว้ส�ำ หรับพระองค์ และพวกเขา กล่าวว่า “นี่สำ�หรับพระเจ้า” และ “ส่วนนี้ส�ำ หรับเทพเจ้าที่เราตั้งขึ้นมา? แต่ส่วนที่เป็นของเทพเจ้าที่พวกเขาตั้งขึ้นมานั้นไม่ถึงพระเจ้า ในขณะที่ ส่วนของพระเจ้ากลับถึงเทพเจ้าเหล่านั้นของพวกเขา ชั่วช้าแท้ๆที่พวก เขาตัดสิน 137 และในทำ�นองนั้นเอง สิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ได้ทำ�ให้การฆ่าลูกๆของพวกเขาเป็นเรื่องดีต่อพวกเขาเพื่อทำ�ให้พวกเขา พินาศและทำ�ให้พวกเขาสับสนในศาสนาของพวกเขา ถ้าหากพระเจ้าทรง ประสงค์ พวกเขาจะไม่กระทำ�มัน ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาไว้ตามลำ�พัง กับความเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้นเถิด 138 พวกเขากล่าวว่า “ปศุสัตว์และพืช ผลเหล่านี้ถูกสงวนไว้ ไม่มีใครบริโภคมันได้เว้นแต่ผู้ที่เราอนุญาต” ยังมี สัตว์บางชนิดที่ถูกห้ามขี่และบรรทุก และมีปศุสัตว์ที่พวกเขาไม่เอ่ยนาม ของพระเจ้าเวลาเชือด พวกเขากล่าวเท็จว่าสิ่งเหล่านี้มาจากพระองค์ ใน ไม่ช้า พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาสำ�หรับความเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้น 139 พวกเขากล่าวว่า “ที่อยู่ในท้องของปศุสัตว์นี้ถูกสงวนไว้สำ�หรับ ผู้ชายเราโดยเฉพาะ และเป็นที่ต้องห้ามแก่ภรรยาของเรา แต่ถ้ามันคลอด ออกมาตาย ทั้งสองฝ่ายก็มีส่วนในนั้น” แน่นอน พระเจ้าจะทรงลงโทษ พวกเขาสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาแอบอ้าง แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชา ญาณและผู้ทรงรอบรู้ 140 แน่นอน บรรดาผู้ขาดทุนคือผู้ที่ฆ่าลูกๆของพวก เขาอย่างโง่เขลาโดยไม่มีความรู้และห้ามในสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานแก่ พวกเขาเป็นเครื่องยังชีพแล้วยังกล่าวเท็จอีกว่าการห้ามนี้มาจากพระเจ้า แท้จริงแล้ว พวกเขาหลงทางและพวกเขาไม่ได้ถูกเลือกให้รับการชี้ทางที่

150

6. ปศุสัตว์

ถูกต้อง 141 พระองค์เท่านั้นคือผู้ทรงให้งอกเงยขึ้นซึ่งส่วนต่างๆแห่งพันธุ์ พืชไม้เลื้อยและไม้ยืนต้น รวมทั้งต้นอินทผลัมและไร่นาที่ออกผลชนิด ต่างๆ รวมทั้งต้นมะกอก ต้นทับทิมที่ละม้ายกันและที่ไม่ละม้ายกัน จง บริโภคผลของมันเมื่อมันออกผลและจงจ่ายส่วนของมันในวันเก็บเกี่ยว และจงอย่าสุรุ่ยสุร่าย แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้สุรุ่ยสุร่าย 142 ในหมู่ปศุสัตว์นั้นมีที่ใช้สำ�หรับบรรทุกหรือขี่และสัตว์ที่ใช้หนังทำ� ที่ปูนอน ดังนั้น จงบริโภคที่พระเจ้าได้ประทานแก่สูเจ้าเป็นเครื่องยังชีพ และจงอย่าปฏิบัติตามรอยเท้าของซาตาน แท้จริง มันเป็นศัตรูที่เปิดเผย ของสูเจ้า 143 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์สี่ชนิดจากตัวผู้และตัวเมีย เอาแกะ คู่หนึ่งและแพะคู่หนึ่งมาแล้วถามพวกเขาว่า “ตัวผู้ทั้งสองหรือตัวเมียทั้ง สองหรือตัวอ่อนที่ยังอยู่ในมดลูกของตัวเมียทั้งสองนี้ใช่ไหมที่พระองค์ ทรงห้ามพวกท่าน? จงบอกฉันด้วยความรู้ถ้าพวกท่านพูดจริง” 144 ในทำ�นองเดียวกัน จงเอาอูฐคู่หนึ่งและวัวอีกคู่หนึ่งมาแล้วถาม พวกเขาว่า “ตัวผู้ทั้งสองหรือตัวเมียทั้งสองหรือตัวอ่อนที่อยู่ในมดลูกตัว เมียทั้งสองที่พระองค์ทรงห้ามพวกท่าน?” สูเจ้าอยู่ที่นั่นหรือเปล่าเมื่อ พระเจ้าทรงบัญชาเรื่องนี้แก่สูเจ้า? (ถ้าไม่)ใครเล่าที่ชั่วช้ายิ่งกว่าผู้กล่าว เท็จต่อพระเจ้าเพื่อทำ�ให้มนุษย์หลงผิดโดยไม่มีความรู้? แท้จริง พระเจ้า มิทรงนำ�ทางบรรดาผู้ทำ�ผิด 145 จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “ในบรรดาสิ่งที่ ถูกประทานมายังฉัน ฉันไม่พบสิ่งใดที่ห้ามกินยกเว้นสัตว์ที่ตายเองหรือ เลือดที่ไหลออกมา หรือเนื้อของสุกร เพราะมันเป็นสิ่งสกปรก หรือเนื้อ ของสัตว์ที่ถูกเชือดโดยกล่าวนามผู้อื่นนอกจากนามของพระเจ้า แต่ผู้ ใดตกอยู่ในภาวะคับขันโดยไม่มีเจตนาขัดขืนและไม่ใช่ละเมิด ดังนั้น (เขาจะพบว่า)พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 146 สำ�หรับชาวยิวนั้น เราได้ห้ามสัตว์ทุกอย่างที่กีบไม่แยกกัน ไขมันของ วัวและแกะ(และแพะ) ยกเว้นแต่ที่อยู่บนหลังของมันหรือตามลำ�ไส้หรือที่

อัล-อันอาม

151

ชำ�แรกติดกระดูก นี่คือการลงโทษของเราต่อพวกเขาเพราะความดื้อรั้น ของพวกเขา และแท้จริง เราเป็นผู้สัจจริง 147 ดังนั้น ถ้าพวกเขากล่าวหาว่าเจ้า(มุฮัมมัด)โกหก จงกล่าวเถิดว่า “พระผู้อภิบาลของพวกท่านเป็นเจ้าแห่งความเมตตาอันไพศาล แต่ถึง กระนั้น พระองค์จะไม่ละเว้นการลงโทษให้แก่หมู่ชนผู้ท�ำ ผิด” 148 บรรดา ผู้ตั้งภาคีกับพระเจ้าจะกล่าวว่า “หากพระเจ้าทรงประสงค์ ทั้งเราและ บรรพบุ รุ ษ ของเราจะไม่เอาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าและเราจะไม่ ประกาศว่าสิ่งใดเป็นที่ต้องห้าม” ในทำ�นองเดียวกัน ผู้คนก่อนหน้าพวก เขาได้กล่าวเท็จต่อสัจธรรมมาแล้ว จนกระทั่งพวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษ ของเรา จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พวกท่านมีความรู้อันใดที่สามารถนำ�มา ยืนยันต่อเรา? ความจริงแล้ว พวกท่านมิได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกจากการ คาดเดาเอาเท่านั้นเอง” 149 จงกล่าวเถิด “พระเจ้าเท่านั้นที่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน หากพระองค์ ทรงประสงค์ แน่นอน พระองค์จะทรงนำ�ทางพวกท่านทั้งมวล” 150 จง กล่าวเถิด “จงหาพยานของพวกท่านที่สามารถยืนยันได้ว่าพระเจ้าทรง ห้ามสิ่งเหล่านี้” แต่ถ้าพวกเขายืนยัน(โดยเท็จ) เจ้าจงอย่าร่วมเป็นพยาน กับพวกเขาและจงอย่าปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำ�ของบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญ ญาณทั้งหลายของเราและผู้ไม่เชื่อในโลกหน้าและผู้ตั้งสิ่งอื่นเท่าเทียมกับ พระผู้อภิบาลของพวกเขา 151 จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “มานี่ ฉันจะบอกสิ่ง ที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ทรงห้ามแก่พวกท่าน นั่นคือ จงอย่านำ� สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ จงทำ�ความดีต่อพ่อแม่ จงอย่าฆ่าลูกๆของ พวกท่านเพราะกลัวความยากจนเพราะเราได้ประทานปัจจัยยังชีพแก่ พวกท่านและแก่พวกเขาโดยเฉพาะด้วย จงอย่าเข้าใกล้ความชั่วช้าลามก ทั้งที่เปิดเผยและที่ลับ และจงอย่าฆ่าชีวิตใดซึ่งพระเจ้าได้ทรงห้ามไว้เว้น แต่เพื่อความยุติธรรม นั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสั่งพวกท่านเพื่อที่พวก ท่านจะได้เข้าใจ

152

6. ปศุสัตว์

จงอย่าเข้าใกล้สมบัติของเด็กกำ�พร้าเว้นแต่โดยวิธีการที่ดีที่สุด จนกว่าเขาจะบรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ จงทำ�ให้การตวงและการชั่งเป็น ที่ครบถ้วนเที่ยงตรง เราไม่ให้ภาระหนักแก่ชีวิตใดเว้นแต่ตามความ สามารถของชีวิตนั้น เมื่อท่านพูด จงรักษาความยุติธรรมแม้เขาเป็นญาติ สนิทก็ตาม และจงปฏิบัติให้ครบตามพันธะสัญญาของพระเจ้า นั่นเป็นสิ่ง ที่พระองค์ทรงสั่งแก่พวกท่านเพื่อพวกท่านจะได้ใส่ใจ 153 (พระองค์ทรงสั่งอีกว่า) “นี่เป็นแนวทางอันเที่ยงตรงของฉัน ดังนั้น จงปฏิบัติตามทางนี้และจงอย่าปฏิบัติตามทางอื่นๆ มิฉะนั้น มันจะแยก พวกท่านออกจากทางของพระองค์” นั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งพวกท่าน ทั้งนี้เพื่อที่พวกท่านจะได้ปกป้องตัวเอง” 154 หลังจากนั้น เราได้ประทาน คัมภีร์แก่มูซาซึ่งทำ�ให้(ความโปรดปรานของเรา)ครบสมบูรณ์แก่บรรดา ผู้ทำ�ความดีโดยอธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจนในฐานะเป็นทางนำ�และความ เมตตา เพื่อพวกเขาจะได้มีความศรัทธาในการพบกับพระผู้อภิบาลของ พวกเขา 155 นี่คือคัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมาเป็นความจำ�เริญ ดังนั้น จง ปฏิบัติตามคัมภีร์นี้และจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้รับความเมตตา 156 และอย่ากล่าวว่า “คัมภีร์นั้นถูกประทานลงมาแก่คนสองกลุ่มก่อน หน้าเรา และเราไม่รู้ในคำ�สอนของมัน” 157 หรือกล่าวว่า “หากคัมภีร์นั้น ถูกประทานลงมาแก่เรา เราจะปฏิบัติตามทางนำ�ได้ดีกว่าพวกเขา” ตอน นี้ หลักฐานอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ถูกส่งมาเป็นทางนำ� และความเมตตาแก่สูเจ้าแล้ว ฉะนั้น ผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและหันห่างออกจากสัญญาณเหล่านั้น? ในไม่ช้า เราจะตอบแทนบรรดาผู้หันห่างจากสัญญาณทั้งหลายของเรา ด้วยการลงโทษที่รุนแรง 158 พวกเขาคอยที่จะให้ทูตสวรรค์หรือพระเจ้า ลงมาปรากฏต่ อ หน้ า พวกเขาหรื อ จะให้ สั ญ ญาณบางอย่ า งของพระผู้ อภิบาลของเจ้ามาปรากฏ? แต่เมื่อวันที่สัญญาณอันชัดแจ้งบางอย่าง 152

อัล-อันอาม

153

ของพระผู้อภิบาลของเจ้ามาปรากฏนั้น ความศรัทธาของพวกเขาจะไม่ เกิดประโยชน์อันใดแก่ชีวิตที่ไม่ได้ศรัทธามาก่อนหรือแก่ผู้ที่ศรัทธาแต่ มิได้กระทำ�ความดีไว้ จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จงคอยเถิด เราก็จะคอย” 159 แท้จริง บรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาของพวกเขาและแตกเป็นพวกนั้น เจ้า(มุฮัมมัด)ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้กับพวกเขาแต่อย่างใด แท้จริง เรื่อง ของพวกเขาอยู่ที่พระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงบอกพวกเขาในสิ่งที่พวก เขาได้ทำ�ไว้ 160 ผู้ใดทำ�ความดีจะได้รับการตอบแทนเป็นสิบเท่าสำ�หรับความดีนั้น แต่ผู้ใดทำ�ความชั่ว เขาจะถูกตอบแทนเพียงเท่านั้น และพวกเขาจะไม่ถูก ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม 161 จงกล่าวเถิด “พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรง นำ�ฉันสู่ทางที่เที่ยงตรง เป็นศาสนาอันมั่นคง เป็นแนวทางของอิบรอฮีมผู้ เที่ยงธรรมและเขาไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า” 162 จงกล่าวเถิด “แท้จริง การนมาซของฉัน การพลีของฉัน ชีวิตของ ฉันและการตายของฉันล้วนเพื่อพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 163 ไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และนี่เป็นสิ่งที่ฉันได้ถูกบัญชาและฉัน เป็นคนแรกของบรรดาผู้นอบน้อมยอมจำ�นนต่อพระองค์” 164 จงกล่าว เถิด “จะให้ฉันแสวงหาพระผู้อภิบาลอื่นนอกจากพระเจ้ากระนั้นหรือใน เมื่อพระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของทุกสิ่ง” ทุกชีวิตต้องรับผิดชอบใน สิ่งที่ตัวเองทำ�ไว้ และไม่มีผู้แบกภาระคนใดแบกภาระของคนอื่นได้ แล้ว ในที่สุด สูเจ้าจะต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และพระองค์จะทรง แจ้งแก่สูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าขัดแย้งกัน 165 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้สูเจ้าเป็น ผู้สืบทอด(ของคนอื่นๆ)บนหน้าแผ่นดินและทรงยกย่องสูเจ้าบางคนให้ เหนือกว่าอีกบางคนเพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบสูเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ ประทานแก่สูเจ้า แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าเป็นผู้ทรงฉับพลันในการ ลงโทษ แต่กระนั้น พระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

154

7. ที่สูง

7. ที่สูง

อัล-อะอฺรอฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม มีม ซ็อด 2 คัมภีร์นี้ได้ถูกประทานลงมายังเจ้า ดังนั้น (มุฮัมมัด) จงอย่าได้มีความ หนักใจในหัวอกของเจ้าเกี่ยวกับมันเลย ทั้งนี้ เพื่อที่เจ้าจะได้ใช้มันเตือน พวกเขา(ผู้ปฏิเสธ)และมันเป็นสิ่งตักเตือนบรรดาผู้ศรัทธา 3 สูเจ้าจง ปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่สูเจ้าจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และ จงอย่าปฏิบัติตามผู้คุ้มครองอื่นใดนอกไปจากพระองค์ แต่น้อยนักที่สูเจ้า จะใส่ใจ 4 กี่เมืองแล้วที่เราได้ท�ำ ลายมัน การลงโทษของเราได้มายังเมือง เหล่านี้อย่างฉับพลันในตอนกลางคืนหรือตอนกลางวันในขณะที่พวกเขา กำ�ลังพักผ่อน 5 และเมื่อการลงโทษของเรามายังพวกเขา พวกเขาได้ แต่ร้องออกมาอย่างเดียวว่า “แท้จริง เราเป็นผู้ท�ำ ความผิด” 6 หลังจาก นั้น เราจะถามบรรดาผู้ที่สาสน์ของเราถูกส่งไปและบรรดาผู้ที่น�ำ สาสน์ ของเราไป 7 กับความรู้ที่ครบถ้วน เราจะบอกพวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาทำ� เพราะเราไม่เคยห่างหายไปจากพวกเขา 8 ในวันนั้น สัจธรรมเท่านั้นที่จะ มีน้ำ�หนัก ดังนั้น ผู้ที่ตาชั่งของตัวเองมีน�้ำ หนักเท่านั้นคือผู้ประสบความ สำ�เร็จ 9 และผู้ที่การงานที่ดีของเขาเบา(ในตาชั่ง)คือผู้ที่ทำ�ให้ตัวเองได้ รับการขาดทุนเพราะพวกเขาปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราอย่างผิดๆ 10 เราได้ให้สูเจ้าพำ�นักอยู่ในแผ่นดิน และได้จัดเตรียมปัจจัยยังชีพใน แผ่นดินนั้นไว้ให้สูเจ้า แต่น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ 11 แท้จริง เราได้สร้าง สูเจ้าและทำ�ให้สูเจ้าเป็นรูปร่าง แล้วเราได้บอกแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า “จง กราบนบนอบต่ออาดัม” ดังนั้น ทูตสวรรค์ทั้งหลายจึงต่างกราบนบนอบ ยกเว้นอิบลีส(ซาตาน)ซึ่งไม่ยอมอยู่ในหมู่ผู้ก้มกราบ 12 พระองค์จึงตรัสว่า

อัล-อะอฺรอฟ

155

“อะไรที่ขัดขวางเจ้ามิให้กราบเมื่อฉันสั่งเจ้า?” มันตอบว่า “ฉันดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้างฉันจากไฟในขณะที่พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน” 13 พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้น จงลงไปจากที่นี่ เพราะที่นี่มิใช่ที่สำ�หรับ เจ้าที่จะมาทำ�โอหัง จงออกไปเสีย แท้จริง เจ้าเป็นผู้อยู่ในหมู่ผู้อัปยศ” 14 ซาตานจึงกล่าวว่า “โปรดผ่อนผันเวลาให้ฉันจนถึงวันฟื้นคืนชีพด้วย เถิด” 15 พระองค์ตรัสว่า “เจ้าได้รับการผ่อนผัน” 16 มันกล่าวว่า “เนื่องจาก พระองค์ทรงทำ�ให้ฉันผิด ทีนี้ ฉันจะซุ่มคอยพวกเขาตามทางที่เที่ยงตรง ของพระองค์ 17 แล้วฉันจะจู่โจมใส่พวกเขาจากทุกด้าน จากด้านหน้า พวกเขาและด้านหลังพวกเขา จากด้านขวาของพวกเขาและด้านซ้ายของ พวกเขา และพระองค์จะทรงพบว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้เนรคุณ 18พระองค์ตรัสว่า “จงออกไปจากที่นี่อย่างอัปยศและถูกตะเพิด จงรู้ไว้ ด้วยว่าฉันจะทำ�ให้นรกเต็มไปด้วยพวกเจ้าและทุกคนที่ปฏิบัติตามเจ้า” 19 พระองค์กล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย เจ้าและคู่ครองของเจ้าจงพำ�นักอยู่ใน สวนสวรรค์นี้ และจงกินตามที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าทั้งสองจงอย่าเข้าใกล้ ต้นไม้นี้ มิฉะนั้น เจ้าทั้งสองจะอยู่ในหมู่ผู้ท�ำ ผิด” 20 แต่ซาตานได้กระซิบ ล่อลวงคนทั้งสองเพื่อที่ว่ามันจะได้เปิดเผยส่วนที่พึงละอายของคนทั้งสอง ที่ถูกปิดบังไว้จากกันและกัน มันกล่าวแก่เขาทั้งสองว่า “พระผู้อภิบาล ของท่านได้ห้ามพวกท่านมิให้เข้าใกล้ต้นไม้นี้ก็เพราะทรงเกรงว่าท่านทั้ง สองจะกลายเป็นทูตสวรรค์หรือท่านทั้งสองจะกลายเป็นผู้ไม่ตาย” 21 และ มันได้สาบานแก่เขาทั้งสองว่า “ฉันเป็นผู้ให้ค�ำ ปรึกษาที่ดีแก่ท่านทั้งสอง จริงๆ” 22 ดังนั้น มันจึงล่อลวงให้คนทั้งสองเพลี่ยงพล้�ำ เมื่อคนทั้งสองได้ลิ้มรส ผลไม้ของต้นไม้นี้ สิ่งพึงอายของเขาทั้งสองได้เปิดเผยต่อกันและกัน และ เขาทั้งสองได้เริ่มปกปิดสิ่งพึงสงวนของตัวเองด้วยใบไม้แห่งสวนสวรรค์ พระผู้อภิบาลได้ทรงเรียกเขาทั้งสองมาและกล่าวว่า “ฉันมิได้ห้ามเจ้าทั้ง สองเข้าใกล้ต้นไม้นี้และมิได้เตือนเจ้าทั้งสองว่าซาตานเป็นศัตรูที่ชัดเจน

156

7. ที่สูง

ของเจ้ากระนั้นหรือ?” 23 เขาทั้งสองกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของเรา เรา ได้ท�ำ ร้ายตัวของเราเองไปแล้ว ถ้าพระองค์ไม่ทรงอภัยโทษให้แก่เราและ ทรงเมตตาเรา เราจะต้องเป็นผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน” 24 พระองค์จึง ทรงบัญชาว่า “จงลงไป สูเจ้าจะเป็นศัตรูต่อกันและกัน แผ่นดินจะเป็นที่ อยู่อาศัยสำ�หรับสูเจ้าชั่วระยะเวลาหนึ่งและที่นั่นสูเจ้าจะได้รับปัจจัยยังชีพ 25 ที่นั่น สูเจ้าจะมีชีวิต และที่นั่น สูเจ้าจะตาย และจากที่นั่น สูเจ้าจะถูก นำ�ออกมา” 26 ลูกๆของอาดัมเอ๋ย เราได้ประทานเสื้อผ้าอาภรณ์แก่สูเจ้าเพื่อปกปิด ส่วนที่พึงละอายของสูเจ้าและเพื่อเป็นที่พึงพอใจแก่สายตา แต่อาภรณ์ แห่งความยำ�เกรงนั้นเป็นอาภรณ์ที่ดีที่สุด นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณทั้งหลาย ของพระเจ้าที่พวกเขาจะได้ใส่ใจ 27 ลูกๆของอาดัมเอ๋ย จงอย่าให้ซาตาน ล่อลวงสูเจ้าดังที่มันได้ทำ�ให้พ่อแม่คนแรกของสูเจ้าถูกขับออกมาจาก สวนสวรรค์และทำ�ให้เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาทั้งสองต้องหลุดออกจากร่าง ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้เปิดเผยสิ่งพึงละอายของเขาทั้งสองต่อกันและกัน มัน และพวกพ้องของมันมองเห็นสูเจ้าจากที่สูเจ้าไม่สามารถมองเห็นพวกมัน แท้จริง เราได้ทำ�ให้ซาตานเป็นสหายของบรรดาผู้ไม่ศรัทธา 28 เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านี้กระทำ�สิ่งลามก พวกเขาจะกล่าวว่า “นี่ คือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคยทำ�และพระเจ้าทรงสั่งเราให้ท�ำ เช่นนี้” จง บอกพวกเขาว่า “พระเจ้าไม่ทรงสั่งในเรื่องลามก พวกท่านกล่าวอ้างถึง พระเจ้าและพูดถึงสิ่งที่พวกท่านไม่รู้ความจริงกระนั้นหรือ?” 29 (มุฮัมมัด) จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรงสั่งฉันในเรื่องความ ยุติธรรมและคุณธรรม จงหันหน้าของพวกท่านไปยังพระองค์ทุกครั้งใน ทุกเวลาและสถานที่นมาซ และจงวิงวอนต่อพระองค์เท่านั้นโดยเป็นผู้ สุจริตมั่นในการศรัทธาต่อพระองค์ เนื่องจากพระองค์ได้ทรงทำ�ให้พวก ท่านเกิดขึ้นมา ดังนั้น พวกท่านจะกลับไปหาพระองค์” 30 พระองค์ได้ทรง นำ�ทางบางคนและปล่อยให้บางคนหลงผิด นี่เป็นเพราะว่าพวกเขาได้เอา

อัล-อะอฺรอฟ

157

ซาตานเป็นผู้คุ้มครองแทนพระเจ้าและยังคิดว่าพวกเขาอยู่ในหนทางที่ ถูกต้อง” 31 ลูกๆของอาดัมเอ๋ย จงแต่งกายของสูเจ้าให้เรียบร้อยทุกเวลาและ ในสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ และจงกิน จงดื่ม แต่จงอย่าสุรุ่ยสุร่าย เพราะ พระเจ้าไม่ทรงรักผู้สุรุ่ยสุร่าย 32 (มุฮัมมัด)จงถามพวกเขา “ใครเล่าที่ห้าม ความประณีตสวยงามและสิ่งดีๆทั้งหลายจากปัจจัยที่พระเจ้าได้ทรงนำ� มันออกมาเพื่อบ่าวของพระองค์?” จงกล่าวเถิด “สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด(เป็น ที่อนุมัติ)สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาในโลกนี้และเฉพาะสำ�หรับพวกเขาในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพอีกด้วย” ดังนั้น เราได้ทำ�ให้สัญญาณทั้งหลายของเรา เป็นที่ง่ายดายแก่ผู้มีความเข้าใจ 33 (มุฮัมมัด)จงกล่าวกับพวกเขาเถิดว่า “สิ่งต่างๆที่พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรงห้ามก็คือการลามกทั้งหลายทั้ง ในที่เปิดเผยและในที่ลับ สิ่งที่เป็นบาปและการฝ่าฝืนสัจธรรม ตลอดจน การที่พวกเขานำ�สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้าโดยที่พระองค์มิได้ประทาน หลักฐานใดๆในเรื่องนี้ลงมา และการที่พวกท่านกล่าวอ้างถึงพระเจ้าใน สิ่งที่พวกท่านไม่รู้” 34 สำ�หรับทุกประชาชาตินั้นมีวาระที่ถูกกำ�หนดไว้ เมื่อวาระนั้นสิ้น สุดลง พวกเขาไม่อาจที่จะหน่วงเหนี่ยวมันไว้หรือจะเร่งมันสักชั่วขณะ หนึ่งก็ไม่ได้ 35 ลูกๆของอาดัมเอ๋ย ถ้าหากบรรดาศาสนทูตจากหมู่สูเจ้า ได้มายังสูเจ้าและอ่านสิ่งที่เราประทานแก่สูเจ้าทั้งหลายแล้ว ใครที่รับการ เตือนและปรับปรุงตนเอง เขาผู้นั้นไม่มีสาเหตุที่จะต้องกลัวหรือโศกเศร้า 36 ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสิ่งที่เราประทานมาและทำ�โอหังกับมัน พวกเขา จะเป็นผู้อยู่ในนรกและอยู่ในนั้นตลอดไป 37 ผู้ใดเล่าที่จะทำ�ความผิดได้ ยิ่งใหญ่กว่าผู้ประดิษฐ์เรื่องเท็จใส่พระเจ้าแล้วอ้างว่าความเท็จนี้มาจาก พระองค์ หรือปฏิเสธสิ่งที่พระองค์ประทานมา? คนพวกนี้จะยังคงได้รับ ส่วนที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ส�ำ หรับพวกเขา และเมื่อทูตของเราได้มายังพวก เขาเพื่อเอาชีวิตของพวกเขา ทูตเหล่านั้นจะถามพวกเขาว่า “สิ่งที่สูเจ้า

158

7. ที่สูง

วิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้นอยู่ที่ไหนเล่าในตอนนี้?” พวกเขาจะตอบว่า “พวกมันได้ทิ้งเราไปแล้ว” และพวกเขาจะเป็นพยานที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตัว ของพวกเขาเองว่าพวกเขาเป็นผู้ไม่ศรัทธา 38 พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า “จงเข้าไปในนรกที่พวกพ้องของญินและ มนุษย์ได้เข้าไปล่วงหน้าก่อนสูเจ้าแล้ว” ทุกครั้งที่หมู่ชนแต่ละรุ่นจะเข้า นรก พวกเขาจะสาปแช่งชนรุ่นก่อนจนกระทั่งเมื่อทุกหมู่ชนได้ถูกนำ�มา รวมกันที่นั่นทั้งหมดแล้ว หมู่ชนสุดท้ายที่ตามมาจะกล่าวถึงหมู่ชนแรก ว่า “พระผู้อภิบาลของเรา คนเหล่านี้คือผู้ที่ทำ�ให้พวกเราหลงทาง ดังนั้น ขอพระองค์โปรดลงโทษพวกเขาด้วยไฟเป็นสองเท่าด้วยเถิด” พระเจ้า จะทรงตอบว่า “ทุกคนในหมู่สูเจ้าจะได้รับการลงโทษสองเท่าอยู่แล้ว แต่ สูเจ้าไม่รู้” 39 และหมู่ชนก่อนจะกล่าวถึงหมู่ชนที่ตามมาทีหลังว่า “พวก เจ้าไม่ได้ดีไปกว่าเรา ทีนี้จงลิ้มรสการลงโทษสำ�หรับสิ่งที่พวกเจ้าได้ กระทำ�ไว้” 40 แท้จริง บรรดาผู้ที่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและยโสโอหัง กับมันนั้น ประตูแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายจะไม่ถูกเปิดไว้ส�ำ หรับพวกเขา และ พวกเขาไม่อาจเข้าสวรรค์ได้จนกว่าอูฐลอดรูเข็ม และนี่แหละที่เราลงโทษ ผู้กระทำ�ความชั่ว 41 นรกจะเป็นที่นอนของพวกเขาและนรกจะเป็นที่ ปกคลุมของพวกเขา นี่คือการลงโทษที่เราตอบแทนผู้ท�ำ ผิด 42 ส่วน บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้น เราไม่วางภาระให้แก่ใครคนใดเกิน กว่าความสามารถของเขา พวกเขาคือชาวสวรรค์ซึ่งพวกเขาจะพำ�นักอยู่ ในนั้นตลอดไป 43 และเราจะขจัดความรู้สึกไม่ดีใดๆที่มีอยู่ในหัวอกของ พวกเขา เบื้องล่างของพวกเขาจะมีล�ำ น้ำ�หลายสายไหลผ่าน และพวก เขาจะกล่าวว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงนำ�เรามายัง หนทางนี้ ถ้าพระเจ้าไม่นำ�ทางเรา เราไม่อาจพบหนทางนี้ได้เลย โดย แน่นอนยิ่ง บรรดาศาสนทูตของพระผู้อภิบาลของเราได้ถูกส่งมาพร้อม

อัล-อะอฺรอฟ

159

กับสัจธรรม” ในเวลานั้น จะมีเสียงป่าวร้องมายังพวกเขาว่า “นี่คือสวน สวรรค์ที่สูเจ้าได้รับสืบทอดมาโดยการงานที่ดีที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้” 44 ชาวสวรรค์จะร้องเรียกชาวนรกว่า “เราพบแล้วว่าสัญญาทุกอย่างที่ พระผู้อภิบาลของเราได้ทรงทำ�ไว้กับเรานั้นเป็นความจริง แล้วพวกท่าน พบว่าสัญญาที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านทำ�กับพวกท่านไว้เป็นความ จริงแล้วหรือยัง?” ชาวนรกกล่าวว่า “ใช่ เราพบแล้ว” แล้วผู้ป่าวประกาศ ในหมู่พวกเขาตะโกนออกมาว่า “การสาปแช่งของพระเจ้าเกิดขึ้นกับ บรรดาผู้ทำ�ความผิด 45 ผู้ที่ขัดขวางคนอื่นจากหนทางของพระเจ้าและ หวังที่จะทำ�ให้มันบิดเบือน และผู้ปฏิเสธในเรื่องโลกหน้า” 46 ระหว่างคนสองกลุ่มนี้จะมีสิ่งขวางกั้นอยู่ บนที่สูงจะมีใครบางคน ที่จำ�พวกเขาได้จากสีหน้าของพวกเขา พวกเขาจะร้องทักชาวสวรรค์ว่า “สันติจงมีแด่ท่าน” คนพวกนี้ยังไม่ได้เข้าสวรรค์ถึงแม้พวกเขาหวังไว้ว่า จะได้เข้าไปในนั้น 47 และเมื่อสายตาของพวกเขาถูกหันไปยังชาวนรก พวกเขาจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าทรงรวมพวกเรา ไว้ในบรรดาผู้ทำ�ความผิดเหล่านั้นด้วยเถิด” 48 และบรรดาผู้ที่อยู่บนที่ สูงจะร้องเรียกชาวนรกที่พวกเขารู้ได้จากสีหน้าว่า “พวกเจ้าเห็นแล้วใช่ ไหมว่าการสะสมเงินทองของพวกเจ้าและสิ่งที่พวกเจ้ายโสโอหังนั้นไม่ ได้อำ�นวยประโยชน์อันใดแก่พวกเจ้าเลย? 49 ดูสิ คนเหล่านี้มิใช่หรือที่ สูเจ้าสาบานว่าจะไม่ได้รับความเมตตาจากพระเจ้า? (แล้วชาวสวรรค์จะ ถูกบอกว่า) ‘จงเข้าไปในสวรรค์เถิด ในที่นั้น พวกท่านจะไม่มีความหวาด กลัวและความระทม’” 50 ชาวนรกจะร้องเรียกชาวสวรรค์ว่า “โปรดเทน้ำ�ลงมาบนพวกเราสัก นิดหรือโยนอะไรบางอย่างที่พระเจ้าประทานแก่พวกท่านมาให้เราหน่อย เถิด” แต่ชาวสวรรค์จะตอบว่า “พระเจ้าได้ทรงห้ามสองสิ่งนี้แก่บรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรม 51 ผู้ถือเอาศาสนาของพวกเขาเป็นสิ่งบันเทิงและการละ เล่น และผู้ที่ถูกชีวิตแห่งโลกนี้ล่อลวง” ในวันนั้น เราจะลืมพวกเขาเหมือน

160

7. ที่สูง

กับที่พวกเขาลืมการพบกันของวันนี้และการที่พวกเขาปฏิเสธสิ่งที่เรา ประทานมา 52 เราได้นำ�มาให้พวกเขาแล้วซึ่งคัมภีร์ที่ให้รายละเอียดบนพื้นฐาน ของความรู้เพื่อเป็นทางนำ�และความเมตตาสำ�หรับประชาชนผู้ศรัทธา 53 พวกเขากำ�ลังคอยอะไรนอกไปจากสิ่งที่ได้ถูกเตือนไว้ในคัมภีร์นี้หรือ? ในวันที่ความเป็นจริงมาถึง บรรดาผู้ไม่ใส่ใจมันก่อนหน้านี้จะกล่าวว่า “บรรดาศาสนทูตของพระผู้อภิบาลของเราได้นำ�สัจธรรมมาแล้วจริงๆ แล้วเรายังจะมีผู้ไถ่โทษใดๆที่จะมาไถ่โทษแทนเรากระนั้นหรือ? หรือเรา จะถูกส่งกลับไปเพื่อที่เราได้ทำ�สิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่พวกเราได้กระทำ� มาก่อน?” แน่นอน คนพวกนี้เป็นผู้ที่ทำ�ให้ตัวของพวกเขาขาดทุนและสิ่ง จอมปลอมทั้งหลายที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นได้ทอดทิ้งพวกเขาไปหมด 54 แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินในหกวัน(ระยะ) แล้วพระองค์ทรงประทับมั่นอยู่บนบัลลังก์ แห่งอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ได้ทรงทำ�ให้กลางคืนปกคลุมกลาง วัน แล้วกลางวันก็ติดตามกลางคืนอย่างรวดเร็ว พระองค์ได้ทรงสร้างดวง อาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ใต้ค�ำ บัญชาของ พระองค์ ไม่ใช่พระองค์ดอกหรือที่เป็นผู้ทรงสร้างและทรงบัญชา? ความ จำ�เริญยิ่งเป็นของของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 55 จงวิงวอน ต่อพระผู้อภิบาลของสูเจ้าโดยถ่อมตนและโดยลับๆ แท้จริง พระองค์ไม่ ทรงรักผู้ละเมิด 56 จงอย่าแพร่ความเสียหายบนหน้าแผ่นดินหลังจากที่ มันเป็นระเบียบแล้ว และจงวิงวอนต่อพระองค์ด้วยความยำ�เกรงและด้วย ความหวัง แน่นอน ความเมตตาของพระเจ้านั้นอยู่ใกล้ผู้ท�ำ ความดี 57 พระเจ้าคือผู้ทรงส่งลมมาเป็นเสมือนผู้แจ้งข่าวดีถึงความเมตตา ของพระองค์ เมื่อมันรวมกันเป็นเมฆหนา เราได้ท�ำ ให้มันเคลื่อนที่ไปสู่ แผ่นดินที่แห้งแล้งและทำ�ให้ฝนตกลงมาบนแผ่นดินนั้น แล้วเราได้ทำ�ให้ ผลไม้หลากชนิดงอกออกมาจากแผ่นดิน ในทำ�นองนี้แหละที่เราได้ทำ�ให้

อัล-อะอฺรอฟ

161

คนตายออกมาจากสภาพแห่งความตายทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้รับบทเรียน 58 ดินที่อุดมสมบูรณ์นั้นย่อมให้ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์โดยอนุมัติของ พระเจ้า ส่วนดินที่เลวนั้นไม่ก่อให้เกิดผลผลิตอะไรนอกไปจากผลผลิตที่ เลว ในทำ�นองนี้เองที่เราได้แจกแจงสัญญาณทั้งหลายของเราแก่บรรดาผู้ ที่ขอบคุณ 59 เราได้ส่งนูฮฺมายังหมู่ชนของเขา เขาบอกผู้คนว่า “หมู่ชนของฉัน เอ๋ย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจาก พระองค์ ฉันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษที่จะมีต่อพวกท่านในวันอัน น่าสะพรึงกลัว” 60 แต่พวกหัวหน้าผู้คนของเขากล่าวว่า “พวกเราเห็นกัน แล้วว่าท่านเป็นผู้หลงผิดชัดๆ” 61 เขากล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันไม่ ได้อยู่ในการหลงผิดแต่ประการใด ในทางตรงข้าม ฉันเป็นศาสนทูตคน หนึ่งจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกต่างหาก 62 ฉันได้นำ�สาสน์ของพระ ผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่าน และฉันแนะนำ�สิ่งที่ดีแก่พวกท่านเพราะ ฉันรู้จากพระเจ้าในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้ 63 พวกท่านคิดว่าแปลกหรือที่การ ตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านโดยผ่านคนผู้ หนึ่งจากในหมู่พวกท่านเพื่อที่เขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน และเพื่อที่พวก ท่านจะได้ปกป้องตัวเองจากความชั่วและเพื่อที่พวกท่านจะได้รับความ เมตตา?” 64 แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังถือว่าเขาเป็นผู้โกหก ดังนั้น เรา จึงได้ช่วยนูฮฺและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาในเรือและเราได้ให้บรรดาผู้ปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเราจมน้�ำ ตาย แท้จริง พวกเขาเป็นหมู่คนตาบอด 65 และยังพวกอ๊าด เราได้ส่งฮูดซึ่งเป็นพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา เขากล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มี พระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วพวกท่านยังไม่เกรงกลัวพระเจ้าอีก กระนั้นหรือ?” 66 บรรดาหัวหน้าหมู่ชนของเขาที่ปฏิเสธสัจธรรมกล่าว ว่า “เราเห็นชัดเจนว่าท่านเป็นผู้มีความคิดวิปลาสและเราคิดว่าท่านเป็น ผู้โกหก” 67 ฮูดจึงตอบว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันไม่ได้มีความคิดวิปลาส

162

7. ที่สูง

ใดๆทั้งสิ้น ความจริงแล้ว ฉันเป็นศาสนทูตจากพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก 68 ฉันนำ�สาสน์ของพระผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่านและฉันเป็น ผู้ปรารถนาดีที่เชื่อถือได้ของพวกท่าน 69 พวกท่านคิดว่าเป็นเรื่องแปลก หรือที่การตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านโดย ผ่านชายคนหนึ่งในหมู่พวกท่านเพื่อที่เขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน? จง อย่าลืมว่าหลังจากหมู่ชนของนูฮฺ พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ตั้งให้พวก ท่านเป็นผู้มีอ�ำ นาจเข้มแข็งสืบต่อจากเขา และได้ทรงทำ�ให้พวกท่านมี ร่างกายกำ�ยำ� ดังนั้น จงนึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าเพื่อที่พวก ท่านจะได้ประสบผลสำ�เร็จ” 70 พวกเขากล่าวว่า “ท่านมายังพวกเราเพื่อต้องการให้พวกเราเคารพ สักการะพระเจ้าองค์เดียวและละทิ้งสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราได้เคย เคารพบูชากระนั้นหรือ ? ถ้าเช่นนั้น จงนำ�การลงโทษที่ท่านขู่เรามาให้ เราได้เห็น ถ้าหากท่านแน่จริง” 71 ฮูดกล่าวว่า “พวกท่านได้รับการสาป แช่งและความกริ้วจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านแล้ว พวกท่านโต้เถียง ฉันเกี่ยวกับชื่อต่างๆที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านได้ประดิษฐ์ ขึ้นโดยที่พระจ้ามิได้ประทานหลักฐานอันใดในเรื่องนี้กระนั้นหรือ? ดัง นั้น จงคอยดูเถิดและฉันจะคอยดูอยู่กับพวกท่านด้วย” 72 ดังนั้น เราได้ ช่วยฮูดและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาให้ปลอดภัยด้วยความเมตตาของเรา และ เราได้ทำ�ลายล้างบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและไม่คิดที่จะ ศรัทธา 73 และยังชาวษะมูด เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา นั่นคือ ซอลิฮฺ เขากล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะพระเจ้า เพราะ พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ข้อพิสูจน์อันชัดแจ้งจาก พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านแล้ว นั่นคืออูฐตัวเมียของ พระเจ้า เป็นสัญญาณสำ�หรับพวกท่าน จงปล่อยให้มันหากินตามลำ�พัง ในแผ่นดินของพระเจ้า จงอย่าทำ�ร้ายมันด้วยเจตนาชั่วร้ายใดๆ มิฉะนั้น

อัล-อะอฺรอฟ

163

พวกท่านจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 74 จงนึกถึงเมื่อครั้งที่พระองค์ ได้ทรงให้พวกท่านเป็นผู้สืบทอดการปกครองต่อจากพวกอ๊าดและได้ทรง ตั้งหลักแหล่งพวกท่านในแผ่นดินอย่างมีเกียรติ และได้ทรงทำ�ให้พวก ท่านสามารถสร้างปราสาทบนที่ราบและสกัดภูเขาเป็นบ้าน จงนึกถึง ความโปรดปรานของพระเจ้า และจงอย่าแพร่กระจายความเสียหายขึ้น บนแผ่นดิน” 75 แต่บรรดาหัวหน้าผู้โอหังของชาวษะมูดได้กล่าวแก่บรรดา ผู้ศรัทธาในหมู่ชนที่ถูกกดขี่ว่า “พวกท่านรู้แน่หรือว่าซอลิฮฺเป็นศาสนทูต จากพระผู้อภิบาลของเขา?” พวกเขาตอบว่า “แท้จริง เราศรัทธาในสาสน์ ที่ถูกส่งมากับเขา” 76 แต่บรรดาหัวหน้าผู้โอหังกล่าวว่า “เราปฏิเสธสิ่งที่ พวกท่านศรัทธา” 77 ดังนั้น พวกเขาจึงได้ฆ่าอูฐตัวเมียนั้นและขัดขืนต่อ พระบัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเขาและกล่าวท้าทายว่า “ซอลิฮฺเอ๋ย จงนำ�การลงโทษที่ท่านขู่มาซิ ถ้าหากว่าท่านเป็นศาสนทูต” 78 หลังจาก นั้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงฉับพลันได้คร่าชีวิตพวกเขา ยังผลให้พวก เขานอนคว่ำ�หน้าตายอยู่ในบ้านของพวกเขาเอง 79 ซอลิฮฺได้ไปจากพวก เขาและกล่าวแก่พวกเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันได้น�ำ สาสน์ของพระ ผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่าน และฉันได้ให้ค�ำ แนะนำ�พวกท่านอย่าง จริงใจที่สุดแล้วเพื่อผลดีของพวกท่านเอง แต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะ พวกท่านไม่ชอบผู้แนะนำ�สิ่งที่ดี” 80 เราได้ส่งลูฏมา(เป็นนบี)อีกคนหนึ่ง เขาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขา ว่า “พวกท่านชั่วช้าลามกจนถึงกับทำ�สิ่งน่ารังเกียจที่ไม่เคยมีใครในโลก ทำ�มาก่อนกระนั้นหรือ? 81 พวกท่านตอบสนองความใคร่ของพวกท่าน ด้วยผู้ชายแทนผู้หญิง แท้จริงแล้ว พวกท่านคือหมู่ชนผู้ฝ่าฝืนขอบเขต ทุกอย่าง” 82 แต่คำ�ตอบเพียงอย่างเดียวจากหมู่ชนของเขาคือ “จงเอา คนพวกนี้ออกไปจากเมืองของพวกท่านเสีย เพราะพวกเขาถือว่าตัวเอง เป็นผู้บริสุทธิ์” ดังนั้น เราจึงได้ช่วยลูฏและสมาชิกในครอบครัวของเขาให้ ปลอดภัย ยกเว้นภรรยาของเขาซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไม่ยอมออกจาก

164

7. ที่สูง

เมือง 84 เราได้ให้ห่าฝนหินละลายตกลงมาบนหมู่ชนของเขา แล้วจงดูเถิด ว่าผลสุดท้ายของผู้ท�ำ ความชั่วนั้นเป็นอย่างไร 85 และยังชาวมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา นั่นคือ ชุ อัยบฺ เขาได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวก ท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ได้มีสัญญาณอันชัดแจ้งจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว ดังนั้น จงตวงและชั่งให้ครบ ตามมาตรฐานของมันและจงอย่าแพร่ความเสียหายบนผืนแผ่นดินหลัง จากที่มันได้ถูกฟื้นฟูแล้ว นั่นเป็นการดีกว่าสำ�หรับพวกท่านถ้าหากพวก ท่านเป็นผู้ศรัทธา 86 จงอย่านั่งซุ่มอยู่บนทุกเส้นทางเหมือนดังโจรเพื่อ ทำ�ให้ผู้คนตกใจและขัดขวางผู้ศรัทธาในพระเจ้าจากทางของพระองค์และ หาทางที่จะบิดเบือนมัน จงนึกถึงเมื่อตอนที่พวกท่านเป็นชนหมู่น้อย แล้ว พระองค์ได้ทรงทวีจำ�นวนพวกท่านและจงดูว่าผลสุดท้ายของผู้ก่อความ เสียหายเป็นเช่นใด 87 และถ้าหากในหมู่พวกท่านมีบางคนที่ศรัทธาในคำ� สอนของฉันและมีบางคนที่ไม่ศรัทธา จงอดทนคอยดูจนกระทั่งพระเจ้าได้ ตัดสินระหว่างเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งบรรดาผู้ตัดสินทั้งปวง” 88 บรรดาผู้น�ำ ที่โอหังในหมู่ชนของเขากล่าวว่า “ชุอัยบ์ เราจะไล่เจ้า และบรรดาผู้ศรัทธาของเจ้าออกไปจากเมืองของเรา เว้นเสียแต่ว่าเจ้าหัน กลับมายังความเชื่อของเรา” เขากล่าวว่า “ทั้งๆที่เรารังเกียจมันกระนั้น หรือ? 89 เราจะสร้างเรื่องโกหกให้พระเจ้าถ้าเราหันกลับไปยังความเชื่อ ของพวกท่านหลังจากที่พระเจ้าได้ให้เราพ้นจากมันแล้ว เราจะไม่หันกลับ ไปหามันอีกเว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าพระผู้อภิบาลของเราประสงค์ พระผู้ อภิบาลของเราเป็นผู้ทรงรอบรู้ครอบคลุมทุกสิ่ง เราวางใจในพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเราเปิดเผยความจริง(และทรงตัดสิน)ระหว่างเราและผู้คน ของเรา พระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินที่ดีที่สุด” 90 บรรดาผู้น�ำ ที่คิดจะปฏิเสธ สัจธรรมได้กล่าวกับผู้คนของพวกเขาว่า “ถ้าหากพวกเจ้าปฏิบัติตามชุ อัยบ์ พวกเจ้าจะเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน” 91 ดังนั้น แผ่นดินไหวอย่าง

อัล-อะอฺรอฟ

165

รุนแรงจึงเกิดขึ้นคร่าชีวิตพวกเขาจนรุ่งเช้าก็พบว่าพวกเขานอนคว่ำ�ตาย อยู่ในบ้านของพวกเขา 92 บรรดาผู้ปฏิเสธชุอัยบ์ถูกทำ�ลายจนเหมือนกับ ว่าพวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อน บรรดาผู้ปฏิเสธชุอัยบ์เองคือผู้ ขาดทุน 93 ดังนั้น ชุอัยบ์ได้หันหลังให้พวกเขาและกล่าวว่า “หมู่ชนของ ฉันเอ๋ย ฉันนำ�สาสน์ของพระเจ้ามายังพวกท่านและให้ค�ำ แนะนำ�ด้วย ความบริสุทธิ์ใจ ดังนั้น ทำ�ไมฉันจะต้องเศร้าโศกเสียใจกับคนที่ปฏิเสธ สัจธรรม?” 94 เมื่อใดก็ตามที่เราส่งนบีคนใดไปยังเมืองใด เราจะให้เกิดความทุกข์ และความลำ�เค็ญแก่ชาวเมืองนั้นก่อน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ถ่อมตน (ต่อพระเจ้า) 95 และหลังจากนั้น เราได้เปลี่ยนความทุกข์ยากลำ�เค็ญนั้น เป็นความสะดวกสบายจนกระทั่งพวกเขามั่งคั่ง และพวกเขากล่าวว่า “บรรพบุรุษของเราเคยประสบความทุกข์ยากและความสุขเช่นนี้มาแล้ว เช่นกัน” หลังจากนั้น เราได้ลงโทษพวกเขาโดยฉับพลันในตอนที่พวก เขาไม่รู้ 96 ถ้าหากว่าชาวเมืองใดศรัทธาในพระเจ้าและเกรงกลัวพระองค์ เราจะเปิดประตูแห่งความจำ�เริญจากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินให้แก่ พวกเขาอย่างแน่นอน แต่ทว่าพวกเขาปฏิเสธสัจธรรม ดังนั้น เราจึง ลงโทษพวกเขาเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 97 ชาวเมืองเหล่านี้รู้สึก ปลอดภัยจากการลงโทษของเราที่จะมายังพวกเขาในตอนกลางคืนขณะ ที่พวกเขากำ�ลังหลับอยู่กระนั้นหรือ? 98 หรือพวกเขารู้สึกปลอดภัยจาก การลงโทษของเราที่มายังพวกเขาในตอนกลางวันขณะที่พวกเขากำ�ลัง สนุกสนานอยู่กับการละเล่น? 99 พวกเขารู้สึกปลอดภัยจากแผนการของ พระเจ้ากระนั้นหรือ? ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยจากแผนการของพระเจ้านอก ไปจากบรรดาผู้ที่กลัวจะได้รับความหายนะ 100 บรรดาผู้สืบทอดแผ่นดินหลังจากผู้ครอบครองคนก่อนๆไม่ได้รับ บทเรียนจากความจริงหรือว่าเราสามารถลงโทษพวกเขาเพราะบาปที่ พวกเขาทำ�ไว้ได้ ถ้าเราประสงค์? และเราสามารถปิดผนึกหัวใจของพวก

166

7. ที่สูง

เขาเพื่อที่พวกเขาจึงไม่ได้ยินถ้อยคำ�แห่งทางนำ�? 101 หมู่ชนเหล่านี้แหละ ที่เราได้นำ�เรื่องราวของพวกเขามาบอกเล่าแก่เจ้า บรรดาศาสนทูตของ พวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่พวกเขาไม่ อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาปฏิเสธมาก่อน นี่คือวิธีการที่เราปิดหัวใจของ บรรดาผู้ปฏิเสธ 102 และในส่วนใหญ่ของพวกเขานั้น เราไม่พบผู้ที่เคารพ สัญญา แต่เราพบว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน 103 หลังจากพวกเขา เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของ เรามายังฟาโรห์และบรรดาหัวหน้าของเขา แต่พวกเขาเจตนาปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเรา ดังนั้น จงดูผลสุดท้ายของผู้กระทำ�ความชั่ว ว่าเป็นเช่นใด 104 มูซาได้กล่าวว่า “ฟาโรห์เอ๋ย ฉันเป็นศาสนทูตจากพระ ผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล 105 ฉันจะต้องไม่พูดสิ่งใดเกี่ยวกับพระเจ้า นอกจากความจริง ฉันมายังพวกท่านโดยนำ�สัญญาณอันชัดเจนจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านมาด้วย จงปล่อยพวกลูกหลานของอิสราเอลให้ ไปกับฉันเถิด” 106 ฟาโรห์ตอบว่า “ถ้าท่านนำ�สัญญาณมาด้วย จงนำ�มัน ออกมาถ้าหากว่าท่านพูดจริง” 107 ดังนั้น มูซาจึงได้โยนไม้เท้าของเขาลง ไปบนพื้น แล้วทันใดนั้น มันได้กลายเป็นงูจริงๆขึ้นมา 108 หลังจากนั้น เขาได้ดึงมือของเขาออกมาจากเสื้อ ทันใดนั้น มือของเขาก็สว่างต่อหน้า ผู้เฝ้าดู 109 เสนาบดีของฟาโรห์ได้ปรึกษากันว่า “คนผู้นี้(นบีมูซา)เป็นนัก มายากลผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน 110 เขาต้องการที่จะให้พวกท่านออก ไปจากแผ่นดินของพวกท่าน” ฟาโรห์ถามว่า “ทีนี้ พวกเจ้าจะแนะนำ�ให้ ทำ�อย่างไร?” 111 พวกเขาแนะนำ�ฟาโรห์ว่า “จงให้เขาและพี่ชายของเขา รอก่อนและส่งคนไปประกาศตามหัวเมืองต่างๆ 112 เพื่อให้ผู้คนนำ�นัก มายากลฝีมือดีมาพบท่าน” 113 หลังจากนั้น เมื่อพวกนักมายากลมายังฟาโรห์แล้ว พวกเขาได้พูด กับฟาโรห์ว่า “เราจะได้รับรางวัลตอบแทนแน่นอนนะ ถ้าพวกเราชนะ” 114 ฟาโรห์ตอบว่า “แน่นอน พวกท่านจะได้รับตำ�แหน่งที่ใกล้ชิดกับเรา”

อัล-อะอฺรอฟ

167

แล้วพวกเขาได้บอกมูซาว่า “ท่านจะเป็นผู้โยนก่อนหรือจะให้เราเป็นผู้ โยนก่อน?” 116 มูซาตอบว่า “พวกท่านโยนก่อน” เมื่อพวกนักมายากลโยน ของลงมา พวกเขาได้ลวงตาผู้คนและทำ�ให้ผู้คนหวาดกลัวเพราะพวกเขา สร้างมายากลอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา 117 ดังนั้น เราจึงดลใจมูซาว่า “จงโยนไม้ เท้าของเจ้าลงไป” พลันที่เขาโยนไม้เท้าลงไป มันได้เริ่มกลืนมายากลที่ หลอกลวงพวกเขาทันที 118 ดังนั้น สัจธรรมจึงปรากฏขึ้นและความเท็จ ที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นได้มลายไป 119 ตรงนี้เองที่ฟาโรห์และคนของ เขาต้องได้รับความพ่ายแพ้ในการต่อสู้และพวกเขาต้องได้รับความอัปยศ 120 ส่วนพวกนักมายากลนั้น พวกเขาได้ถูกทำ�ให้จ�ำ ต้องก้มตัวลงกราบ 121 พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาในพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 122 พระผู้ อภิบาลที่มูซาและฮารูนศรัทธา” 123 ฟาโรห์กล่าวว่า “พวกเจ้ากล้าศรัทธาในพระเจ้าของเขาก่อนที่ฉัน จะอนุญาตพวกเจ้ากระนั้นหรือ ? นี่เป็นแผนการของพวกเจ้าที่คิดขึ้นมา ในเมืองนี้เพื่อที่จะขับไล่ชาวเมืองออกไปจากเมืองใช่ไหม? คอยดู ไม่ช้า พวกเจ้าจะได้เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น 124 ฉันจะตัดมือตัดเท้าของพวกเจ้าสลับ ข้างกันแล้วนำ�พวกเจ้าไปตรึงให้ตายบนไม้กางเขน” 125 พวกนักมายากล กล่าวว่า “จะอย่างไรก็ตาม เราต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของเราอยู่แล้ว 126 ท่านต้องการที่จะลงโทษเราเพียงเพราะว่าเราศรัทธาในสัญญาณทั้ง หลายของพระผู้อภิบาลของเราเมื่อมันปรากฏต่อหน้าเราเท่านั้นหรือ โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ประทานความอดทนแก่เราและได้โปรด ให้เราตายอย่างบรรดาผู้ที่ยอมจำ�นนต่อพระองค์ด้วยเถิด” 127 พวกเสนาบดีของฟาโรห์ได้แนะนำ�เขาว่า “ท่านจะปล่อยให้มูซา และคนของเขาก่อความเสียหายในแผ่นดินและปล่อยพวกเขาให้ละเลย ท่านและสิ่งที่ท่านกราบไหว้กระนั้นหรือ?” ฟาโรห์ตอบว่า “เราจะฆ่า ลูกชายของพวกมันและไว้ชีวิตลูกสาวของพวกมัน เรามีอ�ำ นาจเหนือพวก มัน” 128 มูซาได้บอกผู้คนของเขาว่า “จงขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าและ 116

168

7. ที่สูง

จงอดทน แท้จริง แผ่นดินนี้เป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงให้มันเป็นมรดก แก่บ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และความสำ�เร็จขั้นสุดท้าย นั้นเป็นของบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์” 129 พวกเขาตอบว่า “พวกเราถูก กดขี่ข่มเหงก่อนที่ท่านจะมายังพวกเรา และตอนนี้พวกเราก็ก�ำ ลังถูกกดขี่ อีกเช่นกันหลังจากที่ท่านได้มายังพวกเรา” มูซากล่าวว่า “ในไม่ช้านี้ พระ ผู้อภิบาลของพวกท่านจะทรงทำ�ลายบรรดาศัตรูของพวกท่านและทรง ทำ�ให้พวกท่านเป็นผู้ปกครองในแผ่นดินนี้ แล้วพระองค์จะทรงดูว่าพวก ท่านประพฤติเช่นใด” 130 ดังนั้น เราได้ลงโทษผู้คนของฟาโรห์ด้วยความอดอยากและ ขาดแคลนอาหารเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่พวกเขาจะได้ส�ำ นึก 131 แต่เมื่อ สิ่งที่ดีมายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า “นี่เป็นคราวของเรา” และเมื่อความ ทุกข์มาประสบแก่พวกเขา พวกเขาจะอ้างว่าเคราะห์กรรมเหล่านี้มาจา กมูซาและบรรดาผู้อยู่กับเขา ในขณะที่ความจริงแล้ว เคราะห์ร้ายของ พวกเขานั้นได้ถูกกำ�หนดโดยพระเจ้า แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ 132 พวก เขากล่าวแก่มูซาว่า “เราจะไม่ศรัทธาในท่านไม่ว่าท่านจะเอาปาฏิหาริย์ อะไรก็ตามมาเป็นกลลวงพวกเรา” 133 ดังนั้น เราจึงได้ส่งพายุ ตั๊กแตน เห็บ เหา กบและเลือดมายังพวก เขา แต่ถึงแม้ว่าเราได้แสดงสัญญาณเหล่านี้ทีละอย่างแล้วก็ตาม พวก เขายังคงโอหังดื้อดึงทำ�บาปอยู่อีก 134 เมื่อใดก็ตามที่โรคระบาดเกิดแก่ พวกเขา พวกเขากล่าวว่า “มูซาเอ๋ย จงวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของท่าน ให้เราตามสัญญาที่พระองค์ทรงให้ไว้แก่ท่านด้วยเถิด ถ้าหากท่านช่วย ขจัดโรคระบาดให้พ้นไปจากเราในครั้งนี้ เราจะศรัทธาในท่านและปล่อย ให้ลูกหลานอิสรออีลไปกับท่าน” 135 แต่ทันทีที่เราขจัดโรคระบาดออกไป จากพวกเขาโดยให้เวลาพวกเขาทำ�ตามสัญญาของพวกเขา แต่พวกเขา ก็ทำ�ลายสัญญา 136 ดังนั้น เราจึงได้ลงโทษเป็นการตอบแทนพวกเขาและได้ทำ�ให้

อัล-อะอฺรอฟ

169

พวกเขาจมในทะเล เพราะพวกเขาปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและ ไม่ใส่ใจต่อสัญญาณเหล่านั้น 137 หลังจากพวกเขาแล้ว เราได้ให้คนที่ถูก ถือว่าอ่อนแอสืบทอดส่วนตะวันออกและตะวันตกของแผ่นดินที่เราได้ ประทานความจำ�เริญแก่มัน ดังนั้น สัญญาที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ท�ำ ไว้กับพวกลูกหลานอิสรออีลจึงเป็นที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะพวก เขาอดทนและเราได้ทำ�ลายทุกสิ่งที่ฟาโรห์และคนของเขาได้สร้างขึ้น 138 เราได้พาลูกหลานอิสรออีลข้ามทะเลไปและพวกเขาได้ออกเดิน ทางจนกระทั่งมาถึงคนพวกหนึ่งซึ่งกำ�ลังการกราบไหว้รูปเคารพของ พวกเขา พวกลูกหลานอิสรออีลกล่าวว่า “มูซาเอ๋ย จงสร้างรูปเคารพองค์ หนึ่งให้เราเหมือนกับรูปเคารพทั้งหลายที่คนกลุ่มนี้มีอยู่” มูซาได้ตอบว่า “พวกท่านนี่เป็นหมู่ชนที่โง่เขลางมงายจริงๆ 139 สิ่งที่พวกเขากำ�ลังทำ�อยู่ นั้นมีแต่จะต้องถูกทำ�ลาย และการงานทั้งหลายที่พวกเขาทำ�นั้นล้วนไร้ ผลโดยสิ้นเชิง” 140 เขาได้กล่าวต่อไปว่า “จะให้ฉันแสวงหารูปเคารพอื่นใด นอกจากพระเจ้าแก่พวกท่านกระนั้นหรือ ทั้งๆที่พระองค์ทรงยกย่องพวก ท่านเหนือประชาชาติทั้งหลาย ? 141 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ช่วยพวก ท่านให้พ้นจากบริวารของฟาโรห์ผู้บังคับพวกท่านด้วยการทรมานอย่าง หนัก พวกเขาฆ่าลูกชายของพวกท่านและไว้ชีวิตลูกสาวของพวกท่าน และในนั้นมีการทดสอบอันยิ่งใหญ่ส�ำ หรับพวกท่านจากพระผู้อภิบาลของ พวกท่าน” 142 เราได้นัดหมายมูซาเป็นเวลาสามสิบคืน และเราได้เพิ่มอีกสิบ คืน ดังนั้น ระยะเวลาที่พระผู้อภิบาลของเขาได้ก�ำ หนดไว้จึงครบสี่สิบคืน (ก่อนจะไป) มูซาได้พูดกับฮารูนพี่ชายของเขาว่า “พี่จงทำ�หน้าที่แทนฉัน ในหมู่พวกพ้องของฉันด้วย จงทำ�ความดีและจงอย่าปฏิบัติตามทางของ ผู้ก่อความเสียหาย” 143 เมื่อมูซามาถึงที่นั่นตามเวลาที่ก�ำ หนดไว้ของ เรา พระผู้อภิบาลของเขาได้ตรัสแก่เขา และเขาได้ขอว่า “พระผู้อภิบาล ของฉัน โปรดแสดงพระองค์ต่อฉันด้วยเถิด เพื่อฉันจะได้เห็นพระองค์”

170

7. ที่สูง

พระองค์จึงทรงตอบว่า “เจ้าไม่อาจมองเห็นฉันได้ แต่เจ้าจงมองไปยัง ภูเขานั่น ถ้าหากว่ามันยังคงตั้งมั่นอยู่ตรงที่ของมัน ไม่ช้าเจ้าจะได้เห็น ฉัน” และเมื่อพระผู้อภิบาลของเขาแสดงพระเกียรติของพระองค์บนภูเขา นั้น พระองค์ได้ทรงทำ�ให้ภูเขานั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงจนมูซาต้องล้ม หมดสติไป เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาได้กล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ ฉันขออภัยโทษต่อพระองค์และฉันเป็นคนแรกที่ศรัทธา” 144 พระองค์ทรงตรัสว่า “มูซาเอ๋ย แท้จริง ฉันได้เลือกเจ้าจากมนุษย์ ทั้งหมดเพื่อนำ�สาสน์ของฉันและคำ�พูดของฉัน ดังนั้น จงยึดมั่นในสิ่งที่ ฉันได้ประทานแก่เจ้า และจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู” 145 และเราได้บันทึกคำ� ตักเตือนและรายละเอียดของทุกสิ่งแก่เขาไว้บนแผ่นจารึก และกล่าวว่า “จงยึดมันไว้ให้มั่นคงและจงสั่งหมู่ชนของเจ้าให้ปฏิบัติตามมันด้วยความ สำ�นึกที่ดีที่สุดของพวกเขา ในไม่ช้า เราจะให้เจ้าได้เห็นที่พ�ำ นักของผู้ ทำ�ความชั่ว 146 ฉันจะหันสายตาของบรรดาผู้โอหังในแผ่นดินโดยไม่ ชอบธรรมให้ออกไปจากสัญญาณทั้งหลายของฉัน และแม้พวกเขาจะเห็น สัญญาณทุกอย่างของฉัน พวกเขาก็จะไม่เชื่อ ถ้าพวกเขาเห็นแนวทางที่ ถูกต้องต่อหน้าพวกเขา พวกเขาจะไม่เดินตามทางนั้น แต่ถ้าพวกเขาเห็น หนทางที่หลงผิด พวกเขาจะปฏิบัติตามทางนั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขา ถือว่าสัญญาณทั้งหลายของเราเป็นเท็จและเฉยเมยต่อมัน 147 ใครก็ตาม ที่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและปฏิเสธการพบกันในโลกหน้า การ งานของพวกเขาก็ไร้ผล พวกเขาจะได้รับการตอบแทนตามที่พวกเขาได้ ทำ�ไว้” 148 ในขณะที่เขาไม่อยู่ ผู้คนของมูซาได้ทำ�รูปปั้นลูกวัวขึ้นมาจาก เครื่องประดับซึ่งทำ�ให้มีเสียงเบาๆ พวกเขาไม่เห็นหรือว่ามันไม่ได้พูด กับพวกเขาหรือนำ�ทางพวกเขาแต่อย่างใดเลย? แต่พวกเขายังเคารพสัก การะมัน พวกเขาเป็นผู้ทำ�ความชั่ว 149 เมื่อพวกเขาเกิดสำ�นึกผิดและรู้ ว่าพวกเขาหลงผิด พวกเขาได้กล่าวว่า “ถ้าพระผู้อภิบาลของเราไม่ทรง

อัล-อะอฺรอฟ

171

เมตตาต่อเราและให้อภัยเรา เราจะอยู่ในบรรดาผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน” 150 เมื่อมูซากลับมายังคนของเขา เขาได้กล่าวด้วยความโกรธและเสียใจ เป็นอย่างมากว่า “ช่างเป็นบาปอันชั่วช้าอะไรเช่นนี้ที่พวกท่านได้ท�ำ ไป ในขณะที่ฉันไม่อยู่ พวกท่านต้องการเร่งให้ค�ำ บัญชาของพระผู้อภิบาล ของพวกท่านมายังพวกท่านกระนั้นหรือ?” เขาได้โยนแผ่นจารึกลงไป บนพื้นและคว้าหัวพี่ชายของเขาดึงมาหาเขา ฮารูนกล่าวว่า “ลูกชาย ของแม่ฉัน ผู้คนรังแกฉันและเกือบจะฆ่าฉัน อย่าให้ศัตรูของฉันได้ใจว่า พวกเขาเหนือกว่าฉันเลยและจงอย่านับฉันไว้ในหมู่ผู้ทำ�ความผิดด้วย” 151 เขากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดให้อภัยแก่ฉันและพี่ชาย ของฉันด้วยเถิดและโปรดรับเราไว้ในความเมตตาของพระองค์ พระองค์ เป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดในบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย” 152 บรรดาผู้เอาลูกวัวเป็นที่เคารพสักการะนั้นต้องได้รับความกริ้ว จากพระผู้อภิบาลของพวกเขาอย่างแน่นอน และพวกเขาจะได้รับความ ตกต่�ำ ในโลกนี้ นั่นคือวิธีการที่เราตอบแทนบรรดาผู้กุสิ่งเท็จขึ้นมา 153 ส่วนบรรดาผู้กระทำ�ความชั่วแล้วกลับตัวหลังจากนั้นและหันมา ศรัทธา แน่นอน หลังจากที่กลับตัวแล้ว พวกเขาจะพบว่าพระผู้อภิบาล ของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 154 เมื่อความโกรธของมูซาคลายลง เขาได้หยิบแผ่นจารึกที่มีทางนำ� และความเมตตาสำ�หรับบรรดาผู้ที่ยำ�เกรงพระผู้อภิบาลของพวกเขาขึ้น มา 155 และมูซาได้เลือกชายเจ็ดสิบคนในหมู่พวกพ้องของเขาไปยังที่ที่ เราได้กำ�หนดไว้ เมื่อแผ่นดินไหวคร่าชีวิตของพวกเขา มูซาได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน หากพระองค์ทรงปรารถนา พระองค์คงทำ�ลาย พวกเขาและฉันก่อนหน้านี้ไปแล้ว พระองค์จะทรงทำ�ลายพวกเราทั้งหมด เพราะคนโง่ๆบางคนในหมู่พวกเราทำ�ผิดกระนั้นหรือ ? นี่มิใช่อื่นใดนอก ไปจากการทดสอบของพระองค์ ซึ่งในการทดสอบนี้ พระองค์ทรงทำ�ให้ ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงทางและทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์

172

7. ที่สูง

พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงคุ้มครองเรา ดังนั้น โปรดให้อภัยเราและโปรด เมตตาเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งผู้อภัยทั้งหลาย 156 โปรด ประทานสิ่งที่ดีในโลกนี้และในโลกหน้าแก่เราด้วยเถิด แท้จริง ยังพระองค์ เท่านั้นที่เราจะกลับไป” พระองค์ทรงตอบว่า “สำ�หรับการลงโทษนั้น ฉัน จะลงโทษผู้ที่ฉันประสงค์ แต่ความเมตตาของฉันแผ่ล้อมทุกสิ่ง ดังนั้น ฉันจะกำ�หนดความเมตตาแก่บรรดาผู้สำ�รวมตนจากความชั่วและจ่าย ซะกาตและศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของฉัน” 157 สำ�หรับผู้ปฏิบัติตาม ศาสนทูตผู้นี้ นบีผู้อ่านเขียนไม่เป็นซึ่งพวกเขาจะได้พบการจารึกไว้ใน เตารอตและในอินญีลที่อยู่กับพวกเขา เขากำ�ชับคนเหล่านั้นให้ปฏิบัติ ตามคุณธรรมและห้ามปรามพวกเขาทำ�ความชั่ว เขาทำ�ให้สิ่งดีๆทั้งหลาย เป็นที่อนุมัติสำ�หรับคนเหล่านั้นและทำ�ให้สิ่งเลวเป็นที่ต้องห้ามสำ�หรับ พวกเขา เขาทำ�ให้คนเหล่านั้นหลุดพ้นจากภาระหนักและปลดปล่อย พวกเขาจากโซ่ตรวนที่พันธนาการคนเหล่านั้นอยู่ ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้ที่ ศรัทธาในเขาจึงให้กำ�ลังใจแก่เขา ช่วยเหลือเขาและปฏิบัติตามแสงสว่าง ที่ได้ถูกส่งมากับเขาเท่านั้นจะได้รับความสำ�เร็จ” 158 (โอ้ มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า “มนุษย์เอ๋ย ฉันเป็นศาสนทูตคนหนึ่ง ของพระเจ้าที่มายังพวกท่านทั้งมวล พระองค์ทรงมีอำ�นาจสูงสุดเหนือ อาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก พระองค์ พระองค์ทรงให้ชีวิตและทรงกำ�หนดความตาย ดังนั้น จงศรัทธา ในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ นบีผู้อ่านเขียนไม่เป็น ผู้ศรัทธาใน พระเจ้าและในคำ�บัญชาของพระองค์ จงปฏิบัติตามเขาเพื่อที่พวกท่านจะ ได้รับทางนำ�ที่ถูกต้อง” 159 และในหมู่ชนของมูซามีบางคนที่นำ�ทางผู้อื่น ด้วยสัจธรรมและตัดสินกิจการทั้งหลายด้วยสัจธรรมนั้น 160 เราได้แบ่งพวกเขาออกเป็นสิบสองเผ่าโดยแต่ละเผ่าเป็นประชาคม เมื่อคนของเขาขอน้�ำ จากเขา เราได้ดลใจมูซาว่า “จงฟาดก้อนหินด้วยไม้ เท้าของเจ้า” เมื่อเขาทำ�ตาม น้ำ�พุสิบสองตาได้พุ่งออกมาจากหินก้อนนั้น

อัล-อะอฺรอฟ

173

และทุกเผ่าต่างได้รู้ถึงแหล่งน้�ำ ของพวกตน เราได้ทำ�ให้เมฆบังแดดเหนือ พวกเขา และเราได้ให้มันนะและซัลวา(นกคุ่ม)เป็นอาหารของพวกเขา และกล่าวว่า “จงกินจากสิ่งดีๆที่เราได้ประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า” (อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพวกเขาก็ทรยศอีก) พวกเขาไม่ได้อธรรมต่อ เรา แต่พวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง 161 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พวก เขาถูกบอกว่า “จงพำ�นักอยู่ในเมืองนี้และจงบริโภคผลผลิตจากมันตามที่ สูเจ้าประสงค์ แต่จงกล่าวถ้อยคำ�ขออภัยโทษและจงเข้าประตูเมืองด้วย ความนอบน้อมถ่อมตน เราจะให้อภัยบาปของสูเจ้าและเราได้เพิ่มพูน รางวัลแก่ผู้กระทำ�ความดี” 162 แต่บรรดาผู้ละเมิดในหมู่พวกเขาได้เปลี่ยน คำ�พูดที่ได้ถูกบอกแก่พวกเขา ดังนั้น เราจึงได้ส่งการลงโทษมายังพวก เขาจากชั้นฟ้า ทั้งนี้เพราะความผิดที่พวกเขาได้กระทำ� 163 จงถามพวกเขาเกี่ยวกับเมืองที่ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ผู้คนของเมืองนั้นในตอนที่พวกเขาละเมิดกฎในวันสับบะโต ในวันนั้น ฝูง ปลาได้ลอยมาปรากฏบนผืนน้ำ�ต่อหน้าพวกเขา แต่ในวันอื่นที่ไม่ใช่วันสับ บะโต ฝูงปลากลับไม่มาปรากฏ นี่เป็นเพราะเรากำ�ลังทดสอบพวกเขาอัน เนื่องมาจากการที่พวกเขาไม่เชื่อฟัง 164 เมื่อบางคนถามว่า “ทำ�ไมพวก ท่านถึงได้ตักเตือนผู้คนที่พระเจ้าจะทรงทำ�ลายพวกเขาหรือทรงลงโทษ พวกเขาอย่างหนัก?” พวกเขาตอบว่า “เพื่อที่จะได้ไม่ถูกตำ�หนิต่อหน้า พระผู้อภิบาลของพวกท่านและเพื่อที่พวกเขาจะได้เกรงกลัวพระองค์” 165 ดังนั้น เมื่อพวกเขาลืมคำ�สอนที่พวกเขาถูกตักเตือนให้ร�ำ ลึก เรา ได้ช่วยบรรดาผู้เคยห้ามปรามความชั่วให้ได้รับความปลอดภัย และเรา ได้ลงโทษผู้ละเมิดอย่างรุนแรง ทั้งนี้เพราะพวกเขาฝ่าฝืน 166 ดังนั้น เมื่อ พวกเขายังคงดึงดันในสิ่งที่พวกเขาถูกห้าม เราจึงได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกเจ้าจงกลายเป็นลิงที่อัปลักษณ์” 167 หลังจากนั้น พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ประกาศว่า “ฉันจะให้มี ผู้คนมาสร้างความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าแก่พวกเขา

174

7. ที่สูง

จนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงฉับ พลันในการตอบแทน และแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ 168 เราได้แบ่งพวกเขาออกเป็นหลายกลุ่มแยกกระจายไปทั่วไปใน แผ่นดิน บางกลุ่มเป็นคนดีในขณะที่บางกลุ่มแตกต่างไปจากนั้น และเรา ได้ทดสอบพวกเขาด้วยความสุขความเจริญและด้วยความทุกข์เพื่อที่ว่า พวกเขาจะได้หันกลับมายังหนทางที่ถูกต้อง 169 หลังจากพวกเขาแล้ว มีคนรุ่นใหม่เข้ามาสืบช่วงต่อโดยได้รับ สืบทอดคัมภีร์มาด้วย แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็สนใจแต่ความสุขเพียงชั่ว ครู่ชั่วยามแห่งโลกนี้ และยังกล่าวอีกว่า “เราจะได้รับการให้อภัยอย่าง แน่นอน” ถ้าสิ่งที่ให้ความสุขเพียงชั่วแล่นเยี่ยงนี้มาปรากฏต่อหน้าพวก เขาอีก พวกเขาจะคว้ามันไว้อีก พันธะสัญญาแห่งคัมภีร์มิได้กำ�หนดไว้ แก่พวกเขาหรือว่าพวกเขาจะไม่กล่าวสิ่งใดถึงพระเจ้านอกจากความ จริง? และพวกเขาเองได้เรียนรู้เป็นอย่างดีแล้วถึงสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์นั้น แน่นอน ที่พ�ำ นักแห่งโลกหน้านั้นดีกว่าสำ�หรับผู้ยำ�เกรงพระเจ้า สูเจ้าไม่ เข้าใจแม้แต่สิ่งเหล่านี้กระนั้นหรือ? 170 สำ�หรับบรรดาผู้ยึดมั่นตามคัมภีร์ และดำ�รงการนมาซ เราจะไม่ปล่อยให้รางวัลของคนดีเช่นนั้นต้องเสีย หาย 171 (และพวกเขายังจำ�ได้) เมื่อตอนที่เราได้ยกภูเขาขึ้นมาเหนือพวก เขาเหมือนกับหลังคาโค้งและพวกเขาคิดว่ามันกำ�ลังจะพังลงมาทับพวก เขา เราได้กล่าวว่า “จงยึดมั่นในสิ่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าและจงระลึก ถึงสิ่งที่มีอยู่ในนั้น ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ส�ำ นึกถึงพระเจ้า” 172 (โอ้นบี จงเตือนผู้คนให้นึกถึง) เมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้า ได้ทรงนำ�ผู้สืบพงศ์พันธุ์ของพวกเขาออกมาจากท้องของลูกหลานอาดัม และได้ให้พวกเขายืนยันเกี่ยวกับตัวของพวกเขาเอง โดยพระองค์ได้ถาม พวกเขาว่า “ฉันมิใช่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าดอกหรือ?” พวกเขาตอบว่า “เรายืนยันว่าพระองค์เป็นพระผู้อภิบาล” เราทำ�เช่นนี้เพราะเกรงว่าในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพสูเจ้าจะกล่าวว่า “เราไม่รู้เรื่องนี้เลย” 173 หรือมิฉะนั้น

อัล-อะอฺรอฟ

175

สูเจ้าอาจจะกล่าวว่า “บรรพบุรุษของเราได้เริ่มนำ�สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับ พระเจ้าก่อนหน้าเราและเราเป็นลูกหลานที่มาภายหลังจากพวกเขา ดังนี้ แล้ว พระองค์ยังจะทรงลงโทษเราเพราะบาปที่ท�ำ โดยผู้ทำ�ความผิดเหล่า นั้นหรือ?” 174 ในทำ�นองนี้เองที่เราได้ท�ำ อธิบายสัญญาณทั้งหลายของเรา ให้เป็นที่แจ่มแจ้ง เพื่อที่พวกเขาจะได้หันกลับมายังเรา 175 มุฮัมมัด จงอ่านให้พวกเขาฟังถึงเรื่องราวของคนที่เราได้ประทาน ความรู้เกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของเรา แต่เขาได้หันห่างออกจากมัน ดังนั้น ซาตานจึงได้ติดตามเขาจนกระทั่งเขาได้กลายเป็นผู้หนึ่งในบรรดา ผู้หลงทาง 176 ถ้าหากเราประสงค์ แน่นอน เราจะยกย่องเขาโดยอาศัย สัญญาณเหล่านั้นก็ได้ แต่เขามัวฝักใฝ่อยู่กับโลกและปฏิบัติตามอารมณ์ ของเขา ดังนั้น เขาจึงเหมือนกับสุนัขที่ลิ้นห้อยไม่ว่าเจ้าไล่มันหรือปล่อย มันไว้ตามลำ�พัง นั่นแหละคือการเปรียบเทียบบรรดาผู้ที่ถือว่าสัญญาณ ทั้งหลายของเราเป็นเท็จ ดังนั้น เจ้าจงบอกกล่าวเรื่องราวเหล่านี้แก่พวก เขาต่อไปเพื่อที่พวกเขาจะได้ใคร่ครวญ 177 ชั่วช้าแท้ๆก็คือตัวอย่างของ บรรดาผู้ที่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและทำ�ผิดต่อตัวของพวกเขา เอง 178 ผู้ใดที่พระเจ้าทรงนำ�ทาง ผู้นั้นก็อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง และผู้ใด ที่พระเจ้าทรงปล่อยให้หลง พวกเขาก็เป็นผู้ขาดทุน 179 เราได้สร้างญินและมนุษย์จำ�นวนมากสำ�หรับนรก พวกเขามีหัวใจ แต่พวกเขาไม่ใช้หัวใจนั้นคิด พวกเขามีตา แต่พวกเขาไม่ใช้มันมอง พวก เขามีหู แต่พวกเขาไม่ได้ใช้มันฟัง พวกเขาเหล่านี้เหมือนกับปศุสัตว์ ไม่ พวกเขาหลงยิ่งกว่านั้นอีก ทั้งนี้เพราะพวกเขาเป็นผู้เฉยเมย 180 พระเจ้า ทรงเป็นเจ้าของพระนามทั้งหลายที่ประเสริฐยิ่ง ดังนั้น จงเรียกพระองค์ โดยพระนามอันประเสริฐยิ่งเหล่านี้เท่านั้น และจงออกห่างจากบรรดา ผู้บิดเบือนพระนามของพระองค์ไว้ตามลำ�พัง ในไม่ช้า พวกเขาจะถูก ตอบแทนตามที่พวกเขาได้กระทำ� 181 ในบรรดาผู้ที่เราได้สร้างขึ้นมา นั้น มีคนหมู่หนึ่งที่นำ�ทางด้วยสัจธรรมและใช้สัจธรรมนั้นปฏิบัติความ

176

7. ที่สูง

ยุติธรรม 182 สำ�หรับผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรานั้น เราจะค่อยๆ นำ�พวกเขาไปสู่การลงโทษโดยที่เขาไม่รู้ 183 ถึงแม้ฉันจะประวิงเวลาให้ แก่พวกเขา แผนการของฉันก็จะเป็นไปตามนั้นอย่างแน่นอน 184 พวกเขาไม่พิจารณาหรือว่าสหายของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นคนบ้า แต่ประการใด? แท้จริง เขาเป็นเพียงผู้ตักเตือนคนหนึ่งที่กำ�ลังตักเตือน 185 พวกเขาไม่พิจารณาถึงการทำ�งานของชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง และเห็นว่านั่นอาจเป็นวาระสุดท้ายแห่ง ชีวิตของพวกเขาที่ใกล้ถึงกำ�หนดเข้ามาแล้ว พวกเขายังจะเชื่ออะไรอีก ถ้าพวกเขาไม่เชื่อในสิ่งนี้? 186 ไม่มีผู้ใดนำ�ทางผู้ที่พระเจ้าปล่อยให้เขา หลงผิด พระองค์จะทรงปล่อยคนประเภทนี้ให้ระเหระหนอย่างมืดบอดใน การดื้อดึงของพวกเขา 189 คนเหล่านี้ถามเจ้า(นบี)เกี่ยวกับยามอวสาน ว่า “เมื่อใดมันจะมาถึง?” จงกล่าวเถิด “ความรู้ในเรื่องนี้อยู่ที่พระผู้อภิบาล ของฉันเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถจะบอกถึงเวลานั้นได้นอกจากพระองค์ มันหนักอึ้งอยู่บนชั้นฟ้าและแผ่นดิน และมันจะมายังพวกท่านโดยฉับ พลัน” พวกเขาถามเจ้าเหมือนกับว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ดี จงกล่าวเถิด “ความรู้ ในเรื่องนี้อยู่ที่พระเจ้าเท่านั้น แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้” 188 (มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ฉันไม่มีอำ�นาจอันใดที่จะให้คุณหรือโทษจากตัว ฉันได้เว้นแต่พระเจ้าจะทรงประสงค์เท่านั้น และหากฉันมีความรู้ในสิ่งที่ มองไม่เห็น แน่นอน ฉันคงสะสมความดีมากมายไว้เพื่อตัวฉันเองและฉัน จะไม่ได้รับความชั่วร้ายใดๆ ฉันมิใช่ใครอื่นนอกจากผู้ตักเตือนและผู้แจ้ง ข่าวดีแก่บรรดาผู้ที่เชื่อในสิ่งที่ฉันบอกเท่านั้น” 189 พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้าจากชีวิตหนึ่ง และจากชีวิตนั้นพระองค์ ได้ทรงสร้างคู่ครองของเขาขึ้นมาเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตที่สงบกับนาง ดัง นั้น เมื่อเขาได้ครอบคลุมนาง นางก็ได้ตั้งครรภ์อ่อนๆที่นางพาไปไหนต่อ ไหนด้วย แต่เมื่อนางอุ้มครรภ์หนักเข้า ทั้งสองได้วิงวอนต่อพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเขาทั้งสองว่า “หากพระองค์ทรงประทานลูกที่ดีแก่เรา เรา

อัล-อะอฺรอฟ

177

จะเป็นผู้กตัญญูต่อพระองค์” 190 แต่เมื่อพระองค์ได้ทรงให้เด็กที่ดีมีความ สมบูรณ์แก่เขาทั้งสองแล้ว เขาทั้งสองได้น�ำ สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ในสิ่งที่เขาทั้งสองได้รับ แต่พระเจ้านั้นสูงเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี ร่วมกับพระองค์ 191 ช่างโง่เสียนี่กระไร พวกเขาตั้งภาคีให้พระองค์ด้วย สิ่งที่ไม่ได้สร้างสิ่งใด ซ้ำ�ภาคีนั้นยังถูกสร้างขึ้นมาด้วย 192 ภาคีเหล่านั้น ไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้และมันก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ 193 มัน ไม่มีอะไรต่างกันไม่ว่าสูเจ้าเชิญชวนพวกเขาให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูก ต้องหรือว่าสูเจ้าจะนิ่งเงียบ ถ้าสูเจ้าเรียกร้องพวกเขาไปสู่แนวทางที่ถูก ต้อง พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามสูเจ้า 194 แท้จริง บรรดาผู้ที่สูเจ้าวิงวอน นอกไปจากพระเจ้านั้นเป็นเพียงสิ่งถูกสร้างเหมือนกับสูเจ้า ดังนั้น จง วิงวอนต่อพวกมัน แล้วให้มันตอบรับคำ�วิงวอนของสูเจ้าดูสิ ถ้าสิ่งที่สูเจ้า พูดเป็นความจริง 195 พวกมันมีเท้าที่จะใช้เดินไหม ? พวกมันมีมือที่จะจับอะไรได้ไหม? พวกมันมีตาที่จะใช้ดูไหม? หรือพวกมันมีหูที่จะใช้ฟังไหม? (โอ้มุฮัม มัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จงวิงวอนต่อภาคีที่พวกท่านตั้งขึ้นมา แล้ว จงวางแผนต่อฉันและไม่ต้องผ่อนปรนให้ฉัน” 196 แท้จริง ผู้คุ้มครองและ ผู้ช่วยเหลือของฉันคือพระเจ้าผู้ประทานคัมภีร์นี้ลงมา และพระองค์ทรง คุ้มครองผู้ทรงคุณธรรมความดี 197 ส่วนบรรดาที่สูเจ้าวิงวอนนอกไปจาก พระเจ้านั้น พวกมันไม่สามารถที่จะช่วยเหลือสูเจ้าได้และพวกมันก็ไม่ สามารถที่จะช่วยตัวมันเองได้ 198 ถ้าเจ้าชักชวนพวกเขามายังหนทางที่ ถูกต้อง พวกเขาก็ไม่ได้ยิน ถึงแม้มันจะดูเหมือนว่าพวกเขากำ�ลังมองเจ้า แต่ความจริงแล้ว พวกเขาไม่เห็นเจ้า 199 (โอ้นบี) จงใช้วิธีการให้อภัย จงกำ�ชับในสิ่งที่ดีและหลีกเลี่ยงการ ถกเถียงที่ไร้ประโยชน์กับคนโง่เขลา 200 ถ้าหากซาตานยุแหย่เจ้าให้โกรธ จงขอความคุ้มครองจากพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรง รอบรู้ 201 ถ้าหากการแนะนำ�ที่ชั่วร้ายจากซาตานมาสัมผัสผู้เกรงกลัว

178

8. ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

พระเจ้า พวกเขาจะคิดได้ทันทีและพวกเขาจะระวัง 202 ส่วนพวกพ้องของ พวกซาตานนั้น พวกมันดึงพวกเขาไปสู่การหลงผิดและไม่เคยละความ พยายามของพวกมัน 203 (โอ้ นบี) เมื่อเจ้าไม่นำ�สัญญาณมาให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาได้ กล่าวว่า “ทำ�ไมท่านไม่สร้างมันขึ้นมาเองเล่า?” จงบอกพวกเขาว่า “ฉัน ปฏิบัติตามสิ่งที่พระผู้อภิบาลของฉันประทานแก่ฉันเท่านั้น คัมภีร์นี้เป็น สิ่งประจักษ์แจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านและเป็นทางนำ�และความ เมตตาสำ�หรับหมู่ชนผู้ศรัทธา 204 เมื่อกุรอานได้ถูกอ่าน จงเงียบฟังกุ รอานด้วยความตั้งใจ ทั้งนี้เพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตา” 205 (โอ้ นบี) จงนึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยความนอบน้อมและยำ�เกรงและ ด้วยเสียงเบาๆทั้งในยามเช้าและยามเย็น และจงอย่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ เพิกเฉย 206 แม้แต่บรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิดกับพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น พวกเขามิได้โอหังต่อการเคารพภักดีพระองค์ พวกเขาสดุดีความบริสุทธิ์ ของพระองค์และพวกเขาก้มกราบต่อพระองค์ 8. ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

อัล-อันฟาล

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปราน ผู้ทรงเมตตาเสมอ พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ จงกล่าวเถิด “มัน เป็นของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า และทำ�สิ่งต่างๆให้ถูกต้องในหมู่พวกท่าน จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูต ของพระองค์ถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง 2 บรรดาผู้ศรัทธาที่แท้ จริงนั้นคือบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาสั่นไหวด้วยความหวาดเกรงเมื่อ ใดก็ตามที่นามของพระเจ้าถูกเอ่ยแก่พวกเขา ผู้ที่ความศรัทธาของพวก 1

อัล-อันฟาล

179

เขาเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาฟังสิ่งที่พระองค์ประทานมาและผู้ที่ไว้วางใจใน พระผู้อภิบาลของพวกเขา 3 บรรดาผู้ด�ำ รงนมาซและบริจาคจากที่เรา ได้ประทานแก่พวกเขา 4 คนเหล่านั้นเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง พวกเขา มีตำ�แหน่งสูงส่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาได้รับการให อภัยโทษและปัจจัยยังชีพอันมีเกียรติ” 5 ดังที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ทรงนำ�เจ้าออกมาจากบ้านของเจ้า พร้อมด้วยสัจธรรมถึงแม้ผู้ศรัทธาบางคนไม่ชอบใจ 6 พวกเขาโต้เถียงเจ้า เกี่ยวกับสัจธรรมทั้งๆที่มันเป็นที่กระจ่างแล้ว พวกเขาประหวั่นพรั่นพรึง ราวกับว่าพวกเขากำ�ลังถูกผลักไปสู่ความตายโดยที่ตาของพวกเขายัง เปิดกว้างอยู่ 7 พระองค์ได้ทรงสัญญากับสูเจ้าว่าหนึ่งในสองพวกจะพ่าย แพ้แก่สูเจ้า สูเจ้าคิดว่าพวกที่อ่อนแอกว่าจะพ่ายแพ้แก่สูเจ้า แต่พระเจ้า ทรงปรารถนาที่ จ ะพิ สู จ น์ สั จ ธรรมให้ เ ป็ น ที่ ป ระจั ก ษ์ ว่ า มั น เป็ น ความ จริงโดยถ้อยคำ�ของพระองค์ และทรงขุดรากถอนโคนบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรม 8 เพื่อที่พระองค์จะได้พิสูจน์ว่าความจริงเป็นความจริง และ ความเท็จได้ปรากฏชัดออกมาว่าเป็นความเท็จถึงแม้ว่าบรรดาผู้ทำ�ผิดจะ ไม่ชอบมันก็ตาม 9 เมื่อสูเจ้าวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระผู้อภิบาลของสูเจ้า พระองค์ได้ทรงตอบว่า “ฉันจะส่งทูตสวรรค์จ�ำ นวนหนึ่งพันทยอยกันลง มาช่วยสูเจ้า” 10 พระเจ้าทรงบอกสิ่งนี้แก่สูเจ้าเพื่อเป็นข่าวดีส�ำ หรับสูเจ้า และเพื่อที่จะทำ�ให้จิตใจของสูเจ้าเกิดความสงบ เพราะการช่วยเหลือมา จากพระเจ้าเท่านั้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 11 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระเจ้าทรงให้สูเจ้างีบหลับไปเพื่อสูเจ้าจะได้รู้สึก สงบและปลอดภัย และพระองค์ได้ประทานน้�ำ ลงมาจากท้องฟ้าเพื่อที่จะ ชำ�ระสูเจ้าให้สะอาดและขจัดความโสมมของซาตานออกไปจากสูเจ้า และ เพื่อทำ�ให้สูเจ้ามีกำ�ลังใจเข้มแข็งและเท้าของสูเจ้ามั่นคง 12 จงนึกถึงเมื่อ ตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงมีบัญชาแก่ทูตสวรรค์ว่า “ฉันจะอยู่กับ

180

8. ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

สูเจ้า จงทำ�ให้บรรดาผู้ศรัทธายืนหยัดอย่างมั่นคง ฉันจะทำ�ให้หัวใจของ บรรดาผู้ปฏิเสธเต็มไปด้วยความครั่นคร้าม ดังนั้น จงตีก้านคอของพวก เขาและกระทุ้งทุกรอยต่อของร่างกายของพวกเขา”* 13 นั่นเป็นเพราะว่า พวกเขาต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอน คนที่ต่อต้าน พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะถูกพระเจ้าลงโทษอย่างหนัก 14 นั่น คือการลงโทษสำ�หรับสูเจ้า ดังนั้น จงลิ้มรสมัน และสูเจ้าควรรู้ไว้ด้วยว่า สำ�หรับผู้ปฏิเสธนั้นคือการลงโทษของไฟนรก 15 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อสูเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเคลื่อนพล มา จงอย่าหันหลังให้พวกเขา 16 ใครที่หันให้พวกศัตรูในตอนนั้น ยกเว้น กรณีถอยทางยุทธวิธีหรือเพื่อไปสมทบกับกำ�ลังของผู้ศรัทธาอีกกลุ่มหนึ่ง คนผู้นั้นได้ท�ำ ให้พระเจ้าทรงกริ้ว นรกจะเป็นที่พ�ำ นักของเขา เป็นปลาย ทางอันเลวร้ายที่สุดสำ�หรับเขา 17 ดังนั้น ความจริงแล้ว เจ้าไม่ได้ฆ่าพวกเขา พระเจ้าต่างหากที่ทรง ฆ่าพวกเขา และเจ้าไม่ได้ขว้าง(ทราย) แต่พระเจ้าต่างหากที่ทรงขว้างมัน เพื่อที่ว่าพระองค์จะให้บรรดาผู้ศรัทธาผ่านการทดสอบอันดีเยี่ยมนี้อย่าง ประสบผลสำ�เร็จ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 18 นั่นคือ สิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอน พระเจ้าทรงขัดขวางแผนการชั่วร้ายของผู้ปฏิเสธ สัจธรรม 19 ถ้าหากสูเจ้าขอการตัดสิน การตัดสินได้มายังสูเจ้าแล้ว มัน เป็นการดีที่สุดสำ�หรับสูเจ้าที่จะเลิกจากมันเสียเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าหากสูเจ้า กลับมา(เป็นศัตรู)อีก เราจะกลับมาลงโทษสูเจ้าอีก และกองกำ�ลังของ สูเจ้าไม่ว่าจะมีจำ�นวนมากเท่าใด มันก็จะไม่อาจช่วยอะไรสูเจ้าได้เลย เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับบรรดาผู้ศรัทธา 20 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่าหันไปจากเขาหลังจากที่ได้ยินเขาแล้ว 21 จงอย่าเป็นเหมือน บรรดาผู้ที่กล่าวว่า “เราได้ยินแล้ว” แต่พวกเขาไม่สนใจในสิ่งที่ได้ยิน * ดูหน้า 14 ถึง 17 ของบทนำ�

อัล-อันฟาล

181

บรรดาสัตว์ที่ชั่วร้ายที่สุดในสายตาของพระเจ้าคือคนที่หูหนวกเป็นใบ้ คือบรรดาผู้ไม่ใช้สติปัญญา 23 ถ้าหากพระเจ้าพบความดีใดๆในพวกเขา แน่นอน พระองค์จะทรงทำ�ให้พวกเขาได้ยิน แต่ดังที่พวกเขาเป็นอยู่ ถึง แม้ว่าพระองค์จะทรงทำ�ให้พวกเขาได้ยิน พวกเขาก็จะหันไปจากสัจธรรม 24 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตเมื่อเขาเรียก สูเจ้าไปยังสิ่งที่ให้ชีวิตแก่สูเจ้า และจงรู้เถิดว่าพระเจ้าทรงยืนอยู่ระหว่าง มนุษย์และหัวใจของเขา และสูเจ้าทั้งหมดจะถูกรวมไว้ต่อหน้าพระองค์ 25 และจงระวังสิ่งเลวร้ายที่ไม่เพียงแต่จะนำ�การลงโทษมาสู่ผู้กระทำ�ใน หมู่สูเจ้าเป็นการเฉพาะเท่านั้น และจงรู้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงเฉียบ ขาดในการลงโทษ 26 จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้ายังมีจ�ำ นวนน้อยและเป็นผู้อ่อนแอในแผ่น ดินและกลัวว่าผู้คนจะกำ�จัดสูเจ้า แล้วพระเจ้าได้ทรงจัดหาสถานที่พักพิง ให้แก่สูเจ้า ทรงทำ�ให้สูเจ้าเข้มแข็งด้วยการช่วยเหลือของพระองค์และ ประทานปัจจัยยังชีพที่ดีแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ขอบคุณ 27 บรรดาผู้ ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าทรยศต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่า ละเมิดสิ่งที่สูเจ้าได้รับมอบหมายทั้งๆที่รู้ 28 จงรู้เถิดว่าสมบัติของสูเจ้า และลูกๆของสูเจ้านั้น ความจริงแล้วเป็นการทดสอบสำ�หรับสูเจ้า และ พระเจ้าทรงมีรางวัลอันมากมายที่จะให้แก่สูเจ้า 29 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย ถ้าสูเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า พระองค์จะประทาน ความสามารถในการแยกว่าอะไรถูกและอะไรผิดแก่สูเจ้าและจะทรงให้ อภัยบาปแก่สูเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอัน ใหญ่หลวง 30 จงนึกถึงเมื่อตอนที่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมวางแผนการต่อ เจ้าเพื่อจับเจ้าขังไว้หรือฆ่าเจ้าหรือขับไล่เจ้า พวกเขาวางแผนของพวก เขา แต่พระเจ้าทรงเป็นเลิศในการบรรดาผู้วางแผนทั้งหลาย 31 เมื่อใดก็ตามที่สิ่งที่เราประทานมาได้ถูกอ่านแก่พวกเขา พวกเขาได้ กล่าวว่า “พวกเราได้ยินแล้ว ถ้าพวกเราประสงค์ พวกเราก็สามารถกล่าว 22

182

8. ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

เยี่ยงนี้ได้ เพราะนี่มิใช่อะไรนอกไปจากนิยายปรัมปราที่คนรุ่นก่อนได้เล่า ซ้ำ�แล้วซ้�ำ อีก” 32 พวกเขากล่าวด้วยว่า “โอ้พระเจ้า ถ้าหากนี่เป็นสัจธรรม ที่ถูกส่งมาโดยพระองค์ ขอจงโปรยหินจากฟากฟ้าลงมาบนพวกเราหรือ ส่งการทรมานอันเจ็บปวดอะไรก็ได้ลงมายังเรา” 33 แต่พระเจ้ายังไม่ทรง ลงโทษพวกเขาในขณะที่เจ้า(นบี)ยังอยู่ท่ามกลางพวกเขา และพระเจ้า จะไม่ทรงลงโทษพวกเขาในขณะที่พวกเขาขอการอภัยโทษ 34 แต่ตอน นี้ไม่มีเหตุผลอันใดที่พระองค์จะมิทรงลงโทษพวกเขาในเมื่อพวกเขาขัด ขวางทางไปสู่มัสญิดอัลฮะรอมทั้งๆที่พวกเขามิได้เป็นผู้ดูแลมัน แท้จริง แล้ว ผู้มีความยำ�เกรงพระเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ดูแลมันโดยถูกต้อง แต่ว่า ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่รู้ถึงเรื่องนี้ 35 การทำ�ศาสนพิธีของพวกเขาใกล้ บ้านของพระเจ้านั้นมิใช่อะไรนอกไปจากการผิวปากและปรบมือ ดังนั้น ตอนนี้ จงรับการลงโทษและลิ้มรสการทรมานเป็นการตอบแทนสำ�หรับ การปฏิเสธสัจธรรมของสูเจ้า 36 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้นใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อขัด ขวางทางของพระเจ้าและจะใช้มันมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ แต่ในที่สุด ความ พยายามเหล่านี้ของพวกเขาจะทำ�ให้พวกเขาต้องเสียใจ แล้วพวกเขา จะถูกพิชิตและบรรดาผู้ปฏิเสธจะถูกรวบรวมส่งไปยังนรก 37 ทั้งนี้เพื่อ ที่พระเจ้าจะได้แยกสิ่งเลวออกจากสิ่งดีและรวบรวมสิ่งเลวทุกชนิดเข้า ไว้ด้วยกัน แล้วโยนมันทั้งกองลงไปในนรก คนเหล่านี้แหละคือพวกที่ ขาดทุน 38 (โอ้นบี) จงบอกบรรดาผู้ปฏิเสธเถิดว่าถ้าพวกเขาหยุดยั้ง(จากความ ชั่วช้าของพวกเขา) การกระทำ�ที่ผ่านมาของพวกเขาจะได้รับการให้อภัย แต่ถ้าหากพวกเขายังคงดึงดันต่อไป พวกเขาทั้งหมดรู้แล้วว่าอะไรได้ เกิดขึ้นแก่ผู้คนก่อนหน้าพวกเขา 39 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงต่อสู้บรรดา ผู้ปฏิเสธจนกว่าจะไม่มีการกดขี่ข่มเหง(ทางศาสนา)ต่อไป* และศาสนา * ดูหน้า 14 -17 ของบทนำ�

อัล-อันฟาล

183

ทั้งหมดเป็นของพระเจ้า ถ้าหากพวกเขาหยุดยั้ง แน่นอน พระเจ้าเป็น ผู้ทรงเห็นสิ่งที่พวกเขากระทำ� 40 แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ใส่ใจ ดังนั้น จง รู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงคุ้มครองสูเจ้า และพระองค์ทรงเป็นผู้ทรง คุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีที่สุด 41 จงรู้ไว้เถิดว่าทรัพย์สินอะไรก็ตามที่สูเจ้าริบได้จากสงครามนั้น หนึ่ง ในห้าของมันเป็นของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และสำ�หรับญาติ สนิทและเด็กกำ�พร้าและผู้ขัดสนและผู้เดินทาง ถ้าสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้า และในสิ่งที่เราได้ส่งมายังบ่าวของเราในวันแห่งการตัดสินชี้ขาดเมื่อทั้ง สองฝ่ายเผชิญหน้ากันในสงคราม พระเจ้าทรงมีอ�ำ นาจเหนือทุกสิ่ง 42 จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้าอยู่ที่ด้านใกล้กว่าของหุบเขาและพวกเขา ตั้งค่ายพักอยู่ในที่ห่างไกลอีกด้านหนึ่งและกองคาราวานอยู่ด้านล่างสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าคิดจะกำ�หนดเวลาโดยการตกลงกับพวกเขา สูเจ้าคงไม่เห็น ด้วยในเรื่องเวลาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้าได้เกิดขึ้น เพื่อที่พระเจ้าจะได้จัดการสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกำ�หนดไว้แล้วให้สำ�เร็จ เสร็จสิ้นไป และเพื่อที่ใครที่จะต้องพินาศจะได้พินาศไปหลังจากหลักฐาน อันชัดแจ้ง และใครที่สมควรจะมีชีวิตอยู่จะได้มีชีวิตอยู่ในหลักฐานอันชัด แจ้งแห่งสัจธรรม แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 43 (โอ้นบี) พระเจ้าได้ทำ�ให้พวกเขาปรากฏในความฝันของเจ้าว่ามีจ�ำ นวนน้อย และ หากพระองค์ทรงให้เจ้าเห็นพวกเขาเป็นกองทัพใหญ่ แน่นอน สูเจ้อาจ จะเสียกำ�ลังใจและอาจจะถกเถียงกันในเรื่องการต่อสู้ แต่พระเจ้าได้ทรง ช่วยให้สูเจ้าปลอดภัยจากสิ่งนี้ แท้จริง พระองค์ทรงรู้ถึงความลับทั้งหลาย ที่อยู่ในหัวใจของมนุษย์ 44 เมื่อตอนที่สูเจ้าพบพวกเขาในการประจัญศึก พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้สูเจ้ามองเห็นศัตรูว่ามีจำ�นวนน้อยและได้ทรงทำ�ให้ ศัตรูเห็นสูเจ้าว่ามีจำ�นวนน้อยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงทำ�ให้ เรื่องที่ได้ทรงกำ�หนดไว้แล้วเป็นผลสำ�เร็จ 45 โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อสูเจ้าเผชิญกองทัพข้าศึกในการรบ จงยืน

184

8. ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

หยัดให้มั่นและจงรำ�ลึกถึงพระเจ้าให้มากๆเพื่อสูเจ้าจะได้ประสบความ สำ�เร็จ 46 จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่าโต้ แย้งกัน มิเช่นนั้น สูเจ้าจะท้อใจและสูเจ้าจะไม่มีความหมาย(ในสายตา ของศัตรู) และจงอดทน แท้จริง พระเจ้าจะทรงอยู่กับผู้อดทน 47 จงอย่า เป็นเหมือนกับบรรดาผู้ที่ออกจากบ้านของพวกเขาอย่างหยิ่งผยองและ โอ้อวดเพื่อให้ผู้คนได้เห็น คนพวกนี้ขัดขวางผู้คนจากหนทางของพระเจ้า และอะไรที่พวกเขากระทำ�นั้นล้วนอยู่ในความรอบรู้ของพระเจ้าทั้งสิ้น 48 ซาตานได้ทำ�ให้การงานที่ชั่วร้ายของพวกเขาดูดีแก่พวกเขาและได้ กล่าวว่า “วันนี้ไม่มีผู้ใดในหมู่มนุษย์ที่สามารถจะเอาชนะพวกท่าน เพราะ ฉันอยู่กับท่าน” แต่เมื่อกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน มันกลับหันหนีและ กล่าวว่า “ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกท่าน ฉันเห็นในสิ่งที่พวก ท่านมองไม่เห็น ความจริงแล้ว ฉันกลัวพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรง เข้มงวดในการลงโทษ” 49 ในเวลาเดียวกัน บรรดาผู้สับปลับและบรรดาผู้ มีหัวใจเป็นโรคได้กล่าวว่า “คนเหล่านี้(บรรดาผู้ศรัทธา)ได้ถูกศาสนาของ พวกเขาหลอกลวง” แต่ความจริงแล้ว ใครก็ตามที่ไว้วางใจในพระเจ้า(รู้ ว่า)พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 50 ถ้าหากเจ้าเห็นในตอนที่ทูตสวรรค์เอาวิญญาณของบรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรม(ในตอนตาย) และเห็นทูตสวรรค์ฟาดลงไปที่หน้าและ หลังของพวกเขาและกล่าวว่า “ทีนี้ จงลิ้มรสการลงโทษแห่งการเผาไหม้ 51 นี่เป็นการตอบแทนสำ�หรับสิ่งที่มือของสูเจ้าได้ท�ำ ไว้ก่อนหน้านี้ และ พระเจ้ามิทรงเป็นผู้อยุติธรรมต่อปวงบ่าวของพระองค์” 52 เช่นเดียวกับ ผู้คนของฟาโรห์และผู้คนก่อนหน้าพวกเขา พวกเขาปฏิเสธสัญญาณทั้ง หลายของพระเจ้า ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงลงโทษพวกเขาอันเนื่องมา จากความผิดของพวกเขา แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลังและผู้ทรงเข้ม งวดในการตอบแทน 53 พระเจ้าจะมิทรงเปลี่ยนแปลงความโปรดปรานที่ พระองค์ได้ทรงประทานแก่หมู่ชนใด เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลง

อัล-อันฟาล

185

สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา พระเจ้าทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุก สิ่ง 54 เช่นเดียวกับผู้คนของฟาโรห์และผู้คนอื่นๆก่อนหน้าพวกเขา พวก เขาปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น เราจึง ได้ท�ำ ลายพวกเขาเพราะความผิดที่พวกเขากระทำ� เราได้ท�ำ ให้ผู้คนของ ฟาโรห์จมน้�ำ ตาย คนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นผู้กระทำ�ความชั่ว 55 แท้จริง สัตว์ที่ชั่วร้ายที่สุดในสายตาของพระเจ้าคือบรรดาผู้ปฏิเสธ พระองค์และจะไม่ศรัทธา 56 ส่วนบรรดาผู้ที่เจ้าได้ท�ำ สัญญากับพวก เขาแล้วพวกเขาละเมิดสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าและพวกเขาไม่เกรงกลัว (พระเจ้า)นั้น 57 ถ้าหากเจ้าเผชิญพวกเขาในสงคราม ดังนั้น จงจัดการคน พวกนี้ในลักษณะที่ผู้มาหลังจากพวกเขาจะได้ไม่ปฏิบัติตามแบบพวกเขา และได้รับการเตือน 58 และถ้าหากเจ้าเกรงกลัวการทรยศจากพวกใด จง โยนสัญญาของพวกเขาคืนให้พวกเขาอย่างเปิดเผย แท้จริง พระเจ้าไม่ ทรงรักคนทรยศ 59 จงอย่าให้บรรดาผู้ปฏิเสธคิดว่าพวกเขาจะชนะ แท้จริง พวกเขาไม่ สามารถขัดขวาง(วัตถุประสงค์ของพระเจ้า)ได้ 60 สูเจ้าจงจัดเตรียมสรรพ กำ�ลังและฝึกม้าให้พร้อมอยู่เสมอเท่าที่จะสามารถทำ�ได้ ซึ่งจะทำ�ให้สูเจ้า จะข่มขวัญศัตรูของพระเจ้าและศัตรูของสูเจ้าและพวกอื่นๆนอกจากนี้ที่ สูเจ้าไม่รู้ แต่พระเจ้าทรงรู้จักพวกเขา อะไรก็แล้วแต่ที่สูเจ้าใช้จ่ายไปใน หนทางของพระเจ้า พระองค์จะทรงตอบแทนให้สูเจ้าโดยครบ และสูเจ้า จะไม่ถูกอยุติธรรมแม้แต่น้อย 61 ถ้าพวกศัตรูโอนอ่อนมายังสันติภาพ เจ้า ก็จงโอนอ่อนตามไปด้วยและจงวางใจในพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็น ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 62 ถ้าพวกเขาเจตนาที่จะล่อลวงเจ้า พระเจ้าก็ เพียงพอแล้วสำ�หรับเจ้า พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้เจ้าเข้มแข็งด้วยความ ช่วยเหลือของพระองค์และโดยทางบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่รอบๆเจ้าและ โดยการผูกพันหัวใจของพวกเขาเข้าด้วยกัน 63 แม้เจ้าจะใช้ความมั่งคั่ง ทั้งหมดในแผ่นดิน เจ้าก็ไม่สามารถสมัครสมานหัวใจของพวกเขาได้โดย

186

8. ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

ตัวเจ้าเอง แต่พระเจ้าทรงสมัครสมานหัวใจของพวกเขา แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 64 นบีเอ๋ย พระเจ้านั้นเพียงพอแล้วสำ�หรับเจ้าและสำ�หรับบรรดาผู้ ศรัทธาที่ปฏิบัติตามเจ้า 65 นบีเอ๋ย จงปลุกใจบรรดาผู้ศรัทธาให้ต่อสู้* ถ้าหากในหมู่สูเจ้ามีผู้อดทนยี่สิบคน พวกเขาจะเอาชนะคนสองร้อยคน ได้ และถ้าหากในหมู่สูเจ้ามีคนเช่นนั้นหนึ่งร้อยคน พวกเขาจะเอาชนะ ผู้ปฏิเสธสัจธรรมหนึ่งพันคนได้ เพราะคนพวกนั้นเป็นหมู่คนที่ไม่เข้าใจ 66 ตอนนี้ พระเจ้าได้ลดภาระของสูเจ้าแล้ว พระองค์ทรงรู้ดีว่าสูเจ้ายังคง อ่อนแออยู่ ดังนั้น ถ้าในหมู่สูเจ้ามีผู้อดทนหนึ่งร้อยคน พวกเขาจะเอาชนะ คนสองร้อยคนได้และถ้าหากในหมู่สูเจ้ามีผู้อดทนหนึ่งพันคน พวกเขาจะ เอาชนะคนสองพันคนได้โดยอนุมัติของพระเจ้า พระเจ้าทรงอยู่กับบรรดา ผู้ที่อดทนเท่านั้น 67 มันไม่ถูกต้องสำ�หรับนบีที่จะมีเชลยไว้จนกว่าเขาจะได้ทำ�ลายศัตรู ลงในแผ่นดิน สูเจ้าปรารถนาสิ่งเล็กๆน้อยๆแห่งโลกนี้ แต่พระเจ้าทรง ปรารถนา(ให้สูเจ้าได้รับสิ่งดีแห่ง)โลกหน้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 68 ถ้าหากว่าไม่มีข้อกำ�หนดที่พระเจ้าได้ทรงให้ไว้ก่อน หน้านั้นแล้ว สูเจ้าอาจจะต้องประสบกับการลงโทษอันมหันต์ในสิ่งที่สูเจ้า ได้กระทำ� 69 ดังนั้น จงกินสิ่งที่สูเจ้าริบได้จากสงคราม เพราะมันเป็นที่ อนุมัติและเป็นสิ่งสะอาด และจงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 70 โอ้นบี จงบอกพวกเชลยที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าว่า “ถ้าหาก พระเจ้าทรงรู้ถึงความดีใดๆในหัวใจของพวกท่าน พระองค์จะทรง ประทานแก่ท่านซึ่งสิ่งที่ดีกว่าที่เอามาจากพวกท่านและจะทรงให้อภัย พวกท่าน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 71 แต่ถ้าหากพวก เขาคิดที่จะทรยศต่อเจ้า พวกเขาก็ได้แสดงการทรยศต่อพระเจ้าแล้ว ด้วย * ดูหน้า 14 – 17 ของบทนำ�

อัล-อันฟาล

187

เหตุนี้ พระองค์จึงได้ให้เจ้ามีอ�ำ นาจเหนือพวกเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 72 แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและผู้อพยพออกจากบ้านของพวกเขาและ ดิ้นรนต่อสู้ด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขาในหนทางของพระเจ้าและ บรรดาผู้ให้ที่พักอาศัยแก่ผู้อพยพและช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น พวก เขาเป็นผู้คุ้มครองซึ่งกันและกัน ส่วนบรรดาผู้ศรัทธา แต่ไม่ได้อพยพ นั้น สูเจ้าไม่ต้องเกี่ยวข้องใดๆในการคุ้มครองพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะ อพยพ แต่มันยังเป็นหน้าที่ของสูเจ้าที่จะต้องช่วยเหลือพวกเขาในเรื่อง ของศาสนาถ้าหากพวกเขาขอความช่วยเหลือจากสูเจ้า ยกเว้นหมู่คน ที่สูเจ้ามีสัญญากับพวกเขา พระเจ้าทรงเห็นตามที่สูเจ้ากระทำ� 73 ส่วน บรรดาผู้ปฏิเสธนั้น พวกเขาต่างเป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ถ้าสูเจ้า ไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเช่นนั้นบ้าง มันจะมีความเสียหายและความ วุ่นวายอันใหญ่หลวงเกิดขึ้นในแผ่นดิน 74 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาที่ได้อพยพและดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของ พระเจ้าและบรรดาผู้ให้ที่พักอาศัยแก่ผู้อพยพและช่วยเหลือพวกเขานั้น พวกเขาคือผู้ศรัทธาที่แท้จริง สำ�หรับพวกเขาคือการอภัยโทษและปัจจัย ยังชีพที่ดีที่สุด 75 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาหลังจากนั้นและได้อพยพมาร่วม กับสูเจ้าในการดิ้นรนต่อสู้นั้น คนเหล่านี้เป็นพวกของสูเจ้าด้วย แต่ใน เรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้น ตามคัมภีร์ของพระเจ้า พวกเขามี ความใกล้ชิดกันมากกว่า พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

188

���������������

9. การสำ�นึกผิด

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 นี่เป็นการประกาศพ้นพันธะ(ข้อผูกพันทั้งหลาย)โดยพระเจ้าและศาสน ทูตของพระองค์ต่อบรรดาผู้ตั้งภาคีที่สูเจ้าได้ท�ำ สัญญาไว้ 2 ดังนั้น สูเจ้า มีอิสระที่จะสัญจรไปในแผ่นดินเป็นเวลาสี่เดือน แต่สูเจ้าต้องรู้ว่าสูเจ้าไม่ อาจยับยั้งแผนการของพระเจ้าได้ และพระเจ้าจะทำ�ให้ผู้ปฏิเสธสัจธรรม ตกต่ำ� 3 นี่เป็นการประกาศจากพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ส�ำ หรับ ประชาชนทั้งมวลในวันแห่งการฮัจญ์อันยิ่งใหญ่ว่าพระเจ้าทรงพ้นจาก พันธะสัญญาที่ได้ท�ำ ไว้กับพวกบูชารูปเคารพ และศาสนทูตของพระองค์ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าหากสูเจ้าสำ�นึกผิด มันย่อมเป็นการดีกว่าสำ�หรับ สูเจ้า แต่ถ้าสูเจ้าหันออกไป สูเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าสูเจ้าไม่สามารถยับยั้ง แผนการของพระเจ้าได้ โอ้นบี จงแจ้งข่าวถึงการลงโทษอันเจ็บปวดแก่ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 4 ส่วนบรรดาผู้ให้เกียรติแก่สัญญาที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้กับพวกเขาและมิได้สนับสนุนผู้ใดให้ต่อต้านสูเจ้า สูเจ้าจงปฏิบัติตาม สัญญากับคนเหล่านั้นจนครบกำ�หนด พระเจ้าทรงรักผู้ย�ำ เกรง 5 เมื่อเดือนต้องห้ามสำ�หรับการต่อสู้ผ่านพ้นไปแล้ว จงฆ่าพวกบูชา รูปเคารพ(ที่ท�ำ สงครามกับเจ้า)ทุกที่ที่สูเจ้าพบ* จงจับคนพวกนั้นและ ล้อมไว้และนั่งคอยดักซุ่มรอคนพวกนี้ แต่ถ้าพวกเขาสำ�นึกผิดและดำ�รง นมาซและจ่ายซะกาต ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาให้ไปตามทางของพวกเขา เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 6 ถ้าพวกบูชารูปเคารพ (มุชริก)คนใดขอความคุ้มครองจากเจ้า ดังนั้น จงให้ความคุ้มครองแก่เขา * ดูหน้า 14-17 ของบทนำ�

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

189

เพื่อที่เขาจะได้ยินวจนะของพระเจ้า แล้วจงนำ�เขาไปสู่ที่ปลอดภัย ที่ต้อง ทำ�เช่นนี้ก็เพราะคนเหล่านั้นไม่มีความรู้ 7 เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสัญญากับพวกบูชารูปเคารพเหล่านี้ในส่วน ของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ยกเว้นบรรดาผู้ที่สูเจ้าได้ทำ�สัญญา ไว้ที่มัสญิดอัลฮะรอม? ตราบใดที่พวกเขายังคงซื่อตรงต่อสูเจ้า สูเจ้า ก็จงซื่อตรงต่อพวกเขา เพราะพระเจ้าทรงรักผู้ส�ำ รวมตนจากความชั่ว 8 สัญญาจะมีขึ้นได้อย่างไรถ้าหากพวกเขามีอำ�นาจเหนือสูเจ้า พวกเขา จะไม่เคารพสายสัมพันธ์แห่งเครือญาติและจะไม่ให้เกียรติแก่เงื่อนไขของ สัญญา พวกเขาพยายามจะประจบสูเจ้าด้วยปากของพวกเขาในขณะที่ หัวใจของพวกเขานั้นปฏิเสธสูเจ้า เพราะพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ท�ำ ความ ชั่ว 9 พวกเขาแลกเปลี่ยนสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานมาด้วยประโยชน์ทาง โลกเล็กๆน้อยๆและขัดขวางคนอื่นๆจากหนทางของพระองค์ ช่างชั่วช้า แท้ๆที่พวกเขากระทำ� 10 พวกเขาไม่รักษาสายสัมพันธ์ของเครือญาติ ในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ศรัทธาและไม่รักษาเงื่อนไขของสัญญา และพวกเขา เหล่านี้เป็นผู้ละเมิดเสมอ 11 แต่ถ้าพวกเขาสำ�นึกผิดและดำ�รงนมาซและ จ่ายซะกาต พวกเขาก็เป็นพี่น้องร่วมศาสนากับสูเจ้า ดังนั้น เราได้ท�ำ ให้ สาสน์ของเราเป็นที่ง่ายดายแก่บรรดาผู้ที่พยายามจะเข้าใจ 12 แต่ถ้าหากพวกเขาหักล้างคำ�สาบานของพวกเขาหลังจากได้ทำ� สัญญาแล้ว และพวกเขาดูถูกศาสนาของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงต่อสู้กับ บรรดาหัวหน้าแห่งการปฏิเสธ ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้ยับยั้ง เพราะพวก เขาไม่เคารพคำ�สาบานของพวกเขา 13 สูเจ้าจะไม่ต่อสู้กับคนที่ทำ�ลาย ล้างคำ�สาบานของพวกเขาและขับไล่ศาสนทูตและเริ่มรุกรานสูเจ้าก่อน กระนั้นหรือ ? สูเจ้ากลัวพวกเขากระนั้นหรือ ? ถ้าสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้ จริง แน่นอน พระเจ้าทรงมีสิทธิ์เหนือกว่าที่สูเจ้าจะต้องเกรงกลัวพระองค์ 14 จงต่อสู้พวกเขา พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขาด้วยมือของสูเจ้าและ จะนำ�ความอัปยศมาให้พวกเขาและช่วยเหลือสูเจ้าต่อต้านพวกเขาและ

190

���������������

เยียวยาหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธา 15 พระองค์จะทรงขจัดความโกรธให้ หมดไปจากหัวใจของพวกเขาและจะทรงแสดงหนทางไปสู่การกลับตัวแก่ บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 16 (โอ้บรรดาผู้ศรัทธา) สูเจ้าคิดหรือว่าสูเจ้าจะถูกปล่อยไว้โดยที่ พระเจ้าไม่ทดสอบเพื่อที่พระองค์จะได้รู้ว่าสูเจ้าคนไหนใช้ความพยายาม อย่างถึงที่สุด(ในหนทางของพระองค์)และไม่ได้เอาผู้ใดนอกจากพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธามาเป็นสหาย? พระเจ้าทรง รู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 17 พวกบูชารูปเคารพไม่มีสิทธิ์อันใดที่จะมาเป็นผู้ดูแลรักษามัสญิด ทั้งหลายของพระเจ้าในขณะที่พวกเขายังยืนยันต่อตัวของพวกเขาเอง ในการปฏิเสธศรัทธา ความจริงแล้ว การงานของพวกเขาทั้งหมดนั้น สูญเปล่าและพวกเขาเป็นผู้พำ�นักอยู่ในนรก 18 ผู้ที่คู่ควรแก่การเป็นผู้ ดูแลบ้านของพระเจ้าคือผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้ายและดำ�รง นมาซและจ่ายซะกาต และไม่กลัวผู้ใดนอกจากพระเจ้า คนเหล่านี้เท่านั้น ที่หวังได้ว่าจะอยู่ในหมู่ผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง 19 สูเจ้าถือว่า เพียงแค่การให้น้ำ�ดื่มแก่ผู้มาทำ�ฮัจญ์และการดูและมัสญิดฮะรอมนั้นเท่า เทียมกับการงานของผู้ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและดิ้นรนต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้ากระนั้นหรือ ? สิ่งเหล่านี้ไม่เท่ากันในสายตาของ พระเจ้า และพระเจ้าไม่ทรงแสดงทางนำ�แก่หมู่ชนผู้อธรรม 20 บรรดาผู้ ศรัทธาและอพยพและดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินและ ชีวิตของพวกเขานั้นจะมีฐานะที่สูงส่งที่สุดในทัศนะของพระเจ้าและพวก เขาต่างหากที่จะได้รับชัยชนะ 21 พระผู้อภิบาลของพวกเขาทรงแจ้งข่าวดี แก่พวกเขาถึงความเมตตาจากพระองค์และความปีติยินดีของพระองค์ และสวนสวรรค์ซึ่งในนั้นคือความโปรดปรานอันนิรันดรสำ�หรับพวกเขา 22 พวกเขาจะได้พ�ำ นักอยู่ในนั้นตลอดกาล แน่นอน พระเจ้าทรงมีรางวัล อันมากมายที่จะตอบแทนความดี

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

191

บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าเอาพ่อและพี่น้องของสูเจ้าเป็นพันธมิตร ถ้าพวกเขารักการปฏิเสธสัจธรรมมากกว่าความศรัทธา ผู้ใดก็ตามในหมู่ สูเจ้าเอาพวกเขามาเป็นพันธมิตร แน่นอน พวกเขาเป็นผู้ท�ำ ความผิด 24 (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าพ่อๆและลูกๆของพวกท่านและพี่ น้องของพวกท่านและภรรยาของพวกท่านและญาติสนิทของพวกท่าน และทรัพย์สินที่พวกท่านหามาได้และการค้าที่พวกท่านเกรงกลัวว่ามัน จะซบเซาและบ้านที่พวกท่านพึงใจเป็นที่รักของพวกท่านยิ่งกว่าพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์และการต่อสู้ในหนทางของพระองค์ ดังนั้น จง คอยจนกว่าพระเจ้าจะนำ�การตัดสินของพระองค์มายังพวกท่าน เพราะ พระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางหมู่ชนที่ไม่เชื่อฟัง” 25 พระเจ้าได้ทรงช่วยสูเจ้ามาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ในวันแห่งสง ครามฮุนัยน์ สูเจ้ากระหยิ่มในจำ�นวนคนของสูเจ้าที่มากกว่า แต่มันช่วย อะไรสูเจ้าไม่ได้เลย แม้แผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลได้กลับกลายเป็นแคบ ไปสำ�หรับสูเจ้า แล้วสูเจ้าได้หันกลับเป็นผู้ถอยหนี 26 พระเจ้าได้ส่งความ สงบสุขลงมายังศาสนทูตของพระองค์และยังบรรดาผู้ศรัทธา และได้ ทรงส่งไพร่พลที่สูเจ้ามองไม่เห็นมาช่วยและทรงลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรม เพราะนี่คือการตอบแทนที่ผู้ปฏิเสธสัจธรรมสมควรได้รับ 27 แล้ว หลังจากนั้น พระเจ้าได้ทรงหันไปยังผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ด้วยความ เมตตา พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 28 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงรู้ไว้เถิดว่าพวกบูชารูปเคารพนั้นสกปรก* ดังนั้น จงอย่าให้พวกเขาเข้า ใกล้มัสญิดอัลฮะรอมหลังจากปีนี้ของพวกเขา(ปีแห่งการทำ�ฮัจญ์)เป็นต้น ไป ถ้าหากสูเจ้ากลัวความยากจน พระเจ้าจะทรงทำ�ให้สูเจ้ามั่งคั่งจาก ความโปรดปรานของพระองค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 29 จงต่อสู้กับชาวคัมภีร์ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้าย ผู้ที่ * คำ�ว่าสกปรก(นะญัส)เป็นความหมายทางด้านวิญญาณ ไม่ใช่ทาง ร่างกาย 23

192

���������������

ไม่ทำ�ให้สิ่งที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ทรงห้ามไว้เป็นที่ต้องห้าม และไม่ปฏิบัติตามแนวทางอันถูกต้อง จนกระทั่งพวกเขาจ่ายภาษี(ญิซ ยะฮฺ)ด้วยความเต็มใจและยอมเป็นผู้อยู่ใต้ปกครอง 30 ชาวยิว(โบราณ) กล่าวว่า “อุซัยรฺ(เอษรา)เป็นบุตรของพระเจ้า” และชาวคริสเตียนกล่าว ว่า “เมสซีอาห์เป็นบุตรของพระเจ้า” นั่นเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้หลักฐาน จากปากของพวกเขา พวกเขากล่าวตามผู้ปฏิเสธสัจธรรมก่อนหน้านี้ ขอ พระเจ้าทรงลงโทษพวกเขา พวกเขาถูกทำ�ให้เขวไปทางอื่นได้อย่างไร! 31 พวกเขาได้เอาผู้คงแก่เรียนและนักบวชของพวกเขาเป็นนายของ พวกเขานอกไปจากพระเจ้าและยึดเอาเมสซีอาห์บุตรของนางมารีย์เป็น พระเจ้าด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ถูกบัญชามิให้เคารพภักดีสิ่งอื่น ใดนอกจากพระเจ้าองค์เดียวซึ่งนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด อีก พระองค์ทรงบริสุทธิ์และปลอดพ้นจากสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคี กับพระองค์ 32 พวกเขาปรารถนาที่จะดับแสงสว่างของพระเจ้าด้วยปากของ พวกเขา แต่พระเจ้ามิทรงยินยอม พระองค์มีแต่จะทำ�ให้แสงสว่าง ของพระองค์ ส มบู ร ณ์ ถึ ง แม้ ว่ า บรรดาผู้ ป ฏิ เ สธสั จ ธรรมจะชิ ง ชั ง ก็ ต าม 33 พระองค์คือผู้ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมกับทางนำ�และ ศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงทำ�ให้หนทางนั้นมีชัย(ทาง ด้านอุดมการณ์)เหนือแนวทางอื่นๆทั้งหมด ถึงแม้ว่าบรรดาผู้บูชารูป เคารพจะชิงชังก็ตาม 34 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย แท้จริงแล้ว ผู้คงแก่เรียนและนักบวชส่วนใหญ่ ของชาวคัมภีร์ได้กินทรัพย์สินของผู้คนโดยวิธีการที่ชั่วร้ายและขัดขวาง ผู้คนจากหนทางของพระเจ้า ดังนั้น จงแจ้งข่าวการลงโทษอันเจ็บปวด แก่บรรดาผู้สะสมทองคำ�และเงินและไม่ใช้จ่ายมันในหนทางของพระเจ้า 35 ในวันที่ทองคำ�และเงินจะถูกเผาในไฟนรก และพร้อมกันนั้น หน้าผาก ของพวกเขา ร่างกายของพวกเขาและหลังของพวกเขาจะถูกนาบด้วยสิ่ง

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

193

นั้น และจะมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า “นี่คือทรัพย์สมบัติที่สูเจ้าได้สะสม ไว้เพื่อตัวของสูเจ้าเอง ทีนี้ จงลิ้มรสความชั่วของทรัพย์สินที่สูเจ้าได้สะสม ไว้เถิด” 36 ในวันที่พระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้น พระองค์ได้ ทรงกำ�หนดไว้ว่าจำ�นวนเดือนนั้นมีสิบสองเดือน ในจำ�นวนนี้มีสี่เดือนต้อง ห้าม นี่คือศาสนาที่ถูกต้อง ดังนั้น จงอย่าทำ�ความผิดต่อตัวของสูเจ้าเอง โดยการละเมิดเดือนเหล่านี้ จงต่อสู้พวกที่น�ำ สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ร่วมกันเช่นเดียวกับที่พวกเขาร่วมกันต่อสู้สูเจ้า* และจงรู้เถิดว่าพระเจ้า ทรงอยู่กับผู้ที่สังวรตนเป็นคนดี 37 แท้จริง การเลื่อนเดือนศักดิ์สิทธิ์ออก ไปมิใช่อื่นใดนอกไปจากอีกตัวอย่างหนึ่งของการไม่ยอมรับสัจธรรมซึ่ง ทำ�ให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมถูกทำ�ให้หลงผิด พวกเขาประกาศว่านี่ เป็นสิ่งที่อนุมัติในปีหนึ่งและเป็นที่ต้องห้ามในอีกปีหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อที่พวก เขาจะได้ปรับเดือนที่พระเจ้าได้กำ�หนดไว้ว่าเป็นเดือนต้องห้ามและทำ� สิ่งพระเจ้าสั่งห้ามให้เป็นที่อนุมัติ การทำ�ชั่วของพวกเขาได้ถูกทำ�ให้ ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ดีสำ�หรับพวกเขา พระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางบรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรม 38 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา สูเจ้ามีข้อแก้ตัวอันใดหรือเมื่อสูเจ้าถูกขอให้ออก ไปในหนทางของพระเจ้า แต่สูเจ้ากลับติดอยู่กับแผ่นดิน? สูเจ้าพึงพอใจ ชีวิตของโลกนี้มากกว่าชีวิตของโลกหน้ากระนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้น สูเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าสิ่งดีๆทั้งหมดแห่งชีวิตโลกนี้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย เท่านั้นในโลกหน้า 39 ถ้าสูเจ้าไม่ออกไป พระองค์จะทรงลงโทษสูเจ้าอย่าง รุนแรงและจะทรงนำ�พวกอื่นมาเปลี่ยนแทนสูเจ้า สูเจ้าไม่อาจสร้างความ เสียหายใดๆแก่พระองค์ได้ พระเจ้าทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 40 ถ้าสูเจ้า ไม่ช่วยเหลือนบีของสูเจ้า(นบีมุฮัมมัด) จงรู้ไว้ พระเจ้าได้ทรงช่วยเขามา ก่อนแล้วเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้ขับไล่เขาออกไปจากบ้านของเขา * ดูหน้า 14-17 ของบทนำ�

194

���������������

เมื่อเขาทั้งสองคนอยู่ในถ้ำ� เขา(มุฮัมมัด)ได้บอกสหายของเขาว่า “จงอย่า เป็นทุกข์ไปเลย พระเจ้าทรงอยู่กับเรา” แล้วพระเจ้าได้ประทานความสงบ แก่เขาและช่วยเขาด้วยพลังที่สูเจ้ามองไม่เห็นและทรงทำ�ให้ถ้อยคำ�ของ บรรดาผู้ปฏิเสธตกต่ำ�ลงและถ้อยคำ�ของพระเจ้ายังคงสูงส่งเสมอ เพราะ พระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงอำ�นาจและผู้ทรงปรีชาญาณ 41 จงออกไปเถิดไม่ว่าจะด้วยอาวุธเบาหรือหนักและจงดิ้นรนต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่ดี ที่สุดสำ�หรับสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้ารู้ 42 (โอ้นบี) ถ้าหากมีช่องทางที่จะได้สิ่ง ตอบแทนและการเดินทางที่ง่าย แน่นอน พวกเขาก็พร้อมที่จะทำ�ตามเจ้า แต่ทว่าการเดินทางนี้ดูยากลำ�บากสำ�หรับพวกเขา พวกเขายังสาบาน ด้วยนามของพระเจ้าและกล่าวว่า “ถ้าพวกเราสามารถที่จะออกไปได้ เรา จะออกไปกับท่านอย่างแน่นอน” พวกเขากำ�ลังนำ�ความหายนะมาสู่ตัว ของพวกเขาเอง พระเจ้าทรงรู้ดีว่าพวกเขาเป็นผู้โกหก 43 (โอ้นบี) ขอพระเจ้าทรงให้อภัยเจ้า ทำ�ไมเจ้าถึงยอมให้พวกเขาทำ� เช่นนั้นก่อนที่มันได้เป็นที่ชัดเจนแก่เจ้าแล้วว่าพวกเขาคนไหนที่พูดจริง เพื่อที่เจ้าจะได้รู้ว่าคนไหนของพวกเขาเป็นผู้โกหก? 44 บรรดาผู้ศรัทธา ในพระเจ้าและในวันสุดท้ายนั้นจะไม่ขอเจ้าให้ยกเว้นพวกเขาจากการญิ ฮาดด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา พระเจ้าทรงรู้ดีถึงผู้ที่เกรงกลัว พระองค์ 45 คนที่จะขอร้องเช่นนั้นมีแต่เพียงผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้าและใน วันสุดท้าย และผู้ที่หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย และพวกเขา ก็โอนไปเอนมาเพราะความสงสัยของพวกเขา 46 ถ้าพวกเขาตั้งใจจริงที่ จะออกไป แน่นอน พวกเขาต้องเตรียมตัวสำ�หรับการนี้ไว้บ้างแล้ว แต่ พระเจ้าทรงไม่ชอบการออกไปของพวกเขา(และการได้รับเกียรติสูงใน สายตาของพระเจ้า) และพระองค์ได้ทรงทำ�ให้พวกเขาอยู่รั้งหลัง พวกเขา ถูกบอกให้อยู่ข้างหลังกับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง 47 ถ้าหากพวกเขาออกไปกับสูเจ้า พวกเขาจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

195

สูเจ้านอกจากความปั่นป่วนเสียหาย และพวกเขาจะพยายามสร้างความ แตกแยกในหมู่สูเจ้า และในหมู่สูเจ้ายังมีบางคนที่ฟังพวกเขา พระเจ้า ทรงรู้ถึงผู้ที่ก่อความเสียหายเหล่านี้เป็นอย่างดี 48 ก่อนหน้านี้ พวกเขา พยายามสร้างความแตกแยกมาแล้ว และครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเขาได้ วางแผนทุกอย่างเพื่อให้สูเจ้าไม่ประสบความสำ�เร็จจนกระทั่งสัจธรรมได้ เป็นที่ประจักษ์ ถึงแม้พวกเขาจะชิงชังมันก็ตาม 49 พวกเขาบางคนกล่าวว่า “อนุญาตให้เราอยู่ข้างหลังเถิดและอย่าให้ เราต้องออกไปสู่การทดสอบเลย” จงรู้ไว้เถิดว่าคนเช่นนี้ได้ตกไปสู่การ ถูกทดสอบแล้ว แน่นอน นรกจะล้อมรอบผู้ปฏิเสธสัจธรรม 50 ถ้าสิ่งดีมา ประสบแก่เจ้า มันก็ท�ำ ให้พวกเขาหม่นหมอง แต่ถ้าหากเจ้าประสบความ หายนะ พวกเขาจะหันหลังให้ด้วยความยินดีและกล่าวว่า “ดีนะที่เราได้ เตรียมมาตรการป้องกันล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว” 51 จงบอกพวกเขาว่า “ไม่มี สิ่งใด(ไม่ว่าดีหรือร้าย)จะเกิดขึ้นกับเรานอกไปจากพระเจ้าได้ทรงกำ�หนด ไว้แก่เราแล้ว พระเจ้าทรงเป็นผู้คุ้มครองเราและบรรดาผู้ศรัทธาจะต้องไว้ วางใจพระองค์เท่านั้น” 52 จงกล่าวกับพวกเขาว่า “อะไรหรือที่พวกท่านรอ คอยให้เกิดขึ้นกับเรานอกไปจากหนึ่งในสองสิ่งที่ดีที่สุดนี้(ชัยชนะในโลก นี้หรือสวรรค์ในโลกหน้า)? แต่เราหวังว่าพระเจ้าจะทรงลงโทษพวกท่าน ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองหรือด้วยน้�ำ มือของเรา จงคอยเถิด เราก็จะ คอยร่วมกับพวกท่านด้วย” 53 จงกล่าวเถิด “ไม่ว่าพวกท่านจะให้ทรัพย์สินของพวกท่านด้วย ความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม สิ่งที่พวกท่านให้จะไม่เป็นที่ถูกยอมรับ เพราะพวกท่านเป็นผู้ฝ่าฝืน” 54 เหตุผลที่สิ่งที่พวกเขาบริจาคไม่เป็นที่ ยอมรับนั้นมิใช่อื่นใดนอกไปจากพวกเขาปฏิเสธพระเจ้าและศาสนทูต ของพระองค์ พวกเขานมาซ แต่ก็ทำ�อย่างเสียมิได้ และพวกเขาใช้จ่าย ในหนทางของพระเจ้าอย่างไม่เต็มใจ 55 ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้ทรัพย์สิน ของพวกเขาและลูกๆของพวกเขาล่อลวงเจ้าเพราะพระเจ้าทรงประสงค์ที่

196

���������������

จะลงโทษพวกเขาโดยใช้สิ่งเหล่านี้ในชีวิตแห่งโลกนี้เพื่อที่พวกเขาจะตาย ในสภาพของการปฏิเสธสัจธรรม 56 พวกเขาสาบานต่อพระเจ้าว่าพวก เขาเป็นผู้ศรัทธาเหมือนสูเจ้า แต่แท้จริงแล้ว พวกเขามิใช่พวกของสูเจ้า ความจริง พวกเขาเป็นผู้หวาดกลัว(ที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงของพวก เขา) 57 ถ้าพวกเขาพบสถานที่พักพิงหลบภัยหรือถ้ำ�หรือที่ซ่อนแห่งใดที่ จะซ่อนตัวในนั้นได้ พวกเขาจะวิ่งอ้าวเข้าไปหลบอยู่ในที่นั้น 58 (โอ้นบี) ในหมู่พวกเขามีบางคนที่คอยจับผิดเจ้าเกี่ยวกับเรื่องการ แจกจ่ายทาน ถ้าหากพวกเขาได้รับบางอย่างจากทานนั้น พวกเขาจะ พอใจ แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ได้รับ พวกเขาจะไม่พอใจ 59 ถ้าหากพวกเขา พอใจในสิ่งที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้ทรงมอบแก่พวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “พระเจ้านั้นเพียงพอแก่เราแล้ว พระองค์จะประทาน ความมั่งคั่งแก่เราจากความมั่งคั่งของพระองค์ และศาสนทูตของพระองค์ ก็เช่นกัน แท้จริงแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่เราวอนขอ” 60 ความจริงแล้ว ทาน นั้นเพื่อคนยากจนและคนอนาถาและคนที่ถูกใช้ให้เก็บรวบรวมมันและ คนที่หัวใของพวกเขาถูกดึงให้โน้มเอียงมา และเพื่อการไถ่ทาสและเพื่อ ช่วยเหลือผู้มีหนี้สินและเพื่อแนวทางของพระเจ้าและเพื่อดูแลคนเดินทาง นี่เป็นข้อกำ�หนดจากพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชา ญาณ 61 ในหมู่พวกเขามีบางคนที่เราะรานนบีโดยกล่าวว่า “คนผู้นี้ฟังทุก คน” จงกล่าวเถิด “มันเป็นเรื่องดีเสียอีกสำ�หรับพวกท่านที่เขาเป็นเช่นนั้น เขาศรัทธาในพระเจ้าและไว้วางใจในบรรดาผู้ศรัทธาและเขาเป็นความ เมตตาสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงในหมู่พวกท่าน ส่วนบรรดาผู้เราะ รานศาสนทูตของพระเจ้านั้น สำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด” 62 พวกเขาสาบานด้วยพระเจ้าต่อหน้าสูเจ้าเพื่อให้สูเจ้า(ผู้ศรัทธา)พอใจ ถึงแม้พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์มีสิทธิ์มากกว่าที่พวกเขาจะต้อง ให้ความพอใจ ถ้าหากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง 63 พวกเขาไม่รู้

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

197

หรือว่าผู้ใดที่ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์นั้นจะได้อยู่ในนรก นิรันดร? นี่คือความอัปยศอดสูอย่างที่สุด 64 บรรดาผู้ตลบตะแลงหวาดกลัวว่าจะมีบทหนึ่ง(ของกุรอาน)ถูก ประทานมาเพื่อเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา โอ้ นบี จงบอกพวก เขาเถิดว่า “จงเยาะเย้ยต่อไปเถอะ พระเจ้าจะนำ�สิ่งที่พวกท่านหวาดหวั่น มาให้เห็น” 65 ถ้าเจ้าถามพวกเขา (ว่า “พวกท่านกำ�ลังพูดอะไรกัน?”) พวกเขาจะตอบทันทีว่า “พวกเราเพียงแต่คุยเล่นๆและสนุกสนานกัน เท่านั้น” จงถามพวกเขาว่า “พวกท่านเยาะเย้ยพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ ทรงประทานมาและเยาะเย้ยศาสนทูตของพระองค์กระนั้นหรือ? 66 จง อย่าแก้ตัวเลย ความจริงแล้ว พวกท่านได้ปฏิเสธสัจธรรมหลังจากที่พวก ท่านศรัทธามันแล้ว” ถ้าหากเราให้อภัยบางคนในหมู่สูเจ้า แน่นอน เราจะ ลงโทษคนอื่นๆในหมู่สูเจ้าเพราะพวกเขาเป็นผู้มีผิด 67 ผู้ตลบตะแลง ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างเป็นพวกเดียวกัน พวก เขากำ�ชับกันในสิ่งที่ชั่วและห้ามสิ่งที่ดีและขี้เหนียวเมื่อต้องใช้จ่ายเพื่อ หนทางของพระเจ้า พวกเขาลืมพระเจ้า ดังนั้น พระองค์จึงทรงลืม พวกเขา แท้จริง พวกตลบตะแลงนั้นคือผู้ฝ่าฝืน 68 พระเจ้าได้สัญญาผู้ ตลบตะแลงทั้งชายและหญิงรวมทั้งผู้ปฏิเสธสัจธรรมถึงไฟนรกซึ่งพวก เขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นนิรันดร นั่นคือสถานที่ที่เหมาะสมสำ�หรับพวกเขา เพราะพระเจ้าทรงปฏิเสธพวกเขา และสำ�หรับพวกเขาคือการลงโทษ ตลอดไป 69 สูเจ้ากำ�ลังประพฤติตัวเหมือนกับบรรดาคนก่อนหน้าสูเจ้า พวกเขามีกำ�ลังแกร่งกว่าสูเจ้า มีสมบัติและลูกหลานมากกว่าสูเจ้า พวก เขามีความสุขกับส่วนที่ดีแห่งชีวิตโลกนี้ของพวกเขาและสูเจ้าก็มีความ สุขกับส่วนที่ดีเหมือนกับพวกเขาเช่นกัน สูเจ้าหมกมุ่นอยู่กับการคุยเรื่อง ไร้สาระเหมือนกับที่พวกเขาหมกมุ่น ดังนั้น ในที่สุด ทุกสิ่งที่พวกเขาได้ ทำ�ไปล้วนไร้ผลทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แน่นอน พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ ขาดทุน 70 พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวของบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวก

198

���������������

เขากระนั้นหรือ นั่นคือ เรื่องหมู่ชนของนูฮฺ หมู่ชนชาวอ๊าดและษะมูด และหมู่ชนของอิบรอฮีมและชาวมัดยันและชาวเมืองที่ถูกพลิกให้ล่มจม? ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับหลักฐานอันชัดแจ้งแล้ว ดังนั้น มิใช่พระเจ้าหรอกที่ไม่เป็นธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่าง หากที่ไม่เป็นธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง 71 บรรดาผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิงนั้นต่างเป็นมิตรต่อกัน พวกเขา กำ�ชับกันในสิ่งดีงามและห้ามปรามความชั่ว พวกเขาดำ�รงนมาซและ จ่ายซะกาตและเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาเหล่า นี้แหละที่พระเจ้าทรงประทานความเมตตาแก่พวกเขา แท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 72 พระเจ้าได้ทรงสัญญาแก่ผู้ศรัทธา ทั้งชายและหญิงด้วยสวนสวรรค์หลากหลายที่มีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้พำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป ในสวนสวรรค์อันสถาพรนี้จะมี ที่พ�ำ นักอันสุขารมณ์สำ�หรับพวกเขา และเหนืออื่นใด พวกเขาจะได้รับ ความโปรดปรานจากพระเจ้า นี่คือความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่ 73 นบีเอ๋ย จงต่อสู้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและพวกตลบตะแลง และจง เฉียบขาดกับคนพวกนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ที่พักของพวกเขาคือนรกและมัน เป็นจุดหมายที่ต�่ำ ช้าที่สุด 74 พวกเขาสาบานด้วยพระเจ้าว่าพวกเขาไม่ ได้พูดสิ่งใด ทั้งๆที่ความจริงแล้วพวกเขาได้กล่าวถ้อยคำ�แห่งการปฏิเสธ สัจธรรมหลังจากที่พวกเขาได้เข้ารับอิสลามแล้ว พวกเขาวางแผนไว้ แต่ พวกเขาไม่อาจทำ�ตามแผนได้ พวกเขาไม่มีเหตุผลใดที่จะแค้นเคืองนอก ไปจากว่าพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้ทรงทำ�ให้พวกเขามั่งคั่ง ขึ้นโดยความโปรดปรานของพระองค์ ถ้าหากตอนนี้ พวกเขาสำ�นึกผิด ในความประพฤติอันชั่วร้ายของพวกเขา มันก็เป็นการดีแก่พวกเขาเอง แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สำ�นึกผิด พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขาด้วยการ ลงโทษอันเจ็บปวดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และจะไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะ คุ้มครองและช่วยเหลือพวกเขา

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

199

ในหมู่พวกเขานั้นมีบางคนที่ท�ำ สัญญากับพระเจ้าว่า “หากพระองค์ ทรงประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่เรา พวกเราจะบริจาค ทานและเป็นผู้ดำ�เนินชีวิตที่ดีงาม” 76 แต่เมื่อพระองค์ทรงทำ�ให้พวกเขา มั่งคั่งขึ้นโดยความโปรดปรานของพระองค์ พวกเขากลับตระหนี่ยิ่งขึ้น และหันหลังให้สัญญาและไม่ใส่ใจต่อมัน 77 ดังนั้น ผลของการที่พวกเขา ได้บิดพลิ้วสัญญาที่พวกเขาได้ทำ�ไว้กับพระเจ้าและการโกหกของพวก เขา พระองค์จึงได้ทรงใส่ความตลบตะแลงลงไปในหัวใจของพวกเขาจน กระทั่งถึงวันที่พวกเขาพบพระองค์ 78 พวกเขาไม่รู้หรือว่าพระเจ้าทรงรู้ แม้แต่สิ่งที่พวกเขาปกปิดและการประชุมลับของพวกเขา? พวกเขาไม่รู้ หรือว่าพระเจ้าทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งที่ถูกซ่อนเร้น? 79 บรรดาผู้เย้ยหยันการเสียสละทางการเงินด้วยความสมัครใจของ บรรดาผู้ศรัทธาและเยาะเย้ยบรรดาผู้ไม่สามารถจะหาอะไรมาช่วย(ใน หนทางของพระเจ้าได้)นอกจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เป็นสิ่งจำ�เป็นของพวก เขานั้น พระเจ้าทรงเยาะเย้ยพวกเขาแล้ว พวกเขาจะได้รับการลงโทษอัน เจ็บปวด 80 (โอ้นบี) ไม่ว่าเจ้าจะขออภัยให้พวกเขาหรือไม่ก็ตาม (มันก็มี ผลเท่ากัน) เพราะพระเจ้าจะไม่ทรงให้อภัยพวกเขาถึงแม้เจ้าจะขออภัย ให้พวกเขาถึงเจ็บสิบครั้งก็ตาม นั่นเป็นเพราะพวกเขาปฏิเสธพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์ และพระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางหมู่ชนผู้กระทำ�ความชั่ว 81 บรรดาผู้อยู่ที่บ้านนั้นดีใจที่ศาสนทูตของพระเจ้าได้ทิ้งพวกเขาไว้ ข้างหลัง พวกเขาไม่ชอบที่จะต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สิน และชีวิตของพวกเขา พวกเขากล่าวกับผู้คนว่า “จงอย่าออกไปท่ามกลาง ความร้อนนี้เลย” จงบอกพวกเขาว่า “ไฟนรกนั้นร้อนยิ่งกว่านี้อีก” เผื่อว่า พวกเขาจะเข้าใจ 82 จงปล่อยให้พวกเขาหัวเราะแต่เล็กน้อยและร้องไห้ให้ มากสำ�หรับความผิดที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 83 ดังนั้น (โอ้นบี) ถ้าพระเจ้าทรง นำ�เจ้ากลับมาพบพวกเขาและพวกเขาขออนุญาตออกไปกับเจ้าด้วย จง บอกพวกเขาว่า “ตอนนี้ พวกท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปกับฉันและ 75

200

���������������

จะไม่ต่อสู้ศัตรูร่วมกับฉัน เพราะพวกท่านพอใจที่จะอยู่ข้างหลังมาตั้งแต่ แรก ดังนั้น คราวนี้พวกท่านจงนั่งอยู่ที่บ้านร่วมกับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง เถอะ” 84 และเจ้า(มุฮัมมัด)จงอย่านมาซให้แก่คนใดในหมู่พวกเขาที่เสีย ชีวิต และจงอย่ายืนที่หลุมฝังศพของเขา เพราะพวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาตายในขณะที่เป็นผู้ฝ่าฝืน 85 จงอย่าให้ทรัพย์สมบัติและลูกๆของพวกเขาหลอกลวงเจ้า พระเจ้า เพียงแค่ทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยทรัพย์สินและลูกๆที่พวก เขามีอยู่ในโลกนี้และทรงให้ชีวิตของพวกเขาปลิดออกในขณะที่พวกเขา ยังเป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรม 86 เมื่อใดที่มีกุรอานบทหนึ่งถูกประทานลงมาว่า “จงศรัทธาในพระเจ้าและออกไปญิฮาดพร้อมกับศาสนทูตของพระองค์” เจ้าจะได้เห็นคนที่มั่งคั่งบางคนในหมู่พวกเขามาขอเจ้าให้ยกเว้นพวกเขา โดยกล่าวว่า “กรุณาให้เราอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลังเถอะ” 87 คนพวก นี้ชอบที่จะอยู่กับ(พวกผู้หญิง)ผู้ที่อยู่ข้างหลัง หัวใจของพวกเขาได้ถูกปิด ไว้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น 88 แต่ศาสนทูตและบรรดาผู้ ศรัทธาร่วมกับเขาได้ทำ�การต่อสู้ด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา ดัง นั้น ตอนนนี้ สิ่งดีงามทั้งปวงจึงเป็นของพวกเขาและพวกเขาเท่านั้นที่ เป็นผู้ประสบความสำ�เร็จ 89 พระเจ้าได้ทรงเตรียมสวนสวรรค์ไว้ให้พวก เขาซึ่งภายใต้นั้นมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านและพวกเขาจะได้พำ�นักอยู่ใน นั้น นั่นคือความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่ 90 ในหมู่ชาวอาหรับทะเลทราย มีบางคนที่มาอ้างข้อแก้ตัวที่จะอยู่ข้าง หลังด้วยเช่นกัน ดังนั้น พวกที่โกหกต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ จึงได้อยู่ข้างหลัง ในไม่ช้านี้ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะได้พบกับการ ลงโทษอันเจ็บปวด 91 แต่ไม่มีข้อตำ�หนิใดๆถ้าหากว่าคนอ่อนแอ คนป่วย และบรรดาผู้ที่ไม่สามารถจัดหาสิ่งใดเพื่อการต่อสู้จะอยู่ข้างหลังถ้าหาก พวกเขายังคงจริงใจต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ ไม่มีเหตุผล ใดที่จะมาตำ�หนิคนทำ�ดี พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

201

และไม่มีเหตุผลใดที่จะมาวิจารณ์คนที่มาหาเจ้าและขอให้เจ้าจัดหา พาหนะให้พวกเขาขี่ เพราะเมื่อเจ้าได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “ฉันไม่สามารถ ที่จะหาพาหนะให้พวกท่านขี่ได้ พวกเขาก็กลับไปด้วยดวงตาที่เอ่อท้น ด้วยน้ำ�ตาแห่งความเศร้าโศกที่พวกเขาไม่สามารถหาปัจจัยสำ�หรับการ ออกไปต่อสู้ด้วยตัวเองได้ 93 ผู้สมควรได้รับคำ�ตำ�หนิคือบรรดาผู้มั่งคั่ง แต่กลับขอยกเว้นจากการต่อสู้ เนื่องจากพวกเขาเลือกที่จะอยู่ข้างหลังกับ ผู้หญิง พระเจ้าจึงทรงปิดหัวใจของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจ 94 พวกเขาจะขอโทษสูเจ้าและยกข้อแก้ตัวต่างๆนานาเมื่อสูเจ้ากลับ มายังพวกเขา จงบอกพวกเขาว่า “อย่ามาแก้ตัวเลย เราไม่เชื่อในสิ่งที่ พวกท่านพูด เพราะพระเจ้าได้ทรงเปิดเผยความจริงทั้งหมดของพวก ท่านให้แก่เราแล้ว ตอนนี้ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะทรงเฝ้า ดูพฤติกรรมของพวกท่าน หลังจากนั้น พวกท่านจะถูกนำ�กลับไปยัง พระองค์ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นและสิ่งที่เปิดเผย และพระองค์จะ ทรงบอกพวกท่านทุกอย่างที่พวกท่านได้ท�ำ ไว้” 95 เมื่อสูเจ้ากลับมายัง พวกเขา พวกเขาจะสาบานด้วยพระเจ้าต่อสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ทิ้งพวก เขาไว้ตามลำ�พัง(คือไม่ต�ำ หนิพวกเขา) ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาไว้ตาม ลำ�พัง เพราะพวกเขาโสมม และที่พำ�นักที่แท้จริงของพวกเขาคือนรก ซึ่งเป็นสิ่งตอบแทนตามที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 96 พวกเขาจะสาบานต่อหน้า สูเจ้าเพื่อทำ�ให้สูเจ้าพอใจ แต่ถึงแม้สูเจ้าจะพอใจกับการแก้ตัวของพวก เขาก็ตาม พระเจ้าก็มิทรงพอพระทัยหมู่ชนผู้ท�ำ ความชั่ว 97 พวกอาหรับทะเลทรายเหล่านี้ดื้อรั้นที่สุดในการปฏิเสธสัจธรรม และการตลบตะแลง และไม่อยากที่จะรู้กฎเกณฑ์ที่พระเจ้าได้ประทานลง มายังศาสนทูตของพระองค์ แต่พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 98 พวกอาหรับทะเลทรายบางคนถือว่าสิ่งที่พวกเขาให้ไปเพื่อแนวทาง ของพระเจ้านั้นเหมือนค่าปรับและคอยหวังให้มีเหตุร้ายต่างๆเกิดแก่สูเจ้า ขอให้เหตุร้ายเกิดขึ้นแก่พวกเขาเถิด พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 92

202

���������������

แต่ในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย และถือว่า สิ่งที่พวกเขาใช้จ่ายไปในหนทางของพระเจ้าเป็นการนำ�พวกเขาเข้าไป ใกล้ชิดพระเจ้าและการได้รับคำ�ขอพรของศาสนทูต แท้จริง นี่เป็นหนทาง แห่งการนำ�พวกเขาเข้าใกล้พระเจ้า และพระเจ้าจะทรงรับพวกเขาไว้ใน ความเมตตาของพระองค์ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ 100 พระเจ้าทรงยินดีกับบรรดาผู้อพยพและผู้ช่วยเหลือที่ตอบสนอง ต่อการเชิญชวนสู่ความศรัทธาตั้งแต่แรกและกับบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามพ วกเขาในการทำ�ความดีของพวกเขา และพวกเขาก็ยินดีกับพระเจ้าด้วย พระองค์ได้ทรงเตรียมสวนสวรรค์ที่มีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านไว้ให้แก่ พวกเขาแล้ว และพวกเขาจะได้เป็นผู้พ�ำ นักอยู่ในนั้นตราบกาลนาน นี่คือ ความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่ 101 และในหมู่ชาวอาหรับทะเลทรายที่อยู่รอบๆ เจ้านั้นมีพวกตลบตะแลงอยู่หลายคน ขณะเดียวกันในหมู่ชาวเมืองมะดี นะฮฺก็มีพวกตลบตะแลงอีกหลายคนที่เชี่ยวชาญในการกลับกลอก เจ้า ไม่รู้จักพวกเขา แต่เรารู้จักพวกเขา เราจะทำ�ให้พวกเขาได้รับการลงโทษ สองครั้ง หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกหันไปสู่การลงโทษที่มหันต์ยิ่งกว่า 102 มีพวกอื่นๆอีกบางคนที่ยอมรับความผิดของพวกเขา พวกเขามี บันทึกการงานที่ดีและชั่วปะปนกัน มันอาจเป็นไปได้ที่พระเจ้าจะหันไป ยังพวกเขาด้วยความปรานี เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ 103 (โอ้นบี) จงรับเอาทานจากทรัพย์สินของพวกเขามาชำ�ระพวก เขาให้สะอาดและขัดเกลาพวกเขาโดยการบริจาคนั้น และจงวิงวอนขอ พรให้แก่พวกเขา เพราะการวิงวอนขอพรของเจ้านั้นจะนำ�ความสงบ มายังพวกเขา พระเจ้าทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 104 พวกเขา ไม่รู้หรือว่าพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรับการขออภัยจากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงรับการบริจาคของพวกเขา และพระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ? 105 (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า “จงทำ�สิ่งที่พวกท่านอยาก 99

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

203

ทำ� พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธาจะเฝ้าดูการก ระทำ�ของพวกท่าน ไม่ช้า พวกท่านจะกลับไปยังพระองค์ผู้ทรงรู้ทุกสรรพ สิ่งที่ซ่อนเร้นและที่เปิดเผย แล้วพระองค์จะทรงแจ้งพวกท่านทุกอย่างที่ พวกท่านได้ทำ�ไว้” 106 (แต่ก็ยังมี)คนอื่นๆบางคนที่ยังคอยการตัดสินใจ ของพระเจ้า พระองค์อาจจะลงโทษพวกเขาหรือหันกลับไปยังพวกเขาอีก ครั้งหนึ่งด้วยความปรานีก็ได้ พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่งและทรงปรีชา ญาณยิ่ง 107 มีคนอีกพวกหนึ่งที่สร้างมัสญิดขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างความเสียหาย เพื่อแสดงความไม่ศรัทธา และเพื่อก่อความแตกแยกขึ้นในหมู่ผู้ศรัทธา และใช้สถานที่นี้เป็นที่แอบซุ่มสำ�หรับคนที่ก่อนหน้านี้ได้ทำ�สงครามกับ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาสาบานอย่างแข็งขันว่า “เรา มิได้เจตนาสิ่งใดนอกไปจากความดี” แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานว่าพวกเขา เป็นผู้โกหกสิ้นดี 108 เจ้าจงอย่ายืนในที่แห่งนั้นเป็นอันขาด เฉพาะมัสญิด ที่ถูกวางรากฐานอยู่บนความยำ�เกรงพระเจ้าตั้งแต่วันแรกเท่านั้นเป็นที่ ที่เหมาะสมกว่าที่เจ้าจะยืน(นมาซ)ในนั้น เพราะในนั้นมีผู้ที่รักจะชำ�ระตัว เองให้สะอาดและพระเจ้าทรงรักผู้ชำ�ระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์ 109 ใคร จะดีกว่ากัน คนที่วางรากฐานอาคารของเขาบนความยำ�เกรงพระเจ้าและ เพื่อความปราโมทย์ของพระองค์หรือผู้ที่วางรากฐานอาคารของเขาบน ขอบตลิ่งที่ถูกเซาะจนจะพัง และมันจะพังลงมาพร้อมกับเขาในไฟนรก? แท้จริง พระเจ้ามิทรงชี้ทางที่ถูกต้องให้แก่หมู่ชนผู้อธรรม 110 อาคารที่ พวกเขาสร้างขึ้นนี้จะไม่หยุดยั้งที่จะสร้างความพะวักพะวนในหัวใจของ พวกเขา จนกว่าหัวใจของพวกเขาจะถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง 111 แท้จริง พระเจ้าได้ทรงซื้อชีวิตและทรัพย์สินทั้งหลายของบรรดา ผู้ศรัทธาด้วยสวรรค์ส�ำ หรับพวกเขา พวกเขาต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า

204

���������������

พวกเขาฆ่าและถูกฆ่า* มันเป็นสัญญาที่ผูกมัดพระองค์ไว้ในเตารอตและ อินญีลและกุรอาน และใครเล่าที่จะปฏิบัติตามสัญญาของเขาให้ครบได้ ยิ่งไปกว่าพระเจ้า? ดังนั้น จงรื่นเริงในการแลกเปลี่ยนที่สูเจ้าได้ทำ�ไว้กับ พระองค์ และนั่นคือความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่ 112 (บรรดาผู้ศรัทธาคือ) ผู้ ที่หันกลับไปยังพระเจ้าอยู่เนืองๆ บรรดาผู้เคารพสักการะพระองค์และ สรรเสริญพระองค์ บรรดาผู้ท่องไปในแผ่นดินเพื่อรับใช้พระองค์ บรรดา ผู้โค้งคารวะ บรรดาผู้กราบ บรรดาผู้ก�ำ ชับให้ท�ำ ความดีและห้ามปราม ความชั่วและบรรดาผู้รักษาขอบเขตที่พระองค์ทรงกำ�หนดไว้อย่างเข้ม งวด จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย 113 มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่นบีและบรรดาผู้ศรัทธาจะวิงวอนขอ การอภัยโทษให้แก่บรรดาผู้บูชาเทวรูป แม้พวกเขาจะเป็นญาติใกล้ชิด ก็ตามหลังจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพวกเขาสมควรที่จะถูกลงโทษในนรก 114 ส่วนการที่อิบรอฮีมได้วิงวอนขอการอภัยโทษให้แก่พ่อของเขานั้น มันเป็นเพียงการทำ�ตามสัญญาที่เขาได้ท�ำ ไว้กับพ่อของเขา แต่เมื่อเขารู้ เป็นที่แน่ชัดว่าพ่อของเขาเป็นศัตรูของพระเจ้า เขาก็เลิกเกี่ยวข้องกับพ่อ ของเขา แท้จริง อิบรอฮีมเป็นคนอ่อนโยนและเป็นผู้มีขันติ 115 พระเจ้า จะไม่นำ�ผู้คนให้หลงผิดหลังจากที่พระองค์ได้ทรงนำ�ทางพวกเขาและจน กระทั่งพระองค์ได้ทำ�ให้พวกเขาชัดเจนแล้วในทุกสิ่งที่พวกเขาจะต้อง หลีกเลี่ยง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 116 แน่นอน อาณาจักร แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงให้ชีวิต และทรงให้ตาย สูเจ้าไม่มีผู้ใดนอกไปจากพระเจ้าที่จะคุ้มครองและช่วย เหลือสูเจ้า 117 พระเจ้าทรงให้อภัยนบีและบรรดาผู้อพยพและบรรดาผู้ช่วยเหลือ ที่ได้ติดตามเขาในยามวิบาก ถึงแม้ว่าหัวใจของพวกเขาบางคนได้เกิด ความรวนเรก็ตาม (แต่เมื่อพวกเขามิได้ปฏิบัติตามทางที่คดเคี้ยวและ * ดูหน้า 14-17 ของบทนำ�

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

205

ยืนอยู่กับนบี)พระองค์ได้ทรงหันไปยังพวกเขา เพราะพระองค์เป็นผู้ทรง อ่อนโยนและทรงเมตตาต่อคนเหล่านี้เสมอ 118 พระองค์ทรงให้อภัยคน ทั้งสามที่กรณีของพวกเขาได้ถูกเลื่อนออกไป เมื่อแผ่นดินที่แม้จะกว้าง ใหญ่ไพศาลก็ดูเหมือนว่าจะแคบลงสำ�หรับพวกเขาและวิญญาณของพวก เขาเองก็เป็นภาระหนักแก่พวกเขาและพวกเขาตระหนักว่าไม่มีที่พักพิง ที่ไหนสำ�หรับพวกเขาแล้วนอกจากจะหันกลับไปยังพระองค์ พระองค์ได้ ทรงหันไปยังพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้หันกลับไปยังพระองค์ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 119 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงอยู่กับบรรดาผู้มี สัจจะวาจา 120 มันไม่เหมาะสมที่ชาวมะดีนะฮฺและพวกอาหรับทะเลทราย ที่อาศัยอยู่รอบๆจะละทิ้งศาสนทูตของพระเจ้าและถือว่าชีวิตของตนเองมี ความสำ�คัญกว่าชีวิตของเขา นี่เป็นเพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาตกระกำ� ลำ�บากจากความกระหาย ความหิวและการทดสอบอื่นๆอันแสนสาหัส และเมื่อใดก็ตามที่ทุกย่างก้าวของพวกเขาทำ�ให้ผู้ปฏิเสธสัจธรรมเกิด โทสะหรือสร้างความเสียหายให้แก่บรรดาศัตรู มันจะถูกบันทึกไว้เป็นการ งานที่ดีในสายตาของพระเจ้า แน่นอน พระเจ้ามิทรงปอ่ยให้การงานของ ผู้กระทำ�ความดีต้องไร้ผลตอบแทน 121 และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้ใช้ จ่ายไป(ในหนทางของพระเจ้า)ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก และเมื่อใดก็ตามที่ พวกเขาท่องไปในหุบเขาใด(ในหนทางของพระเจ้า) มันได้ถูกบันทึกไว้ สำ�หรับพวกเขา และพระเจ้าจะทรงตอบแทนพวกเขาสำ�หรับการงานที่ดี ที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ 122 มันไม่ใช่สิ่งถูกต้องที่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดต้องออกไปพร้อมกัน (ในเวลาสงคราม) ทำ�ไมไม่ให้คนกลุ่มหนึ่งจากทุกชุมชนทิ้งบ้านของพวก เขาไป(หานบี)เพื่อหาความรู้ในศาสนาและกลับไปเตือนผู้คนของพวกเขา ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้ป้องกันตัวเองให้พ้นจากความชั่ว? 123 โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงต่อสู้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมที่อยู่

206

���������������

ใกล้สูเจ้า* จงให้พวกเขาได้เห็นความเข้มแข็งและความมั่นคงในตัวของ สูเจ้า และจงรู้เถิดว่าพระเจ้าทรงอยู่กับบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์124 เมื่อ ใดก็ตามที่มี(กุรอาน)บทหนึ่งถูกประทานมา พวกเขาบางคนได้ถาม(ด้วย ความเย้ยหยัน)ว่า “ในหมู่พวกเจ้า มีคนไหนบ้างที่ความศรัทธาของเขา เพิ่มขึ้น?” แน่นอน สำ�หรับผู้มีความศรัทธา มันได้ท�ำ ให้ความศรัทธา ของพวกเขาเพิ่มขึ้นและพวกเขาเบิกบาน 125 แต่ส�ำ หรับบรรดาผู้ที่หัวใจ ของพวกเขามีโรคนั้น มันกลับเพิ่มความโสมมที่มีอยู่แล้วให้โสมมมากยิ่ง ขึ้น และพวกเขาตายในสภาพของการปฏิเสธสัจธรรม 126 คนเหล่านี้ไม่ เห็นหรือว่าพวกเขาถูกทดสอบครั้งหนึ่งหรือสองครั้งทุกปี? แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังไม่ส�ำ นึกผิดและไม่ได้รับการตักเตือน 127 เมื่อใดที่กุรอานบท หนึ่งถูกประทานลงมา พวกเขาต่างชำ�เลืองดูกันและถามว่า “มีใครกำ�ลัง เฝ้าดูอยู่หรือเปล่า?” หลังจากนั้น พวกเขาก็หลบเลี่ยงออกไปอย่างเงียบๆ พระเจ้าได้ทรงหันหัวใจของพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่เข้าใจ 128 ตอนนี้มีศาสนทูตคนหนึ่งจากหมู่สูเจ้าได้มายังสูเจ้าแล้ว เขาเป็น ทุกข์ใจในการสูญเสียของสูเจ้า เขาเป็นห่วงในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของ สูเจ้า เขาเป็นผู้อ่อนโยนและเป็นผู้เมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธาเสมอ 129 แต่ ถ้าหากพวกเขาหันไปจากเจ้า (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า “พระเจ้าทรง เพียงพอแล้วสำ�หรับฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ฉันวางใจใน พระองค์ พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่”

* ดูหน้า 14-17 ของบทนำ�

ยูนุส

207

10. โยนาห์

ยูนุส

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม รอ เหล่านี้คือข้อความแห่งคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยวิทยปัญญาและความรู้ 2 มัน เป็นเรื่องแปลกกระนั้นหรือที่เราได้ดลใจคนผู้หนึ่งในหมู่พวกเขาให้มา ตักเตือนผู้คนและแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่าพวกเขาจะมีเกียรติและ ความสำ�เร็จที่แท้จริงกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา? แต่ผู้ปฏิเสธสัจธรรม กล่าวว่า “คนผู้นี้เป็นนักเวทมนตร์อย่างแน่นอน” 3 แท้จริงแล้ว พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินในหกวัน(ช่วงเวลา) แล้วทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์แห่ง อาณาจักรของพระองค์และทรงบริหารกิจการแห่งจักรวาล ไม่มีผู้ใดที่จะ ขอไถ่โทษแทนใครกับพระองค์ได้เว้นแต่หลังจากที่พระองค์ทรงอนุมัติ นั่นคือพระเจ้า พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? 4 ยังพระองค์ที่สูเจ้าจะต้องกลับไป นี่คือ สัญญาที่แท้จริงและแน่นอนของพระเจ้า แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงเริ่ม ต้นการสร้างสรรค์ แล้วพระองค์ทรงให้มันเกิดขึ้นมาอีกเพื่อที่ว่าพระองค์ จะได้ทรงตอบแทนอย่างยุติธรรมแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น พวกเขาจะได้ดื่มน้�ำ ที่ร้อนจัดและได้รับการ ลงโทษอันเจ็บปวดสำ�หรับการปฏิเสธของพวกเขา 5 พระองค์คือผู้ทรงให้ดวงอาทิตย์มีแสงจ้าและดวงจันทร์มีแสงนวล และได้ทรงกำ�หนดระยะการโคจรของมันอย่างเที่ยงตรงเพื่อที่สูเจ้าจะได้ คำ�นวณปีและวันจากมัน พระเจ้ามิได้ทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดโดยไร้ วัตถุประสงค์ พระองค์ทรงทำ�ให้สิ่งที่พระองค์ทรงประทานมาเป็นที่แจ้ง

208

10. โยนาห์

ชัดสำ�หรับคนที่มีความเข้าใจ 6 แท้จริงแล้ว ในการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ของกลางคืนและกลางวันและในทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นมีสัญญาณสำ�หรับบรรดาผู้ยำ�เกรงพระเจ้า* 7 แท้จริง บรรดาผู้ที่ไม่หวังว่าจะพบเราและพอใจกับชีวิตแห่งโลกนี้และ ยินดีกับมันและไม่ใส่ใจต่อสัญญาณของเรานั้น 8 ที่พักบั้นปลายของพวก เขาคือไฟนรกซึ่งเป็นผลมาจากความชั่วที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 9 แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้น พระผู้อภิบาลของพวกเขาจะทรง นำ�ทางพวกเขา ทั้งนี้เพราะความศรัทธาของพวกเขานั่นเอง และเบื้อง ล่างของพวกเขานั้นมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านในสวนสวรรค์อันบรมสุข 10 ใน(สภาพแห่งความสุข)นั้น พวกเขาจะวิงวอนว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระองค์ โอ้พระเจ้า” และการทักทายให้ความเคารพของพวกเขาก็คือ “ศานติ” และปิดท้ายการวิงวอนของพวกเขาโดยกล่าวว่า “การสรรเสริญ ทั้งหลายเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก” 11 ถ้าหากพระเจ้าทรงเร่งลงโทษมนุษย์เหมือนกับที่พระองค์ทรงเร่ง รีบในสิ่งดี วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของพวกเขาคงจะมาถึงแล้ว แต่เราได้ ปล่อยให้พวกที่ไม่หวังว่าจะพบเราดั้นด้นไปในความโอหังของพวกเขา 12 เมื่อมนุษย์ประสบทุกข์ภัย เขาร้องเรียกหาเรา ไม่ว่าจะยืนหรือนั่งหรือ นอน แต่เมื่อเราขจัดทุกข์ภัยออกไปจากเขา เขากลับประพฤติเหมือนกับ ว่าเขาไม่เคยร้องหาเราในตอนที่ทุกข์ภัยได้ประสบกับเขา เช่นนั้นเองที่ การทำ�ชั่วของบรรดาผู้ฝ่าฝืนได้ถูกทำ�ให้ดูเหมือนเป็นสิ่งดีงามแก่พวกเขา 13 (โอ้มนุษย์ทั้งหลาย) เราได้ทำ�ลายหมู่ชนที่มีพลังอำ�นาจมากมาย * ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน มีสัญญาณมากมายสุดคณานับ แต่ สัญญาณเหล่านั้นเป็นบทเรียนเฉพาะคนที่เกรงกลัวพระเจ้าเท่านั้น ความ กลัวเป็นสิ่งที่ทำ�ให้มนุษย์จริงจัง หากมนุษย์ไม่มีความจริงจังในชีวิต เขา จะไม่ให้ความสนใจอย่างเต็มที่ต่อเรื่องสำ�คัญๆและจะไม่เข้าใจชีวิตใน ด้านต่างๆของพวกเขา

ยูนุส

209

มาแล้วก่อนหน้าสูเจ้าเมื่อพวกเขา(ยังคงดึงดัน)ทำ�ความชั่ว เพราะบรรดา ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาแล้วพร้อมด้วยสัญญาณอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาไม่ศรัทธา ดังนั้น เราจึงลงโทษหมู่ชนผู้ท�ำ ความผิด 14 หลัง จากนั้น เราได้ทำ�ให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอดแทนพวกเขาในแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อ ที่เราจะทดสอบดูว่าสูเจ้าประพฤติตัวอย่างไร 15 เมื่อถ้อยคำ�อันชัดเจนที่เราประทานมาได้ถูกอ่านแก่พวกเขา บรรดา ผู้ที่ไม่หวังจะพบเราได้กล่าวว่า “จงนำ�เอากุรอานอันอื่นมาแทน หรือไม่ ก็เปลี่ยนแปลงมันเสีย” (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “ไม่ใช่หน้าที่ของ ฉันที่จะมาเปลี่ยนแปลงกุรอานตามความพอใจของฉัน ฉันเพียงแต่ปฏิบัติ ตามสิ่งที่ถูกประทานมายังฉัน ถ้าฉันไม่เชื่อฟังพระผู้อภิบาลของฉัน ฉัน กลัวการลงโทษในวันอันน่าสะพรึงกลัว 16 จงกล่าวเถิดว่า “หากพระเจ้า ทรงประสงค์ ฉันคงไม่อ่านกุรอานนี้ให้พวกท่านฟังและคงไม่บอกสิ่งใดแก่ พวกท่าน และพระองค์คงไม่น�ำ มันมาให้พวกท่านได้รู้ ความจริงแล้ว ฉัน ได้ใช้ชีวิตทั้งหมดในหมู่พวกท่านก่อนที่มันจะมายังฉัน พวกท่านไม่ได้ใช้ สติปัญญาดอกหรือ?” 17 ดังนั้น ผู้ใดเล่าที่จะเป็นผู้อธรรมที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า คนที่กุเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้าขึ้นมาหรือปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของ พระองค์? แท้จริงแล้ว ผู้ทำ�ผิดนั้นไม่อาจได้รับความสำ�เร็จ 18 แทนที่จะเคารพสักการะพระเจ้า พวกเขากลับสักการะสิ่งอื่นที่ไม่ สามารถให้โทษและให้คุณแก่พวกเขา และพวกเขากล่าวว่า “สิ่งเหล่านี้ คือผู้ขออภัยโทษต่อพระเจ้าให้พวกเรา” (มุฮัมมัด)จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พวกท่านบอกพระเจ้าให้รู้เกี่ยวกับบางสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ที่พระองค์ไม่ทรงรู้กระนั้นหรือ? พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์และสูงส่งเหนือ สิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับพระองค์ 19 มนุษย์ทั้งหลายนั้นเป็นประชาชาติ เดียวกัน แต่หลังจากนั้น พวกเขาได้สร้างความเชื่อและแนวทางต่างๆขึ้น มา และถ้าหากพระผู้อภิบาลของเจ้ามิได้ทรงมีบัญชาไว้ก่อน สิ่งที่พวก เขาขัดแย้งกันนั้นคงจะถูกตัดสินไปแล้วอย่างแน่นอน

210

10. โยนาห์

พวกเขาถามว่า “ทำ�ไมถึงไม่มีสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของ เขาส่งมายังเขา? จงบอกพวกเขาว่า “พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ถึงสิ่งเร้นลับ ดัง นั้น จงคอยมันเถิด ฉันเองจะคอยอยู่กับพวกท่านด้วยเช่นกัน” 21 เมื่อใด ที่เราได้แสดงความเมตตาแก่มนุษย์หลังจากที่พวกเขาต้องประสบทุกข์ ภัยได้ไม่นาน พวกเขาได้หันมาสร้างข้อโต้แย้งอันเป็นเท็จต่อสัญญาณ ทั้งหลายของเรา จงบอกพวกเขาว่า “พระเจ้าทรงฉับไวในแผนการของ พระองค์ แท้จริงแล้ว ทูตสวรรค์ของเรานั้นกำ�ลังบันทึกแผนการของสูเจ้า อยู่” 22 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้สูเจ้าสามารถสัญจรไปได้บนหน้าแผ่นดิน และในทะเล และเมื่อสูเจ้าแล่นเรือด้วยความเบิกบานกับสายลมโชย ทันใดนั้น คลื่นลมแรงได้เริ่มกระหน่�ำ ใส่บรรดาผู้โดยสารในทุกด้านจน พวกเขาคิดว่าพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของพายุคลื่นลมเสียแล้ว พวกเขา จึงวิงวอนต่อพระเจ้าด้วยความจริงใจว่า “ถ้าหากพระองค์ทรงช่วยเราให้ รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ เราจะเป็นบ่าวผู้กตัญญูของพระองค์” 23 แต่เมื่อ พระองค์ทรงช่วยพวกเขา พวกเขากลับดื้อดึงฝ่าฝืนในแผ่นดิน มนุษย์ เอ๋ย แท้จริงแล้ว การดื้อดึงฝ่าฝืนล้วนแต่ให้โทษแก่สูเจ้าเท่านั้น จงรื่นเริง กับชีวิตปัจจุบันนี้ไปเถิด หลังจากนั้น สูเจ้าจะต้องกลับมายังเรา แล้วเรา จะแจ้งให้สูเจ้ารู้ในสิ่งที่สูเจ้าได้ท�ำ เอาไว้ 24 ชีวิตแห่งโลกนี้อาจเปรียบได้กับน้ำ�ที่เราส่งมาจากท้องฟ้าและน้ำ�ได้ ถูกต้นไม้บนโลกดูดซึมเข้าไปจนมีผลงอกเงยออกมาให้มนุษย์และสัตว์ได้ กินอย่างเหลือเฟือ แต่เมื่อแผ่นดินงามสะพรั่งและพืชผลของมันได้ถูกเก็บ เกี่ยวและเจ้าของของมันคิดว่าเขาสามารถที่จะนำ�มันมาใช้ประโยชน์ได้ แต่แล้ว คำ�บัญชาของเราได้มาอย่างฉับพลันในตอนกลางคืนหรือกลาง วัน เราได้ทำ�ลายมันจนเหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นที่นั่นในวันก่อน ใน ทำ�นองนี้เองที่เราได้แสดงสัญญาณของเราให้เห็นอย่างชัดแจ้งเพื่อการ พิจารณาของหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ 20

ยูนุส

211

พระเจ้าทรงเรียกร้องสูเจ้ายังบ้านแห่งความสันติ และพระองค์ทรง นำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์สู่แนวทางที่เที่ยงตรง 26 บรรดาผู้ทำ�ความ ดีนั้นจะได้รับความดีตอบแทนและมากกว่าความดีที่พวกเขาได้ทำ�ไว้เสีย อีก ใบหน้าของพวกเขาจะไม่เศร้าหมองและหมดหวัง พวกเขาเหล่านี้ แหละคือชาวสวรรค์ที่พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้น 27 แต่สำ�หรับบรรดาผู้ สะสมความชั่วไว้จะได้รับการตอบแทนตามความชั่วที่พวกเขาได้สะสมไว้ พวกเขาจะไม่มีใครป้องกันพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้า ใบหน้าของพวก เขาจะถูกปกคลุมด้วยความเศร้าหมองจนดูเหมือนกับว่าความมืดของ รัตติกาลได้ปกคลุมใบหน้าของพวกเขาไว้ พวกเขาเหล่านี้แหละคือชาว นรก พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดกาล 28 ในวันที่เราจะรวมพวกเขาทั้งหมดไว้นั้น เราจะกล่าวแก่บรรดาผู้น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าว่า “สูเจ้าจงอยู่ที่นั่น ทั้งสูเจ้าเองและพวกที่ สูเจ้าตั้งขึ้นมาเป็นภาคีกับเราด้วย” หลังจากนั้น เราจะแยกพวกเขาออก จากกัน และพวกภาคีที่พวกเขาตั้งขึ้นเป็นพระเจ้าเทียบเคียงกับเราจะ กล่าวว่า “พวกเจ้ามิได้เคารพสักการะพวกเราแต่อย่างใด 29 พระเจ้านั้น เพียงพอแล้วสำ�หรับการเป็นพยานระหว่างเราและระหว่างพวกเจ้า และ เราไม่รู้เลยว่าพวกเจ้าเคารพสักการะเรา” 30 ในเวลานั้น ทุกคนจะรู้ถึง สิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ และพวกเขาทั้งหมดจะถูกนำ�กลับไปยังพระเจ้า พระเจ้าที่แท้จริงของพวกเขาและสิ่งโกหกทั้งหลายที่พวกเขาได้สร้างขึ้น มานั้นจะทิ้งพวกเขาไป 31 จงถามพวกเขาว่า “ผู้ใดประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกท่านจากฟาก ฟ้าและแผ่นดิน? ผู้ใดมีอำ�นาจเหนือการได้ยินและการมองเห็น? ผู้ใดที่ นำ�ชีวิตออกมาจากความตายและนำ�ความตายออกมาจากชีวิต? ผู้ใดที่ กำ�กับกิจการทุกอย่าง?” พวกเขาจะกล่าวว่า “พระเจ้า” ดังนั้น จงถาม พวกเขาซิว่า “แล้วพวกท่านยังไม่กลัวพระองค์กระนั้นหรือ? 32 พระเจ้า องค์เดียวกันนี้แหละที่เป็นพระผู้อภิบาลที่แท้จริงของสูเจ้า แล้วอะไรเล่าที่ 25

212

10. โยนาห์

ยังเหลืออยู่หลังจากสัจธรรมนอกไปจากความเท็จ? แล้วไฉนเล่า สูเจ้าจึง หันกลับไป?” 33 ในทำ�นองนี้แหละที่วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้าเป็น ความจริงต่อบรรดาผู้ฝ่าฝืน พวกเขาจะไม่ศรัทธา 34 จงถามพวกเขาว่า “มีสิ่งใดที่พวกท่านนำ�มาตั้งภาคีกับพระเจ้าเป็นผู้ เริ่มแรกในการสร้างสรรค์และนำ�มันกลับมาอีก?” จงกล่าวเถิดว่า “พระเจ้า ต่างหากที่เป็นผู้ทรงเริ่มสร้างสรรค์ตั้งแต่แรกและทรงนำ�มันกลับมาอีก แล้วไฉนพวกท่านยังหลงผิดอีก?” 35 จงถามพวกเขาเถิดว่า “ในบรรดาสิ่ง ที่พวกท่านนำ�มาตั้งเป็นภาคีกับพระเจ้านั้น มีผู้ใดที่น�ำ ทางไปสู่สัจธรรม?” จงกล่าวเถิด “พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงนำ�ทางไปสู่สัจธรรม” จงถามพวกเขา ด้วยว่า “ผู้ใดสมควรได้รับการปฏิบัติตาม ผู้ที่นำ�ทางไปสู่สัจธรรมหรือผู้ ที่ไม่สามารถนำ�ทางได้เว้นเสียแต่ว่าตัวเองจะถูกชี้ทางให้? แล้วพวกท่าน เป็นอะไรไปจึงได้ตัดสินกันอย่างผิดๆ?” 36 ความจริงแล้ว พวกเขาส่วน ใหญ่มิได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกไปจากการคิดกันไปเอง แต่การคิดกันไป เองนั้นไม่สามารถที่จะโต้แย้งความจริงได้เลย แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงรู้ ถึงสิ่งที่พวกเขากำ�ลังกระทำ� 37 อัลกุรอานนี้มิใช่สิ่งที่ผู้ใดจะเรียบเรียงขึ้นมาได้นอกจากพระเจ้า มันเป็นสิ่งยืนยันคำ�พูดล่วงหน้าที่ถูกประทานมาก่อนหน้านี้และเป็นการ อธิบายรายละเอียดของคัมภีร์ ไม่มีข้อสงสัยอันใดในเรื่องนี้ว่ามันมาจาก พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล 38 พวกเขากล่าวว่า “เขา(นบี)เรียบเรียง มันขึ้นมาเอง” กระนั้นหรือ? จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากสิ่งที่พวกท่าน พูดเป็นเรื่องจริงแล้ว ขอให้พวกท่านนำ�มาสักบทหนึ่งที่เหมือนกันนี้ พวก ท่านจะเรียกใครมาช่วยก็ได้ตามที่พวกท่านสามารถนอกไปจากพระเจ้า” 39 แต่ความจริงแล้ว พวกเขาได้ปฏิเสธสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจและพวกเขา ยังไม่ได้ลิ้มรสผลสุดท้ายที่จะติดตามมา ในทำ�นองเดียวกันนี้แหละที่ผู้คน ก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏิเสธสัจธรรม แต่จงคอยดูเถิดว่าผลสุดท้ายของผู้ อธรรมจะเป็นเช่นใด

ยูนุส

213

คนเหล่านี้มีบางคนเชื่อ(ในกุรอาน)และมีบางคนที่ไม่เชื่อ และพระผู้ อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้ก่อความเสียหายเหล่านี้ 41 ถ้าหากพวก คนเหล่านี้ปฏิเสธเจ้า จงบอกพวกเขาว่า “ฉันรับผิดชอบในการกระทำ�ของ ฉัน และพวกท่านก็รับผิดชอบการกระทำ�ของพวกท่าน พวกท่านไม่ต้อง มารับผิดชอบในสิ่งที่ฉันกระทำ�และฉันก็ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่พวกท่าน กระทำ�” 42 ในหมู่พวกเขามีบางคนที่ฟังเจ้า แต่เจ้าจะทำ�ให้คนหูหนวก ฟังเจ้าหรือ ทั้งๆที่พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจ? 43 และในหมู่พวกเขามี บางคนที่มองเจ้า แต่เจ้าจะชี้ทางให้คนตาบอดกระนั้นหรือทั้งๆที่พวกเขา ไม่อาจมองเห็น? 44 ความจริงแล้ว พระเจ้ามิได้ทรงอธรรมต่อมนุษย์แต่ อย่างใด มนุษย์เองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง 45 ในวันที่พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขานั้น พวกเขาจะรู้สึกเหมือน กับพวกเขาได้อยู่ในโลกนี้เพียงชั่วยามเดียวของวัน ในเวลานั้น พวก เขาจะต่างจำ�กันได้ บรรดาผู้ไม่เชื่อในการพบกับพระเจ้าและไม่เดินบน หนทางที่ถูกต้องนั้นคือผู้ขาดทุน 46 ไม่ว่าเราจะให้เจ้าได้เห็นบางสิ่งที่ เราได้สัญญาพวกเขาไว้หรือทำ�ให้เจ้าตาย(ก่อนหน้านั้น) พวกเขาจะต้อง กลับมายังเราอย่างแน่นอน พระเจ้าทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่พวกเขากำ�ลัง กระทำ� 47 ทุกประชาชาตินั้นมีศาสนทูต เมื่อศาสนทูตของพวกเขามาแล้ว การ ตัดสินในระหว่างพวกเขาจะมีขึ้นโดยเที่ยงธรรม และพวกเขาจะไม่ได้รับ ความอยุติธรรมแม้แต่น้อย 48 พวกเขาถามว่า “เมื่อใดเล่าที่สัญญานี้จะเกิดขึ้น? จงบอกมาซิถ้า หากสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง?” 49 จงกล่าวเถิดว่า “ฉันไม่มีอำ�นาจใน การให้โทษและให้คุณใดๆจากตัวฉัน ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของ พระเจ้า ทุกประชาชาตินั้นมีวาระที่ถูกกำ�หนดไว้แล้ว เมื่อวาระสุดท้าย ของพวกเขามาถึง พวกเขาก็ไม่อาจหน่วงเหนี่ยวไว้หรือเร่งให้มันเกิดขึ้น เร็วได้” 50 จงถามพวกเขาว่า “พวกท่านเคยพิจารณาไหมว่า ถ้าหากการ 40

214

10. โยนาห์

ลงโทษของพระองค์มายังพวกท่านอย่างฉับพลันทันใดในตอนกลางคืน หรือตอนกลางวัน คนทำ�ความผิดจะหลีกหนีได้อย่างไร?” 51 พวกท่านจะ ศรัทธาอะไรหรือหลังจากที่มันเกิดขึ้นกับพวกท่านแล้ว ทั้งๆที่พวกท่าน เองต้องการให้มันเกิดขึ้นโดยเร็ว? 52 แล้วบรรดาผู้ท�ำ ความชั่วจะถูกบอก ว่า “ทีนี้ จงลิ้มรสการลงโทษอันยาวนานตลอดไปเถิด มีอะไรที่พวกเจ้า หวังว่าจะได้มากกว่านี้สำ�หรับสิ่งที่พวกเจ้าได้ท�ำ ไว้?” 53 พวกเขาถามเจ้าว่า “สิ่งที่ท่านพูดนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือ?” จงบอก พวกเขาว่า “แน่นอน ขอสาบานด้วยพระเจ้าของฉัน มันเป็นความจริง ที่สุด และพวกท่านไม่มีอ�ำ นาจที่จะป้องกันมันได้” 54 ถ้าผู้ท�ำ ผิดทุกคนมี ทรัพย์สินในโลกทุกอย่าง เขาจะหาทางเอามันมาเป็นค่าไถ่ตัวเขาเองเมื่อ พวกเขาเห็นการลงโทษ พวกเขาจะสำ�นึกผิดอย่างลับๆ แต่พวกเขาจะถูก ตัดสินโดยยุติธรรม และพวกเขาจะไม่ได้รับความอยุติธรรม 55 จงฟังให้ดี ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของพระเจ้า จงรู้ ไว้เถิดว่าสัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความจริง แต่ส่วนมากของพวกเขา ไม่รู้ 56 พระองค์เป็นผู้ทรงให้ชีวิตและความตายและยังพระองค์ที่สูเจ้าจะ ถูกนำ�กลับ 57 โอ้มนุษย์เอ๋ย ได้มีคำ�ตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้ามายังสูเจ้า แล้ว และนี่เป็นสิ่งเยียวยาสำ�หรับโรคในหัวใจ และเป็นทางนำ�และความ เมตตาสำ�หรับผู้ศรัทธามัน 58 (โอ้ นบี) จงกล่าวเถิด “มันเป็นความการุญ ของพระเจ้าและความเมตตาของพระองค์ที่ได้ประทานสิ่งนี้มา จงให้พวก เขายินดีเถิด เพราะมันดีกว่าสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้” 59 (โอ้ นบี) จงถาม พวกเขา “พวกท่านเคยพิจารณาบ้างไหมว่าพวกท่านเองได้ท�ำ ให้บาง สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงประทานแก่พวกท่านเป็นที่ต้องห้ามและบางสิ่งเป็นที่ อนุมัติ?” แล้วจงถามพวกเขาว่า “พระเจ้าทรงอนุญาตให้พวกท่านทำ�เช่น นี้หรือ หรือพวกท่านโยนความผิดไปให้พระเจ้า?” 60 บรรดาผู้สร้างความ

ยูนุส

215

เท็จเกี่ยวกับพระเจ้าจะคิดอย่างไรในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ? แท้จริงแล้ว พระเจ้านั้นทรงการุญต่อมนุษยชาติ แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่ขอบคุณ 61 (โอ้ นบี) เรากำ�ลังเฝ้ามองการงานที่เจ้าทุ่มเทอยู่ และส่วนใดก็ตาม ที่เจ้าอ่านจากกุรอาน เรากำ�ลังเฝ้าดูสิ่งที่สูเจ้ากำ�ลังกระทำ� ไม่มีเศษเสี้ยว ของสิ่ ง ใดไม่ ว่ า เล็ ก หรื อ ใหญ่ ใ นโลกนี้ แ ละในชั้ น ฟ้ า จะซ่ อ นเร้ น ไปจาก พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ และทุกสิ่งล้วนอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง 62 จง ฟัง แท้จริง บรรดาผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจะไม่มีวันหวาดกลัวและเศร้าโศก เสียใจ 63 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและผู้เกรงกลัวพระเจ้า 64 สำ�หรับคน เหล่านี้มีข่าวดีในโลกนี้และในโลกหน้า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่มีการ เปลี่ยนแปลง นี่คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ 65 (โอ้นบี) จงอย่าให้คำ�พูดของ พวกเขาทำ�ให้เจ้าระทม เพราะเกียรติยศทั้งหลายนั้นล้วนอยู่ที่พระเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 66 จงรู้ไว้เถิดว่าบรรดาผู้อาศัยอยู่ใน ชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นล้วนเป็นของพระเจ้า บรรดา ผู้วิงวอนภาคีต่างๆอื่นไปจากพระเจ้านั้นมิได้ตามสิ่งใดนอกไปจากการ นึกเดาเอาเองและพวกเขาได้แต่เดาสุ่มเอาเท่านั้น 67 พระองค์คือผู้ทรง บันดาลกลางคืนสำ�หรับสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้พักผ่อนในตอนกลางคืนและ ให้แสงสว่างแก่กลางวัน แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำ�หรับบรรดาผู้ฟัง 68 พวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าได้ทรงให้ก�ำ เนิดบุตร” พระเจ้าทรงมหา บริสุทธิ์ยิ่ง พระองค์ทรงมีอย่างเพียงพอ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่ อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน สูเจ้ามีหลักฐานอันใดในการกล่าวเช่น นั้น? สูเจ้าอ้างเรื่องเท็จต่อพระเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าไม่มีความรู้กระนั้นหรือ? 69 โอ้ นบี จงบอกพวกเขาว่า “บรรดาผู้กล่าวร้ายต่อพระเจ้านั้นจะไม่มีวัน เจริญ” 70 พวกเขาอาจจะรื่นเริงกับความสุขชั่วคราวแห่งโลกนี้ แต่หลัง จากนั้นแล้ว พวกเขาจะต้องกลับมายังเรา แล้วเราจะทำ�ให้พวกเขาได้ลิ้ม รสการลงโทษอันแสนสาหัสเพราะการปฏิเสธสัจธรรมของพวกเขา 71 จงบอกพวกเขาให้รู้ถึงเรื่องราวของนูฮฺเมื่อเขาได้กล่าวแก่ผู้คนของ

216

10. โยนาห์

เขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ถ้าหากว่าการที่ฉันอยู่ในหมู่พวกท่านและตัก เตือนพวกท่านเป็นสิ่งที่ทำ�ให้พวกท่านเหลืออดเหลือทนแล้ว จงรู้เถิด ว่าฉันมอบความไว้วางใจในพระเจ้า พวกท่านจะรวบรวมสิ่งที่พวกท่าน ตั้งเป็นภาคีกับพระเจ้าและร่วมกันตัดสินเกี่ยวกับฉันก็ได้ และจงจัดการ ฉันเสียโดยไม่ต้องผ่อนปรนใดๆ 72 ถ้าหากพวกท่านหันหลังให้ฉัน จงรู้ ไว้เถิดว่าฉันไม่ได้ร้องขอการตอบแทนใดๆจากพวกท่าน การตอบแทน ของฉันอยู่ที่พระเจ้าและฉันได้ถูกบัญชาให้เป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้ยอม ตนต่อพระเจ้า” 73 แต่พวกเขาได้ปฏิเสธนูฮฺ ดังนั้น เราจึงได้ช่วยเขาและ บรรดาผู้อยู่กับเขาในเรือและได้ทำ�ให้พวกเขาได้เป็นผู้สืบทอดบนโลก ในขณะที่เราได้ท�ำ ให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณของเราจมน้�ำ ตาย ดังนั้น จงพิจารณาถึงผลสุดท้ายของบรรดาผู้ที่ได้รับการตักเตือนแล้วว่าเป็น อย่างไร 74 หลังจากเขาแล้ว เราได้ส่งศาสนทูตอีกหลายคนมายังหมู่ชนของ พวกเขา ศาสนทูตเหล่านั้นได้น�ำ หลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขา แต่ พวกเขาไม่ศรัทธาในสัจธรรม เพราะพวกเขาได้ปฏิเสธมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น เราจึงปิดผนึกบนหัวใจของบรรดาผู้ฝ่าฝืน 75 หลังจากนั้น เราได้ส่งมูซาและฮารูนพร้อมกับสัญญาณมากมายของ เรามายังฟาโรห์และบรรดาหัวหน้าของเขา แต่พวกเขากลับโอหังเพราะ พวกเขาเป็นคนชั่ว 76 ดังนั้น เมื่อสัจธรรมจากเรามายังพวกเขา พวกเขา กล่าวว่า “นี่คือมายากลอย่างชัดแจ้ง” 77 มูซาได้ตอบว่า “พวกท่านเรียก สัจธรรมว่ามายากลกระนั้นหรือเมื่อมันได้มายังพวกท่าน? นี่คือมายากล กระนั้นหรือ? พวกนักมายากลนั้นไม่อาจประสบความสำ�เร็จได้” 78 พวก เขากล่าวว่า “เจ้ามาหันเหพวกเราออกไปจากสิ่งที่เราพบว่าบรรพบุรุษ ของพวกเราทำ�ตามกันมาเพื่อที่เจ้าทั้งสองจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ หรือ? เราไม่ศรัทธาในสิ่งที่เจ้าทั้งสองพูด” 79 หลังจากนั้น ฟาโรห์ได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “จงไปเอานักมายากล

ยูนุส

217

ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมาหาฉัน” 80 เมื่อบรรดานักมายากลมาแล้ว มูซาได้ กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงโยนอะไรที่พวกท่านอยากจะโยนลงมาก็ได้” 81 และเมื่อพวกนักมายากลโยนเครื่องมือของพวกเขาลงไป มูซาได้กล่าว แก่พวกเขาว่า “ที่พวกท่านโยนลงมานั้นเป็นแค่มายากล แน่นอน พระเจ้า จะทรงทำ�ให้มันไร้ผล เพราะพระเจ้าไม่ช่วยเหลืองานของผู้ก่อความเสีย หาย 82 พระเจ้าทรงพิสูจน์ให้โลกเห็นสัจธรรมโดยวจนะของพระองค์ถึง แม้ว่าพวกคนทำ�บาปจะไม่ชอบมันก็ตาม” 83 แต่ไม่มีใครนอกจากเด็กหนุ่มเพียงไม่กี่คนที่ประกาศว่าพวกเขา ศรัทธาในมูซา(ในขณะที่คนอื่นๆถอยหลัง) เพราะกลัวว่าฟาโรห์และ บรรดาหัวหน้าของเขาจะลงโทษพวกเขา ฟาโรห์เป็นผู้มีอ�ำ นาจมากใน แผ่นดินและเขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ไม่ลังเลที่จะละเมิดขอบเขต 84 มูซา ได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ถ้าหากพวกท่านศรัทธาใน พระเจ้าอย่างจริงใจ(และ)ถ้าหากพวกท่านยอมจำ�นนต่อพระองค์แล้ว ดัง นั้น จงวางใจในพระองค์” 85 พวกเขาตอบว่า “เราไว้วางใจในพระเจ้า โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าทำ�ให้เราเป็นเครื่องทดสอบสำ�หรับบรรดา ผู้กดขี่ข่มเหงเลย 86 และโปรดช่วยเราด้วยความเมตตาของพระองค์ให้ พ้นจากบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมด้วยเถิด” 87 เราได้เปิดเผย(เจตนาของเรา)แก่มูซาและพี่ชายของเขาว่า “จง จัดหาบ้านสำ�หรับผู้คนของเจ้าทั้งสองในเมืองและจงทำ�บ้านนั้นให้เป็น สถานที่แห่งการเคารพสักการะและจงดำ�รงนมาซและ(โอ้มูซา)จงบอก ข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา” 88 มูซาได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ได้ประทาน ความความอลังการและทรัพย์สินในชีวิตแห่งโลกนี้แก่ฟาโรห์และเหล่า เสนาบดีของเขา นี่เองที่พวกเขาได้น�ำ ผู้คนให้หลงผิดออกไปจากทาง ของพระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทำ�ลายความมั่งคั่งของพวก

218

10. โยนาห์

เขาและทำ�ให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างเพื่อที่พวกเขาจะไม่ศรัทธา จนกว่าพวกเขาได้เห็นการลงโทษอันเจ็บปวดด้วยเถิด” 89 พระเจ้าทรงตอบว่า “การวิงวอนของเจ้าทั้งสองได้ถูกตอบรับแล้ว เจ้าทั้งสองจนยืนหยัดให้มั่นคงและจงอย่าปฏิบัติตามทางของบรรดาผู้ ไม่มีความรู้” 90 ดังนั้น เราได้พาพวกลูกหลานอิสรออีลข้ามทะเล ฟาโรห์พร้อมกับ ไพร่พลของเขาได้ออกติดตามพวกเขาอย่างโอหังและก้าวร้าว จนกระทั่ง เมื่อเขาจะจมน้ำ�ตาย เขา(ฟาโรห์)ได้กล่าวว่า “ฉันศรัทธาแล้วว่าไม่มี พระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ที่ลูกหลานของอิสรออีลศรัทธา และฉัน อยู่ในหมู่ผู้นอบน้อมยอมจำ�นน” 91 “ตอนนี้หรือที่สูเจ้าศรัทธาในขณะที่ ก่อนหน้านี้สูเจ้าเป็นผู้ฝ่าฝืนและเป็นอยู่ในหมู่ผู้ท�ำ ผิด 92 ดังนั้น วันนี้ เรา จะรักษาร่างของเจ้าไว้เพื่อเป็นสัญญาณเตือนสำ�หรับชนรุ่นหลังเจ้าถึง แม้ว่ามีผู้คนอีกจำ�นวนมากมายที่ไม่ใส่ใจต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา” 93 เราได้ให้ที่พำ�นักอันดียิ่งแก่พวกลูกหลานอิสรออีลและได้จัดหาสิ่ง ที่ดีที่สุดแห่งชีวิตให้แก่พวกเขา หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาได้รับความรู้ (เรื่องการประทานวจนะของพระเจ้า) พวกเขาก็เริ่มมีทัศนะที่ขัดแย้งกัน แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันแห่ง การฟื้นคืนชีพเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน 94 ถ้าเจ้ายังสงสัยเกี่ยวกับทางนำ�ที่เราได้ประทานลงมาแก่เจ้า เจ้า ก็อาจถามถึงสิ่งนี้จากผู้คนที่ได้อ่านคัมภีร์ก่อนหน้าเจ้าดูก็ได้ ความจริง แล้ว มันคือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของเจ้าที่ได้มายังเจ้า ดังนั้น จงอย่า อยู่ในหมู่ผู้สงสัย 95 จงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของ พระเจ้า มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน 96 บรรดาผู้ต่อต้านคนที่วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้ายืนยันแล้วนั้น พวกเขาจะไม่ศรัทธา 97 ถึงแม้จะมีสัญญาณทุกอย่างถูกนำ�มาแสดงแก่ พวกเขาแล้วก็ตาม จนกระทั่งพวกเขาเห็นการลงโทษอันเจ็บปวด 98 มี

ยูนุส

219

หมู่ชนใดบ้างที่ยอมรับความศรัทธาและความศรัทธานั้นเป็นประโยชน์ ต่อหมู่ชนนั้นนอกไปจากหมู่ชนของยูนุส เมื่อพวกเขาศรัทธา เราจึงได้ ปลดเปลื้องการลงโทษอันน่าอับอายออกไปจากพวกเขาในชีวิตโลกนี้และ ได้ให้พวกเขาใช้ปัจจัยทั้งหลายแห่งชีวิตชั่วเวลาหนึ่ง 99 หากพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงประสงค์ ผู้คนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ใน แผ่นดินนี้คงจะศรัทธาในพระองค์แล้วโดยไม่มีการยกเว้น ดังนั้น เจ้าจะ บังคับมนุษย์ให้เป็นผู้ศรัทธากระนั้นหรือ? 100 ไม่มีผู้ใดจะศรัทธาได้หาก ปราศจากการอนุมัติของพระเจ้า พระองค์จะทรงโยนความโสมม(แห่ง ความสงสัย)ไปบนผู้ที่ไม่ใช้เหตุผลของพวกเขา 101 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงสังเกตดูสรรพสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในชั้นฟ้า ทั้งหลายและแผ่นดิน” แต่สัญญาณและการตักเตือนทั้งหลายไม่ได้อ�ำ นวย ประโยชน์อะไรแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธา 102 แล้วพวกเขาจะคอยอะไรอีกนอก ไปจากวันแห่งความชั่วร้ายที่มีต่อผู้คนก่อนหน้าพวกเขา? ดังนั้น จงบอก พวกเขาเถิดว่า “ฉะนั้น จงคอยดูก็แล้วกันและฉันก็จะคอยดูกับพวกท่าน ด้วย” 103 หลังจากนั้น เราได้ช่วยบรรดาศาสนาทูตของเราและผู้ศรัทธาให้ รอดพ้น เราได้กำ�หนดไว้ส�ำ หรับตัวเราเองแล้วที่จะช่วยบรรดาผู้ศรัทธา 104 (โอ้นบี) จงกล่าวเถิดว่า “มนุษย์เอ๋ย ถ้าหากพวกท่านยังมีข้อสงสัย เกี่ยวกับศาสนาของฉัน จงรู้ไว้เถิดว่าฉันไม่เคารพสักการะสิ่งที่พวกท่าน เคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า แต่ฉันเคารพสักการะพระเจ้าผู้ทรงมี อำ�นาจที่จะทำ�ให้พวกท่านตายเท่านั้น เพราะฉันได้ถูกบัญชาว่าฉันต้อง อยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา” 105 (ฉันยังได้ถูกบัญชาอีกว่า) และจงหันหน้าของเจ้า ไปยังความศรัทธา(ที่แท้จริง)อย่างมั่นคง และจงอย่าเป็นผู้ตั้งสิ่งอื่นเป็น ภาคีเทียบเคียงกับพระเจ้า 106 และจงอย่าวิงวอนสิ่งใดอื่นที่ไม่สามารถ ยังคุณให้โทษแก่เจ้าได้นอกจากพระเจ้า ถ้าหากเจ้ากระทำ�เช่นนั้น เจ้า จะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ทำ�ความผิด 107 ถ้าหากพระเจ้าทรงให้เจ้าประสบ ทุกข์ภัย ไม่มีใครจะสามารถขจัดทุกข์ภัยนั้นได้นอกจากพระองค์ และถ้า

220

11. ฮูด

พระองค์ประสงค์ที่จะประทานความโปรดปรานให้แก่เจ้า ใครจะหน่วง เหนี่ยวความการุญของพระองค์ไว้ไม่ได้เช่นกัน พระองค์จะทรงประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่บ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 108 (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “มนุษย์เอ๋ย สัจธรรมจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านแล้ว ดังนั้น ใครที่ปฏิบัติตาม แนวทางที่ถูกต้อง เขาก็ปฏิบัติตามทางนำ�เพื่อเป็นผลดีแก่ตัวของเขาเอง หากผู้ใดหลงออกไปจากทาง เขาก็หลงเป็นภัยต่อตัวเขาเอง และฉันไม่ได้ เป็นผู้พิทักษ์พวกท่าน” 109 (โอ้นบี) จงปฏิบัติตามทางนำ�ที่ได้ถูกประทาน แก่เจ้าและจงอดทนต่อไปจนกว่าพระเจ้าจะทรงตัดสิน เพราะพระองค์ ทรงเป็นเลิศที่สุดในบรรดาผู้ตัดสิน 11. ฮูด

ฮูด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม รอ (นี่คือ) คัมภีร์ที่ข้อความทั้งหลายเป็นหลักการสำ�คัญขั้นพื้นฐานและได้ ถูกอธิบายไว้ในรายละเดียดโดยพระผู้ทรงปรีชาญาณ และผู้ทรงรอบรู้ 2 (มันสอนว่า) พวกท่านต้องไม่เคารพสักการะผู้ใดนอกจากพระเจ้า ฉัน ถูกส่งมาจากพระองค์เพื่อตักเตือนพวกท่านและนำ�ข่าวดีจากพระองค์ มายังพวกท่าน 3 พวกท่านจงขอการอภัยจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน แล้วจงหันกลับไปยังพระองค์(ในการสำ�นึกผิด) พระองค์จะทรงประทาน ปัจจัยที่ดีแก่พวกท่านจนกระทั่งถึงวาระหนึ่งซึ่งได้ถูกกำ�หนดไว้ และ พระองค์จะประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่ทุกคนที่สมควรจะ

ฮูด

221

ได้รับ แต่พวกท่านหันหลังให้ ดังนั้น ฉันจึงกลัวว่าพวกท่านจะต้องพบกับ การลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัว 4 ยังพระเจ้าที่พวกท่านทั้งหมดต้อง กลับไป และพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 5 จงดูเถิดว่าพวกเขาปกปิดตัวของพวกเขาเองเพื่อซ่อนเร้น(ความ คิดของพวกเขา)จากพระองค์ แต่เมื่อพวกเขาปกปิดตัวของพวกเขาด้วย เสื้อผ้า พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาซ่อนเร้นและสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย พระองค์ทรงรู้แม้แต่ความคิดที่ลึกที่สุดของพวกเขา 6 ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่เคลื่อนไหวบนโลกนี้ที่การยังชีพของมันมิได้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า พระองค์ ทรงรู้ถึงที่พักอันถาวรและที่พักชั่วคราวของมัน ทุกสิ่งอยู่ในบันทึกอันชัด แจ้งแล้ว 7 พระองค์คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในหกวัน(ช่วง เวลา) ขณะที่ก่อนหน้านี้บัลลังก์ของพระองค์อยู่เหนือน้�ำ ทั้งนี้เพื่อที่จะ ทดสอบว่าผู้ใดในหมู่สูเจ้าได้กระทำ�การงานที่ดี (โอ้มุฮัมมัด) ตอนนี้ ถ้า หากเจ้าบอกพวกเขาว่า “แท้จริงแล้ว พวกท่านจะถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพ ขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังความตาย” บรรดาผู้ปฏิเสธจะกล่าวทันทีว่า “นี่เป็น เรื่องไสยศาสตร์แท้ๆ” 8 และถ้าเราจะยึดเวลาการลงโทษพวกเขาออกไป สักระยะหนึ่งซึ่งได้กำ�หนดไว้แล้ว พวกเขาจะกล่าวว่า “อะไรเล่าที่ท�ำ ให้ มันเลื่อนออกไป?” จงรู้ไว้เถิดว่าเมื่อวันแห่งการลงโทษมาถึง ไม่มีใคร สามารถหลีกเลี่ยงมันไปได้และสิ่งที่พวกเขาเยาะเย้ยนั้นจะล้อมพวกเขา ไว้ทุกด้าน 9 เมื่อเราให้มนุษย์ได้เห็นความเมตตาของเรา แล้วเราเอามันกลับมา จากเขาอีก เขาจะท้อแท้และเนรคุณ 10 และถ้าหลังจากทุกข์ภัยได้มา ประสบกับเขาแล้ว เราได้ประทานความโปรดปรานแก่เขา เขาจะกล่าว ว่า “ความเศร้าโศกได้ผ่านพ้นฉันไปแล้ว” และเขาจะเริ่มคะนองและโอหัง 11 เว้นแต่ผู้ที่อดทนและกระทำ�ความดี พวกเขาจะได้รับการให้อภัยและ รางวัลตอบแทนอันใหญ่หลวง

222

11. ฮูด

(โอ้นบี จงระวังให้ดี เผื่อว่า)บางทีเจ้าอาจจะละเว้นบางสิ่งที่ได้ถูก ประทานแก่เจ้าและเจ้าอาจหดหู่ใจเพราะพวกเขากล่าวว่า “ทำ�ไมจึงไม่มี คลังสมบัติถูกส่งลงมายังเขาล่ะ?” หรือ “ไฉนจึงไม่มีทูตสวรรค์ลงมากับ เขาล่ะ?” เจ้าเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือน พระเจ้าทรงมีทุกสิ่งในอำ�นาจของ พระองค์ 13 ถ้าพวกเขากล่าวว่า “เขาได้ประดิษฐ์มันขึ้นมาด้วยตัวเอง?” จงบอกพวกเขาว่า “ดีละ ถ้าหากพวกท่านพูดจริง จงนำ�บทที่พวกท่าน คิดขึ้นมาเองสักสิบบทและเหมือนกับสิ่งนี้โดยที่พวกท่านจะเรียกใครมา ช่วยก็ได้ยกเว้นพระเจ้า” 14 แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถช่วยพวกท่าน ได้ พวกท่านก็จงรู้ไว้เถิดว่าคัมภีร์นี้(กุรอาน)ได้ถูกประทานมาด้วยความ รอบรู้ของพระเจ้าและไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใดนอกจากพระเจ้า ดังนั้น พวกท่านยังไม่ยอมจำ�นนต่อพระองค์อีกหรือ?” 15 บรรดาผู้ปรารถนาชีวิตแห่งโลกนี้และความหรูหราของมันจะได้ รับการตอบแทนโดยครบครันในชีวิตนี้สำ�หรับการงานที่ดีของพวกเขา และไม่มีสิ่งใดถูกลิดรอนไปจากมัน 16 พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ในโลกหน้า จะไม่มีสิ่งใดนอกจากไฟและทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ในโลกนี้จะไม่มี ประโยชน์อันใด 17 พวกเขาจะถูกนำ�มาเปรียบกับบรรดาผู้ที่มีหลักฐานอันชัดเจนจาก พระผู้อภิบาลของพวกเขาและมีพยานผู้หนึ่งจากพระองค์มาคอยติดตาม และก่อนหน้าเขาก็มีคัมภีร์ของมูซาเป็นทางนำ�และความเมตตาได้หรือ? คนเหล่านี้จะศรัทธามัน ในขณะที่กลุ่มใดปฏิเสธสัจธรรมของมันได้ถูก สัญญาไว้แล้วว่าจะได้อยู่ในนรก ดังนั้น โอ้นบี จงอย่างสงสัยในเรื่องนี้ เลยเพราะนี่คือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของเจ้า แต่ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ ศรัทธา 18 ผู้ใดเล่าที่จะทำ�ความผิดยิ่งใหญ่ไปกว่าผู้กล่าวร้ายต่อพระเจ้า? คน พวกนี้จะถูกนำ�มาอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขาและบรรดาพยาน จะกล่าวว่า “คนเหล่านี้คือผู้กล่าวร้ายต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา” จง 12

ฮูด

223

รู้ไว้เถิดว่าการสาปแช่งของพระเจ้าจะมีแก่ผู้ทำ�ความผิด 19 เช่นบรรดา ผู้ที่ขัดขวางผู้อื่นจากทางของพระเจ้าและหาทางที่จะบิดเบือนมัน และ บรรดาผู้ปฏิเสธในเรื่องชีวิตโลกหน้านั้น 20 พวกเขาไม่อาจหนีรอดจาก พระเจ้าไปได้ในแผ่นดินและพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครองใดๆนอกจากพระเจ้า พวกเขาจะถูกลงโทษเพิ่มเป็นสองเท่าเพราะพวกเขาไม่ฟังและไม่ดูอะไร ทั้งสิ้น 21 เหล่านี้คือบรรดาผู้ท�ำ ลายตัวของพวกเขาเองและสิ่งที่พวกเขา ได้ประดิษฐ์ขึ้นมานั้นไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขา 22 มิต้องสงสัยเลยว่าในโลก หน้าพวกเขาจะเป็นผู้ขาดทุนยิ่ง 23 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีและถ่อมตนเองต่อพระผู้ อภิบาลของพวกเขานั้น แน่นอน พวกเขาจะได้เป็นผู้พำ�นักอยู่ในสวรรค์ และจะอยู่ในนั้นตลอดไป 24 คนสองกลุ่มนี้อาจเปรียบเหมือนกับคนสอง คน คนหนึ่งตาบอด หูหนวกและอีกคนหนึ่งสามารถมองเห็นและได้ยิน คนทั้งสองนี้จะเหมือนกันและเท่ากันกระนั้นหรือ? แล้วสูเจ้ามิได้ไตร่ตรอง ดอกหรือ?* 25 (นั่นเป็นสภาพเมื่อ)เราได้ส่งนูฮฺมายังหมู่คนของเขา เขากล่าวว่า “ฉันขอเตือนพวกท่านอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา 26 จงอย่าเคารพสักกา ระสิ่งใดนอกจากพระเจ้า มิฉะนั้นแล้ว ฉันกลัวว่าการลงโทษอันน่าสะพรึง กลัวจะมาถึงพวกท่านในวันหนึ่ง” 27 แต่พวกผู้นำ�ของบรรดาผู้คนที่ไม่ ยอมรับสัจธรรมได้กล่าวว่า “เราเห็นว่าท่านเป็นเพียงคนธรรมดาเหมือน กับพวกเรา และเราเห็นว่ามีแต่พวกคนชั้นต่�ำ ในหมู่พวกเราเท่านั้นที่ * ความศรัทธา ความถ่อมตนและการงานที่ดี ทั้งสามสิ่งนี้เป็นด้านที่ แตกต่างกันของความจริงอย่างเดียวกัน ความศรัทธาคือจิตสำ�นึกในการ ค้นหาพระเจ้าและคุณสมบัติอันสมบูรณ์ของพระองค์ ความถ่อมตนเป็น สภาพของหัวใจที่พัฒนาขึ้นในตัวมนุษย์อันเป็นผลมาจากการค้นพบพระ เจ้า

224

11. ฮูด

ปฏิบัติตามตามท่านโดยไม่คิดอะไรให้ดีก่อน และเราก็ไม่เห็นว่าท่านมี อะไรดีไปกว่าเรา แท้จริงแล้ว เราถือว่าพวกท่านเป็นผู้โกหก” 28 เขาตอบว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงบอกฉันหน่อยว่า ถ้าพระผู้ อภิ บ าลของฉั น ได้ ส่ ง สั ญ ญาณอั น ชั ด แจ้ ง มายั ง ฉั น และพระองค์ ท รง ประทานความเมตตาแก่ฉันแล้ว แต่พวกท่านไม่เห็นมัน เราจะบังคับพวก ท่านให้ยอมรับมันได้ไหม? 29 หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันไม่ได้ร้องขอทรัพย์ สินใดๆสำ�หรับการนี้ รางวัลตอบแทนของฉันมาจากพระเจ้าเท่านั้น ฉัน จะไม่ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธาในฉัน แท้จริงแล้ว พวกเขากำ�ลังจะพบกับ พระผู้อภิบาลของพวกเขา แต่ฉันเห็นว่าพวกท่านต่างหากที่เป็นผู้งมงาย 30 หมู่ชนของฉันเอ๋ย ใครเล่าที่จะช่วยฉันให้พ้นจากพระเจ้าถ้าหากฉัน ขับไล่พวกเขา? พวกท่านไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆนี้กระนั้นหรือ? 31 ฉันไม่ได้ พูดกับพวกท่านว่าฉันมีคลังสมบัติของพระเจ้าหรือบอกพวกท่านว่าฉันมี ความรู้ในสิ่งเร้นลับและฉันก็มิได้อ้างว่าฉันเป็นทูตสวรรค์ ฉันมิได้กล่าว ถึงผู้คนที่พวกท่านเหยียดหยามว่าพระเจ้าจะมิทรงประทานสิ่งดีใดๆแก่ พวกเขา พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวก ถ้าหากฉันกล่าว อะไรเช่นนั้นออกไป ฉันจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ท�ำ ความผิด” 32 ในที่สุด ผู้คนเหล่านั้นได้กล่าวว่า “นูฮฺเอ๋ย ท่านโต้เถียงกับเราแล้ว และโต้เถียงมากเสียด้วย ตอนนี้ ท่านจงเอาการลงโทษที่ท่านข่มขู่พวก เรามายังเราดีกว่า ถ้าหากสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง” 33 นูฮฺกล่าวว่า “พระเจ้าจะนำ�มันลงมาแก่พวกท่านถ้าพระองค์ทรงประสงค์และพวกท่าน ไม่สามารถที่จะหนีไปได้ 34 ถึงแม้ฉันปรารถนาดีต่อพวกท่าน แต่มันก็ไม่ เกิดประโยชน์อะไรกับพวกท่านถ้าพระเจ้าทรงปล่อยให้พวกท่านหลงทาง พระองค์คือพระผู้อภิบาลของพวกท่านและยังพระองค์ที่พวกท่านจะถูก นำ�กลับไป” 35 (โอ้มุฮัมมัด) ถ้าพวกเขากล่าวว่า “เขาปลอมแปลงสิ่งนี้ทั้งหมดขึ้น มาเอง” จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าฉันปลอมแปลงมันขึ้นมาเอง ฉันย่อม

ฮูด

225

จะต้องแบกรับความผิดที่จะติดตามมา แต่ฉันปลอดจากความผิดที่พวก ท่านกำ�ลังกระทำ�” 36 พระเจ้าได้เปิดเผยเจตนารมณ์แก่นูฮฺว่า “ไม่มีใครในหมู่คนของ เจ้าที่จะศรัทธาในเจ้ามากไปกว่าคนที่ได้ศรัทธาแล้ว ดังนั้น จงอย่าเศร้า โศกเสียใจในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ� 37 แต่จงสร้างเรือใหญ่ขึ้นมาลำ�หนึ่ง ตามคำ�บัญชาและตามที่เราเปิดเผยให้รู้ และจงอย่าเอ่ยขออะไรฉันให้แก่ บรรดาผู้ท�ำ ความผิด แท้จริง คนพวกนี้จะถูกน้�ำ ท่วมตาย” 38 ดังนั้น นูฮฺจึง เริ่มสร้างเรือ และคราวใดที่พวกหัวหน้าหมู่ชนของเขาผ่านมาเห็น พวก เขาจะหัวเราะเยาะเขา นูฮฺได้กล่าวว่า “หัวเราะเยาะเราไปเถอะถ้าหาก พวกท่านต้องการ เราเองก็ก�ำ ลังหัวเราะเยาะพวกท่าน(และความไม่รู้ ของพวกท่าน)เช่นกัน 39 เพราะในไม่ช้า พวกท่านจะรู้ว่าใครที่จะได้รับ การลงโทษที่ท�ำ ให้พวกเขาต้องอัปยศ และใครที่จะได้รับการลงโทษอัน ยาวนานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” 40 เมื่อคำ�บัญชาของเราได้มาถึงและน้ำ�เริ่มพวยพุ่งขึ้นมา เราจึงได้ บอกนูฮฺว่า “จงเอาสัตว์ทุกชนิดอย่างละคู่ขึ้นเรือพร้อมกับคนของเจ้า ด้วย ยกเว้นคนที่ได้ถูกพระบัญชากำ�หนดโทษไว้แล้ว และให้เอาบรรดา ผู้ศรัทธาขึ้นเรือด้วย” แต่ผู้ศรัทธาที่อยู่กับนูฮฺมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 41 นูฮฺได้กล่าวว่า “จงขึ้นมาบนเรือด้วยพระนามของพระเจ้าไม่ว่ามันจะ แล่นหรือจะจอดก็ตาม แท้จริง พระผู้อภิบาลของฉันเป็นผู้ทรงอภัยและ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 42 ขณะที่เรือกำ�ลังแล่นพาพวกเขาบนคลื่นใหญ่ดุจดัง ภูเขาอยู่นั้น นูฮฺได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปว่า “ลูกเอ๋ย จงขึ้นมาบนเรือลำ�นี้เถอะและจงอย่าอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ปฏิเสธเลย” 43 แต่ ลูกชายของเขาตอบว่า “ฉันจะขึ้นไปหาที่หลบภัยบนภูเขา” นูฮฺจึงกล่าวว่า “วันนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะคุ้มครองป้องกันใครให้พ้นจากการลงโทษของพระเจ้า ได้ เว้นแต่ผู้ที่พระองค์จะให้ความเมตตาเท่านั้น” ในขณะนั้นเอง คลื่นน้ำ� ก็ซัดเข้ามาแยกคนทั้งสองออกจากกันและลูกของเขาก็เป็นหนึ่งในบรรดา

226

11. ฮูด

ผู้จมน้ำ�ตาย 44 และได้มีเสียงสั่งลงมาว่า “แผ่นดินเอ๋ย จงกลืนน้ำ�ของเจ้า และฟ้าเอ๋ย จงหยุดหลั่งน้ำ�ฝน” ดังนั้น น้ำ�จึงได้ซึมหายไปในแผ่นดิน คำ� บัญชาของพระองค์ได้เสร็จสิ้นแล้ว และเรือได้จอดอยู่บนภูเขาญูดีย์ และ ได้มีการประกาศว่า “คนทำ�ความผิดได้ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว” 45 นูฮฺได้ร้องเรียนต่อพระผู้อภิบาลของเขาโดยกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้ อภิบาลของฉัน ลูกชายของฉันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของฉันและ สัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง พระองค์ทรงยุติธรรมในบรรดาผู้ ตัดสินทั้งหมด” 46 พระองค์ทรงกล่าวว่า “นูฮฺเอ๋ย แท้จริง เขามิได้เป็นส่วน หนึ่งของครอบครัวของเจ้า ความจริงแล้ว เขาเป็นคนที่ความประพฤติไม่ ดี ดังนั้น จงอย่าถามฉันในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ ฉันขอตักเตือนเจ้าเพราะ เกรงว่าเจ้าจะเป็นเหมือนพวกคนไม่มีความรู้” 47 นูฮฺได้กล่าวว่า “พระผู้ อภิบาลของฉัน ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์หากฉันได้ขอพระองค์ใน สิ่งที่ฉันไม่มีความรู้ เพราะหากพระองค์มิทรงให้อภัยและทรงเมตตาฉัน ฉันจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน” 48 พระเจ้าได้กล่าวว่า “นูฮฺเอ๋ย จงลงมา ความสันติและความจำ�เริญ จากเราจงมีแก่เจ้าและแก่ผู้คนที่อยู่กับเจ้าและแก่บรรดาลูกหลานของผู้ที่ อยู่กับเจ้า (ส่วนที่ไม่มีความดีนั้น) เราจะประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา ชั่วระยะหนึ่ง แล้วการลงโทษอันเจ็บปวดของเราก็จะมาเยือนพวกเขา” 49 (โอ้นบี) นี่เป็นข่าวแห่งความเร้นลับบางอย่างที่เรากำ�ลังเปิดเผยแก่เจ้า เจ้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน และหมู่ชนของเจ้าก็เช่นกัน ดังนั้น จงอดทน เพราะ ในที่สุดแล้ว ผู้เกรงกลัวพระเจ้าเท่านั้นจะประสบความสำ�เร็จ 50 และยังหมู่ชนชาวอ๊าด เราได้ส่งฮูดพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา เขาได้กล่าวว่า ‘หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่าน ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใดนอกจากพระองค์ พวกท่านไม่ได้ท�ำ สิ่งใด นอกจากกุเรื่องเท็จขึ้นมา 51 หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันมิได้เรียกร้องรางวัล ตอบแทนใดๆสำ�หรับงานนี้ รางวัลตอบแทนของฉันอยู่ที่พระองค์ผู้ทรง

ฮูด

227

สร้างฉันขึ้นมา พวกท่านไม่ใช้เหตุผลบ้างหรือ? 52 หมู่ชนของฉันเอ๋ย จง ขอการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านและจงหันไปหาพระองค์ ในการสำ�นึกผิด และพระองค์จะทรงเปิดประตูแห่งชั้นฟ้าให้แก่พวกท่าน และจะทรงเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พวกท่านยิ่งขึ้น และจงอย่าหันไป เป็นผู้กระทำ�ผิด” 53 พวกเขากล่าวว่า “ฮูดเอ๋ย ท่านยังมิได้น�ำ หลักฐานอันชัดแจ้งใดๆมา ให้แก่เราและเราก็จะไม่ละทิ้งบรรดารูปเคารพของเราตามที่ท่านบอกและ เราจะไม่ศรัทธาในท่าน” 54 เราอยากจะบอกว่า “ความจริงแล้ว เทวรูป ของเราบางองค์ได้สิงความชั่วบางอย่างไว้ในตัวท่าน” ฮูดตอบว่า “ฉัน ขอพระเจ้าให้ทรงเป็นพยาน และพวกท่านก็เป็นพยานด้วยว่าฉันไม่มี อะไรเกี่ยวข้องกับบรรดาสิ่งที่พวกท่านนำ�มาเป็นภาคีกับพระเจ้า 55 ดัง นั้น พวกท่านทั้งหมดจะทำ�อะไรต่อฉันก็ได้และไม่ต้องผ่อนปรนให้แก่ฉัน 56 แท้จริง ฉันไว้วางใจในพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของฉันและพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านด้วย ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่พระองค์ไม่ได้ทรงยึดหน้า ผากของมันไว้ ความเที่ยงตรงคือหนทางแห่งพระผู้อภิบาลของฉัน 57 ถ้าพวกท่านหันหลังให้ ตอนนี้ฉันได้นำ�สาสน์มายังพวกท่านตาม วัตถุประสงค์ที่ฉันได้ถูกส่งมาแล้ว พระผู้อภิบาลของฉันจะยกหมู่ชนอื่น ขึ้นมาแทนพวกท่าน และพวกท่านจะไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ให้แก่พระองค์ได้ แท้จริง พระผู้อภิบาลของฉันทรงดูแลรักษาทุกสรรพ สิ่ง” 58 เมื่อคำ�บัญชาของเราได้มาถึง เราได้ช่วยฮูดและบรรดาผู้ศรัทธา ที่อยู่กับเขาให้ปลอดภัยด้วยความเมตตาของเรา และเราได้ช่วยให้พวก เขารอดพ้นจากการลงโทษอันโหดร้าย 59 เหล่านี้คือชาวอ๊าดผู้ปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของพวกเขาและไม่เชื่อฟังบรรดา ศาสนทูตของพวกเขาและปฏิบัติตามคำ�สั่งของศัตรูแห่งสัจธรรมทุกอย่าง 60 ดังนั้น พวกเขาจึงถูกสาปแช่งให้ได้รับเคราะห์กรรมในโลกนี้และในวัน

228

11. ฮูด

แห่งการฟื้นคืนชีพด้วย แท้จริงแล้ว พวกอ๊าดได้ปฏิเสธพระผู้อภิบาลของ พวกเขา ดังนั้น พวกอ๊าดหมู่ชนของฮูด จงออกไปให้ไกลเถิด 61 ยังชาวษะมูด เราได้ส่งซอลิฮฺพี่น้องของเขามา เขากล่าวว่า “หมู่ชน ของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอก ไปจากพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงสร้างพวกท่านมาจากผืนแผ่นดินและ ได้ทำ�ให้แผ่นดินเป็นสถานที่อยู่สำ�หรับพวกท่าน ดังนั้น จงขออภัยโทษ ต่อพระองค์และหันกลับไปหาพระองค์ด้วยความสำ�นึกผิด แน่นอนที่สุด พระผู้อภิบาลของฉันทรงอยู่ใกล้และทรงตอบรับคำ�วิงวอนเสมอ” 62 พวก เขากล่าวว่า “ซอลิฮฺเอ๋ย เรามีความหวังในตัวท่านมาก แต่ท่านกลับมา ห้ามพวกเราไม่ให้เคารพสักการะสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราเคารพสักกา ระมาก่อนกระนั้นหรือ? พวกเราชักสงสัยเหลือเกินถึงสิ่งที่ท่านกำ�ลังเรียก ร้องพวกเรา” 63 ซอลิฮฺกล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงพิจารณาด้วยตัว ของพวกท่านเองแล้วกันว่าถ้าพระผู้อภิบาลของฉันทรงส่งฉันมาพร้อม กับสัญญาณอันชัดแจ้งและได้ประทานความเมตตาของพระองค์เป็นการ พิเศษแก่ฉันแล้ว ใครเล่าที่จะช่วยฉันให้รอดพ้นจากพระเจ้า ถ้าหากว่า หลังจากนี้ ฉันฝ่าฝืนพระองค์? พวกท่านไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้ แต่ อาจจะทำ�ให้ฉันวิบัติเร็วขึ้น 64 หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงระวังให้ดี อูฐตัวเมียของพระเจ้าตัวนี้เป็น สัญญาณหนึ่งสำ�หรับพวกท่าน ดังนั้น จงปล่อยให้มันหากินตามลำ�พังใน แผ่นดินของพระเจ้า และจงอย่าทำ�ร้ายมัน มิฉะนั้น พวกท่านจะได้รับการ ลงโทษในไม่ช้า” 65 แต่พวกเขาได้ฆ่ามัน ดังนั้น ซอลิฮฺจึงได้เตือนพวก เขาว่า “พวกท่านมีเวลาเพียงสามวันที่จะหาความสุขภายในบ้านของ พวกท่าน คำ�เตือนนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จ” 66 ดังนั้น เมื่อการตัดสินของเราได้มา ถึง เราได้ช่วยซอลิฮฺและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาด้วยความเมตตาจาก เรา และได้ให้พวกเขาพ้นจากความอัปยศอดสูแห่งวันนั้น แท้จริง พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำ�นาจ 67 ส่วนบรรดาผู้ทำ�ความผิด

ฮูด

229

นั้น พวกเขาต้องตกตะลึงด้วยเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวและนอนคว่�ำ ตายอยู่ภายในบ้านของพวกเขา 68 เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ ที่นั่นมาก่อนเลย จงฟังให้ดี พวกษะมูดได้ปฏิเสธพระผู้อภิบาลของพวก เขา ดังนั้น จงรู้ไว้เถิดว่าพวกษะมูดคือผู้ที่ถูกสาป 69 ทูตของเราได้มายังอิบรอฮีมพร้อมกับข่าวดี พวกเขาทักทายเขา ว่า “สันติ” อิบรอฮีมได้ตอบว่า “สันติจงมีแด่ท่าน” และรีบเข้าไปเอาลูกวัว ย่างออกมาต้อนรับพวกเขา 70 แต่เมื่อเขาเห็นว่าพวกเขาไม่ยื่นมือมารับ อาหาร เขาเริ่มรู้สึกแปลกใจและกลัวพวกเขาขึ้นมาในใจ พวกเขาจึงกล่าว ว่า “อย่าได้กลัวเลย เพราะเราถูกส่งมายังผู้คนของลูฏ” 71 ภรรยาของเขา ที่ยืนอยู่ใกล้ๆหัวเราะขึ้นมาทันทีเมื่อเราได้บอกข่าวดีแก่นางถึงเรื่องอิส ฮาก และหลังจากอิสฮาก คือยะกู๊บ 72 นางกล่าวว่า “โอ ยุ่งละสิ ฉันจะมี ลูกได้อย่างไรในเมื่อฉันแก่หง่อมปูนนี้แล้ว และสามีของฉันเองก็แก่ด้วย เช่นกัน? เป็นเรื่องประหลาดจริงๆ” 73 พวกเขาจึงกล่าวว่า “นางแปลกใจ ต่อคำ�บัญชาของพระเจ้ากระนั้นหรือ? โอ้ครอบครัวของอิบรอฮีม ความ เมตตาและความจำ�เริญของพระเจ้าจงมีแด่ท่าน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ที่ ควรได้รับการสรรเสริญและผู้ทรงได้รับการเทิดทูน” 74 เมื่อความกลัวของอิบรอฮีมคลายลงและเขาได้รับข่าวดี เขาได้ เริ่มวอนขอต่อเราเกี่ยวกับเรื่องผู้คนของลูฏ 75 เพราะอิบรอฮีมเป็นคนที่ หัวใจอ่อนโยน มีเมตตาและมักจะหันมายังพระเจ้าเสมอ 76 เราได้กล่าว ว่า “อิบรอฮีมเอ๋ย หยุดวอนขอเรื่องนี้เถิด เพราะตอนนี้ค�ำ บัญชาของพระ ผู้อภิบาลของเจ้าได้มีมาแล้ว พวกเขาจะได้รับการลงโทษที่ไม่มีใครหลีก เลี่ยงได้” 77 เมื่อบรรดาทูตของเราได้มายังลูฏ เขารู้สึกตกใจและเป็นทุกข์อย่าง มากในการมาเยี่ยมของพวกเขาและเขาได้กล่าวว่า “นี่เป็นวันวิบัติแล้วสิ” 78 ผู้คนของเขาได้กรูกันมายังบ้านของเขาทันทีเพราะคนพวกนี้หมกมุ่น อยู่กับการทำ�ชั่วมาก่อน ลูฏได้บอกพวกเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย นี่คือ

230

11. ฮูด

บรรดาลูกสาวของฉัน พวกนางบริสุทธิ์ยิ่งสำ�หรับพวกท่าน(ถ้าพวกท่าน แต่งงาน) ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าเถิดและขออย่าได้ท�ำ ให้ฉันต้อง อับอายขายหน้าโดยการทำ�ชั่วต่อแขกของฉันเลย ในหมู่พวกท่านไม่มี คนดีสักคนหนึ่งเลยกระนั้นหรือ?” 79 พวกเขาตอบว่า “ท่านรู้ดีว่าเราไม่ ต้องการลูกสาวของท่านและก็รู้ว่าเราต้องการอะไร” 80 ลูฏได้กล่าวว่า “ฉันอยากมีอ�ำ นาจที่จะหยุดยั้งพวกท่านหรือหาที่อัน มั่นคงไว้สำ�หรับหลบภัยเสียเหลือเกิน” 81 พวกเขาจึงกล่าวว่า “ลูฏเอ๋ย เรา เป็นทูตของพระผู้อภิบาลของท่าน พวกเขาจะไม่สามารถทำ�ร้ายใดๆท่าน ได้ ดังนั้น จงออกไปจากที่นี่กับครอบครัวของท่านในยามสุดท้ายของ กลางคืนและจงอย่าให้ผู้ใดในหมู่พวกท่านหันกลับไปมองข้างหลัง แต่ ภรรยาของเจ้าจะได้พบกับความหายนะ แท้จริง การลงโทษได้ถูกกำ�หนด ไว้สำ�หรับพวกเขาในตอนเช้าและยามเช้ากำ�ลังใกล้เข้ามาแล้วมิใช่หรือ?” 82 เมื่อเวลาแห่งการตัดสินมาถึง เราได้พลิกแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้คนคว่ำ� ลงและได้ทำ�ให้หินที่ถูกเผากระหน่�ำ ซ้ำ�ลงมาดังห่าฝน 83 ตกมายังพวก เขาตามที่พระผู้อภิบาลของเจ้ากำ�หนดไว้เป็นการเฉพาะ การลงโทษเช่น นั้นไม่ไกลจากพวกที่ก่อความผิดไว้ 84 ยังชาวมัดยัน เราได้ส่งชุอัยบ์พี่น้องของพวกเขามา เขากล่าวว่า “ผู้คนของฉัน จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มีสิ่งเคารพสักการะ ใดๆนอกไปจากพระองค์ จงอย่าให้การชั่งและตวงขาดตกบกพร่อง ฉัน เห็นพวกท่านมีความเจริญมั่งคั่งอยู่ในขณะนี้ แต่ฉันกลัวแทนพวกท่านถึง การลงโทษของวันที่พวกท่านจะถูกปิดล้อม 85 ผู้คนของฉัน จงชั่งตวงให้ ตรงตามจำ�นวนโดยเที่ยงธรรม และจงอย่าหลอกลวงผู้คนโดยให้เขาน้อย ลงและจงอย่าแพร่ความเสียหายในแผ่นดิน 86 สิ่งที่พระเจ้าทิ้งไว้กับพวก ท่านนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำ�หรับพวกท่านถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา ฉัน ไม่ได้ถูกแต่งตั้งมาเป็นผู้พิทักษ์พวกท่าน” 87 พวกเขากล่าวว่า “ชุอัยบ์ การสวดวิงวอนของท่านบอกท่านว่า

ฮูด

231

เราต้ อ งทิ้ ง สิ่ ง ที่ บ รรพบุ รุ ษ ของเราเคารพสั ก การะและเราต้ อ งหยุ ด ใช้ ทรัพย์สินของเราตามที่เราต้องการหรือ? มีแต่ท่านคนเดียวนี่แหละที่เป็น ผู้โอบอ้อมอารีและเที่ยงธรรม” 88 เขา(ชุอัยบ์)กล่าวว่า “โอ้ ผู้คนของฉัน พวกท่านคิดอะไรซิ ถ้าฉันนำ� หลักฐานอันชัดเจนจากพระผู้อภิบาลของฉันและพระองค์ได้ทรงประทาน ปั จ จั ย ยั ง ชี พ ที่ ดี แ ก่ ฉั น จากพระองค์เอง(ฉันไม่ควรจะนำ � ทางพวกท่า น หรือ?) ฉันไม่ต้องการทำ�สิ่งที่ฉันห้ามพวกท่านไม่ให้ท�ำ เพราะฉันต่อต้าน พวกท่าน ฉันแค่เพียงต้องการเปลี่ยนแปลงพวกท่านให้ดีขึ้นเท่าที่ฉันมี ความสามารถเท่านั้น และฉันไม่สามารถประสบความสำ�เร็จหากพระเจ้า ไม่ช่วยเหลือ ฉันวางใจในพระองค์และยังพระองค์ที่ฉันจะกลับไป 89 โอ้ ผู้คนของฉัน จงอย่าให้ความดื้อรั้นของพวกท่านนำ�พวกท่านไปสู่ชะตา กรรมที่เหมือนกับผู้คนของนูฮฺหรือฮูดหรือซอลิฮฺเลย และคนของลูฏก็เพิ่ง ถูกลงโทษไปเมื่อไม่นานมานี้ 90 จงขอการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของ พวกท่านและจงหันไปยังพระองค์เพื่อการอภัยโทษ เพราะพระผู้อภิบาล ของฉันเป็นผู้ทรงปรานีและทรงรักสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา” 91 พวกเขาตอบว่า “ชุอัยบ์ เราไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด ความจริงแล้ว เราเห็นว่าท่านไม่มีอำ�นาจในหมู่เรา ถ้ามิใช่เพราะครอบครัวของท่าน เรา จะเอาหินขว้างท่านให้ตายไปแล้ว เพราะท่านไม่เข้มแข็งพอที่จะทำ�อะไร เราได้” 92 เขากล่าวว่า “โอ้ผู้คนของฉัน พวกท่านคิดว่าเผ่าของฉันยิ่ง ใหญ่กว่าพระเจ้ากระนั้นหรือ? พวกท่านไม่ค�ำ นึงถึงพระเจ้าเลย จงรู้ไว้ เถิดว่าพระผู้อภิบาลของฉันทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่พวกท่านทำ� 93 โอ้ผู้คนของ ฉัน พวกท่านจะทำ�อะไรก็ทำ�ไป ฉันจะทำ�ตามทางของฉัน แล้วพวกท่าน จะรู้เองว่าใครจะได้รับการลงโทษอย่างอัปยศและใครเป็นผู้โกหก คอยดูก็ แล้วกัน และฉันก็จะคอยดูอยู่ด้วยเช่นกัน” 94 เมื่อคำ�บัญชาของเรามาถึง เราได้ช่วยชุอัยบ์และบรรดาผู้ศรัทธาที่ อยู่กับเขาให้รอดพ้นด้วยความเมตตาจากเราเอง ส่วนบรรดาผู้ทำ�ความ

232

11. ฮูด

ผิดนั้นตกใจต่อเสียงกัมปนาทจนพวกเขาต้องนอนตายอยู่ในบ้านของ พวกเขา 95 ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน ชาวมัดยันถูก ทำ�ลายหมดสิ้นไปเหมือนกับที่เกิดกับชาวษะมูด 96 เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณของเราและอำ�นาจที่ชัดเจน 97 มายังฟาโรห์และพวกขุนนางของเขา แต่พวกเขาปฏิบัติตามคำ�บัญชา ของฟาโรห์และคำ�บัญชาของฟาโรห์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง 98 เขาจะยืนอยู่ ข้างหน้าผู้คนของเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพและจะนำ�พวกเขาไปสู่นรก ชั่วช้าแท้ๆสถานที่ที่พวกเขาถูกนำ�ไป 99 การสาปแช่งจะมีขึ้นกับพวกเขา ในโลกนี้และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพด้วย ช่างเป็นสิ่งเลวร้ายเหลือเกินที่ พวกเขาได้รับ 100 นี่เป็นเรื่องราวของบางเมืองก่อนหน้านี้ที่เราได้เล่าให้เจ้ารู้ บาง เมืองยังคงมีอยู่ ในขณะที่บางเมืองผุพังเสื่อมโทรมจนแทบไม่เห็นซาก แล้ว 101 เรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อตัว ของพวกเขาเอง เมื่อการตัดสินของพระผู้อภิบาลของเจ้าได้มาถึง บรรดา รูปเคารพที่พวกเขาวิงวอนนั้นไม่อาจช่วยอะไรพวกเขาได้เลย มิหนำ�ซ้ำ� มันยังเร่งให้ความหายนะมาเร็วขึ้นและหนักขึ้น 102 นั่นเป็นการลงโทษของพระผู้อภิบาลของเจ้าเมื่อพระองค์ทรง ทำ�ลายเมืองทั้งหลายในท่ามกลางความบาปของพวกเขา การลงโทษ ของพระองค์นั้นน่ากลัวและเจ็บปวดยิ่งนัก 103 ในนั้นมีสัญญาณสำ�หรับ ผู้กลัวการลงโทษในวันโลกหน้า นั่นคือวันที่มนุษย์จะถูกรวมเข้าด้วยกัน และวันที่ทุกคนจะอยู่ด้วยกัน 104 เราจะยืดเวลามันออกไปเพียงแค่ระยะ เวลาที่ก�ำ หนดไว้เท่านั้น 105 และเมื่อวันนั้นมาถึง จะไม่มีใครกล้าพูดอะไร นอกจากพระเจ้าจะทรงอนุญาต แล้วบางคนจะมีทุกข์ในขณะที่บางคนจะ มีความสุข 106 บรรดาผู้มีทุกข์นั้นจะอยู่ในไฟนรกซึ่งในที่นี้พวกเขาจะหอบและ ถอนหายใจ 107 พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตราบนานที่ชั้นฟ้าทั้งหลาย

ฮูด

233

และแผ่นดินยังคงดำ�รงอยู่ เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะทรงประสงค์เป็นอย่าง อื่น แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้ามีอำ�นาจเต็มที่จะทำ�ในสิ่งที่พระองค์ทรง ประสงค์ 108 ส่วนบรรดาผู้มีความสุขนั้น พวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์และ พำ�นักอยู่ในนั้นตราบนานที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินดำ�รงอยู่เว้นเสีย แต่ว่าพระองค์จะทรงประสงค์เป็นอย่างอื่น พวกเขาจะได้รับสิ่งรื่นรมย์ที่ ไม่มีวันสิ้นสุด 109 ดังนั้น (นบีเอ๋ย)จงอย่าสงสัยอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขา เคารพสักการะ เพราะพวกเขามิได้เคารพสักการะสิ่งใดนอกไปจากสิ่งที่ บรรพบุรุษของพวกเขาเคารพสักการะก่อนหน้านี้ และเราจะตอบแทน พวกเขาอย่างครบถ้วนในส่วนของพวกเขาโดยมิขาดตกบกพร่องสิ่งใด 110 เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาก่อนหน้านี้และได้มีการขัดแย้งเกิด ขึ้นเกี่ยวกับมันเช่นกัน ถ้าหากไม่มีคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลของเจ้า กำ�หนดไว้ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้สร้างความขัดแย้งคงถูกตัดสินไปนานแล้ว ความจริง พวกเขาสงสัยและไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ 111 พระผู้อภิบาล ของเจ้าจะทรงตอบแทนพวกเขาทุกคนอย่างครบถ้วนสำ�หรับสิ่งที่พวก เขาได้ท�ำ ไว้ พระองค์ทรงรู้อย่างเต็มเปี่ยมถึงสิ่งที่พวกเขากำ�ลังทำ� 112 ดังนั้น จงยืนหยัดอย่างมั่นคง(ในหนทางที่เที่ยงตรง)ตามที่เจ้าได้ ถูกบัญชาร่วมกับบรรดาผู้ที่หันไปยังพระเจ้ากับเจ้า และจงอย่าฝ่าฝืน ขอบเขต แท้จริง พระองค์ทรงเฝ้ามองสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 113 และจงอย่า คล้อยตามบรรดาผู้ท�ำ ความผิด เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ไฟจะแผ้วพานเจ้า และเจ้าจะไม่มีใครคุ้มครองเจ้าจากพระเจ้าและเจ้าจะไม่ได้รับความช่วย เหลือใดๆ 114 จงดำ�รงนมาซในตอนเช้าและตอนค่�ำ และในระหว่างบาง ตอนของกลางคืน แท้จริง ความดีจะช่วยขจัดความชั่ว นี่คือข้อตักเตือน สำ�หรับผู้ใส่ใจ 115 จงอดทน เพราะพระเจ้ามิทรงทำ�ให้รางวัลของผู้กระทำ� ความดีสูญเปล่า 116 แล้วทำ�ไมในหมู่ชนก่อนหน้าสูเจ้าจึงไม่มีบรรดาคนดีที่จะมาห้าม ปรามคนที่ก่อความเสียหายในแผ่นดิน? ยกเว้นเพียงไม่กี่คนที่เราได้ช่วย

234

11. ฮูด

เหลือ? แต่บรรดาผู้ทำ�ความผิดนั้นแสวงหาความสุขสำ�ราญทางโลกของ พวกเขา และพวกเขาได้กลายเป็นผู้ท�ำ ความผิด 117 พระผู้อภิบาลของ เจ้านั้นมิใช่ผู้ทรงทำ�ลายบ้านเมืองใดโดยปราศจากความยุติธรรมขณะที่ ชาวเมืองนั้นกำ�ลังพยายามทำ�ความดี 118 พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทำ�ให้มนุษย์ทั้งหลายเป็นหมู่ชนเดียว ก็ได้ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ แต่ตอนนี้ พวกเขายังคงปฏิบัติตาม แนวทางที่ขัดแย้งกันอยู่ 119 และเพื่อการนี้พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขา ขึ้นมา ยกเว้นบรรดาผู้ที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเมตตา วจนะของพระ ผู้อภิบาลของเจ้าที่ว่า “ฉันจะทำ�ให้นรกเต็มไปด้วยญินและมนุษย์” จะเป็น จริง 120 (โอ้มุฮัมมัด) เราได้บอกเล่าเรื่องราวของบรรดาศาสนทูตให้แก่เจ้า ก็เพื่อที่จะทำ�ให้หัวใจของเจ้าเข้มแข็งขึ้นด้วยเรื่องเหล่านี้ และเจ้าได้รับรู้ ความจริงจากเรื่องเหล่านี้แล้ว และเป็นคำ�เตือนใจสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 121 ส่วนผู้ไม่เชื่อนั้น จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พวกท่านจงปฏิบัติไปตาม ทางของพวกท่านและเราก็จะปฏิบัติตามทางของเราเช่นกัน 122 และจง คอยดูบั้นปลายของมัน และเราก็จะคอยดูด้วยเช่นกัน” 123 ความรู้เรื่องสิ่ง เร้นลับในชั้นทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้าเท่านั้น ทุกสิ่งจะกลับ ไปยังพระองค์ ดังนั้น (โอ้นบี) จงเคารพสักการะพระองค์และจงวางใจ ในพระองค์ เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้ามิทรงเฉยเมยในสิ่งที่เจ้ากำ�ลัง กระทำ�

ยูซุฟ

235

12. โจเซฟ

ยูซุฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม รอ นี่คือข้อความจากคัมภีร์ที่ชัดเจน 2 เราได้ส่งกุรอานลงมาในภาษาอาหรับ เพื่อสูเจ้าจะได้เข้าใจมัน 3 (โอ้มุฮัมมัด) เราจะเล่าเรื่องราวที่ดีที่สุดในการ ประทานกุรอานนี้ให้แก่เจ้า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าไม่รู้เรื่องนี้เลย 4 เมื่อยูซุฟได้บอกพ่อของเขาว่า “พ่อครับ ฉันฝันเห็นดาวสิบเอ็ดดวง และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์กราบนบนอบต่อฉัน” 5 พ่อของเขาจึงบอก ว่า “ลูกเอ๋ย จงอย่าบอกเรื่องความฝันนี้ให้แก่บรรดาพี่ๆของเจ้ารู้ มิเช่น นั้นแล้ว พวกเขาจะคิดแผนการร้ายต่อเจ้า จงระวังให้ดี เพราะซาตาน นั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ 6 พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงเลือกเจ้า และจะทำ�ให้เจ้ามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงปัญหาต่างๆ พระองค์จะ ทรงประทานความโปรดปรานอันสมบูรณ์ของพระองค์แก่เจ้าและแก่ลูก หลานของยะกู๊บ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงประทานความโปรดปราน อันสมบูรณ์แก่บรรพบุรุษทั้งสองของเจ้า คืออิบรอฮีมและอิสฮาก แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 7 แน่นอน ในเรื่องราวของยูซุฟและพี่น้องของเขานั้นมีสัญญาณ มากมายสำ�หรับผู้สอบถาม 8 (เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น)เมื่อพวกพี่ๆของเขา พูดกันว่า “ยูซุฟและน้องชายของเขา(บินยามิน)เป็นที่รักของพ่อมากกว่า พวกเราถึงแม้ว่าเราจะเป็นกลุ่มที่กลมเกลียวกันก็ตาม แน่นอนเลยว่าพ่อ ของเราผิดชัดๆ 9 ดังนั้น พวกเราจงฆ่ายูซุฟเสียหรือไม่ก็เอาเขาไปโยนทิ้ง ที่ไหนสักแห่ง ทั้งนี้เพื่อที่พ่อของพวกเจ้าจะได้หันความสนใจไปยังพวก เจ้าเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้น พวกเจ้าก็จะกลายเป็นคนดีอีกครั้งหนึ่ง”

236

12. โจเซฟ

มีคนหนึ่งในหมู่พวกเขากล่าวว่า “อย่าฆ่ายูซุฟเลย แต่ถ้าหากเจ้าต้อง ทำ�อะไรบางอย่าง จงจับเขาโยนลงไปในบ่อน้�ำ ที่ไหนสักแห่ง บางที พวก กองคาราวานที่ผ่านมาอาจจะเอาตัวเขาขึ้นมาจากบ่อก็ได้” 11 (หลังจากปรึกษากันแล้ว) พวกเขาได้กล่าวกับพ่อของพวกเขาว่า “พ่อครับ ทำ�ไมพ่อไม่ไว้ใจพวกเราในเรื่องของยูซุฟทั้งๆที่พวกเราเป็นผู้ หวังดีต่อเขา? 12 พรุ่งนี้ ให้เขาไปกับพวกเราเถิดเพื่อที่เขาจะได้เที่ยวเล่น สนุกสนาน พวกเราจะดูแลเขาเอง” 13 พ่อของพวกเขากล่าวว่า “ฉันไม่ สบายใจที่จะให้เขาไปกับพวกเจ้า เพราะฉันกลัวว่าหมาป่าจะกินเขาเมื่อ เจ้าไม่เฝ้าระวัง” 14 พวกเขาตอบว่า “ถ้าหากหมาป่าจะกินเขาในกลุ่มของ พวกเราที่กลมเกลียวกัน พวกเราก็เป็นคนที่ไม่มีค่าอะไรเลย” 15 หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาพายูซุฟออกไปแล้ว พวกเขาได้ตัดสิน ใจโยนยูซุฟลงไปในบ่อลึก เราจึงได้เปิดเผยเจตนารมณ์ของเราแก่เขา ว่า “วันหนึ่งเจ้าจะได้เตือนพวกเขาถึงการกระทำ�ดังกล่าวอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าคือใคร” 16 เมื่อตกค่ำ� พวกเขาได้กลับมาหาพ่อ ของพวกเขาพลางร้องไห้คร่�ำ ครวญ 17 พวกเขากล่าวว่า “พ่อครับ ตอน ที่เรากำ�ลังสนุกอยู่กับการวิ่งแข่งกัน เราทิ้งยูซุฟไว้กับสิ่งของของพวก เรา หมาป่าได้มากินเขา แต่พ่อคงจะไม่เชื่อเราถึงแม้เราจะพูดความจริง ก็ตาม” 18 และพวกเขาได้น�ำ เสื้อของยูซุฟที่มีเลือดปลอมติดอยู่มาให้ดู ด้วย เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อของพวกเขาได้กล่าวว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก จิตใจชั่วของพวกเจ้าต่างหากที่ได้ทำ�ให้การกระทำ�อันชั่วร้ายนี้เป็นเรื่อง ง่ายสำ�หรับพวกเจ้า อย่างไรก็ตาม ฉันจะอดทนด้วยความสงบ พระเจ้า เท่านั้นที่จะช่วยเหลือฉันในสิ่งที่พวกเจ้ากุขึ้นมา” 19 มีกองคาราวานขบวนหนึ่งได้ผ่านมาที่นั่น พวกเขาได้ส่งคนตักน้ำ� ออกไปหาน้�ำ และเมื่อคนตักน้ำ�หย่อนถุงน้�ำ ลงไปในบ่อ เขาได้ตะโกน ออกมาว่า “พวกเรา มีข่าวดี ในนี้มีเด็กคนหนึ่ง” ดังนั้น พวกเขาจึงได้ซ่อน เขาไว้เหมือนเป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง แต่พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากำ�ลัง 10

ยูซุฟ

237

ทำ� 20 ต่อมาพวกเขาได้ขายเขาไปด้วยราคาเล็กน้อยเป็นเงินเพียงไม่กี่ดิรฺ ฮัม และพวกเขาไม่ได้หวังว่าจะได้ราคามากมายจากเขา 21 คนอียิปต์ที่ซื้อเขาไปได้พูดกับภรรยาของเขาว่า “จัดหาที่พักให้เขา อยู่อย่างมีเกียรติ บางที เขาอาจจะมีประโยชน์ต่อเรา หรือเราอาจรับเขา เป็นบุตรของเรา” ด้วยเหตุนี้เอง เราได้ให้ยูซุฟมีที่อยู่ในแผ่นดินนั้น และ ได้สอนเขาให้เข้าใจถึงความหมายของเหตุการณ์ต่างๆ พระเจ้าทรงทำ�สิ่ง ใดก็ได้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจสิ่งนี้ 22 เมื่อ ยูซุฟบรรลุถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ เราได้ประทานการตัดสินที่ถูกต้องและความ รู้ให้แก่เขา นี่คือวิธีการที่เราตอบแทนคนดี 23 อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงในบ้านที่เขาอาศัยอยู่นั้นต้องการยั่วยวนเขา วันหนึ่ง นางได้ปิดประตูและกล่าวว่า “มานี่ซิ” ยูซุฟได้ตอบว่า “ขอพระเจ้า ทรงคุ้มครองฉันจากสิ่งนี้ด้วยเถิด สามีของนางเป็นนายของฉันและเขา ปฏิบัติต่อฉันอย่างให้เกียรติ แน่นอน คนทำ�ความผิดนั้นไม่มีวันได้รับ ความเจริญ” 24 นางได้เข้ามาหาเขา และเขาอาจจะเข้าไปหานางแล้วถ้า หากเขาไม่เห็นสัญญาณจากพระผู้อภิบาลของเขา เราทำ�เช่นนี้เพื่อที่เรา จะได้ขจัดความชั่วช้าและความลามกออกไปจากตัวเขา แท้จริง เขาเป็น หนึ่งในบรรดาบ่าวที่ได้รับการคัดเลือกของเรา 25 ในที่สุด ยูซุฟได้วิ่งไปที่ประตูโดยที่นางได้วิ่งตามไป นางดึงเสื้อ ของเขาฉี ก ขาดจากทางด้ า นหลั ง และทั้ ง สองได้ พ บกั บ สามี ข องนางที่ ประตู นางจึงร้องออกมาว่า “คนที่คิดล่วงละเมิดภรรยาของท่านควรจะถูก ลงโทษอย่างไรถึงจะสาสม ขังคุกหรือทรมานอย่างสาหัส?” 26 ยูซุฟกล่าว ว่า “นางต่างหากที่ยั่วยวนฉัน” มีคนในครอบครัวของนางคนหนึ่งออกมา ให้ค�ำ แนะนำ�ว่า “ถ้าหากเสื้อของยูซุฟฉีกขาดทางด้านหน้า นางก็พูดจริง และเขาเป็นผู้โกหก 27 แต่ถ้าเสื้อของเขาฉีกขาดทางด้านหลัง นางก็เป็น ผู้โกหกและเขาพูดจริง” 28 เมื่อสามีเห็นเสื้อของยูซุฟถูกฉีกขาดทางด้าน หลัง เขาได้กล่าวว่า “นี่เป็นอุบายชั่วของเธอแท้ๆ อุบายของเธอช่างเหลือ

238

12. โจเซฟ

เกินเสียจริงๆ 29 ยูซุฟเอ๋ย ปล่อยเรื่องนี้ไปเสีย แต่เธอจงขออภัยโทษ สำ�หรับบาปของเธอ เพราะเธอเป็นผู้ผิดจริง” 30 พวกผู้หญิงในเมืองได้เริ่มซุบซิบกันถึงเรื่องนี้โดยกล่าวว่า “ภรรยา ของผู้สูงศักดิ์(อะซีซ)ได้ยั่วยวนทาสหนุ่มของนางเพราะนางได้หลงรัก เขา เราคิดว่านางทำ�ผิดชัดๆ” 31 เมื่อนางได้ยินคำ�พูดนินทาของผู้หญิง เหล่านั้น นางจึงได้เชิญผู้หญิงเหล่านั้นมางานเลี้ยงที่บ้านของนางและ นางได้เตรียมหมอนสำ�หรับงานนี้ไว้ และจัดเตรียมมีด(สำ�หรับปอกผล ไม้)วางไว้ให้ผู้หญิงแต่ละคนด้วย (ขณะที่ผู้หญิงเหล่านั้นกำ�ลังปอกผลไม้) นางได้เรียกยูซุฟให้ออกมาปรากฏตัว เมื่อพวกผู้หญิงเห็นเขา พวกนาง ต่างตกตะลึง(ในความหล่อเหล่าของเขา)จนมีดบาดมือตัวเองและอุทาน ออกมาว่า “พระเจ้าช่วยเราด้วย เขาไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว แต่เขาเป็น ทูตสวรรค์ผู้ทรงเกียรติแน่ๆ” 32 นางได้กล่าวว่า “นี่แหละคนที่พวกเธอ นินทาฉัน ไม่ต้องสงสัยเลย ฉันยั่วยวนเขา แต่เขาหลบหนี ถ้าหากเขายัง ไม่ตอบสนองคำ�สั่งของฉันอีกละก็ ทีนี้ เขาจะถูกจำ�คุกและกลายเป็นผู้ได้ รับความอัปยศ” 33 ยูซุฟกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันอยากจะเข้า คุกมากกว่าสิ่งที่พวกเขากำ�ลังเชิญชวนฉัน หากพระองค์ไม่ทรงช่วยขจัด แผนการชั่วร้ายนี้ออกไปจากฉัน ฉันอาจจะหลงติดกับการยั่วยวนของ พวกนางอีก และฉันจะกลายเป็นผู้หนึ่งในหมู่คนโง่เขลา” 34 พระผู้อภิบาล ของเขาได้ตอบรับคำ�วิงวอนของเขาและได้ทรงขจัดการล่อลวงของพวก นางไปจากเขา แท้จริง พระองค์ทรงได้ยินทุกคนและทรงรู้ทุกสิ่ง 35 ถึงแม้พวกเขาได้เห็นหลักฐานทุกอย่างแล้วก็ตาม แต่พวกเขายังคิด ว่าน่าจะนำ�ตัวเขาไปขังคุกไว้สักระยะหนึ่งจะดีกว่า 36 ปรากฏว่าบ่าวคน อื่นๆอีกสองคนได้เข้าคุกไปกับเขาด้วย หนึ่งในสองคนนั้นกล่าวว่า “ฉัน ฝันเห็นตัวฉันกำ�ลังคั้นเหล้าองุ่น” และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันฝันเห็นตัว กำ�ลังแบกขนมปังอยู่บนหัวและมีนกมาจิกกิน จงทำ�นายฝันให้เราหน่อย เพราะเราเห็นว่าท่านเป็นคนดี”

ยูซุฟ

239

ยูซุฟตอบว่า “ฉันจะบอกถึงการทำ�นายฝันให้ท่านรู้ก่อนที่อาหาร ของท่านจะมาถึงท่าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของความรู้ที่พระผู้อภิบาลของฉัน ได้ทรงประทานแก่ฉัน ฉันได้ทิ้งศาสนาของผู้คนที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้า และผู้ปฏิเสธโลกหน้าไปแล้ว 38 ฉันปฏิบัติตามแนวทางของบรรพบุรุษ ของฉัน นั่นคือ อิบรอฮีม อิสฮากและยะกู๊บ และมันไม่ใช่เราที่จะไปเอาผู้ ใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระเจ้า นี่คือความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมี ต่อเราและต่อมนุษยชาติ แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่กตัญญู 39 เพื่อนร่วม คุกทั้งสองของฉันเอ๋ย บอกหน่อยซิว่าอันไหนดีกว่ากัน พระเจ้าต่างๆ มากมายหรือพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงมีอ�ำ นาจทุกอย่าง? 40 ทุกสิ่งที่พวก ท่านเคารพสักการะนอกไปจากพระองค์นั้นเป็นเพียงชื่อที่พวกท่านและ บรรพบุรุษของพวกท่านตั้งกันขึ้นมาเอง เป็นชื่อที่พระเจ้าไม่ได้ส่งอำ�นาจ ใดๆมาให้แก่พวกมัน อำ�นาจสูงสุดเป็นของพระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว เท่านั้น พระองค์ได้ทรงบัญชาพวกท่านว่าจงอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกไป จากพระองค์ นี่คือแนวทางอันถูกต้องและเที่ยงตรง แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ ไม่รู้ 41 เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของฉันเอ๋ย นี่คือคำ�ทำ�นายฝัน คนหนึ่งจะริน เหล้าถวายเจ้านายของเขา ส่วนอีกคนหนึ่งจะถูกตรึงกางเขนและนกจะ จิกกินที่หัวของเขา เรื่องที่พวกท่านอยากรู้นั้นได้ถูกกำ�หนดเอาไว้แล้ว” 42 แล้วยูซุฟได้พูดกับคนหนึ่งที่เขาคิดว่าจะได้รับการปล่อยตัว เขากล่าว ว่า “จงเอ่ยถึงฉันให้เจ้านายของท่านได้รู้ด้วย” แต่ซาตานได้ท�ำ ให้เขาลืม เอ่ยถึงยูซุฟให้เจ้านายของเขาฟัง ดังนั้น ยูซุฟจึงต้องอยู่ในคุกเป็นเวลา หลายปี 43 วันหนึ่ง กษัตริย์ได้กล่าวว่า “ฉันฝันเห็นวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวกำ�ลัง ถูกวัวตัวเมียผอมเจ็ดตัวกินและเห็นฝักข้าวโพดสีเขียวเจ็ดฝักและที่แห้ง อีกเจ็ดฝัก ขุนนางของฉัน ทำ�นายความฝันให้ฉันหน่อยซิถ้าหากพวก ท่านเข้าใจความหมายของความฝัน” 44 พวกเขาตอบว่า “นี่เป็นความฝัน 37

240

12. โจเซฟ

ที่สับสน และพวกเราไม่เข้าใจความหมายของมัน” 45 แล้วหนึ่งในสอง นักโทษที่ถูกปล่อยตัวออกมาได้นึกถึงสิ่งที่ผ่านมาเป็นเวลานานแล้วได้ เขากล่าวว่า “ฉันจะบอกความหมายของความฝันให้ถ้าหากท่านเพียงแต่ ส่งฉันไปหายูซุฟในคุก” 46 (เมื่อพบกับยูซุฟ) เขาได้กล่าวว่า “ยูซุฟผู้มีสัจจะวาจา จงทำ�นายฝัน เรื่องวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวกำ�ลังถูกวัวผอมเจ็ดตัวกิน และข้าวโพดเขียว เจ็ดฝักและที่แห้งอีกเจ็ดฝักให้ฉันฟังหน่อยซิ เพื่อที่ฉันจะได้กลับไปบอก ผู้คนและพวกเขาจะได้เข้าใจ” 47 ยูซุฟตอบว่า “พวกท่านจงไถหว่านแผ่น ดินเป็นเวลาเจ็ดปีต่อเนื่องกันตามปกติ แต่จงปล่อยสิ่งที่ท่านเก็บเกี่ยว มาให้อยู่ในฝักของมัน ยกเว้นเท่าที่ท่านจะนำ�มากิน 48 หลังจากนั้นจะมี ความอดอยากขาดแคลนเกิดขึ้นเป็นเวลาเจ็ดปีซึ่งในช่วงนั้นจะไม่มีอะไร เหลือเลยนอกจากสิ่งที่พวกท่านได้เก็บสำ�รองไว้ 49 หลังจากนั้นจะมีปี หนึ่งซึ่งฝนตกชุกและพวกเขาจะได้คั้นน้ำ�จากพืชผล(องุ่นและน้ำ�มัน)อีก ครั้งหนึ่ง” 50 กษัตริย์กล่าวว่า “จงนำ�ตัวเขามาหาฉัน” แต่เมื่อตัวแทนของกษัตริย์ มาหาเขา ยูซุฟได้กล่าวว่า “จงกลับไปหานายของท่านและขอให้เขา สอบสวนเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงที่ถูกมีดบาดมือ แท้จริง พระผู้อภิบาล ของฉันทรงรอบรู้ถึงอุบายของคนพวกนั้น” 51 กษัตริย์จึงได้ถามพวก ผู้หญิงเหล่านั้นว่า “พวกนางจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนที่พวก นางพยายามเย้ายวนยูซุฟ?” พวกผู้หญิงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขอ พระเจ้าทรงคุ้มครองเรา พวกเราไม่พบความชั่วอันใดในตัวเขา” ภรรยา ของผู้สูงศักดิ์ได้สารภาพว่า “ตอนนี้ ความจริงได้เป็นที่เปิดเผยแล้ว ฉัน เองที่พยายามจะยั่วยวนปลุกปล้�ำ เขา ความจริงแล้ว เขาเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์” 52 ยูซุฟกล่าวว่า “โดยการสอบสวนเรื่องนี้ ฉันต้องการให้เขา(อะซีซ) รู้ว่าฉันมิได้คิดคดต่อเขาลับหลังและเพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าพระเจ้าไม่ทรง ทำ�ให้แผนการของพวกหลอกลวงเป็นผลสำ�เร็จ 53 แต่ฉันมิได้ถือว่าตัวฉัน

ยูซุฟ

241

ปลอดพ้นจากบาป เพราะวิญญาณนั้นกระตุ้นมนุษย์ไปสู่ความชั่ว เว้นเสีย แต่ว่าพระผู้อภิบาลของฉันทรงเมตตา แท้จริง พระผู้อภิบาลของฉันเป็น ผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ” 54 กษัตริย์ได้กล่าวว่า “จงไปนำ�ตัวเขามายังฉันเพื่อที่ฉันจะได้ให้เขา อยู่ใกล้ชิดกับฉันเป็นการเฉพาะ” เมื่อยูซุฟได้พูดกับกษัตริย์ กษัตริย์ได้ กล่าวว่า “นับแต่นี้ไป เจ้าได้รับตำ�แหน่งอันมีเกียรติอยู่กับเราและเจ้าได้ รับความไว้วางใจอย่างเต็มที่” 55 ยูซุฟกล่าวว่า “โปรดให้ยุ้งฉางทรัพยากร ทั้งหมดของแผ่นดินนี้อยู่ในการควบคุมดูแลของฉัน เพราะฉันรู้วิธีการ ดูแลรักษามันและมีความรู้ด้วย” 56 ด้วยเหตุนี้เองที่เราได้ให้อำ�นาจแก่ ยูซุฟในแผ่นดิน เขาจะอยู่ที่ไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการ เราประทานความ เมตตาแก่ใครก็ตามที่เราประสงค์ และเราไม่ท�ำ ให้รางวัลตอบแทนของ ผู้ทำ�ความดีต้องเสียหาย 57 แต่รางวัลตอบแทนของชีวิตในโลกหน้านั้น ดีกว่ามากมายสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติตนอย่างเกรงกลัว พระเจ้า 58 พี่ๆของยูซุฟได้มาถึงอียิปต์และปรากฏตัวต่อหน้าเขา ยูซุฟจำ�พวก พี่ๆของเขาได้ แต่พวกพี่ๆจำ�เขาไม่ได้ 59 เมื่อเขาได้จัดเตรียมอาหารที่ จำ�เป็นแก่พวกพี่ๆแล้ว เขาได้กล่าวว่า “จงนำ�น้องชายจากพ่อของพวก ท่านมาหาฉัน พวกท่านไม่เห็นหรือว่าฉันให้พวกท่านอย่างเต็มที่ และ ฉันดีที่สุดในบรรดาผู้ต้อนรับ? 60 แต่ถ้าพวกท่านไม่น�ำ เขามาหาฉัน พวก ท่านจะไม่ได้รับเมล็ดข้าวจากฉันอีก และพวกท่านก็ไม่ควรแม้แต่จะมา ใกล้ฉันอีก” 61 พวกเขาตอบว่า “เราจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหว่านล้อม พ่อของเขาให้ส่งเขามากับเรา เราจะทำ�อย่างดีที่สุด” 62 ยูซุฟได้บอกพวกคนใช้ของเขาว่า “จงแอบเอาเงินที่พวกเขานำ�มา แลกเมล็ดข้าวใส่เข้าไปในถุงกระสอบของพวกเขา เพื่อที่ว่าเมื่อพวกเขา กลับไปถึงบ้านแล้ว พวกเขาจะกลับมาอีก” 63 เมื่อพวกเขาได้กลับไปหา พ่อของพวกเขา พวกเขาได้กล่าวว่า “พ่อครับ นับแต่นี้ไป เราจะถูกห้าม

242

12. โจเซฟ

มิให้รับเมล็ดข้าวอีก กรุณาส่งน้องของเรา(บินยามิน)ไปกับเราเถิด เพื่อที่ เราจะได้นำ�ส่วนตวงของเรากลับมาและเราจะป้องกันเขาอย่างดี” 64 พ่อ ของพวกเขาตอบว่า “จะให้ฉันไว้ใจพวกเจ้าโดยส่งเขาไปเหมือนกับที่ฉัน เคยไว้ใจส่งพี่ของเขาไปกับพวกเจ้าก่อนหน้านี้กระนั้นหรือ? แต่พระเจ้า เป็นผู้ทรงคุ้มครองที่ดีเลิศและพระองค์ทรงเป็นผู้เมตตาที่สุด” 65 เมื่อพวกเขาเปิดถุงกระสอบ พวกเขาพบว่าเงินของพวกเขาได้ ถูกคืนกลับมายังพวกเขาด้วย พอได้เห็น พวกเขาต่างกล่าวออกมาด้วย ความดีใจว่า “พ่อครับ ดูนี่สิ เราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า? นี่ คือสิ่งของที่ถูกคืนกลับมาให้เรา ดังนั้น เราจะกลับไปใหม่และนำ�เอา อาหารมาให้ครอบครัวเราอีก เราจะดูแลน้องของเราอย่างดีและเราจะ ขนเสบียงอาหารมาจนเต็มหลังอูฐ นี่(ที่เรานำ�มาตอนนี้)เป็นจำ�นวนเล็ก น้อยเท่านั้น” 66 พ่อของพวกเขากล่าวว่า “ฉันจะไม่ส่งเขาไปกับพวกเจ้า จนกว่าพวกเจ้าจะให้คำ�มั่นสัญญาแก่ฉันในนามของพระเจ้าว่าพวกเจ้าจะ นำ�เขากลับมาหาฉัน เว้นแต่พวกเจ้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจช่วย ตัวเองได้” เมื่อพวกเขาได้ให้ค�ำ มั่นสัญญาอันมั่นคงแก่พ่อของพวกเขา แล้ว พ่อของพวกเขาได้กล่าวว่า “จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เฝ้าดูค�ำ สัญญาที่พวกเราได้กล่าวไป” 67 ยะกู๊บได้กล่าวว่า “ลูกๆเอ๋ย จงอย่าเข้าเมืองโดยทางประตูเดียว แต่ จงเข้าทางประตูอื่นบ้าง จงจำ�ไว้ให้ดีว่าฉันไม่อาจช่วยพวกเจ้าให้พ้นจาก พระประสงค์ของพระเจ้าได้เพราะไม่มีผู้ใดอื่นนอกไปจากพระองค์ผู้ทรง มีอำ�นาจตัดสิน ฉันมอบความไว้วางใจของฉันแก่พระองค์และทุกคนที่ ต้องการจะไว้ใจใครนั้นควรจะมอบความไว้วางใจในพระองค์” 68 พวกเขา เข้าเมือง(อย่างปลอดภัย)ตามที่พ่อของพวกเขาบอก อย่างไรก็ตาม เขา ไม่มีอำ�นาจที่จะป้องกันพวกเขาต่อสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกำ�หนดไว้แล้วได้ เขาเพียงแต่ท�ำ ไปเพื่อที่จะขจัดความกลัวในหัวใจของเขาเท่านั้น เขามี ความรู้ที่เราได้สอนเขา แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความจริง

ยูซุฟ

243

เมื่อพวกเขาได้เข้าไปหายูซุฟ เขาได้เรียกน้องชายของเขา(บินยา มิน)ให้เข้ามาหาตามลำ�พัง เขาพูดกับน้องชายของเขาว่า “ฉันเป็นพี่ชาย ของเจ้า จงอย่าเสียใจในสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไป” 70 ขณะที่ยูซุฟจัดการเอา เสบียงอาหารใส่ถุงของพวกพี่ชายของเขา เขาได้ใส่ถ้วยดื่มน้�ำ ของเขาลง ไปในถุงของน้องชายของเขาเอง หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ร้อง ตะโกนขึ้นมาว่า “เฮ้ย พวกคนขี่อูฐ พวกแกเป็นหัวขโมยนี่” 71 พวกพี่ๆจึง หันไปถามว่า “มีอะไรที่ท่านว่าหายไป?” 72 พวกเจ้าหน้าที่ตอบว่า “ถ้วย ตวงของกษัตริย์ได้หายไป คนที่นำ�มันกลับมาจะได้รับข้าวโพดเต็มหลัง อูฐเป็นรางวัล ฉันรับประกัน” 73 พวกพี่ของยูซุฟจึงตอบว่า “ขอสาบาน ต่อพระเจ้า พวกท่านรู้ดีว่าพวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นใน แผ่นดินนี้ และพวกเราไม่ได้เป็นขโมย” 74 พวกเจ้าหน้าที่จึงได้กล่าวว่า “เอาละ โทษของขโมยเป็นอย่างไรเล่าถ้าเราจะชดใช้พวกท่าน?” 75 พวก เขาตอบว่า “โทษของผู้นั้นคือการถูกกักตัวไว้ถ้าหากมีการพบสิ่งนั้นในถุง ของเขา พวกเราลงโทษคนทำ�ผิดดังกล่าวเช่นนั้น” 76 เขา(ผู้ป่าวประกาศ) ได้เริ่มค้นถุงของพวกพี่ชายก่อนที่จะค้นถุงของน้องชายของเขา หลังจาก นั้น เขาได้เอามันออกมาจากถุงของน้องชายของเขา ด้วยวิธีการนี้เอง เราได้วางแผนให้ยูซุฟ เพราะเขาไม่สามารถกักตัวน้องชายของเขาไว้ โดยใช้กฎหมายของกษัตริย์ เว้นแต่ว่าพระเจ้าจะทรงประสงค์เช่นนั้น เรา ยกตำ�แหน่งของผู้ที่เราประสงค์ให้สูงขึ้นและพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ทรงมีความรู้ยิ่งใหญ่กว้างไกลกว่าความรู้ของผู้อื่นทั้งหมด 77 พวกพี่ๆของเขาได้กล่าวว่า “ถ้าเขาเป็นขโมย พี่ชายของเขาเองก็ เคยขโมยมาก่อน” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยูซุฟได้เก็บความรู้สึกของเขาไว้และ ไม่เปิดเผยอะไรแก่พวกเขา แต่เขากล่าวเพียงเบาๆว่า “พวกเจ้านี้ช่างเลว ยิ่งกว่าเดิมอีก พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวออกมา” 78 พวก เขากล่าวว่า “โอ้ท่านผู้มีอ�ำ นาจ เขามีพ่อที่ชรามากแล้ว ดังนั้น ขอให้ กักตัวใครสักคนหนึ่งในหมู่พวกเราแทนเขาเถิด เราเห็นว่าท่านเป็นคนดี 69

244

12. โจเซฟ

มากคนหนึ่ง” 79 ยูซุฟตอบว่า “พระเจ้าทรงห้ามเรากักตัวใครอื่นนอกจาก คนที่เราพบว่าทรัพย์สินของเราอยู่กับเขา เพราะถ้าหากเราทำ�เช่นนั้น เราจะเป็นผู้ทำ�ความผิด” 80 เมื่อพวกเขาสิ้นหวัง(ต่อการร้องขอ)กับยูซุฟ พวกเขาจึงหันไป ปรึกษากัน พี่ชายคนโตของพวกเขากล่าวว่า “พวกเจ้าก็รู้ดีว่าพ่อได้ให้ พวกเจ้าสัญญาอย่างหนักแน่นในนามของพระเจ้า และพวกเจ้าก็รู้ด้วย ว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าได้ท�ำ ผิดมาแล้วกับยูซุฟ ดังนั้น ฉันจะไม่ออกไป จากแผ่นดินนี้จนกว่าพ่อของฉันจะอนุญาตหรือพระเจ้าทรงตัดสินให้ฉัน เพราะพระเจ้าทรงเป็นเลิศที่สุดในบรรดาผู้ตัดสิน 81 จงกลับไปหาพ่อของ พวกเจ้าและบอกว่า “พ่อครับ ลูกชายของพ่อขโมยของ เราไม่เห็นเขา ขโมย แต่เราแค่ยืนยันในสิ่งเรารู้และเราไม่อาจป้องกันสิ่งที่มิอาจมองเห็น ได้ 82 พ่อจะสอบถามผู้คนของเมืองนั้นและผู้คนจากขบวนอูฐที่เราเดิน ทางกลับมาด้วยก็ได้ เราพูดความจริงอย่างแน่นอน” 83 ยะกู๊บกล่าวว่า “ไม่ พวกเจ้าเองต่างหากที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา เอา เถอะ ฉันจะอดทนให้ดีที่สุด บางที พระเจ้าอาจจะนำ�พวกเขาทั้งหมด มาหาฉันเพราะพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งและทรงปรีชาญาณยิ่ง” 84 แล้วเขา ได้เบือนหน้าไปจากลูกๆพลางกล่าวว่า “สงสารยูซุฟเหลือเกิน” แล้วเขา ต้องข่มความเศร้าไว้ด้วยความเจ็บปวดและตาของเขาได้เริ่มขาวพร่ามัว เพราะความเศร้า 85 พวกลูกๆได้กล่าวว่า “ขอสาบานต่อพระเจ้า พ่อยัง คิดถึงยูซุฟจนสุขภาพทรุดโทรมหรือตายไปเพราะความโศกเศร้าอยู่อีก หรือ?” 86 เขาตอบว่า “ฉันปรับทุกข์ถึงความเศร้าโศกเสียใจของฉันต่อ พระเจ้าเท่านั้นและฉันรู้จากพระเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ 87 ลูกๆเอ๋ย จง ออกไปสืบหายูซุฟและน้องของเขา จงอย่าหมดหวังในความเมตตาของ พระเจ้า เพราะมีแต่บรรดาผู้ปฏิเสธเท่านั้นที่หมดหวังในความเมตตาของ พระองค์” 88 เมื่อพวกเขากลับไปยังอียิปต์และได้เข้าพบยูซุฟ พวกเขาได้กล่าว

ยูซุฟ

245

ว่า “ท่านผู้สูงศักดิ์ เราและครอบครัวของเรากำ�ลังได้รับความทุกข์ ถึง แม้เราจะนำ�สิ่งของมาเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกเปลี่ยน แต่เราขอร้องท่าน ได้กรุณาให้ข้าวโดยเต็มแก่เราและโปรดทำ�บุญทำ�ทานแก่เราด้วยเถิด เพราะพระเจ้าจะทรงตอบแทนผู้ใจบุญอย่างเหลือเฟือ” 89 ยูซุฟจึงกล่าวว่า “พวกท่านรู้ไหมว่าพวกท่านได้ทำ�อะไรลงไปกับยูซุฟและน้องชายของเขา ด้วยความโง่เขลา?” 90 พวกเขาอุทานออกมาด้วยความแปลกใจว่า “ท่าน คือยูซุฟจริงๆหรือนี่?” เขาตอบว่า “ใช่ ฉันคือยูซุฟ และนี่คือน้องชายของ ฉัน พระเจ้าทรงปรานีแก่เรา ความจริงก็คือพระเจ้าไม่ทรงปล่อยให้การ ตอบแทนคนดีที่มีความยำ�เกรงและความอดทนต้องสูญเปล่า” 91 พวกเขากล่าวว่า “ขอสาบานต่อพระเจ้า พระองค์ทรงยกย่องท่าน เหนือพวกเราและเราเป็นผู้ท�ำ ผิดจริงๆ” 92 เขาตอบว่า “วันนี้จะไม่มีการ ลงโทษพวกพี่ ขอพระเจ้าทรงโปรดอภัยพวกพี่ๆ พระองค์เป็นผู้ทรง เมตตาที่สุดของบรรดาผู้เมตตา” 93 จงเอาเสื้อของฉันตัวนี้ไปวางไว้บน หน้าพ่อของฉัน ตาของพ่อจะกลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น จง นำ�ครอบครัวของพวกพี่ๆทั้งหมดมาหาฉัน” 94 เมื่อขบวนอูฐออกไป(จากอียิปต์) พ่อของพวกเขา(ในคะนาอัน)ได้ กล่าวว่า “ฉันได้กลิ่นของยูซุฟถึงแม้พวกเจ้าจะคิดว่าฉันอยู่ในวัยชราที่ เลอะเลือนก็ตาม” 95 พวกเขากล่าวว่า “ขอสาบานต่อพระเจ้า พ่อยังคง หลงอยู่กับภาพเก่าๆของพ่อเหมือนเดิม” 96 แต่เมื่อผู้น�ำ ข่าวดีมาถึงที่นั่น เขาได้เอาเสื้อของยูซุฟวางลงไปบนหน้าของยะกู๊บ ตาเขาได้กลับมามอง เห็นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น เขาจึงกล่าวว่า “ฉันไม่ได้บอกพวกเจ้าหรือว่าฉันรู้ จากจากพระเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้?” 97 พวกเขากล่าวว่า “พ่อครับ โปรด ให้อภัยแก่ความผิดบาปของพวกเราด้วยเถิดเพราะพวกเราเป็นผู้ทำ�บาป จริงๆ” 98 เขาได้ตอบว่า “ฉันจะวิงวอนขอต่อพระผู้อภิบาลของฉันให้ทรง ยกโทษพวกเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 99 หลังจากนั้น เมื่อพวกเขามาหายูซุฟ เขาได้จูงพ่อแม่ของเขา

246

12. โจเซฟ

มายังเขาและกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับสู่อียิปต์ หากเป็นพระประสงค์ของ พระเจ้า พวกท่านจะได้อยู่อย่างสันติ” 100 (หลังจากเข้ามาในเมือง)เขา ได้ให้พ่อแม่ของเขาขึ้นนั่งบนเบาะใบหนึ่ง และทั้งหมดได้คุกเข่าต่อหน้า เขาพร้อมๆกัน ยูซุฟได้กล่าวว่า “พ่อครับ นี่คือการทำ�นายฝันที่ฉันได้ฝัน ก่อนหน้านี้ พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรงทำ�ให้มันเป็นจริงแล้ว มันเป็น ความโปรดปรานของพระองค์ที่ทรงทำ�ให้ฉันออกจากคุกและทรงนำ�พวก ท่านมายังฉันจากทะเลทรายหลังจากที่ซาตานได้สร้างความแตกแยก ระหว่างฉันกับพี่ๆของฉัน แต่พระผู้อภิบาลของฉันทรงทำ�ให้แผนการ ของพระองค์เป็นผลสำ�เร็จด้วยความแนบเนียน เพราะพระองค์เป็นผู้ทรง รอบรู้ผู้ทรงปรีชาญาณ” 101 หลังจากนั้น ยูซุฟได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์ ได้ทรงประทานอำ�นาจแก่ฉันและได้ทรงสอนฉันถึงการอธิบายความฝัน ข้าแต่พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงคุ้มครองดูแลฉัน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า โปรดให้ฉันตายในสภาพยอมจำ�นนต่อพระองค์ และได้โปรดรวมฉันไว้กับผู้มีคุณธรรมความดีในที่สุดด้วยเถิด” 102 (โอ้มุฮัมมัด) นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยที่เจ้ามองไม่เห็นซึ่งเรา ได้เปิดเผยแก่เจ้าถึงแม้เจ้าไม่ได้อยู่กับพวกเขาในตอนที่พวกเขาร่วม กันวางแผนก็ตาม 103 แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อ ไม่ว่าเจ้าจะปรารถนา อย่างไรก็ตาม 104 แม้เจ้าจะไม่ขอสิ่งตอบแทนพวกเขาสำ�หรับสิ่งที่ถูก ประทานลงมานี้ มันก็เป็นคำ�ตักเตือนสำ�หรับคนทั้งโลก 105 และมีสัญญาณมากมายในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินที่พวกเขา ผ่านไปและไม่ใส่ใจต่อมัน 106 และพวกเขาส่วนใหญ่ถึงแม้จะยอมรับ ความศรัทธาในพระเจ้า แต่พวกเขาก็ยังเอาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์ 107 พวกเขารู้สึกปลอดภัยกระนั้นหรือที่การลงโทษของพระเจ้ายังไม่ลง มาบนพวกเขาหรือยามอวสานจะไม่มายังพวกเขาโดยฉับพลันเมื่อพวก เขาไม่รู้? 108 จงบอกพวกเขาว่า “นี่คือทางของฉัน ฉันเชิญชวนพวกท่าน

อัรฺ-เราะอฺด์

247

มายังพระเจ้าโดยอาศัยหลักฐานที่ชัดเจน ฉันและบรรดาผู้ปฏิบัติตามตาม ฉันเช่นกัน พระองค์ทรงปลอดพ้นจากข้อบกพร่องใดๆ และฉันไม่มีอะไร เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้ตั้งภาคี” 109 (โอ้มุฮัมมัด) บรรดาศาสนทูตที่เราได้ส่งมาก่อนหน้าเจ้านั้นเป็น มนุษย์ที่เราเปิดเผยความจริงให้แก่พวกเขา พวกเขาเป็นผู้ที่ถูกเลือกมา จากคนที่อยู่ในเมืองของพวกเขา พวกเขาไม่ได้เดินทางไปในแผ่นดินและ ดูว่าผลสุดท้ายของพวกผู้ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? แน่นอน บรรดาผู้ย�ำ เกรงพระเจ้านั้นชอบที่พำ�นักในปรโลกมากกว่า แล้วตอนนี้ สูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? 110 เมื่อบรรดาศาสนทูตทั้งหลายท้อแท้ต่อคน พวกนี้และผู้คนคิดว่าพวกเขาได้รับเรื่องเท็จ การช่วยเหลือของเราจึงได้ มายังบรรดาศาสนทูตในทันใด เราช่วยผู้ที่เราประสงค์ให้ปลอดภัย แต่ การลงโทษของเราไม่อาจหันเหไปจากบรรดาผู้ท�ำ ความผิด 111 ในเรื่องราวทั้งหลายของผู้คนก่อนหน้านี้มีบทเรียนสำ�หรับบรรดา ผู้มีสามัญสำ�นึก สิ่งที่อยู่ในกุรอานมิใช่เรื่องที่กุขึ้นมา แต่มันยืนยันคัมภีร์ ก่อนหน้านี้และให้รายละเอียดทุกอย่าง อีกทั้งเป็นทางนำ�และความ เมตตาสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 13. ฟ้าคำ�ราม

อัรฺ-เราะอฺด์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม มีม รอ เหล่านี้คือข้อความทั้งหลายของคัมภีร์ สิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า จากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเป็นสัจธรรม แต่ว่าคนส่วนใหญ่ของเจ้าไม่ ศรัทธา 2 พระเจ้าคือผู้ทรงยกชั้นฟ้าไว้โดยไม่มีเสาดังที่สูเจ้าสามารถมอง

248

�������������

เห็นได้ แล้วพระองค์ทรงดำ�รงอยู่บนบัลลังก์แห่งอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ได้ทรงกำ�หนดให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ในกฎ เพื่อที่มัน จะได้โคจรไปตามวาระที่ถูกกำ�หนดไว้ส�ำ หรับมัน พระเจ้าเท่านั้นที่ทรง ควบคุมกิจการทั้งหมด และทรงทำ�ให้สัญญาณของพระองค์เป็นที่ชัดเจน เพื่อที่ว่าสูเจ้าจะเชื่อมั่นในการพบกับพระองค์ 3. พระองค์คือผู้ทรงแผ่ ขยายพื้นแผ่นดินและได้ทรงทำ�ให้ภูเขามั่นคงและทรงทำ�ให้แม่น้ำ�ไหล ในแผ่นดินนั้น พระองค์ได้ทรงทำ�ให้ผลไม้ทุกชนิดเป็นคู่และพระองค์ทรง ปกคลุมกลางวันด้วยกลางคืน แน่นอน ในสิ่งเหล่านี้มีสัญญาณสำ�หรับ บรรดาผู้ใคร่ครวญ 4 ในแผ่นดินนั้นมีเขตแดนต่างๆที่ใกล้ชิดติดต่อกัน มีสวนองุ่น ไร่ ข้าวโพดและสวนอินทผลัมที่มีลำ�ต้นเดี่ยวและลำ�ต้นคู่ ผลของมันได้รับ การหล่อเลี้ยงจากน้ำ�นี้เหมือนกัน แต่เราได้ท�ำ ให้บางอย่างของมันมี รสชาติดีกว่าบางอย่าง แน่นอนที่สุด ในสิ่งเหล่านี้ทุกสิ่งมีสัญญาณต่างๆ สำ�หรับผู้มีความเข้าใจ 5 ถ้าหากมีสิ่งที่ท�ำ ให้เจ้าฉงน เจ้าจงฉงนในคำ�พูดของพวกเขาที่กล่าว ว่า “อะไรนะ เมื่อเรากลายเป็นผุยผงไปแล้ว เราจะถูกทำ�ให้กลับขึ้นมาเกิด ใหม่อีกกระนั้นหรือ?” คนพวกนี้คือผู้ปฏิเสธพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะมีโซ่รอบคอของพวกเขา พวกเขาจะเป็นผู้พำ�นักอยู่ในนรก และพวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป 6 พวกเขาต้องการให้เจ้าเร่งความชั่วมากกว่าความดี ถึงแม้ว่าจะมี ตัวอย่างมากมายของการลงโทษเกิดขึ้นก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ความจริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงอดทนต่อผู้คนทั้งหลาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะ ละเมิด และก็เป็นความจริงอีกเช่นกันที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงอดทน ต่อผู้คนทั้งหลายถึงแม้ว่าพวกเขาจะละเมิด และเป็นความจริงอีกเช่นกัน ที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเข้มงวดในการตอบแทน 7 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมถามว่า “ทำ�ไมจึงไม่มีสัญญาณจากพระผู้

อัรฺ-เราะอฺด์

249

อภิบาลของเขาถูกส่งมายังเขาล่ะ?” แต่เจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น และทุกหมู่ชนนั้นมีผู้นำ�ทาง 8 พระเจ้าทรงรู้ว่าเพศหญิงทุกคนอุ้มอะไรไว้ในครรภ์ พระองค์ทรงรู้ดี ถึงสิ่งที่กำ�ลังก่อตัวเป็นรูปร่างในครรภ์ พระองค์ทรงมีมาตรการที่เหมาะ สมสำ�หรับทุกสิ่ง 9 พระองค์ทรงมีความรู้ในสิ่งที่มองเห็นและที่มองไม่ เห็น พระองค์เป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเป็นสิ่งสูงสุด 10 ไม่มีอะไรแตกต่าง กันไม่ว่าสูเจ้ากระซิบหรือพูดดัง ไม่ว่าสูเจ้าจะซ่อนตัวเองไว้ภายใต้การ ปกคลุมของราตรีหรือเดินในแสงสว่างแห่งกลางวัน 11 แต่ละคนมีทูตสวรรค์ผู้ดูแลอยู่ข้างหน้าและข้างหลังเขาคอยเฝ้าดู เขาอยู่โดยคำ�บัญชาของพระเจ้า แท้จริงแล้ว พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง สภาพของหมู่ชนใดจนกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวก เขาเสียก่อน และเมื่อพระเจ้าทรงตัดสินใจที่จะให้การลงโทษเกิดขึ้นแก่คน หมู่ใดแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากพระองค์แล้ว พวก เขาไม่มีผู้คุ้มครอง 12 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้ฟ้าแลบปรากฏต่อหน้าสูเจ้าเพื่อจะทำ�ให้เจ้า มีทั้งความกลัวและความหวัง และพระองค์คือผู้ทรงก่อให้เกิดเมฆที่อุ้ม น้ำ� 13 เสียงฟ้าร้องแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ด้วยการสรรเสริญ และทูตสวรรค์ ต่างสดุดีพระองค์ด้วยเพราะความเกรงกลัวพระองค์ พระองค์ทรงปล่อย ให้ฟ้าผ่าฟาดลงมายังผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่พวกเขายังโต้แย้งกัน เกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงมีอำ�นาจเฉียบขาดยิ่ง 14 การวิงวอนต่อพระเจ้าเท่านั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนบรรดาสิ่งอื่นที่ พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้นไม่สามารถตอบรับคำ�วิงวอนของ พวกเขาได้ พวกเขาเหมือนกับคนที่ยื่นมือออกไปยังน้�ำ และขอให้น้ำ�ไหล มายังปากของเขาทั้งๆที่มันไม่สามารถไหลมาถึงปากของเขาได้ การ วิงวอนของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมล้วนไร้ผลโดยสิ้นเชิง 15 ทั้งหมดที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนอบน้อมต่อพระเจ้า

250

�������������

เท่านั้น ทั้งโดยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เช่นเดียวกับเงาของทุกสิ่งที่ นอบน้อมต่อพระองค์ทั้งในยามเช้าและยามเย็น 16 จงถามพวกเขาว่า “ใครคือพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน?” จงกล่าวเถิดว่า “พระเจ้า” ดังนั้น จงบอกพวกเขาว่า “แล้วทำ�ไมพวกท่านยังเอาสิ่งอื่นนอก ไปจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครองทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถยังคุณหรือให้ โทษได้แม้แต่ตัวของพวกมันเอง?” จงกล่าวเถิด “คนตาบอดและคนตา ดีนั้นเหมือนกันกระนั้นหรือ? ความมืดและแสงสว่างเหมือนกันกระนั้น หรือ?” หรือพวกเขาตั้งภาคีให้กับพระเจ้าผู้ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรง สร้าง เพื่อที่จะทำ�ให้การสร้างทั้งสองอย่างดูเหมือนกันสำ�หรับพวกเขา กระนั้นหรือ?” จงกล่าวเถิด “พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงอำ�นาจอันยิ่งใหญ่” 17 พระองค์ทรงประทานน้ำ�ลงมาจากท้องฟ้าซึ่งทำ�ให้ลำ�น้ำ�ทั้งหลาย ไหลไปตามกฎของมัน กระแสน้ำ�ที่เชี่ยวกรากไหลไปพร้อมกับฟองน้ำ� ลอยอยู่บนผิว คล้ายกับสิ่งที่ขึ้นมาจากสินแร่ที่มีกลิ่นเหม็นและจากสินแร่ นั้นมนุษย์ได้นำ�มาทำ�เครื่องประดับและเครื่องใช้ โดยการเปรียบเทียบ นี้ พระเจ้าทรงทำ�ให้ความจริงแตกต่างไปจากความเท็จ ส่วนที่เป็นฟอง จะมลายหายไปและส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์จะยังคงอยู่บนแผ่นดิน พระองค์ทรงเปรียบเทียบเช่นนี้เพื่อทำ�ให้สาสน์ของพระองค์เป็นที่กระจ่าง 18 สำ�หรับบรรดาผู้ตอบสนองต่อการเรียกร้องของพระผู้อภิบาลของ พวกเขานั้นมีรางวัลอันประเสริฐตอบแทน แต่สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธการ เรียกร้องของพระองค์นั้น ถ้าหากพวกเขามีทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดิน และมีมากกว่านั้นเป็นสองเท่า พวกเขาจะยอมมอบความมั่งคั่งทั้งหมดมา ไถ่ตัวพวกเขา(ในวันแห่งการพิพากษา) คนเหล่านี้คือผู้ที่จะได้รับการคิด บัญชีอย่างหนัก ที่พำ�นักของพวกเขาคือนรก สถานที่พ�ำ นักอันชั่วช้า 19 คนที่รู้ว่าสิ่งที่ถูกส่งจากพระผู้อภิบาลของเจ้ามายังเจ้าเป็นสัจธรรม จะเหมือนกับคนตาบอดได้ไหม? คนฉลาดเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ 20 พวก

อัรฺ-เราะอฺด์

251

เขาปฏิบัติครบตามสัญญาที่พวกเขามีกับพระเจ้าและไม่ทำ�ลายสัญญา นั้นหลังจากที่ยืนยันแล้ว 21 และบรรดาผู้รวมตัวกันในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรง บัญชาให้รวมกัน และเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาและกลัวการ ลงโทษอันแสนสาหัสหากถูกเรียกไปคิดบัญชี 22 บรรดาผู้อดทนเพื่อที่จะได้รับความพอใจจากพระผู้อภิบาลของ พวกเขา และดำ�รงนมาซและใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาทั้ง โดยซ่อนเร้นและเปิดเผยและขจัดความชั่วด้วยความดี สำ�หรับพวกเขา คือสถานที่พำ�นักที่ดี 23 พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์แห่งเอเดนพร้อมกับคน ดีจากในหมู่บรรพบุรุษของพวกเขา คู่ครองของพวกเขาและลูกหลานของ พวกเขา บรรดาทูตสวรรค์จะเข้ามาหาพวกเขาจากทุกประตู และกล่าว ว่า 24 “ขอความสันติจงมีแด่ท่าน พวกท่านได้รับความจำ�เริญนี้เพราะสิ่งที่ พวกท่านอดทนอย่างมั่นคงในโลก สถานที่พ�ำ นักแห่งปรโลกนั้นช่างดีเสีย เหลือเกิน” 25 สำ�หรับบรรดาผู้ทำ�ลายพันธะสัญญาของพวกเขากับพระเจ้าหลัง จากที่ยืนยันแล้ว ผู้ที่ตัดขาดสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสั่งให้ผูกสัมพันธ์และสร้าง ความเสียหายไปทั่วแผ่นดินนั้น สำ�หรับพวกเขาก็คือคำ�สาปแช่งและพวก เขาจะได้รับสถานที่พำ�นักอันชั่วช้าในโลกหน้า 26 พระเจ้าได้ทรงประทาน ปัจจัยยังชีพของพระองค์อย่างมากมายเหลือหลายแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์และทรงประทานอย่างจำ�กัดจำ�เขี่ยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ (บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม) สุขสำ�ราญกับชีวิตแห่งโลกนี้ในขณะที่ชีวิตแห่ง โลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากสิ่งเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตในโลก หน้า 27 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวว่า “ทำ�ไมจึงไม่มีสัญญาณจากพระ ผู้อภิบาลของเขาถูกส่งมายังเขา?” จงกล่าวเถิดว่า “พระเจ้าทรงปล่อย ให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงทางและทรงนำ�ทางเฉพาะผู้ที่หันไปยัง พระองค์” 28 คนเหล่านั้นคือผู้ที่ศรัทธาและหัวใจของพวกเขาพบความ

252

�������������

สงบในการระลึกถึงพระเจ้า จงรู้ไว้เถิดว่าการระลึกถึงพระเจ้าเท่านั้นที่น�ำ ความสงบมาสู่หัวใจ 29 “สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีย่อมได้ รับความสุขความจำ�เริญ สำ�หรับพวกเขาคือบั้นปลายที่ดี” 30 (โอ้มุฮัมมัด) ดังนั้น เราได้ส่งเจ้ามาเป็นศาสนทูตในหมู่คนที่ก่อน หน้านี้มีผู้คนมากมายได้ล่วงลับไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อที่เจ้าจะได้อ่านสิ่งที่เรา ได้ประทานมายังเจ้าให้พวกเขาฟัง แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังคงปฏิเสธ พระผู้ทรงกรุณาปรานี จงบอกพวกเขาว่า “พระองค์คือพระผู้อภิบาลของ ฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ฉันมอบความไว้วางใจอย่างเต็ม ที่ในพระองค์และยังพระองค์คือผู้ที่ฉันกลับไป” 31 ถึงแม้จะมีกุรอานที่ทำ�ให้ภูเขาเคลื่อนไหวหรือทำ�ให้แผ่นดินแยก ออกจากกัน หรือทำ�ให้คนตายพูดได้ (พวกเขาก็จะไม่เชื่อ) ทุกสิ่งยอม จำ�นนต่อพระประสงค์ของพระองค์ บรรดาผู้ศรัทธายังไม่รู้หรือว่าหาก พระองค์ทรงประสงค์ พระเจ้าทรงสามารถที่จะนำ�ทางมนุษย์ทั้งหมดได้? สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น ความวิบัติหายนะไม่อย่างหนึ่งอย่างใดจะเข้า มาเยี่ยมเยียนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่หยุดหย่อนเพราะความผิด ที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้หรือไม่ก็เกิดขึ้นใกล้กับที่อาศัยของพวกเขา จนกว่าสิ่ง ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้จะเกิดขึ้น พระเจ้ามิทรงผิดพลาดในสัญญาของ พระองค์ 32 ศาสนทูตคนอื่นๆก็เคยถูกเยาะเย้ยมาก่อนหน้าเจ้าแล้ว แต่ ฉันผ่อนปรนเวลาให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้ส�ำ นึกผิด แล้วจึงจัดการ พวกเขาในที่สุด ดูเอาเองแล้วกันว่าการลงโทษของฉันน่าสะพรึงกลัวเช่น ใด 33 ผู้เฝ้ามองทุกชีวิตและการกระทำ�ของพวกเขา(จะเหมือนกับผู้อื่น) กระนั้นหรือ? แต่กระนั้น พวกเขายังตั้งสิ่งอื่นเป็นภาคีกับพระเจ้า (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จงบอกชื่อของพวกมันหน่อยซิ พวกท่านต้องการ ที่จะบอกพระองค์ถึงสิ่งใหม่ที่พระองค์มิทรงรู้บนแผ่นดินของพระองค์ กระนั้นหรือ? หรือพวกท่านเพียงพูดขึ้นมาลอยๆ” แท้จริง สำ�หรับบรรดา

อัรฺ-เราะอฺด์

253

ผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น การหลอกลวงของพวกเขาได้ถูกทำ�ให้ปรากฏเป็น สิ่งดีงามต่อพวกเขาและพวกเขาได้ถูกดึงออกมาจากแนวทางที่ถูกต้อง ไม่มีใครที่จะแสดงหนทางที่ถูกต้องให้แก่บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงปล่อยให้ หลงทางได้ 34 การลงโทษรอพวกเขายู่ในชีวิตแห่งโลกนี้ แต่การลงโทษ ในโลกหน้านั้นเจ็บปวดและทรมานยิ่งกว่า และไม่มีใครที่จะคุ้มครองพวก เขาให้รอดพ้นจากพระเจ้าได้ 35 สำ�หรับสวนสวรรค์ที่ผู้เกรงกลัวพระเจ้าได้ถูกสัญญาไว้นั้นเป็นดังนี้ คือ ภายในนั้นจะมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน ผลไม้ของมันยืนนานถาวร และร่มเงาของมันยาวนานตลอดไป นั่นคือสิ่งตอบแทนสำ�หรับผู้สำ�รวม ตนจากความชั่ว แต่ผลตอบแทนบั้นปลายของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม นั้นคือไฟนรก 36 (โอ้นบี) บางคนของผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์มาให้มีความยินดีใน สิ่งที่เราประทานแก่เจ้า ในขณะที่มีบางคนในหมู่ชนต่างๆปฏิเสธบาง ส่วนของมัน จงบอกพวกเขาว่า “ฉันถูกบัญชาให้เคารพสักการะพระเจ้า เท่านั้นและถูกห้ามมิให้นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีเทียบเคียงพระองค์ ฉัน วิงวอนต่อพระองค์และฉันจะกลับไปหาพระองค์” 37 ดังนั้น เราได้ส่งคำ� บัญชา(ที่ชัดเจน)มาเป็นภาษาอาหรับและถ้าหากเจ้าปฏิบัติตามความ ปรารถนาและอารมณ์ต�่ำ ของพวกเขาทั้งๆที่เจ้าได้รับความรู้แล้ว จะ ไม่มีใครป้องกันเจ้าหรือคุ้มครองเจ้าให้พ้นจากพระเจ้าได้ 38 เราได้ส่ง ศาสนทูตมาหลายคนแล้วก่อนหน้าเจ้าและเราได้ให้พวกเขามีภรรยาและ บุตร และไม่มีศาสนทูตคนใดมีอำ�นาจแสดงสัญญาณใดๆได้นอกจาก โดยการอนุมัติของพระเจ้า ทุกยุคนั้นมีคัมภีร์ของมันเอง 39 พระเจ้าทรง ยกเลิกอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงรักษาไว้ซึ่งอะไรก็ตาม ที่พระองค์ทรงประสงค์และแหล่งที่มาของคำ�บัญชาทั้งหมดอยู่ที่พระองค์ 40 (โอ้นบี) ไม่ว่าเราจะแสดงให้เจ้าเห็นส่วนหนึ่งที่เราได้สัญญาพวก เขาไว้หรือทำ�ให้เจ้าตาย(ก่อนนั้น) หน้าที่ของเจ้าคือการให้คำ�ตักเตือน

254

14. อับราฮัม

และเราเองจะทำ�หน้าที่ช�ำ ระบัญชี 41 คนเหล่านี้มิเห็นหรือว่าเราได้เข้า มายังแผ่นดิน(ของพวกเขา)และย่นเขตแดนของมันในทุกๆด้านอย่างไร? พระเจ้ า ทรงตั ด สิ น ใจและไม่ มี ใ ครยั บ ยั้ ง การตั ด สิ น ใจของพระองค์ ไ ด้ และพระองค์ทรงฉับพลันในการชำ�ระบัญชี 42 แท้จริง หมู่ชนก่อนหน้า พวกเขาได้วางแผนไว้ แต่แผนการนั้นอยู่ในอำ�นาจของพระเจ้าทั้งหมด พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่ทุกชีวิตทำ�ไว้ และในไม่ช้า บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม จะรู้ว่าใครจะได้รับที่พ�ำ นักสุดท้าย 43 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวว่า “ท่านไม่ใช่ศาสนทูตของพระเจ้า” จงกล่าวเถิดว่า “พระเจ้าเพียงพอแล้วสำ�หรับการเป็นพยานระหว่างฉัน กับพวกท่านและคนที่มีความรู้ในคัมภีร์” 14. อับราฮัม

อิบรอฮีม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม รอ นี่คือคัมภีร์ที่เราประทานลงมายังเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้นำ�มนุษย์ออกมาจาก ความมืดไปสู่แสงสว่างโดยคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลพวกเขาสู่หนทาง ของพระผู้ทรงอำ�นาจและผู้สมควรได้รับการสรรเสริญ 2 พระเจ้าผู้ทรง เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ความหายนะ จงมีแด่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 3 ความหายนะจงมีแด่ผู้ที่รักชีวิตแห่งโลก นี้มากกว่าโลกหน้าและขัดขวางผู้คนจากหนทางของพระเจ้าและต้องการ จะทำ�ให้หนทางนี้บิดเบือน คนพวกนี้หลงออกไปไกลแล้ว 4 ศาสนทูตแต่ละคนที่เราส่งมาต่างพูดภาษาของผู้คนของเขา ทั้งนี้ เพื่อที่ว่าเขาจะได้ทำ�ให้สาสน์เป็นที่ชัดเจนแก่คนเหล่านั้น แต่พระเจ้าจะ 1

อิบรอฮีม

255

ปล่อยให้คนที่พระองค์ประสงค์หลงทาง และจะทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ พระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 5 ก่อนหน้านี้ เราได้ส่งมูซามาพร้อมกับสัญญาณของเรา และเราได้ กล่าวว่า “จงนำ�หมู่คนของเจ้าออกจากความมืดทึบทั้งหลายไปสู่แสงสว่าง และจงตักเตือนพวกเขาให้เรียนรู้ถึงวันทั้งหลายของพระเจ้า” แท้จริง ใน นั้นมีสัญญาณสำ�หรับผู้อดทนและผู้กตัญญูทุกคน” 6 (จงนึกถึง)เมื่อตอนที่มูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า “จงนึกถึง ความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมีต่อพวกท่านเมื่อพระองค์ได้ทรง ช่วยพวกท่านให้พ้นจากบริวารของฟาโรห์ผู้ปฏิบัติต่อพวกท่านอย่าง เหี้ยมโหด ผู้กดขี่พวกท่าน พวกเขาฆ่าลูกชายของพวกท่านและไว้ชีวิต ลูกสาวของพวกท่าน ในนั้นมีการทดสอบอันหนักหน่วงสำ�หรับพวก ท่านจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน 7 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาล ของพวกท่านได้ประกาศว่า ‘ถ้าหากสูเจ้ากตัญญู ฉันจะเพิ่มพูนความ โปรดปรานให้แก่สูเจ้า และถ้าหากสูเจ้าเนรคุณ การลงโทษของฉันนั้น รุนแรงยิ่งนัก’ ” 8 มูซาได้กล่าวว่า “ถ้าหากพวกท่านปฏิเสธสัจธรรม พวก ท่านและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรงมีพร้อม ทุกอย่างและทรงควรค่าแก่การสรรเสริญ” 9 สูเจ้าไม่รู้เรื่องราวของบรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าสูเจ้าอย่างเช่นหมู่ชน ของนูฮฺ หมู่ชนของอ๊าดและหมู่ชนษะมูดและหมู่ชนที่มาหลังจากพวกเขา กระนั้นหรือ? พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร บรรดาศาสนทูต ได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดเจน แต่พวกเขาเอามืออุดปาก ของบรรดาศาสนทูตและกล่าวว่า “เราปฏิเสธสาสน์ที่พวกท่านถูกส่งมา และเรามีความสงสัยพิกลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกท่านเชิญชวนเรา” 10 บรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้กล่าวว่า “พวกท่านสงสัยเกี่ยว กับพระเจ้าผู้ทรงเริ่มต้นสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินกระนั้นหรือ? พระองค์ทรงเรียกร้องพวกท่านไปยังพระองค์เพื่อที่พระองค์จะทรงยก

256

14. อับราฮัม

โทษบาปของพวกท่านและให้เวลาแก่พวกท่านในการสำ�นึกผิดจนกระทั่ง ถึงวาระที่ได้ถูกกำ�หนดไว้” พวกเขากล่าวว่า “พวกท่านมิได้เป็นอะไรนอก ไปจากมนุษย์เหมือนกับพวกเรา พวกท่านต้องการที่จะขัดขวางพวกเรา จากการเคารพสักการะสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราเคยเคารพสักการะ ดัง นั้น จงเอาหลักฐานที่ชัดเจนมาให้พวกเรา” 11 บรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้ตอบพวกเขาว่า “จริงที่เราไม่ได้เป็น อะไรมากไปกว่ามนุษย์เหมือนกับพวกท่าน แต่พระเจ้าทรงประทานความ โปรดปรานแก่บ่าวของพระองค์คนใดก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และ เราไม่มีอำ�นาจที่จะนำ�สัญญาณใดๆมายังพวกท่าน เว้นแต่พระเจ้าจะทรง อนุมัติเท่านั้น และในพระเจ้าเท่านั้นที่บรรดาผู้ศรัทธามอบความไว้วางใจ 12 แล้วทำ�ไมพวกเราจึงไม่ไว้วางใจในพระเจ้าในเมื่อพระองค์ทรงนำ�ทาง พวกเรามายังหนทางของพวกเรา? พวกเราจะอดทนต่อการที่พวกท่าน ทำ�ร้ายเรา และขอให้บรรดาผู้มอบความไว้วางใจจงไว้วางใจในพระเจ้า เท่านั้น” 13 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้กล่าวแก่บรรดาศาสนทูตของพวกเขาว่า “พวกท่านต้องกลับมายังศาสนาของพวกเราหรือไม่เช่นนั้นเราจะขับไล่ พวกท่านออกจากแผ่นดินของเรา” แต่พระผู้อภิบาลของพวกเขาได้ดลใจ บรรดาศาสนทูตโดยกล่าวว่า “เราจะทำ�ลายผู้ทำ�ความชั่วเหล่านี้ 14 และ หลังจากพวกเขา เราจะให้สูเจ้าตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดิน นี่เป็นรางวัล ของบรรดาผู้กลัวการพบกับฉันและผู้ที่ใส่ใจในคำ�เตือนของฉัน” 15 เมื่อพวกเขาแสวงหาการตัดสินของเรา ผู้โอหังทุกคนต่างพากันสิ้น หวัง 16 นรกจะปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา และเขาจะถูกให้ดื่มน้�ำ อันสกปรก โสโครก 17 เขาพยายามจะจิบมัน แต่ไม่สามารถกลืนมันลงไปได้ ความ ตายจะล้อมรอบเขาในทุกๆด้าน แต่เขาจะไม่ตายและต่อหน้าเขาคือการ ลงโทษอันแสนสาหัส 18 การงานของบรรดาผู้ปฏิเสธพระผู้อภิบาลของพวกเขานั้นอาจ

อิบรอฮีม

257

เปรียบได้กับขี้เถ้าที่ถูกลมพัดฟุ้งกระจายในวันมีพายุ พวกเขาจะไม่ ได้รับสิ่งใดจากที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ นี่คือการหลงออกไปอย่างไกลสุด 19 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินไว้ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง? ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรง สามารถที่จะทำ�ลายสูเจ้าให้หมดไปและทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่แทน สูเจ้า 20 นั่นไม่เป็นการยากเลยสำ�หรับพระเจ้า 21 เมื่อพวกเขาถูกนำ�ตัวออกมาพร้อมกันต่อหน้าพระเจ้า พวกคน ที่อ่อนแอในโลกนี้จะพูดกับพวกที่วางท่าโอหังว่า “เนื่องจากเราเป็นผู้ ตามพวกท่าน ตอนนี้พวกท่านสามารถคุ้มครองเราให้พ้นจากการลงโทษ ของพระเจ้าได้ไหม?” พวกเขาตอบว่า “หากพระเจ้าทรงนำ�พวกเราไปสู่ หนทางแห่งการรอดพ้น เราจะนำ�พวกเจ้าไปยังทางนั้นด้วยกัน แต่ไม่ว่า พวกเจ้าจะร้องโอดครวญหรืออดทน มันก็เหมือนกัน สำ�หรับพวกเราไม่มี ทางรอดพ้นไปได้เลย” 22 เมื่อการตัดสินของเราเสร็จสิ้นแล้ว ซาตานจะกล่าวว่า “แท้จริง ที่ พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับพวกเจ้านั้นเป็นความจริงทั้งสิ้นและฉันก็ได้ สัญญาไว้กับพวกเจ้าเช่นกัน แต่ฉันบิดพลิ้วพวกเจ้า ฉันไม่มีอ�ำ นาจเหนือ พวกเจ้า นอกจากฉันแค่เชิญชวนพวกเจ้าและพวกเจ้าได้ตอบรับคำ�เชิญ ชวนของฉัน ดังนั้น จงอย่ามาตำ�หนิฉัน แต่จงตำ�หนิตัวของพวกเจ้าเอง ฉันไม่สามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้ที่นี่ และพวกเจ้าก็ไม่สามารถช่วย เหลือฉันได้ ฉันปฏิเสธการที่พวกท่านตั้งฉันเป็นภาคีกับพระเจ้าก่อนหน้า นี้” แท้จริง คนผิดเช่นนั้นต้องได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 23 แต่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีจะถูกรับเข้าสู่สวนสวรรค์ที่ เบื้องล่างนั้นมีสายน้ำ�ไหลผ่าน พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไปโดย การอนุญาตของพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาจะได้รับการ ต้อนรับด้วยคำ�ว่า “ศานติ” 24 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงเปรียบเทียบถ้อยคำ�ที่ดีกับต้นไม้ที่

258

14. อับราฮัม

ดีอย่างไร? รากของมันหยั่งลึกลงไปในพื้นดินและกิ่งก้านสาขาของมัน แผ่ขยายขึ้นสู่ท้องฟ้า 25 มันออกผลทุกฤดูของมันโดยการอนุมัติของพระ ผู้อภิบาลของมัน พระเจ้าทรงยกข้อเปรียบเทียบนี้ขึ้นมาสำ�หรับมนุษย์ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับบทเรียนจากมัน 26 แต่คำ�พูดที่ชั่วอาจเปรียบได้ดัง ต้นไม้เลวซึ่งถูกถอนออกมาจากพื้นดินและไม่มีความมั่นคง 27 พระเจ้าจะทรงทำ�ให้บรรดาผู้ศรัทธามีความเข้มแข็งด้วยถ้อยคำ�ที่ มั่นคงของพระองค์ทั้งในชีวิตนี้และในโลกหน้า แต่จะทรงปล่อยให้ผู้ทำ�ผิด หลงทาง พระเจ้าทรงมีอำ�นาจทำ�อะไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ 28 เจ้าไม่เห็นคนที่ตอบแทนความโปรดปรานของพระเจ้าด้วยการ เนรคุณและนำ�ผู้คนของพวกเขาเข้าไปสู่ที่พำ�นักแห่งความหายนะดอก หรือ? 29 นรกคือสถานที่ที่พวกเขาจะเข้าไปและมันเป็นสถานที่พักอันเลว ร้ายที่สุด 30 พวกเขาตั้งภาคีขึ้นมาควบคู่กับพระเจ้าเพื่อที่จะนำ�ผู้คนให้ หลงออกไปจากทางของพระองค์ จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จงสนุกสนาน กันไปชั่วขณะหนึ่งเถอะ เพราะในที่สุดแล้ว พวกท่านจะต้องกลับไปสู่ไฟ นรก” 31 โอ้นบี จงบอกบ่าวผู้ศรัทธาของฉันให้ด�ำ รงนมาซและใช้จ่ายทั้งในที่ ลับและที่เปิดเผยจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาก่อนวันที่จะไม่มีการ ซื้อขายและไม่มีการช่วยเหลือกันแบบมิตรภาพ 32 พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรง ประทานน้�ำ ลงมาจากท้องฟ้า และจากน้�ำ นั้นพระองค์ได้ทรงให้มีผลไม้ นานาชนิดออกมาเพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้ เรื อ อยู่ ใ นอำ � นาจของสู เ จ้ า ที่ จ ะแล่ น ไปในทะเลโดยคำ � สั่ ง ของพระองค์ และในทำ�นองเดียวกันก็ได้ทรงทำ�ให้แม่น้ำ�เป็นประโยชน์สำ�หรับสูเจ้า 33 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปตามวิถีอย่าง แน่นอนและพระองค์ทรงทำ�ให้กลางคืนและกลางวันเป็นประโยชน์ต่อ สูเจ้า 34 พระองค์คือผู้ทรงตอบสนองทุกสิ่งที่สูเจ้าเรียกร้องต้องการจน

อิบรอฮีม

259

สูเจ้าไม่อาจที่จะนับความโปรดปรานของพระองค์ถ้าหากสูเจ้าจะนับ แต่ ความจริงแล้ว มนุษย์นั้นไม่ยุติธรรมและเป็นผู้เนรคุณ 35 (จงนึกถึง)เมื่ออิบรอฮีมได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทำ�ให้ เมืองนี้ให้เป็นเมืองแห่งสันติภาพและโปรดช่วยเหลือฉันและลูกหลานของ ฉันให้พ้นจากการเคารพบูชาเทวรูปด้วยเถิด 36 โอ้พระผู้อภิบาล สิ่งเหล่า นี้ได้ท�ำ ให้มนุษย์หันห่างออกจากแนวทางที่ถูกต้อง ใครที่ปฏิบัติตาม แนวทางของฉัน เขาก็เป็นพวกฉัน แต่บรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางอื่น นอกไปจากแนวทางของฉัน พระองค์ทรงเป็นผู้ให้อภัย ผู้ทรงเมตตา 37 โอ้พระผู้อภิบาล ฉันได้ตั้งรกรากถิ่นฐานให้ลูกหลานของฉันบาง คนในหุบเขาอันกันดารใกล้บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ โอ้พระผู้ อภิบาล ฉันทำ�สิ่งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ด�ำ รงนมาซที่นั่น ดังนั้น โปรดหัน หัวใจของผู้คนไปยังพวกเขาด้วยเถิดและโปรดประทานผลไม้เป็นอาหาร แก่พวกเขาด้วยเถิด เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นผู้กตัญญู 38 โอ้พระผู้อภิบาล พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่เราซ่อนเร้นและเปิดเผย และไม่ มี สิ่ ง ใดทั้ ง ในชั้ น ฟ้ า และแผ่ น ดิ น จะซ่ อ นเร้ น ไปจากพระองค์ ไ ด้ 39 บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงประทานลูกชายอย่างอิสมา อีลและอิสฮากแก่ฉันในยามชรา แท้จริง พระผู้อภิบาลของฉันทรงได้ยิน คำ�วิงวอน 40 โอ้พระผู้อภิบาล โปรดช่วยทำ�ให้ฉันและบรรดาลูกหลาน ของฉันเป็นผู้ดำ�รงนมาซ โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดตอบรับคำ�วิงวอน ของฉันด้วยเถิด 41 โปรดให้อภัยแก่ฉันและแก่พ่อแม่ของฉันและบรรดาผู้ ศรัทธาในวันแห่งการชำ�ระบัญชีด้วยเถิด” 42 สูเจ้าจงอย่าคิดว่าพระเจ้าทรงนิ่งเฉยต่อสิ่งที่บรรดาผู้ทำ�ผิดกำ�ลัง กระทำ� พระองค์แค่ทรงเลื่อนเวลาของพวกเขาออกไปจนถึงวันที่สายตา ทั้งหลายจะจ้องมองด้วยความตกตะลึงเท่านั้น 43 พวกเขาจะวิ่งหนีหน้า ตั้งด้วยความหวาดกลัวและถอดใจ 44 (โอ้มุฮัมมัด) จงเตือนมนุษย์ถึงวันที่การลงโทษของเราจะมายังพวก

260

14. อับราฮัม

เขา แล้วบรรดาผู้ท�ำ ผิดจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้เวลา แก้ตัวแก่พวกเราอีกสักนิด แล้วเราจะตอบรับการเชิญชวนของพระองค์ และปฏิบัติตามศาสนทูต” (แต่พระเจ้าจะตอบว่า) “ก่อนหน้านี้ สูเจ้าเอง มิใช่หรือที่สาบานว่าจะไม่ตกต่�ำ ทำ�ชั่ว? 45 สูเจ้าเคยอาศัยอยู่ในถิ่นฐาน ของบรรดาผู้ ทำ � ร้ า ยตั ว ของพวกเขาเองและได้ เ ห็ น แล้ ว ว่ า เราจั ด การ กับพวกเขาอย่างไรและเราได้ให้ตัวอย่างแก่สูเจ้าอย่างมากมายแล้ว? 46 พวกเขาวางแผนการของพวกเขา แต่พระเจ้าทรงรู้ถึงแผนการของ พวกเขา แม้ว่าแผนการของพวกเขาจะสามารถย้ายภูเขาได้ก็ตาม (พระเจ้าจะทำ�ให้แผนการของพวกเขาไร้ผล)” 47 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงอย่าคิดว่าพระเจ้าจะทรงผิดสัญญาที่พระองค์ ได้ทรงทำ�ไว้กับบรรดาศาสนาทูตของพระองค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ และผู้ทรงตอบแทน 48 ในวันที่โลกจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอีกโลกหนึ่งเช่น เดียวกับชั้นฟ้าทั้งหลาย พวกเขาทั้งหมดจะมายืนปรากฏต่อหน้าพระเจ้า ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงมีอ�ำ นาจสูงสุด 49 ในวันนั้น เจ้าจะได้เห็นคนผิดถูกล่าม โซ่ติดกัน 50 พวกเขาจะสวมเสื้อผ้าที่ท�ำ ด้วยน้�ำ มันยางและเปลวไฟจะลุก ท่วมหน้าของพวกเขา 51 สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพื่อที่พระเจ้าจะทรงตอบแทนทุก คนสำ�หรับสิ่งที่เขาได้ท�ำ ไว้ แท้จริง พระเจ้าทรงฉับพลันในการชำ�ระ 52 นี่ เป็นสาสน์สำ�หรับมนุษยชาติเพื่อที่มันจะได้เตือนพวกเขาและพวกเขาจะ ได้ตระหนักว่าพระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงเอกะ และเพื่อคนที่มีสติจะได้รับ บทเรียนจากมัน

อัล-ฮิจญร์

261

15. พื้นที่ภูเขา

อัล-ฮิจญร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม รอ เหล่านี้คือข้อความของคัมภีร์กุรอานอันชัดแจ้ง 2 เวลาหนึ่งจะมาถึงอย่าง แน่นอนเมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะเสียใจและยอมจำ�นนต่อพระเจ้า 3 จงปล่อยให้พวกเขากินดื่มและสนุกสนานรื่นเริงและให้พวกเขาหวังลมๆ แล้งๆต่อไป แล้วในไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้(ความจริง) 4 เราไม่เคยทำ�ลาย เมืองใดโดยไม่ได้กำ�หนดไว้เป็นที่แน่ชัด 5 ไม่มีประชาชาติใดสามารถขัด ขวางความหายนะของพวกเขาและไม่มีประชาชาติใดสามารถเลื่อนมัน ออกไปได้ 6 พวกเขากล่าวว่า “โอ้ ท่านผู้มีคำ�ตักเตือน(กุรอาน)ส่งมา ท่านบ้าแน่ๆ 7 ทำ�ไมท่านไม่นำ�บรรดาทูตสวรรค์มาหาเราถ้าหากว่าสิ่งที่ท่านพูดเป็น ความจริง?” 8 แต่เราส่งทูตสวรรค์มาเพียงเพื่อนำ�ความยุติธรรมมาและ หลังจากนั้น ผู้คนจะไม่ได้รับการผ่อนปรน 9 เราเองคือผู้ส่งคำ�ตักเตือนนั้นมาและเราเองเป็นผู้ดูแลรักษามัน 10 (โอ้มุฮัมมัด) เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้ามายังผู้คนก่อน หน้านี้หลายหมู่ชนแล้ว 11 แต่พวกเขาหัวเราะเยาะศาสนทูตที่มายังพวก เขา 12 ถึงแม้เราจะทำ�ให้สิ่งนี้(นิสัยหัวเราะเยาะ)เข้าไปในหัวใจของคน บาป 13 พวกเขาไม่ศรัทธามัน ถึงแม้ว่าพวกเขามีตัวอย่างมากมายของ ผู้คนก่อนหน้าพวกเขาแล้ว 14 ถึงแม้เราจะเปิดประตูในท้องฟ้าให้แก่พวก เขา และพวกเขาปีนขึ้นไปในเวลากลางวัน 15 พวกเขาก็จะกล่าวว่า “ตา ของพวกเราพร่าไปเสียแล้ว ใช่แต่เท่านั้น เรายังถูกคาถาอาคมอีกด้วย” 16 เราได้วางกลุ่มดาวไว้ในท้องฟ้าและได้ทำ�ให้มันสวยงามสำ�หรับผู้

262

15. พื้นที่ภูเขา

มอง 17 และเราได้ป้องกันมันให้พ้นจากซาตานที่ถูกสาปแช่ง 18 แต่ถ้าผู้ ใดแอบฟัง เปลวไฟอันร้อนจ้าจะไล่ตามมัน 19 เราได้แผ่ขยายแผ่นดินและปักภูเขาไว้บนมันอย่างมั่นคง และเราได้ ทำ�ให้พืชพันธุ์งอกเงยขึ้นในนั้นอย่างเหมาะสม 20 เราได้จัดเตรียมปัจจัย ยังชีพจากแผ่นดินนั้นให้แก่สูเจ้าและแก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆที่สูเจ้าไม่ได้เป็นผู้ จัดหาให้ 21 ไม่มีสิ่งใดที่คลังทั้งหลายของมันไม่ได้อยู่กับเรา และเราได้ประทาน มันลงมาด้วยมาตรการที่ถูกกำ�หนดไว้อย่างเหมาะสม 22 เราได้ส่งลม เกสรมา แล้วเราได้ประทานน้�ำ ลงมาจากฟากฟ้าแล้วเราได้ให้สูเจ้าดื่มมัน และสูเจ้าไม่อาจครอบครองมันไว้ส�ำ หรับตัวเองได้ 23 แท้จริง เราคือผู้ให้ชีวิตและให้ความตาย และเราคือผู้สืบทอดทุกสิ่ง 24 เรารู้ดีเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าสูเจ้าและบรรดาผู้ที่จะมา หลังจากสูเจ้า 25 แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าจะรวบรวมพวกเขาเข้าไว้ ด้วยกัน พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ 26 เราได้สร้างมนุษย์มาจากดินโคลนเน่าที่แห้งแข็ง 27 และก่อนเขา เราได้สร้างญินจากเปลวเพลิงแห่งความร้อน 28 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าตรัสแก่ทูตสวรรค์ว่า “เรา จะสร้างมนุษย์คนหนึ่งจากดินโคลน 29 เมื่อฉันได้ท�ำ ให้เขาเป็นรูปร่าง สมบูรณ์และได้เป่าวิญญาณของฉันเข้าไปในเขาแล้ว สูเจ้าทั้งหลาย จงนบนอบหมอบคารวะต่อเขา” 30 ดังนั้น บรรดาทูตสวรรค์ทั้งหมดจึง นบนอบคารวะต่อเขา 31 ยกเว้นอิบลีส(ซาตาน) มันปฏิเสธที่จะร่วมอยู่ กับบรรดาผู้นบนอบ 32 พระเจ้าจึงทรงถามว่า “อิบลีสเอ๋ย สูเจ้าเป็นอะไร ไปถึงไม่ยอมร่วมกับบรรดาผู้กราบนบนอบ?” 33 มันตอบว่า “ไม่เป็นการ สมควรที่ฉันจะกราบนบนอบต่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน โคลนเน่าที่แห้งแข็ง” 34 พระองค์จึงตรัสว่า “จงออกไปจากที่นี่เสีย เพราะสูเจ้าได้กลายเป็น

อัล-ฮิจญร์

263

ผู้ถูกสาปแช่งแล้ว 35 และการถูกสาปแช่งนี้จะตกอยู่กับสูเจ้าตลอดไปจน กระทั่งถึงวันแห่งการตอบแทน” 36 ซาตานจึงได้ขอว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ของฉัน โปรดผ่อนปรนเวลาให้แก่ฉันจนกระทั่งถึงวันที่มนุษย์จะถูกทำ�ให้ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง” 37 พระองค์ทรงกล่าวว่า “ได้ สูเจ้าจะได้รับ การผ่อนปรน 38 ไปจนถึงเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้” 39 มันกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน เนื่องจากพระองค์ได้ทรง ทำ�ให้ฉันหลงทางไป ฉันจะสร้างสิ่งเย้ายวนต่างๆสำ�หรับพวกเขาในโลก นี้และจะล่อลวงพวกเขา 40 ยกเว้นบ่าวบางคนที่พระองค์ทรงเลือกไว้ สำ�หรับพระองค์เอง” 41 พระเจ้าทรงกล่าวว่า “นี่คือแนวทางอันเที่ยงตรงที่มาถึงฉัน 42 สูเจ้า ไม่มีอำ�นาจใดๆเหนือปวงบ่าวผู้จริงใจของฉัน นอกจากบรรดาผู้หลงผิดที่ ตามสูเจ้า 43 แน่นอน นรกคือสถานที่ที่พวกเขาได้ถูกกำ�หนดไว้ 44 มันมี เจ็ดประตู และแต่ละประตูได้ถูกกำ�หนดไว้ส�ำ หรับแต่ละกลุ่มของพวกเขา 45 ส่วนผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะได้พำ�นักอยู่ท่ามกลางสวนหลาก หลายและน้�ำ พุมากมาย 46 (พวกเขาจะถูกบอกว่า) ‘จงเข้ามาในนี้ด้วย ความสันติและปลอดภัย’ 47 เราจะขจัดสิ่งหม่นหมองแม้แต่เพียงน้อย นิดออกไปจากหัวใจของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นเหมือนพี่น้องที่นั่ง หันหน้าเข้าหากันอยู่บนฟูก 48 พวกเขาจะไม่มีงานให้ต้องเหนื่อยล้าและ พวกเขาจะไม่ถูกนำ�ออกมาจากนั้น” 49 (โอ้ นบี) จงบอกปวงบ่าวของฉัน ว่า “ฉันเป็นผู้ให้อภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ 50 แต่การลงโทษของฉันก็ เป็นการลงโทษอันเจ็บปวด” 51 จงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของแขกของอิบรอฮีม 52 เมื่อพวกเขาได้ มายังเขา พวกเขาได้กล่าวว่า “ศานติ” แต่เขากล่าวว่า “เรากลัวพวกท่าน” 53 พวกเขาจึงกล่าวว่า “จงอย่ากลัวเราเลย เราจะแจ้งข่าวดีแก่ท่าน ท่าน จะมีลูกชายคนหนึ่งที่มีความฉลาดหลักแหลม” 54 อิบรอฮีมกล่าวว่า “พวก ท่านมาบอกข่าวดีว่าฉันจะมีลูกในตอนที่ฉันอยู่ในวัยชราอย่างนี้กระนั้น

264

15. พื้นที่ภูเขา

หรือ? ข่าวดีอะไรกันที่พวกท่านบอกฉัน?” 55 พวกเขากล่าวว่า “เราแจ้ง ข่าวดีแก่ท่านจริงๆ ดังนั้น ท่านจงอย่าเป็นผู้สิ้นหวัง” 56 อิบรอฮีมได้ตอบ ว่า “จะมีก็แต่คนหลงผิดเท่านั้นที่สิ้นหวังในความเมตตาของพระผู้อภิบาล ของเขา” 57 แล้วเขาได้ถามพวกเขาว่า “พวกท่านถูกส่งมาด้วยเหตุอะไรหรือ?” 58 พวกเขากล่าวว่า “เราถูกส่งมาเพื่อ(ลงโทษ)หมู่ชนผู้ท�ำ ผิด 59 ยกเว้น ครอบครัวของลูฏ เราจะช่วยพวกเขาทั้งหมด 60 ยกเว้นภรรยาของเขาที่ ได้ถูกกำ�หนดไว้แล้วว่าจะยังคงอยู่บรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง(และจะขาดทุน)” 61 เมื่อบรรดาทูตเหล่านี้มาหาลูฏและครอบครัวของเขา 62 เขากล่าวว่า “พวกท่านดูเหมือนคนแปลกหน้า(สำ�หรับฉัน)” 63 พวกเขากล่าวว่า “มิได้ เรามาหาท่านด้วยเรื่องที่ผู้คนเหล่านี้ถกเถียงกัน 64 เรามายังท่านพร้อม กับความจริง และแน่นอน เราพูดความจริง 65 ดังนั้น ท่านกับครอบครัว ของท่านจงเดินทางออกไปในยามสุดท้ายของกลางคืนและตัวท่านเอง เดินข้างหลังพวกเขา จงอย่าให้ใครในหมู่พวกท่านหันหลังกลับมามอง ข้างหลัง แต่จงมุ่งตรงไปตามที่ท่านถูกบัญชา” 66 เราได้แจ้งเขาถึงคำ� บัญชาของเราว่าพวกเขาจะถูกทำ�ลายภายในยามเช้านี้ 67 ชาวเมืองได้วิ่งกรูกันมายังบ้านของลูฏอย่างสนุกสนาน 68 เขา(ลูฏ) ได้บอกคนเหล่านั้นว่า “คนเหล่านี้คือแขกของฉัน ดังนั้น จงอย่าทำ�ให้ฉัน ต้องเสียเกียรติเลย 69 จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงอย่าทำ�ให้ฉันต้องอับอาย ขายหน้า” 70 พวกเขาตอบว่า “เราไม่ได้ห้ามท่านต้อนรับคนแปลกหน้า มิใช่หรือ?” 71 ในที่สุด ลูฏได้กล่าวว่า “นี่คือบรรดาลูกสาวของฉัน ถ้าหาก พวกท่านต้องการ” 72 ขอสาบานด้วยชีวิตของเจ้า โอ้นบี ในเวลานั้น พวกเขาตกอยู่ใต้ อารมณ์ต่ำ�อย่างหน้ามืดตามัว 73 ในที่สุด การระเบิด(จากการลงโทษของ เรา)อย่างรุนแรงได้เกิดขึ้นแก่พวกเขาในยามเช้า 74 เราได้พลิกเมืองนั้น คว่ำ�ลงและเราได้กระหน่ำ�พวกเขาด้วยหินเผาที่ตกมาดุจห่าฝน 75 แท้จริง

อัล-ฮิจญร์

265

ในเรื่องราวนี้มีสัญญาณหลายอย่างแก่คนที่มีความเข้าใจ 76 ดินแดนที่ถูก ทำ�ลายนี้ยังคงมีอยู่บนเส้นทางสัญจร 77 แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำ�หรับ บรรดาผู้ศรัทธา 78 เนื่องจากชาวอัยก๊ะฮฺ(ชาวต้นไม้)เป็นผู้ทำ�ความผิด 79 ดังนั้น เรา จึงได้ลงโทษพวกเขาและซากเมืองที่ถูกทำ�ลายของหมู่ชนทั้งสองนี้ยังคง มีให้เห็นอยู่บนทางสัญจร 80 ชาวฮิจญร์ก็ปฏิเสธบรรดาศาสนทูตของเรา 81 เราได้ประทานสัญญาณทั้งหลายของเรา แต่พวกเขาไม่ใส่ใจต่อ สัญญาณเหล่านั้น 82 พวกเขาสกัดภูเขาเพื่อทำ�เป็นที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคง ปลอดภัย 83 แต่ในที่สุด การระเบิดอย่างกึกก้องได้เกิดขึ้นแก่พวกเขาใน เช้าวันหนึ่ง 84 และสิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้นั้นไม่ได้ทำ�ประโยชน์อะไรให้แก่ พวกเขาเลย 85 เราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ในระหว่าง ทั้งสองนั้นตามความต้องการของสัจธรรมและวิทยปัญญา ยามอวสานจะ มาอย่างแน่นอน ดังนั้น(มุฮัมมัด) จงมองข้าม(ความผิดของพวกเขา)ด้วย การให้อภัยโดยปรานี 86 แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างทุก สรรพสิ่งและผู้ทรงรอบรู้ 87 เราได้ประทานแก่เจ้าซึ่งเจ็ดโองการที่ถูกอ่านแล้วอ่านอีกและเรา ได้ประทานกุรอานอันยิ่งใหญ่แก่เจ้าด้วย 88 จงอย่ามองไปที่ความมั่งคั่ง ทางโลกที่เราได้ประทานแก่บางคนในหมู่พวกเขา และจงอย่าทุกข์โศกต่อ สภาพของพวกเขา แต่จงเอาใจใส่ต่อบรรดาผู้ศรัทธา 89 จงบอก(บรรดาผู้ ปฏิเสธศรัทธา)ว่า “ฉันเป็นเพียงผู้ตักเตือนธรรมดาเท่านั้น” 90 (คำ�เตือน นี้)เป็นเหมือนดังคำ�เตือนที่เราได้ส่งลงมายังบรรดาผู้สร้างความแตกแยก 91 และผู้ท�ำ ให้กุรอานแยกออกเป็นส่วนๆ 92 ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาล ของเจ้า เราจะถามพวกเขาทั้งหมด 93 เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ�ไว้ 94 (โอ้ นบี) จงประกาศออกไปอย่างเปิดเผยถึงสิ่งที่เจ้าได้ถูกบัญชา และจงอย่าใส่ใจต่อบรรดาผู้ตั้งภาคี 95 แค่เราก็เพียงพอแล้วสำ�หรับเจ้า

266

16. ผึ้ง

ที่จะจัดการผู้เย้ยหยัน 96 ผู้ที่น�ำ สิ่งเคารพบูชาอื่นๆมาเป็นภาคีร่วมกับ พระเจ้า ในไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้ 97 เรารู้ว่าหัวใจของเจ้าเป็นทุกข์ต่อสิ่ง ที่พวกเขากล่าว 98 จงสดุดีสรรเสริญพระผู้อภิบาลของเจ้าและจงเป็นผู้ กราบกรานต่อพระองค์ 99 และจงเคารพสักการะพระผู้อภิบาลของเจ้า ตราบจนกระทั่งเวลาสุดท้ายที่จะมาอย่างแน่นอน 16. ผึ้ง

อัล-นะฮ์ลุ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 การตัดสินของพระเจ้าได้มาแล้ว ดังนั้น ไม่ต้องเร่งเร้าให้มันเกิดขึ้นโดย เร็ว พระองค์นั้นทรงบริสุทธิ์ยิ่งและทรงสูงส่งเหนือกว่าสิ่งที่พวกเขานำ�มา ตั้งภาคีกับพระองค์ 2 พระองค์ได้ส่งทูตสวรรค์ลงมาพร้อมกับการดลใจ โดยคำ�บัญชาของพระองค์ยังบ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์โดย สั่งว่า “จงเตือนผู้คนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากฉัน ดังนั้น จงเกรงกลัว ฉัน” 3 พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์ ที่แท้จริง พระองค์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งใดก็ตามที่พวกเขานำ�มาเป็นภาคีกับ พระองค์ 4 พระองค์ทรงสร้างมนุษย์จากหยดเชื้ออสุจิ แล้วดูสิ เขากลับเป็นผู้ โต้เถียงอย่างเปิดเผย 5 พระองค์ทรงสร้างปศุสัตว์ที่ให้เสื้อผ้าแก่สูเจ้าได้ อบอุ่นและให้เป็นอาหารแก่สูเจ้าได้กิน และในตัวพวกมันยังมีประโยชน์ อื่นๆอีกมากมาย 6 พวกมันดูมีความสุขเมื่อสูเจ้าต้อนมันกลับคอกในตอน ค่ำ�และต้อนมันออกไปยังทุ่งหญ้าในตอนเช้า 7 พวกมันบรรทุกสัมภาระ ของสูเจ้าไปยังแดนไกลที่สูเจ้าไม่สามารถไปถึงได้ถ้าไม่ใช้ความพยายาม อย่างหนัก แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นทรงเอ็นดูและทรงเมตตา

267

เสมอ 8 พระองค์ได้ทรงสร้างม้า ล่อและลาเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้ขี่มันและ เพื่อมันจะได้สร้างความงามให้แก่ชีวิตของสูเจ้า และพระองค์ทรงสร้างสิ่ง อื่นอีกมายที่สูเจ้าไม่รู้ 9 ทางที่เที่ยงตรงนำ�ไปสู่พระเจ้าและมีหลายทางที่เบี่ยงเบนออกไป จากแนวทางที่ถูกต้อง หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงนำ�ทาง สูเจ้าทั้งหมด 10 พระองค์คือผู้ทรงประทานน้�ำ ลงมาจากท้องฟ้าสำ�หรับสูเจ้าเพื่อ ใช้ดื่มและจากน้ำ�นั้นได้ก่อให้เกิดพืชพันธุ์ที่สูเจ้าเลี้ยงปศุสัตว์ของสูเจ้า 11 และด้วยน้ำ�นั้น พระองค์ได้ทรงทำ�ให้ข้าวโพดและมะกอก อินทผลัม และองุ่นและผลไม้อื่นๆอีกหลายชนิดเติบโตขึ้นเพื่อสูเจ้า แน่นอน ในนั้นมี สัญญาณอันยิ่งใหญ่ส�ำ หรับหมู่ชนผู้ตรึกตรอง 12 พระองค์ได้ทรงทำ�ให้กลางคืนและกลางวัน ดวงอาทิตย์และดวง จันทร์เป็นประโยชน์ต่อสูเจ้าและดวงดาวทั้งหมดอยู่ภายใต้คำ�บัญชาของ พระองค์ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับหมู่ชนผู้เข้าใจ 13 บน แผ่นดินนี้ พระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งที่หลากสีไว้ส�ำ หรับสูเจ้า แท้จริง แล้ว ในนั้นมีสัญญาณสำ�หรับบรรดาผู้ที่ตรึกตรอง 14 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้ทะเลเป็นประโยชน์ต่อสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ เนื้อปลาสดๆจากมันมากินและเอาสิ่งประดับออกมาจากมันเพื่อสวมใส่ และสูเจ้าได้เห็นเรือแล่นฝ่ามันไป พระองค์ทรงทำ�สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อ สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์และแสดงความกตัญญู ต่อพระองค์ 15 พระองค์ได้ทรงปักภูเขาลงไปในแผ่นดินอย่างมั่นคงเพราะเกรง ว่ามันจะสั่นไหวข้างใต้สูเจ้า พระองค์ได้ทรงให้มีแม่น้ำ�และทางตาม ธรรมชาติเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้พบทางของสูเจ้า 16 พระองค์ได้ทรงสร้าง เครื่องหมายต่างๆเพื่อนำ�ทางผู้คน โดยสิ่งเหล่านี้และโดยดวงดาวที่พวก เขาได้ถูกนำ�ทางอย่างถูกต้อง

268

16. ผึ้ง

แล้วพระองค์ผู้ทรงสร้างจะเหมือนกับผู้ที่ไม่ได้สร้างสิ่งใดกระนั้น หรือ? ถึงขนาดนี้แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? 18 ถ้าสูเจ้าจะนับความ โปรดปรานของพระเจ้า สูเจ้าไม่อาจที่จะนับมันได้ แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงให้อภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ 19 พระเจ้าทรงรู้ทั้งหมดที่สูเจ้าซ่อน เร้นและที่สูเจ้าเปิดเผย 20 บรรดาสิ่งที่สูเจ้าวิงวอนนอกไปจากพระเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งใด แต่พวก มันเองต่างหากที่ถูกสร้าง 21 พวกมันตาย ไม่มีชีวิตและพวกมันไม่รู้เลย ว่าพวกมันจะถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก 22 พระเจ้าของสูเจ้าคือพระเจ้า องค์ดียว ส่วนบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า หัวใจของพวกเขาไม่ยอมรับ ความจริงและพวกเขามีแต่ความหยิ่งผยอง 23 แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ดีถึง การกระทำ�ของพวกเขาทั้งหมดทั้งที่ปิดบังและที่เปิดเผย และพระองค์ไม่ ทรงรักบรรดาผู้หยิ่งผยอง 24 เมื่อพวกเขาถูกถามว่า “อะไรเล่าที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านส่ง มา?” พวกเขากล่าวว่า “มันเป็นเพียงตำ�นานในอดีต” 25 จงปล่อยให้พวก เขาแบกภาระของพวกเขาไว้อย่างเต็มที่ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพพร้อม กับภาระบางส่วนของบรรดาผู้ที่พวกเขาทำ�ให้หลงทางโดยไม่มีความรู้ ด้วย จงรู้ไว้เถิดว่าภาระที่พวกเขาแบกไว้นั้นช่างเลวร้ายเหลือเกิน 26 บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาได้เคยวางแผนร้ายเช่นกัน แต่พระเจ้า ทรงทำ�ลายรากฐานของสิ่งที่พวกเขาปลูกสร้างขึ้นมาและหลังคาของมัน ได้ถล่มลงมาบนหัวของพวกเขาจากข้างบน การลงโทษนี้ได้เกิดขึ้นแก่ พวกเขาจากทางที่พวกเขาไม่คาดคิด 27 แล้วในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระเจ้าจะทรงทำ�ให้พวกเขาอัปยศและตกต่�ำ พระองค์จะทรงกล่าวแก่ พวกเขาว่า “ไหนเล่าหุ้นส่วนของฉันที่สูเจ้าเคยนำ�มาโต้แย้ง(ทางนำ�ของ ฉัน)?” บรรดาผู้ได้รับความรู้จะกล่าวว่า “วันนี้มีความอัปยศและความ ทุกข์ส�ำ หรับผู้ปฏิเสธสัจธรรมอย่างแน่นอน” 28 บรรดาผู้ที่ทูตสวรรค์มาเอาชีวิตของพวกเขาในขณะที่พวกเขากำ�ลัง 17

อัล-นะฮ์ลุ

269

อธรรมต่อตัวเองอยู่จะยอมจำ�นนโดยกล่าวว่า “เราไม่ได้ท�ำ ความชั่วอะไร เลย” ทูตสวรรค์จะกล่าวว่า “พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 29 จงเข้า ประตูนรกไป ที่นั่นสูเจ้าจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดกาล” แท้จริง นั่นเป็นที่ พำ�นักอันเลวร้ายสำ�หรับผู้หยิ่งผยอง 30 เมื่อผู้เกรงกลัวพระเจ้าถูกถามว่า “อะไรเล่าที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ได้ประทานมา?” พวกเขากล่าวว่า “ความดี” รางวัลตอบแทนของบรรดา ผู้ทำ�ความดีในโลกนี้คือสิ่งดี แต่ที่ดียิ่งกว่านั้นอีกคือที่พ�ำ นักของพวกเขา ในโลกหน้า ที่พำ�นักของผู้มีคุณธรรมนั้นช่างดีเสียนี่กระไร 31 พวกเขาจะ เข้าไปในสวนสวรรค์แห่งความนิรันดรซึ่งในนั้นมีสายน้ำ�ไหลอยู่ที่เท้าของ พวกเขา พวกเขาจะได้พบทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ นี่เป็นการตอบแทน สำ�หรับผู้มีคุณธรรม 32 บรรดาผู้ที่ชีวิตของพวกเขาถูกทูตสวรรค์มารับไป ในสภาพที่สะอาดผุดผ่อง บรรดาทูตสวรรค์จะกล่าว(แก่พวกเขา)ว่า “สันติ จงมีแด่ท่าน จงเข้าไปในสวรรค์เพราะ(ความดี)ที่พวกท่านได้ท�ำ ไว้(ใน โลก)” 33 (โอ้มุฮัมมัด) พวกเขายังคอยทูตสวรรค์ให้มายังพวกเขาหรือคอยให้ พระเจ้าตัดสินพวกเขา? หลายคนแล้วก่อนหน้าพวกเขาที่ท�ำ เช่นเดียวกัน นี้ พระเจ้าไม่ได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรม ต่อตัวของพวกเขาเอง 34 ในที่สุดแล้ว การทำ�ชั่วของพวกเขาได้นำ�ผล กรรมชั่วมายังพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะนั้นก็ได้ล้อมพวก เขาไว้ 35 บรรดาผู้น�ำ สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้ากล่าวว่า “ถ้าหากพระเจ้า ทรงประสงค์ ทั้งเราและบรรพบุรุษของเราคงจะไม่เคารพสักการะสิ่งใด อื่นนอกไปจากพระเจ้า และเราจะไม่ท�ำ ให้สิ่งใดเป็นที่ต้องห้ามหากไม่ใช่ พระประสงค์ของพระองค์” คำ�แก้ตัวเช่นนี้ได้เคยถูกยกขึ้นมาแล้วโดย บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขา หน้าที่ของบรรดาศาสนทูตก็แค่เพียงนำ� สาสน์มาบอกให้เป็นที่ชัดเจน

270

16. ผึ้ง

ดังนั้น ทุกชนชาติเราจึงให้มีศาสนาทูตที่กล่าวว่า “จงเคารพสัก การะพระเจ้าและจงหลีกห่างจากสิ่งที่ชั่วร้าย” หลังจากนั้น พระเจ้าได้ ทรงนำ�ทางพวกเขาบางคนในขณะที่บางคนในหมู่พวกเขาสมควรได้รับ ความหายนะ ดังนั้น จงเดินทางไปตามแผ่นดินแล้วดูว่าจุดจบของบรรดา ผู้ปฏิเสธบรรดาศาสนาทูตนั้นเป็นอย่างไร 37 (โอ้มุฮัมมัด) ถึงแม้เจ้า ต้องการจะนำ�ทางพวกเขา (จงรู้ไว้เถิดว่า) พระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางผู้ทรง พระองค์ทรงปล่อยให้หลงทาง(เพราะพวกเขาปฏิเสธสัจธรรม)และคนเช่น นั้นจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ 38 พวกเขาสาบานต่อพระเจ้าอย่างหนักแน่นจริงจังว่าพระเจ้าจะ ไม่ทรงทำ�ให้ผู้ตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีก ถึงกระนั้นก็ตาม มันเป็นสัญญาที่ พระองค์ได้ทรงทำ�ไว้กับพระองค์เองแล้ว แต่มนุษย์ส่วนมากไม่รู้ 39 มันจะ ต้องเป็นเช่นนั้นเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงเปิดเผยให้พวกเขาเห็นสิ่งที่พวก เขากำ�ลังขัดแย้งกัน และเพื่อที่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะได้รู้ว่าพวกเขา เป็นผู้โกหก 40 เมื่อเราปรารถนาที่จะทำ�ให้สิ่งใดเกิดขึ้น เราแค่กล่าวว่า “จงเป็น” แล้วมันก็เป็นขึ้นมา 41 ส่วนบรรดาผู้ทิ้งบ้านของพวกเขาเพื่อหนทางของพระเจ้าหลังจาก ถูกกดขี่ เราจะให้ที่พำ�นักที่ดีแก่พวกเขาในโลกนี้ แต่รางวัลตอบแทนใน โลกหน้านั้นดีกว่ามากมายถ้าหากพวกเขารู้ 42 พวกเขาคือบรรดาผู้อดทน และไว้วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา 43 (โอ้มุฮัมมัด) ก่อนหน้าเจ้า บรรดาศาสนทูตที่เราส่งมาก็เป็นมนุษย์ ที่เราได้ดลใจ(วะฮีย์)พวกเขา ลองถามชาวคัมภีร์ดูก็ได้ถ้าหากเจ้าไม่รู้ 44 เราได้ส่งพวกเขามาพร้อมกับสัญญาณอันชัดเจนและบรรดาคัมภีร์ และ เราได้ส่งการตักเตือนมาให้เจ้า (โอ้มุฮัมมัด) เพื่อที่เจ้าจะได้อธิบายให้เป็น ที่กระจ่างแก่ผู้คนซึ่งคำ�สอนของคัมภีร์ที่ถูกส่งมาสำ�หรับพวกเขาและเพื่อ ที่พวกเขาจะได้ตรึกตรอง 45 พวกคนที่วางแผนร้ายรู้สึกมั่นใจหรือว่าพระเจ้าจะไม่ท�ำ ให้พวกเขา 36

อัล-นะฮ์ลุ

271

จมลงไปในแผ่นดิน หรือมั่นใจว่าการลงโทษจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขาจาก ที่ไหนก็ได้ที่พวกเขาไม่รู้ตัว? 46 หรือพระองค์จะไม่ทรงเอาชีวิตของพวก เขาโดยทันทีในขณะที่พวกเขาทำ�กิจวัตรประจำ�วันอยู่ และพวกเขาไม่มี อำ�นาจที่จะยับยั้งพระองค์ได้? 47 หรือมั่นใจว่าพระองค์จะไม่ทรงลงโทษ พวกเขาโดยการทำ�ให้พวกเขาหวาดผวา? แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้า นั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดูและผู้ทรงเมตตา 48 พวกเขาไม่สังเกตสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาหรือว่ามันทอดเงาจาก ทางขวาและทางซ้ายโดยนบนอบต่อพระเจ้าแต่โดยดี? 49 ทุกสิ่งในชั้นฟ้า ทั้งหลายและสิ่งถูกสร้างทั้งหมดแผ่นดินและบรรดาทูตสวรรค์ต่างนบนอบ สักการะต่อพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดแสดงความยโสโอหังเลย 50 พวก เขาเหล่านั้นเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาผู้ทรงอยู่เหนือพวกเขา และทำ�ตามที่พวกเขาถูกบัญชา 51 พระเจ้าได้ทรงบัญชาว่า “จงอย่ายึดถือพระเจ้าสององค์เพราะ พระองค์คือพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงองค์เดียว ดังนั้น จงเกรงกลัวเฉพาะ ฉันเท่านั้น” 52 ทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า และการเชื่อฟังมีไว้ส�ำ หรับพระองค์เท่านั้น แล้วสูเจ้ายังกลัวผู้ใดนอกไป จากพระเจ้ากระนั้นหรือ? 53 ความโปรดปรานอันใดก็แล้วแต่ที่สูเจ้าได้รับนั้นล้วนมาจากพระเจ้า ทั้งสิ้น เมื่อสูเจ้าประสบความทุกข์ยากลำ�บาก สูเจ้าก็หันไปขอความช่วย เหลือต่อพระองค์ 54 แต่เมื่อพระองค์บรรเทาความทุกข์ร้อนให้แก่สูเจ้า ได้ไม่ทันไร ส่วนหนึ่งของสูเจ้าก็เริ่มเอาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีร่วมกับพระผู้ อภิบาลของพวกเขา 55 เป็นการแสดงความเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทาน แก่พวกเขา เอาเถอะ สูเจ้าจงรื่นเริงไป เพราะในไม่ช้า สูเจ้าจะได้รู้ 56 พวกเขาได้เอาส่วนแบ่งจากปัจจัยที่เราได้ประทานแก่พวกเขาไปให้ แก่(พระเจ้าจอมปลอม)ผู้ที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย สูเจ้าจะต้องถูกเรียกไป สอบสวนเกี่ยวกับความเท็จที่สูเจ้าได้กุขึ้นมาอย่างแน่นอน

272

16. ผึ้ง

พวกเขาแต่งตั้งลูกสาวให้พระเจ้า มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือพระองค์ แต่ สำ�หรับพวกเขาเองนั้น พวกเขาอยากจะมีในสิ่งที่พวกเขาต้องการ(คือมี บุตรชาย) 58 เมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับแจ้งข่าวว่าได้ลูกสาว ใบหน้า ของเขาจะหมองคล้ำ�และเขาต้องกล้�ำ กลืนความขมขื่นไว้ 59 เขาจะหลบ ผู้คนเพราะความอับอายจากข่าวนี้และเขาจถามตัวเองว่าเขาจะทนทุกข์ ต่อลูกสาวของเขาด้วยความอัปยศหรือฝังลูกสาวทั้งเป็น ช่างเป็นการ ตัดสินอันชั่วร้ายของพวกเขา 60 ลักษณะของความชั่วนี้เป็นของบรรดา ผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า ส่วนพระเจ้านั้น ความประเสริฐทั้งหลายเป็นของ พระองค์เพราะพระองค์คือผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 61 ถ้าหากพระเจ้าจะทรงเอาโทษมนุษย์โดยทันทีที่พวกเขาทำ�ผิด พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้แม้แต่สิ่งมีชีวิตหนึ่งหลงเหลือไว้บนแผ่นดิน แต่พระองค์ได้ทรงผ่อนผันให้พวกเขาจนถึงระยะเวลาที่ก�ำ หนดไว้ เมื่อ เวลานั้นมาถึง พวกเขาจะหน่วงเหนี่ยวหรือเร่งมันก็ไม่ได้แม้แต่ชั่วขณะ เดียว 62 สิ่งใดที่พวกเขาไม่ชอบ พวกเขาถือว่าสิ่งนั้นเป็นของพระเจ้า และ ลิ้นของพวกเขาก็กล่าวคำ�โกหกว่าสิ่งดีๆทั้งหมดมีไว้สำ�หรับพวกเขาแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งเดียวเท่านั้นที่รอคอยพวกเขาอยู่คือไฟนรกที่พวก เขาจะถูกเร่งโยนเข้าไป 63 (โอ้มุฮัมมัด) สาบานด้วยพระเจ้าได้เลยว่าเราได้ส่งบรรดาศาสน ทูตมายังประชาชาติต่างๆก่อนหน้าเจ้า แต่ซาตานได้ท�ำ ให้การงาน(ที่ชั่ว ร้าย)ของพวกเขาดูเป็นเรื่องดีส�ำ หรับพวกเขา และวันนี้ ซาตานอีกเช่น กันที่เป็นสหายของพวกเขาและพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 64 เราได้ประทานคัมภีร์นี้ลงมาแก่เจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้สร้างความกระจ่างให้ พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์นี้ได้ถูกประทาน ลงมาเป็นทางนำ�และเป็นความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธามัน 65 พระเจ้าได้ประทานน้�ำ ลงมาจากท้องฟ้าและโดยฝนนี้เองที่ทำ�ให้ 57

อัล-นะฮ์ลุ

273

แผ่นดินมีชีวิตขึ้นหลังจากที่มันได้ตายไป แท้จริงแล้ว ในนั้นมีสัญญาณ สำ�หรับบรรดาผู้ฟัง 66 และแน่นอน มีบทเรียนสำ�หรับสูเจ้าในปศุสัตว์ เราได้ให้สูเจ้าดื่ม สิ่งที่อยู่ในท้องของมันระหว่างมูลและเลือด นั่นคือ นมบริสุทธิ์ที่สดชื่น สำ�หรับผู้ดื่มมัน 67 เราได้ให้เครื่องดื่มแก่สูเจ้าจากอินทผลัมและองุ่นซึ่ง สูเจ้าเองเอามาทำ�ของมึนเมาและอาหารที่ดี แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณ สำ�หรับบรรดาผู้มีความเข้าใจ 68 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ทรงดลใจผึ้งว่า “จงสร้างรังของพวกเจ้า ตามภูเขา ต้นไม้และร้านที่มนุษย์ก่อขึ้น 69 แล้วจงกินน้�ำ หวานจากผล ไม้ทุกชนิดและปฏิบัติตามที่พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้ทำ�ไว้” จาก ท้องของมันจะมีของเหลวหลากกลิ่นสีออกมาซึ่งในนั้นเป็นสิ่งบำ�บัดโรค สำ�หรับมนุษย์ แท้จริงแล้ว นี่เป็นสัญญาณสำ�หรับหมู่ชนที่ใช้ความคิด 70 พระเจ้าได้ทรงสร้างสูเจ้า แล้วทรงทำ�ให้สูเจ้าตายและบางคนใน หมู่สูเจ้าได้มีชีวิตยืนยาวมาจนถึงวัยชราในสภาพที่น่าสงสารทั้งนี้เพื่อที่ ว่าหลังจากที่รู้อะไรมาหมดแล้ว เขาจะไม่รู้อะไรอีก แท้จริงแล้ว พระเจ้า เท่านั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอานุภาพ 71 พระเจ้าได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่บางคนเหนือกว่าอีกบางคน แต่บรรดาผู้ได้รับความโปรดปรานมากกว่ากลับไม่ให้ปัจจัยยังชีพแก่บ่าว ของพวกเขาเพื่อที่ทั้งสองฝ่ายจะได้มีความเท่าเทียมกันในปัจจัยยังชีพ ถึงกระนั้นแล้ว พวกเขายังปฏิเสธความโปรดปรานของพระเจ้าอีกหรือ? 72 พระเจ้าได้ทรงสร้างคู่ครองสำ�หรับสูเจ้าจากเผ่าพันธุ์ของสูเจ้า เองและพระองค์ เ ท่ า นั้ น ที่ ท รงประทานลู ก และหลานจากภรรยาและ ทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดีแก่สูเจ้า ถึงกระนั้นแล้วพวกเขายังศรัทธา ในความเท็จและปฏิเสธความโปรดปรานของพระเจ้าอีกกระนั้นหรือ? 73 พวกเขาเคารพสักการะบรรดาผู้ที่ไม่ได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา จากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และไม่มีอำ�นาจที่จะทำ�เช่นนั้นได้แทน

274

16. ผึ้ง

พระเจ้ากระนั้นหรือ? 74 ดังนั้น จงอย่าเปรียบเทียบสิ่งใดกับพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ แต่สูเจ้าไม่รู้ 75 พระเจ้าได้ทรงยกข้อเปรียบเทียบระหว่าง(ของชายสองคน) คนหนึ่ง เป็นทาสที่มีเจ้าของและไม่มีอำ�นาจเหนือสิ่งใดกับอีกคนหนึ่งซึ่งเราได้ ประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่เขา แล้วเขาได้ใช้จ่ายมันทั้งโดยลับและ โดยเปิดเผย “ทั้งสองคนนี้เท่าเทียมกันไหม?” บรรดาการสรรเสริญเป็น ของพระเจ้า แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ 76 พระเจ้าได้ทรงยกอีกตัวอย่างหนึ่งระหว่างของชายสองคน คนหนึ่ง เป็ น ใบ้ หูหนวกและไม่ สามารถทำ�อะไรได้แ ละกลายเป็น ภาระแก่น าย ของเขา ไม่ว่านายจะส่งเขาไปที่ไหน เขาก็ไม่ได้ท�ำ อะไรที่เป็นประโยชน์ แต่มีชายอีกคนหนึ่งเป็นผู้สั่งสอนในเรื่องความยุติธรรมและปฏิบัติตาม แนวทางที่ถูกต้อง “ทั้งสองคนนี้เหมือนกันกระนั้นหรือ?” 77 พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีความรู้ในสิ่งเร้นลับของชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และเกี่ยวกับเรื่องเวลาของการฟื้นคืนชีพนั้น มันจะไม่ใช้เวลา มากไปกว่าชั่วพริบตาเดียวหรือไม่ก็น้อยกว่านั้น แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรง มีอำ�นาจเหนือทุกสรรพสิ่ง 78 พระเจ้าได้ทรงนำ�สูเจ้าออกมาจากครรภ์ของแม่ของสูเจ้าในสภาพที่ สูเจ้าไม่รู้อะไรเลย แล้วพระองค์ได้ทรงให้สูเจ้ามีหู ตาและสติปัญญาทั้งนี้ เพื่อที่สูเจ้าจะได้กตัญญู 79 พวกเขาไม่สังเกตหรือว่านกถูกทำ�ให้ลอยคว้างอยู่กลางท้องฟ้าได้ อย่างไร? ไม่มีใครพยุงมันไว้นอกจากพระเจ้า แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณ สำ�หรับหมู่คนผู้ศรัทธา 80 พระเจ้าได้ทรงทำ�บ้านของสูเจ้าให้เป็นสถาน ที่แห่งการพักผ่อนและความสงบสำ�หรับสูเจ้า และได้ทรงทำ�กระโจมจาก หนังสัตว์ให้สูเจ้าซึ่งเบาในระหว่างเดินทางและพักแรม และจากขนและ ผมอันอ่อนนุ่มของปศุสัตว์ พระองค์ได้ทรงให้สูเจ้ามีเสื้อผ้าและสิ่งของ เครื่องใช้มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสูเจ้าในช่วงเวลาหนึ่ง

อัล-นะฮ์ลุ

275

พระเจ้าทรงสร้างร่มเงาจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น ทรงสร้าง ที่พักพิงให้แก่สูเจ้าในภูเขาและประทานเสื้อผ้าแก่สูเจ้าเพื่อปกป้องความ ร้อนและเสื้อผ้าที่จะปกป้องสูเจ้าในการต่อสู้ ดังนั้น พระองค์ได้ประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่สูเจ้าอย่างสมบูรณ์ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ นอบน้อมยอมจำ�นนต่อพระองค์ 82 แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ใส่ใจ (โอ้มุฮัม มัด ไม่ต้องกังวล) หน้าที่เพียงอย่างเดียวของเจ้าคือการเผยแผ่สาสน์ให้ เป็นที่ชัดเจนเท่านั้น 83 พวกเขาเห็นความโปรดปรานของพระเจ้า แต่ถึง กระนั้น พวกเขากลับปฏิเสธมัน เพราะส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ไม่รู้ คุณ 84 ในวันที่เราจะให้มีพยานขึ้นจากทุกๆชาติ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม จะไม่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวใดๆ และจะไม่ถูกขอให้สำ�นึกผิดกลับตัวใหม่ 85 และเมื่อบรรดาผู้ท�ำ ผิดเห็นการลงโทษ การลงโทษของพวกเขาจะไม่ ได้รับการลดหย่อนผ่อนผันอีก 86 เมื่อบรรดาผู้ตั้งภาคีให้พระเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเขานำ�มาตั้งภาคีกับ พระองค์ พวกเขาจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา นี่คือบรรดาภาคีที่ เราเคยวิงวอนขอนอกไปจากพระองค์” แต่สิ่งที่พวกเขาวิงวอนจะกล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นคนโกหก” 87 ในเวลานั้น พวกเขาทั้งหมดจะนอบน้อมยอม ตนต่อพระเจ้าและบรรดาสิ่งที่พวกเขากุขึ้นมาในโลกนี้จะหายไปจากพวก เขา 88 เราจะลงโทษบรรดาผู้ปฏิบัติตามแนวทางแห่งการปฏิเสธสัจธรรม และขัดขวางผู้อื่นจากแนวทางของพระเจ้าเป็นสองเท่าสำ�หรับความเสีย หายที่พวกเขาได้สร้างขึ้น 89 วันนั้นจะมาถึงเมื่อเราเรียกพยานจากทุกประชาชาติเพื่อยืนยัน ต่อพวกเขาและเราจะเรียกเจ้ามาเป็นพยานยืนยันต่อคนเหล่านี้ เราได้ ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าเพื่อทำ�ให้ทุกสิ่งเป็นที่ชัดเจน เป็นทางนำ� เป็น ความเมตตาและเป็นข่าวดีแก่บรรดาผู้นอบน้อมยอมจำ�นนต่อพระเจ้า 90 พระเจ้าทรงกำ�ชับในเรื่องความยุติธรรม การทำ�ดีและเอื้อเฟื้อ 81

276

16. ผึ้ง

เผื่อแผ่ญาติสนิทและทรงห้ามสิ่งชั่วช้า ความลามกและการเบียดเบียน พระองค์ทรงตักเตือนสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้คิด 91 จงปฏิบัติตามสัญญากับพระเจ้าให้ครบถ้วนเมื่อสูเจ้าได้ทำ�สัญญา ไว้กับพระองค์ และจงอย่าทำ�ลายคำ�สาบานของสูเจ้าหลังจากที่มันได้ถูก ยืนยันและสูเจ้าได้ให้พระเจ้าเป็นพยานของสูเจ้าแล้ว เพราะพระเจ้าทรง รอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 92 จงอย่าปฏิบัติตนเหมือนกับผู้หญิงที่พยายาม ปั่นด้ายจนแน่นแล้วก็คลายมันออกเป็นเส้นๆอีกโดยการเอาคำ�สาบาน ร่วมกันของสูเจ้ามาเป็นวิธีการหลอกลวงกันและกัน เพื่อที่ว่าคนกลุ่ม หนึ่งจะได้เปรียบคนอีกกลุ่มหนึ่ง พระเจ้าทรงใช้สิ่งเหล่านี้ทดสอบสูเจ้า แน่นอน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระเจ้าจะทรงเปิดเผยให้สูเจ้าได้รู้ถึง ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่สูเจ้าขัดแย้งกัน 93 ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงรวมสูเจ้าให้เป็น ประชาชาติเดียว แต่พระองค์ทรงปล่อยให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลง ทางและทรงนำ�ทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจงแน่ใจได้เลยว่า พระองค์จะทรงให้สูเจ้ารับผิดชอบในสิ่งที่สูเจ้าได้กระทำ�ไว้ 94 จงอย่าใช้คำ�สาบานของสูเจ้าเพื่อหลอกลวงกันและกัน มิเช่นนั้น แล้ว เท้า(ของบางคน)จะลื่นไถลออกไปหลังจากที่มันได้ยืนหยัดอย่าง มั่นคงแล้วและสูเจ้าจะได้รับผลร้ายที่ติดตามมาจากการขัดขวางคนอื่น จากแนวทางของพระเจ้าและจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง 95 จงอย่า แลกเปลี่ยนสัญญาของพระเจ้าเพื่อผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ แท้จริงแล้ว สิ่งที่อยู่กับพระเจ้านั้นดีกว่ามากมายสำ�หรับสูเจ้าถ้าหากว่าสูเจ้ารู้ 96 อะไรก็ตามที่อยู่กับสูเจ้านั้นเป็นเพียงชั่วคราว แต่สิ่งที่อยู่กับ พระเจ้านั้นจีรังยั่งยืนกว่า และเราจะตอบแทนผู้ที่อดทนตามที่พวกเขาได้ กระทำ�ไว้อย่างดีที่สุด 97 ใครก็ตามที่กระทำ�ความดี ไม่ว่าจะเป็นชายหรือ หญิงก็ตาม หากเป็นผู้ศรัทธา เราจะให้เขามีชีวิตที่บริสุทธิ์ในโลกนี้ และ

อัล-นะฮ์ลุ

277

แน่นอน เราจะตอบแทนคนเหล่านั้น(ในโลกหน้า)ตามที่พวกเขาได้กระทำ� ไว้อย่างดีที่สุด 98 เมื่อเจ้าเริ่มต้นอ่านกุรอาน จงขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าให้พ้น จากซาตานที่ถูกสาปแช่ง 99 มันไม่มีอ�ำ นาจใดๆเหนือบรรดาผู้ศรัทธาและ วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา 100 มันมีอำ�นาจก็แต่เฉพาะกับบรรดา ผู้เต็มใจปฏิบัติตามมันและนำ�สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้าเท่านั้น 101 เมื่อเราได้ประทานข้อความหนึ่งมาแทนข้อความหนึ่ง – และ พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่ถูกประทานมา - พวกเขากล่าวว่า “ท่านปลอม แปลงกุรอานนี้ขึ้นมาเอง” ความจริงแล้วหาใช่เช่นนั้นไม่ แต่พวกเขาส่วน ใหญ่ไม่รู้ความจริง 102 จงบอกพวกเขาว่า “วิญญาณบริสุทธิ์ได้น�ำ มันลง มาเป็นสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน เพื่อที่พระองค์จะทรง ทำ�ให้ความศรัทธาของบรรดาผู้ศรัทธาเกิดความเข้มแข็ง และเพื่อเป็น ทางนำ�ที่ถูกต้อง และเพื่อแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้นอบน้อมยอมจำ�นนต่อ พระเจ้า” 103 แท้จริง เรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากล่าวเกี่ยวกับเจ้าว่า “ต้องมีใครบาง คนสอนเขาแน่ๆ” แต่คนที่พวกเขากล่าวถึงนั้นพูดภาษาต่างถิ่น แต่นี่(กุ รอาน)เป็นภาษาอาหรับที่ชัดเจน 104 พระเจ้าจะไม่ทรงนำ�ทางบรรดาผู้ ไม่ศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ และสำ�หรับพวกเขาจะมีการ ลงโทษอันเจ็บปวด 105 มีแต่บรรดาผู้สร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้าและ ไม่ศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าเท่านั้น พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ โกหก 106 สำ�หรับผู้ปฏิเสธพระเจ้าหลังจากที่ได้ศรัทธาแล้วยกเว้นผู้ถูกบังคับ ให้ท�ำ เช่นนั้นในขณะที่หัวใจของเขายังยึดมั่นในการศรัทธาอยู่ (เขาจะ ไม่ถูกเอาผิด) แต่ใครที่ยอมรับการปฏิเสธด้วยความเต็มใจ เขาจะได้ รับความกริ้วจากพระเจ้าและพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง 107 นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขารักชีวิตของโลกนี้มากกว่าชีวิตโลกหน้าและ

278

16. ผึ้ง

พระเจ้าจะไม่ทรงนำ�ทางบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 108 พระเจ้าทรงปิด ผนึกหัวใจ หูและตาของคนพวกนี้ไว้และพวกเขาได้กลายเป็นผู้เฉยเมย 109 และในโลกหน้า พวกเขาจะเป็นผู้ขาดทุน 110 แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงให้อภัยและทรงเมตตาอย่าง แน่นอนที่สุดต่อบรรดาผู้อพยพหลังจากถูกกดขี่และต่อสู้อย่างถึงที่สุดใน หนทางของพระเจ้าและยังคงอดทน 111 ในวันนั้น ทุกชีวิตจะมาร้องขอ เพื่อตัวเองและทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนอย่างเต็มที่สำ�หรับการกระ ทำ�ของตัวเองและพวกเขาจะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมเลยแม้แต่เพียง นิดเดียว 112 พระเจ้าทรงยกตัวอย่างของเมืองหนึ่งซึ่งมีความมั่นคงปลอดภัย และสงบสุขและได้รับปัจจัยยังชีพอย่างอุดมสมบูรณ์จากทุกแห่งหน แต่ เมื่อมันเริ่มแสดงความเนรคุณต่อความโปรดปรานของพระเจ้า และ พระองค์ได้ทรงทำ�ให้ชาวเมืองนั้นประสบความหิวโหยและความกลัว เพราะสิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ 113 มีศาสนทูตคนหนึ่งจากหมู่พวกเขามายัง พวกเขา แต่พวกเขากลับถือว่าเขาเป็นผู้โกหก ในที่สุด การลงโทษก็เกิด ขึ้นแก่พวกเขาในขณะที่พวกเขาเป็นทำ�ความผิด 114 ดังนั้น จงกินสิ่งที่ได้รับการอนุมัติและสะอาดบริสุทธิ์ที่พระเจ้าได้ ประทานแก่สูเจ้า และจงแสดงความขอบคุณต่อพระเจ้าสำ�หรับความ โปรดปรานของพระองค์หากพระองค์เท่านั้น ที่สูเจ้าเชื่อฟังด้วยความ จริงใจ 115 พระเจ้าทรงห้ามสูเจ้าแต่เฉพาะสิ่งเหล่านี้คือ สัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อหมูและสิ่งที่ถูกเชือดในนามอื่นนอกไปจากพระเจ้า แต่ถ้าหาก ตกอยู่ในภาวะคับขัน(จงกิน)โดยมีข้อแม้ว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะทำ�ลาย กฎของพระเจ้าหรือฝ่าฝืนขอบเขตของความจำ�เป็น แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาต่อเขาเสมอ 116 จงอย่ากล่าวเท็จว่า “สิ่งนี้เป็นที่อนุมัติและสิ่งนั้นเป็นที่ต้องห้าม” เพื่อสร้างเรื่องเท็จต่อพระเจ้า แน่นอน คนที่กล่าวเท็จต่อพระเจ้านั้นไม่มี

อัล-นะฮ์ลุ

279

วันที่จะได้รับความเจริญ 117 (พวกเขาควรจำ�ไว้ว่า)ความสุขแห่งโลกนี้ เป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น และในที่สุดแล้วจะมีการลงโทษอันเจ็บ ปวดสำ�หรับพวกเขา 118 สำ�หรับชาวยิว เราได้ห้ามสิ่งต่างๆที่เราได้บอกเล่าแก่เจ้าไว้ก่อน แล้วโดยเฉพาะ และไม่ใช่เราที่สร้างความลำ�บากนี้ให้แก่พวกเขา แต่ พวกเขาเองต่างหากที่สร้างความยากลำ�บากให้ตัวเอง 119 แน่นอน พระ ผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้สำ�นึกผิดและ ปรับปรุงตนเองหลังจากที่ได้ท�ำ ความชั่วไปแล้วเพราะความโง่เขลา 120 แท้จริง อิบรอฮีมคือประชาคมในตัวเขาเอง เขาเชื่อฟังพระเจ้าและ หันหน้าไปหาพระองค์อย่างเดียวและเขาไม่ได้เป็นผู้ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีกับ พระเจ้า 121 เขาเป็นผู้กตัญญูต่อความโปรดปรานของพระเจ้าเสมอ ดังนั้น พระองค์จึงได้ทรงเลือกเขาและแสดงทางนำ�ที่เที่ยงตรงแก่เขา 122 และเรา ได้ประทานความดีงามแก่เขาในโลกนี้และแน่นอนที่สุด เขาจะได้อยู่กับ บรรดาผู้มีคุณธรรมในโลกหน้า 123 ดังนั้น เราได้เปิดเผยเจตนารมณ์ของ เราให้เจ้า(มุฮัมมัด)รู้ว่า “จงปฏิบัติตามแนวทางของอิบรอฮีมอย่างมุ่งมั่น เพียงอย่างเดียว เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ตั้งภาคี” 124 เกี่ยวกับเรื่องสับบะโตนั้น เราได้กำ�หนดสิ่งนี้แก่บรรดาผู้มีความขัด แย้งกันในเรื่องการปฏิบัติ แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าจะตัดสินระหว่าง พวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำ�ลังขัดแย้งกัน 125 (โอ้ นบี) จงเชิญชวนมายังแนวทางของพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วย การใช้เหตุผลและการตักเตือนที่ดี จงโต้แย้งพวกเขาด้วยมารยาทที่ดี ที่สุด แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีที่สุดว่าใครหลงออกไปจากทาง ของพระองค์และทรงรู้ดีที่สุดว่าใครที่เป็นผู้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง 126 ถ้าสูเจ้าจะตอบโต้ จงตอบโต้เท่าที่สูเจ้าถูกกระทำ�เท่านั้น แต่ถ้า สูเจ้าอดทน มันเป็นการดีที่สุดสำ�หรับบรรดาผู้อดทน 127 (โอ้นบี) จง ปฏิบัติภารกิจของเจ้าต่อไปด้วยความอดทน และเจ้าจะอดทนได้ก็ด้วย

280

17. การเดินทางในยามราตรี

ความช่วยเหลือของพระเจ้าเท่านั้น จงอย่าเศร้าโศกเสียใจต่อการกระ ทำ�ของพวกเขาและจงอย่าท้อแท้ต่อแผนการของพวกเขา 128 แท้จริง พระเจ้าจะทรงอยู่กับบรรดาผู้ย�ำ เกรงพระองค์และบรรดาผู้กระทำ�ความดี 17. การเดินทางในยามราตรี

อัล-อิสรอ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงนำ�บ่าวของพระองค์เดินทางในคืนหนึ่ง จากมัสญิดอัลฮะรอม(สถานที่เคารพสักการะอันศักดิ์สิทธิ์ที่มักก๊ะฮฺ)ไป ยังมัสญิดอัลอักซอ(ที่เมืองเยรูซาเล็ม)ซึ่งบริเวณรอบๆมันเราได้ประทาน ความจำ�เริญไว้ ทั้งนี้เพื่อที่เราจะได้แสดงสัญญาณบางอย่างของเราให้เขา ได้เห็น แท้จริง พระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น 2 ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและได้ท�ำ ให้มันเป็นทางนำ� สำ�หรับพวกลูกหลานอิสรออีลโดยกล่าวว่า “จงอย่ายึดถือผู้ใดอื่นเป็นผู้ คุ้มครองนอกจากฉัน 3 สูเจ้าคือลูกหลานของบรรดาผู้ที่เราได้บรรทุกไว้ ในเรือพร้อมกับนูฮฺและเขาเป็นบ่าวผู้กตัญญูอย่างแท้จริง” 4 นอกจากนี้แล้ว เราได้เตือนพวกลูกหลานอิสรออีลไว้ล่วงหน้าใน คัมภีร์ด้วยว่า “สูเจ้าจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงขึ้นสองครั้งใน แผ่นดินและจะกลายเป็นผู้ยโสโอหังที่กำ�เริบเสิบสานยิ่ง” 5 และเมื่อคำ� เตือนแรกมาถึง เราได้ให้บ่าวของเราที่มีอำ�นาจเข้มแข็งขึ้นมาเป็นศัตรูต่อ สูเจ้า ดังนั้น พวกเขาจึงได้บุกเข้าไปทำ�ลายบ้านเมืองของสูเจ้า ดังนั้น คำ� เตือนที่ได้ถูกสัญญาไว้ได้เกิดขึ้นแล้ว 6 หลังจากนั้น เราได้ให้โอกาสแก่ สูเจ้ามีอำ�นาจเหนือพวกเขาและเราได้ช่วยสูเจ้าด้วยความมั่งคั่งและลูกๆ และได้ท�ำ ให้สูเจ้ามีจำ�นวนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย

281

(เรากล่าวว่า) “ถ้าหากสูเจ้ากระทำ�ความดี มันก็เป็นผลดีต่อตัวสูเจ้า เอง แต่ถ้าสูเจ้ากระทำ�ชั่ว มันก็เป็นผลร้ายต่อตัวสูเจ้าเอง” เมื่อเวลาที่คำ� เตือนครั้งที่สองมาถึง (เราได้สร้างศัตรูให้แก่สูเจ้าเพื่อที่)พวกเขาจะฉีก หน้าของสูเจ้าและเข้าไปในวิหารเช่นเดียวกับที่บรรดาศัตรูก่อนหน้านี้ได้ เข้าไปและทำ�ลายทุกสิ่งที่พวกเขายึดครองได้อย่างย่อยยับ 8 เรากล่าว ว่า “พระผู้อภิบาลของสูเจ้าอาจจะเมตตาสูเจ้าอีก แต่ถ้าหากสูเจ้าแสดง พฤติกรรมก่อนหน้านี้ของสูเจ้าอีก เราจะกลับมาเยี่ยมสูเจ้าอีกพร้อมกับ การลงโทษของเรา เพราะเราได้เตรียมนรกไว้เป็นคุกสำ�หรับคนเนรคุณ ไว้แล้ว” 9 แท้จริง กุรอานนี้ได้แสดงให้เห็นถึงหนทางที่เที่ยงตรงยิ่ง มันแจ้ง ข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีว่าจะมีรางวัลตอบแทนอันยิ่ง ใหญ่ส�ำ หรับพวกเขา 10 และมันเตือนบรรดาผู้ปฏิเสธชีวิตโลกหน้าถึงการ ลงโทษอันเจ็บปวด 11 มนุษย์วิงวอนขอความชั่วแทนที่จะวิงวอนขอความดี ทั้งนี้เพราะ มนุษย์นั้นรีบร้อน* 12 จงจำ�ไว้ เราได้สร้างกลางคืนและกลางวันเป็นสอง สัญญาณ เราได้ท�ำ ให้สัญญาณแห่งกลางคืนหมดแสงไปและเราได้ท�ำ ให้ สัญญาณแห่งกลางวันสว่างไสวเพื่อที่สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปราน ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และเพื่อที่สูเจ้าจะได้นับฤดูกาลและปี เราจึง ได้ทำ�ทุกสิ่งให้เป็นที่ละเอียดชัดเจนแล้ว 13 เราได้ผูกชะตากรรมของมนุษย์ทุกคนไว้ที่คอของเขาแล้วและใน * พระเจ้าต้องการให้มนุษย์อดทนในเรื่องการแสวงหาความฟุ้งเฟ้อ แห่งโลกนี้ เพื่อที่เขาจะได้อยู่บนทางที่ถูกต้องในการเดินทางไปสู่โลกหน้า แต่เนื่องจากธรรมชาติอันเร่งรีบของเขา มนุษย์จึงรีบร้อนหาวัตถุฟุ้งเฟ้อ ทางโลกซึ่งเป็นสิ่งที่ถ่วงรั้งการเดินทางของเขา ความต้องการปัจจัยมา ตอบสนองชีวิตทางวัตถุของเขาเป็นเหตุผลใหญ่ที่สุดที่ทำ�ให้เขาไม่ได้รับ ความโปรดปรานในโลกหน้า 7

282

17. การเดินทางในยามราตรี

วันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราจะนำ�บันทึกนั้นออกมาให้เขาเห็นเหมือนกับ หนังสือที่เปิดกางอยู่ 14 มันจะกล่าวว่า “จงอ่านบันทึกของสูเจ้า วันนี้ ไม่มี ใครนอกจากตัวของสูเจ้าเองที่จะเป็นผู้ช�ำ ระบัญชีตัวของสูเจ้าเอง” 15 ใคร เลือกที่จะปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องจะปฏิบัติตามแนวทางนั้นซึ่งเป็น ผลดีแก่ตัวเขาเอง และใครที่หลงทางออกไป การหลงทางของเขาจะทำ�ให้ เขาได้รับความหายนะ ไม่มีผู้แบกภาระใดจะแบกภาระของอีกคนหนึ่งได้ และเราจะไม่ลงโทษจนกว่าเราจะได้ส่งศาสนทูตมาเตือนพวกเขา 16 เมื่อเราตัดสินใจที่จะทำ�ลายเมืองหนึ่ง เราจะบัญชาคนที่กินอยู่ อย่างสุขสบายของเมืองนั้น แต่พวกเขาจะฝ่าฝืน ดังนั้น ถ้อยคำ�(แห่งการ ลงโทษ)จึงเป็นสิ่งสมควรและเราได้ทำ�ลายเมืองนั้นจนสิ้นซาก 17 กี่ชั่วคน แล้วที่เราได้ท�ำ ลายไปตั้งแต่สมัยของนูฮฺ พระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นทรงรู้ ดีถึงความผิดบาปของบ่าวของพระองค์และทรงเห็นทุกสิ่ง 18 เราให้เขาในสิ่งที่เราปรารถนาแก่ใครก็ตามที่ปรารถนาสิ่งดีแห่งชีวิต โลกนี้ แต่หลังจากนั้น เราได้เตรียมนรกไว้ส�ำ หรับเขาแล้ว ซึ่งที่นั่นเขาจะ ถูกเผา ถูกสาปแช่งและไม่ได้รับความเมตตา 19 ส่วนผู้ใดปรารถนาชีวิต แห่งโลกหน้าและดิ้นรนต่อสู้เพื่อมันอย่างถึงที่สุดและเขาเป็นผู้ศรัทธา ความพยายามของคนเช่นนั้นจะได้รับการชมเชย 20 สำ�หรับคนทั้งสองประเภทนี้(ผู้ที่ปรารถนาโลกและบรรดาผู้ต้องการ โลกหน้า) เราได้ประทานสิ่งเหล่านั้นแก่พวกเขา ไม่มีใครที่จะมายับยั้ง การประทานของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า 21 จงดูว่าเราได้ท�ำ ให้พวกเขา บางคนเหนือกว่าคนอื่นอย่างไร(ในชีวิตโลกนี้) แต่ในโลกหน้านั้น ฐานะ เหล่านี้จะยิ่งใหญ่กว่ากันมากนักและความประเสริฐของพวกเขาจะเหนือ กว่ากันมากมาย 22 จงอย่าตั้งสิ่งเคารพกราบไหว้ใดๆเป็นภาคีกับพระเจ้า มิเช่นนั้น แล้วสูเจ้าจะถูกทำ�ให้ตกต่ำ�ลงและเป็นที่เกลียดชังและช่วยตัวเองไม่ได้ 23 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้บัญชาสูเจ้าไว้ว่า สูเจ้าอย่าเคารพสักการะ

อัล-อิสรอ

283

ผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ถ้าหากว่าผู้ใดใน ทั้งสองอยู่กับสูเจ้าในวัยชรา จงอย่ากล่าวถ้อยคำ�แสดงความชิงชังแก่ ท่านและจงอย่าตวาดท่าน แต่จงพูดกับท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำ�อ่อนโยน 24 จงปฏิบัติต่อท่านทั้งสองด้วยความนอบน้อมและเมตตา และจงวิงวอน ว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดทรงเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นเดียว กับที่ท่านทั้งสองได้เลี้ยงดูฉันเมื่อตอนที่ฉันเยาว์วัยด้วยเถิด” 25 พระผู้ อภิบาลของสูเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของสูเจ้า ถ้าสูเจ้าเป็นผู้ ทำ�ความดี แน่นอน พระองค์จะทรงให้อภัยและหันมายังคนที่สำ�นึกผิด และเชื่อฟัง 26 จงปฏิบัติหน้าที่ของสูเจ้าที่มีต่อญาติของสูเจ้าและต่อผู้ขัดสนและ ผู้เดินทางให้ครบถ้วน และจงอย่าฟุ่มเฟือย 27 แท้จริง ผู้ฟุ่มเฟือยนั้นคือ พี่น้องของเหล่าซาตานและซาตานนั้นเนรคุณต่อพระผู้อภิบาลของมัน 28 แต่ถ้าหากสูเจ้าจำ�ต้องบอกปัด(คนขัดสน)เพราะสูเจ้าเองยังคอยความ โปรดปรานของพระเจ้าที่สูเจ้าเองกำ�ลังหวังอยู่ จงบอกปัดพวกเขาด้วย ความนุ่มนวล 29 จงอย่าเป็นคนขี้เหนียวและจงอย่าใช้จ่ายอย่างมือเติบจนสูเจ้าตก เป็นผู้ถูกครหาและไม่มีอะไรเหลือ 30 แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรง ประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงระงับ ปัจจัยของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เช่นกัน เพราะพระองค์ทรง รู้ดีถึงสภาพของบ่าวของพระองค์และทรงเฝ้าดูเขาอย่างใกล้ชิด 31 จงอย่าฆ่าลูกๆของสูเจ้าเพราะกลัวความยากจน เพราะเราต่างหาก ที่เป็นผู้ประทานปัจจัยแก่พวกเขาและแก่สูเจ้าด้วย แท้จริง การฆ่าพวก เขานั้นเป็นความผิดบาปอย่างร้ายแรง 32 จงอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี* เพราะมันเป็นการลามกและหนทางชั่วช้า * หนึ่งในความชั่วที่พระเจ้าต้องการจะขจัดให้หมดไปโดยเสิ้นเชิงคือการผิด ประเวณี(หรือซินา) นั่นคือการผิดประเวณีเป็นบาปใหญ่และเป็นสิ่งที่แสดงถึงการไม่มี

284

17. การเดินทางในยามราตรี

จงอย่าฆ่าชีวิตใดที่พระเจ้าได้ทรงห้ามไว้ ยกเว้นด้วยความขอบ ธรรม และถ้าผู้ใดถูกฆ่าอย่างไม่เป็นธรรม เราได้ให้สิทธิ์ในการที่จะแก้ แค้นแก่ผู้ปกครอง(ทายาท)ของเขา ดังนั้น จงอย่าละเมิดขอบเขตที่ถูก กำ�หนดไว้ในเรื่องการตอบแทนอย่างเท่าเทียมกัน เพราะหลังจากนั้นเขา จะได้รับการช่วยเหลือ(โดยกฎหมาย) 34 จงอย่าเข้าใกล้ทรัพย์สินของเด็กกำ�พร้าเว้นแต่ในลักษณะที่ดีที่สุด จนกว่าเขาจะบรรลุถึงวัยผู้ใหญ่ จงปฏิบัติตามสัญญาให้ครบถ้วน เพราะ สูเจ้าต้องรับผิดชอบต่อสัญญาที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้ 35 จงตวงให้ครบตาม จำ�นวนเมื่อสูเจ้าตวง และจงชั่งให้ถูกต้องเที่ยงตรงเมื่อสูเจ้าชั่ง นี่คือวิธี การที่ดีและจะเห็นว่ามันดีกว่าในบั้นปลาย 36 จงอย่าปฏิบัติตามสิ่งที่สูเจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเพราะสูเจ้าจะถูก สอบสวนในเรื่องการใช้ตา หูและความคิด 37 จงอย่าเดินวางท่าผยองใน แผ่นดินเพราะสูเจ้าไม่สามารถที่จะแยกแผ่นดินและแข่งกับภูเขาในเรื่อง ความสูงได้เลย 38 ทั้งหมดนี้เป็นความเลวในสายตาของพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าและเป็นที่น่ารังเกียจ 39 นี่คือส่วนหนึ่งจากภูมิปัญญาที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ประทาน แก่สูเจ้าและสูเจ้าจงอย่าตั้งสิ่งเคารพบูชาใดๆเป็นภาคีกับพระเจ้า มิฉะนั้น สูเจ้าจะถูกโยนเข้าไปในนรกที่ถูกสาปแช่งและไม่ได้รับสิ่งดี 40 อะไรนะ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ทรงให้ลูกชายแก่สูเจ้าและ พระองค์เองทรงรับเอาทูตสวรรค์เพศหญิงมาเป็นลูกสาวของพระองค์ กระนั้นหรือ? โกหกอย่างมหันต์ชัดๆที่สูเจ้ากล่าวมา 41 เราได้อธิบาย (สัจธรรม)ในกุรอานนี้ด้วยวิธีการต่างๆเพื่อที่พวกเขาจะได้ใส่ใจ แต่พวก เขากลับวิ่งห่างออกไปจากสัจธรรมมากขึ้น 42 (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวก เขาเถิดว่า “ถ้าหากมีสิ่งเคารพกราบไหว้อื่นๆเคียงคู่กับพระองค์ดังที่พวก 33

ความละอายซึ่งมนุษย์ต้องละเว้นตั้งแต่ขั้นตอนแรกของมัน นี่เป็นเพียงคำ�สั่งพื้นฐานใน เรื่องนี้

อัล-อิสรอ

285

เขากล่าว แน่นอน พวกมันน่าจะพยายามหาทางไปให้ถึงเจ้านายแห่ง บัลลังก์แล้ว 43 มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขา พูด 44 ชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินและทุกสรรพสิ่งในนั้นต่างกล่าวแซ่ซ้อง สรรเสริญพระองค์ แต่สูเจ้าไม่เข้าใจการแซ่ซ้องสรรเสริญของพวกมัน แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงขันติและผู้ทรงให้อภัย 45 เมื่อสูเจ้าอ่านกุรอาน เราได้กั้นม่านที่มองไม่เห็นระหว่างสูเจ้ากับ บรรดาผู้ไม่เชื่อในโลกหน้า 46 เราได้ปิดคลุมหัวใจของพวกเขาไว้เพื่อที่ พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจและเราได้ท�ำ ให้หูของพวกเขาไม่ได้ยิน เมื่อเจ้าเอ่ย ถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าในกุรอานเพียงองค์เดียว พวกเขาจะหันหน้าไป ทางอื่นด้วยความเกลียดชัง 47 เรารู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกเขาอยากจะได้ยินเมื่อพวกเขาฟังเจ้าและสิ่งที่ พวกเขาพูดเมื่อพวกเขานั่งร่วมปรึกษากันอย่างลับๆ และเมื่อพวกคนทำ� ผิดเหล่านี้กล่าวต่อกันและกันว่า “พวกท่านกำ�ลังตามผู้ถูกคาถาอาคมอยู่ เท่านั้น” 48 ดูซิ พวกเขาเปรียบเจ้าเหมือนอะไร พวกเขาหลงทางไปแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถหาหนทางที่ถูกต้องได้ 49 พวกเขากล่าวว่า “อะไรนะ จริงหรือที่เราจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ อีกครั้งหนึ่งเมื่อเราเหลือแต่กระดูกที่ผุป่นแล้ว?” 50 จงบอกพวกเขาเถิดว่า “แม้พวกท่านเป็นหินหรือเหล็ก 51 หรือแม้แต่เป็นสิ่งที่แข็งกว่านี้ซึ่งพวก ท่านคิดว่าไม่อาจจะถูกทำ�ให้มีชีวิตได้อีกก็ตาม” แล้วพวกเขาจะถามว่า “ใครเล่าที่จะทำ�ให้เรากลับมามีชีวิตอีก?” จงตอบพวกเขาว่า “ก็พระองค์ ผู้ทรงทำ�ให้พวกท่านมีชีวิตขึ้นในครั้งแรกไงเล่า” แล้วพวกเขาจะส่ายหัว แก่เจ้าและถามว่า “แล้วเมื่อไหร่มันจะเกิดขึ้น?” จงบอกพวกเขาว่า “บางที มันอาจจะเร็วๆนี้ก็ได้ 52 ในวันนั้น เมื่อพระองค์ทรงเรียกพวกท่าน พวก ท่านจะสนองตอบด้วยการลุกขึ้นและสรรเสริญพระองค์ และพวกท่านคิด ว่าพวกท่านอยู่ในสภาวะเช่นนี้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น” 53 (มุฮัมมัด) จงบอกปวงบ่าวของฉันว่าพวกเขาควรจะพูดแต่เฉพาะ

286

17. การเดินทางในยามราตรี

สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ความจริงแล้ว ซาตานนั้นพยายามที่จะสร้างความ แตกแยกขึ้นระหว่างพวกเขา แท้จริง ซาตานคือศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ 54 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงรู้ดีทุกสิ่งเกี่ยวกับสูเจ้า ถ้าหากพระองค์ ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงเมตตาสูเจ้า และถ้าหากพระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์จะทรงลงโทษสูเจ้าอย่างหนัก เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่อ เป็นผู้ดูแลเขา 55 พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน เราได้ยกนบีบางคนให้มีต�ำ แหน่งเหนือกว่านบีบางคนและ เราได้ประทานคัมภีร์ษะบูรฺแก่ดาวูด 56 จงวิงวอนต่อสิ่งสูเจ้าอ้างว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกไปจากพระเจ้า และสูเจ้าจะรู้ว่าพวกมันไม่สามารถปลดเปลื้องความทุกข์ยากลำ �บาก ของสูเจ้าหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งใด(ตามที่สูเจ้าต้องการ)ได้” 57 บรรดาผู้ที่ พวกเขาวิงวอนขอความช่วยเหลือนั้นก็หาทางเข้าไปหาพระผู้อภิบาล ของพวกเขาและแข่งขันกันที่จะเข้าใกล้พระเจ้าโดยหวังความเมตตาของ พระองค์และกลัวการลงโทษของพระองค์ แท้จริง การลงโทษของพระผู้ อภิบาลของสูเจ้านั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก 58 ไม่มีเมือง(ชุมชน)ใดนอกจาก เราจะทำ�ลายหรือลงโทษอย่างแรงก่อนวันแห่งการพิพากษา นั่นได้ถูก ลิขิตไว้แล้วในบันทึก 59 ไม่มีสิ่งใดขัดขวางเราจากการส่งสัญญาณต่างๆได้นอกจากคนรุ่น ก่อนๆได้ปฏิเสธมัน เราได้ส่งอูฐตัวเมียมาเป็นสัญญาณอันชัดแจ้งต่อ พวกษะมูด แต่พวกเขาได้ปฏิบัติต่อมันอย่างเหี้ยมโหดในขณะที่เราได้ส่ง สัญญาณต่างๆมาเพื่อเป็นการตักเตือน 60 (มุฮัมมัด)เราได้บอกเจ้าแล้วว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าได้ทรงล้อม ผู้คนเหล่านี้ไว้ เราได้ให้เจ้าเห็นสิ่งที่เราได้แสดงแก่เจ้าแล้ว เช่นเดียวกับ ต้นไม้ที่ถูกสาปแช่ง(ต้นซักกูมที่ผลของมันมีหนามภายนอก)ในกุรอาน เพื่อเป็นการทดสอบสำ�หรับคนเหล่านี้ เราได้เตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้ง เล่า แต่การเตือนแต่ละครั้งก็มีแต่จะทำ�ให้พวกเขาดื้อรั้นยิ่งขึ้น

อัล-อิสรอ

287

เมื่อเราได้บัญชาแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า “จงก้มกราบต่ออาดัม” ทั้งหมดต่างก้มกราบ ยกเว้นอิบลีส มันกล่าวว่า “จะให้ฉันนบนอบต่อ ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างมาจากดินกระนั้นหรือ?” 62 แล้วมันก็กล่าวอีกว่า “พระองค์ทรงพิจารณาดูหน่อยซิ นี่นะหรือที่พระองค์ทรงยกย่องให้เหนือ กว่าฉัน? ถ้าหากพระองค์ทรงผ่อนปรนเวลาให้แก่ฉันไปจนถึงวันแห่งการ ฟื้นคืนชีพ ฉันจะนำ�ลูกหลานของเขาให้มาตามฉันทั้งหมด” 63 พระเจ้าทรงกล่าวว่า “จงออกไปให้พ้น นรกเป็นรางวัลตอบแทน อย่างเพียงพอแล้วสำ�หรับสูเจ้าและผู้ปฏิบัติตามสูเจ้า 64 จงออกไป สูเจ้า จะล่อลวงใครก็ได้ตามที่สูเจ้าสามารถ ด้วยเสียงของสูเจ้าและ ขบวน ทหารม้าและพลเดินเท้าของสูเจ้ามาโจมตีพวกเขา และจงเป็นหุ้นส่วนกับ พวกเขาในทรัพย์สินและลูกๆของพวกเขาและทำ�สัญญากับพวกเขาก็ได้ แท้จริงแล้ว สัญญาของซาตานนั้นมิใช่สิ่งใดนอกไปจากการหลอกลวง 65 แต่สูเจ้าไม่มีอ�ำ นาจเหนือปวงบ่าวที่แท้จริงของฉัน พระผู้อภิบาลของ เจ้านั้นเพียงพอแล้วสำ�หรับเจ้าในการเป็นผู้คุ้มครอง” 66 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือผู้ทรงทำ�ให้เรือของสูเจ้าแล่นข้ามทะเล เพื่อที่สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์ แท้จริง พระองค์ ทรงเมตตาสูเจ้าเสมอ 67 เมื่ออันตรายประสบแก่สูเจ้าในทะเล สูเจ้าวิงวอน ขอความช่วยเหลือต่อพระองค์และลืมสิ่งอื่นๆที่สูเจ้าเคยวิงวอนขอความ ช่วยเหลือ แต่เมื่อพระองค์ทรงช่วยสูเจ้าให้ขึ้นบกด้วยความปลอดภัย สูเจ้าก็หันห่างออกไปจากพระองค์ แท้จริงแล้ว มนุษย์นั้นเนรคุณเสมอ 68 สูเจ้าคิดว่าจะปลอดภัยหรือต่อการที่พระเจ้าจะทำ�ให้แผ่นดินสูบ สูเจ้าเมื่อสูเจ้าอยู่บนแผ่นดิน หรือต่อการที่พระองค์จะส่งพายุหินพัด กระหน่ำ�ใส่สูเจ้า? แล้วสูเจ้าจะไม่พบผู้ใดคุ้มครองสูเจ้า 69 หรือสูเจ้าไม่ กลัวว่าพระองค์จะส่งสูเจ้าไปยังทะเลอีกครั้งหนึ่งและกระหน่ำ�สูเจ้าด้วย พายุร้ายและทำ�ให้สูเจ้าจมน้ำ�เพราะการเนรคุณของสูเจ้าและสูเจ้าจะไม่ พบผู้ช่วยเหลือสูเจ้าให้พ้นจากเราที่นั่น? 61

288

17. การเดินทางในยามราตรี

เราได้ให้เกียรติแก่ลูกๆของอาดัมและเราได้ประทานความจำ�เริญ แก่พวกเขาด้วยการขนส่งโดยสารบนบกและในทะเล และเราได้ประทาน สิ่งดีๆและบริสุทธิ์แก่พวกเขาและยกย่องพวกเขาให้เหนือกว่าสิ่งถูกสร้าง อื่นๆของเราอีกมากมาย 71 วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอนเมื่อเราจะเรียกมนุษย์ทุกคนพร้อมด้วย บรรดาผู้นำ�ของพวกเขา แล้วบรรดาผู้ที่ถูกยื่นบันทึกของพวกเขาให้ใน มือขวาของพวกเขาจะอ่านบันทึกของพวกเขา(อย่างกระตือรือร้น) และ พวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้แต่น้อยนิด 72 แต่ใครที่ตาบอดในโลกนี้จะ ตาบอดในโลกหน้าด้วย ไม่ เขาจะหลงทางออกไปไกลจากหนทาง(แห่ง สัจธรรม)ยิ่งกว่าคนตาบอดเสียอีก 73 (โอ้มุฮัมมัด) พวกเขาหาทางทุกอย่างที่จะล่อลวงเจ้าให้หลงออก จากสิ่งที่เราได้เปิดเผยแก่เจ้าโดยหวังว่าเจ้าจะสร้างเรื่องเท็จบางอย่างใน นามของเรา ถ้าหากเจ้าทำ�เช่นนั้น พวกเขาจะคบเจ้าเป็นเพื่อน 74 ถ้าเรา ไม่ได้ให้ความเข้มแข็งแก่เจ้า มันอาจเป็นไปได้ที่เจ้าจะคล้อยตามพวกเขา 75 แต่ถ้าหากเจ้าทำ�เช่นนั้น เราจะให้เจ้าลิ้มรสการลงโทษเป็นสองเท่าทั้ง ในโลกนี้และโลกหน้าด้วยเช่นกัน แล้วเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใดๆมาขัด ขวางเราได้ 76 ความจริงแล้ว พวกเขากำ�ลังพยายามหาทางขจัดเจ้าและขับไล่เจ้า ออกไปจากแผ่นดิน ถ้าหากพวกเขาทำ�เช่นนั้น พวกเขาเองจะไม่สามารถ อยู่ที่นี่ได้นานหลังจากเจ้า 77 นี่คือวิธีการของเรากับบรรดาศาสนทูตที่เรา ได้ส่งมาก่อนเจ้า และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในวีธีการของเรา 78 จงดำ�รงนมาซตั้งแต่ดวงตะวันคล้อยไปจนถึงความมืดของกลาง คืนและในยามรุ่งอรุณ เพราะการอ่านกุรอานในยามรุ่งอรุณจะถูกเฝ้าดู 79 และในระหว่างกลางคืน จงตื่นขึ้นนมาซ นี่เป็นการนมาซเพิ่มเติม สำ�หรับเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่พระผู้อภิบาลของเจ้าจะได้ยกย่องเจ้าให้อยู่ใน ตำ�แหน่งที่ได้รับการสรรเสริญ 70

อัล-อิสรอ

289

จงกล่าววิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาล โปรดประทานทางเข้าและ ทางออกอันมีเกียรติแก่ฉัน และโปรดดำ�รงรักษาฉันไว้ด้วยอำ�นาจของ พระองค์ด้วยเถิด” 81 จงประกาศว่า “สัจธรรมมาแล้วและความเท็จได้ มลายหายไป เพราะความเท็จนั้นเป็นสิ่งที่ต้องสูญสิ้นไปเสมอ” 82 เราได้ประทานสิ่งที่เป็นการบำ�บัดรักษาและเป็นความเมตตาแก่ บรรดาผู้ศรัทธาไว้ในกุรอาน ส่วนบรรดาผู้ท�ำ ความชั่วนั้น มันมีแต่จะเพิ่ม ความขาดทุนให้แก่พวกเขา 83 เมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานแก่ใครคนหนึ่ง เขากลับทำ�ตัว ยโสโอหังและหันหลังให้ แต่เมื่อเคราะห์กรรมประสบแก่เขา เขาก็เริ่ม สิ้นหวัง 84 (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ทุกคนกำ�ลังปฏิบัติตามทางของ ตนเอง แต่พระผู้อภิบาลของพวกท่านเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าใครอยู่บน แนวทางที่เที่ยงตรง” 85 พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับวิญญาณ จงบอกเถิดว่า “วิญญาณนั้นมา โดยคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลของฉัน แต่พวกท่านได้รับความรู้เพียง เล็กน้อยเท่านั้น” 86 (โอ้มุฮัมมัด) ถ้าเราประสงค์ เราอาจจะเอาสิ่งที่เราได้เปิดเผย แก่เจ้าทั้งหมดกลับมา แล้วเจ้าจะไม่พบใครที่ช่วยเหลือเจ้าให้พ้นจาก เรา 87 ยกเว้นโดยความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของเจ้า แท้จริง ความ โปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก 88 จงกล่าวเถิด “แม้ มนุษย์และญินจะรวมกันเพื่อทำ�สิ่งที่เหมือนกับกุรอานนี้ พวกเขาจะไม่ สามารถทำ�สิ่งที่เหมือนมันได้ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะช่วยกันก็ตาม” 89 ในกุรอานนี้ เราได้ใช้วิธียกตัวอย่างต่างๆเพื่อทำ�ให้มนุษย์เข้าใจ แต่ ส่วนมากของพวกเขายังคงดึงดันอยู่ในการปฏิเสธสัจธรรม 90 พวกเขา กล่าวว่า “เราจะไม่ศรัทธาในสิ่งที่ท่านกล่าวจนกว่าท่านจะทำ�ให้น้ำ�พุพุ่ง ออกมาจากแผ่นดินเพื่อเรา 91 หรือไม่ก็ให้มีสวนอินทผลัมและองุ่นเกิด ขึ้นแก่ท่านและทำ�ให้ล�ำ น้ำ�หลายสายไหลเข้าไปในสวนนั้น 92 หรือจนกว่า 80

290

17. การเดินทางในยามราตรี

ท่านจะทำ�ให้ฟ้าถล่มลงมาบนเราเป็นเสี่ยงๆตามที่ท่านขู่เรา หรือนำ�เอา พระเจ้าและทูตสวรรค์มาปรากฏต่อหน้าเรา 93 หรือให้มีบ้านทองคำ�หลัง หนึ่งเกิดขึ้นสำ�หรับท่านหรือท่านทะยานขึ้นไปบนฟ้า และเราจะไม่เชื่อ ในการทะยานขึ้นไปของท่านจนกว่าท่านจะนำ�เอาคัมภีร์เล่มที่เราอ่านได้ มาให้เรา” (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันนั้นทรง บริสุทธิ์ยิ่ง ฉันมิได้เป็นอะไรนอกไปจากมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกส่งมาเป็น ศาสนทูต” 94 เมื่อใดก็ตามที่ทางนำ�ได้มายังพวกเขา ไม่มีสิ่งใดที่ห้ามพวกเขา จากการศรัทธานอกจากข้อสงสัยที่พวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าได้ส่งมนุษย์ มาเป็นศาสนทูตของพระองค์ด้วยหรือ?” 95 จงบอกพวกเขาว่า “ถ้าหาก บรรดาทูตสวรรค์เดินไปไหนมาไหนบนโลกได้โดยสงบ เราจะส่งทูต สวรรค์องค์หนึ่งมาเป็นศาสนทูตยังพวกเขา” 96 (โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิด ว่า “พระเจ้าก็เพียงพอแล้วสำ�หรับการเป็นพยานระหว่างฉันและพวกท่าน ทั้งหมด พระองค์ทรงรู้ดีและทรงเฝ้าดูบ่าวทั้งหลายของพระองค์” 97 ใครที่พระเจ้าทรงนำ�ทาง เขาจะอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ส่วนใครที่ พระเจ้าปล่อยให้หลงทาง เจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือคนใดสำ�หรับพวกเขา นอกจากพระองค์เท่านั้น ในวันแห่งการพิพากษา เราจะรวมพวกเขาไว้ ให้นอนคว่ำ�หน้า ตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก ที่พำ�นักของพวกเขาคือนรก เมื่อใดก็ตามที่ไฟมอด เราจะให้มันลุกโชนขึ้นอีกสำ�หรับพวกเขา 98 นี่คือ การตอบแทนสำ�หรับพวกเขา เพราะพวกเขาปฏิเสธสัญญาณของเราและ ถามว่า “เราจะถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกกระนั้นหรือในเมื่อเราได้ กลายเป็นกระดูกและเป็นฝุ่นแล้ว?” 99 พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินทรงมีอำ�นาจที่จะสร้างสิ่งที่เหมือนกับพวกเขาได้? พระองค์ได้ทรง กำ�หนดเวลาสำ�หรับทำ�ให้พวกเขาฟื้นขึ้นมาไว้แล้วโดยไม่ต้องสงสัย แต่ บรรดาผู้ท�ำ ความผิดยังคงดึงดันปฏิเสธสัจธรรม 100 (โอ้มุฮัมมัด) จงบอก

อัล-อิสรอ

291

พวกเขาว่า “ถ้าหากคลังสมบัติแห่งความเมตตาของพระผู้อภิบาลของฉัน อยู่ในความครอบครองของพวกท่าน พวกท่านก็คงจะหน่วงเหนี่ยวมันไว้ ด้วยกลัวว่ามันจะถูกใช้จนหมดไป แท้จริง มนุษย์นั้นขี้เหนียวเสมอ” 101 เราได้ให้สัญญาณที่ชัดแจ้งเก้าอย่างแก่มูซา สูเจ้าจงถามลูกหลาน อิสรออีลดูก็ได้ เมื่อเขามายังผู้คนแล้ว ฟาโรห์ได้กล่าวว่า “มูซาเอ๋ย ฉัน ถือว่าท่านถูกคาถาอาคมอย่างแน่นอน” 102 มูซาตอบว่า “ท่านรู้ดีว่า ไม่มีใครนอกไปจากพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินที่ส่ง สัญญาณเหล่านี้ลงมาเพื่อเป็นหลักฐานต่อหน้าต่อตา ฟาโรห์เอ๋ย ฉันเห็น ว่าท่านต่างหากที่จะได้รับความหายนะ” 103 ในที่สุด ฟาโรห์ก็คิดที่จะ กำ�จัดมูซาออกไปจากแผ่นดิน แต่เราได้ท�ำ ให้เขาและพวกพ้องของเขา ทั้งหมดจมน้�ำ ตาย 104 หลังจากนั้น เราได้กล่าวแก่พวกลูกหลานอิสรออีล ว่า “ตอนนี้ สูเจ้าจงตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดิน และเมื่อเวลาแห่งการฟื้น คืนชีพที่ถูกกำ�หนดไว้มาถึง เราจะรวมสูเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน” 105 เราได้ส่งกุรอานลงมาด้วยสัจธรรมและด้วยสัจธรรมที่มันได้ลงมา (โอ้มุฮัมมัด) เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อแจ้งข่าวดีและเพื่อ ให้ค�ำ เตือน 106 เราได้ส่งกุรอานนี้ลงมาเป็นตอนๆเพื่อที่เจ้าจะได้อ่านให้ แก่ผู้คนทีละตอน และเราได้ประทานมันลงมาเป็นคราวๆ 107 (โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม บรรดาผู้ได้รับความรู้ก่อนหน้านี้ได้ก้มลงกราบเมื่อมันถูกอ่าน 108 และ พวกเขาจะกล่าวว่า ‘มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของเรา สัญญาของ พระองค์จะเป็นจริงอย่างแน่นอน’ 109 และพวกเขาจะก้มหน้าลงจรดพื้น พลางร้องไห้เมื่อได้ยินมัน และนี่(กุรอาน)ได้ท�ำ ให้พวกเขาถ่อมตัวมาก ขึ้น” 110 (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า “พวกท่านจะวิงวอนต่อพระเจ้าหรือ ผู้ทรงกรุณาก็ได้เหมือนกัน พระนามทั้งหมดของพระองค์นั้นประเสริฐ ยิ่ง” และจงอย่าอ่านเสียงดังหรือแผ่วเบาในการนมาซของเจ้า แต่จง

292

��������

ปฏิบัติตามทางสายกลางระหว่างทั้งสองนี้ 111 และจงกล่าว “บรรดาการ สรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้มิได้ทรงกำ�เนิดบุตรและไม่มีหุ้นส่วนใดๆใน อาณาจักรของพระองค์ และมิทรงต้องมีผู้ช่วยเหลือใดๆ และจงประกาศ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยการสดุดดีความเกรียงไกรของพระองค์” 18. ถ้ำ�

อัล-กะฮฺฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงประทานคัมภีร์ที่ไม่มีความ คลุมเครือใดๆนี้มายังบ่าวของพระองค์ 2 และเป็นคัมภีร์ที่กล่าวอย่างตรง ไปตรงมาเพื่อที่จะเตือนผู้คนถึงการลงโทษอันรุนแรงจากพระองค์ และ แจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่กระทำ�ความดีว่าพวกเขาจะได้รับรางวัล อันดีงาม 3 ซึ่งพวกเขาจะมีความสุขในนั้นตลอดไป 4 และเพื่อที่จะเตือน บรรดาผู้ที่กล่าวว่า “พระเจ้าทรงให้ก�ำ เนิดบุตร” 5 พวกเขาไม่มีความรู้ใดๆ ในเรื่องนี้เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา มันเป็นถ้อยคำ�อุบาทว์ที่ ออกมาจากปากของพวกเขา พวกเขามิได้พูดอะไรนอกไปจากความเท็จ 6 (โอ้มุฮัมมัด)บางทีเจ้าอาจจะทำ�ลายตัวเจ้าเองเพราะความเศร้าใจถ้า พวกเขาไม่ศรัทธาในสาสน์นี้ 7 เราได้ประดับประดาโลกนี้ด้วยสิ่งต่างๆที่ สวยหรูเพื่อที่เราจะทดสอบมนุษย์ว่าผู้ใดในหมู่พวกเขาดีที่สุดในการงาน 8 แต่เราจะพลิกทุกอย่างที่อยู่ในนั้นให้เป็นที่ว่างเปล่า 9 เจ้าคิดไหมว่าบรรดาผู้หลับใหลอยู่ในถ้�ำ และแผ่นจารึกเป็นสัญญาณ มหัศจรรย์ส่วนหนึ่งของเรา? 10 เมื่อพวกชายหนุ่มเข้าไปหลบภัยอยู่ใน ถ้ำ� พวกเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานความเมตตา จากพระองค์แก่เราและโปรดนำ�ทางที่ถูกต้องในกิจการงานของเราด้วย

อัล-กะฮฺฟ

293

เถิด” 11 ดังนั้น เราจึงได้ท�ำ ให้พวกเขาหลับอยู่ในถ้�ำ เป็นเวลาหลายปี 12 หลังจากนั้น เราได้ท�ำ ให้พวกเขาตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะทดสอบว่าคนกลุ่ม ใดในสองกลุ่มสามารถนับเวลาที่พวกเขาอยู่ที่นั่นได้ดีกว่ากัน 13 ทีนี้ เราจะเล่าเรื่องราวของพวกเขาให้เจ้าฟัง พวกเขาเป็นชายหนุ่ม กลุ่มหนึ่งที่ศรัทธาในพระผู้อภิบาลของพวกเขาและเราได้เพิ่มพูนทางนำ� ให้แก่พวกเขา 14 เราได้ท�ำ ให้หัวใจของพวกเขาเข้มแข็งเมื่อพวกเขาลุก ขึ้นและประกาศว่า “พระผู้อภิบาลของเราคือพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน เราจะไม่วิงวอนพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เป็นอัน ขาด มันเป็นการไร้สาระที่สุดหากเราทำ�เช่นนั้น” 15 (พวกเขาได้ปรึกษา กันว่า) “คนของพวกเราได้เอาพระเจ้าอื่นมาแทนพระองค์ ทำ�ไมพวกเขา ไม่เอาหลักฐานที่ชัดแจ้งใดๆมายืนยันความเชื่อของพวกเขา? ดังนั้น ใคร เล่าที่จะชั่วช้าไปกว่าผู้กุเรื่องเท็จต่อพระเจ้า?” 16 “ทีนี้ เมื่อพวกเจ้าปลีกตัวห่างออกจากพวกเขาและมิได้เคารพสักกา ระผู้ใดแทนพระเจ้าแล้ว ขอให้พวกเราไปยังถ้�ำ เพื่อหลบภัย พระผู้อภิบาล ของพวกเจ้าจะทรงแผ่ความเมตตาของพระองค์แก่พวกท่านและจะทรง จัดระเบียบการงานอย่างดีที่สุดให้แก่พวกเจ้า” 17 เจ้าจะเห็นว่าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น มันจะเคลื่อนจากถ้ำ�ไปยังด้านหนึ่ง และคล้อยไปทางขวา และเมื่อมันตก มันจะลับไปจากพวกเขาและเคลื่อน ไปทางซ้ายในขณะที่พวกเขานอนอยู่ที่ลานกว้างภายในถ้�ำ นี่คือหนึ่งใน บรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้า ใครที่พระเจ้าทรงนำ�ทาง เขาก็อยู่ ในหนทางที่ถูกต้อง และใครที่พระเจ้าทรงปล่อยให้หลง เขาจะไม่พบผู้ ช่วยเหลือหรือผู้นำ�ทาง 18 ถ้าหากเจ้าเห็นพวกเขา เจ้าจะคิดว่าพวกเขาตื่นทั้งๆที่ความจริง แล้วพวกเขาหลับ เราได้พลิกพวกเขามาทางด้านขวาและซ้ายและสุนัข ของพวกเขายังคงนั่งยืดสองขาหน้าเฝ้าอยู่ที่ปากถ้�ำ ถ้าหากเจ้ามองลงมา และเห็นพวกเขา เจ้าจะหันหลังหนีเพราะความตกใจกลัว

294

��������

ในช่วงเวลาหนึ่ง เราได้ท�ำ ให้พวกเขาลุกขึ้น ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะ ได้ถามกันและกัน คนหนึ่งในพวกเขาถามว่า “พวกเจ้าอยู่ในสภาพเช่น นี้มานานเท่าใดแล้ว” พวกเขาตอบว่า “เราอยู่ในนี้มาหนึ่งวันหรือเพียง ส่วนหนึ่งของวัน” แต่อีกคนหนึ่งว่า “พระผู้อภิบาลทรงรู้ดีที่สุดว่าเราอยู่ ในสภาพนี้มานานเท่าใด ดังนั้น ให้เราส่งใครคนหนึ่งในหมู่พวกเราพร้อม กับเหรียญเงินไปยังเมืองและให้เขาดูสถานที่ที่เขาสามารถหาอาหารที่ สะอาดที่สุดเพื่อนำ�อะไรบางอย่างมากิน อย่างไรก็ตาม เขาต้องระวังมิให้ ใครรู้ว่าเราอยู่ที่ใด 20 เพราะถ้าพวกเขารู้ว่าเราเป็นใคร พวกเขาจะเอาหิน ขว้างพวกเราจนตายหรือบังคับเราให้กลับไปนับถือศาสนาของพวกเขา อย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจะไม่ประสบความสำ�เร็จที่แท้จริง ตลอดกาล” 21 โดยวิธีนี้เองที่เราได้เปิดเผยความลับของพวกเขาให้แก่ชาวเมือง เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าสัญญาณของพระเจ้านั้นเป็นความจริงและจะได้ ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องยามอวสาน(วันแห่งการพิพากษา) แต่ผู้คนกลับถก เถียงกันเองเกี่ยวกับพวกเขาที่เป็นชาวถ้�ำ พวกเขาบางคนกล่าวว่า “จง สร้างอนุสรณ์สถานไว้เหนือพวกเขา เพราะพระผู้อภิบาลของพวกเขา เท่านั้นที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับพวกเขา” แต่บรรดาคนที่มีอ�ำ นาจในกิจการของ ผู้คนกล่าวว่า “เราจะสร้างสถานที่แห่งการเคารพสักการะขึ้นมาบนพวก เขา” 22 บางคนกล่าวว่า “พวกเขามีสามคนและที่สี่คือสุนัขของพวกเขา” บางคนกล่าวว่า “พวกเขามีห้าคนและที่หกคือสุนัขของพวกเขา” นี่เป็น เพียงการเดาส่งเดช ยังมีบางคนกล่าวว่า “พวกเขามีเจ็ดคนและที่แปด คือสุนัขของพวกเขา” จงกล่าวเถิด “พระผู้อภิบาลของฉันเท่านั้นที่ทรงรู้ ดีที่สุดว่าพวกเขามีจ�ำ นวนเท่าใด” มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จ�ำ นวนที่ถูกต้อง ดัง นั้น เจ้าจงอย่าเข้าไปถกเถียงกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้นอกจากเรื่องที่ เห็นได้ และจงอย่าถามผู้ใดเกี่ยวกับพวกเขา 23 จงอย่ากล่าวเกี่ยวกับเรื่อง 19

อัล-กะฮฺฟ

295

ใดว่า “ฉันจะทำ�สิ่งนี้ในวันพรุ่งนี้” 24 โดยไม่กล่าวว่า “หากพระเจ้าทรง ประสงค์” ถ้าหากเจ้ากล่าวสิ่งใดออกไปโดยพลั้งเผลอ เจ้าจงนึกถึงพระผู้ อภิบาลของเจ้าทันทีและกล่าวว่า “ฉันหวังว่าพระผู้อภิบาลของฉันจะทรง นำ�ทางฉันในเรื่องนี้ด้วยสิ่งที่ใกล้กับหนทางที่เที่ยงตรงที่สุดสำ�หรับฉัน” 25 (มีบางคนกล่าวว่า) “พวกเขาอยู่ในถ้ำ�มาเป็นเวลาสามร้อยปี” และ บางคนก็เพิ่มเข้าไปอีกเก้าปี 26 โอ้นบี จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พระเจ้า ทรงรู้ดีที่สุดว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นนานเท่าใด เพราะพระองค์ทรงรู้ดีถึงทุก สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน” พระองค์เป็นผู้ทรงเห็น และทรงได้ยินทุกสิ่ง ไม่มีผู้คุ้มครองอื่นใดสำ�หรับสิ่งทั้งหลายในชั้นฟ้าและ แผ่นดิน และพระองค์มิได้ทรงให้ผู้ใดเข้ามามีส่วนกับพระองค์ในอำ�นาจ ของพระองค์ 27 (โอ้นบี) จงประกาศสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากคัมภีร์ของพระ ผู้อภิบาลของเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดที่จะเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ�ของพระองค์ เจ้าจะไม่พบที่ใดที่คุ้มครองเจ้าจากพระองค์ได้ 28 จงทำ�ให้ตัวเจ้าเองมี ความขันติร่วมกับบรรดาผู้ที่วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาทั้งยาม เช้าและยามเย็นเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์ และจงอย่า หันสายตาของเจ้าออกไปจากพวกเขาโดยปรารถนาสิ่งน่าสนใจของชีวิต ทางโลก จงอย่าเชื่อฟังผู้ที่เราได้ท�ำ ให้หัวใจของเขาเมินเฉยจากการะลึก ถึงเราและผู้ที่ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำ�ของเขาและมีความประพฤติสุดโต่ใน การงานของเขา 29 จงประกาศเถิดว่า “นี่คือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น ใครที่ประสงค์ก็ศรัทธาได้ และผู้ใดประสงค์ก็ปฏิเสธได้” สำ�หรับผู้ ทำ�ความผิดนั้น เราได้เตรียมไฟนรกที่เปลวของมันจะล้อมรอบพวกเขา เหมือนหลังคาโค้งไว้แล้ว ถ้าพวกเขาร้องขอน้�ำ พวกเขาจะได้รับน้ำ�ที่ เหมือนกับตะกั่วหลอมละลายที่เราเทราดลงบนใบหน้าของพวกเขา ช่าง เป็นเครื่องดื่มที่ชั่วช้าและที่พำ�นักอันเลวร้ายเสียนี่กระไร

296

��������

ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้น เราจะไม่ทำ�ให้รางวัล สำ�หรับผู้ท�ำ ความดีต้องสูญเปล่า 31 พวกเขาจะได้พำ�นักอยู่ในสวนสวรรค์ อันเขียวชอุ่มตลอดกาลซึ่งที่เท้าของพวกเขามีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้สวมกำ�ไลทองและสวมอาภรณ์ไหมสีเขียวทอยกดอกงาม วิจิตรและนอนเอกเขนกบนที่นั่งคล้ายบัลลังก์สูง ช่างเป็นผลตอบแทนอัน ประเสริฐยิ่งและเป็นที่พำ�นักที่แสนดีเสียนี่กระไร 32 (โอ้มุฮัมมัด) จงยกการเปรียบเทียบเรื่องชายสองคนให้พวกเขา ฟัง คนหนึ่งเราได้ให้สวนองุ่นสองแห่งแก่เขาโดยมีต้นอินทผลัมล้อมรอบ และระหว่างสวนองุ่นทั้งสองนั้นเราได้ให้ที่ดินผืนหนึ่งไว้สำ�หรับเพาะปลูก 33 สวนองุ่นทั้งสองนี้ให้ผลอย่างอุดมสมบูรณ์และไม่เคยขาด และเรายัง ให้มีลำ�ธารไหลผ่านกลางสวนทั้งสองนั้นด้วย 34 ดังนั้น เขาจึงได้ผลผลิต มากมาย แต่กระนั้นก็ตาม เมื่อเขาสนทนากับเพื่อนบ้านของเขา เขากล่าว ว่า “ฉันมีทรัพย์สินมากกว่าท่านและมีคนรับใช้ที่แข็งแรงกว่า” 35 ด้วย ความไม่เป็นธรรมต่อตัวเขาเอง เขาได้เข้าไปในสวนของเขาและกล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าความมั่งคั่งของฉันนี้จะสูญสิ้นไป 36 ฉันไม่เชื่อว่าโมงยาม แห่งการฟื้นคืนชีพจะมีขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าหากฉันถูกนำ�กลับไปยังพระ ผู้อภิบาลของฉัน ฉันจะได้รับสถานที่ที่ดีกว่านี้แน่นอน” 37 เพื่อนบ้านของเขาได้ต�ำ หนิเขาระหว่างการสนทนาโดยกล่าวว่า “อะไรกันนี่ ท่านปฏิเสธผู้ทรงสร้างท่านขึ้นมาจากดิน แล้วจากอสุจิ ทรง ทำ�ให้ท่านเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างสมบูรณ์กระนั้นหรือ? 38 แต่ส�ำ หรับฉัน แล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของฉัน และฉันไม่ตั้งผู้ใด เป็นภาคีร่วมกับพระองค์ 39 เมื่อท่านเข้าไปในสวนของท่าน ทำ�ไมท่านไม่ กล่าวว่า “อะไรที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากพระองค์ทรงประสงค์ ไม่มีพลังอำ�นาจ อื่นใดนอกไปจากอำ�นาจของพระเจ้า” ถ้าหากท่านเห็นว่าฉันด้อยกว่า ท่านในทรัพย์สินและลูกๆ 40 บางที พระผู้อภิบาลของฉันอาจจะประทาน สวนที่ดีกว่าสวนของท่านแก่ฉัน และอาจส่งฟ้าผ่าลงมาบนสวนของท่าน 30

อัล-กะฮฺฟ

297

จนกลายเป็นทุ่งโล่งเตียนก็ได้ 41 หรือน้ำ�ในสวนนั้นอาจแห้งเหือดลงไปใน แผ่นดินและท่านไม่สามารถหามันมาได้อีก” 42 ในที่สุด พืชผลของเขาทั้งหมดได้ถูกทำ�ลาย เมื่อเขาเห็นร้านปลูก องุ่นพังลงมา เขาก็บีบมือทั้งสองของเขาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย สิ่งที่เขาได้ทุ่มเทไปและกล่าวว่า “ฉันไม่คิดที่จะตั้งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระ ผู้อภิบาลของฉันเลย” 43 เขาไร้คนมาช่วยเหลือเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้ และเขาไม่สามารถป้องกันตนเองได้ 44 ดังนั้น เขาจึงตระหนักได้ว่าการ ช่วยเหลือทั้งหมดนั้นมาจากพระเจ้าผู้ทรงสัจจะ พระองค์ทรงเป็นเลิศ ที่สุดในการตอบแทนและทรงเป็นเลิศที่สุดในเรื่องผลสุดท้ายที่จะตามมา 45 (โอ้นบี) จงยกตัวอย่างให้พวกเขาได้นึกถึงความจริงแห่งชีวิตโลก นี้ว่ามันเปรียบเหมือนกับพืชพรรณของโลกที่งอกเงยขึ้นมาอย่างอุดม สมบูรณ์เมื่อเราส่งน้�ำ ฝนลงมาจากท้องฟ้า แต่หลังจากนั้น มันก็กลับกลาย เป็นเศษพืชแห้งกรังที่ถูกลมพัดปลิวว่อน พระเจ้าทรงมีอานุภาพเหนือทุก สิ่ง 46 ทำ�นองเดียวกัน ทรัพย์สินและลูกๆก็คือเครื่องประดับชั่วคราวแห่ง โลกนี้เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว การกระทำ�ความดีอย่างจีรังนั้นเป็นสิ่งที่ดี ที่สุดในสายตาของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าในบั้นปลาย และเป็นความหวัง ที่ดีกว่า 47 วันที่เราจะทำ�ให้ภูเขาทั้งหลายต้องเคลื่อนย้าย สูเจ้าจะได้เห็นแผ่น ดินนี้ว่างเปล่า และเราจะรวมมนุษย์ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันโดยไม่เหลือใคร ไว้ข้างหลังเลย 48 พวกเขาจะถูกนำ�มาปรากฏต่อหน้าพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าเป็นแถวและพระองค์จะกล่าวกับพวกเขาว่า “ ตอนนี้ สูเจ้าได้กลับ มายังเราเหมือนกับที่เราได้สร้างสูเจ้าเป็นครั้งแรก แต่สูเจ้าคิดเอาเองว่า เราไม่ได้กำ�หนดไว้สำ�หรับการทำ�ตามสัญญาที่มีต่อสูเจ้า” 49 แล้วบันทึก(การกระทำ�)จะถูกนำ�มาวางไว้ต่อหน้าพวกเขา ในตอน นั้น สูเจ้าจะเห็นว่าคนทำ�ผิดทั้งหลายจะกลัวสิ่งที่อยู่ในบันทึกนั้น พวก เขาจะกล่าวว่า “บรรลัยแน่แล้วเรา นี่มันบันทึกอะไรกันนี่ ไม่มีการกระทำ�

298

��������

อะไรของเราที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้เลยไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ โต” พวกเขาจะได้เห็นทุกสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ต่อหน้าพวกเขาและพระผู้ อภิบาลของสูเจ้าไม่ทรงอธรรมต่อผู้ใดแม้แต่น้อยนิด 50 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้กล่าวแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า “จงก้มกราบ ต่ออาดัม” พวกเขาได้ก้มกราบ ยกเว้นอิบลีส(ซาตาน) มันเป็นหนึ่งในหมู่ ญิน มันฝ่าฝืนคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลของมัน แล้วสูเจ้าจะเอามันและ ลูกหลานของมันมาเป็นผู้คุ้มครองแทนฉันกระนั้นหรือทั้งๆที่มันเป็นศัตรู ของสูเจ้า? นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ชั่วร้ายเหลือเกินสำ�หรับผู้ทำ�ความผิด 51 ฉันมิได้เรียกพวกมันให้มาเป็นพยานในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และในการสร้างตัวตนของพวกมัน ฉันไม่เอาบรรดาผู้ทำ�ให้ คนอื่นหลงทางมาเป็นผู้ช่วยเหลือ 52 ในวันนั้น พระองค์จะกล่าวกับพวกเขาว่า “จงเรียกบรรดาที่สูเจ้าคิด ว่าเป็นภาคีกับฉันมาให้หมด” และพวกเขาจะร้องเรียกพวกมัน แต่พวก มันจะไม่ตอบรับและไม่มาช่วยเหลือพวกเขา และเราจะวางที่ขวางกั้น (ความเป็นศัตรู)ระหว่างพวกเขา 53 ผู้ทำ�ความผิดทั้งหมดจะเห็นไฟในวัน นั้นและรู้ว่าพวกเขาจะตกลงไปในนั้น แต่พวกเขาไม่พบทางใดที่จะหนีไป ได้ 54 เราได้อธิบายทุกอย่างในกุรอานนี้เพื่อเป็นประโยชน์สำ�หรับมนุษย์ แต่โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ชอบที่จะโต้เถียงกันในเรื่องต่างๆมากมาย 55 ไม่มีอะไรที่ขัดขวางพวกเขามิให้ศรัทธาในเมื่อพวกเขาได้รับทางนำ� และขัดขวางพวกเขาจากการขออภัยโทษต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา นอกไปจากความจริงที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชาติก่อนๆจะเกิดขึ้นกับ พวกเขา หรือไม่พวกเขาต้องได้เห็นการลงโทษมาปรากฏต่อหน้าพวก เขา 56 เรามิได้ส่งบรรดาศาสนทูตมาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นผู้แจ้ง ข่าวดีและเป็นผู้ให้คำ�เตือน แต่บรรดาผู้ปฏิเสธกลับใช้ความเท็จโต้แย้ง

อัล-กะฮฺฟ

299

เพื่อทำ�ลายสัจธรรม พวกเขาถือเอาสิ่งที่ฉันประทานมาและการเตือน ของฉันเป็นที่ล้อเล่น 57 ใครเล่าที่จะชั่วร้ายยิ่งกว่าผู้ถูกเตือนถึงสิ่งที่พระผู้ อภิบาลของเขาประทานมา แต่เขาหันห่างออกจากมันและลืมสิ่งที่มือของ เขาได้ทำ�ไว้? สำ�หรับคนเหล่านั้น เราได้ปิดบังหัวใจของพวกเขาไว้ด้วย สิ่งที่จะทำ�ให้พวกเขาไม่เข้าใจวจนะของเราและทำ�ให้พวกเขาลำ�บากใน การได้ยิน ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจะไม่มีวันอยู่ในทางนำ�ที่ถูกต้องไม่ว่า เจ้าจะเรียกร้องเชิญชวนพวกเขามาสู่ทางนำ�อย่างไรก็ตาม 58 พระผู้อภิบาลของเจ้าคือผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตายิ่ง หาก พระองค์ทรงประสงค์จะลงโทษพวกเขาสำ�หรับความผิดที่พวกเขาได้ทำ� ไว้ พระองค์อาจจะส่งการลงโทษมายังพวกเขาได้ทันที แต่พวกเขามีเวลา ที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ และพ้นจากเวลานั้นไป พวกเขาจะไม่พบทางหนีไป จากมันได้เลย 59 เราได้ท�ำ ลายหมู่ชนเหล่านี้เมื่อพวกเขายังคงทำ�ผิดและ เราได้กำ�หนดเวลาสำ�หรับการทำ�ลายพวกเขาไว้แล้ว 60 (จงนึกถึง)เมื่อมูซากล่าวแก่คนรับใช้ของเขาว่า “ฉันจะไม่ยุติการ เดินทางจนกว่าจะถึงบริเวณที่สองทะเลมาบรรจบกัน ถึงแม้ฉันจะต้อง ใช้เวลาหลายปี” 61 และเมื่อทั้งสองมาถึงบริเวณที่สองทะเลบรรจบกัน ปรากฏว่าพวกเขาลืมปลาไว้ มันจึงได้มุดหนีไปยังทะเลอย่างว่องไว 62 เมื่อทั้งสองเดินต่อไป มูซาได้กล่าวแก่คนติดตามเขาว่า “ไปเอาอาหาร เช้ามา เราเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้วจากการเดินทาง” 63 คนติดตามรับใช้กล่าวว่า “ท่านเห็นไหมว่าในตอนที่เราแวะพักข้าง ก้อนหินนั้น ฉันได้ลืมปลาเอาไว้ และซาตานได้ท�ำ ให้ฉันลืมบอกเรื่องนี้ แก่ท่าน ปลาตัวนั้นได้กระโดดหนีลงทะเลไปอย่างน่าอัศจรรย์” 64 มูซาจึง ตอบว่า “นั่นแหละที่เรากำ�ลังตามหา” ดังนั้น ทั้งสองจึงได้เดินย้อนรอย เท้ากลับไปยังที่เดิม 65 ที่นั่น พวกเขาได้พบบ่าวคนหนึ่งของเราซึ่งเราได้ ประทานความโปรดปรานและสอนความรู้พิเศษแก่เขา 66 มูซาได้กล่าวแก่เขาว่า “ให้ฉันติดตามท่านไปได้ไหม ทั้งนี้เพื่อที่ท่าน

300

��������

จะได้สอนความรู้ที่ท่านได้ถูกสอนมาแก่ฉันบ้าง?” 67 เขาตอบว่า “ท่านไม่ สามารถอดทนร่วมกับฉันได้ 68 และท่านจะมีความอดทนในเรื่องที่ท่าน ไม่มีความรู้ได้อย่างไร” 69 มูซาได้กล่าวว่า “หากพระเจ้าทรงประสงค์ ท่าน จะเห็นว่าฉันเป็นคนอดทนและฉันจะไม่ฝ่าฝืนท่านในเรื่องใดๆ” 70 เขา กล่าวว่า “เอาละ ถ้าหากท่านต้องการจะติดตามฉันไปละก็ ท่านจงอย่า ถามฉันในเรื่องใดจนกว่าฉันจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาเอง” 71 ดังนั้น ทั้งสองจึงได้ออกเดินทางไปจนกระทั่งเขาทั้งสองได้ขึ้นเรือ ลำ�หนึ่ง และคนผู้นั้นได้เจาะรูล�ำ เรือ มูซาจึงร้องออกมาว่า “อะไรกันนี่ ท่านเจาะรูในลำ�เรือเพื่อจะทำ�ให้คนโดยสารจมน้�ำ กระนั้นหรือ? ทำ�อย่างนี้ ก็มีแต่จะพบเรื่องน่าเศร้าเป็นแน่” 72 เขาผู้นั้นกล่าวว่า “ฉันมิได้บอกท่าน หรือว่าท่านไม่สามารถที่จะอดทนร่วมกับฉันได้?” 73 มูซาได้ตอบว่า “จง อย่าตำ�หนิฉันในสิ่งที่ฉันลืมเลย และขอจงอย่าถือสาในสิ่งที่ฉันได้ทำ�ไป” 74 หลังจากนั้น เขาทั้งสองได้ออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งเขาทั้งสองพบ เด็กชายคนหนึ่งและคนผู้นั้นได้ฆ่าเด็กคนนั้น มูซาจึงได้ร้องออกมาว่า “ท่านฆ่าคนบริสุทธิ์โดยเขาไม่ได้ฆ่าผู้ใดกระนั้นหรือ? นี่เป็นความโหด ร้ายแท้ๆที่ท่านได้ท�ำ ไป” 75 ชายคนนั้นกล่าวว่า “ฉันไม่ได้บอกท่านหรือว่าท่านไม่สามารถ อดทนร่วมกับฉันได้?” 76 มูซาจึงกล่าวว่า “หลังจากนี้ ถ้าหากฉันถาม สิ่งใดจากท่าน จงอย่าเอาฉันร่วมทางไปกับท่านเลย ฉันแก้ตัวกับท่าน มามากพอแล้ว” 77 แล้วเขาทั้งสองได้ออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งมาถึง ชุมชนแห่งหนึ่ง เขาทั้งสองจึงได้ขออาหารจากคนแถวนั้น แต่ผู้คนปฏิเสธ ที่จะต้อนรับ ที่นั่น เขาทั้งสองได้เห็นกำ�แพงแห่งหนึ่งกำ�ลังจะพังลงมา คนผู้นั้นจึงทำ�ให้มันตั้งตรงอีก มูซาจึงกล่าวว่า “หากท่านต้องการ ท่านก็ สามารถเรียกร้องค่าแรงตอบแทนได้” 78 เขากล่าวว่า “เอาละ ทีนี้ เราต้อง แยกจากกันแล้ว ตอนนี้ ฉันจะบอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านไม่อาจทนได้ 79 เกี่ยวกับเรื่องเรือนั้น มันเป็นของคนยากจนที่ทำ�งานอยู่ในแม่น้ำ�

อัล-กะฮฺฟ

301

ใหญ่ ฉันจงใจทำ�ลายมันเพราะข้างหน้าพวกเขานั้นเป็นเขตของกษัตริย์ คนหนึ่งซึ่งจะใช้อำ�นาจยึดเรือทุกลำ� 80 ส่วนเรื่องเด็กนั้น พ่อแม่ของเขาเป็นผู้ศรัทธาและเรากลัวว่าเขาจะ ทำ�ให้พ่อแม่ของเขาต้องฝ่าฝืนขอบเขตและปฏิเสธความศรัทธา 81 ดังนั้น เราต้องการให้พระผู้อภิบาลของเขาทั้งสองได้ประทานลูกอีกคนหนึ่งซึ่ง บริสุทธิ์และเป็นที่เมตตาแก่เขาแทนลูกคนเก่า 82 เกี่ยวกับเรื่องกำ�แพงนั้น มันเป็นของเด็กกำ�พร้าสองคนที่พักอาศัย อยู่ในเมืองนี้ สมบัติของเด็กทั้งสองฝังอยู่ใต้ก�ำ แพงนี้ เนื่องจากพ่อของ เขาทั้งสองเป็นคนดี พระผู้อภิบาลของท่านทรงปรารถนาว่าเมื่อเด็กชาย ทั้งสองนี้เติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาทั้งสองจะมาขุดเอาทรัพย์สมบัติของ พวกเขาออกมา ทั้งหมดนี้เป็นความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของท่าน ฉันมิได้ท�ำ สิ่งใดตามอำ�เภอใจของฉัน นั่นคือความหมายของสิ่งที่ท่านไม่ สามารถอดทนได้” 83 (มุฮัมมัด) พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับซุลกอรฺนัยน์ จงบอกพวกเขาว่า “ฉันจะเล่าเรื่องราวของเขาให้พวกท่านฟัง” 84 เราได้สถาปนาอำ�นาจให้ แก่เขาบนหน้าแผ่นดินและได้ประทานปัจจัยทุกอย่างแก่เขา 85 ในตอนแรก เขาได้ออกเดินทางไปตามเส้นทางสายหนึ่ง 86 จน กระทั่งเขาได้มาถึงขอบเขตที่ดวงอาทิตย์ตกและพบว่ามันตกลงในน้ำ�สี ดำ� ที่นั่น เขาได้พบคนหมู่หนึ่ง เราได้กล่าวแก่เขาว่า “โอ้ซุลกอรฺนัยน์ เจ้า มีอำ�นาจที่จะลงโทษพวกเขาและสามารถที่จะทำ�คุณต่อพวกเขาได้เช่น กัน” 87 เขากล่าวว่า “เราจะลงโทษใครก็ตามที่สร้างความอธรรม แล้วผู้นั้น จะถูกนำ�กลับไปยังพระผู้อภิบาลของเขาและพระองค์จะทรงลงโทษเขา อย่างรุนแรง 88 แต่ใครที่ศรัทธาและกระทำ�ความดีจะได้รับการตอบแทน ที่ดีสำ�หรับเขาและเราจะกำ�หนดงานง่ายๆให้แก่เขา” 89 หลังจากนั้น เขาได้ออกเดินทางไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง 90 จนกระทั่ง เขามาถึงขอบเขตที่ดวงอาทิตย์ขึ้นที่นั่น เขาได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือ

302

��������

ผู้คนหมู่หนึ่งที่เรามิได้ให้ที่กำ�บังใดๆจากแสงแดดแก่พวกเขา 91 นี่เป็น สภาพของพวกเขา และเรารู้ดีถึงเขา 92 หลังจากนั้น เขาได้มุ่งหน้าไปอีกเส้นทางหนึ่ง 93 จนกระทั่งเขามา ถึงระหว่างภูเขาที่เขาพบว่าผู้คนแทบจะไม่เข้าใจคำ�พูดใดๆ 94 พวกเขา ได้กล่าวว่า “โอ้ซุลกอรฺนัยน์ ยะญูจญ์(ก๊อก)และมะญูจญ์(มาก๊อก)ได้แพร่ ความเสียหายไปทั่วแผ่นดิน ดังนั้น เราขอถวายบรรณาการแก่ท่านเพื่อที่ ท่านจะได้สร้างกำ�แพงกั้นระหว่างเรากับพวกเขาได้ไหม?” 95 เขาตอบว่า “สิ่งที่พระผู้อภิบาลของฉันได้ประทานแก่ฉันนั้นดีกว่า (บรรณาการใดๆ) ดังนั้น พวกท่านจงช่วยฉันด้วยกำ�ลังและฉันจะสร้าง กำ�แพงกั้นระหว่างพวกท่านกับพวกเขา 96 จงเอาแผ่นเหล็กมาให้ฉัน” เมื่อเขาปิดช่องระหว่างภูเขาทั้งสองลูกแล้ว เขาได้กล่าวแก่ผู้คนว่า “ทีนี้ จงเป่าไฟด้วยเครื่องบีบลม” พวกเขาจึงได้ท�ำ ตามนั้นจนกระทั่งกำ�แพง เหล็กร้อนแดง เขาจึงกล่าวว่า “ไปเอาทองแดงหลอมมาเพื่อฉันจะได้เทลง ไปบนนั้น” 97 นี่คือกำ�แพงที่ยะญูจญ์และมะญูจญ์ไม่สามารถข้ามมาและ ไม่สามารถขุดลอดมาได้ 98 ซุลกอรฺนัยน์กล่าวว่า “นี่คือความเมตตาจาก พระผู้อภิบาลของฉัน แต่เมื่อถึงเวลาแห่งสัญญาของพระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์จะทรงทำ�ลายมันเป็นจุล และสัญญาของพระผู้อภิบาลของฉัน เป็นจริงเสมอ” 99 ในวันนั้น เราจะปล่อยให้ผู้คนส่วนหนึ่งเข้ามาปะทะกับอีกส่วนหนึ่ง อย่างโกลาหล และแตรจะถูกเป่า และเราจะรวมมนุษยชาติทั้งหมดเข้าไว้ ด้วยกัน 100 ในวันนั้น นรกจะถูกนำ�มาอยู่ต่อหน้าบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 101 ที่ดวงตามืดบอดต่อคำ�ตักเตือนของฉันและหูหนวกต่อการเตือนของ ฉัน 102 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมคิดหรือว่าพวกเขาจะเอาบ่าวของฉันเป็น ผู้ช่วยเหลือนอกไปจากฉัน? แท้จริง เราได้เตรียมนรกไว้ส�ำ หรับต้อนรับ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมแล้ว

อัล-กะฮฺฟ

303

จงบอกพวกเขาว่า “จะให้ฉันบอกพวกท่านไหมว่าใครคือผู้ขาดทุน มากที่สุดเกี่ยวกับการงานของพวกเขา? 104 พวกเขาคือบรรดาผู้ที่ความ พยายามของเขาทั้งหมดในชีวิตแห่งโลกนี้สูญเปล่า แต่พวกเขาหลงผิด คิดว่าทุกสิ่งที่พวกเขาทำ�นั้นถูกต้อง 105 คนเหล่านี้คือบรรดาผู้ปฏิเสธ สั ญ ญาณทั้ ง หลายของพระผู้ อ ภิ บ าลของพวกเขาและไม่ เ ชื่ อ ว่ า พวก เขาจะกลับไปหาพระองค์” ดังนั้น การงานของพวกเขาทั้งหมดจึงสูญ เปล่าเพราะเราจะไม่ให้น้ำ�หนักใดๆแก่พวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ 106 การตอบแทนของพวกเขาคือนรกสำ�หรับการที่พวกเขาปฏิเสธ สัจธรรมและสำ�หรับการที่พวกเขาถือเอาสัญญาณของฉันและบรรดา ศาสนทูตของฉันเป็นที่ล้อเล่น 107 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้นจะได้รับสวนสวรรค์เป็น ที่พำ�นัก 108 พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในสวนสวรรค์นั้นตลอดกาลและพวกเขา ไม่ปรารถนาที่จะออกจากที่นั่นไปไหน 109 จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากจะให้น�้ำ ทะเลกลายเป็นน้�ำ หมึก เพื่อบันทึกวจนะของพระผู้อภิบาลของฉันแล้ว ทะเลจะเหือดแห้งก่อนที่ วจนะของพระผู้อภิบาลของฉันจะหมดสิ้นถึงแม้เราจะเอาอีกทะเลหนึ่งมา เพิ่มก็ตาม” 110 (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ฉันเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เหมือนพวกท่าน เพียงแต่ฉันได้รับการเปิดเผยความจริงว่าพระเจ้าของ พวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น ผู้ใดที่หวังจะพบพระผู้อภิบาลของ เขาก็จงกระทำ�การงานที่ดีและจงอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพสักกา ระร่วมกับพระองค์” 103

304

19. มารีย์

19. มารีย์

มัรฺยัม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 กาฟ ฮา ยา อีน ศอด 2 นี่คือเรื่องราวแห่งความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเจ้าที่มีต่อซะกะรี ยาบ่าวของพระองค์ 3 เมื่อเขาวิงวอนพระผู้อภิบาลของเขาด้วยเสียงที่ แผ่วเบา 4 เขาวิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาล กระดูกของฉันผุแล้วและศีรษะ ของฉันก็ขาวโพลนด้วยอายุขัย โอ้พระผู้อภิบาล ฉันมิเคยผิดหวังในคำ� วิงวอนของฉันต่อพระองค์เลย 5 แต่ตอนนี้ ฉันหวั่นใจในบรรดาญาติๆ ของฉันเมื่อฉันจากไป(ว่าพวกเขาจะไม่ปฏิบัติภารกิจของฉันต่อไป) และ ภรรยาของฉันก็เป็นหมัน ดังนั้น ขอพระองค์ทรงประทานทายาทแก่ฉัน สักคนหนึ่ง 6 ที่จะมาเป็นทายาทของฉันและเป็นลูกหลานของยะกู๊บ ข้า แต่พระผู้ภิบาล โปรดทำ�ให้เขาเป็นที่ยอมรับของพระองค์ด้วยเถิด” 7 “โอ้ซะกะรียา เราจะบอกข่าวดีแก่เจ้าถึงลูกชายคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า ยะฮฺยา(ยอห์น) เราไม่เคยให้ชื่อนี้แก่ใครมาก่อน” 8 เขากล่าวว่า “โอ้ พระ ผู้อภิบาลของฉัน ฉันจะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อภรรยาของฉันเป็นหมันและ ฉันก็แก่หง่อมถึงปานนี้แล้ว?” 9 ผู้แจ้งข่าวกล่าวว่า “กระนั้นก็เถิด พระผู้อภิบาลของเจ้ากล่าวว่า ‘นี่ เป็นเรื่องง่ายสำ�หรับฉันเหมือนกับที่ฉันได้สร้างเจ้ามาก่อนหน้านี้เมื่อเจ้า ยังไม่ได้เป็นสิ่งใดเลย’” 10 ซะกะรียากล่าวว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดให้สัญญาณแก่ฉันด้วยเถิด” พระองค์ทรงกล่าวว่า “สัญญาณของ เจ้าคือเจ้าจะไม่พูดกับผู้คนสามวันสามคืนติดต่อกัน” 11 หลังจากนั้น เขา ได้ออกจากสถานที่ภาวนาไปยังผู้คนของเขาและทำ�สัญญาณบอกใบ้คน เหล่านั้นว่า “จงสดุดีพระเจ้าทั้งยามเช้าและยามค่�ำ ”

305

เราได้กล่าวกับยะฮฺยาว่า ”จงยึดมั่นในคัมภีร์” และในขณะที่เขา ยังเป็นเด็ก เราได้ประทานดุลพินิจในการตัดสินแก่เขา 13 และประทาน ความอ่อนโยน(ของหัวใจ)แก่เขาและความบริสุทธิ์จากเรา และเขาเป็นผู้ ยำ�เกรง 14 และเขาปฏิบัติต่อพ่อแม่ของเขาด้วยดี และเขามิได้เป็นผู้โอหัง หรือผู้ฝ่าฝืน 15 ความสันติได้มีแก่เขาในวันที่เขาถือกำ�เนิดและในวันที่เขา ตายและในวันที่เขาถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง 16 (โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวถึงเรื่องราวของมัรฺยัม(มารีย์)ในคัมภีร์นี้เมื่อ ตอนที่นางได้ปลีกตัวออกจากผู้คนของนางไปทางด้านตะวันออก 17 และ นางได้แขวนม่านเพื่อซ่อนตัวของนางจากพวกเขา เราได้ส่งทูตสวรรค์ ของเราไปยั ง นางและเขาได้ปรากฏตัว ต่อ หน้านางในรูปของมนุษ ย์ที่ สมบูรณ์ 18 นางจึงได้ร้องออกมาว่า “ฉันขอความคุ้มครองต่อพระผู้ทรง กรุณาให้พ้นจากท่าน (อย่าเข้ามาใกล้)ถ้าหากท่านเป็นผู้เกรงกลัว 19 พระเจ้า” เขาตอบว่า “ฉันเป็นแค่เพียงผู้นำ�สาสน์จากพระผู้อภิบาลของ เธอและฉันถูกส่งมาเพื่อให้ลูกชายผู้บริสุทธิ์แก่เธอ” 20 มัรฺยัมกล่าวว่า “ฉัน จะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อไม่มีชายใดเคยแตะต้องฉันและฉันก็ไม่ใช่หญิง สำ�ส่อน?” 21 ทูตสวรรค์ตอบว่า “กระนั้นก็เถิด พระผู้อภิบาลของเธอทรง กล่าวว่า ‘มันเป็นเรื่องง่ายสำ�หรับฉันและเราจะทำ�เพื่อให้เด็กคนนั้นเป็น สัญญาณสำ�หรับผู้คน และเป็นความจำ�เริญจากเรา นี่เป็นสิ่งที่ถูกกำ�หนด ไว้แล้ว’” 22 หลังจากนั้น นางได้ตั้งครรภ์เด็กคนนั้นและนางได้อุ้มครรภ์ไปยัง สถานที่ห่างไกล 23 ความเจ็บครรภ์อย่างรุนแรงทำ�ให้นางต้องไปพักอยู่ที่ ใต้ต้นอินทผลัม นางได้ร้องออกมาว่า “โอย ถ้าฉันตายไปก่อนหน้านี้และ ไม่ต้องมีใครจำ�ฉันได้ก็จะดี” 24 แต่มีเสียงออกมาจากข้างล่างว่า “จงอย่าเสียใจเลย เพราะพระผู้ อภิบาลของเธอได้ทรงจัดตาน้�ำ ที่ไหลไว้ที่เท้าของเธอแล้ว 25 และถ้าเธอ เขย่าลำ�ต้นอินทผลัมนี้ อินทผลัมสุกใหม่ๆจะหล่นลงมาบนตัวของเธอ 12

306

19. มารีย์

จงกินและจงดื่ม และจงทำ�ตัวให้สดชื่น และถ้าหากเธอเห็นใคร ก็จง บอกว่า ‘ฉันได้บนไว้ว่าจะถือศีลอด(งดพูด)เพื่อพระผู้ทรงกรุณา และวันนี้ ฉันจะไม่พูดกับใครเลย’” 27 หลังจากนั้น นางได้อุ้มลูกของนางมายังผู้คน พวกเขากล่าวว่า “โอ มัรฺยัม เธอได้ท�ำ บาปที่ชั่วช้าเหลือเกิน 28 น้องสาวของฮารูนเอ๋ย พ่อของ เธอมิได้เป็นคนชั่วและแม่ของเธอก็มิได้เป็นหญิงสำ�ส่อน” 29 นางจึงได้ชี้ไปยังทารก(เพื่อเป็นการตอบ) ผู้คนจึงกล่าวว่า “เราจะ พูดกับเด็กที่อยู่ในเปลได้อย่างไร?” 30 แต่เด็กคนนั้นได้พูดออกมาว่า “ฉัน เป็นบ่าวของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ฉันและทรงแต่งตั้ง ฉันให้เป็นนบี 31 พระองค์ได้ทรงทำ�ให้ฉันเป็นที่ได้รับความจำ�เริญไม่ว่า ฉันจะอยู่ที่ใด พระองค์ทรงสั่งฉันให้นมาซและจ่ายซะกาตตราบใดที่ฉัน ยังมีชีวิต 32 และได้ทรงให้ฉันรับใช้แม่ของฉันและมิได้ทรงทำ�ให้ฉันเป็นผู้ ก้าวร้าวและจิตใจแข็งกระด้าง 33 สันติได้มีแก่ฉันในวันที่ฉันเกิดและสันติ จะมีแก่ฉันในวันที่ฉันตายและวันที่ฉันถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง หนึ่ง” 34 นั่นคืออีซาบุตรของมัรฺยัม นี่คือความจริงที่พวกเขายังคงถกเถียง กัน 35 มันไม่ใช่เรื่องของพระเจ้าที่จะทรงมีบุตร พระองค์ทรงบริสุทธิ์จาก เรื่องนี้ เมื่อพระองค์ทรงกำ�หนดสิ่งใด พระองค์เพียงแต่ทรงกล่าวว่า “จง เป็น” แล้วมันก็เป็นขึ้นมา 36 (อีซาได้ประกาศว่า) พระเจ้าทรงเป็นพระผู้อภิบาลของฉันและพระ ผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ นี่คือหนทางที่ เที่ยงตรง 37 แต่กระนั้นก็ตาม หลายพวกได้เริ่มมีความขัดแย้งกันในหมู่ พวกเขา ช่างน่ากลัวเหลือเกินสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเมื่อวันอัน น่าสะพรึงกลัวมาถึง 38 ในวันนั้น เมื่อพวกเขามาปรากฏต่อหน้าเรา หูของ พวกเขาจะได้ยินและตาของพวกเขาจะเห็นอย่างชัดเจน แต่ว่าในวันนี้ บรรดาผู้ท�ำ ความผิดเหล่านี้ได้ตกอยู่ในการหลงทางอย่างชัดเจน 26

มัรฺยัม

307

39 (โอ้มุฮัมมัด) จงตักเตือนพวกเขาถึงวันอันน่าสะพรึงกลัว(ที่จะมาถีง) เมื่อทุกสิ่งจะถูกตัดสินในขณะที่พวกเขาไม่ใส่ใจและไม่เชื่อ 40 ในที่สุดแล้ว

เราเองต่างหากที่จะเป็นผู้ครองแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่บนนั้นต่อ และพวก เขาจะถูกนำ�กลับมายังเรา 41 จงเล่าเรื่องราวของอิบรอฮีมในคัมภีร์นี้ แท้จริงแล้ว เขาเป็นผู้มีสัจจะ วาจาและเป็นนบี 42 เขาได้พูดกับพ่อของเขาว่า “พ่อครับ ทำ�ไมพ่อถึงได้ เคารพสักการะสิ่งที่ไม่ได้ยินและไม่เห็นและไม่สามารถช่วยอะไรพ่อได้? 43 พ่อครับ ฉันได้รับความรู้ที่พ่อไม่ได้รับ ดังนั้น ขอให้พ่อปฏิบัติตามฉัน เถิดครับ และฉันจะนำ�พ่อสู่หนทางที่ถูกต้อง 44 พ่อครับ จงอย่าสักการะ ซาตานเลยเพราะซาตานไม่เชื่อฟังพระผู้ทรงปรานี 45 พ่อครับ ฉันกลัว เหลือเกินว่าพ่อจะได้รับการลงโทษจากพระผู้ทรงปรานีและกลายเป็น สหายของซาตาน” 46 พ่อของเขาตอบว่า “นี่ อิบรอฮีม เจ้าปฏิเสธสิ่งที่ฉันเคารพบูชา กระนั้นหรือ? ถ้าหากเจ้าไม่หยุดยั้งเรื่องนี้ ฉันจะอาหินขว้างเจ้าให้ตาย ไปไกลๆเลย และอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก” 47 อิบรอฮีมกล่าวว่า “ขอ ความสันติจงมีแด่พ่อ ฉันจะวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของฉันให้ทรงอภัย ท่าน เพราะพระองค์ทรงเอ็นดูฉัน 48 ฉันขอหลีกห่างจากพวกท่านและสิ่ง ที่พวกท่านวิงวอนขอแทนพระเจ้า และฉันจะวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ ฉันเท่านั้น ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของฉันจะ ไม่ท�ำ ให้ฉันผิดหวัง” 49 ดังนั้น เมื่อเขาหลีกห่างจากผู้คนเหล่านั้นและจากสิ่งที่พวกเขา เคารพสักการะนอกจากพระเจ้า เราได้ประทานลูกหลานแก่เขาอย่างเช่น อิสฮากและยะกู๊บ และเราได้ทำ�ให้แต่ละคนเป็นนบี 50 และเราได้ประทาน ความเมตตาแก่เขาและทำ�ให้พวกเขาเป็นที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงส่ง 51 จงเล่าเรื่องราวของมูซาในคัมภีร์นี้ เขาเป็นบุคคลที่ถูกคัดเลือกและ เป็นทั้งศาสนทูตและนบี 52 เราได้เรียกเขาจากทางด้านขวาของภูเขาและ

308

19. มารีย์

ได้ให้เกียรติเขาด้วยการสนทนาที่ใกล้ชิดกับเรา 53 และด้วยความเมตตา ของเรา เราได้ทำ�ให้พี่ชายของเขาคือฮารูนเป็นนบี เป็นผู้ช่วยเหลือเขา 54 จงเล่าเรื่องราวของอิสมาอีลในคัมภีร์นี้ เขาเป็นผู้ซื่อตรงต่อสัญญา และเป็นทั้งศาสนทูตและเป็นนบี 55 เขากำ�ชับผู้คนของเขาให้นมาซและ จ่ายซะกาต และเขาเป็นที่โปรดปรานของพระผู้อภิบาลของเขา 56 และจง เล่าเรื่องราวของอิดรีสในคัมภีร์นี้ เขาเป็นคนพูดจริงและเป็นนบี 57 เราได้ ยกย่องเขาให้มีต�ำ แหน่งอันสูงส่ง 58 คนเหล่านี้เป็นผู้ที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปราน พวกเขา มาจากลูกหลานของอาดัมและจากบรรดาผู้ที่เราได้บรรทุกไว้ในเรือร่วม กับนูฮฺ และจากเชื้อสายของอิบรอฮีมและอิสรออีล และจากบรรดาผู้ที่เรา นำ�ทางและคัดเลือก เมื่อใดก็ตามที่มีการอ่านสิ่งที่พระผู้ทรงกรุณาปรานี แก่พวกเขา พวกเขาจะก้มลงกราบและร้องไห้ 59 แต่หลังจากนั้น คนรุ่นต่อมาเป็นผู้ที่ละทิ้งการนมาซและปฏิบัติตาม อารมณ์ฝ่ายต่ำ�ของพวกเขา ดังนั้น ในไม่ช้า พวกเขาจะได้พบกับความ หายนะแน่นอน 60 ยกเว้นบรรดาผู้ปรับปรุงตัวหลังจากสำ�นึกผิดและมี ความศรัทธาและกระทำ�ความดี คนเหล่านี้จะได้เข้าสวรรค์และพวกเขาจะ ไม่ได้รับอยุติธรรมแม้แต่น้อยนิด 61 พวกเขาจะได้สวนสวรรค์อันนิรันดรซึ่งพระผู้ทรงกรุณาปรานีได้ สัญญาไว้แก่บ่าวของพระองค์ในขณะที่พวกเขายังไม่ได้เห็นมัน และ แน่นอน สัญญาของพระองค์จะต้องเป็นจริง 62 ที่นั่น พวกเขาจะไม่ได้ยิน คำ�พูดไร้สาระนอกจากจะได้รับแต่สิ่งดีงามและความสงบ และพวกเขาจะ ได้รับปัจจัยยังชีพประจำ�ทั้งในยามเช้าและยามค่�ำ 63 นั่นคือสวรรค์ที่เรา จะให้เป็นมรดกแก่บ่าวของเราที่เกรงกลัวพระเจ้า 64 (โอ้มุฮัมมัด) เราจะไม่ลงมานอกจากว่าเราจะได้รับบัญชาจากพระ ผู้อภิบาลของเจ้า พระองค์คือเจ้าของทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเราและทุกสิ่งที่ อยู่ข้างหลังเราและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นและพระผู้อภิบาลของเจ้าไม่

มัรฺยัม

309

เคยหลงลืม 65 พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนั้น ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์และรับ ใช้พระองค์อย่างแน่วแน่ เจ้ารู้จักผู้ใดอื่นที่เสมอเหมือนกับพระองค์บ้าง ไหม? 66 มนุษย์ถามว่า “อะไรกัน เมื่อฉันตายไปแล้ว ฉันจะถูกทำ�ให้กลับ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกกระนั้นหรือ?” 67 มนุษย์จ�ำ ไม่ได้หรือว่าเราได้สร้าง เขาขึ้นมาในตอนแรกเมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย? 68 ขอสาบานด้วยพระ ผู้อภิบาลของเจ้า เราจะรวบรวมพวกเขาและพวกซาตานเข้าไว้ด้วยกัน แล้วเราจะให้พวกเขาไปนั่งคุกเข่าอยู่รอบๆนรก 69 หลังจากนั้น จากทุกหมู่คณะ เราจะเลือกคนที่ดื้อรั้นที่สุดต่อพระ ผู้ทรงกรุณาปรานี 70 เรารู้ดีว่าคนไหนในหมู่พวกเขาที่สมควรจะถูกโยน ลงนรกมากที่สุด 71 และไม่มีใครในหมู่สูเจ้าที่จะไม่ถูกนำ�มาปรากฏต่อ หน้าขอบเขตนรก เพราะนี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ซึ่งพระผู้อภิบาลของ เจ้าจะนำ�มาใช้ 72 หลังจากนั้น เราจะช่วยบรรดาผู้ส�ำ รวมตนจากความชั่ว ให้รอดพ้นและจะละทิ้งผู้ละเมิดให้นั่งคุกเข่าอยู่ในนั้น 73 เมื่อสิ่งที่เราประทานมาอย่างชัดเจนถูกอ่านให้พวกเขา บรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมได้กล่าวกับบรรดาผู้ศรัทธาว่า “บอกเราหน่อยซิว่าในสอง ฝ่ายนี้ ฝ่ายไหนจะมีฐานะดีกว่าและมีสังคมที่เหนือกว่า?” 74 กี่ชั่วคนแล้ว ที่เราได้ทำ�ลายไปก่อนหน้าพวกเขา คนที่มีอ�ำ นาจและมั่งคั่งหรูหรากว่า พวกเขา 75 จงบอกพวกเขาว่า “พระผู้ทรงกรุณาปรานีได้ทรงให้ระยะเวลาแก่ บรรดาผู้หลงผิดจนกระทั่งเมื่อคนเหล่านั้นเห็นสิ่งที่พวกเขาได้ถูกเตือน สำ�ทับไว้ นั่นคือการลงโทษของพระเจ้าหรือไม่ก็เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพ แล้วพวกเขาจะรู้เองว่าใครที่เคราะห์ร้ายกว่าและฝ่ายไหนอ่อนแอกว่า 76 พระเจ้าจะทรงเพิ่มทางนำ�แก่ผู้ปฏิบัติตามทางนำ� และการทำ�ความ

310

19. มารีย์

ดีที่ถาวรนั้นดีกว่าในสายตาของพระผู้อภิบาลของเจ้าในเรื่องของการ ตอบแทน 77 เจ้าเห็นไหม พวกคนที่ปฏิเสธสัจธรรมที่เราประทานมาและคุยว่า “ฉันจะยังคงได้รับทรัพย์สินและลูกหลานอยู่ต่อไป?” 78 อะไรนะ เขามอง เห็นสิ่งที่มองไม่เห็นหรือว่าเขาได้รับคำ�สัญญาจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี กระนั้นหรือ? 79 ไม่มีทาง เราจะบันทึกที่พวกเขาโอ้อวดไว้และจะเพิ่ม การลงโทษเขามากยิ่งขึ้น 80 เราจะรับช่วงสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างไว้ และ เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าเราเพียงลำ�พัง 81 คนเหล่านี้ได้ตั้งสิ่งเคารพบูชา นอกจากพระเจ้าขึ้นมาเพื่อที่สิ่งเคารพบูชาเหล่านั้นจะได้เป็นผู้ช่วยเหลือ พวกเขา 82 แต่สิ่งเคารพบูชาเหล่านั้นทั้งหมดจะปฏิเสธการสักการะบูชา ของพวกเขาและเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกเขา 83 เจ้ามิเห็นหรือว่าเราได้ให้พวกซาตานคอยยุแหย่บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมให้ฝ่าฝืน? 84 ดังนั้น เจ้าไม่ต้องร้อนรนต่อพวกเขา เพราะเรา กำ�ลังนับวันของพวกเขาอยู่ 85 วันนั้นกำ�ลังใกล้เข้ามาแล้วเมื่อเราจะนำ� บรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้ามาปรากฏต่อพระผู้ทรงกรุณาอย่างแขกผู้มี เกียรติ 86 และเราจะต้อนผู้ทำ�ความผิดลงนรกเหมือนฝูงสัตว์ที่กระหาย 87 ในเวลานั้น ไม่มีใครสามารถขอไถ่โทษได้นอกจากผู้ได้รับอนุญาตจาก พระผู้ทรงกรุณาปรานี 88 พวกเขากล่าวว่าพระผู้ทรงกรุณาให้ก�ำ เนิดบุตรชาย 89 ช่างไร้ เหตุผลสิ้นดีที่สูเจ้าคิดเรื่องบัดซบนี้ขึ้นมา 90 มันแทบทำ�ให้ชั้นฟ้าแทบ ถล่มแผ่นดินทลายและภูเขาแตกเป็นเสี่ยง 91 เพราะพวกเขาอ้างว่าพระ ผู้ทรงกรุณาปรานีมีบุตร 92 มันมิได้เป็นความยิ่งใหญ่อะไรเลยที่พระผู้ทรง กรุณาปรานีจะทรงรับใครมาเป็นบุตร 93 ทุกคนที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินกำ�ลังจะถูกนำ�มารวมต่อหน้าพระผู้ทรงกรุณาปรานีในฐานะ บ่าวคนหนึ่ง 94 พระองค์ทรงล้อมรอบพวกเขาไว้และทรงรักษาบัญชีของ พวกเขาไว้อย่างเข้มงวด 95 ทุกคนจะถูกนำ�ตัวมาต่อหน้าพระองค์ทีละ

ฏอฮา

311

คนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ 96 แน่นอน ใกล้เวลาแล้วที่พระผู้ทรงกรุณา ปรานีจะทำ�ให้หัวใจของบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีเต็มไปด้วย ความรัก 97 ดังนั้น (โอ้มุฮัมมัด) เราได้ทำ�ให้กุรอานนี้ง่ายและเราได้ส่งมันลงมา ในภาษาของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้แจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้สำ�รวมตนจากความ ชั่วและเตือนพวกคนที่ดื้อรั้น 98 และเราได้ทำ�ลายผู้คนก่อนหน้าพวกเขา ไปเท่าไหร่แล้ว เจ้าเคยพบร่องรอยใดๆของพวกเขาหรือได้ยินเสียงกระ ซิบใดๆจากพวกเขาบ้างไหม? 20. ฏอ ฮา

ฏอฮา

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฏอ ฮา 2 เรามิได้ประทานกุรอานนี้ลงมาแก่เจ้าเพื่อทำ�ให้เจ้าท้อแท้ 3 นอกจาก เป็นคำ�ตักเตือนสำ�หรับทุกคนที่เกรงกลัวพระเจ้า 4 มันเป็นสิ่งที่ถูก ประทานมาจากผู้ทรงสร้างโลกและชั้นฟ้าอันสูงส่งทั้งหลาย 5 ผู้ทรงกรุณา ปรานีที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ 6 พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ ในระหว่างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นและภาย ใต้ผืนดิน 7 ไม่ว่าเจ้าจะพูดด้วยเสียงดัง(หรือเสียงเบา)ก็ตาม พระองค์ทรง ได้ยินทั้งหมด เพราะพระองค์ทรงรู้ความลับของสูเจ้าและสิ่งที่ถูกปิดบัง ไว้มากกว่านั้นอีก 8 พระองค์คือพระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใด นอกจากพระองค์ พระองค์ทรงมีพระนามอันประเสริฐมากมาย 9 เจ้าเคยได้ยินเรื่องของมูซาไหม? 10 เมื่อเขาเห็นไฟ เขาได้บอก

312

20. ฏอ ฮา

ครอบครัวของเขาว่า “คอยเดี๋ยว ฉันเห็นไฟ บางที ฉันอาจจะนำ�เอาดุ้นไฟ มาให้พวกเจ้าหรือพบคำ�แนะนำ�บางอย่างที่ไฟนั้น” 11 เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ได้มีเสียงกล่าวออกมาว่า “โอ้มูซา 12 แท้จริง ฉัน เป็นพระผู้อภิบาลของเจ้า จงถอดรองเท้าแตะของเจ้าเสีย เพราะเจ้าอยู่ใน หุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งฏุวา 13 เราได้เลือกเจ้าแล้ว ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ได้ถูก ประทานแก่เจ้า 14 แท้จริง ฉันคือพระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพกราบไหว้อื่นใด นอกจากฉัน ดังนั้น จงเคารพสักการะฉัน และจงดำ�รงนมาซเพื่อระลึกถึง ฉัน 15 เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่มันเป็นความ ประสงค์ของฉันที่จะเก็บเวลาที่จะมาถึงนั้นไว้เป็นความลับเพื่อที่ทุกชีวิต จะได้รับการตอบแทนตามที่ได้พากเพียร 16 ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้ผู้ใด ที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้และตกเป็นทาสอารมณ์ต่ำ�ของพวกเขาหันเหความคิด ของเจ้าออกไป มิเช่นนั้น เจ้าจะได้รับความหายนะ” 17 “โอ้มูซา นั่นอะไรในมือขวาของเจ้า?” 18 มูซาตอบว่า “มันคือไม้เท้า ของฉัน ฉันใช้มันค้ำ�ยันกายและใช้มันตีใบไม้เพื่อฝูงสัตว์ของฉันและใช้ มันทำ�ประโยชน์อย่างอื่นอีก” 19 พระองค์จึงทรงกล่าวว่า “จงโยนมันลงไป มูซา” 20 ดังนั้น เขาจึงโยนมันลงไป และทันใดนั้นมันได้กลายเป็นงูที่เลื้อย ไปมา 21 พระองค์ทรงกล่าวว่า “จงจับมันไว้และไม่ต้องกลัว เพราะเราจะ ทำ�ให้มันกลับสู่สภาพเดิม 22 ทีนี้ จงเอามือขวาของเจ้าล้วงเข้าไปใต้รักแร้ มันจะออกมาอย่างขาวสว่างโดยที่ไม่เจ็บปวด นี่เป็นอีกสัญญาณหนึ่ง* 23 เพื่อทำ�ให้เจ้าได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของเรา 24 ดังนั้น จงไปหา ฟาโรห์ เพราะเขาเป็นผู้ละเมิด” * ความจริงแล้ว อะไรก็ตามที่อยู่ในโลกหรือเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้น ทั้งหมดคือ “ปาฏิหาริย์” ของพระเจ้า ไม่ว่ามันจะเป็นการโผล่ขึ้นมาจาก ผืนดินของพืชต้นอ่อนหรือไม้เท้าที่กลายเป็นงู “ปาฏิหาริย์พิเศษ” ถูก แสดงให้เห็นผ่านทางบรรดานบีเพื่อทำ�ให้มนุษย์สังเกตเห็นปาฏิหาริย์ที่ พระเจ้าให้เกิดขึ้นทุกวัน

ฏอฮา

313

มูซากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดเปิดหัวใจของฉัน และทำ�ให้งานของฉันง่ายสำ�หรับฉัน 27 โปรดขจัดการติดขัดทั้งหลาย ออกไปจากลิ้นของฉัน 28 เพื่อที่ผู้คนจะได้เข้าใจคำ�พูดของฉัน 29 และ โปรดแต่งตั้งคนในครอบครัวของฉันคนหนึ่งเป็นผู้ช่วยฉัน 30 นั่นคือฮา รูนพี่ชายของฉัน 31 เพื่อทำ�ให้ฉันมีความเข้มแข็งขึ้น 32 และโปรดทำ�ให้ เขามีส่วนช่วยในงานของฉัน 33 เพื่อที่เราจะสดุดีพระองค์ได้มากๆ 34 และ เราจะได้ระลึกถึงพระองค์เสมอ 35 แท้จริง พระองค์ทรงเฝ้าดูเราอยู่เสมอ” 36 พระองค์ทรงกล่าวว่า “เจ้าได้ในสิ่งที่เจ้าร้องขอ มูซา 37 แท้จริง เราได้แสดงความโปรดปรานแก่เจ้ามาก่อนหน้านี้แล้ว 38 จง นึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ดลใจแก่แม่ของเจ้าให้มีความคิดขึ้นมา 39 ว่า ‘จง เอาเด็กคนนี้ใส่ลงในกล่องและเอากล่องนั้นไปวางในแม่น�้ำ แม่น้ำ�จะไหล พาเขาไปยังตลิ่ง ศัตรูของฉันและศัตรูของเขาจะเก็บมันขึ้นมา’ ฉันเอง ได้ทำ�ให้เจ้าเป็นที่รักใคร่และได้จัดการสิ่งต่างๆจนเจ้าได้ถูกเลี้ยงดูขึ้นมา ภายใต้การควบคุมของฉัน 40 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พี่สาวของเจ้ากำ�ลังเดิน อยู่ แล้วเธอได้กล่าวว่า “ให้ฉันบอกท่านถึงคนที่จะเลี้ยงเด็กคนนี้ได้ดีที่สุด ไหม?” ดังนั้น เราจึงได้ให้เจ้ากลับไปอยู่กับแม่ของเจ้าเพื่อที่ตาของนางจะ ได้เย็นลงและนางจะได้ไม่เศร้าโศกเสียใจ และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เจ้าฆ่า คนผู้หนึ่งและเราได้ทำ�ให้เจ้าหลุดพ้นจากผลของความชั่วนั้นและทำ�ให้ เจ้าผ่านการทดสอบต่างๆและเจ้าได้อยู่กับชาวมัดยันเป็นเวลาหลายปี หลังจากนั้น เจ้าก็มาตรงเวลาที่ก�ำ หนดไว้พอดี มูซา 41 ฉันได้เลือกเจ้าเพื่อภารกิจของฉัน 42 เจ้าและพี่ชายของเจ้าจงไป ปฏิบัติภารกิจนี้พร้อมกับสัญญาณของฉันและจงอย่างเฉื่อยชาในการ ระลึกถึงฉัน 43 เจ้าทั้งสองจงไปหาฟาโรห์เพราะเขาเป็นผู้ละเมิดขอบเขต ทุกอย่าง 44 จงพูดกับเขาอย่างสุภาพ เผื่อว่าบางทีเขาอาจจะคิดได้หรือ เกรงกลัวบ้าง” 45 ทั้งสองกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา เรากลัวว่าเขาจะล่วง 25

26

314

20. ฏอ ฮา

ละเมิดเราและปฏิบัติต่อเราอย่างโหดร้าย” 46 พระองค์ทรงตอบว่า “เจ้าทั้ง สองจงอย่ากลัว ฉันจะอยู่กับเจ้า ฉันได้ยินและเห็นทุกสิ่ง 47 จงไปหาเขา และกล่าวว่า ‘เราเป็นศาสนทูตจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น ขอ ท่านจงปล่อยให้พวกลูกหลานอิสรออีลไปกับเราและจงอย่ากดขี่พวกเขา เราได้นำ�สัญญาณจากพระผู้อภิบาลของท่านมายังท่านและความสันติ จงมีแด่ผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง 48 เราได้รับรู้จากการเปิดเผยของ พระเจ้าว่าจะมีการลงโทษสำ�หรับผู้ปฏิเสธและหันห่างจากแนวทางนั้น’ ” 49 ฟาโรห์กล่าวว่า “ใครคือพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง มูซา?” 50 มูซาตอบ ว่า “พระผู้อภิบาลของเราคือผู้ทรงทำ�ให้ทุกสิ่งเป็นรูปร่าง แล้วหลังจาก นั้นก็ทรงนำ�ทาง” 51 ฟาโรห์ถามว่า “แล้วคนก่อนหน้านี้เล่าเป็นอย่างไร?” 52 มูซาตอบว่า “ความรู้ในเรื่องนั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลของฉันซึ่งอยู่ใน จารึกแล้ว พระผู้อภิบาลของฉันไม่ทรงผิดพลาดและไม่ทรงหลงลืม” 53 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้โลกเป็นพื้นราบเพื่อสูเจ้าและทรงทำ�หนทาง ต่างๆสำ�หรับสูเจ้าเพื่อสัญจรไปมา พระองค์ทรงประทานน้�ำ ลงมาจาก ท้องฟ้าและทำ�ให้พืชพันธุ์นานาชนิดงอกเงยออกมา 54 สูเจ้าจงกินสิ่ง เหล่านี้และเลี้ยงปศุสัตว์ของสูเจ้า แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณต่างๆมากมาย สำ�หรับผู้มีความเข้าใจ 55 เราได้สร้างสูเจ้ามาจากแผ่นดิน และเราจะให้ สูเจ้ากลับไปในนั้น แล้วเราะนำ�สูเจ้าออกมาจากที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง* 56 เราได้แสดงสัญญาณของเราทุกอย่างแก่ฟาโรห์ได้เห็นแล้ว แต่เขา ปฏิเสธมันและไม่ยอมเชื่อ 57 เขากล่าวว่า “มูซา เจ้ามาที่นี่เพื่อที่จะขับ ไล่เราออกจากแผ่นดินของเราโดยใช้อำ�นาจแห่งมายากลกระนั้นหรือ? 58 เดี๋ยวเราจะเอามายากลที่เหมือนอย่างของเจ้ามาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ขอ * การสร้างโลก ระบบของฝนตก การเจริญเติบโตของพืชและทุ่งหญ้า และปรากฏการณ์ อื่ น ทางธรรมชาติ ที่ ทำ � ให้ โ ลกปั จ จุ บั น เป็ น ที่ ตั้ ง หลั ก แหล่งอาศัยได้สำ�หรับสิ่งมีชีวิตเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ที่มหัศจรรย์ และน่าทึ่ง

ฏอฮา

315

ให้บอกมาเลยว่าเมื่อไหร่และที่ไหนที่จะให้มีการประลองกัน แล้วเราและ เจ้าจะได้ไม่มีการบิดพลิ้วกัน ออกมาในที่โล่งๆเลยก็ได้” 59 มูซาจึงตอบว่า “ขอให้เราพบท่านในวันเทศกาลและมีผู้คนมาชุมนุม กันมากๆหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นก็แล้วกัน” 60 หลังจากนั้น ฟาโรห์ได้กลับ ออกไปเพื่อเตรียมแผนการต่างๆ หลังจากนั้นได้กลับออกไป 61 มูซาได้ เตือน(บรรดาผู้ที่จะเผชิญหน้ากับเขา)โดยกล่าวว่า “ท่านผู้เคราะห์ร้ายทั้ง หลาย จงอย่าสร้างความเท็จเกี่ยวกับพระเจ้า มิเช่นนั้นแล้ว พระองค์จะ ทรงทำ�ลายพวกท่านโดยการลงโทษ เพราะใครก็ตามที่สร้างความเท็จขึ้น มาจะถูกทำ�ลาย” 62 ดังนั้น พวกเขา(บรรดานักมายากล)ได้เริ่มปรึกษากันอย่างลับๆ 63 (หลังจากปรึกษากันแล้ว) พวกเขาได้กล่าวว่า “ทั้งสองคนนี้เป็นแค่นัก มายากลแน่นอน เป้าหมายของเขาทั้งสองคือการขับไล่พวกท่านออก จากแผ่นดินของพวกท่านโดยอาศัยมายากลของเขาทั้งสองและต้องการ ที่จะทำ�ลายวิถีชีวิตอันสูงส่งของพวกท่าน 64 ดังนั้น จงเตรียมแผนการ ทุกอย่างของพวกท่านและผนึกกำ�ลังกันออกมาพร้อมๆกัน และวันนี้ใคร เหนือกว่า เขาผู้นั้นชนะแน่” 65 พวกนักมายากลกล่าวว่า “มูซา ท่านจะโยนหรือจะให้เราโยนก่อน?” 66 มูซาตอบว่า “พวกท่านโยนก่อน” ทันใดนั้น มูซาได้เห็นว่าเชือกและไม้ เท้าของพวกเขาปรากฏเป็นงูวิ่งไปวิ่งมาโดยอำ�นาจมายากลของพวกเขา 67 และหัวใจของมูซาก็เต็มไปด้วยความกลัว 68 แต่เราได้กล่าวว่า “เจ้า จงอย่ากลัว เพราะเจ้าจะได้รับชัยชนะ 69 จงโยนสิ่งที่อยู่ในมือของเจ้า มัน จะกลืนสิ่งที่พวกเขาทำ�ขึ้น เพราะมันเป็นแค่เพียงกลลวงของนักมายากล เท่านั้น และนักมายากลนั้นไม่อาจประสบความสำ�เร็จไม่ว่าเขาจะเก่งกาจ อย่างไรก็ตาม” 70 ดังนั้น (เมื่อการประลองสิ้นสุดลง) พวกนักมายากลต่าง ก้มตัวลงกราบและกล่าวออกมาว่า “เราศรัทธาในพระเจ้าของฮารูนและมู ซา”

316

20. ฏอ ฮา

ฟาโรห์กล่าวว่า “พวกเจ้าศรัทธาเขาก่อนที่ข้าอนุญาตกระนั้นหรือ? ใช่สิ เขาเป็นนายผู้สอนมายากลพวกเจ้าอย่างแน่นอน เอาละ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะตัดมือตัดเท้าของพวกเจ้าสลับกัน และจะเอาพวกเจ้าไปตรึงไว้บน ต้นอินทผลัม แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าการลงโทษของใครที่รุนแรงและยาวนาน กว่า” 72 พวกนักมายากลตอบว่า “ด้วยพระองค์ผู้ทรงสร้างเรามา เราไม่อาจ เห็นแก่ท่านได้หลังจากที่เราได้เห็นหลักฐานแห่งความจริงทุกอย่างชัด แจ้งแล้ว ดังนั้น ท่านจะตัดสินรุนแรงอย่างไรก็ตามใจท่าน เพราะอย่าง มากที่สุดท่านก็ตัดสินได้แต่เฉพาะชีวิตแห่งโลกนี้เท่านั้น 73 เราศรัทธา ในพระผู้อภิบาลของเราเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงให้อภัยความผิดและบาป ของเราในเรื่องมายากลที่ท่านบังคับเราให้แสดง พระเจ้าทรงดีเลิศที่สุด และทรงนิรันดร์” 74 ความจริงแล้ว คนที่มาปรากฏต่อหน้าพระผู้อภิบาลของเขาในฐานะ ผู้ทำ�บาปนั้นจะมีนรกเตรียมไว้สำ�หรับเขาซึ่งในนั้นเขาจะไม่เป็นและจะไม่ ตาย 75 ส่วนคนที่มาปรากฏต่อหน้าพระผู้อภิบาลของเขาในฐานะผู้ศรัทธา และกระทำ�ความดี คนเหล่านี้จะได้รับตำ�แหน่งอันสูงส่ง 76 พวกเขาจะ พำ�นักอยู่อย่างนิรันดรในสวนสวรรค์อันถาวรซึ่งใต้นั้นมีลำ�น้ำ�หลายสาย ไหลผ่าน นั่นคือรางวัลของผู้ที่รักษาตัวเองให้บริสุทธิ์ 77 เราได้ดลใจมูซาว่า “จงออกเดินทางพร้อมกับบ่าวของฉันในตอน กลางคืนและจงสร้างทางแห้งข้ามทะเลให้พวกเขา จงอย่ากลัวว่าจะถูก ตามทันและจงอย่าหวาดหวั่นใดๆทั้งสิ้น” 78 ฟาโรห์ได้น�ำ กำ�ลังทหารของ เขาออกติดตามพวกเขา แต่น้ำ�ทะเลได้ท่วมพวกเขาจนมิด 79 ฟาโรห์ได้ นำ�ผู้คนให้หลงผิดและไม่ได้นำ�พวกเขาให้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง 80 ลูกหลานอิสรออีลเอ๋ย เราได้ช่วยสูเจ้าให้พ้นจากศัตรูของสูเจ้าและ ได้กำ�หนดให้สูเจ้ามาอยู่กันที่ทางด้านขวาของภูเขา และได้ประทานมัน นะ(ของหวาน)และนกคุ่มแก่สูเจ้า 81 “จงกินสิ่งที่บริสุทธิ์ทั้งหลายที่เราได้ 71

ฏอฮา

317

ประทานแก่สูเจ้าและจงอย่าฝ่าฝืนหลังจากนี้ มิเช่นนั้นแล้ว ความกริ้วของ ฉันจะมายังสูเจ้า” เรากล่าวว่า “ใครก็ตามที่ความกริ้วของฉันมาเยือน เขา จะหายนะ 82 แต่สำ�หรับคนที่ส�ำ นึกผิดและศรัทธาและกระทำ�ความดีและ มั่นคงอยู่ในทางนำ� ฉันเป็นผู้ให้อภัยอย่างแน่นอน” 83 (เมื่อมูซาอยู่บนภูเขา พระเจ้าได้กล่าวว่า) “มูซาเอ๋ย อะไรเล่าที่ ทำ�ให้เจ้ารีบเร่งมาที่นี่ก่อนผู้คนของเจ้า?” 84 เขากล่าวว่า “พวกเขากำ�ลัง ตามฉันมา ฉันรีบมาหาพระองค์ก่อน โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน เพื่อที่ พระองค์จะทรงโปรดปรานฉัน” 85 พระเจ้าทรงกล่าวว่า “เราได้ทดสอบ ผู้คนของเจ้าหลังจากเจ้า และชาวซามิรีย์ได้ท�ำ ให้พวกเขาหลงผิด” 86 มูซาได้กลับไปหาผู้คนของเขาด้วยความโกรธและเศร้าใจเมื่อไป ถึงที่นั่น เขาได้กล่าวว่า “โอ้หมู่ชนของฉัน พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า มิได้ทรงทำ�สัญญาที่ดีกับพวกเจ้ากระนั้นหรือ? คำ�สัญญานั้นนานเกินไป สำ�หรับพวกเจ้ากระนั้นหรือ? หรือพวกเจ้าต้องการให้ความกริ้วของพระ ผู้อภิบาลของพวกเจ้าเกิดขึ้นกับพวกเจ้า พวกเจ้าถึงได้ละเมิดสัญญาของ พวกเจ้ากับฉัน?” 87 พวกเขาตอบว่า “เราไม่ได้ละเมิดสัญญากับท่านตามอำ�เภอใจของ เรา แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเรารู้สึกว่าเครื่องประดับของผู้คนเหล่านั้น เป็นภาระหนักแก่เรา ดังนั้น เราจึงโยนมันลงไป(ในไฟ)ตามที่ชาวซามีรีย์ แนะนำ�” 88 แล้วเขาได้หลอมมันออกเป็นรูปวัวเตี้ยที่ท�ำ ให้เกิดเสียง แล้ว พวกเขาตะโกนว่า “นี่คือสิ่งเคารพบูชาของพวกท่านและสิ่งเคารพบูชาขอ งมูซา แต่มูซาได้ลืมไป” 89 พวกเขาไม่เห็นหรือว่ามันไม่ได้ตอบคำ�วิงวอน ของพวกเขาและไม่มีอ�ำ นาจใดๆที่จะให้โทษและให้คุณแก่พวกเขาได้? 90 ฮารูนได้กล่าวเตือนผู้คนเหล่านั้นแล้วโดยกล่าวว่า “นี่ พวกพ้องของ ฉัน พวกท่านกำ�ลังถูกทดสอบด้วยสิ่งนี้ พระผู้อภิบาลของพวกท่านคือ พระผู้ทรงกรุณาปรานีต่างหาก ดังนั้น จงปฏิบัติตามฉันและเชื่อฟังคำ�สั่ง

318

20. ฏอ ฮา

ของฉัน” 91 พวกเขาตอบว่า “เราจะไม่เลิกเคารพบูชามันจนกว่ามูซาจะ กลับมายังเรา” 92 มูซาได้พูดกับฮารูนว่า “อะไรที่ขัดขวางพี่เมื่อเห็นพวกเขาทำ�ผิด 93 ไม่ปฏิบัติตามฉัน? ทำ�ไมพี่จึงฝ่าฝืนคำ�สั่งของฉัน?” 94 ฮารูนกล่าวว่า “โอ้ ลูกของแม่ฉัน จงอย่ากระชากเคราและดึงผมของฉันเลย ฉันกลัวว่า เจ้าจะต้องพูดเมื่อกลับมาว่า ‘พี่ได้สร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่ลูกหลาน อิสรออีลอีกแล้ว และพี่ไม่ใส่ใจในคำ�พูดของฉัน’ ” 95 มูซาได้กล่าวว่า “ซามิรีย์ เจ้าจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?” 96 เขา ได้ตอบว่า “ฉันเห็นสิ่งที่พวกเขาไม่เห็น ดังนั้น ฉันจึงเอาฝุ่นกำ�มือหนึ่ง จากรอยเท้าของศาสนทูตขว้างมัน(รูปปั้นวัว) เพราะจิตใจฉันนึกขึ้นมาให้ ทำ�เช่นนั้น” 97 มูซากล่าวว่า “จงไปเสีย ต่อไปนี้ เจ้าจะต้องพูดไปตลอด ชีวิตของเจ้าเองว่า ‘จงอย่าแตะต้องฉัน’ และเจ้าจะต้องเผชิญชะตากรรม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ จงมองดูสิ่งเคารพบูชาของเจ้าซึ่งเจ้าฝักใฝ่ บูชาสิ เราจะเผามันให้เป็นผุยผงและจะโปรยขี้เถ้าของมันลงไปในทะเล 98 สิ่งเคารพสัการะของสูเจ้าคือพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์ พระองค์ทรงรอบรู้ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง” 99 (โอ้มุฮัมมัด)ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้บอกเล่าแก่เจ้าถึงเรื่องราว เหตุการณ์ในอดีต และเราได้ประทานข้อตักเตือน(กุรอาน)แก่เจ้าจากเรา เอง 100 ใครก็ตามที่หันไปจากข้อตักเตือน เขาจะแบกภาระหนักในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพ 101 เขาจะอยู่ในนั้นตลอดไปและมันจะเป็นภาระอัน หนักหน่วงที่เขาจะต้องแบกในวันแห่งการพิพากษา 102 วันนั้นเมื่อแตร ถูกเป่า เราจะรวมผู้ท�ำ ผิดทั้งหลาย พวกเขาจตาเหลือกด้วยความกลัว 103 พวกเขาจะบ่นพึมพำ�กันว่า “พวกท่านอยู่บนโลกแทบไม่ถึงสิบวันเอง” 104 เรารู้ดีว่าพวกเขาจะพูดอะไร ในตอนนั้ คนที่มีความคิดอ่านที่ดีที่สุด ในหมู่พวกเขาจะกล่าวว่า “ความจริงแล้ว พวกท่านอยู่แค่วันเดียวเท่านั้น เอง”

ฏอฮา

319

พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับภูเขา จงตอบพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาล ของฉันจะทำ�ให้มันกลายเป็นผงธุลีที่กระจายว่อน 106 แล้วพระองค์จะ ทำ�ให้ผืนดินราบเตียนเป็นทุ่งโล่ง 107 เจ้าจะไม่เห็นทั้งที่ลุ่มและที่ดอน 108 ในวันนั้น ผู้คนทั้งหลายจะตรงมายังเสียงเรียกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ได้และเสียงทั้งหลายจะเบาลงต่อหน้าพระผู้ทรงกรุณาปรานี และเจ้าจะไม่ ได้ยินสิ่งใดนอกจากเสียงพึมพำ�เบาๆ 109 ในวันนั้น การไถ่โทษแทนกันจะไม่อ�ำ นวยประโยชน์อันใด เว้นแต่ สำ�หรับผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีจะอนุมัติและพระองค์ทรงยินดีที่จะฟัง ถ้อยคำ�ของเขา 110 พระองค์ทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและสิ่งที่ อยู่ข้างหลังพวกเขา แต่ผู้อื่นไม่มีความรู้ดีถึงสิ่งนั้น 111 ในวันนั้น ใบหน้า ของพวกเขาจะสยบต่อพระผู้ทรงชีวินและผู้ทรงดำ�รงอยู่เป็นนิจกาล และ คนที่ขาดทุนก็คือคนที่แบกภาระแห่งความชั่วไว้ 112 แต่ใครที่กระทำ� ความดีและเป็นผู้ศรัทธา เขาจะไม่กลัวอันตรายใดๆ และจะไม่ถูกลิดรอน สิทธิใดๆ 113 (โอ้มุฮัมมัด) ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้ประทานกุรอานเป็นภาษาอาหรับ ลงมา และในนั้นเราได้ให้ข้อตักเตือนด้วยวิธีต่างๆเพื่อที่พวกเขาจะ ได้เกรงกลัวหรือช่วยเตือนให้พวกเขาได้เข้าใจ 114 ผู้ได้รับการยกย่อง เทิดทูนคือพระเจ้า ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง จงอย่ารีบเร่งอ่านกุรอา นก่อนที่มันจะถูกประทานลงมายังเจ้าจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และจงวิงวอน ว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดเพิ่มพูนความรู้แก่ฉันด้วยเถิด” 115 เราได้ให้ค�ำ บัญชาแก่อาดัมก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าเขาได้ลืมมันและ เราไม่พบการยืนยันอย่างแน่วแน่ของเขา 116 เมื่อตอนที่เราได้กล่าวแก่ บรรดาทูตสวรรค์ว่า “จงกราบอาดัม” ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงได้กราบ ยกเว้นซาตาน(อิบลีส)ที่ปฏิเสธ 117 ดังนั้น เราจึงได้กล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย นี่คือศัตรูของเจ้าและภรรยาของเจ้า จงอย่าปล่อยให้มันทำ�ให้เจ้าทั้งสอง ต้องถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์และต้องทุกข์ยากลำ�บาก 105

320

20. ฏอ ฮา

ที่นี่มีสิ่งที่ทำ�ให้เจ้าไม่ต้องหิวและไม่ต้องเปลือยกาย 119 และเจ้าไม่ ต้องกระหายและไม่ต้องตากแดด” 120 แต่ซาตานได้กระซิบหลอกลวงเขา โดยกล่าวว่า “อาดัมเอ๋ย เอาไหม ฉันจะนำ�เจ้าไปยังต้นไม้ที่ท�ำ ให้ชีวิตเป็น อมตะและอาณาจักรอันนิรันดร์?” 121 ทั้งสองได้กินผลไม้จากต้นไม้ต้น นั้น แล้วสิ่งพึงละอายของทั้งสองได้ถูกเปิดเผยต่อกันและกัน ทั้งสองจึงได้ เริ่มปกปิดตัวเองด้วยใบไม้จากสวนนั้น อาดัมได้ฝ่าฝืนคำ�สั่งพระผู้อภิบาล ของเขา ดังนั้น เขาจึงหลงผิด 122 หลังจากนั้น พระผู้อภิบาลได้ทรงเมตตา เขา และทรงรับการสำ�นึกผิดเขาและได้ประทานทางนำ�แก่เขา 123 พระเจ้าทรงกล่าวว่า “เจ้าทั้งสอง(มนุษย์และชัยฏอน)จงออกไป จากที่นี่ เจ้าจะเป็นศัตรูต่อกันและกัน หลังจากนี้ ถ้าหากสูเจ้าได้รับทาง นำ�จากฉัน ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามทางนำ�นั้น เขาจะไม่หลงทางและจะไม่ เศร้าหมอง 124 แต่ใครที่หันห่างไปจากการตักเตือนของฉัน เขาจะมีชีวิต ที่เป็นทุกข์ในโลกนี้และในวันฟื้นคืนชีพ เราจะให้เขาฟื้นขึ้นมาเป็นคน ตาบอด 125 เขาจะกล่าวว่า “โอ้ พระผู้อภิบาล ทำ�ไมพระองค์จึงทรงทำ�ให้ ฉันฟื้นขึ้นมาเป็นคนตาบอดที่นี่ในขณะที่ฉันมองเห็นในโลก?” 126 พระเจ้า จะทรงกล่าวว่า “นั่นแหละ เมื่อสัญญาณทั้งหลายของเรามายังสูเจ้า สูเจ้า ก็ไม่สนใจมัน(ราวกับว่าสูเจ้าตาบอด) ดังนั้น วันนี้สูเจ้าจึงไม่มีใครสนใจ” 127 ในทำ�นองนี้เองที่เราลงโทษตอบแทนบรรดาผู้ละเมิดขอบเขตที่ปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของเขา แต่การลงโทษแห่งโลกหน้า นั้นสาหัสและยาวนานกว่า 128 พวกเขายังไม่ได้รับบทเรียนใดๆอีกหรือจากการที่ก่อนหน้าพวก เขา เราได้ท�ำ ลายผู้คนไปไม่รู้กี่รุ่นแล้วซึ่งพวกเขายังคงเดินผ่านที่อยู่ อาศัยของคนเหล่านี้อยู่? แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับคนที่ มีความเข้าใจ 129 แต่สำ�หรับประกาศิตที่ถูกกำ�หนดไว้ก่อนแล้วจากพระ ผู้อภิบาลเจ้าและเวลาของการผ่อนผันได้ถูกกำ�หนดไว้แล้ว แน่นอน การ ลงโทษพวกเขาจะต้องเกิดขึ้นทันทีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย 130 ดัง 118

ฏอฮา

321

นั้น เจ้า(มุฮัมมัด)จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวและจงสดุดีพระผู้อภิบาล ของเจ้ า ด้ ว ยการสรรเสริ ญ พระองค์ ก่ อ นดวงอาทิ ต ย์ ขึ้ น และก่ อ นดวง อาทิตย์ตก และจงสดุดีพระองค์ในบางเวลาของกลางคืนและในตอนปลาย ทั้งสองของวันเพื่อที่เจ้าจะได้รู้สึกอิ่มเอิบใจ 131 จงอย่าถือว่าทรัพย์สินแห่งโลกนี้ที่เราได้ประทานแก่พวกเขาบาง คนเป็นที่น่าอิจฉา เพราะเราได้ประทานสิ่งเหล่านั้นเพื่อทดสอบพวก เขา และปัจจัยที่อนุมัติของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นดีกว่าและยั่งยืนกว่า 132 จงกำ�ชับคนในครอบครัวของเจ้าในเรื่องนมาซ และเจ้าเองก็จงปฏิบัติ มันอย่างเคร่งครัดด้วย เราไม่ได้ขอปัจจัยใดๆจากเจ้า เพราะเราต่าง หากที่เป็นผู้ประทานปัจจัยแก่เจ้า และความดีบั้นปลายนั้นมีไว้ส�ำ หรับผู้ สำ�รวมตนจากความชั่ว 133 พวกเขากล่าวว่า “ทำ�ไมเขาไม่น�ำ เอาสัญญาณหนึ่งจากพระผู้ อภิบาลของเขามายังเราล่ะ?” พวกเขายังไม่ได้รับหลักฐานที่เพียงพอ ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้อีกหรือ? 134 ถ้าหากเราได้ทำ�ลายพวกเขาด้วยการ ลงโทษก่อนที่มันจะมาถึง พวกเขาก็จะกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของ เรา ทำ�ไมพระองค์ไม่ส่งศาสนทูตคนหนึ่งมายังเราเพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติ ตามคำ�บัญชาของพระองค์ก่อนที่เราต้องได้รับความอัปยศอดสู?” 135 (โอ้ มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “ทุกคนกำ�ลังรอคอยผลสุดท้าย ดังนั้น พวก ท่านจงคอยด้วยเช่นกัน เพราะในไม่ช้า พวกท่านจะได้รู้ว่าใครที่กำ�ลัง ปฏิบัติตามทางอันเที่ยงตรงและใครที่ถูกนำ�ทาง”

322

21. บรรดานบี

21. บรรดานบี

อัล-อัมบิยาอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เวลาแห่งการชำ�ระบัญชีส�ำ หรับมนุษย์ได้ใกล้เข้ามาแล้ว แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังหันห่างจากคำ�ตักเตือนด้วยความเฉยเมย 2 เมื่อมีการตัก เตือนใหม่ๆจากพระผู้อภิบาลของพวกเขามายังพวกเขา พวกเขาฟังมัน แต่ไม่ถือเป็นเรื่องจริงจัง 3 หัวใจของพวกเขาไม่ได้จดจ่อและบรรดาผู้ ทำ�ความผิดได้กระซิบกันว่า “คนผู้นี้มิได้เป็นอะไรนอกไปจากมนุษย์คน หนึ่งเหมือนพวกท่าน แล้วใยพวกท่านยังถูกมนต์สะกดอยู่อีกกระนั้นหรือ ทั้งๆที่พวกท่านก็เห็นอยู่?” 4 จงกล่าวเถิด(นบี) “พระผู้อภิบาลของฉันทรง รอบรู้ทุกสิ่งที่ถูกกล่าวในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เพราะพระองค์เป็น ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้” 5 พวกเขาบางคนกล่าวว่า “มันเป็นความฝันที่สับสน” บางคนกล่าว ว่า “เขาเองนั่นแหละที่ปลอมแปลงมันขึ้นมา” บางคนกล่าวว่า “เขาเป็นก วี ลองให้เขานำ�เอาสัญญาณหนึ่งมาแสดงแก่เราเหมือนกับที่นบีคนก่อนๆ ทำ�” 6 ก่อนหน้าพวกเขา ไม่มีเมืองใดที่เราทำ�ลายได้ศรัทธา แล้วตอนนี้ พวกเขาจะศรัทธากระนั้นหรือ? 7 บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้ามิใช่ผู้ใดนอกไปจากมนุษย์ที่เราได้เปิด เผยความจริงแก่พวกเขา ดังนั้น สูเจ้าจงถามชาวคัมภีร์ดูก็ได้ถ้าสูเจ้า ไม่รู้เรื่องนี้ 8 เราไม่ได้ท�ำ ให้พวกเขามีร่างกายที่ไม่กินอาหารและพวกเขา ก็มิใช่ผู้มีชีวิตยืนนาน 9 แล้วเราได้ทำ�ตามสัญญาที่ได้ท�ำ ไว้กับพวกเขา อย่างครบถ้วน และเราได้ช่วยหลือพวกเขาและผู้ที่เราประสงค์ และเราได้ ทำ�ลายผู้ฝ่าฝืน 10 เราได้ประทานคัมภีร์แก่สูเจ้าซึ่งในนั้นมีข้อตักเตือนเกี่ยวกับ

323

เรื่องของสูเจ้าเองทั้งสิ้น แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? 11 เมืองของคน ทำ�ความชั่วกี่เมืองแล้วที่เราได้ทำ�ลายไปและหลังจากนั้นเราได้ให้หมู่ชน ใหม่เกิดขึ้นมา 12 เมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษของเรา พวกเขาก็วิ่งหนีไป จากสถานที่แห่งนั้น 13 พวกเขาได้ถูกบอกว่า “จงอย่าวิ่งหนี แต่จงกลับ ไปใช้ชีวิตสำ�ราญของสูเจ้าและที่พักอาศัยของสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ถูก สอบสวน” 14 พวกเขาร้องออกมาว่า “บรรลัยแล้วเรา แท้จริง เราเป็นผู้ท�ำ ผิด” 15 พวกเขาร้องอยู่เช่นนี้เรื่อยไปจนกระทั่งเราได้ทำ�ให้พวกเขากลาย เป็นเหมือนทุ่งหญ้าที่ถูกดายและกลายเป็นขี้เถ้า 16 เราไม่ได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่อยู่ในระหว่างทั้ง สองนั้นเพื่อความสนุกสนาน 17 ถ้าหากเราต้องการจะทำ�ให้มันเป็นสิ่ง บันเทิงและไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เราก็จะทำ�ของเราเอง 18 แต่เราจะ ขว้างความจริงไปที่ความเท็จจนความเท็จถูกทำ�ลายและจะหายไป ความ วิบัติจะเกิดกับสูเจ้าสำ�หรับสิ่งที่สูเจ้าได้กล่าวไป 19 ของพระองค์คือผู้อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และบรรดา(ทูต สวรรค์)ผู้อยู่ใกล้พระองค์มิได้โอหังต่อการเคารพสักการะพระองค์ และ ทั้งหมดไม่รู้สึกเหนื่อยหน่าย 20 พวกเขาแซ่ซ้องสรรเสริญพระองค์ทั้ง กลางคืนและกลางวันโดยไม่เหนื่อย 21 สิ่งเคารพบูชาต่างๆจากแผ่นดินที่พวกเขาตั้งขึ้นมีอำ�นาจที่จะทำ�ให้ คนตายมีชีวิตขึ้นมาได้ไหม? 22 ถ้าหากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆนอกเหนือจาก พระเจ้าในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ทั้งชั้นฟ้าและแผ่นดินจะต้องได้รับ ความหายนะอย่างแน่นอน มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่ง บัลลังก์ทรงอยู่เหนือสิ่งที่พวกเขากล่าวร้ายต่อพระองค์ 23 พระองค์จะไม่ ทรงถูกสอบถามเกี่ยวกับงานของพระองค์ แต่พวกเขาต่างหากที่จะถูก สอบสวน 24 พวกเขาได้ยึดถือพระเจ้าอื่นๆนอกไปจากพระองค์กระนั้นหรือ? (โอ้ มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “จงนำ�หลักฐานของพวกท่านมาสิ นี่คือข้อตัก

324

21. บรรดานบี

เตือนสำ�หรับคนที่อยู่ร่วมกับฉันและมีข้อตักเตือนสำ�หรับคนก่อนหน้าฉัน ด้วย” แต่ส่วนใหญ่ของคนเหล่านี้ไม่รู้ความจริง ดังนั้น พวกเขาจึงได้หัน ห่างออกไปจากมัน 25 ศาสนทูตทุกคนที่เราได้ส่งมาก่อนหน้าเจ้านั้น เรา ได้ดลใจแก่พวกเขาเหมือนกันว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากฉัน ดังนั้น จงเคารพภักดีฉันแต่เพียงผู้เดียว” 26 พวกเขากล่าวว่า “พระผู้ทรงกรุณามีบุตร” มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระองค์ พวกเขาเป็นแค่เพียงบ่าวผู้มีเกียรติ 27 พวกเขาไม่ละเมิด ขอบเขตในการพูดก่อนพระองค์และพวกเขาปฏิบัติตามคำ�บัญชาของ พระองค์ 28 พระองค์ทรงรู้ถึงทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและที่ถูกซ่อนเร้น จากพวกเขา พวกเขาไม่ขอไถ่โทษแทนผู้ใดนอกจากผู้ที่พระองค์ทรงพอ พระทัยและพวกเขาดำ�เนินชีวิตด้วยความกลัวพระองค์ 29 ถ้าผู้ใดในหมู่ พวกเขากล่าวว่า “ฉันเป็นพระเจ้านอกไปจากพระองค์ด้วย” เราจะส่งเขา ไปนรกทันทีเพราะนี่คือการตอบแทนจากเราสำ�หรับผู้ทำ�ความผิด 30 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมไม่พิจารณาหรือว่าชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินในตอนแรกนั้นเป็นมวลเดียวกัน หลังจากนั้น เราได้แยกมันออกจาก กันและเราได้สร้างทุกสิ่งที่มีชีวิตจากน้�ำ ? แล้วพวกเขายังไม่เชื่ออีกหรือ? 31 เราได้ท�ำ ให้ภูเขามั่นคงในแผ่นดิน มิฉะนั้นแล้ว มันจะเลื่อนไปมา อยู่ข้างใต้พวกเขา และเราได้ท�ำ ให้ในนั้นมีทางเปิดไว้ เพื่อที่พวกเขาจะ ได้พบทาง 32 เราได้ทำ�ให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคาป้องกันอย่างดี แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังไม่ใส่ใจต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา 33 พระองค์คือผู้ทรง สร้างกลางคืนและกลางวัน และทรงสร้างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทั้งหมดลอยอยู่ในแต่ละวงโคจรของมัน 34 เรามิได้ท�ำ ให้ใครคนใดก่อนหน้าเจ้ามีชีวิตยั่งยืนนานโดยไม่ตาย ดัง นั้น ถ้าเจ้า(มุฮัมมัด)ตาย พวกเขาจะมีชีวิตยืนยาวตลอดไปกระนั้นหรือ? 35 ทุกชีวิตจะต้องลิ้มรสความตาย และเรากำ�ลังทดสอบสูเจ้าด้วยสภาพ การณ์ที่เลวและดี และในที่สุด สูเจ้าจะถูกนำ�กลับมายังเรา

อัล-อัมบิยาอ์

325

เมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเห็นเจ้า พวกเขาก็ดีแต่หัวเราะเยาะเจ้า โดยกล่าวว่า “คนนี้นะหรือที่พูดจาไม่ดีถึงสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชา?” แต่ พวกเขาเองนั้นแหละที่ปฏิเสธจะเอ่ยถึงพระผู้ทรงกรุณาปรานี 37 มนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างแห่งความรีบร้อน ฉันจะแสดงสัญญาณทั้ง หลายของฉันให้สูเจ้าเห็นในไม่ช้านี้ ดังนั้น สูจ้าไม่ต้องเร่งฉัน 38 พวกเขา ถามว่า “เมื่อใดเล่าที่คำ�ขู่นี้จะเป็นจริง ถ้าท่านพูดจริง?” 39 ถ้าบรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมรู้ถึงเวลาที่พวกเขาไม่สามารถป้องกันใบหน้าและหลังของ พวกเขาให้พ้นจากไฟนรก พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากที่ไหน 40 แท้จริง มันจะเกิดขึ้นโดยฉับพลันและทำ�ให้พวกเขาตกตะลึงจนพวก เขาไม่สามารถปัดป้องมันได้ และพวกเขาจะไม่ได้รับการผ่อนผันอะไรอีก 41 บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้าได้ถูกเยาะเย้ยมาแล้วเช่นกัน แต่พวกที่ เย้ยหยันนั้นได้ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่พวกเขาเคยเย้ยหยันเช่นกัน 42 (โอ้มุฮัมมัด) จงถามพวกเขาว่า “ใครเล่าที่คอยคุ้มครองพวกท่าน ทั้งกลางคืนและกลางวันจากความกริ้วของพระผู้ทรงกรุณาปรานี?” แต่ ถึงกระนั้น พวกเขายังหันห่างออกจากการระลึกถึงพระผู้อภิบาลของพวก เขา 43 พวกเขามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆที่สามารถป้องกันพวกเขาให้พ้นจาก เรากระนั้นหรือ? (ไม่) พวกมันเองก็ช่วยตัวเองไม่ได้และป้องกันตนเองให้ พ้นจากเราไม่ได้ 44 ความจริงแล้ว เราได้ประทานสิ่งดี(แห่งชีวิต)แก่พวกเขาและ บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่พวกเขาไม่เห็นหรือว่า เราได้ร่นขอบเขตของพวกเขาในทุกๆด้าน? แล้วพวกเขาจะชนะเราหรือ? 45 จงบอกพวกเขา “ฉันเพียงแต่ตักเตือนพวกท่านตามที่พระเจ้า ประทานมายังฉันเท่านั้น” แต่คนหูหนวกนั้นไม่ได้ยินการเรียกร้องเมื่อ พวกเขาถูกตักเตือน 46 ถ้าการลงโทษอันแผ่วเบาของพระผู้อภิบาลของ เจ้าสัมผัสพวกเขา พวกเขาจะร้องออก มาว่า “วิบัติแล้วเรา แท้จริงแล้ว เราเป็นผู้ทำ�ผิด” 36

326

21. บรรดานบี

ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราจะตั้งตราชูที่เที่ยงธรรมขึ้นมาเพื่อที่จะ ได้ไม่มีชีวิตใดไม่ได้รับความเป็นธรรมแม้แต่เพียงน้อยนิด ถึงแม้ว่ามัน จะเป็นการกระทำ�ที่มีน�้ำ หนักเท่ากับเมล็ดผักกาด เราก็จะนำ�มันออกมา (เพื่อชั่ง) และเพียงพอแล้วที่เราจะชำ�ระบัญชี 48 ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานเกณฑ์ตัดสินความถูกต้องและความผิด ประทานแสงสว่างและการตักเตือนแก่มูซาและฮารูนสำ�หรับผู้สำ�รวมตน จากความชั่ว 49 ผู้ที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาถึงแม้จะมิได้เห็น พระองค์และเกรงกลัวเวลาแห่งการพิพากษา 50 เราได้ประทานข้อตัก เตือนอันจำ�เริญนี้มา(สำ�หรับสูเจ้า) แล้วสูเจ้ายังปฏิเสธอีกกระนั้นหรือ? 51 ก่อนหน้านั้น เราได้ประทานทางนำ�แก่อิบรอฮีมเพราะเรารู้จักเขาดี 52 เมื่อตอนที่เขากล่าวแก่พ่อของเขาและผู้คนของเขาว่า “รูปปั้นอะไรกัน นี่ที่พวกท่านเคารพบูชา?” 53 พวกเขาตอบว่า “เราเห็นว่าบรรพบุรุษของ เราเคารพบูชามัน” 54 เขากล่าวว่า “พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน อยู่ในการหลงผิดชัดๆ” 55 พวกเขาตอบว่า “เจ้านำ�เอาความจริงมาเสนอแก่เราหรือว่าเจ้าล้อ เล่น?” 56 อิบรอฮีมตอบว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น พระผู้อภิบาลของพวกท่านคือ พระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและผู้ทรงเนรมิตสิ่งเหล่า นั้น และฉันเองขอเป็นผู้ยืนยันในเรื่องนี้ 57 ขอสาบานด้วยพระเจ้า ฉันจะ จัดการสิ่งศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ในตอนที่พวกท่านไม่อยู่” 58 ดังนั้น เขาจึงได้ทุบ มันแตกออกเป็นชิ้นๆยกเว้นเทวรูปตัวใหญ่เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมาหา มัน(เพื่อสอบถาม) 59 (เมื่อผู้คนกลับมาเห็นสภาพของเทวรูปเหล่านั้น) พวกเขาได้กล่าว ว่า “ใครทำ�เช่นนี้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเรา? เขาต้องเป็นผู้มีเจตนาร้ายแน่ๆ” 60 บางคนกล่าวว่า “เราได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าอิบรอฮีมเคย พูดถึงเรื่องเทวรูปเหล่านี้” 61 พวกเขาจึงกล่าวว่า “ดังนั้น ไปเอาตัวเขามา ที่นี่ต่อหน้าผู้คน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นพยาน” 62 (เมื่ออิบรอฮีมถูก 47

อัล-อัมบิยาอ์

327

นำ�ตัวมาที่นั่น) พวกเขาถามว่า “อิบรอฮีม เจ้าทำ�เช่นนี้ต่อบรรดาเทวรูป ศักดิ์สิทธิ์ของเราใช่ไหม?” 63 เขาตอบว่า “ไม่ใช่ เทวรูปที่ใหญ่ที่สุดใน เทวรูปทั้งหมดต่างหากเป็นผู้ทำ� พวกท่านลองถามเทวรูปเหล่านั้นดูสิ ถ้า พวกมันพูดได้” 64 ดังนั้น พวกเขาจึงหันมามองหน้ากัน และกล่าวว่า “แน่นอน พวก แกเองนั่นแหละที่ผิด” 65 แต่หลังจากนั้น พวกเขาต่างก้มหน้ากล่าวด้วย ความละอายว่า “อิบรอฮีม เจ้าก็รู้ว่าเทวรูปเหล่านั้นพูดไม่ได้” 66 อิบรอฮีม จึงกล่าวว่า “แล้วพวกท่านยังละทิ้งพระเจ้าไปเคารพสักการะสิ่งอื่นที่ไม่ อาจยังคุณให้โทษใดๆแก่พวกท่านกระนั้นหรือ? 67 น่าละอายทั้งพวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชานอกไปจากพระเจ้า อย่างนี้แล้ว พวกท่าน ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” 68 พวกเขาจึงกล่าวว่า “จงเผาเขาทั้งเป็นและแก้แค้นแทนเทวรูป ศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่านถ้าหากพวกท่านต้องการจะทำ�” 69 ดังนั้น เราจึงได้ บัญชาว่า “ไฟเอ๋ย จงเย็นลงและเป็นที่ปลอดภัยสำ�หรับอิบรอฮีม 70 พวก เขาตั้งใจจะทำ�ร้ายอิบรอฮีม แต่เราได้ท�ำ ให้แผนการร้ายของพวกเขาต้อง ล้มเหลว 71 และเราได้น�ำ เขาและลูฏออกมาอย่างปลอดภัยยังแผ่นดินที่เราได้ ทำ�ให้ในนั้นเป็นที่จ�ำ เริญสำ�หรับผู้คนทั้งหมดของโลก 72 เราได้ประทาน อิสฮากแก่เขาและยะกู๊บเป็นการเพิ่มเติม และเราได้ท�ำ ให้พวกเขาแต่ละ คนเป็นผู้มีคุณธรรม 73 เราได้แต่งตั้งพวกเขาเป็นผู้น�ำ ที่นำ�ทางคนอื่นโดย คำ�บัญชาของเราและเราได้ดลใจพวกเขาให้ทำ�การงานที่ดีทั้งหลายและ ดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาต และพวกเขาทั้งหมดเคารพสักการะเรา 74 เราได้ประทานการตัดสินและความรู้แก่ลูฏและช่วยเขาให้พ้นจาก เมืองที่กระทำ�ความชั่วช้าลามกต่างๆ แท้จริง พวกเขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชน ที่ชั่วช้าและฝ่าฝืน 75 เราได้รับลูฏสู่ความเมตตาของเรา แท้จริง เขาเป็น หนึ่งในบรรดาผู้มีคุณธรรม

328

21. บรรดานบี

ก่อนหน้าเขา นูฮฺได้วิงวอนต่อเรา และเราได้ยินคำ�วิงวอนของเขา เราได้ช่วยเหลือเขาและคนในครอบครัวของเขาให้พ้นจากความหายนะ อันยิ่งใหญ่ 77 เราได้ช่วยเขาจากหมู่ชนที่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา แท้จริง พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนชั่ว ดังนั้น เราจึงได้ท�ำ ให้พวกเขาทั้งหมด จมน้ำ�ตาย 78 จงบอกพวกเขาถึงดาวูดและสุลัยมานเมื่อตอนที่เขาทั้งสองกำ�ลัง ตัดสินเรื่องสวนที่แกะฝูงหนึ่งหลงเข้าไปในตอนกลางคืนและเราเองได้เฝ้า มองการตัดสินเรื่องนี้อยู่ 79 ในตอนนั้น เราได้ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ สุลัยมานในเรื่องนี้ และเราได้ประทานวิทยปัญญาและความรู้แก่ทั้งสอง คน เราได้ท�ำ ให้ภูเขาและนกร่วมกับดาวูดในการสดุดีสรรเสริญเรา เรามี อำ�นาจที่จะทำ�สิ่งนี้ 80 เราได้สอนเขาถึงการทำ�เสื้อเกราะเพื่อสูเจ้า ทั้งนี้ เพื่อที่สูเจ้าจะได้ป้องกันตัวเองจากความรุนแรงของผู้อื่น แล้วสูเจ้าจะ ขอบคุณไหม? 81 เราได้ให้อำ�นาจสุลัยมานในการควบคุมลมพายุที่พัดตามคำ�สั่งของ เขาไปยังแผ่นดินที่เราได้ประทานความจำ�เริญแก่ที่นั่น เพราะเรามีความ รู้ในทุกสรรพสิ่ง 82 เราได้ให้อ�ำ นาจเขาควบคุมญินบางตนที่ด�ำ ลงไปใน ทะเลให้เขาและทำ�งานอื่นๆนอกไปจากนั้นอีก และเราได้เฝ้าดูพวกมัน ทั้งหมด 83 จงนึกถึงอัยยูบเมื่อเขาวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาว่า “ฉันได้ รับความทรมานจากโรคภัยและพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดในบรรดา ผู้เมตตาทั้งหลาย” 84 เราได้ตอบรับคำ�วิงวอนของเขาและได้ปลดเปลื้อง ความทรมานไปจากเขา และเราได้ให้ครอบครัวของเขากลับคืนไปหาเขา และมากไปกว่านั้นพร้อมกับพวกเขาด้วยในฐานะเป็นความเมตตาจาก เรา ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้เป็นข้อตักเตือนต่อบรรดาผู้เคารพสักการะเรา 85 จงนึกถึงอิสมาอีลและอิดรีสและซุลกิฟล์ เพราะพวกเขาทุกคนเป็น 76

อัล-อัมบิยาอ์

329

ผู้อดทน 86 เราได้รับพวกเขาสู่ความเมตตาของเราเพราะพวกเขาเป็นผู้มี คุณธรรม 87 จงนึกถึงคนที่อยู่ในท้องปลา(ยูนุส)เมื่อเขาหนีไปด้วยความโกรธ เพราะเขาคิดว่าเราไม่มีอำ�นาจเหนือเขา แต่หลังจากนั้น เขาได้วิงวอน ต่อเราจากท่ามกลางความมืดโดยกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใด นอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ แท้จริง ฉันเป็นผู้ท�ำ ผิดไป แล้ว” 88 ดังนั้น เราได้ตอบรับคำ�วิงวอนของเขาและได้ช่วยเขาให้พ้นจาก ความลำ�บาก นั่นแหละที่เราได้ช่วยเหลือผู้ศรัทธาทั้งหลายให้รอด 89 จงนึกถึงซะกะรียาเมื่อเขาได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาโดย กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดอย่าได้ปล่อยให้ฉันต้องอยู่คน เดียวโดยไม่มีบุตรเถิด ถึงแม้พระองค์ทรงเป็นผู้สืบทอดที่ดีที่สุด” 90 ดัง นั้น เราได้ตอบรับคำ�วิงวอนของเขาและเราได้ประทานยะฮฺยาแก่เขาและ ทำ�ให้ภรรยาของเขาสมบูรณ์(ที่จะมีบุตร)สำ�หรับเขา คนเหล่านี้แข่งขันกัน ในการทำ�ความดีและวิงวอนต่อเราด้วยความรักและความกลัว และพวก เขาเป็นผู้ถ่อมตนต่อเรา 91 จงนึกถึงผู้ที่ปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง ดังนั้น เราจึงได้เป่า วิญญาณของเราเข้าไปในตัวของนางและได้ท�ำ ให้นางและลูกของนางเป็น สัญญาณแก่มนุษย์ทั้งหมด 92 แท้จริง หมู่ชนนี้ของสูเจ้าเป็นหมู่ชนเดียวกันและฉันเป็นพระผู้ อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น จงเคารพสักการะฉัน 93 แต่พวกเขาได้แยกความ เชื่อ(หนึ่ง)ของพวกเขาออกเป็นหลายศาสนา แต่กระนั้น พวกเขาทั้งหมด จะกลับมาหาเรา 94 ใครก็ตามที่กระทำ�ความดีและเป็นผู้ศรัทธา ความ พยายามของเขาจะไม่ถูกปฏิเสธ เพราะเราเป็นผู้บันทึกมันไว้สำ�หรับพวก เขา 95 มันได้ถูกกำ�หนดไว้แล้วว่าไม่มีชาติใดที่เราได้ทำ�ลายไปแล้วจะกลับ มามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง 96 แต่เมื่อยะอฺญูจญ์(กอก)และมะญูจญ์(มากอก)ถูก

330

21. บรรดานบี

ปล่อยออกมา พวกมันจะดาหน้ากันลงมาจากที่สูงทุกแห่งและกระจาย กันออกไป (กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางทุกอย่างของแผ่นดินและทะเล) 97 เมื่อสัญญาที่แท้จริงของพระเจ้าใกล้เข้ามา บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะ ตกตะลึง พวกเขาจะกล่าวว่า “บรรลัยแล้วเรา เราไม่ได้ใส่ใจในสิ่งนี้ ใช่แต่ เท่านั้น เรายังเป็นผู้ท�ำ ผิดด้วย” 98 ความจริงแล้ว สูเจ้าและสิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะนอกเหนือไปจาก พระเจ้านั้นล้วนเป็นเชื้อเพลิงแห่งนรกทั้งสิ้น สูเจ้าจะได้เข้าไปอยู่ในนั้น 99 ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง พวกมันก็ไม่ต้องเข้าไปในนั้น แต่ตอนนี้ พวกมันทั้งหมดจะอยู่ในนั้นตลอดไป 100 ที่นั่น พวกมันจะร้อง ครวญคราง และพวกมันจะไม่ได้ยินสิ่งใด 101 แต่บรรดาผู้ที่เราได้ก�ำ หนด รางวัลแห่งความดีไว้แล้วนั้น พวกเขาจะถูกรักษาไว้ให้ห่างจากนรก 102 พวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแผ่วเบาของมัน และพวกเขาจะได้ พำ�นักอยู่ท่ามกลางสิ่งที่พวกเขาต้องการ 103 เวลาแห่งความน่าสะพรึง กลัวครั้งใหญ่(ของวันแห่งการพิพากษา)จะไม่ทำ�ให้พวกเขาต้องว้าวุ่น ทูตสวรรค์จะออกมาต้อนรับพวกเขาและกล่าวว่า “นี่คือวันที่พวกท่านทั้ง หลายได้ถูกสัญญาไว้” 104 ในวันนั้น เราจะม้วนท้องฟ้าเหมือนกับการม้วนแผ่นกระดาษ เรา จะนำ�สิ่งถูกสร้างออกมาอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับเราที่เราได้ให้มันบังเกิด ขึ้นมาในตอนแรก นี่เป็นคำ�สัญญาที่เราได้ท�ำ ไว้ต่อเราเองและเราจะทำ� ตามนั้น 105 และเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ษะบูรฺหลังจากข้อตักเตือนนั้นว่า “บ่าวผู้มีคุณธรรมของฉันจะเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินนั้น” 106 แท้จริง ในนั้นมี ข่าวดีส�ำ หรับหมู่ชนที่เคารพสักการะที่แท้จริง 107 (โอ้มุฮัมมัด) เรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อความเมตตา ต่อมนุษยชาติทั้งหมด 108 จงบอกพวกเขาว่า “สิ่งที่ถูกเปิดเผยให้ฉันได้ รู้ก็คือ พระเจ้าของพวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว แล้วพวกท่านจะยอม จำ�นนต่อพระองค์ไหม?” 109 หลังจากนั้นแล้ว ถ้าพวกเขาหันหลังให้ จง

อัล-ฮัจญ์

331

บอกพวกเขาว่า “ฉันได้เตือนพวกท่านให้รู้กันอย่างเปิดเผยแล้ว ตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้นั้นอยู่ใกล้หรือไกล 110 (อย่างไร ก็ตาม จงรู้ไว้ว่า)พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านพูดออกมาอย่างเปิด เผยและสิ่งที่พวกท่านปิดบังไว้ 111 ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นวิธีการทดสอบสำ�หรับ พวกท่านและเป็นประวิงเวลาสั้นๆหรือไม่” 112 จงกล่าวเถิด “ข้าแต่พระผู้ อภิบาลของฉัน โปรดพิพากษาด้วยความจริง พระผู้อภิบาลของเราเป็น ผู้ทรงกรุณาปรานีที่เราขอความช่วยเหลือต่อสิ่งที่พวกท่านกล่าว 22. การแสวงบุญ

อัล-ฮัจญ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมือ 1 มนุษย์เอ๋ย จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของสูเจ้า แท้จริงแล้ว การสั่น สะเทือนของยามอวสานนั้นรุนแรงยิ่งนัก 2 เมื่อวันนั้นมาถึง สูเจ้าจะได้ เห็นว่าแม่ทุกคนที่ให้นมลูกจะทิ้งการให้นมลูกของนาง และหญิงมีครรภ์ ทุกคนจะคลอดลูกของนางก่อนกำ�หนด และสูเจ้าจะเห็นผู้คนมีอาการ มึนเมาถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้เมา แต่การลงโทษของพระเจ้านั้นรุนแรงยิ่ง กว่า 3 ในหมู่มนุษย์มีบางคนที่มัวถกเถียงเกี่ยวกับพระเจ้าโดยไม่มีความรู้ ใดๆและพวกเขาปฏิบัติตามมารร้ายที่ดื้อรั้น 4 ใครก็ตามที่เป็นพวกกับมัน เขาผู้นั้นได้ถูกกำ�หนดไว้แล้วว่าจะถูกมันล่อลวงให้หลงทางและนำ�เขาไป สู่การลงโทษด้วยเปลวไฟในนรก 5 มนุษย์เอ๋ย ถ้าหากสูเจ้ายังสงสัยคลางแคลงเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพ หลังความตายอยู่ สูเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าเราได้สร้างสูเจ้ามาจากดินในตอน แรก หลังจากนั้นจากหยดอสุจิ แล้วจากก้อนเลือด แล้วจากก้อนเนื้อ ทั้ง ที่เป็นรูปร่างสมบูรณ์หรือไม่เป็นรูปร่าง เพื่อที่เราจะแสดงให้สูเจ้าเห็น

332

22. การแสวงบุญ

อำ�นาจของเรา และเราได้ท�ำ ให้อสุจิที่เราประสงค์เหล่านั้นอยู่ในมดลูกชั่ว ระยะเวลาที่กำ�หนดไว้ หลังจากนั้น เราได้ให้สูเจ้าเป็นทารกและเติบโต เป็นผู้ใหญ่ หลังจากนั้น ในหมู่สูเจ้านั้นอาจมีบางคนที่ถูกเรียกกลับก่อน และบางคนที่กลับไปสู่วัยอันน่าสังเวชซึ่งเป็นวัยที่พวกเขาจะไม่รู้อะไร เลยหลังจากที่พวกเขาได้รู้ทุกสิ่ง สูเจ้าได้เห็นแผ่นดินแห้งแล้ง แต่เมื่อเรา ได้ส่งน้ำ�ฝนลงมาบนมัน มันก็ร่วนซุยและทำ�ให้พืชพันธุ์หลากชนิดมีชีวิต งอกเงยออกมา 6 ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงสัจจะ พระองค์ ทรงนำ�ความตายมาสู่ชีวิตและพระองค์ทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสรรพสิ่ง 7 ยามอวสานจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีข้อสงสัยใดๆในเรื่องนี้ และ แน่นอนที่สุด พระองค์จะทำ�ให้ผู้ที่อยู่ในสุสานทั้งหลายฟื้นขึ้น 8 ในหมู่มนุษย์นั้นมีบางคนโต้เถียงเกี่ยวกับพระเจ้าโดยไม่มีความรู้ และทางนำ�และคัมภีร์ส่องสว่างทางปัญญา 9 พวกเขาหันหลังให้อย่าง โอหังและพาผู้คนให้หลงไปจากทางของพระเจ้า คนเหล่านี้จะได้รับความ อัปยศในโลกนี้และในวันแห่งการพิพากษา เราจะทำ�ให้เขาได้ลิ้มรส การลงโทษในไฟ 10 (พระเจ้าจะกล่าวว่า) “นี่คือรางวัลตอบแทนที่สูเจ้า ได้เตรียมไว้สำ�หรับตัวสูเจ้าด้วยมือของสูเจ้าเอง แท้จริง พระเจ้ามิทรง อธรรมต่อปวงบ่าวของพระองค์” 11 ในหมู่มนุษย์นั้นมีบางคนที่เคารพสักการะพระเจ้าเพียงครึ่งหัวใจ ถ้าหากความดีอันใดเกิดขึ้นแก่เขา เขาก็พอใจ แต่ถ้าหากมีเคราะห์กรรม อันใดเกิดขึ้นแก่เขา เขาก็หันกลับไปสู่วิถีเดิมๆของพวกเขา ดังนั้น เขาจึง ขาดทุนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า นี่คือการขาดทุนที่ชัดเจน 12 เขาวิงวอนขอต่อสิ่งอื่นที่ไม่สามารถให้โทษและไม่ให้คุณแก่เขา แทนพระเจ้า นั่นเป็นการหลงผิดไปไกลลิบ 13 เขาวิงวอนบรรดาผู้ที่จะ ให้โทษแก่เขามากกว่าให้คุณ ช่างเป็นผู้คุ้มครองที่ชั่วช้าและสหายที่ 14 เลวทรามเสียนี่กระไร สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้น

อัล-ฮัจญ์

333

พระเจ้าจะทรงรับพวกเขาเข้าสู่สวนสวรรค์ที่เบื้องล่างมีลำ�น้ำ�หลายสาย ไหลผ่าน แท้จริง พระเจ้าทรงทำ�ในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ 15 สำ�หรับคนที่คิดว่าพระเจ้าจะไม่ทรงช่วยเขา(ศาสนทูตของพระองค์) ในโลกนี้และโลกหน้า ให้เขาขึ้นไปสู่ท้องฟ้าด้วยเชือกและเจาะช่องปีน เข้าไปในนั้นแล้วดูว่าแผนการของเขาจะสามารถขจัดสาเหตุแห่งความ โกรธของเขาได้ไหม 16 เราได้ประทานกุรอานนี้ลงมาพร้อมกับหลักฐาน อันชัดเจน และพระเจ้าเท่านั้นทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ 17 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาชาวยิวและชาวซอบิอีนและชาว คริสเตียนและชาวมะญูซและบรรดาผู้ทำ�ชิริกนั้น พระเจ้าจะทรงตัดสิน ระหว่างพวกเขาในวันแห่งการพิพากษา เพราะทุกสิ่งอยู่ในสายตาของ พระเจ้าแล้ว 18 สูเจ้ามิเห็นหรือว่าใครก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เช่น เดียวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์และดวงดาวและภูเขาและต้นไม้และ สัตว์ทั้งปวงและมนุษย์ทั้งหมดล้วนยอมจำ�นนต่อพระเจ้า? แต่มีมนุษย์ มากมายที่สมควรได้รับการลงโทษ ใครก็ตามที่พระเจ้าได้ท�ำ ให้เขา อัปยศตกต่�ำ จะไม่มีใครให้เกียรติเขา แท้จริง พระเจ้าทรงทำ�อะไรก็ตามที่ พระองค์ทรงประสงค์ 19 คนสองกลุ่มนี้(ผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธสัจธรรม)ถกเถียงกันเกี่ยวกับ พระผู้อภิบาลของพวกเขา สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นจะได้อาภรณ์แห่ง ไฟซึ่งถูกตัดไว้ส�ำ หรับพวกเขา และเหนือศีรษะของพวกเขาจะมีน�้ำ เดือด เทราดลงมาบนหัวของพวกเขา 20 ซึ่งไม่เพียงแต่จะละลายผิวหนังของ พวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมทุกส่วนในของท้องของพวกเขาด้วย 21 และจะ มีแท่งเหล็กคอยฟาดเขา 22 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพยายามจะออกจาก นรกเพราะความเจ็บปวด พวกเขาจะถูกผลักให้กลับเข้าไปในนั้นอีก และ พวกเขาจะถูกบอกว่า “จงลิ้มรสการลงโทษในเปลวเพลิง” 23 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี พระเจ้าจะทรงรับพวก

334

22. การแสวงบุญ

เขาเข้าสู่สวรรค์ซึ่งภายใต้นั้นมีลำ�น้�ำ หลายสายไหลผ่าน ที่นั่น พวกเขาจะ ถูกประดับด้วยกำ�ไลทองคำ�และไข่มุกและอาภรณ์ของพวกเขาจะทำ�ด้วย ผ้าไหม 24 นี่เป็นเพราะพวกเขาได้ถูกนำ�ไปสู่วจนะอันบริสุทธิ์และได้ถูก นำ�ไปสู่ทางของผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ 25 ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและขัดขวางคนอื่นจากหนทางของ พระเจ้าและจากการไปมัสญิดฮะรอมที่เราได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ทุก คนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันทั้งผู้ที่อยู่ในนั้นและผู้ที่อยู่ข้างนอก และใครก็ตามที่ หันเหออกจากความถูกต้องโดยการทำ�ความชั่วขึ้นในนั้น เราจะทำ�ให้เขา ได้ลิ้มรสการลงโทษอันเจ็บปวด 26 เราได้กำ�หนดที่ตั้งของบ้านหลังนี้(ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ)แก่อิบรอฮีมโดยกล่าว ว่า “จงอย่าเอาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับฉัน และจงรักษาบ้านของฉันให้สะอาด สำ�หรับผู้มาเวียนรอบและสำ�หรับผู้ยืนและโค้งและกราบ” 27 จงเรียกร้องมนุษย์ให้มาทำ�ฮัจญ์จากทั้งไกลและใกล้โดยทางเท้า และบนอูฐเพรียวทุกตัว 28 ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ประจักษ์ถึงคุณานุ ประโยชน์ที่ได้ท�ำ ไว้สำ�หรับพวกเขา และในระหว่างวันทั้งหลายที่ได้รู้กัน แล้วนั้น พวกเขาจะเอ่ยนามของพระเจ้าเหนือปศุสัตว์ที่พระองค์ได้ทรง ประทานแก่พวกเขา หลังจากนั้น พวกเขาจะกินเนื้อของมันก็ได้ และ จงให้มันเป็นอาหารแก่คนยากจนและคนขัดสน” 29 หลังจากนั้น ให้ผู้มา แสวงบุญชำ�ระสิ่งสกปรกของพวกเขาและปฏิบัติตามที่พวกเขาบนบานไว้ ให้ครบและเวียนรอบบ้านโบราณหลังนี้ 30 นี่แหละคือคำ�บัญชาของพระเจ้า ใครที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต้อง ห้ามทั้งหลายของพระเจ้าได้ทรงกำ�หนดไว้ มันก็เป็นการดีส�ำ หรับเขาใน สายตาของพระผู้อภิบาลของเขา และปศุสัตว์ทั้งหลายได้ถูกทำ�ให้เป็นที่ อนุมัติสำ�หรับสูเจ้า ยกเว้นตามที่ได้บอกแก่สูเจ้าไปแล้ว ดังนั้น จงปกป้อง ตัวของสูเจ้าเองให้พ้นจากสิ่งโสมมของเจว็ดบูชาทั้งหลาย และจงละเว้น จากสิ่งเท็จทั้งมวล

อัล-ฮัจญ์

335

จงเป็นผู้เคารพสักการะที่จริงใจของพระเจ้าและจงอย่านำ�สิ่งใดมา เป็นภาคีกับพระองค์ เพราะคนที่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีร่วมกับพระองค์นั้นจะ เหมือนกับผู้ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและนกมาเฉี่ยวเขาไปหรือไม่ก็ลมพัด เขาออกไปยังสถานที่อันห่างไกล 32 นี่แหละคือความจริง ใครก็ตามที่ให้ความเคารพสัญลักษณ์ที่ พระเจ้ากำ�หนดขึ้นก็แสดงถึงความยำ�เกรงของหัวใจของเขา 33 สูเจ้าได้ รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากปศุสัตว์จนถึงเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ หลัง จากนั้น พวกมันต้องถูกเชือดพลีที่บ้านโบราณ 34 สำ�หรับทุกหมู่ชนนั้น เราได้กำ�หนดวิธีการพลีไว้เพื่อที่พวกเขาจะ ได้เปล่งพระนามของพระเจ้าเหนือปศุสัตว์ที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่ พวกเขา พระเจ้าของสูเจ้าคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น สูเจ้าจงนอบน้อม ยอมจำ�นนต่อพระองค์ และ(โอ้นบี) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ถ่อมตน 35 ผู้ที่หัวใจของพวกเขาหวั่นกลัวเมื่อมีการเอ่ยถึงพระเจ้าต่อหน้าพวกเขา และผู้อดทนต่อความทุกข์ยากเดือดร้อนที่เกิดขึ้นแก่พวกเขาและผู้ดำ�รง นมาซและใช้จ่ายจากที่เราได้ประทานแก่พวกเขา 36 เราได้รวมเอาอูฐที่เตรียมไว้เชือดพลีเป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่พระเจ้า ทรงกำ�หนดไว้ด้วย เพราะในตัวมันมีสิ่งดีมากมายสำ�หรับสูเจ้า ดังนั้น จง ให้พวกมันยืน และจงเอ่ยพระนามของพระเจ้าเหนือมัน เมื่อมันล้มลงตาย แล้ว สูเจ้าจงกินเนื้อของมันและให้มันแก่ผู้ที่ไม่เอ่ยขอและแก่ผู้ที่เอ่ยขอ ทำ�นองนี้แหละที่เราได้ทำ�ให้สัตว์เหล่านี้อยู่ใต้อำ�นาจของสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้า จะได้ขอบคุณ 37 เนื้อของมันและเลือดของมันไม่ถึงพระเจ้า แต่ความ ยำ�เกรงของสูเจ้าต่างหากที่ถึงพระองค์ นั่นแหละที่พระองค์ได้ทรงทำ�ให้ สัตว์เหล่านี้อยู่ใต้อำ�นาจของสูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ประกาศความยิ่งใหญ่ ของพระเจ้าสำ�หรับทางนำ�ที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่สูเจ้า และ(โอ้นบี) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ทำ�ความดี 38 พระเจ้าทรงป้องกันบรรดาผู้ศรัทธา พระองค์ไม่ทรงโปรดผู้ทรยศ ผู้ 31

336

22. การแสวงบุญ

เนรคุณ 39 สำ�หรับบรรดาผู้ถูกโจมตีนั้นได้รับอนุญาต(ให้ต่อสู้) เพราะพวก เขาถูกกดขี่ข่มเหงและพระเจ้าทรงสามารถช่วยพวกเขาได้อย่างแน่นอน 40 คนเหล่านี้คือผู้ที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือนอย่างไม่เป็นธรรมเพียง เพราะพวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าคือพระผู้อภิบาลของเรา” ถ้าหากพระเจ้า ไม่ทรงกำ�ราบคนหมู่หนึ่งโดยอาศัยคนอีกหมู่หนึ่งแล้ว สถานที่บ�ำ เพ็ญ ภาวนา โบสถ์ สุเหร่าและมัสญิดซึ่งเป็นสถานที่ที่พระนามของพระเจ้า ถูกกล่าววิงวอนก็จะถูกทำ�ลาย พระเจ้าจะทรงช่วยบรรดาผู้ช่วยเหลือ พระองค์ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำ�นาจโดยแท้จริง 41 (พวกเขาคือ)ผู้ที่หากเราประทานอำ�นาจแก่พวกเขาในแผ่นดิน พวก เขาจะดำ�รงนมาซ จ่ายซะกาต กำ�ชับกันในสิ่งดีงามและห้ามปรามความ ชั่ว และการตัดสินครั้งสุดท้ายของกิจการทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับพระเจ้า 42 (โอ้นบี) ถ้าพวกที่คัดค้านเจ้าถือว่าเจ้าเป็นผู้โกหก เจ้าจงจำ�ไว้ ก่อน หน้าพวกเขา หมู่ชนของนูฮฺ ชาวอ๊าดและชาวษะมูดได้ปฏิเสธบรรดา ศาสนทูตของพวกเขามาแล้ว 43 เช่นเดียวกับหมู่ชนของอิบรอฮีมและหมู่ ชนของลูฏ 44 และชาวมัดยันด้วย แม้มูซาเองก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้โกหก แต่ฉันได้ผ่อนผันให้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเหล่านั้นก่อน แต่หลังจาก นั้น ฉันได้ทำ�ลายพวกเขา แล้วดูเอาเองว่าการลงโทษของฉันเป็นเช่นไร 45 มีซากที่อยู่อาศัยของคนชั่วกี่แห่งแล้วที่เราได้ท�ำ ลายด้วยการให้ หลังคาบ้านพังลงมา บ่อน้ำ�กี่แห่งแล้วที่ถูกทิ้งไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ และปราสาทกี่แห่งแล้วที่กำ�ลังเป็นซากปรักหักพัง 46 พวกเขาไม่ได้ท่อง ไปในแผ่นดินเพื่อทำ�ให้หัวใจของพวกเขาได้คิดและหูของพวกเขาได้ยิน กระนั้นหรือ? ความจริงแล้ว หัวใจในทรวงอกต่างหากที่มืดบอด หาใช่ ดวงตาที่บอด 47 คนเหล่านี้กำ�ลังรบเร้าเจ้าให้รีบนำ�การลงโทษมา พระเจ้าจะไม่มีวัน ผิดสัญญาของพระองค์อย่างแน่นอน แต่วันหนึ่งของเจ้านั้นเท่ากับพันปี ตามที่สูเจ้านับ 48 มีถิ่นที่อยู่อาศัยของคนชั่วหลายแห่งที่ฉันได้ประวิงเวลา

อัล-ฮัจญ์

337

ไว้ในตอนแรก แล้วหลังจากนั้น ฉันได้ท�ำ ลายมันและทั้งหมดต้องกลับไป หาฉัน 49 (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “มนุษย์เอ๋ย ฉันเป็นเพียงผู้ตัก เตือนให้เป็นที่กระจ่างแก่พวกท่านเท่านั้น” 50 ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดีจะได้รับการให้อภัยและได้รับการประทานปัจจัยอย่างมี เกียรติ 51 ส่วนบรรดาผู้ที่พยายามหาทางต่อต้านสัญญาณทั้งหลายของ เรานั้น คนเหล่านี้จะได้เป็นผู้อยู่อาศัยในไฟนรก 52 (โอ้มุฮัมมัด) เมื่อใดก็ตามที่เราส่งศาสนทูตหรือนบีก่อนหน้าเจ้า และเขาอ่านสิ่งใดก็ตาม(ที่เราประทานมา) ซาตานพยายามที่จะเข้าไป แทรกแซง แต่พระเจ้าได้ทรงทำ�ลายความชั่วร้ายของซาตานและทรง ยืนยันสิ่งที่พระองค์ประทานมา เพราะพระเจ้าทรงรอบรู้ ทรงปรีชาญาณ 53 พระองค์ทรงทำ�ให้งานของซาตานเป็นการทดสอบบรรดาผู้ที่หัวใจของ พวกเขาเป็นโรค(ตลบตะแลง)หรือแข็งกระด้าง แท้จริงแล้ว ผู้ท�ำ ความ ผิดเหล่านี้หลงไปไกลในความผิด 54 และเพื่อที่บรรดาผู้มีความรู้จะได้ ตระหนักว่านี่คือความจริงจากพระผู้อภิบาลของเจ้าและพวกเขาจะได้ ศรัทธามัน และหัวใจของพวกเขาจะได้นอบน้อมถ่อมตนต่อมัน แท้จริง พระเจ้าทรงนำ�ทางบรรดาผู้ศรัทธาไปยังหนทางที่เที่ยงตรงเสมอ 55 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกระทั่งยาม อวสานเกิดขึ้นกับพวกเขาโดยฉับพลันหรือการลงโทษแห่งวันอันไร้ผล เกิดขึ้นแก่พวกเขา 56 ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงเป็นผู้มีอำ�นาจสูงสุด และ พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขา หลังจากนั้น บรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดีจะได้อยู่ในสวรรค์แห่งความโปรดปราน 57 ส่วนบรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมและถือว่าสัญญาณทั้งหลายของเราเป็นเท็จนั้น พวกเขา จะได้รับการลงโทษอันอัปยศ 58 สำ�หรับบรรดาผู้อพยพในหนทางของพระเจ้า แล้วเขาถูกฆ่าหรือ ตาย พระเจ้าจะทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดีแก่พวกเขา แท้จริง พระเจ้า

338

22. การแสวงบุญ

ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ประทานปัจจัยยังชีพทั้งหลาย 59 พระองค์จะทรงรับ เขาเข้าไปสู่สถานที่ที่พวกเขาพึงพอใจ แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้และทรง ผ่อนปรน 60 เช่นเดียวกัน สำ�หรับผู้ที่แก้แค้นเท่ากับที่เขาถูกรังแกและหลังจาก นั้นยังถูกกดขี่ข่มเหงอีก แน่นอน พระเจ้าจะทรงช่วยเขา แท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงเมตตาและผู้ทรงให้อภัย 61 ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระเจ้าคือผู้ทรงนำ�กลางวันออกมาจากกลาง คืนและกลางคืนออกมาจากกลางวันและพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรง เห็นทุกสิ่ง 62 ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระเจ้าเท่านั้นคือผู้ทรงสัจจะและสิ่งอื่น ทั้งหมดที่พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระองค์นั้นเป็นความเท็จ พระเจ้า เป็นผู้ทรงสูงส่งและทรงยิ่งใหญ่ 63 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงส่งน้�ำ ลงมาจากท้องฟ้าและแผ่น ดินได้กลายเป็นสีเขียวเพราะมัน? แท้จริง พระเจ้าทรงละเอียดอ่อนยิ่ง และทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 64 ของพระองค์คือทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย ผู้ทรงได้รับการ สรรเสริญ 65 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระองค์ได้ทรงทำ�ให้ทุกสิ่งในแผ่นดินอยู่ใน อำ�นาจของสูเจ้าและได้ทรงให้เรือลอยอยู่เหนือทะเลตามคำ�บัญชาของ พระองค์ พระองค์ได้ทรงพยุงชั้นฟ้าไว้ในลักษณะที่มันไม่สามารถหล่น ลงมาถ้าหากพระองค์ไม่ทรงอนุมัติ แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอ่อนโยน ผู้ทรงเมตตาต่อปวงมนุษย์ 66 พระองค์คือผู้ทรงให้สูเจ้ามีชีวิตและทรง ทำ�ให้สูเจ้าตาย และพระองค์จะทรงทำ�ให้สูเจ้าฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงกระนั้น มนุษย์เป็นผู้เนรคุณที่สุด 67 สำ�หรับทุกประชาชาตินั้น เราได้ก�ำ หนดวิธีการเคารพสักการะซึ่ง พวกเขาได้ปฏิบัติตาม ดังนั้น(โอ้มุฮัมมัด) จงอย่าให้พวกเขาโต้แย้งกับ เจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จงเชิญชวนผู้คนไปยังหนทางของพระผู้อภิบาล

อัล-ฮัจญ์

339

ของเจ้า เพราะเจ้าอยู่บนหนทางที่เที่ยงตรง 68 ถ้าพวกเขายังโต้แย้งกับ เจ้า จงบอกพวกเขาว่า “พระเจ้าทรงรู้ดีว่าพวกท่านกำ�ลังทำ�อะไร” 69 ใน วันแห่งการตัดสิน พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างสูเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่สูเจ้า ขัดแย้งกัน 70 สูเจ้าไม่รู้ดอกหรือว่าพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่งทั้งในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน? ทุกสิ่งได้อยู่ในบันทึกหมดแล้ว นี่เป็นเรื่องง่ายสำ�หรับ พระเจ้า 71 พวกเขาเคารพสักการะสิ่งอื่นแทนพระเจ้าซึ่งพระองค์ไม่ได้ประทาน หลักฐานอันใดลงมาและพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นด้วย แน่นอน ผู้ทำ�ความผิดจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ 72 เมื่อความจริงที่เราเปิดเผย ได้ถูกอ่านให้พวกเขา เจ้าจะได้เห็นอาการบอกปัดบนใบหน้าของบรรดา ผู้ปฏิเสธสัจธรรมเหมือนกับพวกเขาจะโจมตีบรรดาผู้อ่านสาสน์ของเรา ให้พวกเขาฟัง จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จะให้ฉันบอกพวกท่านถึงสิ่งที่เลว ร้ายกว่านี้ไหม? มันคือไฟที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมและเป็นที่พำ�นักอันชั่วช้า” 73 มนุษย์เอ๋ย นี่คืออุปมาที่จะบอกแก่สูเจ้า จงฟังให้ดี สิ่งที่สูเจ้าวิงวอน นอกไปจากพระเจ้านั้นไม่สามารถที่จะสร้างแมลงวันได้สักตัวแม้พวกมัน ทั้งหมดจะรวมกันเพื่อการนี้ก็ตาม ถ้าแมลงวันนำ�สิ่งใดไปจากพวกมัน พวกมันก็ไม่สามารถเอาสิ่งนั้นกลับมาจากแมลงวันได้ ช่างอ่อนแอเสีย นี่กระไรทั้งผู้ขอและผู้ถูกขอ 74 พวกเขาไม่ได้ให้ความเคารพต่อพระเจ้า ตามสมควรที่พวกเขาจะทำ� แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำ�นาจ 75 พระเจ้าทรงเลือกศาสนทูตของพระองค์จากบรรดาทูตสวรรค์และ จากหมู่มนุษย์(เพื่อนำ�คำ�บัญชาของพระองค์) พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่ง และทรงรู้ทุกสิ่ง 76 พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและที่ถูก ปิดบังจากพวกเขา และเรื่องทั้งหมดจะถูกนำ�กลับไปยังพระองค์ 77 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงโค้งและจงก้มลงกราบ และจงเคารพสักการะ พระผู้อภิบาลของสูเจ้า และจงทำ�ความดีเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความสำ�เร็จ

340

23. บรรดาผู้ศรัทธา

ที่แท้จริง 78 จงต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าด้วยความพยายามอย่างสุด กำ�ลังของสูเจ้า พระองค์ทรงเลือกสูเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์ และพระองค์ มิได้ทรงวางภาระหนักอันใดแก่สูเจ้าในศาสนาของสูเจ้า ดังนั้น จงมั่นคง ในศาสนาของบรรพบุรุษของสูเจ้า นั่นคือ อิบรอฮีม พระองค์ทรงเรียก สูเจ้าว่ามุสลิมในคัมภีร์ก่อนหน้านี้และได้เรียกสูเจ้าในนี้(กุรอาน)ด้วย เพื่ อ ที่ ศ าสนทู ต จะได้ เ ป็ น พยานแก่ สู เ จ้ า และสู เ จ้ า จะได้ เ ป็ น พยานต่ อ มนุษยชาติ ดังนั้น จงดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาตและยึดมั่นต่อพระเจ้า เพราะพระองค์เป็นนายของสูเจ้า ผู้ทรงเป็นนายที่ดีเลิศที่สุดและผู้ทรง ช่วยเหลือที่ดีที่สุด 23. บรรดาผู้ศรัทธา

อัล-มุมินูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 แน่นอนที่สุด ผู้ประสบความสำ�เร็จคือบรรดาผู้ศรัทธา 2 ผู้ถ่อมตนใน การนมาซของพวกเขา 3 ผู้หลีกห่างจากสิ่งไร้สาระทั้งหลาย 4 ผู้จ่ายซะ กาต 5 ผู้ปกป้องอวัยวะเพศของตัวเอง 6 ยกเว้นกับภรรยาของพวกเขา และบรรดาหญิงที่อยู่ในการครอบครองของพวกเขาอย่างถูกต้อง เพราะ ในกรณีเช่นนั้น พวกเขาจะไม่ถูกตำ�หนิ 7 แต่ที่เลยเถิดไปกว่านี้(เพื่อตอบ สนองความต้องการทางเพศ) พวกเขาเป็นผู้ละเมิด 8 ผู้ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ พวกเขาได้รับมอบหมายและต่อสัญญาของพวกเขา 9 และผู้รักษาการ นมาซของพวกเขาอย่างเข้มงวด 10 พวกเขาเหล่านี้คือทายาทแห่งสวรรค์ 11 พวกเขาจะได้อยู่ในนั้นตลอดไป 12 เราได้สร้างมนุษย์มาจากแก่นสารของดิน 13 หลังจากนั้น เราได้ ทำ�ให้เชื้ออสุจิอยู่ในที่อันปลอดภัย 14 แล้วเราได้ทำ�ให้เชื้ออสุจิเป็นก้อน

อัล-มุมินูน

341

เลือด แล้วเราได้ท�ำ ให้ก้อนเลือดเป็นก้อนเนื้อ แล้วเราได้ทำ�ให้ก้อนเนื้อ นั้นเป็นกระดูก แล้วเราได้หุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้น�ำ เขาออก มาเป็นสิ่งถูกสร้างอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น มหาจำ�เริญยิ่งคือพระเจ้าผู้ทรง เป็นเลิศที่สุดของบรรดาผู้สร้างทั้งหลาย 15 แล้วหลังจากนั้น สูเจ้าก็ตาย 16 หลังจากนั้น สูเจ้าจะถูกทำ�ให้ฟื้นขึ้นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ 17 เราได้สร้างหนทางทั้งเจ็ดไว้เหนือสูเจ้า เรามิได้เป็นผู้ไร้ความ ชำ�นาญในการสร้าง 18 เราได้ส่งฝนลงมาจากท้องฟ้าในปริมาณที่กำ�หนด ไว้ แล้วเราได้ให้มันขังอยู่ในแผ่นดิน และเราสามารถที่จะเอามันออก ไปจากนั้นตามที่เราประสงค์ 19 เราได้ท�ำ ให้สวนอินทผลัมและสวนองุ่น งอกเงยขึ้นมา ในสวนนั้นมีผลไม้รสอร่อยมากมายและส่วนหนึ่งสูเจ้า ได้กินมัน 20 เราได้ให้มีต้นไม้ที่ขึ้นบนภูเขาซีนายซึ่งให้น�้ำ มันและได้ถูก นำ�ไปใช้เป็นอาหารโดยผู้ชอบกินมัน 21 แท้จริงแล้ว ในปศุสัตว์นั้นมีบท เรียนสำ�หรับสูเจ้า เราได้ให้สิ่งที่อยู่ในท้องของมันเป็นเครื่องดื่มแก่สูเจ้า นอกจากนี้แล้ว สูเจ้ายังได้ประโยชน์อื่นๆจากมันอีกมากมายและสูเจ้ายัง ได้กินเนื้อของมัน 22 และสูเจ้าขี่มันเช่นเดียวกับสูเจ้าโดยสารในเรือ 23 เราได้ส่งนูฮฺ(โนอาห์)มายังหมู่ชนของเขา เขากล่าวว่า “หมู่ชน ของฉันเอ๋ย จงเคารพสักการะพระเจ้าเท่านั้น พวกท่านไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อื่นใดนอกไปจากพระองค์ พวกท่านไม่เกรงกลัวพระองค์กระนั้นหรือ?” 24 แต่บรรดาหัวหน้าของผู้ปฏิเสธสัจธรรมในหมู่ชนของเขาได้กล่าวว่า “คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกไปจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนพวก เจ้า เขาเพียงแต่ต้องการทำ�ตัวให้อยู่เหนือพวกเจ้า ถ้าหากพระเจ้าทรง ประสงค์ พระองค์น่าจะส่งทูตสวรรค์ลงมา เราไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้จาก บรรพบุรุษของเรามาก่อน 25 เขาเป็นแค่เพียงคนบ้า เพราะฉะนั้น จงคอย สักหน่อย” 26 นูฮฺได้กล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงช่วยฉันด้วยเถิด เพราะ พวกเขาปฏิเสธฉัน” 27 ดังนั้น เราจึงได้เปิดเผยเจตนาของเราแก่เขาว่า

342

23. บรรดาผู้ศรัทธา

“จงต่อเรือขึ้นมาตามคำ�สั่งของเราโดยเร็ว เมื่อคำ�บัญชาของเรามาและน้ำ� พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน จงนำ�เอาสัตว์ทุกชนิดอย่าละคู่ขึ้นบนเรือ รวม ทั้งคนในครอบครัวของเจ้าด้วย ยกเว้นบรรดาผู้ที่ได้ถูกตัดสินไปแล้ว และ จงอย่าร้องขออะไรต่อฉันให้แก่พวกคนที่ทำ�ความผิด เพราะพวกเขาจะ ถูกทำ�ให้จมน้ำ�ตาย 28 เมื่อเจ้าอยู่ในเรือพร้อมกับบรรดาผู้ติดตามเจ้าแล้ว จงกล่าวว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยให้เราพ้นจากพวกคน ชั่ว” 29 และจงวิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงให้ฉันขึ้นบกด้วย ความจำ�เริญของพระองค์ในแผ่นดินอันจำ�เริญด้วยเถิด เพราะพระองค์ ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้ก�ำ หนดให้จอด” 30 แท้จริง ในเรื่องนี้มี สัญญาณอันชัดเจนหลายอย่าง และเราเป็นผู้ทดสอบมนุษย์เสมอ 31 หลังจากพวกเขาแล้ว เราได้ให้มีหมู่ชนเกิดขึ้นอีกรุ่นหนึ่ง 32 แล้ว เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากในหมู่พวกเขาไปยังพวกเขา เขากล่าวว่า “จงเคารพสักการะพระเจ้าเท่านั้น พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก พระองค์ พวกท่านไม่กลัวพระเจ้าดอกหรือ?” 33 แต่บรรดาหัวหน้าหมู่ชน ของเขาที่ปฏิเสธสัจธรรมและปฏิเสธชีวิตในโลกหน้าและผู้ที่เราให้ความ เจริญมั่งคั่งในชีวิตโลกนี้แก่เขาได้กล่าวว่า “คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอก ไปจากมนุษย์ธรรมดาเหมือนกับพวกเจ้า เขากินเหมือนกับที่พวกเจ้ากิน และดื่มเหมือนกับที่พวกเจ้าดื่ม 34 ถ้าหากพวกเจ้ายอมปฏิบัติตามมนุษย์ เหมือนอย่างพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน 35 เขาบอกพวกเจ้าหรือว่าหลังจากที่พวกเจ้าตายกลายเป็นผุยผงและ เป็นกระดูกไปแล้ว พวกเจ้าจะถูกนำ�ออกมาอีกครั้งหนึ่ง? 36 สิ่งที่พวกเจ้า ได้ถูกสัญญาไว้เป็นเรื่องที่ไกลเกินจริง 37 ไม่มีชีวิตอื่นใดอีกแล้วนอกจาก ชีวิตแห่งโลกนี้ เราจะอยู่ที่นี่และตายที่นี่และเราจะไม่ถูกทำ�ให้ฟื้นขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง 38 คนผู้นี้เป็นแค่เพียงคนโกหกที่กำ�ลังสร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับ พระเจ้าขึ้นมา และเราจะไม่เชื่อเขา”

อัล-มุมินูน

343

ดังนั้น ศาสนทูตจึงได้กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน โปรด ทรงช่วยเหลือฉันด้วยเถิด เพราะพวกเขาปฏิเสธฉัน” 40 พระองค์ทรงตอบ ว่า “ในไม่ช้านี้ พวกเขาจะเสียใจ” 41 หลังจากนั้นไม่นาน การลงโทษอันยิ่ง ใหญ่ก็ได้ทำ�ลายพวกเขาอย่างยุติธรรม แล้วได้ท�ำ ให้พวกเขาเป็นเหมือน เศษสวะ ดังนั้น ความห่างไกลจากความเมตตาของพระเจ้าจึงเกิดขึ้นกับ บรรดาคนชั่ว 42 หลังจากคนพวกนี้แล้ว เราได้ให้มีอีกหมู่ชนหนึ่งเกิดขึ้น 43 ไม่มีหมู่ ชนใดที่จะสิ้นสุดวาระของตนเองก่อนเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้และไม่มีหมู่ ชนใดสามารถมีอายุเกินไปกว่านั้น 44 แล้วเราได้ส่งศาสนทูตมาอย่างต่อ เนื่อง เมื่อใดก็ตามที่ศาสนทูตได้มายังหมู่ชนของเขา พวกเขาได้ปฏิเสธ เขา ดังนั้น เราจึงได้ทำ�ลายหมู่ชนนั้นหมู่ชนนี้จนกระทั่งเราได้ท�ำ ให้หมู่ ชนเหล่านั้นเป็นเรื่องที่บอกเล่าสืบต่อกันมา แน่นอน ความหายนะจะเกิด ขึ้นแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธา 45 หลังจากนั้น เราได้ส่งมูซาและฮารูนพี่ชายของเขาพร้อมกับ สัญญาณและหลักฐานอันชัดแจ้งของเรา 46 มายังฟาโรห์และบรรดา ขุนนางของเขา แต่พวกเขากลับโอหังและเป็นหมู่ชนที่ทะนงตน 47 พวก เขากล่าวว่า “อะไรนะ เราจะเชื่อคนสองคนที่เป็นมนุษย์เหมือนกับพวก เราและคนของเขาทั้งสองนี้เป็นทาสของเรากระนั้นหรือ?” 48 ดังนั้น พวก เขาจึงปฏิเสธเขาทั้งสอง และจึงได้ถูกทำ�ลาย 49 และเราได้ประทานคัมภีร์ แก่มูซาเพื่อที่ผู้คนจะได้อยู่ในทางนำ� 50 เราได้ทำ�ให้บุตรของมารีย์และแม่ของเขาเป็นสัญญาณหนึ่ง และ เราได้ให้ที่พักแก่เขาทั้งสองบนที่ราบสูงอันเป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับความ สงบและได้รับน้ำ�จากสายน้�ำ ที่ไหลผ่าน 51 โอ้บรรดาศาสนทูต จงบริโภคสิ่งที่สะอาดและกระทำ�ความดี แท้จริง ฉันรู้ดีทุกอย่างที่สูเจ้ากระทำ� 52 แท้จริง ศาสนาของสูเจ้านั้นเป็นศาสนา เดียวกัน และฉันเป็นพระผู้อภิบาลของเจ้า ดังนั้น จงเกรงกลัวฉัน 39

344

23. บรรดาผู้ศรัทธา

แต่หลังจากนั้น พวกเขาได้แบ่งแยกกันเองออกเป็นกลุ่มต่างๆ และ แต่ละพวกก็สุขสำ�ราญในสิ่งที่มีอยู่ 54 ดังนั้น จงปล่อยให้พวกเขาหมกมุ่น อยู่ในความงมงายไว้ชั่วขณะ 55 พวกเขาคิดหรือว่าทรัพย์สมบัติและลูกๆ ที่เราได้จัดให้พวกเขานั้น 56 ไม่มีวัตถุประสงค์อื่นนอกไปจากเพื่อช่วย พวกเขาในการแสวงหาประโยชน์ทางวัตถุ? ไม่เลย แต่พวกเขาไม่เข้าใจ 57 บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา 58 และศรัทธาในสาสน์ ของพระองค์ 59 และไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีร่วมกับพระองค์ 60 และบรรดา ผู้ให้สิ่งที่พวกเขาได้รับแก่คนอื่นด้วยหัวใจที่ประหวั่นไปด้วยความกลัว ว่าพวกเขาจะต้องกลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา 61 คนเหล่านี้คือ คนที่แข่งขันกันทำ�ในสิ่งดีงามและพวกเขาต่างพยายามที่จะเป็นคนแรก 62 เราไม่ได้วางภาระแก่ผู้ใดเกินกว่าที่เขาสามารถจะแบกรับได้ เรามี บันทึกที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงและพวกเขาจะไม่ได้รับความไม่เป็น ธรรม 63 แต่พวกเขาไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มีการงานอื่นๆนอก เหนือจากนี้ที่พวกเขาทำ� 64 จนกระทั่งเราได้นำ�การลงโทษมายังบรรดา คนเจ้าสำ�ราญในหมู่พวกเขา แล้วเมื่อนั้น พวกเขาก็เริ่มร้องขอความช่วย เหลือ 65 ตอนนี้ จงอย่าร้องขอความช่วยเหลือกันอีกเลย วันนี้ สูเจ้าจะ ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเรา 66 เพราะเมื่อสิ่งที่ฉันประทานมาได้ถูก อ่านให้สูเจ้าฟัง สูเจ้ากลับหันหลังของสูเจ้า 67ด้วยความโอหังราวกับสูเจ้า กำ�ลังละทิ้งคนบอกเล่านิทาน 68 พวกเขา(บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม)ไม่เคยพิจารณาวจนะของพระเจ้า เลยกระนั้นหรือ? มีอะไรบางอย่างที่มายังพวกเขาโดยที่สิ่งนั้นไม่ได้มายัง บรรพบุรุษของพวกเขา? 69 หรือพวกเขาไม่รู้จักศาสนทูตของพวกเขา ดัง นั้น จึงปฏิเสธเขา? 70 พวกเขากล่าวว่าเขาถูกผีสิงกระนั้นหรือ? ไม่ใช่เช่น นั้น ความจริงก็คือ เขาได้น�ำ สัจธรรมมาให้พวกเขา แต่พวกเขาส่วนมาก ไม่ชอบความจริง 71 ถ้าหากสัจธรรมต้องคล้อยอารมณ์ต่ำ�ของพวกเขา 53

อัล-มุมินูน

345

ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและผู้ที่อยู่ในนั้นจะต้องได้รับความหายนะ ไม่ เราได้น�ำ ข้อตักเตือนมายังพวกเขาเพื่อผลดีของพวกเขาเองแล้ว แต่พวก เขากลับหันห่างออกจากมัน 72 เจ้าเรียกร้องสิ่งตอบแทนบางอย่างจากพวกเขากระนั้นหรือ? แต่ การตอบแทนของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นดีที่สุด เพราะพระองค์คือผู้ทรง ประทานปัจจัยยังชีพที่ดีเลิศที่สุด 73 แท้จริงแล้ว เจ้ากำ�ลังเชิญชวนพวก เขาสู่หนทางอันเที่ยงตรง 74 แต่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้านั้นหลง ออกไปจากหนทางที่เที่ยงตรง 75 ถ้าหากเราได้ให้ความเมตตาแก่พวกเขาและปลดเปลื้องพวกเขา จากความทุกข์ยากเดือดร้อน พวกเขาก็ยังคงดันทุรังไปในการหลงผิด อย่างมืดบอด 76 เพราะแม้แต่ตอนนี้ที่พวกเขากำ�ลังถูกลงโทษ พวกเขา ก็ยังไม่นอบน้อมต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาและไม่ยอมถ่อมตน 77 จน กระทั่งเมื่อเราเปิดประตูลงโทษอย่างแสนสาหัสต่อหน้าพวกเขา ตอนนั้น เอง พวกเขาจะหมดหวังอย่างสิ้นเชิง 78 พระเจ้าคือผู้ทรงประทานหู ตา และหัวใจแก่สูเจ้าเพื่อที่จะคิด แต่ สูเจ้ากลับไม่แสดงความขอบคุณ* 79 พระองค์อีกเช่นกันที่ได้ทรงแพร่ กระจายสูเจ้าออกไปในแผ่นดิน และต่อหน้าพระองค์คือที่สูเจ้าจะถูก * ในจักรวาลนี้ มนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างพิเศษที่ได้รับอำ�นาจการได้ยิน การเห็นและการคิดที่ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตใด ความสามารถเหล่านี้ถูกให้ แก่มนุษย์เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างเป็นการเฉพาะ นั่นคือ การเข้าใจ ความจริงของชีวิต เขาต้องใช้หูของเขาเพื่อการฟังเสียงแห่งสัจธรรม เขา ต้องใช้ตาของเขามองสัญญาณต่างๆของพระเจ้าที่กระจายอยู่รอบๆตัว ของเขา เขาต้องใช้พลังความคิดของเขาเพื่อศึกษาสิ่งเหล่านี้ให้ลึกซึ้ง ความจริงแล้ว นี่คือวิธีการขอบคุณของหู ตาและหัวใจ คนที่ไม่มีหลักฐาน การขอบคุณเช่นนี้ในโลกย่อมเสี่ยงต่อการสูญเสียสิทธิ์ของพวกเขาในสิ่ง ที่ได้รับเหล่านี้ตลอดไป

346

23. บรรดาผู้ศรัทธา

รวบรวมกลับมา 80 พระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตสูเจ้าและทรงให้สูเจ้าตายและ ทรงควบคุมการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน สูเจ้าไม่เข้าใจสิ่งนี้ หรือ? 81 แต่พวกเขาพูดเหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยพูด 82 พวก เขากล่าวว่า “เมื่อเราตายไปจนกลายเป็นฝุ่นและกระดูกไปแล้ว เราจะถูก ทำ�ให้ฟื้นคืนชีพอีกกระนั้นหรือ? 83 เราและบรรพบุรุษของเราได้ยินคำ�ขู่ เช่นนี้มาแล้ว สิ่งเหล่านี้มิใช่อะไรนอกไปจากนิยายปรัมปรา” 84 จงถามพวกเขา “บอกฉันหน่อยซิ ถ้าหากพวกท่านรู้ โลกนี้และผู้ที่ อยู่ในนั้นเป็นของใคร?” 85 พวกเขาจะกล่าวว่า “ของพระเจ้า” จงถามพวก เขา “กระนั้นแล้ว พวกท่านยังไม่เข้าใจสิ่งนี้อีกหรือ?” 86 จงถามพวกเขา “ใครเป็นพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและพระผู้ทรงอภิบาลแห่งบัลลังก์ อันยิ่งใหญ่?” 87 พวกเขาจะตอบว่า “เป็นของพระเจ้า” จงกล่าวเถิด “ดัง นั้นแล้ว พวกท่านยังไม่เกรงกลัวพระองค์อีกหรือ?” 88 จงถามพวกเขา “บอกฉันซิ ถ้าหากว่าพวกท่านรู้ อำ�นาจสูงสุดเหนือทุกสิ่งเป็นของใคร? และใครผู้นั้นที่เป็นผู้ให้ความคุ้มครองในขณะที่ไม่มีใครสามารถให้ความ คุ้มครองไปจากพระองค์ได้?” 89 พวกเขาจะกล่าวว่า “อำ�นาจนี้เป็นของ พระเจ้า” จงกล่าวเถิด “ถ้าเช่นนั้นแล้ว พวกท่านถูกทำ�ให้หลงไปได้ อย่างไร?” 90 ความจริง เราได้เปิดเผยสัจธรรมให้พวกเขาได้รู้แล้ว แต่พวกเขา เป็นผู้โกหก 91 พระเจ้าไม่ได้ทรงมีบุตร และไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใดเป็น ภาคีกับพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกถือเป็นพระเจ้าแต่ละ องค์จะต่างทำ�ในสิ่งที่มันถูกสร้างมาและต่างจะพยายามมีอำ�นาจเหนือกัน และกัน มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระเจ้าผู้ทรงห่างพ้นจากสิ่งที่พวกเขาเสกสรร ให้พระองค์ 92 ผู้ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่งทั้งที่ถูกซ่อนเร้นและที่ถูกเปิดเผย พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกสิ่งที่พวกเขานำ�มาเป็นภาคีกับพระองค์ 93 (โอ้มุฮัมมัด) จงวิงวอนเถิดว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ถ้าพระองค์จะทรง

อัล-มุมินูน

347

แสดงให้ฉันได้เห็นสิ่งนั้น(การลงโทษ)ที่พวกเขาได้ถูกเตือนไว้ 94 โปรด อย่ารวมฉันไว้กับบรรดาผู้ท�ำ ผิดเหล่านี้ด้วยเลย” 95 เราเป็นผู้มีอ�ำ นาจที่ จะทำ�ให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่พวกเขาได้ถูกเตือนไว้ 96 (โอ้มุฮัมมัด) จงขจัดความชั่วด้วยสิ่งที่ดีที่สุด เรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขา พูด 97 และจงวิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันขอความคุ้มครอง จากพระองค์ให้พ้นจากการกระซิบกระซาบของพวกซาตาน 98 โอ้พระผู้ อภิบาล ฉันขอความคุ้มครองจากพระองค์ เพราะเกรงว่าพวกมันจะเข้า ใกล้ฉัน” 99 เมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา เขาจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดส่งฉันกลับไปยังโลกที่ฉันจากมาด้วยเถิด 100 ทั้งนี้เพื่อที่ฉันจะได้กระทำ�ความดี” ไม่มีวันเสียแล้ว มันเป็นแค่เพียง คำ�พูดที่เขากล่าวออกมาเท่านั้น เพราะตอนนี้มีที่คั่นกลางระหว่างความ ตาย(และโลกที่เขาจากมา)จนกระทั่งถึงวันที่เขาจะถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพขึ้น มาอีกครั้งหนึ่ง 101 เมื่อแตรถูกเป่า ความสัมพันธ์ทางโลกทั้งหมดระหว่าง พวกเขาจะไม่มีอีกต่อไป และพวกเขาจะไม่ถามกันและกัน 102 ดังนั้น คน ที่ตาชั่งของเขาหนักจะเป็นผู้ได้รับความสำ�เร็จ 103 แต่ผู้ใดที่ตาชั่งของเขา เบา คนเหล่านี้คือผู้ท�ำ ให้ตัวเองขาดทุน พวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดไป 104 ไฟจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขาจนเห็นขากรรไกรของพวกเขา 105 สูเจ้ามิใช่คนที่ปฏิเสธสาสน์ของฉันหรือเมื่อมันได้ถูกอ่านแก่สูเจ้า? 106 พวกเขาจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ความเลวร้ายได้เกิดขึ้นแก่ เรา และเราเป็นหมู่ชนผู้หลงผิด 107 โอ้พระผู้อภิบาล โปรดเอาเราออก จากนรกด้วยเถิด หลังจากนี้ ถ้าเราทำ�ผิดเช่นนั้นอีก เราก็เป็นผู้กระทำ� ผิดที่แท้จริง” 108 พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า “จงอยู่ต่อไปในนั้นและจงอย่า พูดกับฉันอีก 109 ในบรรดาบ่าวของฉัน มีคนกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า “โอ้พระ ผู้อภิบาล เราศรัทธา ดังนั้น โปรดให้อภัยแก่เราและทรงเมตตาต่อเรา ด้วยเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย”

348

24. รัศมี

แต่สูเจ้าได้ถือเอาพวกเขาเป็นที่ขบขันจนสูเจ้าลืมนึกถึงฉันและ หัวเราะเยาะพวกเขาอยู่ต่อไป 111 วันนี้ ฉันได้ตอบแทนพวกเขาแล้ว สำ�หรับความอดทนของพวกเขาและพวกเขาได้ชัยชนะเหนือพวกเจ้า” 112 พระองค์จะถามว่า “สูเจ้าอยู่บนโลกนี้กันกี่ปี?” 113 พวกเขาจะกล่าว ว่า “เราอยู่ที่นั่นแค่วันหนึ่งหรือส่วนหนึ่งของวัน จงถามบรรดาผู้นับดูก็ได้” 114 พระองค์ทรงกล่าวว่า “สูเจ้าอยู่ที่นั่นเพียงชั่วครู่เท่านั้นถ้าหากสูเจ้ารู้” 115 “สูเจ้าคิดหรือว่าเราสร้างสูเจ้ามาโดยไร้วัตถุประสงค์และสูเจ้าจะไม่ ถูกนำ�กลับมายังเรา?” 116 ดังนั้น พระเจ้าคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงมีอำ�นาจ สูงสุดอย่างแท้จริง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์คือพระผู้ อภิบาลแห่งบัลลังก์อันทรงเกียรติ 117 ดังนั้น ถ้าผู้ใดวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อื่นๆร่วมกับพระเจ้าโดยที่เขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ บัญชีของเขานั้นอยู่ ที่พระผู้อภิบาลของเขาแล้ว แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะไม่มีวัน ประสบผลสำ�เร็จ 118 (โอ้มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิด “โอ้พระผู้อภิบาล โปรด ทรงอภัยและทรงเมตตาด้วยเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่ง บรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย” 110

24. รัศมี

อัล-นูรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 นี่คือบทหนึ่งที่เราได้ส่งมาและเราได้ท�ำ ให้เป็นข้อบังคับ และเราได้ส่ง คำ�บัญชาอันชัดเจนมาในนั้น เพื่อที่สูเจ้าจะได้คิด 2 หญิงและชายที่ทำ�ชู้ นั้น จงเฆี่ยนคนทั้งสองนั้นคนละหนึ่งร้อยทีและอย่าให้ความสงสารคนทั้ง สองนั้นยับยั้งสูเจ้าในเรื่องที่พระเจ้าได้ทรงกำ�หนดไว้ ถ้าหากสูเจ้าศรัทธา ในพระเจ้าและในวันสุดท้าย และจงให้มีผู้ศรัทธาบางคนเป็นพยานการ

อัล-นูรฺ

349

ลงโทษคนทั้งสองนั้น 3 ชายผู้ทำ�ชู้จะแต่งงานกับหญิงที่ท�ำ ชู้หรือหญิงที่ นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าเท่านั้น และหญิงผู้ท�ำ ชู้นั้นจะแต่งงานกับ ชายผู้ท�ำ ชู้หรือชายที่น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าเท่านั้น การแต่งงาน เช่นนี้เป็นที่ต้องห้ามสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริง 4 ส่วนบรรดาผู้ปรักปรำ�หญิงบริสุทธิ์ แต่ไม่นำ�พยานมาสี่คน จงเฆี่ยน คนเหล่านี้แปดสิบทีและจงอย่ารับการเป็นพยานของคนเหล่านี้อีก เพราะ พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ฝ่าฝืน 5 เว้นแต่บรรดาผู้สำ�นึกผิดและขออภัยโทษ ต่อพระเจ้าและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 6 ส่วนผู้ปรักปรำ�ภรรยาของตัวเอง แต่ไม่สามารถหาพยานได้นอกจาก ตัวเองนั้น หลักฐานของพวกเขาก็คือ เขาต้องสาบานสี่ครั้งด้วยนามของ พระเจ้าและประกาศว่าเขาพูดจริง 7 และในครั้งที่ห้า เขาต้องประกาศ ว่าขอให้พระเจ้าสาปแช่งเขาถ้าหากเขาเป็นผู้โกหก 8 ภรรยาจะไม่ถูก ลงโทษถ้านางสาบานด้วยนามของพระเจ้าสี่ครั้งด้วยกันว่าสามีของนาง โกหก 9 และครั้งที่ห้า นางขอให้ความกริ้วของพระเจ้าประสบแก่นางเอง ถ้าหากเขาเป็นผู้พูดจริง 10 ถ้ามิใช่ความโปรดปรานของพระเจ้าต่อสูเจ้า และความเมตตาของพระองค์ (สูเจ้าจะได้รับความเสียใจ) และพระเจ้า เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรับการสำ�นึกผิด 11 บรรดาผู้สร้างเรื่องเท็จคือคนกลุ่มหนึ่งในหมู่สูเจ้า อย่างไรก็ตาม สูเจ้าอย่าได้ถือว่าเรื่องนี้เป็นความชั่วสำ�หรับสูเจ้า เพราะมันดีส�ำ หรับ สูเจ้า ใครก็ตามที่มีส่วนในนี้ เขาจะได้รับส่วนแบ่งของบาปไปตามนั้น และคนที่มีส่วนรับผิดชอบใหญ่ที่สุดในนั้นจะได้รับการลงโทษอันน่าสะ พรึงกลัว 12 เมื่อสูเจ้าได้ยินมันแล้ว ทำ�ไมชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาจึงไม่ คิดถึงพวกเขาเองในทางที่ดี และกล่าวว่า “นี่เป็นการกล่าวร้ายชัดๆ?”

350

24. รัศมี

ทำ�ไมพวกคนที่กล่าวร้ายไม่น�ำ พยานสี่คนมา? ถ้าพวกเขาไม่น�ำ พยาน มา พวกเขาก็เป็นคนโกหกในทัศนะของพระเจ้า 14 ถ้ามิใช่เพราะความโปรดปรานของพระเจ้าและความเมตตาของ พระองค์ต่อสูเจ้าในโลกนี้และในโลกหน้าแล้ว การลงโทษอันเจ็บปวดอาจ จะเกิดขึ้นแก่สูเจ้าเพราะสิ่งที่สูเจ้ากล่าวร้าย 15 เมื่อสูเจ้าแพร่ขยายเรื่อง เท็จนี้จากลิ้นหนึ่งไปยังอีกลิ้นหนึ่งและปากของสูเจ้ากล่าวในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้ สูเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ในสายตาของพระเจ้า 16 เมื่อสูเจ้าได้ยินมัน ทำ�ไมสูเจ้าไม่กล่าวว่า “มันไม่เหมาะสมสำ�หรับเรา ที่จะพูดถึงสิ่งนี้ มหาบริสุทธิยิ่งคือพระเจ้า นี่เป็นการใส่ร้ายอย่างมหันต์” 17 พระเจ้าทรงเตือนสูเจ้าว่าต่อไปสูเจ้าอย่าได้ท�ำ เช่นนี้อีกถ้าหากสูเจ้า เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง 18 พระเจ้าทรงแจกแจงคำ�บัญชาทั้งหลายของ พระองค์ให้เป็นการง่ายแก่สูเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชา ญาณ 19 บรรดาผู้ชอบที่จะแพร่เรื่องบัดสีในหมู่ผู้ศรัทธานั้น พวกเขาจะได้ รับการลงโทษอย่างเจ็บปวดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะพระเจ้าทรง รอบรู้และสูเจ้าไม่รู้ 20 ถ้าพระเจ้าไม่ทรงโปรดปรานและแสดงความเมตตา ต่อสูเจ้า (สูเจ้าจะประสบความเสียใจ) แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ 21 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเดินตามรอยเท้าของซาตาน และใครที่ เดินตามมันต้องรู้ว่ามันมีแต่น�ำ ไปสู่ความลามกและความความชั่วช้า ถ้า หากพระเจ้าไม่ทรงโปรดปรานแสดงความเมตตาต่อสูเจ้า จะไม่มีผู้ใดใน หมู่สูเจ้าชำ�ระตัวเองให้ผ่องแผ้วได้ แต่พระเจ้าจะทำ�ให้ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ผ่องแผ้ว และพระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 22 บรรดาผู้มีเกียรติและมั่งคั่งในหมู่สูเจ้าจงอย่าสาบานว่าจะไม่ให้ ความช่วยเหลือแก่ญาติสนิท คนขัดสนและบรรดาผู้อพยพในหนทางของ 13

อัล-นูรฺ

351

พระเจ้า พวกเขาควรให้อภัยและอดทน สูเจ้าไม่ชอบหรือที่พระเจ้าจะทรง ให้อภัยสูเจ้า? พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ทรงเมตตาเสมอ 23 แท้จริง บรรดาผู้ปรักปรำ�หญิงผู้ศรัทธาที่บริสุทธิ์และใจผ่องแผ้ว นั้นได้ถูกสาปแช่งทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า และสำ�หรับพวกเขาคือการ ลงโทษอันใหญ่หลวง 24 ในวันที่ลิ้นของพวกเขา มือของพวกเขาและเท้า ของพวกเขาจะเป็นพยานต่อสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 25 ในวันนั้น พระเจ้าจะ ทรงตอบแทนพวกเขาตามส่วนที่พวกเขาต้องได้รับโดยครบถ้วนและพวก เขาจะได้รู้ว่าพระเจ้าคือผู้ทรงสัจจะ ผู้ทรงทำ�ให้ทุกสิ่งเป็นที่เปิดเผย 26 หญิงผู้มีมลทินนั้นเหมาะสำ�หรับชายผู้มีมลทิน ส่วนหญิงผู้บริสุทธิ์ นั้นเหมาะสำ�หรับชายผู้บริสุทธิ์ และชายผู้บริสุทธิ์นั้นเหมาะสำ�หรับหญิงผู้ บริสุทธิ์ พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ไร้มลทินจากสิ่งที่พวกเขากล่าวร้าย สำ�หรับ พวกเขาเหล่านั้นคือการอภัยโทษและปัจจัยอันมีเกียรติ 27 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าเข้าไปในบ้านของคนอื่นจนกว่าสูเจ้าจะ ได้รับการยินยอมจากเจ้าของบ้านและกล่าวคำ�ทักทายโดยให้สลามก่อน นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำ�หรับสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะปฏิบัติตาม 28 ถ้าสูเจ้าไม่พบ ใครอยู่ในนั้น จงอย่าเข้าไปจนกว่าสูเจ้าจะได้รับอนุญาต และถ้าหากสูเจ้า ถูกบอกให้กลับไป สูเจ้าจงกลับไป นี่เป็นการผ่องแผ้วกว่าสำ�หรับสูเจ้า และพระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 29 ไม่มีข้อเสียหายอันใดถ้าสูเจ้าจะ เข้าไปในบ้านที่ไม่ใช่สถานที่อยู่อาศัย แต่ในนั้นมีบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อสู้เจ้า พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผยและสิ่งที่สูเจ้าซ่อนเร้น 30 (โอ้นบี) จงบอกชายผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ลดสายตาของพวกเขาลง ต่ำ�และปกป้องส่วนต่างๆอันพึงสงวนของพวกเขาไว้ นี่เป็นการผ่องแผ้ว กว่าสำ�หรับสูเจ้า พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่พวกเขากระทำ� 31 จงสั่งหญิงผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ลดสายตาของพวกนางลงต่�ำ และ ปกป้องส่วนพึงสงวนของพวกนางและอย่าได้เปิดเผยเครื่องประดับของ พวกนางเว้นแต่ที่มันเป็นที่เปิดเผยอยู่แล้ว และให้นางดึงผ้าคลุมศีรษะ

352

24. รัศมี

ของพวกนางมาปิดเหนือหน้าอกของพวกนาง จงอย่าให้พวกนางอวด เครื่องประดับของพวกนาง ยกเว้นแก่สามีของพวกนางหรือพ่อของพวก นางหรือพ่อของสามีของพวกนางหรือลูกชายของพวกนางหรือลูกชาย ของสามีของพวกนางหรือพี่ชายน้องชายของพวกนางหรือลูกชายของพี่ ชาย น้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกนาง หรือบรรดาผู้หญิงของพวกนาง หรือบรรดาที่อยู่ในความครอบครองของ นาง หรือคนใช้ผู้ชายที่ไร้ความต้องการทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้จักเรื่อง เพศเกี่ยวกับผู้หญิง และจงอย่าให้พวกนางกระทืบเท้าของพวกนางบน พื้นเพื่ออวดเครื่องประดับที่ซ่อนเร้น โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงหันกลับ มายังพระเจ้าเถิดเพื่อสูเจ้าจะได้รับความสำ�เร็จที่แท้จริง 32 จงจัดการแต่งงานระหว่างชายโสดและหญิงโสดในหมู่สูเจ้า และ ระหว่างบ่าวชายและบ่าวหญิงที่มีคุณธรรมของสูเจ้า ถ้าหากพวกเขา ยากจน พระเจ้าจะทรงจัดหาปัจจัยให้พวกเขาจากความมั่งคั่งของ พระองค์ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ 33 ส่วนบรรดาผู้ ไม่สามารถที่จะแต่งงานได้ จงให้พวกเขาข่มจิตข่มใจไว้จนกระทั่งพระเจ้า ทรงประทานปัจจัยแก่พวกเขาจากความมั่งคั่งของพระองค์ และถ้าหาก ผู้ที่อยู่ในความครอบครองของสูเจ้าขอให้มีการทำ�สัญญาปลดปล่อย จง ทำ�สัญญาปลดปล่อยให้พวกเขาถ้าหากสูเจ้าพบสิ่งที่ดีบางอย่างในตัว ของพวกเขา และจงให้บางสิ่งแก่พวกเขาจากปัจจัยที่พระเจ้าได้ทรง ประทานแก่สูเจ้า จงอย่าบังคับทาสหญิงของสูเจ้าให้ต้องเป็นโสเภณีเพื่อ ผลประโยชน์ทางโลกของสูเจ้าเมื่อพวกนางเองต้องการจะรักษาความ บริสุทธิ์ และถ้าหากผู้ใดบังคับพวกนาง หลังจากการบังคับนั้น พระเจ้าจะ ทรงให้อภัยและความเมตตาแก่พวกนาง 34 เราได้ประทานคำ�สั่งทั้งหลาย อันชัดเจนแก่สูเจ้าและได้ยกตัวอย่างของผู้คนที่ล่วงลับไปก่อนหน้าสูเจ้า เพื่อเป็นข้อตักเตือน และเราได้ให้ข้อตักเตือนสำ�หรับผู้เกรงกลัวพระเจ้า แล้ว

อัล-นูรฺ

353

พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แสง สว่างของพระองค์นั้นอาจเปรียบได้กับ(แสงสว่างของ)ตะเกียงในช่องผนัง ตะเกียงนั้นอยู่ในโคมแก้ว โคมแก้วนั้นเหมือนกับดวงดาวที่ประกายแสง และตะเกียงนั้นได้ถูกจุดด้วยน้ำ�มันมะกอกของต้นไม้อันจำ�เริญที่มิได้อยู่ ทางตะวันออกและทางตะวันตก* น้ำ�มันของมันมีคุณสมบัติดีราวกับว่า มันจะส่องแสงออกมาด้วยตัวของมันเองถึงแม้ว่าจะไม่มีไฟจุดมันก็ตาม แสงสว่างเหนือแสงสว่าง พระเจ้าทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ยัง แสงสว่างของพระองค์ และพระองค์ทรงยกอุปมาต่างๆเพื่อมนุษย์จะได้ เกิดความกระจ่าง พระองค์ทรงมีความรอบรู้ทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ 36 (พวกเขาเคารพสักการะ)ในบ้านที่พระองค์ได้ทรงบัญชาให้ยกขึ้น เพื่อเอ่ยนามของพระองค์ในนั้นทั้งในยามเช้าและยามเย็น 37 พวกเขาเป็น คนที่การค้าขายมิได้ทำ�ให้พวกเขาหันห่างออกจากการระลึกถึงพระเจ้า และการดำ�รงนมาซและการจ่ายซะกาต เพราะพวกเขากลัววันที่หัวใจจะ ปวดร้าวและสายตาจะเหลือกลาน 38 เพื่อที่พระเจ้าจะตอบแทนพวกเขา สำ�หรับการทำ�ดีและเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงเพิ่มพูนความโปรดปรานของ พระองค์แก่พวกเขา พระเจ้าจะทรงประทานปัจจัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์โดยไม่มีการคำ�นวณ 39 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม การงานของพวกเขาเป็นเหมือน กับภาพลวงตาในทะเลทรายที่แห้งแล้งซึ่งผู้เดินทางที่กระหายคิดว่าเป็น น้ำ� แต่เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาก็ไม่พบสิ่งใด แต่ที่นั่น เขาได้พบพระเจ้า ทรงชำ�ระบัญชีเขาอย่างครบถ้วน พระเจ้าเป็นผู้ทรงฉับพลันในการชำ�ระ * นี่เป็นการเปรียบเทียบกับความหมายหลายชั้น “แสงสว่าง”เป็น สัญลักษณ์ทางนำ�ของพระเจ้า “ช่องผนัง” คือหัวใจของมนุษย์ และ “ตะเกียง” คือความศรัทธาที่อยู่ในช่องผนัง แต่กระนั้น ภาพพจน์ยังได้ ถูกอธิบายเพิ่มขึ้นอีกโดยการอ้างอิงถึงสองสิ่ง นั่นคือ “ดวงดาวที่ประกาย แสง” และ “น้ำ�มันที่ให้ความสว่าง” 35

354

24. รัศมี

หรือเหมือนกับความมืดของทะเลที่ถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นใหญ่ลูกแล้ว ลูกเล่า และเหนือขึ้นไปเป็นเมฆทึบทับซ้อนกันจนถ้าหากเขายืดแขนของ เขาออกไป เขาก็ไม่สามารถมองเห็นมัน และไม่มีแสงสว่างสำ�หรับผู้ใดที่ พระเจ้าไม่ทรงให้แสงสว่าง 41 (นบี) เจ้าไม่สังเกตหรือว่าผู้อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ หมู่นกที่กางปีกออกนั้นกำ�ลังสดุดีสรรเสริญพระเจ้า? แต่ละสิ่งรู้ถึงการ สวดวิงวอนและการสดุดีสรรเสริญของตน และพระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่ พวกเหล่านั้นกระทำ� 42 อาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็น ของพระเจ้าองค์เดียว และทั้งหมดจะต้องกลับไปหาพระองค์ 43 เจ้าไม่สังเกตหรือว่าพระเจ้าได้ท�ำ ให้เมฆเคลื่อนไหวอย่างนิ่มนวล และทรงทำ�ให้มันรวมกัน แล้วทรงรวมมันขึ้นเป็นก้อนเมฆหนา หลังจาก นั้น เจ้าก็ได้เห็นน้�ำ ฝนหลั่งลงมาจากมัน และพระองค์ได้ทรงส่งลูกเห็บ จากภูเขาสูงใหญ่ในชั้นฟ้า แล้วพระองค์ทรงทำ�ให้มันตกลงมายังผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์และให้มันพ้นไปจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ หลัง จากนั้น เขาก็ได้เห็นแสงฟ้าแลบจากมัน 44 พระองค์ทรงสับเปลี่ยนกลาง คืนและกลางวัน แท้จริง ในนั้นมีบทเรียนสำ�หรับผู้มีสายตาสังเกต 45 พระเจ้าทรงสร้างสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งจากน้ำ� ในจำ�นวนนั้นมีบางประเภท ที่เคลื่อนไหวด้วยท้อง บางประเภทเคลื่อนไหวด้วยขาทั้งสองและบาง ประเภทเคลื่อนไหวด้วยขาทั้งสี่ แท้จริง พระเจ้าทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ ทรงประสงค์ พระเจ้าทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 46 เราได้ประทานสาสน์ที่ ทำ�ให้ความจริงเป็นที่ชัดเจนมาแล้ว อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงนำ�ทางผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์ไปยังหนทางที่ถูกต้อง 47 พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาในพระเจ้าและในศาสนทูต และเราเชื่อ ฟัง” แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็หันกลับไป คนเช่นนี้มิใช่ผู้ศรัทธาที่แท้จริง 48 และเมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปยังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ เพื่อที่เขาจะได้ตัดสินระหว่างพวกเขา กลุ่มหนึ่งของพวกเขาได้หันออก 40

อัล-นูรฺ

355

ไป 49 แต่ถ้าหากความจริงอยู่ข้างพวกเขา พวกเขาจะมาหาศาสนทูตโดย เต็มใจรับ 50 ในหัวใจของพวกเขามีโรคกระนั้นหรือ? หรือว่าพวกเขามี ความสงสัย? หรือพวกเขากลัวว่าพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะไม่ ยุติธรรมต่อพวกเขา? เปล่าเลย พวกเขาเองต่างหากที่เป็นผู้ท�ำ ความผิด 51 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธานั้น เมื่อพวกเขาถูกเรียกไปยังพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์เพื่อที่ศาสนทูตจะได้ตัดสินในระหว่างพวกเขา พวก เขากล่าวว่า “เราได้ยินและเราเชื่อฟัง” พวกเขาคือผู้ประสบความสำ�เร็จ อย่างแท้จริง 52 บรรดาผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และ กลัวพระเจ้าและสำ�รวมตนต่อพระองค์คือผู้ได้รับความสำ�เร็จที่แท้จริง 53 พวกเขา(คนสับปลับ)สาบานด้วยพระเจ้าอย่างแข็งขันว่าถ้าเจ้าสั่ง พวกเขาให้ออกไป พวกเขาจะเชื่อฟังเจ้า จงบอกพวกเขาว่า “อย่าสาบาน เลย เพราะการเชื่อฟังของพวกท่านต่างหากที่ส�ำ คัญ มิใช่การสาบาน พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำ�” 54 (มุฮัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า “จงเชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูต แต่ถ้าพวกท่านหันกลับ จงรู้ ไว้ด้วยว่าศาสนทูตนั้นรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ถูกมอบหมายให้แก่เขา และ พวกท่านก็รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ถูกมอบหมายให้แก่พวกท่าน ถ้าหาก พวกท่านเชี่อฟังเขา พวกท่านจะถูกนำ�ทางอย่างถูกต้อง เพราะความรับ ผิดชอบของศาสนทูตนั้นก็แค่น�ำ สาสน์อันกระจ่างแจ้งมายังพวกท่าน” 55 พระเจ้าได้ทรงสัญญาแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความความดี ในหมู่สูเจ้าว่าพระองค์จะทรงทำ�ให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอดในแผ่นดินเช่น เดียวกับที่พระองค์ได้ทรงทำ�ให้บรรดาคนก่อนหน้าพวกเขาเป็นผู้สืบทอด มาแล้ว และพระองค์จะทำ�ให้ศาสนาที่พระองค์ได้ทรงอนุมัติสำ�หรับพวก เขาตั้งอยู่อย่างมั่นคง และจะทรงเปลี่ยนสภาพแห่งความหวาดกลัวของ พวกเขาให้เป็นความสันติและมั่นคงปลอดภัย จงให้พวกเขาเคารพสัก การะฉันและอย่าตั้งสิ่งใดเป็นพระเจ้าเทียบเคียงกับฉัน หลังจากนี้ ผู้ใด ปฏิเสธ พวกเขาก็เป็นผู้ฝ่าฝืน

356

24. รัศมี

ดังนั้น จงดำ�รงนมาซและจงจ่ายซะกาต และจงเชื่อฟังศาสนทูต เพื่อสูเจ้าจะได้รับความเมตตา 57 จงอย่าคิดว่าบรรดาผู้ปฏิเสธจะสามารถ ทำ�ลายแผนการณ์บนแผ่นดินของเราได้ และที่พ�ำ นักของพวกเขาคือนรก และมันเป็นที่พักอันชั่วช้า 58 โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงให้บรรดาผู้ที่สูเจ้าครอบครองโดย ชอบธรรมและบรรดาผู้ที่ยังไม่บรรลุวัยมีความรู้สึกทางเพศขออนุญาตเจ้า ก่อนที่จะเข้ามาพบสูเจ้าในสามเวลาด้วยกัน นั่นคือ ก่อนนมาซรุ่งอรุณ และตอนกลางวันเมื่อสูเจ้าถอดเสื้อผ้า และหลังนมาซอิชาอ์ ทั้งสามเวลา นี้คือเวลาส่วนตัวของสูเจ้า ไม่มีโทษอันใดแก่สูเจ้าและแก่พวกเขาถ้าหาก พวกเขามาในเวลาอื่นนอกจากนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะสูเจ้าต้อง ไปเยี่ยมเยียนกันและกันครั้งแล้วครั้งเล่า ในทำ�นองนี้แหละที่พระเจ้าได้ ทรงทำ�ให้คำ�บัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้า และพระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 59 เมื่อลูกๆของสูเจ้าโตเข้าสู่วัยที่มีความ รู้สึกทางเพศ พวกเขาจะต้องได้รับอนุญาตจากสูเจ้าในเรื่องนี้เช่นเดียว กับที่คนก่อนหน้าพวกเขาได้ขออนุญาต ในทำ�นองนี้ พระเจ้าได้ทำ�ให้คำ� สั่งที่พระองค์ประทานมาเป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้ทรง รอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 60 ไม่เป็นที่ถูกตำ�หนิแต่ประการใดสำ�หรับหญิง ชราที่ผ่านวัยสมรสแล้วถ้าพวกนางจะถอดเสื้อคลุมของพวกนางโดยที่ไม่ ได้ต้องการจะอวดเครื่องประดับของพวกนาง อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวก นางไม่ท�ำ เช่นนั้นจะเป็นการดีกว่าสำ�หรับพวกนาง เพราะพระเจ้าเป็น ผู้ทรงได้ยินทุกสิ่งและผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 61 ไม่มีข้อเสียหายอันใดถ้าหากคนตาบอดหรือคนง่อยหรือคนป่วย หรือสูเจ้าที่จะกินอาหารในบ้านของสูเจ้าเองหรือในบ้านของพ่อและปู่ ของสูเจ้า หรือที่บ้านของแม่และยายของสูเจ้าหรือที่บ้านของพี่ชายน้อง ชายของสูเจ้า หรือที่บ้านพี่สาวน้องสาวของสูเจ้าหรือที่บ้านพี่ชายน้อง ชายของพ่อของสูเจ้าหรือที่บ้านพี่สาวน้องสาวของพ่อของสูเจ้า หรือที่ 56

อัล-นูรฺ

357

บ้านของพี่ชายน้องชายของแม่ของสูเจ้าหรือที่บ้านของพี่สาวน้องสาว ของแม่ของสูเจ้า หรือในบ้านที่สูเจ้าครอบครองกุญแจของมันหรือที่บ้าน ของเพื่อนของสูเจ้า และไม่เป็นการผิดอันใดถ้าสูเจ้าจะกินอาหารร่วมกัน หรือกินแยกกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อสูเจ้าเข้าไปในบ้าน สูเจ้าต้องกล่าว คำ�ทักทายแก่พวกพ้องของสูเจ้าก่อน เพราะการทักทายให้พรที่พระเจ้า กำ�หนดไว้นั้นเป็นความจำ�เริญและความบริสุทธิ์ นั่นแหละที่พระเจ้าได้ ทรงทำ�ให้คำ�บัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนสำ�หรับสูเจ้าโดยหวังว่า สูเจ้าจะใช้สติปัญญาทำ�ความเข้าใจ 62 บรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงนั้นคือผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูต ของพระองค์ด้วยความจริงใจ เมื่อพวกเขาอยู่กับศาสนทูตเพื่อการงาน ร่วมกันแล้ว พวกเขาจะไม่ละไปจากเขาจนกว่าจะขออนุญาตจากเขาเสีย ก่อน แท้จริง คนที่ขออนุญาตจากเจ้าเท่านั้นคือผู้ศรัทธาในพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์อย่างจริงใจ ดังนั้น เมื่อพวกเขาขออนุญาตเจ้าเพื่อ กิจการบางอย่างของพวกเขา เจ้าจงอนุญาตแก่คนที่เจ้าประสงค์ และจง ขออภัยจากพระเจ้าให้แก่คนเหล่านั้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 63 (บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย) จงอย่าถือว่าการถูกเรียกร้องโดยศาสนทูตใน หมู่สูเจ้าเป็นเหมือนกับที่สูเจ้าเรียกร้องกันและกัน พระเจ้าทรงรู้ดีถึงบาง คนในหมู่สูเจ้าที่หลบเลี่ยงออกไปโดยอาศัยข้ออ้างบางอย่าง จงให้พวก ที่ไม่เชื่อฟังคำ�สั่งของเขาระวังตัวว่าพวกเขาจะประสบเหตุร้ายบางอย่าง หรืออาจจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 64 จงรู้ไว้เถิดว่าอะไรก็ตามที่อยู่ ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงรู้ว่าสูเจ้า ทำ�อะไรอยู่ ในวันที่สูเจ้าถูกนำ�กลับไปยังพระองค์นั้นพระองค์จะให้สูเจ้ารู้ ถึงสิ่งที่สูเจ้าได้ทำ�ไว้ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

358

25. เกณฑ์ตัดสิน

25. เกณฑ์ตัดสิน

อัล-ฟุรฺกอน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 มหาจำ�เริญยิ่งคือพระองค์ผู้ทรงประทานเกณฑ์ตัดสิน(อัลกุรอาน)แก่ บ่าวของพระองค์เพื่อที่เขาจะได้เตือนมนุษยชาติ 2 พระองค์คือผู้ทรง อำ�นาจสูงสุดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและมิได้ทรงให้กำ�เนิดบุตร และไม่มีผู้ใดเป็นหุ้นส่วนในอำ�นาจสูงสุดของพระองค์ และพระองค์ทรง สร้างทุกสิ่งและทรงกำ�หนดสภาวการณ์ของมันอย่างแม่นยำ� 3 แต่กระนั้น พวกเขายังคงยึดเอารูปเคารพต่างๆเป็นสิ่งสักการะนอกไปจากพระองค์ ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นมิได้สร้างสิ่งใดและตัวมันเองถูกสร้างขึ้นมา และพวกมัน ไม่มีอำ�นาจที่จะให้โทษหรือช่วยเหลือแม้แต่ตัวมันเอง และพวกมันไม่มี อำ�นาจเหนือความตายหรือชีวิต และพวกมันไม่สามารถทำ�ให้ฟื้นขึ้นมา จากความตายได้อีก 4 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวว่า “นี่(กุรอาน)มิใช่อะไรนอกไปจาก เรื่องเท็จที่เขากุขึ้นมาและมีบางคนได้ช่วยเขา” สิ่งที่พวกเขากล่าวนี้ไม่ เป็นธรรมและเป็นเท็จ 5 พวกเขากล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ถูกเขียนกันมาตั้งแต่ ครั้งโบราณซึ่งเขาได้คัดลอกมา และสิ่งเหล่านี้ได้ถูกอ่านให้เขาฟังทั้งยาม เช้าและยามเย็น” 6 (มุฮัมมัด)จงบอกพวกเขาว่า “นี่คือสิ่งที่ผู้ทรงรอบรู้ ความลับในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นผู้ประทานมา แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 7 พวกเขากล่าวว่า “ศาสนทูตประเภทไหนกันซิที่กินอาหารและเดิน ตามตลาด? ทำ�ไมไม่มีทูตสวรรค์สักองค์หนึ่งถูกส่งมากับเขาเพื่อเตือน เรา? 8 หรือทำ�ไมถึงไม่มีคลังสมบัติถูกส่งมายังเขาหรือให้เขามีสวนสัก แห่งหนึ่งเพื่อที่เขาจะได้ยังชีพ?” พวกคนทำ�ผิดกล่าวว่า “พวกท่านกำ�ลัง

อัล-ฟุรฺกอน

359

ปฏิบัติตามผู้ถูกคาถาอาคมอยู่แน่ๆ” 9 จงสังเกตสิ่งที่พวกเขาเปรียบเปรย เจ้า พวกเขาหลงผิดจนไม่สามารถหาหนทางที่ถูกต้องได้อีกแล้ว 10 มหาจำ�เริญยิ่งแด่พระองค์ผู้ซึ่งหากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ ทรงสามารถให้สิ่งที่ดีแก่เจ้ามากกว่านั้น เช่น สวนมากมายหลายแห่ง ที่มีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านและมีวังอีกหลายหลังด้วย 11 แต่คนเหล่า นี้ปฏิเสธยามอวสาน และสำ�หรับผู้ปฏิเสธยามอวสานนั้น เราได้เตรียม เปลวเพลิงไว้ให้แล้ว 12 เมื่อมันเห็นพวกเขาตั้งแต่ไกล พวกเขาจะได้ยิน เสียงกระพือและคุไหม้ของมัน 13 เมื่อพวกเขาถูกล่ามเข้าด้วยกันแล้ว ถูกโยนลงไปในช่องแคบๆ พวกเขาจะร้องหาความตาย 14 แต่พวกเขา จะถูกบอกว่า “อย่าร้องหาความตายเพียงครั้งเดียวในวันนี้เลย แต่จง ร้องหาความตายหลายๆครั้งเถิด” 15 (มุฮัมมัด)จงถามพวกเขาว่า “อย่าง ไหนดีกว่ากัน นี่(ไฟ)หรือว่าสวรรค์อันสถาพรที่ถูกสัญญาไว้แก่ผู้ยำ�เกรง พระเจ้า? มันเป็นสิ่งตอบแทนการทำ�ดีและเป็นปลายทางสุดท้ายของพวก เขา” 16 ในนั้น พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการและพวกเขาจะ ได้พำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป นี่คือสัญญาที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้ารับว่า พระองค์จะทำ�ตามนั้น 17 ในวันนั้น พระองค์จะทรงรวบรวมคนเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกันกับสิ่งที่ พวกเขาเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า พระองค์จะทรงถามพวกเขา ว่า “พวกเจ้าทำ�ให้บ่าวเหล่านี้ของฉันหลงทางหรือว่าพวกเขาหลงทาง เอง?” 18 พวกเขาตอบว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ เราไม่อาจที่จะเอา ใครอื่นเป็นผู้คุ้มครองนอกไปจากพระองค์ แต่(พวกเขาหลงผิดเพราะ) พระองค์ได้ประทานสิ่งที่ดีแก่พวกเขาและแก่บรรพบุรุษของพวกเขาจน กระทั่งพวกเขาได้ลืมคำ�ตักเตือนและได้รับการลงโทษ” 19 (พระเจ้าจะ กล่าวว่า) “ตอนนี้ เมื่อสิ่งที่สูเจ้าเคารพบูชาปฏิเสธทั้งหมดที่สูเจ้ากล่าว มาแล้ว สูเจ้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการลงโทษและจะไม่ได้รับความช่วยเห

360

25. เกณฑ์ตัดสิน

ลือใดๆ” เพราะใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่ท�ำ ความชั่ว เราจะให้เขาได้รับการ ลงโทษอันรุนแรง 20 เราไม่ได้ส่งศาสนทูตคนใดก่อนหน้าเจ้าที่ไม่กินอาหารและไม่เดิน อยู่ตามตลาด ความจริงแล้ว เราได้ท�ำ ให้บางคนของสูเจ้าเป็นที่ทดสอบ สำ�หรับบางคนเพื่อดูว่าสูเจ้าจะอดทนไหม? และพระผู้อภิบาลของเจ้าทรง เห็นทุกสิ่ง 21 บรรดาผู้ที่ไม่กลัวการมาพบกับเราได้กล่าวว่า “ทำ�ไมทูตสวรรค์จึง มิได้ถูกส่งมายังพวกเรา?” หรือ “ทำ�ไมเราไม่เห็นพระผู้อภิบาลของเรา” พวกเขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่และได้ละเมิดขอบเขตทุกอย่าง 22 วันที่พวก เขาจะได้เห็นทูตสวรรค์จะไม่ใช่วันแห่งความยินดีสำ�หรับผู้ทำ�ความผิด พวกเขาจะร้องว่า “ออกไป ออกไป” 23 และเราจะหันมายังสิ่งที่พวกเขาได้ กระทำ�ไว้และทำ�ให้มันเป็นฝุ่นธุลีที่ปลิวว่อน 24 เฉพาะบรรดาผู้สมควรได้ รับสวนสวรรค์เท่านั้นจะได้รับที่พำ�นักที่ดีในวันนั้นและสถานที่อันร่มเย็น สำ�หรับพักผ่อนในตอนกลางวัน 25 ในวันหนึ่งเมื่อท้องฟ้ากับเมฆจะแยกออก และทูตสวรรค์จะถูกส่ง ทยอยมาเป็นระลอก 26 อำ�นาจที่แท้จริงในวันนั้นเป็นของพระผู้ทรงกรุณา ปรานี และมันจะเป็นวันลำ�บากสำ�หรับผู้ปฏิเสธ 27 ในวันนั้น ผู้ทำ�ความ ผิดจะกัดมือของเขาและกล่าวว่า “โอ ฉันน่าจะอยู่เดินอยู่บนหนทางของ ศาสนทูต 28 วิบัติแน่แล้ว ฉันไม่น่าจะคบคนนั้นเป็นเพื่อนเลย 29 เพราะ เขานั่นเองที่ทำ�ให้ฉันหลงผิดปฏิเสธคำ�ตักเตือนที่ได้มายังฉัน ซาตานนั้น เป็นผู้ทรยศมนุษย์เสมอ” 30 ศาสนทูตจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ผู้คน ของฉันได้ทิ้งอัลกุรอานกันแล้ว” 31 ในทำ�นองนี้เองที่เราได้ท�ำ ให้ผู้ทำ�บาป เป็นศัตรูของนบีทุกคน และเพียงพอแล้วที่พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรง นำ�ทางและผู้ทรงช่วยเหลือ 32 บรรดาผู้ปฏิเสธกล่าวว่า “ทำ�ไมอัลกุรอานจึงไม่ถูกประทานลงมา ทั้งหมดในคราวเดียวกัน?” เราส่งมันมาในลักษณะเช่นนี้ก็เพื่อที่มันจะได้

อัล-ฟุรฺกอน

361

ทำ�ให้หัวใจของเจ้าเข้มแข็ง และ(ด้วยวัตถุประสงค์นี้เอง)เราได้ประทาน มันลงมาเป็นตอนๆ 33 เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาโต้แย้ง เราจะนำ�ความจริง มายังเจ้าทันทีและอธิบายมันในลักษณะที่ดีที่สุด 34 บรรดาผู้ที่กำ�ลังถูก ส่งไปยังนรกต่อหน้าพวกเขานั้นจะได้รับสถานที่อันเลวร้ายเป็นที่พำ�นัก เพราะพวกเขาหลงออกไปไกลจากหนทางที่ถูกต้อง 35 เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและได้แต่งตั้งพี่ชายของเขาเป็นผู้ช่วย เหลือ 36 หลังจากนั้น เราได้กล่าวแก่เขาทั้งสองว่า “เจ้าทั้งสองจงไปยัง หมู่ชนที่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา” ดังนั้น เราได้ท�ำ ลายคนเหล่า นี้จนพินาศ 37 เราได้ทำ�ให้หมู่ชนของนูฮฺจมน้�ำ ตายด้วยเช่นกันเมื่อพวก เขาปฏิเสธศาสนทูตของพวกเขา และเราได้ท�ำ ให้พวกเขาเป็นตัวอย่าง สำ�หรับมนุษยชาติ เราได้จัดเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้แล้วสำ�หรับ ผู้ท�ำ ความผิด 38 แก่ชาวอ๊าดและษะมูดและชาวร็อส และเช่นเดียวกับที่ เราได้ทำ�กับผู้คนอีกหลายรุ่นในระหว่างพวกเขา 39 ยังแต่ละหมู่ชนนั้น เราได้เตือนพวกเขาโดยยกตัวอย่าง(ของบรรดาผู้ถูกทำ�ลายก่อนหน้า พวกเขา)และได้ทำ�ลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง 40 แน่นอน คนพวกนี้ได้ผ่าน เมืองที่เราได้หลั่งฝนแห่งความชั่วลงมา แล้วพวกเขาไม่เห็นมันกระนั้น หรือ? ไม่เลย พวกเขาไม่คิดว่าจะมีชีวิตใหม่ในโลกหน้า 41 เมื่อคนเหล่านี้เห็นเจ้า พวกเขาได้ถือเอาเจ้าเป็นที่ล้อเลียน(โดย กล่าวว่า) “คนนี้นะหรือที่พระเจ้าส่งมาเป็นศาสนทูตของพระองค์? 42 เขา เกือบจะนำ�พวกเราหลงออกไปจากสิ่งที่พวกเราเคารพบูชาแล้วถ้าเราไม่ ยึดมั่นศรัทธาต่อสิ่งเหล่านั้น” ในไม่ช้า พวกเขาจะได้เห็นการลงโทษและ รู้ว่าใครหลงทางออกไป 43 เจ้าเคยเห็นผู้ยึดเอาอารมณ์ต�่ำ ของพวกเขาเป็นพระเจ้าของพวก เขาบ้างไหม? เจ้าสามารถเป็นผู้ดูแลคนเช่นนั้นได้ไหม? 44 เจ้าคิดหรือ ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะฟังหรือเข้าใจ? พวกเขาเป็นเพียงแค่ปศุสัตว์ เท่านั้น ไม่ พวกเขาหลงทางเสียยิ่งกว่าอีก

362

25. เกณฑ์ตัดสิน

เจ้าไม่เห็นหรือว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงทำ�ให้เงาทอดยาวออก ไปอย่างไร? หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงทำ�ให้มันหยุดนิ่ง ก็ได้ แต่เราได้ทำ�ให้ดวงอาทิตย์เป็นตัวบ่งชี้ส�ำ หรับมัน 46 หลังจากนั้น เราได้ม้วนมันทีละน้อยๆมายังเรา 47 และพระองค์คือผู้ทรงกำ�หนดให้ กลางคืนเป็นเครื่องนุ่งห่มสำ�หรับสูเจ้า และการนอนเป็นเหมือนการพัก ผ่อน และกลางวันเป็นเวลาแห่งการลุกขึ้น* 48 พระองค์คือผู้ทรงส่งลมมา เป็นผู้บอกข่าวแห่งความเมตตาของพระองค์ หลังจากนั้น พระองค์ทรง ประทานน้�ำ อันบริสุทธิ์ลงมาจากท้องฟ้า 49 เพื่อเราจะทำ�ให้แผ่นดินที่แห้ง แล้งกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่และเป็นที่ดับกระหายแก่ปศุสัตว์และมนุษย์ มากมายที่เราสร้างขึ้นมา 50 เราได้อธิบายมันให้พวกเขาด้วยวิธีการต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อ ที่พวกเขาจะได้คิด แต่ส่วนมากของมนุษย์ยังคงดึงดันอยู่ในการเนรคุณ 51 หากเราประสงค์ เราจะให้มีผู้ตักเตือนขึ้นในทุกๆเมืองก็ได้ 52 ดังนั้น (โอ้นบี) จงอย่าปฏิบัติตามผู้ปฏิเสธสัจธรรม แต่จงต่อสู้พวกเขาด้วยกุ รอานนี้(นำ�สาสน์ของมันไปยังพวกเขา)อย่างอุตสาหะ 53 พระองค์ได้ทรงปล่อยมวลน้�ำ ทะเลทั้งสองออกมา น้�ำ ทะเลหนึ่งจืด สนิทเป็นที่ชื่นใจ และน้ำ�อีกทะเลหนึ่งขมและเค็มจัด และพระองค์ได้ทรง ทำ�ให้มีที่กั้นกลางระหว่างทะเลทั้งสองนี้ซึ่งเป็นสิ่งขวางกั้นที่มิอาจล่วงล้ำ� กันได้ 54 พระองค์คือผู้ทรงสร้างมนุษย์จากน้ำ� และพระองค์ได้ทรงทำ�ให้ เขามีเครือญาติโดยสายเลือดและโดยการแต่งงาน และพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเสมอ 55 แต่กระนั้น พวกเขายังเคารพสักการะสิ่งที่ไม่สามารถยังคุณให้โทษ * มีบทเรียนหลายอย่างในระบบของโลก เช่นเดียวกับแสงสว่างของ กลางวันจะตามมาด้วยความมืดของกลางคืนฉันใด ความเท็จจะมีความ จริงตามมาฉันนั้น ในขณะที่การตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหลังการนอนในตอน กลางคืนเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงการฟื้นคืนชีพในชีวิตหลังความตาย 45

อัล-ฟุรฺกอน

363

แก่พวกเขาแทนพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ปฏิเสธได้กลายเป็นผู้ช่วยเหลือ ของผู้ต่อต้านพระผู้อภิบาลของเขาด้วย 56 (โอ้ มุฮัมมัด) เราได้ส่งเจ้ามา เพียงเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน 57 จงบอกพวกเขาว่า “ฉันไม่ได้ ขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกท่านเพื่องานนี้ นอกจากจะขอให้ใครก็ตามที่ ต้องการได้ยึดถือแนวทางที่ไปยังพระผู้อภิบาลของเขา” 58 (โอ้มุฮัมมัด) จงไว้วางใจในผู้ทรงดำ�รงชีวิตอยู่เสมอ(พระเจ้า)และ ผู้ทรงไม่มีวันตาย และจงสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ เท่ า นั้ น เพี ย งพอแล้ ว ที่ จ ะรู้ ถึ ง ความผิ ด บาปของปวงบ่ า วของพระองค์ 59 ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสิ่งที่อยู่ในระหว่างนั้น ในเวลาหกวัน(ช่วงเวลา) หลังจากนั้น พระองค์ทรงสถิตมั่นอยู่บนบัลลังก์ (แห่งอำ�นาจของจักรวาล) พระองค์เป็นผู้ทรงกรุณา ดังนั้น จงถามใคร ก็ได้ที่รู้ถึงเรื่องนั้น* 60 และเมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “จงกราบพระผู้ทรง กรุณาปรานี” พวกเขากล่าวว่า “ใครคือผู้ทรงกรุณาปรานี? ท่านจะให้เรา กราบผู้ที่ท่านต้องการอย่างนั้นหรือ?” และนี่มีแต่ทำ�ให้พวกเขามีความ เกลียดชังมากยิ่งขึ้น 61 มหาจำ�เริญยิ่งคือพระองค์ผู้ทรงสร้างบรรยากาศที่ถูกปกป้องในชั้น ฟ้าทั้งหลายและได้ทรงทำ�ให้ในนั้นมีตะเกียงที่ส่องแสงสว่างไสวและดวง จันทร์ที่มีแสงนวล 62 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้มีกลางคืนและกลางวันตาม มาแทนกันและกัน เป็นสัญญาณสำ�หรับบรรดาผู้ที่ใคร่ครวญและต้องการ ที่จะขอบคุณ 63 ปวงบ่าวที่แท้จริงของพระผู้ทรงกรุณาปรานีคือบรรดาผู้เดินอย่าง ถ่อมตนบนหน้าแผ่นดิน ผู้ที่เมื่อพวกคนโง่เขลาปฏิบัติต่อเขาอย่างหยาบ * “หกวัน” ในที่นี้หมายถึงหกวันของพระเจ้า ในภาษาของมนุษย์ มัน อาจเรียกว่าหกขั้นตอนหรือหกช่วงเวลา การสร้างจักรวาลในหกขั้นตอน ชี้ให้ห็นว่ามันได้ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นโดยมีแผน และมีการจัดการเป็นพิเศษไม่ได้มีขึ้นโดยปราศจากวัตถุประสงค์

364

25. เกณฑ์ตัดสิน

คาย พวกเขาก็กล่าวว่า “สันติจงมีแด่ท่าน” 64 และบรรดาผู้ใช้เวลาในยาม กลางคืนกราบและยืนต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา 65 ผู้กล่าวว่า “โอ้พระ ผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษของนรก เพราะ การลงโทษของมันคือการทรมานอันรุนแรงยิ่ง 66 แท้จริง มันเป็นที่อยู่ และเป็นที่พักอันชั่วช้า” 67 พวกเขาคือบรรดาผู้ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและ ไม่ขี้เหนียว แต่ด�ำ เนินทางสายกลางระหว่างทั้งสองนั้น 68 บรรดาผู้ไม่ วิงวอนสิ่งเคารพสักการะอื่นใดควบคู่กับพระเจ้า และไม่ฆ่าชีวิตที่พระเจ้า ได้ทรงห้ามไว้นอกจากเพื่อความยุติธรรมและมิได้ทำ�ผิดประเวณี ใคร ก็ตามที่ท�ำ เช่นนี้จะถูกลงโทษเพราะความบาป 69 เขาจะได้รับการลงโทษ เป็นสองเท่าในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ 70 ยกเว้นผู้ที่ส�ำ นึกผิดกลับตัวและศรัทธาและกระทำ�ความดี เพราะหลัง จากนั้น พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลงความชั่วของพวกเขาให้เป็นความดี และพระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 71 ผู้ใดสำ�นึกผิดกลับ ตัวและกระทำ�ความดี เขาผู้นั้นได้หันกลับมายังพระเจ้าด้วยการสำ�นึกผิด อย่างแท้จริง 72 และบรรดาผู้ที่ไม่เป็นพยานเท็จ และผู้ที่เมื่อพวกเขาเดินผ่านเรื่อง ไร้สาระ พวกเขาก็ผ่านไปอย่างคนมีเกียรติ 73 และบรรดาผู้ที่ไม่ท�ำ ตน เหมือนคนหูหนวกและตาบอดต่อสัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาล ของพวกเขาเมื่อพวกเขาถูกเตือนให้นึกถึงสัญญาณเหล่านั้น 74 บรรดาผู้ วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาล โปรดประทานแก่เราซึ่งคู่ครองและลูกๆที่จะ เป็นที่สุขตาแก่เรา และโปรดทำ�ให้เราเป็นแบบอย่างของผู้ส�ำ รวมตนจาก ความชั่วด้วยเถิด” 75 คนเหล่านี้คือผู้ที่จะถูกตอบแทนด้วยวิมานสำ�หรับความอดทนของ พวกเขาซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพ ความ มีเกียรติและคำ�กล่าวอำ�นวยพรให้ได้รับความสันติสุข 76 พวกเขาจะได้ พำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป ช่างเป็นที่พักและที่อยู่อันประเสริฐอย่างแท้จริง

อัล-ชุอะรออ์

365

(โอ้ มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันไม่สนใจอะไร พวกท่านทั้งสิ้นถ้าพวกท่านไม่วิงวอนต่อพระองค์ เพราะตอนนี้ พวกท่าน ได้ปฏิเสธสัจธรรมแล้ว ไม่ช้า พวกท่านก็จะได้รับการลงโทษจากพระองค์ 77

26. กวี

อัล-ชุอะรออ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฏอ ซีน มีม 2 นี่คือข้อความของคัมภีร์ที่ท�ำ ให้สิ่งต่างๆชัดเจน 3 (โอ้มุฮัมมัด) บางทีเจ้า อาจจะทำ�ลายตัวของเจ้าเองด้วยความทุกข์โศกเพราะการที่พวกเขาไม่ ศรัทธา 4 ถ้าหากเราประสงค์ เราก็สามารถที่จะส่งสัญญาณหนึ่งจากฟาก ฟ้ามาปรากฏต่อหน้าพวกเขาซึ่งจะทำ�ให้พวกเขาก้มคอยอมจำ�นนต่อมัน ก็ได้ 5 และเมื่อมีข้อตักเตือนอะไรใหม่ๆจากพระผู้ทรงกรุณาปรานีมายัง พวกเขา พวกเขาก็หันห่างไปจากมัน 6 ตอนนี้ พวกเขาได้ปฏิเสธสาสน์ แล้ว ในไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้ความจริงของสิ่งที่พวกเขาได้เย้ยหยัน 7 พวกเขาไม่เคยมองดูแผ่นดินและสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์มากมาย หลายชนิดที่เราได้ทำ�ให้มันเติบโตขึ้นมาในนั้นบ้างเลยหรือ? 8 แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนมากไม่ศรัทธา 9 แท้จริงแล้ว พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตา 10 เมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้เรียกมูซาโดยกล่าวว่า “จงไปยัง หมู่ชนที่ท�ำ ความผิด 11 หมู่ชนของฟาโรห์ พวกเขาไม่กลัวพระเจ้ากระนั้น หรือ?” 12 มูซาได้ตอบว่า “พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันกลัวว่าพวกเขาจะ ปฏิเสธฉัน 13 หัวอกของฉันอึดอัด และลิ้นของฉันไม่มีโวหารในการพูด ดัง

366

26. กวี

นั้น โปรดส่งฮารูนไปด้วยเถิด 14 นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังกล่าวหาฉัน ว่าเป็นผู้ทำ�ผิดด้วย ดังนั้น ฉันกลัวว่าพวกเขาจะฆ่าฉันเสียก่อน” 15 พระเจ้าทรงกล่าวว่า “ไม่หรอก เจ้าทั้งสองจงไปพร้อมกับสัญญาณ ของเรา เราจะอยู่กับเจ้า คอยฟัง(เสียงเรียกของเจ้า) 16 เจ้าทั้งสองจง ไปหาฟาโรห์และบอกว่า “เราเป็นศาสนทูตของพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก 17 ขอให้ท่านปล่อยพวกลูกหลานอิสรออีลไปกับเราเถิด” 18 ฟาโรห์ ได้กล่าวว่า “เรามิได้เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งแต่เด็กในบ้านของเราดอกหรือ? เจ้า อาศัยอยู่กับเรามาเป็นเวลาหลายปี 19 แล้วเจ้าก็มาทำ�สิ่งที่เจ้าได้ทำ�ไป แล้ว เจ้านี่เป็นผู้เนรคุณ” 20 มูซาได้กล่าวว่า “ฉันได้ทำ�ไปเมื่อตอนฉันพลั้งผิด 21 หลังจาก นั้น ฉันได้หนีไปจากท่านเพราะความกลัว แล้วพระผู้อภิบาลของฉัน ได้ประทานวิทยปัญญาและความรู้แก่ฉัน และได้ทรงทำ�ให้ฉันเป็นหนึ่ง ในบรรดาศาสนทูต 22 สำ�หรับความดีงามที่ท่านเอ่ยเตือนฉันนั้น ความ จริงแล้วก็เพราะท่านได้ทำ�ให้พวกลูกหลานอิสรออีลต้องตกเป็นทาส” 23 ฟาโรห์ได้กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกคืออะไร? 24 มูซาตอบ ว่า “พระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่อยู่ในระหว่าง ทั้งสอง ถ้าหากท่านจะเชื่อ” 25 ฟาโรห์ได้ถามบรรดาผู้อยู่รอบๆเขา ว่า “พวกเจ้าได้ยินไหม?” 26 มูซากล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของพวกท่าน และบรรพบุรุษของพวกท่านด้วยเช่นกัน” 27 ฟาโรห์กล่าวว่า “ศาสนทูต ของพวกเจ้าที่ถูกส่งมายังพวกเจ้านี้เป็นคนบ้าแน่ๆ” 28 มูซากล่าวว่า “(พระองค์คือ)พระผู้อภิบาลแห่งตะวันออกและตะวันตกและทุกสิ่งที่อยู่ ในระหว่างทั้งสองนี้ ถ้าหากพวกท่านเพียงแต่ท�ำ ความเข้าใจ” 29 ฟาโรห์ กล่าวว่า “ถ้าหากเจ้าเอาผู้ใดอื่นอกไปจากฉันเป็นที่เคารพสักการะแล้ว ฉันจะให้เจ้าได้เข้าไปอยู่ในคุก” 30 มูซาจึงกล่าวว่า “แม้ฉันจะนำ�เอาสิ่งที่ ชัดแจ้งมายืนยันแก่ท่านแล้วกระนั้นหรือ?” 31 ฟาโรห์ตอบว่า “นำ�มาแสดง สิ ถ้าหากเจ้าพูดจริง” 32 ดังนั้น มูซาจึงได้โยนไม้เท้าของเขาลงไปบนพื้น

อัล-ชุอะรออ์

367

ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นงูใหญ่ทันที 33 หลังจากนั้น เขาได้ดึงมือของเขา ออกมา และมันปรากฏเป็นสีขาว(สว่าง)แก่ผู้เฝ้ามอง 34 ฟาโรห์ได้กล่าว แก่พวกขุนนางที่อยู่รอบๆเขาว่า “คนผู้นี้ต้องเป็นนักมายากลผู้มีฝีมือ อย่างแน่นอน 35 เขาต้องการขับไล่พวกเจ้าออกจากแผ่นดินของพวกเจ้า โดยการใช้มายากลของเขา ทีนี้พวกเจ้าจะทำ�อย่างไร?” 36 พวกเขากล่าวว่า “จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ชายของเขาไว้สักพัก หนึ่งก่อนและจงส่งข่าวไปยังเมืองต่างๆ 37 เพื่อเรียกนักมายากลที่มีฝีมือ ทุทกคนมายังท่าน” 38 ดังนั้น นักมายากลทั้งหลายจึงได้มาชุมนุมกันใน วันและเวลาที่ได้ถูกนัดหมายไว้ 39 และผู้คนได้ถูกถามว่า “พวกเจ้าจะมา ร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่ 40 เพื่อที่เราจะได้ปฏิบัติตามพวกนักมายากลถ้า หากพวกเขาเป็นผู้ชนะ?” 41 เมื่อพวกนักมายากลมาถึง “พวกเขาได้ถาม ฟาโรห์ว่า “เราจะได้รับรางวัลไหมถ้าหากเราเป็นฝ่ายชนะ?” 42 เขาตอบ ว่า “แน่นอน แล้วพวกเจ้าจะได้อยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดข้าด้วย” 43 มูซาได้กล่าวแก่นักมายากลว่า “จงโยนสิ่งที่พวกท่านต้องการโยน ลงมา” 44 ดังนั้น พวกเขาจึงได้โยนเชือกและไม้เท้าของพวกเขาลงไปบน พื้นและกล่าวว่า “ด้วยเกียรติของฟาโรห์ เราจะชนะอย่างแน่นอน” 45 ดัง นั้น มูซาได้โยนไม้เท้าของเขาลงไปบนพื้น และมันได้เริ่มกลืนสิ่งที่พวก เขาทำ�ลวงขึ้นมา 46 เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกนักมายากลได้ก้มลงกราบ 47 และร้องออกมาว่า “เราศรัทธาในพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 48 พระผู้ อภิบาลของมูซาและฮารูน” 49 ฟาโรห์ได้กล่าวว่า “พวกเจ้าศรัทธาในตัวเขาก่อนที่ข้าอนุญาตพวก เจ้ากระนั้นหรือ? เขาต้องเป็นหัวหน้าพวกเจ้าที่สอนมายากลให้พวกเจ้า อย่างแน่นอน ดีละ ในไม่ช้า พวกเจ้าจะได้รู้ ข้าจะตัดแขนขาของพวก เจ้าสลับกันและจะเอาพวกเจ้าทั้งหมดไปตรึงกางเขนให้ตาย” 50 พวกเขา ตอบว่า “เราไม่สนใจ เราจะกลับไปยังพระผู้อภิบาลของเรา 51 เราหวัง

368

26. กวี

ว่าพระผู้อภิบาลของเราจะทรงอภัยเราในความผิดของเราเพราะเราเป็น พวกแรกของบรรดาผู้ศรัทธา” 52 และเราได้ดลใจมูซาว่า “จงออกเดินทางพร้อมกับบ่าวของฉันใน ตอนกลางคืน เพราะเจ้าจะถูกติดตามอย่างแน่นอน” 53 ดังนั้น ฟาโรห์ จึงได้ส่งคนประกาศข่าวไปยังเมืองต่างๆ(เพื่อระดมมวลชนโดยกล่าวว่า) 54 ”คนพวกนี้มีแค่เพียงหยิบมือ 55 และมายั่วยุเราให้เกิดโทสะ 56 แต่เรา เป็นพวกที่มีมากกว่าและเตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอ” 57 ดังนั้น เราจึงให้ พวกเขาออกมาจากสวนและบ่อน้ำ�ของพวกเขา58 และทรัพย์สมบัติและที่ อยู่อาศัยอันหรูหราของพวกเขา 59 และเราได้ทำ�ให้ลูกหลานอิสรออีลเป็น ผู้สืบทอดความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ 60 ในตอนเช้า ฟาโรห์และคนของเขาได้ออกติดตามพวกเขา 61 แล้ว เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเห็นกัน พวกที่ติดตามมูซาได้ร้องออกมาว่า “เรา ถูกตามทันอย่างแน่นอน” 62 มูซากล่าวว่า “ไม่มีวันหรอก แท้จริง พระผู้ อภิบาลของฉันทรงอยู่กับฉัน พระองค์จะทรงนำ�ทางฉัน” 63 แล้วเราได้ดล ใจมูซาให้ฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเขา ทันใดนั้น ทะเลก็แยกจากกันและ แต่ละส่วนเหมือนภูเขาสูงใหญ่ 64 ในขณะเดียวกัน เราได้นำ�อีกพวกหนึ่ง มายังสถานที่เดียวกันนั้น 65 และเราได้ช่วยมูซาและคนของเขาทั้งหมด ให้ปลอดภัย 66 แล้วเราได้ให้อีกพวกหนึ่งจมน้�ำ ตาย 67 แท้จริง ในนั้นมี สัญญาณหนึ่ง แต่คนเหล่านี้ส่วนมากไม่ศรัทธา 68 แท้จริง พระผู้อภิบาล ของเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 69 จงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของอิบรอฮีม 70 เมื่อเขาถามบิดาของ เขาและผู้คนของเขาว่า “อะไรกันนี้ที่พวกท่านเคารพบูชา?” 71 พวกเขา ตอบว่า “นี่คือรูปปั้นที่เราเคารพบูชาและยึดมั่นต่อสิ่งเหล่านี้” 72 อิบรอฮีม ถามว่า “พวกมันได้ยินพวกท่านไหมเมื่อพวกท่านเรียกพวกมัน? 73 พวก มันช่วยหรือทำ�ร้ายพวกท่านได้ไหม?” 74 พวกเขาตอบว่า “ไม่ แต่เราพบ ว่าบรรพบุรุษของเราทำ�เช่นนี้กันมา”

อัล-ชุอะรออ์

369

ดังนั้น อิบรอฮีมจึงได้กล่าวว่า “พวกท่านไม่เคยคิดถึงสิ่งที่พวกท่าน เคารพบูชาเลยหรือ? 76 ทั้งพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน 77 พวก มันทั้งหมดเป็นศัตรูต่อฉัน ยกเว้นพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 78 ผู้ทรง สร้างฉัน พระองค์คือผู้ทรงนำ�ทางฉัน 79 ผู้ทรงให้ฉันได้กินและได้ดื่ม 80 ผู้ทรงบำ�บัดรักษาฉันเมื่อฉันป่วย 81 ผู้ทรงทำ�ให้ฉันตาย แล้วทรงทำ�ให้ ฉันมีชีวิตอีก 82 และผู้ที่ฉันหวังว่าจะทรงให้อภัยความผิดพลาดของฉันใน วันแห่งการตัดสิน” 83 โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดประทานความรู้และวิทยปัญญาแก่ ฉันและรวมฉันไว้กับบรรดาผู้มีคุณธรรม 84 โปรดทำ�ให้ฉันเป็นที่รู้จักกันดี ในหมู่ชนรุ่นหลัง 85 และโปรดรวมฉันไว้ในหมู่ผู้รับสืบทอดสวนสวรรค์อัน รื่นรมย์ 86 และโปรดทรงอภัยให้แก่บิดาของฉันด้วยเถิด เพราะท่านเป็น หนึ่งในบรรดาผู้หลงผิด 87 และโปรดอย่าได้ท�ำ ให้ฉันได้รับความอัปยศ ในวันที่ทุกคนได้ถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง 88 วันที่ทรัพย์สินและ ลูกๆจะไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใด 89 นอกจากผู้ที่มาอยู่ต่อหน้าพระเจ้าด้วย หัวใจที่สงบ” 90 เมื่อสวรรค์จะถูกนำ�มาใกล้บรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้า 91 และนรกจะ ถูกนำ�มาเปิดเผยให้แก่ผู้หลงผิดได้เห็น 92 พวกเขาจะถูกถามว่า “ไหนเล่า สิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะ 93 นอกไปจากพระเจ้า? พวกมันช่วยอะไรสูเจ้า หรือแม้แต่ตัวมันเองได้ไหม?” 94 แล้วพวกมันและผู้หลงผิดจะถูกกลิ้งลง ไปในนรกทับถมกัน 95 รวมทั้งไพร่พลของซาตานทั้งหมดด้วย 96 ในนั้น พวกเขาจะถกเถียงกันและพวกเขาจะกล่าวว่า 97 “เราหลงผิดไปจริงๆ 98 เมื่อเราได้ถือว่าพวกเจ้าเท่าเทียมกับพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 99 ไม่มีใครนอกจากคนทำ�ผิดที่ทำ�ให้พวกเราหลงทาง 100 ตอนนี้ เราไม่มี ผู้ที่จะขอไถ่โทษให้ 101 และไม่มีเพื่อนแท้ด้วย 102 ถ้าเราได้มีโอกาสกลับ ไป(ยังโลก)อีก เราจะเป็นผู้ศรัทธา” 103 แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่ 75

370

26. กวี

ส่วนใหญ่ของคนเหล่านี้ไม่เชื่อ 104 แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรง อำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 105 ผู้คนของนูฮฺได้ปฏิเสธบรรดาศาสนทูต 106 เมื่อพี่น้องคนหนึ่งของ พวกเขาคือนูฮฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านไม่กลัวพระเจ้ากันบ้าง หรือ? 107 ฉันคือศาสนทูตผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่งซึ่งมายังพวกท่าน 108 ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟังฉัน 109 ฉันมิได้ขอสิ่งตอบแทนใดๆสำ�หรับ หน้าที่นี้ เพราะสิ่งตอบแทนของฉันนั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 110 ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟังฉัน” 111 พวกเขากล่าวว่า “จะ ให้พวกเราเชื่อท่านอย่างนั้นหรือ ในเมื่อผู้ปฏิบัติตามท่านมีแต่คนชั้น ต่�ำ ?” 112 นูฮฺได้กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ในเรื่องพวกเขา 113 พระผู้อภิบาลของ ฉันเท่านั้นที่สามารถนำ�พวกเขามาสู่การชำ�ระบัญชี พวกท่านน่าจะเข้าใจ บ้าง 114 ฉันจะไม่ขับไล่ผู้ศรัทธาคนใด 115 ฉันเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือน” 116 พวกเขากล่าวว่า “นูฮฺ ถ้าหากท่านไม่หยุดยั้งเรื่องนี้ ท่านจะถูก ขว้างด้วยหิน” 117 นูฮฺจึงกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ผู้คนของฉัน ปฏิเสธฉัน 118 ดังนั้น ขอพระองค์ได้โปรดตัดสินเรื่องระหว่างฉันกับพวก เขา และได้โปรดช่วยฉันและบรรดาผู้ศรัทธาที่ร่วมกับฉันให้ปลอดภัยด้วย เถิด” 119 ดังนั้น เราได้ช่วยเขาและผู้ที่อยู่กับเขาไว้ในเรือใหญ่ที่บรรทุกไว้ จนเพียบ 120 และหลังจากนั้นได้ท�ำ ให้พวกที่เหลือจมน้�ำ ตาย 121 แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่เชื่อ 122 แท้จริง พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 123 พวกอ๊าดก็ปฏิเสธบรรดาศาสนทูต 124 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พี่น้อง ของพวกเขา คือ ฮูด ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านไม่กลัวพระเจ้า หรือ? 125 ฉันคือศาสนทูตผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่งซึ่งมายังพวกท่าน 126 จงเกรง กลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟังฉัน 127 ฉันมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆสำ�หรับ หน้าที่นี้ เพราะสิ่งตอบแทนของฉันนั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 128 อะไรกัน พวกท่านสร้างอนุสรณ์ไว้บนที่สูงๆเพียงเพื่อความสุขเท่านั้น

อัล-ชุอะรออ์

371

หรือ? 129 และพวกท่านสร้างปราสาทใหญ่ราวกับพวกท่านจะมีชีวิตตลอด ไป130 เมื่อพวกท่านจับกุมผู้ใด พวกท่านก็ทำ�ราวกับเป็นพวกทรราช 131 ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟังฉัน 132 จงเกรงกลัวพระองค์ ผู้ประทานแก่ท่านทุกสิ่งที่พวกท่านรู้อยู่ 133 พระองค์ทรงประทานปศุสัตว์ และลูกๆแก่พวกท่าน 134 และสวนมากมายพร้อมทั้งตาน้�ำ หลายแห่ง 135 ฉันกลัวการลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัวแทนพวกท่านเหลือเกิน” 136 พวกเขาตอบว่า “มันไม่เห็นแตกต่างอะไรสำ�หรับเราไม่ว่าท่านจะ ตักเตือนเราหรือไม่ 137 นี่มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องที่เคยพูดกันมานาน แล้ว 138 และเราไม่มีวันที่จะถูกลงโทษเด็ดขาด” 139 ดังนั้น เมื่อพวกเขา ปฏิเสธเขา เราจึงได้ทำ�ลายพวกเขา แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา 140 แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเป็น ผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 141 พวกษะมูดได้ปฏิเสธบรรดาศาสนทูต 142 เมื่อตอนที่พี่น้องคน หนึ่งของพวกเขา คือ ซอลิฮฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านไม่กลัว พระเจ้าหรือ? 143 ฉันเป็นศาสนทูตที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ส�ำ หรับพวกท่าน 144 ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟังฉัน 145 ฉันมิได้ขอสิ่งตอบ แทนใดๆจากพวกท่านในการทำ�หน้าที่นี้ เพราะรางวัลของฉันนั้นอยู่ที่ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 146 พวกท่านคิดหรือว่าพวกท่านจะถูกทิ้งไว้ ให้ปลอดภัยตลอดกาล 147 ในท่ามกลางสวนและน้�ำ พุ 148 และในไร่นาและ ต้นอินทผลัมที่ออกผลจนกิ่งย้อย 149 และพวกท่านสกัดภูเขาเป็นบ้านและ พวกท่านภูมิใจในความสามารถของพวกท่าน? 150 ดังนั้น จงเกรงกลัว พระเจ้าและจงเชื่อฟังฉัน 151 และจงอย่าเชื่อฟังบรรดาผู้ฝ่าฝืน 152 บรรดา ผู้ที่แพร่ความเสียหายในแผ่นดินและไม่ได้ท�ำ ให้สิ่งใดดีขึ้น” 153 พวกเขาตอบว่า “แท้จริง ท่านเป็นเพียงคนถูกคาถาอาคม 154 ท่าน เป็นเพียงคนธรรมดาเหมือนกับเรา ดังนั้น จงนำ�เอาสัญญาณหนึ่งมาถ้า หากว่าท่านพูดความจริง” 155 ซอลิฮฺกล่าวว่า “นี่คืออูฐตัวเมีย จงให้มันดื่ม

372

26. กวี

น้ำ�วันหนึ่งและอีกวันหนึ่งพวกท่านทั้งหมดจึงค่อยดื่ม 156 จงอย่าทำ�ร้าย มัน มิเช่นนั้นแล้ว พวกท่านจะได้รับการลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัว” 157 แต่กระนั้น พวกเขาได้ตัดขามันจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้น พวกเขาจึงได้ กลายเป็นผู้ที่ต้องเสียใจ 158 หลังจากนั้น พวกเขาได้ถูกลงโทษ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา 159 แท้จริง พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 160 หมู่ชนของลูฏก็ปฏิเสธบรรดาศาสนทูต 161 เมื่อพี่น้องคนหนึ่งของ พวกเขาคือลูฏได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านไม่กลัวพระเจ้าหรือ? 162 แท้จริง ฉันเป็นศาสนทูตที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ยังพวกท่าน 163 ดังนั้น จง เกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟังฉัน 164 ฉันมิได้ขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวก ท่านในการทำ�หน้าที่นี้ เพราะรางวัลของฉันอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก 165 พวกท่านเข้าหาผู้ชายจากที่มีอยู่ในโลกทั้งหมดนี้ 166 และทิ้ง ภรรยาของพวกท่านซึ่งพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ทรงสร้างไว้สำ�หรับ พวกท่านกระนั้นหรือ? พวกท่านนี่เป็นผู้ฝ่าฝืนทุกอย่าง?” 167 พวกเขากล่าวว่า “นี่ลูฏ ถ้าท่านไม่หยุดยั้ง ท่านจะถูกขับไล่ออกไป จากเมืองของพวกเรา” 168 เขากล่าวว่า “ฉันขยะแขยงการกระทำ�ของพวก ท่านจริงๆ 169 โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงช่วยฉันและครอบครัวของฉัน ให้พ้นจากความชั่วของพวกเขาด้วยเถิด” 170 เราได้ช่วยเขาและคนของ เขาทั้งหมดให้ปลอดภัย 171 ยกเว้นหญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่ในหมู่ผู้อยู่ข้าง หลัง 172 หลังจากนั้น เราได้ทำ�ลายคนอื่นที่เหลือทั้งหมด 173 และเราได้ หลั่งฝน(แห่งการทำ�ลาย)อันน่าสะพรึงกลัวลงมาบนหมู่คนที่ถูกตักเตือน 174 แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา 175 พระ ผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 176 ผู้อาศัยอยู่ในป่าก็ปฏิเสธบรรดาศาสนทูตเช่นกัน 177 เมื่อตอนที่ชุ อัยบ์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกท่านไม่กลัวพระเจ้าหรือ? 178 ฉันเป็น ศาสนทูตที่ซื่อสัตย์เชื่อถือได้ยังพวกท่าน 179 ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า

อัล-ชุอะรออ์

373

และเชื่อฟังฉัน 180 ฉันมิได้ร้องขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกท่านสำ�หรับ การทำ�หน้าที่นี้ เพราะรางวัลของฉันอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 181 จงชั่งตวงให้เต็มจำ�นวนและจงอย่าให้คนอื่นน้อยกว่าสิ่งที่เขาจะต้อง ได้รับ 182 จงชั่งด้วยตาชั่งที่เที่ยงตรง 183 และจงอย่าโกงสิ่งต่างๆของพวก เขาและจงอย่าแพร่ความเสียหายในแผ่นดิน 184 จงเกรงกลัวผู้ทรงสร้าง พวกท่านและหมู่ชนก่อนหน้าพวกท่าน” 185 พวกเขากล่าวว่า “ท่านถูกคาถาอาคมแล้ว 186 ท่านเป็นเพียง มนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับพวกเรา และเราถือว่าท่านเป็นผู้โกหกคนหนึ่ง 187 ดังนั้น ถ้าหากท่านพูดจริง จงทำ�ให้ส่วนต่างๆของท้องฟ้าตกลงมาใส่ เราซิ” 188 ชุอัยบ์ได้กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉันทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกท่าน กำ�ลังทำ�อยู่” 189 พวกเขาถือว่าเขาโกหก ในที่สุด การลงโทษแห่งวันอัน มืดมนก็ได้ทำ�ลายพวกเขา มันเป็นการลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัว 190 แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา 191 พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 192 แท้จริง นี่คือสิ่งที่ถูกประทานลงมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 193 วิญญาณที่ซื่อสัตย์ได้นำ�มันลงมา 194 ยังหัวใจของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ตักเตือน 195 ด้วยภาษาอาหรับที่ชัดเจนเข้าใจง่าย 196 และมันได้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ก่อนๆด้วยเช่นกัน 197 มันยังไม่เป็น หลักฐานเพียงพอสำ�หรับพวกเขาอีกหรือที่บรรดาผู้รู้ในหมู่ลูกหลานอิสรอ อีลเคยรู้เรื่องนี้มาก่อน(ว่าเป็นความจริง)? 198 ถ้าหากเราประทานมันแก่คนที่มิใช่อาหรับ 199 แล้วเขาอ่านมันต่อ หน้าพวกเขา พวกเขาก็ยังคงไม่ศรัทธามัน 200 ดังนั้น เราจึงทำ�ให้การ ปฏิเสธสัจธรรมเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ท�ำ บาป 201 พวกเขาจะไม่ ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะเห็นการลงโทษอันเจ็บปวด 202 มันจะเกิดขึ้นกับ พวกเขาอย่างฉับพลันโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว 203 แล้วพวกเขาจะกล่าวว่า “ให้เรามีเวลาแก้ตัวบ้างได้ไหม?”

374

26. กวี

คนเหล่านี้เร่งเร้าให้เรารีบลงโทษกระนั้นหรือ? 205 ลองคิดดูสิว่า ถ้าเราผ่อนผันเวลาให้พวกเขามีชีวิตอย่างมีความสุขเป็นปีๆ 206 แล้วการ ลงโทษที่ถูกสัญญาไว้เกิดขึ้นกับพวกเขา 207 สิ่งต่างๆที่พวกเขาได้รับนั้น จะมีประโยชน์อะไรแก่พวกเขา? 208 เราไม่เคยทำ�ลายเมืองใดยกเว้นแต่ เมืองนั้นมีผู้ตักเตือนแล้ว 209 ในฐานะเป็นสิ่งตักเตือนจากเรา และเรามิใช่ ผู้อธรรม 210 พวกซาตานมิได้น�ำ คัมภีร์กุรอานลงมา 211 และงานนี้ก็ไม่สม กับพวกมัน และพวกมันก็ไม่สามารถทำ�ได้ 212 แท้จริงแล้ว พวกมันได้ถูก กีดกันให้ห่างออกไปจากการได้ยิน 213 ดังนั้น (โอ้มุฮัมมัด) จงอย่าวิงวอนสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกไปจาก พระเจ้า มิฉะนั้น เจ้าจะถูกรวมอยู่ในหมู่ผู้ถูกลงโทษด้วย 214 จงเตือนญาติ ใกล้ชิดของเจ้า 215 และจงอ่อนโยนต่อบรรดาผู้ศรัทธาที่ปฏิบัติตามเจ้า 216 แต่ถ้าหากพวกเขาไม่เชื่อฟัง จงบอกพวกเขาว่า “ฉันไม่รับผิดชอบ ในสิ่งที่พวกท่านทำ�” 217 จงวางใจในพระผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ 218 ผู้ทรงเห็นเจ้าในขณะที่เจ้าลุกขึ้น 219 และเมื่อเจ้าเคลื่อนไหวในหมู่ผู้ ก้มกราบ 220 แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 221 (โอ้ผู้คนทั้งหลาย) จะให้ฉันบอกสูเจ้าไหมว่าพวกซาตานลงมายัง ผู้ใด? 222 พวกมันลงมายังคนโกหกที่ท�ำ บาปทุกคน 223 ที่ถูกพวกมัน กระซิบใส่หู และส่วนมากของพวกมันเป็นผู้โกหก 224 สำ�หรับพวกกวีนั้น มีแต่คนผิดเท่านั้นที่ปฏิบัติตามพวกเขา 225 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเขา เร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมายในทุกหุบเขา 226 และพวกเขาพูดในสิ่งที่พวก เขาเองไม่ทำ� 227 นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีและระลึกถึง พระเจ้าเป็นอย่างมาก และป้องกันตนเองเมื่อพวกเขาถูกกดขี่ข่มเหง ใน ไม่ช้า บรรดาผู้ท�ำ ความผิดจะได้รู้ว่าการลงโทษอะไรที่ก�ำ ลังรอพวกเขา อยู่ 204

อัล-นัมล์

375

27. มด

อัล-นัมล์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฏอ ซีน เหล่านี้คือข้อความจากกุรอานคัมภีร์ที่ทำ�ให้สิ่งต่างๆชัดเจน 2 มันเป็นทาง นำ�และข่าวดีสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 3 ผู้ซึ่งดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาต และพวกเขาคือผู้เชื่อมั่นในโลกหน้า 4 เราได้ทำ�ให้การงานของบรรดาผู้ ไม่ศรัทธาในโลกหน้าเป็นที่ดูดีแก่พวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงหลงออกไป อย่ามืดบอด 5 พวกเขาคือผู้ที่จะได้รับการลงโทษอันชั่วช้า และในโลก หน้า พวกเขาเป็นผู้ขาดทุนอย่างยับเยินที่สุด 6 (โอ้มุฮัมมัด) เจ้าเป็นผู้ได้ รับอัลกุรอานี้จากพระผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ 7 จงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของมูซาผู้กล่าวกับคนในครอบครัวของ เขาว่า “ฉันเห็นไฟ ฉันจะนำ�ข่าวจากที่นั่นมาให้พวกเจ้าหรืออาจจะนำ�ไฟ มาสักดุ้นหนึ่งเพื่อพวกเจ้าจะได้อบอุ่นร่างกาย” 8 เมื่อเขามาถึงที่นั่น มี เสียงกล่าวออกมาว่า “ความจำ�เริญจงมีแด่ผู้ที่อยู่ใกล้ไฟนี้และผู้ที่อยู่รอบ มัน มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือพระเจ้าพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 9 มูซาเอ๋ย แท้จริง ฉันคือพระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 10 จง โยนไม้เท้าของเจ้า” ทันทีที่มูซาเห็นไม้เท้าเคลื่อนไหวคล้ายงู เขาได้หัน หนีทันทีโดยไม่หันกลับมามอง “มูซาเอ๋ย จงอย่ากลัว บรรดาศาสนทูต นั้นไม่รู้สึกกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน 11 ส่วนคนที่ทำ�ผิด และทำ�ความดีหลัง จากความชั่วนั้นแล้ว ฉันเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 12 ตอน นี้ จงสอดมือของเจ้าเข้าไปในอกเสื้อของเจ้า มันจะออกมาขาวสว่างโดย ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ นี่เป็นหนึ่งในเก้าสัญญาณสำ�หรับฟาโรห์และผู้คน ของเขา แท้จริง พวกเขาเป็นหมู่ชนที่ฝ่าฝืน” 13 แต่เมื่อสัญญาณของเรา

376

27. มด

ปรากฏต่อหน้าคนเหล่านั้นอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาก็กล่าวว่า “นี่คือไสย ศาสตร์ชัดๆ” 14 พวกเขาปฏิเสธสัญญาณเหล่านั้นอย่างไม่เป็นธรรมและ เย่อหยิ่งทั้งๆที่ใจของพวกเขายอมรับมัน ดังนั้น จงดูว่าชะตากรรมของผู้ ก่อความเสียหายจะเป็นเช่นใด 15 เราได้ประทานความรู้แก่ดาวูดและสุลัยมาน และเขาทั้งสองกล่าว ว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ประทานความโปรดปรานแก่ เราเหนือกว่าบ่าวผู้ศรัทธาหลายคนของพระองค์” 16 สุลัยมานได้สืบต่อ จากดาวูดและเขาได้กล่าวว่า “ผู้คนทั้งหลาย เราได้ถูกสอนให้รู้จักการพูด ของนก และเราได้รับสิ่งดีทุกสิ่ง แท้จริง นี่คือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ ของพระเจ้า” 17 ไพร่พลของญินและมนุษย์และนกของสุลัยมานได้ถูกรวมไว้อย่าง มีระเบียบวินัยต่อหน้าเขา 18 และเมื่อพวกเขาเดินทัพมาถึงหุบเขาแห่ง มด มดตัวหนึ่งได้กล่าวว่า “พวกมดทั้งหลาย จงเข้าไปในรังของพวกเจ้า มิฉะนั้น สุลัยมานและไพร่พลของเขาจะเหยียบย่�ำ พวกเจ้าโดยที่พวกเขา ไม่รู้” 19 เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุลัยมานจึงขำ�แกมหัวเราะและกล่าวว่า “โอ้ พระผู้อภิบาล โปรดหน่วงเหนี่ยวฉันไว้ เพื่อที่ฉันจะได้ขอบคุณพระองค์ สำ�หรับความโปรดปรานที่พระองค์ได้ประทานแก่ฉันและแก่พ่อแม่ของ ฉัน และทรงทำ�ให้ฉันทำ�ความดีอันเป็นที่ปีติแก่พระองค์ ขอพระองค์ทรง รับฉันไว้ในความเมตตาของพระองค์ท่ามกลางปวงบ่าวผู้ทรงความดีของ พระองค์ด้วยเถิด” 20 หลังจากนั้น สุลัยมานได้ส�ำ รวจนกและกล่าวว่า “อะไรกันนี้ ฉัน ไม่เห็นนกหัวขวาน มันหายไปไหนหรือ? 21 ฉันจะลงโทษมันให้หนักที เดียว หรือไม่ก็จะเชือดมัน เว้นเสียแต่ว่ามันจะมีข้อแก้ตัวที่มีเหตุผลมาให้ ฉัน” 22 หลังจากนั้นไม่นานนัก มันได้มาและกล่าวว่า “ฉันได้รู้ในสิ่งที่ท่าน ยังไม่รู้ ฉันนำ�ข่าวที่เชื่อถือได้จากชีบา(สะบะอ์)มายังท่าน 23 ฉันได้พบผู้ หญิงคนหนึ่งปกครองผู้คน นางมีทุกสิ่งและมีบัลลังก์อันสง่างาม 24 ฉัน

อัล-นัมล์

377

เห็นนางและผู้คนของนางบูชาดวงอาทิตย์แทนพระเจ้า ซาตานได้ทำ�ให้ การงานของพวกเขาดูดีสำ�หรับพวกเขาและได้ทำ�ให้พวกเขาหลงออกไป จากแนวทางที่ถูกต้องทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะไม่ได้รับทางนำ� 25 ทำ�ไมพวก เขาจึงไม่กราบสักการะพระเจ้าผู้ทรงนำ�สิ่งที่ซ่อนเร้นในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่ น ดิ น ออกมาและทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้าซ่อ นเร้นและเปิดเผย? 26 พระองค์คือพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ผู้ทรงเป็น เจ้าของบังลังก์อันยิ่งใหญ่” 27 สุลัยมานกล่าวว่า “เราจะดูว่าเจ้าพูดจริงหรือเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ โกหก 28 จงนำ�จดหมายของฉันไปแล้วหย่อนลงให้พวกเขา หลังจากนั้น จงถอยออกมาและดูว่าพวกเขาจะตอบกลับมาอย่างไร” 29 ราชินีกล่าว ว่า “เสนาบดีทั้งหลาย จดหมายสำ�คัญนี้ได้ถูกหย่อนลงมาให้ฉัน 30 มัน มาจากสุลัยมาน และมีข้อความดังนี้ ‘ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรง กรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 31 จงอย่าหยิ่งผยองต่อฉัน และจงมาหา ฉันอย่างอย่างยอมจำ�นน’” 32 ราชินีได้กล่าวว่า “เสนาบดีทั้งหลาย ให้ คำ�ปรึกษาแก่ฉันในเรื่องนี้หน่อย ฉันจะไม่ตัดสินใจในเรื่องอะไรจนกว่า พวกท่านจะอยู่ร่วมด้วย” 33 พวกเขาตอบว่า “เรามีความเข้มแข็งและเป็น นักรบที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับพระนาง ดัง นั้น พระนางจะบัญชาสิ่งใดก็สุดแท้แต่วิจารณญาณของพระนาง” 34 ราชินี จึงกล่าวว่า “เมื่อบรรดากษัตริย์บุกเข้าไปในเมืองใด พวกเขาได้ทำ�ลาย มันและทำ�ให้คนมีอ�ำ นาจในเมืองนั้นทั้งหมดตกต่�ำ เช่นนี้แหละที่พวกเขา กระทำ� 35 แต่ฉันจะส่งของกำ�นัลไปให้พวกเขา แล้วเราจะดูว่าทูตของฉัน ได้คำ�ตอบอะไรกลับมา” 36 เมื่อคณะทูตมาเข้าเฝ้าสุลัยมาน เขาก็กล่าวว่า “พวกท่านกำ�ลังเสนอ ทรัพย์สินให้ฉันหรือ? แต่สิ่งที่พระเจ้าประทานแก่ฉันนั้นดีกว่าที่พระองค์ ได้ประทานแก่พวกท่านเสียอีก พวกท่านจงรื่นเริงกับของกำ�นัลของพวก ท่านไปเถิด 37 จงกลับไปยังพวกท่าน เราจะนำ�กองทัพที่พวกเขาไม่

378

27. มด

สามารถต้านทานได้ไปยังพวกเขา และเราจะขับไล่พวกเขาออกไปจากที่ นั่นอย่างอัปยศและหมดศักดิ์ศรี” 38 หลังจากนั้น สุลัยมานได้กล่าวว่า “เสนาบดีทั้งหลาย มีใครบ้างใน หมู่พวกเจ้าที่สามารถนำ�บัลลังก์ของนางมาก่อนที่คนเหล่านั้นจะมายัง ฉันในฐานะผู้นอบน้อม?” 39 ผู้กล้าหาญตนหนึ่งในหมู่ญินกล่าวว่า “ฉัน จะนำ�มันมาให้ท่านก่อนที่ท่านจะลุกขึ้นจากที่นั่งของท่าน ฉันมีพลังที่จะ ทำ�เช่นนั้นและไว้วางใจได้ในเรื่องนี้” 40 แต่ผู้มีความรู้ในคัมภีร์คนหนึ่งได้ กล่าวขึ้นมาว่า “ฉันจะนำ�มันมาให้ท่านในชั่วพริบตา” ทันทีที่สุลัยมานเห็น บัลลังก์ปรากฏต่อหน้า เขาได้อุทานออกมาว่า “นี่เพราะความโปรดปราน จากพระผู้อภิบาลของฉัน ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบฉันว่าฉันเป็น ผู้กตัญญูหรือผู้เนรคุณ และผู้ใดกตัญญู ผู้นั้นก็กตัญญูเพื่อผลดีของตัวเขา เอง ส่วนผู้ใดเนรคุณ พระผู้อภิบาลของฉันนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมีอย่างเหลือ หลายและทรงโอบอ้อมอารี” 41 สุลัยมานได้กล่าวว่า “จงจัดบัลลังก์ของนางไว้ เราจะดูซิว่านางจะ จำ�มันได้หรือไม่” 42 เมื่อนางมาหาสุลัยมาน นางถูกถามว่า “บัลลังก์ของ พระนางเหมือนอย่างนี้ใช่ไหม?” นางได้กล่าวว่า “มันดูเหมือนราวกับว่า เป็นอันเดียวกัน เราได้รู้(ถึงอำ�นาจของท่าน)มาก่อนหน้านี้แล้วและเรา ยอมจำ�นนแล้ว” 43 และการที่นางเคารพบูชาสิ่งอื่นแทนพระเจ้าต่างหาก ที่ขัดขวางนาง(จากการศรัทธา) เพราะแท้จริง นางมาจากหมู่ชนผู้ปฏิเสธ 44 นางได้ถูกขอให้เข้าไปในวัง แต่เมื่อนางได้เห็น นางคิดว่ามันเป็นสระ น้�ำ ดังนั้น นางจึงถลกผ้าขึ้นมาเพื่อที่จะเข้าไป สุลัยมานได้กล่าวว่า “มัน เป็นแค่วังที่พื้นปูด้วยกระจก” นางจึงอุทานว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันได้อธรรมต่อตัวของฉันเอง ตอนนี้ ฉันขอนอบน้อมยอมตนกับสุลัย มานเพื่อพระเจ้าพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 45 ยังพวกษะมูด เราได้ส่งซอลิฮฺพี่น้องของพวกเขาไป เขากล่าวว่า “จง อย่าเคารพกราบไหว้สิ่งใดนอกจากพระเจ้า” แต่พวกเขาได้แตกออกเป็น

อัล-นัมล์

379

สองพวกที่โต้แย้งกัน 46 ซอลิฮฺกล่าวว่า “หมู่ชนของฉัน ทำ�ไมพวกท่าน จึงรีบเร่งในเรื่องความชั่วแทนความดีเล่า? ทำ�ไมพวกท่านจึงไม่ขออภัย ต่อพระเจ้าเพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตา?” 47 พวกเขากล่าวว่า “เราถือว่าเจ้าและคนอยู่กับเจ้าเป็นลางร้าย ซอลิฮฺกล่าวว่า “ลางร้ายของ พวกท่านมาจากพระเจ้า ความจริงแล้ว พวกท่านเป็นหมู่ชนที่กำ�ลังถูก ทดสอบ” 48 ในเมืองนั้นมีผู้น�ำ เก้าคนที่สร้างความเสียหายในแผ่นดินและไม่ได้ ทำ�สิ่งใดให้ดีขึ้น 49 พวกเขากล่าวซึ่งกันและกันว่า “ขอให้พวกเราสาบาน ด้ ว ยพระเจ้ า ว่ า เราจะโจมตี ซ อลิ ฮฺ แ ละครอบครั ว ของเขาในตอนกลาง คืน หลังจากนั้น เราจะบอกผู้คุ้มครองของเขาว่าเราไม่ได้อยู่ในตอนที่ ครอบครัวของเขาถูกฆ่า เราพูดความจริง” 50 ดังนั้น พวกเขาจึงวางแผน และเราก็วางแผนด้วยเช่นกันโดยที่พวกเขาไม่รู้ 51 จงดูว่าผลสุดท้ายของ แผนการของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เราได้ท�ำ ลายพวกเขาและคนของ พวกเขาจนหมดสิ้น 52 เพราะการทำ�ผิดของพวกเขา บ้านของพวกเขาจึง ได้พังทลายลงมาเพราะผลแห่งการทำ�ชั่วของพวกเขา แท้จริงแล้ว ในนั้น มีสัญญาณสำ�หรับหมู่ชนที่มีความรู้ 53 และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาและ สำ�รวมตนจากความชั่วให้รอด 54 และเราได้ส่งลูฏมา เขาได้บอกหมู่ชนของเขาว่า “พวกท่านทำ� สิ่งชั่วช้าลามกทั้งๆที่รู้อยู่กระนั้นหรือ? 55 พวกท่านละทิ้งผู้หญิงและไป แสวงหาผู้ชายเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศของพวกท่านกระนั้น หรือ? พวกท่านช่างโง่เขลาเสียจริงๆ” 56 แต่ค�ำ ตอบของหมู่ชนของเขา ก็คือ “จงขับไล่ลูฏและครอบครัวของเขาออกไปจากเมือง พวกเขาชอบ ทำ�ตัวสะอาดมากนัก” 57 ในที่สุด เราได้ช่วยเขาและครอบครัวของเขา ยกเว้นภรรยาของเขาที่เราได้ก�ำ หนดให้นางต้องอยู่ข้างหลัง 58 และเรา ได้ทำ�ให้ฝนหลั่งลงมาบนพวกเขา เป็นฝนแห่งความหายนะอันน่าสะพรึง กลัวสำ�หรับคนที่ได้ถูกตักเตือนแล้ว 59 (โอ้นบี) จงกล่าวเถิด “บรรดาการ

380

27. มด

สรรเสริญเป็นของพระเจ้าและความสันติจงมีแด่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ พระองค์ทรงคัดเลือก พระเจ้าดีกว่า หรือสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคี กับพระองค์?” 60 ใครเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และส่งน้ำ�ลงมาจาก ท้องฟ้าเพื่อสูเจ้าซึ่งจากน้ำ�นั้นเราได้ทำ�ให้สวนสวยงามต่างๆงอกเงยออก มาโดยที่สูเจ้าไม่มีอ�ำ นาจที่จะทำ�ให้มันงอกเงยขึ้นมาได้? ยังมีสิ่งเคารพ บูชาอื่นใดนอกเหนือจากพระเจ้าอีกหรือ? (ไม่) แต่พวกเขาเป็นหมู่ชนที่ นำ�สิ่งอื่นมาเทียบเคียงกับพระเจ้า 61 ใครเล่าที่ท�ำ ให้แผ่นดินนี้เป็นสถาน ที่พัก? ใครเล่าที่ทำ�ให้ในแผ่นดินนี้มีแม่น้ำ�หลายสาย? ใครเล่าที่ท�ำ ให้ ภูเขามั่นคงขึ้นในแผ่นดินและทำ�ให้มีที่คั่นระหว่างน่านน้�ำ ทั้งสอง? ยังมี สิ่งสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกไปจากพระเจ้าอีกกระนั้นหรือ? ไม่เลย แต่ ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้ 62 ใครเล่าที่ทรงฟังผู้มีทุกข์เมื่อเขาวิงวอนพระองค์และทรงบรรเทา ความทุกข์ยากเดือดร้อนนั้น และใครเล่าที่ทรงให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอด แผ่นดิน? อย่างนี้แล้วยังมีสิ่งเคารพบูชาอื่นใดควบคู่ไปกับพระเจ้าอีก กระนั้นหรือ? เล็กน้อยเหลือเกินที่พวกเขาคิดกัน 63 ใครเล่าที่ทรงทำ�ให้ สูเจ้าเห็นหนทางในความมืดของแผ่นดินและทะเล และทรงส่งลมมาเป็น ข่าวดีแห่งความเมตตาของพระองค์? ยังมีสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกจาก พระเจ้าอีกกระนั้นหรือ? พระเจ้าทรงสูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาตั้งภาคี 64 ใครเล่าที่ทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์ แล้วหลังจากนั้นก็ทรงทำ�ให้มัน บังเกิดขึ้นมาอีก? และใครเล่าที่ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้าจากฟาก ฟ้าและแผ่นดิน? อย่างนี้แล้วยังมีสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกไปจากพระเจ้า อีกหรือ?” จงบอกพวกเขาว่า “จงนำ�หลักฐานมาถ้าพวกท่านเป็นผู้พูด ความจริง 65 จงบอกพวกเขาว่า “ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินมีความ รู้ในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นนอกไปจากพระเจ้า” พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้ว่าตัว

อัล-นัมล์

381

เองจะถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเมื่อใด 66 แต่ความรู้ในเรื่องโลกหน้าของ คนเหล่านี้ได้สูญหายไปหมดแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังสงสัยเกี่ยว กับมัน อีกทั้งยังมืดบอดต่อเรื่องนี้ด้วย 67 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวว่า “เมื่อเราและบรรดาบรรพบุรุษของเรากลายเป็นดินไปแล้ว เราจะถูกทำ�ให้ ออกมาอีกกระนั้นหรือ? 68 เราเคยถูกบอกถึงเรื่องนี้มาก่อนแล้วเช่นเดียว กับบรรพบุรุษของเรา เรื่องนี้มิใช่อะไรนอกไปจากคำ�บอกเล่าที่ได้ยินมา ตั้งแต่ครั้งโบราณ” 69 จงบอกพวกเขาว่า “จงเดินทางไปในแผ่นดินและดู ว่าผลสุดท้ายของผู้ท�ำ บาปนั้นเป็นอย่างไร?” 70 (โอ้นบี) จงอย่าโศกเศร้าต่อพวกเขาและจงอย่าเป็นทุกข์ต่อสิ่งที่ พวกเขาวางแผน 71 พวกเขากล่าวว่า “เมื่อใดเล่าที่ค�ำ ขู่นี้จะเกิดขึ้น ถ้า ท่านเป็นคนพูดจริง?” 72 จงบอกพวกเขาว่า “ไม่ต้องสงสัย ส่วนหนึ่งของ การลงโทษที่พวกท่านเร่งเร้าให้มันเกิดขึ้นนั้นกำ�ลังใกล้พวกท่านเข้ามา ทุกทีแล้ว” 73 แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงโอบอ้อมอารียิ่งต่อปวง มนุษย์ แต่พวกเขาส่วนมากไม่รู้คุณ 74 แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรง รู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในอกของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย 75 ไม่มีสิ่งใดที่ เป็นสิ่งเร้นลับในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ อันชัดแจ้ง 76 แท้จริง กุรอานนี้ได้อธิบายให้พวกลูกหลานอิสรออีลรู้สิ่งต่างๆซึ่งใน นั้นส่วนมากแล้วเป็นเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกัน 77 และแท้จริง นี่คือทางนำ� และความเมตตาสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 78 แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้า จะทรงตัดสินระหว่างคนเหล่านี้โดยคำ�บัญชาของพระองค์ และพระองค์ เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงรอบรู้ 79 ดังนั้น (โอ้นบี) เจ้าจงวางใจในพระเจ้า แท้จริง เจ้าอยู่บนสัจธรรมอันชัดแจ้งแล้ว 80 เจ้าไม่อาจทำ�ให้คนตายได้ยิน และเจ้าไม่อาจทำ�ให้คนหูหนวกได้ยินการเรียกร้องของเจ้าเมื่อพวกเขา หันหลังให้และวิ่งหนีไปจากเจ้า 81 และเจ้าก็มิอาจนำ�ทางคนตาบอดออก

382

27. มด

จากการหลงผิดของพวกเขา เจ้าทำ�ให้คนฟังเจ้าได้ก็แต่ผู้ศรัทธาในสิ่งที่ เราประทานมาและยอมจำ�นนต่อเราโดยสิ้นเชิง 82 เมื่อเวลาแห่งประกาศิตของเรามาถึงพวกเขา เราจะนำ� “ดาบบ๊ะ ฮฺ”* จากแผ่นดินออกมายังพวกเขา มันจะพูดแก่พวกเขาว่ามนุษย์ไม่ได้ เชื่อมั่นในสัญญาณทั้งหลายของเรา 83 ในวันนั้น เราจะรวบรวมผู้คนจาก ทุกกลุ่มชนที่ถือว่าสิ่งที่เราประทานมาเป็นเรื่องเท็จ แล้วพวกเขาจะถูกจัด เตรียมไว้เป็นพวกๆ 84 จนกระทั่งเมื่อพวกเขาทั้งหมดได้มาถึง พระองค์ จะทรงกล่าวว่า “พวกเจ้าปฏิเสธสิ่งที่เราประทานมากระนั้นหรือในขณะที่ พวกเจ้าไม่มีความรู้? หรืออะไรบ้างที่พวกเจ้ากำ�ลังทำ�อยู่?” 85 และการ ลงโทษที่กล่าวไว้จะเกิดขึ้นแก่พวกเขาเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำ� ไว้ แล้วพวกเขาจะไม่อาจกล่าวถ้อยคำ�อะไรได้ 86 พวกเขาไม่เห็นหรือว่า เราได้กำ�หนดเวลากลางคืนไว้ให้พวกเขาได้พักผ่อนและได้ทำ�ให้กลาง วันสว่างไสว? แท้จริงแล้ว ในนั้นมีสัญญาณหลายอย่างสำ�หรับหมู่ชนผู้ ศรัทธา 87 ในวันที่แตรถูกเป่า บรรดาผู้อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะตื่น ตระหนกตกใจกลัว ยกเว้นบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงประสงค์จะคุ้มครอง และ ทั้งหมดจะมาอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยความถ่อมตน 88 สูเจ้าเห็นภูเขาและ สูเจ้าคิดว่ามันถูกตรึงไว้อย่างมั่นคง แต่(ในวันนั้น) มันจะล่องลอยเหมือน เมฆ นี่เป็นการงานแห่งอำ�นาจของพระเจ้าผู้ทรงบัญชาทุกสิ่ง แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 89 ใครที่มาด้วยความดีจะได้รับ * ในตอนที่พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ทรงตัดสินใจที่จะยุติประวัติศาสตร์ ปัจจุบันของโลก จะมีสัญญาณพิเศษบางอย่างเกิดขึ้นเพื่อนำ�ไปสู่ขั้น สุดท้าย หนึ่งในสัญญาณนั้นคือการปรากฏตัวของ “ดาบบ๊ะฮฺ” สาสน์ที่ถูก นำ�มาโดยมนุษย์และผู้คนไม่ยอมรับจะถูกประกาศโดยดาบบ๊ะฮฺ บางที ระบบการโทรคมนาคมสมัยใหม่อาจหมายถึงดาบบ๊ะฮฺก็ได้ นี่เป็นระฆังที่ ประกาศถึงการสิ้นสุดช่วงเวลาของการทดสอบ มิใช่การเริ่มต้นของมัน

อัล-เกาะศ็อศ

383

การตอบแทนที่ดีกว่านั้น และพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจาก ความหวาดกลัวของวันนั้น 90 ส่วนผู้ใดมาด้วยความชั่ว ใบหน้าของพวก เขาจะถูกเผาในไฟ สูเจ้าจะไม่ได้รับการตอบแทนตามที่สูเจ้าได้กระทำ�ไว้ กระนั้นหรือ? 91 (โอ้ มุฮัมมัด จงบอกพวกเขา) “ฉันถูกบัญชาให้เคารพสักการะพระ ผู้อภิบาลของเมืองนี้ผู้ทรงทำ�ให้มันเป็นที่ต้องห้ามและผู้ทรงเป็นเจ้าของ ทุกสิ่ง และฉันได้ถูกบัญชาให้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ภักดีต่อพระองค์ 92 และ ต้องอ่านกุรอาน” ผู้ใดปฏิบัติตามทางนำ� เขาก็ปฏิบัติตามมันเพื่อผลดีของ เขาเอง ส่วนผู้หลงผิดนั้น จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ฉันเป็นแค่เพียงผู้ตัก เตือนคนหนึ่งเท่านั้น” 93 และจงบอกพวกเขาว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็น ของพระเจ้า ไม่ช้า พระองค์จะทรงแสดงสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ ให้พวกท่านได้เห็น แล้วพวกท่านจะรู้ และพระผู้อภิบาลของพวกท่าน มิได้เฉยเมยต่อสิ่งที่พวกท่านกระทำ�” 28 เรื่องราว

อัล-เกาะศ็อศ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฏอ ซีน มีม 2 เหล่านี้คือข้อความทั้งหลายจากคัมภีร์ที่ท�ำ ให้สิ่งต่างๆชัดเจน 3 เราจะ เล่าเรื่องราวบางตอนของมูซาและฟาโรห์แก่เจ้าด้วยความจริงเพื่อคนที่ จะศรัทธา 4 แท้จริง ฟาโรห์ท�ำ ตัวโอหังในแผ่นดินและได้แบ่งผู้ที่อาศัย อยู่ในนั้นเป็นพวกๆ ซึ่งหนึ่งในพวกนี้เขาต้องการที่จะทำ�ให้อ่อนแอด้วย การฆ่าลูกชายของพวกเขาและไว้ชีวิตลูกสาวของพวกเขา แท้จริงแล้ว เขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ก่อความเสียหาย 5 เราปรารถนาที่จะแสดงความ

384

28 เรื่องราว

โปรดปรานแก่บรรดาผู้ถูกกดขี่ในแผ่นดินและทำ�ให้พวกเขาเป็นผู้นำ� และ ทำ�ให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอด(ความโปรดปรานของเรา) 6 และให้อ�ำ นาจ พวกเขาในแผ่นดิน และเพื่อที่ฟาโรห์และฮามานและไพร่พลของเขาทั้ง สองได้เห็นสิ่งที่พวกเขากลัว 7 เราได้ดลใจแม่ของมูซาว่า “จงให้นมเขาดื่ม และเมื่อเจ้ากลัวว่าเขา จะได้รับอันตราย ดังนั้น จงนำ�เขาไปลอยในแม่น�้ำ และจงอย่ากลัวและจง อย่าโศกเศร้า เพราะเราจะนำ�เขากลับมายังสูเจ้าและจะทำ�ให้เขาเป็นหนึ่ง ในบรรดาศาสนทูต” 8 หลังจากนั้น คนของฟาโรห์ได้เก็บเขาขึ้นมา(จาก แม่น้ำ�) เพื่อที่เขาจะได้เป็นศัตรูของคนเหล่านั้นและสร้างความขมขื่นให้ แก่พวกเขา แท้จริง ฟาโรห์และฮามานและไพร่พลของเขาทั้งสองเป็น พวกทำ�ผิด 9 ภรรยาของฟาโรห์กล่าวแก่เขาว่า “เขาเป็นที่เย็นตาแก่ฉัน และแก่ท่าน จงอย่าฆ่าเขา บางที เขาอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเราหรือเรา อาจจะรับเขามาเป็นลูกก็ได้” แต่พวกเขาไม่รู้ถึงผลสุดท้าย 10 หัวใจของแม่ของมูซาเต็มไปด้วยความวิตก นางเกือบเปิดเผยตัว ตนของเขาแล้วหากเราไม่ทำ�ให้หัวใจของนางเข้มแข็งเพื่อที่นางจะได้มี ศรัทธา(ในคำ�สัญญาของเรา) 11 นางได้บอกพี่สาวของมูซาว่า “จงตาม ไปดูเขาด้วย” ดังนั้น เธอจึงได้เฝ้าคอยดูอยู่ห่างๆเหมือนคนแปลกหน้า โดยไม่มีใครสังเกต 12 เราได้ทำ�ให้เขาปฏิเสธแม่นมทุกคน (เมื่อเห็น ดังนั้น) พี่สาวของเขาจึงได้บอกพวกเขาว่า “จะให้ฉันบอกพวกท่านถึง คนในครอบครัวหนึ่งที่จะเลี้ยงดูเขาให้ท่านด้วยความรักและเอาใจใส่แก่ เขาไหม?” 13 ดังนั้น เราได้นำ�มูซากลับมาสู่แม่ของเขาอีกเพื่อที่นางจะ ได้สบายใจและไม่เศร้าโศกอีกต่อไป และเพื่อนางจะได้รู้ว่าสัญญาของ พระเจ้านั้นเป็นความจริง แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ 14 เมื่อมูซาโตขึ้นเป็นหนุ่ม และเป็นผู้ใหญ่ เราได้ประทานภูมิปัญญาในการตัดสินและความรู้แก่เขา นี่คือวิธีการที่เราตอบแทนผู้ทำ�ความดี 15 (วันหนึ่ง) เขาได้ไปในเมืองในตอนที่ผู้คนไม่ได้สังเกต ที่นั่น เขา

385

ได้เห็นผู้ชายสองคนต่อสู้กัน คนหนึ่งเป็นคนของพวกเขาและอีกคนหนึ่ง เป็นคนของพวกศัตรูของเขา คนที่เป็นพวกของเขาได้ร้องขอให้เขาช่วย เหลือในการต่อสู้กับคนที่เป็นพวกศัตรูของเขา ดังนั้น มูซาได้ต่อยเขา และทำ�ให้เขาเสียชีวิต (เมื่อเห็นดังนั้น) มูซาจึงได้กล่าวว่า “นี่เป็นงานของ ซาตาน มันเป็นศัตรูและผู้ชักนำ�ให้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง” 16 ดังนั้น เขาจึง วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันได้ทำ�ผิดต่อตัวฉันเอง ดังนั้น โปรด ให้อภัยฉันด้วยเถิด” ดังนั้น พระเจ้าได้ทรงให้อภัยเขา เพราะพระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 17 มูซาได้กล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ด้วยความโปรดปรานที่พระองค์ทรงประทานแก่ฉันนี้ ฉันจะไม่เป็นผู้ช่วย เหลือคนทำ�ผิดอีกต่อไป” 18 เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เขากำ�ลังเดินอยู่ในสภาพของความกลัวและ ระแวดระวังอยู่ในเมือง ทันใดนั้น เขาได้เห็นชายคนเดิมที่ขอความช่วย เหลือจากเขาเมื่อวานนี้กำ�ลังร้องขอให้เขาช่วยเหลืออีก มูซาจึงได้กล่าว แก่เขาว่า “เจ้ามันคนหลงผิดชัดๆ” 19 เมื่อมูซาจะเข้าไปจับคนที่เป็นศัตรู ของเขาทั้งสอง คนผู้นั้นก็ร้องออกมาว่า “มูซา ท่านจะฆ่าฉันเหมือนกับที่ ท่านได้ฆ่าคนเมื่อวานนี้กระนั้นหรือ? ท่านอยากจะเป็นผู้กดขี่ในแผ่นดิน นี้และไม่อยากจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นกระนั้นหรือ?” 20 หลัง จากนั้นได้มีชายผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากอีกมุมหนึ่งของเมืองอย่างรีบเร่งและ กล่าวว่า “มูซา พวกเจ้าหน้าที่ก�ำ ลังวางแผนที่จะฆ่าท่าน ดังนั้น จงออกไป จากที่นี่เสีย ฉันเป็นผู้หวังดีต่อท่าน” 21 ดังนั้น มูซาจึงได้ออกไปจากเมือง ด้วยความกลัวและระแวดระวัง และเขาได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของ ฉัน โปรดทรงช่วยฉันให้พ้นจากหมู่ผู้อธรรมด้วยเถิด” 22 เมื่อมูซามุ่งหน้าไปยังมัดยัน เขากล่าวว่า “ฉันหวังว่าพระผู้อภิบาล ของฉันจะทรงนำ�ฉันไปสู่หนทางที่ถูกต้อง” 23 และเมื่อเขามาถึงบ่อน้ำ� แห่งมัดยัน เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำ�ลังให้น�้ำ สัตว์เลี้ยงอยู่ และเขายังเห็น ผู้หญิงสองคนยืนคุมสัตว์เลี้ยงของพวกเธออยู่ห่างจากคนเหล่านั้น เขา

386

28 เรื่องราว

จึงถามว่า “เธอทั้งสองกังวลอะไรหรือ?” ทั้งสองจึงได้กล่าวว่า “เราไม่ สามารถให้น้ำ�แก่สัตว์เลี้ยงของเราได้จนกว่าคนเลี้ยงแกะเหล่านั้นจะเอา สัตว์เลี้ยงของเขาออกไป และพ่อของเราก็เป็นคนแก่มากแล้ว” 24 ดัง นั้น มูซาจึงได้ให้น�้ำ ฝูงสัตว์แทนเธอทั้งสอง หลังจากนั้น เขาได้หันไปหา สถานที่ร่มแห่งหนึ่งและกล่าวว่า “โอ้ พระผู้อภิบาล ฉันต้องการสิ่งดีใดๆ ก็ได้ที่พระองค์จะทรงประทานแก่ฉัน” 25 (หลังจากนั้น) หญิงหนึ่งในสอง คนนั้นได้มาหาเขาด้วยความเหนียมอายและกล่าวว่า “พ่อของฉันขอให้ ท่านไปหาเพื่อตอบแทนท่านที่ได้ช่วยให้น�้ำ สัตว์แทนเรา” เมื่อมูซาไปหา พ่อของหญิงสาวทั้งสองและเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เขาก็กล่าวว่า “ไม่ ต้องกลัว เพราะว่าเจ้าได้หนีออกมาจากพวกคนชั่วนั้นแล้ว” 26 หนึ่งใน สองสาวนั้นได้กล่าวแก่พ่อของเธอว่า “พ่อคะ จ้างคนผู้นี้ไว้ช่วยทำ�งาน เถิด เพราะคนดีที่ท่านจะจ้างไว้ก็คือคนที่แข็งแรงและไว้วางใจได้” 27 พ่อ ของนางได้กล่าวแก่มูซาว่า “ฉันจะยกลูกสาวของฉันหนึ่งในสองคนนี้ให้ แต่งงานกับเจ้าถ้าหากว่าเจ้าทำ�งานให้ฉันเป็นเวลาแปดปี และถ้าหากเจ้า ต้องการ เจ้าก็สามารถต่อจนครบสิบปีได้ ฉันไม่ต้องการที่จะเข้มงวดกับ เจ้านัก หากพระเจ้าทรงประสงค์ เจ้าจะเห็นว่าฉันเป็นคนที่ยุติธรรมคน หนึ่ง” 28 มูซาได้ตอบว่า “นั่นเป็นข้อตกลงระหว่างฉันกับท่าน อันไหนใน สัญญาทั้งสองนี้ที่ฉันปฏิบัติครบ ขอจงอย่าสร้างความไม่เป็นธรรมต่อฉัน และพระเจ้าทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่เราได้ตกลงกัน” 29 หลังจากที่มูซาปฏิบัติตามสัญญาครบแล้ว เขาได้ออกเดินทาง พร้อมกับครอบครัวของเขา เขาสังเกตเห็นแสงไฟตรงภูเขาฏูรฺ เขาจึงได้ กล่าวกับครอบครัวของเขาว่า “จงอยู่ที่นี่ ฉันเห็นแสงไฟ ฉันอาจจะนำ�ข่าว บางอย่างจากที่นั่นมาหรือเอาคบไฟสักดุ้นหนึ่งมาให้พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้า จะได้ทำ�ความอบอุ่นให้ตัวเอง” 30 เมื่อเขามาถึงที่นั่น ได้มีเสียงเรียกออก มาจากต้นไม้ต้นหนึ่งตรงบริเวณที่ได้รับความจำ�เริญทางด้านขวาของ หุบเขาว่า “มูซาเอ๋ย ฉันคือพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 31 จงโยน

อัล-เกาะศ็อศ

387

ไม้เท้าของเจ้าลงไป” เมื่อมูซาเห็นไม้เท้าเคลื่อนไหวเหมือนงู เขาก็หัน หลังหนีและไม่ยอมแม้แต่จะหันกลับมาดู (จึงมีเสียงกล่าวออกมาอีกว่า) “มูซาเอ๋ย จงกลับมาและจงอย่ากลัว เจ้าจะปลอดภัย 32 จงเอามือของเจ้า ล้วงเข้าไปในอกของเจ้า มันจะออกมาขาวสว่างโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ แก่เจ้า และจงพับแขนของเจ้าไว้แนบตัวเพื่อขจัดความกลัว และนั่นคือ สัญญาณอันชัดแจ้งสองอย่างจากพระผู้อภิบาลของเจ้าที่จะไปแสดงแก่ ฟาโรห์และพวกขุนนางของเขา แท้จริง พวกเขาเป็นหมู่ชนที่ฝ่าฝืน” 33 มูซากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ฉันได้ฆ่าพวกเขาไปคนหนึ่ง ฉันกลัวว่าเขาจะฆ่าฉัน 34 และฮารูนพี่ชายของฉันก็พูดจาคล่องแคล่วกว่า ฉัน ดังนั้น ขอได้โปรดส่งเขามากับฉันในฐานะผู้ช่วยเพื่อที่เขาจะได้ช่วย ฉัน เพราะฉันกลัวว่าพวกเขาจะปฏิเสธฉัน” 35 พระองค์ทรงกล่าวว่า “เรา จะทำ�ให้แขนของเจ้าเข้มแข็งด้วยพี่ชายของเจ้าและจะให้อำ�นาจแก่เจ้าทั้ง สองจนพวกเขาไม่สามารถที่จะทำ�ร้ายเจ้าทั้งสองได้ จงไปกับสัญญาณ ของเรา เจ้าทั้งสองและผู้ปฏิบัติตามเจ้าจะเป็นผู้ชนะ” 36 เมื่อมูซาได้มายังคนเหล่านั้นพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งของ เรา พวกเขากล่าวว่า “นี่มิใช่อะไรนอกไปจากมายากลจอมปลอม และ เราไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเรามาก่อน” 37 มูซา กล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉันทรงรู้ดีถึงผู้ที่มากับทางนำ�จากพระองค์ และพระองค์เท่านั้นที่รู้ว่าใครจะได้รับที่พ�ำ นักที่ดีในบั้นปลาย แท้จริง ผู้ อธรรมนั้นไม่เคยได้รับความสำ�เร็จที่แท้จริง” 38 ฟาโรห์กล่าวว่า “เสนาบดี ทั้งหลาย ข้าไม่รู้จักพระเจ้าอื่นใดของพวกเจ้านอกไปจากตัวข้าเอง ฮา มาน จงเผาอิฐไว้ให้ข้า แล้วจงสร้างหอสูงให้ข้าเพื่อที่ข้าจะได้ขึ้นไปดู พระเจ้าของมูซา เพราะข้าถือว่าเขาเป็นผู้โกหก” 39 เขาและไพร่พลของเขายโสโอหังในแผ่นดินอย่างไม่เป็นธรรมโดย ไม่มีสิทธิ์ พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะไม่ถูกนำ�กลับมายังเรา 40 ดังนั้น เรา จึงได้เอาชีวิตพวกเขาและโยนพวกเขาไปในทะเล แล้วดูเถิดว่าชะตา

388

28 เรื่องราว

กรรมของบรรดาผู้ทำ�ความผิดเป็นเช่นใด 41 เราได้ทำ�ให้พวกเขาเป็น ผู้น�ำ ที่เชิญชวนผู้คนไปสู่ไฟนรก และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พวกเขาจะ ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ 42 เราได้ทำ�ให้การสาปแช่งติดตามพวกเขาไป ในโลกนี้ และในวันแห่งการพิพากษา พวกเขาจะรวมอยู่ในหมู่ผู้ที่มีสภาพ น่าขยะแขยง 43 หลังจากที่เราได้ทำ�ลายชนรุ่นก่อนหน้านี้ไปหลายรุ่นแล้ว เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาซึ่งเราได้ทำ�ให้มันเป็นที่ประจักษ์แก่มนุษย์ และเป็นทางนำ�และความเมตตาเพื่อพวกเขาจะได้รับบทเรียน 44 (โอ้มุฮัมมัด) เจ้ามิได้อยู่ทางด้านตะวันตกของภูเขาเมื่อเราได้ ประทานคำ�บัญชาของเราแก่มูซาและเจ้ามิได้อยู่ในหมู่ผู้เห็นเหตุการณ์ 45 แต่หลังจากเขา(จนกระทั่งถึงสมัยของเจ้า)เราได้ให้มีผู้คนอีกหลาย รุ่นที่มีอายุยืนยาว และเจ้าเองไม่ได้อยู่ในหมู่ชาวมัดยันและอ่านสิ่งที่เรา ประทานมาแก่พวกเขา แต่เราต่างหากที่ส่งบรรดาศาสนทูตมา 46 และเจ้า มิได้อยู่ข้างภูเขาเมื่อเราได้เรียกมูซา แต่เราได้ส่งเจ้ามาเป็นความเมตตา จากพระผู้อภิบาลของเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้เตือนบรรดาผู้ที่ไม่มีผู้ตักเตือน มาก่อนหน้าเจ้า เพื่อที่พวกเขาจะได้ตรึกตรอง 47 และเมื่อทุกข์ภัยเกิดขึ้น แก่พวกเขาอันเนื่องมาจากสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ�ไว้ พวกเขาจะได้ไม่พูด ว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ถ้าพระองค์ทรงส่งศาสนทูตคนหนึ่งมายังพวกเรา เราจะได้ปฏิบัติตามสาสน์ของพระองค์และจะได้เป็นผู้ศรัทธา” 48 แต่เมื่อ สัจธรรมจากเรามายังพวกเขาแล้ว พวกเขาได้กล่าวว่า “ทำ�ไม เขา(นบี มุฮัมมัด)จึงไม่ได้รับเหมือนอย่างที่มูซาได้รับ?” แต่พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธ สิ่งที่ถูกประทานแก่มูซาก่อนหน้านี้หรือ? พวกเขากล่าวว่า “ทั้งสองอย่าง นี้(มูซาและมุฮัมมัด)เป็นมายากลที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน” และพวกเขา กล่าวว่า “เราไม่เชื่อทั้งสองนี้” 49 (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ดังนั้น พวกท่านจงเอาคัมภีร์เล่มหนึ่ง จากพระเจ้าที่เป็นทางนำ�ที่ดีกว่าสองเล่มนี้มาถ้าหากสิ่งที่พวกท่านพูด เป็นความจริง” 50 แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ตอบสนองคำ�เรียกร้องของเจ้า

อัล-เกาะศ็อศ

389

ดังนั้น เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าพวกเขาเป็นผู้ปฏิบัติตามอารมณ์ฝ่ายต่�ำ ของ พวกเขาเอง และใครเล่าที่หลงผิดยิ่งไปกว่าคนที่ปฏิบัติตามอารมณ์ฝ่าย ต่ำ�ของตัวเองโดยไม่ได้รับทางนำ�จากพระเจ้า? แท้จริง พระเจ้าไม่ทรง นำ�ทางผู้อธรรม 51 เราได้ให้ถ้อยคำ�ตักเตือนแก่พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่พวกเขาจะได้ตรึกตรอง 52 บรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์ก่อนหน้านี้ศรัทธามัน(กุรอาน) 53 และเมื่อมันได้ถูกอ่านให้แก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า “เราศรัทธามัน แท้จริง มันคือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง เราได้นอบน้อม ยอมจำ�นนมาก่อนหน้านี้แล้ว” 54 พวกเขาเหล่านี้จะได้รับรางวัลตอบแทน สองครั้งสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาอดทนและพวกเขาขจัดความชั่วด้วยความ ดีและพวกเขาใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา 55 และเมื่อพวก เขาได้ยินเรื่องไร้สาระ พวกเขาก็ออกห่างจากมันและกล่าวว่า “การก ระทำ�ของเราก็เป็นของเราและการกระทำ�ของพวกท่านก็เป็นของพวก ท่าน สันติจงมีแด่พวกท่าน เราไม่ขอเกี่ยวข้องกับพวกโง่เขลางมงาย ด้วยหรอก” 56 (โอ้นบี) เจ้าไม่สามารถนำ�ทางผู้ที่เจ้ารักได้ แต่พระเจ้าทรง ประทานทางนำ�แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ทรงรู้ดีที่สุดถึงผู้ ที่จะได้รับทางนำ� 57 พวกเขากล่าวว่า “ถ้าพวกเราปฏิบัติตามทางนำ�นี้ร่วมกับท่าน เรา จะถูกกระชากออกไปจากแผ่นดินของเรา” แต่เราไม่ได้ท�ำ ให้พวกเขา อาศัยอยู่ในสถานที่อันปลอดภัยและประทานผลไม้ทุกชนิดเป็นปัจจัย ยังชีพจากเรากระนั้นหรือ? แต่พวกเขาส่วนมากกลับไม่รู้ถึงสิ่งนี้ 58 กี่เมืองแล้วที่เราได้ทำ�ลายไปเพราะในเมืองนั้นหลงลำ�พองในความ เป็นอยู่ของตัวเอง ดังนั้น จงดูที่อยู่อาศัยของพวกเขาซึ่งมีเพียงเล็ก น้อยเท่านั้นที่มีคนอาศัยหลังจากพวกเขา ในที่สุด เราเท่านั้นที่ได้เป็น ผู้สืบทอดของพวกเขา 59 พระผู้อภิบาลของเจ้าจะไม่ท�ำ ลายหมู่ชนใด จนกว่าพระองค์จะได้ส่งศาสนทูตมายังใจกลางเมืองนั้นเพื่อสาธยายวจนะ

390

28 เรื่องราว

ที่เราประทานแก่พวกเขา และเราไม่ได้ทำ�ลายเมืองใดจนกว่าชาวเมือง นั้นได้กลายเป็นคนทำ�ผิดไปแล้ว 60 อะไรก็ตามที่สูเจ้าได้รับในชีวิตนี้มิใช่อะไรนอกจากแค่เพียงปัจจัย ยังชีพสำ�หรับชีวิตโลกนี้และเครื่องประดับประดาของมันเท่านั้น แต่ที่ พระเจ้านั้นดีกว่าและยั่งยืนกว่า สูเจ้าไม่เข้าใจหรือ? 61 คนที่เราได้ให้ สัญญาที่ดีแก่เขาซึ่งเขาจะได้พบมันอย่างแน่นอนนั้นจะเหมือนกับคนที่ เราให้แต่เพียงปัจจัยแห่งชีวิตโลกนี้และคนที่ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพจะ ถูกนำ�มา(ต่อหน้าพระเจ้า)เพื่อการลงโทษกระนั้นหรือ? 62 ในวันนั้น พระองค์จะทรงเรียกพวกเขาและถามว่า “ไหนเล่า บรรดา ผู้ที่สูเจ้าอ้างว่าเป็นภาคีของฉัน?” 63 และบรรดาผู้ที่ถูกตัดสินไปแล้วจะ กล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา คนเหล่านี้คือผู้ที่ทำ�ให้เราหลงผิด เรา ได้นำ�พวกเขาให้หลงผิดเพราะเราเองก็หลงผิดเช่นเดียวกัน เราขอยืนยัน ต่อพระองค์ว่าเราไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่ใช่เราที่พวกเขาเคารพสัก การะ” 64 หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกบอกว่า “จงร้องเรียกผู้ที่สูเจ้าถือว่าเป็น ภาคีซิ” พวกเขาจะร้องเรียกพวกมัน แต่พวกมันไม่ตอบ และพวกเขาจะ เห็นการลงโทษ ถ้าพวกเขาปฏิบัติตามทางนำ�ก็จะเป็นการดี 65 ในวัน นั้น พระองค์จะทรงเรียกพวกเขาและถามว่า “สูเจ้าได้ตอบบรรดาศาสน ทูตของเราอย่างไร? 66 ในวันนั้น พวกเขาจะนึกคำ�พูดอะไรไม่ออก และ พวกเขาก็ไม่สามารถปรึกษากันได้ 67 แต่ส่วนผู้ส�ำ นึกผิดและศรัทธาและ กระทำ�ความดีนั้นสามารถหวังว่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ได้รับความสำ�เร็จ 68 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงสร้างสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเลือก การเลือกนั้นไม่ใช่เรื่องสำ�หรับพวกเขา พระเจ้าทรงมหา บริสุทธิ์และทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับพระองค์ 69 พระผู้ อภิบาลของเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาซ่อนเร้นไว้ในหัวอกของพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย 70 พระองค์คือพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอก

อัล-เกาะศ็อศ

391

ไปจากพระองค์ การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของพระองค์ทั้งในโลกนี้และใน โลกหน้า อำ�นาจสูงสุดเป็นของพระองค์และยังพระองค์ที่สูเจ้าทั้งหมดจะ ถูกนำ�กลับไป 71 (โอ้นบี) จงถามพวกเขาว่า “บอกฉันหน่อยซิ ถ้าหากพระเจ้าทรงยืด เวลากลางคืนออกไปสำ�หรับพวกท่านจนกระทั่งถึงวันแห่งการพิพากษา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเล่านอกจากพระเจ้าที่จะนำ�แสงสว่างมายังพวกท่าน? แล้ว พวกท่านยังไม่ได้ยินอะไรอีกหรือ?” 72 จงถามพวกเขาว่า “พวกท่านเคย พิจารณาบ้างหรือไม่ว่าถ้าพระเจ้าทรงทำ�ให้กลางวันมีตลอดไปสำ�หรับ พวกท่านจนกระทั่งถึงวันแห่งการพิพากษา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเล่านอกไป จากพระเจ้าที่จะนำ�กลางคืนมายังพวกท่านเพื่อที่พวกท่านจะได้พักผ่อน ในตอนกลางคืน? แล้วพวกท่านยังไม่เห็นอะไรอีกหรือ?” 73 ด้วยความ เมตตาของพระองค์ที่พระองค์ทรงทำ�ให้มีกลางคืนและกลางวันสำ�หรับ พวกท่านเพื่อที่พวกท่านจะได้พักผ่อนในตอนกลางคืนและแสวงหาความ โปรดปรานของพระองค์(ในตอนกลางวัน)เพื่อที่พวกท่านจะได้ขอบคุณ 74 และในวันนั้น พระองค์จะทรงเรียกพวกเขาและถามว่า “ไหนเล่า บรรดาภาคีของฉันที่สูเจ้ากล่าวอ้างกันขึ้นมา?” 75 และเราจะนำ�เอาพยาน คนหนึ่งออกมาจากทุกประชาชาติ และเราจะกล่าวว่า “จงนำ�หลักฐานของ สูเจ้ามา” แล้วพวกเขาก็ได้รู้ว่าสัจธรรมนั้นเป็นของพระเจ้าและความเท็จ ที่พวกเขากุขึ้นนั้นจะมลายหายไป 76 กอรูนก็เป็นหนึ่งในหมู่ชนของมูซา แต่เขาได้ทรยศต่อคนเหล่านั้น และเราได้ประทานสมบัติแก่เขามากมายจนคนที่แข็งแรงกลุ่มหนึ่งก็ยัง แบกกุญแจสมบัตินั้นไม่ไหว ครั้งหนึ่ง คนของเขาได้กล่าวแก่เขาว่า “จง อย่าหยิ่งผยองเพราะพระเจ้าไม่ทรงรักผู้หยิ่งผยอง 77 จงใช้สิ่งที่พระเจ้า ได้ประทานแก่ท่านแสวงหาที่พำ�นักแห่งโลกหน้า และจงอย่าลืมส่วนของ ท่านในโลกนี้ และจงทำ�ดีต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงทำ�ดีต่อ

392

28 เรื่องราว

ท่าน และจงอย่าก่อความเสียหายในแผ่นดิน แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ ก่อความเสียหาย” 78 แต่เขาตอบว่า “ทั้งหมดที่ฉันได้มานั้นก็เนื่องจากความรู้ที่ฉันมีอยู่” เขาไม่รู้หรือว่าก่อนหน้านี้พระเจ้าได้ทรงทำ�ลายหลายหมู่ชนที่มีอำ�นาจ เข้มแข็งและมีความมั่งคั่งมากกว่าเขามาแล้ว? และผู้ท�ำ ผิดไม่ต้องออกมา อธิบายเกี่ยวกับบาปของพวกเขา 79 วันหนึ่ง เขาได้ออกมาหาผู้คนของเขาในสภาพโอ่อ่าหรูหรา บรรดา ผู้แสวงหาชีวิตแห่งโลกนี้ได้กล่าวว่า “ถ้าเรามีเหมือนอย่างที่กอรูนมีก็ดีนะ เขาช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ” 80 แต่บรรดาผู้มีความรู้กล่าวว่า “ความวิบัติ จะเกิดแก่พวกท่านต่างหาก การตอบแทนของพระเจ้านั้นดีกว่าสำ�หรับ ผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี และผลบุญอันนี้จะไม่มีใครได้รับนอกจาก บรรดาผู้อดทน” 81 ดังนั้น เราจึงให้แผ่นดินสูบเขาและที่อาศัยของเขาถูกสูบจมลงไป ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาให้พ้นจากพระเจ้าและเขาก็ไม่สามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ 82 ส่วนผู้คนที่อยากจะมีฐานะเหมือนเขาเมื่อวานนี้ ได้พูดว่า “อนิจจา เราได้ลืมไปแล้วว่าพระเจ้าทรงประทานปัจจัยอย่าง กว้างขวางและจำ�กัดมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากบรรดาบ่าวของ พระองค์ หากพระองค์มิทรงปรานีเรา พระองค์จะทรงทำ�ให้เราจมลงไป ใต้ดินด้วย” อนิจจา บรรดาผู้ปฏิเสธนั้นไม่มีวันเจริญรุ่งเรือง” 83 สำ�หรับที่พ�ำ นักแห่งโลกหน้านั้น เราจะเตรียมมันไว้ส�ำ หรับบรรดา ผู้ไม่แสวงหาความสูงส่งในแผ่นดินและไม่ก่อความเสียหาย และสิ่งที่ดีใน บั้นปลายนั้นมีไว้สำ�หรับผู้ยำ�เกรงพระเจ้า 84 ใครก็ตามที่ทำ�ความดีจะได้ รับการตอบแทนที่ดีกว่านั้น และผู้ใดทำ�ความชั่วจะได้รับการตอบแทน ตามที่พวกเขาได้กระทำ� 85 (โอ้นบี) พระผู้ทรงมอบกุรอานนี้แก่เจ้ารับผิดชอบจะทรงนำ�เจ้ากลับ ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ประสบความสำ�เร็จ จงบอกคนเหล่านี้ว่า “พระ

อัล-อันกะบูต

393

ผู้อภิบาลของฉันทรงรู้ดีที่สุดว่าผู้ใดได้รับทางนำ�และผู้ใดอยู่ในการหลง ผิดอย่างชัดแจ้ง” 86 เจ้าไม่เคยหวังมาก่อนว่าคัมภีร์นี้จะถูกประทานแก่ เจ้า แต่ด้วยความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้าจึงได้รับมัน ดัง นั้น จงอย่าเป็นผู้ช่วยเหลือบรรดาผู้ปฏิเสธ 87 จงอย่าปล่อยให้พวกเขา หันเหเจ้าออกจากสัจธรรมของพระเจ้าหลังจากที่มันได้ถูกประทานมายัง เจ้า จงเชิญชวนผู้คนไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้าและจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้ บูชาเทวรูป 88 และจงอย่าวิงวอนต่อสิ่งอื่นๆที่ผู้คนเคารพกราบไหว้นอก ไปจากพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ทุกสิ่งพินาศสิ้น ยกเว้นพระองค์เท่านั้น อำ�นาจสูงสุดเป็นของพระองค์และยังพระองค์ที่ สูเจ้าจะถูกนำ�กลับไป 29. แมงมุม

อัล-อันกะบูต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม 2 มนุษย์คิดหรือว่าเมื่อพวกเขาได้กล่าวว่า “เราศรัทธา” พวกเขาจะถูก ปล่อยไว้โดยไม่ถูกทดสอบ? 3 ความจริง เราได้ทดสอบบรรดาผู้คนก่อน หน้าพวกเขาไปแล้ว ดังนั้น พระเจ้าจะทรงดูว่าใครเป็นผู้พูดจริงและใคร เป็นผู้โกหก 4 คนที่ทำ�ความชั่วคิดว่าพวกเขาจะรอดพ้นไปจากเรากระนั้นหรือ? ชั่วช้าแท้ๆที่พวกเขาตัดสินเช่นนั้น 5 ใครก็ตามที่หวังจะพบพระเจ้าควร รู้ว่าเวลาที่พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้จะมาถึงอย่างแน่นอน และพระองค์ทรง ได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 6 และใครก็ตามที่ดิ้นรนต่อสู้ เขาก็ดิ้นรน ต่อสู้เพื่อผลดีของตัวเขาเอง แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงต้องอาศัยสิ่งทั้งหลาย 1

394

29. แมงมุม

ที่พระองค์ทรงสร้างมา 7 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีทั้งหลาย นั้น เราจะลบล้างความชั่วทั้งหลายจากพวกเขาและเราจะตอบแทนพวก เขาสำ�หรับสิ่งดีที่สุดที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 8 เราได้สั่งมนุษย์ให้ท�ำ ดีต่อพ่อแม่ของเขา แต่ถ้าหากเขาทั้งสองบังคับ ให้สูเจ้านำ�สิ่งใดที่สูเจ้าไม่รู้มาเป็นภาคีร่วมกับฉัน สูเจ้าก็จงอย่าเชื่อฟังทั้ง สอง สูเจ้าทั้งหลายจะต้องกลับมาหาฉัน แล้วฉันจะบอกสูเจ้าถึงสิ่งที่สูเจ้า ได้ท�ำ ไว้ 9 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้น แน่นอน เราจะให้ พวกเขารวมอยู่ในหมู่ผู้ทรงคุณธรรม 10 ในหมู่มนุษย์นั้นมีคนที่ศรัทธาในพระเจ้า แต่เมื่อพวกเขาได้รับความ ทุกข์ทรมานในหนทางของพระเจ้า พวกเขาก็ถือเอาความทุกข์ยากเดือด ร้อนนั้นเป็นเหมือนการลงโทษของพระเจ้า แต่ถ้าหากมีการช่วยเหลือมา จากพระเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า “เราอยู่กับพวกท่านเสมอ” มิใช่พระเจ้า หรือที่ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของผู้คนทั้งหลาย? 11 แน่นอน พระเจ้าจะ ทรงดูว่าใครเป็นผู้ศรัทธาและจะทรงดูว่าใครเป็นผู้ตลบตะแลง 12 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า “จงปฏิบัติ ตามทางของเราและเราจะแบกรับบาปของพวกท่าน” ทั้งๆที่พวกเขา ไม่สามารถแบกรับบาปของคนเหล่านั้นได้ แท้จริง พวกเขาเป็นผู้โกหก 13 พวกเขาจะแบกภาระทั้งหลายของตัวเองและภาระอื่นๆนอกไปจาก ภาระของพวกเขาเองด้วย และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พวกเขาจะถูก สอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้น 14 เราได้ส่งนูฮฺไปยังหมู่ชนของเขาและเขาได้อยู่กับพวกเขาเป็นเวลา หนึ่งพันปีหย่อนห้าสิบปี หลังจากนั้น อุทกภัยได้ทำ�ลายพวกเขาเพราะ พวกเขาเป็นผู้ท�ำ ผิด 15 แต่เราได้ช่วยนูฮฺและผู้ที่อยู่ในเรือใหญ่ และเราได้ ทำ�ให้เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นสัญญาณเตือนสำ�หรับชาวโลก 16 จงเล่าเรื่องราวของอิบรอฮีมเมื่อเขาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า “จงเคารพสักการะพระเจ้าและจงเกรงกลัวพระองค์ นั่นเป็นการดีกว่า

395

สำ�หรับพวกท่านหากพวกท่านรู้ 17 แท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกท่านเคารพสัก การะแทนพระเจ้านั้นเป็นแค่เพียงรูปปั้นและพวกท่านกำ�ลังสร้างสิ่งเท็จ ขึ้นมา ความจริงแล้ว สิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้านั้น ไม่มีอ�ำ นาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่านได้ ดังนั้น จงแสวงหาเครื่อง ยังชีพจากพระเจ้าและจงเคารพสักการะพระองค์และจงขอบคุณพระองค์ ยังพระองค์ที่พวกท่านจะถูกนำ�กลับไป 18 ถ้าพวกท่านปฏิเสธสัจธรรม กลุ่มชนอื่นๆก่อนหน้าพวกท่านได้ปฏิเสธกันมาแล้ว” และหน้าที่ของ ศาสนทูตก็ไม่มีอะไรนอกไปจากการเผยแผ่สาสน์อันชัดเจน 19 คนเหล่านี้ไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์อย่างไร และหลังจากนั้นทรงทำ�ให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างไร? แน่นอน นี่เป็นการ ง่ายสำ�หรับพระเจ้า 20 จงบอกพวกเขาว่า “จงท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน แล้ว ดูว่าพระองค์ทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์อย่างไร? หลังจากนั้น พระเจ้า จะทรงให้ชีวิตที่สองของพวกท่านเกิดขึ้นอีก พระเจ้าทรงมีอ�ำ นาจเหนือ ทุกสิ่ง 21 พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงเมตตา ต่อผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และยังพระองค์ที่พวกท่านจะถูกนำ�กลับ 22 พวกท่านไม่สามารถที่จะทำ�ลายวัตถุประสงค์ของพระองค์ทั้งในแผ่น ดินและชั้นฟ้าได้ และพวกท่านไม่มีเพื่อนและผู้ช่วยเหลือใดๆนอกไปจาก พระเจ้า” 23 บรรดาผู้ปฏิเสธวจนะที่พระองค์ทรงประทานมาและปฏิเสธ การพบกับพระองค์นั้น พวกเขาสิ้นหวังต่อความเมตตาของฉัน และพวก เขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 24 คำ�ตอบอย่างเดียวจากหมู่ชนของอิบรอฮีมก็คือ “จงฆ่าเขาหรือเอา เขาไปเผาไฟ” แต่พระเจ้าได้ทรงช่วยเขาให้พ้นจากไฟ แน่นอน ในนั้นมี สัญญาณมากมายสำ�หรับหมู่ชนผู้ศรัทธา 25 อิบรอฮีมกล่าวว่า “พวกท่าน ยึดเอาการเคารพรูปปั้นอื่นๆเป็นการส่งเสริมมิตรภาพกันในระหว่างพวก ท่านแทนพระเจ้า แต่ในวันแห่งการพิพากษา พวกท่านจะปฏิเสธกันและ บางคนจะสาปแช่งกันและกัน และที่พำ�นักของพวกท่านคือไฟและพวก

396

29. แมงมุม

ท่านจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ” 26 ลูฏเป็นผู้หนึ่งที่ศรัทธาในเขาและกล่าวว่า “ฉัน จะอพยพไปยังแผ่นดินอื่นเพื่อพระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์คือผู้ทรง อำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” 27 เราได้ประทานอิสฮากและยะกู๊บแก่เขาและ ได้ประทานความเป็นนบีและคัมภีร์แก่ลูกหลานของเขา เราได้ประทาน รางวัลของเขาในโลกนี้แก่เขา และในโลกหน้าเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ทรงความ ดี 28 เราได้ส่งลูฏไปยังผู้คนของเขาและเขาได้กล่าวแก่ผู้คนของเขาว่า “พวกท่านได้ทำ�สิ่งลามกที่ไม่เคยมีใครคนใดในโลกทำ�มาก่อน 29 พวก ท่านเข้าหาผู้ชายด้วยกันและพวกท่านปล้นสะดมผู้คนบนหนทางและ กระทำ�สิ่งลามกอนาจารในที่ชุมนุมของพวกท่าน” แต่คำ�ตอบจากหมู่ชน ของเขาก็คือ “จงนำ�การลงโทษของพระเจ้ามาสิถ้าหากสิ่งที่ท่านพูดเป็น ความจริง” 30 ลูฏได้กล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาล โปรดช่วยฉันต่อหมู่ชนผู้ ก่อความเสียหายเหล่านี้ด้วยเถิด” 31 เมื่อทูตทั้งสามของเราได้มายังอิบรอฮีมพร้อมกับข่าวดี(เรื่องการ กำ�เนิดอิสฮาก) พวกเขาได้บอกเขาด้วยว่า “เรากำ�ลังจะไปทำ�ลายผู้คน ของเมืองนี้ เพราะว่าชาวเมืองนี้ได้กลายเป็นผู้กระทำ�ความชั่ว” 32 อิ บรอฮีมได้กล่าวว่า “แต่ลูฏอยู่ในเมืองนั้นด้วย” พวกเขาจึงได้กล่าวว่า “เรา รู้ดีว่าใครอยู่ในนั้น เราจะช่วยเขาและครอบครัวของเขายกเว้นภรรยาของ เขา เพราะนางเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ยังคงอยู่ข้างหลัง” 33 เมื่อทูตของ เราได้มายังลูฏ เขารู้สึกกังวลและหวั่นใจถึงพวกเขา แต่พวกเขากล่าวว่า “จงอย่ากลัวและอย่าเป็นทุกข์ใจ เราจะช่วยเหลือท่านและคนของท่านให้ ปลอดภัยยกเว้นภรรยาของท่านที่อยู่รั้งหลัง 34 เรากำ�ลังจะนำ�การลงโทษ จากท้องฟ้าลงมายังผู้คนของเมืองนี้เพราะความชั่วที่พวกเขากระทำ�” 35 แน่นอน ความหายนะของเมืองนี้ที่เราได้ทิ้งไว้เป็นสัญญาณอันชัดเจน อย่างหนึ่งสำ�หรับบรรดาผู้ใช้เหตุผลของพวกเขา 36 ยังชาวมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องของพวกเขามา นั่นคือชุอัยบ์ เขาได้

อัล-อันกะบูต

397

กล่าวว่า “หมู่ชนของฉัน จงเคารพสักการะพระเจ้าและจงคำ�นึงถึงวัน สุดท้าย จงอย่าทำ�ความชั่วและแพร่ความเสียหายในแผ่นดิน” 37 แต่พวก เขาเหล่านั้นปฏิเสธเขา ดังนั้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจึงได้ท�ำ ลายพวก เขา และพวกเขาได้นอนสิ้นชีวิตอยู่ในที่อาศัยของพวกเขา 38 เช่นเดียวกับชาวอ๊าดและชาวษะมูด สูเจ้าได้เห็นซากที่อยู่อาศัย ของพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว ซาตานได้ท�ำ ให้การงานของพวกเขาเป็น ที่ดูดีแก่พวกเขาและได้ทำ�ให้พวกเขาหลงออกไปจากหนทางที่ถูกต้องถึง แม้ว่าพวกเขาเป็นคนมีสติปัญญา 39 กอรูน ฟาโรห์และฮามานก็เช่นกัน มูซาได้มายังพวกเขาพร้อม กับหลักฐานอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาโอหังวางตัวเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ กระนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากเรา 40 ดังนั้น เราได้ลงโทษ พวกเขาแต่ละคนตามบาปของเขา บางพวก เราได้ส่งพายุที่กระหน่�ำ หิน ใส่พวกเขา บางพวกถูกเอาชีวิตด้วยการระเบิดอย่างกึกก้อง และบางคน เราได้ให้แผ่นดินสูบจมหายไป และบางคนเราได้ท�ำ ให้จมน้�ำ พระเจ้ามิได้ ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวก เขาเอง 41 บรรดาผู้ที่ยึดเอาผู้คุ้มครองอื่นนอกไปจากพระเจ้านั้นเปรียบเหมือน กับแมงมุมที่ชักใยทำ�รังของมันและรังที่บอบบางที่สุดก็คือรังของแมงมุม ถ้าพวกเขาเหล่านี้ได้รู้ 42 พระเจ้าทรงรู้ดีว่าใครที่พวกเขาวิงวอนนอก ไปจากพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 43 นั่น คือการเปรียบเทียบที่เราได้ยกมาเพื่อสอนมนุษย์ แต่ไม่มีผู้ใดเข้าใจมัน นอกจากผู้มีความรู้ 44 พระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินอย่าง มีวัตถุประสงค์ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 45 (โอ้นบี) จงอ่านสิ่งที่ถูกเปิดเผยแก่เจ้าจากคัมภีร์ และจงดำ�รงนมาซ เป็นปกติ แท้จริง การนมาซจะยับยั้งเขาจากความลามกและการกระทำ�ที่

398

29. แมงมุม

ชั่วช้า และการระลึกถึงพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า พระเจ้าทรงรู้ดีถึง สิ่งที่สูเจ้าทำ�ทั้งหมด 46 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงโต้แย้งกับชาวคัมภีร์ด้วยวิธีการที่ดีที่สุด (แต่ จงอย่าทำ�เช่นนั้น)กับพวกเขาบางคนที่ไม่เป็นธรรม จงบอกพวกเขาว่า “เราศรัทธาในสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เราและที่ถูกประทานลงมาแก่พวก ท่าน พระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่านเป็นพระองค์เดียว และเรา เป็นผู้นอบน้อมยอมตนต่อพระองค์” 47 (โอ้นบี) เช่นเดียวกัน เราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้า บรรดาผู้ที่เรา ประทานคัมภีร์ก่อนหน้านี้ก็ศรัทธามัน และบางคนในหมู่คนของเจ้าก็ ศรัทธามันเช่นกัน มีแต่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเท่านั้นที่ปฏิเสธสิ่งที่เรา ประทานมา 48 เจ้าไม่สามารถอ่านหนังสือใดๆก่อนหน้านี้และเจ้าก็ไม่ได้ เขียนมันด้วยมือของเจ้า ถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกบูชาความเท็จอาจจะ เกิดความสงสัย 49 แต่กุรอานเป็นการเปิดเผยความจริงที่ชัดเจนต่อหัวใจ ของบรรดาผู้ที่ได้รับความรู้ มีแต่บรรดาผู้ทำ�ความผิดเท่านั้นที่ไม่ยอมรับ ความจริงที่เราประทานมา 50 พวกเขากล่าวว่า “ทำ�ไมจึงไม่มีสัญญาณจากพระผู้อภิบาลของ เขาถูกส่งลงมายังเขา?” จงบอกพวกเขาว่า “สัญญาณทั้งหลายนั้นอยู่ที่ พระเจ้าและฉันเป็นเพียงผู้ตักเตือนดังที่เห็นกันอยู่เท่านั้น” 51 ยังไม่เพียง พอสำ�หรับพวกเขาอีกหรือที่เราได้ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าเพื่อมาอ่านให้ แก่พวกเขา? แท้จริง ในนั้นมีความจำ�เริญและการตักเตือนสำ�หรับหมู่ ชนผู้ศรัทธา 52 (โอ้นบี) จงกล่าวเถิด “เพียงพอแล้วที่พระเจ้าจะทรงเป็น พยานระหว่างฉันกับพวกท่าน พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ส่วนบรรดาผู้เชื่อในความเท็จและปฏิเสธพระเจ้า จะเป็นผู้ที่ขาดทุน” 53 พวกเขาต้องการให้เจ้ารีบนำ�การลงโทษมายังพวกเขา ถ้าหากว่า เวลาไม่ได้ถูกกำ�หนดไว้ การลงโทษอาจจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาแล้ว และ

อัล-อันกะบูต

399

แน่นอนที่สุด มันจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในขณะที่พวกเขาไม่คาดคิด แม้แต่นิดเดียว 54 พวกเขาขอให้เจ้าเร่งนำ�การลงโทษมาในขณะที่นรก ได้ล้อมรอบบรรดาผู้ปฏิเสธไว้หมดแล้ว 55 ในวันที่การลงโทษครอบคลุม พวกเขาจากข้างบนและจากใต้เท้าของพวกเขา พวกเขาจะถูกบอกว่า “ทีนี้ จงลิ้มรสสิ่งที่สูเจ้าได้กระทำ�ไว้” 56 โอ้บรรดาบ่าวผู้ศรัทธาของฉัน แผ่นดินของฉันนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้น จงเคารพสักการะฉันเท่านั้น 57 ทุกชีวิตต้องได้ลิ้มรสความตาย แล้วในที่สุด สูเจ้าจะถูกนำ�กลับมายังเรา 58 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดีนั้น เราจะให้พวกเขาได้พ�ำ นักอยู่ในวิมานแห่งสวรรค์ที่ เบื้องล่างมีลำ�น้�ำ หลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้อยู่ในนั้นตลอดไป ช่าง เป็นรางวัลอันประเสริฐแท้ๆสำ�หรับผู้กระทำ�ความดี 59 และผู้ที่อดทนและ วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา 60 สัตว์ตั้งกี่ชนิดที่มิได้แบกปัจจัย ยังชีพมากับตัวมัน พระเจ้าต่างหากทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่มันและ แก่สูเจ้าด้วย และพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 61 ถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ ใครที่ท�ำ ให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ใต้อ�ำ นาจ?” แน่นอน พวกเขาจะ กล่าวว่า “พระเจ้า” ดังนั้นแล้ว พวกเขายังถูกหลอกลวงอีกได้อย่างไร? 62 พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่บ่าวที่พระองค์ทรง ประสงค์และทรงประทานอย่างจำ�กัดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 63 และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า “ผู้ใดที่หลั่งน้ำ�ฝนลง มาจากท้องฟ้าและทรงทำ�ให้แผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาโดยน้�ำ ฝนนั้น?” แน่นอน พวกเขาจะกล่าวว่า “พระเจ้า” จงกล่าวเถิดว่า “การสรรเสริญทั้งหลายเป็น ของพระเจ้า” แต่ถึงกระนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจ 64 ชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกไปจากการละเล่นและการบันเทิง ที่ พำ�นักแห่งชีวิตที่แท้จริงนั้นคือโลกหน้า ถ้าพวกเขาได้รู้ 65 เมื่อพวกเขา ขึ้นเรือ พวกเขาได้วิงวอนต่อพระเจ้า จริงใจในความศรัทธาของพวก

400

30. ชาวโรมัน

เขาที่มีต่อพระองค์ แต่หลังจากนั้น เมื่อเรานำ�พวกเขามาสู่แผ่นดินอย่าง ปลอดภัย พวกเขาได้นำ�สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์ 66 ดังนั้น พวกเขา ได้แสดงความเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา จงปล่อยให้พวก เขาสนุกสนานรื่นเริงไปชั่วขณะ แล้วไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้ 67 พวกเขาไม่เห็นหรือว่าเราได้ให้ที่ปลอดภัยสำ�หรับพวกเขาในขณะ ที่ผู้คนรอบๆพวกเขาได้ถูกขับไล่ออกไป? กระนั้นแล้ว พวกเขายังศรัทธา ความเท็ จ และปฏิ เ สธความโปรดปรานของพระเจ้ า อี ก กระนั้ น หรื อ ? 68 และผู้ใดเล่าที่ทำ�ความผิดยิ่งไปกว่าคนที่สร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้า หรือปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันได้มาถึงเขาแล้ว? นรกมิใช่หรือที่เป็นสถาน ที่พักอันเหมาะสมสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม? 69 ส่วนบรรดาผู้ต่อสู้ ในหนทางของเรา เราจะนำ�ทางพวกเขาไปยังทางของเรา และแท้จริง พระเจ้าทรงอยู่กับผู้ทำ�ความดีทั้งหลาย 30. ชาวโรมัน

อัล-รูม

ด้วยพระนามของพระเจ้าฺผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม มีม 2 พวกโรมันได้ถูกพิชิตแล้ว 3 ในแผ่นดินใกล้ๆ และหลังจากการปราชัย ของพวกเขาแล้ว อีกไม่นาน พวกเขาจะได้รับชัยชนะ 4 ภายในเวลาไม่กี่ปี (เพราะ)พระเจ้าเป็นเจ้าของอำ�นาจในการตัดสินใจทั้งก่อนและหลัง ในวัน นั้น บรรดาผู้ศรัทธาจะได้รื่นเริงยินดีด้วย 5 ในการช่วยเหลือของพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยเหลือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์เป็นผู้ทรง อำ�นาจ ผู้ทรงเมตตา 6 นี่คือสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยผิดสัญญา

อัล-รูม

401

ของพระองค์ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ 7 พวกเขารู้แต่เพียงภายนอกของ ชีวิตแห่งโลกนี้ แต่พวกเขาไม่คำ�นึงถึงโลกหน้า 8 พวกเขาไม่เคยพิจารณาภายในตัวของพวกเขาเองบ้างเลยหรือ? พระเจ้าได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างมัน เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งและเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งซึ่งได้ถูกกำ�หนด ไว้แล้ว? แต่มนุษย์ส่วนใหญ่กลับปฏิเสธการพบกับพระผู้อภิบาลของ พวกเขา 9 พวกเขาไม่เคยเดินทางไปตามแผ่นดินแล้วดูถึงผลสุดท้ายของ บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาว่าเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? พวกเขาเหล่า นั้นมีพลังเข้มแข็งกว่าพวกเขามากมาย คนเหล่านั้นขุดแผ่นดินและสร้าง อะไรไว้บนนั้นมากมายกว่าที่พวกเขาสร้าง และศาสนทูตของพวกเขาได้ มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง มิใช่พระเจ้าที่ทรงอธรรมต่อ พวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง 10 ใน ที่สุด ผลสุดท้ายของผู้ทำ�ความชั่วก็คือความชั่วเพราะพวกเขาปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและเยาะเย้ยมัน 11 พระเจ้าทรงเริ่มต้นการสร้าง และจะทรงทำ�มันอีก ดังนั้น ยังพระองค์ ที่สูเจ้าทั้งหลายจะถูกนำ�กลับไป 12 วันที่ยามอวสานมาถึง พวกที่ท�ำ ความ ผิดจะตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก 13 และจะไม่มีผู้ใดที่พวกเขาตั้งขึ้นเป็น ภาคีกับพระเจ้าจะเป็นผู้ขอไถ่โทษแทนพวกเขา และพวกเขาจะปฏิเสธ บรรดาสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคีด้วย 14 เมื่อยามอวสานมาถึง ใน วันนั้น พวกเขา(มนุษย์)จะถูกแยกออกเป็นกลุ่มๆ 15 บรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดีจะได้อยู่ในสวรรค์ด้วยความสุขและเบิกบาน 16 ส่วนบรรดา ผู้ปฏิเสธสัจธรรมและปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและการพบกันใน โลกหน้า พวกเขาจะถูกนำ�มาสู่การลงโทษ 17 ดังนั้น จงสดุดีพระเจ้าใน ยามค่ำ�และในยามเช้า 18 และการสรรเสริญทั้งหมดนั้นเป็นของพระองค์

402

30. ชาวโรมัน

ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ(จงสดุดีพระองค์)ในยามบ่ายคล้อย และในกลางวัน* 19 พระองค์ทรงนำ�ชีวิตออกมาจากความตายและทรงนำ�ความตาย ออกมาจากชีวิต และทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินหลังจากการตายของมัน และสูเจ้าจะถูกนำ�ออกมาจากความตายในลักษณเดียวกัน 20 และหนึ่ง ในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือพระองค์ได้ทรงสร้างสูเจ้ามาจาก ธุลีดิน และจงดูเถิดว่าสูเจ้าได้เป็นมนุษย์ที่ทวีจ�ำ นวนมากขึ้นทั่วแผ่นดิน 21 และอีกสัญญาณหนึ่งของพระองค์ก็คือพระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครอง สำ�หรับสูเจ้าจากตัวของสูเจ้าเองเพื่อสูเจ้าจะได้พบความสงบกับนางและ ได้ทรงทำ�ให้มีความรักและความเอ็นดูขึ้นระหว่างสูเจ้า แน่นอน ในนั้นมี สัญญาณมากมายสำ�หรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ 22 อีกหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือการสร้างชั้นฟ้า ทั้ ง หลายและแผ่ น ดิ น และความแตกต่ า งของภาษาและสี ผิ ว ของสู เ จ้ า แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับบรรดาผู้มีความรู้ 23 และหนึ่ง ในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือการหลับนอนของสูเจ้าในตอนกลาง คืนหรือในตอนกลางวันและการแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับหมู่คนที่ฟัง 24 และอีกหนึ่งใน สัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือพระองค์ได้ทรงให้สูเจ้าเห็นสายฟ้าแลบ เป็นที่หวาดกลัวและเป็นความหวัง และพระองค์ได้ทรงหลั่งน้�ำ ฝนลงมา * การระลึกถึงพระเจ้าสม่ำ�เสมอ(โดยการนมาซ เป็นต้น)และการตรึก ตรองนำ�มนุษย์ไปสู่การพบพระเจ้า เพราะด้วยการใช้ความคิดตรึกตรองนี้ เองที่มนุษย์จะได้พบพระเจ้า ในโลกปัจจุบัน พระเจ้าได้กระจายสัญญาณ ของพระองค์ไปทั่วทุกแห่ง ในสภาพแวดล้อมของมนุษย์ ในจักรวาลโดย รอบและในคำ�สอนของท่านนบีมุฮัมมัด ใครที่พิจารณาสัญญาณเหล่านี้ ของพระเจ้าอย่างจริงจังจะพบพระเจ้า

อัล-รูม

403

จากท้องฟ้าและได้ทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินด้วยน้ำ�นั้นหลังจากที่มันได้ตาย ไป แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับหมู่ชนผู้ใช้เหตุผล 25 และอีกหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือชั้นฟ้าและแผ่น ดินได้ดำ�รงอยู่อย่างมั่นคงด้วยพระบัญชาของพระองค์ หลังจากนั้น เมื่อ พระองค์ทรงเรียกสูเจ้าออกมาจากแผ่นดิน สูเจ้าจะออกมาทันทีด้วยการ เรียกเพียงครั้งเดียว 26 ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ล้วนเป็นของพระองค์ ทั้งหมดล้วนเชื่อฟังพระองค์ 27 พระองค์คือผู้ทรง เริ่มแรกในการสร้าง หลังจากนั้น พระองค์จะทรงทำ�ให้มันเกิดขึ้นมาอีก และนั่นเป็นการง่ายสำ�หรับพระองค์ และของพระองค์คือคุณลักษณะอัน ประเสริฐสุดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 28 พระองค์ได้ทรงเอาชีวิตของสูเจ้าเองมาเป็นข้อเปรียบเทียบสำ�หรับ สูเจ้า สูเจ้าจะทำ�ให้บรรดาบ่าวของสูเจ้ามีส่วนอย่างเท่าเทียมกันกับสูเจ้า ในความมั่งคั่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าไหม? และสูเจ้าเกรงกลัวพวกเขา เหมือนกับที่สูเจ้าเกรงกลัวพวกสูเจ้ากันเองไหม? ในทำ�นองเดียวกันนี้ แหละที่เราอธิบายสัญญาณทั้งหลายของเราให้เป็นที่ชัดเจนแก่หมู่ชนผู้ใช้ สติปัญญา 29 แต่บรรดาผู้ไม่เป็นธรรมได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำ�ของพวก เขาโดยปราศจากความรู้ใดๆ แล้วผู้ใดเล่าที่จะนำ�ทางผู้ที่พระเจ้าได้ทรง ปล่อยให้หลงทาง? และคนพวกนี้ไม่มีผู้ช่วยเหลือ 30 ดังนั้น (โอ้นบี)จงตั้งมั่นแน่วแน่ต่อศาสนาโดยบริสุทธิ์ใจ และปฏิบัติ ตามธรรมชาติที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษยชาติขึ้นมา ไม่อาจมีการ เปลี่ยนแปลงในธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา นี่คือศาสนาที่ถูกต้อง และแท้จริง แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ 31 จงหันไปยังพระเจ้าและเกรงกลัว พระองค์ และจงดำ�รงนมาซและจงอย่าเป็นผู้ที่น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระเจ้า 32 พวกที่ทำ�ให้ศาสนาของพวกเขาแตกแยกและพวกเขาแตก ออกเป็นนิกาย แต่ละพวกก็รื่นเริงในสิ่งที่พวกเขามีอยู่

404

30. ชาวโรมัน

เมื่อทุกข์ภัยอันใดเกิดขึ้นแก่มนุษย์ พวกเขาก็วิงวอนต่อพระผู้ อภิบาลของพวกเขาโดยหันไปหาพระองค์อย่างนอบน้อม แต่เมื่อพระองค์ ได้ทรงทำ�ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเมตตาจากพระองค์ พวกเขาได้เริ่ม ตั้งภาคีให้กับพระผู้อภิบาลของพวกเขา 34 และเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ ประทานแก่พวกเขา ดังนั้น จงสนุกสนานกันไปเถิด เพราะในไม่ช้า สูเจ้า จะได้รู้ 35 เราได้ส่งหลักฐานใดๆมายังพวกเขาเพื่อยืนยันเรื่องที่พวกเขา นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์แล้วกระนั้นหรือ? 36 เมื่อเราได้ทำ�ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาของเรา พวกเขาก็รื่นเริง ในสิ่งนั้น และเมื่อทุกข์ภัยอันใดเกิดขึ้นแก่พวกเขาอันเนื่องมาจากความ ผิดที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ พวกเขาก็สิ้นหวัง 37 พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้า ทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างเหลือหลายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงจำ�กัด(แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์)? แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณ หลายอย่างสำ�หรับหมู่ชนผู้ศรัทธา 38 ดังนั้น จงให้แก่ญาติสนิท ผู้ขัดสน และผู้เดินทางในส่วนที่เขาต้องได้ นี่คือหนทางที่ดีที่สุดสำ�หรับบรรดาผู้ แสวงหาความโปรดปรานจากพระเจ้า และคนเหล่านี้เท่านั้นที่จะได้รับ ความสำ�เร็จที่แท้จริง 39 ดอกเบี้ยที่เกิดจากการให้กู้เพื่อที่สูเจ้าจะเพิ่มพูน ความมั่งคั่งจากทรัพย์สินของผู้คนนั้น จะไม่เพิ่มขึ้นในสายตาของพระเจ้า แต่อะไรก็ตามที่สูเจ้าจ่ายไปเพื่อหวังความโปรดปรานจากพระเจ้านั้นจะ เพิ่มพูน 40 พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างสูเจ้า แล้วทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ สูเจ้า แล้วทรงให้สูเจ้าตาย แล้วหลังจากนั้นได้ทรงทำ�ให้สูเจ้ามีชีวิตขึ้น มา มีผู้ใดในสิ่งที่สูเจ้าตั้งขึ้นมาเป็นภาคีกับพระเจ้าสามารถทำ�สิ่งเหล่านี้ ได้? มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับ พระองค์ 41 ความเสียหายได้ปรากฏขึ้นในแผ่นดินและในน่านน้ำ�เพราะ ความชั่วที่เกิดจากการกระทำ�ของมนุษย์เอง ดังนั้น พระองค์จะทรงทำ�ให้ พวกเขาได้ลิ้มรสผลบางอย่างที่พวกเขาได้ทำ�ไว้เพื่อที่พวกเขาจะได้หัน 33

อัล-รูม

405

กลับมาจากความชั่ว 42 (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า “จงเดินทางไปในแผ่น ดินและดูว่าผลสุดท้ายของบรรดาคนก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร พวกเขาส่วน ใหญ่เป็นผู้ตั้งภาคีให้กับพระเจ้า 43 ดังนั้น (โอ้นบี) จงตั้งหน้าให้มั่นยังศาสนาที่แท้จริงก่อนที่วันนั้นจะ มาถึงจากพระเจ้าซึ่งไม่อาจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงได้ ในวันนั้น พวกเขาจะแตก ออกจากกัน 44 ผู้ใดปฏิเสธสัจธรรม เขาจะต้องแบกรับการปฏิเสธของเขา ไว้ และถ้าผู้ใดกระทำ�ความดี แท้จริง พวกเขาได้เตรียมหนทางเพื่อความ สำ�เร็จของพวกเขาเอง 45 ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงตอบแทนความ โปรดปรานของพระองค์แก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี แท้จริง พระองค์ไม่ทรงโปรดบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 46 และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือพระองค์ได้ทรงส่งลม มาแจ้งข่าวดี และเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความเมตตาของพระองค์และเพื่อให้ เรือแล่นไปโดยคำ�บัญชาของพระองค์ และเพื่อสูเจ้าจะได้แสวงหาความ โปรดปรานของพระองค์ และเพื่อสูเจ้าจะได้กตัญญูต่อพระองค์ 47 และ ก่อนหน้าสูเจ้า เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตมายังหมู่ชนของพวกเขาพร้อม กับสัญญาณอันชัดแจ้ง และเราได้ลงโทษผู้ท�ำ ผิดอย่างสาสม และมันเป็น หน้าที่ของเราที่จะช่วยเหลือบรรดาผู้ศรัทธา 48 พระเจ้าคือผู้ทรงส่งลมที่ยกเมฆให้ลอยขึ้น แล้วพระองค์ได้ทรง กระจายมันในท้องฟ้าตามที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงทำ�ให้มันเป็น กลุ่มก้อน หลังจากนั้น สูเจ้าก็ได้เห็นฝนตกลงมาจากเมฆ เมื่อพระองค์ ทรงทำ�ให้ฝนนี้ตกถึงบ่าวคนใดของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ พวก เขาก็เต็มไปด้วยความยินดี 49 ทั้งที่ก่อนหน้าที่มันจะตกลงมา พวกเขา หมดหวังทุกอย่างแล้ว 50 ดังนั้น จงดูสัญญาณแห่งความเมตตาของ พระเจ้าว่าพระองค์ทรงทำ�ให้แผ่นดินที่ตายแล้วกลับมามีชีวิตได้อย่างไร ในทำ�นองนั้นแหละที่พระองค์จะทรงทำ�ให้สิ่งที่ตายแล้วกลับมีชีวิตขึ้น มาอีกครั้งหนึ่ง และพระองค์ทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 51 และถ้าเราได้ส่ง

406

30. ชาวโรมัน

ลมมาแล้ว พวกเขาได้เห็นพืชผลของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเพราะลม นั้น พวกเขาจะเริ่มปฏิเสธ(ความโปรดปรานของเรา) 52 (โอ้นบี) เจ้าไม่ สามารถทำ�ให้คนตายได้ยิน และเจ้าไม่สามารถทำ�ให้คนหูหนวกได้ยิน การเชิญชวนของเจ้าได้เมื่อพวกเขาเป็นผู้หันหลังเดินจากไป 53 เช่นเดียว กับที่เจ้าไม่สามารถนำ�คนตา(หัวใจ)บอดออกมาจากการหลงผิด เจ้าไม่ สามารถทำ�ให้ผู้ใดได้ยินการเรียกร้องของเจ้านอกจากผู้ศรัทธาในสิ่งที่เรา ประทานมาและพวกเขานอบน้อมยอมตนต่อเจตนารมณ์ของเรา 54 พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างสูเจ้ามาจากสภาพของความอ่อนแอ หลัง จากนั้น พระองค์ได้ทำ�ให้สูเจ้าแข็งแรงหลังจากความอ่อนแอ และต่อมา พระองค์ได้ทรงทำ�ให้สูเจ้าอ่อนแอแก่ลงหลังจากความแข็งแรง พระองค์ ทรงสร้างอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งและ ทรงอานุภาพ 55 ในวันที่ยามอวสานมาถึง บรรดาผู้ท�ำ ความชั่วจะสาบาน ว่าพวกเขาได้อยู่เพียงชั่วยามเดียวเท่านั้น ในทำ�นองนั้นแหละที่พวกเขา ได้ถูกหลอกลวงในชีวิตโลกนี้ 56 แต่บรรดาผู้ได้รับความรู้และความศรัทธา จะกล่าวว่า “ตามที่พระเจ้าทรงกำ�หนดไว้ พวกท่านได้อยู่จนกระทั่งถึง วันแห่งการฟื้นคืนชีพ และนี่คือวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แต่พวกท่านไม่รู้” 57 ดังนั้น ในวันนั้น การแก้ตัวของผู้ท�ำ ความผิดจะไม่ก่อประโยชน์อะไรแก่ พวกเขาและพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขอะไรอีกแล้ว 58 เราได้ให้ข้อเปรียบเทียบทุกอย่างไว้ในกุรอานนี้แล้วเพื่อทำ�ให้ มนุษย์เข้าใจ ถ้าหากเจ้านำ�สัญญาณหนึ่งมาให้พวกเขา บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมจะกล่าวว่า “พวกท่านกำ�ลังสร้างเรื่องเท็จ” 59 ด้วยเหตุนั้นแหละ พระเจ้าจึงทรงผนึกหัวใจของคนที่ไม่(ต้องการจะ)รู้(ความจริง) 60 ดังนั้น (โอ้นบี) จงอดทน แน่นอน สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นจริงและจงอย่าให้ บรรดาผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในความศรัทธาเห็นว่าเจ้าสิ้นหวัง

ลุกมาน

407

31. ลุกมาน

ลุกมาน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม มีม 2 นี่คือข้อความของคัมภีร์แห่งวิทยปัญญา 3 เป็นทางนำ�และความเมตตา สำ�หรับบรรดาผู้ท�ำ ความดี 4 สำ�หรับบรรดาผู้ด�ำ รงนมาซและจ่ายซะกาต และเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในเรื่องโลกหน้า 5 พวกเขาคือบรรดาผู้ที่อยู่บน แนวทางที่ถูกต้องจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาคือผู้ได้รับ ความสำ�เร็จอย่างแท้จริง 6 แต่ในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้ใช้เวลาของพวกเขาไปกับเรื่องไร้สาระเพื่อ จะนำ�ผู้คนให้หลงไปจากทางของพระเจ้า 7 และเมื่อสาสน์ของเราถูกนำ� มาอ่านให้แก่คนเช่นนั้น เขาก็หันหน้าหนีโดยไม่ใยดีเหมือนกับไม่ได้ยิน มัน ราวกับว่าหูของเขาหนวก ดังนั้น จงบอกเขาถึงเรื่องการลงโทษอัน เจ็บปวด(ในชีวิตที่จะมาถึง) 8 แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี นั้น พวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์แห่งความโปรดปราน 9 พวกเขาจะเป็น ผู้พ�ำ นักอยู่ในนั้นตลอดไป สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความจริง พระองค์ คือผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 10 พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายโดยไม่มีเสาค้ำ�ที่สูเจ้าสามารถ เห็นได้ และทรงปักภูเขาไว้ใน แผ่นดินอย่างมั่นคงเพื่อมิให้มันเคลื่อน ไปกับสูเจ้า และพระองค์ทรงทำ�ให้สัตว์หลากหลายชนิดแพร่กระจายใน แผ่นดินและได้ส่งน้ำ�ฝนลงมาจากฟากฟ้าและทำ�ให้พืชพรรณหลากชนิด เจริญงอกงามในนั้น 11 นี่คือการสร้างสรรค์ของพระเจ้า ดังนั้น แสดงให้ ฉันเห็นหน่อยซิว่าอะไรบ้างที่สิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ได้สร้างขึ้นมา? ผู้ ทำ�ความผิดเหล่านั้นกำ�ลังหลงผิดอย่างชัดเจน

408

31. ลุกมาน

เราได้ประทานวิทยปัญญาแก่ลุกมานโดยกล่าวว่า “จงขอบคุณ พระเจ้าและใครก็ตามที่ขอบคุณก็สนองคุณตัวเขาเอง แต่ใครก็ตาม ที่เนรคุณ พระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย เป็นผู้ทรงได้รับการ สรรเสริญ” 13 ลุกมานได้ตักเตือนบุตรของเขาว่า “ลูกเอ๋ย จงอย่านำ�สิ่ง อื่นใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระเจ้า แท้จริง การตั้งภาคีนั้นเป็นความผิดอัน มหันต์ 14 เราได้กำ�ชับมนุษย์ให้แสดงความโอบอ้อมอารีต่อพ่อแม่ของเขา เพราะแม่ของเขาอุ้มเขาอยู่ในครรภ์ด้วยความเพลียแล้วเพลียเล่าและกว่า เขาจะหย่านมเป็นเวลาสองปี (เราได้เตือนเขาว่า)จงขอบคุณฉันและพ่อ แม่ของสูเจ้า ยังฉันที่สูเจ้าต้องกลับมา 15 แต่ถ้าเขาทั้งสองบังคับให้สูเจ้า นำ�สิ่งอื่นที่สูเจ้าไม่รู้มาเป็นภาคีร่วมกับฉัน จงอย่าเชื่อฟังเขาทั้งสอง แต่ จงปฏิบัติต่อเขาทั้งสองด้วยดีในโลกนี้ และจงปฏิบัติตามแนวทางของผู้ที่ ได้หันมาสู่ฉัน ดังนั้น ยังฉันที่สูเจ้าทั้งหมดจะกลับมา แล้วฉันจะบอกสูเจ้า ในสิ่งที่สูเจ้าได้ท�ำ ไป” 16 (และลุกมานได้กล่าวว่า) “ลูกเอ๋ย ถึงแม้สิ่งใดจะหนักเท่ากับเมล็ด ผักเมล็ดหนึ่งและถูกซ่อนไว้ในหินหรือในชั้นฟ้าและในแผ่นดิน พระเจ้าจะ ทรงนำ�มันออกมา พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่ละเอียดอ่อนและทรงรอบรู้ทุก สิ่งทุกอย่าง 17 ลูกเอ๋ย จงดำ�รงนมาซเป็นประจำ� จงกำ�ชับกันในเรื่องความ ดีและห้ามปรามความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแก่เจ้า นี่คือสิ่งที่ได้ ถูกกำ�ชับไว้อย่างเข้มงวด 18 จงอย่าพูดกับผู้คนโดยเบือนหน้าออกไปจาก เขาอย่างยโสและจงอย่าเดินบนแผ่นดินอย่างทะนงตน เพราะพระเจ้าไม่ ทรงรักผู้โอหังและผู้คุยโวทุกคน 19 จงเดินอย่างสงบเสงี่ยมในท่าทางของ เจ้า และจงลดเสียงของเจ้าให้เบาลง เพราะที่น่าเกลียดที่สุดในบรรดา เสียงทั้งหมดก็คือเสียงร้องของลา” 20 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงทำ�ให้สิ่งต่างๆที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินเป็นประโยชน์แก่สูเจ้า และพระองค์ได้ทรงประทาน 12

ลุกมาน

409

ความโปรดปรานของพระองค์แก่สูเจ้าทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น? แต่ ถึงกระนั้น ยังมีมนุษย์บางคนที่โต้เถียงเกี่ยวกับพระเจ้าโดยไม่มีความรู้ และทางนำ�และคัมภีร์ที่เป็นแสงสว่าง 21 เมื่อพวกเขาได้ถูกบอกว่า “จง ปฏิบัติตามที่พระเจ้าประทานมา” พวกเขากล่าวว่า “ไม่ เราจะปฏิบัติตาม ที่เราได้เห็นบรรดาพ่อของเราปฏิบัติกันมา” อะไรกัน ทั้งๆที่ซาตานได้ ชักชวนพวกเขาไปสู่การลงโทษในไฟอันโชติช่วงกระนั้นหรือ? 22 ใครก็ตามที่นอบน้อมยอมตนต่อพระเจ้าและเป็นผู้กระทำ�ความดี ดัง นั้น เขาก็ได้ยึดหลักมั่นเอาไว้แล้ว และผลสุดท้ายของกิจการทั้งหลายนั้น อยู่ที่พระเจ้า 23 แต่ถ้าผู้ปฏิเสธความศรัทธา จงอย่าให้การปฏิเสธของเขา ทำ�ให้เจ้าต้องเสียใจ เพราะยังเราที่พวกเขาต้องกลับมา แล้วเราจะบอก พวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ความลับที่ซ่อน เร้นอยู่ในหัวใจของมนุษย์ 24 เราจะปล่อยพวกเขาให้สนุกสนานชั่วขณะ หนึ่งในโลก หลังจากนั้น เราจะต้อนพวกเขาไปสู่การลงโทษอย่างร้ายแรง 25 ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า “ผู้ใดสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน?” แน่นอน พวกเขาจะกล่าวว่า “พระเจ้า” จงกล่าวเถิด “บรรดาการสรรเสริญ เป็นของพระเจ้า” แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ 26 อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือ หลาย ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ 27 ถ้าหากจะเอาต้นไม้ทั้งหมดในโลกนี้ มาเป็นปากกาและเอามหาสมุทรเป็นน้ำ�หมึกกับอีกเจ็ดมหาสมุทรมาเติม วจนะของพระเจ้าก็ยังไม่หมด แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ 28 การสร้างและการทำ�ให้สูเจ้าทั้งหมดฟื้นขึ้นมาเป็นเรื่องง่ายสำ�หรับ พระองค์เหมือนกับ(การสร้างและการฟื้นขึ้น)ของชีวิตเดียว แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงเห็นทุกสิ่ง 29 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่า พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้กลางคืนผ่านเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวัน ผ่านเข้าไปในกลางคืน? พระองค์ทรงควบคุมดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

410

31. ลุกมาน

ไว้ในอำ�นาจ ทุกสิ่งโคจรไป(ในวิถีของมัน)จนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกำ�หนด ไว้ และพระเจ้าทรงรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ�? 30 นั่นเป็นเพราะว่าพระเจ้า เป็นผู้ทรงสัจจะและสิ่งอื่นที่พวกเขาวิงวอนแทนพระเจ้านั้นเป็นสิ่งเท็จ พระเจ้าเป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่ 31 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าเรือล่องลอยอยู่ในทะเลด้วยความโปรดปราน ของพระเจ้าเพื่อที่พระองค์จะได้แสดงสัญญาณบางอย่างของพระองค์ให้ สูเจ้าได้เห็น? แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับทุกคนที่อดทน และกตัญญู 32 และเมื่อคลื่นทะเลโถมใส่พวกเขาดุจเงา(แห่งความตาย) พวกเขาได้วิงวอนต่อพระเจ้าโดยทำ�ตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อศาสนาของ พระองค์ หลังจากนั้น เมื่อเราได้ทำ�ให้พวกเขาถึงบกโดยปลอดภัย มีบาง คนเท่านั้นที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องและไม่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลาย ของเรายกเว้นคนที่ทรยศและเนรคุณ 33 มนุษย์เอ๋ย จงขอความคุ้มครองต่อพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและจง เกรงกลัวต่อวันที่พ่อไม่สามารถช่วยลูกและลูกไม่สามารถช่วยพ่อของ ตัวเองได้ แน่นอน สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความจริง ดังนั้น จงอย่าให้ ชีวิตโลกนี้ล่อลวงสูเจ้า และจงอย่าให้พวกล่อลวงมาหลอกล่อสูเจ้าเกี่ยว กับพระเจ้า 34 พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้เรื่องยามอวสาน และพระองค์ทรงให้ ฝนตกลงมาและพระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่ก่อตัวในมดลูก และไม่มีชีวิตใดที่รู้ ว่าตัวเองจะได้อะไรในวันรุ่งขึ้นและไม่มีชีวิตใดที่รู้ว่าตัวเองจะตายในแผ่น ดินไหน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้และผู้ทรงตระหนักอยู่เสมอ

อัล-ซัจญ์ด๊ะฮฺ

411

32. การกราบ

อัล-ซัจญ์ด๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าฺผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 อะลีฟ ลาม มีม 2 คัมภีร์ที่ไม่มีข้อสงสัยใดๆนี้ถูกประทานมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก 3 พวกเขากล่าวว่า “เขาปลอมมันขึ้นมา”กระนั้นหรือ? เปล่าเลย มัน เป็นความจริงจากพระผู้อภิบาลของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ตักเตือนหมู่ชนที่ ไม่มีผู้ตักเตือนคนใดมาก่อนหน้าเจ้า เพื่อที่พวกเขาจะได้ถูกนำ�ทางอย่าง ถูกต้อง 4 พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ ระหว่างนั้นในหกวัน และหลังจากนั้นได้ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ สูเจ้าไม่มี ผู้คุ้มครองช่วยเหลือนอกไปจากพระองค์และไม่มีผู้ไถ่โทษแทนใดๆต่อ หน้าพระองค์ แล้วสูเจ้ายังไม่คิดอีกหรือ? 5 พระองค์ทรงควบคุมกิจการทั้ง หลายของโลกจากชั้นฟ้ายังโลก และทั้งหมดจะขึ้นไปสู่พระองค์ในวันหนึ่ง ซึ่งความยาวของมันเป็นเวลาพันปีตามการนับของเจ้า 6 พระองค์เท่านั้น ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย พระผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตา เสมอ 7 ผู้ทรงทำ�ให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาอยู่ในรูปแบบที่ดีที่สุด พระองค์ทรงเริ่มต้นการสร้างมนุษย์มาจากดิน 8 หลังจากนั้น พระองค์ ก็ ทรงแพร่ ลู กหลานของเขาออกไปจากสิ่งที่อ อกมาจากน้ำ �อันด้อยค่า 9 หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงทำ�ให้เขาเป็นรูปร่าง และทรงเป่าวิญญาณ ของพระองค์เข้าไปในตัวเขาและพระองค์ได้ทรงประทานหู ตาและหัวใจ แก่สูเจ้า แต่กระนั้น น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ 10 พวกเขากล่าวว่า “เมื่อเราสูญสลายกลายเป็นดินไปแล้ว เราจะถูก กำ�เนิดขึ้นมาอีกได้อย่างไร?” ความจริงก็คือ พวกเขาไม่เชื่อในการพบกับ

412

32. การกราบ

พระผู้อภิบาลของพวกเขา 11 จงบอกพวกเขาว่า “มรณะทูตที่ถูกกำ�หนด ไว้เหนือพวกท่านจะมาเอาพวกท่านไปอย่างครบถ้วน หลังจากนั้น พวก ท่านทั้งหมดจะถูกนำ�กลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกท่าน” 12 ถ้าสูเจ้า ได้เห็นผู้ทำ�ผิดในตอนที่พวกเขายืนคอตกอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของ พวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา เราได้เห็นและเรา ได้ยินแล้ว โปรดส่งเรากลับไปเพื่อที่เราจะได้ท�ำ ดี ตอนนี้ เราเชื่อมั่นแล้ว” 13 หากเราประสงค์ เราสามารถจะกำ�หนดให้มนุษย์ทุกคนอยู่บนทางนำ� ของเราก็ได้ แต่วจนะของฉันที่กล่าวไปจะเป็นความจริง นั่นคือ “ฉันจะ ทำ�ให้นรกเต็มไปด้วยญินและมนุษย์พร้อมกันทั้งหมด” 14 ดังนั้น เราจะ บอกพวกเขาว่า “จงลิ้มรสสิ่งนี้ เพราะสูเจ้าลืมไปว่าสูเจ้าจะพบกับวันนี้ ตอนนี้ เราจะลืมสูเจ้าด้วยเช่นกัน จงลิ้มรสการลงโทษอันนิรันดรเพราะ สิ่งที่สูเจ้าได้กระทำ�ไว้” 15 คนที่ศรัทธาในสาสน์ของเราอย่างแท้จริงคือ บรรดาผู้ที่ก้มลงกราบเมื่อพวกเขาถูกเตือนให้นึกถึงสาสน์นั้นและพวก เขาสดุดีพระผู้อภิบาลของพวกเขาด้วยการสรรเสริญพระองค์และพวก เขาไม่ทะนงตน 16 พวกเขาละจากที่นอนของพวกเขาและวิงวอนพระผู้ อภิบาลของพวกเขาด้วยความกลัวและความหวัง และผู้ใช้จ่ายจากสิ่งที่ เราได้ประทานแก่พวกเขา 17 ไม่มีชีวิตใดรู้ถึงสิ่งสบายตาซึ่งได้ถูกซ่อน เร้นไว้จากสายตาของพวกเขาเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนการงานของพวกเขา 18 ดังนั้น คนที่เป็นผู้ศรัทธาจะเหมือนกับผู้ฝ่าฝืนพระเจ้าได้ไหม? พวก เขาไม่อาจเหมือนกันได้ 19 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี นั้นจะได้อยู่ในสวนสวรรค์เป็นสิ่งตอบแทนสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ 20 ส่วนบรรดาผู้ฝ่าฝืนพระเจ้านั้น ที่พ�ำ นักของพวกเขาคือนรก เมื่อใด ก็ตามที่พวกเขาพยายามจะออกไป พวกเขาจะถูกผลักกลับเข้าไปในนั้น อีกและพวกเขาจะถูกบอกว่า “ตอนนี้ จงลิ้มรสการลงโทษของไฟนรก ที่สูเจ้าเคยปฏิเสธ” 21 และแน่นอนที่สุด เราจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสการ ลงโทษที่เบากว่าก่อนการลงโทษที่ใหญ่กว่า ทั้งนี้เพื่อที่ว่าบางทีพวกเขา

อัล-ซัจญ์ด๊ะฮฺ

413

จะได้หันมายังเราเพื่อการสำ�นึกผิดและขออภัย 22 ใครที่จะทำ�ผิดยิ่งใหญ่ ไปกว่าผู้ที่เมื่อสัจธรรมของพระผู้อภิบาลของเขาได้ถูกอ่านให้เขาฟังแล้ว เขายังหันห่างออกจากมัน? แน่นอน เราจะลงโทษผู้ทำ�ผิดเหล่านั้นอย่าง หนัก 23 ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซา ดังนั้น เจ้า(มุฮัมมัด)จงอย่า คลางแคลงสงสัยในการรับสิ่งเดียวกันนี้ เช่นเดียวกับที่เราได้ท�ำ ให้มัน เป็นทางนำ�สำ�หรับลูกหลานอิสรออีล 24 เราได้ทำ�ให้พวกเขามีผู้นำ�ที่น�ำ ผู้คนโดยคำ�บัญชาของเราเมื่อพวกเขาได้แสดงความอดทนและเชื่อมั่นใน สัญญาณทั้งหลายของเราแล้ว 25 แน่นอน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระ ผู้อภิบาลของเจ้าเท่านั้นที่จะตัดสินสิ่งต่างๆที่พวกเขาขัดแย้งกัน 26 และ มัน(เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์)ไม่ได้ท�ำ ให้พวกเขารู้หรือว่า ก่อนหน้า พวกเขานั้น เราได้ท�ำ ลายไปกี่ชนชาติแล้ว และซากถิ่นฐานของคนเหล่า นั้นพวกเขาก็เดินทางผ่านไปมา? แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณอย่างมากมาย แล้วพวกเขายังไม่ฟังกระนั้นหรือ? 27 พวกเขาไม่เห็นหรือว่าเราได้ทำ�ให้น้ำ�ไหลไปยังแผ่นดินที่แห้งแล้ง และจากนั้นเราได้ทำ�ให้พืชผลงอกเงยออกมาซึ่งสัตว์ของพวกเขาและ พวกเขาได้กินจากมัน? พวกเขายังไม่เห็นอะไรอีกหรือ? 28 และพวกเขา กล่าวว่า “เมื่อใดที่การตัดสินนี้จะเกิดขึ้นถ้าพวกท่านพูดจริง?” 29 จงบอก พวกเขาว่า “ในวันแห่งการตัดสิน มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่บรรดา ผู้ปฏิเสธสัจธรรม ถ้าพวกเขาศรัทธาในตอนนั้น พวกเขาจะไม่ได้รับการ ผ่อนผัน” 30 ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาไว้และคอยดู แท้จริงแล้ว พวกเขาก็ กำ�ลังคอยดูอยู่ด้วยเหมือนกัน

414

33. สหพรรค

33. สหพรรค

อัล-อะฮฺซาบ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 โอ้นบี จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงอย่าเชื่อฟังบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม และผู้ตลบตะแลง แท้จริง พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชา สามารถ 2 จงปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของ เจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ในสิ่งที่เจ้ากระทำ� 3 จงวางใจในพระเจ้า เพราะ พระเจ้าเท่านั้นก็พอแล้วที่จะเป็นผู้ปกป้อง 4 พระเจ้ามิได้ทรงทำ�ให้คนผู้หนึ่งมีสองหัวใจในร่างกายของเขา และ พระองค์มิได้ทรงทำ�ให้บรรดาภรรยาของสูเจ้าซึ่งสูเจ้าออกห่างโดยการ กล่าวว่า “เธอเป็นเหมือนกับหลังของแม่ฉัน” เป็นแม่(จริงๆ)ของสูเจ้า และพระองค์ก็มิได้ทรงทำ�ให้ลูกบุญธรรมของสูเจ้าเป็นลูกแท้ๆของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่สูเจ้ากล่าวออกมาจากปากของสูเจ้า แต่พระเจ้าทรงกล่าว ความจริงและพระองค์เท่านั้นที่ทรงนำ�ไปสู่ทางที่ถูกต้อง 5 จงเรียกบุตร บุญธรรมของสูเจ้าตามชื่อพ่อของพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่ยุติธรรมกว่าใน สายตาของพระเจ้า และถ้าหากสูเจ้าไม่รู้ว่าพ่อของพวกเขาเป็นใคร จง ถือว่าพวกเขาเป็นพี่น้องในศาสนาของสูเจ้าและเพื่อนของสูเจ้า และไม่มี ข้อตำ�หนิอันใดแก่สูเจ้าถ้าหากสูเจ้ากล่าวอะไรบางอย่างโดยไม่เจตนา แต่ สูเจ้าจะถูกตำ�หนิอย่างแน่นอนสำ�หรับสิ่งที่สูเจ้ากล่าวออกไปด้วยเจตนา ของหัวใจของสูเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 6 นบีมีสิทธิ์เหนือบรรดาผู้ศรัทธามากกว่า(พวกเขามีสิทธิ์เหนือ)ตัว ของพวกเขาเอง และภรรยาทั้งหลายของนบีก็เป็นแม่ของพวกเขา แต่ ตามคัมภีร์ของพระเจ้า ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นมีสิทธิ์เหนือกัน

อัล-อะฮฺซาบ

415

และกันมากกว่าบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาผู้อพยพ อย่างไรก็ตาม สูเจ้า อาจทำ�ดีต่อเพื่อนๆของสูเจ้าได้ นี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ 7 (โอ้นบี) เราได้รับสัญญาที่มั่นคงจากนบีทั้งหลาย จากเจ้าและนูฮฺ จา กอิบรอฮีมและมูซาและอีซาบุตรของมัรฺยัม เราได้ให้พวกเขาทุกคนทำ� สัญญาอย่างมั่นคงไว้กับเรา 8 ทั้งนี้เพื่อที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาจะได้ ถามบรรดาผู้มีสัจจะวาจาเกี่ยวกับความสัตย์จริงของพวกเขา(ว่าได้รับ การตอบสนองอย่างไรในโลก) ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น พระองค์ ได้ทรงเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้ส�ำ หรับพวกเขาแล้ว 9 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงนึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรง แสดงแก่สูเจ้าเมื่อไพร่พลศัตรูมายังสูเจ้า เราได้ส่งพายุมายังพวกเขาและ ไพร่พลอีกมากมายที่สูเจ้ามองไม่เห็น และพระเจ้าเป็นผู้ทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง ที่สูเจ้ากระทำ� 10 เมื่อพวกศัตรูบุกมายังสูเจ้าจากข้างบนและจากข้างล่าง ของสูเจ้า สูเจ้าตาเหลือกเพราะความกลัวและหัวใจจุกอยู่ที่ล�ำ คอและ สูเจ้าเริ่มสงสัยเกี่ยวกับพระเจ้า 11 ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาจึงได้ถูกทดสอบ และได้รับความหวั่นไหวอย่างรุนแรง 12 พวกตลบตะแลงและบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรคกล่าวว่า “สัญญาที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ทำ�ไว้กับพวกเขานั้นมิใช่อะไร นอกไปจากการหลอกลวง” 13 อีกกลุ่มหนึ่งของคนพวกนี้กล่าวว่า “ชาว ยัษริบเอ๋ย พวกเจ้าไม่มีทางที่จะต้านทาน(ศัตรู)ได้หรอก ดังนั้น จงกลับ ไปเสีย” แต่อีกกลุ่มหนึ่งของพวกเขาได้ขออนุญาตนบีโดยกล่าวว่า “บ้าน ของเราไม่ปลอดภัย” ทั้งๆที่มันปลอดภัยอยู่ แท้จริงแล้ว พวกเขาต้องการ ที่จะหนีแนวรบ 14 ถ้าหากพวกศัตรูบุกเข้ามาจากทุกด้านของเมือง และคนเหล่านี้ถูกยุให้ทรยศ พวกเขาจะทำ�อย่างแน่นอนโดยไม่ลังเล 15 แท้จริง พวกเขาได้ท�ำ สัญญาไว้กับพระเจ้าแล้วว่าพวกเขาจะไม่หันหลัง ให้ และสัญญาที่ได้ทำ�ไว้กับพระเจ้านั้นจะต้องถูกสอบถาม 16 (โอ้นบี) จง บอกพวกเขาว่า “ถ้าหากพวกท่านหนีจากความตายหรือการถูกฆ่า การ

416

33. สหพรรค

หนีของพวกท่านจะไม่ยังประโยชน์อันใดแก่พวกท่าน พวกท่านจะมีความ สุขในชีวิตแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”* 17 จงถามพวกเขา “ใครเล่าที่จะ ปกป้องพวกท่านจากพระเจ้าถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะให้พวกท่าน ได้รับอันตราย? หรือถ้าพระองค์ทรงปรารถนาที่จะเมตตาพวกท่าน ใคร ที่สามารถขัดขวางพระองค์?” แท้จริงแล้ว พวกเขาไม่สามารถที่จะพบใคร เป็นผู้ปกป้องและผู้ช่วยเหลือพวกเขาได้นอกไปจากพระเจ้า 18 พระเจ้าทรงรู้ดีว่าใครในหมู่สูเจ้าที่ดึงคนอื่นกลับมา ผู้ที่บอกกับ พี่น้องของพวกเขาว่า “มาอยู่ฝ่ายเราสิ” และพวกเขาไม่ได้เข้ามาร่วม ต่อสู้นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 19 พวกเขาให้ความช่วยเหลือเจ้า โดยไม่เต็มใจ แต่เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้น เจ้าจะเห็นพวกเขามองไปยังเจ้า ดวงตาของพวกเขากลอกกลิ้งเหมือนกับผู้ที่ก�ำ ลังเป็นลมใกล้ตาย แต่ เมื่ออันตรายผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาจะออกมาต่อว่าเจ้าอย่างเผ็ดร้อน ด้วยความอยากได้ในทรัพย์สิน คนเหล่านี้มิได้ศรัทธาแต่อย่างใด ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทำ�ให้การงานของพวกเขาไร้ผล และนี่เป็นเรื่องง่ายสำ�หรับ พระเจ้า 20 พวกเขาคิดว่าไพร่พลที่ร่วมกันมารุกรานนั้นจะไม่มีวันถอยไป แท้จริงแล้ว ถ้าหากพวกศัตรูเหล่านั้นกลับมาโจมตีอีก พวกเขาก็อยาก จะอยู่ในทะเลทรายกับพวกเบดูอิน และพวกเขาจะคอยถามข่าวเกี่ยว กับสูเจ้าจากที่นั่น แต่ถ้าพวกเขาจะอยู่กับสูเจ้า พวกเขาจะไม่ร่วมต่อสู้ นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 21 แท้จริงแล้ว ในศาสนทูตของพระเจ้านั้นมีแบบอย่างที่ดีที่สุดสำ�หรับ คนที่แสวงหาพระเจ้าและวันสุดท้ายและระลึกถึงพระเจ้าเสมอ 22 เมื่อ บรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงมองเห็นพวกศัตรูที่มารุกราน พวกเขาได้ร้อง ออกมาว่า “นี่คือสิ่งที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้สัญญาไว้กับ เรา แน่นอน สัญญาของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์เป็นจริงเสมอ” และนี่เป็นสิ่งที่ทำ�ให้พวกเขาศรัทธาและนอบน้อมมากขึ้น 23 ในบรรดา * ดูหน้า 14-17 ของบทนำ�

อัล-อะฮฺซาบ

417

ผู้ศรัทธานั้นมีผู้ซื่อตรงต่อสัญญาที่เขาได้ท�ำ ไว้กับพระเจ้า บางคนในหมู่ พวกเขาได้ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้ว และบางคนก็ก�ำ ลังคอยอยู่ โดยมิได้ผันแปรใดๆแม้แต่นิดเดียว 24 พระเจ้าจะทรงตอบแทนผู้ซื่อตรง สำ � หรั บ ความซื่ อ ตรงของพวกเขาและลงโทษพวกตลบตะแลงถ้า หาก พระองค์ทรงประสงค์ หรือพระองค์อาจยอมรับการสำ�นึกผิดของพวกเขา เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 25 พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมหันหลังกลับด้วยความ เคียดแค้นโดยไม่ได้รับผลดีแต่อย่างใด พระเจ้าทรงเพียงพอแล้ว(ที่จะ คุ้มครอง)สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาในการต่อสู้ พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรง อำ�นาจ 26 พระองค์ได้ทรงนำ�ชาวคัมภีร์ที่ช่วยเหลือบรรดาผู้รุกรานลงมา จากป้อมของพวกเขาและทรงทำ�ให้หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยหวาด กลัวจนบางคนสูเจ้าได้ฆ่าและบางคนสูเจ้าจับเป็นเชลย 27 พระองค์ได้ ทรงทำ�ให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินของพวกเขาและที่อยู่อาศัยของพวก เขาและทรัพย์สินของพวกเขา และทรงประทานแผ่นดินที่สูเจ้ายังไม่เคย ย่ำ�เท้าเข้าไปมาก่อน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 28 โอ้นบี จงบอกบรรดาภรรยาของเจ้าว่า “ถ้าพวกเธอปรารถนาชีวิต แห่งโลกนี้และการประดับประดาอันสวยงามของมัน จงมา ฉันจะให้สิ่ง เหล่านี้แก่พวกเธอและปล่อยพวกเธอไปอย่างมีเกียรติ 29 แต่ถ้าพวกเธอ ปรารถนาพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และที่พำ�นักแห่งโลกหน้า แล้ว จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมการตอบแทนอันยิ่งใหญ่ส�ำ หรับผู้ ทำ�ดีในหมู่พวกเธอไว้แล้ว” 30 โอ้ภรรยาของนบี ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่ ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอย่างเปิดเผยจะต้องถูกลงโทษเป็นสองเท่า นี่ เป็นสิ่งที่ง่ายสำ�หรับพระเจ้า 31 แต่ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และกระทำ�ความดี เราจะตอบแทนรางวัลพวกเธอเป็นสองเท่า และเราได้ เตรียมปัจจัยอันมีเกียรติไว้สำ�หรับเธอไว้แล้ว 32 โอ้ภรรยาของนบี พวก

418

33. สหพรรค

เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงอื่นๆ ถ้าพวกเธอเกรงกลัวพระเจ้า จงอย่าพูดจา ด้วยเสียงอ่อนหวานนัก ด้วยเหตุว่าคนที่หัวใจเป็นโรคจะคิดหวังอย่าง ผิดๆจากตัวเธอ แต่จงพูดจาด้วยความเหมาะสม 33 จงอยู่ในบ้านของพวกเธอและจงอย่าออกไปเที่ยวอวดความ สวยงามอย่ า งที่ ผู้ ห ญิ ง ทั้งหลายทำ�ในสมัยแห่งความโง่เขลาก่อนหน้า นี้ จงดำ�รงนมาซและจ่ายซะกาตและจงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์ โอ้ ผู้หญิงในครอบครัวของนบี พระเจ้าเพียงแต่ทรงเจตนาที่จะ ขจัดความโสมมทั้งหลายออกจากพวกเธอและจะทำ�ให้พวกเธอสะอาด ผ่องแผ้ว 34 จงนึกถึงสิ่งที่พระเจ้าประทานมาและวิทยปัญญาที่ได้ถูกอ่าน ในบ้านของพวกเธอ แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง ทรงตระหนัก อยู่เสมอ 35 แน่นอนที่สุด ชายและหญิงที่ยอมจำ�นนต่อพระเจ้า ชายและหญิง ผู้ศรัทธา ชายและหญิงผู้เชื่อฟัง ชายและหญิงผู้มีความซื่อสัตย์ ชายและ หญิงผู้อดทน ชายและหญิงผู้นอบน้อมถ่อมตน ชายและหญิงผู้บริจาค ทาน ชายและหญิงผู้ถือศีลอด ชายและหญิงผู้รักษาส่วนอันพึงสงวนของ ตนเอง ชายและหญิงผู้ระลึกถึงพระเจ้ามากๆ พระเจ้าทรงเตรียมการ ให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันใหญ่หลวงแก่พวกเขาไว้แล้ว 36 มันไม่ เหมาะสมสำ�หรับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาที่จะมาเลือกอะไรอีกใน เรื่องของพวกเขาเมื่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้ตัดสินใจใน เรื่องของพวกเขาไปแล้ว ใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์ แน่นอน พวกเขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง 37 (โอ้นบี) เจ้าได้พูดกับคนที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปรานแก่ เขาและเจ้าก็โปรดปรานเขาเช่นกันว่า “จงครองภรรยาของเจ้าไว้และ จงเกรงกลัวพระเจ้า” ในตอนนั้น เจ้าหาทางปิดบังเรื่องที่พระเจ้าจะทรง เปิดเผยไว้ในหัวใจของเจ้า แต่เจ้าเกรงกลัวผู้คน ในขณะที่พระเจ้านั้น มีสิทธิ์มากกว่าที่เจ้าจะต้องเกรงกลัว เมื่อเซดได้หย่านางแล้ว เราได้ให้

อัล-อะฮฺซาบ

419

นางแต่งงานกับเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่บรรดาผู้ศรัทธาจะได้ไม่มีอุปสรรคในเรื่อง ภรรยาของลูกบุญธรรมของพวกเขาเมื่อพวกเขาหย่าพวกนางแล้ว พระ บัญชาของพระเจ้านั้นต้องได้รับการปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น 38 ไม่มีข้อ เสียหายแต่ประการใดสำ�หรับนบีที่จะทำ�ในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกำ�หนด ไว้ส�ำ หรับเขา นี่เป็นแนวทางของพระเจ้าเกี่ยวกับบรรดานบีที่ได้ล่วง ลับไปก่อนหน้านี้ และคำ�บัญชาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ โดยสมบูรณ์แล้ว 39 บรรดาผู้ที่เผยแผ่สาสน์ของพระองค์และเกรงกลัว พระองค์และไม่เกรงกลัวผู้ใดนอกไปจากพระเจ้า พระเจ้าก็เพียงพอแล้ว ที่จะทรงชำ�ระบัญชี 40 มุฮัมมัดมิได้เป็นพ่อของใครในหมู่คนของสูเจ้า แต่เขาเป็นศาสนทูตของพระเจ้าและเป็นตราประทับของนบีทั้งหลาย พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 41โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงระลึกถึงพระเจ้าให้มากๆ 42 จงสดุดีพระองค์ทั้ง ยามเช้าและยามเย็น 43 พระองค์คือผู้ทรงประทานความจำ�เริญแก่สูเจ้า และทูตสวรรค์ของพระองค์ก็วิงวอนขอความโปรดปรานจากพระองค์ให้ แก่สูเจ้าด้วย ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะทรงนำ�สูเจ้าออกจากความมืดไปสู่แสง สว่าง พระองค์ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธาอยู่เสมอ 44 ในวันที่พวกเขา พบพระองค์ พวกเขาจะถูกต้อนรับด้วยคำ�ทักทายว่า “ศานติ” พระองค์ ทรงเตรียมรางวัลอันมีเกียรติไว้ส�ำ หรับพวกเขาแล้ว 45 นบีเอ๋ย เราได้ส่งเจ้ามาให้เป็นพยาน เป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน 46 และผู้เชิญชวนไปสู่พระเจ้าโดยอนุมัติของพระองค์ และนำ�ทางพวกเขา เหมือนประทีปที่ส่องสว่าง 47 จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่าพระเจ้ามี ความจำ�เริญอันมากมายไว้ส�ำ หรับพวกเขา 48 ดังนั้น จงอย่าคล้อยตาม บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและพวกตลบตะแลง จงอย่าสนใจต่อคำ�พูดเราะ รานของพวกเขาและจงวางใจในพระเจ้า เพราะพระเจ้านั้นเพียงพอแล้ว สำ�หรับการมอบความไว้วางใจ 49 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าแต่งงานกับหญิงผู้ศรัทธาและหลังจาก

420

33. สหพรรค

นั้นได้หย่าพวกนางก่อนที่จะได้อยู่ร่วมกับพวกนาง สูเจ้าไม่ต้องรอพวก นางให้ครบเวลาแห่งการรอคอย จงให้บางสิ่งบางอย่างแก่พวกนางและ ปล่อยพวกนางไปอย่างมีเกียรติ 50 โอ้นบี เราได้ทำ�ให้บรรดาภรรยาของเจ้าเป็นที่อนุมัติแก่เจ้าสำ�หรับ คนที่เจ้าได้ให้ของขวัญแต่งงานแก่พวกนางไปแล้ว และบรรดาผู้หญิงที่ เจ้าครอบครองอยู่จากบรรดาทาสหญิงที่พระเจ้าทรงประทานแก่เจ้า และ (เราได้ทำ�ให้บุคคลต่อไปนี้เป็นที่อนุญาตสำ�หรับเจ้า นั่นคือ) ลูกสาวของ พี่น้องชายทางพ่อของเจ้าและลูกสาวของพี่น้องหญิงทางพ่อของเจ้า และ ลูกสาวของพี่น้องชายทางแม่ของเจ้าและลูกสาวของพี่น้องหญิงทางแม่ ของเจ้าซึ่งได้อพยพไปกับเจ้า และหญิงผู้ศรัทธาที่เสนอตัวเองแก่นบีถ้า หากนบีต้องการจะแต่งงานกับนาง สิทธิพิเศษนี้ส�ำ หรับเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่ สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาคนอื่นๆ เรารู้ดีถึงสิ่งที่เราได้ก�ำ หนดแก่บรรดาผู้ ศรัทธาเกี่ยวกับภรรยาของพวกเขาและทาสหญิงของพวกเขา ทั้งนี้เพื่อ ที่จะได้ไม่มีค�ำ ตำ�หนิต่อเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 51 เจ้าจะให้ภรรยาคนใดของเจ้าอยู่ห่างเจ้าก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ และเจ้าจะให้ใครอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ และไม่มีข้อตำ� หนิใดๆถ้าเจ้าจะเรียกภรรยาที่เจ้าให้อยู่ห่างมาอยู่ใกล้ก็ได้ นั่นเป็นการ เหมาะสมกว่า เพื่อที่ดวงตาของนางจะเย็นลงและพวกนางจะได้ไม่เศร้า โศก และพวกนางทั้งหมดจะได้พอใจกับสิ่งที่เจ้าให้พวกนาง พระเจ้าทรง รู้ทุกสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงขันติธรรม 52 ไม่เป็นที่อนุญาตให้เจ้าแต่งงานกับผู้หญิงอื่นอีกแล้วหลังจากนี้ และเจ้า จะไม่ได้รับอนุญาตให้เอาภรรยาอื่นมาแทนพวกนางถึงแม้ว่าความสวย ของพวกนางจะทำ�ให้เจ้าพึงใจก็ตาม เว้นแต่ทาสหญิงที่เจ้าครอบครอง พระเจ้าเป็นผู้ทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง 53 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเข้าไปในบ้านของนบีเว้นเสียแต่ว่าสูเจ้า ถูกเชิญให้ไปกินอาหาร จงอย่านั่งอ้อยอิ่งคอยจนกระทั่งอาหารพร้อม เมื่อ

อัล-อะฮฺซาบ

421

สูเจ้าถูกเชิญมา จงเข้าไปและเมื่อสูเจ้ากินอาหารเสร็จแล้ว จงรีบแยกย้าย กันกลับไป จงอย่านั่งอ้อยอิ่งสนทนากัน เพราะการทำ�เช่นนั้นจะสร้าง ความลำ�บากใจให้แก่นบี แต่เขากระดากใจที่จะบอกสูเจ้า แต่พระเจ้าไม่ ทรงกระดากใจต่อความจริง ถ้าหากสูเจ้าจะขอสิ่งใดจากภรรยาของนบี ก็จงขอต่อนางจากหลังม่าน นี่เป็นการดีกว่าสำ�หรับความผ่องแผ้วของ หัวใจของสูเจ้าและหัวใจของพวกนาง และมิพึงที่สูเจ้าจะรบกวนศาสนทูต ของพระเจ้าและไม่อนุญาตให้สูเจ้าแต่งงานกับภรรยาของเขาหลังจากเขา เป็นอันขาด นี่เป็นความผิดร้ายแรงยิ่งในสายตาของพระเจ้า 54 ไม่ว่าสูเจ้า จะเปิดเผยสิ่งใดหรือซ่อนเร้นมัน แน่นอน พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง 55 ไม่มีข้อตำ�หนิแต่ประการใดสำ�หรับบรรดาภรรยาของนบีในการ ปรากฏตัวต่อบิดาของพวกนาง ลูกชายของพวกนาง พี่ชายน้องชายของ พวกนาง ลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกนาง ลูกชายของพี่สาวน้อง น้องสาวของพวกนาง ผู้หญิงที่คุ้นเคยด้วยกันของพวกนางและทาสของ พวกนาง โอ้ผู้หญิงทั้งหลาย จงเกรงกลัวพระเจ้า พระเจ้าทรงรู้เห็นทุกสิ่ง 56 แท้จริง พระเจ้าและทูตสวรรค์ของพระองค์ยังอำ�นวยพรแก่นบี บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงขอพรให้แก่เขาได้รับความจำ�เริญและส่งความ สันติแก่เขา 57 บรรดาผู้สร้างความยุ่งยากให้แก่พระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์จะถูกพระเจ้าสาปแช่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า พระเจ้าได้ทรง เตรียมการลงโทษอันน่าอัปยศไว้สำ�หรับพวกเขาแล้ว 58 บรรดาผู้ใส่ร้าย ชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำ�นั้น แน่นอน พวก เขาได้แบกการกล่าวร้ายอันหนักหน่วงและบาปอันชัดแจ้งไว้ 59 โอ้นบี จงสั่งบรรดาภรรยาของเจ้าและลูกสาวของเจ้าให้เอาเสื้อผ้า ส่วนนอกดึงลงมาเหนือตัวของพวกนางไว้(เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ) เพื่อ ที่พวกนางจะได้เป็นที่รับรู้และไม่ถูกระราน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและ ผู้ทรงเมตตา 60 ถ้าพวกตลบตะแลงและพวกที่หัวใจของพวกเขาเป็นโรค และพวกที่ชอบนินทาในมะดีนะฮฺไม่หยุดยั้ง แน่นอน เราจะให้เจ้าจัดการ

422

33. สหพรรค

พวกเขา 61 พวกเขาจะถูกสาปแช่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและจะถูกจับกุมและ ถูกฆ่า* 62 นี่คือวิธีการของพระเจ้าสำ�หรับผู้คนก่อนหน้านี้ และเจ้าจะไม่ พบการเปลี่ยนแปลงใดๆในวิธีการของพระเจ้า 63 ผู้คนถามเจ้าเกี่ยวกับยามอวสาน จงบอกพวกเขาว่า “พระเจ้า เท่านั้นที่มีความรู้เรื่องนี้ ใครจะรู้? ยามอวสานอาจจะอยู่ใกล้ๆนี้ก็ได้” 64 แน่นอน พระเจ้าทรงสาปแช่งบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและได้เตรียม ไฟที่ลุกโชนไว้สำ�หรับพวกเขาแล้ว 65 พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอด กาลและพวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ 66 ในวันนั้น ใบหน้า ของพวกเขาจะถูกพลิกไปพลิกมาบนไฟ พวกเขาจะกล่าวว่า “เราน่าเชื่อ ฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์” 67 และพวกเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้ อภิบาลของเรา เราเชื่อฟังบรรดาหัวหน้าของเราและผู้อาวุโสของเรา และ พวกเขาได้ท�ำ ให้พวกเราหลงทาง 68 โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงลงโทษ พวกเขาเป็นสองเท่า และทรงสาปแช่งพวกเขาอย่างหนักด้วยเถิด” 69 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาผู้กล่าวร้ายมูซา พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้เขาพ้นมลทินจากที่พวกเขากล่าวร้ายแล้ว เขาเป็นผู้ มีเกียรติในทัศนะของพระเจ้า 70 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเกรงกลัวพระเจ้า และจงพูดแต่สิ่งที่ถูกต้อง 71 พระองค์จะประทานความจำ�เริญให้แก่การ งานของสูเจ้าและให้อภัยความผิดของสูเจ้า แน่นอน ใครที่เชื่อฟังพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์ เขาก็จะได้รับความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่ 72 เราได้เสนอความรับผิดชอบอันนี้แก่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและ ภูเขา แต่พวกมันปฏิเสธที่จะแบกรับมันไว้และเกรงกลัวความรับผิดชอบ แต่มนุษย์ออกมาแบกรับมันไว้ แท้จริง เขาเป็นผู้อธรรมและโง่เขลา 73 พระเจ้าจะทรงลงโทษชายและหญิงผู้ตลบตะแลง และชายหญิงผู้ตั้งภาคี แต่พระองค์ทรงรับการสำ�นึกผิดของชายและหญิงผู้ศรัทธา พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ * ดูหน้า 14-17 ของบทนำ�

สะบะอ์

423

34. ชีบา

สะบะอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และบรรดาการสรรเสริญเป็นของพระองค์แต่ เพียงผู้เดียวในปรโลกด้วย พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณและผู้ทรงรอบรู้ 2 พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งใดก็ตามที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งใดก็ตามที่ออกมา จากมัน และสิ่งใดก็ตามที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งใดก็ตามที่ขึ้นไปในนั้น พระองค์เป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงให้อภัย 3 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้กล่าวว่า “ยามอวสานจะไม่มีวันมาถึงเรา” จงบอกพวกเขาว่า “ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของฉันผู้ทรงรอบรู้ถึงสิ่ง ที่มองไม่เห็น มันจะมายังพวกท่านอย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งใดแม้แต่น�้ำ หนัก เพียงน้อยนิดจะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้ไม่ว่าจะในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินหรือสิ่งที่เล็กไปกว่านั้นหรือใหญ่ไปกว่านั้น ทุกสิ่งได้มีอยู่ใน บันทึกอันชัดแจ้งแล้ว” 4 พระองค์จะทรงตอบแทนบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดี พวกเขาจะได้รับการให้อภัยและปัจจัยอันมีเกียรติ” 5 ส่วน บรรดาผู้ดิ้นรนต่อต้านสัญญาณทั้งหลายของเรานั้น สำ�หรับพวกเขาคือ การลงโทษอันเจ็บปวดอย่างที่สุด 6 บรรดาผู้ได้รับความรู้นั้นรู้ดีว่าอะไร ก็ตามที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเป็นสัจธรรม และนำ�ไปสู่หนทางของพระผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ 7 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้กล่าวแก่ผู้คนว่า “เอาไหม เราจะชี้ให้ พวกท่านเห็นถึงคนที่จะบอกพวกท่านว่าเมื่อร่างกายของพวกท่านแยก สลายออกเป็นชิ้นๆแล้ว พวกท่านจะถูกทำ�ให้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง? 8 เขา สร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้าขึ้นมาหรือว่าเป็นบ้าไปเสียแล้ว?” เปล่าเลย

424

34. ชีบา

บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในวันโลกหน้าต่างหากที่จะถูกลงโทษและพวกเขาอยู่ ในการหลงผิดไปไกลลิบ 9 พวกเขาไม่สังเกตถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขา จากฟากฟ้าและแผ่นดิน ทั้งข้างหน้าและข้างหลังพวกเขากระนั้นหรือ? ถ้าหากเราประสงค์ เราสามารถที่จะทำ�ให้พวกเขาจมลงไปในแผ่นดิน หรือทำ�ให้บางส่วนของท้องฟ้าถล่มลงมาบน พวกเขาก็ได้ แท้จริง ในนั้น มีสัญญาณหนึ่งสำ�หรับบ่าวผู้หันมายังเรา 10 เราได้ประทานความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่แก่ดาวูด เราได้บัญชา ว่า “โอ้ภูเขาและนก จงร่วมกับเขาในการสดุดีเรา” เราได้ท�ำ ให้เหล็กอ่อน สำ�หรับเขา 11 (โดยกล่าวว่า) “จงทำ�เสื้อเกราะและสวมใส่ห่วงให้เหมาะสม และจงทำ�ความดี แน่นอน ฉันเห็นทุกสิ่งที่เจ้าทำ�” 12 สำ�หรับสุลัยมาน เราได้ท�ำ ให้เขามีอ�ำ นาจควบคุมกระแสลมที่พัด สำ�หรับการเดินทางหนึ่งเดือนในตอนเช้าและการเดินทางหนึ่งเดือนใน ตอนเย็น และเราได้ทำ�ให้ตาน้�ำ ทองแดงหลอมละลายออกมาให้เขา และ ได้ทำ�ให้มีอำ�นาจควบคุมญินที่ทำ�งานรับใช้เขาโดยพระบัญชาของพระ ผู้อภิบาลของเขา และใครก็ตามในหมู่พวกมันที่บ่ายเบี่ยงจากคำ�บัญชา ของรา เราจะทำ�ให้มันได้ลิ้มรสไฟที่ลุกโชน 13 พวกมันได้ท�ำ ทุกอย่างให้ เขาตามที่เขาต้องการ เช่น หอสูง รูปจำ�ลอง ถ้วยชามเหมือนอ่างน้�ำ และ หม้อหุงต้มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กับที่ เรากล่าวว่า “ผู้คนของดาวูดเอ๋ย จง ขอบคุณเถิด เพราะบ่าวของฉันส่วนน้อยเท่านั้นที่กตัญญู” 14 เมื่อเราได้กำ�หนดความตายแก่สุลัยมาน ไม่มีอะไรที่บอกให้พวก ญินได้รู้ถึงการตายของเขานอกจากพวกตัวปลวกที่กัดกินไม้เท้าของเขา เมื่อเขาล้มลง พวกญินจึงประจักษ์ว่าถ้าพวกมันรู้ถึงสิ่งที่มองไม่เห็น พวก มันจะไม่ต้องมาทนทรมานทำ�งานอย่างอดสูต่อไป 15 สำ�หรับผู้คนของชีบานั้นมีสัญญาณหนึ่งในที่อยู่อาศัยของพวกเขา นั่นคือสวนสองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ทางด้านขวาและอีกแห่งหนึ่งทางด้าน ซ้าย เราได้บอกพวกเขาว่า “จงกินจากที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าประทาน

สะบะอ์

425

มาและจงขอบคุณพระองค์ สูเจ้ามีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์และพระผู้ อภิบาลผู้ทรงอภัย” 16 แต่พวกเขากลับหันหลังให้(สัจธรรม) ดังนั้น เรา จึงได้ทำ�ให้น�้ำ จากเขื่อนไหลท่วมพวกเขา และเราได้เปลี่ยนสวนทั้งสอง ของพวกเขาด้วยสวนอีกสองแห่งที่ให้ผลไม้ขมและต้นไม้พุ่มเตี้ยและพุ่ม หนามอีกเล็กน้อย 17 นี่แหละคือการตอบแทนของเราเพราะการที่พวกเขา เนรคุณ และเราไม่ลงโทษเช่นนั้นแก่ผู้ใดนอกไปจากผู้เนรคุณ 18 ระหว่างพวกเขาและเมืองทั้งหลายที่เราได้ประทานความจำ�เริญให้ ในนั้น เราได้ให้มีเมืองอื่นๆตั้งอยู่ใกล้กัน และระหว่างเมืองเหล่านั้น เราได้ กำ�หนดระยะการเดินทางของมันไว้ โดยกล่าวว่า “จงเดินทางบนเส้นทาง เหล่านี้ทั้งกลางคืนและกลางวันโดยปลอดภัยเถิด” 19 แต่พวกเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงให้การเดินทางของเรายาวกว่านี้เถิด” ดังนั้น พวกเขาจึงอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง และเราได้ท�ำ ให้พวกเขา กลายเป็นตำ�นานและแตกกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน แท้จริงแล้ว ใน นั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับผู้อดทนและผู้กตัญญู 20 ซาตานพบว่าการคาดคะเนของมันถูกต้องและพวกเขาก็ตามมัน ยกเว้นผู้ศรัทธาที่แท้จริงซึ่งมีอยู่น้อย 21 แต่มันไม่มีอ�ำ นาจใดๆเหนือพวก เขา เราเพียงแค่ต้องการที่จะดูว่าใครเป็นผู้ศรัทธาในโลกหน้าและใครที่ สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง 22 (โอ้นบี) จงกล่าวแก่ผู้ตั้งภาคีว่า “จงวิงวอนต่อบรรดาสิ่งที่พวกท่าน เคารพสักการะแทนพระเจ้า พวกมันมิได้เป็นเจ้าของสิ่งใดแม้แต่น�้ำ หนัก เพียงอณูเดียวในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพวกมันมิได้มีส่วนใดๆ ในทั้งสองนั้น และไม่มีผู้ใดจากพวกมันเป็นผู้ช่วยเหลือพระองค์ 23 การขอ ไถ่โทษใดๆต่อพระเจ้าจะไม่อำ�นวยประโยชน์แก่ผู้ใดนอกจากผู้ที่พระองค์ ทรงอนุมัติ เมื่อหัวใจของพวกเขาผ่อนคลายจากความกลัวแล้ว พวกเขา จะถามผู้ได้รับอนุญาตให้ขอไถ่โทษว่า “พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้

426

34. ชีบา

ตอบว่าอย่างไร?” พวกเขาจะกล่าวว่า “เป็นความจริง และพระองค์เป็น ผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่” 24 (โอ้นบี) จงถามพวกเขาว่า “ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังแก่พวก ท่านจากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน?” จงกล่าวเถิด “พระเจ้า ไม่เราก็ พวกท่านที่อยู่บนทางนำ�หรือในการหลงผิดอย่างชัดเจน” 25 จงบอกพวก เขาว่า “พวกท่านจะไม่ถูกสอบถามถึงบาปของเรา และเราก็จะไม่ถูก สอบถามถึงสิ่งที่พวกท่านทำ�” 26 จงบอกพวกเขา “พระผู้อภิบาลของเรา จะรวมพวกเราเข้าด้วยกัน หลังจากนั้น พระองค์ก็จะทรงตัดสินระหว่าง เราอย่างถูกต้อง พระองค์เป็นผู้ทรงตัดสินโดยเด็ดขาด ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง” 27 จงบอกพวกเขาว่า “จงนำ�สิ่งที่พวกท่านตั้งเป็นภาคีกับพระองค์มาให้ ฉันได้เห็นหน่อยซิ” ไม่เลย พระองค์เท่านั้นคือพระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ 28 (โอ้นบี) เราได้ส่งเจ้ามาเพื่อเป็นผู้นำ�ข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน สำ�หรับมนุษยชาติทั้งหมด แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ 29 พวกเขาถาม ว่า “เมื่อใดสัญญานี้จะเป็นจริงถ้าหากว่าท่านพูดจริง?” 30 จงกล่าวเถิด ว่า “สำ�หรับพวกท่านนั้น วันนั้นได้ถูกกำ�หนดเอาไว้แล้วซึ่งพวกท่านไม่ สามารถที่จะหน่วงเหนี่ยวมันไว้หรือจะเร่งมันสักยามก็ไม่ได้” 31 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวว่า “เราจะไม่ศรัทธาในกุรอานนี้และ จะไม่ศรัทธาในคัมภีร์อื่นใดก่อนหน้านี้ด้วย” ถ้าเจ้าได้เห็นคนชั่วพวกนี้ ในตอนที่พวกเขายืนอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาต่าง คนต่างจะตำ�หนิกันเอง บรรดาผู้อ่อนแอจะกล่าวแก่ผู้ที่ทำ�ตัวเป็นใหญ่ว่า “ถ้ามิใช่เพราะพวกเจ้า เราก็คงเป็นผู้ศรัทธาแล้ว” 32 บรรดาผู้ทำ�ตัวเป็น ใหญ่จะกล่าวแก่ผู้อ่อนแอว่า “เราขัดขวางพวกเจ้าจากทางนำ�กระนั้นหรือ เมื่อมันได้มายังพวกเจ้า? เปล่าเลย พวกเจ้าเองต่างหากที่เป็นคนผิด” 33 บรรดาผู้อ่อนแอจะกล่าวแก่บรรดาผู้ทำ�ตัวเป็นใหญ่ว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น แต่เพราะแผนการของพวกเจ้าทั้งกลางคืนและกลางวันเมื่อพวกเจ้าสั่ง

สะบะอ์

427

พวกเราให้ปฏิเสธพระเจ้าและตั้งสิ่งอื่นเป็นภาคีกับพระองค์” ในที่สุด เมื่อ พวกเขาเห็นการลงโทษ พวกเขาจะสำ�นึกผิดในหัวใจของพวกเขาและเรา จะคล้องคอบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมไว้ พวกเขาจะถูกลงโทษตามสัดส่วน ความผิดของพวกเขา 34 ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราส่งผู้ตักเตือนคนใดมายังเมืองใด คนที่มี อันจะกินในเมืองนั้นได้กล่าวว่า “เราไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านนำ�มา” 35 พวก เขามักจะกล่าวว่า “พวกเรามีทรัพย์สินและลูกหลานมากมาย และเราจะ ไม่มีวันถูกลงโทษ” 36 (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พระผู้อภิบาลของ ฉันทรงประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรง ประทานเพียงเล็กน้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ เรื่องนี้” 37 ไม่ใช่ทรัพย์สินของสูเจ้าและลูกหลานของสูเจ้าที่นำ�สูเจ้าเข้า มาใกล้เรา บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีต่างหากที่จะได้รับรางวัล ตอบแทนเป็นสองเท่าสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ�ไว้ และพวกเขาจะอยู่ ในวิมานสูงอันสงบ 38 ส่วนบรรดาผู้พยายามขัดขวางสาสน์ของเราเพื่อที่ จะทำ�ลายวัตถุประสงค์ของมันนั้น พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างหนัก 39 (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันทรงประทานปัจจัยอย่าง มากมายจากหลายทางแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงประทานมันอย่างน้อยนิดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอะไร ก็ตามที่พวกท่านใช้จ่ายไป พระองค์จะทดแทนให้ และพระองค์ทรงเป็น เลิศที่สุดในบรรดาผู้ประทานปัจจัย” 40 ในวันที่พระองค์ทรงรวมมนุษยชาติทั้งหมดไว้ด้วยกันนั้น พระองค์ จะทรงถามทูตสวรรค์ว่า “พวกเขาเหล่านี้หรือที่เคารพสักการะพวกเจ้า?” 41 พวกเขาจะตอบว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ พระองค์คือผู้ทรง คุ้มครองเรา เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา ความจริงแล้ว พวกเขา เคารพสักการะญินต่างหาก พวกญินนั่นแหละที่ส่วนมากของพวกเขา ศรัทธา” 42 (ในตอนนั้น เราจะกล่าวว่า) “วันนี้ สูเจ้าไม่สามารถที่จะให้คุณ

428

34. ชีบา

และให้โทษแก่กันและกันได้” และเราจะกล่าวแก่บรรดาผู้ทำ�ผิดว่า “ตอนนี้ จงลิ้มรสการลงโทษที่สูเจ้าเคยปฏิเสธมาตลอด” 43 เมื่อใดก็ตามที่สาสน์อันชัดเจนของเราได้ถูกนำ�มายังพวกเขา พวก เขากล่าวว่า “คนผู้นี้(มุฮัมมัด)เพียงแต่ต้องการที่จะหันพวกเจ้าออกไป จากสิ่งที่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านเคารพสักการะมาก่อน” และ พวกเขากล่าวว่า “นี่(กุรอาน)มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องเท็จที่กุขึ้นมา” เมื่อสัจธรรมมาปรากฏต่อหน้าบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเหล่านี้ พวกเขา กล่าวว่า “นี่มิใช่อะไรนอกไปจากเวทมนต์คาถาเท่านั้น” 44 เราไม่ได้ให้ คัมภีร์แก่พวกเขาก่อนหน้านี้เพื่อที่พวกเขาจะได้เรียนและเราก็มิได้ส่ง ผู้ตักเตือนคนใดมาก่อนหน้าเจ้า 45 บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาเคย ปฏิเสธสัจธรรมเช่นกัน คนเหล่านี้ไม่ได้รับแม้แต่หนึ่งในสิบของสิ่งที่เรา ได้ประทานแก่ผู้คนก่อนหน้านี้ แต่เมื่อพวกเขาถือว่าบรรดาศาสนทูตของ เราเป็นผู้โกหก ดังนั้น จงดูเถิดว่าการลงโทษของฉันจะน่าสะพรึงกลัว อย่างไร 46 (โอ้นบี) จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “ฉันขอให้พวกท่านทำ�สิ่งหนึ่ง นั่น คือจงยืนขึ้นต่อหน้าพระเจ้าเป็นคู่หรือลำ�พังคนเดียวก็ได้และตรึกตรอง ดู พวกท่านจะรู้ว่าสหายของพวกท่านไม่ได้บ้า แท้จริง เขาเป็นแค่เพียง ผู้ตักเตือนยังพวกท่านก่อนที่การลงโทษอันสาหัสจะมา” 47 จงกล่าวแก่ พวกเขาว่า “ถ้าฉันขอสิ่งตอบแทนอะไรจากพวกท่าน พวกท่านจงเก็บมัน ไว้ เพราะสิ่งตอบแทนของฉันอยู่ที่พระเจ้าและพระองค์ทรงเป็นพยานต่อ ทุกสิ่ง” 48 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า “แท้จริง พระผู้อภิบาลของฉันทรงขว้าง ความจริงออกมา(ยังความเท็จ) และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่มอง ไม่เห็นทั้งปวง” 49 จงกล่าวเถิดว่า “สัจธรรมได้มาแล้วและจะดำ�รงอยู่ต่อ ไป ส่วนความเท็จไม่อาจก่อให้เกิดสิ่งดีใดๆและจะไม่ท�ำ ความดีให้เกิดขึ้น อีก” 50 จงกล่าวเถิดว่า “ถ้าหากฉันหลงผิด ภาระแห่งการหลงผิดจะตก

อัล-ฟาฏิรฺ

429

อยู่บนตัวฉันเอง และถ้าหากฉันอยู่ในทางนำ�ที่ถูกต้อง นั่นก็เพราะพระผู้ อภิบาลของฉันทรงเปิดเผยความจริงแก่ฉัน แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรง ได้ยินทุกสิ่งและผู้ทรงอยู่ใกล้เสมอ 51 ถ้าหากเจ้าเห็นผู้ปฏิเสธสัจธรรมในตอนที่พวกเขาอยู่ในภาวะตื่น ตระหนกและพวกเขาไม่อาจหนีรอดไปได้ แต่พวกเขาจะถูกกระชากตัว จากสถานที่ใกล้ๆ 52 แล้วพวกเขาจะกล่าวว่า “เราศรัทธาในพระองค์แล้ว” แต่พวกเขาจะได้รับความศรัทธาอย่างไรในเมื่อพวกเขาออกห่างจากมัน ไปไกลแล้ว? 53 ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ปฏิเสธและเคยนึกเดาเอาโดยไม่มี ความรู้ที่แท้จริง 54 และระหว่างพวกเขากับความต้องการของพวกเขาจะ มีสิ่งกีดขวางวางไว้ดังที่เคยทำ�ในอดีตกับคนที่เป็นเหมือนพวกเขา เพราะ พวกเขาอยู่ในการสงสัยที่ทำ�ให้หลงผิด 35. ผู้สร้าง

อัล-ฟาฏิรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และผู้ทรงแต่งตั้งทูตสวรรค์ที่มีปีกสองคู่หรือสามคู่หรือสี่คู่ ให้ เป็นผู้นำ�สาสน์ของพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ตามพระประสงค์ของพระองค์ แน่นอน พระเจ้าทรงมีพลานุภาพเหนือทุก สิ่ง 2 ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งความจำ�เริญที่พระเจ้าทรงประทานแก่ผู้ใด และอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงยับยั้งไว้ ไม่มีผู้ใดสามารถให้มันได้นอกจาก พระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงปรีชาญาณ 3 มนุษย์เอ๋ย จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมีต่อสูเจ้า มีผู้สร้างอื่นใดนอกไปจากพระเจ้าอีกกระนั้นหรือที่ประทานปัจจัยยังชีพ

430

35. ผู้สร้าง

แก่สูเจ้าจากฟากฟ้าและแผ่นดิน? ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วทำ�ไมสูเจ้าจึงถูกหันไปจากความจริง? 4 (โอ้นบี) ถ้าหากคนเหล่านี้ ปฏิเสธ (นั่นก็มิใช่เรื่องใหม่) ศาสนทูตต่างๆก่อนหน้าเจ้าก็เคยถูกหาว่า เป็นคนโกหกมาแล้วเช่นกัน และในที่สุดแล้ว การงานทั้งหลายจะถูกนำ� กลับไปยังพระเจ้า 5 มนุษย์เอ๋ย แท้จริงสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงเสมอ* ดังนั้น จงอย่าให้ ชีวิตแห่งโลกนี้มาหลอกลวงสูเจ้า และจงอย่าให้ผู้หลอกลวงมาหลอกลวง สูเจ้าเกี่ยวกับพระเจ้า 6 แท้จริง ซาตานนั้นเป็นศัตรูของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้า จงถือว่ามันเป็นศัตรูของสูเจ้าด้วยเช่นกัน มันกำ�ลังเรียกร้องพวกพ้องของ มันไปสู่หนทางของมัน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้เป็นผู้อาศัยอยู่ ในนรก 7 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง ส่วน บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีจะได้รับการให้อภัยและรางวัลอันยิ่ง ใหญ่ 8 คนที่คิดว่าการทำ�ความชั่วของตัวเองถูกทำ�ให้ดูสวยหรูเพื่อที่เขาจะ ดูว่ามันเป็นความดีนั้น(เท่ากับคนที่ได้รับทางนำ�ที่ถูกต้อง)กระนั้นหรือ? แท้จริง พระเจ้าจะทรงปล่อยให้คนที่พระองค์ทรงประสงค์หลงผิด และจะ ทรงนำ�ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง ดังนั้น (โอ้นบี) จง อย่าทำ�ลายตัวเจ้าเองด้วยความเศร้าโศกเสียใจเพราะคนเหล่านี้ พระเจ้า ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากำ�ลังกระทำ�อยู่ 9 พระเจ้าคือผู้ทรงส่งลมทั้งหลายให้พัดไปเพื่อที่มันจะหอบเอาก้อน * การตายอย่างฉับพลัน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแผ่นดินไหว และเหตุการณ์อื่นๆในทำ�นองนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่ความเป็น อยู่ที่สงบของมนุษย์ เหตุการณ์เหล่านี้ในความเป็นจริงแล้วล้วนเตือนให้ นึกถึงวันสิ้นโลกก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง แต่ซาตานเบี่ยงเบนความสนใจ ของมนุษย์โดยกล่าวว่าเหตุการณ์เหล่านี้มีสาเหตุทางธรรมชาติ มิใช่เกิด จากการแทรกแซงของพระเจ้า

อัล-ฟาฏิรฺ

431

เมฆขึ้นมา แล้วเราได้ให้เมฆลอยไปยังดินแดนที่แห้งแล้ง แล้วเมฆนั้นได้ ทำ�ให้แผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่มันได้ตายไป การฟื้นคืนชีพก็เช่น เดียวกันนี้แหละ 10 ใครก็ตามที่แสวงหาเกียรติยศ จงรู้ไว้เถิดว่าเกียรติยศ นั้นเป็นของพระเจ้า เฉพาะถ้อยคำ�ที่ดีเท่านั้นจะขึ้นไปถึงพระองค์ และ การงานที่ดีต่างหากที่ได้รับการยกย่องโดยพระองค์ ส่วนผู้ที่วางแผนชั่ว ร้ายนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง และแผนการของพวก เขาจะย่อยยับ 11 พระเจ้าทรงสร้างสูเจ้ามาจากฝุ่นดิน หลังจากนั้น ก็จาก เชื้ออสุจิ หลังจากนั้นได้ทรงทำ�ให้สูเจ้าเป็นคู่ (นั่นคือเพศชายและเพศ หญิง) ไม่มีผู้หญิงคนใดที่ตั้งครรภ์และคลอดโดยที่พระองค์ไม่รู้ และไม่มี ชีวิตของคนใดถูกยืดให้ยาวออกไปหรือถูกทำ�ให้สั้นลงนอกจากมันได้ถูก บันทึกไว้แล้ว นี่เป็นสิ่งง่ายดายสำ�หรับพระเจ้า 12 ทะเลสองแห่งไม่เหมือนกัน น้�ำ จากแห่งหนึ่งจืดสนิทและดับ กระหายเป็นที่น่าดื่ม ในขณะที่อีกแห่งหนึ่งเค็มจัด แต่จากทะเลทั้งสองนั้น สูเจ้าจะได้กินเนื้อสดและได้เครื่องประดับจากมันมาสวมใส่ และในแหล่ง น้ำ�เดียวกันนี้เองที่สูเจ้าเห็นเรือมากมายแล่นฝ่าผิวน้�ำ ไป ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้า จะได้แสวงหาความโปรดปรานและเพื่อสูเจ้าจะได้ขอบคุณ 13 พระองค์ ทรงทำ � ให้ ก ลางคื น ผ่ า นเข้ า ไปในกลางวั น และกลางวั น ผ่ า นเข้ า ไปใน กลางคืน พระองค์ทรงทำ�ให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปตามเวลา ที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ พระเจ้าองค์เดียวกันนี้แหละที่เป็นพระผู้อภิบาลของ สูเจ้า อำ�นาจสูงสุดเป็นของพระองค์ สิ่งทั้งหลายที่สูเจ้าวิงวนนอกไปจาก พระองค์นั้นมิได้เป็นเจ้าของแม้แต่ผิวของเมล็ดอินทผลัม 14 ถ้าหากสูเจ้า วิงวอนพวกมัน พวกมันไม่อาจได้ยินการวิงวอนของสูเจ้า และถ้าหาก พวกมันได้ยิน พวกมันก็ไม่สามารถตอบสูเจ้าได้ และในวันแห่งการฟื้น คืนชีพ พวกมันจะปฏิเสธการที่สูเจ้าตั้งพวกมันเป็นพระเจ้า ไม่มีใครบอก ให้สูเจ้ารู้ถึงเรื่องนี้ได้นอกจากผู้ทรงรอบรู้ 15 มนุษย์เอ๋ย สูเจ้าเองต่างหากที่ต้องการพระเจ้า ส่วนพระเจ้านั้น

432

35. ผู้สร้าง

ทรงมีอย่างเหลือหลาย และทรงได้รับการสรรเสริญ 16 หากพระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์สามารถที่จะขจัดสูเจ้าออกไปและนำ�ชนรุ่นใหม่มาแทน สูเจ้าได้ 17 นั่นไม่ใช่เรื่องยากสำ�หรับพระเจ้าแต่ประการใดเลย 18 ไม่มีผู้ แบกภาระคนใดจะแบกภาระของอีกคนหนึ่งได้ และถ้าหากชีวิตที่แบก ภาระอยู่แล้วจะร้องขอความช่วยเหลือ ก็ไม่มีใครออกมาช่วยแบกภาระ ของเขาได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติสนิทก็ตาม (โอ้นบี) เจ้าสามารถเตือนได้ ก็แต่บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็น พระองค์และพวกเขาดำ�รงนมาซ และใครก็ตามที่ขัดเกลาตนเอง เขาก็ ขัดเกลาเพื่อตัวของเขาเอง และยังพระเจ้าที่ทุกสิ่งจะกลับไป 19 คนตาบอดกับคนตาดีนั้นย่อมไม่เหมือนกัน 20 และความมืดกับ แสงสว่างนั้นก็ย่อมไม่เหมือนกัน 21 ที่ร่มเย็นกับที่ร้อนก็ไม่เหมือนกัน 22 คนเป็นกับคนตายก็ย่อมไม่เหมือนกัน พระเจ้าทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ได้ยินพระองค์ แต่(โอ้นบี) เจ้าไม่สามารถทำ�ให้ผู้ที่ถูกฝังอยู่ใน สุสานได้ยินเจ้า 23 แท้จริง เจ้าเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น 24 เราได้ส่ง เจ้ามาพร้อมกับสัจธรรมในฐานะเป็นผู้บอกข่าวดีและผู้ตักเตือน และไม่มี ประชาชาติใดที่ไม่มีผู้ตักเตือนถูกส่งมา 25 ทีนี้ ถ้าหากพวกเขาปฏิเสธ เจ้า คนที่มาก่อนหน้าพวกเขาก็เคยปฏิเสธ(ศาสนทูตของพวกเขา)เช่นกัน ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณต่างๆอันชัดเจน กับบันทึกต่างๆและกับคัมภีร์ที่เป็นแสงสว่างแห่งปัญญา 26 ในที่สุด ฉัน ได้ลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม และการลงโทษของฉันนั้นสาหัสจริงๆ 27 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงให้น้ำ�หลั่งลงมาจากท้องฟ้าและ เราได้ท�ำ ให้พืชผลชนิดต่างๆหลากสีสันงอกเงยออกมาด้วยน้�ำ นั้น? ใน ภูเขามีชั้นหินที่มีสีสันต่างๆ เช่น สีขาว สีแดงและสีดำ� 28 ในทำ�นอง เดียวกัน ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างๆ และปศุสัตว์ก็มีสีสันแตกต่างกัน แท้จริง แล้ว บรรดาผู้มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้นที่เกรงกลัว พระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงให้อภัยเสมอ

อัล-ฟาฏิรฺ

433

บรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของพระเจ้าและดำ�รงนมาซและใช้จ่ายจากสิ่ง ที่เราได้ประทานแก่พวกเขาทั้งโดยลับและโดยเปิดเผยนั้น พวกเขาหวัง การแลกเปลี่ยนที่ไม่มีการขาดทุนเลย 30 พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัล ของพวกเขาโดยครบถ้วนและเพิ่มพูนความโปรดปรานของพระองค์แก่ พวกเขา แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นผู้ให้อภัยและทรงเป็นผู้ชื่นชม 31 (โอ้นบี) คัมภีร์ที่เราได้ประทานแก่เจ้านั้นคือสัจธรรมที่ยืนยันบรรดาคัมภีร์ก่อน หน้านี้ แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ดีและทรงเฝ้าดูปวงบ่าวของพระองค์ 32 เราได้ประทานคัมภีร์แก่บ่าวของเราที่เราได้เลือกไว้ บางคนในหมู่ พวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง บางคนอยู่ครึ่งๆกลางๆ(ระหว่าง ถูกและผิด) บางคนเหนือกว่าคนอื่นในการทำ�ความดีด้วยการอนุมัติของ พระเจ้า นี่คือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า 33 พวกเขาจะได้ เข้าสวรรค์อันนิรันดรซึ่งในนั้น พวกเขาจะได้รับการประดับด้วยกำ�ไลทอง และไข่มุก และเสื้อผ้าของพวกเขาในนั้นจะเป็นผ้าไหม 34 พวกเขาจะ กล่าวว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงขจัดความทุกข์โศก ไปจากเรา แท้จริง พระผู้อภิบาลของเราเป็นผู้ทรงให้อภัยและผู้ทรงชื่นชม 35 ผู้ทรงให้เราได้เข้าไปพักในที่พำ�นักอันถาวร ด้วยความโปรดปรานของ พระองค์ ในนั้น เราไม่พบการทดสอบและความเบื่อหน่ายใดๆ” 36 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะยังคงอยู่ในไฟนรกที่ไม่มีการ กำ�หนดความตายไว้สำ�หรับพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่อาจหนีรอด โดยความตาย นั่นแหละที่เราตอบแทนผู้เนรคุณทุกคน 37 ในที่นั้น พวก เขาจะร้องตะโกนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดนำ�เราออกไปจากที่นี่ ด้วยเถิด เพื่อที่เราจะได้ท�ำ ดีและทำ�ตัวแตกต่างไปจากที่เราเคยทำ�” แต่ พระองค์จะตอบว่า “เรามิได้ให้สูเจ้ามีชีวิตยืนยาวพอที่จะนึกถึงข้อตัก เตือนกระนั้นหรือ? และผู้เตือนได้มายังสูเจ้าแล้ว ดังนั้น ตอนนี้สูเจ้าจงลิ้ม รส(การลงโทษ)เถิด” สำ�หรับผู้ทำ�ความผิดนั้นไม่มีผู้ช่วยเหลือ 38 แน่นอน พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับทุกอย่างทั้งในชั้นฟ้าทั้ง 29

434

35. ผู้สร้าง

หลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงรู้แม้กระทั่งความลับที่ถูกปิดบังไว้ใน หัวอก 39 พระองค์เป็นผู้ทรงทำ�ให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอดโลกนี้ ดังนั้น ใคร ก็ตามที่ปฏิเสธพระองค์ เขาผู้นั้นต้องแบกรับภาระแห่งการปฏิเสธของ เขาไว้ และสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น การปฏิเสธสัจธรรมของเขามีแต่จะ เพิ่มพูนความกริ้วของพระองค์ มันมีแต่จะทำ�ให้การขาดทุนของพวกเขา เพิ่มมากขึ้น* 40 (โอ้นบี) จงถามพวกเขาว่า “พวกท่านเคยพิจารณาบรรดาสิ่งที่พวก ท่านตั้งขึ้นมาเป็นภาคีและวิงวอนนอกไปจากพระเจ้าบ้างไหม? ชี้ให้ฉัน เห็นหน่อยซิว่าพวกมันสร้างอะไรขึ้นมาบ้างในแผ่นดินนี้ หรือมันมีส่วน อะไรในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย?” หรือเราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขา แล้วเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำ�ตามหลักฐานจากมันใช่ไหม? แท้จริง สัญญา ของพวกคนทำ�ผิดที่มีต่อกันนั้นไม่มีอะไรนอกไปจากการหลอกลวงซึ่งกัน และกัน 41 แน่นอน พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงค้�ำ จุนชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินไว้เพื่อมิให้มันเบี่ยงเบน(ออกไปจากวงโคจรของมัน) และถ้ามันเบี่ยง เบนออกไป ก็ไม่มีใครสามารถค้�ำ จุนมันได้นอกไปจากพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงขันติ ผู้ทรงให้อภัย 42 พวกเขาได้สาบานต่อพระเจ้าอย่างหนักแน่นว่าถ้าหากมีผู้ตักเตือน คนใดมายังพวกเขา พวกเขาจะเป็นประชาชาติที่ได้รับทางนำ�ถูกต้องยิ่ง กว่าประชาชาติอื่นอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ตักเตือนมายังพวกขาแล้ว มัน มีแต่ทำ�ให้พวกเขาหันหลังให้สัจธรรมมากขึ้น 43 พวกเขาเริ่มทำ�ตัวหยิ่ง * ในอายะฮฺนี้ การได้รับ “แผ่นดินเพื่อสืบททอด” (เคาะลีฟะฮฺ) หมายความว่า “หลังจากการเกิดขึ้นของชาติต่างๆก่อนหน้านี้ สูเจ้าได้ ถูกนำ�มาตั้งถิ่นฐานบนแผ่นดินแทนพวกเขา” มันเป็นวิธีการของพระเจ้า ที่พระองค์ให้โอกาสชาติหนึ่งมาตั้งถิ่นฐานและสร้างความก้าวหน้าบนโลก หลังจากนั้น เมื่อมีการพิสูจน์ได้ว่าชนชาตินั้นไม่มีความสามารถ พระองค์ จะนำ�ชาติอื่นมาแทน

ยาซีน

435

ยโสมากขึ้นในแผ่นดินและวางแผนร้าย แต่แผนร้ายนั้นมิได้เป็นภัยต่อผู้ ใดนอกไปจากพวกที่วางแผนนั้นเอง แล้วพวกเขายังจะเฝ้าคอยอะไรอีก นอกไปจากสิ่งเดียวกับที่คนก่อนหน้านี้(คนทำ�บาป)ได้รับ? เจ้าจะไม่พบ การเปลี่ยนแปลงใดๆในแนวทางของพระเจ้า และจะไม่พบว่าอำ�นาจอะไร สามารถที่จะเปลี่ยนแนวทางของพระเจ้าให้เป็นอย่างอื่นได้ 44 พวกเขาไม่ เคยท่องไปในแผ่นดินแล้วดูว่าวาระสุดท้ายของคนก่อนหน้าพวกเขานั้น เป็นอย่างไรบ้างหรือทั้งๆที่คนเหล่านั้นมีอำ�นาจเข้มแข็งยิ่งกว่าพวกเขา เสียด้วยซ้�ำ ? ไม่มีสิ่งใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินที่สามารถขัดขวาง (แผนการของ)พระเจ้าได้ พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งและทรงมีอำ�นาจเหนือ ทุกสิ่ง 45 ถ้าหากพระเจ้าจะทรงลงโทษมนุษย์ในความผิดที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใดๆหลงเหลือไว้บนหน้าแผ่นดิน นี้ แต่พระองค์ทรงผ่อนผันเวลาให้พวกเขาจนถึงเวลาที่ก�ำ หนดไว้ ดังนั้น เมื่อเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ส�ำ หรับพวกเขามาถึง พวกเขาจะรู้ว่าพระองค์ ทรงเฝ้ามองบรรดาบ่าวของพระองค์อยู่ 36. ยาซีน

ยาซีน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ยาซีน 2 ขอสาบานด้วยอัลกุรอานที่เปี่ยมไปด้วยวิทยปัญญา 3 แท้จริง เจ้าเป็น หนึ่งในบรรดาศาสนทูต 4 บนแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง 5 กับสิ่งที่ถูก ประทานมาโดยพระผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตา 6 เพื่อที่เจ้าจะได้เตือนหมู่ ชนที่บรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้ถูกเตือน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้

436

36. ยาซีน

คำ�พูดนี้ได้รับการพิสูจน์ไปแล้วว่าเป็นจริงต่อคนส่วนใหญ่ของพวก เขา พวกเขาจะไม่ศรัทธา 8 เราได้คล้องคอพวกเขาด้วยโซ่ที่ห้อยลง มายังคางของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถก้มหัวของพวกเขาได้ 9 และเราได้วางเครื่องกีดขวางไว้ข้างหน้าพวกเขาและเครื่องกีดขวางไว้ ข้างหลังพวกเขา แล้วเราได้ครอบพวกเขาไว้เพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถ มองเห็นได้ 10 ไม่ว่าเจ้าจะตักเตือนพวกเขาหรือไม่ มันก็มีผลเท่ากัน สำ�หรับพวกเขา พวกเขาจะไม่ศรัทธา 11 เจ้าสามารถเตือนได้ก็แต่เพียง ผู้ที่ปฏิบัติตามคำ�ตักเตือนและเกรงกลัวพระผู้ทรงกรุณาปรานีเท่านั้น จง แจ้งข่าวดีแก่พวกเขาถึงเรื่องการให้อภัยและรางวัลอันมีเกียรติ 12 แน่นอน วันหนึ่ง เราจะทำ�ให้คนตายกลับฟื้นคืนชีวิต เรากำ�ลัง บันทึกการกระทำ�ทั้งหมดที่พวกเขาส่งมาล่วงหน้าและสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ ข้างหลัง เราได้บันทึกทุกสิ่งไว้ในบันทึกอันชัดแจ้งแล้ว 13 จงยกตัวอย่างให้พวกเขาถึงเรื่องราวของผู้คนที่บรรดาศาสนทูต ของเราได้มายังเมืองของพวกเขา 14 เมื่อเราได้ส่งศาสนทูตสองคนไป ยังพวกเขาและพวกเขาได้ปฏิเสธศาสนทูตทั้งสองนั้น ดังนั้น เราจึงได้ ส่งศาสนทูตคนที่สามไปเพื่อทำ�ให้ศาสนทูตทั้งสองเข้มแข็งขึ้น พวกเขา กล่าวว่า “เราถูกส่งมา(โดยพระเจ้า)ยังพวกท่านในฐานะศาสนทูต” 15 แต่ ผู้คนได้กล่าวว่า “พวกท่านมิได้เป็นอะไรมากไปกว่ามนุษย์เหมือนอย่าง พวกเรา และพระผู้ทรงกรุณาปรานีไม่ได้ประทานสิ่งใดมา พวกท่านมิได้ มีอะไรนอกไปจากการโกหก” 16 ศาสนทูตจึงกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของ เราทรงรู้ดีว่าเราถูกส่งมายังพวกท่าน 17 และเราไม่มีหน้าที่อะไรนอกไป จากนำ�สาสน์มาประกาศอย่างชัดเจนเท่านั้น” 18 แต่ผู้คนตอบว่า “เรา ถือว่าพวกท่านเป็นลางร้ายสำ�หรับพวกเรา ถ้าหากพวกท่านไม่หยุดยั้ง (จากสิ่งนี้) เราจะเอาหินขว้างพวกท่านและพวกท่านจะได้รับการลงโทษ อันเจ็บปวดจากเรา” 19 ศาสนทูตจึงกล่าวว่า “ลางร้ายของพวกท่านนั้นอยู่ 7

437

กับพวกท่านเอง พวกท่านกล่าวเช่นนี้เพราะพวกท่านได้ถูกตักเตือนมา แล้วมิใช่หรือ? ความจริงแล้ว พวกท่านเป็นหมู่ชนที่ฝ่าฝืนทุกอย่าง” 20 หลังจากนั้น มีชายคนหนึ่งจากส่วนที่ไกลของเมืองได้วิ่งมาถึงและ กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงปฏิบัติตามบรรดาศาสนทูตเหล่านี้เถิด 21 จงปฏิบัติตามผู้ที่มิได้เรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกท่านและพวก เขาเป็นผู้ที่อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง” 22 “ทำ�ไมเล่าที่ฉันจะไม่เคารพสักการะผู้ทรงสร้างฉันและผู้ที่พวกท่าน ทั้งหลายจะถูกนำ�กลับไป? 23 จะให้ฉันยึดถือสิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ เป็นพระเจ้ากระนั้นหรือ? ถ้าพระผู้ทรงกรุณาปรานีจะให้ฉันได้รับความ ทุกข์ภัยใดๆ การขอไถ่โทษของพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถอำ�นวยประ โยชน์ใดๆแก่ฉันได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยฉันให้รอดได้ 24 ถ้าหาก ฉันทำ�เช่นนั้น ฉันต้องตกอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง 25 ฉันศรัทธาใน พระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านควรฟังฉัน” 26 เราได้กล่าว แก่เขาว่า “จงเข้าสวรรค์เถิด” และเขาได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันน่าจะได้ รู้ 27 ถึงการที่พระผู้อภิบาลของฉันได้ทรงให้อภัยฉันและทรงรวมฉันไว้ใน บรรดาผู้มีเกียรติ” 28 หลังจากเขาแล้ว เราไม่ได้ส่งไพร่พลใดๆจากฟากฟ้ามายังหมู่ ชนของเขาและเราไม่จ�ำ เป็นต้องส่งไพร่พลเช่นนั้นลงมา 29 แค่มีเสียง กัมปนาทกึกก้องเพียงครั้งเดียว พวกเขาทั้งหมดก็สิ้นชีวิต 30 อนิจจา บ่าวทั้งหลายเอ๋ย พวกเขาหัวเราะเยาะศาสนทูตทุกคนที่มายังพวกเขา 31 พวกเขาไม่เห็นหรือว่ากี่ชนชาติแล้วที่เราได้ทำ�ลายไปก่อนหน้าพวก เขาและพวกเขาไม่ได้กลับมายังพวกเขาอีก? 32 วันหนึ่ง พวกเขาทั้งหมด จะถูกนำ�มาปรากฏต่อหน้าเราอย่างแน่นอน 33 สำ�หรับพวกเขามีสัญญาณหนึ่งในแผ่นดินที่แห้งแล้ง เราได้ทำ�ให้ มันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และเราได้ท�ำ ให้เมล็ดพันธุ์พืชงอกเงยออก มาจากแผ่นดินนั้น แล้วพวกเขาได้กินมัน 34 เราได้ท�ำ ให้ในนั้นมีสวน

438

36. ยาซีน

อินทผลัมและองุ่นมากมาย และได้ทำ�ให้ในนั้นมีตาน้�ำ พุ่งออกมา 35 ทั้งนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้กินผลของมัน และทั้งหมดนี้มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากมือ ของพวกเขา แล้วพวกเขายังไม่ขอบคุณอีกหรือ? 36 มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือ พระองค์ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งเป็นคู่ๆจากสิ่งที่งอกเงยออกมาจากผืนดิน และ จากตัวของพวกเขาเอง และจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ 37 อีกสัญญาณหนึ่งสำ�หรับพวกเขาก็คือกลางคืน เราได้เอา(แสงของ) กลางวันออกมาจากมัน ดังนั้น พวกเขาจึงถูกทิ้งไว้ในความมืด 38 และ ดวงอาทิตย์ที่กำ�ลังโคจรไปยังจุดที่พักของมันโดยการกำ�หนดของพระ ผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงรอบรู้ 39 และเราได้ก�ำ หนดขั้นตอนการโคจรสำ�หรับ ดวงจันทร์ จนกระทั่งมันได้กลายเป็นเหมือนกับกิ่งอินทผลัมแห้งอีกครั้ง หนึ่ง 40 ดวงอาทิตย์ไม่อาจไล่ตามดวงจันทร์ และกลางคืนจะไม่ล้ำ�หน้า กลางวัน แต่ละสิ่งจะโคจรไปตามวิถีของมันเอง 41 อีกสัญญาณหนึ่งสำ�หรับพวกเขาคือเราได้บรรทุกลูกหลานของพวก เขาไว้ในเรือที่เต็มเพียบ 42 เราได้ท�ำ เรือลำ�ใหญ่ในทำ�นองนี้ให้แก่พวกเขา ซึ่งพวกเขาได้ขึ้นไปโดยสาร 43 ถ้าหากเราประสงค์ เราก็สามารถทำ�ให้ พวกเขาจมน้ำ�โดยที่ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของพวกเขา และพวกเขาจะ ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆให้รอดพ้นด้วย 44 นอกจากความเมตตาของ เราเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาและสามารถทำ�ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตจนถึง เวลาที่ถูกกำ�หนดไว้ 45 เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “จงปกป้องตัวเองต่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้าสูเจ้า และสิ่งที่อยู่ข้างหลังสูเจ้า เพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความเมตตา” (พวกเขาไม่ ใส่ใจ) 46 เมื่อสัญญาณอะไรก็ตามของพระผู้อภิบาลของสูเจ้ามายังพวก เขา พวกเขาหันออกไปจากมัน 47 และเมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “จงใช้จ่าย จากสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานแก่สูเจ้า” บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้พูดกับ บรรดาผู้ศรัทธาว่า “ทำ�ไมเราต้องเลี้ยงอาหารคนที่พระเจ้าสามารถเลี้ยง พวกเขาได้ถ้าพระองค์ต้องการ? สูเจ้าหลงผิดกันชัดๆ”

ยาซีน

439

พวกเขากล่าวว่า “เมื่อใดเล่าที่สัญญานี้จะเป็นจริง ถ้าหากเจ้าพูด จริง?” 49 ความจริงแล้ว สิ่งที่พวกเขากำ�ลังรอคอยอยู่มิใช่อะไรนอกไป จากการระเบิดเพียงครั้งเดียวที่จะทำ�ลายพวกเขาในขณะที่พวกเขากำ�ลัง ถกเถียงกันอยู่” 50 พวกเขาจะไม่มีเวลาสั่งเสียและไม่สามารถกลับไปหา ครอบครัวของพวกเขาได้อีก 51 หลังจากนั้น แตรจะถูกเป่าและพวกเขา จะออกมาจากสุสานเพื่อไปปรากฏตัวต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา 52 “บรรลัยแล้วเรา” พวกเขาจะกล่าวว่า “ใครกันที่ปลุกเราให้ลุกขึ้นจาก ที่หลับนอนของเรา?” นี่คือสิ่งที่พระผู้ทรงกรุณาได้สัญญาไว้และบรรดา ศาสนทูตนั้นพูดความจริง 53 ไม่มีอะไรนอกไปจากเสียงระเบิดกัมปนาท เพียงครั้งเดียว และพวกเขาทั้งหมดจะถูกนำ�มาปรากฏต่อหน้าเรา 54 ในวันนั้น จะไม่มีชีวิตใดได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่เพียงนิด เดียว สูเจ้าจะได้รับการตอบแทนตามที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้ 55 ในวันนั้น ชาว สวรรค์จะมีแต่ความสุขสำ�ราญ 56 พวกเขาและคู่ครองของพวกเขาจะนอน เอนกายอยู่บนฟูกในที่ร่ม 57 ในนั้น พวกเขาจะได้รับผลไม้ทุกชนิดและทุก สิ่งที่พวกเขาต้องการ 58 พวกเขาจะถูกทักทายด้วยคำ�ว่า “ศานติ” จาก พระผู้อภิบาลผู้ทรงเมตตา 59 (และพระเจ้าจะกล่าวว่า) “สูเจ้าผู้ทำ�ความผิด จงแยกตัวของสูเจ้า ออกมาจากคนดีในวันนี้ 60 ลูกหลานของอาดัมเอ๋ย ฉันมิได้บัญชาสูเจ้า หรือว่าอย่าเคารพสักการะซาตาน เพราะมันเป็นศัตรูตัวฉกาจของสูเจ้า ชัดๆ 61 แต่จงเคารพสักการะและเชื่อฟังฉันเท่านั้น นี่คือหนทางที่ถูกต้อง 62 แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังทำ�ให้ส่วนมากของสูเจ้าหลงทาง แล้วทำ�ไมสูเจ้า ยังไม่เข้าใจ? 63 นี่คือนรกที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้ 64 วันนี้ จงเป็นเชื้อเพลิง ของมันเพราะการปฏิเสธสัจธรรมของสูเจ้า 65 วันนี้ เราจะปิดปากของ พวกเขา และมือของพวกเขาจะพูดกับเรา และเท้าของพวกเขาจะยืนยัน สิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ 66 ถ้าหากเราประสงค์ เราสามารถที่จะปิดตาของพวกเขาและปล่อยให้ 48

440

36. ยาซีน

พวกเขาคลำ�หาทางกันเอง แต่พวกเขาจะเห็นได้อย่างไร? 67 และถ้าหาก เราประสงค์ เราสามารถทำ�ให้พวกเขาไม่อาจขยับเขยื้อนตรงที่ที่พวกเขา ยืน จนพวกเขาไม่สามารถที่จะไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับได้ 68 ถ้าเรา ให้ชีวิตใครยืนยาว เราจะทำ�ให้เขากลับคืนสู่สภาพในตอนแรก พวกเขาใช้ เหตุผลไม่ได้หรือไง? 69 เรามิได้สอนบทกวีใดๆแก่เขาและมันก็ไม่เหมาะ กับเขา นี่มิใช่อะไรนอกไปจากคำ�ตักเตือนและเป็นกุรอานอันชัดเจน 70 ทั้งนี้เพื่อที่จะเตือนทุกคนที่ก�ำ ลังมีชีวิตอยู่และเพื่อสนับสนุนถ้อยคำ� (การตัดสินของพระเจ้า)ต่อบรรดาผู้ปฏิเสธ 71 พวกเขาไม่เห็นหรือว่าในบรรดาสิ่งต่างๆที่เราได้ท�ำ ให้เป็นรูปร่าง ขึ้นมาด้วยมือของเรานั้น เราได้สร้างปศุสัตว์เพื่อพวกเขาซึ่งพวกเขาเป็น ผู้ควบคุมมัน 72 เราได้ท�ำ ให้พวกมันยอมอยู่ใต้อ�ำ นาจของพวกเขา จน บางชนิดพวกเขาได้ขี่มัน และบางชนิดเพื่อเป็นอาหาร 73 บางชนิดเพื่อ ให้นมสำ�หรับดื่มและบางชนิดมีประโยชน์อื่นๆที่พวกเขาได้รับจากมัน ดังนั้นแล้ว พวกเขายังไม่ขอบคุณอีกหรือ? 74 พวกเขาได้ตั้งสิ่งอื่นเป็น พระเจ้าโดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งเหล่านั้น 75 แต่พวกมัน ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้เลย พวกเขาต่างหากจะถูกนำ�ไปอยู่หน้า พระเจ้าในฐานะไพร่พลที่เป็นพันธมิตรของพวกมัน 76 ดังนั้น จงอย่าให้ คำ�พูดของพวกเขาทำ�ให้เจ้าต้องโศกเศร้าเสียใจ เรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขา ซ่อนเร้นและสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย 77 มนุษย์ไม่เห็นหรือว่าเราได้สร้างเขามาจากหยดอสุจิ แต่แล้ว เขา กลับเป็นผู้โต้เถียงอย่างเปิดเผย 78 โดยเขาสร้างเหตุผลต่างๆขึ้นมาโต้ แย้งเราและลืมการสร้างเขาขึ้นมา เขาถามว่า “ใครเล่าที่จะทำ�ให้กระดูก เหล่านี้มีชีวิตขึ้นมาอีกในเมื่อมันได้เป็นผุยผงไปแล้ว?” 79 จงบอกพวกเขา ว่า “พระผู้ทรงสร้างมันขึ้นมาตั้งแต่แรกนั่นไงที่จะทำ�ให้มันมีชีวิตขึ้นมา อีก พระองค์ทรงมีความรอบรู้เชี่ยวชาญในการสร้างทุกสิ่ง 80 ผู้ทรงสร้าง ไฟให้พวกท่านจากต้นไม้สีเขียวและจากต้นไม้นี้เองที่พวกเขาได้ใช้มัน

อัล-ศ็อฟฟาต

441

จุดไฟ” 81 ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินไม่สามารถสร้างสิ่งอื่นๆ ที่เหมือนกับคนเหล่านี้ได้กระนั้นหรือ? แน่นอน พระองค์ท�ำ ได้แน่ เพราะ พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างที่ชาญฉลาด 82 เมื่อพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์แค่ทรงกล่าวว่า “จงเป็น” แล้วมันก็เป็นขึ้นมา 83 ดังนั้น มหา บริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงมีอ�ำ นาจควบคุมทุกสิ่ง และยังพระองค์ที่พวก ท่านทั้งหลายจะถูกนำ�กลับไป 37. ตำ�แหน่ง

อัล-ศ็อฟฟาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยบรรดา(ทูตสวรรค์)ผู้จัดตัวเองอยู่ในแถวที่ชิดกัน 2 และ บรรดาผู้ขับไล่(คนชั่ว)ด้วยการตำ�หนิ 3 และขอสาบานด้วยบรรดาผู้อ่าน คำ�ตักเตือน 4 พระเจ้าที่แท้จริงของสูเจ้านั้นเป็นพระเจ้าองค์เดียว 5 ผู้ทรง อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนั้น พระผู้อภิบาลแห่งตะวันออกทั้งหมด 6 เราได้ประดับฟ้าชั้นล่างด้วยความสวยงามของดวงดาวอันมากมาย 7 และได้ระวังรักษามันไว้จากซาตานทั้งหมดที่ฝ่าฝืน 8 พวกมันไม่ สามารถฟังถ้อยคำ�ของที่ชุมนุมอันสูงส่งเพราะพวกมันจะถูกขว้างจากทุก ด้าน 9 ถูกขับไล่ และพวกมันจะได้รับการลงโทษตลอดกาล 10 แต่ถ้าหาก มันฉกฉวยสิ่งใดไป(รู้อะไรจากที่นั่น) เปลวเพลิงที่สว่างไสวจะพุ่งติดตาม มันไป 11 ดังนั้น จงถามผู้ปฏิเสธสัจธรรมซิว่าการสร้างพวกเขาขึ้นมานั้นยาก กว่าการสร้างสิ่งอื่นๆทั้งหมดที่เราได้สร้างขึ้นมากระนั้นหรือ? แท้จริง เรา สร้างพวกเขามาจากดินเหนียว 12 ไม่แปลกอะไร ในขณะที่เจ้าประหลาด 1

442

������������

ใจ แต่พวกเขากำ�ลังเย้ยหยัน 13 เมื่อพวกเขาถูกเตือน พวกเขาไม่ยอมรับ คำ�ตักเตือน 14 และเมื่อพวกเขาเห็นสัญญาณหนึ่ง พวกเขาก็พากันเย้ย หยัน 15 โดยกล่าวว่า “นี่เป็นมายากลอย่างชัดเจน” 16 “อะไรกัน เมื่อเรา ตายจนกลายเป็นผงธุลีและกระดูกแล้ว เราจะถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หนึ่ง 17 พร้อมกับบรรพบุรุษของพวกเรากระนั้นหรือ?” 18 จงบอกพวกเขา ว่า “ ใช่ และพวกท่านจะถูกนำ�มาอย่างไม่มีค่าใดๆ” 19 จะมีเสียงระเบิดแค่เพียงครั้งเดียว และพวกเขาจะได้เห็นด้วยตา ของพวกเขาเอง 20 พวกเขาจะกล่าวว่า “บรรลัยแล้วเรา นี่คือวันแห่งการ ชำ�ระบัญชี” 21 (จะมีเสียงกล่าวว่า) “นี่คือวันแห่งการตัดสินที่สูเจ้าเคย ปฏิเสธ” 22 แต่เราจะกล่าวว่า “จงรวบรวมบรรดาผู้กระทำ�ความผิดพร้อม กับผู้มีส่วนร่วมกับคนพวกนี้และสิ่งที่พวกเขาเคารพสักการะ 23 นอก ไปจากพระเจ้า และจงนำ�พวกเขาไปสู่หนทางแห่งไฟ 24 และจงหยุดยั้ง พวกเขาไว้เพื่อการสอบสวน 25 “มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้าที่ทำ�ให้สูเจ้าไม่ สามารถช่วยเหลือกันและกันได้เล่า?” 26 ในวันนั้น พวกเขาจะยอมจำ�นน อย่างสิ้นเชิง” 27 พวกเขาจะหันมาไต่ถามซึ่งกันและกัน 28 พวกเขาจะกล่าวว่า “พวก ท่านได้มาหาเราจากทางด้านขวา” 29 พวกเขาตอบว่า “ เปล่าเลย พวก ท่านเองต่างหากที่ไม่ศรัทธา 30 เราไม่มีอ�ำ นาจอันใดเหนือพวกเจ้า พวก เจ้าเองต่างหากที่เป็นคนดื้อรั้น 31แต่ตอนนี้ วจนะของพระผู้อภิบาลของ เราได้เป็นความจริงต่อเราแล้ว ดังนั้น จึงสมควรแล้วที่เราจะได้ลิ้มรส(การ ลงโทษ) 32 เราได้ท�ำ ให้พวกเจ้าหลงผิดเพราะเราเองก็หลงผิดอยู่แล้ว” ใน วันนั้น พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งในการลงโทษร่วมกัน 34 นั่นเป็นวิธีการ ที่เราได้ปฏิบัติต่อผู้ท�ำ ความชั่ว 35 เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “ ไม่มีสิ่งใดที่ คู่ควรแก่การเคารพสักการะนอกจากพระเจ้า” พวกเขาหันไปอย่างหยิ่ง ผยอง 36และกล่าวว่า “ จะให้เราทิ้งสิ่งที่เราเคารพบูชาเพื่อกวีบ้าคนหนึ่ง กระนั้นหรือ?” 37 แน่นอน เขา (มุฮัมมัด)ได้น�ำ สัจธรรมมายืนยันถึงบรรดา

อัล-ศ็อฟฟาต

443

ศาสนทูตที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ 38 สูเจ้าจะต้องได้ลิ้มรสการลงโทษอันเจ็บ ปวดอย่างแน่นอน 39 และการลงโทษตอบแทนสูเจ้านั้นจะเป็นไปตามสิ่งที่ สูเจ้าได้ท�ำ ไว้” 40 แต่บรรดาบ่าวที่ได้รับการคัดเลือกของพระเจ้า 41 พวกเขาจะได้ รับปัจจัยยังชีพดังที่ได้รู้แล้ว 42 นั่นคือผลไม้หลากชนิด และพวกเขาจะ เป็นผู้มีเกียรติ 43 ในสวนสวรรค์อันรื่นรมย์ 44 พวกเขาจะนั่งบนฟูกหัน หน้าเข้าหากัน 45 เครื่องดื่มจะถูกส่งผ่านไปรอบพวกเขาจากตาน้�ำ ที่ไหล อยู่ 46 เป็นเครื่องดื่มขาวสะอาดและรสชาติอร่อยแก่บรรดาผู้ดื่มมัน 47 ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของพวกเขาและไม่ท�ำ ให้พวกเขามึนเมา 48 พวกเขาจะมีหญิงสาวบริสุทธิ์ที่มีดวงตาสวยงามและมองอย่างสงบเสงี่ยม 49 เสมือนไข่มุกที่ถูกรักษาไว้อย่างใกล้ชิด 50 พวกเขาจะหันมาถามซึ่งกันและกัน 51 พวกเขาคนหนึ่งจะกล่าวว่า “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง 52 ผู้เคยถามว่า ‘เจ้าเป็นคนที่เชื่อกับเขาด้วยหรือว่า 53 เมื่อเราตายจนกลายเป็นธุลีดินและกระดูกไปแล้ว เราจะถูกนำ�ไปสู่การ พิพากษา?’” 54 ดังนั้น เขาจะกล่าวว่า “เราจะมองหาเขาไหม?” 55 หลัง จากนั้น เมื่อเขามองลงไป เขาได้เห็นคนผู้นั้นอยู่ในก้นบึ้งของนรก 56 เขา จึงกล่าวว่า “ ขอสาบานด้วยพระเจ้า เจ้าเกือบทำ�ให้ฉันได้รับความหายนะ แล้ว 57 ถ้าหากมิใช่ความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของฉันแล้ว ฉัน อาจถูกนำ�ตัวมายังนรกอย่างแน่นอน” 58 ดังนั้น เขาจะกล่าว(กับผู้ได้รับ ความโปรดปรานว่า) เราจะไม่ตาย 59 นอกไปจากการตายครั้งแรกของ เรากระนั้นหรือ ? และเราจะไม่ถูกลงโทษกระนั้นหรือ?” 60 แท้จริง นี่คือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่” 61 เพื่อสิ่งเดียวกันนี้ ทุกคนจงดิ้นรนต่อไป 62 “นั่นเป็นการต้อนรับที่ดีกว่า หรือว่าต้นซักกูม 63 ที่เราได้ทำ�มัน ให้เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งสำ�หรับคนทำ�ผิด 64 เพราะมันเป็นต้นไม้ที่ เติบโตมาจากก้นบึ้งของนรก 65 และผลของมันเหมือนกับหัวของซาตาน 66 พวกเขาจะได้กินจากมันจนกระทั่งเต็มท้อง 67 หลังจากนั้น พวกเขา

444

������������

จะได้ดื่มน้ำ�เดือด 68 หลังจากนั้น พวกเขาจะกลับไปยังนรกอีก 69 พวก เขาพบว่าบรรพบุรุษของพวกเขาหลงผิด 70 แล้วพวกเขายังกระตือรือร้น ดำ�เนินรอยตามคนเหล่านั้น 71 แน่นอน คนส่วนใหญ่ก่อนหน้าพวกเขา ได้หลงผิด 72 ถึงแม้เราได้สงผู้เตือนหลายคนไปยังพวกเขาแล้ว 73 ตอน นี้ดูกันเองเถิดว่าบรรดาผู้ถูกตักเตือนนั้นได้พบจุดจบของพวกเขาอย่างไร 74 แต่ปวงบ่าวที่พระเจ้าทรงคัดเลือกไว้มิใช่เช่นนั้น 75 นูฮฺได้ร้องขอต่อเรา และดูซิว่าการตอบรับของเรานั้นดีเลิศเช่นไร 76 เราได้ช่วยเขาและคนของเขาให้พ้นจากความทุกข์อันมหันต์ 77 และ เราได้ทำ�ให้ลูกหลานของเขารอดชีวิต 78 เราได้ทิ้งเรื่องราวของเขาไว้ให้ คนรุ่นหลังเอ่ยถึง 79 ศานติจงมีแด่นูฮฺในหมู่ชาวโลก 80 นั่นเป็นวิธีการที่ เราตอบแทนบรรดาผู้ท�ำ ความดี 81 แท้จริง นูฮฺเป็นหนึ่งในบรรดาบ่าวผู้ ศรัทธาของเรา 82 เราได้ทำ�ให้คนอื่นๆจมน้�ำ ตาย 83 อิบรอฮีมก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีความศรัทธาเดียวกัน 84 เขาได้ เข้าหาพระผู้อภิบาลของเขาด้วยหัวใจที่สงบ 85 เขาได้กล่าวแก่บิดาของ เขาและผู้คนของเขาว่า “ดูซิ พวกท่านเคารพบูชาอะไรกันนี่? 86 พวกท่าน รับใช้เทวรูปเหล่านั้นแทนพระเจ้ากระนั้นหรือ? 87 พวกท่านคิดอะไรใน เรื่องพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก?” 88 หลังจากนั้น เขาได้มองไปที่ดวงดาว 89 และเขากล่าวว่า “ฉันไม่ สบายจริงๆ” 90 ดังนั้น พวกเขาจึงหันหลังให้เขาแล้วจากไป 91 (เมื่อคน เหล่านั้นไม่อยู่) เขาได้ลอบเข้าไปยังเทวรูปเหล่านั้นและกล่าวว่า “ทำ�ไม พวกเจ้าไม่กิน? 92 เป็นอะไรไปเล่า พวกเจ้าถึงไม่พูด?” 93 หลังจากนั้น เขาๆได้ตรงเข้าไปฟาดเทวรูปเหล่านั้นด้วยมือขวา 94 (เมื่อผู้คนกลับมา) พวกเขารีบตรงมาหาอิบรอฮีม 95 แต่เขากล่าวว่า “พวกท่านเคารพบูชา สิ่งที่พวกท่านแกะสลักมันด้วยมือของพวกท่านเองกระนั้นหรือ? 96 ทั้งๆ ที่พระเจ้าทรงสร้างพวกท่านขึ้นมาเช่นเดียวกับสิ่งที่พวกท่านทำ�ขึ้นมา?” 97 พวกเขาจึงกล่าวว่า “จงเตรียมสถานที่เผาไว้สำ�หรับเขาแล้วโยนเขาลง

อัล-ศ็อฟฟาต

445

ไปในไฟที่กำ�ลังลุก” 98 พวกเขาต้องการทำ�ร้ายเขา แต่เราได้ทำ�ให้พวก เขาต้องพ่ายแพ้ 99 อิบรอฮีมได้กล่าวว่า “ฉันจะไปหาพระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์จะทรงนำ�ทางฉันอย่างแน่นอน 100 โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรด ทรงประทานบุตรที่จะเป็นคนดีแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด” 101 เราได้แจ้ง ข่าวดีแก่เขาว่าเขาจะมีลูกชายที่มีความอดทนและมีขันติธรรมคนหนึ่ง 102 และเมื่อลูกของเขาเติบโตขึ้นถึงวัยที่จะทำ�งานกับเขา (วันหนึ่ง) อิบรอฮีมได้กล่าวแก่เขาว่า “ลูกรัก พ่อได้ฝันเห็นว่าพ่อกำ�ลังเชือดเจ้า บอกพ่อหน่อยซิว่าเจ้าคิดอย่างไร?” เขากล่าวว่า “พ่อครับ พ่อจงทำ�ตาม ที่ได้ถูกบัญชาเถิด หากพระเจ้าทรงประสงค์แล้ว พ่อจะพบว่าฉันเป็นหนึ่ง ในบรรดาผู้อดทน 103 เมื่อทั้งสองยอมจำ�นนต่อพระเจ้าแล้ว อิบรอฮีม ได้ให้ลูกชายของเขานั่งก้มหัวลงกับพื้น 104 เราได้เรียกเขา “ อิบรอฮีม 105 เจ้าได้ปฏิบัติตามความฝันแล้ว” เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนบรรดา ผู้ทำ�ความดี 106 แท้จริงแล้ว นี่คือการทดสอบอันชัดเจน” 107 เราได้ไถ่ ลูกชายของเขาสำ�หรับการพลีอันยิ่งใหญ่ 108 และเราได้ทิ้งเขาไว้เพื่อให้(ผู้ ปฏิบัติตาม)กลุ่มหนึ่งในหมู่ชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อจากเขา 109 “ศานติแด่ อิบรอฮีม” 110 นั่นเป็นวิธีการที่เราตอบแทนบรรดาผู้ทำ�ความดี 111 แท้จริง เขาเป็นบ่าวผู้ศรัทธาของเราคนหนึ่ง 112 เราได้แจ้งข่าวดีแก่เขาถึงเรื่อง อิสฮากซึ่งเป็นนบีคนหนึ่งในบรรดาผู้ทรงคุณธรรม 113 และเราได้ประทาน ความจำ�เริญแก่เขาเช่นเดียวกับอิสฮาก และในหมู่ลูกหลานของพวกเขา นั้นมีบางคนที่มีคุณธรรมความดีและบางคนเป็นผู้อธรรมต่อตัวเองอย่าง ชัดเจน 114 เราได้ประทานความโปรดปรานแก่มูซาและฮารูน 115 เราได้ช่วย เหลือเขาทั้งสองและคนของเขาให้พ้นจากทุกขภัยอันยิ่งใหญ่ 116 เราได้ ช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นผู้ได้รับชัยชนะ 117 และเราได้ ประทานคัมภีร์ที่ชัดเจนแก่เขาทั้งสอง 118 และได้น�ำ เขาทั้งสองไปสู่ทางที่ เที่ยงตรง 119 และเราได้ทิ้งคนทั้งสองไว้เพื่อให้มี(ผู้ปฏิบัติตาม)กลุ่มหนึ่ง

446

������������

ในหมู่ชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อจากเขาทั้งสอง 120 “ศานติแด่มูซาและฮา รูน” 121 เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนบรรดาผู้ท�ำ ความดี 122 แท้จริงแล้ว เขาทั้งสองเป็นบ่าวผู้ศรัทธาของเรา 123 อิลยาส(เอลิยาห์)นั้นเป็นหนึ่งในบรรดาศาสนทูต 124 เขาได้พูดกับ คนของเขาว่า “พวกท่านไม่เกรงกลัว(พระเจ้า)หรือ ? 125 พวกท่านวิงวอน ต่อบาลและทอดทิ้งผู้ดีเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้สร้าง 126 นั่นคือพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของพวกท่านและพระผู้อภิบาลของบรรดาบรรพบุรุษของพวก ท่านกระนั้นหรือ?” 127 แต่พวกเขาปฏิเสธเขา ดังนั้น พวกเขาจะต้อง ถูกลงโทษอย่างแน่นอน 128 ยกเว้นบรรดาบ่าวผู้ได้รับการคัดเลือกของ พระเจ้า 129 ดังนั้น เราจึงได้ทิ้งเขาไว้ให้มี(ผู้ปฏิบัติตาม)กลุ่มหนึ่งในหมู่ คนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อจากเขา 130 “ศานติจงมีแด่อิลยาสและคนของ เขา” 131 เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนผู้ท�ำ ความดี 132 แท้จริง เขาเป็นคน หนึ่งในบรรดาบ่าวผู้ศรัทธาของเรา 133 ลูฏก็เป็นหนึ่งในบรรดาศาสนทูต 134 เราได้ช่วยเขาและคนของเขา ให้รอดชีวิต 135 ยกเว้นหญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง 136 และเราได้ทำ�ลาย คนอื่นๆจนหมดสิ้น 137 สูเจ้าเดินผ่านซากปรักหักพังของพวกเขาทั้งยาม เช้า 138 และยามค่ำ� แล้วสูเจ้ายังไม่คิดอีกหรือ? 139 ยูนุสก็เป็นคนหนึ่งในบรรดาศาสนทูต 140 จงนึกถึงเมื่อตอนที่เขา หนีไปยังเรือที่บรรทุกจนเต็มเพียบ 141 แล้วพวกเขาได้ร่วมกันเสี่ยงทาย และเขาเป็นผู้แพ้ 142 และปลาตัวใหญ่ก็ได้กลืนเขาลงไปในขณะที่เขา ตำ�หนิตัวเอง 143 ถ้าหากเขามิได้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ยอมรับความเกรียง ไกรของพระเจ้า144 แน่นอน เขาจะต้องอยู่ในท้องปลาตัวนั้นไปจนกระทั่ง วันแห่งการฟื้นคืนชีพ 145 แต่ต่อมาเราได้ท�ำ ให้เขาถูกโยนไปบนชายฝั่ง ในสภาพที่ป่วย 146 และเราได้ท�ำ ให้มีไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมตัวเขา 147 หลัง จากนั้น เราได้ส่งเขาไปในฐานะศาสนทูตยังหมู่คนจำ�นวนแสนหรือ

อัล-ศ็อฟฟาต

447

มากกว่านั้น 148 และคนเหล่านั้นได้ศรัทธาในเขาและเราได้ปล่อยพวกเขา ให้มีชีวิตจนกระทั่งถึงเวลาหนึ่ง 149 ทีนี้ จงถามพวกเขาซิว่าพระผู้อภิบาลของเจ้ามีลูกสาวหลายคนใน ขณะที่พวกเขามีลูกชายหลายคนกระนั้นหรือ? 150 เราได้สร้างทูตสวรรค์ เป็นเพศหญิงและพวกเขารู้เห็นการสร้างกระนั้นหรือ? 151 ความจริง แล้ว มันเป็นการสร้างเรื่องเท็จของพวกเขาขึ้นมาเมื่อพวกเขากล่าวว่า 152 “พระเจ้าทรงมีบุตร” พวกเขากล่าวเท็จทั้งสิ้น 153 พระเจ้าจะทรงเลือก บุตรสาวแทนบุตรชายกระนั้นหรือ? 154 สูเจ้าเป็นอะไรไป? ทำ�ไมสูเจ้า จึงตัดสินเช่นนั้น? 155 สูเจ้าไม่คิดบ้างเลยกระนั้นหรือ? 156 หรือถ้าสูเจ้า มีหลักฐานที่ชัดแจ้งอันใดในเรื่องนี้ 157 สูเจ้าก็จงนำ�คัมภีร์ของสูเจ้ามาถ้า สูเจ้าพูดความจริง 158 พวกเขาอ้างว่าพระองค์ทรงมีความสร้างความสัมพันธ์ทางสาย เลือดกับกับญิน ทั้งๆที่พวกญินรู้ดีว่าพวกมันจะถูกนำ�ตัวมาอยู่ต่อหน้า พระองค์(เพื่อการพิพากษา) 159 พระเจ้าทรงอยู่เหนือพ้นจากสิ่งที่พวกเขา กล่าวถึงพระองค์ 160 แต่บ่าวที่แท้จริงของพระองค์มิใช่เช่นนั้น 161 สูเจ้า และสิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะ 162 ไม่สามารถที่จะลวงผู้ใดให้หันไปจาก พระเจ้าได้ 163 นอกจากบรรดาผู้ที่จะถูกเผาในนรก 164 (บรรดาทูตสวรรค์ กล่าวว่า) “สำ�หรับพวกเราแต่ละองค์มีสถานะที่ได้ถูกกำ�หนดไว้แล้ว 165 และเราเป็นบ่าวที่อยู่ในแถว 166 และเราเป็นผู้สดุดีพระเจ้า” 167 พวกเขาเคยกล่าวว่า 168 “ถ้าหากเรามีคัมภีร์อยู่กับเราเหมือนกับ ผู้คนก่อนหน้านี้เคยได้รับ 169 เราก็จะได้เป็นบ่าวผู้บริสุทธิ์ใจของพระเจ้า อย่างแน่นอน” 170 แต่พวกเขาได้ปฏิเสธมัน(กุรอาน)แล้ว ไม่ช้า พวกเขา จะได้รู้ 171 และแน่นอน สัญญาของเราได้เป็นจริงแล้วกับบรรดาศาสนทูต บ่าวของเรา 172 ว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอน 173 และ กองทัพของเราเท่านั้นจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ 174 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงปล่อย

448

38. ศอด

พวกเขาไว้ชั่วขณะหนึ่ง 175 และจงเฝ้ามองพวกเขา ไม่ช้า พวกเขาก็จะ เห็นด้วยตัวเอง 176 พวกเขาอยากจะเร่งให้เรารีบลงโทษกระนั้นหรือ? 177 เมื่อใดที่มัน ลงมาที่ลานหน้าบ้านของพวกเขา เช้านั้นจะเป็นช่วงเวลาอันน่าสะพรึง กลัวสำ�หรับผู้ที่ถูกเตือน 178 ดังนั้น เจ้าจงปล่อยเขาไว้ตามลำ�พังชั่วขณะ หนึ่ง 179 และจงเฝ้าดูพวกเขา ไม่ช้า พวกเขาก็จะได้เห็นมันเอง 180 มหา บริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า พระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติสูงส่งและ ปลอดพ้นจากสิ่งที่พวกเขากล่าวหา 181 ศานติจงมีแด่บรรดาศาสนทูต 182 และบรรดาการสรรเสริญทั้งหลายนั้นเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก 38. ศอด

ศอด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ศอด ขอสาบานด้วยกุรอานซึ่งเต็มไปด้วยข้อตักเตือน 2 บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมเองต่างหากที่อยู่ในความยโสโอหังและความเป็นศัตรู 3 กี่ชนชาติ แล้วที่เราได้ท�ำ ลายไปก่อนหน้าพวกเขา และพวกเขาร้องขอความช่วย เหลือเมื่อมันสายเกินกว่าที่จะหนีรอดแล้ว 4 พวกเขาประหลาดใจที่มีผู้ตักเตือนคนหนึ่งจากในหมู่พวกเขาได้ มายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า “นี่คือนักมายากลและคนโกหก 5 เขาได้ ทำ�ให้พระเจ้าหลายองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียวกระนั้นหรือ? นี่เป็นเรื่อง ประหลาดจริงๆ” 6 หัวหน้าของพวกเขาได้ออกไปและกล่าวว่า “ออกไป ซะและจงยึดมั่นต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพวกท่านต่อไป นี่เป็นการ 1

ศอด

449

วางแผนสมรู้ร่วมคิดกันชัดๆ 7 เราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ในศาสนาก่อนๆ นี่ มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องที่กุขึ้นมา 8 คำ�ตักเตือนถูกส่งมายังเขาเพียงคน เดียวในหมู่พวกเรากระนั้นหรือ?” ความจริงแล้ว พวกเขาสงสัยในข้อตัก เตือนของฉัน เพราะพวกเขายังไม่ได้ลิ้มรสการลงโทษของฉัน 9 พวกเขามีคลังแห่งความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรง อำ�นาจและผู้ทรงมีอย่างเหลือหลายกระนั้นหรือ? 10 พวกเขาเป็นเจ้าของ ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนั้นหรือ ? ถ้า เป็นเช่นนั้น จงให้พวกเขาใช้เชือกปีนขึ้นไปบนชั้นฟ้า 11 ไพร่พลนี้จะถูก ทำ�ลายเช่นเดียวกับไพร่พลอื่นๆ 12 ก่อนหน้าพวกเขา หมู่ชนของนูฮฺได้ ปฏิเสธสัจธรรมเช่นเดียวกับหมู่ชนของอ๊าดและฟาโรห์แห่งเสาหลักได้ เคยปฏิเสธมาแล้ว 13 รวมทั้งพวกษะมูดและหมู่ชนของลูฏและผู้อาศัย อยู่ในป่า(ชาวอัยก๊ะฮฺ)ด้วย พวกเขาเหล่านี้เป็นพวกเดียวกัน 14 แต่ละ พวกล้วนถือว่าบรรดาศาสนทูตของพวกเขาเป็นผู้โกหก ดังนั้น พวกเขา สมควรได้รับการลงโทษจากฉัน 15 พวกเขาเพียงแต่คอยเสียงกัมปนาท (แห่งการลงโทษ)เพียงครั้งเดียวเท่านั้นและมันจะไม่ล่าช้าออกไปแม้แต่ นิดเดียว 16 พวกเขาจะกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของเรา โปรดรีบให้เราได้ รับชะตากรรมของเราก่อนถึงวันแห่งการชำ�ระบัญชีด้วยเถิด” 17 (โอ้ นบี) จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพูด และจงบอกพวกเขาถึงเรื่อง ราวของบ่าวของเรา นั่นคือดาวูดผู้ทรงพลัง เขาเป็นผู้หันเข้าหาเราเสมอ 18 เราได้ทำ�ให้ภูเขาสดุดีร่วมกับเขาทั้งในยามค่�ำ และยามรุ่ง 19 และพวก นกเป็นฝูงๆก็หันมายังพระองค์ 20 เราได้ทำ�ให้อาณาจักรของเขาเข้มแข็ง และเราได้ประทานวิทยปัญญาและความสามารถในการตัดสินที่ถูกต้อง แก่เขา 21 เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของคู่พิพาทที่ปีนกำ�แพงเข้าไปในห้องชั้นบน ของเขาไหม? 22 เมื่อพวกเขาได้มาถึงตัวดาวูด เขาตกใจที่ได้เห็นคนทั้ง สอง 22 พวกเขากล่าวว่า “อย่ากลัวเลยท่าน เราเป็นคู่พิพาทกัน ฝ่ายหนึ่ง

450

38. ศอด

ล่วงเกินอีกฝ่ายหนึ่ง ดังนั้น จงช่วยตัดสินระหว่างเราอย่างยุติธรรมโดยไม่ ลำ�เอียงและโปรดแนะนำ�เราไปสู่หนทางที่ถูกต้องด้วยเถิด” 23 “นี่คือพี่ชายของฉัน เขามีแกะเก้าสิบเก้าตัวและฉันมีหนึ่งตัว เขา บอกกับฉันว่า ‘เอาแกะตัวนี้มาให้ฉัน’ และเขาก็เอาชนะฉันในการโต้เถียง” 24 ดาวูดได้ตอบว่า “แน่นอนเขาไม่เป็นธรรมต่อเจ้าที่ต้องการเอาแกะของ เจ้าไปรวมกับแกะของเขา ความจริงแล้ว คนที่อยู่ร่วมกันมักจะละเมิดต่อ กันและกัน เว้นแต่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี แต่คนเช่นนี้มีน้อย” (ทันใดนั้น) ดาวูดเริ่มตระหนักได้ว่าความจริงแล้วเรากำ�ลังทดสอบเขา ดัง นั้น เขาจึงขอให้พระผู้อภิบาลของเขายกโทษให้เขา เขาคุกเข่าลงและหัน ไปยังพระผู้อภิบาลของเขาเพื่อสำ�นึกผิดและขออภัยโทษ 25 ดังนั้น เราจึง ให้อภัยเขาในเรื่องนั้น และแน่นอน รางวัลตอบแทนของเขาคือการได้อยู่ ใกล้เรา สถานที่พ�ำ นักอันดีเลิศที่จะกลับไป 26 เราได้กล่าวว่า “ดาวูดเอ๋ย เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ควบคุมดูแล แผ่นดินนี้ ดังนั้น จงปกครองผู้คนด้วยความยุติธรรมและจงอย่าปฏิบัติ ตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ� เพราะมันจะนำ�เจ้าให้หลงไปจากแนวทางของพระเจ้า สำ�หรับบรรดาผู้หลงไปจากแนวทางของพระเจ้านั้น พวกเขาจะได้รับการ ลงโทษอย่างแสนสาหัสเพราะพวกเขาลืมวันแห่งการชำ�ระบัญชี” 27 เราไม่ได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างมัน ทั้งสองขึ้นมาอย่างไร้สาระ นั่นคือสิ่งที่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนึกคิดกัน ขึ้นมาเอง ดังนั้น ความหายนะจากไฟนรกจงประสบแก่บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมเหล่านั้น 28 จะให้เราปฏิบัติต่อผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีเช่น เดียวกับผู้สร้างความเสียหายในแผ่นดินกระนั้นหรือ? จะให้เราปฏิบัติ ต่อบรรดาผู้ย�ำ เกรงเช่นเดียวกับผู้ท�ำ ชั่วกระนั้นหรือ ? 29 นี่คือคัมภีร์อัน จำ�เริญซึ่งเราได้ประทานลงมายังเจ้า(โอ้มุฮัมมัด) เพื่อที่คนเหล่านี้จะได้ พิจารณาสาสน์ทั้งหลายของมันและเพื่อคนที่มีความเข้าใจจะได้รับบท เรียนจากมัน

ศอด

451

เราได้ประทานสุลัยมานแก่ดาวูด เขาเป็นบ่าวผู้ประเสริฐที่หันไปหา พระผู้อภิบาลของเขาเสมอ 31 ในเย็นวันหนึ่ง เมื่อมีการนำ�ขบวนม้าพันธุ์ ดีมาให้เขาดู 32 เขากล่าวว่า “ฉันรักทรัพย์สมบัตินี้เหนือกว่าการระลึกถึง พระผู้อภิบาลของฉันเสียแล้ว” จนกระทั่ง(ดวงอาทิตย์)ได้ลับหายไปเบื้อง หลังม่านของมันและม้าได้หายลับไปจากสายตา (เขาได้บัญชาว่า) 33 “จง นำ�พวกมันกลับมาให้ฉัน” หลังจากนั้น เขาก็เริ่มตบขาและคอของพวกมัน 34 เราได้ทดสอบสุลัยมานโดยการเอาร่างหนึ่ง(ที่ไร้ชีวิต)วางไว้บน บัลลังก์ของเขา หลังจากนั้น เขาได้หันกลับมายังเรา 35 เขาวิงวอนว่า “โอ้ พระผู้อภิบาล โปรดประทานอภัยโทษแก่ข้าพระองค์และโปรดประทาน อำ�นาจแก่ฉันซึ่งหลังจากฉันแล้วจะไม่มีใครได้รับอำ�นาจนี้อีกด้วยเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงให้ที่แท้จริง” 36 ดังนั้น เราจึงได้ทำ�ให้ลมอยู่ใต้ อำ�นาจของเขาซึ่งมันจะพัดโชยตามคำ�บัญชาของเขาไปยังที่ไหนก็ตามที่ เขาสั่งมัน 37 รวมทั้งพวกญินที่เป็นช่างก่อสร้างและพวกนักดำ�น้ำ� 38 และ พวกอื่นๆที่ถูกล่ามโซ่ด้วย 39 (เราได้กล่าวแก่เขาว่า) “นี่เป็นของขวัญจาก เรา เจ้าจะให้หรือไม่ให้แก่ใครก็ได้ตามที่เจ้าต้องการโดยไม่ต้องได้รับการ สอบสวน” 40 รางวัลตอบแทนของเขาคือความใกล้ชิดกับเรา เป็นสถานที่ ดีที่สุดที่จะกลับไป 41 จงนึกถึงอัยยูบบ่าวของเราเมื่อเขาวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ เขาโดยกล่าวว่า “ซาตานได้ท�ำ ให้ฉันได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนและ ความทรมาน” 42 เราได้กล่าวว่า “จงกระทืบเท้าของเจ้าบนแผ่นดิน นี่คือ น้ำ�เย็นสำ�หรับอาบและดื่ม” 43 และเราได้นำ�ครอบครัวของเขากลับมายัง เขาและที่มาพร้อมกับพวกเขามากไปกว่านั้นอีกในฐานะเป็นความเมตตา จากเราและเป็นข้อตักเตือนสำ�หรับคนที่มีความเข้าใจ 44 (และเราได้บอก เขาว่า) “จงเอาฟางมากำ�มือหนึ่งแล้วใช้มันฟาดลงไป จงอย่าทำ�ลายคำ� 30

452

38. ศอด

สาบานของเจ้า” เราพบว่าเขาเป็นผู้อดทน เป็นบ่าวผู้ประเสริฐที่หันไปยัง พระผู้อภิบาลของเขาเสมอ* 45 จงเอ่ยถึงบ่าวของเรา นั่นคือ อิบรอฮีมและอิสฮากและยะกู๊บ พวก เขาเป็นผู้ทรงอำ�นาจและมองอะไรลึกซึ้ง 46 เราได้เลือกพวกเขาเพื่อ วัตถุประสงค์พิเศษอย่างหนึ่ง นั่นคือการประกาศข่าวเรื่องโลกหน้า 47 และในทัศนะของเรา พวกเขาได้ถูกรวมไว้ในหมู่ผู้ถูกคัดเลือก เป็นคน ที่มีคุณธรรมดีเลิศ 48 และจงนึกถึงอิสมาอีลและอัลยะซะอ์(เอลิชา)และ ซุลกิฟล์ พวกเขาทั้งหมดอยู่ในหมู่ผู้มีความยุติธรรม 49 นี่คือข้อตักเตือน (จงฟัง) สำ�หรับผู้มีความยำ�เกรงพระเจ้านั้นจะได้ รับที่พำ�นักอันประเสริฐ 50 นั่นคือสวนสวรรค์อันสถาพรที่ประตูของมันจะ เปิดไว้ส�ำ หรับพวกเขาเสมอ 51 ในนั้น พวกเขาจะได้นั่งเอนกายเรียกหา ผลไม้และเครื่องดื่มที่อยู่มากมาย 52 พวกเขาจะมีคู่ครองเป็นหญิงบริสุทธิ์ ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน 53 นี่คือสิ่งที่ได้ถูกสัญญาไว้สำ�หรับวันแห่ง การชำ�ระบัญชี 54 แท้จริง นี่คือสิ่งที่เราจัดเตรียมไว้สำ�หรับสูเจ้า มันจะ ไม่มีวันหมด 55 แต่ส�ำ หรับผู้โอหังนั้นจะได้รับการตอบแทนที่เลวร้ายที่สุด 56 พวก เขาจะถูกเผาในนรกซึ่งเป็นที่พำ�นักอันชั่วช้าที่สุด 57 ทั้งหมดนี้สำ�หรับ พวกเขา ดังนั้น จงปล่อยให้พวกเขาได้ลิ้มรสน้�ำ เดือดและน้�ำ หนอง 58 และ สิ่งอื่นๆเช่นเดียวกันนี้ 59 (และพวกเขาจะกล่าวซึ่งกันและกันว่า “พวกเจ้า เห็นไหม) นี่คือหมู่ชนที่กำ�ลังรีบเร่งมาร่วมกับพวกเจ้า ไม่มีการต้อนรับ * อัยผลูเป็นนบีในเชื้อสายอิสราเอลในราวศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสตกาล ตามคัมภีร์ไบเบิล (โยบ 1:20-22) เดิมทีเขาเป็นคนร่ำ�รวยมาก เขามีเรือก สวนไร่นา ปศุสัตว์ บ้านและลูกหลานมากมาย จนถึงขนาดที่ว่าในตะวัน ออกไม่มีใครที่ไม่พึ่งพาอาศัยเขา แม้กระนั้นก็ตาม โยบเป็นผู้ศรัทธาและ ผู้ขอบคุณพระเจ้า ชีวิตของเขาเป็นแบบอย่างที่ดีสอนให้คนรู้จักถ่อมตน และเจียมตัวแม้จะมีทรัพย์สินมากมายและเกียรติสูงส่งก็ตาม

ศอด

453

สำ�หรับพวกเขา พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในนรก” 60 พวกเขาจะตอบว่า “ไม่ เลย พวกท่านเองต่างหากที่ไม่ได้รับการต้อนรับ เพราะพวกท่านนำ�เรา มาสู่บั้นปลายเช่นนี้ ช่างเป็นสถานที่พักอันชั่วช้าเสียเหลือเกิน” 61 แล้ว พวกเขาจะกล่าวต่ออีกว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ใครที่ท�ำ ให้พวกเรา ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ ขอพระองค์ทรงลงโทษพวกเขาเป็นสอง เท่า” 62 และพวกเขาจะกล่าวซึ่งกันและกันว่า “เป็นไปได้อย่างไรที่เราไม่ เห็นใครเลยที่เราเคยคิดว่าเป็นคนเลวในโลก(อยู่ที่นี่) 63 และผู้ที่เราถือเอา เป็นที่เย้ยหยัน หรือพวกเขาอยู่ที่นี่ แต่ตาของเรามองไม่เห็นพวกเขา?” 64 ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่ชาวนรกต่างตำ�หนิกันและกัน 65 (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ฉันเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือนคนหนึ่ง เท่านั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดๆนอกจากพระเจ้าผู้ทรงเอกะและผู้ทรงพิชิต 66 พระผู้ทรงอภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ใน ระหว่างทั้งสอง ผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงอภัยอย่างที่สุด” 67 จงบอกพวกเขาว่า “นี่คือข่าวอันยิ่งใหญ่ 68 ที่พวกท่านไม่ใส่ใจ 69 ฉันไม่มีความรู้ใดๆในเรื่อง ที่ชุมนุมอันสูงส่งเมื่อพวกเขาถกเถียงกัน(ในเรื่องการสร้างมนุษย์) 70 ฉัน เพียงแต่ได้รับการบอกให้รู้ว่าฉันเป็นแค่ผู้ตักเตือนเท่านั้น” 71 พระผู้อภิบาลของเจ้าได้กล่าวแก่ทูตสวรรค์ว่า “ฉันจะสร้างมนุษย์ คนหนึ่งจากดิน 72 และเมื่อฉันได้ท�ำ ให้เขาเป็นรูปร่างและเป่าวิญญาณ ของฉันเข้าไปในตัวเขาแล้ว 61 พวกเจ้าจงก้มลงกราบต่อเขา” 73 ดังนั้น ทูตสวรรค์ทั้งหมดจึงก้มลงกราบ 74 นอกจากซาตานที่ยโสโอหังและเป็น หนึ่งในบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 75 พระเจ้าทรงถามว่า “ซาตาน อะไรที่ ขัดขวางเจ้ามิให้ก้มกราบต่อเขาซึ่งฉันได้สร้างมาด้วยมือทั้งสองฉัน ? 64 เจ้ายโสโอหังนัก หรือว่าเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้สูงส่ง?” 76 มันตอบว่า “ฉันดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้างฉันมาจากไฟและทรงสร้างเขามาจาก ดิน” 77 พระองค์ทรงกล่าวว่า “ดังนั้น เจ้าจงออกไปจากที่นี่ แท้จริง เจ้า

454

39. ฝูงคน

เป็นผู้ที่ถูกสาปแช่งแล้ว 78 และการสาปแช่งของฉันจะมีแก่เจ้าจนกระทั่ง ถึงวันแห่งการตัดสิน” 79 แต่ซาตานกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์ได้ทรง ผ่อนผันให้ฉันจนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพด้วยเถิด” 80 พระองค์ทรงกล่าว ว่า “ได้ เจ้าได้รับการผ่อนผัน 81 จนถึงวันที่ได้ถูกกำ�หนดไว้” 82 มันกล่าว ว่า “ขอสาบานด้วยเกียรติของพระองค์ ฉันจะทำ�ให้พวกเขาทั้งหมดหลง ผิด 83 นอกจากบ่าวของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้” 84 พระเจ้า ทรงกล่าวว่า “นี่คือความจริง และความจริงเท่านั้นที่ฉันกล่าว 85 ฉันจะ ทำ�ให้นรกเต็มไปด้วยพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่ตามพวกเจ้าทั้งหมด” 86 (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ฉันมิได้ร้องขอสิ่งตอบแทนใดๆจาก พวกท่านเพื่อสาสน์นี้ และฉันก็มิใช่คนโกหกหลอกลวง 87 นี่มิใช่อะไรนอก ไปจากคำ�ตักเตือนสำ�หรับมวลมนุษย์ 88 หลังจากนี้ พวกท่านเองจะได้รู้ ความจริงของมัน” 39. ฝูงคน

อัล-ซุมัรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 คัมภีร์นี้ได้ถูกประทานมาจากพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และผู้ทรงปรีชา ญาณ 2 (โอ้ มุฮัมมัด) แท้จริง เราได้ประทานคัมภีร์นี้มายังเจ้าด้วย สัจธรรม ดังนั้น จงเคารพสักการะพระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียวโดยการ อุทิศตนทั้งหมดของเจ้าให้ศาสนาของพระองค์ 3 พระเจ้าเท่านั้นที่ต้องได้ รับการเชื่อฟังอย่างบริสุทธิ์ใจ บรรดาผู้ที่เอาสิ่งอื่นเป็นผู้พิทักษ์นอกไป จากพระองค์กล่าวว่า “เราเคารพบูชาสิ่งเหล่านั้นเพียงเพื่อที่สิ่งเหล่านั้น จะนำ�เราเข้าใกล้พระเจ้า” แน่นอน พระเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขา

อัล-ซุมัรฺ

455

เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่พวกเขาขัดแย้งกัน แท้จริง พระเจ้ามิทรงนำ�ทางผู้ โกหกและปฏิเสธสัจธรรม 4 ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ที่จะมีบุตร พระองค์จะทรงเลือกผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์จากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระองค์(พระองค์ทรงอยู่เหนือสิ่งเช่นนั้น) พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงเอ กะ ผู้ทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 5 พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์ที่แท้จริง พระองค์ทรงทำ�ให้กลางคืนตามหลัง กลางวันและกลางวันตามหลังกลางคืน พระองค์ทรงควบคุมดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ไว้เพื่อที่มันจะได้โคจรไปตามวิถีของมันจนถึงเวลาที่ได้ถูก กำ�หนดไว้ พระองค์คือผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงให้อภัย 6 พระองค์ทรงสร้างสูเจ้ามาจากชีวิตหนึ่ง แล้วจากชีวิตนั้นพระองค์ได้ ทรงสร้างคู่ครองของมัน และทรงจัดเตรียมปศุสัตว์แปดตัวทั้งเพศผู้และ เพศเมียแก่สูเจ้า พระองค์ทรงสร้างสูเจ้าเป็นขั้นเป็นตอนในครรภ์ของ มารดาของสูเจ้าในความมืดทึบสามชั้น พระเจ้าองค์นี้แหละที่เป็นพระผู้ อภิบาลของสูเจ้า อำ�นาจสูงสุดเป็นของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอก ไปจากพระองค์ แล้วอะไรทำ�ให้สูเจ้าหันไป? 7 ถ้าหากสูเจ้าเนรคุณ จงจำ�ไว้ว่าพระเจ้าไม่ต้องการสูเจ้า พระองค์ ไม่ทรงยินดีต่อการเนรคุณในบ่าวของพระองค์ แต่ถ้าหากสูเจ้าขอบคุณ พระองค์จะทรงยินดี(ที่เห็นมัน)ในตัวสูเจ้า ไม่มีผู้แบกรับภาระคนใดที่จะ แบกภาระของอีกคนหนึ่ง ในที่สุดแล้ว สูเจ้าทั้งหมดจะต้องกลับไปหาพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้า หลังจากนั้น พระองค์จะทรงบอกสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าได้ ทำ�ไป พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของมนุษย์ 8 เมื่อมนุษย์ได้รับทุกข์ภัยบางอย่าง เขาจะวิงวอนต่อพระผู้อภิบาล ของเขาและหันไปยังพระองค์เพื่อสำ�นึกผิดและขออภัย แต่เมื่อพระผู้ อภิบาลของเขาประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่เขา เขาก็ลืม ผู้ที่เขาได้วิงวอนก่อนหน้านี้และตั้งสิ่งอื่นขึ้นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า เพื่อ

456

ทำ�ให้คนอื่นๆหลงไปจากทางของพระองค์ (โอ้ นบี) จงบอกเขาว่า “จง สนุกสนานกับการปฏิเสธของท่านไปสักระยะหนึ่งเถิด พวกท่านจะเป็น หนึ่งในชาวนรก” 9 ผู้ภักดีต่อพระเจ้าที่ใช้เวลาในยามค่�ำ คืนยืนและกราบ และผู้หวั่นเกรงต่อโลกหน้าและหวังในความเมตตาของพระผู้อภิบาล ของเขา (จะเหมือนกับผู้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรือ)? จงถามพวกเขาว่า “ คน ที่รู้กับคนที่ไม่รู้จะเท่าเทียมกันกระนั้นหรือ? ผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะ ยอมรับข้อตักเตือนนี้ 10 (โอ้ นบี) จงกล่าวเถิด “(พระเจ้าทรงกล่าวว่า) ปวงบ่าวผู้ศรัทธา ทั้งหลาย จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกท่าน สำ�หรับผู้ทำ�ความดี ในโลกนี้จะได้รับรางวัลตอบแทนที่ดี และแผ่นดินของพระเจ้านั้นกว้าง ใหญ่ไพศาล แท้จริง บรรดาผู้อดทนจะได้รับการตอบแทนโดยไม่มีการ คำ�นวณ” 11 (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ฉันถูกบัญชาให้เคารพภักดีพระเจ้า โดยอุทิศการเคารพสักการะทั้งหมดของฉันเพื่อพระองค์ 12 และฉันได้ ถูกบัญชาให้เป็นคนแรกที่ยอมจำ�นน” 13 จงกล่าวเถิด “ แท้จริง ฉันกลัว การลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัวถ้าหากฉันฝ่าฝืนพระผู้อภิบาลของ ฉัน” 14 จงกล่าวเถิด “พระเจ้าเท่านั้นที่ฉันเคารพสักการะ มีความศรัทธา อย่างบริสุทธิ์ใจในพระองค์เท่านั้น 15 ส่วนพวกท่านจะเคารพบูชาใครอื่น นอกไปจากพระองค์ก็ตามใจ” จงกล่าวเถิดว่า “ผู้ขาดทุนที่แท้จริงนั้นคือผู้ ทำ�ตัวเองและครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” นั่นเป็นการล้มละลายอย่างชัดเจน 16 พวกเขาจะมีชั้นเปลวไฟประกบ พวกเขาจากทั้งข้างบนและข้างล่าง” นั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้ท�ำ ให้บ่าว ของพระองค์เกรงกลัว ดังนั้น ปวงบ่าวของฉันเอ๋ย จงเกรงกลัวฉัน 17 ส่วนบรรดาผู้หลีกห่างจากการเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จอม ปลอมและหันไปยังพระเจ้านั้น สำ�หรับพวกเขามีข่าวดี ดังนั้น เจ้าจงแจ้ง ข่าวดีแก่ปวงบ่าวของฉัน 18 ผู้สดับฟังถ้อยคำ�นั้นแล้วปฏิบัติตามสิ่งที่ดี

อัล-ซุมัรฺ

457

ที่สุดของมัน เหล่านี้แหละคือผู้ที่พระเจ้าได้ทรงชี้ทางนำ�ที่ถูกต้องให้และ เขาเหล่านี้คือผู้มีความเข้าใจ 19 ใครจะสามารถคุ้มครองคนที่ถูกตัดสินแล้วว่าสมควรได้รับการ ลงโทษ? เจ้าสามารถช่วยคนที่ตกลงไปในไฟนรกได้กระนั้นหรือ? 20 แน่นอน แต่สำ�หรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขามีคฤหาสน์โอ่โถงหลายหลังซึ่งถูกสร้างไว้เป็นชั้นๆ และใต้นั้นมี ลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน นี่คือสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงบิดพลิ้ว สัญญาของพระองค์ 21 เจ้ามิเห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงหลั่งน้ำ�ฝนลงมาจากท้องฟ้า แล้ว ทรงให้มันไหลในแผ่นดินเป็นตาน้ำ�และแม่น้ำ� หลังจากนั้น ด้วยน้ำ�ดัง กล่าว พระองค์ได้ทรงให้พืชพรรณนานาชนิดหลากสีสันงอกเงยออกมา หลังจากนั้นมันจะสุกและเหี่ยวแห้ง และเจ้าจะได้เห็นมันเปลี่ยนเป็นสี เหลือง แล้วในที่สุด พระองค์ก็ทำ�ให้มันกลายเป็นเศษแห้ง? แท้จริง ในนั้น มีบทเรียนสำ�หรับผู้มีความเข้าใจ* 22 ผู้ใดที่พระเจ้าทรงเปิดหัวใจของพวก เขาเพื่ออิสลามจะมีแสงสว่างจากพระผู้อภิบาลของเขา แต่ความวิบัติจะ เกิดขึ้นกับบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาถูกทำ�ให้แข็งกระด้างต่อการระลึก ถึงพระเจ้า พวกเขาเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดเจน 23 พระเจ้าได้ทรงประทานสาสน์ที่ดีที่สุดลงมา เป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งซึ่ง ทุกส่วนของมันสอดคล้องกัน และเรื่องสำ�คัญของมันได้ถูกกล่าวซ้�ำ แล้ว * ระบบอันมหัศจรรย์ของฝนบนโลกที่ส่งผลทำ�ให้พืชผักเติบโตขึ้น มาและการเตรียมตัวเพื่อการเก็บเกี่ยว สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทั้งหมดมี บทเรียนที่เต็มไปด้วยความหมายนับไม่ถ้วน แต่บทเรียนเหล่านี้จะมี ประโยชน์ส�ำ หรับผู้ที่มีนิสัยตรึกตรองเป็นธรรมชาติเท่านั้น คนที่รักษา ความสามารถทางธรรมชาตินี้ให้คงมีชีวิตอยู่และใช้มันพิจารณาสิ่งต่างๆ ในโลกอย่างลึกซึ้งจะทำ�ให้ความคิดของพวกเขาเต็มไปด้วยการตระหนัก ถึงพระเจ้า

458

39. ฝูงคน

ซ้ำ�อีก คนที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะเกิดความหวั่นกลัวเมื่อ พวกเขาได้ยินมัน หลังจากนั้น ร่างกายและหัวใจของพวกเขาจะสงบลง ด้วยการเอ่ยคำ�ระลึกถึงพระเจ้า นี่คือการนำ�ทางของพระเจ้า พระองค์ จะทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และไม่มีใครสามารถนำ�ทางผู้ที่ พระเจ้าทรงทำ�ให้เขาหลงทาง 24 แล้วคนที่มีแต่เพียงใบหน้าเปล่าๆที่จะคุ้มครองเขาจากการลงโทษ อันน่าสะพรึงกลัวของวันแห่งการฟื้นคืนชีพจะเป็นอย่างไรเล่า? บรรดาผู้ ทำ�ผิดจะถูกบอกว่า “ตอนนี้ จงลิ้มรสสิ่งที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้” 25 หลายคนก่อน หน้าพวกเขาได้เคยปฏิเสธสัจธรรมมาแล้วเช่นกัน และการลงโทษได้เกิด ขึ้นกับพวกเขาจากที่ที่พวกเขาไม่คาดคิด 26 พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้พวกเขา ได้ลิ้มรสความอัปยศแม้กระทั่งในชีวิตแห่งโลกนี้ แต่การลงโทษของโลก หน้านั้นรุนแรงกว่ามากนักถ้าหากพวกเขาได้รู้ 27 เราได้ยกข้อเปรียบเทียบทุกอย่างในกุรอานนี้ส�ำ หรับมนุษย์เพื่อที่ พวกเขาจะได้ใส่ใจ 28 กุรอานเป็นภาษาอาหรับที่ไม่มีความคลุมเครือใดๆ ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้คิด 29 พระเจ้าได้ทรงยกอุปมาอย่างหนึ่งขึ้นมา ดังนี้ : มีชายคนหนึ่งตกเป็นส่วนแบ่งของนายหลายคนที่ต่างไม่ยอมกัน และมีชายอีกคนหนึ่งมีนายเพียงคนเดียว ทั้งสองคนนี้จะเหมือนกันไหม ในข้อเปรียบเทียบนี้? การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของพระเจ้า แต่พวกเขา ส่วนใหญ่ไม่รู้ 30 (โอ้ นบี) แท้จริง เจ้าต้องตายและพวกเขาก็ต้องตายด้วย เช่นกัน 31 แล้วในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ สูเจ้าทั้งหมดจะนำ�ข้อถกเถียง ของสูเจ้ามาต่อหน้าพระผู้อภิบาลของสูเจ้า 32 ดังนั้น ใครจะไม่เป็นธรรมยิ่งไปกว่าคนที่สร้างความเท็จต่อพระเจ้า และปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันมายังเขาแล้ว? มิใช่ในนรกดอกหรือที่เป็น สถานที่สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม? 33 ส่วนคนที่มากับสัจธรรมและ ผู้ยืนยันสัจธรรม คนเหล่านี้คือผู้เกรงกลัวพระเจ้า 34 พวกเขาจะได้รับทุก สิ่งที่พวกเขาต้องการจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา นี่คือการตอบแทน

อัล-ซุมัรฺ

459

ของบรรดาผู้ทำ�ความดี 35 พระเจ้าจะทรงลบล้างความชั่วที่พวกเขาได้ทำ� ไว้ออกจากบัญชีของพวกเขาและจะทรงตอบแทนพวกเขาตามความดีที่ พวกเขาได้ทำ�ไว้ 36 (โอ้ นบี) พระเจ้าไม่เพียงพอกระนั้นหรือสำ�หรับบ่าวของพระองค์? คนเหล่านี้พยายามข่มขู่เจ้าด้วยสิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ และใครที่ พระเจ้าทรงทำ�ให้เขาหลงทางจะไม่มีใครนำ�ทางเขา 37 และผู้ใดที่พระเจ้า ทรงนำ�ทางให้ จะไม่มีใครที่สามารถทำ�ให้เขาหลงทางได้ พระเจ้ามิใช่ ผู้ทรงอำ�นาจและผู้ทรงสามารถตอบโต้ได้กระนั้นหรือ? 38 ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน?” พวกเขาจะกล่าวว่า “พระเจ้า” จงถามพวกเขาว่า “จงพิจารณา ถึงสิ่งที่พวกท่านวิงวอนนอกไปจากพระองค์ ถ้าพระองค์ประสงค์จะทำ�ให้ ฉันได้รับอันตรายแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะปลดเปลื้องอันตรายไปจากฉันได้ ไหม? หรือถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ที่จะประทานความเมตตาแก่ฉัน สิ่งเหล่านั้นสามารถยับยั้งความเมตตาของพระองค์ได้ไหม?” ดังนั้น จง บอกพวกเขาไปว่า “พระเจ้าทรงเพียงพอแล้วสำ�หรับฉัน พระองค์เท่านั้น ที่ผู้มอบหมายความไว้วางใจได้ให้ความไว้วางใจ” 39 จงบอกพวกเขา ว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย พวกท่านจงทำ�ตามที่พวกท่านสามารถ ฉันก็จะ ทำ�งานของฉัน ไม่ช้า พวกท่านจะได้รู้ 40 ว่าใครที่ได้รับการลงโทษอย่าง อัปยศและใครได้รับการลงโทษอันยาวนาน” 41 (โอ้ นบี) เราได้ประทาน คัมภีร์นี้แก่เจ้าเพื่อมนุษยชาติทั้งมวลด้วยความจริง ดังนั้น ใครก็ตามที่ ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็จะได้แก่ตัวเขาเอง และใครก็ตามที่หลงผิด เขาจะต้องแบกภาระการหลงผิดของเขาเอง เจ้าไม่ใช่ผู้รับผิดชอบต่อพวก เขา 42 พระเจ้าเป็นผู้ทรงเอาชีวิตของมนุษย์ไปในตอนที่พวกเขาตาย และชีวิตของคนที่ยังไม่ตายในระหว่างที่พวกเขานอนหลับ หลังจากนั้น พระองค์จะทรงเอาชีวิตของผู้ที่พระองค์ได้ทรงกำ�หนดความตายไว้แล้ว

460

39. ฝูงคน

และทรงปล่อยชีวิตอื่นกลับไปจนกระทั่งถึงเวลาที่ถูกกำ�หนดไว้ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับหมู่ชนที่ใคร่ครวญ 43 พวกเขายังจะเอาสิ่งอื่นนอกไปจากพระเจ้าเป็นผู้ช่วยขอไถ่โทษ กระนั้นหรือ? จงบอกพวกเขาว่า “พวกเขาจะขอไถ่โทษให้กระนั้นหรือ ทั้งๆที่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีอำ�นาจใดและไม่มีความเข้าใจ?” 44 จงบอก พวกเขาว่า “การขอไถ่โทษนั้นอยู่ในอำ�นาจของพระเจ้าทั้งหมด พระองค์ ทรงควบคุมชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พวกท่านทั้งหมดจะถูกนำ�กลับ ไปยังพระองค์” 45 เมื่อพระเจ้าองค์เดียวได้ถูกเอ่ยขึ้น หัวใจของบรรดา ผู้ไม่ศรัทธาในวันโลกหน้าจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เมื่อสิ่งอื่นๆ นอกไปจากพระองค์ได้ถูกเอ่ยขึ้นมา พวกเขารู้สึกดีใจขึ้นมาทันที 46 จง กล่าวเถิด “ โอ้พระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงรอบรู้ ในสิ่งเร้นลับและสิ่งที่เปิดเผย พระองค์เท่านั้นที่จะทรงตัดสินระหว่างบ่าว ของพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน” 47 ถ้าหากบรรดาผู้ทำ�ผิด มีทุกสิ่งในโลกนี้ทั้งหมดและมีมากกว่านั้นอีกเป็นสองเท่า พวกเขาพร้อม ที่จะนำ�มันทั้งหมดมาเสนอเป็นค่าไถ่เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากการถูก ลงโทษอย่างน่ากลัวในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เพราะพระเจ้าจะให้พวกเขา ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน 48 ผลกรรมอันเลวร้ายในการ ทำ�ความชั่วของพวกเขาจะปรากฏต่อหน้าพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาเคย หัวเราะเยาะนั้นจะออกมารายรอบพวกเขา 49 เมื่อทุกข์ภัยใดๆเกิดขึ้นแก่มนุษย์ เขาก็วิงวอนต่อเรา แต่เมื่อเราได้ ประทานความโปรดปรานแก่เขาแล้ว เขากล่าวว่า “ฉันได้รับสิ่งนี้เพราะ ความรู้ของฉัน” เปล่าเลย นั่นคือการทดสอบอย่างหนึ่งต่างหาก แต่พวก เขาส่วนใหญ่ไม่รู้ 50 ผู้คนก่อนหน้าพวกเขาก็เคยพูดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 51 ดังนั้น พวก เขาจึงได้พบกับผลแห่งความชั่วร้ายที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ บรรดาผู้ทำ�ความ ผิดในวันนี้เช่นกัน พวกเขาจะได้พบกับผลแห่งความชั่วร้ายที่พวกเขาได้

อัล-ซุมัรฺ

461

ทำ�ไว้ พวกเขาไม่สามารถที่จะยับยั้ง(แผนการของเรา)ได้ 52 พวกเขาไม่รู้ หรือว่าพระเจ้าทรงจัดหาปัจจัยยังชีพอย่างเหลือเฟือให้แก่ผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์และทรงยับยั้งสำ�หรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์? แท้จริง ใน นั้นมีสัญญาณมากมายสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 53 จงกล่าวเถิด(พระเจ้า กล่าวว่า) “โอ้ปวงบ่าวของฉัน ผู้ที่ทำ�ในสิ่งที่เกินเลยต่อชีวิตของตนเอง จง อย่าสิ้นหวังในความเมตตาของพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าจะทรงอภัยบาป ทั้งหลาย เพราะพระองค์คือผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 54 จงหันไป ยังพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและนอบน้อมยอมจำ�นนต่อพระองค์ก่อนที่การ ลงโทษจะมาถึงสูเจ้า เพราะหลังจากนั้น สูเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ 55 จงปฏิบัติตามสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้ถูกประทานมายังสูเจ้าจากพระผู้ อภิบาลของสูเจ้าก่อนที่การลงโทษจะลงมายังสูเจ้าอย่างฉับพลันทันที โดยสูเจ้าไม่รู้ตัว 56 มิฉะนั้น บางคนอาจจะกล่าวว่า ‘อนิจจาตัวฉันที่ละทิ้ง หน้าที่ต่อพระเจ้าและฉันยังเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เย้ยหยันอีกด้วย’ 57 หรือ อาจจะมีบางคนกล่าวว่า ‘ หากพระเจ้าทรงแสดงทางนำ�แก่ฉัน ฉันจะได้ อยู่ในหมู่ผู้ย�ำ เกรง’ 58 หรือ ‘ถ้าฉันได้มีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง ฉันก็จะได้อยู่ ในหมู่ผู้ท�ำ ความดี’ 59 (แล้วเขาจะได้รับคำ�ตอบว่า) ไม่เลย สาสน์ของฉัน ได้มาถึงสูเจ้าแล้ว แต่สูเจ้าได้ปฏิเสธมันและแสดงความหยิ่งยโส และ สูเจ้าก็อยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธ” 60 ในวันแห่งการตัดสิน สูเจ้าจะได้เห็นใบหน้า ของบรรดาผู้กล่าวเท็จต่อพระเจ้าดำ�คล้�ำ มิใช่ในนรกกระนั้นหรือที่เป็นที่ พำ�นักสำ�หรับบรรดาผู้หยิ่งยโส ? 61 ส่วนบรรดาผู้ด�ำ เนินชีวิตด้วยความ ยำ�เกรงนั้น พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาให้รอดพ้น ความชั่วร้ายใดๆจะไม่ แผ้วพานพวกเขาและพวกเขาจะไม่โศกเศร้าเสียใจ 62 พระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างทุกสิ่งและเป็นผู้ทรงคุ้มครองดูแลทุกสิ่ง 63 กุญแจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์และบรรดา ผู้ปฏิเสธสิ่งที่พระเจ้าประทานมานั้นคือผู้ขาดทุน 64 (โอ้ นบี) จงกล่าว แก่พวกเขาว่า “ พวกคนโอหังเอ๋ย พวกท่านสั่งให้ฉันเคารพสักการะสิ่ง

462

39. ฝูงคน

อื่นนอกไปจากพระเจ้ากระนั้นหรือ?” 65 มันได้ถูกประทานมายังเจ้าและ บรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าเจ้าแล้วว่าถ้าหากเจ้าทำ�นำ�สิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระเจ้า การงานของเจ้าทั้งหมดก็จะไร้ผลและเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน 66 ดังนั้น (โอ้ นบี) เจ้าจงเคารพสักการะพระเจ้าและจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู 67 คนเหล่านี้ไม่ยอมรับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าดังที่พระองค์ทรง เป็น แต่ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แผ่นดินนี้ทั้งหมดจะอยู่ในพระหัตถ์ของ พระองค์ในขณะที่ชั้นฟ้าจะถูกม้วนด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ มหา บริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์และผู้ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขานำ�มาเป็นภาคี กับพระองค์ 68 แตรจะถูกเป่าในวันนั้น แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินจะล้มตายลงนอกจากบรรดาผู้ที่พระเจ้าประสงค์จะให้ มีชีวิต หลังจากนั้น แตรจะถูกเป่าอีกครั้งหนึ่งและพวกเขาทั้งหมดจะลุก ขึ้นยืนมองไปรอบๆ 69 แผ่นดินจะสว่างด้วยรัศมีแห่งพระผู้อภิบาลของมัน และบัญชีความประพฤติจะถูกกางออก บรรดานบีและพยานจะถูกนำ�มา และมนุษย์จะถูกตัดสินด้วยความยุติธรรมและไม่มีใครได้รับความไม่เป็น ธรรม 70 ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนอย่างครบถ้วนสำ�หรับสิ่งที่ได้ทำ�ไว้ และพระองค์ทรงรอบรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากระทำ� 71 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะถูกไล่ต้อนไปสู่นรกเป็นกลุ่มๆ เมื่อพวก เขาไปถึงที่นั่น ประตูทั้งหลายของนรกจะถูกเปิดออก และผู้เฝ้าประตูนรก จะกล่าวแก่พวกเขาว่า “ในหมู่สูเจ้ามิได้มีบรรดาศาสนทูตมาอ่านสาสน์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและเตือนสูเจ้าเกี่ยวกับการพบ(กับพระเจ้า) กันในวันนี้กระนั้นหรือ?” พวกเขาตอบว่า “มี พวกเขามาแล้ว” แต่การ ตัดสินลงโทษต่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว 72พวกเขาจะถูก บอกว่า “สูเจ้าจงเข้าประตูนรกเพื่อพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป และนั่นเป็นที่ พำ�นักอันชั่วช้าสำ�หรับผู้หยิ่งยโส” 73 แต่บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะถูกนำ�ไปยัง สวรรค์เป็นกลุ่มๆ เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่นและประตูของมันเปิดออก ผู้เฝ้า

ฆอฟิรฺ

463

ประตูสวรรค์จะกล่าวว่า “ศานติจงมีแด่ท่าน พวกท่านได้ทำ�ดีมาแล้ว ดัง นั้น เชิญท่านเข้าไปข้างในและพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดกาล” 74 และพวกเขา จะกล่าวว่า “ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงทำ�ตามสัญญา ของพระองค์ที่ให้ไว้แก่เราและได้ทรงทำ�ให้เราเป็นผู้สืบทอดแผ่นดิน ทีนี้ เราสามารถที่จะอยู่ในสวรรค์ตรงไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ” ช่างเป็นการ ตอบแทนที่เลอเลิศเหลือเกินสำ�หรับผู้ทำ�ความดี 75 เจ้าจะได้เห็นบรรดา ทูตสวรรค์ล้อมรอบบัลลังก์สรรเสริญสดุดีพระผู้อภิบาลของพวกเขา และ มนุษย์จะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรม และจะมีการ ประกาศว่า “ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่ง สากลโลก” 40. ผู้ให้อภัย

ฆอฟิรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮา มีม 2 คัมภีร์นี้ถูกประทานมาจากพระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงรอบรู้ 3 ผู้ทรง อภัยบาปและผู้ทรงรับการกลับใจ ผู้ทรงเฉียบขาดในการลงโทษและ ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความโปรดปราน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจาก พระองค์ ยังพระองค์ที่ทุกสิ่งจะกลับไป 4 มีแต่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเท่านั้นที่โต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาณทั้ง หลายของพระเจ้า ดังนั้น จงอย่าให้การงานของพวกเขาในแผ่นดินของ หลอกลวงเจ้า 5 ก่อนหน้าพวกเขา หมู่ชนของนูฮฺและกลุ่มคนต่างๆหลัง จากพวกเขาได้ปฏิเสธสัจธรรมมาแล้ว และทุกชาติเคยวางแผนต่อต้าน ศาสนทูตที่ถูกส่งมายังพวกเขาโดยคิดจะทำ�ร้ายเขา พวกเขาโต้เถียง(คำ� 1

464

40. ผู้ให้อภัย

สอนที่เขานำ�มา)ด้วยเหตุผลอันเป็นเท็จเพื่อที่จะทำ�ลายล้างสัจธรรม ดัง นั้น ฉันจึงได้เอาโทษพวกเขา แล้วดูเองว่าการลงโทษของฉันน่าสะพรึงี กลัวอย่างไร 6 ในทำ�นองนี้แหละที่วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้าได้เป็น จริงกับบรรดาผู้ปฏิเสธ พวกเขาจะเป็นชาวนรก 7 บรรดาผู้แบกบัลลังก์และผู้ที่อยู่รอบๆบัลลังก์นั้นต่างสดุดีด้วยการ สรรเสริญพระผู้อภิบาลของพวกเขาและศรัทธาในพระองค์ พวกเขากำ�ลัง ขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธาโดยกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ทรงไพศาลยิ่งในความเมตตาและในความรอบรู้ทุกสิ่ง โปรดทรง อภัยและช่วยเหลือบรรดาผู้สำ�นึกผิดและปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ ให้พ้นจากการถูกลงโทษในนรกด้วยเถิด 8 โปรดรับพวกเขาเข้าสวรรค์อัน สถาพรซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แก่พวกเขา รวมทั้งคนดีๆจากบรรดา พ่อแม่ ภรรยาและลูกๆของพวกเขาด้วยเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรง อำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 9 โปรดคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากความชั่ว ทั้งหลาย เพราะผู้ใดก็ตามที่พระองค์ได้ทรงช่วยให้พ้นจาก(การลงโทษ สำ�หรับ)การงานอันชั่วร้ายจะได้รับความเมตตาจากพระองค์ และนั่นคือ ความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่” 10 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นจะถูกบอกว่า “ความกริ้วของพระเจ้าที่มี ต่อสูเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าความโกรธที่สูเจ้ามีต่อตัวเองในวันนี้เสียอีก สูเจ้า ถูกเรียกร้องไปสู่ความศรัทธา แต่สูเจ้าปฏิเสธ” 11 พวกเขากล่าวว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ทรงให้เราตายสองครั้งและทรงให้เรามีชีวิต สองครั้ง ตอนนี้เรายอมสารภาพความผิดของเรา แล้วมีทางออกใดๆไป จากที่นี่ไหม?” 12 (พวกเขาจะถูกบอกว่า) “นี่เป็นเพราะเมื่อสูเจ้าถูกเรียก ร้องไปสู่พระเจ้าผู้ทรงเอกะ สูเจ้าได้ปฏิเสธสัจธรรม แต่เมื่อมีการนำ�สิ่งใด มาเป็นภาคีกับพระเจ้า สูเจ้ากลับศรัทธาในสิ่งเหล่านั้น” ตอนนี้ การตัดสิน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่ 13 พระองค์ต่างหากเป็นผู้แสดงให้สูเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของ

465

พระองค์ และได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพจากท้องฟ้าแก่สูเจ้า แต่ไม่มีใคร ใส่ใจยกเว้นผู้ส�ำ นึกผิด 14 ดังนั้น จงวิงวอนต่อพระเจ้าโดยการทำ�ศาสนา ให้บริสุทธิ์เพื่อพระองค์ แม้ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมอาจจะเกลียดชัง สูเจ้าก็ตาม 15 ผู้ทรงตำ�แหน่งอันสูงส่ง ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งบัลลังก์ พระองค์ ทรงส่งวิญญาณโดยคำ�บัญชาของพระองค์ลงมายังบ่าวของพระองค์ที่ พระองค์ทรงประสงค์ เพื่อเตือนถึงวันแห่งการพบปะกัน 16 วันที่พวกเขา ทั้งหมดจะลุกขึ้นมา(จากหลุมฝังศพของพวกเขา) และไม่มีสิ่งใดของพวก เขาจะถูกซ่อนเร้นไปจากพระเจ้าได้ “วันนั้น อำ�นาจเป็นของใคร?” (ทั่วทั้ง จักรวาลจะตะโกนว่า) มันเป็นของพระเจ้าผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิตโดยเด็ด ขาด 17 วันนั้น ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนสำ�หรับสิ่งที่มันได้ขวนขวาย ไว้ วันนั้นจะไม่มีใครได้รับความไม่เป็นธรรม และพระเจ้าทรงฉับพลันใน การคำ�นวณ 18 (โอ้ นบี) จงเตือนพวกเขาถึงวันที่ก�ำ ลังใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อหัวใจ จะขึ้นมาถึงลำ�คอและมนุษย์จะยืนนิ่งด้วยความเศร้าโศก เมื่อผู้ท�ำ ความ ผิดทั้งหลายจะไม่มีมิตร และจะไม่มีผู้ขอไถ่โทษคนใดได้รับการรับฟัง 19 เพราะพระเจ้าทรงรอบรู้ถึงดวงตาที่หลบซ่อนและทุกสิ่งที่หัวใจซ่อน เร้นอยู่ 20 พระเจ้าจะทรงตัดสินด้วย(ความยุติธรรมและ)ความจริง ส่วนสิ่ง ทั้งหลายที่พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้น พวกมันไม่อาจตัดสิน อะไรได้ แท้จริง พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงได้ยินทุกสิ่งและเห็นทุกสิ่ง 21 พวกเขาไม่ได้เดินทางไปในแผ่นดินแล้วดูว่าผลสุดท้ายของผู้ที่ล่วง ลับไปก่อนหน้าพวกเขาว่าเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? พวกเขาเหล่านั้น เข้มแข็งกว่าพวกเขาและได้ทิ้งร่องรอยที่ยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน แต่พระเจ้า ได้ทำ�ลายพวกเขาเพราะบาปของพวกเขา และไม่มีใครสามารถที่จะช่วย พวกเขาให้รอดพ้นจากพระเจ้าได้ 22 นั่นเป็นเพราะบรรดาศาสนทูตของ พวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่พวกเขา

466

40. ผู้ให้อภัย

ยังปฏิเสธ ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงลงโทษพวกเขา แท้จริง พระองค์เป็น ผู้ทรงอำ�นาจและทรงรุนแรงในการลงโทษ 23 เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของเราและหลักฐานอย่าง ชัดเจน 24 มายังฟาโรห์ และฮามานและกอรูน แต่พวกเขากล่าวว่า “เขา เป็นนักมายากล เป็นผู้โกหก” 25 ดังนั้น เมื่อเขาได้มายังคนเหล่านี้พร้อม กับสัจธรรมจากเรา พวกเขาได้กล่าวว่า “จงฆ่าบรรดาลูกชายของผู้ที่ ศรัทธาและเข้าร่วมกับเขา และไว้ชีวิตลูกสาวของพวกเขาเท่านั้น” แต่ แผนการของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมต้องล้มเหลว 26 วันหนึ่ง ฟาโรห์ได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “ปล่อยให้ฉันฆ่ามูซา และให้เขาร้องหาพระเจ้าของเขา ฉันกลัวว่าเขาจะทำ�ให้พวกเจ้าเปลี่ยน ศาสนาของพวกเจ้าหรือไม่ก็อาจสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน” 27 มูซากล่าวว่า “ฉันขอความคุ้มครองจากพระผู้อภิบาลของฉันและพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านให้พ้นจากผู้ยโสโอหังทุกคนที่ไม่ศรัทธาในวันแห่ง การชำ�ระบัญชี” 28 ผู้ศรัทธาคนหนึ่งจากหมู่ชนของฟาโรห์ซึ่งปิดบังความศรัทธาของ เขาไว้ได้ออกมากล่าวว่า “พวกท่านจะฆ่าคนผู้หนึ่งเพียงเพราะเขากล่าว ว่า ‘พระผู้อภิบาลของฉันคือพระเจ้า’ กระนั้นหรือทั้งๆที่เขาได้นำ�สัญญาณ อันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว? ถ้าหาก เขาเป็นคนโกหก บาปการโกหกก็จะตกอยู่บนตัวเขา แต่ถ้าหากเขาพูด จริง บางสิ่งที่เขาข่มขู่พวกท่านก็จะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน แท้จริง พระเจ้า ไม่ทรงนำ�ทางผู้ที่ฝ่าฝืนและผู้โกหก 29 หมู่ชนของฉันเอ๋ย วันนี้พวกท่านมี อำ�นาจและเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ใครเล่าจะช่วยเราถ้าหากเราได้รับการ ลงโทษจากพระเจ้า?” ฟาโรห์ได้กล่าวว่า “ข้าบอกพวกเจ้าในสิ่งที่ข้าคิดว่า เหมาะสม และข้าเพียงแต่ชี้แนะพวกเจ้าให้เห็นทางที่ถูกต้องเท่านั้น” 30 ชายผู้ศรัทธาจึงได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันกลัวว่าพวกท่าน จะได้รับการลงโทษอย่างในสมัยที่กลุ่มคนในอดีตเคยได้รับกันมาแล้ว

ฆอฟิรฺ

467

อย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับหมู่ชนของนูฮฺและชาวอ๊าดและชาวษะมูดและ บรรดาผู้คนหลังจากพวกเขาเหล่านั้น และแท้จริง พระเจ้ามิทรงต้องการ ที่จะสร้างความอธรรมธรรมแก่บ่าวของพระองค์ 32 หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉัน กลัวถึงวันที่พวกท่านจะร้องคร่ำ�ครวญหากันและกัน 33 วันที่พวกท่าน (อยากจะ)หันหลังวิ่งหนีโดยที่ไม่มีใครปกป้องพวกท่านให้พ้นจากการ ลงโทษของพระเจ้าได้ เพราะใครที่พระเจ้าทรงให้เขาหลงผิดแล้วจะไม่มี ใครเป็นผู้นำ�ทางเขา 34 ก่อนหน้านี้ ยูซุฟได้น�ำ สัญญาณต่างๆอันชัดแจ้งมายังสูเจ้าแล้ว แต่ สูเจ้ายังคงสงสัยในสิ่งที่เขาได้น�ำ มายังสูเจ้า เมื่อเขาตายไป สูเจ้าก็กล่าว ว่า ‘พระเจ้าจะไม่ส่งศาสนทูตคนอื่นมาอีกหลังจากเขา’” ในทำ�นองนี้แหละ ที่พระเจ้าจะปล่อยให้ผู้ฝ่าฝืนและผู้สงสัยหลงทาง 35 บรรดาผู้ที่โต้เถียง เกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าประทานมาโดยไม่มีหลักฐานใดๆกำ�ลังทำ�สิ่งที่น่า รังเกียจยิ่งต่อพระเจ้าและต่อบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้นแหละที่พระเจ้าทรง ปิดผนึกหัวใจของผู้กดขี่ที่หยิ่งยโส 36 ฟาโรห์ได้กล่าวว่า “ฮามาน จงสร้างหอคอยสูงให้ข้าเพื่อที่ข้าจะได้ มีทางขึ้นไป 37 สู่ชั้นฟ้าทั้งหลายเพื่อที่ข้าจะไปมองหาพระเจ้าของมูซา เพราะข้าคิดว่ามูซาเป็นคนโกหกอย่างแน่นอน” เช่นนั้นแหละที่การกระ ทำ�อันชั่วร้ายของฟาโรห์ได้ถูกทำ�ให้ดูเหมือนเป็นเรื่องดีงามสำ�หรับเขา และเขาได้ถูกหันจากแนวทาง(แห่งสัจธรรม) และแผนการของฟาโรห์ มิได้น�ำ ไปสู่สิ่งใดนอกจากความหายนะ 38 คนที่ศรัทธาได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงปฏิบัติตามฉัน ฉัน จะนำ�พวกท่านไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง 39 หมู่ชนของฉันเอ๋ย ชีวิตแห่งโลก นี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว และโลกหน้านั้นเป็นที่พ�ำ นักอันถาวร 40 ใครที่ ทำ�ความชั่วจะได้รับการตอบแทนด้วยความชั่ว และใครที่ท�ำ ความดีไม่ ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง หากเขาเป็นผู้ศรัทธา พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์ซึ่ง ในนั้นพวกเขาจะได้รับปัจจัยโดยที่ไม่มีการคำ�นวณ 41 หมู่ชนของฉันเอ๋ย 31

468

40. ผู้ให้อภัย

เป็นอย่างไรซิที่ฉันเชิญชวนพวกท่านไปสู่การรอดพ้น แต่พวกท่านกลับ เชิญชวนฉันไปสู่ไฟนรก? 42 พวกท่านเชิญชวนฉันให้ปฏิเสธพระเจ้าและ เอาสิ่งที่ฉันไม่รู้มาเป็นภาคีกับพระองค์ในขณะที่ฉันกำ�ลังเชิญชวนพวก ท่านไปสู่พระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจและผู้ทรงอภัย 43 มิต้องสงสัยเลย สิ่งที่พวก ท่านเรียกร้องฉันไปสู่นั้นไม่พูดอะไรเลยทั้งในโลกนี้และโลกหน้าว่ายัง พระเจ้าเท่านั้นที่เราจะต้องกลับไป ส่วนผู้ฝ่าฝืนนั้น พวกเขาเป็นชาวนรก 44 ในไม่ช้า พวกท่านจะนึกถึงสิ่งที่ฉันบอกพวกท่าน และฉันมอบหมาย การงานทั้งหลายของฉันไว้กับพระเจ้า เพราะทรงเฝ้าดูบ่าวของพระองค์ อยู่ตลอดเวลา” 45 ในที่สุด พระเจ้าทรงช่วยผู้ศรัทธาคนนั้นให้พ้นจากความชั่วร้ายที่ พวกเขาวางแผนไว้ และพวกพ้องของฟาโรห์เองที่ตกอยู่ท่ามกลางการ ลงโทษอันน่าสะพรึงกลัว 46 พวกเขาจะถูกนำ�มายังไฟนรกทั้งเวลาเช้า และเวลาเย็น และเมื่อวันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง (จะมีเสียงคำ�บัญชาว่า) : “ จงเอาผู้คนของฟาโรห์ไปลงโทษให้สาหัส” 47 เมื่อตอนที่คนเหล่านี้เถียงกันในนรก พวกที่อ่อนแอกว่าจะกล่าวแก่ พวกที่วางตัวเป็นใหญ่ว่า “ เราเป็นผู้ตามพวกท่าน พวกท่านช่วยเราให้ พ้นจากไฟนรกสักส่วนหนึ่งได้ไหม?” 48 พวกที่วางตัวเป็นใหญ่จะกล่าวว่า “เราทุกคนล้วนอยู่ในสภาพเดียวกันที่นี่ และพระเจ้าได้ทรงตัดสินระหว่าง บ่าวของพระองค์ไปแล้ว” 49 ชาวนรกจะกล่าวแก่ผู้เฝ้านรกว่า “โปรดช่วย วิงวอนพระผู้อภิบาลของพวกท่านให้ลดหย่อนผ่อนโทษแก่เราสักวันหนึ่ง ด้วยเถิด” 50 แต่พวกเขาจะกล่าวว่า “บรรดาศาสนทูตของพวกท่านมิได้ มายังพวกท่านพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งกระนั้นหรือ?” พวกเขาจะ กล่าวว่า “มาแล้ว” ผู้เฝ้านรกจะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกท่านวิงวอนขอ กันเองแล้วกัน” แต่การวิงวอนของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้นมีแต่จะไร้ ผล 51 แน่นอนที่สุดว่าเราได้ช่วยบรรดาศาสนทูตของเราและบรรดาผู้

ฆอฟิรฺ

469

ศรัทธาทั้งในชีวิตโลกนี้และในวันที่พยานทั้งหลายจะยืนขึ้น 52 วันที่การ แก้ตัวของผู้ท�ำ ผิดจะไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขา พวกเขาจะถูกสาปแช่ง และจะได้รับที่พ�ำ นักอันเลวร้ายที่สุด 53 เราได้ให้ทางนำ�แก่มูซาและทำ�ให้ ลูกหลานของอิสรออีลเป็นผู้สืบทอดคัมภีร์ 54 ที่เป็นทางนำ�และคำ�ตัก เตือนสำ�หรับสำ�หรับคนที่มีสติปัญญา 55 ดังนั้น จงอดทน (โอ้ นบี) เพราะ สัญญาของพระเจ้านั้นจะเป็นจริงอย่างแน่นอน จงขออภัยในความผิดของ เจ้า และจงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยการสรรเสริญทั้งยามเย็นและใน ยามเช้า 56 สำ�หรับบรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับสาสน์ของพระเจ้าโดยไม่มีหลัก ฐานใดๆมายังพวกเขานั้น ในหัวใจของพวกเขาไม่มีอะไรนอกไปจาก ความรู้สึกยิ่งใหญ่ที่พวกเขาไม่มีวันจะได้รับ ดังนั้น จงขอความคุ้มครอง จากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงเห็นทุกสิ่ง 57 แน่นอน การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการสร้าง มนุษย์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ 58 คนตาบอดกับคนตาดีนั้นไม่อาจเท่าเทียม กัน เช่นเดียวกับผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีกับผู้กระทำ�ความชั่วย่อมไม่ เท่าเทียมกัน แต่สูเจ้าเข้าใจเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 59 ยามอวสานจะ มีมาอย่างแน่นอน ไม่มีข้อสงสัยใดๆในเรื่องนี้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา 60 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงกล่าวว่า “จงวิงวอนต่อฉัน ฉันจะตอบ รับคำ�วิงวอนของสูเจ้า” ส่วนบรรดาผู้หยิ่งยโสต่อการเคารพสักการะฉันจะ เข้าไปในนรกอย่างอัปยศอดสู 61 พระเจ้าเป็นผู้ทรงทำ�กลางคืนให้แก่สูเจ้า เพื่อพักผ่อนในยามนั้นและทรงทำ�ให้กลางวันสว่างเพื่อสูเจ้าจะได้มอง เห็น แท้จริงแล้ว พระเจ้าเป็นผู้ทรงโปรดปรานต่อมนุษย์ แต่มนุษย์ส่วน ใหญ่ไม่ขอบคุณ 62 พระเจ้าองค์เดียวกันนี้อีกเช่นกันที่เป็นพระผู้อภิบาล ของสูเจ้า ผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ แล้วใย สูเจ้าจึงถูกทำ�ให้หันไป(จากพระองค์)? 63 เช่นเดียวกันนี้แหละที่ผู้ปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าหันออกไปจากพระองค์

470

40. ผู้ให้อภัย

พระเจ้าคือผู้ทรงทำ�ให้แผ่นดินนี้เป็นสถานที่พักสำ�หรับสูเจ้า และ ทำ�ให้ท้องฟ้าเป็นหลังคาโค้ง พระองค์ทรงทำ�สูเจ้าให้เป็นรูปร่างและทรง ทำ�รูปร่างของสูเจ้าให้ดี และพระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า ด้วยสิ่งที่สะอาด พระเจ้าองค์เดียวกันนี้อีกเช่นกันที่เป็นพระผู้อภิบาลของ สูเจ้า ดังนั้น จงสดุดีพระองค์ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 65 พระองค์ คือผู้ทรงชีวิน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ดังนั้น จงวิงวอน ต่อพระองค์เท่านั้นโดยการทำ�ศาสนาให้บริสุทธิ์สำ�หรับพระองค์เท่านั้น บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 66 (โอ้ นบี) จงบอกผู้คนว่า “ฉันถูกสั่งห้ามวิงวอนสิ่งที่พวกท่านวิงวอน แทนพระเจ้า ในเมื่อฉันเห็นสัญญาณต่างๆอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาล ของฉันแล้ว และฉันได้ถูกบัญชาให้ยอมจำ�นนต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก” 67 พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้ามาจากดิน หลังจากนั้นก็จากตัวอสุจิ หลังจากนั้นก็จากก้อนเลือด แล้วพระองค์ก็ทรงให้สูเจ้าคลอดออกมา เป็นทารก แล้วทำ�ให้สูเจ้าเจริญเติบโตจนถึงวัยเข้มแข็งเต็มที่ แล้วก็ทรง ทำ�ให้สูเจ้าเข้าสู่วัยชรา – ในขณะที่บางคนในหมู่สูเจ้าได้ถูกเรียกกลับ ก่อน – และสูเจ้าไปถึงเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ เพื่อที่สูเจ้าจะตรึกตรอง 68 พระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ความตาย ดังนั้น เมื่อพระองค์จะ ทรงกำ�หนดสิ่งใด พระองค์แค่ทรงกล่าวว่า “จงเป็น” แล้วมันก็เป็นขึ้นมา 69 สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าคนที่โต้เถียงเกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของ พระเจ้าถูกหันไปจากหนทางที่ถูกต้องอย่างไร? 70 บรรดาผู้ปฏิเสธคัมภีร์ นี้และบรรดาคัมภีร์ที่เราได้ส่งมากับบรรดาศาสนทูตของเรานั้น พวก เขาจะได้รู้ในไม่ช้า 71 เมื่อพวกเขาถูกลากพร้อมกับห่วงและโซ่รอบคอ ของพวกเขา 72 ลงไปในน้�ำ เดือดและหลังจากนั้นถูกโยนลงไปในไฟนรก 73 หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกถามว่า “ไหนเล่าสิ่งที่พวกเจ้านำ�มาเป็นภาคี (กับพระเจ้า)” 74 พวกเขาตอบว่า “พวกมันได้หายไปจากเราแล้ว เปล่า เลย เราไม่ได้วิงวอนสิ่งใดมาก่อน(ที่มันมีอยู่จริง)” ดังนั้นแหละที่พระเจ้า 64

ฆอฟิรฺ

471

ได้ทรงทำ�ให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมหลงผิด 75 ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสูเจ้า หลงระเริงในแผ่นดินอยู่กับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่สัจธรรมและยินดีอยู่กับสิ่งนั้น 76 ตอนนี้ จงเข้าประตูนรกเพื่ออยู่ในนั้นตลอดไป ที่พ�ำ นักของผู้โอหังนั้น เป็นสิ่งที่เลวร้าย 77 ดังนั้น จงอดทน (โอ้ นบี) สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นจริง ไม่ว่าเรา จะให้เจ้าได้เห็นส่วนหนึ่งของผลอันชั่วร้ายที่เราได้สัญญาไว้กับพวกเขา หรือทำ�ให้เจ้าตายก่อน พวกเขาจะต้องกลับมายังเรา 78 (โอ้ นบี) ก่อนหน้าเจ้า เราได้ส่งศาสนทูตคนอื่นๆมาหลายคน บาง คนเราได้เล่าเรื่องราวให้เจ้าและบางคนเราไม่ได้เล่า มันเป็นไปไม่ได้ที่ ศาสนทูตคนใดจะมีอำ�นาจนำ�สัญญาณใดๆมาเองนอกจากจะได้รับอนุมัติ จากพระเจ้า แต่เมื่อคำ�บัญชาของพระเจ้ามาถึง การตัดสินก็จะเป็นไป ด้วยความจริงและความยุติธรรม ในตอนนั้นแหละที่บรรดาผู้ยืนอยู่บน ความเท็จจะขาดทุน 79 พระเจ้าคือผู้ทรงจัดเตรียมปศุสัตว์ให้แก่สูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ใช้ขี่บาง ตัวและบางตัวใช้เป็นอาหาร 80 และในตัวปศุสัตว์นั้นมีประโยชน์มากมาย หลายอย่างสำ�หรับสูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้ขี่มันไปยังสถานที่ที่สูเจ้าต้องการ จะไปให้ถึง และมันบรรทุกสูเจ้าเช่นเดียวกับเรือบรรทุกสูเจ้าในทะเล 81 พระเจ้าได้ทรงให้สูเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ แล้ว สัญญาณไหนของพระเจ้าที่สูเจ้าจะปฏิเสธ? 82 พวกเขาไม่เคยท่องเที่ยวไปในแผ่นดินแล้วดูว่าชะตากรรมของ บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? พวกเขาเหล่านั้น มีจำ�นวนมากกว่าและมีความเข้มแข็งกว่าและคนเหล่านั้นได้ทิ้งร่องรอย แห่งอำ�นาจอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาไว้มากมายในแผ่นดิน แต่สิ่งที่พวกเขา ได้สร้างไว้นั้นไม่ได้อ�ำ นวยประโยชน์อะไรแก่พวกเขาเลย 83 เมื่อบรรดา ศาสนทูตมายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง พวกเขายังคงหลง ติดอยู่กับความรู้ที่พวกเขามีอยู่ ดังนั้น พวกเขาจึงตกอยู่ท่ามกลางการ

472

41. การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด

ลงโทษที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะ 84 แต่เมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษของ เรา พวกเขาก็ร้องว่า “ตอนนี้เราศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและเราปฏิเสธ หุ้นส่วนทั้งหลายที่เราเคยนำ�มาเป็นภาคีกับพระองค์” 85 แต่การศรัทธา ของพวกเขาหลังจากเห็นการลงโทษของเรานั้นไม่เป็นประโยชน์อะไรกับ พวกเขาอีกแล้ว เพราะนี่เป็นกฎตายตัวของพระเจ้าที่ทรงใช้กับปวงบ่าว ของพระองค์มาตั้งแต่ในอดีตแล้ว ดังนั้น บรรดาผู้ปฏิเสธจึงมีแต่ขาดทุน 41. การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด

ฟุศศิลัต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮามีม 2 นี่เป็นการประทานมาจาก(พระเจ้า)ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 3 คัมภีร์ที่ข้อความทั้งหลายของมันได้ถูกอธิบายไว้อย่างดี คือคัมภีร์กุรอา นภาษาอาหรับสำ�หรับบรรดาผู้มีความรู้ 4 เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตัก เตือน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ได้หันหลังให้มันและไม่สนใจที่จะฟัง 5 และ พวกเขากล่าวว่า “หัวใจของเราถูกปิดไว้ต่อสิ่งที่ท่านกำ�ลังเรียกร้องเราไป สู่มัน และหูของพวกเราก็หนวก และระหว่างเรากับท่านยังมีสิ่งขวางกั้น อยู่อีก ดังนั้น ท่านจะทำ�อะไรก็ทำ�ไป เราจะทำ�ในสิ่งที่เราต้องการ” 6 (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนพวกท่าน แต่ได้มีบัญชามายังฉันว่าพระผู้อภิบาลของพวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น จงยึดแนวทางที่เที่ยงตรงมายังพระองค์ และจงขออภัยโทษต่อ พระองค์” ความวิบัติจะมีแก่บรรดาผู้น�ำ สิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์ 7 ผู้ ที่ไม่จ่ายซะกาตและปฏิเสธโลกหน้า 8 “สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ� 1

ฟุศศิลัต

473

ความดีนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนโดยไม่ขาดตกบกพร่องอย่าง แน่นอน”* 9 (โอ้ นบี ) จงถามพวกเขาว่า “อะไรกันซิ พวกท่านปฏิเสธพระองค์ ผู้ทรงสร้างโลกในสองวัน(ช่วงเวลา)และพวกท่านตั้งสิ่งอื่นขึ้นมาเสมอกับ พระองค์กระนั้นหรือ? แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก” 10 พระองค์ทรงทำ�ให้เทือกเขาตั้งมั่นอยู่เหนือแผ่นดินและทรง ประทานความจำ�เริญแก่มัน พระองค์ทรงจัดเตรียมปัจจัยยังชีพขึ้นใน นั้นอย่างพอเพียงภายในสี่วันตามความต้องการของบรรดาผู้ขอ 11 หลัง จากนั้น พระองค์ได้ทรงหันมายังฟากฟ้าที่ในตอนนั้นเป็นเพียงหมอก ควันและได้ทรงกล่าวแก่มันและแผ่นดินว่า “จงมาที่นี่ ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจ หรือไม่ก็ตาม” มันกล่าวว่า “เราทั้งสองมาตามคำ�สั่งแล้ว” 12 หลังจาก นั้น พระองค์ได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดภายในสองวัน และในแต่ละชั้นฟ้า พระองค์ได้ทรงกำ�หนดกฎระเบียบไว้ให้มัน และเราได้ประดับฟ้าชั้นล่าง ไว้ด้วยตะเกียงที่สว่างไสว(ดวงดาว)มากมายและได้ป้องกันมันไว้ นั่นคือ การกำ�หนดของพระผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงรอบรู้ 13 ถ้าหากพวกเขายังหันหลังให้ จงบอกพวกเขาว่า “ฉันขอเตือนพวก ท่านถึงการลงโทษอันหนักหน่วงอย่างที่พวกอ๊าดและษะมูดได้รับมาแล้ว 14 เมื่อบรรดาศาสนทูตได้มายังพวกเขาจากทุกด้าน ทั้งด้านหน้าและด้าน หลัง โดยกล่าวว่า “จงอย่าเคารพสักการะสิ่งอื่นใดนอกไปจากพระเจ้า” พวกเขากล่าวว่า “ถ้าพระเจ้าของเราทรงประสงค์ พระองค์น่าจะส่งทูต สวรรค์ลงมา(ยังเรา) ดังนั้น เราจะไม่มีวันศรัทธาในสาสน์ของท่าน” 15 สำ�หรับชนเผ่าอ๊าดนั้น พวกเขาได้ถือตัวเองเป็นใหญ่ในแผ่นดินโดย * “จงยึดแนวทางที่เที่ยงตรงมายังพระองค์” หมายถึง “จงรักษาการ เคารพสักการะของเจ้าให้บริสุทธิ์เพื่อพระเจ้า” กล่าวคือ เจตนาทั้งหมด ของเจ้าต้องมุ่งตรงไปยังพระเจ้า วัตถุประสงค์ของการวิงวอนและการ เคารพสักการะของเจ้าต้องเป็นไปเพื่อพระเจ้าเท่านั้น

474

ไม่มีสิทธิ์ใดๆ และพวกเขาได้กล่าวว่า “ใครมีอ�ำ นาจเข้มแข็งยิ่งกว่าเรา?” พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกเขานั้นมีอำ�นาจเข้มแข็งยิ่ง กว่าพวกเขา? แต่พวกเขายังคงปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา 16 ดัง นั้น เราจึงได้ส่งพายุที่พัดกระหน่ำ�มาเป็นลางร้ายอยู่หลายวัน ทั้งนี้เพื่อ ที่เราจะทำ�ให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันอัปยศในชีวิตโลกนี้ แต่การ ลงโทษในโลกหน้านั้นยิ่งอัปยศกว่า และที่นั่นพวกเขาจะไม่ได้รับความ ช่วยเหลือ 17 สำ�หรับพวกษะมูดนั้น เราได้แสดงแนวทางที่ถูกต้องให้พวก เขาแล้ว แต่พวกเขาชอบที่จะมืดบอดต่อทางนำ�มากกว่า ดังนั้น พวกเขา จึงได้รับการลงโทษอันอัปยศอย่างฉับพลันตามความผิดที่พวกเขาได้ทำ� ไว้ 18 เราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาและเกรงกลัวพระเจ้าให้ปลอดภัย 19 ในวันที่ศัตรูของพระเจ้าจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันเพื่อนำ�ไปสู่ไฟ นรก พวกเขาจะถูกรวมเป็นกลุ่มๆ 20 เมื่อพวกเขาทั้งหมดได้มายังที่นั่น หู ตาและผิวหนังของพวกเขาจะเป็นพยานยืนยันสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ�ไว้ 21 พวกเขาจะถามผิวหนังของพวกเขาว่า “ทำ�ไมเจ้าจึงมาเป็นพยานต่อ เรา?” และผิวหนังของพวกเขาจะตอบว่า “พระเจ้าผู้ทรงให้ทุกสิ่งพูดองค์ นี้แหละที่ให้เราพูด(ด้วยเช่นกัน) พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้าในขั้นแรก และตอนนี้สูเจ้าได้ถูกนำ�กลับมายังพระองค์ 22 สูเจ้าไม่อาจซ่อนตัวของ สูเจ้าเองจากหู ตาและผิวหนังของสูเจ้าเพื่อขัดขวางมันมิให้เป็นพยานต่อ สูเจ้า และสูเจ้าคิดว่าแพระเจ้าจะไม่ทรงรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้าได้ท�ำ ไป 23 แต่ความ คิดของสูเจ้าเกี่ยวกับพระผู้อภิบาลของสูเจ้าเช่นนี้แหละที่ทำ�ให้สูเจ้าได้รับ ความหายนะและทำ�ให้สูเจ้าเป็นผู้ขาดทุน” 24 ถึงแม้พวกเขาทนได้(หรือ ไม่ก็ตาม) ไฟนรกจะเป็นที่พำ�นักของพวกเขา และถ้าพวกเขาต้องการจะ แก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเอง พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ท�ำ เช่นนั้น 25 เราได้ให้พวกเขามีสหายที่ท�ำ ให้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลัง พวกเขาดูเป็นสิ่งดีงามแก่พวกเขา ในที่สุด คำ�บัญชา(การลงโทษ)ก็ได้

ฟุศศิลัต

475

เกิดขึ้นจริงกับพวกเขาซึ่งได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับพวกญินและมนุษย์ที่ ล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเขา แน่นอน พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ขาดทุน 26 บรรดาผู้ปฏิเสธกล่าวว่า “พวกท่านจงอย่าฟังกุรอานนี้ เมื่อมันถูก อ่านขึ้นมา จงส่งเสียงกลบมันเพื่อที่พวกท่านจะได้เหนือกว่า” 27 ดังนั้น เราจะให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเหล่านี้ได้ลิ้มรสการลงโทษอย่างแสน สาหัสและจะตอบแทนพวกเขาอย่างสาสมสำ�หรับความชั่วที่พวกเขาได้ ทำ�ไว้ 28 นั่นคือสิ่งตอบแทนสำ�หรับศัตรูของพระเจ้า นรกจะเป็นที่พำ�นัก ตลอดกาลของพวกเขา นี่เป็นการลงโทษความผิดที่พวกเขาปฏิเสธสาสน์ ของเรา 29 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้ เราได้เห็นญินและมนุษย์ที่ท�ำ ให้พวกเราหลงผิดด้วยเถิด เราจะกระทืบ มันเพื่อที่มันจะได้อับอายขายหน้าบ้าง” 30 สำ�หรับบรรดาผู้ที่กล่าว ว่า “พระผู้อภิบาลของเราคือพระเจ้า” แล้วหลังจากนั้นก็ยืนหยัดมั่นคง บรรดาทูตสวรรค์จะลงมายังพวกเขา และกล่าวว่า “จงอย่ากลัวและอย่า ระทมทุกข์ แต่จงรื่นเริง(รับฟังข่าวดี)เรื่องสวรรค์ที่พวกท่านได้ถูกสัญญา ไว้ 31 เราเป็นสหายของพวกท่านทั้งในชีวิตโลกนี้และในโลกหน้า ที่ นั่น พวกท่านจะได้ในสิ่งที่พวกท่านปรารถนาและอะไรก็ตามที่พวกท่าน ร้องขอ พวกท่านก็จะได้ 32 นั่นเป็นการจัดเตรียมปัจจัยอย่างเหลือเฟือ จากพระผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 33 และใครเล่าที่จะมีค�ำ พูดดีไปกว่าคนที่เชิญชวนไปสู่พระเจ้าและ ทำ�ความดีและกล่าวว่า “ฉันคือผู้นอบน้อมยอมจำ�นน”? 34 (นบีเอ๋ย) ความ ดีและความชั่วนั้นไม่อาจเท่าเทียมกัน จงขับไล่ความชั่วด้วยสิ่งที่ดีกว่า แล้วเจ้าจะเห็นว่าคนที่เคยเป็นศัตรูของเจ้าจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของ เจ้า 35 แต่ไม่มีใครที่จะบรรลุถึงคุณสมบัตินี้ได้นอกไปจากบรรดาผู้อดทน และไม่มีผู้ใดที่จะบรรลุถึงตำ�แหน่งนี้ได้นอกไปจากบรรดาผู้มีโชคอันใหญ่

476

41. การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด

หลวง 36 ถ้าหากเจ้ารู้สึกว่าซาตานยั่วยุเจ้า ดังนั้น จงขอความช่วยเหลือ ต่อพระเจ้า พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่ง ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 37 หนึ่งในบรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือกลางคืนและ กลางวันและดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ดังนั้น จงอย่ากราบดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ แต่จงกราบพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกมันถ้าหากสูเจ้าเป็น ผู้เคารพสักการะพระองค์จริงๆ 38 แต่ถ้าหากคนพวกนี้แสดงความยโส โอหังและดันททุรังอยู่ (จงจำ�ไว้ว่า) บรรดาผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพระผู้อภิบาลของ เจ้าต่างสดุดีพระองค์ทั้งกลางคืนและกลางวันโดยไม่เหนื่อยหน่าย 39 และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ สูเจ้าได้เห็นแผ่นดิน ที่แห้งแล้ง แต่หลังจากที่เราได้ส่งฝนลงมาบนมัน มันจะมีชีวิตและพอง ขึ้นมา แน่นอนที่สุด ผู้ที่ให้ชีวิตแก่แผ่นดินที่แห้งแล้งนี้แหละที่จะทำ�ให้ คนตายมีชีวิตขึ้นมา แท้จริง พระองค์ทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 40 บรรดา ผู้บิดเบือนความหมายของสาสน์ของเราไม่สามารถจะซ่อนเร้นไปจากเรา ได้ ใครดีกว่ากัน คนที่จะถูกโยนลงนรกหรือคนที่ได้รับความปลอดภัยใน วันแห่งการฟื้นคืนชีพ? สูเจ้าจงทำ�ตามที่สูเจ้าต้องการ พระเจ้าทรงเฝ้าดู ทุกสิ่งที่สูเจ้าทำ� 41 บรรดาผู้ปฏิเสธการตักเตือน(กุรอาน)เมื่อมันได้มายังพวกเขา(คือ ผู้ที่ขาดทุน) ความจริงแล้ว มันคือคัมภีร์ที่ทรงอำ�นาจ 42 ความเท็จไม่ สามารถเข้ามาถึงมันได้ทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง เพราะมันเป็นสิ่งที่ ถูกประทานมาจากผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ 43 (โอ้ นบี) ไม่มี สิ่งใดที่ได้ถูกกล่าวแก่เจ้านอกไปจากสิ่งที่ได้เคยถูกกล่าวแก่บรรดาศาสน ทูตก่อนหน้าเจ้า แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง และเป็น ผู้ทรงลงโทษอย่างรุนแรงยิ่งเช่นกัน 44 ถ้าหากเราส่งกุรอานนี้มาเป็นภาษาอื่นที่มิใช่อาหรับ พวกเขาจะ กล่าวว่า “ทำ�ไมข้อความทั้งหลายของมันจึงไม่ถูกอธิบายให้ชัดเจน? อะไร กันซิ นบีเป็นชาวอาหรับ แต่คัมภีร์เป็นภาษาต่างชาติ?” จงบอกพวกเขา

ฟุศศิลัต

477

ว่า “กุรอานนี้เป็นทางนำ�และสิ่งบำ�บัดรักษาสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา แต่ สำ�หรับบรรดาผู้ไม่ศรัทธานั้น มันเป็นสิ่งที่อุดหูและปิดตาของพวกเขา พวกเขาเป็นเหมือนกับคนที่กำ�ลังถูกเรียกจากที่ห่างไกล” 45 ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและมันเป็นที่ได้รับการถก เถียงกัน ถ้าหากไม่มีบัญชาจากพระผู้อภิบาลของเจ้ากำ�หนดไว้ก่อนหน้า นี้แล้ว การตัดสินก็คงจะทำ�กันในระหว่างบรรดาผู้โต้เถียง ความจริงก็คือ พวกเขาเป็นผู้ที่อยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับมัน 46 ใครทำ�ความดีก็ได้ดีแก่ ตัวเอง และใครทำ�ชั่วอะไรไว้ก็จะได้แก่ตัวเอง พระผู้อภิบาลของเจ้าไม่ เคยอธรรมต่อบ่าวของพระองค์ 47 พระเจ้าเท่านั้นที่มีความรู้เกี่ยวกับยามอวสาน ไม่มีผลไม้ใดที่ออก มาจากเปลือกของมันและไม่มีผู้หญิงคนใดตั้งครรภ์แล้วคลอดทารกออก มาโดยที่พระองค์ไม่รู้ ดังนั้น ในวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขามาถามว่า “ไหนเล่าสิ่งทั้งหลายที่เป็นภาคีกับฉัน?” พวกเขาจะกล่าวว่า “เรายอมรับ แล้วว่าไม่มีใครในหมู่พวกเราสามารถยืนยันได้” 48 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่พวกเขาวิงวอนก่อนหน้านี้ได้หนีหายไปจากพวกเขา และพวกเขาจะ ตระหนักว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะหนีไปไหนได้ 49 มนุษย์ไม่เบื่อหน่ายต่อการวอนขอเพื่อสิ่งที่ดีของชีวิต แต่เมื่อเขา ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน เขาก็สิ้นหวังและหมดอาลัย 50 เมื่อเรา ได้ให้เขาลิ้มรสความความเมตตาจากเราหลังจากความทุกข์ยาก เขาก็ กล่าวว่า “ฉันสมควรได้รับสิ่งนี้และฉันไม่คิดว่าวันแห่งการฟื้นคืนชีพจะ เกิดขึ้น แต่ถ้าหากฉันถูกนำ�กลับไปยังพระผู้อภิบาลของฉันจริง ฉันจะได้ รับการตอบแทนที่ดีที่พระองค์ด้วย” แต่ความจริงก็คือ เราจะบอกบรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมถึงสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ และเราจะทำ�ให้พวกเขาได้ลิ้มรส การลงโทษอันแสนสาหัสที่สุด 51 เมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานแก่มนุษย์ เขาจะหันห่างและยิ่ง ชูคอ แต่เมื่อเขาประสบความชั่ว เขาก็พร่�ำ วิงวอนขออย่างยืดยาว 52 (โอ้

478

42. การปรึกษาหารือกัน

นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พวกท่านพิจารณาหรือไม่ว่าถ้าหากกุรอานนี้ มาจากพระเจ้าและพวกท่านยังคงปฏิเสธมันต่อไป ใครเล่าที่จะหลงผิดยิ่ง ไปกว่าคนที่เตลิดไปไกลจากสัจธรรม?” 53 ในไม่ช้านี้ เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราใน จักรวาลและในตัวของพวกเขาเองจนกระทั่งมันเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่พวก เขาว่ากุรอานนี้คือสัจธรรม ยังไม่เพียงพออีกหรือที่พระผู้อภิบาลของเจ้า นั้นทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง? 54 ถึงกระนั้น คนพวกนี้ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับการ พบกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา จงฟังให้ดี พระองค์ทรงห้อมล้อมทุกสิ่ง 42. การปรึกษาหารือกัน

อัล-ชูรอ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฮา มีม 2 อีน ซีน กอฟ 3 พระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจผู้ทรงปรีชาญาณได้ทรงประทานวจนะแก่เจ้า เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงประทานแก่บรรดา(ศาสนทูต)ก่อนหน้าเจ้า 4 ทั้งหมดที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์ และ พระองค์ทรงสูงส่งและทรงอำ�นาจยิ่ง 5 ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบแยกออกจาก กันจากเบื้องบนเมื่อบรรดาทูตสวรรค์สดุดีพระผู้อภิบาลของพวกเขาด้วย การสรรเสริญและวิงวอนขอการอภัยโทษให้แก่ผู้ที่อยู่บนโลกนี้ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 6 ส่วนบรรดาผู้ที่เอาสิ่งอื่นนอก ไปจากพระเจ้ามาเป็นผู้คุ้มครองพวกเขานั้น พระเจ้าทรงเฝ้าดูพวกเขาอยู่ และเจ้าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อการกระทำ�ของพวกเขา 7 ดังนั้น เราได้ประทานกุรอานเป็นภาษาอาหรับแก่เจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้ เตือนบรรดาผู้อาศัยอยู่ในใจกลางเมือง(มักก๊ะฮฺ) และที่อยู่รอบๆมัน และ

อัล-ชูรอ

479

จงเตือนพวกเขาถึงวันแห่งการชุมนุมซึ่งจะต้องมีอย่างแน่นอนโดยไม่ต้อง สงสัยว่ากลุ่มหนึ่งจะได้อยู่ในสวรรค์และอีกกลุ่มหนึ่งจะได้อยู่ในนรก 8 หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์ทรงสามารถทำ�ให้พวกเขา ทั้งหมดเป็นประชาชาติเดียวกันก็ได้ แต่พระองค์จะทรงรับผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์สู่ความเมตตาของพระองค์ และบรรดาผู้ทำ�ความผิดนั้น จะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ 9 พวกเขาได้ยึดเอาผู้อื่นนอกไปจาก พระองค์เป็นผู้คุ้มครองกระนั้นหรือ? พระเจ้าเท่านั้นต่างหากที่ทรงเป็น ผู้คุ้มครอง พระองค์เท่านั้นที่ทรงให้ชีวิตแก่สิ่งที่ตาย และพระองค์ทรงมี อำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 10 อะไรก็ตามที่สูเจ้าขัดแย้งกัน(โอ้บรรดาผู้ศรัทธา) พระเจ้าจะทรงตัดสินเรื่องนั้นในที่สุด (จงกล่าวเถิด) “พระเจ้าองค์นี้แหละ คือพระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์เท่านั้นที่ฉันได้มอบความไว้วางใจและ ยังพระองค์ที่ฉันจะกลับไป” 11 พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรง สร้างคู่ครองให้แก่สูเจ้าจากตัวของสูเจ้าเอง และทรงทำ�ให้ปศุสัตว์มีคู่ของ มันด้วยทั้งนี้เพื่อที่จะทวีจ�ำ นวนสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น ไม่มีสิ่งใดเป็น เหมือนอย่างพระองค์ พระองค์ทรงได้ยินและทรงเห็นทุกสิ่ง 12 พระองค์ ทรงเป็นเจ้าของกุญแจคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรง ประทานปัจจัยอย่างเหลือเฟือแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้ผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์บางคนอัตคัด แท้จริง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 13 พระเจ้าได้ทรงกำ�หนดศาสนาเดียวกันนี้แก่สูเจ้าเช่นเดียวกับที่ได้ กำ�หนดแก่นูฮฺ และที่เราได้ประทานแก่เจ้าในขณะนี้ และที่เราได้กำ�ชับ แก่อิบรอฮีมและมูซาและอีซาเพื่อที่ว่าเจ้าจะต้องมั่นคงดำ�รงอยู่ในศาสนา นี้และไม่แตกแยกกัน สิ่งที่เจ้า (มุฮัมมัด) กำ�ลังเรียกร้องพวกบูชาเทวรูป อยู่นี้เป็นเรื่องที่ยากสำ�หรับพวกเขา พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ไว้สำ�หรับพระองค์เองและพระองค์ทรงชี้ทางของพระองค์ให้แก่ผู้ ที่หันไปหาพระองค์เท่านั้น

480

42. การปรึกษาหารือกัน

พวกเขาแตกแยกกันหลังจากที่ความรู้ได้มายังพวกเขาแล้ว นั่น เพราะว่าพวกเขาต่างอิจฉาริษยากันเอง หากพระผู้อภิบาลของเจ้าไม่ได้ ออกคำ�ประกาศิตเลื่อนการลงโทษพวกเขาไปจนถึงเวลาที่ได้ถูกกำ�หนด ไว้แล้ว เรื่องระหว่างพวกเขาคงจะถูกตัดสินไปแล้วอย่างแน่นอน บรรดา ผู้ที่รับสืบทอดคัมภีร์หลังจากพวกเขานั้นก็ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับมันอยู่ 15 ดังนั้น (โอ้ มุฮัมมัด) จงเรียกร้องเชิญชวนพวกเขามาสู่ความศรัทธา นั้นและจงยืนหยัดในแนวทางนี้เช่นดียวกับที่เจ้าได้ถูกบัญชา และจงอย่า ทำ�ตามความต้องการของพวกเขา แต่จงบอกพวกเขาว่า “ฉัน ศรัทธาใน คัมภีร์ที่พระเจ้าประทานมา และฉันได้ถูกบัญชาให้ปฏิบัติอย่างยุติธรรม ในระหว่างพวกท่าน พระเจ้าทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราและของพวก ท่าน เรารับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ�และพวกท่านรับผิดชอบในสิ่งที่พวก ท่านทำ� ไม่มีการโต้เถียงกันระหว่างเรากับพวกท่าน พระเจ้าจะทรง รวบรวมเราเข้าไว้ด้วยกันในวันหนึ่งและยังพระองค์ที่เราทั้งหมดจะกลับ ไป” 16 บรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับพระเจ้าหลังจากที่พระองค์ได้ถูกยอมรับ แล้วนั้น ข้อโต้แย้งของพวกเขาไร้เหตุผลในทัศนะของพระผู้อภิบาลของ พวกเขา และพวกเขาจะถูกพระองค์ทรงกริ้วและพวกเขาจะได้รับการ ลงโทษอย่างแสนสาหัส 17 พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์นี้มาพร้อมกับสัจธรรมและตาชั่ง แห่งความยุติธรรม และอะไรเล่าที่จะทำ�ให้เจ้าเข้าใจว่าเวลาแห่งการ ตัดสินอาจจะอยู่ใกล้แค่นี้เอง? 18 บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในการมาของมัน อยากให้มันเกิดขึ้นเร็วๆ แต่บรรดาผู้ศรัทธาในเรื่องนี้ต่างประหวั่นต่อมัน และรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จงรู้ไว้เถิดว่า บรรดาผู้โต้เถียง เกี่ยวกับเรื่องยามอวสานได้หลงผิดออกไปไกล 19 พระเจ้าทรงเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งต่อปวงบ่าวของพระองค์ พระองค์ ทรงประทานปัจจัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์เป็นผู้ทรงพลานุ ภาพและผู้ทรงอำ�นาจ 20 ใครก็ตามที่ปรารถนาผลตอบแทนแห่งโลกหน้า 14

อัล-ชูรอ

481

เราจะเพิ่มพูนผลตอบแทนของเขา ส่วนใครที่ต้องการผลตอบแทนแห่ง โลกนี้ เราจะให้เขาที่นี่ แต่เขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งใน(ความจำ�เริญแห่ง) โลกหน้าอีก 21 พวกเขามีภาคีต่างๆที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นผู้กำ�หนดศาสนา สำ�หรับพวกเขาโดยที่พระเจ้าไม่ได้อนุมัติกระนั้นหรือ? หากคำ�ตัดสิน มิได้ถูกประกาศไปก่อนหน้านี้ กรณีของพวกเขาคงจะถูกสะสางไปนาน แล้ว แน่นอน สำ�หรับบรรดาผู้ท�ำ ความผิดจะได้รับการลงโทษอันเจ็บ ปวด 22 เจ้าจะเห็นคนชั่วเหล่านี้เกรงกลัวผลกรรมที่พวกเขาได้ทำ�ไว้อย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้นจะได้ อยู่ในสวนแห่งสวรรค์ พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนาที่พระ ผู้อภิบาลของพวกเขา นั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่สุด 23 นั่นคือ สิ่งที่พระเจ้าทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ศรัทธาและกระทำ� ความดี (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ฉันมิได้เรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆ จากพวกท่านสำ�หรับงานนี้ นอกไปจากเพราะความรักในเครือญาติ” ใคร ก็ตามที่ทำ�ความดี เราจะเพิ่มพูนความดีส�ำ หรับเขา แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเห็นคุณค่าของความดี 24 พวกเขาพูดหรือว่า “เขาสร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้า?” ถ้าหาก พระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงปิดผนึกหัวใจของเจ้าก็ได้ พระองค์ ทรงลบล้างความเท็จให้หมดไปและทรงพิสูจน์สัจธรรมว่าเป็นความจริง ด้วยวจนะของพระองค์ แท้จริง พระองค์ทรงรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในหัวอก 25 พระองค์คือผู้ทรงรับการสำ�นึกผิดจากปวงบ่าวของพระองค์และทรง อภัยบาปทั้งหลาย พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 26 พระองค์ทรง ตอบรับการวิงวอนของบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีและประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขามากยิ่งกว่านั้นอีก แต่สำ�หรับ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษที่รุนแรง 27 ถ้าพระเจ้าทรงประทานปัจจัยแก่บ่าวของพระองค์อย่างล้นเหลือ

482

42. การปรึกษาหารือกัน

พวกเขาจะสร้างความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระองค์ได้ทรงประทาน ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง พระองค์ทรงรู้ดีถึงบ่าวของพระองค์ และทรงเฝ้าดูพวกเขาอยู่เสมอ 28 พระองค์คือผู้ทรงประทานน้ำ�ฝนลงมา หลังจากที่ผู้คนหมดหวังกันแล้ว และทรงแผ่ความเมตตาของพระองค์ ไปทั่ว พระองค์เท่านั้นที่ทรงเป็นผู้คุ้มครองที่ควรค่าแก่การได้รับคำ� สรรเสริญ 29 ในบรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระองค์นั้นคือการสร้าง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่แพร่กระจายอยู่ในทั้ง สองนั้น พระองค์ทรงสามารถที่จะรวมพวกมันเข้าด้วยกันเมื่อใดก็ได้ที่ พระองค์ทรงประสงค์ 30 ความทุกข์ยากเดือดร้อนอันใดที่เกิดขึ้นกับสูเจ้านั้นเป็นเพราะสิ่ง ที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้ พระองค์ทรงให้อภัยมามากแล้ว 31 สูเจ้าไม่อาจหลีกหนี พระองค์ไปได้ในแผ่นดินนี้และสูเจ้าไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใดๆอื่น ไปจากพระเจ้า 32 และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือเรือต่างๆที่ดูเหมือน ภูเขาในทะเล 33 หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์ทรงสามารถให้ลม หยุดนิ่งและปล่อยให้เรือเหล่านั้นลอยนิ่งอยู่กลางทะเล ในนี้มีสัญญาณ มากมายสำ�หรับทุกคนที่อดทนและขอบคุณ 34 หรือพระองค์ทรงอาจ ทำ�ให้เรือเหล่านั้นจมลงเพราะสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ผิดไว้ พระองค์ทรงอภัย มามากต่อมากแล้ว 35 บรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของเรา จะได้รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางทึ่จะหลบหนีไปได้ 36 อะไรที่สูเจ้าได้รับนั้นเป็นเพียงปัจจัยสำ�หรับชีวิตนี้ แต่สิ่งที่อยู่กับ พระเจ้านั้นดีกว่าและยั่งยืนกว่า สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและและมอบ ความไว้วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา 37 บรรดาผู้ละเว้นจากบาป ใหญ่และสิ่งลามก ผู้ที่เมื่อโกรธแล้วให้อภัย 38 และผู้เชื่อฟังพระผู้อภิบาล ของพวกเขาและดำ�รงนมาซ ผู้ดำ�เนินกิจการของพวกเขาโดยการปรึกษา หารือกันและใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาเป็นปัจจัยยังชีพ

อัล-ชูรอ

483

บรรดาผู้ที่เมื่อถูกกดขี่ พวกเขาช่วยเหลือและป้องกันตนเอง 40 ขอ ให้การลงโทษตอบแทนการทำ�ร้ายคือการทำ�ร้ายที่เท่าเทียมกัน แต่ใคร ที่ให้อภัยและหาทางไกล่เกลี่ยกัน รางวัลของเขาก็อยู่ที่พระเจ้า แท้จริง พระองค์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ท�ำ ความผิด 41 บรรดาผู้แก้แค้นด้วยตัวเอง หลังจากพวกเขาถูกอธรรมนั้นไม่อาจถูกตำ�หนิได้ 42 ผู้ที่สมควรจะถูก ตำ�หนินั้นคือบรรดาผู้กดขี่มนุษย์และล่วงละเมิดในแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิ์ ใดๆ สำ�หรับคนเหล่านั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ 43 ส่วน ผู้ที่อดทนและให้อภัยนั้น ความจริงแล้ว นั่นคืองานแห่งความกล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว 44 ผู้ใดที่พระเจ้าทรงปล่อยให้เขาหลงทางจะไม่มีผู้คุ้มครอง เจ้าจะเห็น ว่าเมื่อผู้กระทำ�ความผิดเห็นการลงโทษ พวกเขาจะกล่าวว่า “ไม่มีทางใด ที่จะกลับไปอีกแล้วหรือ?” 45 เจ้าจะเห็นว่าเมื่อพวกเขาได้ถูกนำ�ตัวมาอยู่ ต่อหน้านรก พวกเขาจะก้มหน้าด้วยความสิ้นหวังและจะมองมันด้วยสาย ตาหลบๆซ่อนๆ และบรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า “ผู้ขาดทุนที่แท้จริงคือ ผู้ทำ�ให้ตัวของพวกเองและพวกพ้องของพวกเขาได้รับความเสียหายใน วันแห่งการฟื้นคืนชีพ” จงระวังให้ดี ผู้ทำ�ผิดจะได้รับการลงโทษตลอดไป 46 พวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองมาช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้า คนที่ พระเจ้าทรงปล่อยให้หลงผิดนั้นจะไม่มีทางหนีรอดไปได้ 47 จงตอบพระผู้อภิบาลของสูเจ้าก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึงซึ่งไม่มีโอกาส หลบเลี่ยง(ไปจากเจตนารมณ์ของพระเจ้า)ได้ ในวันนั้น สูเจ้าจะไม่มีที่พัก พิงและจะไม่(มีโอกาสใดๆ)ปฏิเสธบาปของสูเจ้า 48 ตอนนี้ ถ้าพวกเขา หันหลังให้ เราไม่ได้ส่งเจ้า (โอ้ นบี) เพื่อไปเฝ้าดูแลพวกเขา หน้าที่ของ เจ้าคือการนำ�สาสน์ไปให้เท่านั้น มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้แหละ เมื่อเราได้ให้ เขาลิ้มรสความเมตตาของเรา เขาก็ยินดีปรีดาต่อมัน แต่ถ้าหากพวกเขา ได้รับสิ่งเลวร้ายอันเนื่องมาจากสิ่งที่มือของพวกเขาเองได้ท�ำ ไว้ เขาก็ เนรคุณ 39

484

�����������������������

พระเจ้าทรงมีอำ�นาจควบคุมชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงประทานบุตรสาวแก่ผู้ ที่พระองค์ทรงประสงค์และบุตรชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ 50 หรือ ทรงประทานทั้งบุตรชายและบุตรสาวแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะ ทำ�ให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เป็นหมัน แท้จริง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 51 ไม่มีมนุษย์คนใดที่พระเจ้าจะตรัสกับเขาต่อหน้า พระองค์จะตรัส กับเขาโดยการดลใจ หรือจากข้างหลังม่าน หรือพระองค์จะส่งผู้น�ำ สาสน์ มายังเขาเพื่อที่จะมาเปิดเผยสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์โดยคำ�บัญชาของ พระองค์ แท้จริง พระองค์ทรงสูงส่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง 52 เช่นเดียวกันนั้น แหละ (โอ้ มุฮัมมัด) ที่เราได้เปิดเผยวิญญาณแก่เจ้าโดยคำ�บัญชาของเรา เจ้าไม่เคยรู้จักคัมภีร์และความศรัทธามาก่อน แต่เราได้ทำ�ให้มันเป็นแสง สว่างที่เราใช้แสดงหนทางแก่บ่าวของเราที่เราประสงค์ แท้จริง เจ้ากำ�ลัง นำ�ไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง 53 หนทางของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่ง ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จงจำ�ไว้ว่าการงานทั้งหมดจะกลับไป สู่พระเจ้าเท่านั้น 49

43. เครื่องประดับทองคำ�

อัล-ซุครุฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฮา มีม 2 ขอสาบานด้วยคัมภีร์ที่ท�ำ ให้สิ่งต่างๆเป็นที่ชัดเจน 3 เราได้ท�ำ ให้มันเป็น กุรอานภาษาอาหรับเพื่อที่สูเจ้าทั้งหลายจะได้เข้าใจ 4 ความจริงแล้ว มัน

อัล-ซุครุฟ

485

ถูกจารึกอยู่ในคัมภีร์ต้นฉบับที่อยู่ในการดูแลรักษาของเรา เป็นคัมภีร์อัน สูงส่งและเต็มไปด้วยวิทยปัญญา 5 จะให้เราหยุดส่งข้อตักเตือนนี้มายังสูเจ้าเพียงเพราะสูเจ้าเป็นผู้ ฝ่าฝืนกระนั้นหรือ? 6 เราได้ส่งนบีไม่รู้กี่คนแล้วมายังหมู่ชนก่อนหน้านี้ 7 แต่เมื่อใดที่นบีคนหนึ่งมายังพวกเขา พวกเขาหัวเราะเยาะเย้ยเขา 8 ดัง นั้น เราจึงได้ทำ�ลายพวกเขาถึงแม้พวกเขาจะมีอ�ำ นาจเข้มแข็งกว่าคน เหล่านี้ มีตัวอย่างของหมู่ชนก่อนหน้านี้มากมายแล้ว 9 ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินนี้?” แน่นอนเลย พวกเขาจะตอบว่า “พระผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงรอบรู้ เป็นผู้สร้างมัน” 10 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้แผ่นดินนี้เป็นเปลสำ�หรับ สูเจ้า และทรงทำ�ให้มีหนทางในนั้นสำ�หรับสูเจ้าทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ถูก นำ�ทางไปยังจุดหมายของสูเจ้า 11 พระองค์คือผู้ทรงประทานน้ำ�ลงมา จากท้องฟ้าตามปริมาณที่กำ�หนด และด้วยน้�ำ นั้น เราได้ท�ำ ให้ผืนดินที่ แห้งแล้งกลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สูเจ้าทั้งหลายจะถูกนำ�ออกมาอีก ครั้งหนึ่งเช่นเดียวกันนี้แหละ 12 พระองค์คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นมาเป็นคู่ และทรงทำ�ให้เรือและปศุสัตว์เป็นพาหนะสำ�หรับสูเจ้าเพื่อใช้ขับขี่ 13 เพื่อ ที่เมื่อสูเจ้านั่งอยู่บนหลังของมัน สูเจ้าจะได้ระลึกถึงความโปรดปรานของ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าและกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงให้ พาหนะนี้เป็นประโยชน์แก่เรา มิเช่นนั้นแล้วเราจะไม่สามารถควบคุมมัน ได้ 14 และวันหนึ่ง เราจะต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของเรา” 15 แม้กระนั้น พวกเขายังนำ�บ่าวบางคนของพระองค์มาเป็นหุ้นส่วนใน ความเป็นพระเจ้าของพระองค์ มนุษย์นั้นเนรคุณอย่างชัดเจน 16 พระเจ้า จะเอาสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาเป็นลูกสาวและทรงให้พวกเจ้ามีลูกชาย กระนั้นหรือ? 17 เมื่อบางคนในหมู่พวกเขาได้รับข่าวอย่างเดียวกับที่พวก เขากล่าวถึงพระผู้ทรงกรุณา(คือได้รับข่าวว่าจะได้ลูกสาว) ใบหน้าของ เขากลับหมองคล้ำ�และเต็มไปด้วยความเศร้า 18 พวกเขาจะเอาลูกหลาน

486

�����������������������

ที่ถูกเลี้ยงดูท่ามกลางเครื่องประดับและไม่สามารถที่โต้เถึยงอะไรได้(มา ให้พระเจ้า)กระนั้นหรือ? 19 พวกเขาถือว่าบรรดาทูตสวรรค์ผู้เป็นบ่าวของ พระผู้ทรงกรุณาเป็นเพศหญิง พวกเขาเห็นการสร้างทูตสวรรค์กระนั้น หรือ? หลักฐานของพวกเขาจะถูกบันทึกไว้และพวกเขาจะถูกเรียกมาส อบสวน 20 พวกเขากล่าวว่า “หากพระผู้ทรงกรุณาปรานีประสงค์ พวกเราคงจะ ไม่เคารพสักการะมลาอิก๊ะฮฺเหล่านั้น” พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่อง นั้นนอกจากจะเดาส่งเดชกันเอาเอง 21 เราได้ประทานคัมภีร์เล่มหนึ่ง แก่พวกเขาก่อนหน้านี้ซึ่งพวกเขายึดถือมันเป็นหลักฐานกระนั้นหรือ? 22 เปล่าเลย แต่พวกเขากล่าวว่า “เราได้เห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ใน หนทางนี้มาก่อน ดังนั้น เราจึงดำ�เนินตามแนวทางของพวกเขา” 23 เมื่อ ใดที่เราส่งผู้ตักเตือนไปยังเมืองใด ผู้คนที่มั่งคั่งฟุ่มเฟือยในเมืองนั้นจะพูด เหมือนกันว่า “เราเห็นบรรพบุรุษของเราปฏิบัติตามประเพณีนี้มาก่อน และเราเพียงแต่ปฏิบัติตามแนวทางของพวกเขาเท่านั้น” 24 นบีทุกคนจะ ถามพวกเขาว่า “แล้วถ้าฉันนำ�แนวทางที่ถูกต้องกว่าแนวทางที่พวกท่าน เห็นบรรพบุรุษของพวกท่านกำ�ลังปฏิบัติอยู่มาให้พวกท่านเล่า?” พวก เขาตอบว่า “เราปฏิเสธสิ่งที่ถูกส่งมากับท่าน” 25 ดังนั้น เราจึงได้ตอบแทน พวกเขา จงดูเอาเองก็แล้วกันว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น เป็นเช่นไร 26 จงนึกถึงเมื่อตอนที่อิบรอฮีมได้กล่าวแก่บิดาและคนของเขาว่า “ฉัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะ 27 (ฉันเคารพสักกา ระ)พระองค์ผู้ทรงสร้างฉันมาเท่านั้น และพระองค์จะทรงนำ�ทางฉันอย่าง แน่นอน” 28 และอิบรอฮีมได้ทิ้งถ้อยคำ�ดังกล่าวนี้ไว้ในหมู่ลูกหลานของ เขา เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมา(สู่พระเจ้า) 29 ฉันได้ให้สิ่งดีๆแห่งชีวิต นี้แก่คนเหล่านี้และบรรพบุรุษของพวกเขาต่อไปจนกระทั่งสัจธรรมได้ มายังพวกเขาและศาสนทูตได้อธิบายสิ่งต่างๆให้เป็นที่ชัดเจน 30 แต่เมื่อ

อัล-ซุครุฟ

487

สัจธรรมได้มายังพวกเขา พวกเขากลับกล่าวว่า “นี่เป็นไสยศาสตร์ และ เราขอปฏิเสธมัน” 31 พวกเขากล่าวว่า “ทำ�ไมกุรอานนี้จึงไม่ถูกส่งมายังคนสำ�คัญของ สองเมืองนี้?” 32 พวกเขากระนั้นหรือที่เป็นผู้แบ่งปันความเมตตาของพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้า? เราต่างหากที่เป็นผู้จัดสรรการทำ�มาหากินของพวก เขาในชีวิตแห่งโลกนี้และเราได้ทำ�ให้บางคนในหมู่พวกเขาเหนือกว่าบาง คนหลายชั้นทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาบางคนจะได้นำ�อีกบางคนมาผลัดกันใช้ งาน และความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นมีคุณค่ายิ่งใหญ่กว่า ความมั่งคั่งที่พวกเขาสะสมไว้ 33 ถ้าไม่เกรงว่ามนุษยชาติทั้งหมดจะเป็น ประชาคมหนึ่ง(ของผู้ไม่ศรัทธา)แล้ว เราจะทำ�ให้บรรดาผู้ปฏิเสธความ กรุณาปรานีของเรามีบ้านที่หลังคาทำ�ด้วยเงินและบันไดเงินเพื่อขึ้นไป ชั้นบน 34 มีบ้านที่ประตูท�ำ ด้วยเงินและเตียงที่พวกเขาเอนนอนทำ�ด้วย เงิน 35 และเครื่องประดับทองคำ� แต่สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นแค่เพียงปัจจัย แห่งชีวิตโลกนี้ โลกหน้าต่างหากที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นมีไว้ส�ำ หรับ ผู้เกรงกลัวพระองค์ 36 สำ�หรับคนที่ไม่ใส่ใจคำ�ตักเตือนของพระผู้ทรงกรุณาปรานี เราจะให้ ซาตานตัวหนึ่งมายังเขาและมันจะเป็นสหายของเขา 37 ซาตานเหล่านี้จะ ขัดขวางพวกเขาจากหนทางที่เที่ยงตรงในขณะที่พวกเขาคิดว่าพวกเขา อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง 38 เมื่อคนเช่นนั้นมายังเรา เขาจะพูด(กับสหาย ของเขา)ว่า “ถ้าหากเจ้าอยู่ห่างจากฉันเหมือนดังทิศตะวันออกห่างจาก ทิศตะวันตกก็จะดีหรอก เจ้านี่ช่างเป็นสหายที่ชั่วร้ายที่สุด” 39 จะมีเสียง กล่าวแก่คนเช่นนี้ว่า “เมื่อสูเจ้าทำ�ผิด การมีหุ้นส่วนที่ถูกลงโทษด้วยกัน จะไม่เป็นประโยชน์อันใดเลยแก่สูเจ้าในวันนี้” 40 เจ้า(นบี) สามารถทำ�ให้คนหูหนวกได้ยินหรือชี้ทางให้คนตาบอด และคนที่หลงผิดอย่างชัดๆได้กระนั้นหรือ? 41 ถึงแม้เราจะเอาเจ้าไปจาก โลกนี้ เราจะลงโทษพวกเขาอย่างสาสมแน่นอน 42 หรือเราจะให้เจ้าเห็น

488

�����������������������

สิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับพวกเขา แท้จริง เรามีอ�ำ นาจเต็มที่เหนือพวกเขา 43 ดังนั้น จงยึดมั่นในคัมภีร์ที่ถูกส่งมายังเจ้า แท้จริง เจ้าอยู่บนหนทางที่ เที่ยงตรง 44 แท้จริง มันคือคำ�ตักเตือนสำ�หรับเจ้าและผู้คนของเจ้า และ ไม่ช้า พวกเขาจะถูกเรียกมาสอบสวน 45 จงถามศาสนทูตทั้งหลายที่เรา ส่งมาก่อนหน้าเจ้าก็ได้ว่า “เราเคยแต่งตั้งพระเจ้าใดอื่นให้มาเป็นที่เคารพ สักการะนอกไปจากพระผู้ทรงกรุณาปรานีหรือไม่?” 46 เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของเรามายังฟาโรห์และ เสนาบดีของเขา และเขาได้กล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า “ฉันเป็นศาสนทูต ของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก” 47 แต่เมื่อเขาได้แสดงสัญญาณต่างๆ ของเราให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาก็หัวเราะเยาะเขา 48 ถึงแม้ว่าเราได้ แสดงสัญญาณครั้งแล้วครั้งเล่าแก่พวกเขาซึ่งแต่ละสัญญาณยิ่งใหญ่กว่า สัญญาณก่อนๆ และเราได้ลงโทษพวกเขาเพื่อที่พวกเขาอาจกลับมา(สู่ หนทางที่ถูกต้อง) 49 พวกเขากล่าวว่า “ท่านนักไสยศาสตร์ โปรดวิงวอน พระผู้อภิบาลของท่านให้พวกเราตามสัญญาที่ท่านได้รับจากพระองค์ ด้วยเถิด แล้วเราจะเป็นผู้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง” 50 แต่เมื่อเราได้ทำ�ให้ การลงโทษหมดไปจากพวกเขา พวกเขาก็ผิดสัญญาอีก 51 ฟาโรห์ได้ประกาศท่ามกลางผู้คนของเขาว่า “ประชาชนของฉัน อาณาจักรแห่งอียิปต์นี้มิใช่ของฉันกระนั้นหรือ? แม่น้ำ�ลำ�คลองที่ไหลอยู่ แทบเท้าของฉันนี้มิใช่ของฉันหรือ ? พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่า 52 ฉันดีกว่า คนผู้นี้ที่ต�่ำ ต้อยและพูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำ�? 53 ทำ�ไมจึงไม่มีกำ�ไลทอง ส่งมาให้เขาหรือมีขบวนทูตสวรรค์คอยติดตามรับใช้เขาล่ะ?” 54 นี่แหละ ที่เขาได้หลอกลวงผู้คนของเขาและพวกเขาก็เชื่อฟังเขา เพราะพวกเขา เป็นผู้คิดกบฏ 55 ดังนั้น เมื่อพวกเขาทำ�ให้เรากริ้ว เราจึงลงโทษพวกเขา และทำ�ให้พวกเขาจมน้ำ�ทั้งหมด 56 เราได้ท�ำ ให้พวกเขากลายเป็นอดีต และเป็นบทเรียนสำ�หรับคนรุ่นต่อๆไป 57 เมื่อได้มีการหยิบยกเอา(อีซา)ลูกของนางมัรฺยัมขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์

อัล-ซุครุฟ

489

ผู้คนของเจ้าก็โห่ร้องกันออกมา 58 และกล่าวว่า “พระเจ้าทั้งหลายของ พวกเราดีกว่าหรือว่าเขา?” พวกเขายกคำ�เปรียบเทียบนี้ขึ้นมาเพียง เพื่อท้าทายเจ้า เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขาเป็นผู้ชอบโต้เถียง 59 แต่ เขา(ลูกของนางมัรฺยัม)เป็นแค่เพียงบ่าวคนหนึ่งซึ่งเราได้ประทานความ โปรดปรานแก่เขาและเป็นตัวอย่างแห่งอำ�นาจของเราสำ�หรับพวกลูก หลานอิสรออีล 60 หากเราประสงค์ เราก็สามารถแต่งตั้งทูตสวรรค์มาเป็น ผู้สืบทอดแผ่นดินต่อจากสูเจ้าก็ได้ 61 ความจริงแล้ว เขาเป็นสัญญาณ หนึ่งของยามอวสาน ดังนั้น เจ้าอย่าได้สงสัยใดๆและจงปฏิบัติตามฉัน นี่ คือแนวทางอันเที่ยงตรง 62 จงอย่าให้ชัยฏอนขัดขวางเจ้าจากสิ่งนี้ แท้จริง มันเป็นศัตรูของเจ้าอย่างเปิดเผย 63 เมื่ออีซามาพร้อมกับสัญญาณต่างๆอันชัดแจ้ง เขาได้กล่าวว่า “ฉัน มายังพวกท่านพร้อมกับวิทยปัญญาเพื่อทำ�ให้พวกท่านเข้าใจความจริง ในสิ่งที่พวกท่านขัดแย้งกัน ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟังฉัน 64 เพราะพระเจ้าคือพระผู้อภิบาลของฉันและพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ด้วยเช่นกัน ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ นี่คือแนวทางอันเที่ยงตรง” 65 แต่ (ถึงแม้คำ�สอนของเขาจะชัดเจนแล้ว) นิกายต่างๆในหมู่พวกเขาก็ ยังขัดแย้งกันเอง ดังนั้น ความหายนะจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ท�ำ ความผิด พวกเขาจะได้รับการลงโทษแห่งวันอันเจ็บปวด 66 พวกเขาเหล่านี้เพียงแต่รอคอยยามอวสานที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา อย่างฉับพลันในขณะที่พวกเขาไม่รู้กระนั้นหรือ? 67 เมื่อวันนั้นมาถึง มิตร สหายทั้งหลายจะเป็นศัตรูกันยกเว้นบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้า 68 “โอ้ บ่าวทั้งหลายของฉัน วันนี้ สูเจ้าจะไม่มีความหวาดกลัวอะไรและสูเจ้าจะ ไม่ต้องเศร้าใจ 69 บรรดาผู้ศรัทธาในสิ่งที่เราประทานมาและนอบน้อม ยอมตนต่อเรา 70 จงเข้าไปในสวรรค์เถิด ทั้งตัวของสูเจ้าและคู่ครองของ สูเจ้า” 71 ที่นั่นจะมีจานและถ้วยน้ำ�ทองคำ�เวียนรอบพวกเขาและที่นั่น พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่จิตใจของพวกเขาปรารถนาและสายตาของพวก

490

�����������������������

เขาชื่นชมยินดี “สูเจ้าจะพำ�นักอยู่ที่นั่นตลอดไป 72 นี่คือสวนสวรรค์ที่สูเจ้า จะได้รับเป็นมรดกตามที่สูเจ้าได้กระทำ�ไว้ก่อนหน้านี้ 73 และที่นั่นมีผลไม้ มากมายให้สูเจ้าได้กิน” 74 ส่วนผู้กระทำ�ความผิดนั้น พวกเขาจะต้องได้รับการลงโทษในนรก ตลอดกาล 75 พวกเขาจะไม่ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษและในนั้นพวก เขาจะมีแต่ความสิ้นหวัง 76 เรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเอง ต่างหากที่อธรรมต่อตัวเอง 77 พวกเขาจะร้องออกมาว่า “โอ้ มาลิก โปรด ให้พระเจ้าของท่านจัดการให้เราตายไปเถิด” แต่เขา(ทูตสวรรค์)จะตอบ ว่า “พวกท่านจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป” 78 เราได้น�ำ ความจริงมายังสูเจ้า แล้ว แต่สูเจ้าส่วนใหญ่รังเกียจความจริง” 79 หรือว่าพวกเขาได้ตัดสินใจ วางแผนไว้แล้วใช่ไหม? ดีละ เราก็จะวางแผนของเราด้วยเช่นกัน 80 พวก เขาคิดหรือว่าเราไม่ได้ยินการพูดกันอย่างลับๆและการกระซิบกันของ พวกเขา ทูตสวรรค์ของเราอยู่ข้างๆพวกเขาคอยจดบันทึกอยู่ 81 (มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากพระผู้ทรงกรุณาปรานี มีบุตร ฉันจะเป็นคนแรกที่เคารพสักการะเขา” 82 แต่มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระผู้ทรงอภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระเจ้าแห่งบัลลังก์ พระองค์ทรงอยู่เหนือสิ่งที่พวกเขากล่าว(เท็จ)ถึงพระองค์ 83 ดังนั้น จง ปล่อยพวกเขาให้หมกมุ่นอยู่ในความเท็จและการละเล่นจนกว่าพวกเขา จะพบวันของพวกเขาซึ่งได้ถูกสัญญาไว้ 84 พระองค์เท่านั้นคือพระเจ้าในชั้นฟ้าทั้งหลายและพระเจ้าแห่ง แผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ 85 มหาจำ�เริญคือ พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและ ทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น พระองค์เท่านั้นที่มีความรู้เรื่องยามอวสานและยัง พระองค์ที่สูเจ้าจะถูกนำ�กลับไป 86 บรรดาผู้ที่พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้นไม่มีอำ�นาจที่จะ ขอไถ่โทษนอกไปจากผู้ยืนยันสัจธรรมด้วยความรู้เท่านั้น 87 และถ้าหาก

อัล-ดุคอน

491

เจ้าถามพวกเขาว่าใครเป็นผู้สร้างพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “พระเจ้า” แล้วพวกเขายังหันไปทางอื่นอีกหรือ? 88 นบีกล่าวว่า “พระผู้อภิบาล คน เหล่านี้คือหมู่ชนผู้ไม่ศรัทธา” 89 ดังนั้น (โอ้ มุฮัมมัด)จงอดทนต่อพวกเขา และกล่าว “สันติจงมีแด่ท่าน” ในไม่ช้าพวกเขาจะได้รู้ 44. ควัน

อัล-ดุคอน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฮา มีม 2 ขอสาบานด้วยคัมภีร์ที่ทำ�ให้สิ่งต่างๆเป็นที่ชัดเจน 3 แท้จริง เราได้ ประทานมันลงมาในคืนอันจำ�เริญยิ่ง เราได้ส่งคำ�เตือนมาเสมอ 4 ในคืน นั้น ประกาศิตอันชาญฉลาดทุกอย่างได้ถูกกำ�หนดไว้แล้ว 5 โดยคำ�บัญชา ของเรา เราได้ส่งสาสน์มาแล้ว 6 เป็นความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของ เจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 7 พระองค์ทรงเป็นพระ ผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ถ้า หากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง 8 ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆที่คู่ควรแก่การ เคารพสักการะนอกจากพระองค์ ผู้ทรงให้ชีวิตและผู้ทรงให้ตาย พระผู้ อภิบาลของสูเจ้าและพระผู้อภิบาลของบรรพบุรุษของสูเจ้า 9 แต่พวกเขา ยังมีแต่ความสงสัย 10 ดังนั้น จงคอยวันหนึ่งซึ่งท้องฟ้าจะปรากฏหมอก ควันที่เห็นได้ชัด 11 ซึ่งจะปกคลุมมนุษยชาติ นี่จะเป็นการลงโทษอันเจ็บ ปวด 12 พวกเขาจะกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดช่วยเราให้พ้น จากการลงโทษนี้ด้วยเถิด ตอนนี้เราเป็นผู้ศรัทธาในพระองค์แล้ว” 13 พวก เขาจะได้ประโยชน์จากการตักเตือนนี้อย่างไรในเมื่อมีศาสนทูตคนหนึ่ง มายังพวกเขาและอธิบายสิ่งต่างๆให้เป็นที่ชัดเจนแล้ว? 14 แต่พวกเขา

492

44. ควัน

กลับหันหลังให้เขาและกล่าวว่า “เขาเป็นคนบ้าที่มีคนอื่นสอนมา” 15 ถ้า เราปลดเปลื้องการลงโทษไปชั่วขณะหนึ่ง สูเจ้าก็จะกลับไปสู่การปฏิเสธ สัจธรรมอย่างที่เคยเป็นมาก่อน 16 วันที่เราลงโทษบรรดาผู้ทำ�บาปอย่าง รุนแรงที่สุดนั้น เราจะตอบแทนพวกเขาอย่างสาสม 17 ก่อนหน้าพวกเขา เราได้ทดสอบผู้คนของฟาโรห์มาแล้ว นั่นคือมี ศาสนทูตผู้ทรงเกียรติคนหนึ่งถูกส่งมายังพวกเขา 18 เขากล่าวว่า “จง มอบปวงบ่าวของพระเจ้าให้แก่ฉัน ฉันคือศาสนทูตผู้ซื่อสัตย์ส�ำ หรับพวก ท่าน 19 พวกท่านจงอย่ายกตนเหนือพระเจ้า ฉันได้น�ำ หลักฐานอันชัดแจ้ง มาแสดงให้ท่านได้เห็นแล้ว 20 ฉันขอความคุ้มครองจากพระผู้อภิบาลของ ฉันและพระผู้อภิบาลของพวกท่านแล้วเพราะเกรงว่าพวกท่านจะเอาหิน ขว้างฉัน(จนตาย) 21 ถ้าหากพวกท่านไม่ศรัทธาฉัน ก็จงอย่าทำ�ร้ายฉัน” 22 ในที่สุด เขาได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาว่า “คนเหล่านี้เป็น ผู้ทำ�บาป” 23 พระเจ้ากล่าวว่า “จงออกเดินทางไปพร้อมกับปวงบ่าวของ ฉันในตอนกลางคืน เพราะสูเจ้าจะถูกติดตามอย่างแน่นอน 24 จงปล่อย ทะเลไว้อย่างนั้น พวกเขาทั้งหมดจะจมน้�ำ ตาย” 25 สวนผลไม้และตาน้ำ� กี่แห่งแล้วที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง 26 รวมทั้งไร่ข้าวโพดและอาคารอัน โอ่อ่า 27 และสิ่งอำ�นวยความฟุ้งเฟ้อที่พวกเขาเคยได้รับความสุข 28 นั่น คือบั้นปลายของพวกเขา และเราได้ท�ำ ให้คนอื่นมาสืบทอดสิ่งที่เป็นของ พวกเขา 29 ดังนั้น ชั้นฟ้าและแผ่นดินจึงมิได้ร้องไห้แก่พวกเขา และพวก เขามิได้รับการผ่อนปรน 30 เราได้ช่วยเหลือพวกลูกหลานอิสรออีลให้รอดพ้นจาการลงโทษอัน อัปยศ 31 จากฟาโรห์ผู้เป็นคนสำ�คัญที่สุดในบรรดาผู้ละเมิดขอบเขตทุก อย่าง 32 เราได้เลือกพวกเขาเหนือบรรดาคนอื่นๆทั้งหมดโดยรู้ว่าพวก เขาเป็นเช่นนั้น 33 และเราได้แสดงสัญญาณต่างๆให้พวกเขาได้เห็นเพื่อ เป็นการทดสอบอย่างชัดเจน 34 แต่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมกล่าวว่า 35 “ไม่มีอะไรนอกไปจากความ

493

ตายครั้งแรกของเรา และเราจะไม่ถูกทำ�ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก 36 ถ้า หากพวกท่านพูดจริง จงนำ�บรรพบุรุษของพวกเรากลับมาอีกครั้งหนึ่งซิ” 37 พวกเขาดีกว่าชาวตุบบะอ์และบรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขากระนั้น หรือ? เราได้ทำ�ลายพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นผู้ท�ำ บาป 38 เรามิได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น อย่างไร้สาระ 39 เรามิได้สร้างทั้งสองสิ่งดังกล่าวขึ้นมาเพื่ออื่นใดนอกไป จากเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ 40 แท้จริง วัน แห่งการตัดสินเป็นเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ส�ำ หรับพวกเขาทั้งหมด 41 วัน ที่เพื่อนจะไม่สามารถช่วยเหลือกันได้ และพวกเขาจะไม่ได้รับการช่วยเห ลือใดๆ 42 นอกไปจากบรรดาผู้ที่พระเจ้าจะทรงแสดงความเมตตาแก่พวก เขา แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ* 43 แน่นอน ผลของต้นซักกูม 44 จะเป็นอาหารของผู้ทำ�บาป 45 เหมือน กับกากของน้�ำ มัน มันจะเดือดอยู่ในท้อง 46 เหมือนกับการเดือดของน้�ำ ร้อน 47 (จะมีเสียงร้องว่า) “จงกระชากเขาแล้วลากไปยังกลางไฟนรก * ถ้าใครตรึกตรองถึงระบบของชั้นฟ้าและแผ่นดินหรือจักรวาลทั้งหมด เขาจะเข้าใจชัดเจนว่าทุกสิ่งถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนอย่าง หนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เช่นนั้น มนุษย์จะไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมอันรุ่งเรือง ขึ้นมาในโลกนี้ได้เลย การทำ�งานทั้งหมดของจักรวาลอย่างมีความ หมายเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่ามันจะจบลงในลักษณะที่มีความหมายและมี วัตถุประสงค์ และไม่มีทางคิดได้เลยว่ามันจะสิ้นสุดลงในลักษณะที่เป็น อย่างอื่น ความจริงแล้ว วาระสุดท้ายของมันจะบอกล่วงหน้าถึงการมา ของชีวิตหลังความตาย และความศรัทธาในโลกมิใช่อะไรนอกไปจากการ ขยายการมีความหมายของจักรวาล ขั้นตอนปัจจุบันแห่งโลกนี้เป็นแค่ขั้น ตอนของการทดสอบ ดังนั้น ทุกคนจึงมีส่วนแบ่งของตนในการมีความ หมายของโลกนี้ แต่ในโลกหน้า เฉพาะผู้ที่สมควรได้รับจริงๆในสายตา ของพระเจ้าจะมีส่วนแบ่งในการมีความหมายของชีวิตโลกหน้า

494

45. การคุกเข่า

และเอาน้�ำ เดือดเทราดลงไปบนหัวของเขาเป็นการลงโทษ 49 จงลิ้มรส สิ่งนี้ดู คนที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่และมีเกียรติ 50 นี่คือสิ่งที่สูเจ้าเคยสงสัย” 51 ส่วนคนที่เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะอยู่ในสถานที่อันปลอดภัย 52 ใน ท่ามกลางสวนสวรรค์อันหลากหลายและตาน้�ำ 53 สวมใส่อาภรณ์ทำ�ด้วย ผ้าไหมละเอียดและไหมหยาบ นั่งหันหน้าเข้าหากัน 54 มันจะเป็นเช่นนั้น แหละ และเราจะให้พวกเขามีคู่ครองเป็นหญิงสาวผิวดีมีตาดำ�โต 55 พวก เขาจะร้องขอผลไม้ทุกชนิดที่มีรสอร่อยในความสงบและปลอดภัย 56 ที่ นั่น พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความตายหลังจากความตายครั้งแรกของพวก เขาในโลกนี้ พระองค์จะทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของ ไฟนรก 57 ในฐานะเป็นความโปรดปรานจากพระผู้อภิบาลของเจ้า นี่คือ ความสำ�เร็จอันใหญ่หลวง 58 (โอ้ นบี) เราได้ทำ�ให้คัมภีร์นี้ง่ายต่อการเข้าใจในภาษาของเจ้าเพื่อ พวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ 59 ดังนั้น จงคอยเถิด เช่นเดียวกับที่พวกเขา กำ�ลังคอย 48

45. การคุกเข่า

อัล-ญาซิยะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮา มีม 2 คัมภีร์นี้ถูกส่งลงมาจากพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงปรีชาญาณ 3 ในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินมีสัญญาณต่างๆมากมายสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 4 และในการสร้างสูเจ้าและในสรรพสัตว์ทั้งหลายที่พระเจ้าได้ทรงแพร่ กระจายออกไปนั้นล้วนเป็นสัญญาณสำ�หรับหมู่ชนผู้เชื่อมั่น 5 และในการ สับเปลี่ยนกันของกลางคืนและกลางวัน และปัจจัยที่พระเจ้าทรงประทาน 1

อัล-ญาซิยะฮฺ

495

มาจากฟากฟ้าซึ่ง พระองค์ได้ทำ �ให้แ ผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่มัน ได้ตายไป และในการหมุนเวียนของลม (ในทั้งหมดนี้)มีสัญญาณต่างๆ มากมายสำ�หรับหมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา 6 เหล่านี้เป็นสาสน์ที่พระเจ้าทรง ประทานมาซึ่งเราได้สาธยายให้แก่เจ้าด้วยความจริงทั้งหมด แต่ถ้าพวก เขาปฏิเสธพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทรงประทานมา พวกเขาจะศรัทธาใน สาสน์อะไร? 7 ความวิบัติจงมีแก่ผู้โกหกที่ทำ�บาปทุกคน 8 เขาได้ยินสาสน์ของ พระเจ้าที่ถูกอ่านให้เขาแล้ว แต่เขายังคงดึงดันปฏิเสธอย่างโอหังเหมือน กับว่าเขาไม่ได้ยินสาสน์เหล่านั้น ดังนั้น จงแจ้งข่าวการลงโทษอันเจ็บ ปวดแก่เขา 9 เมื่อเขารู้บางสิ่งจากสาสน์ทั้งหลายของเรา เขาก็ถือเอา สาสน์เหล่านั้นเป็นเรื่องล้อเล่น คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับการลงโทษอัน อัปยศ 10 พวกเขาจะมีนรกอยู่ข้างหน้าพวกเขา และไม่มีอะไรที่พวกเขา ได้ขวนขวายไว้ในโลกนี้จะสามารถอำ�นวยประโยชน์แก่พวกเขาได้ และ บรรดาผู้ที่พวกเขายึดเอาเป็นผู้คุ้มครองแทนพระเจ้าจะไม่สามารถช่วย เหลืออะไรเขาได้ด้วย สำ�หรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันน่าสะพรึง กลัว 11 นั่นคือทางนำ�ของเรา และสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสาสน์ของพระ ผู้อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวดอย่าง มหันต์ 12 พระเจ้าคือผู้ทรงทำ�ให้ทะเลอำ�นวยประโยชน์แก่สูเจ้าเพื่อที่เรือ ทั้งหลายจะได้แล่นไปในนั้นโดยคำ�บัญชาของพระองค์ และสูเจ้าจะได้ แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อที่สูเจ้าจะได้ขอบคุณ พระองค์ 13 พระองค์ได้ทรงทำ�ให้ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินอำ�นวยประโยชน์ต่อสูเจ้าซึ่งทั้งหมดมาจากพระองค์ แท้จริงแล้ว ใน นั้นมีสัญญาณสำ�หรับหมู่ชนผู้ใช้ความคิด 14 (โอ้นบี) จงบอกบรรดาผู้ศรัทธาให้เลิกสนใจบรรดาผู้ที่ไม่กลัวการ มาของวันอันเลวร้ายจากพระเจ้า พระองค์จะทรงตอบแทนแก่หมู่ชนตาม

496

45. การคุกเข่า

ที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ 15 ผู้ใดทำ�ความดีก็จะได้ดีแก่ตัวเอง และผู้ใด ทำ�ชั่วก็จะต้องแบกภาระไว้เอง หลังจากนั้น สูเจ้าจะถูกนำ�กลับไปยังพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้า 16 เราได้ประทานคัมภีร์ วิทยปัญญาและความเป็นนบีแก่พวกลูกหลาน อิสราเอล และเราได้ประทานสิ่งดีๆทั้งหลายแห่งชีวิตแก่พวกเขาและเรา ได้ยกย่องพวกเขาให้เหนือกว่าผู้คนอื่นๆทั้งหมด 17 เราได้ประทานหลัก ฐานอันชัดเจนแก่พวกเขา(เกี่ยวกับเรื่องศาสนา) แต่หลังจากความรู้มายัง พวกเขา พวกเขาก็ขัดแย้งกันเองเพียงเพราะว่าพวกเขาต้องการชิงดีชิง เด่นกัน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระผู้อภิบาลของเจ้าจะตัดสินระหว่าง พวกเขาในเรื่องที่พวกเขาได้ขัดแย้งกัน 18 หลังจากนั้น (โอ้ นบี)เราได้ ทำ�ให้เจ้าอยู่บนหนทางอันชัดเจน(ของศาสนา) ดังนั้น จงปฏิบัติตามมัน และจงอย่าปฏิบัติตามอารมณ์ต�่ำ ของบรรดาผู้ไม่มีความรู้ 19 พวกเขาไม่ สามารถช่วยเหลือเจ้าให้พ้นจากพระเจ้าได้ แท้จริงแล้ว บรรดาผู้ทำ�ความ ผิดต่างเป็นสหายของกันและกันในขณะที่เพื่อนของคนมีคุณธรรมความ ดีคือพระเจ้า 20 (คัมภีร์)นี้คือแสงสว่างและทางนำ�สำ�หรับมนุษยชาติและ เป็นความจำ�เริญแก่หมู่ชนผู้เชื่อมั่นในความศรัทธา 21 บรรดาผู้ท�ำ ความชั่วคิดหรือว่าเราจะปฏิบัติต่อพวกเขาในลักษณะ เดียวกับที่เราปฏิบัติกับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี พวกเขาจะ เหมือนกันหรือในการมีชีวิตและในการตายของพวกเขา? ชั่วช้าเหลือเกิน ที่พวกเขาตัดสินเช่นนั้น 22 พระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เพื่อวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ทั้งนี้เพื่อที่แต่ละชีวิตจะได้รับการตอบแทน ตามที่มันได้ขวนขวายไว้ และพวกเขาจะไม่ได้รับความอธรรม 23 (โอ้นบี) เจ้าเคยพิจารณาคนที่ถือเอาอารมณ์ต�่ำ ของเขาเป็นพระเจ้า ของเขาบ้างไหม? ถึงแม้จะมีความรู้ พระเจ้าจะทรงปล่อยให้เขาหลงผิด และปิดหูของเขาและหัวใจของเขาและทรงทำ�ให้มีสิ่งปิดบังดวงตาของ

อัล-ญาซิยะฮฺ

497

เขา แล้วใครเล่าที่สามารถจะนำ�ทางเขาหลังจากพระเจ้า(ได้ทอดทิ้งเขา แล้ว)? แล้วสูเจ้ายังไม่คิดกันอีกหรือ? 24 พวกเขากล่าวว่า “ไม่มีชีวิตอื่นใดนอกไปจากชีวิตของเราในโลกนี้ เราจะตายและมีชีวิตอยู่ที่นี่และไม่มีสิ่งใดนอกไปจากเวลาที่ทำ�ลายเรา” ความจริงแล้ว พวกเขาไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาเพียงแต่ เดาเอาเท่านั้นเอง” 25 เมื่อสาสน์อันชัดเจนของเราได้ถูกอ่านให้พวกเขา ฟัง ข้อโต้แย้งของพวกเขาก็มีแค่การกล่าวว่า “จงนำ�บรรพบุรุษของเรา กลับมาถ้าหากท่านพูดจริง” 26 (โอ้ นบี)จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พระเจ้า ต่างหากที่ให้ชีวิตพวกท่าน หลังจากนั้นก็ทรงทำ�ให้พวกท่านตาย หลัง จากนั้น พระองค์จะทรงรวบรวมพวกท่านในวันฟื้นคืนชีพที่จะมาถึงอย่าง แน่นอน แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้” 27 พระเจ้าเป็นเจ้าของอำ�นาจสูงสุดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ในวันที่เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง บรรดาผู้บูชาความเท็จทั้งหลายจะ ขาดทุนอย่างย่อยยับ 28 เจ้าจะได้เห็นทุกชนชาติอยู่ในสภาพนั่งคุกเข่า ทุกชนชาติจะถูกเรียกมาดูบันทึกของพวกเขา (และจะมีเสียงกล่าวว่า) “วันนี้สูเจ้าจะได้รับการตอบแทนในสิ่งที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้ 29 บันทึกของเราจะ บอกความจริงเกี่ยวกับสูเจ้า แท้จริง เราได้บันทึกการกระทำ�ทั้งหมดของ สูเจ้าไว้” 30 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี พระผู้อภิบาลของพวก เขาจะทรงรับพวกเขาไว้ในความเมตตาของพระองค์ นี่คือความสำ�เร็จ อันชัดเจน 31 ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น จะมีการบอกพวกเขาว่า “เมื่อสาสน์ของเราถูกอ่านให้สูเจ้าฟัง สูเจ้าไม่ได้แสดงความโอหัง และ มิได้ดึงดันทำ�ชั่วต่อไปกระนั้นหรือ? 32 เมื่อได้มีการกล่าวว่า ‘สัญญาของ พระเจ้านั้นเป็นจริงและไม่มีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับยามอวสาน’ สูเจ้ามิได้ ตอบว่า ‘เราไม่รู้ว่ายามอวสานนั้นคืออะไร เราคิดว่ามันเป็นเพียงการเดา เอาเท่านั้นเอง และเราไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้’ กระนั้นหรือ?”

498

46. สันทราย

ดังนั้น ความชั่วที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้จะเป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขา การ ลงโทษที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยจะห้อมล้อมพวกเขา 34 พวกเขาจะถูกบอก ว่า “วันนี้เราจะลืมสูเจ้าเช่นเดียวกับที่สูเจ้าลืมการพบกันของวันนี้ ตอน นี้ ที่พำ�นักของสูเจ้าคือนรกและจะไม่มีใครช่วยเหลือสูเจ้าได้ 35 นั่นเป็น เพราะสูเจ้าถือเอาสาสน์ของพระเจ้าเป็นเรื่องล้อเล่น และสูเจ้าถูกชีวิต แห่งโลกนี้ล่อลวง” ดังนั้น ในวันนี้พวกเขาจะไม่ถูกนำ�ออกจากนรกและ พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ตัวอีก 36 ดังนั้น การสรรเสริญทั้งหลายเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่ง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 37 พระองค์ ทรงเป็นเจ้าของความยิ่งใหญ่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์ เท่านั้นคือผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 33

46. สันทราย

อัล-อะฮฺกอฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฮามีม 2 คัมภีร์นี้ถูกส่งลงมาจากพระเจ้าผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 3 เราได้ สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นขึ้นมาด้วยเพื่อ จุดหมายที่เป็นธรรมและเพื่อระยะเวลาหนึ่งตามที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ แต่ บรรดาผู้ปฏิเสธได้หันหลังไปจากความจริงที่พวกเขาได้ถูกตักเตือน 4 (โอ้ นบี) จงถามพวกเขาว่า “พวกท่านเคยคิดเกี่ยวกับสิ่งที่พวก ท่านวิงวอนแทนพระเจ้าบ้างไหม? ไหนลองชี้ให้ฉันเห็นซิว่ามันได้สร้าง อะไรขึ้นมาบ้างในโลกนี้หรือว่ามันมีส่วนร่วมอะไรในการสร้างและการ ควบคุมชั้นฟ้าทั้งหลาย? จงนำ�เอาคัมภีร์ที่ถูกประทานมาก่อนหน้านี้หรือ

อัล-อะฮฺกอฟ

499

จงนำ�ความรู้อะไรบางอย่างมาก็ได้ถ้าหากท่านพูดจริง” 5 และใครเล่าที่จะ หลงยิ่งไปกว่าคนที่วิงวอนสิ่งอื่นนอกไปจากพระเจ้าโดยที่สิ่งเหล่านั้นไม่ สามารถตอบรับเขาจนกระทั่งถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ? และพวกมันไม่รู้ ด้วยซ้�ำ ไปว่าพวกมันกำ�ลังถูกวิงวอน 6 และเมื่อมนุษย์ทั้งหมดถูกรวมเข้า ด้วยกัน พวกมันจะเป็นศัตรูกับบรรดาผู้วิงวอนพวกมันและจะปฏิเสธการ สักการะบูชาของพวกเขา? 7 และเมื่อใดก็ตามที่สาสน์อันชัดเจนของเราได้ถูกอ่านให้พวกเขาและ สัจธรรมได้ถูกนำ�มายังพวกเขา บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะกล่าวว่า “นี่ เป็นมายากลชัดๆ” 8 พวกเขาต้องการที่จะกล่าวว่าศาสนทูตแต่งมันขึ้นมา ใช่ไหม? (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากฉันแต่งมันขึ้นมาเอง พวกท่านก็ไม่สามารถทำ�สิ่งใดที่จะช่วยเหลือฉันให้พ้นจากการลงโทษ ของพระเจ้าได้ พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกท่านกล่าวออกมา พระองค์ นั้นเพียงพอแล้วที่จะเป็นพยานระหว่างฉันกับพวกท่าน และพระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 9 จงบอกพวกเขาว่า “ฉันมิใช่ศาสนทูตคนแรกของพระเจ้า ฉันไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับฉันและกับพวกท่าน ฉันเพียงแต่ปฏิบัติตามสิ่งที่ถูก เปิดเผยแก่ฉันเท่านั้น และฉันมิได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้ตักเตือน” 10 (โอ้ นบี) จงถามพวกเขาเถิดว่า “พวกท่านเคยคิดบ้างไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากกุรอานมาจากพระเจ้าจริงและพวกท่านยังปฏิเสธอีก? อะไรจะ เกิดขึ้นถ้าลูกหลานอิสรออีลคนหนึ่งได้มายืนยันความคล้ายกันของคัมภีร์ นี้กับคัมภีร์ก่อนหน้านี้และเขาศรัทธามัน แต่พวกท่านยโสโอหังเกินกว่าที่ จะทำ�เช่นนั้น? พระเจ้าไม่ทรงชี้ทางแก่บรรดาผู้ท�ำ ความชั่วอย่างแน่นอน” 11 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้กล่าวถึงบรรดาผู้ศรัทธาว่า “ถ้าหากในกุ รอานนี้มีสิ่งดีๆ พวกเขาไม่น่าจะศรัทธาก่อนหน้าเรา” เนื่องจากพวกเขา ไม่ได้รับทางนำ�ใดๆจากกุรอาน ดังนั้น พวกเขาจะกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องโก หกเก่าๆมาตั้งแต่โบราณ”

500

46. สันทราย

ก่อนหน้านี้ คัมภีร์ของมูซาได้ถูกประทานมาเป็นทางนำ�และความ จำ�เริญ และนี่คือคัมภีร์ที่ได้ถูกประทานมาเป็นภาษาอาหรับเพื่อยืนยันสิ่ง ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อตักเตือนบรรดาผู้ทำ�ผิด และเพื่อแจ้งข่าวดีแก่ บรรดาผู้กระทำ�ความดี 13 แท้จริง บรรดาผู้กล่าวว่า “พระเจ้าเท่านั้นคือ พระผู้อภิบาลของเรา” แล้วพวกเขาก็ยืนหยัดมั่นคง(บนหนทางนั้น) พวก เขาจะไม่มีสิ่งใดที่ต้องกลัวและพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ 14 พวกเขา เหล่านั้นจะได้เข้าสวรรค์ซึ่งพวกเขาจะพำ�นักอยู่ที่นั่นตลอดกาล เป็นการ ตอบแทนสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ในในโลกนี้ 15 เราได้กำ�ชับมนุษย์ให้ปฏิบัติต่อพ่อแม่ของเขาด้วยดี แม่ของเขา ได้ อุ้ ม ครรภ์ เ ขาด้ ว ยความเหนื่ อ ยยากและได้ ค ลอดเขาด้ ว ยความเจ็ บ ปวด และการอุ้มครรภ์และการหย่านมของเขากินเวลาสามสิบเดือนจน กระทั่งเมื่อเขาบรรลุถึงวัยหนุ่มและมีอายุสี่สิบปี เขาได้กล่าวว่า “โอ้พระ ผู้อภิบาล โปรดช่วยฉันให้เป็นผู้ขอบคุณความโปรดปรานของพระองค์ที่ ทรงประทานแก่ฉันและแก่พ่อแม่ของฉันและให้ฉันได้ทำ�ความดีเพื่อเป็น ที่พึงพอพระทัยของพระองค์ด้วยเถิด โปรดทำ�ให้ลูกหลานของฉันเป็นคน ดี ฉันขออภัยโทษต่อพระองค์และฉันเป็นหนึ่งในบรรดาผู้นอบน้อมยอม ตนต่อพระองค์” 16 คนเหล่านี้คือคนที่เรารับการทำ�ดีที่สุดจากพวกเขา และมองข้ามความผิดของพวกเขา พวกเขาจะได้อยู่ในหมู่ชาวสวรรค์ตาม สัญญาอันแท้จริงที่ได้ทำ�ไว้กับพวกเขา 17 แต่ผู้ที่กล่าวคำ�หยาบคายต่อพ่อแม่ของเขาว่า “เชอะ อะไรกันซิ นี่ พ่อแม่ขู่ฉันหรือว่าฉันจะถูกนำ�ออกมาจากหลุมฝังศพหลังจากที่ตายไป แล้ว? ทั้งๆที่มีคนมากมายหลายรุ่นล่วงลับไปก่อนหน้าฉัน และไม่มีใคร ฟื้นขึ้นมาสักคน” พ่อแม่ของเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าโดย กล่าวว่า “วิบัติแล้วเจ้า จงศรัทธาเดี๋ยวนี้ สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความ จริง” แต่เขากล่าวว่า “นี่มิใช่อะไรนอกไปจากตำ�นานเก่าคร่�ำ ครึ” 18 คน เหล่านี้คือผู้ที่การตัดสินลงโทษได้ถูกกำ�หนดไว้แล้ว พวกเขาจะได้เข้าไป 12

อัล-อะฮฺกอฟ

501

อยู่ร่วมกับหมู่ญินและมนุษย์ที่ล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเขา แท้จริงแล้ว พวกเขาคือผู้ขาดทุน 19 ในแต่ละประเภทนี้จะมีล�ำ ดับชั้นของตัวเองตามที่พวกเขาได้กระทำ� ไว้ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงตอบแทนพวกเขาอย่างครบถ้วนสำ�หรับ สิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้โดยที่พวกเขาจะไม่ได้รับความอธรรมใดๆ 20 ใน วันที่บรรดาผู้ปฎิเสธสัจธรรมถูกนำ�มารวมกันหน้าไฟนรก (พวกเขาจะ ถูกกล่าวว่า) “สูเจ้าได้ใช้ส่วนที่ดีๆของสูเจ้าไปหมดแล้วในชีวิตแห่งโลกนี้ และสูเจ้าได้รับความสุขจากมันอย่างเต็มที่ วันนี้ สูเจ้าจะได้รับการลงโทษ อย่างอัปยศเป็นการตอบแทนอันเนื่องมาจากความยโสโอหังของสูเจ้าใน แผ่นดินโดยไม่มีสิทธิ์ใดๆและเนื่องจากการที่สูเจ้าฝ่าฝืน” 21 จงบอกกล่าวถึงเรื่องพี่น้องคนหนึ่งของพวกอ๊าด (นั่นคือฮูด) เมื่อ เขาได้เตือนผู้คนของเขาที่สันทราย และมีผู้ตักเตือนหลายคนแล้วได้มา ก่อนและหลังจากเขา โดยกล่าวว่า “พวกท่านจงอย่าเคารพสักการะสิ่ง ใดอื่นนอกไปจากพระเจ้า เพราะฉันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษใน วันอันยิ่งใหญ่” 22 พวกเขากล่าวว่า “ท่านมาหาเราเพื่อจะให้เราหันห่าง ออกจากสิ่งที่เราเคารพสักการะกระนั้นหรือ? เอาละ ถ้าเช่นนั้น จงนำ� การลงโทษที่ท่านขู่ไว้มาซิ ถ้าหากท่านพูดจริง” 23 เขากล่าวว่า “พระเจ้า เท่านั้นที่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด ฉันเพียงแต่บอกพวกท่านตามที่ฉันได้ ถูกส่งมา แต่ฉันเห็นว่าพวกท่านเป็นหมู่ชนที่งมงาย” 24 ครั้นเมื่อพวกเขาเห็นเมฆดำ�เคลื่อนมายังหุบเขาของพวกเขา พวก เขาร้องอุทานว่า “นี่คือเมฆที่กำ�ลังจะนำ�ฝนมาให้เรา” (ฮูดกล่าวว่า) “เปล่า เลย แต่นี่เป็นสิ่งที่พวกท่านเร่งเร้าที่จะให้เกิดต่างหาก นี่คือลมพายุที่ กำ�ลังนำ�การลงโทษอันเจ็บปวดมา 25 มันจะทำ�ลายทุกสิ่งตามคำ�บัญชา ของพระผู้อภิบาลของมัน” และในตอนเช้า ไม่มีอะไรหลงเหลือให้เห็น นอกไปจากสถานที่พักอันว่างเปล่าของพวกเขา นั่นแหละที่เราตอบแทน ผู้ทำ�ความชั่ว

502

46. สันทราย

เราได้ให้พวกเขามีอำ�นาจที่เราไม่เคยให้สูเจ้า(คนรุ่นหลัง)มาก่อน เราได้ให้ความสามารถในการได้ยินและการเห็นและหัวใจแก่พวกเขา แต่ หูตาและหัวใจของพวกเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแก่พวกเขา เพราะพวก เขาปฏิเสธสาสน์ที่พระเจ้าประทานมา และสิ่งที่พวกเขาหัวเราะเยาะนั้น ได้ล้อมรอบพวกเขาไว้ 27 เราได้ทำ�ลายเมืองอื่น(ที่เคยรุ่งเรือง)รอบๆสูเจ้า ไปแล้ว เราได้ส่งสัญญาณต่างๆของเราไปยังพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าใน ลักษณะต่างๆเพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมา(ยังแนวทางที่ถูกต้อง) 28 แล้ว ทำ�ไมสิ่งต่างๆที่พวกเขายึดถือเป็นที่เคารพสักการะแทนพระเจ้าเพื่อนำ� พวกเขาให้เข้าใกล้พระองค์จึงไม่ช่วยพวกเขาล่ะ? ไม่เลย สิ่งเหล่านั้นได้ หายไปจากพวกเขา และนี่คือจุดจบของการกล่าวเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้น 29 จงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเราได้ส่งญินกลุ่มหนึ่งมายังเจ้าเพื่อที่พวก เขาจะได้ฟังกุรอาน เมื่อพวกมันมาฟังสิ่งที่เจ้ากำ�ลังอ่าน พวกมันได้กล่าว ว่า “พวกเจ้าจงนิ่งฟัง” เมื่อการอ่านสิ้นสุดลง พวกมันได้กลับไปหาพวก ของมันเพื่อทำ�หน้าที่ตักเตือน 30 พวกมันกล่าวว่า “หมู่ชนของเราเอ๋ย เรา เพิ่งได้ฟังคัมภีร์ที่ถูกส่งมาหลังจากมูซา มันยืนยันสิ่งที่ได้ถูกส่งมาก่อน หน้านี้และมันนำ�ทางไปสู่สัจธรรมและแนวทางที่เที่ยงตรง 31 หมู่ชนของ เราเอ๋ย จงตอบรับการเชิญชวนของผู้เรียกร้องไปสู่พระเจ้าเถิดและจง ศรัทธาต่อเขา พระเจ้าจะทรงอภัยโทษความผิดให้พวกเจ้าและจะทรงให้ พวกเจ้ารอดพ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด 32 แต่ผู้ใดที่ไม่ตอบรับการ เรียกร้องไปสู่พระเจ้าจะไม่มีอำ�นาจใดๆในแผ่นดินช่วยให้เขารอดพ้นไป จากพระองค์ และจะไม่มีผู้คุ้มครองใดๆที่จะช่วยเขาให้พ้นไปจากพระองค์ ได้ คนเหล่านี้แหละคือผู้อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง” 33 พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินและมิทรงเหน็ดเหนื่อยต่อการสร้างสิ่งเหล่านั้นมีอำ�นาจทำ�ให้คนตาย ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ทำ�ไมจะไม่เล่า แน่นอน พระองค์ทรงมีอำ�นาจเหนือทุก สิ่ง 34 ในวันที่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมถูกรวบรวมเข้าด้วยกันต่อหน้าไฟ 26

มุฮัมมัด

503

นรกนั้น พวกเขาจะถูกถามว่า “นี่มิใช่ความจริงกระนั้นหรือ?” พวกเขาจะ กล่าวว่า “ใช่แล้ว ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของเรา(ว่านี่คือความจริง)” พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า “ดังนั้น จงลิ้มรสการลงโทษจากผลที่สูเจ้าปฏิเสธ” 35 ดังนั้น จงอดทน (โอ้ นบี) เช่นเดียวกับบรรดาศาสนทูตผู้ยึดมั่นและ ไม่ต้องไปรีบร้อนเกี่ยวกับคนพวกนี้ ในวันที่พวกเขาเห็นสิ่งที่ได้ถูกสัญญา ไว้ มันจะปรากฏแก่พวกเขาเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้เกิน กว่าหนึ่งชั่วโมงของวันหนึ่ง (ความรับผิดชอบของเจ้าก็คือ)จงนำ�สาส์นไป บอก ดังนั้น จะมีใครนอกไปจากผู้ไม่เชื่อฟังที่จะถูกทำ�ลาย 47. มุฮัมมัด

มุฮัมมัด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 พระเจ้าจะทรงทำ�ให้การงานที่ดีของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและขัด ขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้าไร้ผล 2 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดีและเชื่อในสิ่งที่ถูกประทานมาแก่มุฮัมมัด – และมันเป็น สัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา - พระเจ้าจะทรงลบล้างความชั่ว ของพวกเขาให้หมดไปจากพวกเขา และจะทำ�ให้สภาพของพวกเขาดีขึ้น 3 นั่นเพราะว่าบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้ปฏิบัติตามความเท็จและบรรดา ผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติตามสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เช่นนั้น แหละที่พระเจ้าทรงเปรียบเทียบให้มนุษย์ได้รู้ถึงสถานภาพที่แท้จริงของ พวกเขา 4 ดังนั้น เมื่อสูเจ้าพบบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมในสนามรบ จงฟันพวก เขาที่คอ* และเมื่อพวกเขาพ่ายแพ้แล้ว จงทำ�ให้พวกเขาเป็นเชลย หลัง * ดูหน้า 14 – 17 ของบทนำ�

504

47. มุฮัมมัด

จากนั้น จงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยดีโดยการปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ หรือให้พวกเขาค่าไถ่ตัวเองก็ได้จนกระทั่งสงครามสิ้นสุด นั่นเป็นสิ่งที่ สูเจ้าควรทำ� หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงจัดการกับพวกเขา เอง แต่วัตถุประสงค์ของพระองค์ก็เพื่อที่จะทรงทดสอบสูเจ้าบางคนด้วย คนอีกกลุ่มหนึ่ง ส่วนบรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในหนทางของพระเจ้า พระองค์จะ ไม่ทรงทำ�ให้การงานของพวกเขาไร้ผล 5 พระองค์จะทรงนำ�ทางพวกเขา และจะทำ�ให้สภาพของพวกเขาดีขึ้น 6 และจะทรงรับพวกเขาเข้าสู่สวรรค์ ที่พระองค์ได้ทรงทำ�ให้พวกเขารู้ดีแล้ว 7 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ถ้าหากสูเจ้าช่วยเหลือพระเจ้า พระองค์จะทรง ช่วยท่าน และจะทำ�ให้เท้าของสูเจ้ามั่นคง 8 ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม นั้น พวกเขาจะได้รับความพินาศ และพระเจ้าได้ทรงทำ�ให้การงานของ พวกเขาไม่เหลืออะไร 9 ทั้งนี้เพราะพวกเขาไม่ยอมรับสิ่งที่พระเจ้าได้ ทรงประทานมา ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงทำ�ให้การงานของพวกเขาไร้ผล 10 พวกเขามิได้เดินทางไปในแผ่นดินแล้วดูว่าจุดจบของบรรดาผู้คนก่อน หน้าพวกเขาเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? พระเจ้าได้ทรงทำ�ลายพวกเขา และบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะพบจุดจบอย่างนั้นเช่นกัน 11 นั่นเพราะ ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงคุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือบรรดาผู้ศรัทธา และ แน่นอน บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไม่มีผู้คุ้มครอง 12 พระเจ้าจะทรงรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีเข้าสู่สวรรค์ที่ ใต้นั้นมีล�ำ น้ำ�หลายสายไหลผ่าน ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น พวก เขาจะได้รับความสุขชั่วคราวแห่งโลกนี้และกินเยี่ยงปศุสัตว์ แต่ที่พ�ำ นัก สุดท้ายของพวกเขาคือนรก 13 (โอ้ นบี)กี่เมืองแล้วที่เราได้ท�ำ ลายไปทั้งๆ ที่เมืองเหล่านั้นมีอำ�นาจเข้มแข็งกว่าเมืองของเจ้าที่ขับไสไล่ส่งเจ้า และ ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือมันได้ 14 ดังนั้น คนที่อยู่บนทางนำ�อันชัดเจนจากพระเจ้าของเขาจะเหมือน กับบรรดาผู้ที่การงานอันชั่วร้ายของพวกเขาได้ถูกทำ�ให้เป็นที่ดูดีแก่พวก

มุฮัมมัด

505

เขาและผู้ที่กำ�ลังทำ�ตามอารมณ์ต่ำ�ของพวกเขากระนั้นหรือ? 15 สวรรค์ ที่ได้ถูกสัญญาไว้แก่ผู้ยำ�เกรงพระเจ้านั้นจะมีแม่น้ำ�ที่น้ำ�ใสบริสุทธิ์ตลอด กาล มีธารน้�ำ นมที่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง มีธารน้�ำ จัณฑ์อันโอชะแก่ผู้ ดื่มและธารน้ำ�ผึ้งที่สะอาดบริสุทธิ์ และในนั้นจะมีผลไม้ทุกชนิดสำ�หรับ พวกเขาและการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา บรรดาผู้ที่ได้รับ ความสุขเช่นนั้นจะเหมือนกับบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในนรกตลอดกาลและผู้ ที่จะได้ดื่มน้�ำ เดือดที่บาดลำ�ไส้ของพวกเขากระนั้นหรือ ? 16 มีบางคนที่ฟังเจ้าพูด แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาก็ถาม บรรดาผู้มีความรู้(ในคัมภีร์)ว่า “เมื่อกี้เขาพูดอะไร?” คนเหล่านี้คือผู้ที่ พระเจ้าทรงปิดผนึกบนหัวใจของพวกเขาและผู้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำ�ของ พวกเขา 17 ส่วนบรรดาผู้ปฏิบัติตามทางนำ�นั้น พระเจ้าจะทรงเพิ่มพูน แนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาและจะทรงแสดงให้พวกเขาเห็นถึงหนทาง ไปสู่ความยำ�เกรง 18 ตอนนี้ พวกเขากำ�ลังคอยยามอวสานให้เกิดขึ้นกับพวกเขาอย่าง ฉับพลันกระนั้นหรือ? ความจริง สัญญาณของมันมาแล้ว แต่การตักเตือน พวกเขาจะมีประโยชน์อะไรต่อพวกเขา เมื่อมันเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้ว? 19 ดังนั้น จงรู้ไว้เถิดว่าไม่มีสิ่งใดที่ควรคู่แก่การเคารพสักการะนอกไปจาก พระเจ้า และจงขออภัยโทษสำ�หรับความผิดของเจ้าและสำ�หรับชายและ หญิงผู้ศรัทธาด้วย เพราะพระเจ้าทรงรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสูเจ้าและ สถานที่พักของสูเจ้า 20 บรรดาผู้ศรัทธาได้ถามว่า “ทำ�ไมถึงไม่มีสักบทหนึ่ง(เกี่ยวกับการ ต่อสู้)ถูกส่งมา?” แต่เมื่อมีบทที่พูดถึงการต่อสู้อย่างชัดเจนถูกส่งมา เจ้าก็ จะเห็นบรรดาผู้ที่ในหัวใจของเขาเป็นโรคมองไปยังเจ้า(นบี)เหมือนกับผู้ กำ�ลังใกล้จะตาย หายนะทั้งนั้นคนพวกนี้ 21 การเชื่อฟังและคำ�พูดที่ดีใน ตอนที่มีการตัดสินนั้นเป็นสิ่งที่ดีกว่าสำ�หรับพวกเขาถ้าพวกเขาปฏิบัติต่อ พระเจ้าอย่างจริงใจ 22 ดังนั้น ถ้าหากสูเจ้าหันหลังให้ สูเจ้าก็จะแพร่ความ

506

47. มุฮัมมัด

เสี ย หายในแผ่ น ดิ น และตั ด ความสั ม พั น ธ์ ท างเครื อ ญาติ ข องสู เ จ้ า อี ก ? 23 เหล่านี้คือบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงสาปแช่งและทำ�ให้พวกเขาหูหนวก และตาบอด 24 ดังนั้น พวกเขาจะไม่ใคร่ครวญถึงกุรอานกระนั้นหรือ? หรือว่าบน หัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่? 25 บรรดาผู้ที่หันหลังเป็น ผู้ปฏิเสธ(สาสน์นี้)หลังจากที่ทางนำ�ได้ถูกนำ�มาแสดงแก่พวกเขาแล้ว ซาตานได้ทำ�ให้ความฟุ้งเฟ้อของพวกเขาเป็นที่ดูดีและทำ�ให้พวกเขา หวังลมๆแล้งๆ 26 นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำ�ไมพวกเขาถึงได้พูดกับบรรดา ผู้เกลียดชังสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงประทานมาว่า “เราจะเชื่อฟังพวกท่านใน บางเรื่อง” แต่พระเจ้าทรงรู้ดีถึงความลับของพวกเขาด้วยเช่นกัน 27 ดัง นั้น จะเป็นเช่นใดเล่าเมื่อทูตสวรรค์มาเอาวิญญาณของพวกเขาไปโดย ตีที่ใบหน้าของพวกเขาและหลังของพวกเขา?” 28 นั่นเพราะว่าพวกเขา ปฏิบัติตามแนวทางที่ท�ำ ให้พระเจ้าทรงกริ้ว และรังเกียจที่จะปฏิบัติตาม แนวทางแห่งความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้น พระองค์จึงทรงทำ�ให้ การงานของพวกเขาทั้งหมดไร้ผล 29 บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาเป็นโรคคิดหรือว่าพระเจ้าจะไม่น�ำ เอา สิ่งสกปรกแห่งหัวใจของพวกเขามาเปิดเผย ? 30 ถ้าหากเราประสงค์ เรา สามารถทำ�ให้เจ้าเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจนและเจ้าจะได้รู้จักพวกเขา จากใบหน้าของพวกเขา และแน่นอน เจ้าจะรู้จักพวกเขาจากลักษณะคำ� พูดของพวกเขา พระเจ้าทรงรู้ดึถึงการงานทุกอย่างของเจ้า 31 แน่นอน เราจะทดสอบสูเจ้าจนกระทั่งเราพบว่าในหมู่สูเจ้านั้นใคร ที่กำ�ลังต่อสู้อย่างเต็มที่และอดทนอย่างสุดกำ�ลังและจะทดสอบบันทึก (ความกล้าหาญ)ของสูเจ้า 32 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและขัดขวางผู้อื่น จากหนทางของพระเจ้าและถกเถียงกับศาสนทูตผู้นี้หลังจากที่แนวทางที่ ถูกต้องได้เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้วนั้นไม่อาจที่จะทำ�อันตรายใดๆต่อ พระเจ้าได้เลย พระเจ้าจะทรงทำ�ให้การงานของพวกเขาไร้ผล

อัล-ฟัตฮฺ

507

โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงเชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูตผู้นี้ และจงอย่าปล่อยให้การงานของสูเจ้าสูญเปล่า 34 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมและขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้าและตายลงในสภาพที่ ยังเป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรมอยู่นั้น พระเจ้าจะไม่มีวันอภัยโทษให้แก่พวกเขา 35 ดังนั้น สูเจ้าจงอย่าท้อแท้และจงอย่าร้องขอสันติภาพเมื่อสูเจ้าเหนือ กว่าพวกเขา พระเจ้าทรงอยู่กับสูเจ้าและจะไม่ปล่อยให้การงานของสูเจ้า สูญเปล่า 36 ชีวิตแห่งโลกนี้เป็นแค่เพียงการละเล่นและการสนุกสนานเท่านั้น ถ้าหากสูเจ้าศรัทธาและยำ�เกรง พระเจ้าจะทรงตอบแทนรางวัลแก่สูเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงขอทรัพย์สินของสูเจ้า 37 ถ้าหากพระองค์จะทรง ขอทรัพย์สินของสูเจ้าและเรียกร้องมันทั้งหมด สูเจ้าก็จะขี้เหนียว และนี่ จะทำ�ให้สิ่งไม่ดีงามของสูเจ้าปรากฏออกมา 38 พึงรู้ไว้เถิดว่า สูเจ้าเป็น ผู้ที่ถูกเรียกร้องให้ใช้จ่ายในหนทางของพระเจ้า แต่กระนั้น สูเจ้าบางคน ยังคงตระหนี่ ดังนั้น ใครก็ตามที่ตระหนี่ เขาก็ตระหนี่ต่อตัวของเขาเอง พระเจ้าทรงมั่งมีเหลือเฟือ สูเจ้าต่างหากที่ขัดสน(ต้องการพระองค์) ถ้า หากสูเจ้าหันหลังให้ พระเจ้าจะทรงเอาหมู่ชนอื่นมาแทนสูเจ้า และพวก เขาจะไม่เป็นเช่นสูเจ้า 33

48. ชัยชนะ

อัล-ฟัตฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 (โอ้ นบี) แท้จริง เราได้ประทานชัยชนะอันชัดแจ้งแก่เจ้าแล้ว 2 เพื่อที่ พระเจ้าจะได้ทรงอภัยโทษความผิดก่อนหน้านี้และความผิดหลังจากนี้ แก่เจ้า และจะได้ทำ�ให้ความโปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อเจ้าครบถ้วน

508

48. ชัยชนะ

สมบูรณ์ และชี้ทางอันเที่ยงตรงให้แก่เจ้า 3 และเพื่อที่พระเจ้าจะทรง ประทานความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่แก่เจ้า 4 พระองค์คือผู้ทรงประทานความสงบลงไปในหัวใจของบรรดาผู้ ศรัทธา เพื่อที่พวกเขาจะได้มีความศรัทธาเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก ไพร่พล แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรง รอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 5 และเพื่อที่พระองค์จะได้รับชายผู้ศรัทธาและ หญิงผู้ศรัทธาเข้าสู่สวนสวรรค์ซึ่งใต้นั้นมีล�ำ น้ำ�หลายสายไหลผ่าน พวก เขาจะพำ�นักอยู่ที่นั่นตลอดไปและพระองค์จะทรงลบล้างความชั่วต่างๆ ของพวกเขาให้หมดไป แท้จริงแล้ว นี่คือความสำ�เร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดใน ทัศนะของพระเจ้า 6 และเพื่อที่พระองค์จะทรงลงโทษชายและหญิงผู้ ตลบตะแลง และชายและหญิงผู้บูชาเทวรูปที่คิดชั่วร้ายกับพระเจ้า และ ความชั่วร้ายนั้นเองที่จะกลับมายังพวกเขา เพราะพระเจ้าทรงกริ้วพวก เขาและพระองค์ทรงสาปแช่งพวกเขาและได้ทรงเตรียมนรกซึ่งเป็นที่ พำ�นักอันชั่วร้ายไว้ส�ำ หรับพวกเขาแล้ว 7 และไพร่พลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 8 (โอ้ นบี) เราได้ส่งเจ้ามาในฐานะพยานคนหนึ่ง และในฐานะผู้แจ้ง ข่าวดีและผู้เตือนคนหนึ่ง 9 เพื่อที่สูเจ้าทั้งหลาย (มนุษย์เอ๋ย) จะได้ศรัทธา ในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจะได้ช่วยเขา(นั่นคือศาสนทูต) และให้เกียรติเขาและสดุดีพระเจ้าทั้งในยามเช้าและยามเย็น 10 (โอ้ นบี) บรรดาผู้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเจ้านั้น แท้จริงแล้วก็เหมือนกับการให้ คำ�สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อพระเจ้า พระหัตถ์ของพระเจ้านั้นเหนือกว่า มือของพวกเขา ตอนนี้ ใครก็ตามที่ทำ�ลายคำ�สาบานนี้ก็เท่ากับเขาได้ ทำ�ลายตัวเอง และใครที่ท�ำ ตามสัญญาที่เขาทำ�ไว้กับพระเจ้า พระองค์จะ ทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขา 11 (โอ้ นบี) พวกอาหรับทะเลทรายที่อยู่ข้างหลังจะพูดกับเจ้าอย่าง แน่นอนว่า “ทรัพย์สินของเราและครอบครัวของเราทำ�ให้เรายุ่งวุ่นวาย ดัง

อัล-ฟัตฮฺ

509

นั้น โปรดขออภัยให้แก่เราด้วย” พวกเขากล่าวด้วยลิ้นในสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ ในหัวใจของพวกเขาเลย จงบอกพวกเขาเถิดว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ใครเล่าที่มีอำ�นาจ(แทรกแซง)แทนพวกท่านหากพระองค์ทรงประสงค์ ที่จะทำ�ให้พวกท่านได้รับความทุกข์หรือทรงอำ�นวยประโยชน์แก่พวก ท่าน? พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำ�อยู่ทุกอย่าง” 12 เปล่าเลย สูเจ้าคิดว่าศาสนทูตและบรรดาผู้ศรัทธาจะไม่กลับมายังครอบครัวของ พวกเขาอีกและความคิดเพ้อฝันนี้ได้ท�ำ ให้หัวใจของสูเจ้าเบิกบาน สูเจ้า คิดชั่วร้าย ดังนั้น สูเจ้าจะประสบความหายนะ 13 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ เราได้เตรียม ไฟนรกที่โชติช่วงไว้ส�ำ หรับพวกเขาแล้ว 14 อำ�นาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระองค์จะทรงให้อภัยโทษผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์และจะทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 15 เมื่อสูเจ้า(บรรดาผู้ศรัทธา)ออกไปเพื่อรวบรวมทรัพย์เชลย บรรดาผู้ ที่อยู่ข้างหลังจะกล่าวแก่สูเจ้าว่า “ขอให้เราไปกับพวกท่านด้วย” พวกเขา ต้องการจะเปลี่ยนแปลงประกาศิตของพระเจ้า จงบอกพวกเขาว่า “พวก ท่านจะมากับเราไม่ได้ พระเจ้าได้ทรงประกาศสิ่งนี้ไว้ก่อนแล้ว” ดังนั้น พวกเขาจะกล่าวว่า “พวกท่านอิจฉาเรานะสิ” แต่พวกเขาไม่เข้าใจอะไร เลยนอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 16 จงบอกพวกอาหรับทะเลทรายที่อยู่ข้างหลังว่า “ไม่ช้า พวกท่านจะ ถูกเรียกไปต่อสู้หมู่ชนที่เข้มแข็ง พวกท่านจะต้องต่อสู้พวกเขาเว้นเสียแต่ ว่าพวกเขายอมจำ�นน ดังนั้น ถ้าหากพวกท่านทำ�ตามคำ�บัญชา พระเจ้า จะทรงตอบแทนรางวัลที่ดีแก่พวกท่าน และถ้าหากพวกท่านหันหลังให้ ดังที่พวกท่านได้ทำ�มาก่อนหน้านี้ พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกท่านด้วย การลงโทษอันเจ็บปวด 17 ส่วนคนตาบอด คนพิการและคนป่วยจะไม่ ถูกตำ�หนิ” พระเจ้าจะรับใครก็ตามที่เชื่อฟังพระองค์และศาสนทูตของ

510

48. ชัยชนะ

พระองค์ เข้าสู่สวรรค์ซึ่งใต้นั้นมีล�ำ น้ำ�หลายสายไหลผ่าน แต่ผู้ใดหันหลัง พระองค์จะทรงลงโทษเขาด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด 18 พระเจ้าทรงโปรดปรานบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพวกเขาให้สัตย์ ปฏิญาณแก่เจ้า(นบี)ใต้ต้นไม้ พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวก เขา ดังนั้น พระองค์ได้ทรงประทานความสงบลงมายังพวกเขา และทรง ตอบแทนพวกเขาด้วยชัยชนะอันใกล้นี้ 19 และสิ่งอื่นๆอีกมากมายใน อนาคต พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 20 พระเจ้าได้ทรง สัญญากับสูเจ้าถึงสิ่งที่สูเจ้าจะได้รับมากมายในอนาคต และพระองค์ได้ ประทานสิ่งเหล่านี้แก่สูเจ้าล่วงหน้าแล้ว และพระองค์ทรงยับยั้งมือของ ผู้คนไว้จากการทำ�ร้ายสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้เป็นสัญญาณหนึ่งแก่ บรรดาผู้ศรัทธา และเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงนำ�สูเจ้าไปสู่หนทางอันเที่ยง ตรง 21 นอกจากนี้แล้ว ยังมีสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่อยู่เหนือความคาดหมาย ของสูเจ้าซึ่งพระเจ้าได้ทรงล้อมมันไว้หมดแล้ว(สำ�หรับสูเจ้า) เพราะ พระเจ้าทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 22 ถ้าหากบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมต่อสู้สูเจ้า แน่นอน พวกเขาจะหัน หลังกลับและพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ 23 นั่นเป็นกฎ ของพระเจ้าในอดีต และสูเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในกฎของพระเจ้า 24 พระองค์ต่างหากที่ทรงยับยั้งมือของพวกเขาจากสูเจ้าและมือของสูเจ้า จากพวกเขาในหุบเขาแห่งมักก๊ะฮฺหลังจากที่พระองค์ได้ทรงประทาน ชัยชนะแก่สูเจ้าเหนือพวกเขา พระเจ้าทรงดูทุกอย่างที่สูเจ้ากระทำ� 25 พวกเขาคือผู้ปฏิเสธสัจธรรมและขัดขวางสูเจ้าจากมัสญิดอัล-ฮะ รอมและขวางกั้นสัตว์ที่จะถูกเชือดพลีมิให้ไปถึงสถานที่ที่มันจะถูกเชือด พลี หากไม่มีชายและหญิงผู้ศรัทธาบางคน(ในมักก๊ะฮฺ)ที่สูเจ้าอาจจะ เหยียบย่ำ�ทำ�ลายพวกเขาโดยไม่รู้และจะทำ�ให้เป็นความผิดแล้ว (พระเจ้า จะทรงบัญชาสูเจ้าให้ต่อสู้ทั้งๆที่มีคนเหล่านี้อยู่ แต่พระองค์ได้ทรงหยุด ยั้งไว้) ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไว้ในความ

อัล-ฟัตฮฺ

511

เมตตาของพระองค์ ถ้าหากบรรดาผู้ศรัทธาถูกแยกออกมา(จากผู้คนชาว มักก๊ะฮฺ)อย่างชัดเจน เราจะลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมในหมู่พวกเขา อย่างเจ็บปวด 26 เมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้ท�ำ ให้มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรี(ในหัวใจ ของพวกเขา) – ความยึดติดในยุคแห่งความโง่เขลา – พระเจ้าจึงได้ทรง ประทานความสงบลงมายังศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา และทรงให้พวกเขายึดมั่นในหลักการแห่งความยำ�เกรง เพราะพวกเขา คู่ควรและเหมาะสมที่สุดกับสิ่งนี้ พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 27 แท้จริง พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้สิ่งที่ศาสนทูตของพระองค์เห็นความ จริงทุกอย่างในความฝันซึ่ง พระองค์ทรงกล่าวว่า “แน่นอน สูเจ้าจะได้เข้า มัสญิด อัล-ฮะรอมถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ ด้วยความปลอดภัยและ ปราศจากความกลัว โดยสูเจ้าจะโกนศีรษะและตัดผมสั้น” พระเจ้าทรง รู้ในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้ ดังนั้น พระองค์จึงได้ทรงประทานชัยชนะอันใกล้นี้แก่ สูเจ้าก่อน 28 พระเจ้าคือผู้ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมกับทางนำ�และ ศาสนาแห่ ง สั จ ธรรมเพื่ อ ที่ พ ระองค์ จ ะทรงทำ � ให้ มั น สู ง เด่ น เหนื อ กว่ า ศาสนาทั้งหมด พระเจ้านั้นทรงเพียงพอแล้วที่จะเป็นพยานในเรื่องนี้ 29 มุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระเจ้า และบรรดาผู้ที่อยู่กับเขานั้นเข้ม แข็งไม่ระย่อต่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและเมตตาปรานีในหมู่พวกเขา กันเอง สูเจ้าเห็นพวกเขาโค้งและก้มกราบและแสวงหาความโปรดปราน และความพึงใจจากพระองค์ บนใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยแห่งการก ราบซึ่งทำ�ให้พวกเขาแตกต่างไปจากผู้อื่น ในเตารอตและในอินญีลกล่าว ไว้ว่าพวกเขาเปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่แทงต้นอ่อนของมันออกมา หลัง จากนั้นก็ทำ�ให้มันแข็งแรงและเติบโตและยืนอยู่ได้บนลำ�ต้นของมันเอง ซึ่งทำ�ให้ผู้หว่านเกิดความยินดีและมันทำ�ให้ผู้ไม่ศรัทธาริษยาเขา พระเจ้า

512

49. ที่พักอาศัย

ได้ทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีว่าพวกเขาจะได้รับการ ให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ 49. ที่พักอาศัย

อัล-ฮุญุรอต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าล้ำ�หน้าพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ จงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 2 โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่ายกเสียงของสูเจ้าเหนือเสียงของนบี และจงอย่าพูดกับเขาด้วยเสียงดังเหมือนกับที่สูเจ้าพูดกันเอง ด้วยเกรง ว่าการงานทั้งหลายของสูเจ้าจะสูญเปล่าโดยที่สูเจ้าไม่รู้ 3 บรรดาผู้ลด เสียงของตัวเองต่ำ�ลงเมื่ออยู่กับศาสนทูตของพระเจ้านั้นความจริงแล้ว คือคนที่พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้หัวใจของพวกเขาเกิดความยำ�เกรง สำ�หรับ พวกเขาเหล่านี้คือการให้อภัยและรางวัลอันยิ่งใหญ่ 4 บรรดาผู้ส่งเสียง เรียกเจ้าจากภายนอกห้องพักนั้น ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่ใช้สติปัญญา 5 ถ้าหากพวกเขาเพียงแต่อดทนไว้จนกว่าสูเจ้าจะออกมาหาพวกเขา มัน จะเป็นการดีกว่าสำ�หรับพวกเขา แต่พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ 6 โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ถ้าหากคนชั่วนำ�ข่าวอะไรมาบอกแก่สูเจ้า สูเจ้าจงสอบสวนให้ชัดเจนเพราะเกรงว่าสูเจ้าจะสร้างความเสียหายให้แก่ คนอื่นโดยไม่รู้ตัวและหลังจากนั้นจะเสียใจในสิ่งที่สูเจ้าได้ท�ำ ไป 7 และจง รู้ไว้ด้วยว่าศาสนทูตของพระเจ้านั้นอยู่ท่ามกลางสูเจ้า ถ้าหากเขาจะเชื่อ ฟังสูเจ้าแทบทุกเรื่องแล้ว สูเจ้าจะได้รับความยุ่งยากลำ�บากอย่างแน่นอน แต่พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้ความศรัทธาเป็นที่รักของสูเจ้าและทรงทำ�ให้มันดู 1

อัล-ฮุญุรอต

513

เป็นสิ่งสวยงามในหัวใจของสูเจ้า และทรงทำ�ให้การปฏิเสธสัจธรรม การ ทำ�ชั่วและการฝ่าฝืนเป็นที่น่ารังเกียจแก่สูเจ้า คนเหล่านั้นคือผู้ที่ได้รับ ทางนำ�ที่ถูกต้อง 8 โดยความโปรดปรานจากพระเจ้า และพระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 9 ถ้าผู้ศรัทธาสองฝ่ายต่อสู้กันเอง สูเจ้าจงหาทางปรองดองระหว่างคน ทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้น ถ้าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดละเมิดอีกฝ่ายหนึ่ง จง ต่อสู้ฝ่ายที่ละเมิดนั้น จนกว่าฝ่ายนั้นจะกลับไปสู่พระบัญชาของพระเจ้า ดังนั้น ถ้าหากฝ่ายนั้นกลับมาแล้ว สูเจ้าจงสร้างความสงบขึ้นระหว่างทั้ง สองฝ่ายด้วยความเท่าเทียมและยุติธรรม แท้จริง พระเจ้าทรงรักผู้มีความ ยุติธรรม 10 แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน ดังนั้น จงสร้าง ความสัมพันธ์ขึ้นในระหว่างพี่น้องของสูเจ้า และจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่ ว่าสูเจ้าจะได้รับความเมตตา 11 โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย อย่าให้พวกผู้ชายบางคนเยาะเย้ยพวกผู้ชาย บางคน บางทีคนกลุ่มนั้นอาจจะดีกว่าพวกเขาก็ได้ และอย่าให้ผู้หญิงบาง คนหัวเราะเยาะผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะบางทีคนกลุ่มนั้นอาจจะดีกว่า พวกเธอก็ได้ จงอย่าเหน็บแนมกันในหมู่สูเจ้า และจงอย่าเรียกกันด้วย ฉายานาม(ที่ดูถูก) มันไม่ดีเลยที่จะถูกเรียกด้วยชื่อที่เลวทรามหลังจากที่ ได้มีความศรัทธาแล้ว ใครที่ยังไม่ส�ำ นึกผิด พวกเขาก็เป็นผู้ท�ำ ชั่ว 12 โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงหลีกห่างจากความระแวงสงสัยส่วนใหญ่ เพราะความระแวงสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป จงอย่าสอดแนมและจง อย่านินทาว่าร้ายซึ่งกันและกัน มีใครบ้างในหมู่สูเจ้าที่ชอบกินเนื้อพี่น้อง ของเขาที่ตายไปแล้ว? ไม่เลย สูเจ้าเองก็ยังรังเกียจ ดังนั้น จงเกรงกลัว พระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงยอมรับการขออภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 13 โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างสูเจ้ามาจากผู้ชายคนหนึ่ง และผู้หญิงคนหนึ่ง และหลังจากนั้นเราได้แบ่งสูเจ้าออกเป็นชาติชนชาติ และเป็นเผ่าเพื่อที่สูเจ้าทั้งหลายจะได้รู้จักกัน ผู้มีเกียรติที่สุดในทัศนะของ

514

49. ที่พักอาศัย

พระเจ้าคือผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้ามากที่สุดในหมู่สูเจ้า แน่นอน พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน 14 พวกอาหรับทะเลทรายกล่าวว่า “เราศรัทธาแล้ว” จงบอกพวกเขา เถิดว่า “พวกท่านยังไม่ได้ศรัทธา แต่จงกล่าวว่า ‘เรายอมจำ�นน’ เพราะ ความศรัทธายังไม่ได้เข้าไปในหัวใจของพวกท่าน ถ้าหากพวกท่านเชื่อ ฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระองค์จะไม่ทำ�ให้การตอบแทน ใดๆจากการงานของพวกท่านน้อยลงแต่ประการใด แน่นอน พระเจ้า เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 15 ความจริงแล้ว ผู้ศรัทธาที่แท้ จริงคือบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนั้น แล้ว พวกเขาไม่มีความสงสัยใดๆและพวกเขาดิ้นรนต่อสู้อย่างถึงที่สุดใน หนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินของพวกเขาและชีวิตของพวกเขา พวก เขาเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีวาจาสัจจริง 16 จงกล่าวแก่พวกเขา(ผู้อ้างตัวว่าศรัทธา) ว่า “พวกท่านกำ�ลังจะสอน พระเจ้าให้รู้ถึงเรื่องศาสนาของพวกท่านกระนั้นหรือทั้งๆที่พระเจ้าทรง รู้ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง” 17 พวกเขาถือว่าพวกเขาได้ทำ�ดีแก่เจ้าแล้วที่พวกเขามาเป็นมุสลิม จง บอกพวกเขาเถิดว่า “อย่าได้คิดเอาอิสลามของพวกท่านมาเป็นบุญคุณ แก่ฉันเลย พระเจ้าต่างหากผู้ทรงโปรดปรานพวกท่านโดยนำ�พวกท่าน มาสู่ความศรัทธาที่ถูกต้อง (ยอมรับสิ่งนี้ซะ) ถ้าหากพวกท่านพูดจริง” 18 พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับทุกอย่างทั้งในชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และพระองค์ทรงเห็นทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ�”

ก๊อฟ

515

50. ก๊อฟ

ก๊อฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ก๊อฟ ขอสาบานด้วยกุรอานอันทรงเกียรติ 2 แท้จริง พวกเขาประหลาดใจที่มี ผู้ตักเตือนคนหนึ่งจากในหมู่พวกเขาได้มายังพวกเขา ดังนั้น บรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมจึงกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดจริงๆ 3 ที่เมื่อเรา ตายและกลายเป็นธุลีดินไปแล้ว เราจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง? นั่นเป็น เรื่องยากที่จะเข้าใจ” 4 เรารู้ดีถึงสิ่งที่แผ่นดินกลืนกินพวกเขาไปและเรามี บันทึกที่เก็บรักษาทุกสิ่งไว้ 5 แต่คนเหล่านี้ปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันมาถึง พวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเกิดความสับสน 6 พวกเขาไม่เคยสังเกตท้องฟ้าเหนือพวกเขาเลยหรือว่าเราได้สร้าง มันขึ้นมาและได้ประดับประดามันไว้อย่างไรโดยที่ไม่มีช่องโหว่ในนั้น เลย? 7 เราได้แผ่ขยายแผ่นดินออกไปและได้ตั้งภูเขาขึ้นในนั้นและเราได้ ทำ�ให้พืชผักที่สวยงามทุกชนิดงอกเงยออกมา 8 ทั้งหมดเป็นบทเรียนและ เป็นสิ่งที่คอยเตือนสำ�หรับมนุษย์ทุกคนที่หันกลับไปสู่พระเจ้า 9 และเรา ได้ประทานน้ำ�อันจำ�เริญลงมาจากท้องฟ้าซึ่งโดยน้ำ�นั้นเราได้ทำ�ให้สวน มากมายและเมล็ดพืชสำ�หรับการเก็บเกี่ยวเกิดขึ้น 10 และต้นอินทผลัมสูง ตระหง่านที่ออกผลซ้อนกันเป็นพวงย้อยลงมา 11 เป็นการจัดเตรียมปัจจัย สำ�หรับบ่าวทั้งหลาย และด้วยน้�ำ นี้ เราได้ท�ำ ให้แผ่นดินที่แห้งแล้งกลับมี ชีวิตขึ้นมา เช่นนั้นแหละคือการฟื้นคืนชีพ 12 ก่อนหน้าพวกเขา ผู้คนของนูฮฺและชาวร็อส และชาวษะมูด เคยปฏิเสธมาแล้ว 13 รวมทั้งชาวอ๊าดและฟาโรห์และพี่น้องของลูฏ 14 ตลอดจนผู้อาศัยในป่า(ชาวอัยก๊ะฮฺ)และชาวตุบบะอ์ เช่นกัน ทุกกลุ่ม

516

50. ก๊อฟ

ปฏิเสธศาสนทูต ดังนั้น การเตือนของฉันต่อพวกเขาจึงเป็นจริง 15 เรา เหน็ดเหนื่อยกระนั้นหรือในการสร้างครั้งแรก? เปล่าเลย แต่คนเหล่านี้ยัง คงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการสร้างครั้งใหม่อีก 16 เราได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาและเรารู้ถึงการกระซิบอันชั่วร้ายทุกอย่างที่ เกิดขึ้นในจิตใจของเขา และเราอยู่ใกล้ชิดกับเขายิ่งกว่าเส้นเลือดคอของ เขาเสียอีก 17 และยังมีผู้บันทึกทั้งสองที่นั่งอยู่บนด้านขวาและด้านซ้าย ของเขากำ�ลังบันทึกทุกสิ่ง 18 แต่ละถ้อยคำ�ที่เขากล่าวออกมาจะถูกบันทึก ไว้โดยผู้เฝ้าติดตาม 19 อาการแห่งความตายจะมาพร้อมกับการเปิดเผยความจริง นั่นเป็น สิ่งที่สูเจ้าพยายามจะหลบหนี 20 หลังจากนั้น แตรจะถูกเป่า นี่คือวันที่ สูเจ้าได้ถูกเตือน 21 ทุกคนจะมาในสภาพที่มี(ทูตสวรรค์)ผู้นำ�เขามาพร้อม กับพยาน 22 สูเจ้าไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ เราได้ดึงม่านที่ปิดบังสูเจ้า ออกแล้ว ดังนั้น วันนี้ สูเจ้าจึงมองเห็นได้ชัดเจน 23 ผู้ติดตามเขาได้กล่าว ว่า “ฉันมีบันทึกของเขาพร้อมแล้ว” 24 “จงโยนผู้เนรคุณที่ดื้อรั้นทุกคนลง นรก 25 ผู้ขัดขวางการทำ�ดี ผู้ฝ่าฝืน ผู้ท�ำ ให้คนอื่นสงสัย 26 ผู้ตั้งสิ่งอื่นเป็น ที่เคารพสักการะควบคู่กับพระเจ้า จงโยนเขาไปสู่การลงโทษอันสาหัส” 27 ผู้ติดตามเขา(ซาตาน)กล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ข้าพระองค์มิได้ท�ำ ให้ เขาหลงผิดแต่ประการใด แต่เขาเองต่างหากที่หลงผิดไปไกลมาก่อนแล้ว” 28 พระองค์จึงได้กล่าวว่า “อย่ามาถกเถียงกันต่อหน้าฉันเลย ฉันได้เตือน สูเจ้ามาแล้ว 29 การตัดสินของฉันไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงได้ และฉันจะ ไม่อธรรมต่อปวงบ่าวของฉัน” 30 วันนั้น เราจะถามนรกว่า “เจ้าเต็มแล้วหรือยัง?” มันจะกล่าวว่า “ยัง มีมากกว่านี้อีกไหม?” 31 และสวรรค์จะถูกนำ�มาใกล้ผู้ย�ำ เกรงและมันจะ ไม่ไกลอีกต่อไป 32 นี่คือสิ่งที่ได้ถูกสัญญาไว้แก่ทุกคนที่หันกลับไปยัง พระเจ้าและนึกถึงพระองค์อย่างต่อเนื่อง 33 ผู้เกรงกลัวพระผู้ทรงกรุณา ปรานีถึงแม้จะมองไม่เห็นและผู้มาด้วยหัวใจที่อุทิศให้ 34 ดังนั้น จงเข้าไป

517

ในสวรรค์ด้วยความสันติเถิด นั่นคือวันแห่งชีวิตอันนิรันดร 35 ที่นั่น พวก เขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนาและเรายังมีอีกมากมายสำ�หรับ พวกเขาเหล่านั้น 36 กี่ชนชาติแล้วที่มีอ�ำ นาจเข้มแข็งกว่าพวกเขาและถูกเราทำ�ลายไป ก่อนหน้าพวกเขา คนพวกนี้เที่ยวออกปล้นไปตามเมืองต่างๆ แต่พวกเขา หนีรอดไหม? 37 แท้จริงแล้ว ในนั้นมีบทเรียนสำ�หรับคนที่มีหัวใจหรือผู้ ฟังด้วยความตั้งใจ 38 เราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ในหกวัน(ช่วงเวลา) และเราไม่เคยเหน็ดเหนื่อย 39 ดังนั้น (โอ้ นบี) เจ้า จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพูด และจงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยการ สรรเสริญพระองค์ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและก่อนดวงอาทิตย์ตก 40 จงสดุดี พระองค์อีกในตอนกลางคืนและในตอนสิ้นสุดของการนมาซทุกครั้ง 41 จงฟัง วันที่ผู้เรียกจะร้องเรียกจากที่ใกล้ๆ 42 วันที่ผู้คนทั้งหลาย จะได้ยินเสียงร้องแห่งชะตากรรม พวกเขาจะลุกขึ้น(จากหลุมฝังศพของ พวกเขา) 43 แท้จริงเราคือผู้ให้ชีวิตและความตายและยังเราที่ทุกคนจะ ต้องกลับมา 44 ในวันนั้น ผืนแผ่นดินจะปริแยกออกและพวกเขาจะรีบเร่ง ออกมาจากมัน นี่คือการรวบรวมที่ง่ายมากสำ�หรับเรา 45 (โอ้ นบี) เรารู้ดียิ่งถึงสิ่งที่ผู้ปฏิเสธสัจธรรมพูด และเจ้าไม่มีอำ�นาจ ใดๆที่จะไปบังคับให้พวกเขาเชื่อ ดังนั้น จงตักเตือนด้วยกุรอานแก่ทุกคน ที่เกรงกลัวการเตือนของฉัน

518

51. ลมที่พัดกระจาย

51. ลมที่พัดกระจาย

อัล-ซาริยาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยลมที่พัดฝุ่นให้กระจายขึ้น 2 และลมที่แบกเมฆ(ฝน)ที่ หนักไว้ 3 และลมที่พัดด้วยความสะดวก 4 และกระจายคำ�บัญชาของ พระเจ้าตามคำ�สั่งของพระองค์ 5 สิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้นั้นเป็นความ จริง 6 และการตัดสินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 7 ขอสาบานด้วยฟากฟ้า ที่เต็มไปด้วยปรากฏการณ์หลากหลาย 8 แท้จริงแล้ว สูเจ้าทั้งหลายกำ�ลัง ขัดแย้งกัน (ในเรื่องว่าจะเชื่ออะไร) 9 คนที่หันออกไปจากสัจธรรมเท่านั้น ที่หลงผิดออกไป 10 ความวิบัติจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ตัดสินโดยการเดา 11 ผู้ที่หลงอยู่ในความ โง่เขลาและไม่ใส่ใจ 12 พวกเขาถามว่า “วันแห่งการตัดสินจะเกิดขึ้นเมื่อ ใด?” 13 ก็วันที่พวกเขาจะถูกลงโทษในไฟนรกนั่นไง 14 “จงลิ้มรสความ เสียหายที่สูเจ้าก่อไว้บ้าง นี่คือสิ่งเดียวกับที่สูเจ้าเร่งจะให้มันเกิดขึ้น” 15 ส่วนผู้ที่ย�ำ เกรงนั้นจะได้อยู่ในสวนสวรรค์และน้�ำ พุมากมาย 16 พวกเขา ปีติยินดีในสิ่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาประทานแก่พวกเขา เพราะพวก เขาเป็นผู้ท�ำ ความดีมาก่อนหน้านี้ 17 พวกเขานอนแต่เพียงเล็กน้อยใน ตอนกลางคืน 18 และวิงวอนขอการอภัยโทษในตอนก่อนรุ่งอรุณ 19 และ แบ่งทรัพย์สินของพวกเขาให้ผู้เอ่ยขอและผู้ขัดสน 20 ในแผ่นดินนั้นมีสัญญาณต่างๆมากมายสำ�หรับผู้เชื่อมั่นในความ 21 ศรัทธา และในตัวของสูเจ้าเองก็เช่นกัน แล้วสูเจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ? 22 ในชั้นฟ้านั้นมีปัจจัยสำ�หรับสูเจ้าและสิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้ 23 ขอ สาบานด้วยพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินว่า นี่คือความจริงดังที่ สูเจ้ากำ�ลังพูดกันอยู่ในขณะนี้

อัล-ซาริยาต

519

(โอ้ นบี) เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับแขกผู้มีเกียรติของอิบรอฮีม ไหม? 25 เมื่อแขกเหล่านั้นมาหาเขา พวกเขาได้กล่าวว่า “ศานติ” เขาตอบ รับว่า “ศานติจงมีแด่ท่านเช่นกัน” (และเขาพูดกับตัวเองว่า) “พวกเขาช่าง ดูแปลกหน้าเสียจริง” 26 หลังจากนั้น เขาได้เดินไปยังครอบครัวของเขา อย่างเงียบๆ และนำ�เอาลูกวัวย่างออกมา 27 และวางไว้ข้างหน้าแขกผู้มา เยือน เขากล่าวว่า “พวกท่านจะไม่กินหรือ?” 28 เขาเริ่มรู้สึกกลัวคนเหล่า นั้น พวกเขาจึงกล่าวว่า “จงอย่ากลัวเลย” และพวกเขาได้แจ้งข่าวดีถึง การกำ�เนิดลูกชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีความรู้ 29 เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภรรยา ของเขาได้ออกมาส่งเสียงร้องพร้อมกับตบหน้าผากตัวเองและกล่าวว่า “หญิงแก่และเป็นหมันอย่างฉันนี่หรือ !” 30 พวกเขาตอบว่า “นั่นเป็นพระ ประสงค์ของพระผู้อภิบาลของนาง แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้” 31 อิบรอฮีมได้ถามว่า “ท่านผู้นำ�สาสน์ของพระเจ้า พวกท่านมีจุดมุ่ง หมายอะไร?” 32 พวกเขากล่าวว่า “แท้จริง เราได้ถูกส่งมายังหมู่ชนผู้ ทำ�ความผิด 33 เพื่อที่จะโปรยก้อนหินที่ท�ำ จากดินเหนียวลงมายังพวก เขา 34 ซึ่งพระผู้อภิบาลของท่านได้ตราเป็นเครื่องหมายไว้แล้วสำ�หรับ บรรดาผู้ละเมิด” 35 เราได้ช่วยชีวิตบรรดาผู้ศรัทธาทุกคนที่อยู่ในนั้นไว้ 36 และเราไม่พบว่าในนั้นมีบ้านใดที่เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงนอกไปจาก บ้านเดียว 37 และเราได้ทิ้งสัญญาณหนึ่งไว้ที่นั่นสำ�หรับบรรดาผู้เกรงกลัว การลงโทษอันเจ็บปวด 38 มีอีกสัญญาณหนึ่งในเรื่องราวของมูซา เราได้ส่งเขาไปยังฟาโรห์ พร้อมกับหลักฐานอันชัดเจน 39 แต่ฟาโรห์แสดงความยโสโอหังหันหลัง ให้และกล่าวว่า “นี่คือนักไสยศาสตร์หรือคนบ้า” 40 ดังนั้น เราจึงได้ทำ�ลาย เขาพร้อมกับไพร่พลของเขาและเราได้โยนพวกเขาลงไปในทะเล และเขา ก็ได้กลายเป็นผู้ที่ถูกประณาม 41 มีอีกสัญญาณหนึ่งในหมู่ชาวอ๊าดเมื่อเรา ได้ส่งลมพายุมาทำ�ลายล้างพวกเขา 42 และมันทำ�ลายทุกสิ่งที่มันพัดผ่าน 24

520

ไปจนพินาศย่อยยับ 43 และในหมู่ชนษะมูด(มีอีกสัญญาณหนึ่ง)เมื่อได้มี การกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงสนุกสนานกันไปชั่วครู่หนึ่งเถอะ” 44 แต่พวก เขาก็ยังดื้อดึงต่อคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น พวกเขา จึงถูกทำ�ลายโดยเสียงฟ้าฟาดเพียงครั้งเดียวในขณะที่พวกเขาจ้องมอง อยู่ 45 พวกเขาไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 46 และก่อนหน้าพวกเขาเราได้ท�ำ ลายหมู่ชนของนูฮฺมาแล้วเพราะพวก เขาเป็นผู้ทำ�บาป 47 เราได้สร้างจักรวาลด้วยอำ�นาจของเราเองโดยให้มันขยายตัวออก ไปอย่างกว้างขวาง 48 เราได้แผ่ขยายผืนแผ่นดินออกไป และ(ดูซิว่า) เรา เป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยมอย่างไร ! 49 และเราได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาเป็น คู่ๆ เพื่อที่สูเจ้าจะได้คิด 50 ดังนั้น จงรีบเร่งไปหาพระเจ้าเถิด แท้จริง ฉัน ถูกพระองค์ส่งมาเพื่อให้การตักเตือนที่ชัดเจนแก่พวกท่าน 51 จงอย่าตั้ง สิ่งอื่นใดเพื่อเคารพสักการะร่วมกับพระเจ้า ฉันมาจากพระองค์เพื่อตัก เตือนพวกท่านอย่างเปิดเผย 52 ในทำ�นองเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่ศาสนทูตคนหนึ่งมายังผู้คนก่อน หน้าพวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า “เขาเป็นนักไสยศาสตร์หรือคนบ้า” 53 พวกเขาส่งทอดเรื่องนี้ให้กันไหม? เปล่าเลย พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ ละเมิดขอบเขตต่างหาก 54 ดังนั้น(โอ้ นบี) จงอย่าสนใจพวกเขา และเจ้า จะไม่ถูกตำ�หนิเลย 55 แต่จงตักเตือนต่อไปเถิด เพราะการตักเตือนนั้น เป็นประโยชน์สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา 56 ฉันมิได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใดนอกไปจากเพื่อที่พวกเขา จะได้เคารพภักดีฉัน 57 ฉันมิได้ต้องการปัจจัยใดๆจากพวกเขาและฉัน ก็มิได้ต้องการให้พวกเขาให้อาหารฉัน 58 พระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ทรง ประทานปัจจัยยังชีพ เป็นผู้ทรงพลังและผู้ทรงมั่นคง 59 บรรดาผู้ท�ำ ความ ผิดจะพบชะตากรรมเช่นเดียวกับบรรดาผู้คนที่มาก่อนหน้าพวกเขา พวก

อัล-ฏูรฺ

521

เขาอย่ามาขอให้ฉันรีบเร่ง(ลงโทษ)เลย 60 ดังนั้น ในที่สุดแล้วความวิบัติจะ เกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมในวันที่พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้มาถึง 52. ภูเขาซีนาย

อัล-ฏูรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยภูเขาซีนาย 2 และขอสาบานด้วยคัมภีร์ที่ถูกจารึก ไว้ 3 ในแผ่นม้วนที่ไม่ได้ถูกคลี่ออก 4 ขอสาบานด้วยบ้านที่มีผู้มาเยือน อยู่สม่�ำ เสมอ 5 ขอสาบานด้วยหลังคาแห่งท้องฟ้าที่ถูกยกสูง 6 และขอ สาบานด้วยทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่น 7 การลงโทษของพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 8 ไม่มีใครสามารถยับยั้งมันได้ 9 ในวันที่ชั้น ฟ้าจะปั่นป่วนและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง 10 และขุนเขาจะสะเทือนและ ปลิวว่อน 11 ความวิบัติในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 12 ที่หมกมุ่นอยู่กับการถกเถียงเรื่องไร้สาระ 13 ในวันนั้น พวกเขาจะถูก ไล่ต้อนและถูกผลักลงไปในไฟนรก 14 นี่คือนรกที่สูเจ้าเคยปฏิเสธมาก่อน 15 นี่เป็นมายากลใช่ไหม? หรือสูเจ้ายังไม่มองไม่เห็นอีก? 16 ตอนนี้จง เข้าไป ไม่ว่าสูเจ้าจะทนได้หรือไม่ มันก็เหมือนกันสำ�หรับสูเจ้า ตอนนี้ สูเจ้ากำ�ลังได้รับการตอบแทนตามที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้” 17 ส่วนผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า(ในวันนั้น)จะได้อยู่ในสวรรค์และความ โปรดปราน 18 โดยได้รับความสุขในสิ่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา ประทานแก่พวกเขา และพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะช่วยพวกเขาให้พ้น จากการลงโทษของไฟนรก 19 (พวกเขาจะถูกบอกว่า) “จงกินและจงดื่ม ด้วยความสุข ในฐานะเป็นรางวัลตอบแทนการงานที่ดีของสูเจ้า” 20 พวก 1

522

52. ภูเขาซีนาย

เขาจะเอนกายบนเตียงนุ่มที่ถูกจัดแถวหันหน้าเข้าหากันและเราจะให้ พวกเขาได้มีคู่ครองเป็นหญิงสาวที่มีดวงตาสวยงาม 21 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธานั้น เราจะรวมบรรดาลูกหลานของพวกเขา ที่เจริญรอยความศรัทธาของพวกเขาไว้กับพวกเขาด้วยเช่นกัน และเรา จะไม่ทำ�ให้การงานที่ดีของพวกเขาปราศจากรางวัลตอบแทน มนุษย์ทุก คนเป็นหลักประกันสำ�หรับสิ่งที่เขาได้ขวนขวายไว้ 22 เราจะจัดหาผลไม้ และเนื้อให้พวกเขาตามที่พวกเขาต้องการ 23 ที่นั่น พวกเขาจะส่งถ้วย แก้วกันอย่างมีความสุขและในนั้นจะไม่จะไม่มีการพูดจาไร้สาระและสิ่ง ที่เป็นบาป 24 พวกเขาจะมีเด็กผู้ชายน่ารักเหมือนไข่มุกที่ถูกซ่อนอยู่ใน เปลือกของมันคอยรับใช้พวกเขา 25 พวกเขาจะหันมายังอีกคนหนึ่งและ ถามกัน 26 “ก่อนหน้านี้ เราอยู่ในหมู่คนของเราด้วยความหวาดกลัวและ ประหวั่นพรั่นพรึง 27 หลังจากนั้น พระเจ้าได้ทรงโปรดปรานแก่เราและ ได้ทรงช่วยเหลือเราให้พ้นจากการลงโทษของความร้อนแรงของนรก 28 แท้จริง ก่อนหน้านี้ เราได้วิงวอนต่อพระองค์เท่านั้น แน่นอน พระองค์ เป็นผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” 29 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงตักเตือนพวกเขาต่อไป ด้วยความโปรดปราน ของพระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้ามิใช่หมอดูและมิใช่คนบ้า 30 ถ้าพวกเขา กล่าวว่า “เขาเป็นกวีคนหนึ่งซึ่งเรากำ�ลังคอยให้ความหายนะเกิดขึ้น กับเขา” 31 จงบอกพวกเขาว่า “จงคอยเถิด ฉันจะคอยอยู่กับพวกท่าน” 32 หรือว่าความคิดของพวกเขาสั่งพวกเขาให้พูดเช่นนั้นหรือว่าพวกเขา เป็นผู้ฝ่าฝืน? 33 หรือพวกเขากล่าวว่า “คนผู้นี้แต่งกุรอานขึ้นมาเอง?” เปล่าเลย ความจริงแล้วพวกเขาไม่ต้องการจะศรัทธาต่างหาก 34 ดังนั้น จงให้พวกเขาแต่งคัมภีร์เช่นนี้ขึ้นมา ถ้าหากพวกเขาแน่จริงในสิ่งที่พวก เขาพูด 35 หรือว่าพวกเขาเกิดมาโดยปราศจากผู้ทรงสร้าง? หรือพวกเขาเป็น ผู้สร้างตัวของพวกเขาเอง? 36 หรือพวกเขาสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น

อัล-ฏูรฺ

523

ดินขึ้นมา? เปล่าเลย ความจริงแล้วพวกเขาไม่มีความศรัทธาต่างหาก 37 หรือพวกเขามีทรัพย์สมบัติของพระผู้อภิบาลของเจ้า? หรือพวกเขาใช่ ไหมที่เป็นผู้ควบคุมมัน? 38 พวกเขามีบันไดปีนขึ้นไปบนชั้นฟ้าเพื่อที่จะ ได้ยินเรื่องราวต่างๆไหม? ดังนั้น ขอให้ใครก็ได้ในหมู่พวกเขาที่ได้ยินนำ� หลักฐานอันชัดแจ้งมา 39 พระเจ้ามีลูกสาวและสูเจ้ามีลูกชายกระนั้นหรือ? 40 หรือว่าเจ้าขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกเขาซึ่งทำ�ให้พวกเขาต้อง แบกรับภาระหนี้สิ้นอันหนักอึ้ง?41 พวกเขามีความรู้เรื่องสิ่งเร้นลับที่พวก เขาบันทึกไว้ไหม? 42 พวกเขาคิดที่จะวางแผนกระนั้นหรือ? บรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรมต่างหากจะตกเป็นเหยื่อของแผนการนั้น 43 หรือว่าพวก เขามีสิ่งอื่นเพื่อการเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า? มหาบริสุทธิ์ยิ่ง แด่พระเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือสิ่งที่พวกเขานำ�มาตั้งภาคีกับพระองค์ 44 ถ้าพวกเขาเห็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้าหล่นลงมา พวกเขาจะกล่าว ว่า “นี่เป็นก้อนเมฆที่รวมตัวกัน” 45 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงปล่อยพวกเขาไป จนกว่าพวกเขาจะได้พบกับวันของพวกเขาเองซึ่งในวันนั้นพวกเขาจะ ถูกฟาดจนล้มลง 46 วันที่แผนการของพวกเขาจะไม่อ�ำ นวยประโยชน์อัน ใดแก่พวกเขาและพวกเขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ 47 แท้จริง สำ�หรับ บรรดาผู้ท�ำ ความผิดจะได้รับการลงโทษอย่างอื่นอีก แต่พวกเขาส่วนใหญ่ ไม่รู้ 48 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงคอยด้วยความอดทนจนกว่าพระผู้อภิบาลของ เจ้าจะตัดสิน เจ้าอยู่ในสายตาของเราเสมอ และจงสดุดีพระผู้อภิบาล ของสูเจ้าด้วยการสรรเสริญเมื่อเจ้าลุกขึ้น(จากการนอน) 49 และจงสดุดี พระองค์ในตอนกลางคืนและเมื่อยามที่หมู่ดาวคล้อยลับไป

524

53. ดวงดาว

53. ดวงดาว

อัล-นัจญม์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยดวงดาวที่ก�ำ ลังลับไป 2 สหายของสูเจ้ามิได้หลงผิดและ มิได้ถูกหลอกลวง 3 และเขามิได้พูดตามอารมณ์ 4 แต่มัน(กุรอาน)เป็น สิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เขา 5 เขาถูกสอนโดย(ทูตสวรรค์)ผู้ทรงพลัง อำ�นาจ 6 ผู้ได้รับวิทยปัญญา ผู้สำ�แดงตัวเองในเวลานั้น 7 โดยยืนอยู่บน จุดสูงสุดของฟากฟ้า 8 หลังจากนั้น ได้ลงมาใกล้ 9 จนกระทั่งอยู่ในระยะ ห่างแค่สองคันธนูหรือใกล้ยิ่งกว่านั้นอีก 10 หลังจากนั้น ได้เปิดเผยสิ่งที่ เขาจะต้องเปิดเผยแก่บ่าวของพระเจ้า 11 หัวใจ(ของนบี)มิได้เข้าใจผิดใน สิ่งที่เห็น 12 แล้วสูเจ้ายังจะมาโต้เถียงกับเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นกระนั้น หรือ? 13 และเขาก็ได้เห็น(ทูตสวรรค์)อีกเป็นครั้งที่สอง 14 ที่ต้นพุทราอัน ไกลลิบซึ่งพ้นไปจากนั้นแล้วไม่มีใครผ่านไปได้ 15 ใกล้ๆนั้นคือสวรรค์แห่ง การพักพิง(อันนิรันดร) 16 ในตอนนั้น ต้นพุทราถูกปกคลุมด้วยอะไรบาง อย่างที่งดงามอย่างบอกไม่ได้ 17 สายตาของเขามิได้พร่ามัวและมิได้ผิด เพี้ยนไป 18 เขาได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระผู้อภิบาลของเขา 19 สูเจ้าเคยพิจารณาเทวรูปอัลลาตและอัลอุซซา 20 และมะนาตตัว ที่สามบ้างไหม?* 21 “อะไรซิ ลูกชายเป็นของสูเจ้าและลูกสาวเป็นของ พระองค์กระนั้นหรือ?” 22 นี่ช่างเป็นการแบ่งที่ไม่เป็นธรรมเสียจริงๆ ! 22 สิ่งเหล่านี้มิใช่อะไรนอกไปจากชื่อที่สูเจ้าและบรรพบุรุษของสูเจ้าตั้งขึ้น มา พระเจ้ามิได้ส่งหลักฐานอะไรมาให้แก่พวกเขา ความจริงแล้ว พวกเขา มิได้ปฏิบัติตามสิ่งใดนอกจากความนึกคิดและความปรารถนาแห่งจิตใจ * อัลลาต, อัลอุซซาและมะนาตเป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคก่อนอิสลามเคารพ สักการะ

อัล-นัจญม์

525

ของพวกเขาเองเท่านั้น ถึงแม้ว่าทางนำ�จากพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะ มายังพวกเขาแล้วก็ตาม 24 มนุษย์จะมีอะไรก็ได้ตามที่เขาอยากมีกระนั้น หรือ? 25 แต่พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของโลกนี้และโลกหน้า 26 ในชั้นฟ้ามีทูตสวรรค์นับไม่ถ้วน แต่การขอไถ่โทษของทูตสวรรค์ ไม่บังเกิดผลใดๆจนกว่าพระเจ้าจะทรงให้อนุญาตแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์และทรงพอพระทัย 27 แต่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้าเรียก บรรดาทูตสวรรค์ด้วยชื่อผู้หญิง 28 พวกเขาไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย พวก เขาปฏิบัติตามการคาดเดาเท่านั้น และการคาดเดาไม่อาจแทนความจริง ได้เลย 28 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงอย่าสนใจผู้ที่หันห่างออกไปจากสิ่งที่เรา ประทานมาและมิได้แสวงหาสิ่งใดนอกไปจากชีวิตแห่งโลกนี้ 30 นั่นคือสุด ยอดแห่งความรู้ของพวกเขาแล้ว แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดียิ่ง ถึงผู้ที่หลงออกไปจากแนวทางของพระองค์และทรงรู้ถึงผู้ที่อยู่ในทางนำ� ของพระองค์ 31 ทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินเป็นของพระเจ้า ดังนั้น พระองค์ จ ะทรงตอบแทนบรรดาผู้ ก ระทำ � ความชั่ ว ตามที่ พ วกเขาได้ กระทำ�ไว้และจะทรงตอบแทนความดีแก่บรรดาผู้ทำ�ความดี 32 ผู้หลีก เลี่ยงจากบาปใหญ่และสิ่งลามกอนาจาร ถึงแม้พวกเขาอาจทำ�ความผิด เล็กๆน้อยๆ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงเป็นผู้กว้างขวางในการให้อภัย พระองค์ทรงรู้จักสูเจ้ามาตั้งแต่ครั้งที่พระองค์ทรงสร้างสูเจ้ามาจากดิน และเมื่อสูเจ้ายังเป็นตัวอ่อนในครรภ์ของแม่ของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงอย่า มาอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์ พระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้ดีว่าใครที่เป็นผู้ยำ�เกรง* * พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ได้ให้ทางนำ�ที่สมบูรณ์แก่มนุษย์ว่าเขาต้อง ทำ�สิ่งใดและอย่าทำ�สิ่งใด อย่างไรก็ตาม มนุษย์จะได้รับการให้อภัยใน กรณีของความผิดเล็กๆน้อยๆ เช่น การหมกมุ่นอยู่ในความเสียหายอัน เนื่องมาจากอารมณ์ที่หลงระเริง โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องตระหนักถึงการ ถลำ�ตัวของเขาและเริ่มรู้สึกละอาย หลังจากนั้น ขออภัยต่อพระเจ้า

526

(โอ้ นบี) เจ้าเคยพิจารณาคนที่หันหลังให้บ้างไหม 34 คนที่ให้เพียง น้อยนิดและต่อมาได้หยุดให้? 35 เขามีความรู้เรื่องสิ่งเร้นลับที่ทำ�ให้เขา เห็นกระนั้นหรือ? 36 เขาไม่เคยรู้ถึงสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ของมูซากระ นั้นหรือ? 37 และในคัมภีร์ของอิบรอฮีมผู้ทำ�ตามคำ�พูดของเขา? 38 ว่าไม่มี ผู้แบกภาระคนใดจะแบกภาระของคนอื่น 39 และมนุษย์จะได้รับเฉพาะสิ่ง ที่เขาขวนขวายไว้ 40 และ(ผลของ)สิ่งที่เขาดิ้นรนทำ�ไว้นั้นจะได้เห็นในไม่ ช้า 41 และในที่สุดแล้ว เขาจะได้รับการตอบแทนอย่างครบถ้วน 42 และที่ ว่าทุกสิ่งในที่สุดแล้วจะกลับไปยังพระเจ้า 43 และที่ว่าพระองค์คือผู้ท�ำ ให้ (มนุษย์) หัวเราะและร้องไห้ 44 และที่ว่าพระองค์คือผู้ทรงให้ความตาย และให้ชีวิต 44 และที่ว่าพระองค์คือผู้ทรงสร้างคู่เพศชายและเพศหญิง 46 จากหยดอสุจิเมื่อมันหลั่งออกมา 47 และเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะ ให้ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง 48 และพระองค์อีกเช่นกันที่ทรงทำ�ให้เขามั่งคั่งและ ประทานทรัพย์สิน 49 และพระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลแห่งดาวสิริอุส 50 พระองค์เป็นผู้ทรงทำ�ลายชาวอ๊าดก่อนหน้านี้ 51 และพวกษะมูดจน ไม่หลงเหลือใครไว้เลย 52 และก่อนหน้าคนเหล่านี้ พระองค์ได้ทรงทำ�ลาย ผู้คนของนูฮฺเพราะพวกเขาเป็นคนชั่วและฝ่าฝืนที่สุด 53 และพระองค์ได้ ทรงพลิกคว่�ำ เมือง(โซดอมและโกโมราห์)ให้จมหายไป 54 หลังจากนั้น ทรงกลบพวกเขาไว้จากสายตาของสูเจ้าตลอดไป 55 ดังนั้น (มนุษย์เอ๋ย) ความโปรดปรานอันใดเล่าของพระผู้อภิบาลของเจ้าที่สูเจ้ายังสงสัย?” 56 นี่คือการเตือนเหมือนกับบรรดาผู้คนก่อนหน้านี้ 57 ยามอวสานที่ กำ�ลังจะเกิดขึ้นนั้นได้ใกล้เข้ามาแล้ว 58 ไม่มีผู้ใดนอกไปจากพระเจ้าที่จะ ขัดขวางมันได้ 59 สูเจ้ายังเห็นว่าข่าวเหล่านี้เป็นสิ่งที่แปลกกระนั้นหรือ? 60 ทำ�ไมสูเจ้ายังหัวเราะแทนที่จะร้องไห้? 61 สูเจ้ายังคงดึงดันไม่ใส่ใจอีก หรือ? 62 จงก้มกราบต่อพระเจ้าเถิดและจงเคารพสักการะพระองค์เท่านั้น 33

อัล-เกาะมัรฺ

527

54. ดวงจันทร์

อัล-เกาะมัรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้า ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ยามอวสานได้ใกล้เข้ามาแล้วและดวงจันทร์ได้แยกออกจากกัน 2 ถึง กระนั้น เมื่อพวกเขาเห็นสัญญาณอะไรก็ตาม พวกเขา(ผู้ปฏิเสธสัจธรรม) จะหันหลังให้และกล่าวว่า “นี่คือไสยศาสตร์เก่าๆที่มามาแต่เดิม” 3 พวก เขาปฏิเสธสัจธรรมและปฏิบัติตามอารมณ์ต�่ำ ของพวกเขา ทุกเรื่องมีจุด สุดท้ายของมันที่ได้ถูกกำ�หนดไว้แล้ว 4 มีคำ�บอกเล่ามายังพวกเขาแล้ว ถึงเรื่องราวที่มีคำ�เตือนมากมาย 5 และมีเหตุผลอันลึกซึ้งด้วย แต่ค�ำ เตือน นั้นไม่ยังประโยชน์อันใดกับคนเหล่านี้ 6 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงหันห่างออก จากพวกเขา วันที่ผู้ร้องเรียกจะเรียกพวกเขาไปสู่เหตุการณ์อันน่าสะพรึง กลัว 7 ผู้คนจะลุกขึ้นออกมาจากหลุมฝังศพของพวกเขาด้วยสายตาที่ หวาดกลัวเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นฝูงตั๊กแตนที่บินว่อน 8 พวกเขารีบ ไปยังผู้ร้องเรียกและบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะร้องครวญว่า “นี่เป็นวันที่ ลำ�บากเหลือเกิน” 9 ก่อนหน้าพวกเขา ผู้คนของนูฮฺก็เคยปฏิเสธ(สัจธรรม)มาแล้วเช่น กัน พวกเขาเรียกศาสนทูตของเราว่าผู้โกหกและกล่าวว่า “เขาเป็นคนบ้า” และเขาถูกด่าว่าอย่างหนัก 10 ดังนั้น เขาจึงวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ เขาว่า “ฉันเป็นผู้แพ้แล้ว ขอพระองค์ทรงช่วยเหลือด้วยเถิด” 11 ดังนั้น เราจึงได้เปิดประตูแห่งชั้นฟ้าให้ฝนเทลงมาอย่างหนัก 12 และเราได้ทำ�ให้ แผ่นดินแยกเป็นตาน้�ำ ไหลพุ่งทะลักออกมา และน้�ำ ได้มาบรรจบกันเพื่อ เป็นไปตามจุดหมายที่ได้บัญชาไว้ 13 เราได้บรรทุกนูฮฺไว้บนเรือลำ�ใหญ่ ที่ท�ำ ด้วยแผ่นไม้และตอกติดด้วยตะปู 14 ซึ่งลอยอยู่ภายใต้การดูแลของ เรา นี่เป็นการแก้แค้นให้แก่เขาที่ถูกปฏิเสธ 15 และเราได้ทิ้งเรือนั้นไว้เป็น

528

54. ดวงจันทร์

สัญญาณหนึ่ง แล้วมีใครบ้างไหมที่ได้รับการตักเตือนนี้? 16 ลองดูซิว่าการ ลงโทษและคำ�เตือนของฉันน่าสะพรึงกลัวเช่นไร? 17 เราได้ท�ำ ให้มันง่าย ที่จะได้รับบทเรียนจากกุรอาน แล้วมีผู้ใดบ้างที่ได้รับการตักเตือน? 18 ชาวอ๊าดอีกเช่นกันที่ปฏิเสธสัจธรรม ดังนั้น จงดูซิว่าการลงโทษและ การตักเตือนของฉันน่าสะพรึงกลัวเช่นไร? 19 เราได้ส่งลมพายุร้ายพัด กระหน่�ำ พวกเขาในวันแห่งความหายนะที่ต่อเนื่องกัน 20 พายุนั้นได้พัด กวาดพวกเขาออกไปจนเหมือนกับพวกเขาเป็นต้นอินทผลัมที่ถูกถอน ราก 21 จงดูซิว่าการลงโทษและการตักเตือนของฉันเป็นเช่นใด 22 เราได้ ทำ�ให้กุรอานนี้เป็นวิธีการตักเตือนที่ง่าย แล้วมีผู้ใดบ้างที่ได้รับการตัก เตือน? 23 พวกษะมูดก็ปฏิเสธการตักเตือนของเรา 24 พวกเขากล่าวว่า “จะให้ เราปฏิบัติตามคนที่อยู่ในหมู่พวกเรากระนั้นหรือ? ถ้าเราทำ�เช่นนั้น เราก็ หลงผิดและบ้าแน่ 25 เขาเป็นคนเดียวในหมู่พวกเรากระนั้นหรือที่ได้รับ สาสน์ของพระเจ้า? ไม่ เขาเป็นคนโกหกที่คุยโม้” 26 (เราได้บอกศาสน ทูตของเราว่า) : “พรุ่งนี้ พวกเขาจะได้รู้ว่าใครเป็นผู้โกหกที่คุยโม้? 27 เรา จะส่งอูฐตัวเมียตัวหนึ่งมาเป็นสิ่งทดสอบสำ�หรับพวกเขา ตอนนี้ จงเฝ้า ดูพวกเขาและจงทดทน 28 จงบอกพวกเขาว่าน้ำ�(ในบ่อนั้น)จะถูกแบ่ง ระหว่างพวกเขากับอูฐตัวเมียโดยแต่ละฝ่ายผลัดกันมาใช้น�้ำ ” 29 แต่พวก เขาได้เรียกพวกพ้องของพวกเขามาร่วมกันฆ่าอูฐตัวนั้น 30 ดังนั้น จงดู ซิว่าการลงโทษและการตักเตือนของฉันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด 31 เราได้ ทำ�ให้มีเสียงกัมปนาทเกิดขึ้นบนพวกเขาเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็กลาย เป็นเศษไม้แห้งที่ถูกเหยียบย่ำ� 32 เราได้ทำ�ให้กุรอานนี้ง่ายในการที่จะได้ รับบทเรียนจากมัน แล้วมีใครบ้างที่ได้รับการตักเตือน? 33 หมู่ชนของลูฏก็ปฏิเสธการตักเตือนของเรา 34 เราจึงได้ส่งพายุหิน มาทำ�ลายพวกเขาทั้งหมดนอกจากคนในครอบครัวของลูฏซึ่งเราได้ช่วย ให้ปลอดภัยในช่วงก่อนรุ่งอรุณ 35 ในฐานะเป็นความโปรดปรานจาก

529

เรา นั่นแหละคือสิ่งที่เราตอบแทนผู้กตัญญู 36 ลูฏได้เตือนคนของเขาให้ รู้ถึงการลงโทษของเราแล้ว แต่พวกเขาโต้แย้งคำ�เตือนนั้น 37 พวกเขา ต้องการที่จะได้แขกผู้มาเยือนลูฏไปตอบสนองอารมณ์ของพวกเขา ดัง นั้น เราจึงได้ทำ�ให้ตาของพวกเขาบอด (และกล่าวว่า) “ดังนั้น จงลิ้มรส การลงโทษของฉันที่สูเจ้าเคยสบประมาทคำ�เตือนของฉัน” 38 ในตอนรุ่ง สาง พวกเขาก็ได้รับการลงโทษอย่างยาวนาน 39 “ตอนนี้ จงลิ้มรสการ ลงโทษที่สูเจ้าเคยสบประมาทคำ�เตือนของฉัน” 40 เราได้ท�ำ ให้เป็นเรื่อง ง่ายที่จะได้รับบทเรียนจากกุรอาน แล้วมีใครบ้างที่ได้รับการตักเตือนนี้? 41 แน่นอน มีผู้ตักเตือนได้มายังผู้คนของฟาโรห์ด้วยเช่นกัน 42 แต่ พวกเขาปฏิเสธสัญญาณของเราทั้งหมด ดังนั้น เราจึงลงโทษพวกเขา ด้วยการลงโทษของผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงอานุภาพ 43 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมของสูเจ้ามีอะไรดีกว่าพวกเขาเหล่านั้น หรือ? หรือสูเจ้าได้รับการยกเว้นใดๆในคัมภีร์ไหม? 44 หรือพวกเขากล่าว ว่า “เราเป็นพวกที่แข็งแรง เราจะเหนือกว่า?” 45 ในไม่ช้า คนพวกนี้จะถูก ทำ�ลายและพวกเขาทั้งหมดจะหันหลังหนี 46 ความจริงแล้ว ยามอวสาน คือเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้สำ�หรับพวกเขา และยามอวสานจะเป็นยามที่ เศร้าโศกเสียใจและขมขื่นที่สุด 47 ความจริงแล้ว คนชั่วเหล่านี้หลงอยู่ใน ความหลงผิดและความโง่ 48 ในวันที่พวกเขาถูกลากคว่�ำ หน้าเข้าไปสู่ไฟ นั้น(จะมีเสียงกล่าวว่า) “ตอนนี้ จงลิ้มรสเปลวไฟของนรก” 49 เราได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาตามสัดส่วนของมัน 50 คำ�บัญชาของเรา เพียงครั้งเดียว สิ่งที่เราประสงค์จะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา 51 เราได้ทำ�ลาย หมู่ชนเช่นเดียวกับสูเจ้าไปมากแล้ว แล้วมีใครในหมู่สูเจ้าที่ได้รับคำ�ตัก เตือน? 52 อะไรก็ตามที่พวกเขาได้ทำ�ไปจะถูกเก็บไว้ในบันทึกของพวก เขา 53 ทุกการกระทำ�ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ได้ถูกบันทึกไว้ในนั้น 54 บรรดา ผู้ยำ�เกรงพระเจ้าจะอยู่ท่ามกลางสวนสวรรค์และลำ�น้ำ�หลายสาย 55 ในที่ รวมแห่งสัจธรรมต่อหน้าพระผู้ทรงอำ�นาจที่สุด

530

55. ความกรุณา

55. ความกรุณา

อัล-เราะฮฺมาน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 พระผู้ทรงกรุณาปรานีที่สุด 2 ผู้ทรงสอนกุรอาน 3 พระองค์ทรงสร้าง มนุษย์ 4 และพระองค์สอนให้เขาพูด 5 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้โคจร ไปตามที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ 6 และดวงดาวและต้นไม้ได้ก้มกราบสักการะ 7 พระองค์ได้ทรงยกชั้นฟ้าไว้สูงและได้ทรงกำ�หนดความสมดุลไว้ 8 ดัง นั้น สูเจ้าจงอย่าได้ท�ำ ให้ความสมดุลเสียไป 9 จงชั่งด้วยความเที่ยงธรรม และจงอย่าทำ�ให้น�้ำ หนักพร่องไป 10 พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมแผ่นดินไว้ส�ำ หรับสิ่งถูกสร้างทั้งปวง 11 ใน นั้นมีผลไม้รสชาติดีทุกชนิดและต้นอินทผลัมที่ออกผลซ้อนกันเป็นพวง 12 และธัญพืชหลากชนิดที่มีเปลือกรวมทั้งเมล็ดข้าว 13 ดังนั้น (โอ้ ญิน และมนุษย์) ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองปฏิเสธ? 14 พระองค์ทรงสร้างมนุษย์จากดินแห้งคล้ายกับหม้อดินเผา 15 และพระองค์ทรงสร้างญินจากเปลวไฟ 16 ดังนั้น (โอ้ ญินและมนุษย์ เอ๋ย) ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ปฏิเสธ? 17 พระองค์เป็นพระผู้ทรงอภิบาลของทิศตะวันออกทั้งสองและ ทิศตะวันตกทั้งสอง 18 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า อันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 19 พระองค์ทรงทำ�ให้สองทะเลมาบรรจบ กัน 20 โดยระหว่างทั้งสองนั้นมีแนวขวางกั้นที่มันจะไม่ล้ำ�เขตกัน 21 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 22 จากทะเลทั้งสองนี้มีไข่มุกและหินปะการังออกมา 23 ดังนั้น ความอัศ จรรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 24 และ

อัล-เราะฮฺมาน

531

ของพระองค์คือเรือที่ถูกยกสูงขึ้นเหมือนภูเขาในทะเล 25 ดังนั้น ความ อัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 26 ทั้งหมดที่อยู่บนแผ่นดินจะต้องแตกดับ 27 จะมีก็แต่พระผู้อภิบาล ของสูเจ้าผู้ทรงอำ�นาจและทรงเกียรติเท่านั้นที่จะดำ�รงอยู่ตลอดไป 28 ดัง นั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ปฏิเสธ? 29 ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะอ้อนวอนขอสิ่งที่ จำ�เป็นต่อพระองค์ พระองค์จะทรงสำ�แดงตนในสภาพใหม่ทุกวัน 30 ดัง นั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ปฏิเสธ? 31 ในไม่ช้านี้ เราจะจัดการเรื่องต่างๆของสูเจ้า สองกลุ่มใหญ่(ของญิน และมนุษย์) 32 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่า ที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ 33 โอ้หมู่ญินและมนุษย์ ถ้าหากสูเจ้ามีอำ�นาจที่จะ หนีข้ามขอบเขตของชั้นฟ้าและแผ่นดินไปได้ก็จงข้ามไปเถิด แต่สูเจ้าไม่มี วันที่จะข้ามไปได้นอกจากด้วยอำ�นาจ(ของเรา) 34 ดังนั้น ความอัศจรรย์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 35 เปลวไฟ และทองเหลื อ งหลอมละลายจะถู ก ส่ ง มายั ง สู เ จ้ า และสู เ จ้ า ไม่ ส ามารถ ป้องกันตัวเองได้* 36 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอัน ใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 37 เมื่อท้องฟ้าระเบิดออกและกลายเป็นสีแดงเหมือนหนังสีแดง? * โลกปัจจุบันเป็นสถานที่แห่งการทดสอบ ตราบใดที่ช่วงเวลาแห่ง การทดสอบยังคงดำ�เนินอยู่ ทุกคนมีโอกาสที่จะโอหังอย่างไรก็ได้ตามที่ เขาต้องการ แต่ถึงแม้จะมีเสรีภาพอย่างเต็มที่แล้ว ไม่มีญินและมนุษย์คน ใดมีอำ�นาจที่จะไปเกินขอบเขตของจักรวาล ความจริงนี้โดยตัวเองเพียง พอแล้วที่จะพิสูจน์ว่ามนุษย์อยู่ในอำ�นาจของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง เมื่อช่วง เวลาแห่งการทดสอบสิ้นสุดลง พระองค์จะเริ่มจัดการมนุษย์และไม่มีใคร สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

532

ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองปฏิเสธ? 39 เพราะในวันนั้น มนุษย์และญินจะไม่ถูกถามถึงบาปของ เขา 40 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้า ทั้งสองปฏิเสธ? 41 บรรดาผู้ท�ำ ความผิดจะเป็นที่รู้ได้จากเครื่องหมาย ของพวกเขาและพวกเขาจะถูกคว้าตรงหน้าผากและตรงเท้าของพวกเขา 42 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองปฏิเสธ ? 43 นี่คือนรกที่บรรดาผู้ทำ�ผิดเรียกว่าการโกหก 44 พวกเขา จะเดินไปมาระหว่างนรกและน้�ำ ที่กำ�ลังเดือด 45 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 46 มีสวนสองแห่งสำ�หรับคนที่เกรงกลัวการยืนต่อหน้าพระผู้อภิบาล ของเขา 47 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่า ที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 48 (จะมีสวนสองแห่ง)ที่ต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขา 49 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองปฏิเสธ? 50 ในทั้งสองแห่งนั้นมีตาน้ำ�สองแห่งไหลพุ่งออกมาเป็น สายน้�ำ 51 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่ สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 52 ในสวนสวรรค์ทั้งสองจะมีผลไม้ทุกอย่างสองชนิด 53 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองปฏิเสธ? 54 ชาวสวรรค์จะเอนกายนอนบนพรมที่บุด้วยผ้าไหมหนา และกิ่งผลไม้ของสวนทั้งสองนั้นจะอยู่แค่เอื้อม 55 ดังนั้น ความอัศจรรย์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 56 ในนั้นจะมี หญิงสาวที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ซึ่งไม่เคยมีมนุษย์และญินแตะต้องมาก่อน เลย 57 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้า ทั้งสองปฏิเสธ? 58 (จะมี)สาวสวยงามดุจดังทับทิมและปะการัง 59 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 60 การตอบแทนความดีจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากความดีใช่ไหม? 38

อัล-เราะฮฺมาน

533

ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองปฏิเสธ? 62 นอกจากสวนสวรรค์สองแห่งนั้นแล้ว ยังมีสวนสวรรค์อื่นอีกสอง แห่ง 63 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้า ทั้งสองปฏิเสธ? 64 (สวน)ทั้งสองเขียวชอุ่ม 65 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 66 ในสวนทั้งสอง นั้นมีตาน้ำ�ไหลพุ่งออกมาอยู่ไม่ขาด 67 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้ อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 68 ในสวนทั้งสองนั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้และอินทผลัมและผลทับทิม 69 ดังนั้น ความ อัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 70 ใน นั้นยังมีคู่ครองที่บริสุทธิ์และสวยงามรวมอยู่ด้วย 71 ดังนั้น ความอัศจรรย์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 72 (ที่นั่น ผู้ ได้รับความจำ�เริญจะอยู่กับ) ผู้ติดตามที่ถูกเก็บตัวไว้ในกระโจม 73 ดัง นั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ปฏิเสธ? 74 ไม่มีมนุษย์หรือญินเคยแตะต้องพวกนางมาก่อนเลย 75 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 76 (พวกเขาจะอยู่ในสวรรค์เช่นนั้น)โดยนอนเอกเขนกบนหมอนสีเขียว และพรมที่หนานุ่มสวยงาม 77 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาล ของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 78 ความจำ�เริญจงมีแด่พระนาม ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งความรุ่งโรจน์และความทรง เกียรติ 61

534

56. เหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

56. เหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อัล-วากิอ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้น 2 และจะไม่มีใครปฏิเสธ การเกิดขึ้นของมัน 3 มันจะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความอัปยศให้คนกลุ่ม หนึ่งและยกย่องคนอีกกลุ่มหนึ่ง 4 โลกจะเกิดความสั่นสะเทือนอย่าง รุนแรงฉับพลัน 5 และภูเขาทั้งหลายจะพังทลาย 6 และแตกสลายกลาย เป็นฝุ่น 7 (ในวันนั้น)สูเจ้าทั้งหลายจะถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม* 8 กลุ่มคนที่อยู่ทางขวา กลุ่มคนที่อยู่ทางขวาช่างดีเสียนี่กระไร? 9 ส่วน กลุ่มคนที่อยู่ทางซ้าย กลุ่มคนทางซ้ายนี่ช่างเคราะห์ร้ายเสียนี่กระไร? 10 ส่วนกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าจะอยู่ข้างหน้า 11 พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ใกล้ชิด พระเจ้า 12 พวกเขาจะได้อยู่ในสวรรค์อันบรมสุข 13 พวกเขาส่วนใหญ่ เป็นผู้ศรัทธาในรุ่นก่อนๆ 14 และเป็นคนจำ�นวนน้อยจากในหมู่คนรุ่นหลัง 15 นั่งอยู่บนเบาะที่ประดับด้วยทองคำ�และอัญมณี 16 พวกเขาจะนอน เอกเขนกหันหน้าเข้าหากัน 17 โดยมีเด็กๆอายุเท่าเดิมวนเวียนรับใช้พวก เขาตลอดไป 18 โดยถือถ้วยจอกและถ้วยสุราอันบริสุทธิ์ 19 ซึ่งจะไม่ทำ�ให้ * ในโลกปัจจุบัน มนุษย์สังเกตเห็นว่าเขาเป็นอิสระที่จะทำ�อะไรก็ได้ ตามที่เขาต้องการ ดังนั้น คำ�ถามเรื่องการตอบแทนในโลกหน้าจึงไม่มี ผลต่อความคิดของมนุษย์ แต่การเกิดขึ้นของ “อีกโลกหนึ่ง” เป็นสิ่งที่ สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกับการเกิดขึ้นของโลกนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ระบบทั้งหมดจะย้อนหลังกลับ คนที่อยู่ต�ำ แหน่งสูงจะต่ำ�ลงและคนที่อยู่ ในตำ�แหน่งที่ต่ำ�กว่าจะถูกเห็นว่าอยู่สูง ในตอนนั้น มนุษย์จะถูกแบ่งออก เป็นสามกลุ่ม นั่นคือ กลุ่มที่อยู่ข้างหน้า(อัซซาบิกูน) คนที่อยู่ข้างขวา(อัศ ฮาบุลยะมีน)และคนที่อยู่ข้างซ้าย(อัศฮาบุลชิมาล)

อัล-วากิอ๊ะฮฺ

535

พวกเขามึนศีรษะและขาดสติสัมปชัญญะ 20 พร้อมกับผลไม้รสอร่อยทุก ชนิดมาให้พวกเขาเลือกกิน 21 และเนื้อนกที่พวกเขาอยากกิน 22 และ สำ�หรับพวกเขาจะมีหญิงสาวสวยนัยน์ตาคมน่ารัก 23 ดังไข่มุกที่ถูกเก็บ รักษาไว้ในเปลือกหอย 24 ทั้งหมดนี้พวกเขาจะได้รับเป็นการตอบแทน สำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ 25 ที่นั่น พวกเขาจะไม่ได้ยินคำ�พูดที่ไร้สาระ และเป็นบาป 26 นอกจากคำ�พูดแห่งความสันติและสงบปลอดภัย 27 ส่วนกลุ่มคนที่อยู่ทางขวา ช่างโชคดีเสียนี่กระไรกลุ่มที่อยู่ทางขวา 28 พวกเขาจะเอนกายอยู่ท่ามกลางต้นพุทราที่ไม่มีหนาม 29 และต้นกล้วย ที่ออกผลซ้อนกันแน่นในเครือ 30 และร่มเงาที่แผ่กระจาย 31 และน้�ำ ที่ไหล รินอยู่ตลอดเวลา 32 และผลไม้อันอุดมสมบูรณ์ 33 โดยไม่หมดสิ้นและไม่ เป็นที่ต้องห้าม 34 และในเบาะที่ถูกยกสูงขึ้น 35 เราจะสร้างคู่ครองของ พวกเขาขึ้นมาใหม่ 36 และทำ�ให้นางเหล่านั้นเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ 37 เป็น คนรักของสามีพวกนางและมีอายุอยู่ในคราวเดียวกัน 38 ทั้งหมดนี้สำ�หรับ คนที่อยู่ทางขวา 39 ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งจากคนรุ่นก่อน 40 และกลุ่มหนึ่งจาก คนรุ่นหลังๆ 41 ส่วนกลุ่มคนที่อยู่ข้างซ้าย ช่างเคราะห์ร้ายเสียนี่กระไรกลุ่มที่อยู่ข้าง ซ้าย 42 พวกเขาจะอยู่ในลมร้อนและน้�ำ ที่กำ�ลังเดือด 43 และร่มเงาของ ควันดำ� 44 ซึ่งไม่ร่มเย็นและไม่เป็นที่สดชื่น 45 พวกเขาคือผู้ที่ใช้ชีวิตอย่าง สุขสำ�ราญมาก่อน 46 พวกเขาดึงดันทำ�บาปใหญ่มาโดยตลอด 47 และพวก เขาเคยกล่าวว่า “อะไรนะ เมื่อเราตายกลายเป็นดินและกระดูกแล้ว เราจะ ถูกทำ�ให้ฟื้นชีพอีกกระนั้นหรือ? 48 รวมทั้งบรรพบุรุษของเราที่ล่วงลับไป ก่อนหน้านี้ด้วยหรือ?” 49 จงบอกพวกเขาเถิดว่า “แน่นอน ทั้งรุ่นก่อนและ รุ่นหลัง 50 ทั้งหมดจะถูกรวมเข้าด้วยกันวันหนึ่งในเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ แล้ว” 51 หลังจากนั้น สูเจ้าผู้หลงผิดและผู้ปฏิเสธสัจธรรมทั้งหลาย 52 สูเจ้า จะได้กินผลของต้นซักกูม 53 จนเต็มท้องของสูเจ้า 54 และดื่มน้ำ�ที่กำ�ลัง

536

เดือดตามลงไป 55 พวกเขาจะดื่มมันเหมือนกับอูฐที่กำ�ลังกระหายน้�ำ 56 นี่ เป็นสิ่งที่พวกเขาจะได้รับในวันแห่งการพิพากษา 57 เราได้สร้างสูเจ้าขึ้นมา แล้วทำ�ไมสูเจ้าไม่ยอมรับสัจธรรม? 58 สูเจ้า ไม่พิจารณา(อสุจิ)ที่สูเจ้าหลั่งออกมากระนั้นหรือ? 59 สูเจ้าสร้างมันหรือ เราที่เป็นผู้สร้าง? 60 เราได้เป็นผู้ก�ำ หนดความตายในหมู่สูเจ้า และไม่มี ใครมาขัดขวางเรา 61 ในการที่เราจะเปลี่ยนรูปแบบของสูเจ้าและสร้าง สูเจ้าขึ้นมาในอีกรูปแบบหนึ่งที่สูเจ้าไม่รู้ 62 สูเจ้ารู้ดีอยู่แล้วถึงการสร้าง สูเจ้าในครั้งแรก แล้วทำ�ไมสูเจ้าจึงไม่ใส่ใจ? 63 สูเจ้าเคยพิจารณาถึงเมล็ด พืชที่สูเจ้าหว่านลงไปบ้างหรือเปล่า? 64 สูเจ้ากระนั้นหรือที่ท�ำ ให้มันงอก ออกมาเป็นต้นหรือว่าเราเป็นผู้ทำ�ให้มันงอกเงยออกมา? 65 ถ้าหากเรา ประสงค์ เราก็สามารถทำ�ให้มันกลายเป็นเศษแห้งได้ แล้วเมื่อนั้นสูเจ้าก็ จะเสียใจ 66 (และร้องว่า) “ โอย เราได้รับการลงโทษแล้ว 67 เราไม่เหลือ อะไรแล้ว” 68 สูเจ้าเคยเห็นน้�ำ ที่สูเจ้าดื่มหรือไม่? 69 สูเจ้ากระนั้นหรือ ที่ทำ�ให้มันหลั่งลงมาจากก้อนเมฆหรือเราที่เป็นผู้ทำ�ให้มันหลั่งลงมา? 70 ถ้าหากเราประสงค์ เราสามารถทำ�ให้มันเค็มได้ ดังนั้นแล้ว ไฉนเล่า สูเจ้าจึงไม่กตัญญู? 71 สูเจ้าเคยพิจารณาถึงไฟที่สูเจ้าจุดขึ้นมาบ้างไหม? 72 สูเจ้ากระนั้นหรือที่สร้างต้นไม้ที่เป็นเชื้อเพลิงขึ้นมา หรือเราที่สร้าง มัน? 73 เราได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ และเป็นปัจจัยแห่ง ชีวิตสำ�หรับผู้มีความจำ�เป็น 74 ดังนั้น จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาล ของเจ้าผู้ทรงอำ�นาจสูงสุด 75 แต่ไม่ ฉันขอสาบานด้วยการลับขอบฟ้าไปของดวงดาวทั้งหลาย 76 และมันเป็นคำ�สาบานอันยิ่งใหญ่ ถ้าหากสูเจ้ารู้ 77 ว่าแท้จริงนี่คือกุรอา นอันทรงเกียรติ 78 ซึ่งถูกจารึกไว้ในคัมภีร์ที่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี 79 ที่ ไม่มีใครสามารถแตะต้องมันได้นอกจากผู้สะอาด 80 เป็นสิ่งที่ถูกประทาน ลงมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 81 ดังนั้นแล้ว สูเจ้ายังถือว่าคำ�พูด

อัล-ฮะดีด

537

นี้เป็นสิ่งไม่ควรค่าแก่การสนใจได้อย่างไร? 82 สูเจ้าอาศัยมันเป็นปัจจัยใน การยังชีพ แล้วสูเจ้าปฏิเสธมันกระนั้นหรือ? 83 ทำ�ไมซิ เมื่อวิญญาณของคนที่กำ�ลังตายมาถึงคอหอย 84 และ(ใน ตอนนั้น)สูเจ้าได้แต่เฝ้าดูเขาตาย(โดยช่วยเหลืออะไรไม่ได้)? 85 และเรา อยู่ใกล้ชิดกับเขายิ่งกว่าสูเจ้าเสียอีก แต่สูเจ้ามองไม่เห็นเรา 86 ดังนั้นแล้ว ถ้าหากสูเจ้าคิดว่าสูเจ้ามิได้อยู่ภายใต้อ�ำ นาจของเรา 87 ทำ�ไมสูเจ้าไม่นำ� วิญญาณนั้นกลับมายังผู้ตายอีก ถ้าหากสูเจ้าแน่จริง? 88 แต่ถ้าหากผู้ตาย เป็นผู้ใกล้ชิดกับเรา 89 สำ�หรับเขาก็มีความสะดวกสบายและสวรรค์อัน บรมสุข 90 และถ้าหากเขาเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มทางด้านขวา 91 เขาจะได้รับ การทักทายด้วยคำ�ว่า “ศานติจงมีแด่ท่าน พวกท่านเป็นผู้ที่อยู่ทางด้าน ขวา” 92 แต่ถ้าหากเขาเป็นผู้ปฏิเสธสัจธรรม ผู้หลงผิด 93 ดังนั้น สิ่งที่เขา จะได้รับก็คือน้�ำ เดือด 94 และเปลวไฟที่กำ�ลังลุกไหม้ในนรก 95 ทั้งหมดนี้ คือสัจธรรมที่ชัดแจ้ง 96 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาล ของเจ้าผู้ทรงมีอ�ำ นาจสูงสุด 57. เหล็ก

อัล-ฮะดีด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 สรรพสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดีพระเจ้า และ พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาสามารถ 2 อำ�นาจแห่งชั้น

ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ ผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ตาย และทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 3 พระองค์ทรงเป็นที่แรกและเป็นที่สุดท้าย ทรงเปิดเผยให้เห็นและทรงเร้นลับ และพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง 4 พระองค์ต่างหากที่เป็นผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในหกวัน

538

57. เหล็ก

(ช่วงเวลา)และหลังจากนั้นได้ทรงขึ้นไปบนบัลลังก์ พระองค์ทรงรอบรู้ ถึงสิ่งที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งที่ออกมาจากมัน และสิ่งที่ลงมาจากฟาก ฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่มัน พระองค์ทรงอยู่กับสูเจ้าไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าทรงเฝ้ามองสิ่งที่สูเจ้ากระทำ�อยู่ 5 พระองค์ทรงมีอ�ำ นาจเหนือชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และกิจการทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ของพระองค์ 6 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้กลางคืนผ่านเข้าไปในกลางวันและ กลางวันผ่านเข้าไปในกลางคืน และพระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับที่สุด ของหัวใจ 7 จงศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงใช้จ่ายจากสิ่ง ที่พระองค์ได้ทรงทำ�ให้สูเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบดูแล สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา และใช้จ่ายจากทรัพย์สินของพวกเขานั้นจะมีรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ 8 แล้วมีเหตุผลอะไรเล่าที่สูเจ้าจะไม่ศรัทธาในพระเจ้าในขณะที่ศาสนทูต ได้เชิญชวนสูเจ้าให้ศรัทธาในพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และได้ให้สูเจ้าทำ� สัญญา ถ้าหากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง? 9 พระองค์คือผู้ทรงประทาน สาสน์ที่ชัดเจนลงมาแก่บ่าวของพระองค์เพื่อที่เขาจะได้นำ�สูเจ้าออกมา จากความมืดสู่แสงสว่าง และความจริงแล้ว พระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาสูเจ้า 10 แล้วทำ�ไมสูเจ้าจะไม่ใช้จ่ายในหนทางของพระเจ้า ในขณะที่มรดกแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ บรรดา ผู้ใช้จ่ายและต่อสู้ก่อนจะได้รับชัยชนะย่อมมีตำ�แหน่งเหนือกว่าบรรดาผู้ที่ จะใช้จ่ายหลังจากได้ชัยชนะอย่างแน่นอน* พระเจ้าได้ทรงสัญญาสูเจ้าไว้ แล้วถึงรางวัลตอบแทนอันดีงาม พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าทำ� 11 ใครจะให้การยืมที่ดีแก่พระเจ้า? พระองค์จะทรงใช้คืนมากกว่านั้น และให้รางวัลตอบแทนแก่เขาอย่างมากมาย 12 ในวันนั้น เจ้า(นบี)จะ เห็นชายและหญิงผู้ศรัทธาพร้อมกับรัศมีส่องสว่างอยู่เหนือพวกเขาและ ทางด้านขวาของพวกเขา (เจ้าจะได้ยินเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า) “ วันนี้ * ดูหน้า 14 – 17 ของบทนำ�

อัล-ฮะดีด

539

มีข่าวดีสำ�หรับสูเจ้า สูเจ้าจะได้เข้าสวนสวรรค์ที่ใต้นั้นมีล�ำ น้ำ�หลายสาย ไหลผ่านและสูเจ้าจะได้พำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป นี่คือความสำ�เร็จอันสู สุด” 13 ในวันนั้น พวกตลบตะแลงทั้งชายและหญิงจะกล่าวแก่บรรดาผู้ ศรัทธาว่า “หันมามองเราบ้างสิ เพื่อที่เราจะได้ประโยชน์จากแสงสว่าง ของพวกท่านบ้าง” แต่พวกเขาจะถูกบอกว่า “ไปให้พ้น ไปหาแสงสว่าง ของพวกเจ้าในที่อื่น” หลังจากนั้นจะมีก�ำ แพงถูกยกขึ้นมากั้นระหว่างพวก เขา มันจะมีประตูบานหนึ่งที่ด้านในของมันจะเป็นความกรุณาและความ เมตตา และด้านนอกของมันจะเป็นการลงโทษ 14 บรรดาผู้ตลบตะแลงจะ ร้องเรียกบรรดาผู้ศรัทธาและกล่าวว่า “เราจะไม่ได้อยู่กับพวกท่านกระนั้น หรือ?” บรรดาผู้ศรัทธาจะตอบว่า “ใช่แล้ว แต่พวกเจ้าต่างหากที่ปล่อยตัว เองให้การเย้ายวน ความสงสัยและความหวังลมๆแล้งๆล่อลวงพวกเจ้า จนกระทั่งการตัดสินของพระเจ้าได้มาถึง ดังนั้น ผู้หลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ (ซาตาน)จึงได้หลอกลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับพระเจ้า” 15 ดังนั้น วันนี้ การ ไถ่โทษจะไม่เป็นที่ยอมรับจากสูเจ้าและจากบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม ที่ พำ�นักของสูเจ้าคือนรก มันจะเป็นผู้อยู่กับสูเจ้า และนี่คือปลายทางอันชั่ว ร้าย” 16 ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะ หวั่นกลัวด้วยการระลึกถึงพระเจ้าและการประทานสัจธรรม เพื่อที่พวก เขาจะได้ไม่เป็นเหมือนบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้าพวกเขาซึ่ง หลัง จากเวลาได้ผ่านเลยพวกเขาไปเนิ่นนานแล้ว หัวใจของพวกเขายังแข็ง กระด้างและตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่ได้เป็นผู้ฝ่าฝืน? 17 จงรู้ไว้เถิดว่า พระเจ้าทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินหลังจากที่มันตายไป เราได้แสดงสัญญาณ ต่างๆแก่สูเจ้าอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้เข้าใจ 18 แน่นอน ในบรรดาชายและหญิงผู้จ่ายทาน และผู้ให้การยืมที่ดีแก่ พระเจ้าจะได้รับการใช้คืนหลายเท่า และสำ�หรับพวกเขาคือรางวัลอันมี เกียรติ 19 สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและในบรรดาศาสนทูตของ

540

57. เหล็ก

พระองค์นั้น พวกเขาเป็นผู้เชื่อถือได้มากที่สุด และเป็นพยานที่แท้จริงใน สายตาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา สำ�หรับพวกเขาคือรางวัลตอบแทน และรัศมีของพวกเขา ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัญญาณต่างๆของเรานั้น พวก เขาคือชาวนรก 20 จงอย่าลืมว่าชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากการละเล่นและการ สนุกสนาน การอวดเครื่องประดับและการโอ้อวดกันในหมู่สูเจ้าและการ แข่งขันกันในความมั่งคั่งและลูกหลาน อุปมาของมันเหมือนกับพืชพันธุ์ ที่งอกเงยขึ้นมาหลังจากได้รับน้ำ�ฝนสร้างความดีใจให้แก่ชาวนาชาวไร่ หลังจากนั้น มันก็จะเหี่ยวเฉา แล้วสูเจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลือง หลัง จากนั้น มันจะกลายเป็นซากแห้งที่ไร้ค่า แต่ในปรโลกนั้นมีการลงโทษ อันแสนสาหัสและมีการอภัยโทษจากพระเจ้าและความโปรดปรานของ พระองค์ชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากการหลอกลวง 21 จงแข่งขัน กันไปสู่การอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและสวนสวรรค์ที่ความ กว้างใหญ่ไพศาลของมันเหมือนกับความกว้างใหญ่ไพศาลของชั้นฟ้า ทั้งหลายและแผ่นดินซึ่งถูกเตรียมไว้สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้า และในบรรดาศาสนทูตของพระองค์ นี่คือความโปรดปรานของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และความโปรดปราน ของพระองค์ไม่มีขอบเขต 22 ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดที่เกิดขึ้นในโลกนี้หรือในตัวสูเจ้าเองโดยที่ เราไม่ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ง่ายสำ�หรับ พระผู้เป็นเจ้า 23 เพื่อที่สูเจ้าจะได้ไม่ท้อแท้ใจในสิ่งที่สูเจ้าสูญเสียไปและ ไม่รู้สึกยินดีในสิ่งที่พระเจ้าประทานแก่สูเจ้า พระเจ้าไม่ทรงรักบรรดาผู้ โอหังและผู้คุยโตโอ้อวด 24 และผู้ที่ขี้เหนียวแล้วยังชักชวนให้คนอื่นขี้ เหนียวด้วย ตอนนี้ ใครก็ตามที่หันหลังให้ (จงรู้ไว้เถิดว่า) พระเจ้านั้นทรง พอเพียงและทรงควรค่าแก่การได้รับการสรรเสริญ 25 เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเรามาพร้อมกับหลักฐานและคัมภีร์

อัล-ฮะดีด

541

และตาชั่ ง แห่ ง ความเที่ ย งธรรมเพื่ อ ที่ ม นุ ษ ย์ จ ะได้ ป ฏิ บั ติ ใ นสิ่ ง ที่ เ ป็ น ความยุติธรรม เราได้ส่งเหล็กซึ่งมีความแข็งแกร่งและคุณประโยชน์ อื่นๆมากมายลงมาเพื่อมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้รู้ว่าใครช่วยเหลือ พระองค์แม้จะมองไม่เห็นและบรรดาศาสนทูตของพระองค์ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำ�นาจ 26 เราได้ส่งนูฮฺและอิบรอฮีมมาและเราได้ให้มีนบีและคัมภีร์แก่บรรดา ลูกหลานของทั้งสอง ดังนั้น ลูกหลานของพวกเขาจึงมีผู้ปฏิบัติตาม แนวทางที่ถูกต้อง แต่ส่วนมากของพวกเขาได้กลายเป็นผู้ฝ่าฝืน 27 หลัง จากพวกเขา เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเราคนแล้วคนเล่าและตามมา ด้วยอีซาบุตรของมัรฺยัม เราได้ประทานคัมภีร์อินญีลแก่เขาและเราได้ ทำ�ให้ความสงสารและความเมตตาเกิดขึ้นในหัวใจของบรรดาผู้ปฏิบัติ ตามเขา แต่เรามิได้ก�ำ หนดเรื่องการเป็นนักบวชถือสันโดษแก่พวก เขา พวกเขาอุตริคิดกันขึ้นมาเองเพื่อที่จะแสวงหาความโปรดปรานของ พระเจ้า แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติตามมันอย่างที่มันควร จะต้องได้รับการปฏิบัติตาม ดังนั้น เราจึงได้ประทานรางวัลแก่บรรดาผู้ ศรัทธาในหมู่พวกเขา แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน 28 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงศรัทธาในศาสนทูต ของพระองค์ พระเจ้าจะทรงประทานความเมตตาเป็นสองเท่าแก่สูเจ้า และจะประทานแสงสว่างแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้เดินไปในแสงสว่างนั้น และจะทรงอภัยโทษความผิดให้แก่สูเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ 29 ชาวคัมภีร์ต้องรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีอำ�นาจเหนือความ โปรดปรานของพระเจ้า ความโปรดปรานของพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ ของพระองค์ซึ่งพระองค์จะทรงประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และ พระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันหาที่สิ้นสุดมิได้

542

58. การอุทธรณ์

58. การอุทธรณ์

อัล-มุญาดะละฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 พระเจ้าทรงได้ยินคำ�พูดของผู้หญิงที่ก�ำ ลังอุทธรณ์ต่อเจ้าเกี่ยวกับเรื่อง สามีของนางและกำ�ลังร้องทุกข์ต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงได้ยินการสนทนา กันของสูเจ้าทั้งสอง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็นอยู่เสมอ 2 บรรดาผู้แยกตัวเองออกจากภรรยาของตนโดยการกล่าวว่า “สำ�หรับ ฉันเล้ว เธอเหมือนกับหลังของแม่ของฉัน” พวกเขาต้องรู้ว่าภรรยาของ พวกเขามิใช่แม่ของพวกเขา ไม่มีใครเป็นแม่ของพวกเขายกเว้นผู้ให้ กำ�เนิดพวกเขาเท่านั้น แน่นอน พวกเขากล่าวสิ่งที่น่ารังเกียจและกล่าว คำ�เท็จ พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงยกโทษให้เสมอ 3 บรรดาผู้แยก ตัวเองออกจากภรรยาโดยการเปรียบพวกนางกับแม่ของตนเองและหลัง จากนั้นต้องการที่จะกลับมายังสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไป จะต้องปล่อย ทาสคนหนึ่งให้เป็นอิสระก่อนที่ทั้งสองจะแตะต้องซึ่งกันและกัน นี่เป็นสิ่ง ที่สูเจ้าได้ถูกสั่งให้ท�ำ พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 4 และ คนที่ไม่สามารถหาทาสได้จะต้องถือศีลอดต่อเนื่องกันเป็นเวลาสองเดือน ก่อนที่ทั้งสองจะแตะต้องกัน และคนที่ไม่สามารถทำ�ได้ก็ต้องให้อาหาร คนยากจนหกสิบคน ที่สั่งเช่นนั้นก็เพื่อที่สูเจ้าจะได้ศรัทธาในพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์ นี่คือขอบเขตที่พระเจ้าได้ทรงกำ�หนดไว้ และ สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นคือการลงโทษอันเจ็บปวด 5 บรรดาผู้ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะได้รับความ อัปยศเช่นเดียวกับบรรดาคนก่อนหน้าพวกเขา เราได้ประทานวจนะที่ ชัดแจ้งลงมาแล้ว และสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะได้รับการลงโทษ อย่างน่าอัปยศ 6 ในวันที่พระเจ้าจะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นขึ้นอีกครั้ง

อัล-มุญาดะละฮฺ

543

หนึ่ง พระองค์จะบอกพวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ แม้พวกเขาได้ลืม มันไปแล้ว แต่พระเจ้าได้ทรงบันทึกการกระทำ�ทั้งหมดของพวกเขาไว้ ครบถ้วนแล้ว เพราะพระเจ้าทรงรู้เห็นทุกสิ่ง 7 เจ้าไม่รู้หรือว่าพระเจ้าทรงรู้ถึงทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน? ไม่มีการปรึกษากันอย่างลับๆระหว่างสามคนนอกจากพระองค์จะทรง เป็นที่สี่ในหมู่พวกเขา และไม่มีการปรึกษากันอย่างลับๆระหว่างห้า คนนอกจากพระองค์จะทรงเป็นเป็นที่หกในหมู่พวกเขา ไม่ว่าจะน้อย กว่านั้นหรือมากกว่านั้น พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะ อยู่ที่ไหน ในที่สุดแล้ว ในวันแห่งการพิพากษา พระองค์จะทรงบอกพวก เขาให้รู้ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ท�ำ ไป แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 8 เจ้า ไม่เห็นหรือว่าบรรดาผู้ถูกห้ามปรึกษากันอย่างลับๆยังทำ�ในสิ่งที่พวกเขา ถูกห้ามไว้อีก? พวกเขาแอบคุยกันในเรื่องบาปและการฝ่าฝืนและการ ไม่เชื่อฟังศาสนทูต และเมื่อพวกเขามาหาเจ้า พวกเขากล่าวทักทายเจ้า แต่ไม่ใช่ด้วยถ้อยคำ�ที่พระเจ้าใช้ และในใจนั้น พวกเขาประหลาดใจว่า “ ทำ�ไมพระเจ้าถึงไม่ลงโทษเราในสิ่งที่เรากล่าวไป?” นรกเป็นสิ่งที่เหมาะ สมสำ�หรับพวกเขา พวกเขาจะเป็นเชื้อเพลิงของมัน ช่างเป็นบั้นปลายที่ เลวร้ายจริงๆ 9 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าคุยกันเป็นการส่วนตัว จงอย่าแอบคุย กันในเรื่องของบาปและการฝ่าฝืนและการไม่เชื่อฟังศาสนทูต แต่จงพูด คุยกันในเรื่องการส่งเสริมคุณธรรมและความยำ�เกรงพระเจ้า และจงเกรง กลัวพระเจ้าซึ่งต่อหน้าพระองค์สูเจ้าทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน 10 แท้จริง การซ่องสุมกันวางแผนลับๆเป็นงานของซาตานเพื่อที่จะสร้าง ความทุกข์ใจให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา แต่มันไม่สามารถที่จะทำ�ร้ายพวก เขาได้เว้นเสียแต่พระเจ้าจะทรงอนุมัติ ขอให้บรรดาผู้ศรัทธาไว้วางใจใน พระเจ้าเท่านั้น 11 โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อมีการขอให้สูเจ้าเปิดช่องว่างให้อีกคนหนึ่ง

544

58. การอุทธรณ์

ในที่ชุมนุม สูเจ้าจงเปิดที่ให้ และพระเจ้าจะทรงจัดหาที่ให้แก่สูเจ้า และ เมื่อมีการขอให้สูเจ้าลุกขึ้น สูเจ้าจงลุกขึ้น จงทำ�ตามนั้น พระเจ้าจะทรง ยกตำ�แหน่งบรรดาผู้ศรัทธาและได้รับความรู้ในหมู่สูเจ้า พระองค์ทรงรู้ดี ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ�ไป 12 โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าปรึกษากับศาสนทูตเป็นการส่วน ตัว สูเจ้าจงให้อะไรบางสิ่งเป็นทานก่อนที่สูเจ้าจะปรึกษา นี่เป็นการดี กว่าสำ�หรับสูเจ้าและเป็นการบริสุทธิ์กว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสูเจ้าไม่ สามารถหาสิ่งใดมาให้เป็นทานได้ จงรู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ 13 สูเจ้ากลัวว่าก่อนที่สูเจ้าจะปรึกษาเป็นการส่วนตัว สูเจ้า จะ(ไม่สามารถ)จ่ายทานกระนั้นหรือ? หากสูเจ้าไม่สามารถทำ�เช่นนั้น ได้ พระองค์ได้ทรงอภัยให้สูเจ้าในเรื่องนี้แล้ว ดังนั้น สูเจ้าจงดำ�รงนมาซ และจ่ายซะกาตเป็นประจำ�และเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 14 เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้น�ำ เอาหมู่คนที่พระเจ้าทรงกริ้วมาเป็นมิตร กระนั้นหรือ? พวกเขาไม่ได้เป็นพวกสูเจ้าและมิได้เป็นพวกของพวกเขา ด้วย และพวกเขาสาบานต่อความเท็จโดยที่พวกเขารู้ 15 พระเจ้าทรง เตรียมการลงโทษอันแสนสาหัสไว้ส�ำ หรับพวกเขาแล้ว ความชั่วทั้งนั้น ที่พวกเขาได้ทำ�ไป 16 พวกเขาได้ใช้คำ�สาบานของพวกเขาเป็นสิ่งปิดบัง การทำ�ผิดของพวกเขาและพวกเขาขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้า ดังนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ 17 ความมั่งคั่งร่�ำ รวยของพวกเขาและลูกหลานของพวกเขาไม่อาจ ช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นไปจากพระเจ้าได้ พวกเขาเหล่านั้นเป็นชาว นรก พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดไป 18 วันที่พระเจ้าทรงให้พวกเขาฟื้น ขึ้นมาทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งนั้น พวกเขาจะสาบานต่อพระองค์ดังที่พวก เขาสาบานต่อสูเจ้า โดยพวกเขาคิดว่าคำ�สาบานของพวกเขาจะช่วย อะไรพวกเขาได้บ้าง แต่พวกเขาเป็นผู้โกหกทั้งสิ้น 19 ซาตานได้เข้าไปมี

อัล-ฮัชร์

545

อำ�นาจเหนือพวกเขาและได้ท�ำ ให้พวกเขาลืมการรำ�ลึกถึงพระเจ้า พวก เขาได้เข้าไปเป็นพลพรรคของซาตาน จงรู้ไว้เถิดว่าพรรคของซาตานนั้น เป็นพวกที่ขาดทุนอย่างแท้จริง 20 แน่นอน บรรดาผู้ฝ่าฝืนพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์นั้น(ในวันแห่งการพิพากษา)คือผู้ที่อยู่ในความ ต่ำ�ช้าน่าสงสารที่สุด 21 พระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้แล้วว่า : “ฉันและบรรดา ศาสนทูตของฉันจะชนะอย่างแน่นอนที่สุด” แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นผู้ทรง พลัง ทรงมีอำ�นาจสูงส่ง 22 เจ้าจะไม่พบหมู่ชนใดที่ศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้ายรักคนที่ ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ถึงแม้คนเหล่านั้นจะเป็นบิดา ของพวกเขาหรือลูกๆของพวกเขาหรือพี่น้องของพวกเขาหรือเครือญาติ ของพวกเขาก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ที่พระองค์ได้ทรงจารึกความ ศรัทธาไว้ในหัวใจของพวกเขาแล้วและได้ทำ�ให้พวกเขามีความเข้มแข็ง ด้วยวิญญาณจากพระองค์ พระองค์จะทรงรับพวกเขาเข้าสู่สวนสวรรค์ที่ ภายใต้นั้นมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านเพื่อให้พวกเขาพักอยู่ในนั้นตลอด ไป พระเจ้าทรงพึงพอพระทัยพวกเขาและพวกเขาก็ยินดีกับพระองค์ พวกเขาเป็นพรรคของพระเจ้า พึงรู้ไว้เถิดว่าพรรคของพระเจ้าเท่านั้นคือ ผู้ประสบความสำ�เร็จอย่างแท้จริง 59. การขับไล่

อัล-ฮัชร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินสดุดีพระเจ้า เพราะพระองค์ เท่านั้นคือผู้ทรงอำ�นาจและผู้ทรงปรีชาญาณ 2 พระองค์คือผู้ทรงขับไล่ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมในหมู่ชาวคัมภีร์ออกจากบ้านเรือนของพวกเขา

546

59. การขับไล่

ในการบุกครั้งแรก สูเจ้าไม่คิดว่าพวกเขาจะออกไปและพวกเขาเองก็คิด ว่าป้อมปราการของพวกเขาจะคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้ แต่ พระเจ้าได้มายังพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน และพระองค์ได้ ทรงสร้างความหวาดกลัวขึ้นในหัวใจของพวกเขาจนบ้านเรือนของพวก เขาพังทลายลงโดยมือของพวกเขาเองและมือของบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้น สูเจ้าจงจำ�ใส่ใจไว้ โอ้ผู้มีตาที่จะดู 3 ถ้าพระเจ้าไม่ได้ทรงกำ�หนดการเนรเทศไว้ส�ำ หรับพวกเขาไว้ พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาในโลกนี้แล้ว แต่ในโลกหน้านั้นมีการ 4 ลงโทษในนรกสำ�หรับพวกเขาอยู่อย่างแน่นอน ทั้งหมดนี้เพราะพวกเขา ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระเจ้าทรงเฉียบขาดในการ ลงโทษใครก็ตามที่ต่อต้านพระองค์ 5 ต้นอินทผลัมอะไรก็ตามที่สูเจ้าโค่น มันลงมาหรือที่สูเจ้าปล่อยให้มันยืนต้นอยู่บนรากของมันล้วนเป็นไปโดย อนุมัติของพระเจ้าเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อที่จะทำ�ให้บรรดาผู้ฝ่าฝืนได้รับความ อัปยศ 6 อะไรก็ตามที่พระเจ้าได้ทรงเอาจากพวกเขามาให้ศาสนทูตของ พระองค์ในฐานะเป็นทรัพย์เชลยนั้นมาจากความโปรดปรานของพระองค์ มิใช่สิ่งที่สูเจ้าควบม้าและอูฐออกไปเอามันมา แต่พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้ บรรดาศาสนทู ต ของพระองค์ มี อำ � นาจเหนื อ ผู้ ใ ดก็ ต ามที่ พ ระองค์ ท รง ประสงค์ และพระเจ้าทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 7 ทรัพย์สินอะไรก็ตามของ พวกชาวเมืองที่พระเจ้ามอบให้ศาสนทูตของพระองค์นั้นเป็นของพระเจ้า และศาสนทูตและญาติสนิทและเด็กกำ�พร้าและคนขัดสนและคนเดินทาง ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้ไม่เป็นทรัพย์สินของบรรดาผู้มั่งมีในหมู่สูเจ้าเท่านั้น ดังนั้น อะไรก็ตามที่ศาสนทูตให้สูเจ้า จงรับไว้ และอะไรก็ตามที่เขาห้าม สูเจ้าก็จงละเว้นเสีย จงเกรงกลัวพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเฉียบขาดใน การลงโทษ 8 มันเป็นของบรรดาผู้อพยพที่ยากจนซึ่งถูกขับไล่ออกมาจาก บ้านของพวกเขาและทรัพย์สินของพวกเขา เพราะพวกเขาแสวงหาความ

อัล-ฮัชร์

547

โปรดปรานจากพระเจ้าและความพอพระทัยจากพระองค์และพร้อมที่จะ ช่วยเหลือพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาเหล่านั้นคือผู้มีสัจจะ วาจา 9 บรรดาผู้ตั้งถิ่นฐานในเมือง(มะดีนะฮฺ)และมีความศรัทธามั่นอยู่ก่อน แล้วนั้น พวกเขารักบรรดาผู้ที่อพยพมายังพวกเขาและไม่มีความต้อง การใดๆในใจของพวกเขาสำ�หรับสิ่งที่พวกเขาได้รับและพวกเขาเห็น คนอื่นสำ�คัญกว่าตัวเองถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะขัดสนอยู่ก็ตาม และคน ที่ปกป้องตัวเองให้พ้นจากความโลภในตัวของเขาเองนั้น พวกเขาคือผู้ ประสบความสำ�เร็จโดยแท้จริง 10 บรรดาผู้ที่มา(เข้ารับความศรัทธา)หลัง จากพวกเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานอภัยแก่เรา และแก่พี่น้องของเราผู้เข้ารับความศรัทธาก่อนหน้าเรา และโปรดอย่าได้ ทรงให้มีความเคียดแค้นใดๆต่อบรรดาผู้ศรัทธาเกิดขึ้นในหัวใจของเรา ด้วยเถิด โอ้พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรง เมตตาเสมอ” 11 เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้ทำ�ตัวเป็นผู้ตลบตะแลงกระนั้นหรือ? พวกเขา กล่าวแก่บรรดาพี่น้องผู้ปฏิเสธของพวกเขาในหมู่ชาวคัมภีร์ว่า “ถ้าหาก พวกท่านถูกขับไล่ออกไป เราจะออกไปกับพวกท่านด้วย และเราจะไม่ ฟังผู้ใดเกี่ยวกับพวกท่าน และถ้าหากพวกท่านถูกโจมตี เราจะช่วยเหลือ ท่าน” แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานว่าพวกเขาเป็นผู้โกหก 12 ถ้าหากพวก เขาถูกขับไล่ คนเหล่านี้จะไม่มีวันออกไปกับพวกเขา และถ้าพวกเขาถูก โจมตี คนเหล่านี้จะไม่ช่วยเหลือพวกเขา และถึงแม้พวกเขาจะช่วยคน เหล่านี้ คนเหล่านี้จะหันหลังหนี แล้วพวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากที่ไหนเลย 13 พวกเขามีความหวาดหวั่นสูเจ้ามากกว่าพระเจ้าเสียอีก ทั้งนี้เพราะ พวกเขาเป็นผู้ไม่มีความเข้าใจ 14 พวกเขาจะไม่ออกมาต่อสู้สูเจ้าข้างนอก ถ้าพวกเขาจะสู้ พวกเขาจะสู้ในถิ่นที่ตั้งที่ได้รับการป้องกันอย่างแข็งแรง

548

59. การขับไล่

หรือไม่ก็จากหลังกำ�แพง พวกเขาเป็นศัตรูกันเองอย่างรุนแรง สูเจ้าคิด ว่าพวกเขารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในขณะที่หัวใจของพวกเขา แตกแยกกัน นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่ใช้สติปัญญา 15 เช่นเดียวกับบรรดาผู้คนก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ลิ้มรสผลชั่วจากสิ่ง ที่ตัวเองได้กระทำ�ไว้ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 16 พวก เขาเป็นเหมือนกับซาตานผู้บอกมนุษย์ว่า “จงปฏิเสธสัจธรรม” แต่เมื่อ มนุษย์ปฏิเสธสัจธรรมแล้ว มันก็กล่าวว่า “ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า ฉันกลัวพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก” 17 ดังนั้น จุดสุดท้ายของ พวกเขาทั้งสองคือพวกเขาจะได้อยู่ในนรกตราบนิรันดรกาล และนั่นคือ สิ่งตอบแทนสำ�หรับผู้ท�ำ ความผิด 18 โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงเกรงกลัวพระเจ้า และขอให้ทุกคนได้ พิจารณาถึงสิ่งที่ตัวเองได้ท�ำ ไว้ส�ำ หรับวันพรุ่งนี้ จงเกรงกลัวพระเจ้าเถิด เพราะพระเจ้านั้นทรงรู้ดีทุกอย่างถึงสิ่งที่สูเจ้าทำ� 19 จงอย่าเป็นเหมือน บรรดาผู้หลงลืมพระเจ้าและพระเจ้าทรงทำ�ให้พวกเขาหลงลืมตัวเอง(ผล ประโยชน์ที่แท้จริงของพวกเขาเอง) พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ฝ่าฝืน 20 ชาว นรกและชาวสวรรค์นั้นไม่เหมือนกัน ชาวสวรรค์เท่านั้นที่เป็นผู้ได้รับ ความสำ�เร็จที่แท้จริง 21 ถ้าหากเราส่งกุรอานนี้ลงมาบนภูเขา เจ้าจะได้เห็นมันพังทลายและ แตกออกเป็นเสี่ยงๆเพราะความกลัวพระเจ้า และนั่นเป็นการอุปมาที่เรา ได้นำ�มาแสดงให้มนุษย์ได้รู้เพื่อที่พวกเขาจะได้พิจารณา 22 พระองค์คือ พระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่เร้นลับและ สิ่งที่มองเห็น พระองค์เป็นผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตา 23 พระองค์คือ พระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ สูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งความปลอดภัย ผู้ทรงประทาน ความสันติ ผู้ทรงพิทักษ์ ผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปฏิบัติตามประกาศิต และ ผู้ทรงเป็นใหญ่เสมอ พระองค์ทรงบริสุทธิ์เหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับ

อัล-มุมตะฮะนะฮฺ

549

พระองค์ 24 พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงวางแผนการสร้าง ผู้ทรงทำ�ให้ มันเป็นไปตามนั้น ผู้ทรงทำ�ให้เป็นรูปร่าง ของพระองค์คือพระนามอัน ประเสริฐทั้งหลาย อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดี พระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจสูงสุดและผู้ทรงปรีชาญาณ 60. ผู้หญิงที่ถูกทดสอบ

อัล-มุมตะฮะนะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าเป็นมิตรกับศัตรูของฉันและศัตรู ของสูเจ้า สูเจ้าจะแสดงความเป็นมิตรแก่พวกเขาหรือในเมื่อพวกเขา ปฏิเสธสัจธรรมที่สูเจ้าได้รับแล้ว เมื่อพวกเขาขับไล่สูเจ้าและศาสนทูต (เพียง)เพราะสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้า พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้า ออกมาจากบ้านของสูเจ้าเพื่อจะต่อสู้ในหนทางของฉันและเพื่อแสวงหา ความโปรดปรานของฉันแล้ว สูเจ้าจะเป็นมิตรกับพวกเขาอย่างลับๆได้ อย่างไร? ฉันรู้ทุกอย่างที่สูเจ้าปกปิดและที่สูเจ้าทำ�โดยเปิดเผย ใครก็ตาม ในหมู่สูเจ้าที่ทำ�เช่นนี้ล้วนหลงผิดออกไปจากหนทางที่ถูกต้อง 2 ถ้าหาก พวกเขาเหนือกว่าสูเจ้า พวกเขาจะเป็นศัตรูต่อสูเจ้าและจะใช้มือและลิ้น ของเขาทำ�ร้ายสูเจ้า พวกเขาปรารถนาที่จะให้สูเจ้าละทิ้งความศรัทธา ของสูเจ้า 3 ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ความสัมพันธ์ทางเครือญาติและลูก หลานของสูเจ้าจะไม่ยังประโยชน์อันใดต่อสูเจ้า ในวันนั้น พระองค์จะทรง แยกแยะระหว่างสูเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงเห็นสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 4 แท้จริง สูเจ้ามีตัวอย่างที่ดีในอิบรอฮีมและบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาเมื่อ พวกเขากล่าวแก่คนของพวกเขาว่า “เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า เราขอปฏิเสธพวก

550

60. ผู้หญิงที่ถูกทดสอบ

ท่าน และระหว่างเรากับพวกท่านได้มีความเป็นศัตรูและความเกลียดชัง เกิดขึ้นตลอดไปจนกว่าพวกท่านจะศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว” (ยกเว้น) เมื่ออิบรอฮีมได้พูดกับพ่อของเขาว่า “ฉันจะวิงวอนขออภัยโทษ(ต่อ พระเจ้า)ให้ท่านถึงแม้ฉันจะไม่มีอำ�นาจใดๆที่จะช่วยท่านจากพระเจ้า ได้” พวกเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์เท่านั้นที่เรามอบ หมายความไว้วางใจและยังพระองค์เท่านั้นที่เราจะหันไปและยังพระองค์ เท่านั้นที่เราจะกลับไปในที่สุด 5 โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าทรง ทำ�ให้เราเป็นเหยื่อของบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเลย ขอพระองค์โปรดทรง อภัยเรา โอ้พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอำ�นาจและ ผู้ทรงปรีชาญาณ” 6 แน่นอน ในความประพฤติของคนเหล่านั้นมีตัวอย่าง อันดีงามสำ�หรับสูเจ้าและสำ�หรับทุกคนที่มีความหวังในพระเจ้าและใน วันสุดท้าย แต่ผู้ใดที่หันออกไปจากนี้ต้องรู้ว่าพระเจ้าทรงเพียงพอและ ทรงควรค่าแก่การสรรเสริญ 7 บางทีพระเจ้าอาจจะทรงทำ�ให้เกิดความ รักขึ้นระหว่างสูเจ้ากับบางคนในหมู่พวกเขาที่สูเจ้าถือว่าเป็นศัตรู เพราะ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพ และเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 8 พระเจ้ามิได้ทรงห้ามสูเจ้าทำ�ดีและปฏิบัติอย่างเป็นธรรมต่อบรรดา ผู้ที่มิได้ต่อสู้สูเจ้าในเรื่องของศาสนาและมิได้ขับไล่สูเจ้าออกจากบ้าน ของสูเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงรักผู้มีความยุติธรรม 9 แท้จริง พระเจ้าทรง ห้ามสูเจ้ามิให้เอาบรรดาผู้ต่อสู้สูเจ้าในเรื่องศาสนาและขับไล่สูเจ้าออก จากบ้านของสูเจ้าและช่วยเหลือกับคนอื่นในการขับไล่สูเจ้ามาเป็นเพื่อน เท่านั้น ส่วนคนที่เอาพวกเขาเหล่านั้นมาเป็นเพื่อน พวกเขาก็คือผู้ละเมิด 10 โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้อพยพมายังสูเจ้า จงตรวจ สอบพวกนางเสียก่อน ถึงแม้พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงความศรัทธาที่แท้จริง ของพวกนาง หลังจากนั้น เมื่อสูเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง แล้ว จงอย่าส่งพวกนางไปให้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม พวกนางไม่เป็นที่ อนุมัติสำ�หรับพวกเขาและพวกเขาก็ไม่เป็นที่อนุมัติสำ�หรับพวกนางอีก

อัล-มุมตะฮะนะฮฺ

551

ต่อไป จงส่งของขวัญแต่งงานที่พวกเขาให้แก่นางคืนกลับไปให้แก่สามี ผู้ปฏิเสธสัจธรรมของพวกนาง ไม่มีข้อตำ�หนิใดๆถ้าสูเจ้าจะแต่งงานกับ พวกนางเมื่อสูเจ้าได้จ่ายของขวัญแต่งงานให้แก่นางแล้ว และสูเจ้าจงอย่า เหนี่ยวรั้งหญิงผู้ปฏิเสธสัจธรรมไว้ในการแต่งงาน จงขอคืนสิ่งที่สูเจ้าได้ ให้แก่ภรรยาผู้ไม่ศรัทธาของสูเจ้า และจงให้บรรดาผู้ไม่ศรัทธาขอคืนสิ่ง ที่พวกเขาได้ให้แก่ภรรยามุสลิมของพวกเขา นี่คือคำ�บัญชาของพระเจ้า พระองค์ทรงตัดสินระหว่างสูเจ้าและพระองค์ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 11 ถ้าหากภรรยาคนใดของสูเจ้าหนีสูเจ้าไปหาบรรดาผู้ปฏิเสธ และต่อมา เมื่อถึงคราวของสูเจ้าบ้าง(โดยการที่ผู้หญิงของฝ่ายตรงข้ามมาหาสูเจ้า) สูเจ้าจงให้แก่คนที่ภรรยาของพวกเขาหนีไปในจำ�นวนเท่ากับที่พวกเขา ได้ให้พวกนางไป และจงเกรงกลัวพระเจ้าที่สูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาในพระองค์ เถิด 12 โอ้ นบี เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้มายังเจ้าเพื่อให้สัตย์ปฏิญาณจงรักภักดี และสัญญาว่าพวกนางจะไม่น�ำ สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า และจะไม่ ขโมย จะไม่ทำ�ชู้ จะไม่ฆ่าลูกของพวกนาง จะไม่สร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเพื่อ ใส่ร้ายผู้อื่น และจะไม่ฝ่าฝืนสูเจ้าในสิ่งที่ดี เจ้าจงรับการให้สัตย์ปฏิญาณ ของพวกนาง และจงวิงวอนต่อพระเจ้าให้ทรงอภัยพวกนาง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 13 โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงกริ้ว ผู้หมดหวังต่อวันปรโลกเช่นเดียวกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมที่กำ�ลังนอน อยู่ในสุสานอย่างสิ้นหวัง

552

������������

61. ตำ�แหน่ง

อัล-ศ็อฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดีพระเจ้า พระองค์ เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 2 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ทำ�ไมสูเจ้าจึง พูดในสิ่งที่สูเจ้าไม่กระทำ�? 3 สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดในทัศนะของพระเจ้าก็ คือสูเจ้าไม่ทำ�ในสิ่งที่สูเจ้าพูด 4 แท้จริง พระเจ้าทรงรักบรรดาผู้ต่อสู้ใน หนทางของพระองค์เป็นแถวเหมือนกับเป็นปราการที่แข็งแกร่ง* 5 จงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาได้พูดกับคนของเขาว่า “โอ้ พวกพ้องของ ฉัน ทำ�ไมพวกท่านถึงได้ท�ำ ร้ายฉันทั้งๆที่พวกท่านรู้ว่าฉันเป็นศาสนทูต คนหนึ่งที่พระเจ้าส่งมายังพวกท่าน?” ดังนั้น เมื่อพวกเขาหันเหออกไป พระเจ้าจึงได้ทรงทำ�ให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไปด้วย พระเจ้าไม่ ทรงนำ�ทางผู้ฝ่าฝืน 6 จงนึกถึงเมื่อตอนที่อีซาบุตรของมัรฺยัมได้กล่าวว่า : “ลูกหลานอิส รออีลทั้งหลาย ฉันเป็นศาสนทูตคนหนึ่งที่พระเจ้าได้ส่งมายังพวกท่าน เพื่อยืนยันเตารอตที่มาก่อนฉันและแจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตคนหนึ่งที่จะ มาหลังจากฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหมัด” แต่ถึงกระนั้น เมื่อเขา มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง พวกเขายังกล่าวว่า “นี่เป็น แค่ไสยศาสตร์” 7 ใครเล่าที่จะชั่วร้ายมากไปกว่าคนที่กล่าวเท็จเกี่ยวกับ พระเจ้าเมื่อเขากำ�ลังถูกเชิญชวนมาสู่การยอมจำ�นนต่อพระเจ้า? พระเจ้า ไม่ทรงนำ�ทางบรรดาผู้ทำ�ความผิดเหล่านั้น 8 พวกเขาหาทางที่จะดับ แสงสว่างของพระเจ้าด้วยปากของพวกเขา แต่พระเจ้าได้ทรงกำ�หนด ไว้แล้วว่าพระองค์จะให้แสงสว่างของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าบรรดาผู้ * ดูหน้า 14 – 17 ของบทนำ�

อัล-ญุมุอ๊ะฮฺ

553

ปฏิเสธสัจธรรมจะเกลียดชังแค่ไหนก็ตาม 9 พระองค์คือผู้ส่งศาสนทูตของ พระองค์มาพร้อมกับทางนำ�และศาสนาที่แท้จริงเพื่อที่จะทำ�ให้มันเหนือ กว่าศาสนาใดๆทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกบูชารูปเคารพจะเกลียดชังก็ตาม 10 โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จะให้ฉันบอกสูเจ้าถึงการต่อรองที่จะช่วยให้ สูเจ้ารอดพ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวดเอาไหม ? 11 นั่นคือ สูเจ้าจะต้อง ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และดิ้นรนต่อสู้ในหนทาง ของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำ�หรับ สูเจ้า ถ้าหากสูเจ้ารู้ 12 พระเจ้าจะทรงอภัยบาปแก่สูเจ้าและจะทรงรับสูเจ้า เข้าสู่สวรรค์ที่ใต้นั้นมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่านและจะประทานที่พำ�นักอัน แสนบรมสุขในสวนสวรรค์อันนิรันดรแก่สูเจ้า นี่คือความสำ�เร็จอันสูงสุด อย่างแท้จริง 13 พระองค์จะทรงประทานสิ่งอื่นๆที่สูเจ้าปรารถนาด้วย นั่น คือ การช่วยเหลือของพระเจ้าและชัยชนะ (โอ้นบี) จงแจ้งข่าวดีถึงเรื่องนี้ แก่บรรดาผู้ศรัทธา 14 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเป็นผู้ช่วยเหลือพระเจ้าดังที่อีซาบุตของมัรฺยัม ได้กล่าวแก่บรรดาสานุศิษย์ ของเขาว่า “ใครจะเป็นผู้ช่วยเหลือฉันใน หนทางของพระเจ้า?” บรรดาสานุศิษย์ได้ตอบว่า “เราคือผู้ช่วยเหลือของ พระเจ้า” ดังนั้น ลูกหลานของอิสราเอลบางคนจึงได้ศรัทธาและบางคนได้ ปฏิเสธ ดังนั้น เราจึงได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็ได้กลายเป็นผู้ชนะ 62. วันแห่งการชุมนุม

อัล-ญุมุอ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินต่างสดุดีพระเจ้าผู้ทรงมี อำ�นาจสูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์และผู้ทรงปรีชาญาณ 2 พระองค์คือผู้ทรงแต่ง

554

ตั้งศาสนทูตคนหนึ่งขึ้นมาในหมู่ผู้ไม่รู้หนังสือในหมู่พวกเขาเพื่อมาอ่าน วจนะทั้งหลายของพระองค์ให้แก่พวกเขาและขัดเกลาพวกเขาและสอน คัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวกเขาในขณะที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นผู้หลง อยู่ในความผิดอันชัดแจ้ง 3 และแก่คนอื่นๆจากในหมู่พวกเขาที่ยังไม่ได้ มาร่วมกับพวกเขา พระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 4 นั่นคือ ความโปรดปรานของพระเจ้า พระองค์ประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ เพราะพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ 5 บรรดาผู้ที่ได้รับเตารอตแล้ว แต่ไม่ได้ท�ำ ตามนั้นก็เหมือนกับลาที่ แบกหนังสือไว้ แต่ที่แย่กว่านั้นคือบรรดาผู้ถือว่าสัญญาณของพระเจ้าเป็น เท็จ พระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางผู้ทำ�ความผิดเช่นนั้น 6 จงบอกพวกเขาว่า “โอ้ ผู้ที่กลายเป็นยิวไปแล้วทั้งหลาย ถ้าหากพวกท่านอ้างว่าพวกท่านเท่านั้น ที่เป็นที่รักของพระเจ้า พวกท่านจงหาทางตายกันเถิด ถ้าหากพวกท่าน พูดจริง” 7 แต่ว่าพวกเขาไม่ปรารถนามันเพราะความผิดที่พวกเขาได้ส่ง ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว พระเจ้าทรงรู้จักบรรดาผู้ท�ำ ความผิดเหล่านี้เป็น อย่างดี 8 ดังนั้น จงบอกพวกเขาว่า “ความตายที่พวกท่านวิ่งหนีมันนั้น จะตามทันพวกท่านสักวันหนึ่ง หลังจากนั้น พวกท่านจะถูกนำ�ตัวไปยัง พระองค์ผู้ทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย และพระองค์จะบอกพวก ท่านถึงสิ่งที่พวกท่านได้ทำ�ไว้” 9 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าถูกเรียกไปสู่การนมาซวันศุกร์ จงรีบเร่ง ไปสู่การระลึกถึงพระเจ้าและจงละทิ้งการค้าขายเสีย นั่นเป็นการดีกว่า สำ�หรับสูเจ้าถ้าหากสูเจ้ารู้ 10 เมื่อการนมาซเสร็จสิ้นแล้ว สูเจ้าจงแยก ย้ายกันไปในแผ่นดินและแสวงหาความโปรดปรานของพระเจ้า 16 และจง ระลึกถึงพระเจ้าให้มากๆ เพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้รับความเจริญมั่งคั่ง 11 และ เมื่อพวกเขาเห็นการค้าและการละเล่น พวกเขาก็กรูกันไปหามันและทิ้ง ให้เจ้ายืนอยู่ จงบอกพวกเขาว่า “สิ่งที่อยู่กับพระเจ้านั้นดีกว่าการละเล่น และการค้า” และพระเจ้าคือผู้ประทานปัจจัยยังชีพที่ดีที่สุด

อัล—มุนาฟิกูน

555

63. พวกตลบตะแลง

อัล—มุนาฟิกูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 (โอ้ นบี) เมื่อพวกตลบตะแลงมายังเจ้า พวกเขากล่าวว่า “เราขอยืนยัน ว่าท่านเป็นศาสนทูตของพระเจ้า” พระเจ้าทรงรู้ว่าเจ้าเป็นศาสนทูตของ พระองค์จริง แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานว่าพวกตลบตะแลงเหล่านี้เป็นผู้ โกหก 2 พวกเขากล่าวคำ�สัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นโล่ก�ำ บัง แล้วพวกเขา ขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้า ความชั่วแท้ๆสำ�หรับสิ่งที่พวกเขา กระทำ� 3 นั่นเพราะว่าพวกเขาศรัทธาและหลังจากนั้นพวกเขาก็ปฏิเสธ ความศรัทธาของพวกเขา ดังนั้น หัวใจของพวกเขาจึงถูกปิดผนึกจนพวก เขาไม่เข้าใจสิ่งใด 4 เมื่อเจ้าเห็นพวกเขา รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาดูน่าประทับใจ เมื่อพวกเขาพูด เจ้าก็อยากจะฟังสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในความจริงแล้ว พวกเขาเหมือนกับท่อนไม้ที่พิงกำ�แพง พวกเขาคิดว่าเสียงตะโกนทุก เสียงนั้นมุ่งตรงไปที่พวกเขา พวกเขาคือศัตรูที่แท้จริง ดังนั้น จงระวังพวก เขาให้ดี ขอพระเจ้าทรงทำ�ลายพวกเขา พวกเขาหลงผิดไปได้อย่างไร กันนี่! 5 เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า “มาเถิด ศาสนทูตของพระเจ้าจะวิงวอน ขออภัยให้พวกท่าน” พวกเขาส่ายหัวและเจ้าจะเห็นพวกเขาหันหลังด้วย ความยโสโอหัง 6 (โอ้ นบี) ไม่ว่าเจ้าจะวิงวอนขอการอภัยโทษหรือไม่ มันไม่มีอะไรต่างกันสำ�หรับพวกเขา พระเจ้าจะไม่ทรงอภัยโทษพวกเขา เพราะพระเจ้าไม่ทรงนำ�ทางผู้ฝ่าฝืน 7 พวกเขาคือผู้กล่าวว่า “จงอย่าให้สิ่งใดแก่บรรดาผู้ปฏิบัติตามศาสน ทูตของพระเจ้าจนกว่าพวกเขาจะทิ้งเขาไป” ทั้งๆที่พระเจ้าทรงเป็น เจ้าของคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แต่พวกตลบตะแลงไม่เข้าใจ

556

และพวกเขากล่าวว่า “เมื่อเรากลับไปยังมะดีนะฮฺ (เรา)พวกที่มีเกียรติ จะขับไล่พวกที่ต�่ำ ต้อย(หมายถึงมุสลิมที่ยากจน)ออกไปจากเมือง” ทั้งๆที่ เกียรตินั้นเป็นของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา แต่พวกตลบตะแลงไม่รู้ 9 โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าให้ทรัพย์สินของสูเจ้าและลูกหลานของ สูเจ้าทำ�ให้สูเจ้าหันห่างออกจากการะลึกถึงพระเจ้า บรรดาผู้ที่ท�ำ เช่น นั้นคือผู้ขาดทุนอย่างแท้จริง 10 และจงใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่ สูเจ้าก่อนที่ความตายจะมายังคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้า แล้วเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาล หากพระองค์ทรงผ่อนผันให้ฉันอีกสักระยะหนึ่ง ฉันจะ บริจาคทานและฉันจะเป็นผู้ทำ�ความดี” 11 แต่พระเจ้าจะไม่ทรงผ่อนผัน ให้คนใดเมื่อวาระของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว และพระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้า กระทำ� 8

64. การขาดทุนและกำ�ไร

อัล-ตะฆอบุน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินกำ�ลังสดุดีพระเจ้า ของ พระองค์คืออำ�นาจสูงสุดและของพระองค์คือการสรรเสริญและพระองค์ ทรงมีอำ�นาจเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด 2 พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้า แต่แล้ว บางคนของสูเจ้ายังเป็นผู้ปฏิเสธความจริงนี้และบางคนเป็นผู้ศรัทธา(ใน เรื่องนี้) พระเจ้าทรงเฝ้าดูสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 3 พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์หนึ่ง พระองค์ได้ทรงทำ�ให้สูเจ้าเป็น รูปร่างและทำ�ให้รูปร่างของสูเจ้าดีเลิศ ยังพระองค์ที่สูเจ้าจะต้องกลับไป ในที่สุด 4 พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์

อัล-ตะฆอบุน

557

ทรงรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้าปิดบังและทุกสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผย และพระองค์ทรงรู้ทุก สิ่งที่อยู่ในหัวใจของสูเจ้า 5 สูเจ้าไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมก่อนหน้านี้และ หลังจากนั้นได้ลิ้มรสผลชั่วจากการกระทำ�ของพวกเขาไปแล้วกระนั้น หรือ? พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 6 นั่นเป็นเพราะบรรดา ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดเจนแล้ว แต่พวกเขากล่าวว่า “แค่มนุษย์ธรรมดานี่หรือที่จะมาเป็นผู้น�ำ ทางเรา?” ดังนั้น พวกเขาจึงได้ปฏิเสธสัจธรรมและหันหลังให้ ดังนั้น พระเจ้าจึงไม่ ต้องการพวกเขา พระเจ้าทรงมีเพียงพอไม่ต้องอาศัยใครและทรงควรค่า แก่การสรรเสริญ 7 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมยืนยันว่าพวกเขาจะไม่มีวันถูกทำ�ให้ฟื้น ขึ้นจากความตาย จงบอกพวกเขาว่า “อย่ากระนั้นเลย ขอสาบานด้วย พระเจ้าของฉัน พวกท่านจะถูกทำ�ให้ฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน หลังจากนั้น พวกท่านจะถูกบอกว่าพวกท่านได้ทำ�อะไรไป และนี่เป็นเรื่องง่ายสำ�หรับ พระเจ้า” 8 ดังนั้น จงศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และใน แสงสว่างที่เราได้ประทานลงมา พระเจ้าทรงรอบรู้ในสิ่งที่สูเจ้ากระทำ� 9 เมื่อพระองค์จะรวบรวมสูเจ้าเข้าด้วยกันในวันแห่งการชุมนุมนั้น นั่น เป็นวันแห่งการขาดทุนและกำ�ไร ใครที่ศรัทธาในพระเจ้าและทำ�ความ ดี พระเจ้าจะทรงลบล้างบาปของเขาออกไปและจะรับเขาเข้าไว้ในสวน สวรรค์ ซึ่ ง ใต้ นั้ น มี ลำ � น้ำ � หลายสายไหลผ่ า นเพื่ อ พำ � นั ก อยู่ ใ นนั้ น ตลอด ไป นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ 10 ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและถือว่า สัญญาณทั้งหลายของเราเป็นเท็จนั้นจะเป็นชาวนรกที่อยู่ในนั้นตลอดไป และนั่นเป็นจุดหมายที่เลวร้ายที่สุด 11 ไม่มีทุกข์ภัยเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้นอกไปจากโดยอนุมัติของพระเจ้า ใครที่ศรัทธาในพระองค์ พระองค์จะทรงนำ�ทางหัวใจของเขา พระเจ้าทรง รอบรู้ทุกสิ่ง 12 จงเชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูต แต่ถ้าหากสูเจ้า

558

65. การหย่า

หันหลังให้การเชื่อฟัง จงจำ�ไว้ว่าศาสนทูตของเรารับผิดชอบแค่การนำ� สาสน์ที่ชัดเจนมาบอกต่อเท่านั้น 13 พระเจ้าคือผู้ที่ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกไปจากพระองค์ ดังนั้น ขอให้บรรดาผู้ศรัทธามอบความไว้วางใจใน พระองค์ 14 บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย (แม้แต่)ภรรยาบางคนของสูเจ้าและลูกหลาน ของสูเจ้าก็เป็นศัตรูของสูเจ้า ดังนั้น จงระวังพวกเขา แต่ถ้าหากสูเจ้าให้ อภัยและยกโทษ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ15 ทรั พ ย์ สิ น ของสู เ จ้ า และลู ก หลานของสู เ จ้ า มิ ใ ช่ อื่ น ใดนอกไปจากการ ทดสอบ และพระเจ้าเท่านั้นที่มีรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่อยู่กับพระองค์ 16 ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าเท่าที่สูเจ้าจะสามารถทำ�ได้ และจงฟังและ จงเชื่อฟังและจงใช้จ่ายทรัพย์สินของสูเจ้า มันเป็นผลดีต่อสูเจ้าเอง และ ผู้ใดปกป้องตนเองให้พ้นจากความโลภของพวกเขา พวกเขาจะประสบ ความสำ�เร็จ 17 ถ้าหากสูเจ้าให้การยืมที่ดีแก่พระเจ้า พระองค์จะทรงจ่าย คืนให้สูเจ้าเป็นหลายเท่าและจะทรงอภัยความผิดให้สูเจ้า พระเจ้าทรง เห็นคุณค่าความดีงามและทรงผ่อนปรน 18 พระเจ้าทรงรู้ในสิ่งเร้นลับและ สิ่งเปิดเผย ผู้ทรงอำ�นาจและผู้ทรงปรีชาญาณ 65. การหย่า

อัล-เฎาะลาก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 โอ้ นบี เมื่อเจ้า(และบรรดาผู้ศรัทธา)หย่าภรรยา จงหย่าพวกนางตาม ระยะเวลาแห่งการรอคอยของพวกนางที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ และจงนับระยะ เวลาแห่งการรอคอยนั้นให้ถูกต้อง จงเกรงกลัวพระเจ้า พระผู้อภิบาล ของสูเจ้า และจงอย่าไล่นางออกจากบ้านของพวกนาง(ในระหว่างเวลา

559

รอคอย) และนางเองจะต้องไม่ทิ้งพวกเขาไป ยกเว้นในกรณีที่พวกนาง ทำ�สิ่งลามกอย่างเปิดเผย นี่คือขอบเขตที่กำ�หนดโดยพระเจ้า และใครที่ ละเมิดขอบเขตของพระเจ้า เขาก็อธรรมต่อตัวของเขาเอง เจ้าไม่รู้หรอก ว่าหลังจากนี้แล้วบางทีพระเจ้าอาจจะทำ�ให้มีสถานการณ์ใหม่บางอย่าง (การประนีประนอม)เกิดขึ้น 2 หลังจากนั้น เมื่อระยะเวลาแห่งการรอ คอยสิ้นสุดแล้ว จงรั้งตัวพวกนางไว้อย่างมีเกียรติหรือไม่ก็ให้พวกนาง จากไปอย่างมีเกียรติ และจงให้มีพยานผู้เป็นธรรมสองคนในหมู่สูเจ้าเป็น พยานอย่างเที่ยงธรรมเพื่อพระเจ้า นี่เป็นการตักเตือนสำ�หรับบรรดาผู้ ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย ใครก็ตามที่เกรงกลัวพระเจ้าในสิ่งที่เขา ทำ� พระเจ้าจะหาทางออก(จากความยุ่งยาก)ให้แก่เขา 3 และพระเจ้าจะ ประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากสิ่งที่เขาไม่คาดคิด พระเจ้าเพียงพอแล้ว สำ�หรับผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระองค์ พระเจ้าทรงทำ�ให้สิ่งที่ถูกกำ�หนดไว้ เป็นไปตามนั้น พระเจ้าได้กำ�หนดชะตากรรมไว้ส�ำ หรับทุกสิ่งแล้ว 4 ในกรณีของภรรยาของสูเจ้าที่ผ่านวัยมีประจำ�เดือนแล้ว ถ้าสูเจ้ามี ความสงสัยใดๆ จงรู้ไว้เถิดว่าระยะเวลาการรอคอยของพวกนางคือสาม เดือน และนี่ก็ใช้กับผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำ�เดือนเช่นกัน สำ�หรับผู้หญิงที่ ตั้งครรภ์นั้น ระยะเวลาของพวกนางสิ้นสุดลงเมื่อพวกนางได้คลอดทารก ที่อยู่ในครรภ์ของพวกนาง และใครก็ตามที่เกรงกลัวพระเจ้า พระองค์จะ ทรงทำ�ให้เรื่องของเขาง่ายดายสำ�หรับเขา 5 นี่คือคำ�บัญชาของพระเจ้าซึ่ง พระองค์ได้ประทานมายังสูเจ้า ใครก็ตามที่เกรงกลัวพระเจ้าจะได้รับการ ให้อภัยบาปและได้รับรางวัลตอบแทนอย่างมากมาย 6 จงให้ผู้หญิง(ที่อยู่ในระหว่างเวลารอคอย)อาศัยอยู่ในลักษณะเดียว กับที่สูเจ้าอาศัยอยู่ตามฐานะของสูเจ้า และจงอย่าทำ�ร้ายพวกนางเพื่อ ทำ�ให้พวกนางอยู่อย่างลำ�บาก ถ้าหากพวกนางตั้งครรภ์ จงเลี้ยงดูพวก นางจนกระทั่งพวกนางคลอดบุตร หลังจากนั้น ถ้าหากพวกนางให้นม ลูกของสูเจ้า จงให้ค่าตอบแก่พวกนาง และจงปรึกษา(ปัญหาเรื่องค่า

560

65. การหย่า

ตอบแทน)ร่วมกันด้วยดี แต่ถ้าหากสูเจ้าต่างสร้างภาระให้กันและกัน (เกี่ยวกับปัญหาเรื่องค่าตอบแทน) จงให้หญิงอื่นให้นมทารกนั้น 7 ขอให้ คนรวยใช้จ่ายตามฐานะของเขาและขอให้คนที่ปัจจัยของตนจำ�กัดจำ�เขี่ย ใช้จ่ายจากสิ่งที่พระเจ้าประทานแก่เขา พระเจ้าไม่ได้สร้างภาระแก่ผู้ใด ในสิ่งที่เกินกว่าพระองค์ได้ประทานแก่เขา ไม่ช้า พระเจ้าจะให้เกิดความ สบายหลังจากความลำ�บาก 8 กี่เมืองแล้วที่ฝ่าฝืนคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลของมันและศาสน ทูตของพระองค์ และเราได้เรียกพวกเขามาชำ�ระบัญชีอย่างเข้มงวดและ ลงโทษพวกเขาอย่างแสนสาหัส 9 ดังนั้น พวกเขาจึงได้ลิ้มรสผลชั่วจาก การกระทำ�ของพวกเขา และผลสุดท้ายก็คือพวกเขาไม่มีอะไรนอกไปจาก ความหายนะที่มีไว้ส�ำ หรับพวกเขา 10 พระเจ้าได้ทรงเตรียมการลงโทษ อันรุนแรงไว้สำ�หรับพวกเขาแล้ว ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า โอ้บรรดาผู้ มีสติปัญญาที่มีความศรัทธา พระเจ้าได้ส่งผู้ตักเตือนมายังสูเจ้า 11 และ ศาสนทูตคนหนึ่งที่นำ�สาสน์อันชัดเจนของพระเจ้ามายังสูเจ้าเพื่อที่เขาจะ ได้นำ�บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีออกจากความมืดมาสู่แสงสว่าง ใครก็ตามที่ศรัทธาในพระเจ้าและกระทำ�ความดี พระเจ้าจะทรงรับเขาเข้า สู่สวรรค์ซึ่งภายใต้นั้นมีล�ำ น้�ำ หลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้อยู่ในนั้น ตลอดไป พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมปัจจัยอันดีเลิศไว้ส�ำ หรับเขาแล้ว 12 พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินจำ�นวนที่เท่ากัน คำ�บัญชาของพระองค์ลงมาท่ามกลางพวกมัน ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้รู้ว่า พระเจ้าทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่งและความรู้ของพระเจ้านั้นครอบคลุมทุก สิ่งทุกอย่าง

อัล-ตะฮฺรีม

561

66. การห้าม

อัล-ตะฮฺรีม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 โอ้ นบี ทำ�ไมเจ้าจึงทำ�ให้สิ่งที่พระเจ้าทรงอนุมัติเป็นที่ต้องห้ามสำ�หรับ เจ้าเพื่อทำ�ให้ภรรยาของเจ้าพึงพอใจ? แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตา 2 พระเจ้าได้ทรงให้แนวทางแก้คำ�สาบานให้เจ้าแล้ว พระเจ้า ทรงเป็นนายเจ้า และพระองค์เท่านั้นคือผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 3 ครั้งหนึ่ง นบีได้บอกความลับแก่ภรรยาคนหนึ่งของเขา แต่นางไม่ รักษาความลับนั้นและเมื่อพระเจ้าได้ทรงบอกให้นบีได้รู้เรื่องนี้ นบีจึงได้ บอกส่วนหนึ่งให้เป็นที่รู้กันและหลีกเลี่ยง(ที่จะเอ่ยถึง)อีกส่วนหนึ่ง เมื่อ เขาพูดกับภรรยาของเขาถึงเรื่องนี้ นางได้ถามว่าใครเป็นคนบอกเรื่องนี้ แก่เขา นบีตอบว่า “ผู้ทรงรู้ทุกสิ่งและผู้ทรงรอบรู้ได้บอกให้ฉันรู้” 4 ถ้าหาก สูเจ้าทั้งสอง(ผู้หญิง)สำ�นึกผิดหันกลับไปหาพระเจ้า (มันจะเป็นการดีกว่า สำ�หรับสูเจ้า) เพราะหัวใจของสูเจ้าทั้งสองได้คล้อยไปทางนั้นแล้ว แต่ถ้า หากสูเจ้าทั้งสองร่วมมือกันต่อต้านนบี สูเจ้าทั้งสองควรรู้ว่าพระเจ้าเป็น ผู้ทรงคุ้มครองเขา และหลังจากพระองค์ ญิบรีลรวมทั้งบรรดาผู้ศรัทธาที่ ดีและบรรดาทูตสวรรค์ยังเป็นผู้ติดตามและให้ความช่วยเหลือเขาอีกด้วย 5 ถ้าหากนบีหย่าสูเจ้าทั้งสอง พระเจ้าจะหาภรรยาที่ดีกว่าแก่เขาแทน สูเจ้าทั้งสอง ภรรยาที่เป็นผู้ยอมจำ�นน(ต่อพระเจ้า) มีความศรัทธา เชื่อฟัง อดทน อุทิศตนในการเคารพสักการะและมั่นคงในการถือศีลอด ไม่ว่าจะ เคยแต่งงานมาแล้วหรือเป็นหญิงบริสุทธิ์ก็ตาม 6 โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงปกป้องคุ้มครองตัวของสูเจ้าเองและครอบครัว ของสูเจ้าให้พ้นจากไฟนรกที่เชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และหินซึ่งข้างบน นั้นจะมีทูตสวรรค์ที่เข้มงวดดุดันเฝ้าอยู่ ทูตสวรรค์เหล่านี้ไม่เคยฝ่าฝืน

562

66. การห้าม

คำ�บัญชาของพระเจ้าและจะทำ�ตามที่ได้ถูกบัญชา 7 โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรม วันนี้สูเจ้าอย่าได้มาแก้ตัวเลย สูเจ้ากำ�ลังได้รับการตอบแทน สำ�หรับสิ่งที่สูเจ้าได้ท�ำ ไว้ 8 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงหันกลับมายังพระเจ้าและขออภัยต่อพระเจ้า ด้วยความจริงใจเถิด บางทีพระเจ้าจะให้อภัยความผิดของสูเจ้าและรับ สูเจ้าเข้าสู่สวรรค์ซึ่งเบื้องล่างนั้นมีล�ำ น้ำ�หลายสายไหลผ่าน มันเป็นวันที่ พระเจ้าจะไม่ทำ�ให้นบีและบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่กับเขาได้รับความอัปยศ รัศมีของพวกเขาจะส่องสว่างทางเบื้องหน้าพวกเขาและทางด้านขวาของ พวกเขา และพวกเขาจะกล่าวว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทำ�ให้ แสงสว่างของเราสมบูรณ์สำ�หรับพวกเราและโปรดทรงอภัยแก่เรา แท้จริง พระองค์ทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง” 9 โอ้ นบี จงใช้ความพยายามให้ถึงที่สุดต่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม และพวกตลบตะแลง และจงแข็งกร้าวกับพวกเขา ที่พ�ำ นักของพวกเขา คือนรกและมันเป็นที่พำ�นักอันชั่วช้ายิ่ง 10 พระเจ้าทรงยกเอาภรรยาของ นูฮฺและลูฏขึ้นมาเป็นตัวอย่างสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม พวกนาง แต่งงานกับบ่าวผู้ดีงามทั้งสองของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อสามี ของนาง และเขาทั้งสองไม่สามารถช่วยอะไรนางจากพระเจ้าได้ นางทั้ง สองได้ถูกกล่าวว่า “จงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับคนอื่นๆที่จะเข้าไปในนั้น เถิด” 11 และสำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธา พระเจ้าได้ทรงยกเอาภรรยาของฟาโรห์ มาเป็นตัวอย่างเมื่อนางได้วิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน โปรดทรง สร้างบ้านที่ใกล้พระองค์ในสวนสวรรค์ให้แก่ฉันและปกป้องคุ้มครองฉัน จากฟาโรห์และการกระทำ�ที่ชั่วร้ายของเขา และโปรดทรงช่วยฉันจาก พวกคนชั่วด้วยเถิด” 12 และตัวอย่างของนางมัรฺยัมลูกสาวของอิมรอนซึ่ง ปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง ดังนั้น เราจึงได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไป

อัล-มุลก์

563

ในตัวนาง และนางได้ยืนยันวจนะของพระผู้อภิบาลของนางและคัมภีร์ ของพระองค์ว่าเป็นความจริง และนางเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เชื่อฟัง 67. อำ�นาจสูงสุด

อัล-มุลก์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ มหาจำ�เริญยิ่งคือพระองค์ ผู้ซึ่งอำ�นาจสูงสุดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงมีอำ�นาจเหนือทุกสิ่ง 2 ผู้ทรงสร้างความตายและชีวิต เพื่อที่พระองค์จะทดสอบสูเจ้าและดูว่าในหมู่สูเจ้านั้นใครดีที่สุดในด้าน การงาน พระองค์เป็นผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงให้อภัย 3 ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้า ทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆ สูเจ้าจะไม่เห็นความผิดพลาดใดๆในการสร้างของพระ ผู้ทรงกรุณา ดังนั้น ลองหันกลับมาดูซิว่าสูจ้าเห็นช่องโหว่ตรงไหนบ้าง? 4 หลังจากนั้น จะหันกลับมาดูแล้วดูอีกก็ได้ แล้วสิ่งที่สูเจ้าเห็นจะทำ�ให้ สูเจ้าสับสนและท้อแท้ 5 เราได้ประดับประดาฟ้าชั้นต่ำ�สุดด้วยประทีป และเราได้ท�ำ ให้มันไว้ เพื่อขับไล่บรรดาซาตาน สำ�หรับซาตานเหล่านี้ เราได้เตรียมไฟที่ลุกโชน ไว้ส�ำ หรับพวกมันแล้ว 6 บรรดาผู้คิดจะกล่าวร้ายพระผู้อภิบาลของพวก เขานั้นจะได้รับการลงโทษของนรกซึ่งเป็นที่จุดหมายปลายทางอันชั่วร้าย 7 เมื่อพวกเขาถูกโยนเข้าไปในนั้น พวกเขาจะได้ยินเสียงคำ�รามของมัน ขณะที่มันกำ�ลังเดือด 8 เหมือนกับการระเบิดด้วยความโกรธ ทุกครั้งที่คน พวกหนึ่งถูกโยนลงไปในนั้น ผู้เฝ้านรกจะถามว่า “ไม่มีผู้ตักเตือนมายัง สูเจ้ากระนั้นหรือ?” 9 พวกเขาตอบว่า “ผู้ตักเตือนได้มายังเราแล้ว แต่เรา ปฏิเสธเขาและกล่าวว่า ‘ พระเจ้าไม่ได้ส่งสิ่งใดมา พวกท่านต่างหากที่ หลงผิดอย่างหนัก’” 10 พวกเขากล่าวอีกว่า “ถ้าพวกเราเพียงแค่ฟังหรือ 1

564

����������������

เข้าใจ เราจะไม่ต้องมาเป็นชาวนรกเช่นนี้” 11 แล้วพวกเขาได้ยอมรับบาป ของพวกเขา ดังนั้น ชาวนรกนี่เองที่ห่างไกลจากความเมตตาของพระเจ้า 12 สำ�หรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาโดยที่มองไม่ เห็นนั้น พวกเขาจะได้รับการให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันใหญ่หลวง 13 ไม่ว่าสูเจ้าจะปิดบังคำ�พูดของสูเจ้าหรือพูดออกมาดังๆพระองค์ทรงรู้ ความลับที่อยู่ในหัวอกของสูเจ้า 14 เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ทรงสร้างจะไม่รู้ สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาในเมื่อพระองค์เป็นผู้ทรงรู้อย่างถี่ถ้วนและทรง รอบรู้? 15 พระองค์คือผู้ทรงทำ�ให้แผ่นดินเป็นประโยชน์ส�ำ หรับสูเจ้า ดังนั้น จงเดินไปตามขอบเขตของมันและจงกินสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ ให้ และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมา 16 สูเจ้ารู้สึกปลอดภัย ว่าพระองค์ผู้อยู่ในชั้นฟ้าจะไม่ทำ�ให้สูเจ้าถูกสูบจมลงไปใต้ดินและทำ�ให้ แผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือนในทันทีกระนั้นหรือ? 17 สูเจ้ารู้สึกปลอดภัยหรือว่า พระองค์ผู้อยู่ในชั้นฟ้าจะไม่ส่งพายุที่นำ�ก้อนหินมากระหน่ำ�ใส่สูเจ้าเพื่อ ที่สูเจ้าจะได้รู้ว่าการเตือนของฉัน(เป็นจริง)อย่างไร? 18 บรรดาผู้คนก่อน หน้าพวกเขาก็ปฏิเสธ(สัจธรรม)เช่นกัน ดังนั้น จงดูว่าการปฏิเสธพวกเขา ของฉันยิ่งใหญ่เพียงใด 19 พวกเขาไม่เห็นนกที่กางปีกและหุบปีกของมันเหนือพวกเขากระนั้น หรือ? ไม่มีใครที่ทำ�ให้พวกมันลอยอยู่นอกจากผู้ทรงกรุณา แท้จริง พระองค์ทรงเฝ้ามองทุกสิ่ง 20 ใครที่จะมาป้องกันสูเจ้าเหมือนกองทัพ นอกจากพระผู้ทรงกรุณา ความจริงแล้ว บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้นล้วน หลงอยู่ในการหลอกลวงชัดๆ 21 ผู้ใดที่สามารถจัดหาปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า ถ้าหากพระองค์ทรงยับยั้งปัจจัยของพระองค์? ความจริงแล้ว คนเหล่านี้ ล้วนดึงดันอยู่ความโอหังและการหลงออกไปจากสัจธรรม 22 จงพิจารณาดูว่าคนที่เดินก้มหน้าไม่มองอะไรจะเป็นผู้อยู่ในหนทาง ที่ถูกต้องกว่า หรือผู้ที่เดินตัวตรงอยู่บนหนทางที่ราบรื่น? 23 จงบอกพวก

อัล-เกาะลัม

565

เขาเถิดว่า “พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างสูเจ้าและทรงทำ�ให้สูเจ้ามีความสามารถ ได้ยินและเห็นและประทานหัวใจแก่สูเจ้าเพื่อคิดและทำ�ความเข้าใจ แต่ น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ” 24 จงบอกพวกเขาเถิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ทรง แพร่ขยายสูเจ้าไปในแผ่นดินและสูเจ้าจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันกลับไป ยังพระองค์(ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ) 25 พวกเขากล่าวว่า “เมื่อใดที่สัญญานี้จะเป็นจริงถ้าหากสิ่งที่ท่านพูด เป็นความจริง?” 26 จงบอกพวกเขาว่า “พระเจ้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ฉันเป็น เพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น” 27 แต่เมื่อพวกเขาเห็นมันใกล้เข้ามา ใบหน้าของ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจะบิดเบี้ยว และตอนนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า “นี่เป็น สิ่งที่สูเจ้าร้องขออยู่ไง” 28 จงบอกพวกเขาว่า “พวกท่านเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าพระเจ้าทำ�ลายฉันและบรรดาผู้ที่อยู่กับฉัน หรือประทานความเมตตา แก่เรา แล้วใครเล่าจะช่วยเหลือบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมเหล่านี้ให้พ้นจาก การลงโทษอันเจ็บปวดได้?” 29 จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พระองค์คือผู้ทรง กรุณา เราศรัทธาในพระองค์และเรามอบหมายต่อพระองค์ ในไม่ช้า พวก ท่านจะได้รู้ว่าใครที่อยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง” 30 จงบอกพวกเขาเถิด ว่า “พวกท่านเคยพิจารณาบ้างหรือไม่ว่าถ้าน้�ำ ในบ่อน้ำ�ของพวกท่านซึม หายไปในแผ่นดิน ใครเล่าที่จะนำ�น้ำ�ที่ไหลท้นกลับมาให้ท่านอีก?” 68. ปากกา

อัล-เกาะลัม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ นูน ขอสาบานด้วยปากกาและทุกสิ่งที่พวกเขาเขียน 2 ด้วยความโปรดปราน ของพระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้าไม่ใช่คนบ้า 3 แน่นอนที่สุด สำ�หรับเจ้ามี 1

566

68. ปากกา

รางวัลอันไม่สิ้นสุด 4 เพราะเจ้านั้นถูกยกย่องให้มีลักษณะอันมีเกียรติ สูงส่ง 5 ในไม่ช้า เจ้าจะได้เห็นเช่นเดียวกับพวกเขา 6 ว่าผู้ใดในหมู่สูเจ้า เสียสติ 7 แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้านั้นทรงรู้ดีที่สุดถึงบรรดาผู้หลงไป จากทางของพระองค์ และทรงรู้ดีที่สุดถึงบรรดาผู้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง 8 ดังนั้น จงอย่าปฏิบัติตามบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 9 ความจริงแล้ว พวกเขาต้องการให้เจ้าโอนอ่อนผ่อนตามลงมาสักเล็กน้อย แล้วพวกเขาก็ จะยอมโอนอ่อนผ่อนตาม 10 จงอย่าปฏิบัติตามผู้ชอบสบถสาบานที่ต่ำ�ช้า 11 หรือผู้นินทาและกล่าวร้ายผู้อื่น 12 หรือผู้ขัดขวางความดีและผู้ฝ่าฝืน 13 ผู้ชั่วช้าหยาบคายและผู้กดขี่ และเหนืออื่นใดเป็นผู้ต�่ำ ช้าโดยกำ�เนิด 14 เพียงเพราะพวกเขามีทรัพย์สินมั่งคั่งและมีลูกมาก 15 เมื่อวจนะของเรา ได้ถูกอ่านให้เขาฟัง เขากล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องปรัมปรามาตั้งแต่โบราณ” 16 ในไม่ช้า เราจะตีตราเขาบนปลายจมูก 17 เราได้ทดสอบพวกเขาเช่นเดียวกับที่เราได้ทดสอบเจ้าของสวนแห่ง หนึ่งเมื่อพวกเขาสาบานว่าจะเก็บผลไม้ในสวนของพวกเขาในตอนเช้า 18 และพวกเขาไม่ได้มีข้อยกเว้นใดๆไว้(สำ�หรับเจตนารมณ์ของพระเจ้า) 19 ดังนั้น ในขณะที่พวกเขาหลับในตอนกลางคืน หายนะภัยจากพระผู้ อภิบาลของเจ้าก็ได้มาทำ�ลายสวนนั้น 20 จนแผ่นดินโล่งเตียนเหมือนกับ ได้ถูกเก็บเกี่ยวไปเรียบร้อยแล้ว 21 ในตอนเช้า พวกเขาต่างพากันร้อง ตะโกนต่อกันว่า 22 “รีบไปที่สวนของพวกท่านโดยเร็วถ้าหากพวกท่าน ต้องการจะเก็บผลไม้” 23 ดังนั้น พวกเขาจึงพากันออกไปและต่างกระซิบ กันว่า 24 “อย่าให้พวกคนยากจนเข้าไปในสวนวันนี้” 25 พวกเขาเร่งรีบ ออกไปแต่เช้าโดยคิดว่าพวกเขามีอ�ำ นาจที่จะป้องกัน 26 แต่เมื่อพวกเขา เห็นสวน พวกเขาได้กล่าวว่า “เราหลงทางแล้ว 27 เปล่าเลย พวกเราได้ รับความหายนะต่างหาก” 28 ผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันไม่ได้บอกท่านให้สดุดีพระเจ้ากระนั้นหรือ?” 29 พวกเขาจึงกล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง เราทำ�ผิดไปแล้ว” 30 แล้ว

อัล-เกาะลัม

567

พวกเขาก็หันไปตำ�หนิต่อกันและกัน 31 พวกเขากล่าวว่า “วิบัติแล้วเรา พวกเราทำ�อะไรกันเกินเลยขอบเขตไปแล้ว” 32 บางที พระผู้อภิบาลของ เราจะให้สวนที่ดีกว่านี้แก่เราแทนก็ได้ แท้จริง เราจะกลับไปหาพระองค์” 33 นั่นเป็นการลงโทษ(ในชีวิตนี้) แต่การลงโทษแห่งโลกหน้านั้นยิ่งใหญ่ กว่ามากนักหากพวกเขารู้ 34 แน่นอน สำ�หรับผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะได้รับรางวัลตอบแทนด้วย สวนสวรรค์อันบรมสุข 35 จะให้เราปฏิบัติต่อบรรดาผู้ศรัทธาเช่นเดียวกับ ที่เราปฏิบัติต่อผู้ท�ำ ผิดกระนั้นหรือ ? 36 เกิดอะไรขึ้นกับสูเจ้า สูเจ้าตัดสิน เช่นนั้นได้อย่างไร? 37 หรือสูเจ้ามีคัมภีร์ที่บอกสูเจ้า 38 ว่าสูเจ้าจะได้รับ สิ่งที่สูเจ้าเลือกไว้? 39 หรือสูเจ้ามีสัญญาที่ผูกพันเราจนกระทั่งถึงวันฟื้น คืนชีพว่าสูเจ้าจะได้รับสิ่งที่สูเจ้าเรียกร้องต้องการ? 40 จงถามพวกเขาซิ ว่าคนไหนในหมู่พวกเขาจะประกันสิ่งนี้? 41 หรือพวกเขามีสิ่งที่เป็นภาคี อื่นๆ(นอกไปจากพระเจ้า)? หากเป็นเช่นนั้น จงให้พวกเขานำ�เอาภาคี พระเจ้าของพวกเขามาถ้าหากพวกเขาพูดจริง 42 เมื่อวันที่สัจธรรมถูกตีแผ่ พวกเขาจะถูกเรียกมาให้ก้มกราบ แต่ พวกเขาจะไม่สามารถก้มลงกราบได้ 43 ตาของพวกเขาจะละห้อย พวก เขาจะตกอยู่ในสภาพหมดหวังอย่างน่าเวทนา พวกเขาเคยถูกเรียกให้ก้ม กราบเมื่อพวกเขาอยู่ในสภาพที่ดี (แต่พวกเขาไม่เชื่อฟัง) 44 ดังนั้น โอ้นบี จงปล่อยเรื่องของบรรดาผู้ปฏิเสธสาสน์นี้ไว้ให้ฉัน เราจะนำ�พวกเขาไปสู่ ความหายนะทีละขั้นโดยที่พวกเขาคิดไม่ถึง 45 ฉันจะผ่อนผันให้พวกเขา เพราะแผนการของฉันนั้นทรงพลังอำ�นาจยิ่ง 46 เจ้าขอสิ่งตอบแทนบางอย่างจากพวกเขาเพื่อที่หนี้ของพวกเขา จะได้เบาลงกระนั้นหรือ? 47 พวกเขามีความรู้ในเรื่องสิ่งเร้นลับจนพวก เขาบันทึกมันไว้กระนั้นหรือ? 48 ดังนั้น จงอดทนรอคำ�บัญชาของพระ ผู้อภิบาลของเจ้าและจงอย่าเป็นดังเช่นคนที่ถูกกลืนเข้าไปในท้องปลา (นบียูนุส)ร้องออกมาด้วยความระทมทุกข์ 49 หากมิใช่เพราะพระผู้

568

69. เวลาที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อภิบาลของเขาทรงเมตตาเขา เขาคงถูกโยนไปยังชายฝั่งที่ห่างไกลแล้ว 50 แต่พระผู้อภิบาลของเขาได้ทรงเลือกเขาไว้และรวมเขาไว้ในบรรดา ผู้ทำ�ความดีแล้ว 51 เมื่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมได้ยินคำ�ตักเตือน พวก เขาเขม็งมองเจ้าด้วยสายตาที่ชั่วร้ายจนทำ�ให้เจ้าต้องสะดุด และพวกเขา กล่าวว่า “เขาเป็นคนบ้าแน่ๆ” 52 แต่ถึงกระนั้น มันเป็นคำ�ตักเตือนต่อ มนุษยชาติ 69. เวลาที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อัล-ฮากเก๊าะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 2 อะไรคือเวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้? 3 และ อะไรที่จะทำ�ให้เจ้ารู้ว่าเป็นเวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้? 4 ชาวษะมูดและ ชาวอ๊าดปฏิเสธความหายนะแบบฉับพลันที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขามาแล้ว 5 ชาวษะมูดได้ถูกทำ�ลายโดยพายุฟ้าร้องและฟ้าแลบอย่างรุนแรง 6 ส่วน ชาวอ๊าดถูกทำ�ลายโดยพายุรุนแรงโหมกระหน่�ำ 7 พระเจ้าได้ทรงให้มัน พัดกระหน่ำ�ใส่พวกเขาเป็นเวลาเจ็ดคืนแปดวันต่อเนื่องกัน เพื่อที่เจ้าจะ ได้เห็นพวกเขานอนตายเกลื่อนกลาดเหมือนกับลำ�ต้นอินทผลัมกลวงที่ ล้มลงมา 8 ตอนนี้เจ้าเห็นผู้ใดในหมู่พวกเขาเหลือรอดบ้างไหม? 9 ฟาโรห์ และคนก่อนหน้าเขาและเมืองที่ถูกคว่ำ�ทำ�ลายได้ทำ�บาปอันยิ่งใหญ่เช่น เดียวกัน 10 พวกเขาไม่เชื่อฟังศาสนทูตของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดัง นั้น พระองค์จึงได้ทรงลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง 11 เมื่อน้�ำ ท่วมสูงขึ้น ผิดปกติ เราได้น�ำ สูเจ้าทั้งหลายขึ้นมาไว้ในเรือลำ�ใหญ่ 12 เพื่อที่เราจะได้ ทำ�ให้เหตุการณ์นี้เป็นการตักเตือนสำ�หรับสูเจ้าและเพื่อที่หูที่สำ�เหนียกจะ ได้จ�ำ 1

อัล-ฮากเก๊าะฮฺ

569

เมื่อแตรได้ถูกเป่าขึ้นครั้งหนึ่ง 14 แผ่นดินและภูเขาจะถูกยกขึ้น กระแทกกันเป็นเสี่ยงๆในทีเดียว 15 ในวันนั้น เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่จะเกิด ขึ้น 16 ในวันนั้น ชั้นฟ้าจะแตกออกและระบบของมันจะหลุดออกจากกัน 17 บรรดาทูตสวรรค์จะอยู่ข้างๆนั้นและทูตสวรรค์แปดองค์จะทูนบัลลังก์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าไว้ 18 นั่นเป็นวันที่สูเจ้าจะถูกนำ�มาสู่การตัดสิน และไม่มีความลับใดๆของสูเจ้าที่จะถูกซ่อนเร้นอีกต่อไป* 19 หลังจากนั้น คนที่ได้รับบันทึกในมือขวาของเขาจะกล่าวว่า “นี่ ไงบันทึกของฉัน มาอ่านมันสิ 20 ฉันรู้ว่าฉันจะได้รับบัญชีของฉันอย่าง แน่นอน” 21 แล้วเขาจะมีชีวิตอันบรมสุข 22 ในสวนสวรรค์อันสูงส่ง 23 ที่ ผลไม้กระจายให้เด็ดอยู่แค่เอื้อม 24 เราจะบอกเขาว่า “จงกินและดื่มอย่าง มีความสุขในฐานะรางวัลตอบแทนสำ�หรับสิ่งที่สูเจ้าได้ทำ�ไว้ในวันที่ผ่าน มา” 25 ส่วนผู้ที่ได้รับบันทึกในมือซ้ายของเขานั้น เขาจะกล่าวว่า “ฉัน ไม่อยากที่จะได้รับบันทึกของฉัน 26 และไม่อยากจะรู้ว่าบัญชีของฉัน เป็นอย่างไรเลย 27 ฉันอยากจะให้ความตายของฉันเป็นอันสิ้นสุดทุกสิ่ง 28 ทรัพย์สินของฉันไม่สามารถช่วยเหลืออะไรฉันได้เลย 29 อำ�นาจของ ฉันหมดสิ้นแล้ว” 30 (จะมีค�ำ สั่งว่า) “จงเอาตัวเขาไปและล่ามโซ่คอเขาไว้ 31 แล้วโยนเขาเข้าไปในนรก 32 แล้วล่ามเขาไว้ด้วยโซ่ยาวเจ็บสิบศอก 33 เพราะเขาไม่ศรัทธาในพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ 34 และเขาไม่ส่งเสริมการ เลี้ยงอาหารคนยากจน 35 ดังนั้น วันนี้เขาจะไม่มีเพื่อนที่นี่ 36 และไม่มีอา หารใดๆนอกจากของเสียที่ไหลออกมาจากแผล 37 ที่ไม่มีใครกินนอกจาก ผู้ทำ�บาป * โลกปัจจุบันได้ถูกทำ�ให้เป็นที่ทดสอบมนุษย์ เมื่อระยะเวลาการ ทดสอบสิ้นสุดลง โลกนี้จะถูกทำ�ลายและโลกใหม่ที่ถูกออกแบบให้ตอบ สนองความต้องการใหม่จะถูกสร้างขึ้น ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในขณะ นี้ปรากฏให้เห็นโดยทางอ้อม แต่ในตอนนั้น ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจะ ปรากฏให้เป็นที่ประจักษ์โดยตรง 13

570

70. ทางขึ้นข้างบน

ไม่เลย ฉันขอสาบานด้วยสิ่งทั้งหลายที่สูเจ้าเห็น 39 และด้วยสิ่งที่ สูเจ้ามองไม่เห็น 40 ว่านี่คือวจนะของศาสนทูตผู้ทรงเกียรติ 41 มันไม่ใช่ ถ้อยคำ�ของกวี แต่น้อยนักที่สูเจ้าศรัทธา 42 และมันไม่ใช่คำ�พูดของพวก พ่อมดหมอผี แต่น้อยนักที่สูเจ้าไตร่ตรอง 43 มันคือสิ่งที่ถูกประทานมา จากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 44 และถ้าเขาสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเกี่ยว กับเรา 45 เราจะจับเขาที่มือขวา 46 และตัดเส้นเลือดคอของเขา 47 แล้วจะ ไม่มีผู้ใดในหมู่สูเจ้าสามารถยับยั้งเราได้ 48 และนี่เป็นสิ่งตักเตือนสำ�หรับ บรรดาผู้ยำ�เกรง 49 เรารู้ดีว่าบางคนในหมู่สูเจ้าปฏิเสธสัญญาณของเรา 50 สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น มันเป็นสาเหตุแห่งความสิ้นหวัง 51 และนี่ คือสัจธรรมอันชัดเจน 52 ดังนั้น จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาลผู้ทรง ยิ่งใหญ่ของเจ้า 38

70. ทางขึ้นข้างบน

อัล-มะอาริจญ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ครั้งหนึ่ง มีคนผู้สงสัยร้องขอให้การลงโทษเกิดขึ้นทันที 2 แก่บรรดาผู้ ปฏิเสธสัจธรรม ไม่มีอำ�นาจใดสามารถขัดขวางพระเจ้า 3 จากการลงโทษ พวกเขา พระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลแห่งทางขึ้นไปสู่ข้างบน 4 ซึ่ง บรรดาทูตสวรรค์และวิญญาณจะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งยาวนาน เป็นเวลาห้าหมื่นปี 5 ดังนั้น (โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา) จงอดทนด้วยการอดทน ที่ดี 6 พวกเขาคิดว่ามัน(วันแห่งการพิพากษา)เป็นเรื่องที่ยังห่างไกล 7 แต่ เราเห็นว่ามันใกล้อยู่แค่เอื้อม 8 ในวันนั้น ชั้นฟ้าทั้งหลายจะเป็นเหมือน ทองเหลืองที่ถูกหลอมละลาย 9 และภูเขาทั้งหลายจะปลิวว่อนเหมือนขน สัตว์หลากสี 10 และมิตรสหายจะไม่ถามถึงกัน 11 ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็น

อัล-มะอาริจญ์

571

กันก็ตาม คนทำ�ผิดยินดีที่จะไถ่ตัวเองจากการลงโทษของวันนั้นโดยยอม ยกลูกๆของเขา 12 ภรรยาของเขา พี่น้องของเขา 13 ญาติใกล้ชิดของเขา ผู้ให้ที่พักอาศัยแก่เขา 14 และผู้คนทั้งหมดของโลกเป็นค่าไถ่ที่จะช่วยเขา ให้รอดพ้น 15 แต่ไม่มีทาง มันจะมีเปลวเพลิงลุกโชน 16 ที่ไหม้กินผิวหนังของเขา 17 มันจะเรียกทุกคนที่หันหลัง(ให้ความศรัทธาที่ถูกต้อง)และหันห่างออก ไป(จากสัจธรรม) 18 และสะสมทรัพย์สมบัติและป้องกันมันไว้ 19 แท้จริง มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเป็นผู้ที่ไม่อดทน 20 เมื่อความทุกข์ยากลำ�บากเกิด ขึ้นกับเขา เขาก็กลัดกลุ้มตีโพยตีพาย 21 แต่เมื่อความดีมาประสบแก่เขา เขาก็กลายเป็นผู้ตระหนี่ 22 นอกจากบรรดาผู้ท�ำ นมาซ 23 ผู้ที่มั่นคงและ ดำ�รงการนมาซอยู่เป็นประจำ� 24 บรรดาผู้ที่ในทรัพย์สินของเขามีส่วน หนึ่งที่กำ�หนดไว้ 25 สำ�หรับบรรดาผู้เอ่ยขอและผู้ขัดสน 26 ผู้เชื่อมั่นในวัน แห่งการตอบแทน 27 ผู้ประหวั่นต่อการลงโทษของพระผู้อภิบาลของพวก เขา 28 เพราะไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยจากการลงโทษของพระผู้อภิบาลของ พวกเขา 29 ผู้ปกป้องสิ่งอันพึงสงวนของพวกเขา 30 ยกเว้นกับภรรยาของ พวกเขาและบรรดาผู้หญิงที่อยู่ในการครอบครองของพวกเขาโดยชอบ ธรรม ในกรณีเช่นนี้ พวกเขาจะไม่ถูกตำ�หนิ 31 แต่บรรดาผู้เลยเถิดไป จากนี้คือผู้ล่วงละเมิด 32 บรรดาผู้รักษาสิ่งที่พวกเขาได้รับมอบหมายและ รักษาสัญญาของพวกเขา 33 ผู้ยืนยันในการเป็นพยานที่แท้จริง 34 และ ผู้ดูแลการนมาซของพวกเขาอย่างเคร่งครัด 35 พวกเขาจะได้อยู่อย่างมี เกียรติในสวนสวรรค์อันหลากหลาย 36 มีอะไรเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมที่วิ่งกระหืดกระหอบมายัง เจ้า 37 จากทางด้านขวาและด้านซ้ายเป็นกลุ่มๆกระนั้นหรือ ? 38 ทุก คนในหมู่พวกเขาอยากจะถูกรับเข้าไปในสวนสวรรค์อันบรมสุขกระนั้น หรือ? 39 ไม่มีทางหรอก พวกเขารู้ว่าเราสร้างพวกเขามาจากอะไร 40 ไม่ใช่เช่นนั้นเลย ฉันขอสาบานต่อพระผู้อภิบาลแห่งทิศตะวันออก

572

71. โนอาห์

และทิศตะวันตกทั้งหลายว่าเรามีอ�ำ นาจ 41 ที่จะเอาคนที่ดีกว่าพวกเขามา แทนพวกเขา ไม่มีใครที่จะมาขัดขวางเราได้ 42 ดังนั้น จงปล่อยพวกเขา ให้หมกมุ่นอยู่การพูดคุยอันไร้สาระและการละเล่นจนกว่าพวกเขาจะพบ วันของพวกเขาซึ่งได้ถูกสัญญาไว้ 43 วันที่พวกเขาจะกรูกันออกมาจาก หลุมฝังศพเช่นเดียวกับที่พวกเขาแข่งขันกันไปยังเป้าหมายของพวกเขา 44 ด้วยสายตาละห้อยและใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความอัปยศ นั่นคือวันที่ พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้ 71. โนอาห์

นูฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เราได้ส่งนูฮฺลงมายังหมู่ชนของเขา โดยกล่าวว่า “จงเตือนผู้คนของเจ้า ก่อนที่การลงโทษอันเจ็บปวดจะมาถึงพวกเขา” 2 เขา(นูฮฺ)กล่าวว่า “ โอ้ หมู่ชนของฉัน ฉันคือผู้ตักเตือนที่ชัดแจ้งของพวกท่าน 3 (ฉันขอเตือน ว่า) พวกท่านจงเคารพสักการะพระเจ้า(องค์เดียวเท่านั้น)และจงเกรงกลัว พระองค์และจงเชื่อฟังฉัน 4 พระองค์จะทรงอภัยบาปของพวกท่าน และ จงทรงผ่อนผันเวลาให้พวกท่านจนถึงเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้ เมื่อเวลาที่ พระเจ้ากำ�หนดไว้มาถึง มันไม่อาจเลื่อนออกไปได้อีกแล้ว ถ้าหากพวก ท่านรู้” 5 นูฮฺวิงวอนว่า “โอ้พระผู้อภิบาล ฉันได้เรียกร้องผู้คนของฉันทั้ง กลางคืนและกลางวัน 6 แต่การเรียกร้องของฉันมีแต่ท�ำ ให้พวกเขาหลีก หนีมากขึ้น 7 ทุกครั้งที่ฉันเรียกร้องพวกเขาเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงให้ อภัยพวกเขา พวกเขากลับเอานิ้วอุดหูของพวกเขาและเอาผ้าปิดหน้า ของพวกเขา และยิ่งดื้อรั้นแสดงความยโสโอหัง 8 ดังนั้น ฉันจึงได้เชิญ ชวนพวกเขาอย่างเปิดเผย 9 และพูดกับพวกเขาต่อหน้าผู้คนและในที่

573

ส่วนตัว” 10 ฉันได้บอกว่า “จงขอการอภัยโทษต่อพระผู้อภิบาลของพวก ท่านเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัยโทษ 11 พระองค์จะส่งฝนลง มายังท่านอย่างมากมาย 12 และจะทรงเพิ่มพูนทรัพย์สินและลูกหลานแก่ พวกท่าน จะทรงสร้างสวนมากมายให้แก่พวกท่าน และจะประทานแม่น้ำ� แม่น้ำ�หลายสายแก่พวกท่าน 13 พวกท่านเป็นอะไรไปซิ จึงปฏิเสธความ ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า 14 ทั้งๆที่พระองค์ได้ทรงสร้างสูเจ้าเป็นขั้นตอน? 15 พวกท่านไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆ อย่างไร? 16 และทรงทำ�ให้ดวงจันทร์ในชั้นฟ้าเป็นแสงสว่างและดวง อาทิตย์เป็นตะเกียง? 17 พระเจ้าได้ทรงทำ�ให้พวกท่านเติบโตออกมาจาก ผืนดิน 18 หลังจากนั้น พระองค์จะนำ�พวกท่านกลับมายังแผ่นดินนั้นอีก และจะทรงนำ�พวกท่านออกมาจากมันอีก 19 และพระเจ้าได้ทรงแผ่ขยาย แผ่นดินนี้ออกไปเพื่อพวกท่าน 20 เพื่อที่พวกท่านจะได้เดินไปในหนทาง ต่างๆที่เปิดกว้าง?” 21 นูฮฺกล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน พวกเขาไม่เชื่อฟังฉันและ ปฏิบัติตามบรรดา(พวกหัวหน้า)ที่ทรัพย์สินและลูกหลานของพวกเขามี แต่จะทำ�ให้พวกเขาหายนะมากขึ้น 22 พวกเขาได้วางแผนการใหญ่กันไว้ 23 พวกเขากล่าวว่า ‘จงอย่าละทิ้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พวกท่านเคารพ บูชาและจงอย่าทิ้งวัดด์และสุวาอ์และยะฆูซและยะอูกและนัซร์’ 24 พวก เขาได้ทำ�ให้ผู้คนมากมายหลงผิดและทำ�ให้ผู้ทำ�ผิดมีแต่หลงผิดมากขึ้น” 25 ดั้งนั้น พวกเขาจึงถูกน้ำ�ท่วมตายและถูกส่งไปยังนรกเพราะบาปทั้ง หลายของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่พบผู้ช่วยเหลือใดๆที่จะช่วยพวกเขา ให้พ้นจากพระเจ้าได้ 26 นูฮฺได้วิงวอนว่า : “โอ้พระผู้อภิบาล ขอพระองค์อย่าได้ปล่อยให้ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมหลงเหลือไว้บนแผ่นดินนี้เลย 27 ถ้าหากพระองค์ ทรงปล่อยพวกเขาไว้ พวกเขาจะนำ�บ่าวของพระองค์ไปสู่การหลงผิด และพวกเขาจะไม่ให้กำ�เนิดผู้ใดนอกไปจากผู้ทำ�บาปและผู้ปฏิเสธเท่านั้น

574

72. ญิน

โอ้พระผู้อภิบาล โปรดให้อภัยแก่ข้าพระองค์และพ่อแม่ของข้าพระองค์ และผู้ที่เข้ามาในบ้านของข้าพระองค์ในฐานะผู้ศรัทธา และแก่ผู้ศรัทธาทั้ง ชายและหญิง และโปรดอย่าได้เพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่ผู้ทำ�ผิดเหล่านั้นนอก ไปจากความหายนะด้วยเถิด” 28

72. ญิน

อัล-ญิน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 จงกล่าวเถิดว่า “ได้มีการประทานวจนะมายังฉันว่าญินหมู่หนึ่งได้มาฟัง (กุรอาน)และพวกมันกล่าวว่า ‘เราได้ยินการอ่านอันมหัศจรรย์ 2 ที่นำ�เรา ไปยังหนทางที่ถูกต้อง ดังนั้น เราจึงศรัทธาในกุรอานและตอนนี้เราจะไม่ เอาผู้ใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระผู้อภิบาลของเรา” 3 และ “ความยิ่งใหญ่ ของพระผู้อภิบาลของเรานั้นสูงส่ง พระองค์ทรงไม่มีภรรยาและมีบุตร 4 และ(ตอนนี้เรารู้ว่า) พวกคนโง่ในหมู่พวกเรากำ�ลังกล่าวสิ่งเลวร้ายเกี่ยว กับพระเจ้า 5 เราคิดว่ามนุษย์และญินไม่อาจที่จะกล่าวเท็จต่อพระเจ้าได้ 6 มนุษย์บางคนเคยขอความคุ้มครองจากพวกญินบางตนในอดีต นั่นจึง ทำ�ให้พวกมันยโสโอหังมากขึ้น 7 พวกมันคิดเช่นเดียวกับที่สูเจ้าคิดว่า พระเจ้าจะไม่ท�ำ ให้ใครฟื้นขึ้นมาจากความตาย 8 เราได้พยายามขึ้นไป ยังชั้นฟ้าทั้งหลาย แต่เราพบว่ามันเต็มไปด้วยผู้คุ้มกันที่แข็งแรงและเปลว ไฟมากมาย 9 ก่อนหน้านี้ เราเคยมีที่นั่งในชั้นฟ้าเพื่อแอบฟัง แต่ตอนนี้ ถ้าใครแอบฟัง ผู้นั้นจะพบกับเปลวไฟที่คอยพุ่งใส่เขา 10 เราไม่สามารถ บอกได้ว่าความชั่วบางอย่างมีไว้สำ�หรับผู้ที่อาศัยอยู่บนโลกหรือพระผู้ อภิบาลของพวกเขาต้องการที่จะนำ�ทางพวกเขา 11 ในหมู่พวกเรามีบาง ตนที่ดีขณะที่บางตนก็ไม่ดี พวกเราปฏิบัติตามแนวทางที่ต่างกัน 12 เรา

575

ตระหนักดีว่าเราไม่สามารถหนีรอดไปจากพระเจ้าได้ทั้งในโลกนี้และโลก หน้า 13 เมื่อเราได้ยินการเรียกร้องไปสู่ทางนำ� เราก็ศรัทธาในทางนำ�นั้น ผู้ใดที่ศรัทธาในพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะไม่กลัวการขาดทุนและความ ไม่เป็นธรรม 14 ในหมู่พวกเรานั้นมีบางตนเป็นผู้เชื่อฟังและบางตนเป็นผู้ ทำ�ผิด ผู้ใดที่เชื่อฟังจะพบหนทางที่ถูกต้อง 15 แต่บรรดาผู้ทำ�ผิดจะกลาย เป็นเชื้อเพลิงสำ�หรับนรก’” 16 ถ้าพวกเขาปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง เราจะประทานฝนแก่พวก เขาอย่างอุดมสมบูรณ์ 17 เพื่อที่เราจะทดสอบพวกเขาโดยความอุดม สมบูรณ์นั้น และผู้ใดที่หันห่างออกไปจากการระลึกถึงพระผู้อภิบาลของ เขา พระองค์จะทรงลงโทษเขาอย่างแสนสาหัส 18 มัสญิดทั้งหลายนั้น มีไว้เพื่อการเคารพสักการะพระเจ้า ดังนั้น จงอย่าวิงวอนผู้ใดหรือสิ่งใด อื่นร่วมไปกับพระเจ้า 19 เมื่อบ่าวของพระเจ้ายืนขึ้นวิงวอนต่อพระองค์ ผู้คนก็กรูกันเข้ามาล้อมเขาจนเขาอึดอัด 20 โอ้นบี จงกล่าวเถิดว่า “ฉัน วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของฉันเท่านั้น และฉันไม่เอาผู้ใดมาเป็นภาคีกับ พระองค์” 21 จงกล่าวเถิด “ฉันไม่มีอำ�นาจใดๆที่จะให้โทษหรือให้คุณแก่ พวกท่านได้” 22 จงกล่าวเถิดว่า “ไม่มีใครสามารถคุ้มครองฉันจากพระเจ้า ได้และฉันไม่พบที่พึ่งใดนอกไปจากพระองค์ 23 หน้าที่ของฉันก็แค่เพียง นำ�สิ่งที่ฉันได้รับจากพระองค์และสาสน์ของพระองค์ไปเผยแผ่” ผู้ใดที่ไม่ เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ สำ�หรับเขาก็มีไฟนรกคอยอยู่ เขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นตลอดไป 24 เมื่อพวกเขาเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้ พวกเขาจะรู้ว่า ผู้ช่วยเหลือของใครอ่อนแอกว่าและผู้ช่วยเหลือของใครมีจำ�นวนน้อยกว่า 25 จงกล่าวเถิดว่า “ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้นั้นใกล้เข้ามา หรือว่าพระผู้อภิบาลของฉันได้กำ�หนดวาระสำ�หรับมันให้ยาวออกไป” 26 พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงรู้สิ่งเร้นลับ พระองค์ไม่ทรงเปิดเผยความ ลับของพระองค์แก่ผู้ใด 27 นอกไปจากศาสนทูตที่พระองค์ทรงเลือก

576

73. ผู้ที่คลุมกาย

พระองค์ ไ ด้ ท รงส่ ง ผู้ คุ้ ม กั น ไว้ ข้ า งหน้ า พวกเขาและข้ า งหลั ง พวกเขา 28 เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงรู้ว่าบรรดาศาสนทูตได้เผยแผ่สาสน์ของพระผู้ อภิบาลของพวกเขาแล้ว พระองค์ทรงล้อมทุกสิ่งที่อยู่รอบๆพวกเขาและ ได้ทรงนับทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมดแล้ว 73. ผู้ที่คลุมกาย

อัล-มุซซัมมิล

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 โอ้ผู้ที่นอนคลุมกายอยู่ในเสื้อคลุม 2 จงยืนขึ้นนมาซให้มากหน่อยใน ตอนกลางคืน 3 อาจจะครึ่งหนึ่งของกลางคืนหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ 4 หรือ เพิ่มมันอีกเล็กน้อย แต่จงอ่านกุรอานอย่างช้าๆและชัดเจน 5 เพราะเราจะ ส่งสาสน์อันหนักหน่วงมายังเจ้า 6 แน่นอน การลุกขึ้นในตอนกลางคืน(เพื่อนมาซ)นั้นมีประสิทธิภาพ ที่ สุ ด ในการควบคุ ม ตั ว ตนและเหมาะสมที่ สุ ด สำ� หรั บ ถ้ อ ยคำ� (ของการ วิงวอน) 7 เพราะในเวลากลางวัน เจ้ามีงานมากมาย(ในการเชิญชวน ผู้คน) 8 จงระลึกถึงพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าและจงอุทิศตัวของ เจ้าให้พระองค์อย่างหมดหัวใจ 9 พระองค์คือพระผู้อภิบาลของทิศตะวัน ออกและทิศตะวันตก ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ดังนั้น จง เอาพระองค์เท่านั้นเป็นผู้คุ้มครองของเจ้า 10 จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขา กล่าวและจงออกห่างจากพวกเขาอย่างสุภาพ 11 จงปล่อยให้ฉันจัดการ กับบรรดาผู้ปฏิเสธที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเอง และจงอดทนกับพวกเขา สักระยะหนึ่ง 12 เรามีโซ่หนักและไฟที่ลุกโชนไว้ส�ำ หรับพวกเขา 13 อาหาร ที่ติดลำ�คอและการลงโทษอันเจ็บปวด 14 ในวันที่โลกและภูเขาจะกลาย เป็นกองทรายที่กระจัดกระจาย

577

สำ�หรับสูเจ้า เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งมาเป็นพยานเหนือสูเจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งไปยังฟาโรห์ 16 แต่ฟาโรห์ต่อ ต้านศาสนทูตคนนั้น เราจึงลงโทษเขาอย่างหนัก 17 ถ้าหากสูเจ้ายังดึงดัน ปฏิเสธสัจธรรม สูเจ้าจะหนีรอดได้อย่างไรในวันที่จะทำ�ให้ผมของเด็กเป็น สีเทา 18 วันที่ชั้นฟ้าทั้งหลายจะถูกทำ�ให้แตกออกและสัญญาของพระเจ้า นั้นจะได้รับการปฏิบัติไปตามจริง 19 แน่นอน นี่คือการตักเตือน ดังนั้น ใครก็ตามที่ประสงค์ จงเอาทางที่เที่ยงตรงไปสู่พระผู้อภิบาลของเขาเถิด 20 โอ้นบี พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ว่าบางครั้งเจ้ายืนนมาซเกือบสอง ในสามของกลางคืนและบางครั้งก็ครึ่งคืน และบางครั้งก็หนึ่งในสามของ กลางคืนกับผู้ที่อยู่กับเจ้าอีกจำ�นวนหนึ่ง พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงกำ�หนด เวลาของกลางวันและกลางคืน พระองค์ทรงรู้ว่าเจ้าไม่สามารถคำ�นวณ เวลาได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น พระองค์จึงทรงแสดงความกรุณาต่อสูเจ้า ตอนนี้ เจ้าจงอ่านกุรอานตามที่เจ้าสามารถทำ�ได้โดยสะดวก พระองค์ ทรงรู้ ว่ า ในหมู่ สู เ จ้ า มี ค นป่ ว ยและบางคนที่ เ ดิ น ทางไปแสวงหาความ โปรดปรานของพระเจ้า และอีกบางคนที่ต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า ดัง นั้น จงอ่านกุรอานให้มากเท่าที่สูเจ้าจะอ่านได้โดยสะดวก และจงดำ�รง นมาซและจ่ายซะกาต และจงให้พระเจ้ายืมด้วยการยืมที่ดี เพราะความ ดีอะไรก็ตามที่สูเจ้าส่งล่วงหน้าไปสำ�หรับตัวสูเจ้าเอง สูเจ้าจะได้พบมัน ที่พระเจ้า นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและมากมายที่สุดในรางวัลตอบแทน จงขอ การอภัยโทษต่อพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ 15

578

74. ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม

74. ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม

อัล-มุดดัซซิรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปราน ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 โอ้ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม 2 จงลุกขึ้นและจงประกาศเตือน 3 จงประกาศ ความยิ่งใหญ่ของพระผู้อภิบาลของเจ้า 4 จงรักษาเสื้อผ้าของเจ้าให้ สะอาด 5 จงห่างไกลจากสิ่งสกปรกโสมม 6 จงอย่าทำ�คุณแก่คนอื่นโดย หวังสิ่งตอบแทนอันมากมาย 7 จงอดทนเพื่อพระผู้อภิบาลของเจ้า 8 เมื่อแตรถูกเป่า 9 วันนั้นจะเป็นวันแห่งความยากลำ�บาก 10 สำ�หรับ บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย 11 จงปล่อยฉันไว้ตาม ลำ�พัง(ให้จัดการ)กับคนที่ฉันสร้างเขา 12 และคนที่ฉันได้ให้ความมั่งคั่ง อย่างมากมายแก่เขา 13 และลูกหลานที่อยู่เคียงข้างเขา 14 และผู้ที่ฉันได้ จัดเตรียมปัจจัยทุกอย่างให้ 15 แต่เขาก็ยังต้องการให้ฉันเพิ่มให้เขามาก ขึ้นอีก 16 ไม่มีวัน เพราะเขาเป็นศัตรูต่อวจนะที่เราประทานมา 17 ไม่ช้า ฉันจะทำ�ให้เขาต้องได้รับความลำ�บากหนักขึ้น 18 เพราะเขาคิดและพยายามที่จะวางแผน 19 และความวิบัติจะเกิดขึ้น กับเขาในสิ่งที่เขาพยายามคิดวางแผน 20 ขอให้เขาถูกทำ�ลายเขา เขาคิด ได้อย่างไร 21 หลังจากนั้น เขาได้หันไปรอบๆ 22 แล้วเขาก็หน้าบึ้งถลึงตา 23 และหันหลังให้พร้อมกับแสดงอาการโอหัง 24 และเขากล่าวว่า “นี่มิใช่ อะไรนอกไปจากไสยศาสตร์ที่สืบทอดกันมาแต่อดีต 25 นี่มิใช่สิ่งใดนอก ไปจากคำ�พูดของมนุษย์คนหนึ่ง” 26 ในไม่ช้า ฉันจะโยนเขาเข้าไปในนรก 27 แล้วเจ้ารู้ไหมว่านรกคือ อะไร? 28 มันจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดมีชีวิตและมันจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดตาย 29 มันจะเผาไหม้ผิวหนัง 30 มี(ทูตสวรรค์)สิบเก้าองค์ถูกมอบหมายหน้าที่ ให้ดูแล 31 เราได้แต่งตั้งเฉพาะทูตสวรรค์เท่านั้นให้เป็นผู้เฝ้านรก เราได้

579

กำ�หนดจำ�นวนของทูตสวรรค์ไว้ด้วยเพื่อเป็นการทดสอบสำ�หรับบรรดา ผู้ปฏิเสธสัจธรรม เพื่อที่ชาวคัมภีร์จะได้เกิดความเชื่อมั่น และบรรดา ผู้ศรัทธาจะได้เพิ่มพูนความศรัทธา และเพื่อที่ชาวคัมภีร์และบรรดาผู้ ศรัทธาจะได้ไม่สงสัย และเพื่อที่คนในหัวใจมีโรคและบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมอาจถามว่า “พระเจ้าหมายความว่าอะไรในการยกอุปมานี้?” นี่ แหละคื อ วิ ธี ก ารที่ พ ระเจ้ า ทำ � ให้ ผู้ ที่ พ ระองค์ ท รงประสงค์ ห ลงผิ ด และ ทรงนำ�ทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และไม่มีผู้ใดรู้ถึงไพร่พลของพระผู้ อภิบาลของเจ้านอกไปจากพระองค์เองและนรกได้ถูกเอ่ยขึ้นมาก็เพื่อที่ จะเป็นการตักเตือนสำ�หรับมนุษย์ 32 ไม่เลย ขอสาบานด้วยดวงจันทร์ 33 ขอสาบานด้วยกลางคืนเมื่อมัน จากไป 34 ขอสาบานด้วยยามเช้าเมื่อมันเริ่มมีแสงสว่าง 35 นรกเป็นหนึ่ง ในบรรดาสิ่งที่น่ากลัวที่สุด 36 มันเป็นสิ่งที่เตือนมนุษยชาติ 37 เป็นการ เตื อ นทุ ก คนในหมู่ สู เ จ้ า ที่ ป รารถนาจะไปข้ า งหน้ า หรื อ จะอยู่ ข้ า งหลั ง 38 ทุกคนถูกสัญญาไว้แล้วสำ�หรับการงานของเขา 39 ยกเว้นผู้ที่อยู่ด้าน ขวา 40 จะได้อยู่ในสวรรค์ ซึ่งที่นั่นพวกเขาจะถาม 41 เกี่ยวกับผู้ท�ำ บาป 42 “อะไรที่นำ�พวกท่านเข้าไปในนรก?” 43 พวกเขากล่าวว่า “เรามิได้เป็น ผู้หนึ่งในบรรดาผู้นมาซ 44 และเรามิได้เลี้ยงอาหารคนยากจน 45 และเรา เคยร่วมกับบรรดาผู้มั่วสุมในการถกเถียงที่ไร้สาระ 46 และเราเคยปฏิเสธ วันแห่งการพิพากษา 47 จนกระทั่งสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้(ความตาย)เกิดขึ้น แก่เรา” 48 ดังนั้น การขอไถ่โทษจะไม่อำ�นวยประโยชน์ใดๆแก่พวกเขา 49 แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ที่พวกเขาหันห่างออกจากการตัก เตือน 50 เหมือนกับพวกเขาเป็นลาป่าที่ตกใจ 51 วิ่งหนีสิงโต? 52 แต่ แท้จริงแล้ว พวกเขาแต่ละคนต้องการที่จะให้แผ่นบันทึกการประทาน วจนะถูกกางออกต่อหน้าพวกเขาเขา 53 ไม่มีทาง ความจริงก็คือว่าพวก เขาไม่กลัวโลกหน้า 54 แต่นี่คือสิ่งที่คอยตักเตือน 55 ดังนั้น ใครที่ประสงค์ ก็จงใส่ใจคิด 56 แต่พวกเขาจะไม่มีวันใส่ใจ เว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าจะทรง

580

75. วันแห่งการฟื้นคืนชีพ

ประสงค์ พระองค์เท่านั้นที่สมควรได้รับความเกรงกลัว พระผู้อภิบาลแห่ง การให้อภัย 75. วันแห่งการฟื้นคืนชีพ

อัล-กิยามะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยวันแห่งการฟื้นคืนชีพ 2 และด้วยชีวิตที่ประณาม ตนเอง 3 มนุษย์คิดหรือว่าเราไม่สามารถ(ที่จะทำ�ให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้น มาและ)นำ�กระดูกของเขามารวมเข้าด้วยกันอีก? 4 แท้จริง เรามีแม้แต่ อำ�นาจที่จะทำ�ให้ปลายนิ้วมือของเขากลับคืนมา 5 แต่มนุษย์นั้นต้องการ ปฏิเสธสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเขา 6 เขาถามว่า “เมื่อใดวันฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้น?” 7 แต่(ในวันนั้น)เมื่อดวงตาพร่ามัว 8 และดวงจันทร์ถูกทำ�ให้มืดมิด 9 ดวง อาทิตย์และดวงจันทร์ถูกนำ�มารวมกัน 10 ในวันนั้น มนุษย์จะถามว่า “ฉัน จะหนีไปทางไหนได้?” 11 ไม่มีเลย ไม่มีที่ไหนที่เขาจะหลบภัยได้ 12 ใน วันนั้น ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของสูเจ้าเท่านั้นที่จะขอความช่วยเหลือได้ 13 วันนั้น มนุษย์จะถูกแจ้งให้ทราบถึงสิ่งที่พวกเขาได้ส่งมาก่อนและสิ่งที่ เขาทิ้งไว้ข้างหลัง 14 แท้จริงแล้ว มนุษย์จะเป็นพยานยืนยันตัวของเขาเอง 15 ถึงแม้เขาจะมีข้อแก้ตัวมากมายมาอ้างก็ตาม 16 (โอ้ นบี) จงอย่ากระดิกลิ้นของเจ้าเพื่อจำ�กุรอานนี้อย่างรีบเร่ง 17 มัน เป็นหน้าที่ของเราเองที่จะติดตามดูการรวบรวมมันและการอ่านมัน 18 ดัง นั้น เมื่อเราอ่านมัน เจ้าจงฟังถ้อยคำ�ของมันด้วยความตั้งใจ 19 หลังจาก นั้น มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำ�ความหมายของมันให้ชัดเจน 20 ความจริงแล้วสูเจ้ารักสิ่งที่จะได้อย่างรวดเร็ว 21 และละทิ้งโลกหน้า 22 ในวันนั้น บางใบหน้าจะสดใสเบิกบาน 23 มองไปยังพระผู้อภิบาลของ 1

อัล-อินซาน

581

พวกเขา 24 และในวันนั้น หลายใบหน้าจะเศร้าหมอง 25 และหวั่นกลัวว่า ภัยพิบัติอันรุนแรงกำ�ลังจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา 26 แต่เมื่อวิญญาณมาถึง คอหอยของพวกเขา 27 และเมื่อมันถูกถามว่า “มีนักมายากลคนใดคอย ช่วยไหมในตอนนี้?” 28 และเขารู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจากโลกนี้ 29 เมื่อขาของเขาถูกพันเข้าด้วยกัน(เมื่อเคราะห์กรรมถูกรวมเข้ากับ เคราะห์กรรม) 30 ในวันนั้น เขาจะถูกต้อนไปสู่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า 31 เขาไม่ศรัทธาและไม่นมาซ 32 แต่เขาปฏิเสธสัจธรรมและหันหลัง ให้ 33 แล้วเขาก็ไปหาพวกเขาอย่างยโส 34 ความวิบัติจะเกิดขึ้นกับสูเจ้า (โอ้มนุษย์เอ๋ย) ความวิบัติจะเกิดขึ้นกับสูเจ้า 35 ใช่แล้ว ความวิบัติจะเกิด ขึ้นกับสูเจ้า 36 มนุษย์คิดหรือว่าเขาจะถูกทิ้งไว้ให้เป็นไปตามประสงค์ของ ตัวเอง? 37 เขาไม่ได้เป็นแค่เพียงหยดอสุจิที่พุ่งออกมา 38 หลังจากนั้น ก็ เป็นก้อนเลือดเหมือนปลิง แล้วพระองค์ได้ทรงสร้างเขาและทำ�ให้เขาเป็น รูปร่างได้สัดได้ส่วน 39 แล้วพระองค์ได้ทรงทำ�ให้เขาเป็นคู่ เพศชายและ เพศหญิง 40 แล้วพระองค์ไม่ทรงมีอำ�นาจที่จะทำ�ให้คนตายมีชีวิตขึ้นมา อีกกระนั้นหรือ? 76. มนุษย์

อัล-อินซาน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ไม่เคยมีช่วงเวลาที่มนุษย์มิได้เป็นสิ่งใดที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงกระนั้น หรือ? 2 แท้จริง เราได้สร้างมนุษย์มาจากหยดอสุจิที่ถูกผสมเพื่อทดสอบ เขา ดังนั้น เราจึงได้ท�ำ ให้เขามีความสามารถได้ยินและเห็น 3 เราได้แสดง ให้เขาเห็นหนทางว่าเขาจะเป็นผู้กตัญญูหรือผู้ปฏิเสธ 4 (ตอนนี้) จงรู้ไว้ สำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น เราได้เตรียมโซ่และ

582

76. มนุษย์

ปลอกคอและไฟที่ลุกโชนไว้แล้ว 5 แต่บรรดาผู้ทำ�ความดีจะได้ดื่มเครื่อง ดื่มจากถ้วยที่ปรุงรสและกลิ่นด้วยกะฟูรฺ(สมุนไพรที่มีกลิ่นหอมหวาน) 6 เป็นตาน้�ำ ที่ไหลพุ่งออกมาซึ่งบ่าวของพระเจ้าจะได้ดื่มจากตรงไหน ก็ได้ตามที่ต้องการ 7 พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ปฏิบัติตามคำ�สาบานของ พวกเขาและกลัววันที่ความชั่วร้ายของมันจะแพร่กระจายไป 8 พวกเขา เลี้ยงอาหารคนยากจนและเด็กกำ�พร้าและเชลยแม้พวกเขาจะชอบมัน ก็ตาม 9 โดยกล่าวว่า “เราให้อาหารพวกท่านเพื่อพระเจ้า เราไม่ได้หวัง การตอบแทนและการขอบคุณใดๆจากพวกท่าน 10 เรากลัวการลงโทษ ในวันแห่งความทุกข์ยากอันแสนหดหู่จากพระผู้อภิบาลของเรา” 11 ดัง นั้น พระเจ้าจะช่วยพวกเขาให้พ้นจากความชั่วร้ายของวันนั้นและทำ�ให้ พวกเขาได้พบความสดชื่นรื่นเริง 12 และจะตอบแทนพวกเขาด้วยสวน สวรรค์และอาภรณ์ผ้าไหมเป็นรางวัลสำ�หรับความอดทนของพวกเขา 13 ที่นั่น พวกเขาจะได้เอนกายบนเบาะ ในนั้น พวกเขาจะไม่ถูกรบกวน โดยความร้อนของดวงอาทิตย์และความหนาวเหน็บ 14 กิ่งก้านที่ให้ร่มเงา ของต้นไม้แห่งสวนสวรรค์จะปกคลุมพวกเขาโดยรอบและผลไม้ในสวน สวรรค์จะอยู่ใกล้พวกเขาแค่เอื้อม 15 ภาชนะเงินและแก้วใสจะถูกส่งผ่าน ไปรอบๆพวกเขา 16 และแก้วที่ทำ�ด้วยเงินใสเป็นประกายจะถูกรินให้เต็ม ตามสัดส่วนของมัน 17 ที่นั่น พวกเขาจะได้รับถ้วยเครื่องดื่มที่ผสมด้วยขิง 18 จากตาน้ำ�แห่งหนึ่งในสวรรค์ที่มีชื่อว่าซัลซะบีล 19 พวกเขาจะมีเด็กวัย รุ่นตลอดกาลคอยวนเวียนรับใช้พวกเขาอยู่โดยรอบ เมื่อสูเจ้าเห็นพวก เขา สูเจ้าจะคิดว่าพวกเขาเป็นไข่มุกที่กระจัดกระจาย 20 ไม่ว่าสูเจ้าจะมอง ไปทางใดที่นั่น สูเจ้าจะเห็นแต่ความสุขและอาณาจักรอันยิ่งใหญ่อลังการ 21 พวกเขาจะสวมใส่อาภรณ์ไหมสีเขียวอย่างดีและปักอย่างวิจิตร และจะ ถูกประดับด้วยกำ�ไลเงิน และพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะให้พวกเขาได้ ดื่มเครื่องดื่มอันบริสุทธิ์ 22 นี่คือรางวัลตอบแทนของสูเจ้า และความบาก บั่นของสูเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ได้รับการเห็นคุณค่า

583

(โอ้ นบี) แท้จริง เราต่างหากที่ได้ประทานกุรอานลงมาแก่เจ้า เป็นตอนๆ 24 ดังนั้น จงรอคอยคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วย ความอดทน และจงอย่าปฏิบัติตามคนชั่วหรือบรรดาผู้เนรคุณในหมู่พวก เขา 25 จงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าทั้งในยามเข้าและยามเย็น 26 และ จงก้ ม กราบต่ อ พระองค์ ใ นยามกลางคื น และสดุ ดี พ ระองค์ ใ นช่ ว งเวลา กลางคืนให้นาน 27 คนเหล่านี้(ที่ไม่คิดถึงพระเจ้า)อยากได้รับประโยชน์ ชั่วคราวอย่างรวดเร็วและทิ้งวันอันหนักหน่วงไว้ข้างหลัง 28 เราต่างหาก ที่ได้สร้างพวกเขาและทำ�ให้โครงร่างของพวกเขาแข็งแรง แต่เมื่อใดที่ เราประสงค์ เราสามารถเอาคนอื่นที่เหมือนกับพวกเขามาแทนพวกเขา ได้ 29 แท้จริง นี่คือการตักเตือน ดังนั้น ใครที่ประสงค์ จงยึดแนวทางที่ ถูกต้องไปสู่พระผู้อภิบาลของเขา 30 แต่สูเจ้าไม่สามารถประสงค์มันได้ เว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าจะทรงประสงค์(ที่จะแสดงหนทางนั้นแก่เจ้า) แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 31 พระองค์ทรงรับผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ไว้ในความเมตตาของพระองค์ และสำ�หรับบรรดาผู้ทำ�ความ ผิดนั้น พระองค์ได้ทรงเตรียมการลงทรมานอันเจ็บปวดไว้ส�ำ หรับเขาแล้ว 23

77. บรรดาผู้ถูกส่งมา

อัล-มุรฺซะลาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยลมที่ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง 2 แล้วหลังจากนั้นได้พัด อย่างรุนแรง 3 และลมที่แพร่กระจายฝน 4 ทำ�ให้มันแยกระจายจากกัน 5 โดยบรรดาผู้ที่น�ำ ผู้ตักเตือนลงมา 6 เพื่อให้เหตุผลแก่บางคนและเตือน บางคน 7 ว่าสิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 8 เมื่อดวงดาวดับแสงลง 9 และเมื่อชั้นฟ้าถูกแยกออก 10 และเมื่อภูเขา

584

77. บรรดาผู้ถูกส่งมา

แตกออกเป็นธุลี 11 และเมื่อบรรดาศาสนทูตถูกนำ�มารวมกันในเวลาที่ กำ�หนดไว้ 12 สำ�หรับวันใดที่สิ่งนี้ได้ถูกกำ�หนดไว้? 13 สำ�หรับวันแห่งการ ตัดสิน 14 และเจ้ารู้อะไรบ้างว่าวันแห่งการตัดสินคือวันอะไร? 15 ความ หายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 16 เราไม่ได้ทำ�ลาย ผู้คนก่อนหน้านี้หรือ? 17 ตอนนี้ เราจะให้บรรดาคนรุ่นหลังตามพวกเขา 18 ดังนั้นแหละที่เราจัดการกับพวกคนผิด 19 ความหายนะในวันนั้นจะเกิด ขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 20 เรามิได้สร้างสูเจ้ามาจากของเหลวที่ไร้ค่า 21 แล้วได้ให้มันอยู่ใน สถานที่ปลอดภัย(มดลูก) 22 ตามระยะเวลาที่ก�ำ หนดไว้กระนั้นหรือ? 23 เรามีอ�ำ นาจที่จะทำ�สิ่งนี้ ดังนั้น อำ�นาจของเราที่จะตัดสินจึงดีเยี่ยมที่สุด 24 ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 25 เรามิได้ ทำ�ให้แผ่นดินนี้เป็นที่รองรับ 26 ทั้งคนมีชีวิตและคนตายกระนั้นหรือ? 27 เรามิได้ตั้งภูเขาสูงไว้บนนั้นและได้ให้น้ำ�จืดสนิทแก่สูเจ้าดื่มกระนั้น หรือ? 28 ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 29 จงออกไปยังที่ที่สูเจ้าเคยปฏิเสธ 30 จงออกไปยังเงาที่ทอดออกไป สามด้าน 31 ที่จะไม่ให้ความร่มเย็นและการคุ้มครองจากเปลวไฟ 32 ที่ ลุกโชนสูงเหมือนหอคอย 33 และสว่างเหมือนกับฝูงอูฐสีเหลือง 34 ความ หายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 35 วันนั้น พวกเขา จะไม่ได้พูด 36 และจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ตัว 37 ความหายนะในวันนั้น จะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 38 นี่คือวันแห่งการตัดสิน เราได้ รวบรวมทั้งสูเจ้าและคนก่อนหน้าสูเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน 39 ตอนนี้ ถ้าสูเจ้ามี เพทุบายอะไรต่อฉัน จงแสดงออกมา 40 ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้น แก่บรรดาผู้ปฏิเสธ 41 ส่วนบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะได้อยู่ท่ามกลางร่มเงาและน้ำ�พุ 42 และผลไม้ต่างๆตามที่พวกเขาต้องการ 43 พวกเขาจะถูกบอกว่า “จง กินและจงดื่มตามสบายในฐานะที่เป็นรางวัลตอบแทนสิ่งที่สูเจ้าได้กระทำ�

อัล-นะบะอ์

585

ไว้(ในชีวิต) 44 นี่คือวิธีการที่เราได้ตอบแทนบรรดาผู้ท�ำ ความดี” 45 แต่ ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 46 สูเจ้าจงกิน และจงสนุกสนานไปชั่วขณะหนึ่งเถิด แท้จริงแล้ว สูเจ้าคือผู้ท�ำ ความผิด” 47 ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 48 เมื่อ พวกเขาถูกสั่งให้โค้งคำ�นับ พวกเขาไม่โค้งคำ�นับ” 49 ความหายนะในวัน นั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม 50 ดังนั้น คำ�พูดอันใดเล่าหลัง จากนี้ที่พวกเขาจะศรัทธา? 78. ข่าวคราว

อัล-นะบะอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้า ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 พวกเขาถามกันเกี่ยวกับเรื่องอะไร? 2 เกี่ยวกับเรื่องข่าวใหญ่(เรื่อง การฟื้นคืนชีพ) 3 ที่พวกเขากำ�ลังมีความขัดแย้งกันใช่ไหม? 4 แต่พวก เขาจะได้รู้ในไม่ช้า 5 แน่นอน พวกเขาจะได้พบความจริงในอีกไม่นาน 6 เรามิได้สร้างแผ่นดินนี้ให้เป็นพื้นราบเหมือนที่นอน 7 และทำ�ให้ภูเขา เป็นหมุดที่ค�้ำ ยันหรือ? 8 เราได้สร้างสูเจ้าเป็นคู่ 9 และได้ทำ�ให้การนอน ของสูเจ้าเป็นการพักผ่อน 10 และทำ�ให้กลางคืนเป็นที่ปกคลุม 11 และ ทำ�กลางวันสำ�หรับการหาเลี้ยงชีพ 12 เราได้สร้างชั้นฟ้าอันแข็งแรงทั้ง เจ็ดไว้เหนือสูเจ้า 13 และเราได้ทำ�ให้ในนั้นมีตะเกียงที่สว่างส่องแสงออก มา 14 ได้ท�ำ ให้น้ำ�หลั่งลงมาอย่างมากมายจากเมฆฝน 15 เพื่อที่เราจะได้ ทำ�ให้ข้าวโพดผักและพืชผักงอกเงยออกมา 16 และสวนต่างๆเขียวชอุ่ม 17 แน่นอน วันแห่งการพิพากษามีเวลาที่ได้ถูกกำ�หนดไว้แล้ว 18 วันที่แตรจะถูกเป่าและสูเจ้าจะออกมากันเป็นหมู่ๆ 19 และชั้นฟ้าจะ ถูกเปิดออกเพื่อเป็นประตู 20 และภูเขาจะถูกเคลื่อนจนเหมือนกับมันเป็น

586

78. ข่าวคราว

ภาพลวงตา 21 แท้จริง นรกนั้นเป็นสิ่งที่คอยซุ่มอยู่ 22 เป็นที่พำ�นักสำ�หรับ บรรดาผู้ฝ่าฝืน 23 พวกเขาจะพำ�นักอยู่ในนั้นเป็นเวลายาวนาน 24 ในนั้น พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความเย็นและเครื่องดื่มใดๆ 25 นอกจากน้ำ�เดือด และสิ่งที่ไหลออกมาจากแผล 26 เป็นการตอบแทนอย่างสาสม 27 เพราะ พวกเขามิได้คาดคิดว่าจะถูกเรียกมาสอบสวน 28 และพวกเขาปฏิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเรา 29 แต่เราได้บันทึกทุกสิ่งไว้ในบันทึกแล้ว 30 (ดังนั้น เราจะกล่าวว่า) “จงลิ้มรส(ผลของการที่สูเจ้าทำ�ชั่วไว้) และเรา จะไม่ให้สิ่งใดแก่สูเจ้านอกไปจากการลงโทษที่ทรมานมากยิ่งขึ้นๆ 31 แน่นอน สำ�หรับผู้ย�ำ เกรงพระเจ้า พวกเขาจะได้รับชัยชนะ 32 พวกเขาจะได้รับสวนต่างๆและไร่องุ่น 33 และสาวๆที่มีอายุรุ่นราว คราวเดียวกัน 34 และถ้วยแก้วที่มีเครื่องดื่มเต็มเปี่ยม 35 ที่นั่น พวกเขา จะไม่ได้ยินคำ�พูดไร้สาระและความเท็จ 36 ทั้งหมดนี้เป็นรางวัลตอบแทน และของขวัญอย่างเพียงพอจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า 37 ผู้ทรงอภิบาล แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนี้ ผู้ทรง กรุณา ซึ่งไม่มีใครมีอำ�นาจขึ้นเสียงต่อหน้าพระองค์ 38 วันที่วิญญาณ และ บรรดาทูตสวรรค์จะยืนขึ้นเป็นแถว และจะไม่มีใครพูดนอกไปจากคนที่ พระผู้ทรงกรุณาจะอนุญาต และผู้ที่พูดในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น 39 วันนั้นจะ ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็จงให้เขาเลือกทางเดินทาง กลับไปสู่พระผู้อภิบาลของเขา 40 เราได้เตือนสูเจ้าแล้วถึงการลงโทษที่ กำ�ลังใกล้เข้ามา วันที่มนุษย์จะได้เห็นทุกสิ่งที่สองมือของเขาได้ส่งไปล่วง หน้า และบรรดาผู้ปฏิเสธจะร้องออกมาว่า “ถ้าฉันเป็นเพียงฝุ่นก็จะดี”

อัล-นาซิอาต

587

79. ผู้กระชาก

อัล-นาซิอาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วย(ลม)ที่กระชากออกมาอย่างแรง 2 และที่พัดอย่างนุ่มนวล 3 และขอสาบานด้วยบรรดา (เมฆ) ที่ลอยล่องอย่างสงบ 4 และขอสาบาน ด้วยบรรดาผู้ที่ท�ำ ตามคำ�บัญชาอย่างฉับพลันทันที 5 และขอสาบานด้วย บรรดาผู้ควบคุมเหตุการณ์ต่างๆ 6 ในวันที่การสั่นสะเทือนจะทำ�ให้(โลก) เกิดการกระเทือนอย่างรุนแรงไปทั่ว 7 และตามมาด้วยการกระเทือนอีก หลายครั้ง 8 หัวใจทั้งหมดในวันนั้นจะสะสั่นสะท้านด้วยความกลัว 9 ใน ขณะที่ตาละห้อย 10 พวกเขากล่าวว่า “อะไรนะ เราจะถูกทำ�ให้กลับมามี ชีวิตอีกกระนั้นหรือ 11 ถึงแม้ว่าเราได้กลายเป็นกระดูกที่ผุพังไปแล้ว?” 12 พวกเขากล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็เป็นการกลับไปที่ขาดทุนชัดๆ” 13 แต่ ทั้งหมดจะใช้เวลาแค่การระเบิดเพียงครั้งเดียว 14 แล้วคอยดู พวกเขา ทั้งหมดจะออกมาปรากฏในทุ่งโล่ง 15 เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของมูซาไหม? 16 เมื่อพระผู้อภิบาลของเขา ได้เรียกเขาในหุบเขาฏุวา 17 (โดยกล่าวว่า) “จงไปหาฟาโรห์ แท้จริง เขา ได้กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนทุกอย่างแล้ว 18 และจงบอกเขาว่า ‘ท่านจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองไหม? 19 ท่านต้องการให้ฉันนำ�ท่านไปยังพระผู้ อภิบาลของท่านเพื่อที่ท่านจะได้เกรงกลัวพระองค์ไหม?’ ” 20 แล้วมูซา ได้แสดงให้เขาได้เห็นถึงสัญญาณอันยิ่งใหญ่ 21 แต่เขากลับปฏิเสธมัน และไม่ยอมรับ(ความศรัทธา) 22 หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไป 23 และเรียก ผู้คนของเขาทั้งหมดมาชุมนุมกัน 24 และประกาศว่า “ฉันเป็นพระเจ้า สูงสุดของพวกเจ้า” 25 ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทำ�ลายเขาเพื่อเป็นการลงโทษ

588

80. เขาแสดงหน้าขมึงทึง

ทั้งในโลกหน้าและโลกนี้ 26 แท้จริง ในนั้นมีบทเรียนสำ�หรับคนที่เกรงกลัว พระเจ้า 27 (มนุษย์เอ๋ย) การสร้างสูเจ้าเป็นสิ่งที่ยากกว่าการสร้างชั้นฟ้าที่ พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา 28 โดยการยกมันให้สูงขึ้นเป็นหลังคาและ ออกแบบมันโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ 29 และทำ�ให้กลางคืนของมันมืด และนำ�แสงสว่างยามเช้าของมันออกมา 30 และแผ่นดินที่พระองค์ทรงแผ่ ออก 31 หลังจากนั้นได้ทรงทำ�ให้น้ำ�และทุ่งหญ้าออกมาจากมัน 32 และได้ ทรงให้มีภูเขาปักแน่นอยู่ในนั้น 33 (ทั้งหมดนี้)เพื่อเป็นแหล่งปัจจัยสำ�หรับ สูเจ้าและปศุสัตว์ของสูเจ้ากระนั้นหรือ? 34 เมื่อความหายนะอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น 35 ในวันที่มนุษย์จะนึกถึงสิ่ง ที่เขาได้ขวนขวายไว้ 36 และนรกถูกเปิดให้ทุกคนได้เห็น 37 ใครที่โอหัง 38 และชอบชีวิตแห่งโลกนี้ 39 จะพบตัวเองอยู่ในนรก 40 ผู้ที่เกรงกลัว ต่ อ การไปยื น อยู่ เ บื้ อ งหน้าพระผู้อ ภิบาลของเขาและยับยั้งตัวเองจาก อารมณ์ใฝ่ต�่ำ 41 จะได้อยู่ในสวรรค์ 42 พวกเขาถามเจ้า(นบี)เกี่ยวกับยาม อวสานว่า “มันจะเกิดขึ้นเมื่อใด?” 43 มันไม่ใช่เจ้าที่จะไปบอกเวลาของมัน 44 ความรู้เรื่องนี้อยู่ที่พระเจ้าเท่านั้น 45 เจ้าเป็นเพียงแค่ผู้ตักเตือนแก่คนที่ เกรงกลัวมัน 46 วันที่พวกเขาเห็นมัน พวกเขาจะหวั่นกลัวราวกับพวกเขา ได้อยู่ในโลกนี้แค่เพียงตอนเย็นหรือตอนเช้าของวันหนึ่งเท่านั้น 80. เขาแสดงหน้าขมึงทึง

อะบะซะ

1 3

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เขาทำ�หน้าบึ้งและเบือนหน้าของเขา 2 เมื่อมีคนตาบอดมาหาเขา และอะไรที่ทำ�ให้เจ้ารู้ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง 4 หรือใส่ใจในคำ�

อะบะซะ

589

ตักเตือนและได้รับประโยชน์จากการเตือน(ของเรา)? 5 ส่วนผู้ที่เฉยเมย นั้น 6 เจ้ากลับให้การเอาใจใส่ 7 ถึงแม้เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบถ้าหากเขาไม่ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเขาเอง 8 ส่วนผู้ที่พากเพียรมาหาเจ้าด้วยเจตนา ของเขาเอง 9 และเขามีความเกรงกลัว 10 เจ้ากลับเบือนหน้าหนี 11 แท้จริง นี่(กุรอาน)คือการตักเตือน 12 ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็ให้เขายอมรับ 13 มัน ได้ถูกบันทึกไว้แล้วในแผ่นจารึกอันมีเกียรติ 14 ที่ได้รับการยกย่องเทิดทูน และสะอาดบริสุทธิ์ 15 โดยมือของผู้บันทึก 16 ที่มีเกียรติและบริสุทธิ์ 17 หายนะจะเกิดแก่มนุษย์ เขาช่างเนรคุณเสียนี่กระไร 18 จากอะไรเล่าที่ พระองค์ทรงสร้างเขามา? 19 จากเชื้ออสุจิหยดหนึ่ง พระองค์ได้ทรงสร้าง เขาและได้ทรงกำ�หนดสัดส่วนของเขา 20 หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำ�ให้ หนทางของเขาง่ายดายสำ�หรับเขา 21 หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำ�ให้เขา ตายและนำ�เขาไปสู่หลุมฝังศพ 22 หลังจากนั้น เมื่อพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงทำ�ให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา 23 แต่กระนั้น มนุษย์ยังปฏิเสธ ที่จะทำ�สิ่งที่พระองค์ทรงสั่งไว้ 24 ดังนั้น มนุษย์จงมองไปยังอาหารที่เขา กิน 25 เราได้หลั่งน้ำ�ลงมาอย่างมากมาย 26 หลังจากนั้น เราได้แยกแผ่น ดินออกจากกัน 27 หลังจากนั้น เราได้ท�ำ ให้พืชพรรณเติบโตขึ้นมาในนั้น 28 และองุ่นและพืชผัก 29 และมะกอกและอินทผลัม 30 และสวนที่เขียว ชอุ่ม 31 และผลไม้ทุกชนิดและทุ่งหญ้า 32 เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพสำ�หรับ สูเจ้าและสัตว์เลี้ยงของสูเจ้า 33 ในที่สุด เมื่อมีเสียงกัมปนาทกึกก้องเกิดขึ้น 34 วันนั้น ผู้คนจะวิ่งหนี ออกจากพี่น้องของเขา 35 จากแม่ของเขาและพ่อของเขา 36 และภรรยา ของเขาและลูกๆของเขา 37 ในวันนั้น พวกเขาแต่ละคนจะสาละวนอยู่ กับเรื่องของตัวเองจนไม่สนใจผู้อื่น 38 หลายใบหน้าในวันนั้นจะสดใส 39 ร่าเริงและดีใจ 40 แต่หลายใบหน้าในวันนั้นจะเต็มไปด้วยฝุ่น 41 และ ความมืดจะปกคลุมพวกเขา 42 พวกเขาเหล่านี้คือบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมและผู้ท�ำ บาป

590

81. การม้วน

อัล-ตักวีรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เมื่อดวงอาทิตย์ถูกม้วน 2 และเมื่อดวงดาวทั้งหลายอับแสง 3 และเมื่อ ภูเขาถูกทำ�ให้เคลื่อนย้าย 4 และเมื่ออูฐท้องสิบเดือนถูกทิ้งโดยไม่มีใคร สนใจ 5 และเมื่อสัตว์ได้ถูกนำ�มารวมกัน 6 และเมื่อทะเลถูกทำ�ให้ลุกเป็น ไฟ 7 และเมื่อวิญญาณทั้งหลายถูกแบ่งออกเป็นชั้นต่างๆ 8 และเมื่อทารก หญิงที่ถูกฝังทั้งเป็นถูกถาม 9 ว่าด้วยความผิดอะไรที่เธอถึงได้ถูกฆ่า 10 เมื่อบันทึกการกระทำ�ทั้งหลายของมนุษย์ถูกเปิดออก 11 เมื่อม่านแห่ง ชั้นฟ้าถูกเปิดออก 12 เมื่อนรกถูกจุดให้ลุกโชน 13 เมื่อสวรรค์ได้ถูกนำ�มา ใกล้ 14 (หลังจากนั้น) แต่ละชีวิตจะได้รู้ว่าเขาได้น�ำ อะไรมา 15 ฉันขอสาบานต่อดวงดาวทั้งหลายที่หายลับไป 16 และดวงดาวที่ กำ�ลังซ่อนเร้น 17 และกลางคืนเมื่อมันจากไป 18 และลมหายใจแรกของ ตอนเช้า 19 นี่คือถ้อยคำ�ที่นำ�มาโดยศาสนทูตผู้ทรงเกียรติ 20 ที่เต็มไป ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และถูกถือว่ามีเกียรติโดยพระผู้อภิบาลของบัลลังก์ 21 ผู้ได้รับการเชื่อฟังและผู้ที่ไว้วางใจได้ 22 สหายของสูเจ้า(มุฮัมมัด)มิใช่ คนบ้า 23 เขาได้เห็นทูตสวรรค์บนขอบฟ้าอันชัดแจ้ง 24 และเขาไม่ได้เป็น คนละโมบในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น 25 และนี่มิใช่ถ้อยคำ�ของมารร้ายที่ถูก สาปแช่ง 26 แล้วสูเจ้าจะไปไหน? 27 แท้จริง นี่เป็นการตักเตือนยังชาวโลก ทุกคน 28 สำ�หรับทุกคนในหมู่สูเจ้าที่ต้องการจะปฏิบัติตามแนวทางที่ถูก ต้อง 29 แต่ความประสงค์ของเจ้าไม่อาจเกิดขึ้นได้เลยเว้นเสียแต่ว่าพระ ผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาลจะทรงประสงค์(ที่จะแสดงให้เจ้าเห็นทางนั้น)

อัล-อินฟิฏอรฺ

591

82. การแยกออกจากกัน

อัล-อินฟิฏอรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เมื่อชั้นฟ้าถูกแยกออก 2 และเมื่อหมู่ดาวแตกกระจาย 3 และเมื่อทะเล ทั้งหลายล้นท่วม 4 และเมื่อหลุมฝังศพทั้งหลายถูกเปิดออก 5 ทุกชีวิต จะได้รู้สิ่งที่พวกเขาได้ทำ�ไว้ทั้งก่อนนี้และหลังจากนั้น 6 มนุษย์เอ๋ย อะไร เล่าที่หลอกลวงสูเจ้าเกี่ยวกับพระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติของสูเจ้า 7 ผู้ทรง สร้างสูเจ้าและทรงทำ�ให้สูเจ้าเป็นรูปร่างและทรงทำ�ให้สูเจ้าสมส่วน 8 และ ประกอบสูเจ้าขึ้นมาในรูปที่พระองค์ทรงประสงค์ ? 9 แต่กระนั้น สูเจ้า ยังปฏิเสธการตัดสินครั้งสุดท้าย 10 ถึงแม้ว่าเหนือสูเจ้ามีผู้คอยเฝ้าดูอยู่ 11 เป็นผู้บันทึกผู้ทรงเกียรติ 12 ผู้รู้ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ�* 13 แน่นอน บรรดา ผู้มีคุณธรรมนั้นจะได้อยู่ในความสุข 14 ในขณะที่คนชั่วจะได้อยู่ในนรก 15 ที่พวกเขาจะเข้าไปในนั้นในวันแห่งการพิพากษา 16 และพวกเขาจะ ไม่สามารถออกไปจากนั้นได้ 17 และอะไรที่จะทำ�ให้สูเจ้ารู้ว่าวันแห่งการ พิพากษาคืออะไร? 18 แล้วอะไรที่จะทำ�ให้สูเจ้ารู้ว่าวันแห่งการพิพากษา คืออะไร? 19 มันเป็นวันที่ไม่มีใครมีอ�ำ นาจที่จะทำ�สิ่งใดเพื่อคนอื่นได้ การ ตัดสินในวันนั้นเป็นสิทธิของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

* กุรอานบอกให้เรารู้ว่าวันแห่งการพิพากษาจะมาถึงในที่สุด มนุษย์ ทั้ ง หมดจะถู ก นำ � มารวมกั น ในวั น นั้ น และจะได้ รั บ รางวั ล ตอบแทน หรือลงโทษตามที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้ การบอกข่าวเรื่องนี้สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบันของโลก ความจริงแล้ว การสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างมี ความหมายนี้มีเหตุผลสนับสนุนอยู่ในการประกาศนี้

592

83. ผู้โกงตาชั่ง

83. ผู้โกงตาชั่ง

อัล-มุฏ็อฟฟิฟีน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ความวิบัติจงมีแด่บรรดาผู้ชั่งตวงให้ขาด 2 ผู้ที่ต้องการให้คนอื่นตวง ให้เต็มจำ�นวนเมื่อตวงให้พวกเขา 3 แต่เมื่อพวกเขาตวงหรือชั่งให้คนอื่น พวกเขาก็ท�ำ ให้ขาด 4 พวกเขาไม่คิดหรือว่าพวกเขาจะถูกทำ�ให้ฟื้นขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง 5 ในวันอันยิ่งใหญ่? 6 วันที่มนุษย์จะยืนต่อหน้าพระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก 7 แท้จริงแล้ว บันทึกของบรรดาผู้ทำ�ชั่วนั้นอยู่ในซิจญีน 8 และอะไรที่จะทำ�ให้สูเจ้ารู้ว่าซิจญีนนั้นคืออะไร? 9 มันเป็นบันทึกที่ได้ ถูกเขียนไว้แล้ว 10 ความวิบัติในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ปฏิเสธ 11 ที่ ถือว่าวันแห่งการพิพากษาเป็นเรื่องเท็จ 12 ไม่มีใครปฏิเสธมันได้นอกไป จากผู้ล่วงละเมิดที่ทำ�บาปทุกคน 13 เมื่อวจนะของเราได้ถูกนำ�มาอ่านให้ แก่เขา เขาก็กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องราวปรัมปราตั้งแต่ครั้งโบราณ” 14 ไม่ เลย ความจริงแล้ว การทำ�ชั่วของพวกเขาต่างหากที่ท�ำ ให้หัวใจของพวก เขาถูกปกคลุมด้วยสิ่งเปรอะเปื้อน 15 ไม่เลย ในวันนั้น พวกเขาจะถูก ขวางกั้นจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาอย่างแน่นอน 16 หลังจากนั้น พวก เขาจะเข้านรก 17 แล้วพวกเขาจะถูกบอกว่า “นี่คือสิ่งที่สูเจ้าเคยปฏิเสธ” 18 แต่บันทึกของผู้ท�ำ ความดีนั้น(ถูกรักษาไว้)อยู่ในอิลลียูน? 19 และ อะไรที่จะทำ�ให้สูเจ้ารู้ว่าอิลลียูนนั้นคืออะไร? 20 มันเป็นบันทึกที่ได้ถูก เขียนไว้ 21 ซึ่งบรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจะให้ค�ำ ยืนยัน 22 แน่นอน คนมีคุณธรรมจะได้อยู่ในความสุข 23 พวกเขาจะนั่งอยู่บนเตียงสูงแล้ว มองลงมาโดยรอบ 24 สูเจ้าจะได้เห็นร่องรอยแห่งความสุขสำ�ราญปรากฏ อยู่บนใบหน้าของพวกเขา 25 พวกเขาจะได้ดื่มเหล้าองุ่นที่คัดเลือกมา อย่างดีและถูกปิดผนึกไว้ 26 โดยผนึกของมันจะทำ�ด้วยชะมดเชียง ดัง

593

นั้น ใครที่อยากจะได้สิ่งนี้ ก็ให้เขาพยายาม 27 เหล้าองุ่นนั้นจะมาจาก ส่วนผสมของตัสนีม 28 ซึ่งเป็นตาน้�ำ ที่บรรดาผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจะได้ดื่มมัน 29 ส่วนบรรดาผู้ท�ำ ผิดที่เคยหัวเราะเยาะบรรดาผู้ศรัทธานั้น 30 เมื่อบรรดา ผู้ศรัทธาเดินผ่าน พวกเขาจะหลิ่วตาให้กัน 31 และเมื่อพวกเขากลับไปหา พวกพ้องของพวกเขา พวกเขาก็กลับไปอย่างขบขัน 32 และเมื่อพวกเขา เห็นบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขาจะกล่าวว่า “พวกนี้คือผู้หลงผิด” 33 ทั้งๆที่ พวกเขามิได้ถูกส่งมาเป็นผู้พิทักษ์เหนือพวกเขาแต่ประการใด 34 ดังนั้น วันนี้ บรรดาผู้ศรัทธาจะหัวเราะบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมบ้าง 35 ในขณะที่ พวกเขาเอนกายอยู่บนฟูกมองดูไปรอบๆ 36 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมย่อม ได้รับการตอบแทนตามที่พวกเขาได้ท�ำ ไว้มิใช่หรือ? 84. การเปิดโดยระเบิดออก

อัล-อินชิกอก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อท้องฟ้าได้แตกออก 2 และมันเชื่อฟังคำ�บัญชาของพระผู้อภิบาลของ มันตามที่มันต้องทำ�เช่นนั้น 3 และเมื่อแผ่นดินได้ถูกแผ่กว้าง 4 และพ่น เอาทุกสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาจนมันว่างเปล่า 5 และมันเชื่อฟังคำ�บัญชา ของพระผู้อภิบาลของมันตามที่มันต้องทำ�เช่นนั้น 6 มนุษย์เอ๋ย การดิ้นรน ขวนขวายอย่างหนักไปยังพระผู้อภิบาลของสูเจ้า สูเจ้าจะได้พบพระองค์ อย่างแน่นอน 7 ใครที่ได้รับบันทึกทางด้านมือขวา 8 จะถูกสอบสวนอย่าง ง่ายดาย 9 และเขาจะกลับไปหาครอบครัวของเขาด้วยความสุข 10 ส่วน ผู้ที่ได้รับบันทึกจากด้านหลัง 11 เขาผู้นั้นจะร้องหาความตาย 12 และจะ ถูกโยนเข้านรก 13 เขาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของเขาอย่างสุขสำ�ราญ 14 เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องกลับไป(หาพระเจ้า) 15 ทำ�ไมจะไม่ 1

594

เล่า? พระผู้อภิบาลของเขาเฝ้าดูการกระทำ�ของเขาอยู่เสมอ 16 ฉันขอ สาบานด้วยยามพลบค่ำ� 17 และยามกลางคืน และสิ่งที่มันปกคลุม 18 และ ดวงจันทร์เมื่อมันเต็มดวง 19 สูเจ้าจะต้องผ่านจากสภาพหนึ่งไปยังอีก สภาพหนึ่งอย่างแน่นอน 20 มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขากระนั้นหรือที่พวก เขาไม่ศรัทธา? 21 เมื่อกุรอานได้ถูกอ่านต่อหน้าพวกเขา พวกเขาไม่ก้ม ลงกราบ? 22 แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมไม่ยอมรับมัน 23 พระเจ้า ทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้ในหัวใจของพวกเขา 24 ดังนั้น จงแจ้ง พวกเขาให้รู้ถึงการลงโทษอันเจ็บปวด 25 แต่สำ�หรับบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำ�ความดีจะได้รับรางวัลตอบแทนที่ไม่มีวันสิ้นสุด 85. หมู่ดาว

อัล-บุรูจญ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยท้องฟ้ากับดวงดาวของมัน 2 และด้วยวันที่ถูกสัญญาไว้ 3 และขอสาบานด้วยผู้เห็นและสิ่งที่ถูกเห็น 4 ความหายนะได้บังเกิดขึ้นแล้ว กับผู้คนแห่งหลุม 5 ที่มีไฟลุกโชนด้วยเชื้อเพลิง 6 เมื่อพวกเขานั่งอยู่ข้าง หลุม 7 และมองเห็นสิ่งที่พวกเขากำ�ลังทำ�กับบรรดาผู้ศรัทธา 8 ที่พวกเขา เกลียดโดยไม่มีเหตุผลใดนอกไปจากพวกเขาเหล่านั้นศรัทธาในพระเจ้า ผู้ทรงอำ�นาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ 9 ผู้ทรงเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่ง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระเจ้าทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง 10 สำ�หรับบรรดา ผู้เข่นฆ่าสังหารบรรดาชายและหญิงผู้ศรัทธาแล้วยังไม่สำ�นึกผิดหลังจาก นั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษของนรกและการลงโทษโดยการเผาไหม้ 11 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้นมีสวรรค์สำ�หรับพวกเขาซึ่ง ใต้นั้นมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ 12 แท้จริง การ

อัล-ฏอริก

595

ลงโทษของพระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นรุนแรงสาหัสยิ่ง 13 แท้จริง พระองค์ คือผู้ทรงสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก และพระองค์อีกเช่นกันที่จะทรงสร้างขึ้น มาอีก 14 และพระองค์คือผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงรักใคร่ปรานี 15 ผู้ทรงเป็น เจ้าของบัลลังก์อันทรงเกียรติ 16 ทรงเป็นผู้ทำ�ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ 17 เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของบรรดาไพร่พล 18 ของฟาโรห์และชาวษะมู ดกระนั้นหรือ? 19 แต่บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมยังดึงดันอยู่ในการปฏิเสธ 20 พระเจ้าได้ทรงล้อมพวกเขาไว้ทุกด้านแล้ว 21 แท้จริงแล้ว มันคือกุรอา นอันประเสริฐ 22 ที่ถูกบันทึกไว้บนแผ่นที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี 86. สิ่งที่มาในตอนกลางคืน

อัล-ฏอริก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าและผู้มาเยือนในยามค่�ำ คืน 2 และอะไรที่จะทำ�ให้ เจ้ารู้ว่าอะไรที่มาเยือนในยามค่�ำ คืน? 3 มันคือดวงดาวที่ประกายแสง นั่นไง 4 (เพราะ)ไม่มีชีวิตใดถูกทิ้งไว้โดยปราศจากการป้องกัน 5 ดังนั้น มนุษย์จงตรองดูเถิดว่าเขาได้ถูกสร้างมาจากอะไร 6 เขาถูกสร้างมาจาก น้ำ�ที่พุ่งกระฉูด 7 ออกมาจากระหว่างกระดูกสันหลังและกระดูกหน้าอก 8 แน่นอน พระองค์ทรงมีอำ�นาจที่จะสร้างเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง 9 ในวัน ที่ความลับทั้งหลายจะถูกเปิดเผย 10 หลังจากนั้น มนุษย์จะไม่มีอำ�นาจ ใดๆของตนเองและไม่มีผู้ช่วยเหลือใดๆ 11 ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าทั้งหลาย ที่โคจรอยู่ตลอดเวลา 12 และด้วยแผ่นดินที่แยกออกพร้อมกับการเติบ โตใหม่ๆ 13 แท้จริง มันคือวจนะอันชัดเจนเด็ดขาด 14 และมันไม่ใช่ของ เล่น 15 พวกเขากำ�ลังวางแผนกันอยู่ 16 และฉันก็กำ�ลังวางแผนอยู่เช่นกัน

596

87. สูงที่สุด

ดังนั้น (โอ้นบี) จงอดทนต่อบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมและปล่อยพวกเขา ไว้สักระยะหนึ่ง 17

87. สูงที่สุด

อัล-อะอฺลา

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 (โอ้ นบี) จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสูงที่สุด 2 ผู้ทรง สร้างทุกสิ่งและผู้ทรงกำ�หนดสัดส่วนให้มัน 3 ผู้ทรงกำ�หนดธรรมชาติ (ของทุกสิ่งที่มีอยู่) และทรงนำ�ทางมันไปตามนั้น 4 ผู้ทรงทำ�ให้พืชพรรณ งอกเงยออกมา 5 หลังจากนั้นทรงทำ�ให้มันเหี่ยวลงมาเป็นขยะสีคล้�ำ 6 (โอ้นบี) เราจะทำ�ให้เจ้าอ่านกุรอานเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ลืม 7 เว้นแต่

พระเจ้าจะทรงประสงค์ พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่เปิดเผยและสิ่งที่ถูกซ่อนเร้น เราจะให้หนทางแห่งความสะดวกง่ายดายแก่เจ้า 9 ดังนั้น จงตักเตือน พวกเขาเถิดถ้าหากการตักเตือนนั้นเป็นประโยชน์ 10 ใครที่กลัว(พระเจ้า) จะยอมรับคำ�ตักเตือน 11 ส่วนผู้เคราะห์ร้ายจะไม่สนใจใยดี 12 ผู้ที่จะเข้า นรกขุมใหญ่ 13 ซึ่งในนั้นเขาจะไม่ตายและไม่มีชีวิต 14 แท้จริง ผู้ประสบ ความสำ�เร็จคือผู้ที่ขัดเกลาตนเองให้บริสุทธิ์ 15 และผู้ระลึกถึงพระนาม ของพระผู้อภิบาลของเขาแล้วนมาซ 16 แต่สูเจ้า (โอ้มนุษย์) กลับชอบชีวิต แห่งโลกนี้ 17 ทั้งๆที่โลกหน้านั้นดีกว่าและถาวรกว่า 18 แท้จริง นี่เป็นสิ่ง ได้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้แล้ว 19 นั่นคือคัมภีร์ของอิบรอฮีมและมู ซา 8

อัล-ฆอชิยะฮฺ

597

88. เหตุการณ์ที่ปกคลุม

อัล-ฆอชิยะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เจ้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับความหายนะที่เป็นเงาปกคลุมแล้วมิใช่หรือ? 2 ในวันนั้น หลายใบหน้าจะก้มต่ำ� 3 กรำ�งานหนัก รู้สึกหดหู่ 4 พวกเขา จะเข้าไปในเปลวไฟอันร้อนแรง 5 และจะได้ดื่มน้ำ�จากน้�ำ พุเดือด 6 ไม่มี อาหารใดสำ�หรับพวกเขานอกไปจากหนาม 7 ที่จะไม่ทำ�ให้เขาอ้วนและ ไม่ท�ำ ให้หายหิว 8 หลายใบหน้าในวันนั้นจะเบิกบาน 9 ดีใจกับสิ่งที่เขา ได้ท�ำ ไว้ 10 ในสวนสวรรค์อันสูงส่ง 11 ที่พวกเขาจะไม่ได้ยินเรื่องไร้สาระ 12 พร้อมกับตาน้�ำ ไหลรินอยู่ตลอด 13 มีฟูกที่ยกสูง 14 และถ้วยแก้วที่ถูก จัดเรียงไว้พร้อมหยิบ 15 มีหมอนอิงเรียงไว้เป็นแถว 16 และพรมอย่างดีปู ลาดไว้ 17 พวกเขาไม่พิจารณาอูฐหรือว่ามันถูกสร้างมาอย่างไร? 18 และ ดูท้องฟ้าว่ามันถูกยกสูงขึ้นอย่างไร? 19 และดูภูเขาว่ามันได้ถูกตั้งมั่น ไว้อย่างไร? 20 และดูว่าแผ่นดินได้ถูกแผ่ขยายอย่างไร? 21 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงตักเตือนพวกเขาต่อไปเถิด เพราะเจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น 22 เจ้าไม่ใช่ผู้ดูแลพวกเขา 23 แต่ผู้ที่หันหลังให้และบรรดาผู้ปฏิเสธ สัจธรรมนั้น 24 พระเจ้าจะลงโทษพวกเขาอย่างหนัก 25 แท้จริง ยังเราต่าง หากที่พวกเขาจะกลับมา 26 หลังจากนั้น เราเองมีหน้าที่จะเรียกพวกเขา มาชำ�ระบัญชี

598

89. รุ่งอรุณ

89. รุ่งอรุณ

อัล-ฟัจญร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยยามรุ่งอรุณ 2 และด้วยคืนทั้งสิบ 3 และด้วยสิ่งที่เป็น จำ�นวนคู่และคี่ 4 และด้วยกลางคืนเมื่อมันจากไป 5 ในนั้นไม่มีหลัก ฐานที่หนักแน่นสำ�หรับผู้มีสติหรือ? 6 เจ้าไม่รู้หรือว่าพระผู้อภิบาลของ เจ้าจัดการอย่างไรกับพวกอ๊าด 7 ชาวอิร็อม เมืองที่มีเสาสูงตระหง่าน มากมาย 8 ซึ่งไม่เคยมีใครสร้างมาก่อนในแผ่นดิน 9 และพวกษะมูดที่ ขุดเจาะหินในหุบเขา? 10 และฟาโรห์แห่งเสาหลักมากมาย? 11 พวก เขาทั้งหมดคือผู้ที่ล่วงละเมิดในแผ่นดินของพวกเขา 12 และแพร่ความ เสียหายอย่างมากมายในนั้น 13 ด้วยเหตุนี้ พระผู้อภิบาลของเจ้าจึงได้ กระหน่ำ�การลงโทษลงมาบนพวกเขา 14 เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ทรงเฝ้าดูอยู่เสมอ 15 สำ�หรับมนุษย์นั้น เมื่อใดก็ตามที่พระผู้อภิบาลของ เขาทรงทดสอบเขา และให้้เกียรติเขา และประทานความโปรดปราน แก่เขา เขาจะกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของฉันทรงให้เกียรติฉัน” 16 แต่ เมื่อพระองค์ทรงทดสอบเขาและจำ�กัดปัจจัยยังชีพของเขา เขาก็กล่าว ว่า “ พระผู้อภิบาลของฉันได้สร้างความอัปยศให้แก่ฉัน” 17 ไม่ใช่เช่นนั้น เลย แต่สูเจ้าไม่ปฏิบัติดีต่อเด็กกำ�พร้า 18 และสูเจ้าไม่ส่งเสริมกันในการ เลี้ยงอาหารคนยากจน 19 และสูเจ้ากินมรดกของผู้อ่อนแอด้วยความโลภ 20 และสูเจ้ารักทรัพย์สินที่ไม่เคยพอ 21 ไม่ใช่เลย เมื่อแผ่นดินถูกทำ�ให้สั่น สะเทือนจนเป็นผุยผง 22 เมื่อพระผู้อภิบาลของเจ้ามาพร้อมกับทูตสวรรค์ ที่เรียงรายกันเป็นแถว 23 และนรกในวันนั้นได้ถูกนำ�มาให้เห็น ในวันนั้น มนุษย์จะเข้าใจ แต่ความเข้าใจจะมีประโยชน์อะไรต่อเขาในตอนนั้น? 24 เขาจะกล่าวว่า “ฉันน่าจะเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้าสำ�หรับชีวิตนี้ของ

อัล-บะลัด

599

ฉันบ้าง 25 แล้วในวันนั้น ไม่มีใครสามารถลงโทษเหมือนพระองค์ทรง ลงโทษได้ 26 และไม่มีใครสามารถผูกมัดได้เหมือนพระองค์ 27 (สำ�หรับผู้ มีคุณธรรมนั้น พระเจ้าจะทรงกล่าวแก่เขาว่า) “โอ้ชีวิตที่สงบสุขเอ๋ย 28 จง กลับไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้า ด้วยความยินดีและความปลื้มปิติ 29 จง เข้ามาร่วมกับบ่าวผู้มีคุณธรรมของฉัน 30 และเข้าสวรรค์ของฉันเถิด” 90. เมือง

อัล-บะลัด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ฉันขอสาบานด้วยเมืองนี้ 2 ในขณะที่เจ้า (โอ้ นบี) อาศัยอยู่ในเมืองนี้ 3 และฉันขอสาบานด้วยผู้ให้กำ�เนิดและลูกหลาน 4 ว่าเราได้สร้างมนุษย์ มาให้มีชีวิตอยู่ในความเหนื่อยยากและอยู่ในการทดสอบ 5 เขาคิดหรือว่า ไม่มีผู้ใดจะมีอ�ำ นาจเหนือเขา? 6 เขากล่าวว่า “ฉันได้ใช้ทรัพย์สินมหาศาล มาแล้ว” 7 เขาคิดหรือว่าไม่มีผู้ใดเห็นเขา? 8 เรามิได้ให้สองตา 9 และ ลิ้นและสองริมฝีปากแก่เขา 10 และให้เขาได้เห็นถึงทั้งสองทางกระนั้น หรือ? 11 แต่เขาก็ไม่ได้พยายามขึ้น 12 เจ้ารู้หรือไม่ว่าทางขึ้นนั้นคืออะไร? 13 มันคือการปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ 14 หรือการเลี้ยงอาหารในยาม อดอยากหิวโหย 15 ของเด็กกำ�พร้าที่เป็นญาติใกล้ชิด 16 หรือคนยากจน ที่นอนอยู่ในฝุ่น 17 ดังนั้น จงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ศรัทธา และตักเตือนกัน และกันไปสู่ความอดทนและตักเตือนกันไปสู่ความเมตตา 18 บรรดาผู้ทำ� เช่นนั้นคือผู้คนที่อยู่ด้านขวามือ 19 และสำ�หรับบรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม ของสิ่งที่เราประทานมานั้น พวกเขาคือคนที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ 20 พวก เขาจะมีไฟนรกห่อหุ้มอยู่

600

91. ดวงอาทิตย์

91. ดวงอาทิตย์

อัล-ชัมส์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยดวงอาทิตย์และแสงสว่างของมัน 2 และด้วยดวงจันทร์ เมื่อมันโคจรตามหลังมัน 3 และด้วยกลางวันเมื่อมันเปิดเผยความสว่างจ้า ของมัน 4 และด้วยยามกลางคืนเมื่อมันลากม่านมาปกคลุมมัน 5 และด้วย ชั้นฟ้าและพระองค์ผู้ทรงสร้างมัน 6 และด้วยแผ่นดินและพระองค์ผู้ทรง แผ่ขยายมัน 7 และด้วยตัวตนของมนุษย์และพระองค์ผู้ทรงสร้างมันขึ้นมา อย่างสมดุล 8 แล้วได้ทรงดลใจให้มันได้รู้ว่าอะไรถูกและอะไรผิดสำ�หรับ มัน 9 แท้จริง ผู้ประสบความสำ�เร็จคือผู้ที่ขัดเกลาตนเองให้บริสุทธิ์ 10 และ ผู้ทำ�ลายมันย่อมเป็นผู้ล้มเหลว 11 พวกษะมูดได้ปฏิเสธสัจธรรมเพราะ ความโอหังของพวกเขา 12 เมื่อคนชั่วที่สุดของพวกเขาได้ลุกขึ้น 13 ดังนั้น ศาสนทูตของพระเจ้าจึงได้บอกพวกเขาว่า “นี่คืออูฐตัวเมียของพระเจ้า จงปล่อยให้มันดื่มน้�ำ ” 14 แต่พวกเขาปฏิเสธสิ่งที่เขากล่าวและฆ่าอูฐตัว นั้น ดังนั้น พระผู้อภิบาลของพวกเขาจึงได้ลงโทษพวกเขาเพราะบาปของ พวกเขาและได้ทำ�ลายพวกเขาทั้งหมด 15 และพระองค์มิทรงเกรงกลัวผล ที่จะตามมา 92. กลางคืน

อัล-ลัยล์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันปิดบัง(โลก)ไว้ในความมืด 2 และ เวลากลางวันเมื่อมันส่องสว่าง 3 และด้วยการสร้างเพศชายและเพศหญิง

อัล-ฎุฮา

601

4 มนุษย์เอ๋ย ความพยายามของสูเจ้านั้นก็เพื่อเป้าหมายที่ต่างกัน 5 ดังนั้น ผู้ใดที่ใช้จ่าย(เพื่อคนอื่น)และเกรงกลัวพระเจ้า 6 และเชื่อมั่นในสัจธรรม ของสิ่งที่ถูกต้อง 7 เราจะปูหนทางของเขาไปสู่ความสะดวกง่ายดาย 8 ส่วนผู้ที่ตระหนี่และไม่ใส่ใจ 9 และปฏิเสธสิ่งที่ถูกต้อง 10 เราจะทำ�ให้ทาง ของเขาไปสู่ความลำ�บาก 11 และทรัพย์สินของเขาจะไม่เกิดประโยชน์ อันใดแก่เขาเมื่อเขาตกลงไป(ในขุมนรก) 12 แท้จริง หน้าที่ของเราคือ การนำ�ทาง 13 และทั้งโลกหน้าและโลกนี้เป็นของเรา 14 ฉันได้เตือนสูเจ้า แล้วถึงไฟที่ลุกโชน 15 ไม่มีใครถูกเผาไหม้ในนั้นนอกไปจากคนชั่วที่สุด 16 ที่ปฏิเสธสัจธรรมและหันหลังให้ 17 ส่วนผู้ที่ยำ�เกรงที่สุดนั้นจะถูกให้ อยู่ห่างจากมัน 18 นั่นคือผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์สินของเขาเพื่อขัดเกลาตนเอง 19 และเขาไม่ได้รับความดีความชอบจากผู้ใดที่เขาจะต้องให้การตอบแทน 20 นอกจากการแสวงหาความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของเขาผู้ทรง สูงส่งเท่านั้น 21 และไม่นานเขาจะได้รับความพอใจ

93. แสงสว่างยามเช้าที่เจิดจ้า

อัล-ฎุฮา

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยแสงสว่างของยามเช้าที่เจิดจ้า 2 และกลางคืนเมื่อมัน มืด 3 พระผู้อภิบาลของเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งเจ้า และมิได้ทรงโกรธเคือง เจ้า 4 แน่นอน โลกหน้านั้นดีกว่าชีวิตปัจจุบันสำ�หรับเจ้า 5 ในไม่ช้า พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงประทานแก่เจ้าอย่างมากมายจนเจ้าพอใจ 6 พระองค์มิได้พบว่าเจ้าเป็นเด็กกำ�พร้าและหลังจากนั้นได้ทรงดูแลเจ้า กระนั้นหรือ? 7 พระองค์มิได้ทรงพบว่าเจ้าไม่รู้จักทางและพระองค์ได้ทรง นำ�ทางเจ้ากระนั้นหรือ? 8 พระองค์มิได้ทรงพบว่าเจ้าขัดสนและพระองค์

602

ทรงทำ�ให้เจ้าหมดจากความขัดสนกระนั้นหรือ? 9 ดังนั้น จงอย่าก้าวร้าว รุนแรงต่อเด็กกำ�พร้า 10 ส่วนผู้มาขอนั้น เจ้าจงอย่าดุด่าขับไล่ 11 และจง ประกาศถึงความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของเจ้า 94. ความสะดวกสบาย

อัล-ชัรฺฮ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 (โอ้นบี) เรามิได้ยกหัวใจของเจ้าให้สูงขึ้น 2 และปลดภาระหนักออกไป จากเจ้า 3 ซึ่งเป็นภาระหนักบนหลังของเจ้า 4 และเรามิได้ทำ�ให้เจ้ามีชื่อ เสียงกระนั้นหรือ? 5 แท้จริง พร้อมๆกับความยากลำ�บากนั้นมีความง่าย อยู่ 6 แน่นอน พร้อมๆกับความยากลำ�บากนั้นมีความง่ายอยู่ 7 ดังนั้น เมื่อเจ้าเสร็จสิ้นจากการงานแล้ว จงอุทิศตนเองให้แก่การปฏิบัติศาสนกิจ 8 และจงหันความสนใจของเจ้าทั้งหมดไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้า 95. มะเดื่อ

อัล-ตีน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยมะเดื่อและมะกอก 2 และด้วยภูเขาซีนาย 3 และด้วย เมืองแห่งความสงบปลอดภัยนี้ 4 แท้จริง เราได้สร้างมนุษย์มาในรูปแบบ ที่ดีที่สุด 5 หลังจากนั้น เราได้ท�ำ ให้เขากลับไปสู่ความต่�ำ สุดของความต่ำ� 6 ยกเว้นบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี สำ�หรับพวกเขานั้นมีรางวัล ตอบแทนอันไม่สิ้นสุด 7 ดังนั้น (โอ้ นบี) หลังจากนี้แล้ว อะไรเล่าที่จะ

อัล-อะลัก

603

ทำ�ให้เจ้าปฏิเสธการพิพากษาครั้งสุดท้าย? 8 มิใช่พระเจ้ากระนั้นหรือที่ดี ที่สุดในบรรดาผู้พิพากษาทั้งหลาย? 96. ก้อนเลือด

อัล-อะลัก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงอ่าน ด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสร้าง 2 ทรงสร้าง มนุษย์จากก้อนเลือด 3 จงอ่าน พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงโอบอ้อม อารีที่สุด 4 ผู้ทรงสอนมนุษย์ด้วยปากกา 5 ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขา ไม่รู้ 6 ถึงกระนั้น มนุษย์ยังคงทำ�ตัวโอหัง 7 เพราะเขาเห็นว่าตัวเขาเอง มั่งคั่งเพียงพอ 8 แท้จริง ทั้งหมดจะกลับไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้า 9 เจ้า ไม่เห็นผู้ห้าม 10 บ่าวคนหนึ่งเมื่อเขานมาซกระนั้นหรือ? 11 เจ้าคิดหรือ ว่าเขาอยู่บนหนทางที่ถูกต้อง 12 หรือกำ�ชับให้มีความยำ�เกรงพระเจ้า? 13 เจ้าเห็นไหมว่าเขาปฏิเสธสัจธรรมและหันหลังให้มันอย่างไร? 14 เขา ไม่รู้หรือว่าพระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่ง? 15 จงให้เขาระวังไว้ ! ถ้าหากเขาไม่ หยุดยั้ง เราจะจิกหัวขม่อมเขา 16 หัวขม่อมที่โกหกและทำ�บาป 17 ดัง นั้น จงให้เขาเรียกพวกที่สนับสนุนพวกเขามา 18 เราจะเรียกทูตสวรรค์ผู้ ลงโทษมาเช่นกัน 19 อย่าทีเดียว จงอย่าเชื่อฟังเขา และจงก้มกราบและจง เข้าใกล้พระเจ้า 1

604

��������������������

97. คืนแห่งการกำ�หนด

อัล-ก๊อดรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เราได้ส่งมัน(กุรอาน)ลงมาในคืนแห่งการกำ�หนดชะตากรรม 2 และอะไร ที่ท�ำ ให้เจ้ารู้ว่าคืนแห่งการกำ�หนดชะตามกรรมนั้นคืออะไร? 3 คืนแห่ง การกำ�หนดชะตากรรมนั้นดีกว่าพันเดือน 4 ในคืนนั้น บรรดาทูตสวรรค์ และวิญญาณได้ลงมาพร้อมกับประกาศิตสำ�หรับทุกอย่างโดยอนุมัติของ พระผู้อภิบาลของพวกเขา 5 คืนนั้นเป็นคืนที่สงบจนกระทั่งรุ่งอรุณ 98. หลักฐานที่ชัดเจน

อัล-บัยยินะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจากในหมู่ชาวคัมภีร์และพวกบูชาเทวรูปจะ ไม่ละเว้นจากการปฏิเสธจนกระทั่งหลักฐานอันชัดแจ้งได้มายังพวกเขา 2 (นั่นคือ)ศาสนทูตคนหนึ่งจากพระเจ้าจะมาอ่านคัมภีร์อันบริสุทธิ์ให้พวก เขา 3 ซึ่งในนั้นมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างถูกต้องและชัดเจน 4 บรรดาผู้ที่ได้รับ คัมภีร์ก่อนหน้านี้มิได้มีการแตกแยกกันจนกระทั่งหลังจากที่มีหลักฐาน อันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว 5 พวกเขามิได้ถูกบัญชาใช้สิ่งใดนอกไป จากการเคารพสักการะพระเจ้าโดยการอุทิศตนด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อ พระองค์ จริงใจในความศรัทธาของพวกเขา ดำ�รงนมาซเป็นประจำ�และ จ่ายซะกาต เพราะนี่เท่านั้นคือศาสนาที่แท้จริงและถูกต้องที่สุด 6 แท้จริง บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมจากในหมู่ชาวคัมภีร์และผู้บูชาเทวรูปนั้นจะอยู่ ในนรกตลอดกาล พวกเขาเหล่านั้นเป็นมนุษย์ที่ชั่วช้าที่สุด 7 สำ�หรับ

605

บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดีนั้น พวกเขาคือมนุษย์ที่ดีที่สุด 8 พระผู้ อภิบาลของพวกเขามีรางวัลตอบแทนไว้ส�ำ หรับพวกเขา เป็นสวนสวรรค์ อันนิรันดรที่ใต้นั้นมีลำ�น้ำ�หลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้อยู่ในนั้น ตลอดกาล พระเจ้าจะทรงยินดีกับพวกเขาและพวกเขาจะยินดีในพระองค์ ทั้งหมดนี้สำ�หรับผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา 99. แผ่นดินไหว

อัล-ซัลซะละฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เมื่อแผ่นดินถูกสั่นสะเทือนด้วยการสั่นสะเทือนอย่างสุดแรงของมัน 2 และเมื่อแผ่นดินโยนทุกสิ่งที่มันแบกเอาไว้ในนั้นออกมา 3 และเมื่อ มนุษย์ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับมัน ?” 4 ในวันนั้น มันจะบอกเล่าถึงสิ่งที่ ได้เกิดขึ้น 5 เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงบัญชามัน 6 ในวันนั้น มนุษย์ จะออกกันมาเป็นหมู่ๆเพื่อที่จะได้เห็นการงานของพวกเขา 7 ดังนั้น ใคร ก็ตามที่ได้ท�ำ ความดีไว้แม้เพียงอณูหนึ่งจะได้เห็นมัน 8 และใครก็ตามที่ ได้ทำ�ความชั่วไว้แม้เพียงอณูหนึ่งก็จะได้เห็นมัน 100. ม้าที่หอบ

อัล-อาดิยาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมเตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยม้าที่วิ่งส่งเสียงหอบอย่างแรง 2 ทำ�ให้เกิดประกายไฟ ด้วยกีบเท้าของมัน 3 ในขณะที่พวกมันควบเพื่อทำ�การจู่โจมในตอนเช้า 4 และทำ�ให้ฝุ่นฟุ้ง 5 แล้วมันพุ่งตัวเข้าไปท่ามกลางศัตรู 6 แท้จริง มนุษย์

606

นั้นเนรคุณต่อพระผู้อภิบาลของเขา 7 และตัวเขาเองก็เป็นพยานต่อสิ่งนั้น 8 เขารักทรัพย์สมบัติแห่งโลกนี้อย่างหมดหัวใจ 9 เขาไม่รู้หรือว่าเมื่อใด สิ่งที่ถูกฝังอยู่ในสุสานจะถูกนำ�ขึ้นมา? 10 และสิ่งทั้งหมดที่ถูกซ่อนอยู่ใน หัวอกของเขาจะถูกเปิดเผย? 11 แน่นอน ในวันนั้นพระผู้อภิบาลของพวก เขาจะทรงรู้เรื่องของเขาเป็นอย่างดี 101. ผู้ทำ�ให้เกิดเสียงกระทบกัน

อัล-กอริอ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 สิ่งที่ท�ำ ให้เกิดเสียงกึกก้องกัมปนาท 2 อะไรคือสิ่งที่ท�ำ ให้เกิดเสียง กึกก้องกัมปนาท? 3 และเจ้ารู้บ้างไหมว่าสิ่งที่ท�ำ ให้เกิดเสียงกึกก้อง กัมปนาทคืออะไร? 4 (มันเป็น)วันที่มนุษย์จะเป็นเหมือนแมลงเม่าที่ กระจาย 5 และภูเขาจะเหมือนกับขนสัตว์หลากสีที่ปลิวว่อน 6 ดังนั้น ใคร ที่การงานที่ดีของเขามีน�้ำ หนักในตาชั่ง 7 จะมีชีวิตที่มีความสุข 8 แต่ใคร ที่การงานของเขาเบาในตาชั่ง 9 เขาจะได้อยู่ในขุมนรก 10 และเจ้ารู้อะไร ไหมว่ามันเหมือนกับอะไร? 11 มันคือไฟที่ลุกโชตช่วง 102. โลภอยากได้แล้วได้อีก

อัล-ตะกาซุรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ความโลภเพื่อให้ได้มากขึ้นและมากขึ้นทำ�ให้สูเจ้าเพลิดเพลินจนหลงลืม (พระเจ้า) 2 จนกระทั่งสูเจ้าได้มาถึงหลุมฝังศพ 3 แน่นอน ในไม่ช้า สูเจ้า จะรู้ 4 ในไม่ช้า สูเจ้าจะได้รู้ 5 แน่นอน ถ้าสูเจ้าได้รู้ความจริงด้วยความเชื่อ

อัล-ฮุมะซะฮฺ

607

มั่น 6 สูเจ้าจะได้เห็นนรกอย่างแน่นอน 7 ดังนั้น สูเจ้าจะได้เห็นมันชัดๆ อย่างแน่นอน 8 แล้วในวันนั้น สูเจ้าจะถูกเรียกมาสอบสวนในเรื่องความ โปรดปรานและความสุขแห่งชีวิต 103. การผ่านไปของเวลา

อัล-อัศรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ขอสาบานด้วยเวลาที่ผ่านไป 2 มนุษย์นั้นอยู่ในสภาพขาดทุนอย่าง แน่นอน 3 เว้นแต่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำ�ความดี และชักชวนกันไปสู่ สัจธรรม และชักชวนกันไปสู่ความอดทน 104. ผู้นินทา

อัล-ฮุมะซะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 ความวิบัติจงมีแก่ทุกคนที่ชอบนินทาและใส่ร้ายผู้อื่น 2 ผู้ที่ชอบสะสม ทรัพย์สินและนับมันอยู่เนืองๆ 3 โดยคิดว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะยังคง อยู่กับเขาตลอดไป 4 ไม่มีวัน เขาจะถูกโยนลงไปในสถานที่ที่มีการบดขยี้ 5 และเจ้ารู้ไหมว่าสถานที่ที่มีการบดขยี้นั้นคืออะไร? 6 มันคือไฟที่พระเจ้า ทรงจุดขึ้น 7 ซึ่งจะลุกท่วมขึ้นมาถึงหัวใจ 8 มันจะไหม้ล้อมพวกเขาในทุก ด้าน 9 ในเสาที่สูงเหมือนหอคอย

608

105. ช้าง

อัล-ฟีล

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เจ้าไม่เห็นหรือว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าได้จัดการกับพวกที่มากับช้าง อย่างไร? 2 พระองค์มิได้ทรงทำ�ให้แผนการของพวกเขาจบลงด้วยความ ล้มเหลว 3 และพระองค์ทรงส่งฝูงนกจำ�นวนมากมายมายังพวกเขา 4 และ ขว้างพวกเขาด้วยหินจากดินเผา 5 แล้วหลังจากนั้นพระองค์ทรงทำ�ให้ พวกเขาเป็นเหมือนกับฟางหญ้าที่ถูกปศุสัตว์กินกระนั้นหรือ? 106. กุเรช

กุรอยชฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เพื่อความปลอดภัยของชาวกุเรช 2 เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาใน การเดินทางในฤดูหนาวและในฤดูร้อน 3 ดังนั้น จงให้พวกเขาควรเคารพ สักการะพระผู้อภิบาลแห่งบ้านหลังนี้ 4 ผู้ทรงให้อาหารพวกเขาพ้นจาก ความหิว และทำ�ให้พวกเขาปลอดภัยจากความกลัว 107. สิ่งเล็กๆน้อยๆ

อัล-มาอูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เจ้าเห็นคนที่ปฏิเสธวันแห่งการพิพากษาหรือไม่? 2 เขาผู้นั้นก็คือผู้ขับ ไล่ไสส่งเด็กกำ�พร้า 3 และไม่ส่งเสริมการให้อาหารแก่คนยากจน 4 ดังนั้น

609

ความหายนะจงมีแด่บรรดาผู้นมาซ 5 แต่หัวใจของพวกเขาไม่อยู่ในการ นมาซของพวกเขา 6 บรรดาผู้ท�ำ ดีเพื่อให้คนได้เห็น 7 และผู้หวงแหนสิ่ง เล็กๆน้อย 108. ความอุดมสมบูรณ์

อัล-เกาษัรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 (โอ้นบี) เราได้ประทานความอุดมสมบูรณ์แก่เจ้า 2 ดังนั้น จงวิงวอนต่อ พระผู้อภิบาลของเจ้าและจงเชือดพลีเพื่อพระองค์เท่านั้น 3 แท้จริง คนที่ เกลียดเจ้าต่างหากที่ถูกตัดขาดแล้ว 109. บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม

อัล-กาฟิรูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 จงกล่าวเถิดว่า “โอ้บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรมทั้งหลาย 2 ฉันไม่เคารพสัก การะสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะ 3 และพวกท่านก็ไม่เคารพสักการะ พระองค์ผู้ที่ฉันเคารพสักการะ 4 ฉันจะไม่มีวันเคารพสักการะสิ่งที่พวก ท่านเคารพสักการะ 5 และพวกท่านจะไม่มีวันเคารพสักการะสิ่งที่ฉัน เคารพสักการะ 6 พวกท่านมีศาสนาของพวกท่าน และฉันก็มีศาสนาของ ฉัน”

610

110. ความช่วยเหลือ

อัล-นัศร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 เมื่อความช่วยเหลือของพระเจ้าและชัยชนะมา 2 และเจ้าเห็นผู้คนกำ�ลัง เข้ามาในศาสนาของพระเจ้าเป็นกลุ่มๆ 3 ดังนั้น จงสดุดีพระผู้อภิบาลของ เจ้าด้วยการสรรเสริญ และจงวิงวอนขอการอภัยโทษต่อพระองค์ แท้จริง พระองค์พร้อมเสมอที่จะรับการสำ�นึกผิด 111. เส้นใยที่ถูกบิดเป็นเกลียว

อัล-มะซัด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 มือทั้งสองของอบูละฮับได้หักสะบั้นแล้วและเขาก็ได้รับความหายนะ 2 ทรัพย์สินของเขาและอะไรก็ตามที่เขาหามาได้นั้นไม่ได้อำ�นวย ประโยชน์อะไรให้เขาเลย 3 ในไม่ช้า เขาจะถูกโยนเข้าไปในไฟที่ลุกโชน 4 เช่นเดียวกับภรรยาของเขาผู้แบกเชื้อเพลิง 5 ด้วยเชือกที่ท�ำ ด้วยใย อินทผลัมบิดเป็นเกลียวรอบคอของนาง

611

112. ความเป็นหนึ่งเดียว

อัล-อิคลาศ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 จงกล่าวเถิด “พระองค์คือพระเจ้า ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียว 2 พระเจ้าทรง เป็นผู้ทรงมีทุกอย่างโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด 3 พระองค์ไม่ทรงให้ก�ำ เนิด และพระองค์มิได้ทรงถูกกำ�เนิด 4 และไม่มีสิ่งใดเหมือนกับพระองค์” 113. รุ่งสาง

อัล-ฟะลัก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงกล่าว “ฉันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งรุ่งอรุณ 2 ให้พ้น จากความชั่วร้ายของทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง 3 และจากความชั่วแห่ง ความมืดของกลางคืนเมื่อมันแผ่ลงมา 4 และจากความชั่วของผู้เสกเป่าลง ไปบนปมเงื่อน 5 และจากความชั่วของผู้อิจฉาเมื่อเขาอิจฉา” 1

114. ผู้คน

อัล-นาส

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 1 จงกล่าว : “ฉันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งมนุษยชาติ 2 ราชาแห่งมนุษยชาติ 3 พระเจ้าของมนุษยชาติ 4 ให้พ้นจากความชั่วของ ผู้แอบเข้ามากระซิบครั้งแล้วครั้งเล่า 5 ผู้กระซิบเข้าไปในหัวใจของมนุษย์ 6 ทั้งจากพวกญินและมนุษย์”

Quran Translations in 30 Languages

• English • French • Spanish • German • Dutch • Italian • Russian • Portuguese • Polish

• Chinese • Chichewa • Filipino • Hebrew • Sinhalese* • Braille • Burmese • Afrikaans* • Rwandese*

• Korean • Maori* • Bengali • Urdu • Hindi • Malayalam • Tamil • Marathi • Telugu

• Gujarati • Punjabi • Kannada • Dogri • Assamese* • Manipuri • Khasi* • Odia* • Thai

To order a free printed copy of the Quran, please log on to: www.goodwordbooks.com, www.cpsglobal.org Free copies of the Quran are available for hotels, hospitals, prisons, etc. Please contact: [email protected], [email protected] Whatsapp: +91 8588822680 For requirements in the US and Canada, please contact: [email protected] Mob. 617-960-7156

Explore our Digital Resources Languages Player

Chapter 2

We have entered a new era. Never in history has the world been so connected, diverse, educated and aware. It is an era where, fuelled by curiosity, we find ourselves on a never-ending quest for answers and knowledge and one where confidence in reason prevails over the antiquated ways of superstition. The journey of civilization has brought us to an age where reason has become the strongest voice.

www.goodwordbooks.com www.cpsglobal.org

ISBN 978-93-86589-26-2

9 789386 589262

Maulana Wahiduddin Khan

Maulana Wahiduddin Khan is the founder of Centre for Peace and Spirituality, New Delhi, an organization dedicated to presenting Islam to the world as a complete ideology of peace. The Maulana is the author of numerous best-selling books on Islam. He has been internationally recognized for his contributions to world peace.

0:00

Questions on God, Islam, Peace, Spirituality and Wisdom

Maulana Wahiduddin Khan

10

Goodword Quran App Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages

6:00

Ebooks Inspire yourself with a range of free ebooks on peace and spirituality

10

Audiobooks A range of free audiobooks to keep you inspired and motivated

Books on Peace and Spirituality

The Seeker’s Guide Questions on God, Islam, peace, spirituality and wisdom.

spiritofislam.co.in

Discovering God Discover God and His attributes by reflecting on nature, universe and life’s events.

cpsglobal.org

Leading A Spiritual Life The art of spirituality is to extract food for the soul from life’s different circumstances.

goodwordbooks.com

Goodword Quran App 19 Mary

Quran

19.Mary (Maryam) In the name of God, the Most Gracious, the Most Merciful 1 Kaf Ha Ya ‘Ayn Sad 2 This is an account of your Lord’s mercy bestowed upon His servant Zachariah, 3 when he called upon his Lord in low tones,

Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages Inspire yourself with daily quotes, articles, videos, and audios anywhere Share Quran passages on social media, as texts, or via email Download on the

App Store

Get it on

Google Play

Multiple languages

Multimedia

Various translations

Teachings and talks

Inspirational Quotes

Quran based videos and audios

CMYK

Explore our Digital Resources

Goodword Quran App

Languages Player

Chapter 2

We have entered a new era. Never in history has the world been so connected, diverse, educated and aware. It is an era where, fuelled by curiosity, we find ourselves on a never-ending quest for answers and knowledge and one where confidence in reason prevails over the antiquated ways of superstition. The journey of civilization has brought us to an age where reason has become the strongest voice.

www.goodwordbooks.com www.cpsglobal.org

ISBN 978-93-86589-26-2

9 789386 589262

0:00

Maulana Wahiduddin Khan

Maulana Wahiduddin Khan is the founder of Centre for Peace and Spirituality, New Delhi, an organization dedicated to presenting Islam to the world as a complete ideology of peace. The Maulana is the author of numerous best-selling books on Islam. He has been internationally recognized for his contributions to world peace.

Questions on God, Islam, Peace, Spirituality and Wisdom

Maulana Wahiduddin Khan

10

19 Mary

Quran

19.Mary (Maryam) In the name of God, the Most Gracious, the Most Merciful 1 Kaf Ha Ya ‘Ayn Sad 2 This is an account of your Lord’s mercy bestowed upon His servant Zachariah, 3 when he called upon his Lord in low tones,

Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages Inspire yourself with daily quotes, articles, videos, and audios anywhere Share Quran passages on social media, as texts, or via email Download on the

App Store

Goodword Quran App Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages

6:00

Ebooks Inspire yourself with a range of free ebooks on peace and spirituality

10

Audiobooks A range of free audiobooks to keep you inspired and motivated

Books on Peace and Spirituality

Get it on

Google Play

Multiple languages

Multimedia

Various translations

Teachings and talks

Inspirational Quotes

Quran based videos and audios

The Seeker’s Guide Questions on God, Islam, peace, spirituality and wisdom.

spiritofislam.co.in

Discovering God Discover God and His attributes by reflecting on nature, universe and life’s events.

cpsglobal.org

Leading A Spiritual Life The art of spirituality is to extract food for the soul from life’s different circumstances.

goodwordbooks.com

CMYK

Explore our Digital Resources

Goodword Quran App

Languages Player

Chapter 2

We have entered a new era. Never in history has the world been so connected, diverse, educated and aware. It is an era where, fuelled by curiosity, we find ourselves on a never-ending quest for answers and knowledge and one where confidence in reason prevails over the antiquated ways of superstition. The journey of civilization has brought us to an age where reason has become the strongest voice.

www.goodwordbooks.com www.cpsglobal.org

ISBN 978-93-86589-26-2

9 789386 589262

0:00

Maulana Wahiduddin Khan

Maulana Wahiduddin Khan is the founder of Centre for Peace and Spirituality, New Delhi, an organization dedicated to presenting Islam to the world as a complete ideology of peace. The Maulana is the author of numerous best-selling books on Islam. He has been internationally recognized for his contributions to world peace.

Questions on God, Islam, Peace, Spirituality and Wisdom

Maulana Wahiduddin Khan

10

19 Mary

Quran

19.Mary (Maryam) In the name of God, the Most Gracious, the Most Merciful 1 Kaf Ha Ya ‘Ayn Sad 2 This is an account of your Lord’s mercy bestowed upon His servant Zachariah, 3 when he called upon his Lord in low tones,

Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages Inspire yourself with daily quotes, articles, videos, and audios anywhere Share Quran passages on social media, as texts, or via email Download on the

App Store

Goodword Quran App Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages

6:00

Ebooks Inspire yourself with a range of free ebooks on peace and spirituality

10

Audiobooks A range of free audiobooks to keep you inspired and motivated

Books on Peace and Spirituality

Get it on

Google Play

Multiple languages

Multimedia

Various translations

Teachings and talks

Inspirational Quotes

Quran based videos and audios

The Seeker’s Guide Questions on God, Islam, peace, spirituality and wisdom.

spiritofislam.co.in

Discovering God Discover God and His attributes by reflecting on nature, universe and life’s events.

cpsglobal.org

Leading A Spiritual Life The art of spirituality is to extract food for the soul from life’s different circumstances.

goodwordbooks.com

กุรอาน คัมภีร์ที่นำาข่าวดีมายังมนุษชาติพร้อมกับคำาตักเตือนจาก พระเจ้า เน้นย้ำาถึงความสำาคัญของการค้นพบสัจธรรมของมนุษย์ทั้งทาง ด้านจิตวิญญาณและสติปัญญา หนังสือทุกเล่มมีวัตถุประสงค์ของมันและวัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุ รอานคือการทำาให้มนุษย์รู้จักแผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า นั่นคือ เพื่อ บอกมนุษย์ว่าทำาไมพระเจ้าสร้างโลกนี้ การให้มนุษย์มาอาศัยอยู่บนโลก นี้มีวัตถุประสงค์อะไร สิ่งจำาเป็นสำาหรับมนุษย์คืออะไรในช่วงชีวิตก่อน ตาย และเขาจะเผชิญอะไรหลังความตาย วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอาน คือการทำาให้มนุษย์รู้ความจริงนี้ ดังนั้น คัมภีร์กุรอานจึงทำาหน้าที่นำาทาง มนุษย์ตลอดการเดินทางของเขาผ่านชีวิตไปสู่ชีวิตหลังความตาย หัวข้อหลักของคัมภีร์กุรอานคือการให้แสงสว่างทางปัญญา ความใกล้ ชิดกับพระเจ้า ความสงบและจิตวิญญาณ คัมภีร์กุรอานใช้คำา ตะวัซซัม (หมายถึง การพยายามทำาความเข้าใจสัญญาณต่างๆของธรรมชาติ), ตะ ดับบุรฺ(การตรึกตรองและวิเคราะห์อะไรบางอย่าง) และตะฟักกุรฺ(การ นึกถึงพระเจ้า) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเรียนรู้บทเรียนโดยการตรึกตรอง คิด และใคร่ครวญในสัญญาณต่างๆของพระเจ้าที่กระจายไปทั่วโลก การ แปลกุรอานนี้ถูกทำาขึ้นโดยคำานึงถึงหัวข้อหลักดังกล่าวมานี้

แปลเป็นภาษาอังกฤษ โดย

เมาลานา วาฮิดุดดีน คาน ศ. ฟาริดา เคาะนัม แปลเป็นภาษาไทยโดย บรรจง บินกาซัน

GOODWORD BOOKS

4

First published 2020 This translation of the Quran is copyright free Goodword Books 1, Nizamuddin West Market, New Delhi-110013 Tel. +9111-41827083 Mob. +91-8588822672 email: [email protected] www.goodwordbooks.com Center for Peace and Spirituality 1, Nizamuddin West Market, New Delhi-110 013 Mob. +91-999944119 email: [email protected] www.cpsglobal.org Al-Risala Forum International 2665 Byberry Road, Bensalem, PA 19020, USA Cell: 617-960-7156 email: [email protected] Printed in India

5

คำานำา

สารบัญ แผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า คัมภีร์แห่งการเตือนของพระเจ้า จิตวิญญาณภายในและการรู้จักพระเจ้า วจนะของพระเจ้า การต่อสู้ทางอุดมการณ์ที่สันติ คัมภีร์ที่ถูกประทานมา จะอ่านกุรอานอย่างไร

คัมภีร์กุรอาน

การเปิด (อัล ฟาติ ะ ฺ) วัวตัวเมีย (อัล บะกอเราะ ฺ) ครอบครัวของอิมรอน (อาลิ อิมรอน) ผู้หญิง (อัล นิซาอ์) โตะ (อัล มาอิดะ ฺ) ปศุสัตว์ (อัล อันอาม) ที่สูง (อัล อะอฺรอฟ) ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ (อัล อันฟาล) การสำานึกผิด (อัต เตาบะ ฺ) โยนาห์ (ยูนุส) ูด ( ูด) โจเซฟ (ยูซุฟ) ฟ้าคำาราม (อัรฺ เราะอฺด์) อับรา ัม (อิบรอ ีม) พื้นที่ภูเขา (อัล ิจญร์) ผึ้ง (อัล นะ ์ลุ) การเดินทางในยามราตรี (อัล อิสรอ) ถ้ำา (อัล กะ ฺฟ) มารีย์ (มัรฺยัม) อ า ( อ า)

สารบัญ

บรรดานบี (อัล อัมบิยาอ์) การแสวงบุญ (อัล ัจญ์) บรรดาผู้ศรัทธา (อัล มุมินูน) รัศมี (อัล นูรฺ) เกณ ์ตัดสิน (อัล ฟุรฺกอน) กวี (อัล ชุอะรออ์) มด (อัล นัมล์) เรื่องราว (อัล เกาะศ็อศ) แมงมุม (อัล อันกะบูต) ชาวโรมัน (อัล รูม) ลุกมาน (ลุกมาน) การกราบ (อัล ซัจญ์ดะ ฺ) สหพรรค (อัล อะ ฺซาบ) ชีบา (สะบะอ์) ผู้สร้าง (อัล ฟา ิรฺ) ยาซีน (ยาซีน) ตำาแหน่ง (อัล ศ็อฟฟาต) ศอด (ศอด) ูงคน (อัล ซุมัรฺ) ผู้ให้อภัย ( อฟิรฺ) การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด (ฟุศศิลัต) การปรึกษาหารือกัน (อัล ชูรอ) เครื่องประดับทองคำา (อัล ซุครุฟ) ควัน (อัล ดุคอน) การคุกเข่า (อัล ญาซิยะ ฺ) สันทราย (อัล อะ ฺกอฟ) มุ ัมมัด (มุ ัมมัด) ชัยชนะ (อัล ฟัต ฺ) ที่พักอาศัย (อัล ุญุรอต) กอฟ (กอฟ) ลมที่พัดกระจาย (อัล ซาริยาต) ภูเขาซีนาย (อัล ูรฺ)

สารบัญ

ดวงดาว (อัล นัจญม์) ดวงจันทร์ (อัล เกาะมัรฺ) ความกรุณา (อัล เราะ ฺมาน) เหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (อัล วากิอะ ฺ) เหล็ก (อัล ะดีด) การอุทธรณ์ (อัล มุญาดะละ ฺ) การขับไล่ (อัล ัชร์) ผู้หญิงที่ถูกทดสอบ (อัล มุมตะ ะนะ ฺ) ตำาแหน่ง (อัล ศ็อฟ) วันแห่งการชุมนุม (อัล ญุมุอะ ฺ) พวกตลบตะแลง (อัล มุนาฟิกูน) การขาดทุนและกำาไร (อัล ตะ อบุน) การหย่า (อัล เ าะลาก) การห้าม (อัล ตะ ฺรีม) อำานาจสูงสุด (อัล มุลก์) ปากกา (อัล เกาะลัม) เวลาที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (อัล ากเกาะ ฺ) ทางขึ้นข้างบน (อัล มะอาริจญ์) โนอาห์ (นู ฺ) ญิน (อัล ญิน) ผู้ที่คลุมกาย (อัล มุซซัมมิล) ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม (อัล มุดดัซซิรฺ) วันแห่งการฟื้นคืนชีพ (อัล กิยามะ ฺ) มนุษย์ (อัล อินซาน) บรรดาผู้ถูกส่งมา (อัล มุรฺซะลาต) ข่าวคราว (อัล นะบะอ์) ผู้กระชาก (อัล นาซิอาต) เขาแสดงหน้าขมึงทึง (อะบะซะ) การม้วน (อัล ตักวีรฺ) การแยกออกจากกัน (อัล อินฟิ อรฺ) ผู้โกงตาชั่ง (อัล มุ ็อฟฟิฟีน) การเปิดโดยระเบิดออก (อัล อินชิกอก)

7

สารบัญ

หมู่ดาว (อัล บุรูจญ์) สิ่งที่มาในตอนกลางคืน (อัล อริก) สูงที่สุด (อัล อะอฺลา) เหตุการณ์ที่ปกคลุม (อัล อชิยะ ฺ) รุ่งอรุณ (อัล ฟัจญร์) เมือง (อัล บะลัด) ดวงอาทิตย์ (อัล ชัมส์) กลางคืน (อัล ลัยล์) แสงสว่างยามเช้าที่เจิดจ้า (อัล ุ า) ความสะดวกสบาย (อัล ชัรฺ ) มะเดื่อ (อัล ตีน) ก้อนเลือด (อัล อะลัก) คืนแห่งการกำาหนด (อัล กอดรฺ) หลัก านที่ชัดเจน (อัล บัยยินะ ฺ) แผ่นดินไหว (อัล ซัลซะละ ฺ) ม้าที่หอบ (อัล อาดิยาต) ผู้ทำาให้เกิดเสียงกระทบกัน (อัล กอริอะ ฺ) โลภอยากได้แล้วได้อีก (อัล ตะกาซุรฺ) การผ่านไปของเวลา (อัล อัศรฺ) ผู้นินทา (อัล ุมะซะ ฺ) ช้าง (อัล ฟีล) กุเรช (กุรอยชฺ) สิ่งเล็กๆน้อยๆ (อัล มาอูน) ความอุดมสมบูรณ์ (อัล เกาษัรฺ) บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม (อัล กาฟิรูน) ความช่วยเหลือ (อัล นัศร์) เส้นใยที่ถูกบิดเป็นเกลียว (อัล มะซัด) ความเป็นหนึ่งเดียว (อัล อิคลาศ) รุ่งสาง (อัล ฟะลัก) ผู้คน (อัล นาส)

คำานำา กุรอานคือคัมภีร์ของพระเจ้า เป็นคัมภีร์ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ สำาหรับทุกยุคสมัย ถึงแม้เดิมทีจะถูกเขียนเป็นภาษาอาหรับ แต่ด้วย การแปล มันจึงทำาให้ผู้ไม่รู้ภาษาอาหรับสามารถเข้าถึงได้ ในขณะทีไม่มี ภาษาใดมาแทนภาษาต้น บับได้ การแปลจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแผ่ วจนะของพระเจ้าให้ไกลจากคนที่พูดภาษาอาหรับไปยังมนุษยชาติที่ กว้างออกไป คัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์ที่เป็นภาษาอาหรับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันอยู่ในภาษาของธรรมชาติ นั่นคือ ภาษาที่พระเจ้ากล่าวโดยตรงกับ มนุษย์ทั้งหมดในตอนที่ถูกสร้าง การวอนขอต่ออำานาจศักดิ์สิทธิ์ของ มนุษยชาติเป็นสิ่งที่ยังคงมีอยู่ตลอดไปในจิตสำานึกของมนุษย์ทั้งหมด นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำาไมกุรอานจึงเป็นที่เข้าใจได้โดยทั่วไปสำาหรับคนที่มี จิตสำานึกธรรมดาและสำาหรับคนที่มีจิตใต้สำานึก ความจริงนี้ได้ถูกกล่าว ไว้ในคัมภีร์กุรอานว่าเป็น การประทานที่ชัดเจนในหัวใจของบรรดาผู้ ที่ได้รับความรู้ ข้อความนี้ยังกล่าวต่อไปว่า ไม่มีใครป ิเสธสิ่งที่เรา ประทานมานอกไปจากคนทำาผิด ( ) นี่หมายความว่าความจริงที่มาจากพระเจ้าซึ่งถูกอธิบายโดยกุรอานบ บนระดับจิตสำานึกมีอยู่ก่อนแล้วในตัวมนุษย์ในระดับจิตใต้สำานึก ดังนั้น สาสน์ของคัมภีร์กุรอานจึงมิใช่สิ่งที่แปลกประหลาดสำาหรับมนุษย์ ความ จริงแล้ว มันเป็นการแสดงออกทางคำาพูดของความจริงที่มาจากพระเจ้า องค์เดียวซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์เองและกับสิ่งที่เขารู้จักอยู่ แล้ว คัมภีร์กุรอานอธิบายสิ่งนี้โดยการกล่าวว่าคนที่เกิดในตอนนี้เดิมที แล้วล้วนเกิดในตอนสร้างอาดัมและตอนนั้นพระเจ้าได้กล่าวโดยตรงกับ วิญญาณมนุษย์ทั้งหมด

คำานำา

คัมภีร์กุรอานกล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ดังนี้ (นบี) เมื่อพระผู้อภิบาลของเจ้านำาลูกหลานออกมาจากกระดูกสัน หลังของลูกหลานของอาดัมและพระองค์ได้ให้พวกเขายืนยันเกี่ยวกับตัว ของพวกเขาเอง พระองค์ทรงกล่าวว่า ันไม่ใช่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า กระนั้นหรือ เราขอยืนยันว่าพระองค์คือพระผู้อภิบาลของเรา ดังนั้น สูเจ้าไม่อาจพูดในวันแห่งการฟื้นคืนชีพได้ว่า เราไม่รู้เรื่องนี้ ( ) คัมภีร์กุรอานได้เอ่ยถึงการสนทนากันระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ไว้ใน โองการต่อไปนี้ว่า แท้จริง เราได้เสนอความไว้วางใจให้แก่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และภูเขา พวกมันไม่กล้าที่จะเข้ามาแบกรับมันไว้และกลัวมัน แต่มนุษย์ ได้เข้ามารับมันไว้ มนุษย์นั้นเป็นผู้อธรรมและโง่เขลา ( ) สำาหรับมนุษย์แล้ว กุรอานอยู่ในแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ที่เขารู้ อยู่แล้วมากกว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ทั้งหมด ในความเป็นจริง กุรอานคือการเปิด เผยจิตใจของมนุษย์นั่นเอง เมื่อใครที่ธรรมชาติของเขายังมีชีวิต โดยการรักษาตัวเองให้พ้นจาก สภาพการณ์ที่ตามมาทีหลัง อ่านกุรอาน เซลล์สมองเหล่านั้นจะถูก กระตุ้นทำาให้เขารู้ว่าสิ่งที่พระเจ้าพูดกับเขานั้นยังคงถูกเก็บรักษาไว้ ถ้า เราคิดถึงตรงนี้ มันก็ไม่เป็นการยากที่จะเข้าใจว่าการแปลกุรอานเป็นวิธี การที่ยังใช้ได้ในการเข้าใจมัน ถ้าการพูดของพระเจ้าเป็นพันธะสัญญาแรก คัมภีร์กุรอานก็เป็นพันธะ สัญญาที่สอง แต่ละพันธะสัญญานี้ต่างยืนยันความถูกต้องของกันและกัน ถ้าใครมีความรู้เล็กน้อยหรือแม้แต่ไม่เข้าใจภาษาอาหรับเลยและสามารถ อ่านได้แต่เ พาะคำาแปล เขาต้องไม่คิดว่าเขาจะสับสนในการทำาความ เข้าใจคัมภีร์กุรอาน เพราะแนวความคิดเกี่ยวกับคัมภีร์กุรอานของมนุษย์

คำานำา

ใน านะผู้ได้รับวจนะของพระเจ้าโดยธรรมชาติได้เป็นความจริงแล้วใน ยุคสมัยใหม่ ศาสตร์แห่งรหัสพันธุกรรมและการค้นพบทางโบราณคดีล้วน สนับสนุนทัศนะนี้อย่างเต็มที่

แผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า

หนังสือทุกเล่มมีวัตถุประสงค์ของตัวเองและวัตถุประสงค์ของคัมภีร์ กุรอานก็คือการทำาให้มนุษย์รู้ถึงแผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า นั่น คือ เพื่อบอกมนุษย์ให้รู้ว่าทำาไมพระเจ้าสร้างโลกนี้ขึ้นมา อะไรคือ วัตถุประสงค์ของการให้มนุษย์มาอยู่บนโลกนี้ มนุษย์ต้องทำาอะไรในช่วง ชีวิตก่อนตาย และเขาจะเผชิญอะไรหลังความตาย มนุษย์เกิดมาใน านะ เป็นสิ่งมีชีวิตนิรันดร เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์มาเช่นนั้น พระองค์จึงได้ แบ่งช่วงชีวิตของเขาออกเป็นสองช่วง นั่นคือ ช่วงเวลาก่อนตายซึ่งเป็น ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ และช่วงเวลาหลังตายซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการ รับรางวัลตอบแทนหรือการลงโทษตามที่แต่ละคนได้ทำาไว้ในช่วงเวลาที่มี ชีวิต การตอบแทนเหล่านี้อยู่ในรูปของสวรรค์อันนิรันดรหรือนรกตลอด กาล วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอานก็คือการทำาให้มนุษย์รู้ถึงความจริง นี้ นี่คือหัวข้อสำาคัญของคัมภีร์นี้ซึ่งทำาหน้าที่นำาทางมนุษย์ตลอดการเดิน ทางผ่านชีวิตเข้าไปยังชีวิตหลังความตาย มั น เป็ น สิ่ ง ถู ก ต้ อ งที่ จ ะกล่ า วว่ า มนุ ษ ย์ เ ป็ น ผู้ แ สวงหาโดยกำ า เนิ ด คำาถามเหล่านี้ซ่อนอยู่ในความคิดจิตใจของทุกคน เช่น ันเป็นใคร วัตถุประสงค์ของชีวิต ันคืออะไร อะไรคือความจริงของชีวิตและความ ตาย อะไรคือความลับของความสำาเร็จและความล้มเหลวของมนุษย์ เป็นต้น ตามคัมภีร์กุรอาน คำาตอบต่อคำาถามเหล่านี้คือ โลกปัจจุบันเป็น สนามสอบและอะไรก็ตามที่มนุษย์ได้รับในช่วงเวลาก่อนตายของเขา

คำานำา

เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบทั้งหมด โลกหน้าเป็นสถานที่ผลการสอบ ของเขาจะถูกนำามาตรวจสอบโดยพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ และอะไรก็ตาม ที่มนุษย์ได้รับในชีวิตหลังความตายในรูปของรางวัลตอบแทนหรือการ ลงโทษจะเป็นไปตามการงานที่เขาได้ทำาไว้ในโลกนี้ ความลับแห่งความ สำาเร็จของมนุษย์ในโลกนี้คือการเข้าใจแผนการสร้างของพระเจ้าและใช้ ชีวิตไปตามนั้น

คัมภีร์แห่งการเตือนของพระเจ้า

คัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์แห่งการเตือนของพระเจ้า การนำาเอาบท เรียนต่างๆและคำาตักเตือนมารวมไว้ด้วยกันทำาให้คัมภีร์กุรอานน่าจะถูก เรียกว่าคัมภีร์แห่งภูมิปัญญาที่มีเหตุผลลุ่มลึกน่าจะเหมาะสมกว่า คัมภีร์ กุรอานไม่ได้ทำาตามแบบแผนของหนังสือที่ใช้สั่งสอนแบบเดิมๆที่ทำากัน มา ความจริงแล้ว เมื่อผู้อ่านหยิบคัมภีร์กุรอานขึ้นมา เขาจะพบว่ามัน เป็นการนำาเอาคำาพูดที่แยกเป็นส่วนๆมารวมเข้าด้วยกัน แต่ความรู้สึก นี้ไม่เป็นความจริง เพราะการจัดเรียงคำาพูดเช่นนั้นเป็นไปตามแผนการ ของกุรอานในการรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ใน การนำาสาสน์แห่งสัจธรรมไปยังผู้อ่านที่มีอคติที่อาจอ่านแค่เพียงหนึ่งหน้า หนึ่งข้อความหรือแม้แต่บรรทัดเดียว ส่ ว นที่ สำ า คั ญ ส่ ว นหนึ่ ง ของคั ม ภี ร์ กุ ร อานก็ คื อ มั น เป็ น สิ่ ง ที่ เ ตื อ นให้ ระลึกนึกถึงความจำาเริญต่างๆที่ถูกประทานมาโดยพระเจ้าผู้ทรงกรุณา ปรานีอย่างสูงสุด ที่สำาคัญที่สุดของความจำาเริญต่างๆนี้คือคุณสมบัติ เ พาะที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์เมื่อพระองค์สร้างเขาขึ้นมา ความ จำาเริญอันยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่งก็คือพระองค์ได้ทรงตั้งหลักแหล่งที่อาศัย ให้เขาบนโลกซึ่งเป็นดาวดวงหนึ่งที่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประโยชน์แก่

คำานำา

เขา วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอานก็เพื่อให้แน่ใจว่าในขณะที่เขามีความ สุขอยู่กับความจำาเริญของธรรมชาติเหล่านี้ มนุษย์ต้องนึกถึงพระผู้ทรง กรุณาปรานีอยู่ตลอดเวลา เขาต้องยอมรับความกรุณาอันยิ่งใหญ่ของ พระผู้ทรงสร้างของเขา ด้วยการทำาเช่นเองที่มนุษย์จะได้รับทางเข้าไปสู่ สวรรค์อันนิรันดร ในทางตรงข้าม การไม่คำานึงถึงพระผู้ทรงกรุณาปรานี จะนำามนุษย์ไปยังนรก คัมภีร์กุรอานเป็นผู้คอยเตือนถึงความจริงในเรื่อง นี้ที่ไม่อาจหลีกหนีได้

จิตวิญญาณภายในและการรู้จักพระเจ้า

คุณสมบัติประการหนึ่งของคัมภีร์กุรอานคือมันเป็นคัมภีร์ที่ให้แค่เพียง หลักการที่เป็นพื้น านแก่เรา แต่เป็นหลักการที่สำาคัญและจำาเป็น และใช้ วิธีการกล่าวย้ำาซ้ำาแล้วซ้ำาอีกเพื่อเน้นถึงหลักการที่สำาคัญนี้ ในทางตรง ข้าม เรื่องที่ไม่ใช่พื้น านหรือเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบเป็นเพียง ส่วนน้อยของคัมภีร์ นี่เป็นไปตามแผนการของคัมภีร์กุรอาน ส่วนความ สำาคัญของรูปแบบเป็นเรื่องรอง สำาหรับคัมภีร์กุรอาน แก่นธรรมคำาสอน เหล่านี้เท่านั้นเป็นสิ่งสำาคัญที่เป็นตัวกำาหนดแนวทางหลัก เรื่องนี้ของ คัมภีร์กุรอานเป็นที่ชัดเจนจนผู้อ่านไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากต้อง ยอมรับ ความจริงก็คือว่าวิญญาณภายในเป็นสิ่งที่มีความสำาคัญที่สุดในเรือน ร่างของบุคลิกภาพอิสลาม เมื่อวิญญาณภายในได้รับการพั นา รูปแบบ ที่ถูกต้องก็จะตามมาเองตามธรรมชาติ แต่รูปแบบโดยตัวมันเองแล้วไม่ อาจที่จะสร้างจิตวิญญาณภายใน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำาไมเป้าหมายของ คัมภีร์กุรอานคือการริเริ่มและก่อให้เกิดการป ิวัติทางสติปัญญาภายใน

คำานำา

ตัวมนุษย์ คำาพูดที่คัมภีร์กุรอานใช้เพื่อการป ิวัติทางสติปัญญานี้เองคือ มะอฺริฟะ ฺ(การรู้จักความจริง) ( ) คัมภีร์กุรอานเน้นถึงความสำาคัญของการค้นพบความจริงของมนุษย์ ในระดับที่เข้าใจได้ ความศรัทธาที่แท้จริงในพระเจ้าเป็นสิ่งที่ใครก็ สามารถบรรลุได้ในระดับนั้น ที่ไหนไม่มีความเข้าใจ ที่นั้นก็ไม่มีความ ศรัทธา

วจนะของพระเจ้า

เมื่อคุณอ่านคัมภีร์กุรอาน คุณจะพบแล้วพบอีกว่ามันเป็นวจนะของ พระเจ้า นี่เป็นความจริงง่ายๆที่เห็นได้ชัด แต่เมื่อมองเข้าไปที่เนื้อหา คุณจะพบว่ามันเป็นถ้อยคำาที่ไม่ธรรมดา มีหนังสือหลายเล่มในโลกที่ ถูกเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เราไม่พบคัมภีร์ทางศาสนาใดที่บอกว่า ตัวเองเป็นวจนะของพระเจ้านอกไปจากคัมภีร์กุรอาน คำาพูดเช่นนี้ซึ่ง ปราก เด่นเป็นเอกลักษณ์ในคัมภีร์กุรอานเป็นการบอกจุดออกเดินทาง ให้แก่ผู้อ่าน ดังนั้น เขาจึงศึกษามันใน านะเป็นคัมภีร์สำาคัญแทนที่จะ เป็นหนังสือทั่วไปที่มนุษย์เขียนขึ้น เราพบคำาพูดครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มาก ก็น้อยในคัมภีร์กุรอานว่า โอ้มนุษย์เอย พระเจ้าของสูเจ้าต่างหากที่พูด กับสูเจ้า จงฟังวจนะของพระองค์และป ิบัติตามพระองค์ แม้ลีลาการ พูดเช่นนี้ก็เป็นคำาพูดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร การเรียกร้องของพระเจ้า โดยตรงเช่นนี้ไม่มีอยู่ในคัมภีร์อื่นๆ มันทิ้งความประทับใจตลอดไปไว้บน ตัวมนุษย์ เขาจะรู้สึกว่าพระเจ้าของเขากำาลังพูดกับเขาโดยตรง ความ รู้สึกนี้ทำาให้มนุษย์ถือเอาคำายืนยันของกุรอานเป็นเรื่องจริงจังมากกว่า การยึดถือถ้อยคำาในหนังสือปกติทั่วไป วิธีการรวบรวมคัมภีร์กุรอานก็ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน หนังสือที่เขียนโดยมนุษย์ปกติแล้วจะ

คำานำา

มีการจัดเรียงลำาดับเนื้อหาจาก ไปถึง ตามหัวข้อ แต่คัมภีร์กุรอานไม่ ได้เป็นไปตามแบบแผนเช่นนี้จนคนทั่วไปเห็นว่ามันไม่มีการเรียงลำาดับ อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเข้าไปในความเป็นจริง มันจะเป็นคัมภีร์ที่มีความ เกี่ยวเนื่องกันอย่างยิ่งและเรียงลำาดับกันและค่อนข้างงามสง่าในลีลาของ การเขียน ในขณะที่อ่านกุรอาน เราจะรู้สึกว่าผู้เขียนมันอยู่บน านที่ สูงมากซึ่งจากที่นั่นพระองค์กำาลังมองลงมาและกำาลังพูดกับมนุษยชาติ ทั้งหมดซึ่งเป็นความอาทรโดยเ พาะของพระองค์ การพูดนี้เน้นไปยัง มนุษย์กลุ่มต่างๆ แต่ก็รวมถึงมนุษย์ทั้งหมด ความพิ เ ศษอี ก อย่ า งหนึ่ ง ของกุ ร อานก็ คื อ ผู้ อ่ า นสามารถปรึ ก ษาผู้ เขียนมันในเวลาใดก็ได้ ตั้งคำาถามไปและรับคำาตอบ เพราะผู้เขียนคัมภีร์ กุรอานคือพระเจ้าเอง พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงมีชีวิต ใน านะผู้สร้าง มนุษย์ พระองค์ทรงได้ยินและตอบคำาเรียกร้องของมนุษย์โดยตรง

การต่อสู้ทางอุดมการณ์ที่สันติ

บรรดาผู้ที่ได้รับการแนะนำาให้รู้จักคัมภีร์กุรอานโดยผ่านทางสื่ออย่าง เดียวโดยทั่วไปแล้วจะมีความ ังใจว่าคัมภีร์กุรอานเป็นตำาราแห่งการญิ าด และสำาหรับพวกเขาแล้วญิ าดคือความพยายามที่จะบรรลุถึงเป้า หมายของตนเองโดยอาศัยความรุนแรง แต่ความคิดเช่นนี้มาจากความ เข้าใจผิด ใครที่อ่านคัมภีร์กุรอานด้วยตัวเองจะเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่า สาสน์ของคัมภีร์กุรอานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความรุนแรงเลย คัมภีร์กุ รอานตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเป็นคัมภีร์ที่ประกาศสันติภาพและไม่สนับสนุน การใช้ความรุนแรง เป็นเรื่องจริงที่ญิ าดเป็นหนึ่งในคำาสอนของคัมภีร์กุ รอาน แต่ญิ าดในความหมายที่ถูกต้องแล้วคือชื่อของการต่อสู้ด้วยความ สันติมากกว่าการใช้ความรุนแรงใดๆ แนวความคิดเรื่องการญิ าดของ

คำานำา

คัมภีร์กุรอานถูกกล่าวไว้ในโองการต่อไปนี้ จงทำาญิ าดที่ใหญ่กว่า(กล่าว คือต่อสู้อย่างจริงจัง)ด้วยการช่วยเหลือของสิ่งนี้(กุรอาน) ( ) เห็นได้ชัดว่าคัมภีร์กุรอานมิใช่อาวุธ แต่เป็นคัมภีร์ที่แนะนำาเราไปสู่ อุดมการณ์แห่งการต่อสู้อย่างสันติของพระเจ้า วิธีการต่อสู้เช่นนั้นตาม คัมภีร์กุรอานก็คือ การพูดกับพวกเขาด้วยถ้อยคำาที่ไปถึงวิญญาณของ พวกเขา ( ) ดังนั้น วิธีการที่ต้องการตามคัมภีร์กุรอานก็คือวิธีการที่ทำาให้หัวใจและ ความคิดของมนุษย์ต้องสั่นไหว นั่นคือ ในการพูดกับความคิดจิตใจของ ผู้คน คัมภีร์กุรอานทำาให้พวกเขาพอใจ ทำาให้พวกเขาเชื่อมั่นในความจริง ของคัมภีร์กุรอาน กล่าวโดยสั้นๆ คัมภีร์กุรอานได้ก่อให้เกิดการป ิวัติ ทางสติปัญญาภายในพวกเขา นี่คือภารกิจของคัมภีร์กุรอาน และภารกิจ นี้สามารถทำาได้โดยการโต้ตอบที่มีเหตุผล เป้าหมายนี้ไม่มีทางที่จะบรรลุ ได้โดยการใช้ความรุนแรงหรือการใช้อาวุธ เป็นเรื่องจริงที่บางโองการของคัมภีร์กุรอานมีคำาสั่งว่า จง ่าพวกเขา ที่ใดก็ตามที่สูเจ้าพบพวกเขา ( ) โดยการยกข้อความดังกล่าวขึ้นมาอ้าง มีบางคนที่พยามยามจะสร้าง ความ ังใจว่าอิสลามเป็นศาสนาแห่งสงครามและความรุนแรง นี่เป็นสิ่ง ที่ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ข้อความเช่นนั้นพูดถึงบรรดาผู้โจมตีมุสลิม ่าย เดียวในความหมายที่จำากัด ข้อความนี้มิได้สื่อถึงคำาสั่งโดยทั่วไปของ อิสลาม ความจริงของเรื่องก็คือคัมภีร์กุรอานไม่ได้ถูกประทานมาในรูปเล่มที่ สมบูรณ์ในคราวเดียวอย่างที่เป็นในปัจจุบัน มันถูกประทานมาทีละคราว ตามสถานการณ์ต่างๆตลอดช่วงระยะเวลา ปี ถ้าช่วงเวลานี้ถูกแบ่ง ออกเป็นปีแห่งสงครามและสันติภาพ ช่วงเวลาแห่งความสันติมีจำานวนถึง

คำานำา

ปีในขณะที่ช่วงเวลาแห่งสงครามมีเพียง ปีเท่านั้น ข้อความกุรอา นที่ถูกประทานมาในช่วงเวลาแห่งความสงบ ปีนี้เป็นคำาสอนที่เป็น สันติภาพของอิสลามเพราะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับการรู้จักพระเจ้า การ ป ิบัติศาสนกิจ ศีลธรรมและความยุติธรรม เป็นต้น การแบ่งคำาสั่งออกเป็นประเภทต่างๆเป็นเรื่องธรรมดาและพบได้ใน คัมภีร์ทางศาสนาทั้งหมด ตัวอย่างเช่น คีตา คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาว ินดู เกี่ยวกับปัญญาและคุณค่าทางศีลธรรม แต่พร้อมกันนี้ก็มีการคะยั้นคะยอ ของก ษณะที่มีต่ออรชุนให้เขาต่อสู้ (ภควัตคีตา, ) นี่ไม่ได้ หมายความว่าผู้ศรัทธาในคัมภีร์คีตาต้องทำาสงครามตลอดเวลา ที่สำาคัญ มหาตมะ คานธีได้ปรัชญาอหิงสาของเขาจากคัมภีร์คีตาเล่มเดียวกันนี้ การคะยั้นคะยอให้ทำาสงครามในคัมภีร์คีตาหมายถึงแต่เ พาะกรณีที่ไม่มี ทางเลือก แต่สำาหรับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มันให้คำาสั่งทางสันติภาพเช่น เดียวกับมหาตมะ คานธีได้มา ในทำานองเดียวกัน พระเยซูคริสต์ได้กล่าวว่า อย่าคิดว่า ันมาเพื่อนำา สันติภาพสู่โลก ันมิได้มาเพื่อนำาสันติภาพ แต่เป็นดาบ (มัทธิว ) มันจึงไม่ถูกต้องที่จะสรุปว่าศาสนาที่เผยแพร่สั่งสอนโดยพระคริสต์ เป็นศาสนาแห่งสงครามและความรุนแรง เพราะคำาพูดเช่นนั้นเกี่ยวข้อง กับเหตุการณ์บางอย่างเป็นการเ พาะ ในเรื่องของชีวิตโดยทั่วไป พระ เยซูคริสต์สอนคุณค่าแห่งสันติภาพ เช่นการสร้างอุปนิสัยที่ดี การรักกัน และกัน การช่วยเหลือคนยากจนและคนขัดสน เป็นต้น เช่นเดียวกับคัมภีร์กุรอาน เมื่อนีมุ ัมมัดอพยพจากมักกะ ฺไปยังมะดี นะ ฺ เผ่าต่างๆที่เคารพบูชารูปปั้นได้แสดงความก้าวร้าวต่อท่าน แต่ท่าน นบีมักจะหลีกหนีการโจมตีของคนกลุ่มนี้โดยการใช้ความอดทนและการ หลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ไม่มีทางเลือกนอกจากการ

คำานำา

ป้องกันตัว ดังนั้น ท่านจึงต้องทำาการต่อสู้ในบางโอกาส สถานการณ์เหล่า นี้เองที่ทำาให้ข้อความเกี่ยวกับสงครามถูกประทานมา คำาบัญชาเหล่านี้ มีไว้สำาหรับบางสถานการณ์ มิได้เป็นคำาสั่งใช้โดยทั่วไป นั่นคือเหตุผล ที่ว่าทำาสถานะอันถาวรของท่านนบีจึงถูกใช้คำาว่า ความเมตตาสำาหรับ มนุษยชาติทั้งมวล ( ) อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพในความหมายที่ครบถ้วนที่สุดของคำา นี้ คัมภีร์กุรอานเรียกหนทางของตนว่า หนทางแห่งสันติภาพ ( ) มันพูดถึงการประนีประนอมว่าเป็นนโยบายที่ดีที่สุด ( ) และกล่าว ว่าพระเจ้ารังเกียจการบ่อนทำาลายสันติภาพ ( ) เราสามารถกล่าว ได้ว่ามันไม่เป็นการเกินไปที่จะกล่าวว่าอิสลามเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความ รุนแรง

คัมภีร์ที่ถูกประทานมา

คัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์ของพระเจ้าที่ถูกประทานแก่นบีมุ ัมมัด มัน ไม่ได้ถูกประทานมายังท่านในรูปของคัมภีร์ที่สมบูรณ์ แต่ถูกประทาน มาเป็นตอนๆตลอดระยะเวลา ปี ตอนแรกถูกประทานมาใน ค ศ เมื่อนบีมุ ัมมัดอยู่ในมักกะ ฺ หลังจากนั้น ส่วนต่างๆได้ถูกประทานมา อย่างต่อเนื่อง ตอนสุดท้ายถูกประทานมาใน ค ศ เมื่อท่านนบีอยู่ใน มะดีนะ ฺ ในคัมภีร์กุรอานมี บททั้งสั้นและยาว ประกอบด้วย วรรค (หรือที่เรียกว่าอายะ ฺ) และถูกแบ่งออกเป็น ภาคเพื่อตอบสนองความ ต้องการของการอ่าน ตอนต่างๆเหล่านี้ถูกจัดเรียงภายใต้การแนะนำาของ ทูตสวรรค์ญิบรีลที่เป็นผู้นำาคัมภีร์กุรอานมาจากพระเจ้า เมื่อคัมภีร์กุรอานถูกประทานมาในช่วงแรกของศตวรรษที่ มีการ

คำานำา

ประดิษ ์กระดาษขึ้นมาแล้ว กระดาษนี้ถูกเรียกว่าปาปีรัส เป็นกระดาษ ที่ทำาด้วยมือจากเส้นใยของต้นไม้บางชนิด เมื่อส่วนใดของกุรอานถูก ประทานมา มันจะถูกเขียนไว้บนปาปีรัสหรือในภาษาอาหรับเรียกว่า กิรตัส ( ) ในช่วงของการบันทึกนี้ ผู้คนได้จดจำาไว้ด้วย คัมภีร์กุรอาน เป็นวรรณกรรมอิสลามเล่มเดียวที่ถูกอ่านในการนมาซเช่นเดียวกับการ อ่านเพื่อวัตถุประสงค์ของการเชิญชวน(ดะอฺวะ ฺ) ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์กุ รอานจึงยังคงถูกจดจำาทันทีพร้อมกับการบันทึก วิธีการเก็บรักษาเช่น นี้ยังคงดำาเนินต่อมาในขณะที่นบีมุ ัมมัดยังมีชีวิต ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์กุ รอานจึงถูกรักษาไว้ในระหว่างสมัยของนบีมุ ัมมัด หลังจากนั้น อุษมาน อิบนุอัฟฟาน เคาะลีฟะ ฺคนที่สามได้สั่งให้มี การคัดสำาเนาเป็นหลาย บับและส่ง บับสำาเนาเหล่านี้ไปยังเมืองต่างๆ สำาเนาเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในมัสญิดหลวง ผู้คนไม่เพียงแต่อ่านจากสำาเนา เหล่านี้เท่านั้น แต่ยังได้คัดลอกจากสำาเนาต้น บับไปด้วย การเขียนคัมภีร์กุรอานโดยมือยังคงทำากันต่อไปจนกระทั่งมีการตั้ง โรงพิมพ์และกระดาษเริ่มถูกผลิตออกมาเป็นจำานวนมากจากการป ิวัติ อุตสาหกรรม ดังนั้น คัมภีร์กุรอานจึงเริ่มถูกพิมพ์ เมื่อวิธีการพิมพ์ ก้าวหน้า การพิมพ์กุรอานก็ก้าวหน้าไปด้วย ตอนนี้ สำาเนา บับพิมพ์ ของกุรอานมีอยู่ทั่วไปจนสามารถหาได้ในทุกบ้าน มัสญิด ห้องสมุดและ ร้านหนังสือ ทุกวันนี้ ใครก็สามารถหาสำาเนากุรอานที่สวยงามได้ไม่ว่าจะ อยู่ในส่วนไหนของโลก

จะอ่านกุรอานอย่างไร?

กุรอานกล่าวว่า จงอ่านกุรอานอย่างช้าๆและชัดถ้อยชัดคำา ( ) นี่หมายความว่าจงอ่านกุรอานช้าๆและด้วยน้ำาเสียงที่ไพเราะเป็นจังหวะ

คำานำา

นั่นคืออ่านด้วยความตั้งใจที่จะได้รับสิ่งที่อยู่ในนั้น เมื่ออ่านเช่นนี้ กระบวนการสื่อสารกันระหว่างกุรอานกับผู้อ่านก็จะเริ่มขึ้น สำาหรับผู้อ่าน คัมภีร์กุรอานคือการพูดโดยพระเจ้าและหัวใจของเขาเริ่มตอบการพูดนี้ ในทุกข้อความ ในคัมภีร์กุรอาน ตรงไหนที่มีการเอ่ยถึงความยิ่งใหญ่ของ พระเจ้า ตัวตนทั้งหมดของผู้อ่านจะได้รับผลอย่างแรงจากการรู้ถึงความ ยิ่งใหญ่ของพระองค์ เมื่อความจำาเริญของพระเจ้าถูกแจกแจงในคัมภีร์กุ รอาน หัวใจของผู้อ่านจะเปี่ยมล้นไปด้วยความกตัญญูรู้คุณ เมื่อมีการ สาธยายถึงการลงโทษในกุรอาน ผู้อ่านจะตัวสั่นเมื่ออ่านมัน เมื่อมีการ ออกคำาสั่งในคัมภีร์กุรอาน ผู้อ่านจะมีความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าเขาต้อง เป็นบ่าวผู้เชื่อฟังของพระผู้อภิบาลของเขาโดยการทำาตามคำาสั่งนั้น วา ิดุดดีน คาน, นิวเดล ี, มกราคม

1. การเปิด

อัล-ฟาติฮะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากล จักรวาล ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 4 พระผู้อภิบาลแห่งวัน ตัดสินตัดตอบแทน 5 เ พาะพระองค์เท่านั้นที่เราเคารพสักการะและ เ พาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ โปรดนำาเราสู่ทางที่เที่ยง ตรง 7 ทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ประทานความโปรดปรานแก่พวกเขา มิใช่ทางของผู้ที่พระองค์ทรงกริ้ว และมิใช่ทางของผู้ที่หลงผิด 2. วัวตัวเมีย

อัล-บะกอเราะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม นี่คือคัมภีร์ที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยใด เป็นทางนำาสำาหรับผู้ยำาเกรง พระเจ้า ผู้ศรัทธาในสิ่งเร้นลับและพวกเขาดำารงนมาซและใช้จ่ายจาก สิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา 4 ผู้ศรัทธาในคัมภีร์ที่เราได้ส่งมาให้แก่เจ้า และในคัมภีร์ที่เราได้ส่งมาก่อนหน้าเจ้าและเชื่อมั่นในโลกหน้า 5 คนเหล่า นี้คือผู้ป ิบัติตามพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ที่ ประสบความสำาเร็จ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น มันไม่มีอะไรแตกต่างกันสำาหรับ พวกเขา ไม่ว่าเจ้าจะตักเตือนพวกเขาหรือไม่ก็ตาม พวกเขาจะไม่ศรัทธา 7 พระเจ้าทรงปิดผนึกหัวใจของพวกเขาและหูของพวกเขา และบนดวงตา

วัวตัวเมีย

ของพวกเขาก็มีสิ่งปกปิดอยู่ สำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอันน่าสะพรึง กลัว มีบางคนกล่าวว่า เราศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้าย แต่พวก เขาไม่ได้เป็นผู้ศรัทธา พวกเขาพยายามที่จะหลอกลวงพระเจ้าและ บรรดาผู้ศรัทธา แต่พวกเขาไม่ได้หลอกลวงใครนอกจากพวกเขาเอง และ พวกเขาไม่ตระหนัก ในหัวใจของพวกเขานั้นมีโรค ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ เพิ่มโรคนั้นให้มากขึ้น และการลงโทษอันเจ็บปวดจะมีไว้สำาหรับพวกเขา เพราะการที่พวกเขาโกหก เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาถูกบอกว่า จงอย่า สร้างความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน พวกเขาจะตอบว่า แท้จริง เราเป็นผู้ ส่งเสริมสันติภาพ แต่พวกเขานั่นแหละที่เป็นผู้ก่อความเสียหายโดย พวกเขาไม่ได้ตระหนัก และเมื่อพวกเขาถูกบอกว่า จงศรัทธาเหมือน กับที่ผู้คนทั้งหลายศรัทธา พวกเขากล่าวว่าจะให้เราศรัทธาเหมือนกับผู้ ที่โง่เขลาศรัทธากระนั้นหรือ แน่นอน พวกเขาเองนั่นแหละที่โง่เขลา แต่พวกเขาหารู้ไม่ เมื่อพวกเขาได้พบบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขากล่าว ว่า เราก็เป็นผู้ศรัทธา แต่เมื่อพวกเขาอยู่ตามลำาพังกับบรรดาหัวโจก ของพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า แท้จริง เราอยู่กับพวกท่าน เราเพียง แต่จะเยาะเย้ยคนพวกนี้เท่านั้น พระเจ้าจะตอบแทนการเยาะเย้ยของ พวกเขา และปล่อยให้พวกเขาดื้อดึงต่อไปในความระเหระหนอย่างมืด บอด เหล่านี้คือคนที่แลกเปลี่ยนความหลงผิดกับทางนำา แต่นี่เป็นการ ค้าที่ไม่ก่อกำาไร และพวกเขาก็ไม่พบทางนำาที่ถูกต้อง สภาพของพวกเขาเหมือนกับบรรดาผู้จุดไฟขึ้น และเมื่อมันส่อง สว่างรอบๆพวกเขา พระเจ้าได้เอาแสงสว่างนั้นออกไปจากตาของพวก เขาและปล่อยพวกเขาไว้ในความมืดทึบที่พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่ง ใด พวกเขาหูหนวก เป็นใบ้ ตาบอด ดังนั้น พวกเขาจะไม่กลับมา (ยัง หนทางที่ถูกต้อง) หรือพวกเขาอาจเหมือนดั่ง นหนักที่กำาลังตกลงมา จากฟากฟ้าท่ามกลางความมืดทึบและมีเสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบ พวกเขา

อัล บะกอเราะ ฺ

ก็เอานิ้วมืออุดหูของพวกเขาให้พ้นจากเสียงฟ้าผ่าเพราะหวาดกลัวความ ตาย ดังนั้น พระเจ้านั้นทรงล้อมผู้ป ิเสธสัจธรรมไว้ทุกด้าน สายฟ้า แลบทำาให้พวกเขาแทบจะไม่เห็นอะไร เมื่อใดที่พวกเขาเห็นแสง พวกเขา ก็เดินหน้าไป แต่เมื่อความมืดทึบเกิดขึ้นอีก พวกเขาก็หยุดยืน และถ้า พระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงขจัดการได้ยินและการเห็นของพวก เขา แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง มนุษย์เอย จงเคารพสักการะพระผู้อภิบาลของสูเจ้าผู้ทรงบังเกิด สูเจ้าและบรรดาผู้คนก่อนหน้าสูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้สำารวมตนจากความชั่ว ผู้ทรงทำาแผ่นดินให้เป็นพื้นลาดสำาหรับสูเจ้าและทรงทำาชั้นฟ้าให้เป็น หลังคา และทรงส่งน้ำาลงมาจากฟากฟ้าเพื่อให้ผลไม้ต่างๆงอกเงยออกมา เป็นปัจจัยยังชีพสำาหรับสูเจ้า ดังนั้น เมื่อสูเจ้ารู้ดีอยู่แล้ว จงอย่าตั้งสิ่งใด เทียบเคียงกับพระเจ้า และถ้าหากสูเจ้ายังคงคลางแคลงสงสัยในสิ่งที่ เราได้ประทานมายังบ่าวของเรา ดังนั้น จงแต่งขึ้นมาสักบทหนึ่งที่เหมือน กับสิ่งนี้ และเรียกพวกพ้องของสูเจ้านอกไปจากพระเจ้ามาช่วยสูเจ้าก็ได้ ถ้าหากสูเจ้าแน่จริง แต่หากสูเจ้าทำาไม่ได้ และสูเจ้าไม่มีทางทำาได้ ดังนั้น จงระวังไฟที่ถูกเตรียมไว้สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมซึ่งจะมี มนุษย์และหินเป็นเชื้อเพลิง (มุ ัมมัด) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา และกระทำาความดีทั้งหลายว่า สำาหรับพวกเขาคือสวนสวรรค์หลากหลาย ที่เบื้องล่างมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน คราวใดที่พวกเขาได้รับผลไม้จาก ที่นั่นเป็นปัจจัยยังชีพ พวกเขาจะกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่ เรามาก่อน เพราะพวกเขาได้รับสิ่งเดียวกันนั้น และจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์ สำาหรับพวกเขาในนั้น และพวกเขาทั้งหลายจะพำานักอยู่ในนั้นตลอดไป แท้จริง พระเจ้าไม่ลำาบากใจที่จะยกอุทธาหรณ์ใดๆขึ้นมาเปรียบ เทียบแม้จะเป็นริ้นสักตัวหนึ่งหรือบางสิ่งที่เล็กกว่านั้น สำาหรับบรรดาผู้ ศรัทธา พวกเขารู้ว่ามันเป็นสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา แต่ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวว่า พระเจ้าหมายความว่าอย่างไรโดยคำา

วัวตัวเมีย

เปรียบเทียบนี้ พระเจ้าทรงปล่อยให้หลายคนหลงทางและทรงนำาทาง หลายคนสู่หนทางที่ถูกต้องโดยสิ่งเดียวกันนี้ แต่พระองค์ทรงทำาให้ผู้ ่า ืนเท่านั้นหลงทาง ผู้ทำาลายสัญญาของพระเจ้าหลังจากที่สัญญาไว้ กับพระองค์แล้ว และผู้ตัดขาดสิ่งที่พระเจ้าได้บัญชาให้สัมพันธ์และแพร่ ความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน พวกเขาเหล่านี้เองคือบรรดาผู้ขาดทุน สูเจ้าป ิเสธพระเจ้าได้อย่างไรในเมื่อความจริงแล้วสูเจ้าตาย(ไม่มี ชีวิต)มาก่อน แล้วพระองค์ได้ทรงให้ชีวิตแก่สูเจ้า หลังจากนั้น พระองค์ ทรงทำาให้สูเจ้าตาย แล้วทรงทำาให้สูเจ้ามีชีวิตอีก แล้วสูเจ้าจะถูกนำากลับ ไปยังพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่งที่อยู่บนโลกเพื่อสูเจ้า แล้วพระองค์ได้ทรงหันไปยังท้องฟ้าและทรงจัดลำาดับมันเป็นเจ็ดชั้นฟ้า พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้กล่าวกับบรรดาทูต สวรรค์ว่า ันจะแต่งตั้งผู้สืบทอดคนหนึ่งขึ้นบนหน้าแผ่นดิน บรรดาทูต สวรรค์ได้ทูลว่า พระองค์จะทรงตั้งผู้ก่อความเสียหายและหลั่งเลือดกัน ในแผ่นดินกระนั้นหรือทั้งๆที่เรากล่าวสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์และ เทิดทูนความบริสุทธิ์ของพระองค์อยู่ตลอดเวลา พระองค์ทรงตอบว่า แท้จริง ันรู้ในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้ แล้วพระองค์ได้ทรงสอนอาดัมถึงนามของทุกสรรพสิ่ง หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงนำามันมาเสนอต่อมลาอิกะ ฺและถามว่า จงบอก ันซึ่ง ชื่อของสิ่งเหล่านี้ถ้าสิ่งสูเจ้าพูดเป็นความจริง บรรดาทูตสวรรค์ตอบ ว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ เราไม่มีความรู้อันใดนอกจากที่พระองค์ ได้ทรงสอนเรา แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ ดัง นั้น พระองค์จึงกล่าวว่า อาดัมเอย จงบอกนามของสิ่งเหล่านี้แก่พวกเขา เมื่ออาดัมได้บอกพวกเขาถึงนามของสิ่งเหล่านั้นแล้ว พระองค์ได้ทรง ประกาศว่า ันมิได้บอกสูเจ้าหรือว่า ันรู้ดียิ่งถึงสิ่งเร้นลับแห่งชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน และ ันรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผยและที่สูเจ้าปิดบัง

อัล บะกอเราะ ฺ

เมื่อเราได้กล่าวแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า จงก้มกราบต่ออาดัม ทูต สวรรค์ทั้งหมดจึงได้ก้มกราบ นอกจากอิบลีส(ซาตาน) มันยโสโอหังและ เป็นผู้ป ิเสธ เราได้กล่าวว่า อาดัมเอย เจ้าและคู่ครองของเจ้าจง พำานักอยู่ในสวนสวรรค์และจงกินตามความพอใจของเจ้าทั้งสองจากสิ่งที่ มีอยู่ในนั้น แต่จงอย่าเข้าใกล้ต้นไม้นี้ มิเช่นนั้น เจ้าทั้งสองจะกลายเป็นผู้ ทำาความผิด แต่ต่อมา ซาตานได้หลอกลวงทั้งสองด้วยต้นไม้นั้น และ ได้นำาเขาทั้งสองออกจากสภาพที่เคยอยู่ เราได้กล่าวว่า เจ้าทั้งสองจง ออกไปจากที่นี่ เจ้าต่างเป็นศัตรูกัน เจ้าจะมีที่พักและปัจจัยยังชีพบนโลก ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ในเวลานั้น อาดัมได้เรียนถ้อยคำาบางอย่าง(ในการ วิงวอน)จากพระผู้อภิบาลของเขา ดังนั้น พระองค์จึงรับการสำานึกผิดของ เขา แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงนิรโทษโดยปรานีและผู้ทรงเมตตาเสมอ เราได้กล่าวว่า เจ้าทั้งหมดจงออกไปจากที่นี่ และถ้ามีทางนำาจาก ัน มายังเจ้า ผู้ใดป ิบัติตามทางนำาของ ัน พวกเขาก็จะไม่มีความหวาด กลัวและพวกเขาจะไม่ระทม และผู้ใดที่ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของ เรา พวกเขาคือสหายของไฟที่พวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นตลอดไป โอ้ ลูกหลานอิสรออีล จงนึกถึงความโปรดปรานที่ ันได้ประทาน แก่สูเจ้า และจงป ิบัติตามสัญญาที่สูเจ้าทำาไว้กับ ันให้ครบ ส่วน ัน จะป ิบัติตามสัญญาของ ันที่ทำากับสูเจ้าโดยครบด้วย และเ พาะ ัน เท่านั้นที่สูเจ้าต้องเกรงกลัว และจงศรัทธาในสาสน์ที่ ันได้ส่งมาซึ่งจะ ทำาให้สิ่งที่สูเจ้ามีอยู่ (การบอกล่วงหน้าถึงการมาของนบีคนสุดท้ายใน คัมภีร์ของพวกเขา) เป็นจริงไปตามนั้น และจงอย่าเป็นคนแรกที่ป ิเสธ ความจริงของมัน จงอย่าขายสิ่งที่ ันประทานมาด้วยราคาเพียงเล็กน้อย และเ พาะ ันเท่านั้นที่สูเจ้าต้องเกรงกลัว จงอย่าเอาความจริงไปปน กับความเท็จหรือปิดบังความจริงทั้งๆที่เจ้ารู้อยู่ และจงดำารงนมาซและ จ่ายซะกาต (ทานที่ถูกกำาหนดไว้) และจงโค้งคำานับต่อ ันร่วมกับบรรดา ผู้ที่โค้งคำานับ 44 สูเจ้ากำาชับคนอื่นให้ป ิบัติตามคุณธรรม แต่สูเจ้ากลับ

วัวตัวเมีย

ลืมตัวเองกระนั้นหรือทั้งๆที่สูเจ้าอ่านคัมภีร์ แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีก หรือ 45 และจงขอความช่วยเหลือด้วยความอดทนและนมาซ แน่นอน การนมาซนั้นเป็นงานหนัก แต่ไม่ใช่สำาหรับบรรดาผู้ถ่อมตน ผู้ที่ ตระหนักว่าในที่สุด พวกเขาจะได้พบกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา และ พวกเขาจะกลับไปยังพระองค์ 47 ลูกหลานอิสรออีลเอย จงนึกถึงความโปรดปรานของ ันที่มีต่อ สูเจ้า และจงจำาไว้ว่า ันได้ยกย่องสูเจ้าเหนือประชาชาติทั้งหลาย จง ปกป้องตัวสูเจ้าเองให้รอดจากวันที่ไม่มีชีวิตใดสามารถช่วยอีกชีวิตหนึ่ง ได้ และการขอไถ่แทนจากใครก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ และจะไม่มีใครถูก ไถ่แทน และคนผิดจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากใครด้วย จงนึกถึง เมื่อตอนที่เราได้ช่วยสูเจ้าให้รอดพ้นจากการเป็นทาสของพวกฟาโรห์ผู้ กดขี่สูเจ้าด้วยการทรมานอันแสนสาหัส พวกเขา ่าลูกชายของสูเจ้าและ ไว้ชีวิตลูกสาวของสูเจ้า และในนี้คือการทดสอบอันใหญ่หลวงสำาหรับ สูเจ้าจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้แยกน้ำา ทะเลเพื่อนำาทางให้สูเจ้าและให้พวกสูเจ้าผ่านทางนั้นไปได้โดยปลอดภัย และเราได้ ทำ า ให้ บ ริ ว ารของฟาโรห์ จ มน้ำ า ไปต่ อ หน้ า ต่ อ ตาของสู เ จ้ า จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้นัดมูซา(โมเสส)เป็นเวลาสี่สิบคืน(บนภูเขาซี นาย) และหลังจากที่มูซาไม่อยู่ สูเจ้าก็ได้เอาลูกวัวขึ้นบูชา ดังนั้น สูเจ้า จึงเป็นผู้ละเมิด แต่ถึงกระนั้น เราได้ยกโทษให้สูเจ้าหลังจากนั้นเพื่อ ที่ว่าสูเจ้าจะได้ขอบคุณ จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ประทานคัมภีร์และ เกณ ์ตัดสิน(เพื่อแยกสิ่งถูกออกจากสิ่งผิด)แก่มูซาเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้อยู่ ในทางนำา 54 จงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซากล่าวแก่ผู้คนของเขาว่า โอ้ผู้คน ของ ัน แท้จริง พวกท่านได้กระทำาผิดต่อตัวของพวกท่านเองโดยการ เคารพสักการะลูกวัว ดังนั้น พวกท่านจงหันไปยังพระผู้ทรงบังเกิดพวก ท่านเพื่อขออภัยโทษและจง ่าผู้กระทำาผิดในหมู่พวกท่าน นี่เป็นการ ดีที่สุดสำาหรับพวกท่านในสายตาของพระผู้ทรงบังเกิดพวกท่าน แล้ว

อัล บะกอเราะ ฺ

พระองค์ได้ทรงนิรโทษสูเจ้า เพราะพระองค์คือผู้ทรงนิรโทษโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ 55 จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้าได้กล่าวว่า มูซาเอย เรา จะไม่เชื่อท่านจนกว่าเราจะได้เห็นพระเจ้าด้วยตาของเราเอง ทันใดนั้น สายฟ้าก็ได้ฟาดลงมายังพวกสูเจ้าในขณะที่สูเจ้ากำาลังมองอยู่จนสูเจ้าล้ม สิ้นชีวิตไป หลังจากนั้น เราได้ให้สูเจ้าฟื้นขึ้นจากความตายเพื่อที่สูเจ้า จะได้ขอบคุณ 57 หลังจากนั้น เราได้ให้เม มาบังสูเจ้าและเราได้ประทาน มันนะ และนกคุ่มเป็นอาหารสำาหรับสูเจ้าและกล่าวว่า จงกินจากสิ่งดีๆ ที่เราได้ประทานแก่สูเจ้า แท้จริง พวกเขามิได้อธรรมต่อเรา หากแต่พวก เขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง จงนึกถึงเมื่อเราได้กล่าวว่า จงเข้าไปในแผ่นดินนี้และกินตามความ พอใจที่ไหนก็ได้ที่สูเจ้าประสงค์ จงเข้าไปทางประตูต่างๆโดยโค้งเข้าไป และกล่าวว่า โอ้พระเจ้า โปรดให้อภัยบาปของเรา เราจะให้อภัยบาป แต่ ของสูเจ้าและเราจะประทานความอุดมสมบูรณ์แก่ผู้ทำาความดี บรรดาผู้ทำาความผิดได้เปลี่ยนถ้อยคำาที่ถูกกล่าวแก่เขาให้เป็นอย่างอื่น ดังนั้น เราจึงส่งการลงโทษจากเบื้องบนมายังบรรดาผู้ล่วงละเมิดเพราะ การที่พวกเขา ่า ืน จงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาขอน้ำาดื่มเพื่อผู้คนของ เขา เราได้กล่าวกับว่า จงเอาไม้เท้าของเจ้าฟาดหินก้อนนั้น ซึ่งทำาให้มี ตาน้ำาสิบสองตาพุ่งออกมาจากหินก้อนนั้น ดังนั้น ผู้คนจากทุกเผ่าจึงได้ รู้ถึงแหล่งน้ำาดื่มของพวกเขา (เราได้กล่าวว่า) จงกินและจงดื่มจากสิ่งที่ พระเจ้าประทานมา และจงอย่าเป็นผู้ก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน อีก และจงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้ากล่าวว่า มูซาเอย เราไม่สามารถทน ต่ออาหารอย่างเดียวได้ ดังนั้น จงร้องขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้นำา ผลผลิตที่งอกเงยออกจากพื้นดิน คือ ผัก แตงกวา กระเทียม ถั่วและหัว หอมมาให้แก่เราหน่อย มูซาได้กล่าวตอบว่า พวกท่านต้องการเปลี่ยน เอาสิ่งที่เลวกว่าแทนสิ่งที่ดีกว่ากระนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้น จงไปอยู่ในเมือง และพวกท่านจะได้สิ่งที่พวกท่านต้องการที่นั่น หลังจากนั้น พวกเขาต้อง

วัวตัวเมีย

ตกต่ำาจนถูกความอัปยศและความขัดสนฟาดกระหน่ำาและได้รับความ กริ้วจากพระเจ้า เพราะพวกเขาป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ และพวกเขา ่านบีบางคนโดยไม่เป็นธรรม นั่นเพราะพวกเขาดื้อดึงและ ล่วงละเมิด บรรดาผู้ศรัทธา ชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวซอบิอีนที่เชื่อใน พระเจ้าและในวันสุดท้ายและกระทำาความดี พวกเขาจะได้รับรางวัล ตอบแทนที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีความกลัว และพวก เขาจะไม่ระทม (ลูกหลานอิสราเอล) จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำาสัญญากับสูเจ้า และเราได้ยกภูเขาขึ้นเหนือสูเจ้า และกล่าวว่า จงยึดมั่นในสิ่งที่เราได้ ประทานแก่สูเจ้า และจงนึกถึงหลักธรรมที่อยู่ในนั้นเพื่อที่สูเจ้าจะได้ แต่หลังจากนั้น สูเจ้าได้ละทิ้ง ปกป้องตัวสูเจ้าเอง(จากความชั่ว) สัญญา หากมิใช่ความโปรดปรานและความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อ สูเจ้าแล้ว สูเจ้าจะต้องอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน สูเจ้ารู้ดีถึง เรื่องราวของผู้คนในหมู่สูเจ้าที่ละเมิดเรื่องสับบะโต เราได้กล่าวแก่พวก เขาเหล่านั้นว่า จงเป็นลิงที่ถูกรังเกียจ ดังนั้น เราได้ทำาให้จุดจบของ พวกเขาเป็นการเตือนแก่บรรดาผู้คนในเวลานั้นและแก่คนรุ่นหลัง และ เป็นข้อตักเตือนสำาหรับผู้เกรงกลัวพระเจ้า และจงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาได้กล่าวแก่คนของเขาว่า แท้จริง พระเจ้าได้ทรงบัญชาพวกท่านให้เชือดวัวตัวหนึ่ง พวกเขาตอบว่า ท่าน กำาลังล้อเล่นกับเราใช่ไหม เขาตอบว่า ันขอต่อพระเจ้าอย่าให้ ันเป็น ผู้โง่เขลาเช่นนั้นเลย พวกเขากล่าวว่า จงขอพระผู้อภิบาลของท่านให้ บอกรายละเอียดชัดเจนด้วยว่าวัวตัวเมียนั้นเป็นวัวประเภทใด มูซาตอบ ว่า พระองค์ตรัสว่าเป็นวัวตัวเมียที่ไม่แก่และไม่อ่อน แต่เป็นวัววัยปาน กลาง ดังนั้น จงทำาตามที่ท่านถูกบัญชาเถิด พวกเขากล่าวต่อไปอีกว่า จงขอต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้บอกถึงสีของวัวให้เป็นที่กระจ่างแก่เรา

อัล บะกอเราะ ฺ

ด้วย มูซาได้ตอบว่า พระองค์ตรัสว่าวัวตัวนั้นควรจะมีสีเหลืองเข้มสดใส เป็นที่ต้องใจแก่ผู้พบเห็น พวกเขากล่าวอีกว่า จงขอต่อพระผู้อภิบาล ของท่านให้กำาหนดชนิดของวัวที่ต้องการแก่เรา เพราะวัวนั้นมีลักษณะ คล้ายกันโดยทั่วไป แล้วเราจะได้หามันพบถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ มูซากล่าวว่า พระผู้อภิบาลของพวกท่านตรัสว่าวัวตัวนั้นเป็นวัวที่ไม่ เคยถูกเทียมคันไถให้ไถดินและไม่เคยถูกใช้ให้ทดน้ำาเข้านา เป็นวัวที่ สมบูรณ์ปราศจากตำาหนิตามตัว แล้วพวกเขาก็ร้องออกมาว่า ท่านได้ให้ รายละเอียดที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงได้เชือดวัวตัวนั้นพลีโดยที่ พวกเขาไม่เต็มใจ จงนึกถึงเมื่อตอนที่พวกสูเจ้า(ชาวอิสราเอล) ่าชาย คนหนึ่งและสูเจ้าก็เริ่มซัดทอดกันในเรื่องนี้ แต่พระเจ้าได้นำาเรื่องที่สูเจ้า ปิดบังออกมาเปิดเผย ดังนั้น เราจึงได้บัญชาว่า จงฟาดศพของคนที่ ถูก ่าด้วยส่วนหนึ่งของวัวที่ถูกเชือดพลี จงดูว่าพระเจ้าทรงทำาให้คนตาย ฟื้นขึ้นมาได้อย่างไร และพระองค์ได้ทรงแสดงสัญญาณให้เห็นเพื่อที่ว่า สูเจ้าจะได้เข้าใจ 74 แต่ถึงแม้จะเห็นสัญญาณเหล่านี้แล้วก็ตาม หัวใจของสูเจ้าก็ยัง กระด้างเป็นหินหรือยิ่งกว่าหินเสียอีก อย่างไรก็ตาม ในบรรดาหินนั้นมี บางก้อนที่มีสายน้ำาพุ่งออกมาจากมัน และมีบางก้อนที่แตกออกและมีน้ำา ไหลออกมา และมีบางก้อนที่ทลายลงมาด้วยความกลัวพระเจ้า พระเจ้ามิ ทรงเ ยเมยในสิ่งที่สูเจ้ากระทำา 75 แล้วสูเจ้ายังหวังว่าคนเหล่านี้จะยอมรับคำาเชิญชวนของสูเจ้าและ เป็นผู้ศรัทธากระนั้นหรือในขณะที่ในหมู่พวกเขามีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ยิน ถ้อยคำาของพระเจ้าแล้วเข้าใจมันดี แต่กลับไปบิดเบือนมันเสียทั้งๆที่ พวกเขารู้ดี และเมื่อพวกเขาพบบรรดาผู้ที่ศรัทธา พวกเขากล่าวว่า เราเป็นผู้ศรัทธาด้วย แต่เมื่อพวกเขาอยู่กับคนอื่นตามลำาพัง พวกเขา พูดกันและกันว่า พวกแกต้องบอกคนพวกนั้นถึงสิ่งที่พระเจ้าประทาน แก่พวกเรากระนั้นหรือ คนพวกนั้นแค่ใช้มันไปโต้แย้งพวกแกต่อหน้า

วัวตัวเมีย

พระเจ้าของพวกแก พวกแกไม่เข้าใจหรือไง 77 พวกเขาไม่รู้จริงๆหรือ ว่าพระเจ้านั้นทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบังและที่พวกเขาเปิดเผย ในหมู่พวกเขานั้นมีผู้อ่านเขียนไม่เป็น ไม่รู้คัมภีร์ นอกจากจะรู้ เรื่องไร้สาระต่างๆและการนึกเดากันเอาเอง ความวิบัติจงมีแด่ผู้เขียน คัมภีร์ด้วยมือของพวกเขาแล้วกล่าวว่า นี่มาจากพระเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่ พวกเขาจะได้แลกเปลี่ยนมันด้วยราคาเล็กน้อย ความหายนะจงมีต่อพวก เขาเพราะสิ่งที่พวกเขาเขียนด้วยมือของพวกเขาและความหายนะจงมี ต่อพวกเขาสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ พวกเขากล่าวว่า ไฟนรก จะไม่สัมผัสเรา และถ้าหากมันจะสัมผัสเรา มันก็จะเป็นเพียงสองสาม วันเท่านั้น จงกล่าว(แก่พวกเขา)ว่า พวกท่านได้รับสัญญาจากพระเจ้า กระนั้นหรือ เพราะพระองค์จะไม่ทรงบิดพลิ้วสัญญาของพระองค์ หรือ ทำาไมไฟนรก พวกท่านอ้างในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้ว่ามาจากพระเจ้า จะไม่สัมผัสพวกท่าน ใครก็ตามที่ทำาความชั่วและหมกมุ่นอยู่ในการ ทำาบาป เขาเหล่านั้นก็คือสหายของไฟนรกและพวกเขาจะพำานักอยู่ใน นั้นตลอดไป ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีจะเป็นผู้ที่ได้อยู่ใน สวรรค์และพำานักอยู่ที่นั่นตลอดไป จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำาสัญญากับลูกหลานของอิสรออีลว่า จง อย่าเคารพภักดีผู้ใดเว้นแต่พระเจ้า จงทำาดีต่อบิดามารดา ต่อญาติสนิท เด็กกำาพร้า ผู้ขัดสน และจงสนทนากับผู้คนโดยดี จงดำารงนมาซและจ่าย ซะกาต แต่พวกสูเจ้าได้หันหลังกลับให้มันและไม่ใส่ใจมันยกเว้นส่วน น้อยจากหมู่สูเจ้าเท่านั้น จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำาสัญญากับสูเจ้า เรากล่าวว่า สูเจ้า ต้องไม่หลั่งเลือดพวกของสูเจ้าและต้องไม่ขับไล่พวกของสูเจ้าออกจาก บ้านของพวกเขา สูเจ้าได้รับรองและเป็นพยานอยู่ด้วย แต่หลังจาก นั้น ทั้งๆที่มีสัญญาแล้ว สูเจ้ายัง ่าพวกพ้องของสูเจ้าและขับไล่พวกของ สูเจ้าและหนุนหลังอีก ่ายหนึ่งให้ต่อต้านพวกเขา สูเจ้ายังทำาบาปและ

อัล บะกอเราะ ฺ

ทำาตัวเป็นศัตรู แต่เมื่อพวกเขามายังสูเจ้าใน านะเชลย สูเจ้าก็ไถ่ตัวพวก เขาทั้งๆที่การขับไล่พวกเขานั้นเป็นเป็นที่ต้องห้ามสำาหรับสูเจ้าแล้ว สูเจ้า ศรัทธาเพียงบางส่วนของคัมภีร์และป ิเสธบางส่วนกระนั้นหรือ ดัง นั้น ไม่มีการตอบแทนอันใดสำาหรับผู้กระทำาเช่นนั้นนอกจากความอัปยศ ในโลกนี้ และการลงโทษอันแสนสาหัสในวันฟื้นคืนชีพ พระเจ้ามิทรง เ ยเมยต่อสิ่งที่สูเจ้ากระทำา เหล่านี้คือคนที่ซื้อชีวิตของโลกนี้ด้วยราคา ของโลกหน้า ดังนั้น การลงโทษของพวกเขาจะไม่ถูกลดหย่อน และพวก เขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซา และหลังจากเขา เราได้ให้มีศาสน ทูตสืบต่อเนื่องกันมา เราได้ส่งอีซา(เยซัส)บุตรของนางมัรฺยัม(มารีย์)มา พร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง และเราได้ทำาให้เขาเข้มแข็งด้วยวิญญาณ บริสุทธิ์ แต่เมื่อใดที่มีศาสนทูตคนหนึ่งมายังสูเจ้าพร้อมกับสิ่งที่สูเจ้า ไม่ชอบ สูเจ้าก็กระด้างกระเดื่องต่อเขาและกล่าวเท็จต่อเขาและ ่าเขา พวกเขากล่าวว่า หัวใจของพวกเราถูกห่อหุ้มไว้มิดชิดแล้ว(ต่อสิ่งที่ สูเจ้ากล่าวมา) แต่ความจริงก็คือพระเจ้าได้ประณามสาปแช่งพวกเขา เพราะการที่พวกเขาป ิเสธ ดังนั้น พวกเขาจึงมีน้อยที่ศรัทธา แล้วตอนนี้ มีคัมภีร์จากพระเจ้ามายังพวกเขาซึ่งทำาให้(คำาพูดล่วง หน้าถึงการมาของนบีคนสุดท้ายในคัมภีร์ของพวกเขา)ที่พวกเขามีอยู่ แล้วเป็นไปตามนั้น แต่พวกเขาป ิเสธ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคย วิงวอนขอให้ได้ชัยชนะเหนือบรรดาผู้ไม่ศรัทธา แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ ยังป ิเสธมันถึงแม้ว่าพวกเขารู้ว่ามันเป็นความจริง ดังนั้น การสาปแช่ง จากพระเจ้าจึงเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ช่างชั่วช้าแท้ๆที่ พวกเขาขายวิญญาณของพวกเขาเองโดยการที่พวกเขาป ิเสธทางนำา ที่พระเจ้าประทานลงมาเพียงเพราะพวกเขาริษยาว่าทำาไมพระเจ้าจึงได้ ประทานความโปรดปรานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของ

วัวตัวเมีย

พระองค์ ดังนั้น พวกเขาจึงได้ก่อให้เกิดความกริ้วแล้วกริ้วอีก และสำาหรับ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมคือการลงโทษอันแสนสาหัส เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า จงศรัทธาตามที่พระเจ้าประทานลงมา พวกเขากล่าวว่า เราศรัทธาแต่เ พาะในสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่เรา และพวกเขาป ิเสธสัจธรรมในสิ่งที่ถูกส่งมาหลังจากนั้นทั้งๆที่มันเป็น สัจธรรมและยืนยันสิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้ว ดังนั้น จงถามพวกเขาว่า ถ้า หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง ทำาไมพวกท่านถึงได้ ่านบีของ พระเจ้า (ยิ่งไปกว่านั้น) มูซาได้มายังสูเจ้าพร้อมกับสัญญาณต่างๆ อันชัดแจ้ง แต่เมื่อเขาไม่อยู่สักพัก สูเจ้าก็เป็นผู้ละเมิดเอาลูกวัวมาบูชา จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ทำาสัญญากับสูเจ้าในขณะที่เราได้ยกภูเขา เหนือสูเจ้าและเราได้กล่าวว่า จงยึดมั่นในสิ่งที่เราประทานแก่สูเจ้า และ จงฟังคำาบัญชาของเรา พวกเขากล่าวว่า เราได้ยินแล้ว แต่เราไม่เชื่อ ฟัง หัวใจของพวกเขามีแต่ความรักในลูกวัว เพราะพวกเขาป ิเสธที่จะ รับความจริง (มุ ัมมัด)จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ ศรัทธาจริง ศรัทธาของพวกท่านก็เป็นศรัทธาที่บัญชาพวกท่านให้ทำาสิ่ง จงบอกพวกเขาว่า ถ้าหากที่พำานักแห่งโลกหน้าของ ชั่วช้าเช่นนั้น พระเจ้ามีไว้สำาหรับพวกท่านเท่านั้น มิใช่สำาหรับมนุษย์คนอื่นแล้ว พวก ท่านจงเรียกหาความตายเถิดถ้าหากสิ่งที่พวกท่านกล่าวอ้างเป็นความ จริง แต่จงเชื่อเถิดว่าพวกเขาไม่อยากตายหรอก เพราะพวกเขารู้ดี ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว และพระเจ้าทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้ ทำาความผิด เจ้า (มุ ัมมัด) จะพบว่าในบรรดามนุษยชาติทั้งหมด พวก เขาเป็นผู้ที่โลภเพื่อชีวิตมากที่สุด ความจริงแล้ว พวกเขาโลภยิ่งกว่า บรรดาผู้บูชารูปเคารพเสียอีก พวกเขาแต่ละคนอยากที่จะมีอายุยืนถึง พันปี แต่ถึงแม้จะมีอายุยืนยาวเช่นนั้นก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาให้พ้น จากการถูกลงโทษได้ และพระเจ้าทรงเห็นทุกอย่างที่พวกเขากระทำา จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ใครที่เป็นศัตรูต่อญิบรีล ผู้นำากุรอานมา

อัล บะกอเราะ ฺ

ยั ง หั ว ใจของเจ้ า โดยอนุ มั ติ ข องพระเจ้ า เพื่ อ ยื น ยั น สิ่ ง ที่ ไ ด้ ถู ก ประทาน ลงมาก่อนหน้านี้(การพูดล่วงหน้าถึงการมาของนบีคนสุดท้ายในคัมภีร์ ก่อนหน้านี้) และเป็นทางนำาและเป็นข่าวดีสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา ผู้ ใดเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ต่อทูตสวรรค์และต่อศาสนทูตของพระองค์ หรือ ต่อญิบรีลและมีกาอีล จะพบว่าพระเจ้าทรงเป็นศัตรูต่อบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรม เราได้ประทานสัญญาณทั้งหลายอันชัดแจ้งมายังเจ้าแล้ว และไม่มีผู้ใดป ิเสธมันนอกจากพวกคนชั่ว ทำาไมจึงเป็นเช่นนั้นที่เมื่อ ใดพวกเขาได้ทำาสัญญา พวกเขากลุ่มหนึ่งได้ทิ้งสัญญา ใช่เลย พวกเขา ส่วนมากต่างหากที่ไม่ศรัทธา และเมื่อใดก็ตามที่มีศาสนทูตคนหนึ่ง จากพระเจ้ามายังพวกเขา เป็นผู้ยืนยัน(สิ่งที่บอกล่วงหน้า)ที่มีอยู่กับพวก เขา ชาวคัมภีร์กลุ่มหนึ่งจะโยนคัมภีร์ของพระเจ้าไว้ข้างหลังประหนึ่งว่า พวกเขาไม่รู้อะไร พวกเขาได้ป ิบัติตามสิ่งที่พวกซาตานได้อ้างอย่างผิดๆว่ามันมา จากอาณาจักรของโซโลมอน(สุลัยมาน) ทั้งๆที่ความจริงแล้ว สุลัยมาน มิได้เป็นผู้ป ิเสธศรัทธา แต่พวกซาตานที่พร่ำาสอนไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คน ต่างหากที่ป ิเสธศรัทธา พวกเขาป ิบัติตามสิ่งที่ถูกส่งมายังทูตสวรรค์ ทั้งสองคือ ารูตและมารูตที่เมืองบาบิล (บาบิโลน) ทูตสวรรค์ทั้งสองไม่ ได้สอนไสยศาสตร์แก่ผู้ใดจนกว่าเขาทั้งสองจะเตือนล่วงหน้าไว้อย่าง ชัดเจนว่า เราเป็นเพียงการทดสอบอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น พวกท่าน จงอย่าป ิเสธศรัทธา(ในทางนำาของพระเจ้า) แต่ถึงแม้จะเตือนแล้ว ผู้คน ก็ยังเรียนจากทูตสวรรค์ทั้งสองซึ่งวิชาที่เป็นสาเหตุให้เกิดการแตกแยก ระหว่างสามีและภรรยาของเขา แต่พวกเขาไม่สามารถทำาอันตรายผู้ใด โดยใช้ไสยศาสตร์ได้หากพระเจ้าไม่อนุมัติ (ในทางตรงข้าม)คนเหล่านี้ ได้เรียนสิ่งที่ให้โทษแก่พวกเขาและไม่ได้ให้คุณค่าแก่พวกเขาทั้งๆที่พวก เขารู้ดีว่าผู้ใดที่ซื้อวิชานี้จะไม่มีส่วนใดในปรโลกสำาหรับเขาเลย ช่างชั่ว ช้าเสียนี่กระไรสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้ขายตัวของพวกเขาไปเพื่อมัน ถ้า

วัวตัวเมีย

หากว่าพวกเขารู้ ถ้าหากพวกเขาศรัทธาและสำารวมตนต่อพระเจ้า พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนที่ดีกว่าจากพระเจ้า ถ้าหากว่าพวกเขา ได้รู้ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าพูดกับนบีว่า รออินา แต่จงกล่าวคำา ว่า อุนซุรฺนา และจงฟังเขาด้วยความตั้งใจ* สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น คือการลงโทษอันเจ็บปวด บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมไม่ว่าจะเป็นชาว คัมภีร์หรือบรรดาผู้บูชาเทวรูปไม่ปรารถนาที่จะเห็นความดีใดจากพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้าถูกส่งมายังสูเจ้าทั้งๆที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะประทาน ความเมตตาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยเ พาะ และพระเจ้าไม่มีขีด จำากัดในความโปรดปรานอันใหญ่หลวงของพระองค์ ถ้าเรายกเลิก ข้อความใดหรือถูกทำาให้ข้อความนั้นถูกลืม เราจะนำาข้อความที่ดีกว่า หรืออย่างน้อยที่สุดก็เท่าเทียมกันมาทดแทน สูเจ้าไม่รู้หรือว่า พระเจ้า สูเจ้าไม่รู้หรือว่าอำานาจแห่งชั้นฟ้า เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง ทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของพระเจ้า และสูเจ้าไม่มีผู้ใดเป็นผู้คุ้มครอง และผู้ช่วยเหลือนอกจากพระเจ้า หรือสูเจ้า(มุสลิม)อยากจะถาม ศาสนทูตของสูเจ้าดังที่มูซาได้ถูกถามแต่ก่อนนี้ และผู้ใดที่แลกเปลี่ยน ความศรัทธาเพื่อการป ิเสธ เขาผู้นั้นก็หลงไปจากทางที่เที่ยงตรง ส่วนมากของชาวคัมภีร์ต้องการที่จะหันสูเจ้ากลับมายังการป ิเสธ หลังจากที่สูเจ้าได้ศรัทธา ทั้งนี้เนื่องด้วยความอิจ าของพวกเขาหลัง จากที่สัจธรรมได้เป็นที่แจ่มแจ้งแก่พวกเขาแล้ว ดังนั้น สูเจ้าจงแสดง ความอดทนและให้อภัยแก่พวกเขาจนกว่าพระเจ้าจะได้มีบัญชาลงมา จง แน่ใจว่าพระเจ้าเป็นผู้มีอานุภาพเหนือทุกสิ่ง จงดำารงนมาซและจ่าย บางคนนั่งรวมอยู่กับท่านนบีและทำาเป็นตลกขบขันในสิ่งที่ท่านสอน ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำาภาษาอาหรับที่ไม่กำากวมสำาหรับคำาพูดว่า ขอให้พวกท่านสนใจเรา (อุนซุรฺนา) พวกเขากล่าวว่า รออินา ซึ่งมี ความหมายว่า คนเลี้ยงสัตว์ของเรา

อัล บะกอเราะ ฺ

ซะกาต และความดีอันใดที่สูเจ้าได้กระทำาไว้ก่อนสำาหรับตัวสูเจ้า สูเจ้า จะพบมันที่พระเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงเ ้ามองทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำา พวกเขากล่าวว่า ไม่มีใครจะได้เข้าสวรรค์เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเป็นยิว หรือคริสเตียน นี่คือความหวังอันเลื่อนลอยของพวกเขา (นบี) จงกล่าว แก่พวกเขาว่า จงนำาหลัก านของพวกท่านมาถ้าพวกท่านพูดความจริง ความจริงแล้วใครก็ตามที่ยอมมอบตนต่อพระเจ้าและกระทำาความ ดีจะได้รับการตอบแทนจากพระผู้อภิบาลของเขา พวกเขาจะไม่มีความ กลัวและความเศร้าโศกเสียใจ ชาวยิวกล่าวว่า พวกคริสเตียนไม่มีสิ่งใดมาเป็นหลัก าน และ ชาวคริสเตียนกล่าวว่า พวกยิวก็ไม่มีสิ่งใดเช่นกัน ทั้งๆที่พวกเขาทั้งสอง ่ายอ่านคัมภีร์เล่มเดียวกัน และพวกที่ไม่มีความรู้เรื่องคัมภีร์ยังกล่าวอ้าง เช่นเดียวกัน ดังนั้น พระเจ้าจะตัดสินเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกันในวันแห่ง การฟื้นคืนชีพ ผู้ใดเล่าที่ชั่วช้ายิ่งไปกว่าผู้ที่ห้ามการเอ่ยนามของพระ เจ้าในมัสญิดทั้งหลายของพระองค์และพยายามที่จะทำาลายมัน ในขณะที่ คนเหล่านี้ต้องเข้าไปข้างในนั้นด้วยหัวใจที่เกรงกลัว สำาหรับพวกเขาใน โลกนี้คือความอัปยศอดสูและการลงโทษอันมหันต์ในปรโลก ทั้งตะวัน ออกและตะวันตกเป็นของพระเจ้า ไม่ว่าสูเจ้าจะหันไปทางใดล้วนมีพระ พักตร์ของพระเจ้าทุกทิศทาง แท้จริง พระเจ้าคือผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ และพวกเขากล่าวว่า พระเจ้าได้เอามนุษย์มาเป็นบุตร มหาบริสุทธิ์ ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงอยู่เหนือสิ่งเช่นนั้น ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ล้วนเป็นของพระองค์และทุกสรรพสิ่งล้วนเชื่อฟังพระองค์ พระองค์คือ ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เมื่อพระองค์ทรงกำาหนดกิจการใด พระองค์แค่เพียงกล่าวว่า จงเป็น แล้วมันก็เป็นขึ้นมา พวกคนที่ไม่รู้กล่าวว่า ทำาไมพระเจ้าไม่พูดกับเราหรือส่งสัญญาณ หนึ่งมาให้เรา คนก่อนหน้าพวกเขาก็เคยพูดเช่นนี้มาแล้วเพราะหัวใจ ของพวกเขาคล้ายคลึงกัน เราได้แสดงสัญญาณอันชัดแจ้งของเราแก่

วัวตัวเมีย

ประชาชนผู้เชื่อมั่นแล้ว เราได้ส่งเจ้า(มุ ัมมัด)พร้อมด้วยสัจธรรมและ ได้ทำาให้เจ้าเป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน และเจ้าจะไม่ต้องเป็นผู้รับ ผิดชอบต่อบรรดาชาวนรก ชาวยิวและชาวคริสเตียนจะไม่มีวันพอใจ เจ้า(มุ ัมมัด)จนกว่าเจ้าจะป ิบัติตามแนวทางของพวกเขา จงบอกพวก ขาว่า ทางนำาของพระเจ้าคือทางนำาที่เที่ยงตรง และถ้าหากเจ้าป ิบัติ ตามความปรารถนาของพวกเขาหลังจากที่ความรู้ทั้งปวงมายังเจ้าแล้ว เจ้าจะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือจากพระเจ้า บรรดาผู้ที่เราได้ ประทานคัมภีร์นี้ป ิบัติตามมันดังที่มันควรจะได้รับการป ิบัติตาม พวก เขาเหล่านี้เชื่อในคัมภีร์ด้วยความจริงใจ ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธมัน พวกเขา เหล่านั้นคือผู้ขาดทุน โอ้ ลูกหลานอิสรออีล จงระลึกถึงความโปรดปรานของ ันที่ได้ ประทานแก่สูเจ้าและที่ ันได้ยกย่องสูเจ้าให้เหนือประชาชาติทั้งหลาย และจงเกรงกลัววันหนึ่งซึ่งในวันนั้นไม่มีใครสามารถที่จะช่วยใคร ได้ และการไถ่โทษแทนจากใครจะไม่เป็นที่ยอมรับ การขอไถ่โทษแทน ก็จะไม่เป็นประโยชน์แก่ใคร และผู้ทำาผิดทั้งหลายจะไม่ได้รับความช่วย เหลือ จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของอิบรอ ีม(อับรา ัม)ได้ ทรงทดสอบเขาด้วยคำาบัญชาบางอย่าง แล้วเขาได้ป ิบัติตามโดยครบ ถ้วน พระองค์ทรงตรัสว่า ันจะทำาให้เจ้าเป็นผู้นำาของมนุษยชาติ เขา ได้ถามว่า สัญญานี้รวมถึงลูกหลานของ ันด้วยหรือไม่ พระองค์ตรัส ว่า สัญญาของ ันไม่แผ่ถึงบรรดาผู้ละเมิด และเราได้ทำาบ้านหลังนี้(กะอฺบะ ฺ)ให้เป็นสถานที่แห่งการชุมนุม และเป็นที่ปลอดภัยสำาหรับมนุษยชาติ(โดยกล่าวว่า) จงทำาให้ที่ยืนของอิ บรอ ีมเป็นที่นมาซ เราได้สั่งอิบรอ ีมและอิสมาอีลว่า จงรักษาบ้านของ ันให้สะอาดสำาหรับบรรดาผู้มาเวียนรอบ ผู้ที่มาทำาสมาธิ ผู้ที่มาโค้งและ กราบ และจงนึกถึงเมื่ออิบรอ ีมกล่าววิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล ของ ัน ขอได้โปรดทำาให้เมืองนี้เป็นที่ปลอดภัยและได้โปรดประทานผล

อัล บะกอเราะ ฺ

ไม้นานาชนิดแก่ชาวเมืองผู้ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายด้วยเถิด พระองค์ได้ทรงตอบว่า สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ันจะให้สิ่ง จำาเป็นแห่งชีวิตในโลกนี้แก่พวกเขา และหลังจากนั้น ันจะส่งเขาไปสู่ การลงโทษของไฟนรก และนั่นเป็นปลายทางอันชั่วช้าที่สุด และจงนึกถึงเมื่ออิบรอ ีมและอิสมาอีลได้ก่อกำาแพงของบ้านหลัง นี้ (เขาทั้งสองได้วิงวอนว่า) พระผู้อภิบาลของเรา โปรดรับงานนี้จากเรา ด้วยเถิด แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ พระผู้อภิบาล ของเรา โปรดทำาให้เราทั้งสองเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ และโปรดให้ลูก หลานของเราเป็นชนชาติที่นอบน้อมต่อพระองค์ โปรดสอนเราให้รู้ถึงการ ป ิบัติศาสนกิจของเราและโปรดนิรโทษเราโดยปรานีด้วยเถิด แท้จริง พระผู้อภิบาล พระองค์คือผู้ทรงนิรโทษโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ของเรา โปรดส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากพวกเขามายังพวกเขาเพื่ออ่านสิ่ง ที่พระองค์ประทานมาแก่พวกเขา และสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวก เขาและขัดเกลาชีวิตของพวกเขาให้สะอาด แท้จริง พระองค์คือผู้ทรง อำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ แล้วใครเล่าที่จะหันเหออกไปจากแนวทางของอิบรอ ีมนอกจากผู้ ที่โ ดเขลา แน่นอน อิบรอ ีมคือผู้ที่เราได้เลือกมาเพื่อรับใช้เราในโลก นี้ และในปรโลก เขาจะอยู่ในหมู่กัลยาณชน เมื่อพระผู้อภิบาลของเขา กล่าวแก่เขาว่า จงนอบน้อม เขาได้ตอบรับทันทีว่า ันได้นอบน้อมต่อ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกแล้ว ในทำานองเดียวกัน อิบรอ ีมได้สั่ง ลูกๆของเขาให้ป ิบัติตามแนวทางเดียวกัน และยะกูบก็ได้สั่งบรรดาลูกๆ ของเขาเช่นกันว่า ลูกๆของ ันเอย พระเจ้าได้ทรงเลือกศาสนาให้พวก เจ้าแล้ว ดังนั้น จงดำารงสภาพการยอมจำานนไว้จนกว่าพวกเจ้าจะตาย สูเจ้าอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่เมื่อตอนที่ยะกูบใกล้ตาย เขาได้ถามลูกๆ ของเขาว่า หลังจาก ันแล้ว พวกเจ้าจะเคารพสักการะผู้ใด พวกเขา กล่าวว่า เราจะเคารพสักการะพระเจ้าของท่าน พระเจ้าของบรรพบุรุษ

วัวตัวเมีย

ของท่าน ของอิบรอ ีมและอิสมาอีลและอิส ากเป็นพระเจ้าองค์เดียว และ เราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ พวกเขาคือหมู่ชนที่ได้ล่วงลับไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้จะเป็นของพวกเขาและสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไว้จะเป็นของ สูเจ้า สูเจ้าจะไม่ถูกสอบถามเกี่ยวกับการงานของพวกเขา พวกเขากล่าวว่า จงเป็นยิวหรือเป็นคริสเตียนเถิด แล้วพวกเจ้าจะ ได้อยู่ในทางนำา จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า ไม่ เราเชื่อในความศรัทธา ของอิบรอ ีมที่หันไปสู่พระเจ้า เขาไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้นำาสิ่งใดมาเป็นภาคี กับพระเจ้า จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า เราศรัทธาในพระเจ้าและทาง นำาที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เรา และที่ได้ถูกประทานลงมาแก่อิบรอ ีม อิสมาอีล อิส าก ยะกูบและลูกหลานของเขาและที่ได้ถูกประทานแก่มู ซา อีซาและที่ได้ถูกประทานแก่บรรดานบีจากพระผู้อภิบาลของเขาทั้ง หลาย เรามิได้จำาแนกคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา และเราเป็นผู้นอบน้อม ถ้าพวกเขาศรัทธาอย่างที่สูเจ้าศรัทธา พวกเขาก็อยู่ใน ต่อพระองค์ ทางนำา แต่ถ้าพวกเขาหันกลับ จงรู้ไว้ว่าพวกเขาเป็นผู้ดื้อรั้นในการเป็น ศัตรู จงมั่นใจได้เลยว่าพระเจ้านั้นเพียงพอแล้วที่จะป้องกันสูเจ้าจากพวก เขา พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง เราใช้สีย้อมของ พระเจ้า และใครเล่าที่จะมีการย้อมที่ดีกว่าพระเจ้า และเราเป็นผู้เคารพ สักการะพระองค์ (โอ้ นบี) จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า พวกท่านโต้ เถียงเราเกี่ยวกับพระเจ้ากระนั้นหรือทั้งๆที่พระองค์คือพระผู้อภิบาลของ เราและพระผู้อภิบาลของพวกท่าน เรามีการงานของเราและพวกท่านก็ มีการงานของพวกท่าน และเราเป็นผู้อุทิศตนต่อพระองค์เท่านั้น พวก ท่านอ้างว่าอิบรอ ีม อิสมาอีล อิส าก ยะกูบ และลูกหลานของพวกเขา เป็นยิวหรือคริสเตียนกระนั้นหรือ จงถามพวกเขาว่า พวกท่านรู้ดีกว่า พระเจ้ากระนั้นหรือ และผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ปิดบังคำายืนยันที่ พระเจ้าได้มอบหมายให้แก่เขา และพระเจ้ามิทรงเ ยเมยในสิ่งที่พวก เขาได้กระทำา พวกเขาคือหมู่ชนที่ได้ล่วงลับไปแล้ว และพวกเขาจะ

อัล บะกอเราะ ฺ

ถูกตอบแทนสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ และพวกท่านจะไม่ถูกสอบถาม ในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำาไป พวกคนโง่เขลาจะถามว่า อะไรที่ทำาให้พวกเขาหันเหออกจาก ทิศทางที่พวกเขาเคยหันไปในเวลานมาซ จงบอกพวกเขาว่า ทั้งตะวัน ออกและตะวันตกเป็นของพระเจ้า พระองค์จะทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ให้อยู่ในหนทางที่เที่ยงตรง ดังนั้น เราจึงได้ทำาให้สูเจ้า เป็นประชาชาติสายกลางเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษยชาติและ ศาสนทูตจะได้เป็นพยานต่อสูเจ้า เราได้กำาหนดทิศทางการนมาซที่สูเจ้า เคยหันหน้าไปก่อนหน้านี้แล้วเพื่อที่จะแยกว่าใครคือผู้ป ิบัติตามศาสน ทูตและใครที่หันหลังให้เขาเป็นที่ชัดเจน นี่เป็นข้อทดสอบที่หนัก แต่ มิใช่สำาหรับบรรดาผู้ที่พระเจ้าได้ทรงนำาทาง พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้ความ ศรัทธาของเจ้าสูญเปล่า จงแน่ใจได้เลยว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงเอ็นดูและ ผู้ทรงเมตตาต่อปวงมนุษย์เสมอ เราได้เห็นเจ้า (โอ้มุ ัมมัด)แหงนหน้าขึ้นสู่ฟากฟ้าอยู่เนืองๆ ดังนั้น เราจะหันหน้าเจ้าไปยังทิศทางที่เจ้าพอใจที่สุด ดังนั้น จงหันหน้าของเจ้า ไปยังมัสญิดอัล ะรอม และไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด จงหันหน้าของเจ้าไปยัง สถานที่แห่งนั้นในเวลานมาซ บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์รู้ดีว่าคำาบัญชานี้เป็น ความจริงจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพระเจ้ามิเป็นผู้ทรงเ ยเมย ต่อการกระทำาของพวกเขา ถึงแม้เจ้าจะนำาสัญญาณทุกอย่างมาแสดง แก่ชาวคัมภีร์ พวกเขาจะไม่ยอมรับทิศทางของเจ้า และเจ้าก็จะไม่ยอมรับ ทิศทางของพวกเขา และพวกเขาส่วนหนึ่งจะไม่ยอมรับทิศทางของผู้อื่น ดังนั้น ถ้าหากเจ้ายังป ิบัติตามความปรารถนาของพวกเขาหลังจากที่ ได้รับความรู้แล้ว เจ้าจะถูกถือว่าเป็นผู้ทำาความผิด สำาหรับบรรดาผู้ ที่เราได้ประทานคัมภีร์ให้นั้น พวกเขารู้ถึงสถานที่เป็นอย่างดีเหมือนกับ พวกเขารู้จักลูกๆของพวกเขาเอง แต่ถึงกระนั้น พวกเขาบางคนได้ปิดบัง

วัวตัวเมีย

ความจริงทั้งๆที่พวกเขารู้ดีอยู่ ความจริงเป็นสิ่งที่มาจากพระผู้อภิบาล ของเจ้า ดังนั้น เจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ละประชาชาติต่างมีทิศทางที่หันไปของตนเอง ดังนั้น จงแข่งขัน กันในการทำาความดี ไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าจะทรงนำาสูเจ้ามา รวมกันต่อหน้าพระองค์ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด จงหันหน้าของเจ้าไปยังมัสญิดอัล ะรอม นี่เป็น คำาสั่งจากพระผู้อภิบาลของเจ้า และพระองค์ไม่เป็นผู้เ ยเมยในสิ่งที่สูเจ้า กระทำา ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ใด จงหันหน้าของเจ้าไปยังมัสญิดอัล ะรอม และไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ไหน จงหันหน้าของสูเจ้าไปทางเดียวกันนั้นในเวลา นมาซเพื่อที่ว่าผู้คนจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งอันใดต่อสูเจ้านอกจากบรรดาผู้ อธรรม ดังนั้น จงอย่ากลัวพวกเขา แต่จงกลัว ัน เพื่อที่ ันจะได้ให้ความ โปรดปรานของ ันแก่สูเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์ และเพื่อที่สูเจ้าจะได้พบทาง ดังนั้น เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากในหมู่สูเจ้ามายัง ที่เที่ยงตรง สูเจ้า เพื่ออ่านสิ่งที่เราประทานมาแก่สูเจ้า เพื่อขัดเกลาชีวิตของสูเจ้าให้ สะอาด เพื่อสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่สูเจ้า และสอนสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้า ไม่รู้ ดังนั้น จงระลึกถึง ันและ ันจะนึกถึงสูเจ้า จงขอบคุณ ัน และจง อย่าเนรคุณต่อ ัน บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงขอความช่วยเหลือด้วยความอดทนและจง นมาซ เพราะพระเจ้าจะทรงอยู่กับบรรดาผู้อดทน และจงอย่ากล่าว ว่าบรรดาผู้ถูก ่าในหนทางของพระเจ้านั้นตาย ความจริงแล้ว พวกเขา ยังมีชีวิตอยู่ แต่สูเจ้าไม่รู้ แน่นอน เราจะทดสอบสูเจ้าด้วยความกลัว และความหิว และการสูญเสียทรัพย์สิน ชีวิตและพืชผล จงแจ้งข่าวดีแก่ บรรดาผู้อดทน บรรดาผู้ที่เมื่อมีทุกข์ภัยมาประสบแก่พวกเขา พวก เขากล่าวว่า แท้จริง เราเป็นของพระเจ้าและยังพระองค์ที่เราจะกลับไป คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับความจำาเริญและความเมตตาจากพระผู้

อัล บะกอเราะ ฺ

อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาเหล่านี้แหละที่เป็นผู้อยู่บนหนทางที่ถูก ต้อง แท้จริง เศาะฟาและมัรฺวะ ฺนั้นเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งในบรรดา สัญลักษณ์ที่พระเจ้ากำาหนดไว้ดังนั้น จึงไม่ผิดแต่ประการใดสำาหรับผู้ทำา พิธี ัจญ์หรืออุมเราะ ฺที่จะเดินไปมาระหว่างเนินเขาทั้งสอง พระเจ้าทรง รู้ดีถึงผู้ที่กระทำาความดีด้วยความสมัครใจ แท้จริง พระเจ้าทรงสาป แช่ง และคนอื่นๆก็สาปแช่งผู้ปิดบังคำาสอนและทางนำาอันชัดแจ้งที่เราได้ ประทานลงมาหลังจากที่เราได้ทำาให้มันเป็นที่กระจ่างแจ้งไว้ในคัมภีร์เพื่อ เป็นทางนำาสำาหรับมนุษยชาติแล้ว ยกเว้นบรรดาผู้ที่สำานึกผิดและเปิด เผยสิ่งที่พวกเขาปิดบังอยู่ บรรดาคนเหล่านี้แหละที่ ันอภัยโทษแก่พวก เขา เพราะ ันเป็นผู้ทรงนิรโทษโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมและตายในขณะที่เป็นผู้ป ิเสธนั้น พวกเขาได้รับการสาป แช่งจากพระเจ้า จากทูตสวรรค์และจากมนุษย์ทั้งหลาย พวกเขาจะคง อยู่ในการสาปแช่งนั้นตลอดไป โทษของพวกเขาจะไม่ถูกลดหย่อน และ พวกเขาจะไม่ได้รับการผ่อนผัน พระเจ้าของสูเจ้านั้นคือพระเจ้าองค์เดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีก นอกจากพระองค์ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ในการสร้าง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และในการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลาง วันและในเรือที่ล่องลอยในมหาสมุทรด้วยสรรพสิ่งที่อำานวยประโยชน์แก่ มนุษย์ และในน้ำา นที่พระเจ้าได้หลั่งลงมาจากท้องฟ้า และจากน้ำานั้น พระองค์ได้ชุบชีวิตให้แก่แผ่นดินหลังจากที่มันได้ตายไป และได้ทรงแพร่ ขยายสัตว์ทุกชนิดให้กระจายออกไป และในการผันแปรของลมและเม ที่ คอยคำาสั่งอย่างเชื่อฟังระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้นมีสัญญาณมากมาย สุดคณานับสำาหรับผู้ใช้สติปัญญา ถึงกระนั้นยังมีบางคนยึดเอาสิ่งอื่นเป็นภาคีกับพระเจ้า และพวก เขาหลงรักมันเหมือนกับความรักที่พวกเขาจะต้องมีต่อพระเจ้า ในขณะที่

วัวตัวเมีย

ผู้ศรัทธานั้นมีความรักในพระเจ้ามากกว่า ถ้าหากบรรดาผู้ที่ละเมิดเหล่า นี้ได้เห็นการลงโทษต่อหน้าเขา พวกเขาจะตระหนักว่าอำานาจทั้งปวง นั้นเป็นของพระเจ้า และพระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงเ ียบขาดในการลงโทษ เมื่อพวกเขาเผชิญกับการลงโทษของพวกเขา บรรดาผู้ที่ถูกตามทั้ง หลายจะผละหนีจากบรรดาผู้ที่ตามพวกเขา และความเกี่ยวพันกันของ พวกเขาทั้งหมดจะถูกตัดขาด บรรดาผู้ตามจะกล่าวว่า ถ้าหากเรามี โอกาสกลับไปสู่โลกอีก เราจะผละจากพวกเขาเหมือนกับที่พวกเขาผละ จากเรา ดังนั้น พระเจ้าจะนำาเอาการงานของพวกเขาที่ทำาไว้ในโลกนี้ ออกมาแสดงจนทำาให้พวกเขารู้สึกรันทด แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะพ้น ออกไปจากไฟนรกได้ โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงกินสิ่งที่ได้รับอนุมัติและสิ่งที่ดีจากที่มีอยู่ใน แผ่นดินและจงอย่าป ิบัติตามแนวทางของซาตาน เพราะซาตานเป็น ศัตรูที่เปิดเผยของสูเจ้า มันเสี้ยมสอนสูเจ้าให้กระทำาสิ่งชั่วช้าลามก และชักนำาสูเจ้าให้กล่าวถึงพระเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าไม่มีความรู้ แต่เมื่อ พวกเขาถูกบอกว่า จงป ิบัติตามคำาบัญชาที่พระเจ้าได้ประทานมา พวกเขาตอบว่า เราจะป ิบัติตามเ พาะที่เราได้พบว่าบรรพบุรุษของเรา ได้ป ิบัติ ทั้งๆที่บรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้ใช้สติปัญญาและไม่ได้อยู่ ในทางนำาที่ถูกต้องกระนั้นหรือ สภาพของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม นั้นอาจเปรียบได้เหมือนกับสภาพของสัตว์ที่ผู้เลี้ยงกู่เรียกมัน แต่พวกมัน ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงร้องและเสียงตะโกน พวกเขาหูหนวก เป็นใบ้ ตาบอด ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจอะไร บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงกินสิ่งที่ดีและสะอาดที่เราได้ประทานแก่ สูเจ้า และจงขอบคุณพระเจ้าถ้าหากพระองค์เท่านั้นที่สูเจ้าเคารพสักกา ระ พระเจ้าได้ห้ามสูเจ้าเ พาะสัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อสุกร สัตว์ที่ถูก กล่าวอุทิศให้ด้วยนามอื่นนอกจากพระเจ้า แต่ถ้าหากผู้ใดตกอยู่ในภาวะ คับขันโดยไม่มีเจตนาขัดขืนและไม่ได้ละเมิด มันก็ไม่มีบาปแก่เขา เพราะ

อัล บะกอเราะ ฺ

พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ แท้จริง บรรดาผู้ปิดบัง ส่วนใดของคัมภีร์ที่พระเจ้าประทานลงมาเพื่อผลประโยชน์ทางโลกเล็กๆ น้อยๆนั้น คนพวกนี้มิได้กินสิ่งใดนอกจากไฟ พระเจ้าจะไม่พูดกับพวก เขาในวันฟื้นคืนชีพและจะไม่ชำาระพวกเขาให้สะอาด พวกเขาจะได้รับ การลงโทษอันแสนเจ็บปวด พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่แลกทางนำากับสิ่ง ผิด และแลกการอภัยโทษกับการลงโทษ พวกเขาดูไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่ กับไฟ นี่เป็นเพราะพระเจ้าประทานคัมภีร์พร้อมกับสัจธรรมลงมาแล้ว แต่ผู้คนที่ยังคงขัดแย้งกันในคัมภีร์ได้หันห่างออกไปไกลจากสัจธรรมใน ความขัดแย้งของพวกเขา คุณธรรมไม่ได้อยู่ที่สูเจ้าหันหน้าไปทางตะวันออกหรือทางตะวัน ตก แต่คุณธรรมหมายถึงการศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและบรรดา ทูตสวรรค์และคัมภีร์และนบีทั้งหลายและจ่ายทรัพย์สินของเขาด้วยความ รักต่อพระองค์แก่ญาติสนิทและเด็กกำาพร้าและแก่ผู้ขัดสน ผู้เดินทาง ผู้ ขอ(บริจาค)และเพื่อไถ่ทาส และดำารงนมาซและจ่ายซะกาตและบรรดาผู้ ป ิบัติตามสัญญาโดยครบถ้วนเมื่อพวกเขาให้สัญญา และอดทนในความ ทุกข์ยากและความลำาเค็ญและในการสู้รบ คนเหล่านี้แหละคือผู้ศรัทธา ที่แท้จริง และคนเหล่านี้แหละคือผู้เกรงกลัวพระเจ้า บรรดาผู้ศรัทธาเอย ก หมายการแก้แค้นอย่างเท่าเทียมกันใน กรณีของการ าตกรรมได้ถูกกำาหนดสำาหรับสูเจ้าแล้ว คนที่เป็นอิสระกับ คนที่เป็นอิสระ ทาสกับทาส หญิงกับหญิง แต่ถ้าหากทายาทของผู้ถูก ่า เต็มใจที่จะผ่อนปรนให้ าตกร เงินทำาขวัญต้องถูกตัดสินตามก หมาย อย่างเท่าเทียมกัน และ าตกรต้องจ่ายเงินนั้น นี่เป็นข้อผ่อนปรนและ ความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ทีนี้ ผู้ใดที่ละเมิดขอบเขตหลัง จากนี้ เขาผู้นั้นจะต้องได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด ในก หมายแห่ง การตอบแทนที่เท่าเทียมกันนั้นมีความมั่นคงปลอดภัยแห่งชีวิตสำาหรับ สูเจ้า โอ้ผู้มีความเข้าใจทั้งหลาย เพื่อที่ว่าบางทีสูเจ้าจะนึกถึงพระเจ้า

44

วัวตัวเมีย

มันได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับสูเจ้าแล้วว่าเมื่อความตายย่างกรายเข้าสู่ผู้ ใดในหมู่สูเจ้าและเขามีทรัพย์สมบัติทิ้งไว้บ้าง เขาควรจะทำาพินัยกรรมยก ให้แก่พ่อแม่และญาติสนิทโดยชอบธรรม นี่เป็นหน้าที่สำาหรับผู้เกรงกลัว พระเจ้า ถ้าผู้ใดเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมหลังจากที่ได้ยินมันแล้ว บาป จะตกแก่เขาผู้นั้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง แต่ถ้าผู้ใดเกรงว่าผู้ทำาพินัยกรรมได้ทำาสิ่งที่ไม่ยุติธรรมหรือทำาผิดแน่ มันก็ไม่เป็นบาปแต่ประการใดสำาหรับเขาที่จะจัดให้มีการประนีประนอม กันระหว่างผู้เกี่ยวข้อง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตา เสมอ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา การถือศีลอดได้ถูกกำาหนดแก่สูเจ้าเช่นเดียวกับ ที่ได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับบรรดาผู้คนก่อนหน้าสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ จงถือศีลอดในวันที่ได้ถูกกำาหนด ปกป้องตนเองให้พ้นจากความชั่ว ไว้ แต่ถ้าหากคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้าป่วยหรืออยู่ในระหว่างเดินทาง จง ให้เขาถือศีลอดชดเชยตามจำานวนวันที่ขาดไปในตอนหลัง สำาหรับบรรดา ผู้ถือศีลอดด้วยความยากลำาบากยิ่ง เขาต้องชดใช้ด้วยการเลี้ยงอาหารคน ยากจน แต่ใครที่ทำาดีมากกว่านี้จะได้รับรางวัลตอบแทน แต่การถือศีล อดนั้นดีกว่าสำาหรับสูเจ้าถ้าหากสูเจ้ารู้ เดือนเราะมะ อนเป็นเดือน ที่คัมภีร์กุรอานถูกประทานลงมาเป็นทางนำาสำาหรับมนุษยชาติพร้อมกับ หลัก านและเกณ ์ตัดสินที่แยกความถูกต้องออกจากความผิดอย่าง ชัดเจน ดังนั้น ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าอยู่ในเดือนนั้น จงถือศีลอด แต่ใครที่ ป่วยหรืออยู่ในระหว่างเดินทาง เขาต้องถือศีลอดชดใช้ตามจำานวนวันที่ ขาดไปในภายหลัง พระเจ้าต้องการให้ความสะดวกง่ายดายแก่สูเจ้า และ ไม่ต้องการให้สูเจ้าลำาบาก พระองค์ต้องการให้สูเจ้าถือศีลอดตลอดทั้ง เดือนเพื่อที่สูเจ้าจะได้สดุดีพระองค์ที่ทรงนำาทางสูเจ้าและเพื่อที่สูเจ้าจะได้ กตัญญูต่อพระองค์ เมื่อบรรดาบ่าวของ ันถามเจ้าเกี่ยวกับ ัน จงกล่าวว่า ันอยู่

อัล บะกอเราะ ฺ

45

ใกล้ ันตอบรับการวิงวอนของผู้ที่วิงวอนเมื่อใดก็ตามที่เขาวิงวอนต่อ ัน ดังนั้น ขอให้พวกเขาตอบรับ ันและศรัทธาใน ันเพื่อที่พวกเขาจะ ได้รับการนำาทางอย่างถูกต้อง เป็นที่อนุมัติสำาหรับสูเจ้าที่จะเข้าหา ภรรยาของสูเจ้าในตอนกลางคืนของการถือศีลอด พวกนางเป็นเหมือน กับอาภรณ์สำาหรับสูเจ้าและสูเจ้าเป็น เหมือนอาภรณ์สำาหรับพวกนาง พระเจ้าทรงรู้ว่าสูเจ้าไม่ซื่อตรงต่อตัวของสูเจ้าเอง พระองค์จึงได้หันมายัง สูเจ้าด้วยความเมตตาและให้อภัยสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงสมสู่กับพวกนาง และหาความสุขจากสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงอนุมัติแก่สูเจ้า จงกินและจงดื่ม จนกระทั่งสามารถแยกเส้นด้ายสีขาวแห่งรุ่งอรุณออกจากความมืด ดัง นั้น จงถือศีลอดให้ครบถ้วนจนกระทั่งพลบค่ำา และจงอย่าเข้าหาภรรยา ของสูเจ้าในช่วงค่ำาคืนขณะที่สูเจ้าปลีกตัวมาอยู่ในมัสญิด นี่คือขอบเขตที่ พระเจ้ากำาหนดไว้ ดังนั้น จงอย่าเข้าใกล้มัน ด้วยวิธีการเช่นนี้ พระองค์ได้ ทำาให้คำาบัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่มนุษยชาติ ทั้งนี้เพื่อที่พวก เขาจะได้ป้องกันตนเอง(ให้พ้นจากความชั่ว) จงอย่ากินทรัพย์สินของ กันและกันโดยไม่ชอบธรรมและจงอย่าให้สินบนแก่ผู้มีอำานาจเพื่อที่สูเจ้า จะกินสมบัติส่วนหนึ่งของคนอื่นโดยไม่เป็นธรรมทั้งๆที่สูเจ้ารู้ดี พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆของดวงจันทร์ จงบอกพวก เขาว่า มันเป็นวิธีการของการนับวันและกำาหนดระยะเวลาสำาหรับการ ทำาพิธี ัจญ์ จงบอกพวกเขาด้วยว่า คุณธรรมไม่ใช่อยู่ที่การเข้าบ้าน จากทางด้านหลังของมัน แท้จริง คนที่ปกป้องตัวเองให้พ้นจากความชั่ว เพราะเกรงกลัวพระเจ้าคือผู้มีคุณธรรม จงเข้าบ้านของสูเจ้าทางประตู ของมันและจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความเจริญรุ่งเรือง และจงต่อสู้ในหนทางของพระเจ้ากับบรรดาผู้ที่ต่อสู้สูเจ้า แต่จงอย่า ละเมิดขอบเขต เพราะแท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ละเมิด จง ่าคน พวกนั้นไม่ว่าสูเจ้าจะเผชิญหน้าพวกเขา(ที่ต่อสู้สูเจ้า)ไม่ว่าที่ไหน จง ดูหน้า ของบทนำา

วัวตัวเมีย

ขับไล่พวกเขาออกไปจากที่ที่พวกเขาขับไล่สูเจ้าออกมา เพราะการกดขี่ ข่มเหง(ทางศาสนา)นั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการ ่า จงอย่าต่อสู้กับพวกเขาที่ มัสญิดอัล ะรอม เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะโจมตีสูเจ้าที่นั่น และถ้าพวก เขาโจมตีสูเจ้าก่อน จงสังหารพวกเขา นี่เป็นการลงโทษที่บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมพึงได้รับ แต่ถ้าพวกเขาหยุดยั้งการโจมตี แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงต่อสู้พวกเขาต่อไปจนกว่าจะไม่มีฟิต นะ ฺ(การกดขี่ข่มเหงทางศาสนา)และศาสนาเป็นของพระเจ้าเท่านั้น ดัง นั้น ถ้าพวกเขาหยุดยั้ง ก็จงอย่าให้มีการเป็นศัตรูต่อไปเว้นแต่กับผู้ที่กดขี่ ข่มเหงและโหดเหี้ยม เดือนต้องห้ามต้องได้รับการเคารพ การละเมิดก เดือนต้องห้าม ต้องได้รับการตอบโต้อย่างเท่าเทียมกัน ถ้าผู้ใดละเมิดก ต่อสูเจ้า สูเจ้าก็ ตอบโต้เท่าที่เขาละเมิด จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรง จงใช้จ่ายทรัพย์สินของสูเจ้าในหนทาง อยู่กับบรรดาผู้นึกถึงพระองค์ ของพระเจ้าและจงอย่าโยนตัวของสูเจ้าเองลงไปสู่ความพินาศด้วยมือ ของเจ้าเอง จงทำาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรื่องดี เพราะพระเจ้าทรงรักบรรดา ผู้ทำาความดี จงทำาพิธี ัจญ์และอุมเราะ ฺให้ครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อพระเจ้า แต่ ถ้าหากสูเจ้ามีอุปสรรค ก็ให้สูเจ้าอุทิศสิ่งพลีอะไรก็ได้ที่สูเจ้าสามารถหา ได้แก่พระเจ้า และจงอย่าโกนผมของสูเจ้าจนกว่าสิ่งพลีนั้นจะถึงที่ของ มัน แต่ถ้าหากผู้ใดในหมู่สูเจ้าป่วยหรือเจ็บปวดที่ศีรษะและได้โกนผม ก่อน เขาต้องชดใช้ด้วยการถือศีลอดหรือให้ทานหรือเชือดสัตว์พลี ใน ยามสันติ ถ้าใครถือโอกาสนี้ทำาอุมเราะ ฺรวมไปด้วย เขาต้องเชือดสัตว์ที่ สามารถหาได้พลีถวายพระเจ้า แต่ถ้าหากไม่สามารถหาได้ ให้เขาถือศีล อดสามวันระหว่างการการทำา ัจญ์และอีกเจ็ดวันหลังจากกลับถึงบ้าน ของเขาแล้ว รวมกันเป็นสิบวันสำาหรับบรรดาผู้ที่ครอบครัวของพวกเขา ไม่ได้อยู่ใกล้มัสญิดอัล ะรอม จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ว่าพระเจ้าเป็น

อัล บะกอเราะ ฺ

47

ผู้ทรงเ ียบขาดในการลงโทษ การทำา ัจญ์อยู่ในเดือนที่ได้ถูกกำาหนด ไว้ ใครก็ตามที่ตั้งใจจะทำาพิธี ัจญ์ในเดือนที่กำาหนดไว้จะต้องละเว้นโดย สิ้นเชิงจากการพูดจาที่น่ารังเกียจ จากความชั่วช้าเลวทรามและการวิวาท ระหว่างการทำา ัจญ์ และจงจำาไว้ว่าพระเจ้าทรงรู้ถึงความดีอะไรก็ตามที่ สูเจ้ากระทำา และจงเตรียมเสบียงที่จำาเป็นสำาหรับการทำา ัจญ์ แต่ความ ยำาเกรงนั้นเป็นเสบียงที่ดีที่สุด ดังนั้น จงละเว้นจากการไม่เชื่อฟัง ัน โอ้ ผู้มีความเข้าใจเอย ไม่เป็นการผิดบาปแต่ประการใดหากสูเจ้าจะแสวงหาความ โปรดปรานจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า(ในระหว่างการไปทำา ัจญ์) ยิ่งไป กว่านั้น เมื่อสูเจ้ากลับมาจากอะเราะฟาต จงระลึกถึงพระเจ้าที่สถานที่อัน ศักดิ์สิทธิ์ และจงระลึกถึงพระองค์ดังที่พระองค์ได้ทรงนำาทางสูเจ้า เพราะ ก่อนหน้านี้ สูเจ้าได้อยู่ในหมู่ผู้หลงทาง หลังจากนั้น จงกลับมาจากที่ ที่ผู้คนพากันหลั่งไหลกลับมาและจงขออภัยต่อพระเจ้า แท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อสูเจ้าทำาพิธี ัจญ์ของสูเจ้าเสร็จ แล้ว จงระลึกถึงพระเจ้าดังที่สูเจ้าระลึกถึงบรรพบุรุษของสูเจ้าเองหรือยิ่ง กว่านั้น และในหมู่ผู้คนเหล่านั้นมีบางคนกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดประทานสิ่งที่ดีทั้งหลายแก่เราในโลกนี้ สำาหรับคนเหล่านี้จะ ไม่มีส่วนใดๆสำาหรับเขาในโลกหน้า และมีบางคนในหมู่พวกเขากล่าว ว่า พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานสิ่งที่ดีในโลกนี้และสิ่งที่ดีในโลก หน้าแก่เรา และโปรดช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษของไฟนรกด้วยเถิด คนเหล่านี้จะมีส่วนแบ่งตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้และพระเจ้าเป็น ผู้ทรงเ ียบพลันในการคำานวณ และจงระลึกถึงพระเจ้าในวันทั้งหลาย ที่ได้ถูกกำาหนดไว้ และไม่มีบาปอันใดถ้าใครจะรีบเร่งออก(จากมินา)ใน สองวันหรืออยู่ที่นั่นต่อ(อีกหนึ่งวัน) ถ้าหากเขาใช้วันเหล่านี้ไปด้วยความ เกรงกลัวพระเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิดว่าวันหนึ่งสูเจ้าจะถูก รวบรวมไว้ต่อหน้าพระองค์

วัวตัวเมีย

ในหมู่มนุษย์นั้นมีคนบางประเภทที่ทำาให้สูเจ้าหลงใหลในคำาพูด ของเขาเกี่ยวกับชีวิตแห่งโลกนี้ และเขาได้ขอให้พระเจ้าเป็นพยานครั้ง แล้วครั้งเล่าถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขาเป็น ผู้ต่อต้านที่ดื้อรั้นที่สุด แต่เมื่อเขากลับไป เขาได้ใช้ความพยายามทุก อย่างของเขาเพื่อสร้างความเสียหายให้แพร่ระบาดขึ้นในแผ่นดิน ทำาลาย พืชผลและปศุสัตว์ ในขณะที่พระเจ้าไม่ทรงรักการสร้างความเสียหาย เมื่อเขาถูกบอกว่า จงเกรงกลัวพระเจ้า ความผยองก็เกาะกุมเขาและ ชักนำาให้เขาทำาผิด สำาหรับคนพวกนี้ นรกคือที่ที่เหมาะสมสำาหรับพวก เขา และมันเป็นที่พำานักอันแสนชั่วร้าย แต่มีบางคนประเภทที่อุทิศ ชีวิตทั้งหมดของเขาเพื่อแสวงความพึงพอพระทัยจากพระเจ้า พระเจ้า เป็นผู้ทรงเอ็นดูปวงบ่าวของพระองค์ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงยอมจำานนต่อพระเจ้าโดยสิ้นเชิง และจง อย่าป ิบัติตามรอยเท้าของซาตาน เพราะมันเป็นศัตรูที่เด่นชัดของสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าถลำาตัวไปทำาความชั่วหลังจากสัญญาณทั้งหลายอัน ชัดแจ้งได้มายังสูเจ้าแล้ว จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ พวกเขาจะคอยให้พระเจ้าและทูตสวรรค์ลงมายังพวกเขา ในเงาของเม และกำาหนดวาระของพวกเขากระนั้นหรือ ในที่สุด ทุก สิ่งจะถูกนำาไปกลับไปยังพระเจ้า จงถามลูกหลานของอิสรออีลเถิด ว่ากี่สัญญาณอันชัดแจ้งแล้วที่เราได้แสดงให้พวกเขาได้เห็น และใครที่ เปลี่ยนแปลงความโปรดปรานของพระเจ้าหลังจากที่มันได้มายังเขาแล้ว จะพบว่าพระเจ้าทรงลงโทษอย่างรุนแรง ชีวิตแห่งโลกนี้ได้ถูกทำาให้ เป็นที่เย้ายวนน่าสนใจสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ดังนั้น พวกเขาจึง เยาะเย้ยบรรดาผู้ศรัทธา แต่ผู้สำารวมตนจากความชั่วนั้นจะอยู่เหนือพวก เขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และพระเจ้าจะประทานปัจจัยยังชีพแห่งโลก นี้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยไม่มีการคำานวณ ครั้งหนึ่ง มนุษย์เป็นประชาชาติเดียวกัน(หลังจากนั้น ผู้คนได้ทำาให้

อัล บะกอเราะ ฺ

ความขัดแย้งเกิดขึ้น) ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ส่งนบีทั้งหลายมาเป็นผู้แจ้ง ข่าวดีและให้คำาตักเตือน และพระองค์ได้ส่งคัมภีร์ที่มีสัจธรรมมาพร้อม กับนบีเหล่านั้นเพื่อที่จะได้ตัดสินระหว่างมนุษย์ในเรื่องที่พวกเขาขัดแย้ง กัน ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างผู้ที่ได้รับคำาสอนที่ชัดแจ้งแล้วเพราะพวก เขาต่างเป็นคู่แข่งกัน ดังนั้น ด้วยอนุมัติของพระองค์ พระเจ้าจึงได้ทรง นำาทางบรรดาผู้ที่เชื่อในนบีไปสู่สัจธรรมเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นๆขัดแย้งกัน และพระเจ้าทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปยังแนวทางที่เที่ยงตรง สูเจ้าคิดหรือว่าสูเจ้าจะได้เข้าสวรรค์โดยไม่ต้องถูกทดสอบอย่างเช่น ที่บรรดาผู้ศรัทธาก่อนหน้าสูเจ้าได้ประสบมาแล้ว พวกเขาเหล่านั้นต้อง ประสบความทุกข์ยากและความลำาเค็ญกันมาแล้ว และการทดสอบได้ ทำาให้พวกเขาเหล่านั้นต้องหวั่นไหวจนศาสนทูตแห่งเวลานั้นและบรรดา ผู้ป ิบัติตามเขาถึงกับร้องว่า เมื่อไหร่ความช่วยเหลือของพระเจ้าจะมา สักที แน่นอน การช่วยเหลือของพระเจ้าอยู่ใกล้ๆนี้แล้ว ผู้คนทั้งหลายถามเจ้าว่า อะไรที่เราควรใช้จ่ายเพื่อคนอื่น จง บอกพวกเขาว่า อะไรก็ตามที่พวกท่านใช้จ่าย จงใช้จ่ายเพื่อพ่อแม่และ ญาติสนิท เด็กกำาพร้า ผู้ขัดสนและคนเดินทางและความดีอันใดที่พวก ท่านทำาไปนั้น พระเจ้าทรงรู้ดี การสู้รบ(เพื่อป้องกันตัว)ได้ถูกกำาหนด แก่สูเจ้าแล้ว สูเจ้าอาจรังเกียจบางสิ่งถึงแม้มันเป็นสิ่งดีสำาหรับสูเจ้า หรือ สูเจ้าอาจชอบบางสิ่งที่ไม่ดีสำาหรับสูเจ้า พระเจ้าทรงรู้ แต่สูเจ้าไม่รู้ พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับการทำาสงครามในเดือนต้องห้าม จงบอก พวกเขาว่า การ รบพุ่งในเดือนนั้นเป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่ในสายตา ของพระเจ้า การขัดขวางผู้คนออกจากหนทางของพระเจ้า การป ิเสธ พระองค์และขับไล่ผู้คนออกจากมัสญิดอัล ะรอมเป็นความผิดที่ร้ายแรง ยิ่งกว่า และการกดขี่ข่มเหงนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าการ ่า พวกเขาจะไม่หยุด ต่อสู้กับสูเจ้าจนกว่าพวกเขาจะประสบผลสำาเร็จในการหันสูเจ้าออกจาก ความศรัทธาของสูเจ้าถ้าพวกเขาสามารถทำาได้ แต่ใครก็ตามในหมู่สูเจ้า

วัวตัวเมีย

ละทิ้งความศรัทธาของเขาและตายในขณะที่เขาเป็นผู้ป ิเสธสัจธรรม การงานของเขาทั้งหมดจะไร้ผลทั้งในโลกนี้และโลกหน้า พวกเขาเหล่า นี้จะได้รับไฟนรกและพวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้น แต่สำาหรับบรรดาผู้ ศรัทธาและอพยพออกจากบ้านและต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า คนเหล่า นี้แหละที่มุ่งหวังในความเมตตาของพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ พวกเขาถามเจ้า(นบี)เกี่ยวกับน้ำาเมาและการพนัน จงกล่าวเถิดว่า ในทั้งสองนั้นมีโทษใหญ่ถึงแม้ว่ามันจะมีคุณบ้างสำาหรับมนุษย์ แต่โทษ ของมันทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่กว่าคุณประโยชน์ของมัน และพวกเขาถามว่า อะไรที่พวกเขาต้องจ่าย(ในทางของพระเจ้า) จงกล่าวเถิดว่า อะไรก็ได้ที่ เกินความจำาเป็นของพวกท่าน ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทำาให้คำาบัญชาของ ใน พระองค์เป็นที่แจ่มแจ้งแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ใคร่ครวญถึงสิ่งดี โลกนี้และโลกหน้า พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับเด็กกำาพร้า จงกล่าวเถิด วิธี การทำาดีที่ยิ่งใหญ่คือการสร้างการกินดีอยู่ดีให้เด็กกำาพร้า มันไม่มีโทษ อันใดถ้าหากพวกท่านจะอยู่กับพวกเขา เพราะเหนืออื่นใด พวกเขาก็ เป็นพี่น้องของพวกท่าน พระเจ้าทรงรู้ดีว่าใครเป็นผู้คิดจะสร้างความเสีย หายและใครที่มีเจตนาดี ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์อาจทำาให้ พวกท่านลำาบากได้ในเรื่องนี้ เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชา ญาณ จงอย่าแต่งงานกับหญิงผู้ตั้งภาคีจนกว่านางจะศรัทธา แท้จริงแล้ว บ่าวหญิงผู้มีความศรัทธานั้นดีกว่าหญิงผู้ตั้งภาคีถึงแม้ว่านางจะเป็นที่ ต้องใจสูเจ้าก็ตาม ในทำานองเดียวกัน จงอย่ายกหญิงผู้ศรัทธาให้แต่งงาน กับชายผู้ตั้งภาคีจนกว่าเขาจะศรัทธา แท้จริง บ่าวชายผู้มีความศรัทธา นั้นดีกว่าชายผู้ตั้งภาคีแม้ว่าเขาจะเป็นที่ต้องใจสูเจ้าก็ตาม ผู้ตั้งภาคีเหล่า นั้นเรียกร้องสูเจ้าไปสู่ไฟนรกขณะที่พระเจ้าเรียกร้องสูเจ้าไปสู่สวรรค์ และการอภัยโทษ พระองค์ได้ทรงทำาให้สาสน์ทั้งหลายของพระองค์เป็น

อัล บะกอเราะ ฺ

ที่แจ่มแจ้งสำาหรับมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้จดจำา พวกเขา ถามเจ้าเกี่ยวกับระดู จงกล่าวเถิดว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่สะอาด จงออกห่าง จากผู้หญิงระหว่างที่นางมีระดู และจงอย่าเข้าใกล้พวกนางจนกว่าพวก นางจะสะอาด เมื่อพวกนางทำาความสะอาดตัวของพวกนางแล้ว สูเจ้าจึง เข้าหาพวกนางได้ตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาสูเจ้า แน่นอน พระเจ้าทรง รักบรรดาผู้หันไปสำานึกผิดและพระองค์ทรงรักผู้ที่รักษาตัวเองให้สะอาด ภรรยาของสูเจ้าคือทุ่งนาของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงเข้าสู่ทุ่งนาของสูเจ้า ตามที่สูเจ้าพึงใจ จงส่ง(ความดีบางอย่าง)ล่วงหน้าไปเพื่อสูเจ้าเองและจง เกรงกลัวพระเจ้า และจงรู้ไว้เถิดว่าวันหนึ่งสูเจ้าจะพบกับพระองค์ (นบี เอย) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเอาพระเจ้ามาอ้างเมื่อสูเจ้าสาบานด้วยพระองค์เพื่อหลีก เลี่ยงการทำาความดี การสำารวมตนและการสร้างความสันติในหมู่ผู้คน แท้จริง พระเจ้าทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง พระเจ้าจะไม่ให้สูเจ้ารับ ผิดชอบต่อคำาสาบานที่สูเจ้ากล่าวโดยไม่ได้เจตนา แต่พระองค์จะถือเอา คำาสาบานที่สูเจ้าทำาขึ้นโดยมีเจตนา แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง ขันติ สำาหรับบรรดาผู้สาบานว่าจะเลิกเกี่ยวข้องกับภรรยาของเขานั้น จะได้รับเวลาสี่เดือน ถ้าพวกเขากลับมามีความสัมพันธ์ดังเดิม พระเจ้า เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ แต่ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะหย่า พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง หญิงที่ถูกหย่าจะต้องรอ คอยให้ประจำาเดือนครบสามรอบ และไม่อนุมัติให้นางปิดบังซ่อนเร้นสิ่ง ที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นในมดลูกของนางถ้าหากนางศรัทธาในพระเจ้าและ ในวันสุดท้าย สามีของนางมีสิทธิ์ที่จะเอาตัวนางกลับคืนมาเป็นภรรยาใน ช่วงเวลาแห่งการรอคอยนั้นถ้าหากเขาทั้งสองปรารถนาที่จะปรองดอง กัน ภรรยาก็มีสิทธิ์เช่นเดียวกับที่สามีมีสิทธิ์เหนือนางตามหลักการที่รู้กัน ดี แต่สำาหรับชายนั้นมีสถานะเหนือนางหนึ่งขั้น พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

วัวตัวเมีย

การหย่าอาจถูกกล่าวออกมาได้สองครั้ง หลังจากนั้น จงให้นาง อยู่อย่างมีเกียรติหรือให้นางจากไปโดยปรานี ไม่เป็นที่อนุมัติให้สูเจ้าเอา สิ่งใดที่สูเจ้าให้นางไปแล้วกลับคืนมา แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าหากทั้งสอง กลัวว่าจะไม่สามารถรักษาก เกณ ์ที่พระเจ้ากำาหนดไว้ ในกรณีเช่นนั้น ไม่มีบาปแก่เขาทั้งสองถ้าหากว่า ่ายหญิงเลือกที่จะให้บางสิ่งแก่สามีเพื่อ การปล่อยนางไป นี่เป็นก เกณ ์ที่กำาหนดโดยพระเจ้า ดังนั้น จงอย่า ละเมิดก เกณ ์นี้ เพราะผู้ใดละเมิดก เกณ ์ของพระเจ้า พวกเขาก็เป็น ผู้ทำาความผิด และถ้าสามีหย่าภรรยาของเขาเป็นครั้งที่สาม เขาจะ ไม่สามารถแต่งงานใหม่กับนางได้อีก จนกว่านางจะแต่งงานกับชายอื่น หลังจากนั้น ถ้าสามีคนที่สองของนางได้หย่านางแล้ว มันก็ไม่เป็นบาป แก่ทั้งสองที่จะกลับมาแต่งงานกันใหม่ ถ้าหากหญิงผู้นั้นและสามีคนแรก มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำารงอยู่ภายในก เกณ ์ของพระเจ้าได้ นี่ คือก เกณ ์ของพระเจ้าที่พระองค์ได้ทรงทำาให้มันเป็นที่ชัดเจนสำาหรับ ผู้มีความเข้าใจ เมื่อสูเจ้าได้หย่าภรรยาของสูเจ้าและนางจะครบระยะ เวลาที่กำาหนดไว้สำาหรับนางแล้ว จงยั้งนางให้อยู่โดยดีหรือให้นางจากไป ด้วยดี จงอย่ารั้งนางไว้เพื่อทำาร้ายนางหรือทำาให้นางเกิดทุกข์ ใครก็ตาม ที่กระทำาเช่นนั้น โดยแท้จริงแล้วเขาเป็นผู้อธรรมต่อตัวเขาเอง จงอย่า ล้อเล่นกับคำาบัญชาของพระเจ้า และจงนึกถึงความโปรดปรานมากมาย ที่พระเจ้าได้ประทานแก่สูเจ้า และคัมภีร์และวิทยปัญญาที่พระองค์ได้ ประทานมาเพื่อเตือนสูเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้า และจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้า ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง เมื่อสูเจ้าหย่าภรรยาของสูเจ้าและนางพ้นระยะเวลารอคอยที่ ถูกกำาหนดไว้แล้ว สูเจ้าจงอย่าขัดขวางนางมิให้แต่งงานกับชายอื่น ถ้า หากว่าทั้งสอง ่ายตกลงที่จะแต่งงานกันอย่างมีเกียรติ สูเจ้าถูกบัญชา มิให้กระทำาผิดเช่นนั้นถ้าหากสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย มัน เป็นการผ่องแผ้วที่สุดและสะอาดที่สุดสำาหรับสูเจ้า พระเจ้าทรงรอบรู้ แต่

อัล บะกอเราะ ฺ

สูเจ้าไม่รู้ และแม่(ที่ถูกหย่า)ต้องให้ลูกของนางดื่มนมสองปีเต็มถ้า หากว่าพ่อประสงค์จะให้แม่ให้นมแก่ลูกจนครบ ในกรณีเช่นนี้ พ่อของเด็ก ต้องรับผิดชอบในการดูแลแม่(ของลูก)อย่างเป็นธรรม ไม่มีชีวิตใดแบก ภาระเกินกว่าที่มันจะสามารถแบกรับได้ แม่ต้องไม่ได้รับความลำาบาก เดือดร้อนเพราะลูกของนาง และพ่อต้องไม่ถูกทำาให้เดือดร้อนเพราะลูก ของเขา หน้าที่เดียวกันนี้ตกอยู่กับทายาทของพ่อ(ในกรณีที่พ่อของเด็ก ตาย) แต่ถ้าหลังปรึกษากันแล้ว ทั้งสอง ่ายตกลงที่จะให้เด็กหย่านาม มัน ก็ไม่มีข้อตำาหนิอันใดแก่ทั้งสอง ่าย และมันก็ไม่ผิดแต่ประการใดถ้าหาก สูเจ้าจะหาแม่นมมาให้นมแก่ลูกของสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าให้ค่าเลี้ยงดูนาง อย่างเป็นธรรม จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรง เห็นตามที่สูเจ้ากระทำา ถ้าหากสูเจ้าคนใดตายโดยทิ้งภรรยาไว้เป็นหม้าย นางต้องรอคอย เป็นเวลาสี่เดือนกับสิบวัน และเมื่อนางพ้นกำาหนดแห่งการรอคอยแล้ว นางก็มีสิทธิ์ที่จะทำาอะไรก็ได้ที่นางเลือกเพื่อตัวเองถ้าหากว่ามันเป็นเรื่อง บังควร และสูเจ้าจะไม่ถูกตำาหนิในเรื่องนี้ พระเจ้าทรงรู้ทุกอย่างที่สูเจ้า กระทำา มันไม่เป็นความผิดแต่ประการใดถ้าหากสูเจ้าจะพูดทาบทาม ขอแต่งงาน(กับหญิงที่ถูกหย่าหรือหญิงหม้าย)ระหว่างที่นางกำาลังอยู่ใน ระยะเวลารอคอยหรือสูเจ้าจะเก็บมันไว้ในหัวใจของสูเจ้า เพราะพระเจ้า ทรงรู้ว่าในไม่ช้าสูเจ้าจะคิดถึงนาง แต่จงอย่าลอบทำาสัญญาลับๆกับนาง ถ้าหากสูเจ้าจะต้องทำาสิ่งใด จงทำามันอย่างมีเกียรติ และสูเจ้าจงอย่าเพิ่ง จัดการสิ่งใดเกี่ยวกับการแต่งงานจนกว่าระยะเวลาแห่งการรอคอยจะสิ้น สุดลง จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้าคิด ดังนั้น จงเกรงกลัวพระองค์ และจงรู้ไว้ด้วยว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงผ่อนปรน สูเจ้าไม่ถูก ตำาหนิแต่อย่างใด(สำาหรับการไม่จ่ายเงินของขวัญแต่งงาน)ถ้าสูเจ้ายัง ไม่ได้อยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากับนางหรือกำาหนดของหมั้นใดๆไว้สำาหรับ นาง อย่างไรก็ตาม ในกรณีเช่นนี้ จงให้บางสิ่งแก่นาง คนที่มั่งมีก็ควรให้

54

วัวตัวเมีย

อย่างเป็นธรรมตามปัจจัยที่เขามีอยู่ และคนจนก็ควรให้ตาม านะ นี่เป็น หน้าที่ของผู้มีคุณธรรม ถ้าสูเจ้ากำาหนดของหมั้นสำาหรับนางแล้วและ หย่านางก่อนที่สูเจ้าได้อยู่ร่วมกัน ันสามีภรรยากับนาง สูเจ้าจงให้ของ หมั้นแก่นางครึ่งหนึ่ง เว้นเสียแต่ว่า(ผู้หญิง)ตกลงที่จะไม่รับมันหรือชาย (สามี)ที่มีพันธะจะต้องแต่งงานอยู่ในมือจะยกให้(ทั้งหมด) ถ้าหากสูเจ้า ทำาดีเช่นนั้น มันก็เป็นการใกล้กับการสำารวมตน จงอย่าละทิ้งโอกาสแสดง ความโอบอ้อมอารีต่อกันในระหว่างสูเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงเห็นสิ่งที่สูเจ้า กระทำา จงรักษาการนมาซของสูเจ้าโดยเ พาะการนมาซตรงกลาง และจง ยืนต่อหน้าพระเจ้าดังบ่าวที่นอบน้อมด้วยความภักดี เมื่อสูเจ้าอยู่ใน อันตราย สูเจ้าก็ต้องนมาซ ไม่ว่าจะเดินเท้าหรืออยู่บนหลังสัตว์พาหนะ และเมื่อสูเจ้าปลอดภัย ดังนั้น จงระลึกถึงพระเจ้าเพราะพระองค์ได้ทรง ถ้าคนใดในหมู่สูเจ้าจะตายและทิ้ง สอนสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้มาก่อน ภรรยาหม้ายไว้ข้างหลัง เขาต้องทำาพินัยกรรมไว้ให้พวกนางได้มีค่าเลี้ยง ดูถึงหนึ่งปีและทำาให้นางไม่จำาเป็นต้องออกไปจากบ้านของพวกนาง แต่ ถ้านางจะออกจากบ้านตามความพอใจของนาง สูเจ้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ในสิ่งที่พวกนางเลือกเพื่อตัวของพวกนางเองโดยชอบธรรม พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ สำาหรับผู้หญิงที่ถูกหย่าก็ควรที่จะได้ รับปัจจัยยังชีพโดยชอบธรรม นี่คือหน้าที่สำาหรับผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า ดังนั้น พระเจ้าได้ทำาให้คำาบัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้เข้าใจ เจ้าไม่เคยเห็นคนนับพันที่อพยพออกจากบ้านของพวกเขา เพราะกลัวตายบ้างหรือ พระเจ้าทรงกล่าวแก่พวกเขาว่า จงตาย แล้ว พระองค์ก็ทรงให้ชีวิตแก่พวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แท้จริง พระเจ้าทรงเป็น เจ้าแห่งความโปรดปรานต่อมนุษยชาติทั้งมวล แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ จักขอบคุณ จงต่อสู้(ป้องกันตนเอง)ในทางของพระเจ้าและจงรู้ไว้เถิด

อัล บะกอเราะ ฺ

55

ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินและผู้ทรงรู้ทุกสิ่ง ใครบ้างในหมู่สูเจ้าที่จะ ให้การยืมที่ดีแก่พระเจ้า พระองค์จะทรงใช้คืนให้เขาหลังจากที่ได้เพิ่ม มันเป็นทวีคูณแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถลดและเพิ่มความมั่งคั่ง และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะถูกนำากลับไป สูเจ้าเคยได้ยินเรื่องที่บรรดาหัวหน้าของพวกลูกหลานอิสรออีล เรียกร้องต่อนบีคนหนึ่งหลังจากมูซาบ้างไหม พวกเขากล่าวว่า จงแต่ง ตั้งกษัตริย์คนหนึ่งให้แก่เราเพื่อที่เราจะได้ต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า นบีคนนั้นตอบว่า แล้วถ้าพวกท่านไม่ต่อสู้เมื่อถูกสั่งให้ต่อสู้ล่ะ จะว่า อย่างไร พวกเขาตอบว่า เป็นไปได้อย่างไรที่เราจะไม่ต่อสู้ในหนทาง ของพระเจ้าในเมื่อเราได้ถูกขับไล่ออกมาจากบ้านของเราและพลัดพราก จากลูกๆของเรา แต่เมื่อพวกเขาถูกบัญชาให้ต่อสู้ พวกเขาก็หันหลัง กลับยกเว้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในหมู่พวกเขา พระเจ้าทรงรู้จักบรรดา นบีของพวกเขากล่าวแก่พวกเขาว่า ผู้ทำาความผิดเหล่านี้ทุกคน พระเจ้าได้ทรงแต่งตั้ง อลูตให้เป็นกษัตริย์ของพวกท่านแล้ว แต่พวก เขากล่าวว่า เขามีสิทธิ์ที่จะเป็นกษัตริย์เหนือพวกเราได้อย่างไร พวก เรามีสิทธิ์ที่จะเป็นกษัตริย์มากกว่าเขาเสียอีก เพราะเขาไม่มีความมั่งคั่ง เพียงพอ นบีได้ตอบว่า พระเจ้าทรงเลือกเขาเหนือพวกท่านแล้วและได้ ประทานพลังในความรู้และร่างกายแก่เขาอย่างมากมายมหาศาล พระเจ้า ทรงมีอำานาจที่จะประทานความเป็นกษัตริย์แก่ใครก็ได้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ นบีของพวกเขาได้ บอกแก่พวกเขาอีกว่า สัญญาณแห่งการได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ จากพระเจ้าก็คือ ในระหว่างการปกครองของเขา หีบแห่งพันธสัญญาจะ กลับมายังพวกท่าน ในหีบนั้นจะมีความสงบทางจิตใจจากพระผู้อภิบาล ของพวกท่านและมีสิ่งของสำาคัญที่ครอบครัวมูซาและ ารูนทิ้งไว้ข้างหลัง ซึ่งทูตสวรรค์แบกมันไว้ในตอนนี้ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่งสำาหรับ พวกท่านหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง

วัวตัวเมีย

เมื่อ อลูตเคลื่อนทัพออกไปพร้อมกับกองทัพของเขา เขาได้บอก คนของเขาว่า พระเจ้าจะทดสอบพวกท่านด้วยแม่น้ำาสายหนึ่ง ใครก็ตาม ที่ดื่มน้ำาจากแม่น้ำาสายนี้ เขาคนนั้นไม่ใช่พวกพ้องของ ัน คนที่เป็นพวก พ้องของ ันคือคนที่ไม่ดื่มจากแม่น้ำาสายนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากจะ จิบเพียงเล็กน้อยจากมือที่เขาวักขึ้นมาก็ไม่ถูกตำาหนิ แต่ถึงแม้จะเตือน แล้ว พวกเขาเกือบทั้งหมดยังดื่มมัน ยกเว้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หลังจาก นั้น เมื่อ อลูตและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาได้ข้ามแม่น้ำาและเคลื่อนที่ ไปข้างหน้า พวกเขาได้กล่าวกับ อลูตว่า วันนี้ เราไม่มีกำาลังพอที่จะ ต่อสู้ญาลูต(โกไลแอธ)และไพร่พลของเขาได้ แต่บรรดาผู้ที่ศรัทธาว่าวัน หนึ่งพวกเขาจะไปพบพระเจ้าได้ประกาศว่า มีบ่อยไปที่คนจำานวนน้อย เอาชนะคนจำานวนมากได้ด้วยอนุมัติของพระเจ้า เพราะพระเจ้าอยู่กับ เมื่อพวกเขาดาหน้ากันออกมาพบกับญาลูตและไพร่พล ผู้ที่อดทน ของเขา พวกเขาได้วิงวอนว่า พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทาน ความอดทนแก่เราและทำาให้เรายืนหยัดได้อย่างมั่นคงและโปรดช่วยเรา ให้มีชัยเหนือพวกป ิเสธสัจธรรมด้วยเถิด ดังนั้น ด้วยอนุมัติของ พระเจ้า พวกเขาก็สามารถเอาชนะบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้ ดาวูดได้ สังหารญาลูต และพระเจ้าได้ประทานตำาแหน่งกษัตริย์และวิทยปัญญาแก่ เขาและได้สอนเขาถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงประสงค์ ถ้าพระเจ้าไม่ทรง ป้องกันคนกลุ่มหนึ่งโดยคนอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว แผ่นดินก็คงจะเต็มไปด้วย เสื่อมทรามอย่างแน่นอน แต่พระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานแก่ มนุษยชาติ เหล่านี้คือสาสน์ของพระเจ้าที่เราอ่านให้เจ้าด้วยความจริงทั้งหมด แน่นอน เจ้าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้ถูกส่งมา ในบรรดาศาสนทูตทั้ง หลายนั้น เราได้ให้บางคนมีบางอย่างเหนือกว่าอีกบางคน ในหมู่พวก เขานี้มีผู้ที่พระเจ้าตรัสกับเขาด้วยพระองค์เอง มีบางคนที่พระองค์ได้ ทรงยกย่องให้อยู่ใน านะสูง ในทำานองเดียวกัน เราได้ประทานสัญญาณ

อัล บะกอเราะ ฺ

57

ต่างๆอันชัดแจ้งแก่อีซาบุตรของมัรฺยัม และทำาให้เขาเข้มแข็งด้วย วิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ ผู้คนที่มาทีหลังพวกเขาจะ ไม่ต่อสู้กันเองหลังจากได้เห็นสัญญาณอันชัดเจนแล้ว แต่พวกเขาก็ขัด แย้งกันเอง บางคนศรัทธาในขณะที่บางคนไม่ศรัทธา ถ้าหากพระเจ้าทรง ประสงค์ พวกเขาคงจะไม่ต่อสู้กันและกัน แต่พระเจ้ากระทำาสิ่งที่พระองค์ ทรงประสงค์ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงใช้จ่ายทรัพย์สินที่เราได้ประทานแก่สูเจ้า ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึงซึ่งในวันนั้นจะไม่มีการซื้อขายและไม่มีมิตรภาพ และไม่มีการไถ่แทน แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้นคือผู้ทำาความ ผิด พระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ผู้ทรงมีชีวิตอยู่ เสมอ ผู้ทรงดำารงอยู่นิรันดร พระองค์ไม่ทรงง่วงและไม่นอน ทุกสรรพ สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์ ใครเล่าที่จะ สามารถเข้าไปขอไถ่โทษกับพระองค์ได้ เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะทรง อนุมัติ พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาและทุกสิ่งที่ อยู่เบื้องหลังของพวกเขา พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงความรู้ของพระองค์ เว้นแต่สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์จะแสดงให้เห็น อาณาจักรของพระองค์ แผ่กว้างทั่วชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการป้องกันทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้ทำาให้ พระองค์ต้องเหนื่อยหน่าย พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่ง ไม่มีการบังคับกันในเรื่องศาสนา สิ่งที่ถูกต้องได้ถูกจำาแนก ใหญ่ แยกแยะออกจากสิ่งที่ผิดเป็นที่ชัดเจนแล้ว ดังนั้น ผู้ใดที่ป ิเสธซาตาน และศรัทธาในพระเจ้าเขาก็ได้รับการสนับสนุนอันมั่นคงไม่มีวันขาด และ พระเจ้าทรงได้ยินและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง พระเจ้าทรงเป็นผู้คุ้มครองและ ผู้ทรงช่วยเหลือของบรรดาผู้ศรัทธาในพระองค์ พระองค์ทรงนำาพวกเขา จากความมืดมาสู่แสงสว่าง สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น ผู้คุ้มครองพวก เขาคือซาตานที่นำาพวกเขาออกจากแสงสว่างสู่ความมืด คนเหล่านี้เป็น สหายของไฟซึ่งพวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้น

วัวตัวเมีย

เจ้าไม่ได้ยินเรื่องของคนที่โต้เถียงกับอิบรอ ีมในเรื่องพระผู้ อภิบาลได้ประทานอำานาจแก่เขากระนั้นหรือ อิบรอ ีมกล่าวว่า พระผู้ อภิบาลของ ันคือผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ตาย เขาตอบว่า ันก็ให้ชีวิต และให้ตายได้เช่นกัน ดังนั้น อิบรอ ีมจึงกล่าวว่า พระเจ้าทรงนำาดวง อาทิตย์มาทางตะวันออก ดังนั้น ขอให้ท่านนำามันมาทางตะวันตก ดังนั้น ผู้ป ิเสธจึงจนปัญญา พระเจ้าไม่ทรงนำาทางผู้ทำาความผิด หรือกรณีของผู้ที่ผ่านมายังเมืองหนึ่งซึ่งพังราบลงมา เขาได้อุทาน ว่า พระเจ้าจะให้เมืองนี้กลับมามีชีวิตได้อย่างไรหลังจากที่มันได้ตาย ไปแล้ว ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงให้เขาตายไปหนึ่งร้อยปี หลังจาก นั้นก็ทรงให้เขามีชีวิตขึ้น แล้วพระองค์ทรงถามเขาว่า สูเจ้าพักอยู่นาน เท่าใด เขาตอบว่า ันอาจจะพักอยู่ที่นี่หนึ่งวันหรือเพียงไม่กี่ชั่วโมง พระเจ้าทรงกล่าวว่า ไม่ใช่ สูเจ้าพักอยู่ที่นี่นานหนึ่งร้อยปี จงดูอาหารและ เครื่องดื่มของสูเจ้าซิ มันยังไม่เน่าบูดเลย แล้วจงดูลาของสูเจ้าซิ (กระดูก ของมันผุพังแล้ว) และเราได้ทำาสิ่งนี้เพื่อทำาให้สูเจ้าเป็นสัญญาณสำาหรับ มนุษย์ แล้วจงดูว่าเราได้เรียงโครงกระดูกของลาและหุ้มมันด้วยเนื้อได้ อย่างไร เมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่เขาแล้ว เขาก็กล่าวว่า ัน และเมื่ออิบรอ ีมกล่าว รู้ดีว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง ว่า พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดแสดงให้ ันเห็นว่าพระองค์ทรงทำาให้สิ่ง ที่ตายกลับมีชีวิตได้อย่างไร พระองค์ทรงถามว่า เจ้าไม่เชื่อหรือ อิ บรอ ีมตอบว่า ันเชื่อ แต่ ันถามเพื่อให้หัวใจของ ันเกิดความแน่ใจ พระเจ้าจึงทรงสั่งว่า ถ้าเช่นนั้น จงเอานกมาสี่ตัวแล้ว ึกมันให้กลับมาหา เจ้า หลังจากนั้น จงวางชิ้นส่วนของนกแต่ละตัวไว้บนภูเขาแต่ละลูกโดย แยกจากกัน แล้วเรียกพวกมัน มันก็จะรีบมายังเจ้า จงรู้ ไว้เถิดว่าพระเจ้า เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาในหนทางของพระเจ้าอาจ เปรียบได้ดังเมล็ดพืชที่งอกออกมาเจ็ดรวง และแต่ละรวงมีหนึ่งร้อยเมล็ด

อัล บะกอเราะ ฺ

เพราะพระเจ้าทรงทบทวีทานของผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระเจ้าเป็น ผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาใน หนทางของพระเจ้าและไม่ได้ติดตามการบริจาคของพวกเขาด้วยการ ลำาเลิกและเราะรานความรู้สึกของผู้ได้รับนั้น พวกเขาจะได้รับ รางวัล ตอบแทนจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีความกลัวและ ความระทมแต่อย่างใด คำาพูดที่ไพเราะและการอดทนนั้นดีกว่าการ ทำาทานที่ตามมาด้วยการเราะรานหรือดูถูก พระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงมีอย่าง เพียงพอและผู้ทรงขันติ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าทำาให้การทำากุศล ทานของสูเจ้าไร้ผลด้วยการลำาเลิกและเราะรานผู้ที่ได้รับเหมือนกับผู้ บริจาคทานเพื่ออวดอ้างแก่มนุษย์และไม่เชื่อในพระเจ้าและในวันสุดท้าย คนเช่นนั้นอาจเปรียบได้กับก้อนหินที่มีดินติดอยู่ เมื่อ นตกลงมาบนมัน ดินบนหินนั้นก็ถูก นชะล้างจนเกลี้ยง คนเช่นนี้จะไม่ได้รับสิ่งใดจากการ งานของพวกเขา และพระเจ้าไม่ทรงนำาทางบรรดาผู้ป ิเสธความจริง ส่วนบรรดาผู้ใช้ทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อความพึงพอพระทัยของ พระเจ้าและทำาให้วิญญาณของพวกเขาเข้มแข็งก็เหมือนกับสวนบนที่ สูง ถ้าหาก นตกหนัก มันก็ให้ผลผลิตเป็นสองเท่า และถึงแม้จะไม่มี น ตกหนัก แค่ นปรอยๆก็เพียงพอแล้วสำาหรับมัน พระเจ้าทรงเห็นสิ่งที่ สูเจ้ากระทำา มีผู้ใดในหมู่สูเจ้าบ้างที่ต้องการให้ตัวเองมีสวนอินทผลัม และองุ่นเขียวชอุ่มโดยได้รับน้ำาจากลำาน้ำาหลายสายที่ไหลผ่านและในสวน นั้นมีผลไม้หลายชนิด แล้วสวนนั้นถูกลมพายุหมุนพัดโหมกระหน่ำาไฟ ไหม้ในตอนที่ตัวเองอยู่ในวัยชราและบรรดาลูกเล็กๆของเขาอ่อนแอเกิน กว่าที่จะช่วยเหลือได้ ดังนั้น พระเจ้าได้ทรงทำาให้สัญญาณทั้งหลายของ พระองค์เป็นที่แจ่มแจ้งแก่สูเจ้าแล้วเพื่อที่สูเจ้าจะได้ตรึกตรอง บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงใช้จ่ายจากสิ่งที่ดีที่สูเจ้าหามาได้และจากที่ เราได้ทำาให้งอกเงยจากพื้นดินสำาหรับสูเจ้าเป็นทาน ไม่ใช่สิ่งไร้ค่าที่สูเจ้า เองก็ไม่อยากรับ จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงมีอยู่อย่างเพียงพอและทรงควร

วัวตัวเมีย

ค่าแก่การได้รับการสรรเสริญ ซาตานได้เอาความลำาบากยากจนมา ข่มขู่สูเจ้าและเสี้ยมสอนสูเจ้าให้ตระหนี่ถี่เหนียว แต่พระเจ้าทรงสัญญา แก่สูเจ้าซึ่งการให้อภัยจากพระองค์และความบริบูรณ์ พระเจ้าเป็นผู้ทรง ไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ พระองค์ทรงประทานวิทยปัญญาแก่ผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ และใครก็ตามที่ได้รับวิทยปัญญา เขาผู้นั้นก็ได้รับทรัพย์ สมบัติอันยิ่งใหญ่ แต่คนที่มีความเข้าใจเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้ พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าได้ใช้จ่ายและการบนบานใดๆที่สูเจ้า ได้ทำาไป แต่บรรดาผู้กระทำาผิดจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ ถ้าสูเจ้าบริจาค ทานอย่างเปิดเผย มันก็เป็นการดี แต่ถ้าสูเจ้าบริจาคอย่างลับๆแก่คน ขัดสน มันจะดีกว่าสำาหรับสูเจ้า เพราะมันจะลบล้างบาปบางอย่างของ เจ้า(มุ ัม สูเจ้า อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา มัด) ไม่ต้องรับผิดชอบที่จะทำาให้พวกเขาป ิบัติตามทางนำา พระเจ้า ต่างหากที่จะนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรัพย์สินอะไรก็ตามที่ สูเจ้าบริจาคเป็นกุศลทาน มันจะเป็นผลดีสำาหรับสูเจ้าเองถ้าหากว่าสูเจ้า ใช้จ่ายทรัพย์สินของสูเจ้าเพื่อหวังความพึงพอใจจากพระเจ้า ทรัพย์สิน อะไรก็ตามที่สูเจ้าใช้จ่ายไป(เพื่อหนทางของพระเจ้า)สูเจ้าจะได้รับการ ตอบแทนอย่างเต็มเปี่ยมสำาหรับสิ่งที่สูเจ้าใช้จ่าย และสิ่งที่สูเจ้าพึงได้นั้น จะไม่ถูกทำาให้บกพร่อง บรรดาผู้ที่ลำาบากยากเข็ญในหนทางของ พระเจ้าจนไม่สามารถไปไหนมาไหนเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเองได้นั้นสมควร ที่จะได้รับความช่วยเหลือเป็นการเ พาะ พวกคนไม่รู้อาจคิดว่าพวกเขา เหล่านั้นไม่มีความต้องการเพราะพวกเขาไม่ขอ แต่สูเจ้าสามารถสังเกต พวกเขาได้ พวกเขาไม่ขอจากผู้คนอย่างพร่ำาเพรื่อ อะไรก็ตามที่สูเจ้า ใช้จ่ายไป พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่ง บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขา อย่างลับๆและเปิดเผยทั้งในเวลากลางคืนและกลางวันนั้นจะได้รับรางวัล ที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวและ ระทม

อัล บะกอเราะ ฺ

ส่วนบรรดาผู้กินดอกเบี้ยจะเป็นเหมือนกับผู้ที่ซาตานทำาให้พวก เขางงงวยและเป็นบ้าโดยการสัมผัสของมัน พวกเขาถูกสาปแช่งเช่น นี้เพราะพวกเขากล่าวว่า การค้านั้นก็เหมือนกับดอกเบี้ย ในขณะที่ พระเจ้าทรงอนุมัติการค้า แต่ทรงห้ามดอกเบี้ย ดังนั้น หากใครก็ตามที่ ละเว้นจากการเอาดอกเบี้ยหลังจากที่ได้รับคำาเตือนนี้จากพระผู้อภิบาล ของเขาแล้ว เขาจะไม่ถูกดำาเนินการทางก หมายเกี่ยวกับดอกเบี้ยที่เขา ได้กินไปก่อนหน้านี้ และเป็นเรื่องของพระเจ้าที่จะตัดสินกรณีของเขา แต่ถ้าหากเขายังทำาความผิดอย่างเดียวกันนี้อีก เขาเหล่านี้คือสหายของ ไฟนรกและพวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้น พระเจ้าจะทรงบั่นทอนความ จำาเริญออกจากดอกเบี้ยและจะทรงเพิ่มพูนกุศลทาน พระเจ้าไม่ทรงรัก สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี และ ผู้ทำาผิดที่เนรคุณ ดำารงนมาซและจ่ายซะกาต พวกเขาจะได้รับรางวัลของพวกเขาที่พระผู้ อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาจะไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวและระทม บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงละทิ้งดอกเบี้ยใน ส่วนที่สูเจ้ายังอาจได้รับถ้าหากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง แต่ถ้า หากสูเจ้าไม่ทำาเช่นนั้น จงรู้ไว้ว่าสูเจ้ากำาลังทำาสงครามกับพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์ อย่างไรก็ตาม ถ้าสูเจ้าสำานึกผิด สูเจ้ามีสิทธิ์ที่ จะได้เงินต้นคืน สูเจ้าจงอย่าอธรรม(ต่อคนอื่น)และสูเจ้าจะไม่ถูกอธรรม ถ้าหากลูกหนี้ของสูเจ้าอยู่ในภาวะขัดสน จงผ่อนปรนให้แก่เขาจนกว่า สถานการณ์ของเขาจะดีขึ้น แต่ถ้าหากสูเจ้ายกหนี้ให้เป็นทาน มันก็ เป็นการดีกว่าสำาหรับสูเจ้าถ้าหากสูเจ้ารู้ จงระวังตนเองให้พ้นจาก ความทุกข์ยากแห่งวันที่สูเจ้าจะกลับไปหาพระเจ้า ณ ที่นั้น ทุกชีวิตจะ ได้รับการตอบแทนเต็มตามที่แต่ละคนได้ขวนขวายไว้และเขาจะไม่ได้รับ ความอยุติธรรม บรรดาผู้ศรัทธาเอย เมื่อสูเจ้าทำาสัญญากันในเรื่องหนี้สินในเวลา ที่กำาหนดไว้ สูเจ้าจงเขียนมันลงไป จงให้ผู้จดบันทึกเขียนมันด้วยความ

วัวตัวเมีย

เที่ยงธรรมสำาหรับทั้งสอง ่าย ผู้จดบันทึกจงอย่าป ิเสธที่จะเขียน จงให้ เขาเขียนตามที่พระเจ้าทรงสอนเขา จงให้ลูกหนี้เป็นผู้สั่งให้เขียน และเขา จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของเขา และเขาจะต้องไม่ทำาให้สิ่งใดลดลงหรือ เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ถ้าหากลูกหนี้เบาปัญญาหรืออ่อนแอ หรือไม่สามารถสั่งให้เขียนได้ ดังนั้น จงให้ผู้ดูแลเขาสั่งให้เขียนโดยเที่ยง ธรรม และจงให้ชายสองคนในหมู่สูเจ้าเป็นพยานต่อบันทึกเอกสารนั้น แต่ถ้าหากไม่มีผู้ชายสองคน จงให้มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงสองคนเป็น พยาน เพื่อที่ว่าถ้าหากผู้หญิงคนหนึ่งลืม ผู้หญิงอีกคนหนึ่งจะได้เตือน ความจำาของเธอ พยานต้องมาจากผู้ที่สูเจ้ายอมรับให้เป็นพยาน และเมื่อ พยานถูกขอให้ยืนยัน พวกเขาต้องไม่ป ิเสธ จงอย่าละเลยที่จะเขียนเรื่อง หนี้ของสูเจ้าไม่ว่ามันจะใหญ่หรือเล็กพร้อมกับวันที่ชำาระ พระเจ้าถือว่านี่ เป็นการยุติธรรมกว่าสำาหรับสูเจ้า เพราะมันจะทำาให้หลัก านมั่นคงและ ลดการระแวงสงสัยลง เว้นเสียแต่ว่าถ้าสูเจ้าซื้อขายสินค้าระหว่างกันด้วย เงินสด มันก็ไม่ผิดแต่ประการใดที่สูเจ้าจะไม่บันทึก แต่ในการทำาธุรกิจ การค้านั้น สูเจ้าจงให้มีพยานและจงอย่าให้ผู้เขียนและพยานได้รับความ เสียหาย ถ้าหากสูเจ้าทำาเช่นนั้น สูเจ้าก็กระทำาความผิดบาป จงเกรง กลัวพระเจ้า พระองค์ทรงสอนให้สูเจ้ารู้ถึงหนทางที่ถูกต้อง พระองค์ทรง ถ้าหากสูเจ้าอยู่ในระหว่างการเดินทางและไม่สามารถ รอบรู้ทุกสิ่ง หาผู้เขียนได้ ดังนั้น จงดำาเนินธุรกิจของสูเจ้าโดยให้มีหลักประกันอยู่ใน ครอบครอง แต่ถ้าหากคนหนึ่งของสูเจ้าไว้ใจอีกคนหนึ่งในการทำาธุรกิจ ดังนั้น ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจต้องป ิบัติตามสัญญานั้นต่อเจ้าของ จงให้ เขาเกรงกลัวพระเจ้าพระผู้อภิบาลของเขา และจงอย่าปิดบังหลัก าน ถ้า ใครปิดบังมันไว้ ในหัวใจของเขาก็มีบาป พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้า กระทำา อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของ พระเจ้า ไม่ว่าสูเจ้าจะเปิดเผยหรือปิดบังมัน พระเจ้าจะนำาสูเจ้ามาชำาระ

อาลิ อิมรอน

บัญชี อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงมีอำานาจที่จะให้อภัยหรือลงโทษผู้ใด ก็ ไ ด้ ที่ พ ระองค์ ทรงประสงค์เ พราะพระองค์ เ ป็ น ผู้ท รงอำ านาจเหนื อ ทุ ก สิ่ง ศาสนทูตผู้นี้ศรัทธาในทางนำาที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เขาจาก พระผู้อภิบาลของเขาและบรรดาผู้ศรัทธาทุกคนก็ศรัทธาในพระเจ้าและ ทูตสวรรค์ของพระองค์และคัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์และศาสนทูตทั้ง หลายของพระองค์ พวกเขากล่าวว่า เรามิได้จำาแนกแยกแยะผู้ใดใน ระหว่างบรรดาศาสนทูตของพระองค์ เราได้ยินและเราเชื่อฟัง โอ้พระผู้ อภิบาล เราวิงวอนขอการอภัยโทษจากพระองค์และยังพระองค์ที่เราจะ กลับไป พระเจ้าไม่ทรงวางภาระให้แก่มนุษย์ด้วยความรับผิดชอบ ที่หนักเกินกว่าที่เขาจะแบกรับได้ ทุกคนจะได้รับผลแห่งความดีและ ความชั่วที่เขาได้ทำาไว้ (พวกเขาวิงวอนว่า) พระผู้อภิบาลของเรา โปรด อย่าลงโทษเราถ้าหากเราหลงลืมหรือกระทำาผิด โอ้ พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดอย่าวางภาระแก่เราดังที่พระองค์ได้ทรงวางมันไว้แก่บรรดาคน ก่อนหน้าเรา โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าวางภาระแก่เราในสิ่งที่ เราไม่มีกำาลังจะแบกรับมันได้ โปรดกรุณาเรา โปรดให้อภัยเราและโปรด เมตตาเรา พระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองเรา ดังนั้น โปรดช่วยเราต่อบรรดา ผู้ป ิเสธสัจธรรมด้วยเถิด 3. ครอบครัวของอิมรอน

อาลิ อิมรอน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม พระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงชีวิต ผู้ทรง ดำารงทุกสิ่ง พระองค์ได้ประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้าด้วยสัจธรรมที่ยืนยัน

(คำาพูดล่วงหน้า)ในคัมภีร์ที่มีมาก่อนหน้านี้ ในอดีต พระองค์ได้ประทาน เตารอตและอินญีลลงมาเพื่อเป็นทางนำาสำาหรับมนุษยชาติ 4 และพระองค์ ได้ประทานมาตร านที่ใช้จำาแนกแยกแยะความถูกต้องออกจากความผิด ลงมา แน่นอน บรรดาผู้ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้านั้น สำาหรับ พวกเขาคือการลงโทษอันสาหัสและพระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรง ลงโทษตอบแทน 5 ไม่มีสิ่งใดในแผ่นดินและในชั้นฟ้าจะซ่อนเร้นจาก พระเจ้าได้ พระองค์คือผู้ทรงทำารูปร่างของสูเจ้าในมดลูกตามที่พระองค์ ทรงประสงค์ ไม่มีอำานาจใดนอกจากพระองค์ผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชา ญาณ 7 พระองค์คือผู้ประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้าซึ่งในนั้นมีบางตอนที่ความ หมายของมันชัดเจนเป็นพื้น านของคัมภีร์และบางตอนมีความหมาย เป็นนัย บรรดาผู้ที่ในหัวใจของเขาปรวนแปรจะป ิบัติตามสิ่งที่เป็นนัย โดยหวังจะสร้างความปั่นป่วนและพยายามจะให้คำาอธิบายด้วยตัวเอง ในขณะที่ความจริงแล้วไม่มีผู้ใดรู้ความหมายที่แท้จริงของมันนอกจาก พระเจ้า ส่วนบรรดาผู้ทรงความรู้นั้น พวกเขาจะกล่าวว่า เราศรัทธา ในนั้น เพราะทั้งหมดมาจากพระผู้อภิบาลของเรา และคนมีสติปัญญา เท่านั้นที่ใคร่ครวญ (พวกเขาวิงวอนว่า) พระผู้อภิบาลของเรา โปรด อย่าทำาให้หัวใจของเราปรวนแปรหลังจากที่พระองค์ได้ทรงนำาทางเรา แล้ว และโปรดประทานความเมตตาจากพระองค์แก่เรา แท้จริง พระองค์ คือผู้ประทานอย่างกว้างขวาง พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงรวบรวมมนุษย์ทั้งหลายในวันที่การมาถึงของมันไม่มีข้อสงสัย แน่นอน พระองค์ไม่ทรงผิดสัญญา แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น สมบัติและลูกๆของพวกเขา ไม่อาจช่วยพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้เลย พวกเขาจะเป็นเชื้อเพลิง ของไฟ จุดจบของพวกเขาจะเหมือนกับพวกพ้องของฟาโรห์และ บรรดาผู้ป ิเสธก่อนหน้าพวกเขา พวกเขาป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของ

อาลิ อิมรอน

เรา ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงลงโทษพวกเขาเนื่องด้วยความผิดของพวก เขา และพระเจ้าเป็นผู้ทรงเ ียบขาดในการลงโทษ ดังนั้น (มุ ัมมัด) จงบอกบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมว่า พวกท่านจะถูกพิชิตในไม่ช้าและจะ ถูกส่งไปยังนรกอันเป็นที่พักที่น่าสะพรึงกลัว แน่นอน ได้มีสัญญาณ หนึ่งปราก แก่เจ้าแล้วในคราวที่สอง ่ายต่างเผชิญหน้ากัน(ในสงคราม บะดัรฺ) ่ายหนึ่งต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า และอีก ่ายหนึ่งเป็นผู้ป ิเสธ สัจธรรม พวกเขา(บรรดาผู้ป ิเสธ)ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าอีก ่าย หนึ่ง(บรรดาผู้ศรัทธา)มีจำานวนสองเท่าของพวกเขา แต่พระเจ้าทรงทำาให้ พวกเขาเข้มแข็งด้วยความช่วยเหลือของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ แท้จริง ในนั้นมีบทเรียนอันยิ่งใหญ่สำาหรับบรรดาผู้มีสายตา ไตร่ตรอง ความรักใคร่ในผู้หญิงและลูกๆ การสะสมทองคำาและเงินเป็น กองๆ ม้าพันธุ์ดี ปศุสัตว์และไร่นาได้ถูกทำาให้เป็นที่เย้ายวนสำาหรับ มนุษย์ ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงปัจจัยยังชีพแห่งโลกนี้ แต่ที่พำานักที่ดีที่สุด นั้นคือที่พระเจ้า จงกล่าวเถิด จะให้ ันบอกพวกท่านถึงสิ่งที่ดีกว่าสิ่ง เหล่านี้ไหม สำาหรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้น มีสวนหลากหลายที่ มีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านใกล้กับพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะอยู่ที่ นั่นพร้อมกับคู่ครองที่บริสุทธิ์และจะได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงมองดูปวงบ่าวของพระองค์ บรรดาคนเหล่านี้ คือผู้ที่กล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง เราศรัทธาในพระองค์ ดัง นั้น โปรดอภัยให้แก่ความผิดของเราและทรงโปรดช่วยเราให้พ้นจากการ ลงโทษในไฟนรกด้วยเถิด คนเหล่านี้คือผู้อดทน ผู้พูดความจริง ผู้เชื่อ ฟังและผู้ใช้จ่าย(เพื่อหนทางของพระเจ้า)และผู้ขอการอภัยโทษในช่วง ต้นๆของยามเช้า พระเจ้าทรงยืนยันว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ เช่น เดียวกับทูตสวรรค์และบรรดาผู้มีความรู้ต่างยืนยันด้วยเช่นกัน พระองค์

ครอบครัวของอิมรอน

เป็นผู้ทรงดำารงความยุติธรรม ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรง อำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ ศาสนาที่แท้จริงในทัศนะของพระเจ้าคือการ ยอมจำานนต่อพระเจ้าโดยสิ้นเชิง บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ขัดแย้งกันหลัง จากที่พวกเขาได้รับความรู้แล้วทั้งนี้เพราะความอิจ าริษยาในระหว่าง พวกเขากันเอง ผู้ใดป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้า จงรู้ไว้เถิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ทรง ับพลันในการชำาระบัญชี ถ้าพวกเขาเถียงเจ้า จง บอกพวกเขาว่า สำาหรับ ันและผู้ป ิบัติตาม ันนั้น เรานอบน้อมยอม จำานนต่อพระเจ้า และจงถามบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์และบรรดาผู้ไม่รู้ หนังสือว่า พวกท่านนอบน้อมยอมจำานนต่อพระเจ้าเช่นเดียวกันนี้ไหม ถ้าหากพวกเขานอบน้อมยอมจำานนต่อพระองค์ พวกเขาก็อยู่ในหนทาง ที่ถูกต้อง แต่ถ้าหากพวกเขาหันหลังให้ หน้าที่ของเจ้าก็เพียงนำาสาสน์ สำาหรับบรรดา ไปบอก พระเจ้าเป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวอย่างใกล้ชิด ผู้ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและ ่านบีหลายคนอย่างไม่เป็น ธรรมและ ่าบรรดาผู้ที่ลุกขึ้นมาย้ำาความยุติธรรมนั้น จงเตือนพวกเขาให้ รู้ถึงการลงโทษอันเจ็บแสบ การงานของพวกเขาไร้ผลทั้งในโลกนี้และ โลกหน้าและพวกเขาไม่มีผู้ช่วยเหลือ เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้ได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ เมื่อพวกเขา ถูกเชิญให้ยอมรับการตัดสินของคัมภีร์ของพระเจ้า พวกเขาบางคนจะหัน หลังให้ไม่ยอมรับ นั่นเป็นเพราะพวกเขากล่าวว่า ไฟนรกจะแผ้วพาน พวกเราเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ความเชื่อผิดๆที่พวกเขาคิดขึ้นนี้เองทำาให้ พวกเขาเข้าใจผิดในเรื่องศาสนาของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจะเป็น อย่างไรเมื่อเราจะรวบรวมพวกเขาในวันที่จะต้องมีมาอย่างแน่นอน ซึ่งใน วันนั้น ทุกชีวิตจะถูกตอบแทนครบตามที่มันได้กระทำาไว้และพวกเขาจะ ไม่ถูกอธรรม จงกล่าวเถิด โอ้ พระเจ้า ผู้ทรงอำานาจแห่งอำานาจทั้งหมด พระองค์ทรงประทานอำานาจแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ ทรงริบอำานาจจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงให้เกียรติแก่ผู้ที่

อาลิ อิมรอน

พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ทรงให้ความอัปยศแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ สิ่งที่ดีทั้งหมดนั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง พระองค์ทรงทำาให้กลางคืนผ่านเข้าไป ในกลางวัน และกลางวันผ่านเข้าไปในกลางคืน และพระองค์ทรงทำาให้ สิ่งที่มีชีวิตออกจากที่ตายและทรงทำาให้ที่ตายออกจากที่มีชีวิต พระองค์ ทรงประทานเครื่องยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดยปราศจากการ คำานวณ จงอย่าให้บรรดาผู้ศรัทธายึดเอาพวกป ิเสธสัจธรรมเป็นมิตรและ เห็นพวกเขาดีกว่าบรรดาผู้ศรัทธา หากผู้ใดกระทำาเช่นนั้น เขาจะออกห่าง จากพระเจ้าไปโดยสมบูรณ์ เว้นแต่สูเจ้าจะปกป้องตัวเองให้พ้นจากพวก เขา พระเจ้าได้ทรงเตือนสูเจ้าให้เกรงกลัวพระองค์ เพราะยังพระองค์ที่ สูเจ้าจะต้องกลับไป จงบอกผู้คนเถิดว่า พระเจ้าทรงรอบรู้ในสิ่งที่สูเจ้า ปิดบังไว้ในอกหรือที่สูเจ้าเปิดเผย และพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่อยู่ใน ชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดิน และพระเจ้าทรงมีอานุภาพเหนือทุกสิ่ง ในวันที่ทุกชีวิตจะได้พบสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือ ความชั่วก็ตาม หลายคนอยากที่จะมีช่วงเวลาอันยาวไกลระหว่างตัวเขา กับวันนั้น พระเจ้าทรงเตือนสูเจ้าให้เกรงกลัวพระองค์ เพราะพระองค์เป็น ผู้ทรงกรุณาปรานีปวงบ่าวของพระองค์ (นบีเอย)จงพูดเถิดว่า ถ้าพวก ท่านรักพระเจ้า จงป ิบัติตาม ัน แล้วพระเจ้าจะทรงรักพวกท่านและจะ ทรงให้อภัยความผิดของพวกท่าน เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ จงกล่าวกับพวกเขาด้วยว่า จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสน ทูต แต่ถ้าหากพวกเขายังหันหลังให้ (จงเตือนพวกเขาว่า) พระเจ้ามิทรง รักผู้ป ิเสธสัจธรรม ผู้ศรัทธาป ิบัติต่อมนุษย์ทั้งหมดด้วยความยุติธรรมโดยไม่แบ่งแยก ระหว่างมุสลิมและผู้ที่มิใช่มุสลิม แต่การเป็นมิตรกับผู้ที่มิใช่มุสลิมที่ทำา สงครามกับอิสลามไม่เป็นที่อนุมัติ

ครอบครัวของอิมรอน

แท้จริง พระเจ้าได้ทรงเลือกอาดัมและโนอาห์และครอบครัวของอิ บรอ ีมและครอบครัวของอิมรอนเหนือประชาชาติทั้งหลาย พวกเขา เป็นลูกหลานของกันและกัน และพระเจ้าทรงได้ยินทุกสิ่ง ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง เมื่อภรรยาของอิมรอนกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ ัน ันได้บนไว้ต่อ พระองค์ว่าจะอุทิศสิ่งที่อยู่ในครรภ์ของ ันให้เป็นสิ่งถวายสำาหรับพระองค์ ดังนั้น โปรดทรงรับจาก ันด้วยเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง หลังจากนั้น เมื่อนางคลอดลูกออกมา นางได้กล่าว ว่า พระผู้อภิบาลของ ัน ันได้คลอดเด็กผู้หญิงออกมา และพระเจ้า ทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่นางคลอด แต่เพศชายนั้นไม่เหมือนเพศหญิง ดังนั้น ันได้ตั้งชื่อเธอว่ามารีย์(มัรฺยัม)และ ันขอพระองค์ได้ทรงคุ้มครองเธอ และลูกของเธอให้พ้นจากซาตานที่ถูกสาปแช่งด้วยเถิด ดังนั้น พระผู้ อภิบาลของนางจึงได้รับเธอด้วยดี และทรงให้เธอเจริญวัยอย่างสมบูรณ์ และได้ทรงมอบเธอให้อยู่ในการอุปการะของซะกะรียา แต่เมื่อใดก็ตามที่ ซะกะรียาเข้าไปหาเธอในที่หวงห้าม เขาได้พบอาหารอยู่ที่เธอ เขาจึงถาม ว่า มัรฺยัมเอย เจ้าได้สิ่งนี้มาจากไหน เธอตอบว่า มันมาจากพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์โดย ปราศจากการคำานวณ ดังนั้น ซะกะรียาจึงได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาล ของเขาว่า พระผู้อภิบาลของ ัน กรุณาประทานลูกที่ดีจากพระองค์แก่ ันด้วย แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินการวิงวอน ในขณะที่เขา ยืนวิงวอนอยู่ในสถานที่หวงห้ามนั้น ทูตสวรรค์ได้เรียกเขาและกล่าวว่า พระเจ้าได้ทรงให้ข่าวดีแก่ท่านถึงเรื่องการมีบุตรชื่อยอห์น(ยะ ฺยา)ผู้ซึ่ง จะมายืนยันพระวจนะหนึ่งจากพระเจ้าและจะเป็นหัวหน้าและผู้บริสุทธิ์ และเป็นนบีคนหนึ่งจากหมู่กัลยาณชน ซะกะรียากล่าวว่า พระผู้ อภิบาลของ ัน ันจะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อ ันเข้าสู่วัยชราภาพแล้วและ ภรรยาของ ันก็เป็นหมัน พระองค์ทรงตอบว่า กระนั้นก็เถิด พระเจ้า ทรงกระทำาสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ เขากล่าวว่า พระผู้อภิบาล

อาลิ อิมรอน

ของ ัน ได้โปรดให้สัญญาณหนึ่งแก่ ันด้วยเถิด (ทูตสวรรค์)กล่าวว่า สัญญาณของเจ้าคือเจ้าจะไม่สามารถพูดกับผู้คนสามวันเว้นแต่โดยการ บอกใบ้ และจงระลึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าให้มาก และจงสดุดีพระองค์ ทั้งยามค่ำาและรุ่งอรุณ เมื่อทูตสวรรค์กล่าวว่า มารีย์เอย แท้จริง พระเจ้าได้ทรงเลือกเธอและทรงทำาให้เธอบริสุทธิ์และได้ทรงเลือกเธอ เหนือบรรดาผู้หญิงทั้งหมดของโลก มารีย์เอย จงภักดีต่อพระผู้อภิบาล ของเธอและจงกราบและจงโค้งร่วมกับผู้ที่โค้งในการแสดงความเคารพ สักการะ(ต่อหน้าพระองค์) 44 (โอ้ มุ ัมมัด) นี่เป็นเรื่องเร้นลับที่เราได้เปิด เผยแก่เจ้า เจ้ามิได้อยู่ที่นั่นเมื่อพวกนักบวชแห่งวิหารทำาการเสี่ยงทาย โดยการโยนติ้วเพื่อตัดสินว่าผู้ใดในหมู่พวกเขาควรจะดูแลมารีย์และเจ้าก็ ไม่ได้อยู่กับพวกเขาเมื่อพวกเขาโต้เถียงกันในเรื่องนี้ 45 เมื่อทูตสวรรค์กล่าวว่า มารีย์เอย แท้จริง พระเจ้าได้ทรงแจ้งข่าวดี ซึ่งวจนะหนึ่งจากพระองค์ ชื่อของเขาก็คือ เมสซีอาห์ เยซัสลูกของมา รีย์ผู้ควรแก่การคารวะทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และเป็นผู้อยู่ในบรรดาผู้ ใกล้ชิดกับพระเจ้า เขาจะพูดกับผู้คนตั้งแต่อยู่ในเปล และเมื่อเติบโต เป็นผู้ใหญ่ เขาเป็นผู้อยู่ในหมู่คนดี 47 มารีย์กล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ ัน ันจะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อผู้ชายยังไม่ได้แตะต้อง ัน (ทูตสวรรค์) ตอบว่า กระนั้นก็เถิด พระเจ้าจะสร้างสิ่งใดก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เมื่อพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์เพียงตรัสว่า จงเป็น แล้วมันก็ เป็นขึ้นมา พระเจ้าจะสอนเขาซึ่งคัมภีร์และวิทยปัญญา และเตารอต และอินญีล พระองค์ทรงตั้งเขาเป็นศาสนทูตแก่ลูกหลานอิสรออีล เขา จะกล่าวว่า แท้จริง ันได้มายังพวกท่านพร้อมกับสัญญาณหนึ่งจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่าน คือ ันปั้นดินเป็นรูปนกต่อหน้าพวกท่านแล้ว ัน จะเป่าเข้าไปในดินนั้น แล้วมันจะกลายเป็นนกที่มีชีวิตโดยอนุมัติของ พระเจ้า ันจะรักษาคนตาบอดและคนโรคเรื้อนและให้ชีวิตแก่คนตาย โดยอนุมัติของพระเจ้า และ ันแจ้งให้พวกท่านรู้ถึงสิ่งที่พวกท่านกินและ

ครอบครัวของอิมรอน

สิ่งที่พวกท่านสะสมในบ้านของพวกท่าน แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำาหรับ พวกท่าน ถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา ันมาเป็นผู้ยืนยัน(คำาพูดล่วง หน้า)ของคัมภีร์เตารอตที่มีมาก่อนหน้า ัน และเพื่ออนุมัติบางสิ่งที่เป็นที่ ต้องห้ามแก่พวกท่าน และ ันได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยสัญญาณหนึ่ง จากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟัง ัน แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นพระผู้อภิบาลของ ันและพระผู้อภิบาลของ พวกท่าน ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ นี่คือทางที่เที่ยงตรง เมื่อเยซัสรู้ถึงการป ิเสธศรัทธาของพวกลูกหลานอิสรออีล เขา ได้กล่าวว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ช่วยเหลือ ันในหนทางของพระเจ้า บรรดา สาวกกล่าวว่า เราเป็นผู้ช่วยของพระเจ้า เราศรัทธาในพระเจ้าและท่าน จงเป็นพยานด้วยว่าเราได้ยอมมอบตัวของเราแล้ว พระผู้อภิบาลของ เรา เราศรัทธาตามที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาและเราป ิบัติตาม ศาสนทูตของพระองค์ ดังนั้น โปรดบันทึกเรารวมไว้กับผู้เป็นพยานด้วย เถิด 54 พวกลูกหลานอิสรออีลได้วางแผน(ที่จะ ่าเยซัส) แต่พระเจ้าทรง วางแผนของพระองค์ด้วยเช่นกัน และพระเจ้าทรงเป็นเลิศแห่งผู้วางแผน 55 พระเจ้าได้กล่าวว่า โอ้ เยซัส ันจะนำาเจ้ากลับมายัง ันและจะยกเจ้า มายัง ัน และ ันจะทำาให้เจ้าบริสุทธิ์(จากการใส่ร้าย)ของบรรดาผู้ป ิเสธ เจ้าและจะทำาให้บรรดาผู้ป ิบัติตามเจ้าอยู่เหนือบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม จนถึงวันฟื้นคืนชีพ แล้วในที่สุด สูเจ้าทั้งหมดจะกลับมาหา ัน แล้ว ัน จะตัดสินระหว่างสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องนี้ ดังนั้น สำาหรับ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ันจะลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอันแสน สาหัสทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และพวกเขาจะไม่มีผู้คอยช่วยเหลือ 57 สำาหรับผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัล ตอบแทนโดยครบถ้วน พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ทำาความผิด เรื่องราวที่เรา ได้สาธยายแก่เจ้านั้นเป็นการเปิดเผยความจริงและเป็นสิ่งตักเตือนที่ดี ในสายตาของพระเจ้านั้น กรณีของเยซัสก็เหมือนกับกรณีของอาดัม

อาลิ อิมรอน

พระองค์ทรงสร้างเขาจากดินและพระองค์ทรงตรัสว่า จงเป็น แล้วเขาก็ เป็นขึ้นมา นี่เป็นความจริงจากพระผู้อภิบาลของเจ้า ดังนั้น จงอย่าเป็น ผู้อยู่ในความสงสัย หลังจากที่เจ้า(มุ ัมมัด)รู้ความจริงนี้แล้ว ถ้าผู้ใดยัง โต้แย้งกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก จงพูดกับเขาว่า มานี่สิ ขอให้เรามารวม กันแล้วเรียกลูกๆของเราและลูกๆของพวกท่าน พวกผู้หญิงของเราและ พวกผู้หญิงของพวกท่านรวมทั้งพวกเราทั้งหมดร่วมกันขอต่อพระเจ้าให้ พระองค์สาปแช่งบรรดาผู้โกหก เรื่องที่กล่าวมานี้เป็นความจริง ไม่มี พระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ แต่ถ้าพวกเขาหันหลังกลับ(ไม่ยอมรับคำาท้า) พระเจ้าทรง รู้ดีถึงผู้ทำาความชั่ว (มุ ัมมัด)จงกล่าวเถิดว่า ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย จงมายังถ้อยคำา (ความจริง)ที่เรากับท่านรู้จักกันดีว่าเราจะไม่เคารพสักการะผู้ใดนอกจาก พระเจ้า และเราจะไม่นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ และจะไม่มีใครใน หมู่พวกเรายึดเอาสิ่งอื่นเป็นสิ่งเคารพสักการะนอกจากพระเจ้า แต่ถ้า พวกเขาป ิเสธ ดังนั้น จงกล่าวกับพวกเขาว่า จงเป็นพยานด้วยว่าเรา เป็นผู้ยอมตนต่อพระเจ้า ชาวคัมภีร์เอย ไ นสูเจ้าจึงโต้แย้งกับเรา เกี่ยวกับอิบรอ ีมในเมื่อเตารอตและอินญีลถูกประทานมาหลังจากเขา เป็นเวลานานแล้ว สูเจ้าไม่ใช้เหตุผลของสูเจ้าหรือ สูเจ้ามีข้อโต้แย้ง เกี่ยวกับสิ่งที่สูเจ้ามีความรู้อยู่แล้ว แต่ไ นสูเจ้าจึงยังมาโต้แย้งเกี่ยวกับสิ่ง ที่สูเจ้าไม่มีความรู้เลย ทั้งๆที่พระเจ้าทรงรอบรู้ แต่สูเจ้าไม่รู้ อิบรอ ีม มิได้เป็นยิวและมิได้เป็นคริสเตียน แต่ว่าเขาเป็นผู้ที่มั่นคงในความศรัทธา เป็นผู้ยอมจำานนต่อพระเจ้าและเขามิได้อยู่ในหมู่ผู้นำาสิ่งใดมาเป็นภาคี กับพระเจ้า แน่นอน บรรดาผู้ใกล้ชิดอิบรอ ีมคือบรรดาผู้ป ิบัติตาม เขาและนบีผู้นี้(มุ ัมมัด)และบรรดาผู้ศรัทธาในตัวเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรง คุ้มครองผู้ศรัทธาทั้งหลาย (โอ้บรรดาผู้ศรัทธา) ชาวคัมภีร์กลุ่มหนึ่ง ปรารถนาที่จะทำาให้สูเจ้าหลงทาง แต่พวกเขามิได้ทำาให้ใครหลงทาง

ครอบครัวของอิมรอน

นอกจากพวกเขาเอง แต่พวกเขาไม่รู้สึก โอ้ชาวคัมภีร์เอย ไ นสูเจ้าจึง ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าทั้งๆที่สูเจ้าเองก็เห็นอยู่ โอ้ชาว คัมภีร์เอย ไ นสูเจ้าจึงปะปนความจริงด้วยความเท็จและปิดบังความจริง ทั้งๆที่สูเจ้ารู้ดี ชาวคัมภีร์บางคนพูดกับบางคนว่า จงศรัทธาในสิ่งที่ได้ถูกประทาน ลงมาแก่บรรดาผู้ศรัทธาในตอนเช้าและป ิเสธมันในตอนเย็น เพื่อที่ว่า บางทีพวกเขา(มุสลิม)อาจจะทิ้งความศรัทธาของพวกเขา จงอย่าเชื่อ ผู้ใดนอกจากผู้ที่ป ิบัติตามศาสนาของพวกท่าน (มุ ัมมัด)จงบอกพวก เขาว่า ความจริงแล้ว ทางนำาที่แท้จริงคือทางนำาของพระเจ้า (แต่พวก ท่านคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่) พระองค์จะประทานความจำาเริญ(วิวรณ์)แก่ ใครด้วยสิ่งเดียวกับที่พระองค์เคยประทานแก่พวกท่าน หรือพระองค์ จะให้ข้อโต้แย้งที่หนักแน่นแก่คนอื่นเพื่อโต้แย้งพวกท่านต่อหน้าพระผู้ อภิบาลของพวกท่าน จงกล่าวเถิด แท้จริง ความโปรดปรานนั้นเป็นของ พระเจ้า พระองค์จะทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เพราะ พระองค์เป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ 74 พระองค์ทรงเลือกประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระเจ้า ทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันใหญ่หลวง 75 ในหมู่ชาวคัมภีร์นั้น มีบางคนที่หากเจ้า ากสมบัติสักกองหนึ่งไว้กับเขา เขาจะคืนให้เจ้าครบ ถ้วน แต่ในหมู่พวกเขาก็มีบางคนที่หากเจ้า ากเขาไว้แม้เพียงหนึ่งดีนาร์ เขาจะไม่คืนมันแก่เจ้าเช่นกันเว้นแต่เจ้าจะยืนเ ้าทวงเขาอยู่ พวกเขาให้ เหตุผลถึงพ ติกรรมอันเลวทรามของพวกเขาว่า เราไม่ต้องรับผิดชอบ ในพ ติกรรมของเราต่อผู้ไม่รู้หนังสือ แท้จริง พวกเขากล่าวเท็จต่อพระ เจ้าทั้งๆที่พวกเขารู้ดีอยู่ พระเจ้าทรงรักบรรดาผู้ป ิบัติตามสัญญา ของพวกเขาและเกรงกลัวพระองค์ พระเจ้าทรงรักบรรดาผู้สำารวมตน 77 สำาหรับบรรดาผู้แลกเปลี่ยนสัญญาของพระเจ้าและคำาสาบานของ พวกเขาด้วยราคาเพียงเล็กน้อยนั้น พวกเขาจะไม่มีส่วนใดๆในวันแห่ง

อาลิ อิมรอน

การฟื้นคืนชีพ พระเจ้าจะไม่ทรงพูดกับพวกเขา และจะไม่ทรงมองพวก เขาในวันแห่งการพิพากษา และจะไม่ทำาให้พวกเขาสะอาดจากบาป สำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด แท้จริง ในหมู่พวกเขามี บางคนที่บิดเบือนคัมภีร์โดยการตวัดลิ้นของพวกเขาเพื่อทำาให้เจ้าคิดว่า สิ่งที่พวกเขาอ่านเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันมิใช่ส่วน หนึ่งของคัมภีร์ พวกเขากล่าวว่ามันมาจากพระเจ้าทั้งๆที่ความจริงแล้ว มันมิได้มาจากพระเจ้า พวกเขาโกหกทั้งๆที่พวกเขารู้ดีอยู่ ไม่มีใครที่ พระเจ้าประทานคัมภีร์และข้อวินิจ ัยและแต่งตั้งให้เป็นนบีจะกล่าวแก่ ผู้คนว่า จงเคารพสักการะ ันแทนพระเจ้า (แต่เขาจะกล่าวว่า) จงเป็น ผู้เคารพสักการะพระเจ้าและป ิบัติตามคำาสอนของคัมภีร์ที่พวกท่านพร่ำา อ่านและพร่ำาสอนเถิด เขาจะไม่สั่งให้สูเจ้ายึดเอาทูตสวรรค์และบรรดา นบีเป็นสรณะของสูเจ้า เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสั่งสูเจ้าให้เป็นผู้ป ิเสธ สัจธรรมหลังจากสูเจ้าได้ยอมจำานนต่อพระเจ้าแล้ว จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระเจ้าได้ทำาสัญญากับบรรดานบีของพระองค์ ว่า ตอนนี้ ันได้ประทานคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่สูเจ้าแล้ว เมื่อมีศาสน ทูตคนหนึ่งมายังสูเจ้าเพื่อยืนยัน(คำาพูดล่วงหน้าเกี่ยวกับเขาในคัมภีร์ของ พวกเขา)ที่สูเจ้ามีอยู่ สูเจ้าจะต้องเชื่อเขาและช่วยเหลือเขา แล้วพระองค์ ทรงกล่าวว่า สูเจ้ายืนยันและรับผิดชอบต่อสัญญาที่ทำากับ ันไหม พวก เขากล่าวว่า เรายืนยัน พระองค์จึงตรัสว่า ดังนั้น จงเป็นพยานและ ัน เองจะเป็นพยานกับสูเจ้าด้วย ะนั้น ผู้ใดก็ตามที่ทำาลายสัญญาหลัง จากนี้ พวกเขาก็เป็นผู้ ่า ืน คนเหล่านี้ขวนขวายหาศาสนาอื่นนอกไป จากศาสนาของพระเจ้ากระนั้นหรือทั้งๆที่รู้ดีว่าทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินต่างนอบน้อมต่อพระองค์โดยเต็มใจหรือโดยไม่เต็มใจ และยังพระองค์ที่ทุกสิ่งจะคืนกลับไป (โอ้นบี) จงกล่าวเถิดว่า เรา ศรัทธาในพระเจ้าและในคำาสอนที่ถูกประทานมายังเราและที่ถูกประทาน มายังอิบรอ ีมและอิสมาอีลและอิส ากและยะกูบและบรรดาลูกหลาน

74

ครอบครัวของอิมรอน

ของเขาและในคำาสอนที่ถูกประทานมายังโมเสสและเยซัสและนบีคนอื่นๆ จากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เรามิได้จำาแนกผู้หนึ่งผู้ใดในหมู่พวกเขา และเราเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ ผู้ใดแสวงหาศาสนาอื่นนอกไปจาก อิสลาม(การยอมจำานนต่อพระเจ้า) มันจะไม่เป็นที่ถูกรับจากเขา และใน โลกหน้าเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน เป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าจะทรง นำาทางหมู่ชนที่ไม่ศรัทธาหลังจากที่พวกเขาได้ยอมรับความศรัทธาและ หลังจากที่พวกเขาได้ยืนยันแล้วว่าศาสนทูตผู้นี้เป็นเป็นศาสนทูตจริงและ หลังจากที่หลัก านอันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว เพราะพระเจ้าไม่ ทรงนำาทางหมู่ชนที่ทำาความผิด การตอบแทนที่สาสมสำาหรับคนพวกนี้ คือการสาปแช่งของพระเจ้าและทูตสวรรค์และมนุษยชาติทั้งหมด พวก เขาจะตกอยู่ในการสาปแช่งนั้นตลอดไป โทษของพวกเขาจะไม่ได้รับการ ลดหย่อนและพวกเขาจะไม่ได้รับการผ่อนปรน เว้นแต่บรรดาผู้สำานึก ผิดหลังจากนั้นและปรับปรุงความประพ ติให้ดีขึ้น แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ แต่สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมหลัง จากที่พวกเขาได้ศรัทธาแล้ว หลังจากนั้นยังดึงดันป ิเสธหนักยิ่งขึ้นไป อีก การสำานึกผิดและการขออภัยโทษของพวกเขาจะไม่ถูกรับเพราะพวก เขาเหล่านี้เป็นผู้หลงผิด แท้จริง ใครก็ตามที่ป ิเสธและตายในขณะที่ ยังเป็นผู้ป ิเสธจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ ถึงแม้พวกเขาจะทำาให้โลกนี้ เต็มไปด้วยทองคำาเพื่อนำามาไถ่โทษ สำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอัน เจ็บปวด และสำาหรับพวกเขาจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ สูเจ้าจะไม่อาจบรรลุถึงคุณธรรมได้จนกว่าสูเจ้าจะให้สิ่งที่สูเจ้ารัก แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าใช้จ่าย อาหารทั้งหมดเป็นที่อนุมัติ สำาหรับลูกหลานของอิสรออีล ยกเว้นแต่สิ่งที่อิสรออีลห้ามแก่ตัวเขาเอง ก่อนที่เตารอตจะถูกประทานลงมา จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า จงนำาเตา รอตมาและจงอ่านมันถ้าหากพวกท่านพูดจริง ดังนั้น หลังจากนี้ ถ้า หากผู้ใดอ้างถึงพระเจ้าอย่างผิดๆ พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้ล่วงละเมิด

อาลิ อิมรอน

75

จงกล่าวเถิด พระเจ้าทรงตรัสจริง ดังนั้น จงป ิบัติตามแนวทางขอ งอิบรอ ีมผู้เที่ยงธรรม และเขามิได้อยู่ในหมู่ผู้เคารพกราบไหว้รูปปั้น แท้จริง บ้านหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้นสำาหรับมนุษย์นั้นคือที่บักกะ ฺ(มัก กะ ฺ) มันเป็นสถานที่ที่ได้รับความจำาเริญและเป็นที่มาแห่งทางนำาสำาหรับ ประชาชาติทั้งหลาย ในนั้นมีสัญญาณต่างๆที่ชัดแจ้ง มีสถานที่ยืนของอิ บรอ ีม ผู้ใดเข้าไปในนั้นย่อมปลอดภัย การไปทำาพิธี ัจญ์ยังบ้านหลังนี้ เป็นสิทธิ์ของพระเจ้าสำาหรับคนที่มีความสามารถจะไปได้ และผู้ใดป ิเสธ จงรู้เถิดว่า พระเจ้าไม่ทรงต้องการสิ่งใดๆจากใครทั้งหมด จงกล่าวเถิด ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย ไ นพวกท่านจึงป ิเสธสิ่งที่พระเจ้าประทานมาใน เมื่อพระเจ้าทรงเ ้ามองสิ่งที่พวกท่านกำาลังกระทำาอยู่ จงกล่าวเถิด ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย ไ นพวกท่านจึงกีดกันผู้ศรัทธาจากทางของพระเจ้า และหวังจะให้เขาป ิบัติตามแนวทางที่คดเคี้ยว ทั้งๆที่พวกท่านเองก็เห็น อยู่ พระเจ้าจะไม่ทรงเ ยเมยต่อสิ่งที่พวกท่านกระทำา บรรดาผู้ศรัทธาเอย ถ้าสูเจ้าเชื่อฟังป ิบัติตามชาวคัมภีร์บางคน พวกเขาจะหันสูเจ้าจากการศรัทธาไปสู่การป ิเสธ และสูเจ้าจะหันไป สู่การป ิเสธได้อย่างไรในเมื่อสิ่งที่พระเจ้าประทานมาได้ถูกอ่านแก่สูเจ้า แล้วและศาสนทูตของพระองค์ก็อยู่ในหมู่สูเจ้า ผู้ใดยึดมั่นในพระเจ้า ดัง นั้น เขาได้ถูกนำาสู่หนทางที่เที่ยงตรงอย่างแน่นอน บรรดาผู้ศรัทธา เอย จงเกรงกลัวพระเจ้าด้วยการสังวรตนต่อพระองค์ และจงอย่าตาย เว้นแต่สูเจ้าจะอยู่ในสภาพนอบน้อมยอมตนต่อพระองค์ สูเจ้าจงยึด สายเชือกของพระเจ้าให้มั่นและอย่าให้สิ่งใดมาทำาให้สูเจ้าแตกแยกกัน จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้าเมื่อสูเจ้าต่างเป็น ศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้สมานหัวใจของสูเจ้าเข้าด้วยกันในความรัก แล้ว สูเจ้าได้มาเป็นพี่น้องกันด้วยความโปรดปรานของพระองค์ สูเจ้าเคยอยู่ บนปากหลุมของไฟและพระองค์ได้ทรงช่วยสูเจ้าให้พ้นจากมัน ดังนั้น

ครอบครัวของอิมรอน

พระเจ้าได้ทำาให้สัญญาณของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะ ได้พบทางนำา จงให้มีคนกลุ่มหนึ่งในหมู่สูเจ้าทำาหน้าที่เชิญชวนคนอื่นๆไปสู่ ความดีและกำาชับกันในเรื่องความถูกต้องและห้ามปรามกันในเรื่องชั่วช้า เลวทราม พวกเขาเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับความสำาเร็จ และจงอย่า เป็นเหมือนกับบรรดาผู้แตกแยกกันและขัดแย้งกันหลังจากที่หลัก าน ต่างๆได้มายังพวกเขาแล้ว สำาหรับพวกเขาเหล่านั้นคือการลงโทษอัน มหันต์ ในวันนั้น ใบหน้าของบางคนจะผ่องแผ้วและใบหน้าของบาง คนจะหมองคล้ำา สำาหรับบรรดาผู้ที่ใบหน้าหมองคล้ำานั้น พวกเขาจะถูก ถามว่า สูเจ้าป ิเสธหลังจากที่ได้รับความศรัทธาแล้วกระนั้นหรือ ดัง สำาหรับบรรดาผู้ที่ นั้น จงลิ้มรสการลงโทษจากการที่สูเจ้าได้ป ิเสธ ใบหน้าของพวกเขาผ่องแผ้วนั้น พวกเขาอยู่ในความเมตตาของพระเจ้า ตลอดกาล เหล่านี้คือสิ่งที่พระเจ้าประทานมา เราได้สาธยายมันแก่เจ้า ด้วยความจริง พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาความอธรรมต่อชาวโลกทั้งมวล สรรพสิ่งทั้งปวงในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า และยัง พระเจ้าที่ทุกสิ่งจะกลับไป สูเจ้าเป็นหมู่ชนที่ดีที่สุดที่ได้ถูกนำาออกมาเพื่อ(ความดีของ) มนุษยชาติ สูเจ้ากำาชับกันในเรื่องความดีและห้ามปรามความชั่ว และ สูเจ้าศรัทธาในพระเจ้า ถ้าหากบรรดาชาวคัมภีร์ศรัทธาด้วย แน่นอน มัน จะเป็นการดีสำาหรับพวกเขา ถึงแม้ว่าในหมู่พวกเขามีผู้ศรัทธาบางคน แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ ่า ืน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่อาจ ทำาร้ายสูเจ้าได้ ถ้าพวกเขาต่อสู้กับสูเจ้า พวกเขาจะหันหลังให้สูเจ้าและ พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ พวกเขาได้รับความอัปยศทุกหน ทุกแห่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาทำาสัญญากับพระเจ้าหรือ กับคนอื่น พวกเขาได้ทำาให้พระเจ้าทรงกริ้ว ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับความ ต่ำาต้อย นั่นเป็นเพราะพวกเขาป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและ

อาลิ อิมรอน

77

่านบีของพระองค์โดยไม่เป็นธรรม นั่นเป็นเพราะพวกเขาดื้อดึงและ ละเมิดเสมอ อย่างไรก็ตาม ชาวคัมภีร์นั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด ในหมู่พวกเขา มีบางคนที่ยึดมั่นตามพันธสัญญา พวกเขาอ่านวจนะของพระเจ้าในยาม ค่ำาคืนและพวกเขาก้มกราบต่อพระองค์ พวกเขาศรัทธาในพระเจ้าและ วันสุดท้าย กำาชับเรื่องความยุติธรรมและห้ามปรามความชั่วและแข่งขัน กันในการทำาความดี พวกเขาเหล่านี้อยู่ในหมู่คนดี และความดีอันใดที่ พวกเขากระทำาจะไม่ถูกป ิเสธ(การได้รับรางวัลตอบแทน) เพราะพระเจ้า ทรงรอบรู้ดีถึงผู้สำารวมตนจากความชั่ว สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น สมบัติและลูกๆของพวกเขาจะไม่ช่วยอะไรพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้ เลย พวกเขาเหล่านี้เป็นสหายของไฟนรกและพวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้น อะไรก็ตามที่พวกเขาได้จ่ายไปในชีวิตโลกนี้เปรียบเหมือนกับลมที่นำา ความเย็นจัดมากระหน่ำาทำาลายพืชผลของผู้ที่ไม่เป็นธรรมต่อตัวของพวก เขาเอง พระเจ้าไม่ได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรม ต่อตัวของพวกเขาเอง บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าคบคนอื่นจากพวกของสูเจ้าเป็นเพื่อน สนิท เพราะพวกเขาจะไม่ละความพยายามที่จะทำาร้ายสูเจ้า พวกเขา ปรารถนาที่จะเห็นสูเจ้าเดือดร้อน ความเกลียดชังของพวกเขานั้นเห็น ได้ชัดจากคำาพูดที่ออกมาจากปากของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาซ่อนไว้ นั้นร้ายยิ่งกว่า แท้จริง เราได้ทำาให้สัญญาณของสิ่งเหล่านี้เป็นที่ชัดแจ้ง แก่สูเจ้าแล้ว สูเจ้าไม่เข้าใจหรือ สูเจ้าเองต่างหากที่รักพวกเขา แต่พวก เขาหารักสูเจ้าไม่ ถึงแม้สูเจ้าจะศรัทธาในคัมภีร์ที่ถูกประทานมาทั้งหมด ก็ตาม เมื่อพวกเขาพบสูเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า เราก็ศรัทธา แต่เมื่อ พวกเขาอยู่ตามลำาพัง พวกเขาก็กัดปลายนิ้วด้วยความเคียดแค้นสูเจ้า จง บอกพวกเขาว่า จงตายด้วยความเคียดแค้นของพวกท่านเถิด แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวอกของพวกท่าน เมื่อใดที่สิ่งดีๆเกิด

ครอบครัวของอิมรอน

ขึ้นแก่สูเจ้า พวกเขาจะขมขื่น แต่ถ้าความทุกข์อันใดประสบแก่สูเจ้า พวก เขาจะดีใจ ถ้าสูเจ้าอดทนและสำารวมตนจากความชั่ว อุบายของพวกเขา ไม่อาจทำาร้ายสูเจ้าได้เลย แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นผู้สกัดล้อมสิ่งที่พวก เขากระทำา (โอ้นบี) จงเอ่ยให้มุสลิมฟังถึงตอนที่เจ้าออกจากบ้านของเจ้าแต่ เช้าตรู่เพื่อจัดวางกำาลังบรรดาผู้ศรัทธาไว้ตามที่มั่นต่างๆสำาหรับการสู้ รบ พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ เมื่อคนสองกลุ่มในหมู่พวก เจ้ากำาลังจะถอดใจ แต่พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเขา ดังนั้น ผู้ศรัทธาต้องไว้วางใจในพระเจ้า ความจริง พระเจ้าได้ทรงช่วยสูเจ้า แล้วที่บะดัรฺเมื่อสูเจ้ามีกำาลังน้อยกว่า ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่ สูเจ้าจะได้ขอบคุณ (และจงจำา)เมื่อตอนที่เจ้ากล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธา ว่า ไม่เพียงพอแก่พวกท่านหรือที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านทรงช่วย พวกท่านด้วยการส่งทูตสวรรค์ลงมาถึงสามพัน แน่นอน ถ้าพวก ท่านอดทนและเกรงกลัวพระเจ้า หากพวกเขาโจมตีพวกท่านอย่างรุนแรง พระผู้อภิบาลของพวกท่านจะทรงช่วยพวกท่านด้วยทูตสวรรค์ถึงห้าพัน มาเป็นผู้กำาราบพวกเขา พระเจ้ามิได้ทำาเช่นนี้เพื่ออื่นใดนอกจาก เพื่อเป็นข่าวดีแก่สูเจ้าและเพื่อที่หัวใจของสูเจ้าจะได้สงบ และไม่มีการ ช่วยเหลือใดๆนอกจากที่พระเจ้าผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น (พระองค์จะช่วยสูเจ้า) เพื่อที่ว่าพระองค์จะได้ทำาลายส่วนหนึ่งของ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมหรือทรงทำาให้พวกเขาอัปยศและหันกลับไปด้วย ความสิ้นหวัง (โอ้นบี) เจ้าไม่มีอำานาจใดๆที่จะตัดสินว่าพระเจ้าจะ ให้อภัยพวกเขาหรือลงโทษพวกเขา พวกเขาเป็นทำาความผิด อะไร ก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรง อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่ากินดอกเบี้ยทบแล้วทบเล่าเป็นทวีคูณ

อาลิ อิมรอน

และจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความสำาเร็จ จงป้องกัน ตัวของสูเจ้าเองให้พ้นจากไฟที่ได้ถูกเตรียมไว้สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรม และจงเชื่อฟังป ิบัติตามพระเจ้าและศาสนทูตเพื่อที่สูเจ้าจะ ได้รับความเมตตา และจงแข่งขันกันสู่การอภัยโทษจากพระผู้อภิบาล ของสูเจ้าและสวนสวรรค์ที่กว้างใหญ่ไพศาลดั่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินได้ถูกเตรียมไว้แล้วสำาหรับผู้สำารวมตนจากความชั่ว สำาหรับผู้ที่ ใช้จ่ายทั้งในยามผาสุกและยาม ืดเคือง ผู้ที่สามารถข่มตัวเองได้ในยาม โกรธและให้อภัยคนอื่น พระเจ้าทรงรักผู้กระทำาความดี และบรรดาผู้ที่ เมื่อทำาการละเมิดหรือสร้างความอธรรมต่อตัวของเขาเอง พวกเขานึกถึง พระเจ้าแล้วขอการอภัยโทษสำาหรับความผิดของพวกเขา ผู้ใดเล่าจะ ให้อภัยความผิดทั้งหลายนอกจากพระเจ้า และไม่ดึงดันทำาความผิดต่อ การตอบแทนของพวกเขาเหล่านี้คือการอภัยโทษจาก ไปอีกทั้งๆที่รู้ พระผู้อภิบาลของพวกเขาและสวนสวรรค์หลากหลายที่เบื้องล่างมีลำาน้ำา หลายสายไหลผ่าน และพวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้น ช่างดีเสียนี่กระไร สำาหรับรางวัลของบรรดาผู้กระทำาความดี แน่นอน ก่อนหน้าสูเจ้า นั้นเคยมีตัวอย่าง(ของหลายประชาคม)แล้วที่ล่มสลายไป ดังนั้น จงท่อง เที่ยวไปตามแผ่นดินและดูว่าผลสุดท้ายของพวกที่ป ิเสธสัจธรรมเป็น อย่างไร กุรอานนี้เป็นการเตือนอันชัดแจ้งสำาหรับมนุษยชาติและเป็น ทางนำาและข้อตักเตือนสำาหรับผู้ยำาเกรงกลัวพระเจ้า และจงอย่าท้อและจงอย่าระทม และสูเจ้าจะเหนือกว่าถ้าสูเจ้าเป็น ผู้ศรัทธา ถ้าหากสูเจ้าได้รับบาดแผล ศัตรูของสูเจ้าก็ได้รับบาดแผล ด้วยเช่นกัน เหล่านี้เป็นการขึ้นลงของเวลาที่เราได้หมุนเวียนสับเปลี่ยน มันระหว่างมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงรู้ว่าใครเป็นผู้ศรัทธา และ เพื่อที่จะได้ทรงเลือกผู้เป็นพยานแห่งสัจธรรมจากในหมู่สูเจ้า และพระเจ้า ไม่ทรงรักผู้อธรรม และเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงเลือกบรรดาผู้ศรัทธา ออกมา และเพื่อทรงกำาจัดบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม หรือสูเจ้าคิดว่า

ครอบครัวของอิมรอน

จะได้เข้าสวรรค์โดยที่พระเจ้ายังมิได้ทดสอบสูเจ้าเพื่อที่จะดูว่าในหมู่สูเจ้า นั้นใครที่พร้อมจะต่อสู้และใครคือผู้ที่อดทน สูเจ้าเคยนึกถึงความ ตายมาแล้วก่อนหน้าที่สูเจ้าจะเผชิญมัน แต่ตอนนี้ สูเจ้าก็ได้เห็นมัน ปราก อยู่ข้างหน้าแล้ว มุ ัมมัดเป็นเพียงศาสนทูตคนหนึ่ง บรรดาศาสนทูตได้ล่วงลับไป ก่อนหน้าเขาหลายคนแล้ว ดังนั้น ถ้าหากเขาตายหรือถูก ่า สูเจ้าจะหัน ส้นเท้าของสูเจ้ากลับกระนั้นหรือ หากจะมีใครหันส้นเท้ากลับ เขาก็ไม่ อาจทำาร้ายพระผู้อภิบาลได้เลย และในไม่ช้าพระเจ้าจะทรงตอบแทนผู้ กตัญญู ไม่มีชีวิตใดจะตายได้เว้นแต่โดยอนุมัติของพระเจ้า และเวลา แห่งความตายได้ถูกกำาหนดเอาไว้แล้ว และถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะได้รับ รางวัลแห่งโลกนี้ เราจะประทานมันแก่เขา และถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะ ได้รับรางวัลแห่งโลกหน้า เราก็จะประทานมันแก่เขา เราจะตอบแทนผู้ ก่อนหน้านี้มีนบีกี่คนแล้วที่มีผู้มั่นคงในศาสนา กตัญญูอย่างแน่นอน จำานวนมากร่วมต่อสู้เคียงข้างเขา พวกเขาไม่ท้อถอยต่อความพ่ายแพ้ที่ พวกเขาประสบในหนทางของพระเจ้า พวกเขาไม่อ่อนแอและไม่ยอม(ต่อ ความเท็จ) พระเจ้าทรงรักผู้อดทน พวกเขามิได้กล่าวอะไรนอกไป จาก โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอภัยโทษแก่เราสำาหรับความผิดของ เราและสิ่งที่เราเกินเลยไปในการงานต่างๆของเรา โปรดให้เรายืนหยัดได้ อย่างมั่นคงแน่วแน่ และโปรดช่วยเราต่อบรรดาหมู่ชนที่ป ิเสธสัจธรรม ด้วยเถิด ดังนั้น พระเจ้าได้ประทานรางวัลแห่งโลกนี้และรางวัลที่ดี แห่งโลกหน้าแก่พวกเขาและพระเจ้าทรงรักผู้ทำาความดี บรรดาผู้ศรัทธาเอย ถ้าสูเจ้าเชื่อฟังป ิบัติตามผู้ป ิเสธสัจธรรม พวกเขาจะทำาให้สูเจ้าหันหลังให้ความศรัทธา แล้วสูเจ้าจะกลายเป็นผู้ ขาดทุน แต่ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงคุ้มครองสูเจ้าและพระองค์ทรงเป็น เลิศแห่งผู้ช่วยเหลือ ในไม่ช้า เราจะสร้างความตระหนกขึ้นในจิตใจ ของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม เพราะพวกเขาได้ตั้งสิ่งที่พระองค์มิได้

อาลิ อิมรอน

ประทานอำานาจแก่มันมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ที่พำานักของพวกเขาคือไฟ นรก และเป็นที่อยู่อันชั่วช้าของพวกทำาความผิด แน่นอน พระเจ้าได้ ทรงทำาให้สัญญาที่ให้ไว้แก่สูเจ้า(ว่าจะช่วยเหลือ)เป็นจริงแล้วเมื่อสูเจ้า ได้กำาจัดพวกเขาด้วยอนุมัติของพระองค์ จนกระทั่งเมื่อสูเจ้าท้อแท้และ โต้เถียงกัน(เกี่ยวกับคำาสั่งของนบี)และละเมิดคำาสั่งหลังจากที่พระองค์ได้ ทรงทำาให้สูเจ้าเห็นสิ่งที่สูเจ้าชอบ เพราะในหมู่สูเจ้ามีผู้ปรารถนาโลกนี้ และผู้ปรารถนาโลกหน้า ดังนั้น พระองค์จึงไม่ให้สูเจ้าสร้างความปราชัย ให้แก่ศัตรูของสูเจ้าเพื่อที่จะทดสอบสูเจ้า แต่ตอนนี้ พระองค์ทรงอภัย สูเจ้าแล้ว พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธา จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้าตะเกียกตะกายหนีจนมิได้หันมามองซึ่งกัน และกันและศาสนาทูตได้ร้องเรียกสูเจ้าทางด้านหลัง ดังนั้น พระองค์จึง ได้ทำาให้สูเจ้าต้องเสียใจแล้วเสียใจอีก เพื่อที่สูเจ้าจะได้ไม่ทุกข์ใจในสิ่งที่ สูเจ้าสูญเสียไปและในสิ่งที่ประสบแก่สูเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำา ดังนั้น หลังจากความเสียใจ พระองค์ได้ประทานความรู้สึกสงบและ ปลอดภัยแก่สูเจ้าบางคนจนงีบไป แต่มีบางคนที่สนใจเพียงแต่ประโยชน์ ของตัวเอง พวกเขาเริ่มความคิดโง่ๆเกี่ยวกับพระเจ้าเหมือนความคิดใน ยุคอวิชชา พวกเขาถามว่า เรามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยไหม จงกล่าวเถิด ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเจ้า พวกเขาไม่เปิดเผยสิ่งที่พวกเขาซ่อนเร้นไว้ใน ใจของพวกเขาแก่เจ้า พวกเขากล่าวว่า ถ้าหากพวกเรามีส่วนในเรื่องนี้ บ้าง พวกเราก็คงไม่ถูก ่าที่นี่ จงบอกพวกเขาว่า ถึงแม้พวกท่านอยู่ใน บ้านของพวกท่าน บรรดาผู้ถูกกำาหนดไว้แล้วว่าต้องตายก็จะต้องออกไป ยังสถานที่ที่ได้ถูกกำาหนดไว้แล้วว่าพวกเขาจะถูก ่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ก็เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทดสอบสิ่งที่อยู่ในใจของสูเจ้า และเพื่อที่จะขัดเกลา สิ่งที่อยู่ในใจของสูเจ้า เพราะพระเจ้าทรงรู้ดีทุกอย่างถึงสิ่งที่อยู่ในหัวอก ของสูเจ้า สำาหรับบรรดาผู้ที่หันหลังกลับในวันที่สองกองทัพเผชิญกัน

ครอบครัวของอิมรอน

(ในสงคราม)นั้น ซาตานได้ทำาให้พวกเขาเพลี่ยงพล้ำาด้วยบางสิ่งที่พวก เขาได้ขวนขวายไว้ แต่พระเจ้าได้ทรงอภัยพวกเขา เพราะแท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงขันติ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าเป็นดังเช่นบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ที่เมื่อพี่น้องของพวกเขาออกเดินทางไปตามแผ่นดินหรือไปเข้าร่วมใน สนามรบแล้ว พวกเขากล่าวว่า ถ้าหากพวกเขาอยู่กับพวกเราก็คงจะ ไม่ตายหรือถูก ่า เพราะพระเจ้าจะทรงทำาให้ความคิดเช่นนี้เป็นสาเหตุ แห่งความรันทดใจของพวกเขา เนื่องจากพระเจ้าคือผู้ทรงให้ชีวิตและ ทรงให้ตาย และพระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำา ถ้าหากสูเจ้าถูก ่าหรือตายในหนทางของพระเจ้า สูเจ้าจะได้รับการอภัยโทษและความ เพราะถ้าหากสูเจ้าตาย เมตตาจากพระเจ้าซึ่งดีกว่าที่พวกเขาสะสม หรือถูก ่า สูเจ้าจะถูกนำาไปรวมกันต่อหน้าพระเจ้า (โอ้มุฮัมมัด) มัน เป็นความเมตตาของพระเจ้าที่เจ้ามีความอ่อนโยนต่อพวกเขา เพราะถ้า หากเจ้าแข็งกร้าวและใจกระด้าง พวกเขาจะเตลิดออกไปจากเจ้า ดังนั้น จงให้อภัยแก่พวกเขาและจงขอต่อพระเจ้าให้ทรงยกโทษแก่พวกเขา จง ปรึกษาหารือพวกเขาในการทำากิจการต่างๆ ครั้นเมื่อเจ้าตัดสินใจเด็ด ขาดที่จะทำาแล้ว จงวางใจในพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงรักผู้ที่ไว้วางใจใน พระองค์ ถ้าพระเจ้าทรงช่วยสูเจ้า ไม่มีผู้ใดชนะสูเจ้าได้ แต่ถ้าพระองค์ ทรงทอดทิ้งสูเจ้า ใครเล่าจะช่วยสูเจ้านอกจากพระองค์ ดังนั้น พระเจ้า ต่างหากที่บรรดาผู้ศรัทธาจะต้องไว้วางใจ มันเป็นไปไม่ได้ที่นบีคนใดจะเอาสิ่งใดมา ใครที่ซ่อนเร้นสิ่งใดไว้ ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เขาจะนำาสิ่งนั้นมาด้วย ทุกชีวิตจะถูกตอบแทน เต็มตามที่ตัวเองได้ทำาไว้ และจะไม่มีใครถูกป ิบัติอย่างไร้ความเป็น ธรรม ดังนั้น คนที่ทำาตามความประสงค์ของพระเจ้าจะเป็นเหมือนกับ ผู้ที่ทำาให้พระเจ้าทรงกริ้วแล้วถูกส่งไปอยู่ในนรกอันเป็นปลายทางที่ชั่ว ช้ากระนั้นหรือ ในสายตาของพระเจ้า พวกเขามีหลายสถานะ และ

อาลิ อิมรอน

พระเจ้าทรงเ ้ามองที่พวกเขากระทำา แท้จริง พระเจ้าได้ประทาน ความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพระองค์ได้ทรงตั้งศาสนทูตขึ้น มาคนหนึ่งในหมู่พวกเขาเองเพื่อมาสาธยายวจนะของพระองค์และเพื่อ ขัดเกลาชีวิตของพวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาให้แก่พวกเขา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในการหลงทางอย่างชัดแจ้ง อะไรกัน เมื่อทุกข์ภัยประสบแก่สูเจ้า หลังจากสูเจ้าได้สร้างความ เสียหายอย่างหนักเป็นสองเท่า(ให้แก่ศัตรู) สูเจ้ากล่าวว่า นี่มันเกิดขึ้น ได้อย่างไร โอ้นบี จงกล่าวแก่พวกเขาว่า มันเป็นเพราะความผิดของ สูเจ้าเอง แท้จริง พระเจ้าทรงมีอานุภาพที่จะประสงค์สิ่งใดก็ได้ และ สิ่งที่ประสบแก่สูเจ้าในวันที่สองกองทัพเผชิญหน้ากันนั้นก็เป็นเพราะการ อนุมัติของพระเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงทดสอบบรรดาผู้ศรัทธา และรู้ถึงบรรดาผู้ที่ทำาตนเป็นคนตลบตะแลง เมื่อคนพวก ที่แท้จริง นี้ถูกบอกว่า จงออกมาต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าและป้องกันตนเอง พวกเขากล่าวว่า ถ้าหากเรารู้ว่ามันจะเกิดการต่อสู้ เราจะออกไปกับท่าน อย่างแน่นอน ในวันที่พวกเขากล่าวถ้อยคำานี้ พวกเขาอยู่ใกล้การป ิเสธ มากกว่าความศรัทธา เพราะพวกเขากล่าวสิ่งที่มิได้อยู่ในหัวใจของพวก เขา พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบัง บรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลังได้ กล่าวถึงพี่น้องของพวกเขาว่า ถ้าพวกเขาเชื่อฟังเรา พวกเขาก็อาจจะไม่ ถูก ่า จงบอกพวกเขาเถิดว่า ดังนั้น จงปัดความตายให้พ้นไปจากตัว ของพวกท่านให้ได้ก่อน ถ้าหากสิ่งที่พวกท่านพูดเป็นความจริง จงอย่าคิดว่าบรรดาผู้ถูก ่าในหนทางของพระเจ้านั้นตาย มิใช่เช่น นั้น พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และได้รับปัจจัยยังชีพจากพระเจ้า พวกเขา รื่นเริงในสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปรานแก่พวกเขา และพวก เขายินดีที่ได้คิดว่าไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัวหรือน่าทุกข์ระทมสำาหรับผู้ที่พวก เขาทิ้งไว้ข้างหลังและผู้ที่ยังไม่ได้มาเข้าร่วมกับพวกเขา พวกเขา ยินดีที่ได้รับความการุญและความโปรดปรานจากพระเจ้า (พวกเขารู้ว่า)

ครอบครัวของอิมรอน

พระเจ้ามิทรงทำาให้รางวัลของผู้ศรัทธาได้รับความเสียหาย สำาหรับ บรรดาผู้สนองตอบการเรียกร้องของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ แม้ได้รับบาดเจ็บและบรรดาผู้กระทำาความดีและเกรงกลัวพระเจ้านั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ บรรดาผู้ที่เมื่อมีคนบอกพวกเขา ว่า ศัตรูกำาลังรวมตัวกันต่อต้านพวกท่าน ดังนั้น จงกลัวพวกเขา แต่คำา พูดนั้นกลับทำาให้พวกเขามีความศรัทธามั่นยิ่งขึ้นและกล่าวว่า พระเจ้า นั้นเพียงพอแล้วสำาหรับเรา พระองค์เป็นผู้ทรงพิทักษ์ที่ดีเลิศ ใน ที่สุด พวกเขาได้กลับบ้านด้วยความการุญและความโปรดปรานจาก พระเจ้า พวกเขามิได้ประสบภยันตรายใดๆ นอกจากนั้นแล้ว พวกเขา ยังป ิบัติตามความปราโมทย์ของพระเจ้า และพระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่ง มีแต่ซาตานเท่านั้นที่ทำาให้สูเจ้ากลัว ความโปรดปรานอันใหญ่หลวง พวกพ้องของมัน ดังนั้น จงอย่ากลัวพวกมัน แต่จงกลัว ันถ้าสูเจ้าเป็นผู้ ศรัทธาที่แท้จริง จงอย่าให้การงานอันชั่วช้าของบรรดาผู้ดิ้นรนเพื่อการป ิเสธ สัจธรรมสร้างความทุกข์ระทมให้แก่เจ้า พวกเขาไม่สามารถทำาร้าย พระเจ้าได้แม้แต่น้อยนิด พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาที่จะให้พวกเขามีส่วน ใดๆในโลกหน้า และสำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอันรุนแรง แท้จริง บรรดาผู้แลกเปลี่ยนการศรัทธาด้วยการป ิเสธสัจธรรมนั้นไม่อาจให้ร้าย ใดๆต่อพระเจ้าได้เลย สำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด จง อย่าให้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมคิดว่าการที่เราผ่อนปรนให้พวกเขานั้น เป็นการดีสำาหรับพวกเขาเอง ความจริงแล้ว เราได้ผ่อนปรนให้พวกเขา ก็เพื่อที่พวกเขาจะได้ ่า ืนมากยิ่งขึ้น และสำาหรับพวกเขาคือการลงโทษ อันเจ็บปวด พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยบรรดาผู้ศรัทธาให้อยู่ในสภาพ อย่างที่พวกเขาเป็นอยู่ในตอนนี้ จนกระทั่งพระองค์ทรงแยกความชั่ว ออกจากความดี และพระเจ้าจะไม่เปิดเผยสิ่งที่พ้นญาณวิสัยแก่สูเจ้า แต่ พระองค์จะทรงเลือกบรรดาศาสนทูตของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์

อาลิ อิมรอน

ดังนั้น จงศรัทธาในพระเจ้าและบรรดาศาสนทูตของพระองค์ เพราะถ้า สูเจ้าศรัทธาและสำารวมตนจากความชั่ว สูเจ้าจะได้รับรางวัลอันใหญ่ หลวง จงอย่าให้ผู้ตระหนี่ถี่เหนียวในสิ่งที่พระเจ้าประทานความ โปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขาคิดว่ามันเป็นสิ่งดีสำาหรับพวกเขา ความจริงแล้ว มันเป็นความชั่วสำาหรับพวกเขาต่างหาก เพราะสิ่งใดที่ พวกเขาตระหนี่ไว้จะคล้องคอพวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระเจ้า เท่านั้นเป็นผู้มีสิทธิ์แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระเจ้าทรงเ ้า ดูสิ่งที่สูเจ้ากำาลังกระทำา แน่นอน พระเจ้าทรงได้ยินคำาพูดของบรรดา ผู้กล่าวว่า แท้จริง พระเจ้าทรงยากจน แต่พวกเรานั้นมั่งคั่ง เราจะบัน ทึกสิ่งที่พวกเขากล่าวไว้พร้อมกับการที่พวกเขา ่านบีหลายคนโดยไม่ เป็นธรรม และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ทีนี้ นั่นเป็นเพราะสิ่งที่สูเจ้าได้ จงลิ้มรสการทรมานจากไฟที่ถูกไหม้ ขวนขวายไว้ด้วยมือของสูเจ้าเอง และพระเจ้าจะไม่ทรงอธรรมต่อปวง บ่าวของพระองค์ มีบางคนกล่าวว่า พระเจ้าได้สั่งกำาชับเราว่าเรา จะต้องไม่ยอมรับผู้ใดเป็นศาสนทูตจนกว่าเขาจะนำาเอาสิ่งพลีที่ไฟจะกิน มันมาแสดงแก่เรา จงบอกพวกเขาว่า ก่อนหน้า ันได้มีศาสนทูตหลาย คนมายั ง พวกท่ า นพร้ อ มกับสัญญาณอันชัดแจ้งและสิ่งที่พ วกท่า นพูด ถึง ทำาไมพวกท่านถึงได้ ่านบีเหล่านั้นเล่า ถ้าหากพวกท่านพูดจริง ถ้าพวกเขาป ิเสธเจ้า (โอ้มุ ัมมัด) ก่อนหน้าเจ้า ศาสนทูตหลายคน ที่มาพร้อมกับสัญญาณต่างๆและแผ่นจารึกและคัมภีร์ต่างๆก็ถูกป ิเสธ มาแล้วเช่นกัน ทุกชีวิตจะต้องลิ้มรสความตาย และสูเจ้าจะได้รับการ ตอบแทนอย่างครบครันในวันฟื้นคืนชีพ ดังนั้น ผู้ที่ประสบความสำาเร็จ อย่างแท้จริงคือผู้ที่ถูกทำาให้ออกห่างจากนรกและถูกรับเข้าไว้ในสวรรค์ เพราะชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นเพียงสิ่งหลอกลวงเท่านั้น สูเจ้าจะต้องถูกทดสอบในทรัพย์สินของสูเจ้าและสูเจ้าจะต้อง

ครอบครัวของอิมรอน

ได้ยินสิ่งที่เจ็บปวดมากมายจากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้าสูเจ้าและ จากบรรดาผู้ตั้งสิ่งอื่นเป็นภาคีร่วมกับพระเจ้า แต่ถ้าหากสูเจ้าอดทนและ สำารวมตนจากความชั่ว นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงการยืนหยัดอย่างมั่นคง พระเจ้าได้ทำาสัญญากับบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ว่าจะทำาให้คัมภีร์เป็น ที่กระจ่างแก่ผู้คนและจะไม่ปิดบังมัน แต่พวกเขากลับทิ้งมันไว้ข้างหลัง พวกเขาและแลกเปลี่ยนมันด้วยราคาเล็กน้อย ช่างเป็นการแลกเปลี่ยน ที่ชั่วช้าเสียนี่กระไร บรรดาผู้ที่ระเริงในการกระทำาผิดและรักที่จะถูก สรรเสริญในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้กระทำา จงอย่าคิดว่าจะปลอดพ้นจากการ ลงโทษ สำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด อำานาจแห่งชั้นฟ้า ทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือ ทุกสิ่ง แท้จริง ในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และในการสับ เปลี่ ย นของกลางคื น และกลางวั น นั้ น มี สั ญ ญาณสำ าหรั บ ปวงผู้ มี ค วาม เข้าใจ ผู้ที่ระลึกถึงพระเจ้าขณะยืน นั่งและนอนตะแคง พวกเขาจะ ใคร่ครวญในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน (พวกเขาจะกล่าว ว่า) พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์มิได้ทรงสร้างสิ่งทั้งปวงนี้ขึ้นมาโดย ไร้วัตถุประสงค์ พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์ยิ่ง ดังนั้น โปรดช่วยเราให้พ้น จากการลงโทษของไฟนรกด้วยเถิด พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง ผู้ ใดที่พระองค์ทรงให้เข้าไปในไฟนรก แน่นอน พระองค์ทรงทำาให้เขา อัปยศ สำาหรับผู้ทำาความผิดนั้นไม่มีผู้ช่วยเหลือ โอ้พระผู้อภิบาล แท้จริง เราได้ยินผู้เรียกร้องเชิญชวนไปสู่การศรัทธาว่า จงศรัทธาต่อ พระผู้อภิบาลของพวกท่าน แล้วพวกเราได้ศรัทธา โอ้พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดอภัยโทษความผิดของเราและได้โปรดลบล้างความชั่วทั้งหลาย ของเรา และโปรดให้เราตายร่วมกับผู้ทรงคุณธรรม พระผู้อภิบาลของ เรา โปรดประทานแก่เราในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาแก่เราผ่านบรรดา

อาลิ อิมรอน

ศาสนทูตของพระองค์ และโปรดอย่าทำาให้เราอัปยศในวันแห่งการฟื้น คืนชีพ แท้จริง พระองค์ไม่ทรงผิดสัญญา พระผู้อภิบาลของพวกเขาได้ทรงตอบพวกเขาว่า ันจะไม่ปล่อย ให้การงานของผู้ทำางานในหมู่สูเจ้าเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศ หญิง เพราะสูเจ้ามาจากกันและกัน ดังนั้น ันจะให้อภัยบาปของบรรดาผู้ อพยพหรือถูกขับไล่ออกจากบ้านของพวกเขา ผู้ได้รับความทุกข์จากการ ถูกกดขี่ข่มเหงในแนวทางของ ัน ผู้ต่อสู้และผู้ถูก ่า แน่นอน ันจะรับ พวกเขาเข้าไปในสวนสวรรค์ซึ่งเบื้องล่างนั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน นี่คือการตอบแทนจากพระเจ้า และพระเจ้าเท่านั้นที่มีการตอบแทนที่ดี เลิศ จงอย่าให้การงานของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมในแผ่นดินล่อลวง เพราะนั่นเป็นผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย แล้วพวกเขาจะเข้าไป เจ้า สู่นรกอันเป็นสถานที่พำานักอันชั่วช้า แต่สำาหรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระ ผู้อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์ที่เบื้องล่างมีลำาน้ำา หลายสายไหลผ่าน ซึ่งพวกเขาจะได้เข้าไปอยู่ในนั้น นี่คือการต้อนรับจาก พระผู้อภิบาลของพวกเขา การตอบแทนของพระเจ้านั้นดียิ่งสำาหรับผู้ทรง คุณธรรม ในหมู่ชาวคัมภีร์นั้นมีบางคนศรัทธาในพระเจ้าและคัมภีร์ ที่ได้ถูกประทานแก่สูเจ้าและที่ได้ถูกประทานแก่พวกเขา พวกเขาเป็น ผู้ถ่อมตนต่อพระเจ้าและไม่แลกเปลี่ยนวจนะของพระเจ้าด้วยราคาเล็ก น้อย พวกเขาเหล่านี้จะได้รับรางวัลจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เพราะ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง ับพลันในการชำาระ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอดทนและและจงยืนหยัดในความศรัทธาของสูเจ้า และจงเกรงกลัว พระเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ประสบความสำาเร็จ

ผู้หญิง

4. ผู้หญิง

อัล-นิซาอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้มนุษย์เอย จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ผู้ทรงสร้างสูเจ้ามา จากชีวิตหนึ่ง และจากชีวิตนั้น พระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครองของมัน และ จากคู่นั้น พระองค์ได้ทรงแพร่ขยายทั้งผู้ชายและผู้หญิงออกไป(บนหน้า แผ่นดิน)อย่างมากมายนับไม่ถ้วน และจงเกรงกลัวพระเจ้าที่สูเจ้าต่าง เรียกร้องสิทธิซึ่งกันและกัน และจงคำานึงถึงหน้าที่ของสูเจ้าในเรื่องการ รักษาความสัมพันธ์ทางเครือญาติ แท้จริง พระเจ้าทรงเ ้าดูสูเจ้าอยู่ เสมอ จงให้เด็กกำาพร้าซึ่งสมบัติของพวกเขา และจงอย่าแลกเปลี่ยน สิ่งเลวของสูเจ้าแทนสิ่งดีของพวกเขา และจงอย่ากินสมบัติของพวกเขา โดยการปะปนมันกับสมบัติของสูเจ้า เพราะแท้จริง มันเป็นบาปอันมหันต์ ถ้าหากสูเจ้าเกรงว่าไม่สามารถที่จะให้ความเป็นธรรมแก่เด็กหญิง กำาพร้า ดังนั้น จงแต่งงานกับผู้หญิงสองหรือสามหรือสี่ที่สูเจ้าสบใจ แต่ถ้า หากสูเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรม ได้ จงแต่งงานกับผู้หญิง เพียงคนเดียวหรือแต่งงานกับหญิงที่อยู่ในความครอบครองของสูเจ้า นั่น เป็นการดีกว่าที่สูเจ้าจะได้ไม่ลำาเอียง 4 และจงให้ของหมั้นของนางแก่นาง โดยเต็มใจ แต่ถ้านางคืนส่วนหนึ่งของมันแก่สูเจ้าโดยนางยินดีเอง สูเจ้า จะใช้มันด้วยความสุขและด้วยความปรารถนาดีก็ได้ มนุษย์ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวและเหมือนกันโดยกำาเนิด ทุกคน สามารถย้อนต้นกำาเนิดของตนเองได้ว่าตัวเองมาจากพ่อแม่คนเดียวกัน ดังนั้น จึงจำาเป็นที่มนุษย์ทั้งหมดต้องมีความรู้สึกถึงความเป็นพี่น้องกัน และอยู่ด้วยความยุติธรรมและปรารถนาดีต่อกันเหมือนกับเป็นสมาชิกใน ครอบครัวเดียวกัน

อัล นิซาอ์

จงอย่าให้ทรัพย์สินที่พระเจ้าได้ทำาให้เป็นปัจจัยยังชีพของสูเจ้า แก่คนปัญญาอ่อน แต่สูเจ้าจงให้เครื่องยังชีพและเครื่องนุ่งห่มแก่พวก เขา และจงพูดแก่พวกเขาด้วยคำาพูดที่ดี จงเ ้าสังเกตและทดสอบเด็ก กำาพร้าจนกว่าพวกเขาบรรลุถึงวัยสมรส และถ้าสูเจ้าคิดว่าพวกเขาเป็น ผู้ใหญ่แล้ว จงมอบสมบัติของพวกเขาคืนให้แก่พวกเขา จงอย่ากินทรัพย์ สมบัติของพวกเขาอย่างสิ้นเปลืองและรีบเร่งเพราะกลัวว่าพวกเขาจะ เติบโตขึ้น ถ้าหากผู้ดูแลเด็กกำาพร้าคนใดเป็นผู้มั่งคั่ง ก็ให้เขาละเว้นจาก ทรัพย์สินของเด็กกำาพร้า แต่ถ้าผู้ใดยากจน ก็ให้เขากินมันแต่พอควร และเมื่อสูเจ้ามอบทรัพย์สินของพวกเขาคืนให้แก่พวกเขา จงให้มีบาง คนเป็นพยาน และพระเจ้านั้นเพียงพอแล้วใน านะเป็นผู้ชำาระ 7 สำาหรับ ผู้ชายก็มีส่วนจากที่พ่อแม่และญาติสนิทได้ทิ้งไว้ และสำาหรับผู้หญิงก็มี ส่วนจากที่พ่อแม่และญาติสนิทได้ทิ้งไว้ไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ตามเพราะ ส่วนแบ่งนี้ได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว และถ้าหากญาติและเด็กกำาพร้าและคน ยากจนอยู่ในตอนที่มีการแบ่งมรดก จงให้บางสิ่งจากมรดกนั้นแก่พวก เขาบ้าง และจงพูดแก่พวกเขาด้วยถ้อยคำาที่ดี คนที่เป็นห่วงลูกหลานที่ อ่อนแอของตัวเองว่าจะอยู่อย่างไรถ้าหากตัวเองตายไปและทิ้งลูกหลาน ไว้ข้างหลังควรแสดงความเป็นห่วงเช่นเดียวกันนี้บ้างต่อเด็กกำาพร้า ดัง นั้น จงให้พวกเขาเกรงกลัวพระเจ้าและรักษาความยุติธรรม บรรดาผู้ กินสมบัติของเด็กกำาพร้าโดยไม่ชอบธรรมนั้น แท้จริงแล้ว พวกเขาเพียง แต่กลืนไฟนรกเข้าไปในท้องของพวกเขา ในไม่ช้า พวกเขาจะถูกโยน เข้าไปในเปลวเพลิง พระเจ้าทรงสั่งสูเจ้าเกี่ยวกับลูกๆของสูเจ้าในเรื่องมรดกว่า สำาหรับ ส่วนแบ่งของชายนั้นจะเท่ากับผู้หญิงสองคน แต่ถ้าหากมีทายาทหญิง เกินสองคน ส่วนแบ่งของนางทั้งหมดคือสองในสามของผู้ตายได้ทิ้งไว้ แต่ถ้ามีลูกหญิงเพียงคนเดียว ส่วนแบ่งของนางคือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ถ้าหากผู้ตายมีบุตร พ่อและแม่ของเขาแต่ละคนมีสิทธิ์จะได้หนึ่งในหก 5

ผู้หญิง

ของทั้งหมด แต่ถ้าหากเขาไม่มีบุตรและพ่อแม่ของเขาเท่านั้นที่เป็น ทายาทของเขา ดังนั้น แม่ของเขาจะได้หนึ่งในสามของทั้งหมด แต่ถ้า หากเขามีพี่ชายน้องชาย(หรือพี่สาวน้องสาว) แม่ของเขาก็จะได้หนึ่งใน หกของทั้งหมด การแบ่งส่วนมรดกนี้จะมีขึ้นหลังจากที่พินัยกรรมได้รับ การป ิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากได้มีการชำาระหนี้สินแล้ว เกี่ยวกับ พ่อของสูเจ้าและลูกๆของสูเจ้านั้น สูเจ้าไม่รู้หรอกว่าใครที่เป็นประโยชน์ ต่อสูเจ้ามากกว่ากัน แต่การกำาหนดส่วนแบ่งนี้เป็นไปโดยพระเจ้าและ พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้และผู้ทรงปรีชาญาณ สำาหรับสูเจ้าคือครึ่งหนึ่ง ของสิ่งที่ภรรยาของสูเจ้าได้ทิ้งไว้ถ้าหากนางไม่มีบุตร แต่ถ้าหากนางมี บุตร สูเจ้าก็ได้รับหนึ่งในสี่ของสิ่งที่นางได้ทิ้งไว้หลังจากที่พินัยกรรมได้ รับการป ิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากที่ได้มีการชำาระหนี้สินแล้ว และ สำาหรับนางคือหนึ่งในสี่ของมรดกที่สูเจ้าได้ทิ้งไว้ถ้าสูเจ้าไม่มีบุตร แต่ ถ้าสูเจ้ามีบุตร นางมีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งหนึ่งในแปดของสิ่งที่สูเจ้าได้ทิ้ง ไว้ หลังจากที่พินัยกรรมได้รับการป ิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากที่ได้ มีการชำาระหนี้สินแล้ว และถ้าผู้ตายไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงไม่มีบุตร แต่มีพี่ชายหรือน้องชายหนึ่งคนหรือมีพี่น้องหรือน้องสาวหนึ่งคน ดังนั้น แต่ละคนจากทั้งสองจะได้หนึ่งในหกของทั้งหมด แต่ถ้าพี่น้องชายหญิง มีมากกว่านั้น ส่วนแบ่งของพวกเขาทั้งหมดก็คือหนึ่งในสามของทั้งหมด หลังจากที่พินัยกรรมได้รับการป ิบัติโดยครบถ้วนและหลังจากที่ได้มี การชำาระหนี้สินแล้วเพื่อที่จะได้ไม่เป็นผลเสียแก่ใคร นี่เป็นคำาสั่งจาก พระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงขันติ เหล่านี้คือข้อกำาหนด ของพระเจ้า ผู้ใดเชื่อฟังป ิบัติตามพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เขาเข้าสวรรค์ที่เบื้องล่างมันมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน ซึ่งเขาจะพำานักอยู่ในนั้น และนั่นคือความสำาเร็จที่สูงสุด แต่ผู้ใด ่า ืน พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และละเมิดข้อกำาหนดของพระองค์

อัล นิซาอ์

พระองค์จะทรงให้เขาเข้าไปในไฟซึ่งเขาจะอยู่ในนั้น และสำาหรับเขาคือ การลงโทษอันอัปยศ ถ้าผู้หญิงคนใดในหมู่ผู้หญิงของสูเจ้าทำาผิดประเวณี จงให้มีพยาน สี่คนจากในหมู่สูเจ้ามายืนยันต่อนาง และถ้าพวกเขายืนยันว่านางทำา ผิด ดังนั้น จงกักตัวนางไว้ในบ้านจนกระทั่งความตายได้มาถึงนาง หรือ พระเจ้าทรงเปิดหนทางให้แก่นาง หากผู้ชายสองคนในหมู่สูเจ้ากระทำา ผิดเช่นเดียวกัน จงลงโทษเขาทั้งสอง แล้วถ้าหากเขาสำานึกผิดและ ปรับปรุงตัวเอง จงปล่อยเขาทั้งสองไว้เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษ กรรมโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ แท้จริง การสำานึกผิดที่พระเจ้าทรง รับนั้นมีแต่เ พาะคนที่ทำาความผิดด้วยความโง่เขลา แล้วหลังจากนั้นเขา สำานึกผิดโดยทันที พระเจ้าจะทรงหันไปยังคนเหล่านั้นโดยปรานีเพราะ การให้อภัยนั้นมิใช่ พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ สำาหรับบรรดาผู้กระทำาความชั่วต่างๆเป็นนิจจนกระทั่งความตายได้มายัง คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขาแล้วเขาก็กล่าวว่า ตอนนี้ ันสำานึกผิดแล้ว และไม่ใช่สำาหรับผู้ที่ตายในสภาพของผู้ป ิเสธสัจธรรม คนเหล่านี้ เราได้ เตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้สำาหรับเขาแล้ว บรรดาผู้ศรัทธาเอย ไม่เป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้าที่จะเอาหญิงหม้าย มาเป็นมรดกโดย ืนใจนาง และจงอย่าบีบคั้นนางเพื่อที่จะเอาของหมั้น บางส่วนที่สูเจ้าได้ให้นางไป เว้นแต่นางจะทำาการอันชั่วช้าอย่างชัดเจน และจงอยู่ร่วมกับนางโดยดีถึงแม้ว่าสูเจ้าจะชังนางก็ตาม มันเป็นไปได้ที่ สูเจ้าอาจไม่ชอบบางสิ่งที่พระเจ้าอาจทำาให้มันเป็นที่มาของสิ่งที่ดีๆอย่าง มากมาย ถ้าสูเจ้าต้องการจะแต่งงานกับภรรยาอีกคนหนึ่งแทนภรรยา ที่มีอยู่ จงอย่าเอาสิ่งใดจากสิ่งที่สูเจ้าให้แก่นางไปกลับคืนมา ถึงแม้ว่ามัน จะเป็นสมบัติกองพะเนินก็ตาม สูเจ้าจะเอามันกลับมาด้วยการใส่ร้ายและ บาปอันชัดแจ้งกระนั้นหรือ สูเจ้าจะเอามันคืนได้อย่างไรในเมื่อสูเจ้า ทั้งสองเคยอยู่ร่วมกันมาอย่างมีความสุขและนางได้รับคำาสัญญาอันมั่นคง

ผู้หญิง

จากสูเจ้าว่าจะอยู่ร่วมกับนางแล้ว จงอย่าแต่งงานกับบรรดาหญิงที่ พ่อของสูเจ้าได้แต่งงานมาก่อน ยกเว้นสำาหรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต แท้จริง นี่เป็นสิ่งน่าละอายและน่าเกลียดและเป็นการกระทำาที่ชั่ว ผู้ที่สูเจ้าถูกห้ามแต่งงานด้วยคือแม่ของสูเจ้า ลูกสาวของสูเจ้า พี่ สาวน้องสาวของสูเจ้า พี่สาวน้องสาวของพ่อของสูเจ้า และพี่สาวน้องสาว ของแม่ของสูเจ้า ลูกสาวของพี่ชายน้องชายของสูเจ้าและลูกสาวของพี่ สาวน้องสาวของสูเจ้า แม่นมที่ให้นมแก่สูเจ้าและพี่สาวน้องสาวที่ร่วมนม กับเจ้า แม่ของภรรยาของสูเจ้าและลูกสาวของภรรยาของสูเจ้าที่สูเจ้าให้ ความอุปการะ ลูกสาวของภรรยาที่สูเจ้าได้สมสู่นางแล้ว แต่กับภรรยาที่ สูเจ้ายังไม่ได้สมสู่นาง มันก็ไม่เป็นบาปอันใดที่สูเจ้าจะแต่งงานกับลูกสาว ของนาง และที่ต้องห้ามสำาหรับสูเจ้าอีกก็คือภรรยาของลูกชายของสูเจ้า ที่มาจากท้องของสูเจ้า และเป็นที่ต้องห้ามแก่สูเจ้าที่จะเอาหญิงที่เป็นพี่ สาวน้องสาวเป็นภรรยาในเวลาเดียวกัน ยกเว้นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วใน อดีต แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ เป็นที่ต้องห้าม อีกเช่นกันคือหญิงที่แต่งงานแล้ว เว้นแต่ที่ตกอยู่ในมือของสูเจ้าใน านะ เชลยสงคราม นี่เป็นคำาบัญชาของพระเจ้าที่ได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับสูเจ้า นอกเหนือจากนั้นแล้วเป็นที่อนุมัติสำาหรับสูเจ้าที่จะแสวงหาการแต่งงาน กับหญิงอื่นด้วยทรัพย์สินของสูเจ้าโดยที่สูเจ้าแต่งงานกับนาง และมิใช่ การลักลอบผิดประเวณี เมื่อสูเจ้าอยู่กินกับพวกนางแล้ว จงให้ของขวัญ แต่งงานแก่นาง และไม่มีบาปอันใดแก่สูเจ้าในการที่จะประนีประนอมโดย เห็นชอบซึ่งกันและกันในเรื่องของขวัญแต่งงาน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง รอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ ถ้าผู้ใดในหมู่สูเจ้าไม่สามารถแต่งงาน กับหญิงผู้ศรัทธาที่เป็นไท จงแต่งงานกับบ่าวหญิงผู้ศรัทธาที่อยู่ในความ ครอบครองของสูเจ้า พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งในความศรัทธาของสูเจ้า บางคน ของสูเจ้ามาจากอีกบางคน ดังนั้น จงแต่งงานกับนางโดยการอนุมัติของ ผู้ดูแลนาง และจงให้ของขวัญแต่งงานแก่นางตามสมควรเพื่อที่นางจะได้

อัล นิซาอ์

ใช้ชีวิตสมรสอย่างมีเกียรติ มิใช่เป็นผู้ค้าประเวณีและมิใช่เป็นเมียลับ และ ถ้าหากนางมีชู้หลังจากที่นางได้แต่งงานแล้ว การลงโทษสำาหรับนางก็คือ ครึ่งหนึ่งของโทษที่ถูกกำาหนดไว้สำาหรับหญิงที่เป็นไท นี่มีไว้ให้สำาหรับ ผู้เกรงว่าตัวเองจะมีบาป แต่มันเป็นการดีกว่าสำาหรับสูเจ้าที่จะอดกลั้น ตนเอง และพระเจ้าทรงเป็นผู้ให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้ความกระจ่างแก่สูเจ้าและแนะนำาสูเจ้า ซึ่งแนวทางของบรรดาผู้ทรงความดีก่อนหน้าสูเจ้า และพระองค์ทรงหัน มายังสูเจ้าโดยปรานี พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ พระเจ้า ทรงปรารถนาที่จะหันมายังสูเจ้าโดยปรานี แต่บรรดาผู้ป ิบัติตามความ ใคร่ต้องการที่จะให้สูเจ้าหันห่างออกจากแนวทางที่ถูกต้อง พระเจ้าทรง ปรารถนาที่จะผ่อนปรนให้สูเจ้า เพราะมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาอย่างอ่อนแอ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่ากินทรัพย์สินในระหว่างสูเจ้ากันเองโดย วิธีการที่ไม่ถูกต้อง เว้นแต่โดยการทำาการค้าด้วยการยินยอมร่วมกันของ สูเจ้า จงอย่า ่ากันและกัน เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดต่อสูเจ้า ถ้าผู้ใดกระทำาการละเมิดและอยุติธรรมเช่นนั้น เราจะโยนเขาเข้าไปในไฟ นรก และนั่นเป็นการง่ายมากสำาหรับพระเจ้า ถ้าหากสูเจ้าหลีกห่างจาก ความชั่วร้ายต่างๆที่ถูกห้ามแก่สูเจ้า เราจะลบล้างความผิดเล็กๆน้อยๆ ของสูเจ้า และเราจะรับสูเจ้าเข้าไปในสถานอันมีเกียรติ จงอย่าอิจ า ในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงโปรดปรานแก่ใครบางคนมากกว่าสูเจ้าอีกบางคน สำาหรับชายจะได้ส่วนที่พวกเขาควรได้ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ และสำาหรับหญิงจะได้ส่วนที่พวกนางควรจะได้ตามที่พวกนางขวนขวาย ไว้ และจงวอนขอความโปรดปรานจากพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง รอบรู้ทุกสิ่งเสมอ สำาหรับทุกคน เราได้ตั้งทายาทของมรดกที่พ่อแม่ และญาติสนิทได้ทิ้งไว้ สำาหรับบรรดาผู้ที่สูเจ้าได้ทำาสัญญาไว้นั้น จงให้ ส่วนแบ่งของพวกเขาแก่พวกเขาด้วย แท้จริง พระเจ้าทรงเ ้ามองทุกสิ่ง ทุกอย่าง

ผู้หญิง

ผู้ชายเป็นผู้คุ้มครองดูแลกิจการของผู้หญิงโดยการที่พระเจ้าได้ ทรงโปรดปรานทำาให้บางคนในพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคนและโดยการ ที่พวกเขาใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเลี้ยงดูนาง ดังนั้น หญิงที่ดีทั้ง หลายคือหญิงที่เชื่อฟังและปกป้องสิ่งที่พระเจ้าให้พวกนางปกป้องในยาม ที่สามีไม่อยู่ สำาหรับหญิงที่สูเจ้าเกรงการดื้อดึงของนาง จงตักเตือนนาง ก่อนและ(หากยังดื้ออีก) จงปล่อยนางไว้ให้ห่างจากที่นอนของสูเจ้า และ สุดท้ายจงตีนาง(เบาๆ) หากนางเชื่อฟังสูเจ้าแล้ว จงอย่าหาเหตุอื่นมา ลงโทษนาง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงเกรียงไกรเสมอ ถ้า สูเจ้าเกรงว่าจะแตกแยกกันระหว่างชายคนหนึ่งกับภรรยาของเขา ดังนั้น จงตั้งตุลาการคนหนึ่งจากญาติของสามีและคนหนึ่งจากญาติของภรรยา ถ้าหากทั้งสอง ่ายปรารถนาที่จะปรองดอง พระเจ้าจะทรงสร้างหนทาง ประสานระหว่างสอง ่ายให้ แท้จริง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งและเป็น ผู้ทรงตระหนักเสมอ จงเคารพสักการะพระเจ้า และจงอย่านำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระองค์ จงป ิบัติดีต่อพ่อแม่ของสูเจ้า ต่อญาติสนิท เด็กกำาพร้า ผู้ขัดสน เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและห่างไกล เพื่อนข้างเคียง ผู้เดินทางและทาสที่อยู่ ในความครอบครองของสูเจ้า แท้จริง พระเจ้ามิทรงรักผู้โอหัง ผู้คุยโว ผู้ ตระหนี่และเสี้ยมสอนคนอื่นให้ตระหนี่และซ่อนเร้นความโปรดปรานของ พระเจ้าที่พระองค์ประทานแก่พวกเขานั้น เราได้เตรียมการลงโทษอัน อัปยศไว้แล้วสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมแล้ว และ(พระเจ้าไม่ชอบ) บรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อโอ้อวดมนุษย์และพวกเขาไม่ ศรัทธาในพระเจ้าและไม่ศรัทธาในวันสุดท้าย ผู้ใดมีซาตานเป็นสหาย เขา ผู้นั้นก็มีสหายที่เลวทราม จะเกิดผลร้ายอะไรแก่พวกเขาเล่าถ้าพวก เขาศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและใช้จ่ายจากที่พระเจ้าประทานแก่ นี่หมายถึงการกระทำาเป็นสัญลักษณ์ เพราะท่านนบีห้ามตีภรรยา โดยกล่าวว่า จงอย่าตีสิ่งที่พระเจ้าสร้างมา

อัล นิซาอ์

พวกเขา หากเขาทำาเช่นนั้น แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาทำา เสมอ แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงอธรรมต่อผู้ใดแม้แต่เพียงนิดเดียว และ ถ้าหากใครทำาดี พระองค์จะทรงเพิ่มพูนมันเป็นทวีคูณ และจะประทาน รางวัลอันใหญ่หลวงจากพระองค์ แล้วพวกเขาจะทำาอย่างไรเล่าเมื่อเราจะนำาพยานคนหนึ่งมาจาก ทุกประชาชาติและได้ให้เจ้า(มุ ัมมัด)เป็นพยานต่อคนเหล่านี้ วัน นั้น บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและไม่เชื่อฟังศาสนทูตผู้นี้จะขอให้แผ่นดิน แยกกลบพวกเขาไป แต่พวกเขาไม่อาจจะปิดบังสิ่งใดจากพระเจ้าได้ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่านมาซในขณะที่สูเจ้ามึนเมาอยู่ จนกว่าสูเจ้า จะรู้ในสิ่งที่สูเจ้ากล่าว และจงอย่านมาซในขณะที่สูเจ้าไม่สะอาดจนกว่า สูเจ้าจะอาบน้ำา ยกเว้นเมื่อสูเจ้าเดินผ่าน และถ้าหากสูเจ้าป่วยหรืออยู่ใน ระหว่างเดินทาง หรือผู้ใดในหมู่สูเจ้ามาจากส้วมหรือสูเจ้าแตะต้องผู้หญิง และสูเจ้าหาน้ำาไม่พบ ดังนั้น จงหา ุ่นหรือทรายที่สะอาดลูบหน้าของ สูเจ้าและมือของสูเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษ ผู้ทรงอภัยเสมอ 44 เจ้าไม่รู้จักบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ พวก เขาซื้ อ ความหลงผิ ด และพวกเขาปรารถนาที่ จ ะให้ สู เ จ้ า หลงทางด้ ว ย 45 พระเจ้าทรงรู้จักศัตรูของสูเจ้าดียิ่ง และพระเจ้านั้นเพียงพอแล้วที่ จะเป็นผู้ทรงคุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือ ชาวยิวบางคนได้นำาบาง ถ้อยคำาจากคัมภีร์มาบิดเบือนโดยกล่าวว่า เราได้ยินแล้ว แต่เราไม่เชื่อ ฟัง หรือ ได้ยินโดยไม่ได้ฟัง และพวกเขากล่าวว่า จงดูเรา โดยบิด ลิ้นของพวกเขาเพื่อเป็นการลบหลู่ แต่ถ้าหากพวกเขากล่าวว่า เราได้ยิน และเราเชื่อฟัง และ จงฟังเราและดูเราโดยเห็นดีด้วย มันจะเป็นการดี กว่าและเหมาะสมกว่าสำาหรับพวกเขา แต่พระเจ้าได้ทรงสาปแช่งพวก เขาแล้วเพราะการที่พวกเขาดื้อรั้นเพื่อที่พวกเขาจะไม่ศรัทธา ยกเว้นแต่ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น 47 โอ้ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย จงศรัทธาในสิ่งที่เราได้ประทานลงมาเป็นสิ่ง

ผู้หญิง

ยืน(คำาพูดล่วงหน้า)ที่มีอยู่กับสูเจ้าก่อนที่เราจะทำาลาย(ความสำานึกของ สูเจ้าในเรื่อง)คำาแนะนำาเพื่อที่จะสร้างความหายนะหรือสาปแช่งสูเจ้าดัง ที่เราได้สาปแช่งพวกที่ละเมิดวันสะบาโตมาแล้ว คำาบัญชาของพระเจ้า จะเป็นไปตามนั้นอย่างสมบูรณ์เสมอ พระเจ้าไม่ทรงให้อภัยใครก็ตาม ที่นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ ในขณะที่พระองค์จะทรงให้อภัยใคร ก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์สำาหรับสิ่งใดที่นอกเหนือจากนั้น ใครก็ตาม ที่นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า แน่นอน เขาได้ก่อบาปอันมหันต์ เจ้า ไม่เห็นบรรดาผู้ถือว่าตัวของพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ดอกหรือ พระเจ้า เท่ า นั้ น ที่ ทำ า ให้ ผู้ ที่ พ ระองค์ ท รงประสงค์ บ ริ สุ ท ธิ์ แ ละพวกเขาจะไม่ ถู ก อธรรมแม้แต่เท่าความกว้างของเส้นผม จงดูเถิดว่าพวกเขากุเรื่องเท็จ เกี่ยวกับพระเจ้าอย่างไร และนี่เป็นบาปอันชัดแจ้ง เจ้าไม่ได้เห็นบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ พวก เขาเชื่อในเรื่องเวทมนต์ไสยศาสตร์และการเคารพรูปปั้น พวกเขากล่าว ถึงบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมว่า พวกเขาเหล่านั้นได้รับทางนำามากกว่าผู้ ศรัทธาเสียอีก คนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงสาปแช่งพวกเขา และผู้ใดที่พระเจ้าทรงสาปแช่ง เจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือสำาหรับพวกเขา เลย พวกเขามีส่วนในอำานาจของพระเจ้ากระนั้นหรือ ถ้าหากพวก เขามี พวกเขาจะไม่แบ่งให้ใคร แม้แต่เท่ารูเมล็ดอินทผลัม 54 หรือพวก เขาอิจ าคนอื่นเพราะพระเจ้าประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่ พวกเขา เราได้ประทานคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่ลูกหลานของอิบรอ ีม และได้ประทานอำานาจอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา 55 พวกเขาบางคนศรัทธา ในคัมภีร์และบางคนหันห่างออกจากมัน นรกที่ไฟลุกโชนเพียงพอแล้ว (สำาหรับคนพวกนี้) เราจะโยนบรรดาผู้ป ิเสธสิ่งที่เราประทานมาลง ไปในไฟนั้น เมื่อใดก็ตามที่ผิวหนังของพวกเขาไหม้เกรียม เราจะเปลี่ยน ผิวหนังใหม่ให้พวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้รับลิ้มรสการลงโทษอย่างเต็ม ที่ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 57 สำาหรับบรรดาผู้

อัล นิซาอ์

ศรัทธาและกระทำาการงานที่ดี เราจะให้พวกเขาได้เข้าสวนสวรรค์ที่เบื้อง ล่างมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านเพื่อที่พวกเขาจะได้พำานักอยู่ในนั้นตลอด ไป พวกเขาจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์และเราจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่ในสถาน ที่อันร่มรื่น พระเจ้าทรงบัญชาสูเจ้าให้มอบสิ่งที่สูเจ้าได้รับความไว้วางใจคืน แก่เจ้าของของมัน และเมื่อสูเจ้าพิพากษาระหว่างมนุษย์ จงพิพากษา โดยยุติธรรม คำาสั่งของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้านั้นเป็นสิ่งประเสริ ยิ่ง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินเสมอ ผู้ทรงเห็นเสมอ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จง เชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูต และบรรดาผู้ที่ได้รับมอบอำานาจ หน้าที่ในหมู่สูเจ้า ดังนั้น หากสูเจ้าโต้แย้งกันในสิ่งใด จงอ้างมันกลับไป ยังพระเจ้าและศาสนทูตถ้าสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายอย่าง (โอ้นบี) เจ้า แท้จริง นั่นเป็นการดีกว่าและเป็นการดีที่สุดในการยุติ ไม่เห็นบรรดาผู้อ้างว่าพวกเขาศรัทธาในคัมภีร์ที่ได้ถูกประทานลงมาแก่ เจ้าและ(แก่บรรดานบีอื่นๆ)ก่อนหน้าเจ้าหรือ ถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขา ยังหันไปหาคนชั่วมาตัดสินเรื่องต่างๆของพวกเขาอีกทั้งๆที่พวกเขาได้ รับคำาสั่งแล้วว่าอย่าเชื่อฟังคนเหล่านั้น ซาตานปรารถนาที่จะทำาให้พวก เขาหลงออกไปไกล เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า จงมายังสิ่งที่พระเจ้าทรง ประทานมาและยังศาสนทูต เจ้าจะเห็นพวกตลบตะแลงหันหลังให้เจ้า แล้วเป็นอย่างไรเล่าเมื่อภัยพิบัติได้ประสบแก่พวกเขาเพราะสิ่งที่พวก เขาได้ทำาไว้ พวกเขามาหาเจ้าพร้อมกับสาบานว่า เราสาบานด้วย พระนามของพระเจ้าว่าเราไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากการส่งเสริมความดี และการสมาน ันท์ แต่พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้น จงอย่าสนใจสิ่งที่พวกเขาพูด และจงตักเตือนพวกเขาและจงพูด กับพวกเขาด้วยคำาพูดที่ทำาให้หัวใจของพวกเขาซาบซึ้ง ศาสนทูตทุกคนที่เราส่งมาก็เพื่อจะได้รับการเชื่อฟังเพราะพระเจ้า ได้ทรงบัญชาไว้ เมื่อพวกเขามาหาเจ้าและขอการอภัยโทษจากพระเจ้า

ผู้หญิง

เมื่อพวกเขาทำาผิดต่อตัวของพวกเขาเองและศาสนทูตได้วิงวอนขอการ อภัยโทษให้พวกเขาแล้ว พวกเขาจะพบว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษโดย ปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยพระนามของพระผู้อภิบาล ของเจ้า พวกเขาจะไม่เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงจนกว่าพวกเขาจะยอมรับ เจ้าเป็นผู้ตัดสินในเรื่องที่พวกเขามีความขัดแย้งกันและพวกเขาไม่มีการ ข้องใจในเรื่องที่เจ้าตัดสินและยอมรับการตัดสินนั้นอย่างนอบน้อม ถ้า เราสั่งพวกเขาว่า จงสละชีวิตของสูเจ้าหรือออกจากที่พักของสูเจ้า พวก เขาจะไม่ป ิบัติตามนอกจากเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ถ้าพวกเขาทำาสิ่งที่พวก เขาถูกสั่งให้ทำา มันจะเป็นการดีสำาหรับพวกเขาและทำาให้(ความศรัทธา ของ)พวกเขาเข้มแข็งขึ้น และเราจะตอบแทนพวกเขาด้วยรางวัลอัน ยิ่งใหญ่จากเรา และนำาทางพวกเขาไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง ผู้ใดเชื่อ ฟังพระเจ้าและศาสนทูต เขาจะได้อยู่กับบรรดาผู้ที่พระเจ้าประทานความ โปรดปรานแก่พวกเขา นั่นคือบรรดานบี บรรดาผู้มีวาจาสัจจริง(ซิดดีกีน) บรรดาผู้พลีชีพในสงคราม(ชุ ะดาอ์) และบรรดากัลยาณาชน(ซอลิ ีน) ช่างดีเสียนี่กระไรมวลมิตรเหล่านี้ นั่นคือความโปรดปรานจากพระเจ้า และเพียงพอแล้วที่พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเตรียมตัวสูเจ้าให้พร้อมเสมอ หลังจาก นั้น จงเคลื่อนออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆหรือเคลื่อนออกไปพร้อมกันทั้งหมด ในหมู่สูเจ้านั้นมีผู้ที่ไม่ยอมออกไปกับกองทัพด้วย ถ้าหากมีทุกข์ภัย อันใดประสบแก่สูเจ้า พวกเขาก็จะกล่าวว่า พระเจ้าทรงโปรดปราน ันที่ ันไม่ได้ร่วมไปกับพวกเขา แต่ถ้าสูเจ้าได้รับความโปรดปรานอันใด จากพระเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า ถ้า ันได้อยู่ร่วมกับพวกเขา ันคงจะ ได้รับความสำาเร็จอันใหญ่หลวงด้วย ราวกับว่าไม่มีความรักความผูก พันใดๆเกิดขึ้นระหว่างสูเจ้ากับพวกเขามาก่อนเลย 74 จงให้บรรดาผู้ที่ แลกชีวิตโลกนี้เพื่อชีวิตโลกหน้าต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า และผู้ใดต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้า ไม่ว่าเขาถูก ่าหรือได้รับชัยชนะ ในไม่ช้า เรา

อัล นิซาอ์

จะประทานรางวัลอันใหญ่หลวงแก่เขา 75 แล้วทำาไมสูเจ้าจึงไม่ต่อสู้ใน หนทางของพระเจ้าเพื่อผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอและถูกกดขี่ที่ร้อง ว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงนำาเราออกจากเมืองที่ผู้คนของมัน เป็นผู้กดขี่ข่มเหง และโปรดตั้งผู้คุ้มครองจากพระองค์ให้แก่เราและโปรด ตั้งผู้ช่วยเหลือจากพระองค์แก่เราด้วยเถิด บรรดาผู้ศรัทธานั้นต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้า ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธศรัทธานั้นต่อสู้ในหนทางของ ซาตาน ดังนั้น จงต่อสู้พวกพ้องของซาตาน แท้จริง แผนการของมารนั้น อ่อนแอ 77 เจ้าไม่เห็นพวกที่ถูกบอกว่า จงยั้งมือของสูเจ้าจากการสู้รบไว้ชั่ว ขณะและจงดำารงนมาซและจ่ายซะกาต ดอกหรือ และเมื่อพวกเขา ถูกบัญชาให้ต่อสู้ พวกเขาบางคนก็เกรงกลัวมนุษย์เหมือนกับเกรงกลัว พระเจ้าหรือกลัวยิ่งไปกว่านั้นเสียอีก พวกเขากล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ เรา ไ นพระองค์จึงได้ทรงกำาหนดการสู้รบให้แก่เรา พระองค์น่าจะทรง เลื่อนมันออกไปอีกนิดหนึ่ง จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า ความสุขสบาย ต่างๆในโลกนี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความสุขของโลกหน้านั้น ดีกว่ามากมายสำาหรับผู้สำารวมตนจากความชั่ว และสูเจ้าจะมิได้รับความ ความตายจะเข้ามาหาสูเจ้าไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ใน อยุติธรรมแม้แต่น้อย ป้อมปราการสูงอันมั่นคงก็ตาม ถ้าความดีอันใดประสบแก่พวกเขา พวก เขาจะกล่าวว่า นี่มาจากพระเจ้า และถ้าความชั่วอันใดประสบแก่พวก เขา พวกเขาจะกล่าวว่า นี่มาจากเจ้า จงกล่าวเถิดว่า ทุกอย่างมาจาก พระเจ้า มันเกิดอะไรกับคนเหล่านี้ที่พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย ความ ดีอะไรที่ประสบแก่เจ้านั้น มันมาจากพระเจ้า และความชั่วอะไรที่ประสบ แก่เจ้านั้น มันมาจากตัวของสูเจ้าเอง เราได้ส่งเจ้า(มุ ัมมัด)มาเป็นศาสน ทูตแก่มนุษยชาติ และเพียงพอแล้วที่พระเจ้าทรงเป็นพยาน ผู้ใดที่ป ิบัติตามศาสนทูต ผู้นั้นก็เชื่อฟังพระเจ้า ส่วนผู้ใดหันหลัง ให้เขา เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเป็นผู้เ ้าดูพวกเขา พวกเขากล่าวว่า เราเชื่อ

ผู้หญิง

ฟังท่าน แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาบางคนได้แอบชุมนุม กันในตอนกลางคืนเพื่อวางแผนต่อต้านสิ่งที่เจ้ากล่าว พระเจ้าทรงบันทึก สิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้ ดังนั้น จงหลีกห่างจากพวกเขาและจงไว้วางใจ ในพระเจ้า พระเจ้าเท่านั้นก็พอแล้วสำาหรับการมอบหมายความไว้วางใจ พวกเขาไม่พิจารณากุรอานดูดอกหรือ ถ้าหากมันมาจากผู้ใดอื่น นอกไปจากพระเจ้า แน่นอน พวกเขาจะได้พบการขัดแย้งมากมายใน นั้น เมื่อใดที่คนเหล่านี้ได้ยินข่าวเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความน่า กลัว พวกเขาจะแพร่มันออกไปทั่ว ถ้าหากพวกเขานำามันไปยังศาสนทูต และคนที่มีอำานาจหน้าที่ในหมู่พวกเขา มันจะทำาให้คนที่รู้เรื่องสามารถ สอบสวนและสรุปเรื่องราวจากมันได้ ถ้าหากมิใช่เพราะความโปรดปราน และความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้าแล้ว สูเจ้าทั้งหมดยกเว้นไม่กี่คน อาจจะต้องเดินตามรอยซาตาน ดังนั้น เจ้าจงต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบต่อ ผู้ใดยกเว้นต่อตัวของเจ้าเองเท่านั้น และจงเร่งเร้าบรรดาผู้ศรัทธาให้ต่อสู้ ด้วย ไม่ช้า พระเจ้าจะทรงหยุดยั้งกำาลังรบของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงแข็งแกร่งที่สุดในพลังรบและทรงเ ียบขาดยิ่งใน การลงโทษ ผู้ใดวอนขอในสิ่งที่ดี เขาจะได้รับส่วนหนึ่งจากมัน และถ้า ใครวอนขอในสิ่งที่ชั่ว เขาจะต้องไปตอบในสิ่งที่เขามีส่วนในนั้น แท้จริง พระเจ้าทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง เมื่อใครทักทายสูเจ้าด้วยความ เคารพ จงทักทายตอบด้วยการทักทายที่ดีกว่าหรืออย่างน้อยที่สุดก็ ทักทายกลับโดยเท่าเทียมกัน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงชำาระทุกสิ่งเสมอ พระองค์เป็นพระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพกราบไหว้อื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์จะทรงรวบรวมสูเจ้าในวันฟื้นคืนชีพซึ่งการมาของวันนั้นไม่มีข้อ คลางแคลงสงสัยใดๆทั้งสิ้น และถ้อยคำาของผู้ใดเล่าที่จะเป็นจริงยิ่งกว่า ถ้อยคำาของพระเจ้า แล้วไ นสูเจ้าจึงแตกออกเป็นสองกลุ่มในเรื่องเกี่ยวกับพวก

อัล นิซาอ์

ตลบตะแลงในขณะที่พระเจ้าได้ทรงหันพวกเขากลับไปสู่สภาพเดิม(การ ไม่ศรัทธา)ของพวกเขาแล้วเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำาไว้ สูเจ้าคิด จะนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงปล่อยเขาให้หลงผิดกระนั้นหรือ ผู้ใดที่พระเจ้า ทรงปล่อยให้หลงผิด สูเจ้าจะไม่พบหนทางใดสำาหรับเขาเลย พวกเขา ต้องการให้สูเจ้าเป็นผู้ป ิเสธสัจธรรมเหมือนดังที่พวกเขาเป็น เพื่อที่ สูเจ้าจะได้เหมือนกันกับพวกเขา ดังนั้น จงอย่าเอาพวกเขามาเป็นเพื่อน จนกว่าพวกเขาจะอพยพในหนทางของพระเจ้า และถ้าพวกเขาหันกลับ (ไปสู่การเป็นศัตรู) ดังนั้น จงจับกุมพวกเขาที่ใดก็ตามที่สูเจ้าพบและ ่าพวกเขา และจงอย่าเอาพวกเขามาเป็นเพื่อนหรือผู้ช่วยเหลือ แต่ จงยกเว้นบรรดาผู้ที่เข้าร่วมกับหมู่ชนที่เป็นพันธมิตรกับสูเจ้าโดยสนธิ สัญญา หรือผู้ที่มาหาสูเจ้าด้วยหัวอกที่หวั่นไหวไม่คิดจะต่อสู้สูเจ้าหรือ ต่อสู้ผู้คนของพวกเขา หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงทำาให้ พวกเขาจับอาวุธต่อสู้สูเจ้าแล้วแน่นอน ดังนั้น ถ้าพวกเขาถอยไปจาก สูเจ้าและยุติความเป็นศัตรูของพวกเขาและเสนอสันติภาพต่อสูเจ้า ใน กรณีเช่นนั้น พระเจ้าไม่ปล่อยให้มีหนทางใดสำาหรับสูเจ้าที่จะไปทำาร้าย สูเจ้าจะได้พบพวกตลบตะแลงอีกบางพวกที่ต้องการได้รับ พวกเขา ความปลอดภัยจากสูเจ้าและจากหมู่ชนของพวกเขา แต่คนพวกนี้จะก่อ ความวุ่นวายเสียหายอีกเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาสบโอกาส ดังนั้น ถ้าพวก เขาไม่ถอยไปจากสูเจ้าและยังไม่ยั้งมือจากการต่อสู้สูเจ้า จงจับกุมพวก เขาและ ่าพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่สูเจ้าพบพวกเขา คนเหล่านี้แหละที่ เราได้ให้อำานาจอย่างเต็มที่แก่สูเจ้าที่จะต่อสู้พวกเขา ผู้ศรัทธาต้องไม่ ่าผู้ศรัทธาอีกคนหนึ่ง เว้นแต่โดยพลั้งผิด และถ้า ผู้ใด ่าผู้ศรัทธาโดยพลั้งผิด เขาต้องปล่อยทาสผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้เป็น อิสระและจ่ายค่าทำาขวัญแก่ทายาทของผู้ที่ถูก ่า เว้นแต่พวกเขาจะยก ให้เป็นทาน แต่ถ้าผู้ถูก ่าอยู่ในหมู่ชนที่เป็นศัตรูต่อสูเจ้าและเขาเป็นผู้ ศรัทธา ดังนั้น การไถ่โทษก็คือการปลดปล่อยทาสผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้

ผู้หญิง

เป็นไท แต่ถ้าผู้ถูก ่ามิได้เป็นมุสลิมและเป็นพันธมิตรกับสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าต้องจ่ายค่าสินไหมให้แก่ญาติของเขาและปล่อยผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้ เป็นอิสระ แต่ถ้าผู้ใดไม่สามารถหาทาสได้ เขาต้องถือศีลอดติดต่อกันสอง เดือน นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสั่งไว้สำาหรับการสำานึกผิด พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ ถ้าผู้ใด ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนา การ ตอบแทนของเขาคือนรกนิรันดรกาล พระเจ้าจะทรงตำาหนิและทรงสาป แช่งเขาและทรงเตรียมการลงโทษอันน่าสะพรึงกลัวไว้สำาหรับเขา โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าออกไปต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า จง แยกแยะให้แน่ชัด(ระหว่างมิตรและศัตรู) และถ้ามีผู้ทักทายสูเจ้าด้วย การกล่าวสลาม จงอย่าพูดกับเขาว่า เจ้ามิใช่ผู้ศรัทธา เพราะว่าสูเจ้า แสวงหาสิ่งที่ดีนี้ พระเจ้าทรงมีสิ่งดีๆอีกมากมายสำาหรับสูเจ้า ก่อนหน้า นี้ สูเจ้าเองก็อยู่ในสภาพเช่นนี้เหมือนกัน แล้วพระเจ้าได้ประทานความ โปรดปรานแก่สูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงแยกแยะให้ชัดเจนเสียก่อน แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าทำา ผู้ศรัทธาที่อยู่ข้างหลัง นอกจากบรรดาผู้ ที่ต้องออกไปเพราะความจำาเป็นนั้นไม่อาจเท่ากับบรรดาผู้ต่อสู้ในหนทาง ของพระเจ้าด้วยการเสียสละทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา พระเจ้าทรง ให้ตำาแหน่งแก่บรรดาผู้ต่อสู้ด้วยการเสียสละทรัพย์สินและชีวิตของพวก เขาสูงกว่าผู้ที่อยู่ข้างหลัง พระเจ้าทรงสัญญารางวัลตอบแทนอันดีงามไว้ แล้วสำาหรับทุกคน แต่พระองค์ทรงมีรางวัลตอบแทนสำาหรับผู้ที่ต่อสู้เพื่อ พระองค์ พวกเขามีตำาแหน่งอันสูงกว่าและจะได้รับการอภัยโทษและ ความเมตตาจากพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตา เมื่อทูตสวรรค์ได้มาเอาวิญญาณของบรรดาผู้ที่กำาลังทำาผิดต่อ ตัวของพวกเขาเองนั้น ทูตสวรรค์จะถามว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้า พวกเขาตอบว่า เราเป็นผู้อ่อนแอในแผ่นดิน ทูตสวรรค์จึงกล่าวว่า แผ่นดินของพระเจ้าไม่กว้างพอสำาหรับเจ้าที่จะอพยพไปยังที่อื่นกระนั้น หรือ คนเหล่านี้แหละที่นรกคือที่พำานักของพวกเขาและเป็นปลายทาง

อัล นิซาอ์

อันชั่วช้า ยกเว้นบรรดาผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอและไม่สามารถ หาทางอพยพได้ พระเจ้าจะทรงให้อภัยคนเหล่านี้ เพราะพระเจ้าเป็น ผู้ทรงยกโทษ ผู้ทรงอภัยเสมอ ผู้อพยพในหนทางของพระเจ้าจะพบ ที่พึ่งพิงหลบภัยมากมายในแผ่นดินและปัจจัยยังชีพอันไพบูลย์ ส่วนผู้ใด ที่ออกจากบ้านของเขาเพื่อหนทางของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ แล้วความตายได้มายังเขา เขาจะได้รับรางวัลตอบแทนที่พระเจ้า พระเจ้า เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อสูเจ้า(บรรดาผู้ศรัทธา)เดินทางตามแผ่นดิน มันไม่มีบาปอัน ใดที่สูเจ้าจะย่อการนมาซ ถ้าสูเจ้ากลัวว่าบรรดาผู้ป ิเสธจะจู่โจมสูเจ้า เพราะแท้จริง พวกเขาเป็นศัตรูที่เปิดเผยต่อสูเจ้า และเมื่อเจ้า(มุ ัม มัด)อยู่กับบรรดาผู้ศรัทธาและนำาพวกเขานมาซ(ในยามสงคราม) จงให้ หมู่หนึ่งของพวกเขายืนอยู่ข้างหลังเจ้าโดยให้พวกเขาถืออาวุธไว้ และ เมื่อพวกเขาได้ก้มกราบแล้ว จงให้พวกเขาถอยไปอยู่ข้างหลังเจ้าและ ให้อีกพวกหนึ่งที่ยังไม่ได้นมาซเข้ามานมาซกับเจ้า แล้วให้พวกเขายืน ระวังและถืออาวุธของพวกเขาไว้ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมมักจะคอยเ ้า ดูโอกาสที่สูเจ้าปล่อยปละละเลยอาวุธและสัมภาระของสูเจ้าเพื่อที่พวก เขาจะได้ลอบจู่โจมสูเจ้าแบบ ับพลัน อย่างไรก็ตาม ถ้าสูเจ้ารู้สึกลำาบาก เพราะมี นหนักหรือถ้าสูเจ้าป่วย มันก็ไม่มีบาปอันใดถ้าสูเจ้าจะวางอาวุธ ของสูเจ้าไว้ แต่สูเจ้าจงตระเตรียมการป้องกันไว้ให้พร้อม แท้จริง พระเจ้า ทรงเตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมแล้ว เมื่อสูเจ้านมาซเสร็จแล้ว สูเจ้าจงรำาลึกถึงพระเจ้าไม่ว่าจะในขณะ ยืน นั่งและเอกเขนก แต่เมื่อสูเจ้าปลอดภัยแล้ว จงดำารงนมาซตามปกติ แท้จริง การนมาซเป็นหน้าที่ของผู้ศรัทธาตามเวลาที่กำาหนดไว้ จง อย่าแสดงความอ่อนแอในการติดตามคนเหล่านี้ ถ้าหากสูเจ้าได้รับความ บาดเจ็บ พวกเขาก็ได้รับความบาดเจ็บดังที่สูเจ้าได้รับเช่นกัน แต่สิ่งที่

ผู้หญิง

สูเจ้าหวังจากพระเจ้านั้น พวกเขาไม่สามารถหวังได้ พระเจ้าทรงรอบรู้ และทรงปรีชาญาณเสมอ (โอ้นบี) เราได้ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าด้วยสัจธรรม ทั้งนี้เพื่อที่เจ้า จะได้พิพากษาระหว่างมนุษย์ตามที่พระเจ้าได้ทรงสอนเจ้า ดังนั้น จง อย่าเป็นผู้แก้ต่างให้ผู้ที่ไม่ซื่อตรง จงขออภัยโทษต่อพระเจ้า เพราะ พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ และจงอย่าเถียงแทน บรรดาผู้ที่ไม่ซื่อตรงต่อตัวของพวกเขาเอง แท้จริง พระเจ้ามิทรงรักผู้ ทรยศและผู้มีบาปหนา พวกเขารู้สึกละอายต่อหน้าผู้คน แต่พวกเขา ไม่รู้สึกละอายต่อหน้าพระเจ้าทั้งๆที่พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขาในตอนที่ พวกเขาวางแผนกันในตอนลางคืนโดยการพูดสิ่งต่างๆที่พระองค์ไม่ทรง ยินดี และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำาเสมอ สูเจ้าอาจโต้แย้งแทนพวกเขาในชีวิตโลกนี้ แต่ใครเล่าจะโต้แย้ง แทนพวกเขากับพระเจ้าในวันฟื้นคืนชีพ หรือใครเล่าจะเป็นผู้พิทักษ์ พวกเขาที่นั่น ถ้าผู้ใดกระทำาชั่วหรืออธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง แล้วขออภัยโทษต่อพระเจ้า เขาจะพบพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง ผู้ทรง เมตตาเสมอ ส่วนใครที่ทำาบาป เขาก็นำาบาปมาสู่ตัวเขาเอง พระเจ้า เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงทรงปรีชาญาณเสมอ แต่ถ้าผู้ใดกระทำาความผิด หรือทำาบาป แล้วใส่ความผู้บริสุทธิ์ แน่นอน ตัวเขาเองได้แบกการใส่ร้าย และบาปนั้นไว้อย่างชัดแจ้ง (โอ้นบี) หากมิใช่ความโปรดปรานของ พระเจ้าต่อเจ้าและหากมิใช่ความเมตตาของพระองค์ พวกเขาบางคนได้ ตกลงกันแล้วที่จะทำาให้เจ้าหลงผิด แต่พวกเขาไม่สามารถทำาให้ใครหลง ผิดได้นอกจากตัวของพวกเขาเอง พวกเขาไม่สามารถที่จะทำาร้ายใดๆแก่ เจ้าได้ พระเจ้าได้ประทานคัมภีร์และวิทยาปัญญาแก่เจ้าและได้ทรงสอน เจ้าในสิ่งที่เจ้าไม่รู้ แท้จริงแล้วความโปรดปรานของพระเจ้าต่อเจ้านั้น ใหญ่หลวงนัก การปรึกษากันลับๆส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่มีสิ่งดีอันใด ยกเว้นใน

อัล นิซาอ์

เรื่องของผู้ที่กำาชับกันในเรื่องกุศลทานและความดีหรือการสมัครสมานกัน ระหว่างมนุษย์ ถ้าคนใดทำาสิ่งนั้นโดยหวังความยินดีจากพระเจ้า เราจะ ประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขา แต่ถ้าผู้ใดต่อต้านศาสนทูตหลังจาก ทางนำาได้เป็นที่กระจ่างแก่เขาแล้วและป ิบัติตามแนวทางอื่นนอกไป จากแนวทางของผู้ศรัทธา เราจะหันเขาไปยังทางที่เขาเองได้หันไปและ เราจะให้เขาเข้าไปในนรกอันเป็นปลายทางที่ชั่วช้า แท้จริง พระเจ้าจะไม่ทรงให้อภัยการนำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระองค์ ส่วนบาปอื่นๆนอกจากนั้น พระองค์จะทรงให้อภัยแก่ผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดตั้งภาคีต่อพระเจ้า เขาผู้นั้นได้หลงทางออก ไปไกลลิบ พวกเขา(ผู้บูชารูปเคารพ)ได้วิงวอนต่อเทพสตรี และพวก ซาตานที่พระเจ้าทรง เขามิได้วิงวอนสิ่งใดนอกจากซาตานที่ดื้อรั้น สาปแช่ง ซาตานที่กล่าว(กับพระเจ้า)ว่า ันจะเอาบ่าวส่วนหนึ่งของ พระองค์ไป และ ันจะทำาให้พวกเขาหลงทาง ันจะยุยงให้พวกเขา ฟุ้งเฟ้อ ันจะสั่งพวกเขาให้ปาดหูสัตว์ และ ันจะสั่งพวกเขาจนพวก เขาเปลี่ยนแปลงการสร้างของพระเจ้า ดังนั้น ผู้ใดยึดเอาซาตานเป็น ผู้คุ้มครองแทนพระเจ้า เขาก็เป็นผู้ขาดทุนอย่างชัดแจ้ง มันสัญญา พวกเขาและหลอกลวงพวกเขาด้วยความหวังลมๆแล้งๆ แต่สัญญาของ ซาตานนั้นมิได้เป็นสิ่งใดนอกไปจากการหลอกลวง ที่พำานักของพวก เขาเหล่านี้คือนรก และพวกเขาจะไม่พบที่หลบภัย ส่วนบรรดาผู้ ศรัทธาและกระทำาความดี เราจะให้พวกเขาเข้าในสวนสวรรค์ที่เบื้องล่าง มีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านซึ่งในนั้นพวกเขาจะพำานักอยู่ตลอดกาล นี่คือ สัญญาของพระเจ้า และผู้ใดเล่าจะสัจจริงยิ่งไปกว่าพระเจ้า มันไม่ใช่ความปรารถนาของสูเจ้าและไม่ใช่ความปรารถนาของ ชาวคัมภีร์ที่สำาคัญกว่า ใครก็ตามที่ทำาความชั่วจะได้รับการตอบแทนไป ตามนั้น เขาจะไม่พบผู้คุ้มครองหรือผู้ช่วยเหลือสำาหรับตัวเขานอกไป จากพระเจ้า ผู้ใดทำาการงานที่ดีไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เขาจะ

ผู้หญิง

ได้เข้าสวรรค์หากเขาเป็นผู้ศรัทธา และเขาจะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม แม้แต่น้อยนิด ผู้ใดเล่าที่จะมีความศรัทธาดีไปกว่าผู้ที่ยอมจำานน อย่างสิ้นเชิงต่อพระเจ้าและกระทำาการงานที่ดีและป ิบัติตามแนวทาง ของอิบรอ ีมผู้ยึดมั่นในความศรัทธาซึ่งพระเจ้าได้เลือกเขาเป็นมิตร ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระเจ้าทรง มีความรู้รอบทุกสิ่ง พวกเขาขอให้เจ้า(มุ ัมมัด)ชี้ขาดในเรื่องของผู้หญิง จงกล่าวเถิด พระเจ้าได้ทรงให้คำาแนะนำาแก่พวกท่านไปแล้วในเรื่องของพวกนาง คำา บัญชาที่ให้แก่พวกท่านในคัมภีร์เกี่ยวกับเด็กหญิงกำาพร้าที่พวกท่านยัง ไม่ให้สิ่งที่ถูกกำาหนดไว้สำาหรับพวกเธอ แต่พวกท่านยังอยากจะแต่งงาน กับพวกเธอด้วย และคำาบัญชาเกี่ยวกับเด็กที่อ่อนแอนั้น พระองค์ได้สั่ง สูเจ้าให้ป ิบัติกับเด็กกำาพร้าอย่างยุติธรรม พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงความดี ทุกอย่างที่พวกท่านกระทำา ถ้าหญิงคนใดกลัวการทารุณหรือการห่าง เหินของสามีของนาง มันก็ไม่ผิดแต่ประการใดสำาหรับนางที่จะหาทาง ปรองดองกัน เพราะการปรองดองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่มนุษย์นั้นมัก จะเห็นแก่ตัวเองเป็นสำาคัญ ถ้าสูเจ้ากระทำาความดีและเกรงกลัวพระเจ้า สูเจ้าจงแน่ใจได้เลยว่าพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำา สูเจ้า ไม่สามารถให้ความยุติธรรมระหว่างภรรยาของสูเจ้าได้ถึงแม้ว่าสูเจ้าจะ ปรารถนาก็ตาม ดังนั้น จงอย่าลำาเอียงให้แก่ภรรยาคนใดจนหมดแล้ว ปล่อยให้คนอื่นค้างเติ่ง(ระหว่างการแต่งงานกับการหย่า) ถ้าหากสูเจ้า ป ิบัติโดยชอบธรรมและปรับปรุงตน สูเจ้าจะพบว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรง อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ และถ้าเขาทั้งสองสามีภรรยาแยกกัน พระเจ้า จะทำาให้ทั้งสองมั่งคั่งโดยอำานาจอันไพศาลของพระองค์ พระเจ้าเป็น ผู้ทรงมั่งคั่งไม่มีขีดจำากัดและเป็นผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า เราได้สั่งผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนสูเจ้าและเราได้สั่งสูเจ้าให้เกรงกลัวพระเจ้า

อัล นิซาอ์

ถ้าหากสูเจ้าป ิเสธพระองค์ จงรู้ไว้เถิดว่าทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลาย เป็นของพระเจ้า พระเจ้าทรงมีอยู่อย่างเพียงพอโดยไม่ต้องอาศัยสิ่งใด และพระองค์ทรงคู่ควรกับการได้รับคำาสรรเสริญ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า และไม่มีผู้ใดที่สมควรได้ รับความไว้วางใจเท่ากับพระเจ้า ถ้าพระองค์ทรงต้องการ พระองค์ก็ สามารถขจัดสูเจ้าให้หมดไปและเอาคนอื่นมาแทนสูเจ้าก็ได้ พระองค์ทรง มีอำานาจที่จะทำาเช่นนั้น ถ้าผู้ใดต้องการรางวัลตอบแทนแห่งโลกนี้ (ขอให้เขาจำาไว้ว่า)ที่พระเจ้าคือรางวัลตอบแทนของทั้งโลกนี้และโลกหน้า และพระเจ้าทรงได้ยินและทรงเห็นทุกสิ่ง บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเป็นผู้ดำารงรักษาความยุติธรรมและเป็น พยานเพื่อพระเจ้า ถึงแม้ความยุติธรรมและการเป็นพยานของสูเจ้าจะ เป็นผลร้ายต่อตัวสูเจ้าเองหรือต่อพ่อแม่และญาติสนิทของสูเจ้า ไม่ว่า เขาจะมั่งคั่งหรือยากจนก็ตาม เพราะพระเจ้าทรงรู้จักเขาทั้งสองมากกว่า สูเจ้า ดังนั้น จงอย่าทำาตามอารมณ์ต่ำาของสูเจ้าเพราะเกรงว่าสูเจ้าจะไม่ สามารถดำารงความยุติธรรมไว้ได้ ถ้าหากสูเจ้าปกปิดบิดเบือนหลัก าน หรือละทิ้งความจริง จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรงรู้ดีเสมอในสิ่งที่สูเจ้ากระทำา บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงศรัทธามั่นในพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์และในคัมภีร์ที่พระองค์ได้ประทานแก่ศาสนทูตของพระองค์และ คัมภีร์ที่พระองค์ได้ประทานก่อนหน้านี้ ผู้ใดป ิเสธพระเจ้าและบรรดา ทูตสวรรค์ของพระองค์ ป ิเสธคัมภีร์ทั้งหลายและบรรดาศาสนทูตของ พระองค์และวันสุดท้าย เขาผู้นั้นก็หลงทางอย่างแน่นอน สำาหรับ บรรดาผู้ที่ศรัทธาและต่อมาป ิเสธสัจธรรม หลังจากนั้นได้กลับมาศรัทธา แล้วก็ป ิเสธและดึงดันป ิเสธยิ่งขึ้นไปอีกนั้น พระเจ้าจะไม่ทรงอภัยโทษ พวกเขาและจะไม่แสดงหนทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา จงเตือนพวก ตลบตะแลงว่าสำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด สำาหรับ บรรดาผู้ยึดเอาบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเป็นเพื่อนแทนผู้ศรัทธา พวกเขา

ผู้หญิง

ไปหาคนเหล่านั้นเพื่อแสวงหาเกียรติยศกระนั้นหรือ ในขณะที่เกียรติยศ ทั้งหมดนั้นเป็นของพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงบัญชาสูเจ้าไว้ในคัมภีร์นี้แล้วว่าเมื่อสูเจ้าได้ยินผู้คน ป ิเสธหรือหัวเราะเยาะวจนะของพระเจ้า สูเจ้าจงอย่านั่งร่วมวงกับพวก เขาจนกว่าพวกเขาจะคุยกันในเรื่องอื่นนอกไปจากนั้น มิเช่นนั้น สูเจ้าจะ เป็นเยี่ยงพวกเขา แน่นอน พระเจ้าจะทรงรวบรวมบรรดาผู้ตลบตะแลง และบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมทั้งหมดไว้ในนรก บรรดาผู้ตลบตะแลง ได้เ ้ามองสูเจ้าอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับสูเจ้า ถ้าพระเจ้า ประทานชัยชนะแก่สูเจ้า พวกเขาก็จะกล่าวว่า พวกเรามิได้อยู่กับพวก ท่านดอกหรือ และถ้าบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมมีส่วนในชัยชนะ พวก เขาจะกล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า เราไม่ได้ช่วยพวกท่านให้ได้ชัยชนะและ คุ้มครองพวกท่านจากบรรดาผู้ศรัทธากระนั้นหรือ พระเจ้าจะตัดสิน ระหว่างสูเจ้าทั้งหมดในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และพระเจ้าจะไม่เปิดทาง ให้บรรดาผู้ศรัทธาป ิเสธสัจธรรมทำาอันตรายบรรดาผู้ศรัทธา บรรดาผู้ตลบตะแลง(มุนาฟิก)คิดที่จะลวงพระเจ้า แต่ความจริงแล้ว พระองค์ต่างหากได้ลวงพวกเขาอยู่ เมื่อพวกเขายืนขึ้นนมาซ พวกเขาจะ ยืนอย่างไม่เต็มใจเพียงเพื่อให้ผู้คนเห็นและพวกเขาไม่ได้รำาลึกถึงพระเจ้า เลยยกเว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขากำาลังสองจิตสองใจ ไม่อยู่ ทางด้านนี้และไม่อยู่ทางด้านนั้น แต่สำาหรับผู้ที่พระเจ้าปล่อยให้หลงทาง นั้น เจ้าไม่สามารถชี้ทางให้เขาได้เลย บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่ายึด เอาบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม(ที่ทำาสงครามต่อสูเจ้า)เป็นเพื่อนแทนบรรดา ผู้ศรัทธา สูเจ้าต้องการจะแสดงข้อพิสูจน์อันชัดแจ้งที่ค้านต่อสูเจ้าเองต่อ พระเจ้ากระนั้นหรือ แท้จริง บรรดาผู้ตลบตะแลงนั้นจะอยู่ในห้วงลึก ที่สุดของนรก และสูเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือสำาหรับพวกเขาเลย เว้น แต่บรรดาผู้สำานึกผิดและกลับตัวกระทำาความดีและยึดมั่นในพระเจ้าและ สุจริตมั่นต่อศาสนาของเขาเพื่อพระเจ้า คนเหล่านี้อยู่กับบรรดาผู้ศรัทธา

อัล นิซาอ์

และพระเจ้าจะประทานรางวัลอันใหญ่หลวงแก่บรรดาผู้ศรัทธา ไ น พระเจ้ า จะทรงลงโทษสู เ จ้ า ถ้ า สู เ จ้ า กตั ญ ญู แ ละศรั ท ธาในพระองค์ พระเจ้าทรงรู้ถึงคุณค่าและทรงรอบรู้เสมอ พระเจ้าไม่ทรงรักการโพนทะนาความเลวของผู้ใด เว้นแต่เขาจะ ถูกข่มเหง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินเสมอ ผู้ทรงรอบรู้เสมอ ไม่ว่าสูเจ้า กระทำาความดีโดยเปิดเผยหรือโดยลับ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ละเว้นจาก ความชั่ว สูเจ้าจงรู้เถิดว่าแท้จริงพระเจ้าเป็นผู้ทรงนิรโทษเสมอ ผู้ทรง อานุภาพเสมอ แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์และปรารถนาที่จะแบ่งแยกระหว่างพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์ และกล่าวว่า เราศรัทธาบางคนและป ิเสธบางคน และพวก เขาเลือกเอาทางระหว่างนั้น พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ป ิเสธสัจธรรมโดย แท้จริง และเราได้เตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้สำาหรับพวกป ิเสธแล้ว สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตทั้งหลายของพระองค์ และไม่ได้แบ่งแยกผู้ใดในศาสนทูตเหล่านั้น พระองค์จะประทานรางวัล ของพวกเขาแก่พวกเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ถ้าพวกชาวคัมภีร์ขอให้เจ้านำาคัมภีร์เล่มหนึ่งลงมาจากฟากฟ้า พวกเขาได้ขอมูซาหนักยิ่งกว่านั้นมาแล้ว พวกเขากล่าวแก่มูซาว่า จง ทำาให้เราเห็นพระเจ้าต่อหน้าสิ เพราะความชั่วของพวกเขานี้เอง สายฟ้า ได้ฟาดลงมายังพวกเขาโดย ับพลัน หลังจากนั้น พวกเขาได้ยึดเอาลูกวัว เป็นวัตถุบูชาหลังจากพวกเขาได้เห็นสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่หลังจาก นั้น เราได้ให้อภัยพวกเขาและเราได้ประทานอำานาจหน้าที่อันชัดแจ้งแก่มู ซา และเราได้ยกภูเขาเหนือพวกเขาและได้ให้พวกเขาทำาสัญญาโดย เราได้สั่งพวกเขาว่า จงเข้าไปในประตูโดยนอบน้อม และเราได้สั่งพวก เขาด้วยว่า จงอย่าละเมิดวันสะบาโต และให้พวกเขาทำาสัญญาว่าจะ ป ิบัติตามก นี้โดยเคร่งครัด แต่พวกเขาได้ทำาลายสัญญาและป ิเสธสัญญาณทั้งหลายอันชัด

ผู้หญิง

แจ้งของพระเจ้าและพยายาม ่านบีบางคนโดยไม่เป็นธรรมและประกาศ ว่า หัวใจของเราถูกปิดแล้ว แต่มิใช่ พระเจ้าต่างหากได้ทรงปิดหัวใจ ของพวกเขาเพราะการป ิเสธสัจธรรมของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ศรัทธา ยกเว้นเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเขาป ิเสธและกล่าวร้ายต่อมารีย์ อย่างรุนแรง พวกเขากล่าวว่า เราได้ ่าเมสซีอาห์ อีซาลูกของมารีย์ ศาสนทูตของพระเจ้าแล้ว แต่ในความเป็นจริง พวกเขาไม่ได้ ่าและไม่ ได้ทำาให้เขาตายบนไม้กางเขน แต่ว่าพวกเขาได้ถูกทำาให้มองเห็นละม้าย คล้ายเช่นนั้น และบรรดาผู้ที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีข้อสงสัย พวก เขาไม่มีความรู้ในเรื่องนี้นอกจากจะคาดเดากันไปเอง แต่แน่นอน พวก เขาไม่ประสบความสำาเร็จในการ ่าอีซา ไม่ ความจริงก็คือพระเจ้าได้ ยกอีซาขึ้นไปยังพระองค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณ เสมอ ไม่มีใครในหมู่ชาวคัมภีร์ที่เชื่อในเรื่องนี้ก่อนการตายของเขา และ เขาจะเป็นพยานให้แก่คนเหล่านั้นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ดังนั้น ด้วยความอธรรมของชาวยิว เราจึงได้ห้ามสิ่งดีๆมากมายที่ก่อนหน้านี้ เป็นที่อนุมัติสำาหรับพวกเขา ทั้งนี้เนื่องจากพวกเขามักจะขัดขวางทาง ของพระเจ้าเสมอ เพราะการที่พวกเขากินดอกเบี้ยซึ่งได้ถูกห้ามไว้ แล้ว และเพราะการที่พวกเขากินทรัพย์สินของคนอื่นโดยไม่ชอบธรรม เราได้ เ ตรี ย มการลงโทษอั น เจ็ บ ปวดไว้ แ ล้ ว สำ าหรั บ บรรดาผู้ ( ที่ ยั ง คง) ป ิเสธสัจธรรม แต่สำาหรับผู้มั่นคงในความรู้และผู้ที่ศรัทธาในสิ่งที่ ถูกประทานลงมาแก่เจ้าและที่ได้ถูกประทานลงมาก่อนเจ้า และผู้ที่ดำารง นมาซและจ่ายซะกาตและศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย คนเหล่านี้ เรา จะประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขาอย่างแน่นอน เราได้ประทานวจนะแก่เจ้า(โอ้มุ ัมมัด)เช่นเดียวกับที่เราได้ ประทานวจนะแก่นู ฺ(โนอาห์)และบรรดานบีอื่นๆหลังจากเขา และเรา ได้ประทานวจนะแก่อิบรอ ีม อิสมาอีล อิส าก ยะกูบและวงศ์วานของ

อัล นิซาอ์

เขาและอีซา อัยยูบ ยูนุส ารูน สุลัยมานและเราได้ประทานคัมภีร์ษะบูรฺ ( ) แก่ดาวูด เราได้บอกเจ้าแล้วเกี่ยวกับศาสนทูตบางคนที่ถูก ส่งมาก่อนหน้านี้ ในขณะที่เราไม่ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับคนอื่นๆ และพระเจ้า ได้พูดกับมูซาโดยตรง พวกเขาเป็นศาสนทูตผู้นำาข่าวดีมาบอกและให้ คำาตักเตือน ทั้งนี้เพื่อที่ว่าหลังจากการมาของบรรดาศาสนทูตเหล่านี้แล้ว มนุษย์จะได้ไม่มีข้ออ้างต่อพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่เจ้าว่า พระองค์ได้ประทานมันลงมาด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และบรรดาทูต สวรรค์ก็เป็นพยานด้วย และแค่พระเจ้าเป็นพยานก็เป็นการเพียงพอแล้ว แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธและกีดกันผู้อื่นจากทางของพระเจ้า พวกเขา ได้หลงทางไปไกลลิบ แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและกระทำา ความผิดนั้น พระเจ้าจะไม่ทรงอภัยพวกเขาและจะไม่ทรงนำาทางพวกเขา สู่หนทางใดๆ เว้นแต่ทางของนรกซึ่งพวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นตราบ กาลนาน นั่นเป็นการง่ายสำาหรับพระเจ้า มนุษย์เอย ศาสนทูตผู้นี้ได้ มายังสูเจ้าพร้อมกับสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น จงศรัทธา เขา เพราะมันเป็นการดีกว่าสำาหรับสูเจ้าเอง แต่ถ้าหากสูเจ้าป ิเสธ สัจธรรม สูเจ้าก็ควรจะรู้ไว้ว่าทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินเป็นของพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ โอ้ชาวคัมภีร์ จงอย่าสุดโต่งในศาสนาของสูเจ้า จงอย่ากล่าวสิ่งใด พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ หลังจากนั้น พระองค์ได้สร้างสวรรค์และ นรก ต่อมา มนุษย์ได้ถูกส่งมาตั้งถิ่น านบนโลกซึ่งที่นี่มนุษย์มีเสรีภาพที่ จะทำาอะไรตามที่เขาต้องการ แต่เสรีภาพนี้ไม่ใช่สิ่งนิรันดร มันเป็นเพียง ชั่วคราวและเป็นวิธีการสำาหรับการทดสอบเขา โดยที่ความดีและความชั่ว ได้ถูกแยกให้เขาได้เห็น หลังจากนั้น พระเจ้าจะเ ้าดูว่าใครที่จะทำาตามใจ ตัวเองหรือทำาตามเจตนารมณ์ของพระเจ้าแม้ได้รับเสรีภาพแล้วก็ตาม

ผู้หญิง

นอกจากความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า แท้จริง เมสซีอาห์ อีซาลูกของมารีย์ เป็นเพียงศาสนทูตคนหนึ่งของพระเจ้าและพระบัญชาของพระองค์ที่ถูก นำามายังมารีย์ และเป็นวิญญาณจากพระองค์ ดังนั้น จงศรัทธาในพระเจ้า และบรรดาศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่ากล่าวว่าพระเจ้ามีสาม จง อย่ากล่าวเช่นนี้ มันเป็นการดีกว่าสำาหรับเจ้า แท้จริง พระเจ้านั้นเป็น พระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงสูงส่งเกินกว่าที่จะมีบุตร ทุก สรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์และพระองค์ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำาหรับการเป็นผู้พิทักษ์ แน่นอน เมสซีอาห์ไม่ รังเกียจที่จะถูกนับว่าเป็นบ่าวของพระเจ้าและบรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิด ก็ไม่รังเกียจด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้ใดรังเกียจที่จะเคารพสักการะพระองค์ และเย่อหยิ่งจองหอง จงรู้ไว้เถิดว่าพระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขาไว้ต่อ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำา หน้าพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน ความดี พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลโดยครบให้แก่พวกเขา และจะ ทรงเพิ่มพูนให้พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ สำาหรับบรรดา ผู้รังเกียจและเย่อหยิ่งนั้น พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษ อันเจ็บปวดและพวกเขาจะไม่พบใครที่สามารถเป็นผู้ให้ความคุ้มครอง และความช่วยเหลือแก่พวกเขาจากพระเจ้าได้ มนุษย์เอย ข้อพิสูจน์ อันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้มายังสูเจ้าแล้ว และเราได้ส่งแสง สว่างอันจำารัสมายังสูเจ้าแล้ว ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและยึดมั่นในพระองค์ พระองค์ จะทรงให้พวกเขาอยู่ในความเมตตาและความโปรดปรานจากพระองค์ และจะทรงนำาพวกเขาไปยังพระองค์ตามแนวทางที่เที่ยงตรง พวก เขาถามเจ้าเกี่ยวกับคำาสั่ง จงกล่าวเถิด พระเจ้าได้สั่งเจ้าเกี่ยวกับเรื่อง ทายาทโดยอ้อมว่าหากชายใดตายโดยไม่มีลูก แต่ทิ้งพี่สาวหรือน้องสาว ไว้หนึ่งคน นางจะได้รับมรดกของเขาครึ่งหนึ่ง และถ้าหากนางไม่มีลูก พี่ ชายหรือน้องชายของนางจะได้รับมรดกของนาง และหากผู้ตายทิ้งพี่สาว

อัล มาอิดะ ฺ

หรือน้องสาวไว้ข้างหลังสองคน นางทั้งสองจะได้รับสองในสามของสิ่งที่ เขาทิ้งไว้ และถ้าจำานวนของพี่ชายหรือน้องชายและพี่สาวหรือน้องสาว มีมากกว่าสอง ส่วนแบ่งของพี่ชายหรือน้องชายแต่ละคนจะเป็นสองเท่า ของพี่สาวหรือน้องสาวแต่ละคน พระเจ้าได้ทรงทำาให้สิ่งต่างๆเป็นที่แจ่ม แจ้งแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะไม่หลง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง 5. โต๊ะ

อัล-มาอิด๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงป ิบัติตามเงื่อนไขให้ครบ บรรดาปศุสัตว์สี่เท้า ได้ถูกอนุมัติแก่สูเจ้า เว้นแต่ที่ได้ถูกบอกแก่สูเจ้า สูเจ้าถูกห้ามล่าสัตว์ใน ขณะที่สูเจ้าอยู่ระหว่างการแสวงบุญ แท้จริง พระเจ้าทรงบัญชาที่พระองค์ ทรงประสงค์ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าละเมิดสัญลักษณ์ต่างๆของ พระเจ้าและเดือนต้องห้าม สัตว์พลีและอู ที่สวมพวงมาลา(เพื่อบ่งบอก ว่ามันจะถูกเชือดพลีถวายพระเจ้า) และอย่าล่วงละเมิดบรรดาผู้ที่มุ่งมายัง บ้านอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสวงความโปรดปรานและความปราโมทย์จากพระ ผู้อภิบาลของพวกเขา เมื่อสูเจ้าเปลื้องชุดแสวงบุญแล้ว สูเจ้าจึงล่าสัตว์ ได้ จงอย่าให้ความเกลียดชังหมู่ชนที่กีดกันสูเจ้าจากมัสญิดอัล ะรอมยุง สูเจ้าให้ทำาบาป จงช่วยเหลือกันในคุณธรรมและการสำารวมตนจากความ ชั่ว จงอย่าช่วยเหลือกันในการทำาบาปและการเป็นศัตรู แต่จงเกรงกลัว พระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงเ ียบขาดในการลงโทษ สิ่งที่ต้องห้ามสำาหรับสูเจ้าคือสัตว์ที่ตายเอง เลือด และเนื้อสุกรและ เนื้อของสัตว์ที่ถูกกล่าวนามอื่นจากนามของพระเจ้าเวลาเชือด สัตว์ที่ถูก รัดคอตายหรือสัตว์ที่ถูกทุบตีจนตายหรือตกจากที่สูงและที่ถูกสัตว์ป่ากิน

โตะ

เว้นแต่ที่สูเจ้าเชือดทัน(ในขณะที่มันยังมีชีวิต) และสัตว์ที่ถูกเชือดพลีบน แท่นบูชา และที่สูเจ้าเสี่ยงทาย เหล่านี้ล้วนเป็นบาป วันนี้ บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมสิ้นหวังต่อการทำาร้ายศาสนาของสูเจ้าแล้ว ดังนั้น จงอย่ากลัว พวกเขา แต่จงกลัว ัน วันนี้ ันได้ทำาให้ศาสนาของสูเจ้าครบถ้วนสำาหรับ สูเจ้าแล้ว และได้ให้ความโปรดปรานของ ันครบถ้วนแก่สูเจ้าด้วย และ ันพึงใจให้อิสลามเป็นศาสนาแก่สูเจ้า ดังนั้น ผู้ใดถูกบังคับด้วยความ หิวให้กินสิ่งที่ห้าม ไม่ใช่จงใจทำาบาป เขาจะพบว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 4 ถ้าพวกเขาถามเจ้าถึงสิ่งที่อนุมัติแก่พวกเขา จงกล่าวเถิด ที่ถูก อนุมัติแก่พวกท่านคือสิ่งที่ดีทั้งหลาย และที่พวกท่านสอนให้สัตว์ล่าเนื้อ ของพวกท่านจับมันโดยการ ึกมันตามที่พระเจ้าทรงสอนพวกท่าน ดัง นั้น จงกินที่มันจับมาให้พวกท่านโดยกล่าวพระนามของพระเจ้าเหนือมัน เสียก่อน และเกรงกลัว แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง ับพลันในการชำาระ 5 วันนี้ สิ่งที่ดีทั้งหมดเป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้าแล้ว อาหารของชาวคัมภีร์ก็ เป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้าและอาหารของสูเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา หญิง บริสุทธิ์จากหมู่ผู้ศรัทธาและหญิงบริสุทธิ์จากชาวคัมภีร์ก่อนสูเจ้าก็เป็น ที่อนุมัติก่อนสูเจ้าในการแต่งงานเมื่อสูเจ้าได้ให้ของหมั้นและให้นางได้ แต่งงาน ไม่ใช่เป็นผู้ค้าประเวณีและมิใช่ทำาเป็นเมียลับ และผู้ใดป ิเสธ การศรัทธา ดังนั้น แน่นอน การงานของเขาจะไร้ผลและในโลกหน้าเขาจะ อยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน บรรดาผู้ศรัทธาเอย เมื่อสูเจ้ายืนขึ้นเพื่อทำานมาซ ดังนั้น จงล้างหน้า ของสูเจ้าและมือของสูเจ้าถึงข้อศอกและจงลูบศีรษะของสูเจ้าและล้าง เท้าของสูเจ้าถึงตาตุ่ม ถ้าสูเจ้าอยู่ในสภาพที่ไม่สะอาด จงอาบน้ำาชำาระ ร่างกายทั่วทั้งตัว แต่ถ้าสูเจ้าป่วยหรืออยู่ระหว่างการเดินทางหรือผู้ใดใน หมู่สูเจ้ามาจากส้วมหรือได้สัมผัสผู้หญิงแล้วสูเจ้าหาน้ำาไม่พบ ดังนั้น จง เอา ุ่นดิน(หรือทราย)ที่สะอาดลูบหน้าและมือของสูเจ้า พระเจ้าไม่ทรง

อัล มาอิดะ ฺ

ปรารถนาที่จะก่อความลำาบากใดๆแก่สูเจ้า แต่พระองค์ทรงปรารถนาที่จะ ชำาระสูเจ้าให้สะอาดและเพื่อทำาให้ความโปรดปรานของพระองค์ครบครัน แก่สูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ขอบคุณ 7 จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้า และจงอย่าลืม พันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงทำากับสูเจ้าเมื่อตอนที่สูเจ้ากล่าวว่า เรา ได้ยินและเราป ิบัติตาม จงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรง รอบรู้ถึงความคิดที่ลึกที่สุดของมนุษย์ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเป็นผู้ยืน หยัดเพื่อพระเจ้าโดยเป็นพยานที่ยุติธรรม จงอย่าให้ความเกลียดชังของ หมู่ใดยุยงสูเจ้าไม่ให้ป ิบัติความยุติธรรม จงดำารงความยุติธรรมไว้เพราะ มันใกล้กับการเกรงกลัวพระเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่สูเจ้ากระทำา พระเจ้าได้ทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดีว่าสำาหรับพวกเขาคือการอภัยโทษและรางวัลอันมหาศาล บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา พวกเขา เป็นสหายของไฟนรกที่โชติช่วง บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงนึกถึงความ โปรดปรานของพระเจ้าที่มีต่อสูเจ้าเมื่อชนหมู่หนึ่งได้ตั้งใจจะทำาร้ายสูเจ้า แต่พระองค์ได้ทรงยั้งมือของพวกเขาจากสูเจ้า ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า และพระเจ้าเท่านั้นที่ปวงผู้ศรัทธาควรต้องไว้วางใจ พระเจ้าได้ทรงทำาสัญญาผูกมัดลูกหลานอิสรออีลไว้และได้ตั้งผู้นำา ขึ้นในหมู่พวกเขาสิบสองคนและพระเจ้าทรงกล่าวว่า แน่นอน ันอยู่ กับสูเจ้าถ้าสูเจ้าดำารงนมาซและจ่ายซะกาตและศรัทธาในบรรดาศาสน ทูตของ ันและสนับสนุนพวกเขาและให้พระเจ้ายืมสิ่งที่ดี แน่นอน ันจะ อภัยบาปของสูเจ้า และ ันจะให้สูเจ้าเข้าสวนสวรรค์อันหลากหลายซึ่ง เบื้องล่างมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน ส่วนผู้ใดป ิเสธสัจธรรมหลังจากนี้จะ หลงไปจากทางอันเที่ยงตรง แต่เนื่องจากพวกเขาละเมิดพันธสัญญา ของพวกเขา ดังนั้น เราจึงได้สาปแช่งพวกเขาและทำาให้จิตใจของพวก เขาหยาบกระด้าง พวกเขาบิดเบือนความหมายของถ้อยคำาที่ถูกประทาน

โตะ

มาโดยเอาถ้อยคำาเหล่านั้นออกไปจากข้อความและเพิกเ ยต่อส่วนที่ พวกเขาได้ถูกสั่งกำาชับ เจ้าจะเห็นการทรยศของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นเพียงบางคนเท่านั้น แต่จงให้อภัยพวกเขาและจงอดทนต่อพวก เขา แท้จริง พระเจ้าทรงรักผู้ทำาความดี เราได้ทำาพันธสัญญากับบรรดาผู้ที่กล่าวว่า แท้จริง พวกเราเป็น ชาวคริสเตียน ด้วย แต่พวกเขาได้ลืมส่วนหนึ่งที่พวกเขาได้ถูกสั่งกำาชับ ไว้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงทำาให้ความเป็นศัตรูและความเกลียดชังเกิดขึ้นใน หมู่พวกเขาจนถึงวันแห่งการพิพากษา แน่นอน พระเจ้าจะทรงบอกพวก เขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ โอ้บรรดาชาวคัมภีร์ ศาสนทูตของเราได้มายังสูเจ้าแล้วเพื่อทำาให้ สูเจ้าเกิดความกระจ่างในสิ่งที่สูเจ้าได้ปิดบังไว้จากคัมภีร์และเขาให้อภัย สูเจ้าในหลายสิ่ง แน่นอน แสงสว่างจากพระเจ้าและคัมภีร์อันชัดแจ้งได้ โดยคัมภีร์นี้ พระเจ้าทรงนำาทางผู้ป ิบัติตามความ มายังสูเจ้าแล้ว ปราโมทย์ของพระองค์ไปสู่หนทางแห่งความสงบสุข และทรงนำาพวก เขาออกจากความมืดทั้งหลายสู่แสงสว่างด้วยความประสงค์ของพระองค์ และทรงนำาพวกเขาสู่ทางที่เที่ยงตรง แน่นอน พวกเขาเหล่านั้นได้ ป ิเสธศาสนาแล้วเมื่อพวกเขากล่าวว่า แท้จริง พระเจ้าคือพระคริสต์ บุตรของมารีย์ จงบอกพวกเขาเถิดว่า ใครเล่าจะขัดขวางพระเจ้าจาก การทำาลายพระคริสต์ บุตรของนางมารีย์และแม่ของเขาและทุกคนในโลก นี้ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ อาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้าง สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และพระเจ้าทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง ชาวยิวและชาวคริสเตียนกล่าวว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้าและ เป็นที่รักของพระองค์ จงกล่าวเถิดว่า แล้วไ นพระองค์จึงทรงลงโทษ พวกท่านเพราะความผิดบาปของพวกท่านเล่า ความจริงแล้ว พวกท่าน เป็นเพียงคนธรรมดาในหมู่ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น พระองค์ทรงอภัยผู้ที่

อัล มาอิดะ ฺ

พระองค์ทรงประสงค์และทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ อาณาจักร แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสอง นั้นเป็นของพระเจ้า และทั้งหมดจะกลับไปยังพระองค์ บรรดาชาว คัมภีร์เอย แน่นอน ศาสนทูตของเราได้มายังสูแล้วเพื่อทำาให้คำาสอนเป็น ที่กระจ่างแก่สูเจ้าหลังจากที่การมีบรรดาศาสนทูตได้ว่างเว้นไป มิ ะนั้น สูเจ้าจะกล่าวว่า ไม่เคยมีผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือนมายังเรา ดังนั้น จึงมี ผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือนมายังสูเจ้าแล้ว พระเจ้าทรงมีอำานาจที่จะทำาได้ ทุกสิ่ง จงนึกถึงตอนที่มูซาได้กล่าวกับคนของเขาว่า หมู่ชนของ ันเอย จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมีต่อพวกท่านเมื่อพระองค์ ได้ทรงตั้งนบีหลายคนขึ้นในหมู่พวกท่าน และได้ทรงทำาให้พวกท่านเป็น ผู้มีอำานาจปกครองและประทานแก่พวกท่านในสิ่งที่มิได้ประทานแก่ผู้ หมู่ชนของ ันเอย จงเข้าไปในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้า ใดในโลก ได้ทรงกำาหนดแก่พวกท่าน และจงอย่าหันหลังของพวกท่านกลับเพราะ พวกท่านจะกลายเป็นผู้ขาดทุน พวกเขาทั้งหลายกล่าวว่า มูซาเอย แท้จริง ในแผ่นดินนั้นมีผู้คนที่ทรงอำานาจ พวกเราจะไม่เข้าไปในแผ่นดิน นั้นจนกว่าพวกเขาจะออกไปจากที่นั่นเสียก่อน ถ้าพวกเขาออกไปจากที่ นั้นแล้ว เราถึงจะเข้าไป ในตอนนั้น มีชายสองคนที่เกรงกลัวพระเจ้า และพระเจ้าทรงโปรดปรานเขาทั้งสองได้กล่าวว่า จงเข้าไปยังพวกเขา ทางประตูหน้า เพราะเมื่อพวกท่านเข้าไปในนั้นได้ พวกท่านจะเป็นผู้ชนะ จงวางใจในพระเจ้าถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา แต่ถึงกระนั้น พวก เขาได้กล่าวว่า มูซาเอย แท้จริง เราจะไม่เข้าไปในเมืองนั้นเด็ดขาดตราบ ใดที่พวกเขายังอยู่ในนั้น ขอให้ท่านและพระเจ้าของท่านไปต่อสู้เถิด พวก เราจะนั่งอยู่ที่นี่ มูซาได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน ันไม่มีอาจเหนือใคร นอกจากตัว ันและพี่ชายของ ัน ดังนั้น โปรดแยกเราทั้งสองออกจากหมู่

โตะ

ชนผู้ ่า ืนเหล่านี้ด้วยเถิด พระเจ้าทรงกล่าวว่า แผ่นดินนี้เป็นที่ต้อง ห้ามสำาหรับพวกเขาเป็นเวลาสี่สิบปี ในช่วงนี้พวกเขาจะเร่รอนไปตาม แผ่นดิน ดังนั้น จงอย่าเศร้าโศกเพื่อหมู่ชนที่ชั่วช้าเหล่านี้ จงเล่าให้พวกเขารู้ถึงเรื่องราวของลูกชายทั้งสองของอาดัมด้วย ความจริงเมื่อทั้งสองได้ถวายสิ่งพลีแก่เรา แล้วสิ่งพลีของคนหนึ่งในสอง นั้นเป็นที่ยอมรับ แต่จากอีกคนหนึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ ่ายหลังจึงได้กล่าว ว่า ันจะ ่าเจ้า อีก ่ายหนึ่งจึงกล่าวว่า พระเจ้าทรงรับ(สิ่งพลี)จากผู้ ยำาเกรงพระองค์เท่านั้น ถ้าท่านเหยียดมือของท่านเพื่อจะ ่า ัน ัน จะไม่ยกมือของ ันเพื่อ ่าท่าน เพราะ ันเกรงกลัวพระเจ้าพระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก ันต้องการให้ท่านรับบาปของท่านที่มีต่อ ันและบาป ของท่านด้วย และท่านจะได้กลายเป็นชาวนรก นั่นคือการตอบแทน สำาหรับบรรดาผู้ทำาความผิด แต่กระนั้น ตัวตนที่ชั่วร้ายของเขาได้ชักจูงเขาให้ ่าน้องชายของ เขา หลังจากนั้น เขาได้ ่าน้องชายของเขาและกลายเป็นผู้หนึ่งในบรรดา ผู้ขาดทุน หลังจากนั้น พระเจ้าได้ส่งอีกาตัวหนึ่งมาคุ้ยดินเพื่อแสดงให้ เขาได้เห็นถึงการ ังศพน้องชายของเขา เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาได้ร้องออก มาว่า วิบัติแน่แล้วตัว ัน ันไม่สามารถทำาอย่างเช่นอีกาได้ทำาเพื่อ ัง ศพน้องชายของ ันกะนั้นหรือ ดังนั้น เขาจึงรู้สึกผิดในสิ่งที่เขาได้ทำาไป นั่นคือสิ่งที่ว่าทำาไมเราจึงได้กำาหนดแก่พวกลูกหลานอิสรออีลว่า ผู้ใด ่าชีวิตใด เว้นเสียแต่ว่าคนผู้นั้นเป็น าตกรหรือเป็นผู้ก่อความเสีย หายบนหน้าแผ่นดิน คนผู้นั้นจะถูกถือเหมือนกับเขาได้ ่ามนุษยชาติ ทั้งมวล และผู้ใดที่ได้รักษาชีวิตหนึ่งไว้ เขาจะถูกถือว่าเหมือนกับผู้ให้ ชีวิตแก่มนุษยชาติทั้งมวล แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขายังคงล่วงละเมิด ในแผ่นดิน ศาสนทูตของเราได้มายังพวกเขาคนแล้วคนเล่าพร้อมกับ สัญญาณอันชัดเจน แต่พวกเขาหลายคนยังคงสร้างความเสียหายใน แผ่นดิน บรรดาผู้ทำาสงครามต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และ

อัล มาอิดะ ฺ

พยายามก่อความเสียหายในแผ่นดินนั้น พวกเขาต้องถูกประหารหรือถูก ตรึงให้ตายบนไม้กางเขนหรือตัดมือและเท้าของพวกเขาสลับข้างกันหรือ ถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน นี่คือความอัปยศสำาหรับพวกเขาในโลกนี้ และยังมีการลงโทษอันหนักหน่วงยิ่งกว่านี้อีกสำาหรับพวกเขาในโลกหน้า ยกเว้นบรรดาผู้ที่สำานึกผิดก่อนที่สูเจ้ามีอำานาจเหนือพวกเขา ดังนั้น จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงแสวงหาทางที่จะ ได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ และจงดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของ พระองค์เพื่อสูเจ้าจะได้รับความสำาเร็จ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธศรัทธา ถึงแม้พวกเขามีทุกสิ่งบนโลกและอีกสองเท่าของจำานวนนั้นเพื่อนำามาไถ่ โทษตัวเองให้พ้นจากกรลงโทษในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ สิ่งเหล่านั้นจะไม่ ถูกรับจากพวกเขา และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันแสนสาหัส พวก เขาต้องการที่จะออกจากไฟนรก แต่พวกเขาจะไม่สามารถออกมาจาก มันได้ และสำาหรับพวกเขาคือการทรมานอย่างต่อเนื่อง สำาหรับขโมย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง จงตัดมือของพวกเขา นั่นคือการลงโทษ (เพื่อเป็นการยับยั้ง)จากพระเจ้าสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ พระเจ้า เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ แต่ถ้าผู้ใดสำานึกผิดหลังจากที่ ทำาผิดไปแล้วและปรับปรุงตนเอง พระเจ้าจะทรงหันกลับไปยังเขาโดย ปรานี แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ เจ้าไม่รู้หรือ ว่าอาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระองค์ ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงอภัยโทษผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง ศาสนทูตเอย จงอย่าให้ผู้คนที่กำาลังแข่งขันกันในการป ิเสธ สัจธรรมทำาให้เจ้าต้องระทมใจ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาผู้ที่กล่าวด้วยปากของ พวกเขาว่า เราศรัทธา แต่หัวใจของพวกเขาไม่ศรัทธาหรือจะมาจาก ชาวยิวเช่นกัน คนพวกนี้ชอบฟังเรื่องโกหก พวกเขามาฟังเจ้าเพื่อนำาไป

โตะ

บอกคนอื่น(ผู้นำาทางศาสนา)ที่ไม่ได้มาหาเจ้า(เพราะความหยิ่งทะนง) พวกเขา(บรรดาผู้นำาเหล่านี้)เอาถ้อยคำาในคัมภีร์ของพระเจ้าออกจากตัว บทและกล่าวแก่ผู้คนว่า ถ้าหากนี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าถูกให้มา พวกเจ้าก็จง รับมัน แต่ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จงระวังให้ดี ถ้าพระเจ้าต้องการจะทดสอบใคร เจ้าไม่อาจทำาสิ่งใดเพื่อปกป้องเขาให้พ้นจากการลงโทษของพระเจ้าได้ คนที่พระเจ้าไม่ปรารถนาจะขัดเกลาหัวใจของเขาจะได้รับความอัปยศใน โลกนี้และการลงโทษอันแสนสาหัสในโลกหน้า พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ฟังความเท็จและเป็นผู้กินสิ่งต้องห้าม ดัง นั้น ถ้าพวกเขามาหาเจ้า เจ้าจงตัดสินระหว่างพวกเขาหรือป ิเสธไปเลย เพราะถึงแม้เจ้าป ิเสธ พวกเขาจะไม่สามารถทำาร้ายอะไรเจ้าได้ แต่ถ้า หากเจ้าตัดสินระหว่างพวกเขา เจ้าจงตัดสินด้วยความยุติธรรม เพราะ แต่เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะให้เจ้า พระเจ้าทรงรักผู้เที่ยงธรรม เป็นผู้ตัดสินในเมื่อพวกเขาเองมีคัมภีร์เตารอตซึ่งในนั้นมีคำาตัดสินของ พระเจ้าอยู่แล้ว ถึงกระนั้น พวกเขายังหันหลังให้มัน แน่นอน คนเหล่านี้ ไม่มีความศรัทธา 44 เราได้ประทานเตารอตลงมาซึ่งในนั้นมีทางนำาและแสงสว่าง นบีทุก คนที่เชื่อฟังเราได้ใช้ตัดสินชาวยิวเช่นเดียวกับที่พวกนักปราชญ์และนัก ศาสนาชาวยิวตัดสินตามคัมภีร์ของพระเจ้าซึ่งพวกเขาได้ถูกมอบหมาย ให้เป็นผู้รักษาและเป็นพยานยืนยันคัมภีร์ของพระองค์ ดังนั้น จงอย่า กลัวมนุษย์ แต่จงกลัว ัน และจงอย่าขายถ้อยคำาที่ ันประทานมาเพื่อผล ประโยชน์เล็กน้อย ผู้ใดไม่ตัดสินตามที่พระเจ้าประทานลงมา พวกเขา เป็นผู้ป ิเสธสัจธรรม 45 เราได้กำาหนดไว้ในเตารอตสำาหรับชาวยิวแล้วว่า ชีวิตต่อชีวิต ตาต่อตา จมูกต่อจมูก หูต่อหู ฟันต่อฟัน และบาดแผลนั้น ก็มีการตอบแทนกันอย่างเท่าเทียมกัน แต่ถ้าผู้ใดยกการแก้แค้นแทนให้ เป็นทาน มันก็เป็นการไถ่โทษสำาหรับเขา ส่วนผู้ใดไม่ตัดสินตามที่พระเจ้า ประทานมา เขาเหล่านั้นก็คือผู้ทำาความผิด หลังจากนบีเหล่านั้น เราได้

อัล มาอิดะ ฺ

ส่งอีซาบุตรของมารีย์มาเป็นผู้ยืนยันสิ่งที่ถูกประทานมาก่อนเขาในคัมภีร์ เตารอตและเราได้ประทานอินญีลแก่เขาซึ่งในนั้นมีทางนำาและแสงสว่าง และยังเป็นการยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในเตารอตในเวลานั้น เป็นทางนำาและการ ตักเตือนสำาหรับผู้เกรงกลัวพระเจ้า 47 ดังนั้น จงให้บรรดาผู้ป ิบัติตาม คัมภีร์อินญีลตัดสินตามที่พระเจ้าได้ประทานลงมาในนั้น ส่วนผู้ใดไม่ ตัดสินตามที่พระเจ้าประทานลงมา พวกเขาคือผู้ ่า ืน (โอ้มุ ัมมัด) เราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้าพร้อมกับสัจธรรม เป็นการ ยืนยัน(คำาพูดล่วงหน้า)ที่ยังมีอยู่ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้และเป็นสิ่งที่กำาหนด ว่าอะไรเป็นความจริงในนั้น ดังนั้น เจ้าจงตัดสินระหว่างพวกเขาโดย ก หมายที่พระเจ้าประทานมา จงอย่าป ิบัติตามความปรารถนาของ พวกเขาโดยการหันออกไปจากสัจธรรมที่ได้มายังสูเจ้า เราได้กำาหนดก และแนวทางแห่งชีวิตไว้สำาหรับสูเจ้าทุกคนแล้ว หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์สามารถที่จะทำาให้สูเจ้าเป็นหมู่ชนเดียวกันได้ แต่เพื่อที่จะ ทดสอบสูเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่สูเจ้า ดังนั้น จงพยายาม แข่งขันในการทำาความดี ในท้ายที่สุดแล้ว สูเจ้าทั้งหมดจะกลับไปหา พระองค์ แล้วพระองค์จะทรงทำาให้สูเจ้ารู้ความจริงเกี่ยวกับที่สูเจ้าขัดแย้ง กัน ดังนั้น จงตัดสินระหว่างพวกเขาตามที่พระเจ้าได้ทรงประทานลง มาและจงอย่าป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของพวกเขา จงระวังพวกเขาให้ดี มิ ะนั้น พวกเขาจะล่อลวงเจ้าให้ออกจากทางนำาที่พระเจ้าทรงประทาน แก่เจ้า และถ้าหากพวกเขาป ิเสธการตัดสินของเจ้า ดังนั้น จงรู้เถิด ว่าพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะลงโทษพวกเขาตามความผิดบางอย่างที่ พวกเขาได้กระทำาไว้ ความจริงแล้ว ส่วนใหญ่ของมนุษย์นั้นเป็นผู้ ่า ืน พวกเขาปรารถนาที่จะถูกตัดสินโดยก หมายแห่งความโง่เขลากระนั้น หรือ และใครที่ดีเลิศกว่าพระเจ้าในการตัดสินสำาหรับบรรดาผู้ที่เชื่อมั่น ในพระองค์

โตะ

โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเอาชาวยิวและชาวคริสเตียนมาเป็น เพื่อนใกล้ชิดของสูเจ้า พวกเขาต่างเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน ถ้าหาก ใครคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้าเอาพวกเขามาเป็นเพื่อน แน่นอน เขาจะถูก นับว่าอยู่ในหมู่พวกนั้น แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงนำาทางบรรดาผู้ทำาความ ผิด สูเจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่มีโรคแห่งการสับปลับในหัวใจของพวกเขา เคลื่อนไหวกันในหมู่ของพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขากล่าวว่า เรากลัวว่า เราจะประสบความเดือดร้อนบางอย่าง แต่มันอาจเป็นไปได้เมื่อพระเจ้า จะทรงประทานชัยชนะแก่สูเจ้าหรือการตัดสินที่เป็นประโยชน์แก่สูเจ้า หลังจากนั้น คนพวกนี้จะรู้สึกผิดในความคิดที่พวกเขาซ่อนไว้ในหัวใจ ของพวกเขา ในตอนนั้น บรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า คนเหล่านี้หรือ ที่สบถสาบานต่อพระเจ้าอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาจะอยู่กับพวกท่าน การงานของพวกเขาไร้ผลและพวกเขาจะกลายเป็นผู้ขาดทุน 54 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ถ้าผู้ใดในหมู่สูเจ้าทิ้งศาสนาของเขา พระเจ้า จะทรงยกหมู่ชนที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขารักพระองค์ขึ้นมา แทน คนเหล่านี้คือผู้ที่อ่อนน้อมต่อผู้ศรัทธาและองอาจเข้มแข็งต่อบรรดา ผู้ป ิเสธสัจธรรม พวกเขาจะต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าและไม่หวั่นกลัว ต่อการให้ร้ายของใครก็ตามที่ให้ร้ายพวกเขา นั่นคือความโปรดปรานของ พระเจ้า พระองค์ทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ ทรงมั่งคั่งอย่างเหลือหลายและพระองค์ทรงรอบรู้ 55 แท้จริง ผู้ช่วยเหลือ ของสูเจ้าคือพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ที่ดำารงนมาซ และจ่ายซะกาตและโค้งในการเคารพสักการะ ผู้ใดเป็นพันธมิตรกับ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา ขอให้เขารู้เถิดว่า พรรคของพระเจ้าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน 57 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเอาคนเหล่านี้มาเป็นเพื่อน นั่นคือ คน ที่ถูกประทานคัมภีร์ก่อนหน้าสูเจ้าหรือบรรดาผู้ป ิเสธที่ถือเอาศาสนา ของสูเจ้าเป็นที่เยาะเย้ยและล้อเล่น จงเกรงกลัวพระเจ้าถ้าหากสูเจ้าเป็น

อัล มาอิดะ ฺ

ผู้ศรัทธาที่แท้จริง เมื่อสูเจ้าป่าวร้องให้พวกเขามานมาซ พวกเขาถือ มันเป็นเรื่องตลกขบขันและล้อเล่น นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นคนที่ไม่ใช้ สติปัญญา จงกล่าวแก่พวกเขาว่า โอ้ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย พวกท่าน ไม่พอใจเราเพียงเพราะเราศรัทธาในพระเจ้าและในสิ่งที่ได้ถูกประทาน ลงมายังเราและสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนหน้าเรา และเพราะส่วนใหญ่ ของพวกท่านเป็นผู้ ่า ืนกระนั้นหรือ จงกล่าวเถิดว่า จะให้ ันบอก พวกท่านถึงผู้ที่จะได้รับการตอบแทนที่เลวร้ายกว่านั้นจากพระเจ้าไหม คนเหล่านั้นคือผู้ที่พระเจ้าทรงสาปแช่งและผู้ที่พระองค์ทรงกริ้ว พวกเขา ถูกสาปให้เป็นลิงและหมู และเป็นผู้ที่เคารพบูชาซาตาน คนเหล่านี้เป็น ผู้ที่อยู่ในสภาพที่เลวร้ายยิ่งและเป็นผู้ที่หลงออกไปไกลจากแนวทางที่ถูก ต้อง เมื่อพวกเขามาหาสูเจ้า พวกเขากล่าวว่า เราศรัทธา แต่ความ จริงแล้ว พวกเขาเข้ามาในสภาพที่จะป ิเสธสัจธรรมและออกไปในสภาพ เดียวกัน พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกเขาปิดบังไว้ในหัวใจของพวกเขา เจ้าจะเห็นส่วนมากของพวกเขาแข่งขันกันเพื่อทำาบาปและความไม่ เป็นธรรมและการกินสิ่งต้องห้าม ช่างชั่วช้าจริงๆในสิ่งที่พวกเขากระทำา ทำาไมพวกผู้รู้ศาสนาชาวยิวและนักก หมายของพวกเขาไม่ห้ามพวก เขากล่าวถ้อยคำาที่เป็นบาปหรือการกินสิ่งต้องห้าม การงานของพวกเขา ช่างเป็นสิ่งชั่วร้ายจริงๆ ชาวยิวกล่าวว่า พระหัตถ์ของพระเจ้าถูกล่ามแล้ว ไม่ใช่ มือของ พวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามและพวกเขาถูกสาปแช่งก็เพราะคำากล่าวร้าย ที่พวกเขากล่าวออกมา พระหัตถ์ของพระองค์นั้นทรงเป็นอิสระ พระองค์ มันมิใช่ในความหมายทางภาษา แต่เป็นคำาอธิบายเชิงสัญลักษณ์ ที่อธิบายถึงความตกต่ำาทางศีลธรรมของพวกเขา คนเหล่านี้ไม่ได้กลาย เป็นสัตว์โดยทางร่างกาย แต่ลักษณะนิสัยและพ ติกรรมของพวกเขาเป็น เหมือนลิงและหมู

โตะ

ทรงแจกจ่ายในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ถูกประทาน มายังเจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นได้ทำาให้พวกเขาหลายคนดื้อด้าน และป ิเสธสัจธรรมยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้ก่อความเป็นศัตรูและความ เกลียดชังให้เกิดขึ้นในระหว่างพวกเขาจนกระทั่งถึงวันฟื้นคืนชีพ เมื่อ ใดก็ตามที่พวกเขาก่อไฟแห่งสงครามขึ้น พระเจ้าจะทรงดับมัน พวกเขา กำาลังพยายามแพร่ความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระเจ้าไม่ทรงชอบผู้ ก่อความเสียหาย ถ้าหากพวกชาวคัมภีร์ศรัทธาและเกรงกลัวพระเจ้า เราจะขจัด ความชั่วช้าต่างๆของพวกเขาออกไปจากพวกเขา และเราจะให้พวกเขา ได้เข้าไปในสวนสวรรค์แห่งความโปรดปราน ถ้าหากพวกเขาป ิบัติ ตามเตารอตและอินญีลและที่ได้ถูกประทานลงมายังพวกเขาจากพระผู้ อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะได้รับความมั่งคั่งสมบูรณ์ทั้งจากเบื้องบน และเบื้องล่างที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขา ถึงแม้ในหมู่พวกเขาจะมีคนที่เที่ยง ธรรมบ้าง แต่ส่วนมากของพวกเขาก็เป็นผู้กระทำาความชั่ว โอ้ศาสนทูต จงนำาสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของ เจ้าไปบอกแก่ผู้คน เพราะหากเจ้าไม่ทำาเช่นนั้น เจ้าก็มิได้นำาสาสน์ของ พระองค์ไปยังผู้คน พระองค์จะคุ้มครองเจ้าจากผู้คน เพราะพระเจ้าจะไม่ ทรงนำาทางผู้ป ิเสธสัจธรรม จงบอกพวกเขาว่า โอ้ชาวคัมภีร์ พวกท่านไม่มีอะไรมาอ้างทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ว่าพวกท่านจะป ิบัติตามเตารอตและอินญีลและสิ่งที่ได้ถูก ประทานลงมาแก่พวกท่านจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน แน่นอน สิ่งที่ ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นจะทำาให้พวกเขาส่วนใหญ่ ดื้อดึงและป ิเสธมากขึ้น แต่เจ้าจงอย่าเศร้าโศกให้แก่บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรม บรรดาผู้ศรัทธา ชาวยิว ชาวซอบิอีนและชาวคริสเตียนที่ ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและกระทำาความดี ไม่มีสาเหตุใดที่จะ ต้องกลัวและพวกเขาจะไม่ทุกข์โศก

อัล มาอิดะ ฺ

เราได้ทำาพันธะสัญญาอันมั่นคงกับพวกลูกหลานอิสรออีลไว้และเรา ได้ส่งศาสนทูตหลายคนมายังพวกเขา แต่เมื่อใดที่ศาสนทูตคนหนึ่งมายัง พวกเขาพร้อมกับสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบ พวกเขาก็ถือว่าศาสนทูตผู้นั้นเป็น คนโกหกหรือไม่ก็ ่าเขา และพวกเขาก็ยังกระหยิ่มว่าจะไม่มีความเสีย หายอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงตาบอดและหูหนวก หลัง จากนั้น พระเจ้าได้ทรงอภัยพวกเขา แต่ส่วนมากของพวกเขาก็ยังคง ป ิบัติตัวเหมือนคนตาบอดและหูหนวกอีก พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งที่พวกเขา กำาลังกระทำาอยู่ แน่นอนที่สุด พวกเขาคือผู้ป ิเสธสัจธรรม นั่นคือคนที่กล่าวว่า แท้จริง พระเจ้าคือพระคริสต์บุตรของนางมารีย์ ในขณะที่พระคริสต์ เองได้กล่าวว่า โอ้ลูกหลานอิสรออีล จงเคารพสักการะพระเจ้าผู้ทรงเป็น พระผู้อภิบาลของ ันและพระผู้อภิบาลของพวกท่านด้วยเช่นกัน ถ้าใคร นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า แน่นอน พระเจ้าจะห้ามเขามิให้เข้าสวน สวรรค์ และนรกจะเป็นที่พำานักสำาหรับเขา และบรรดาผู้ทำาความผิดจะ ไม่มีผู้ช่วยเหลือ แน่นอนที่สุด พวกเขาเป็นผู้ป ิเสธศาสนา นั่นคือผู้ที่ กล่าวว่า พระเจ้าทรงเป็นหนึ่งในสาม ในขณะที่พระเจ้ามีเพียงองค์เดียว ถ้าหากพวกเขาไม่หยุดยั้งจากการพูดเช่นนั้น การลงโทษอันเจ็บปวดก็ จะประสบแก่ทุกคนในหมู่พวกเขาที่กล่าวเท็จป ิเสธสัจธรรม 74 ทำาไม พวกเขาไม่หันไปยังพระเจ้าและขออภัยโทษต่อพระองค์ พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ 75 พระคริสต์บุตรของมารีย์นั้นมิได้เป็น อะไรนอกไปจากศาสนทูตคนหนึ่ง ศาสนทูตหลายคนได้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนหน้าเขา แม่ของเขาเป็นหญิงที่มีคุณธรรมและเขาทั้งสองก็กินอาหาร (เหมือนกับคนอื่นๆที่ต้องตาย) จงดูเถิดว่า เราได้ทำาให้สัญญาณทั้งหลาย ที่นำาไปสู่ความจริงชัดเจนแก่พวกเขาอย่างไร และจงดูเถิดว่าพวกเขาถูก ทำาให้หันเหไปทางอื่นอย่างไร จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า พวกท่าน เคารพสักการะสิ่งอื่นที่ไม่มีอำานาจให้โทษและคุณประโยชน์แก่พวกท่าน

โตะ

กระนั้นหรือ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงได้ยินและ ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง 77 จงกล่าวเถิด โอ้ชาวคัมภีร์ จงอย่าสุดโต่งในศาสนาของพวกท่าน และจงอย่าป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของบรรดาผู้หลงผิดมาแล้วก่อนหน้า พวกท่านและทำาให้คนอื่นอีกหลายคนหลงผิดและพวกเขาเองก็ได้หลง ออกไปจากทางที่เที่ยงตรง บรรดาลูกหลานอิสรออีลที่ป ิเสธสัจธรรมได้ถูกสาปแช่งโดยดาวูด และอีซาบุตรของมารีย์ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขา ่า ืนและละเมิดเสมอ พวกเขาไม่ได้ห้ามปรามกันและกันจากการทำาความผิดที่พวกเขาทำา กัน สิ่งที่พวกเขานั้นช่างชั่วช้าจริงๆ เจ้าเห็นส่วนมากของพวกเขา เป็นมิตรกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ช่างชั่วช้าแท้ๆที่พวกเขาได้กระทำา ไว้สำาหรับตัวเอง พวกเขาทำาให้พระเจ้าทรงกริ้วและพวกเขาจะต้องถูก ถ้าหากพวกเขาศรัทธาในพระเจ้าและนบีและที่ได้ ลงโทษตลอดกาล ถูกประทานลงมาแก่เขา พวกเขาคงไม่คบผู้ป ิเสธสัจธรรมเป็นมิตร แต่ ว่าส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ไม่เชื่อฟัง แน่นอน เจ้าจะพบว่าชาวยิวและบรรดาผู้ตั้งภาคีนั้นเป็นศัตรูตัว กาจต่อบรรดาผู้ศรัทธา และแน่นอน เจ้าจะพบว่าพวกที่มีความรักใคร่ ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธามากกว่านั้นคือบรรดาผู้ที่กล่าวว่า แท้จริง เราเป็นคริสเตียน นั่นเป็นเพราะในหมู่พวกเขามีผู้ทรงความรู้และพวก บาทหลวง และเพราะพวกเขาไม่เย่อหยิ่ง เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่ถูก ประทานมาแก่ศาสนทูต เจ้าจะเห็นตาของพวกเขาเอ่อไปด้วยน้ำาตา เพราะความจริงที่พวกเขาจำาได้ พวกเขากล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ รา เราศรัทธาแล้ว ดังนั้น โปรดบันทึกเราไว้ร่วมกับผู้ที่เป็นพยานด้วย เถิด ทำาไมเราไม่ศรัทธาในพระเจ้าและในความจริงที่ได้มายังเรา เรา ปรารถนาที่จะให้พระผู้อภิบาลของเรารับเราเข้าไปรวมกับบรรดาคนดี และด้วยสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไป พระเจ้าจะตอบแทนพวกเขาด้วยสวน

อัล มาอิดะ ฺ

สวรรค์ที่มีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านซึ่งพวกเขาจะได้พำานักอยู่นั้นตลอดไป นั่นคือรางวัลตอบแทนของผู้ทำาความดี แต่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและ ป ิเสธสัญญาทั้งหลายของเรา พวกเขาคือสหายของนรก บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าห้ามสิ่งที่ดีทั้งหลายที่พระเจ้าได้ทรง อนุมัติสำาหรับสูเจ้าและจงอย่าละเมิด แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ละเมิด จงกินจากสิ่งที่อนุมัติและสิ่งสะอาดที่พระเจ้าได้ทรงให้เป็นปัจจัยยังชีพ แก่สูเจ้า จงเกรงกลัวพระเจ้าที่สูเจ้าทั้งหลายมีความศรัทธา พระเจ้า ไม่ทรงยึดถือถ้อยคำาไร้สาระในการสาบานของสูเจ้า แต่พระองค์ทรง ยึดถือสิ่งที่สูเจ้าสาบานไว้โดยเจตนา ดังนั้น การไถ่โทษสำาหรับการผิด คำาสาบานคือการให้อาหารคนขัดสนสิบคนตามปริมาณเ ลี่ยที่สูเจ้าให้ อาหารแก่ครอบครัวของสูเจ้า หรือให้เครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขา หรือการ ปลดปล่อยทาสหนึ่งคน หรือถ้าหากสูเจ้าไม่สามารถทำาได้ก็ให้ถือศีลอด สามวัน นี่คือการไถ่โทษคำาสาบานที่สูเจ้าสาบานไว้ จงรักษาคำาสาบาน ของสูเจ้า พระเจ้าทรงอธิบายคำาบัญชาทั้งหลายของพระองค์เพื่อที่สูเจ้า จะได้ขอบคุณ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา แท้จริง น้ำาเมาและการพนัน การบูชายัญและ การเสี่ยงติ้วเป็นสิ่งโสมมจากการกระทำาของมาร ดังนั้น จงหันห่างจาก มันเสียเพื่อสูเจ้าจะได้รับความสำาเร็จ ซาตานเพียงแต่ปรารถนาที่จะ สร้ า งความเป็ น ศั ต รู และความเกลียดชังกันในระหว่างสูเจ้า โดยอาศัย น้ำาเมาและการพนัน และเพื่อหันเหสูเจ้าออกจากการระลึกถึงพระเจ้าและ จากการนมาซ แล้วสูเจ้ายังไม่ละเว้นหรือ จงเชื่อฟังพระเจ้าและจง เชื่อฟังศาสนทูต และจงละเว้นจากสิ่งเหล่านี้ ถ้าหากสูเจ้าไม่เชื่อฟัง ดัง นั้น จงรู้ไว้เถิดว่าหน้าที่ของศาสนทูตของเราคือการเผยแผ่สาสน์อันชัด แจ้งเท่านั้น ไม่มีบาปแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีในสิ่งที่เขา ทั้งหลายได้บริโภคไปในอดีต เมื่อเขาทั้งหลายละเว้นจากสิ่งที่ต้องห้าม สำาหรับพวกเขาและยังคงศรัทธาและกระทำาความดี แล้วหลังจากนั้นได้

โตะ

ยับยั้งตนเองจากสิ่งต้องห้ามและศรัทธาและเกรงกลัวพระเจ้าและกระทำา ความดี เพราะพระเจ้าทรงรักผู้กระทำาความดี โอ้บรรดาผู้ศรัทธา แน่นอน พระเจ้าจะทรงทดสอบสูเจ้าด้วยการ ล่าสัตว์ที่อยู่ในระยะที่มือและหอกของสูเจ้าสามารถไปถึงได้ ทั้งนี้เพื่อ ที่พระเจ้าจะได้ทรงจำาแนกว่าผู้ใดเกรงกลัวพระองค์ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ สามารถมองเห็นพระองค์ ดังนั้น ผู้ใดละเมิดขอบเขตหลังจากนี้จะได้รับ การลงโทษอันเจ็บปวด โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่า ่าสัตว์ขณะที่สูเจ้า อยู่ในสภาพต้องห้ามระหว่างการแสวงบุญ และผู้ใดในหมู่สูเจ้า ่ามันโดย เจตนา เขาต้องหาปศุสัตว์ที่มีค่าเท่ากับสัตว์ที่เขา ่าโดยการตัดสินของผู้ เที่ยงธรรมสองคนมาพลีที่กะอฺบะ ฺเป็นการชดเชย หรือไถ่โทษด้วยการ ให้อาหารแก่คนขัดสน(ตามราคาของสัตว์) หรือด้วยการถือศีลอดที่เท่า เทียมกัน ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้ลิ้มรสผลที่ติดตามมาจากการกระทำาของเขา พระเจ้าได้ทรงอภัยการทำาผิดที่ล่วงไปแล้ว แต่ถ้าผู้ใดละเมิดอีก พระเจ้า จะทรงลงโทษตอบแทนเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงลงโทษ ตอบแทน การล่าสัตว์ในทะเลและการบริโภคมันเป็นที่อนุมัติแก่สูเจ้า สูเจ้าจะ ใช้กินหรือใช้เป็นเสบียงเพื่อการเดินทางก็ได้ แต่ที่ต้องห้ามสำาหรับสูเจ้า คือการล่าสัตว์บนบกในขณะที่สูเจ้ายังอยู่ในสภาพต้องห้ามระหว่างการ แสวงบุญ จงเกรงกลัวพระเจ้าก่อนที่สูเจ้าจะถูกรวบรวมไปยังพระองค์ พระเจ้าได้ทรงทำาอัลกะอฺบะ ฺ บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ไว้เป็นแหล่งแห่งการ ค้ำ า จุ น สำ า หรั บ มนุ ษ ยชาติ เ ช่ น เดี ย วกั บ เดื อ นต้ อ งห้ า มและสั ต ว์ ที่ นำ ามา เชือดพลีโดยมีพวงมาลัยเป็นเครื่องหมายของพวกมัน เพื่อสูเจ้าจะได้รู้ว่า พระเจ้าทรงรอบรู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและที่อยู่ในแผ่นดิน และพระเจ้า นั้นทรงรอบรู้ทุกสิ่ง จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงเ ียบขาดในการ ลงโทษ และพระเจ้าทรงเป็นผู้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ หน้าที่อย่าง เดียวของศาสนทูตคือการนำาสาสน์ไปเผยแผ่ พระเจ้าทรงรอบรู้ที่สูเจ้า

อัล มาอิดะ ฺ

เปิดเผยและที่สูเจ้าปิดบัง โอ้ศาสนทูต จงบอกพวกเขาว่า สิ่งชั่วช้า และสิ่งดีนั้นไม่เหมือนกัน แม้ว่าความมากมายของสิ่งชั่วช้าจะทำาให้พวก ท่านพอใจก็ตาม ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า โอ้ผู้มีความเข้าใจ เพื่อพวก ท่านจะประสบผลสำาเร็จ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าถามถึงสิ่งต่างๆที่หากมันถูกเปิดเผยให้ สูเจ้าได้รู้แล้วจะทำาให้สูเจ้าลำาบาก แต่ถ้าหากสูเจ้าจะถามถึงมันระหว่างที่ อัลกุรอานถูกประทานลงมา มันจะถูกเปิดเผยให้แก่สูเจ้าได้รู้ พระเจ้าทรง เงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงขันติ แน่นอน ผู้คน ก่อนสูเจ้าเคยถามเช่นนี้มาแล้ว แต่เมื่อมีการเปิดให้พวกเขาได้รู้ พวกเขา ก็ยังป ิเสธที่จะทำาตาม พระเจ้ามิได้ทรงกำาหนดความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยว กับสัตว์ที่ถูกเรียกว่า บะ ีเราะ ฺและซาอิบะ ฺและวะซีละ ฺและ าม แต่ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้กล่าวเท็จต่อพระเจ้า และส่วนมากของพวก เมื่อได้มีการบอกแก่พวกเขาว่า จงมายังที่พระเจ้า เขาไม่ใช้เหตุผล ได้ประทานลงมาแก่ศาสนทูต พวกเขากล่าวว่า เพียงพอแล้วสำาหรับ เราในสิ่งที่เราได้พบจากบรรพบุรุษของเรา ทั้งๆที่บรรพบุรุษของพวก เขาไม่รู้อะไรและไม่ได้รับทางนำา โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงระวังรักษาตัว ของสูเจ้าเอง ผู้หลงทางจะให้โทษแก่สูเจ้าไม่ได้เลยถ้าหากสูเจ้าอยู่ในทาง นำา สูเจ้าทั้งหมดจะกลับไปยังพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงให้สูเจ้าได้รู้ถึง สิ่งที่สูเจ้าได้กระทำา โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อเวลาแห่งความตายได้มาถึงผู้ใดในหมู่สูเจ้า จงให้มีคนที่ยุติธรรมสองคนในหมู่สูเจ้าทำาหน้าที่เป็นพยานเมื่อสูเจ้าทำา พินัยกรรม หรือมีสองคนจากอีกเผ่าหนึ่งถ้าหากสูเจ้าอยู่ในระหว่างเดิน ทางและทุกขภัยแห่งความตายประสบแก่สูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าสงสัยในความ ซื่อสัตย์ของเขา จงหน่วงเหนี่ยวเขาทั้งสองไว้หลังจากการนมาซและให้ นี่คือประเภทต่างๆของสัตว์ท้องถิ่นที่ชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลาม เคยนำาไปถวายให้สิ่งที่พวกเขากราบไหว้บูชา

โตะ

เขาทั้งสองสาบานด้วยพระนามของพระเจ้าว่า เราจะไม่ขายหลัก าน ด้วยราคาใดๆแม้ว่าเขาจะเป็นญาติสนิทก็ตาม และเราจะไม่ปิดบังหลัก านของพระเจ้า เพราะแท้จริง ถ้าเราทำาเช่นนั้น เราจะอยู่ในหมู่ผู้ทำาบาป อย่างแน่นอน แต่ถ้าพบว่าทั้งสองคนไม่ซื่อสัตย์ จงให้พยานอีกสอง คนจากบรรดาผู้ที่ถูกลิดรอนสิทธิออกมาสาบานต่อพระเจ้าว่า การยืนยัน ของเราถูกต้องชอบธรมมากกว่าการยืนยันของเขาทั้งสอง และเราทั้งสอง ไม่ได้ละเมิด มิ ะนั้น เราจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ละเมิด ด้วยวิธีการเช่น นี้จะเป็นการเหมาะกว่าที่พวกเขาจะให้การเป็นพยานตามความเป็นจริง หรือมิเช่นนั้น พวกเขาจะกลัวว่าคำาสาบานของพวกเขาจะขัดแย้งกับการ สาบานของคนอื่น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงฟัง พระเจ้านั้นมิทรงนำาทาง หมู่ชนผู้ ่า ืน ในวันที่พระเจ้าทรงรวบรวมบรรดาศาสนทูตทั้งหมดของพระองค์ และทรงถามว่า พวกเจ้าได้รับการสนองตอบอย่างไร(จากผู้คน) บรรดาศาสนทูตจะกล่าวว่า เราไม่มีความรู้ แท้จริง พระองค์เท่านั้นที่ทรง รอบรู้ยิ่งซึ่งความลับทั้งหมด หลังจากนั้น พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า อี ซาบุตรของมารีย์เอย จงนึกถึงความโปรดปรานของ ันที่มีต่อเจ้าและต่อ แม่ของเจ้าเมื่อ ันได้ทำาให้เจ้าเข้มแข็งด้วยวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่เจ้าจะ สามารถพูดกับผู้คนแม้แต่เมื่ออยู่ในเปลเหมือนกับเจ้าพูดในตอนโต และ เมื่อ ันได้สอนเจ้าซึ่งคัมภีร์และวิทยปัญญาและเตารอตและอินญีล และ เมื่อเจ้าเอาดินมาปั้นเป็นนกและเจ้าเป่าเข้าไปในดินที่เป็นรูปนก มันได้ กลายเป็นนกโดยอนุมัติของ ัน และเจ้ารักษาคนตาบอดและคนโรคเรื้อน โดยอนุมัติของ ัน และเมื่อเจ้าให้คนตายกลับมีชีวิตขึ้นมาโดยอนุมัติของ ันและเมื่อ ันคุ้มครองเจ้าจากพวกลูกหลานอิสรออีลเมื่อเจ้าไปหาพวก เขาด้วยหลัก านอันชัดแจ้ง และบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้กล่าวว่า นี่ มิใช่อื่นใด นอกจากเป็นมายากล (จงนึกถึงในตอนที่)เมื่อ ันได้ดลใจแก่บรรดาสาวกให้ศรัทธาใน

อัล มาอิดะ ฺ

ันและในศาสนทูตของ ัน พวกเขากล่าวว่า เราศรัทธาและได้โปรด เป็นพยานว่าเราเป็นมุสลิม เมื่อสาวกกล่าวว่า โออีซา บุตรของมารีย์ พระเจ้าของท่านสามารถส่งอาหารลงมาจากฟากฟ้าแก่เราได้ไหม เขา ตอบว่า จงเกรงกลัวพระเจ้าถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง พวก เขากล่าวว่า เราปรารถนาที่จะกินมันและทำาให้เรามั่นใจ และเพื่อเรา จะได้รู้แน่นอนว่าสิ่งที่ท่านพูดแก่เรานั้นเป็นความจริง และเพื่อเราจะได้ เป็นพยานในเรื่องนั้น อีซาบุตรของมารีย์จึงวิงวอนว่า โอ้พระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานอาหารลงมาจากฟากฟ้าแก่เราเพื่อเป็น ความสุขแก่คนแรกและคนสุดท้ายของเราและเป็นสัญญาณจากพระองค์ โปรดประทานเครื่องยังชีพแก่เรา และพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ประทาน พระเจ้าตรัสว่า แท้จริง ันจะส่งมันลงมายังเจ้า แต่หลังจาก ปัจจัย นั้น ถ้าผู้ใดในหมู่สูเจ้าป ิเสธ ันจะลงโทษเขาด้วยการลงโทษที่ ันจะไม่ ลงโทษผู้ใดในโลกเลย เมื่อพระเจ้าตรัสว่า โอ้อีซา บุตรของมารีย์ เจ้าบอกผู้คนหรือว่า จง ยึดถือ ันและแม่ของ ันเป็นพระเจ้าสององค์อื่นจากพระเจ้าฺ เขาตอบว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ มิเป็นการบังควรที่ ันจะกล่าวในสิ่งที่ ันไม่มี สิทธิ์ ถ้าหากว่า ันได้กล่าวเช่นนั้น แน่นอน พระองค์ต้องทราบ พระองค์ ทรงรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของ ัน แต่ ันไม่ทราบสิ่งที่อยู่ในจิตใจของ พระองค์ แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่งถึงสิ่งที่มองไม่เห็น ัน บอกพวกเขาแค่เพียงสิ่งที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่ ันว่า จงเคารพสัก การะพระเจ้า พระผู้อภิบาลของ ันและพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ัน เป็นพยานต่อความประพ ติของพวกเขาตราบใดที่ ันอยู่ท่ามกลางพวก เขา แต่เมื่อพระองค์ทรงเรียก ันกลับคืน พระองค์เป็นผู้ทรงเ ้าดูพวก เขาและพระองค์ทรงเ ้าดูทุกสิ่ง และถ้าพระองค์ทรงลงโทษพวกเขา แน่นอน พวกเขาก็เป็นบ่าวของพระองค์ และถ้าพระองค์ทรงอภัยพวกเขา ดังนั้น แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ

ปศุสัตว์

พระเจ้าจะกล่าวว่า นี่คือวันที่ผู้พูดความจริงจะได้รับประโยชน์ จากความจริงของพวกเขา สำาหรับพวกเขาคือสวนสวรรค์หลากหลายที่ มีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านซึ่งพวกเขาจะพักอยู่ในนั้นตลอดกาล พระองค์ ทรงยินดีต่อพวกเขาและพวกเขาปีติต่อพระองค์ นั่นคือความสำาเร็จอัน สูงสุด อำานาจสูงสุดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่อยู่ในนั้น เป็นของพระเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 6. ปศุสัตว์

อัล-อันอาม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และทรงทำาให้มีความมืดสนิทและแสงสว่าง แต่ถึงแม้กระนั้น ก็ตาม บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมก็ยังตั้งภาคีเทียมเท่าพระผู้อภิบาลของ พวกเขา พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้าจากดิน แล้วทรงกำาหนดวาระแห่ง ชีวิตสำาหรับสูเจ้า เป็นวาระที่พระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้ แต่สูเจ้าก็ยังสงสัย พระองค์คือพระเจ้าทั้งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงรู้ ทุกสิ่งที่สูเจ้าปิดบังและทุกสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผย พระองค์ทรงรู้สิ่งที่สูเจ้าทำา 4 และเมื่อใดที่สัญญาณหนึ่งจากบรรดาสัญญาณต่างๆของพระผู้อภิบาล ของพวกเขาได้มายังพวกเขา พวกเขากลับไม่ใส่ใจ 5 ดังนั้น พวกเขา จึงได้ป ิเสธสัจธรรมที่ได้มายังพวกเขา ในไม่ช้า พวกเขาจะได้รับข่าว (มากกว่านี้)เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเย้ยหยันมาจนกระทั่งเวลานี้ พวกเขา ไม่เห็นหรือว่าก่อนหน้าพวกเขานั้น เราได้ทำาลายไปกี่ชั่วคนแล้วสำาหรับ ผู้ที่เราได้ตั้งหลักแหล่งให้พวกเขามั่นคงกว่าสูเจ้าด้วยซ้ำา เราได้ส่ง น มากมายมายังพวกเขาและเราได้สร้างลำาน้ำาหลายสายให้ไหลผ่านเบื้อง

อัล อันอาม

ล่างพวกเขา แล้วเราได้ทำาลายพวกเขาเนื่องด้วยความผิดบาปของพวก เขา และเราได้ให้คนรุ่นอื่นอุบัติขึ้นมาหลังจากพวกเขา 7 ถึงแม้เราได้ส่งคัมภีร์ลงมาแก่เจ้าโดยเขียนไว้บนแผ่นหนังและพวก เขาได้จับต้องด้วยมือของพวกเขาเองแล้ว บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะยัง คงกล่าวว่า นี่มิใช่อะไรนอกไปจากมายากลแท้ๆ พวกเขาถามว่า ไ น จึงไม่มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งถูกส่งลงมายังเขา ถ้าเราส่งทูตสวรรค์มา เรื่องของพวกเขาคงถูกตัดสินไปก่อนหน้านี้แล้ว และพวกเขาจะไม่ได้รับ การผ่อนปรนเลย ถ้าเราส่งทูตสวรรค์มาเป็นศาสนทูต เราจะส่งเขามาใน รูปมนุษย์เพศชายซึ่งจะทำาให้พวกเขาสับสนยิ่งขึ้นไปอีก บรรดาศาสน ทูตก่อนหน้าเจ้าได้ถูกเยาะเย้ยมาแล้ว แต่บรรดาผู้ที่เย้ยหยันจะพ่ายแพ้ ต่อสิ่งที่พวกเขาได้เย้ยหยัน จงกล่าวเถิด จงท่องเที่ยวไปตามแผ่นดิน แล้วจงดูผลสุดท้ายของพวกป ิเสธสัจธรรมว่าเป็นอย่างไร จงถามพวกเขาว่า ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของ ใคร จงกล่าวเถิด เป็นของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงกำาหนดความเมตตา ไว้สำาหรับพระองค์แล้ว แน่นอน พระองค์จะทรงรวบรวมพวกท่านในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพ ไม่มีข้อคลางแคลงสงสัยใดๆในเรื่องนี้ ผู้ที่ทำาตัวเอง ให้เป็นผู้หายนะนั้น พวกเขาจะไม่ศรัทธา ของพระองค์คือทุกสิ่งที่อยู่ ในกลางคืนและกลางวัน พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ จงกล่าว เถิด ันจะยึดเอาผู้อื่นนอกจากพระเจ้าเป็นผู้คุ้มครองกระนั้นหรือ ใน เมื่อพระองค์เป็นผู้ทรงเนรมิตชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงให้ อาหารและไม่ทรงต้องการอาหาร จงกล่าวเถิด แท้จริง ันได้ถูกบัญชา ให้ เ ป็ น คนแรกของผู้ น อบน้ อ มยอมจำ า นนและมิ ไ ด้ อ ยู่ ใ นหมู่ ผู้ ตั้ ง ภาคี จงกล่าวเถิด ันจะไม่ ่า ืนพระผู้อภิบาลของ ัน เพราะ ันกลัวการ ลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่ ผู้ใดที่การลงโทษไม่เกิดขึ้นกับเขาในวันนั้น แน่นอน พระองค์ได้ทรงเมตตาเขา และนั่นคือความสำาเร็จอันสูงสุด ถ้าพระเจ้าจะทรงให้ใครประสบความทุกข์ยาก ไม่มีใครสามารถ

ปศุสัตว์

ขจัดทุกข์ให้เขาได้นอกจากพระองค์ และถ้าพระองค์ทรงให้สูเจ้าประสบ สิ่งดี จงรู้ไว้เถิดว่าพระองค์ทรงมีอำานาจที่จะทำาทุกสิ่งที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์เป็นผู้ทรงมีอำานาจสูงสุดเหนือปวงบ่าวของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงตระหนัก จงถามพวกเขาว่า การเป็นพยานของใครเชื่อถือได้มากที่สุด จงบอกพวกเขาว่าพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพยานระหว่างพวกท่านและ ัน จงกล่าวเถิด อัลกุรอาน นี้ได้ถูกประทานแก่ ันเพื่อที่ ันจะได้ตักเตือนพวกท่านและผู้ที่มันจะไป ถึง พวกท่านยืนยันจริงๆหรือว่ามีสิ่งเคารพสักการะอื่นๆร่วมกับพระเจ้า อีก จงกล่าวเถิด ันเองไม่ยืนยัน จงกล่าวเถิด พระองค์ เป็นพระเจ้า องค์เดียวเท่านั้น และ ันรังเกียจอะไรก็ตามที่พวกท่านนำาไปเป็นภาคีกับ พระองค์ บรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขารู้เรื่องนี้เหมือนกับที่ พวกเขารู้จักลูกๆของพวกเขาเอง แต่บรรดาผู้ที่ทำาให้ตัวของพวกเขา เองขาดทุนนั้นไม่เชื่อในเรื่องนี้ ใครเล่าที่ทำาความผิดอันยิ่งใหญ่กว่าผู้ กล่าวเท็จต่อพระเจ้าและป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ แท้จริง ผู้ทำาความผิดจะไม่ประสบความสำาเร็จ ในวันที่เราจะรวบรวมพวกเขา ทั้งหมดเข้าด้วยกัน เราจะกล่าวกับบรรดาผู้นำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับเรา ว่า ภาคีย่อยๆที่สูเจ้ากล่าวอ้างเหล่านั้นอยู่ที่ไหน แล้วพวกเขาจะไม่ สามารถแก้ตัวอะไรได้นอกจากจะกล่าวว่า ขอสาบานด้วยพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเรา เราไม่ได้เป็นผู้บูชารูปเคารพ จงดูเถิดว่าพวกเขา โกหกต่อตัวของพวกเขาเองอย่างไร และรูปเคารพที่พวกเขากุขึ้นมาจะ ทิ้งพวกเขาไป ในหมู่พวกเขามีบางคนที่ฟังเจ้า แต่เราได้คลุมหัวใจของพวกเขา และทำาให้พวกเขาไม่ได้ยินซึ่งทำาให้พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด แม้พวก เขาเห็นสัญญาณทุกอย่างแล้ว พวกเขาจะยังคงไม่เชื่อในสัญญาณเหล่า นั้น เมื่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมมาหาเจ้าเพื่อโต้แย้งกับเจ้า พวกเขาจะ

อัล อันอาม

กล่าวว่า นี่มิใช่อื่นใดนอกจากนิยายปรัมปรา และพวกเขาห้ามปราม คนอื่นจากการศรัทธาและพวกเขาเองก็หลีกห่าง แต่พวกเขาไม่ได้ทำาลาย ผู้ใดนอกจากตัวของพวกเขาเอง แต่พวกเขาไม่รู้สึก หากเจ้าเห็นตอน ที่พวกเขาถูกทำาให้หยุดยืนอยู่หน้านรก พวกเขาจะกล่าวว่า วิบัติแท้แน่ เรา หากเราถูกส่งกลับมามีชีวิตในโลกนี้อีก เราจะไม่ป ิเสธสัญญาณทั้ง หลายของพระผู้อภิบาลของเราอย่างแน่นอนและเราจะอยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา ความจริงที่พวกเขาเคยปิดบังไว้ก่อนหน้านี้จะปราก ให้พวกเขาได้ เห็นอย่างชัดเจน แต่ถ้าพวกเขาถูกส่งกลับไปมีชีวิตอีก พวกเขาจะหัน กลับไปยังสิ่งที่พวกเขาถูกสั่งห้ามอีก เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขาเป็นผู้ โกหก พวกเขากล่าวว่า ไม่มีชีวิตอื่นนอกจากชีวิตของเราในโลกนี้เท่านั้น เราจะไม่ถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพอีก ถ้าหากเจ้าได้เห็นเมื่อตอนที่พวกเขา ถูกนำามาอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา พระองค์จะทรงถามพวก เขาว่า นี่(ชีวิตที่สอง)มิใช่ความจริงกระนั้นหรือ พวกเขาจะกล่าวว่า ใช่ แล้ว ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของเรา พระองค์จะทรงกล่าวว่า ดัง นั้น จงชิมการลงโทษสำาหรับการป ิเสธความจริงเถิด แน่นอน ผู้ที่ขาดทุนยิ่งคือผู้ที่ป ิเสธการพบกับพระเจ้า จนกระทั่ง วาระสุดท้ายมาถึงพวกเขาอย่าง ับพลัน พวกเขาร้องว่า อนิจจา เคราะห์ กรรมของเราแท้ๆที่เราละเลยในเรื่องนี้ พวกเขาจะแบกภาระบาปของ พวกเขาไว้บนหลังของตัวเอง จงรู้ไว้เถิดว่าบาปที่พวกเขาแบกไว้นั้นเป็น ความชั่วทั้งสิ้น ชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นการละเล่นและ การบันเทิง แน่นอน สถานที่พำานักในโลกหน้านั้นดีกว่าสำาหรับบรรดาผู้ เกรงกลัวพระเจ้า สูเจ้าไม่เข้าใจหรือ (โอ้มุ ัมมัด) เรารู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นทำาให้เจ้าระทมใจ แท้จริง แล้ว มิใช่เจ้าที่บรรดาผู้ทำาความผิดป ิเสธ แต่มันเป็นสัญญาณทั้งหลาย ของพระเจ้าต่างหากที่พวกเขาป ิเสธ บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้า

ปศุสัตว์

ต่างถูกป ิเสธกันมาแล้ว แต่พวกเขาเหล่านั้นอดทนต่อการป ิเสธและ การถูกกดขี่ข่มเหงของพวกเขา จนกระทั่งการช่วยเหลือของเราได้มายัง พวกเขา ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนวจนะของพระเจ้าได้ และโดยแน่นอนยิ่ง เจ้าก็ได้รับข่าวคราวของบรรดาผู้ที่ถูกส่งมาก่อนหน้าเจ้าแล้ว ถ้าหาก เจ้าพบว่ามันเป็นการลำาบากที่จะทนต่อการป ิเสธของพวกเขา ดังนั้น ถ้าหากเจ้าสามารถ จงหาช่องทางลงไปในแผ่นดินหรือหาบันไดสู่ฟากฟ้า และนำาสัญญาณหนึ่งมาให้แก่พวกเขา หากพระองค์ทรงประสงค์ แน่นอน พระองค์คงประทานทางนำาแก่พวกเขาแล้ว ดังนั้น จงอย่าทำาตนเช่นเดียว กับพวกโง่เขลา มีแต่บรรดาผู้ฟังเท่านั้นที่สนองตอบการเรียกร้อง ส่วน คนตายนั้น พระเจ้าจะทรงทำาให้เขาฟื้นขึ้น แล้วพวกเขาจะถูกนำากลับไป ยังพระองค์ พวกเขาถามว่า ทำาไมจึงไม่มีสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของ เขาถูกส่งลงมายังเขา จงกล่าวเถิด แท้จริง พระเจ้าเท่านั้นที่มีอำานาจ จะส่งสัญญาณใดๆลงมาก็ได้ แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ (จง ดูเถิดว่า) สัตว์ที่เคลื่อนไหวในแผ่นดินและสัตว์ที่บินด้วยปีกทั้งสอง ของมันนั้นล้วนแต่เป็นเผ่าพันธุ์เยี่ยงเจ้า เรามิได้ละเลยในการกำาหนด แนวทางแห่งชีวิตของพวกมันไว้ล่วงหน้า ในที่สุดพวกเขาจะถูกรวบรวม ยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา บรรดาผู้ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของ เรานั้น พวกเขาหูหนวกและเป็นใบ้อยู่ในความมืดทึบ ผู้ใดที่พระเจ้า ทรงประสงค์ พระองค์ทรงปล่อยให้เขาหลงทาง และผู้ใดที่พระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์ทรงให้เขาอยู่ในหนทางที่เที่ยงตรง จงถามพวกเขาว่า บอก ันหน่อยซิว่าถ้าการลงโทษของพระเจ้า เกิดขึ้นกับพวกท่าน หรือยามอวสานกำาลังมาถึงพวกท่าน พวกท่านจะ ร้องเรียกผู้ใดอื่นนอกไปจากพระเจ้ากระนั้นหรือถ้าพวกท่านแน่จริง มีแต่พระองค์เท่านั้นที่สูจ้าร้องเรียก และพระองค์ทรงปลดเปลื้องความ

อัล อันอาม

ทุกข์ที่สูเจ้าวิงวอนขอต่อพระองค์ ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ แล้วสูเจ้าก็ลืม (พระเจ้าจอมปลอม)ที่สูเจ้าตั้งเป็นภาคีเทียบเทียมพระองค์ เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตมายังหมู่ชนต่างๆก่อนเจ้า(นบี) และเรา ได้ทำาให้พวกเขาต้องทุกข์ยากลำาบากด้วยความลำาเค็ญและเคราะห์กรรม เพื่อที่พวกเขาจะได้ถ่อมตน เมื่อความทุกข์ยากที่เรากำาหนดไว้บังเกิด แก่พวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ยอมถ่อมตน แต่หัวใจของพวกเขากลับแข็ง กระด้าง เพราะซาตานได้ทำาให้สิ่งที่พวกเขากำาลังทำาอยู่ดูเป็นเรื่องดี สำาหรับพวกเขา 44 ดังนั้น เมื่อพวกเขาลืมการตักเตือนของเรา เราได้ให้ พวกเขาทุกอย่างที่พวกเขาปรารถนา จนกระทั่งเมื่อพวกเขาคะนองต่อ สิ่งที่พวกเขาได้รับ เราจึงกระชากพวกเขาอย่างพลันจนพวกเขาเป็นผู้ สิ้นหวัง 45 ดังนั้น หมู่ชนผู้ทำาผิดจึงถูกทำาลายล้างโดยสิ้นเชิง บรรดาการ สรรเสริญเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก (มุ ัมมัด) จงถามพวกเขาว่า ถ้าหากพระเจ้าทรงริบเอาการได้ยิน ของพวกท่าน การมองเห็นของพวกท่านไปและทรงปิดผนึกหัวใจของ พวกท่าน วัตถุบูชาใดเล่าที่จะนำามันกลับมาให้แก่พวกท่านนอกไปจาก พระเจ้า จงดูเถิดว่าเราได้อธิบายให้เห็นถึงสัญญาณทั้งหลายอย่างไร แต่พวกเขาก็ยังหันห่างอีก 47 จงถามพวกเขา บอก ันหน่อยซิ ถ้าการ ลงโทษของพระเจ้าเกิดขึ้นกับพวกท่านโดย ับพลันหรือตามที่บอกไว้ ล่วงหน้า ใครเล่าจะถูกทำาลายนอกจากหมู่ชนผู้ทำาความผิด เรา ได้ส่งบรรดาศาสนทูตมาเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน ดังนั้น ผู้ใด ศรัทธาและปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่มีสาเหตุใดที่พวกเขาหวาด กลัว และพวกเขาจะไม่ระทม การลงโทษจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเราเพราะพวกเขาได้ ่า ืน จงกล่าวเถิด ันไม่ ได้บอกพวกท่านว่า ันมีคลังสมบัติของพระเจ้าและ ันไม่รู้ในสิ่งเร้นลับ และ ันก็ไม่ได้อ้างว่า ันเป็นทูตสวรรค์ ันเพียงแต่ป ิบัติตามสิ่งที่ถูก

ปศุสัตว์

ประทานแก่ ัน จงถามพวกเขาว่า คนตาบอดกับคนตาดีนั้นจะเหมือน กันกระนั้นหรือ แล้วพวกท่านยังไม่พิจารณาอีกหรือ จงตักเตือนด้วยสิ่งนี้(อัลกุรอาน)แก่บรรดาผู้ที่เกรงกลัวว่าวันหนึ่ง พวกเขาจะถูกนำากลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขาในสภาพที่พวกเขา จะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ขอไถ่โทษให้นอกจากพระองค์ ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขา จะได้เกรงกลัวพระเจ้า จงอย่าขับไล่บรรดาผู้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาล ของพวกเขาในยามเช้าและยามเย็นและแสวงหาความโปรดปรานของ พระองค์ เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบในการชำาระบัญชีของพวกเขาและพวกเขา ก็ไม่ต้องรับผิดชอบในการชำาระบัญชีของเจ้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้า เจ้าขับไล่พวกเขา เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ไม่เป็นธรรม ด้วยวิธีนี้เอง เราได้ใช้ พวกเขาบางคนทดลองบางคน เพื่อพวกเขาจะได้กล่าวว่า คน(ต่ำาต้อย) พวกนี้ดอกหรือในหมู่พวกเราที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปราน พระเจ้าไม่รู้ดีที่สุดหรือว่าใครเป็นผู้กตัญญู 54 เมื่อบรรดาผู้ศรัทธาในวจนะของเรามายังเจ้า จงกล่าวแก่พวกเขา ว่า ขอความสันติจงมีแด่ท่าน พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ทรงกำาหนด ความเมตตาไว้สำาหรับพระองค์แล้ว เพื่อที่หากผู้ใดในหมู่พวกท่านกระทำา ความชั่วไปโดยไม่รู้แล้วเกิดสำานึกผิดกลับตัวภายหลังจากนั้น แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 55 ในทำานองนี้เอง เราได้ทำาให้ สัญญาณทั้งหลายของเรากระจ่างชัดและง่ายเพื่อที่จะได้เห็นทางของคน ทำาชั่วอย่างชัดเจน (มุ ัมมัด) จงกล่าวเถิด ันถูกห้ามเคารพสักการะสิ่งที่พวกท่าน วิงวอนนอกไปจากพระเจ้า จงกล่าวเถิด ันจะไม่ป ิบัติตามอารมณ์ต่ำา ของพวกท่าน ถ้า ันทำา ันจะหลงผิดและ ันจะไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้ได้รับทาง นำา 57 จงกล่าวเถิด ันอยู่บนหลัก านอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของ ัน และพวกท่านป ิเสธมัน สิ่งที่พวกท่านรีบเร่งอยากให้มีขึ้นนั้นมิได้ อยู่ในอำานาจของ ัน เพราะพระเจ้าเท่านั้นที่มีอำานาจแต่ผู้เดียวในการ

อัล อันอาม

ตัดสิน พระองค์ทรงแจ้งสัจธรรม และพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ตัดสินทั้ง หลาย จงกล่าวเถิด ถ้า ันมีอำานาจทำาสิ่งที่ท่านเร่งอยากให้มีขึ้น การ โต้แย้งระหว่าง ันกับพวกท่านก็คงจะยุติแล้ว พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดว่าจะ ทำาอย่างไรกับบรรดาผู้ทำาความชั่ว พระองค์เท่านั้นที่มีกุญแจแห่ง สิ่ง พ้นญาณวิสัย ไม่มีใครล่วงรู้มันนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงรอบรู้ที่อยู่ ในแผ่นดินและในทะเล และไม่มีแม้แต่ใบไม้สักใบเดียวที่ร่วงหล่นโดยที่ พระองค์ไม่ทรงรู้ และไม่มีเมล็ดพืชแม้แต่เมล็ดหนึ่งในความมืดของแผ่น ดินที่พระองค์ไม่ทรงรู้ หรือสิ่งใดที่สดและเหี่ยวแห้งเว้นแต่ได้ถูกบันทึกไว้ หมดแล้วในบันทึกอันชัดแจ้ง พระองค์ทรงเรียกสูเจ้ากลับในตอนกลางคืนและทรงรอบรู้สิ่งที่ สูเจ้าทำาในตอนกลางวัน หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำาให้สูเจ้ากลับคืนสู่ ยามนั้นอีกเพื่อที่สูเจ้าจะได้มีชีวิตครบวาระที่ถูกกำาหนดไว้ หลังจากนั้น ยังพระองค์ที่สูเจ้าจะกลับไป แล้วพระองค์จะทรงแจ้งสูเจ้าถึงสิ่งที่สูเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงมีอำานาจเหนือปวงบ่าวของพระองค์ ได้กระทำาไว้ พระองค์ได้ส่งบรรดาผู้พิทักษ์(ทูตสวรรค์)ผู้เ ้าจับตาสูเจ้า จนกระทั่ง เวลาแห่งความตายของผู้ใดในหมู่สูเจ้ามาถึง ทูตสวรรค์ของเราก็จะ เอาวิญญาณเขาไป และพวกเขาจะไม่บกพร่องในหน้าที่แม้แต่นิดเดียว แล้วทั้งหมดจะถูกนำากลับมายังพระเจ้าผู้ทรงเป็นนายที่แท้จริงของ พวกเขา การพิพากษาเป็นของพระองค์เท่านั้นและพระองค์ทรงรวดเร็ว ยิ่งในหมู่ผู้คิดบัญชี (โอ้มุ ัมมัด) จงถามพวกเขาว่า ผู้ใดช่วยพวกท่านให้พ้นจากความ หายนะในความมืดของแผ่นดินและในทะเลเมื่อตอนที่พวกท่านวิงวอนต่อ พระองค์อย่างเจียมตนโดยเงียบๆว่า ถ้าพระองค์ช่วยเราให้พ้นจากความ วิบัตินี้ เราจะเป็นผู้กตัญญู จงกล่าวเถิด พระเจ้าต่างหากผู้ทรงช่วย พวกท่านให้พ้นจากนั้นและจากทุกภัยพิบัติ แต่ถึงกระนั้น พวกท่านก็ยัง นำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์ จงกล่าวเถิด พระองค์ทรงมีอำานาจที่

ปศุสัตว์

จะส่งการลงโทษมายังพวกท่านจากเบื้องบนของพวกท่านหรือจากใต้เท้า ของพวกท่าน หรือทำาให้พวกท่านแตกเป็นกกเป็นเหล่าเพื่อให้หมู่หนึ่ง ของพวกท่านได้ลิ้มรสความรุนแรงของอีกหมู่หนึ่ง จงดูเถิดว่า เราได้ แสดงสัญญาณทั้งหลายของเราในลักษณะต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร เพื่อพวกเขาจะได้เข้าใจ และหมู่ชนของเจ้าป ิเสธสาสน์ที่เราส่งมา ทางเจ้า ทั้งๆที่มันเป็นสัจธรรม จงกล่าวเถิด ันไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบ ต่อพวกท่าน สำาหรับทุกๆเหตุการณ์ได้ถูกกำาหนดเวลาให้ปราก แล้ว และพวกท่านจะรู้ในไม่ช้า เมื่อเจ้า(มุ ัมมัด)เห็นผู้คนสาละวนอยู่กับการจับผิดสิ่งที่เราประทาน มา จงหันห่างออกจากพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะคุยกันในเรื่องอื่นจาก นั้น ถ้าซาตานทำาให้เจ้าหลงลืมในเรื่องนี้ ดังนั้น จงอย่านั่งร่วมกับบรรดา ส่วนบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นไม่ต้อง ผู้ทำาผิดทันทีที่เจ้านึกขึ้นได้ รับผิดชอบต่อบรรดาผู้กระทำาผิดแต่ประการใด หน้าที่ของพวกเขาแค่ เพียงตักเตือนเพื่อคนเหล่านั้นจะได้เกรงกลัวพระเจ้า จงปล่อยบรรดา ผู้ถือเอาศาสนาของพวกเขาเป็นการละเล่นและการบันเทิงและถูกล่อลวง โดยชีวิตนี้ไว้ตามลำาพัง แต่จงตักเตือนพวกเขาโดยอัลกุรอาน มิ ะนั้น ชีวิตจะเสียหายตามความชั่วที่มันได้ทำาไว้ ไม่มีผู้ใดอื่นนอกจากพระเจ้าที่ จะเป็นผู้คุ้มครองและไถ่แทนชีวิตนั้น ถึงแม้พวกเขาจะเอาอะไรมาเสนอ เป็นค่าไถ่แทน มันจะไม่เป็นที่ถูกรับจากเขา คนเหล่านี้คือบรรดาผู้สูญ เสียเนื่องจากการงานของพวกเขา พวกเขาจะได้รับน้ำาดื่มที่เดือดและการ ลงโทษอันเจ็บปวดเนื่องจากพวกเขาป ิเสธสัจธรรม (มุ ัมมัด) จงถามพวกเขาว่า เราควรจะวิงวอนผู้ที่ไม่สามารถยัง คุณให้โทษแก่เราแทนพระเจ้ากระนั้นหรือ เราควรหันส้นเท้าของเรา หลังจากที่พระเจ้าได้ทรงนำาทางเราแล้วเหมือนกับผู้ที่ซาตานได้ล่อลวง ให้เดินไปตามกิเลสต่ำาของมันในแผ่นดินอย่างมึนงงกระนั้นหรือขณะที่ พรรคพวกของเขาได้ร้องเรียกเขาว่า มาหาเราเถิด นี่คือทางที่เที่ยงตรง

อัล อันอาม

จงกล่าวเถิด แท้จริง ทางนำาของพระเจ้านั้นคือทางนำาที่แท้จริง และ เราได้รับบัญชาให้นอบน้อมต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก และดำารง นมาซและเกรงกลัวพระเจ้า ยังพระองค์คือผู้ที่สูเจ้าจะถูกรวบรวมกลับ ไป พระองค์คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์ ที่แท้จริง วันที่พระองค์ตรัสว่า จงบังเกิดขึ้น แล้วมันก็บังเกิดขึ้นมา พระ ดำารัสของพระองค์คือความจริง และในวันซึ่งแตรจะถูกเป่า อำานาจสูงสุด จะเป็นของพระองค์ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย และพระองค์ คือผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงตระหนัก 74 จงนึกถึงเมื่ออิบรอ ีมพูดกับอาซัรฺ บิดาของเขาว่า พ่อยึดเอารูปปั้นเป็นพระเจ้ากระนั้นหรือ ผมว่าพ่อและ ผู้คนของพ่อหลงผิดชัดๆ 75 ด้วยเหตุนั้นเอง เราจึงได้ให้อิบรอ ีมเห็นอาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้อยู่ในหมู่ผู้เชื่อมั่น เมื่อกลางคืน แผ่ปกคลุมเขาและเขาเห็นดวงดาว เขากล่าวว่า นี่คือพระผู้อภิบาลของ ัน แต่เมื่อมันหายไป เขาได้กล่าวว่า ันไม่ชอบสิ่งที่หายไป 77 ครั้น เมื่อเขาเห็นดวงจันทร์ขึ้นมาส่องแสง เขาได้กล่าวว่า นี่คือพระผู้อภิบาล ของ ัน แต่เมื่อมันหายลับไป เขาได้กล่าวว่า ถ้าพระผู้อภิบาลของ ัน ไม่ทรงนำาทาง ัน ันคงเป็นผู้หลงผิดอย่างแน่นอน ครั้นเมื่อเขาเห็น ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา เขาได้กล่าวว่า นี่คือพระผู้อภิบาลของ ัน นี่เป็น สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เมื่อมันลับขอบฟ้าไป เขาได้กล่าวว่า หมู่ชนของ ัน เอย ันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่พวกท่านตั้งภาคีเลย สำาหรับ ันแล้ว ันขอหันหน้าตรงต่อพระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ ัน ไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า เมื่อผู้คนโต้เถียงกับ เขา เขาได้กล่าวว่า พวกท่านโต้เถียง ันเกี่ยวกับพระเจ้ากระนั้นหรือใน ขณะที่พระองค์ได้ทรงนำาทาง ัน และ ันไม่กลัวสิ่งที่พวกท่านนำามาเป็น ภาคีเทียบเคียงกับพระองค์ เว้นแต่พระผู้อภิบาลของ ันจะทรงประสงค์ ให้เป็นอย่างอื่น พระผู้อภิบาลของ ันทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง แล้วพวกท่าน

ปศุสัตว์

ยังไม่สำานึกอีกหรือ ทำาไม ันจะต้องกลัวสิ่งที่พวกท่านนำามาเป็นภาคี กับพระองค์ในเมื่อพวกท่านเองก็ไม่เกรงกลัวการตั้งภาคีต่อพระเจ้าโดยที่ พระองค์ไม่ได้ให้อำานาจพวกท่าน ดังนั้น บอก ันมาซิว่าอะไรในสองอย่าง นี้ที่จะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้าพวกท่านรู้ แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธาและ ไม่ทำาให้ความศรัทธาของเขาปะปนกับการตั้งภาคีเท่านั้นที่จะปลอดภัย และเป็นผู้ได้รับทางนำาที่ถูกต้อง นี่คือข้อโต้แย้งของเราที่ได้ประทาน แก่อิบรอ ีมต่อผู้คนของเขา เรายกผู้ที่เราประสงค์ให้มีตำาแหน่งหลายชั้น แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ เราได้ ประทานลูกหลานแก่เขา เช่น อิส ากและยะกูบ และเราได้นำาทางพวก เขาทุกคนเช่นเดียวกับที่เราได้นำาทางนู ฺมาก่อน และจากวงศ์วานของ เขาอันได้แก่ดาวูด สุลัยมาน อัยยูบ ยูซุฟ มูซาและ ารูนเราได้นำาทางด้วย เช่นกัน ในทำานองนี้เองที่เราได้ตอบแทนผู้ทำาความดี ซะกะรียา ยะ ฺยา อีซาและอิลยาส ทุกคนอยู่ในหมู่ผู้ซื่อตรง อิส มาอีล อัลยะซะอ์ ยูนุสและลู แต่ละคนเราได้โปรดปรานพวกเขาให้ เหนือผู้คนทั้งหลาย และยังมีบางคนในหมู่บิดาของพวกเขาและวงศ์ วานของพวกเขาและในหมู่พี่น้องของพวกเขาซึ่งเราเลือกสรรและนำาทาง พวกเขามายังทางที่เที่ยงตรง นั่นคือทางนำาของพระเจ้าซึ่งโดยทางนำา นี้พระองค์ทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ แต่ ถ้ า คนใดในหมู่ ค นของพระองค์ นำ า สิ่ ง ใดมาเป็ น ภาคี กั บ พระองค์ แน่นอน อันใดที่พวกเขาทำาไว้ทั้งหมดจะไม่มีประโยชน์อะไร เหล่านี้คือ บรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์ ข้อตัดสินและการเป็นนบีแก่พวกเขา ดัง นั้น ถ้าผู้คนเหล่านี้(ชาวมักกะ ฺ)ป ิเสธ เราจะมอบมันให้แก่ผู้อื่นที่จะไม่ ป ิเสธมัน คนเหล่านี้(บรรดานบีก่อนๆ)คือผู้ที่พระเจ้าทรงนำาทาง ดัง นั้น จงป ิบัติตามทางนำาของพวกเขาและ(มุ ัมมัด)จงกล่าวเถิดว่า ัน ไม่ร้องขอการตอบแทนใดๆจากพวกท่านสำาหรับการแสดงทางนำานี้ นี่ มิใช่อื่นใดนอกจากข้อตักเตือนสำาหรับผู้คนทั้งหมดในโลก พวกเขาไม่

อัล อันอาม

ได้ยอมรับพระเจ้าจริงๆเมื่อพวกเขากล่าวว่า พระเจ้ามิได้ประทานสิ่งใด แก่คนธรรมดา จงถามว่า แล้วใครเล่าที่ได้ส่งคัมภีร์ที่มูซาได้นำามาเป็น แสงสว่างและทางนำาแก่ปวงมนุษย์ซึ่งพวกท่านทำามันแยกออกเป็นส่วนๆ ส่วนหนึ่งพวกท่านนำามันออกมาแสดง แต่ปกปิดส่วนใหญ่ไว้จากผู้คน พวกท่านถูกสอนสิ่งต่างๆที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านไม่รู้มา ก่อน จงกล่าวว่า พระเจ้าได้ส่งมันมา แล้วปล่อยพวกเขาให้เล่นลิ้นกับ การพูดที่ไร้สาระของพวกเขา นี่คือคัมภีร์อันจำาเริญที่เราได้ประทานลงมาเป็นสิ่งยืนยันที่เราได้ ส่งมาก่อนคัมภีร์นี้เพื่อเจ้าจะได้ตักเตือนผู้คนใจกลางเมือง(มักกะ ฺ)และ ที่อาศัยอยู่รอบๆมัน บรรดาผู้ศรัทธาในโลกหน้าเชื่อในคัมภีร์นี้และพวก ผู้ใดเล่าที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าผู้กล่าวเท็จ เขารักษาการนมาซของพวกเขา ต่อพระเจ้าหรือคนที่กล่าวว่า มันถูกประทานแก่ ัน ทั้งๆที่ไม่มีสิ่งใด ถูกประทานแก่เขาเลยหรือผู้ที่กล่าวว่า ันจะส่งสิ่งเดียวกับที่พระเจ้าส่ง มา ถ้าเจ้าได้เห็นคนชั่วเหล่านี้อยู่ในอาการเจียนตายในขณะที่ทูตสวรรค์ กำาลังยื่นมือลงมาพลางกล่าวว่า เอาชีวิตของเจ้าออกมา วันนี้พวกเจ้าจะ ถูกตอบแทนด้วยการลงโทษอันอัปยศเนื่องจากพวกเจ้ากล่าวร้ายพระเจ้า โดยไม่ เ ป็ น ความจริ ง และพวกเจ้ า หยิ่ ง ยโสต่ อ สั ญ ญาณทั้ ง หลายของ พระองค์ และตอนนี้ สูเจ้าได้กลับมายังเราอย่างโดดเดี่ยวเหมือนกับที่เรา ได้สร้างสูเจ้าเมื่อครั้งแรก ตอนนี้ สูเจ้าได้ละทิ้งทุกสิ่งที่เราได้ประทาน แก่สูเจ้าไว้ข้างหลังสูเจ้า และตอนนี้ เราไม่เห็นผู้ขอไถ่โทษของสูเจ้าที่ สูเจ้าอ้างว่าเป็นภาคีกับพระเจ้าของสูเจ้าอยู่กับสูเจ้า แท้จริง สายสัมพันธ์ ระหว่างสูเจ้าได้ถูกตัดขาดแล้วและทั้งหมดที่สูเจ้าวางใจนั้นได้ทิ้งสูเจ้า ไปหมดแล้ว แท้จริง พระจ้าคือผู้ทรงปริเมล็ดพืชและเมล็ดอินทผลัม พระองค์ทรงทำาให้ชีวิตออกมาจากที่ตายและผู้ทรงทำาให้ที่ตายออกมา

ปศุสัตว์

จากที่มีชีวิต นั่นคือพระเจ้าผู้ทรงทำาสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แล้วสูเจ้าถูกชักจูง ให้หันออกไปสัจธรรมได้อย่างไร พระองค์เป็นผู้ทรงเบิกอรุณและทรงทำากลางคืนเป็นยามพัก ผ่อน และทรงกำาหนดการโคจรของดวงตะวันและดวงเดือน นั่นเป็นการ กำาหนดของพระผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงรอบรู้ พระองค์คือผู้ทรงสร้าง ดวงดาวไว้สำาหรับสูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้อาศัยมันชี้ทางในเวลามืดทึบใน แผ่นดินและในทะเล แน่นอน เราได้ทำาให้สัญญาณทั้งหลายของเราเป็น ที่แจ้งชัดแล้วสำาหรับคนที่ต้องการจะเข้าใจ พระองค์คือผู้ทรงบังเกิด สูเจ้าจากชีวิตหนึ่งและได้ทรงจัดเตรียมสถานที่แห่งหนึ่งไว้ให้อยู่อาศัย(ใน ชีวิต)และสถานที่พักผ่อนไว้(หลังความตาย) แน่นอน เราได้ทำาให้สิ่งที่เรา ประทานมาเป็นที่แจ้งชัดแล้วสำาหรับผู้มีความเข้าใจ พระองค์คือผู้ทรงให้น้ำาหลั่งลงมาจากท้องฟ้า และโดยน้ำานั้น เรา ได้ทำาให้พืชผักทุกชนิดงอกเงยขึ้นมา แล้วเราได้ทำาให้มันเขียวขจี หลัง จากนั้น เราได้ให้เมล็ดข้าวที่เรียงซ้อนกันเป็นรวงงอกออกมา และต้น อินทผลัมที่งวงของมันเป็นพวงย้อยต่ำาลงดิน และสวนองุ่นและมะกอก และทับทิมที่ถึงแม้ผลของมันจะดูละม้ายกัน แต่กระนั้นก็ยังมีคุณสมบัติที่ ต่างกัน จงดูผลของมันว่าออกมาได้อย่างไรและมันสุกได้อย่างไร แท้จริง ในสิ่งเหล่านั้นเป็นสัญญาณสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา แต่กระนั้น พวก เขายังตั้งพวกญินเป็นภาคีเทียบเคียงพระเจ้าในขณะที่พระองค์เป็นผู้ทรง สร้างพวกมัน พวกเขายังได้ใส่ร้ายอีกด้วยว่าพระองค์มีโอรสและธิดา หลายองค์โดยไม่มีความรู้ ในขณะที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง พ้นจากที่พวกเขากล่าวอ้าง พระองค์คือผู้ทรงเริ่มต้นชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน พระองค์จะทรงมีโอรสได้อย่างไรในเมื่อพระองค์ไม่มีมเหษี ระบบอันกว้างใหญ่ไพศาลของจักรวาลดำาเนินไปอย่างถูกต้อง แม่นยำาจนไม่มีข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาเป็นเวลานับหลายล้านปีแล้ว นี่เป็นการพิสูจน์ถึงการดำารงอยู่ของผู้ที่มีอำานาจยิ่งใหญ่อย่างไม่จำากัด

อัล อันอาม

พระองค์ทรงสร้างทุกสิ่งและพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง นี่คือ พระเจ้า พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ทรง สร้างทุกสิ่ง ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงพิทักษ์ ทุกสิ่ง ไม่มีการมองเห็นใดๆสามารถมองเห็นพระองค์ แต่พระองค์ ทรงอยู่เหนือการมองเห็นทั้งหมด และพระองค์เป็นผู้ทรงละเอียด ผู้ทรง รอบรู้ ตอนนี้ข้อพิสูจน์จากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้มายังสูเจ้าแล้ว ดังนั้น ผู้ใดมองเห็นก็เป็นการดีสำาหรับตัวเขาเอง และผู้ใดทำาตัวเหมือน คนตาบอดก็เป็นผลเสียต่อตัวของเขาเอง จงบอกพวกเขาว่า ันไม่ใช่ผู้ คอยเ ้าดูแลพวกท่าน นี่คือวิธีการที่เราอธิบายสิ่งที่เราได้ประทานมา ครั้งแล้วครั้งเล่าในลักษณะต่างๆเพื่อพวกเขาจะกล่าวว่า เจ้า(มุ ัมมัด)ได้ อ่านสิ่งนี้ออกมาให้เราแล้ว และเพื่อเราจะได้ทำามันให้เป็นที่แจ่มแจ้ง(ว่า นี่คือสัจธรรม)สำาหรับผู้ที่อยากรู้ ดังนั้น (มุ ัมมัด) จงป ิบัติตามที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระ ผู้อภิบาลของเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์และจงหันห่างจาก พวกบูชารูปเคารพ หากพระเจ้าทรงประสงค์ พวกเขาคงจะไม่ตั้งภาคี และเราไม่ได้แต่งตั้งเจ้า(มุ ัมมัด)เป็นผู้เ ้าดูแลพวกเขา และเจ้าก็ไม่ได้ รับมอบหมายให้เป็นผู้พิทักษ์ของพวกเขาด้วย จงอย่าด่าว่าสิ่งที่พวก เขาวิงวอนแทนพระเจ้า มิ ะนั้น พวกเขาจะด่าว่าพระเจ้าอย่างเลยเถิด โดยไม่มีความรู้ ดังนั้น เราได้ทำาให้การงานของผู้คนทุกหมู่เป็นที่ยุติธรรม แก่พวกเขา แล้วในที่สุด พวกเขาจะกลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา แล้วเราจะแจ้งพวกเขาตามที่พวกเขาได้กระทำาไว้ พวกเขายังกล่าว คำาสาบานอย่างหนักแน่นด้วยพระนามของพระเจ้าว่าถ้าหากมีสัญญาณ หนึ่งมายังพวกเขา พวกเขาจะศรัทธา จงกล่าวเถิดว่า พระเจ้าเท่านั้นที่ สามารถแสดงสัญญาณต่างๆได้ เจ้าจะบอกได้อย่างไรว่าถ้าพวกเขาได้ รับสัญญาณหนึ่งแล้ว พวกเขาจะศรัทธา เราจะหันหัวใจและสายตาของพวกเขาให้ห่างออกจากสัจธรรม

ปศุสัตว์

เนื่องจากพวกเขาป ิเสธที่จะเชื่อมันมาตั้งแต่แรก ดังนั้น เราจะปล่อยให้ พวกเขาระเหระหนอย่างมืดบอดในการดื้อดึงของพวกเขาต่อไป ถึง แม้เราจะส่งทูตสวรรค์ลงมายังพวกเขาและทำาให้คนตายพูดกับพวกเขา และนำาทุกสิ่งมารวมอยู่ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ศรัทธาเว้นแต่ พระเจ้าประสงค์จะให้เขาศรัทธา แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ทำาตัวโง่เขลา ในทำานองนั้น เราได้ทำาให้นบีทุกคนมีศัตรูจากคนพาลในหมู่มนุษย์ และญินผู้คอยกระซิบกระซาบถ้อยคำาเย้ายวนแก่บางคนเพื่อเป็นการ หลอกลวง ถ้าหากพระผู้อภิบาลของเจ้าประสงค์ พวกเขาจะไม่ทำาเช่นนั้น ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาให้กล่าวคำามุสาต่อไป เพื่อหัวใจของบรรดาผู้ ไม่ศรัทธาในโลกหน้าจะได้คล้อยตามคำามุสานั้นและเพื่อที่พวกเขาจะได้ ดังนั้น ันจึงควร พอใจมันและทำาบาปต่อไปตามที่พวกเขาอยากทำา แสวงหาผู้พิพากษาอื่นไปจากพระเจ้ากระนั้นหรือในเมื่อพระองค์เป็นผู้ ประทานคัมภีร์อันแจ่มแจ้งมาถึงพวกท่าน และบรรดาผู้ที่เราได้ประทาน คัมภีร์ก่อนหน้าเจ้ารู้ดีว่าคัมภีร์นี้ถูกส่งมาจากพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วย ความจริง ดังนั้น เจ้าจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้สงสัย วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้าครบถ้วนแล้วในสัจธรรมและความ ยุติธรรม ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนวจนะของพระองค์ได้ และพระองค์เป็นผู้ทรง ได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ ถ้าเจ้า(มุ ัมมัด)เชื่อฟังป ิบัติตามส่วนมากของ บรรดาผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน พวกเขาจะทำาให้เจ้าหลงไปจากทางของ พระเจ้า เพราะพวกเขาไม่ได้ป ิบัติตามสิ่งใดนอกจากการคิดเอาเองและ พวกเขาคะเนเอาเท่านั้นเอง แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีที่สุด ว่าผู้ใดหลงไปจากทางของพระองค์ และพระองค์ทรงรู้ดีที่สุดถึงผู้อยู่ใน ทางนำา ดังนั้น จงบริโภคเนื้อของสัตว์ที่พระนามของพระเจ้าถูกกล่าว เหนือมันถ้าสูเจ้าศรัทธาในสิ่งที่พระเจ้าประทานมาอย่างแท้จริง แล้วไ นเล่าที่สูเจ้าไม่บริโภคสิ่งที่พระนามของพระเจ้าถูกกล่าว เหนื อ มั น เมื่ อ พระองค์ ไ ด้ ท รงให้ สู เ จ้ า รู้ อ ย่ า งแจ่ ม แจ้ ง แล้ ว ว่ า อั น ใดที่

อัล อันอาม

พระองค์ทรงห้ามแก่สูเจ้า นอกเสียจากว่าเมื่อสูเจ้าอยู่ในภาวะคับขัน จริงๆ แท้จริงแล้ว ผู้คนส่วนมากได้หลงตามอารมณ์ต่ำาของพวกเขาโดย ไม่มีความรู้ แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงผู้ที่ละเมิด จง ทิ้งบาปที่เปิดเผยและซ่อนเร้น แท้จริง บรรดาผู้ทำาบาปนั้นในไม่ช้าจะถูก ตอบแทนตามที่พวกเขาได้ทำาไว้ และจงอย่ากินเนื้อของสัตว์ที่มิได้ ถูกกล่าวนามของพระเจ้าเมื่อตอนเชือด แท้จริง นั่นเป็นการ ่า ืน พวก ซาตานได้กระซิบเสี้ยมสอนพวกพ้องของมันให้โต้เถียงสูเจ้า ถ้าสูเจ้า ป ิบัติตามพวกมัน สูเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า อย่างแน่นอน คนตายที่เราได้ให้ชีวิตและแสงสว่างแก่เขาซึ่งทำาให้เขา สามารถเดินได้นั้นจะเหมือนกับคนที่อยู่ในความมืดและไม่สามารถออก มาจากความมืดได้กระนั้นหรือ ดังนั้น การงานทั้งหลายของบรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมได้ถูกทำาให้เป็นที่สวยหรูดูดีสำาหรับพวกเขา ดังนั้น เราได้ให้มีบรรดาผู้นำาของคนชั่วในทุกเมืองเพื่อวางกับดัก ในเมืองนั้น แต่พวกเขาเองกลับติดกับดักที่พวกเขาเองวางไว้โดยที่พวก เขาไม่รู้ เมื่อมีสัญญาณหนึ่งมายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า เราจะไม่ เชื่อในสัญญาณนั้นจนกว่าเราได้รับสิ่งที่ศาสนทูตของพระเจ้าได้รับ แต่ พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดว่าใครเหมาะสมที่พระองค์จะแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูต ของพระองค์ ความอัปยศต่อหน้าพระเจ้าและการลงโทษอันแสนสาหัส จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ทำาความชั่วสำาหรับแผนการที่พวกเขาได้วางไว้ เมื่อพระเจ้าปรารถนาที่จะนำาทางผู้ใด พระองค์จะทรงเปิดหัวอกของ พวกเขาสู่อิสลาม และผู้ใดที่พระองค์จะทรงปล่อยให้เขาหลงทาง พระองค์ จะทำาให้หัวอกของเขาคับแคบและบีบแน่นจนเขารู้สึกเหมือนกับเขาได้ ปีนขึ้นไปสู่ท้องฟ้า นั่นเป็นวิธีที่พระเจ้าได้นำาเอาความอัปยศอดสูมากอง ไว้บนตัวผู้ไม่ศรัทธา นี่คือหนทางอันเที่ยงตรงที่นำาไปสู่พระผู้อภิบาลของเจ้า เราได้ ทำาให้สัญญาณทั้งหลายเป็นที่ชัดเจนแล้วสำาหรับบรรดาคนที่ใช้ความคิด

ปศุสัตว์

พวกเขาจะได้พำานักอยู่ในที่พำานักอันสงบสุขกับพระผู้อภิบาลของ พวกเขา พระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครองพวกเขาเนื่องจากความดีที่พวกเขา ได้ทำาไว้ ในวันที่พระองค์จะทรงรวมพวกเขาเข้าด้วยกัน พระองค์จะ ทรงกล่าวกับพวกญินว่า ชุมชนแห่งญินเอย สูเจ้าได้เอามนุษย์ส่วนมาก ไปใช้ประโยชน์แล้ว และเพื่อนๆของพวกมันจากหมู่มนุษย์จะกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเรา พวกเราบางคนก็ได้เอาพวกเขามาใช้ประโยชน์ ด้วยเช่นกัน และตอนนี้ เราได้มาถึงวาระที่พระองค์ได้ทรงกำาหนดไว้ สำาหรับเราแล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า ไฟคือที่พำานักของสูเจ้าและสูเจ้า จะได้อยู่ในนั้นตลอดกาล เว้นแต่ที่พระเจ้าทรงประสงค์ แน่นอน พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ และในทำานองนี้เอง เราได้ทำาให้ผู้ทำาความผิดบางคนเป็นเพื่อน กับอีกบางคนเป็นการลงโทษสำาหรับความผิดของพวกเขา โอ้หมู่ญิน และมนุษย์เอย บรรดาศาสนทูตจากหมู่สูเจ้ามิได้มายังสูเจ้าและบอกเล่า สิ่งที่ ันประทานมาแก่สูเจ้าและเตือนสำาทับสูเจ้าถึงการพบกันของวันนี้ กระนั้นหรือ พวกเขากล่าวว่า ใช่ เราได้เป็นพยานยืนยันต่อตัวเราเอง แล้ว แต่ชีวิตของโลกนี้ได้หลอกลวงพวกเขาและพวกเขาได้ยืนยันต่อตัว ของพวกเขาเองว่าพวกเขาเป็นผู้ป ิเสธสัจธรรม พระผู้อภิบาลของ เจ้าจะไม่ทรงทำาลายบ้านเมืองใดอย่างไม่เป็นธรรมตราบที่ชาวเมืองนั้นยัง ไม่รู้ เพราะระดับ(การตอบแทน)ของแต่ละคนนั้นถูกกำาหนดโดยสิ่งที่ พวกเขาได้กระทำาไว้ พระผู้อภิบาลของเจ้ามิใช่ผู้ทรงเมินเ ยต่อสิ่งที่พวก เขากระทำา พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย ทรงเป็นเจ้า แห่งความเมตตาเสมอ หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงขจัด สู เ จ้ า และให้ ผู้ ที่ พ ระองค์ ท รงประสงค์ เ ข้ า มาแทนสู เ จ้ า เช่ น เดี ย วกั บ ที่ พระองค์ได้ทรงบังเกิดสูเจ้าจากวงศ์วานของกลุ่มชนอื่น แท้จริง สิ่งที่ สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้นั้นจะต้องมาอย่างแน่นอน และสูเจ้าไม่อาจป้องกัน

อัล อันอาม

ได้ จงกล่าวเถิด(มุ ัมมัด) หมู่ชนของ ันเอย พวกท่านจงทำาไปตาม ทางของพวกท่านและ ันจะทำาตามทางของ ัน แล้วในไม่ช้า พวกท่านจะ รู้ว่าจุดหมายปลายทางของใครจะดีที่สุดในโลกหน้า แท้จริง ผู้ทำาความ ผิดนั้นจะไม่ประสบผลสำาเร็จ พวกเขากันส่วนหนึ่งจากที่พระเจ้าได้ ทรงให้งอกเงยขึ้นจากไร่นาและปศุสัตว์ไว้สำาหรับพระองค์ และพวกเขา กล่าวว่า นี่สำาหรับพระเจ้า และ ส่วนนี้สำาหรับเทพเจ้าที่เราตั้งขึ้นมา แต่ส่วนที่เป็นของเทพเจ้าที่พวกเขาตั้งขึ้นมานั้นไม่ถึงพระเจ้า ในขณะที่ ส่วนของพระเจ้ากลับถึงเทพเจ้าเหล่านั้นของพวกเขา ชั่วช้าแท้ๆที่พวก เขาตัดสิน และในทำานองนั้นเอง สิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ได้ทำาให้การ ่าลูกๆของพวกเขาเป็นเรื่องดีต่อพวกเขาเพื่อทำาให้พวกเขา พินาศและทำาให้พวกเขาสับสนในศาสนาของพวกเขา ถ้าหากพระเจ้าทรง ประสงค์ พวกเขาจะไม่กระทำามัน ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาไว้ตามลำาพัง กับความเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้นเถิด พวกเขากล่าวว่า ปศุสัตว์และพืช ผลเหล่านี้ถูกสงวนไว้ ไม่มีใครบริโภคมันได้เว้นแต่ผู้ที่เราอนุญาต ยังมี สัตว์บางชนิดที่ถูกห้ามขี่และบรรทุก และมีปศุสัตว์ที่พวกเขาไม่เอ่ยนาม ของพระเจ้าเวลาเชือด พวกเขากล่าวเท็จว่าสิ่งเหล่านี้มาจากพระองค์ ใน ไม่ช้า พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาสำาหรับความเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้น พวกเขากล่าวว่า ที่อยู่ในท้องของปศุสัตว์นี้ถูกสงวนไว้สำาหรับ ผู้ชายเราโดยเ พาะ และเป็นที่ต้องห้ามแก่ภรรยาของเรา แต่ถ้ามันคลอด ออกมาตาย ทั้งสอง ่ายก็มีส่วนในนั้น แน่นอน พระเจ้าจะทรงลงโทษ พวกเขาสำาหรับสิ่งที่พวกเขาแอบอ้าง แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชา ญาณและผู้ทรงรอบรู้ แน่นอน บรรดาผู้ขาดทุนคือผู้ที่ ่าลูกๆของพวก เขาอย่างโง่เขลาโดยไม่มีความรู้และห้ามในสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานแก่ พวกเขาเป็นเครื่องยังชีพแล้วยังกล่าวเท็จอีกว่าการห้ามนี้มาจากพระเจ้า แท้จริงแล้ว พวกเขาหลงทางและพวกเขาไม่ได้ถูกเลือกให้รับการชี้ทางที่

ปศุสัตว์

ถูกต้อง พระองค์เท่านั้นคือผู้ทรงให้งอกเงยขึ้นซึ่งส่วนต่างๆแห่งพันธุ์ พืชไม้เลื้อยและไม้ยืนต้น รวมทั้งต้นอินทผลัมและไร่นาที่ออกผลชนิด ต่างๆ รวมทั้งต้นมะกอก ต้นทับทิมที่ละม้ายกันและที่ไม่ละม้ายกัน จง บริโภคผลของมันเมื่อมันออกผลและจงจ่ายส่วนของมันในวันเก็บเกี่ยว และจงอย่าสุรุ่ยสุร่าย แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้สุรุ่ยสุร่าย ในหมู่ปศุสัตว์นั้นมีที่ใช้สำาหรับบรรทุกหรือขี่และสัตว์ที่ใช้หนังทำา ที่ปูนอน ดังนั้น จงบริโภคที่พระเจ้าได้ประทานแก่สูเจ้าเป็นเครื่องยังชีพ และจงอย่าป ิบัติตามรอยเท้าของซาตาน แท้จริง มันเป็นศัตรูที่เปิดเผย ของสูเจ้า พระเจ้าทรงสร้างสัตว์สี่ชนิดจากตัวผู้และตัวเมีย เอาแกะ คู่หนึ่งและแพะคู่หนึ่งมาแล้วถามพวกเขาว่า ตัวผู้ทั้งสองหรือตัวเมียทั้ง สองหรือตัวอ่อนที่ยังอยู่ในมดลูกของตัวเมียทั้งสองนี้ใช่ไหมที่พระองค์ ทรงห้ามพวกท่าน จงบอก ันด้วยความรู้ถ้าพวกท่านพูดจริง ในทำานองเดียวกัน จงเอาอู คู่หนึ่งและวัวอีกคู่หนึ่งมาแล้วถาม พวกเขาว่า ตัวผู้ทั้งสองหรือตัวเมียทั้งสองหรือตัวอ่อนที่อยู่ในมดลูกตัว เมียทั้งสองที่พระองค์ทรงห้ามพวกท่าน สูเจ้าอยู่ที่นั่นหรือเปล่าเมื่อ พระเจ้าทรงบัญชาเรื่องนี้แก่สูเจ้า (ถ้าไม่)ใครเล่าที่ชั่วช้ายิ่งกว่าผู้กล่าว เท็จต่อพระเจ้าเพื่อทำาให้มนุษย์หลงผิดโดยไม่มีความรู้ แท้จริง พระเจ้า มิทรงนำาทางบรรดาผู้ทำาผิด จงกล่าวเถิด(มุ ัมมัด) ในบรรดาสิ่งที่ ถูกประทานมายัง ัน ันไม่พบสิ่งใดที่ห้ามกินยกเว้นสัตว์ที่ตายเองหรือ เลือดที่ไหลออกมา หรือเนื้อของสุกร เพราะมันเป็นสิ่งสกปรก หรือเนื้อ ของสัตว์ที่ถูกเชือดโดยกล่าวนามผู้อื่นนอกจากนามของพระเจ้า แต่ผู้ ใดตกอยู่ในภาวะคับขันโดยไม่มีเจตนาขัดขืนและไม่ใช่ละเมิด ดังนั้น (เขาจะพบว่า)พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ สำาหรับชาวยิวนั้น เราได้ห้ามสัตว์ทุกอย่างที่กีบไม่แยกกัน ไขมันของ วัวและแกะ(และแพะ) ยกเว้นแต่ที่อยู่บนหลังของมันหรือตามลำาไส้หรือที่

อัล อันอาม

ชำาแรกติดกระดูก นี่คือการลงโทษของเราต่อพวกเขาเพราะความดื้อรั้น ของพวกเขา และแท้จริง เราเป็นผู้สัจจริง ดังนั้น ถ้าพวกเขากล่าวหาว่าเจ้า(มุ ัมมัด)โกหก จงกล่าวเถิดว่า พระผู้อภิบาลของพวกท่านเป็นเจ้าแห่งความเมตตาอันไพศาล แต่ถึง กระนั้น พระองค์จะไม่ละเว้นการลงโทษให้แก่หมู่ชนผู้ทำาผิด บรรดา ผู้ตั้งภาคีกับพระเจ้าจะกล่าวว่า หากพระเจ้าทรงประสงค์ ทั้งเราและ บรรพบุ รุ ษ ของเราจะไม่เอาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าและเราจะไม่ ประกาศว่าสิ่งใดเป็นที่ต้องห้าม ในทำานองเดียวกัน ผู้คนก่อนหน้าพวก เขาได้กล่าวเท็จต่อสัจธรรมมาแล้ว จนกระทั่งพวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษ ของเรา จงบอกพวกเขาเถิดว่า พวกท่านมีความรู้อันใดที่สามารถนำามา ยืนยันต่อเรา ความจริงแล้ว พวกท่านมิได้ป ิบัติตามสิ่งใดนอกจากการ คาดเดาเอาเท่านั้นเอง จงกล่าวเถิด พระเจ้าเท่านั้นที่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน หากพระองค์ ทรงประสงค์ แน่นอน พระองค์จะทรงนำาทางพวกท่านทั้งมวล จง กล่าวเถิด จงหาพยานของพวกท่านที่สามารถยืนยันได้ว่าพระเจ้าทรง ห้ามสิ่งเหล่านี้ แต่ถ้าพวกเขายืนยัน(โดยเท็จ) เจ้าจงอย่าร่วมเป็นพยาน กับพวกเขาและจงอย่าป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของบรรดาผู้ป ิเสธสัญญ ญาณทั้งหลายของเราและผู้ไม่เชื่อในโลกหน้าและผู้ตั้งสิ่งอื่นเท่าเทียมกับ พระผู้อภิบาลของพวกเขา จงกล่าวเถิด(มุ ัมมัด) มานี่ ันจะบอกสิ่ง ที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ทรงห้ามแก่พวกท่าน นั่นคือ จงอย่านำา สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์ จงทำาความดีต่อพ่อแม่ จงอย่า ่าลูกๆของ พวกท่านเพราะกลัวความยากจนเพราะเราได้ประทานปัจจัยยังชีพแก่ พวกท่านและแก่พวกเขาโดยเ พาะด้วย จงอย่าเข้าใกล้ความชั่วช้าลามก ทั้งที่เปิดเผยและที่ลับ และจงอย่า ่าชีวิตใดซึ่งพระเจ้าได้ทรงห้ามไว้เว้น แต่เพื่อความยุติธรรม นั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสั่งพวกท่านเพื่อที่พวก ท่านจะได้เข้าใจ

ปศุสัตว์

จงอย่าเข้าใกล้สมบัติของเด็กกำาพร้าเว้นแต่โดยวิธีการที่ดีที่สุด จนกว่าเขาจะบรรลุถึงความเป็นผู้ใหญ่ จงทำาให้การตวงและการชั่งเป็น ที่ครบถ้วนเที่ยงตรง เราไม่ให้ภาระหนักแก่ชีวิตใดเว้นแต่ตามความ สามารถของชีวิตนั้น เมื่อท่านพูด จงรักษาความยุติธรรมแม้เขาเป็นญาติ สนิทก็ตาม และจงป ิบัติให้ครบตามพันธะสัญญาของพระเจ้า นั่นเป็นสิ่ง ที่พระองค์ทรงสั่งแก่พวกท่านเพื่อพวกท่านจะได้ใส่ใจ (พระองค์ทรงสั่งอีกว่า) นี่เป็นแนวทางอันเที่ยงตรงของ ัน ดังนั้น จงป ิบัติตามทางนี้และจงอย่าป ิบัติตามทางอื่นๆ มิ ะนั้น มันจะแยก พวกท่านออกจากทางของพระองค์ นั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งพวกท่าน ทั้งนี้เพื่อที่พวกท่านจะได้ปกป้องตัวเอง หลังจากนั้น เราได้ประทาน คัมภีร์แก่มูซาซึ่งทำาให้(ความโปรดปรานของเรา)ครบสมบูรณ์แก่บรรดา ผู้ทำาความดีโดยอธิบายทุกสิ่งอย่างชัดเจนใน านะเป็นทางนำาและความ เมตตา เพื่อพวกเขาจะได้มีความศรัทธาในการพบกับพระผู้อภิบาลของ พวกเขา นี่คือคัมภีร์ที่เราได้ประทานลงมาเป็นความจำาเริญ ดังนั้น จง ป ิบัติตามคัมภีร์นี้และจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้รับความเมตตา และอย่ากล่าวว่า คัมภีร์นั้นถูกประทานลงมาแก่คนสองกลุ่มก่อน หน้าเรา และเราไม่รู้ในคำาสอนของมัน หรือกล่าวว่า หากคัมภีร์นั้น ถูกประทานลงมาแก่เรา เราจะป ิบัติตามทางนำาได้ดีกว่าพวกเขา ตอน นี้ หลัก านอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ถูกส่งมาเป็นทางนำา และความเมตตาแก่สูเจ้าแล้ว ะนั้น ผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและหันห่างออกจากสัญญาณเหล่านั้น ในไม่ช้า เราจะตอบแทนบรรดาผู้หันห่างจากสัญญาณทั้งหลายของเรา ด้วยการลงโทษที่รุนแรง พวกเขาคอยที่จะให้ทูตสวรรค์หรือพระเจ้า ลงมาปราก ต่ อ หน้ า พวกเขาหรื อ จะให้ สั ญ ญาณบางอย่ า งของพระผู้ อภิบาลของเจ้ามาปราก แต่เมื่อวันที่สัญญาณอันชัดแจ้งบางอย่าง

อัล อันอาม

ของพระผู้อภิบาลของเจ้ามาปราก นั้น ความศรัทธาของพวกเขาจะไม่ เกิดประโยชน์อันใดแก่ชีวิตที่ไม่ได้ศรัทธามาก่อนหรือแก่ผู้ที่ศรัทธาแต่ มิได้กระทำาความดีไว้ จงบอกพวกเขาเถิดว่า จงคอยเถิด เราก็จะคอย แท้จริง บรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาของพวกเขาและแตกเป็นพวกนั้น เจ้า(มุ ัมมัด)ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้กับพวกเขาแต่อย่างใด แท้จริง เรื่อง ของพวกเขาอยู่ที่พระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงบอกพวกเขาในสิ่งที่พวก เขาได้ทำาไว้ ผู้ใดทำาความดีจะได้รับการตอบแทนเป็นสิบเท่าสำาหรับความดีนั้น แต่ผู้ใดทำาความชั่ว เขาจะถูกตอบแทนเพียงเท่านั้น และพวกเขาจะไม่ถูก ป ิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จงกล่าวเถิด พระผู้อภิบาลของ ันได้ทรง นำา ันสู่ทางที่เที่ยงตรง เป็นศาสนาอันมั่นคง เป็นแนวทางของอิบรอ ีมผู้ เที่ยงธรรมและเขาไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า จงกล่าวเถิด แท้จริง การนมาซของ ัน การพลีของ ัน ชีวิตของ ันและการตายของ ันล้วนเพื่อพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และนี่เป็นสิ่งที่ ันได้ถูกบัญชาและ ัน เป็นคนแรกของบรรดาผู้นอบน้อมยอมจำานนต่อพระองค์ จงกล่าว เถิด จะให้ ันแสวงหาพระผู้อภิบาลอื่นนอกจากพระเจ้ากระนั้นหรือใน เมื่อพระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของทุกสิ่ง ทุกชีวิตต้องรับผิดชอบใน สิ่งที่ตัวเองทำาไว้ และไม่มีผู้แบกภาระคนใดแบกภาระของคนอื่นได้ แล้ว ในที่สุด สูเจ้าจะต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และพระองค์จะทรง แจ้งแก่สูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าขัดแย้งกัน พระองค์คือผู้ทรงทำาให้สูเจ้าเป็น ผู้สืบทอด(ของคนอื่นๆ)บนหน้าแผ่นดินและทรงยกย่องสูเจ้าบางคนให้ เหนือกว่าอีกบางคนเพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบสูเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ ประทานแก่สูเจ้า แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าเป็นผู้ทรง ับพลันในการ ลงโทษ แต่กระนั้น พระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ

ที่สูง

7. ที่สูง

อัล-อะอฺรอฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม ซ็อด คัมภีร์นี้ได้ถูกประทานลงมายังเจ้า ดังนั้น (มุ ัมมัด) จงอย่าได้มีความ หนักใจในหัวอกของเจ้าเกี่ยวกับมันเลย ทั้งนี้ เพื่อที่เจ้าจะได้ใช้มันเตือน พวกเขา(ผู้ป ิเสธ)และมันเป็นสิ่งตักเตือนบรรดาผู้ศรัทธา สูเจ้าจง ป ิบัติตามสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่สูเจ้าจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และ จงอย่าป ิบัติตามผู้คุ้มครองอื่นใดนอกไปจากพระองค์ แต่น้อยนักที่สูเจ้า จะใส่ใจ 4 กี่เมืองแล้วที่เราได้ทำาลายมัน การลงโทษของเราได้มายังเมือง เหล่านี้อย่าง ับพลันในตอนกลางคืนหรือตอนกลางวันในขณะที่พวกเขา กำาลังพักผ่อน 5 และเมื่อการลงโทษของเรามายังพวกเขา พวกเขาได้ แต่ร้องออกมาอย่างเดียวว่า แท้จริง เราเป็นผู้ทำาความผิด หลังจาก นั้น เราจะถามบรรดาผู้ที่สาสน์ของเราถูกส่งไปและบรรดาผู้ที่นำาสาสน์ ของเราไป 7 กับความรู้ที่ครบถ้วน เราจะบอกพวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาทำา เพราะเราไม่เคยห่างหายไปจากพวกเขา ในวันนั้น สัจธรรมเท่านั้นที่จะ มีน้ำาหนัก ดังนั้น ผู้ที่ตาชั่งของตัวเองมีน้ำาหนักเท่านั้นคือผู้ประสบความ สำาเร็จ และผู้ที่การงานที่ดีของเขาเบา(ในตาชั่ง)คือผู้ที่ทำาให้ตัวเองได้ รับการขาดทุนเพราะพวกเขาป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราอย่างผิดๆ เราได้ให้สูเจ้าพำานักอยู่ในแผ่นดิน และได้จัดเตรียมปัจจัยยังชีพใน แผ่นดินนั้นไว้ให้สูเจ้า แต่น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ แท้จริง เราได้สร้าง สูเจ้าและทำาให้สูเจ้าเป็นรูปร่าง แล้วเราได้บอกแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า จง กราบนบนอบต่ออาดัม ดังนั้น ทูตสวรรค์ทั้งหลายจึงต่างกราบนบนอบ ยกเว้นอิบลีส(ซาตาน)ซึ่งไม่ยอมอยู่ในหมู่ผู้ก้มกราบ พระองค์จึงตรัสว่า

อัล อะอฺรอฟ

อะไรที่ขัดขวางเจ้ามิให้กราบเมื่อ ันสั่งเจ้า มันตอบว่า ันดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้าง ันจากไฟในขณะที่พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน พระองค์ตรัสว่า ดังนั้น จงลงไปจากที่นี่ เพราะที่นี่มิใช่ที่สำาหรับ เจ้าที่จะมาทำาโอหัง จงออกไปเสีย แท้จริง เจ้าเป็นผู้อยู่ในหมู่ผู้อัปยศ ซาตานจึงกล่าวว่า โปรดผ่อนผันเวลาให้ ันจนถึงวันฟื้นคืนชีพด้วย เถิด พระองค์ตรัสว่า เจ้าได้รับการผ่อนผัน มันกล่าวว่า เนื่องจาก พระองค์ทรงทำาให้ ันผิด ทีนี้ ันจะซุ่มคอยพวกเขาตามทางที่เที่ยงตรง ของพระองค์ แล้ว ันจะจู่โจมใส่พวกเขาจากทุกด้าน จากด้านหน้า พวกเขาและด้านหลังพวกเขา จากด้านขวาของพวกเขาและด้านซ้ายของ พวกเขา และพระองค์จะทรงพบว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้เนรคุณ พระองค์ตรัสว่า จงออกไปจากที่นี่อย่างอัปยศและถูกตะเพิด จงรู้ไว้ ด้วยว่า ันจะทำาให้นรกเต็มไปด้วยพวกเจ้าและทุกคนที่ป ิบัติตามเจ้า พระองค์กล่าวว่า อาดัมเอย เจ้าและคู่ครองของเจ้าจงพำานักอยู่ใน สวนสวรรค์นี้ และจงกินตามที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าทั้งสองจงอย่าเข้าใกล้ ต้นไม้นี้ มิ ะนั้น เจ้าทั้งสองจะอยู่ในหมู่ผู้ทำาผิด แต่ซาตานได้กระซิบ ล่อลวงคนทั้งสองเพื่อที่ว่ามันจะได้เปิดเผยส่วนที่พึงละอายของคนทั้งสอง ที่ถูกปิดบังไว้จากกันและกัน มันกล่าวแก่เขาทั้งสองว่า พระผู้อภิบาล ของท่านได้ห้ามพวกท่านมิให้เข้าใกล้ต้นไม้นี้ก็เพราะทรงเกรงว่าท่านทั้ง สองจะกลายเป็นทูตสวรรค์หรือท่านทั้งสองจะกลายเป็นผู้ไม่ตาย และ มันได้สาบานแก่เขาทั้งสองว่า ันเป็นผู้ให้คำาปรึกษาที่ดีแก่ท่านทั้งสอง จริงๆ ดังนั้น มันจึงล่อลวงให้คนทั้งสองเพลี่ยงพล้ำา เมื่อคนทั้งสองได้ลิ้มรส ผลไม้ของต้นไม้นี้ สิ่งพึงอายของเขาทั้งสองได้เปิดเผยต่อกันและกัน และ เขาทั้งสองได้เริ่มปกปิดสิ่งพึงสงวนของตัวเองด้วยใบไม้แห่งสวนสวรรค์ พระผู้อภิบาลได้ทรงเรียกเขาทั้งสองมาและกล่าวว่า ันมิได้ห้ามเจ้าทั้ง สองเข้าใกล้ต้นไม้นี้และมิได้เตือนเจ้าทั้งสองว่าซาตานเป็นศัตรูที่ชัดเจน

ที่สูง

ของเจ้ากระนั้นหรือ เขาทั้งสองกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเรา เรา ได้ทำาร้ายตัวของเราเองไปแล้ว ถ้าพระองค์ไม่ทรงอภัยโทษให้แก่เราและ ทรงเมตตาเรา เราจะต้องเป็นผู้ที่ขาดทุนอย่างแน่นอน พระองค์จึง ทรงบัญชาว่า จงลงไป สูเจ้าจะเป็นศัตรูต่อกันและกัน แผ่นดินจะเป็นที่ อยู่อาศัยสำาหรับสูเจ้าชั่วระยะเวลาหนึ่งและที่นั่นสูเจ้าจะได้รับปัจจัยยังชีพ ที่นั่น สูเจ้าจะมีชีวิต และที่นั่น สูเจ้าจะตาย และจากที่นั่น สูเจ้าจะถูก นำาออกมา ลูกๆของอาดัมเอย เราได้ประทานเสื้อผ้าอาภรณ์แก่สูเจ้าเพื่อปกปิด ส่วนที่พึงละอายของสูเจ้าและเพื่อเป็นที่พึงพอใจแก่สายตา แต่อาภรณ์ แห่งความยำาเกรงนั้นเป็นอาภรณ์ที่ดีที่สุด นี่เป็นหนึ่งในสัญญาณทั้งหลาย ของพระเจ้าที่พวกเขาจะได้ใส่ใจ ลูกๆของอาดัมเอย จงอย่าให้ซาตาน ล่อลวงสูเจ้าดังที่มันได้ทำาให้พ่อแม่คนแรกของสูเจ้าถูกขับออกมาจาก สวนสวรรค์และทำาให้เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาทั้งสองต้องหลุดออกจากร่าง ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้เปิดเผยสิ่งพึงละอายของเขาทั้งสองต่อกันและกัน มัน และพวกพ้องของมันมองเห็นสูเจ้าจากที่สูเจ้าไม่สามารถมองเห็นพวกมัน แท้จริง เราได้ทำาให้ซาตานเป็นสหายของบรรดาผู้ไม่ศรัทธา เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านี้กระทำาสิ่งลามก พวกเขาจะกล่าวว่า นี่ คือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคยทำาและพระเจ้าทรงสั่งเราให้ทำาเช่นนี้ จง บอกพวกเขาว่า พระเจ้าไม่ทรงสั่งในเรื่องลามก พวกท่านกล่าวอ้างถึง พระเจ้าและพูดถึงสิ่งที่พวกท่านไม่รู้ความจริงกระนั้นหรือ (มุ ัมมัด) จงกล่าวแก่พวกเขาว่า พระผู้อภิบาลของ ันได้ทรงสั่ง ันในเรื่องความ ยุติธรรมและคุณธรรม จงหันหน้าของพวกท่านไปยังพระองค์ทุกครั้งใน ทุกเวลาและสถานที่นมาซ และจงวิงวอนต่อพระองค์เท่านั้นโดยเป็นผู้ สุจริตมั่นในการศรัทธาต่อพระองค์ เนื่องจากพระองค์ได้ทรงทำาให้พวก ท่านเกิดขึ้นมา ดังนั้น พวกท่านจะกลับไปหาพระองค์ พระองค์ได้ทรง นำาทางบางคนและปล่อยให้บางคนหลงผิด นี่เป็นเพราะว่าพวกเขาได้เอา

อัล อะอฺรอฟ

ซาตานเป็นผู้คุ้มครองแทนพระเจ้าและยังคิดว่าพวกเขาอยู่ในหนทางที่ ถูกต้อง ลูกๆของอาดัมเอย จงแต่งกายของสูเจ้าให้เรียบร้อยทุกเวลาและ ในสถานที่ป ิบัติศาสนกิจ และจงกิน จงดื่ม แต่จงอย่าสุรุ่ยสุร่าย เพราะ พระเจ้าไม่ทรงรักผู้สุรุ่ยสุร่าย (มุ ัมมัด)จงถามพวกเขา ใครเล่าที่ห้าม ความประณีตสวยงามและสิ่งดีๆทั้งหลายจากปัจจัยที่พระเจ้าได้ทรงนำา มันออกมาเพื่อบ่าวของพระองค์ จงกล่าวเถิด สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด(เป็น ที่อนุมัติ)สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาในโลกนี้และเ พาะสำาหรับพวกเขาในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพอีกด้วย ดังนั้น เราได้ทำาให้สัญญาณทั้งหลายของเรา เป็นที่ง่ายดายแก่ผู้มีความเข้าใจ (มุ ัมมัด)จงกล่าวกับพวกเขาเถิดว่า สิ่งต่างๆที่พระผู้อภิบาลของ ันได้ทรงห้ามก็คือการลามกทั้งหลายทั้ง ในที่เปิดเผยและในที่ลับ สิ่งที่เป็นบาปและการ ่า ืนสัจธรรม ตลอดจน การที่พวกเขานำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้าโดยที่พระองค์มิได้ประทาน หลัก านใดๆในเรื่องนี้ลงมา และการที่พวกท่านกล่าวอ้างถึงพระเจ้าใน สิ่งที่พวกท่านไม่รู้ สำาหรับทุกประชาชาตินั้นมีวาระที่ถูกกำาหนดไว้ เมื่อวาระนั้นสิ้น สุดลง พวกเขาไม่อาจที่จะหน่วงเหนี่ยวมันไว้หรือจะเร่งมันสักชั่วขณะ หนึ่งก็ไม่ได้ ลูกๆของอาดัมเอย ถ้าหากบรรดาศาสนทูตจากหมู่สูเจ้า ได้มายังสูเจ้าและอ่านสิ่งที่เราประทานแก่สูเจ้าทั้งหลายแล้ว ใครที่รับการ เตือนและปรับปรุงตนเอง เขาผู้นั้นไม่มีสาเหตุที่จะต้องกลัวหรือโศกเศร้า ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสิ่งที่เราประทานมาและทำาโอหังกับมัน พวกเขา จะเป็นผู้อยู่ในนรกและอยู่ในนั้นตลอดไป ผู้ใดเล่าที่จะทำาความผิดได้ ยิ่งใหญ่กว่าผู้ประดิษ ์เรื่องเท็จใส่พระเจ้าแล้วอ้างว่าความเท็จนี้มาจาก พระองค์ หรือป ิเสธสิ่งที่พระองค์ประทานมา คนพวกนี้จะยังคงได้รับ ส่วนที่ได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับพวกเขา และเมื่อทูตของเราได้มายังพวก เขาเพื่อเอาชีวิตของพวกเขา ทูตเหล่านั้นจะถามพวกเขาว่า สิ่งที่สูเจ้า

ที่สูง

วิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้นอยู่ที่ไหนเล่าในตอนนี้ พวกเขาจะตอบว่า พวกมันได้ทิ้งเราไปแล้ว และพวกเขาจะเป็นพยานที่เป็นป ิปักษ์ต่อตัว ของพวกเขาเองว่าพวกเขาเป็นผู้ไม่ศรัทธา พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า จงเข้าไปในนรกที่พวกพ้องของญินและ มนุษย์ได้เข้าไปล่วงหน้าก่อนสูเจ้าแล้ว ทุกครั้งที่หมู่ชนแต่ละรุ่นจะเข้า นรก พวกเขาจะสาปแช่งชนรุ่นก่อนจนกระทั่งเมื่อทุกหมู่ชนได้ถูกนำามา รวมกันที่นั่นทั้งหมดแล้ว หมู่ชนสุดท้ายที่ตามมาจะกล่าวถึงหมู่ชนแรก ว่า พระผู้อภิบาลของเรา คนเหล่านี้คือผู้ที่ทำาให้พวกเราหลงทาง ดังนั้น ขอพระองค์โปรดลงโทษพวกเขาด้วยไฟเป็นสองเท่าด้วยเถิด พระเจ้า จะทรงตอบว่า ทุกคนในหมู่สูเจ้าจะได้รับการลงโทษสองเท่าอยู่แล้ว แต่ และหมู่ชนก่อนจะกล่าวถึงหมู่ชนที่ตามมาทีหลังว่า พวก สูเจ้าไม่รู้ เจ้าไม่ได้ดีไปกว่าเรา ทีนี้จงลิ้มรสการลงโทษสำาหรับสิ่งที่พวกเจ้าได้ กระทำาไว้ แท้จริง บรรดาผู้ที่ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและยโสโอหัง กับมันนั้น ประตูแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายจะไม่ถูกเปิดไว้สำาหรับพวกเขา และ พวกเขาไม่อาจเข้าสวรรค์ได้จนกว่าอู ลอดรูเข็ม และนี่แหละที่เราลงโทษ ผู้กระทำาความชั่ว นรกจะเป็นที่นอนของพวกเขาและนรกจะเป็นที่ ปกคลุมของพวกเขา นี่คือการลงโทษที่เราตอบแทนผู้ทำาผิด ส่วน บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้น เราไม่วางภาระให้แก่ใครคนใดเกิน กว่าความสามารถของเขา พวกเขาคือชาวสวรรค์ซึ่งพวกเขาจะพำานักอยู่ ในนั้นตลอดไป และเราจะขจัดความรู้สึกไม่ดีใดๆที่มีอยู่ในหัวอกของ พวกเขา เบื้องล่างของพวกเขาจะมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน และพวก เขาจะกล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงนำาเรามายัง หนทางนี้ ถ้าพระเจ้าไม่นำาทางเรา เราไม่อาจพบหนทางนี้ได้เลย โดย แน่นอนยิ่ง บรรดาศาสนทูตของพระผู้อภิบาลของเราได้ถูกส่งมาพร้อม

อัล อะอฺรอฟ

กับสัจธรรม ในเวลานั้น จะมีเสียงป่าวร้องมายังพวกเขาว่า นี่คือสวน สวรรค์ที่สูเจ้าได้รับสืบทอดมาโดยการงานที่ดีที่สูเจ้าได้ทำาไว้ 44 ชาวสวรรค์จะร้องเรียกชาวนรกว่า เราพบแล้วว่าสัญญาทุกอย่างที่ พระผู้อภิบาลของเราได้ทรงทำาไว้กับเรานั้นเป็นความจริง แล้วพวกท่าน พบว่าสัญญาที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านทำากับพวกท่านไว้เป็นความ จริงแล้วหรือยัง ชาวนรกกล่าวว่า ใช่ เราพบแล้ว แล้วผู้ป่าวประกาศ ในหมู่พวกเขาตะโกนออกมาว่า การสาปแช่งของพระเจ้าเกิดขึ้นกับ บรรดาผู้ทำาความผิด 45 ผู้ที่ขัดขวางคนอื่นจากหนทางของพระเจ้าและ หวังที่จะทำาให้มันบิดเบือน และผู้ป ิเสธในเรื่องโลกหน้า ระหว่างคนสองกลุ่มนี้จะมีสิ่งขวางกั้นอยู่ บนที่สูงจะมีใครบางคน ที่จำาพวกเขาได้จากสีหน้าของพวกเขา พวกเขาจะร้องทักชาวสวรรค์ว่า สันติจงมีแด่ท่าน คนพวกนี้ยังไม่ได้เข้าสวรรค์ถึงแม้พวกเขาหวังไว้ว่า จะได้เข้าไปในนั้น 47 และเมื่อสายตาของพวกเขาถูกหันไปยังชาวนรก พวกเขาจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าทรงรวมพวกเรา ไว้ในบรรดาผู้ทำาความผิดเหล่านั้นด้วยเถิด และบรรดาผู้ที่อยู่บนที่ สูงจะร้องเรียกชาวนรกที่พวกเขารู้ได้จากสีหน้าว่า พวกเจ้าเห็นแล้วใช่ ไหมว่าการสะสมเงินทองของพวกเจ้าและสิ่งที่พวกเจ้ายโสโอหังนั้นไม่ ได้อำานวยประโยชน์อันใดแก่พวกเจ้าเลย ดูสิ คนเหล่านี้มิใช่หรือที่ สูเจ้าสาบานว่าจะไม่ได้รับความเมตตาจากพระเจ้า (แล้วชาวสวรรค์จะ ถูกบอกว่า) จงเข้าไปในสวรรค์เถิด ในที่นั้น พวกท่านจะไม่มีความหวาด กลัวและความระทม ชาวนรกจะร้องเรียกชาวสวรรค์ว่า โปรดเทน้ำาลงมาบนพวกเราสัก นิดหรือโยนอะไรบางอย่างที่พระเจ้าประทานแก่พวกท่านมาให้เราหน่อย เถิด แต่ชาวสวรรค์จะตอบว่า พระเจ้าได้ทรงห้ามสองสิ่งนี้แก่บรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรม ผู้ถือเอาศาสนาของพวกเขาเป็นสิ่งบันเทิงและการละ เล่น และผู้ที่ถูกชีวิตแห่งโลกนี้ล่อลวง ในวันนั้น เราจะลืมพวกเขาเหมือน

ที่สูง

กับที่พวกเขาลืมการพบกันของวันนี้และการที่พวกเขาป ิเสธสิ่งที่เรา ประทานมา เราได้นำามาให้พวกเขาแล้วซึ่งคัมภีร์ที่ให้รายละเอียดบนพื้น าน ของความรู้เพื่อเป็นทางนำาและความเมตตาสำาหรับประชาชนผู้ศรัทธา พวกเขากำาลังคอยอะไรนอกไปจากสิ่งที่ได้ถูกเตือนไว้ในคัมภีร์นี้หรือ ในวันที่ความเป็นจริงมาถึง บรรดาผู้ไม่ใส่ใจมันก่อนหน้านี้จะกล่าวว่า บรรดาศาสนทูตของพระผู้อภิบาลของเราได้นำาสัจธรรมมาแล้วจริงๆ แล้วเรายังจะมีผู้ไถ่โทษใดๆที่จะมาไถ่โทษแทนเรากระนั้นหรือ หรือเรา จะถูกส่งกลับไปเพื่อที่เราได้ทำาสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่พวกเราได้กระทำา มาก่อน แน่นอน คนพวกนี้เป็นผู้ที่ทำาให้ตัวของพวกเขาขาดทุนและสิ่ง จอมปลอมทั้งหลายที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นได้ทอดทิ้งพวกเขาไปหมด 54 แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินในหกวัน(ระยะ) แล้วพระองค์ทรงประทับมั่นอยู่บนบัลลังก์ แห่งอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ได้ทรงทำาให้กลางคืนปกคลุมกลาง วัน แล้วกลางวันก็ติดตามกลางคืนอย่างรวดเร็ว พระองค์ได้ทรงสร้างดวง อาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ใต้คำาบัญชาของ พระองค์ ไม่ใช่พระองค์ดอกหรือที่เป็นผู้ทรงสร้างและทรงบัญชา ความ จำาเริญยิ่งเป็นของของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 55 จงวิงวอน ต่อพระผู้อภิบาลของสูเจ้าโดยถ่อมตนและโดยลับๆ แท้จริง พระองค์ไม่ ทรงรักผู้ละเมิด จงอย่าแพร่ความเสียหายบนหน้าแผ่นดินหลังจากที่ มันเป็นระเบียบแล้ว และจงวิงวอนต่อพระองค์ด้วยความยำาเกรงและด้วย ความหวัง แน่นอน ความเมตตาของพระเจ้านั้นอยู่ใกล้ผู้ทำาความดี 57 พระเจ้าคือผู้ทรงส่งลมมาเป็นเสมือนผู้แจ้งข่าวดีถึงความเมตตา ของพระองค์ เมื่อมันรวมกันเป็นเม หนา เราได้ทำาให้มันเคลื่อนที่ไปสู่ แผ่นดินที่แห้งแล้งและทำาให้ นตกลงมาบนแผ่นดินนั้น แล้วเราได้ทำาให้ ผลไม้หลากชนิดงอกออกมาจากแผ่นดิน ในทำานองนี้แหละที่เราได้ทำาให้

อัล อะอฺรอฟ

คนตายออกมาจากสภาพแห่งความตายทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้รับบทเรียน ดินที่อุดมสมบูรณ์นั้นย่อมให้ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์โดยอนุมัติของ พระเจ้า ส่วนดินที่เลวนั้นไม่ก่อให้เกิดผลผลิตอะไรนอกไปจากผลผลิตที่ เลว ในทำานองนี้เองที่เราได้แจกแจงสัญญาณทั้งหลายของเราแก่บรรดาผู้ ที่ขอบคุณ เราได้ส่งนู ฺมายังหมู่ชนของเขา เขาบอกผู้คนว่า หมู่ชนของ ัน เอย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจาก พระองค์ ันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษที่จะมีต่อพวกท่านในวันอัน น่าสะพรึงกลัว แต่พวกหัวหน้าผู้คนของเขากล่าวว่า พวกเราเห็นกัน แล้วว่าท่านเป็นผู้หลงผิดชัดๆ เขากล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย ันไม่ ได้อยู่ในการหลงผิดแต่ประการใด ในทางตรงข้าม ันเป็นศาสนทูตคน ันได้นำาสาสน์ของพระ หนึ่งจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกต่างหาก ผู้อภิบาลของ ันมายังพวกท่าน และ ันแนะนำาสิ่งที่ดีแก่พวกท่านเพราะ ันรู้จากพระเจ้าในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้ พวกท่านคิดว่าแปลกหรือที่การ ตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านโดยผ่านคนผู้ หนึ่งจากในหมู่พวกท่านเพื่อที่เขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน และเพื่อที่พวก ท่านจะได้ปกป้องตัวเองจากความชั่วและเพื่อที่พวกท่านจะได้รับความ เมตตา แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังถือว่าเขาเป็นผู้โกหก ดังนั้น เรา จึงได้ช่วยนู ฺและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาในเรือและเราได้ให้บรรดาผู้ป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเราจมน้ำาตาย แท้จริง พวกเขาเป็นหมู่คนตาบอด และยังพวกอาด เราได้ส่ง ูดซึ่งเป็นพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา เขากล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มี พระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วพวกท่านยังไม่เกรงกลัวพระเจ้าอีก กระนั้นหรือ บรรดาหัวหน้าหมู่ชนของเขาที่ป ิเสธสัจธรรมกล่าว ว่า เราเห็นชัดเจนว่าท่านเป็นผู้มีความคิดวิปลาสและเราคิดว่าท่านเป็น ผู้โกหก ูดจึงตอบว่า หมู่ชนของ ันเอย ันไม่ได้มีความคิดวิปลาส

ที่สูง

ใดๆทั้งสิ้น ความจริงแล้ว ันเป็นศาสนทูตจากพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก ันนำาสาสน์ของพระผู้อภิบาลของ ันมายังพวกท่านและ ันเป็น ผู้ปรารถนาดีที่เชื่อถือได้ของพวกท่าน พวกท่านคิดว่าเป็นเรื่องแปลก หรือที่การตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านโดย ผ่านชายคนหนึ่งในหมู่พวกท่านเพื่อที่เขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน จง อย่าลืมว่าหลังจากหมู่ชนของนู ฺ พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ตั้งให้พวก ท่านเป็นผู้มีอำานาจเข้มแข็งสืบต่อจากเขา และได้ทรงทำาให้พวกท่านมี ร่างกายกำายำา ดังนั้น จงนึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าเพื่อที่พวก ท่านจะได้ประสบผลสำาเร็จ พวกเขากล่าวว่า ท่านมายังพวกเราเพื่อต้องการให้พวกเราเคารพ สักการะพระเจ้าองค์เดียวและละทิ้งสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราได้เคย เคารพบูชากระนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้น จงนำาการลงโทษที่ท่านขู่เรามาให้ ูดกล่าวว่า พวกท่านได้รับการสาป เราได้เห็น ถ้าหากท่านแน่จริง แช่งและความกริ้วจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านแล้ว พวกท่านโต้เถียง ันเกี่ยวกับชื่อต่างๆที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านได้ประดิษ ์ ขึ้นโดยที่พระจ้ามิได้ประทานหลัก านอันใดในเรื่องนี้กระนั้นหรือ ดัง นั้น จงคอยดูเถิดและ ันจะคอยดูอยู่กับพวกท่านด้วย ดังนั้น เราได้ ช่วย ูดและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาให้ปลอดภัยด้วยความเมตตาของเรา และ เราได้ทำาลายล้างบรรดาผู้ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและไม่คิดที่จะ ศรัทธา และยังชาวษะมูด เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา นั่นคือ ซอลิ ฺ เขากล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย จงเคารพสักการะพระเจ้า เพราะ พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ข้อพิสูจน์อันชัดแจ้งจาก พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านแล้ว นั่นคืออู ตัวเมียของ พระเจ้า เป็นสัญญาณสำาหรับพวกท่าน จงปล่อยให้มันหากินตามลำาพัง ในแผ่นดินของพระเจ้า จงอย่าทำาร้ายมันด้วยเจตนาชั่วร้ายใดๆ มิ ะนั้น

อัล อะอฺรอฟ

พวกท่านจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด 74 จงนึกถึงเมื่อครั้งที่พระองค์ ได้ทรงให้พวกท่านเป็นผู้สืบทอดการปกครองต่อจากพวกอาดและได้ทรง ตั้งหลักแหล่งพวกท่านในแผ่นดินอย่างมีเกียรติ และได้ทรงทำาให้พวก ท่านสามารถสร้างปราสาทบนที่ราบและสกัดภูเขาเป็นบ้าน จงนึกถึง ความโปรดปรานของพระเจ้า และจงอย่าแพร่กระจายความเสียหายขึ้น บนแผ่นดิน 75 แต่บรรดาหัวหน้าผู้โอหังของชาวษะมูดได้กล่าวแก่บรรดา ผู้ศรัทธาในหมู่ชนที่ถูกกดขี่ว่า พวกท่านรู้แน่หรือว่าซอลิ ฺเป็นศาสนทูต จากพระผู้อภิบาลของเขา พวกเขาตอบว่า แท้จริง เราศรัทธาในสาสน์ ที่ถูกส่งมากับเขา แต่บรรดาหัวหน้าผู้โอหังกล่าวว่า เราป ิเสธสิ่งที่ พวกท่านศรัทธา 77 ดังนั้น พวกเขาจึงได้ ่าอู ตัวเมียนั้นและขัดขืนต่อ พระบัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเขาและกล่าวท้าทายว่า ซอลิ ฺเอย หลังจาก จงนำาการลงโทษที่ท่านขู่มาซิ ถ้าหากว่าท่านเป็นศาสนทูต นั้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ับพลันได้คร่าชีวิตพวกเขา ยังผลให้พวก เขานอนคว่ำาหน้าตายอยู่ในบ้านของพวกเขาเอง ซอลิ ฺได้ไปจากพวก เขาและกล่าวแก่พวกเขาว่า หมู่ชนของ ันเอย ันได้นำาสาสน์ของพระ ผู้อภิบาลของ ันมายังพวกท่าน และ ันได้ให้คำาแนะนำาพวกท่านอย่าง จริงใจที่สุดแล้วเพื่อผลดีของพวกท่านเอง แต่ ันก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะ พวกท่านไม่ชอบผู้แนะนำาสิ่งที่ดี เราได้ส่งลู มา(เป็นนบี)อีกคนหนึ่ง เขาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขา ว่า พวกท่านชั่วช้าลามกจนถึงกับทำาสิ่งน่ารังเกียจที่ไม่เคยมีใครในโลก ทำามาก่อนกระนั้นหรือ พวกท่านตอบสนองความใคร่ของพวกท่าน ด้วยผู้ชายแทนผู้หญิง แท้จริงแล้ว พวกท่านคือหมู่ชนผู้ ่า ืนขอบเขต ทุกอย่าง แต่คำาตอบเพียงอย่างเดียวจากหมู่ชนของเขาคือ จงเอา คนพวกนี้ออกไปจากเมืองของพวกท่านเสีย เพราะพวกเขาถือว่าตัวเอง เป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น เราจึงได้ช่วยลู และสมาชิกในครอบครัวของเขาให้ ปลอดภัย ยกเว้นภรรยาของเขาซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไม่ยอมออกจาก

ที่สูง

เมือง เราได้ให้ห่า นหินละลายตกลงมาบนหมู่ชนของเขา แล้วจงดูเถิด ว่าผลสุดท้ายของผู้ทำาความชั่วนั้นเป็นอย่างไร และยังชาวมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา นั่นคือ ชุ อัยบฺ เขาได้กล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวก ท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ได้มีสัญญาณอันชัดแจ้งจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว ดังนั้น จงตวงและชั่งให้ครบ ตามมาตร านของมันและจงอย่าแพร่ความเสียหายบนผืนแผ่นดินหลัง จากที่มันได้ถูกฟื้นฟูแล้ว นั่นเป็นการดีกว่าสำาหรับพวกท่านถ้าหากพวก ท่านเป็นผู้ศรัทธา จงอย่านั่งซุ่มอยู่บนทุกเส้นทางเหมือนดังโจรเพื่อ ทำาให้ผู้คนตกใจและขัดขวางผู้ศรัทธาในพระเจ้าจากทางของพระองค์และ หาทางที่จะบิดเบือนมัน จงนึกถึงเมื่อตอนที่พวกท่านเป็นชนหมู่น้อย แล้ว พระองค์ได้ทรงทวีจำานวนพวกท่านและจงดูว่าผลสุดท้ายของผู้ก่อความ เสียหายเป็นเช่นใด และถ้าหากในหมู่พวกท่านมีบางคนที่ศรัทธาในคำา สอนของ ันและมีบางคนที่ไม่ศรัทธา จงอดทนคอยดูจนกระทั่งพระเจ้าได้ ตัดสินระหว่างเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งบรรดาผู้ตัดสินทั้งปวง บรรดาผู้นำาที่โอหังในหมู่ชนของเขากล่าวว่า ชุอัยบ์ เราจะไล่เจ้า และบรรดาผู้ศรัทธาของเจ้าออกไปจากเมืองของเรา เว้นเสียแต่ว่าเจ้าหัน กลับมายังความเชื่อของเรา เขากล่าวว่า ทั้งๆที่เรารังเกียจมันกระนั้น หรือ เราจะสร้างเรื่องโกหกให้พระเจ้าถ้าเราหันกลับไปยังความเชื่อ ของพวกท่านหลังจากที่พระเจ้าได้ให้เราพ้นจากมันแล้ว เราจะไม่หันกลับ ไปหามันอีกเว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าพระผู้อภิบาลของเราประสงค์ พระผู้ อภิบาลของเราเป็นผู้ทรงรอบรู้ครอบคลุมทุกสิ่ง เราวางใจในพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเราเปิดเผยความจริง(และทรงตัดสิน)ระหว่างเราและผู้คน ของเรา พระองค์ทรงเป็นผู้ตัดสินที่ดีที่สุด บรรดาผู้นำาที่คิดจะป ิเสธ สัจธรรมได้กล่าวกับผู้คนของพวกเขาว่า ถ้าหากพวกเจ้าป ิบัติตามชุ อัยบ์ พวกเจ้าจะเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน ดังนั้น แผ่นดินไหวอย่าง

อัล อะอฺรอฟ

รุนแรงจึงเกิดขึ้นคร่าชีวิตพวกเขาจนรุ่งเช้าก็พบว่าพวกเขานอนคว่ำาตาย อยู่ในบ้านของพวกเขา บรรดาผู้ป ิเสธชุอัยบ์ถูกทำาลายจนเหมือนกับ ว่าพวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อน บรรดาผู้ป ิเสธชุอัยบ์เองคือผู้ ขาดทุน ดังนั้น ชุอัยบ์ได้หันหลังให้พวกเขาและกล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย ันนำาสาสน์ของพระเจ้ามายังพวกท่านและให้คำาแนะนำาด้วย ความบริสุทธิ์ใจ ดังนั้น ทำาไม ันจะต้องเศร้าโศกเสียใจกับคนที่ป ิเสธ สัจธรรม เมื่อใดก็ตามที่เราส่งนบีคนใดไปยังเมืองใด เราจะให้เกิดความทุกข์ และความลำาเค็ญแก่ชาวเมืองนั้นก่อน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ถ่อมตน (ต่อพระเจ้า) และหลังจากนั้น เราได้เปลี่ยนความทุกข์ยากลำาเค็ญนั้น เป็นความสะดวกสบายจนกระทั่งพวกเขามั่งคั่ง และพวกเขากล่าวว่า บรรพบุรุษของเราเคยประสบความทุกข์ยากและความสุขเช่นนี้มาแล้ว เช่นกัน หลังจากนั้น เราได้ลงโทษพวกเขาโดย ับพลันในตอนที่พวก เขาไม่รู้ ถ้าหากว่าชาวเมืองใดศรัทธาในพระเจ้าและเกรงกลัวพระองค์ เราจะเปิดประตูแห่งความจำาเริญจากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินให้แก่ พวกเขาอย่างแน่นอน แต่ทว่าพวกเขาป ิเสธสัจธรรม ดังนั้น เราจึง ลงโทษพวกเขาเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำาไว้ ชาวเมืองเหล่านี้รู้สึก ปลอดภัยจากการลงโทษของเราที่จะมายังพวกเขาในตอนกลางคืนขณะ ที่พวกเขากำาลังหลับอยู่กระนั้นหรือ หรือพวกเขารู้สึกปลอดภัยจาก การลงโทษของเราที่มายังพวกเขาในตอนกลางวันขณะที่พวกเขากำาลัง สนุกสนานอยู่กับการละเล่น พวกเขารู้สึกปลอดภัยจากแผนการของ พระเจ้ากระนั้นหรือ ไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยจากแผนการของพระเจ้านอก ไปจากบรรดาผู้ที่กลัวจะได้รับความหายนะ บรรดาผู้สืบทอดแผ่นดินหลังจากผู้ครอบครองคนก่อนๆไม่ได้รับ บทเรียนจากความจริงหรือว่าเราสามารถลงโทษพวกเขาเพราะบาปที่ พวกเขาทำาไว้ได้ ถ้าเราประสงค์ และเราสามารถปิดผนึกหัวใจของพวก

ที่สูง

เขาเพื่อที่พวกเขาจึงไม่ได้ยินถ้อยคำาแห่งทางนำา หมู่ชนเหล่านี้แหละ ที่เราได้นำาเรื่องราวของพวกเขามาบอกเล่าแก่เจ้า บรรดาศาสนทูตของ พวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่พวกเขาไม่ อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาป ิเสธมาก่อน นี่คือวิธีการที่เราปิดหัวใจของ บรรดาผู้ป ิเสธ และในส่วนใหญ่ของพวกเขานั้น เราไม่พบผู้ที่เคารพ สัญญา แต่เราพบว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ ่า ืน หลังจากพวกเขา เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของ เรามายังฟาโรห์และบรรดาหัวหน้าของเขา แต่พวกเขาเจตนาป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเรา ดังนั้น จงดูผลสุดท้ายของผู้กระทำาความชั่ว ว่าเป็นเช่นใด มูซาได้กล่าวว่า ฟาโรห์เอย ันเป็นศาสนทูตจากพระ ันจะต้องไม่พูดสิ่งใดเกี่ยวกับพระเจ้า ผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล นอกจากความจริง ันมายังพวกท่านโดยนำาสัญญาณอันชัดเจนจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านมาด้วย จงปล่อยพวกลูกหลานของอิสราเอลให้ ไปกับ ันเถิด ฟาโรห์ตอบว่า ถ้าท่านนำาสัญญาณมาด้วย จงนำามัน ออกมาถ้าหากว่าท่านพูดจริง ดังนั้น มูซาจึงได้โยนไม้เท้าของเขาลง ไปบนพื้น แล้วทันใดนั้น มันได้กลายเป็นงูจริงๆขึ้นมา หลังจากนั้น เขาได้ดึงมือของเขาออกมาจากเสื้อ ทันใดนั้น มือของเขาก็สว่างต่อหน้า ผู้เ ้าดู เสนาบดีของฟาโรห์ได้ปรึกษากันว่า คนผู้นี้(นบีมูซา)เป็นนัก มายากลผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน เขาต้องการที่จะให้พวกท่านออก ไปจากแผ่นดินของพวกท่าน ฟาโรห์ถามว่า ทีนี้ พวกเจ้าจะแนะนำาให้ ทำาอย่างไร พวกเขาแนะนำาฟาโรห์ว่า จงให้เขาและพี่ชายของเขา รอก่อนและส่งคนไปประกาศตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อให้ผู้คนนำานัก มายากล ีมือดีมาพบท่าน หลังจากนั้น เมื่อพวกนักมายากลมายังฟาโรห์แล้ว พวกเขาได้พูด กับฟาโรห์ว่า เราจะได้รับรางวัลตอบแทนแน่นอนนะ ถ้าพวกเราชนะ ฟาโรห์ตอบว่า แน่นอน พวกท่านจะได้รับตำาแหน่งที่ใกล้ชิดกับเรา

อัล อะอฺรอฟ

แล้วพวกเขาได้บอกมูซาว่า ท่านจะเป็นผู้โยนก่อนหรือจะให้เราเป็นผู้ โยนก่อน มูซาตอบว่า พวกท่านโยนก่อน เมื่อพวกนักมายากลโยน ของลงมา พวกเขาได้ลวงตาผู้คนและทำาให้ผู้คนหวาดกลัวเพราะพวกเขา สร้างมายากลอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา ดังนั้น เราจึงดลใจมูซาว่า จงโยนไม้ เท้าของเจ้าลงไป พลันที่เขาโยนไม้เท้าลงไป มันได้เริ่มกลืนมายากลที่ หลอกลวงพวกเขาทันที ดังนั้น สัจธรรมจึงปราก ขึ้นและความเท็จ ที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้นได้มลายไป ตรงนี้เองที่ฟาโรห์และคนของ เขาต้องได้รับความพ่ายแพ้ในการต่อสู้และพวกเขาต้องได้รับความอัปยศ ส่วนพวกนักมายากลนั้น พวกเขาได้ถูกทำาให้จำาต้องก้มตัวลงกราบ พวกเขากล่าวว่า เราศรัทธาในพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พระผู้ อภิบาลที่มูซาและ ารูนศรัทธา ฟาโรห์กล่าวว่า พวกเจ้ากล้าศรัทธาในพระเจ้าของเขาก่อนที่ ัน จะอนุญาตพวกเจ้ากระนั้นหรือ นี่เป็นแผนการของพวกเจ้าที่คิดขึ้นมา ในเมืองนี้เพื่อที่จะขับไล่ชาวเมืองออกไปจากเมืองใช่ไหม คอยดู ไม่ช้า พวกเจ้าจะได้เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น ันจะตัดมือตัดเท้าของพวกเจ้าสลับ ข้างกันแล้วนำาพวกเจ้าไปตรึงให้ตายบนไม้กางเขน พวกนักมายากล กล่าวว่า จะอย่างไรก็ตาม เราต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของเราอยู่แล้ว ท่านต้องการที่จะลงโทษเราเพียงเพราะว่าเราศรัทธาในสัญญาณทั้ง หลายของพระผู้อภิบาลของเราเมื่อมันปราก ต่อหน้าเราเท่านั้นหรือ โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ประทานความอดทนแก่เราและได้โปรด ให้เราตายอย่างบรรดาผู้ที่ยอมจำานนต่อพระองค์ด้วยเถิด พวกเสนาบดีของฟาโรห์ได้แนะนำาเขาว่า ท่านจะปล่อยให้มูซา และคนของเขาก่อความเสียหายในแผ่นดินและปล่อยพวกเขาให้ละเลย ท่านและสิ่งที่ท่านกราบไหว้กระนั้นหรือ ฟาโรห์ตอบว่า เราจะ ่า ลูกชายของพวกมันและไว้ชีวิตลูกสาวของพวกมัน เรามีอำานาจเหนือพวก มัน มูซาได้บอกผู้คนของเขาว่า จงขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าและ

ที่สูง

จงอดทน แท้จริง แผ่นดินนี้เป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงให้มันเป็นมรดก แก่บ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และความสำาเร็จขั้นสุดท้าย นั้นเป็นของบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ พวกเขาตอบว่า พวกเราถูก กดขี่ข่มเหงก่อนที่ท่านจะมายังพวกเรา และตอนนี้พวกเราก็กำาลังถูกกดขี่ อีกเช่นกันหลังจากที่ท่านได้มายังพวกเรา มูซากล่าวว่า ในไม่ช้านี้ พระ ผู้อภิบาลของพวกท่านจะทรงทำาลายบรรดาศัตรูของพวกท่านและทรง ทำาให้พวกท่านเป็นผู้ปกครองในแผ่นดินนี้ แล้วพระองค์จะทรงดูว่าพวก ท่านประพ ติเช่นใด ดังนั้น เราได้ลงโทษผู้คนของฟาโรห์ด้วยความอดอยากและ ขาดแคลนอาหารเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่พวกเขาจะได้สำานึก แต่เมื่อ สิ่งที่ดีมายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า นี่เป็นคราวของเรา และเมื่อความ ทุกข์มาประสบแก่พวกเขา พวกเขาจะอ้างว่าเคราะห์กรรมเหล่านี้มาจา กมูซาและบรรดาผู้อยู่กับเขา ในขณะที่ความจริงแล้ว เคราะห์ร้ายของ พวกเขานั้นได้ถูกกำาหนดโดยพระเจ้า แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ พวก เขากล่าวแก่มูซาว่า เราจะไม่ศรัทธาในท่านไม่ว่าท่านจะเอาปา ิหาริย์ อะไรก็ตามมาเป็นกลลวงพวกเรา ดังนั้น เราจึงได้ส่งพายุ ตักแตน เห็บ เหา กบและเลือดมายังพวก เขา แต่ถึงแม้ว่าเราได้แสดงสัญญาณเหล่านี้ทีละอย่างแล้วก็ตาม พวก เขายังคงโอหังดื้อดึงทำาบาปอยู่อีก เมื่อใดก็ตามที่โรคระบาดเกิดแก่ พวกเขา พวกเขากล่าวว่า มูซาเอย จงวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของท่าน ให้เราตามสัญญาที่พระองค์ทรงให้ไว้แก่ท่านด้วยเถิด ถ้าหากท่านช่วย ขจัดโรคระบาดให้พ้นไปจากเราในครั้งนี้ เราจะศรัทธาในท่านและปล่อย ให้ลูกหลานอิสรออีลไปกับท่าน แต่ทันทีที่เราขจัดโรคระบาดออกไป จากพวกเขาโดยให้เวลาพวกเขาทำาตามสัญญาของพวกเขา แต่พวกเขา ก็ทำาลายสัญญา ดังนั้น เราจึงได้ลงโทษเป็นการตอบแทนพวกเขาและได้ทำาให้

อัล อะอฺรอฟ

พวกเขาจมในทะเล เพราะพวกเขาป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและ ไม่ใส่ใจต่อสัญญาณเหล่านั้น หลังจากพวกเขาแล้ว เราได้ให้คนที่ถูก ถือว่าอ่อนแอสืบทอดส่วนตะวันออกและตะวันตกของแผ่นดินที่เราได้ ประทานความจำาเริญแก่มัน ดังนั้น สัญญาที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ทำา ไว้กับพวกลูกหลานอิสรออีลจึงเป็นที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะพวก เขาอดทนและเราได้ทำาลายทุกสิ่งที่ฟาโรห์และคนของเขาได้สร้างขึ้น เราได้พาลูกหลานอิสรออีลข้ามทะเลไปและพวกเขาได้ออกเดิน ทางจนกระทั่งมาถึงคนพวกหนึ่งซึ่งกำาลังการกราบไหว้รูปเคารพของ พวกเขา พวกลูกหลานอิสรออีลกล่าวว่า มูซาเอย จงสร้างรูปเคารพองค์ หนึ่งให้เราเหมือนกับรูปเคารพทั้งหลายที่คนกลุ่มนี้มีอยู่ มูซาได้ตอบว่า พวกท่านนี่เป็นหมู่ชนที่โง่เขลางมงายจริงๆ สิ่งที่พวกเขากำาลังทำาอยู่ นั้นมีแต่จะต้องถูกทำาลาย และการงานทั้งหลายที่พวกเขาทำานั้นล้วนไร้ ผลโดยสิ้นเชิง เขาได้กล่าวต่อไปว่า จะให้ ันแสวงหารูปเคารพอื่นใด นอกจากพระเจ้าแก่พวกท่านกระนั้นหรือ ทั้งๆที่พระองค์ทรงยกย่องพวก ท่านเหนือประชาชาติทั้งหลาย จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ช่วยพวก ท่านให้พ้นจากบริวารของฟาโรห์ผู้บังคับพวกท่านด้วยการทรมานอย่าง หนัก พวกเขา ่าลูกชายของพวกท่านและไว้ชีวิตลูกสาวของพวกท่าน และในนั้นมีการทดสอบอันยิ่งใหญ่สำาหรับพวกท่านจากพระผู้อภิบาลของ พวกท่าน เราได้นัดหมายมูซาเป็นเวลาสามสิบคืน และเราได้เพิ่มอีกสิบ คืน ดังนั้น ระยะเวลาที่พระผู้อภิบาลของเขาได้กำาหนดไว้จึงครบสี่สิบคืน (ก่อนจะไป) มูซาได้พูดกับ ารูนพี่ชายของเขาว่า พี่จงทำาหน้าที่แทน ัน ในหมู่พวกพ้องของ ันด้วย จงทำาความดีและจงอย่าป ิบัติตามทางของ ผู้ก่อความเสียหาย เมื่อมูซามาถึงที่นั่นตามเวลาที่กำาหนดไว้ของ เรา พระผู้อภิบาลของเขาได้ตรัสแก่เขา และเขาได้ขอว่า พระผู้อภิบาล ของ ัน โปรดแสดงพระองค์ต่อ ันด้วยเถิด เพื่อ ันจะได้เห็นพระองค์

ที่สูง

พระองค์จึงทรงตอบว่า เจ้าไม่อาจมองเห็น ันได้ แต่เจ้าจงมองไปยัง ภูเขานั่น ถ้าหากว่ามันยังคงตั้งมั่นอยู่ตรงที่ของมัน ไม่ช้าเจ้าจะได้เห็น ัน และเมื่อพระผู้อภิบาลของเขาแสดงพระเกียรติของพระองค์บนภูเขา นั้น พระองค์ได้ทรงทำาให้ภูเขานั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงจนมูซาต้องล้ม หมดสติไป เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาได้กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ ันขออภัยโทษต่อพระองค์และ ันเป็นคนแรกที่ศรัทธา พระองค์ทรงตรัสว่า มูซาเอย แท้จริง ันได้เลือกเจ้าจากมนุษย์ ทั้งหมดเพื่อนำาสาสน์ของ ันและคำาพูดของ ัน ดังนั้น จงยึดมั่นในสิ่งที่ ันได้ประทานแก่เจ้า และจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู และเราได้บันทึกคำา ตักเตือนและรายละเอียดของทุกสิ่งแก่เขาไว้บนแผ่นจารึก และกล่าวว่า จงยึดมันไว้ให้มั่นคงและจงสั่งหมู่ชนของเจ้าให้ป ิบัติตามมันด้วยความ สำานึกที่ดีที่สุดของพวกเขา ในไม่ช้า เราจะให้เจ้าได้เห็นที่พำานักของผู้ ันจะหันสายตาของบรรดาผู้โอหังในแผ่นดินโดยไม่ ทำาความชั่ว ชอบธรรมให้ออกไปจากสัญญาณทั้งหลายของ ัน และแม้พวกเขาจะเห็น สัญญาณทุกอย่างของ ัน พวกเขาก็จะไม่เชื่อ ถ้าพวกเขาเห็นแนวทางที่ ถูกต้องต่อหน้าพวกเขา พวกเขาจะไม่เดินตามทางนั้น แต่ถ้าพวกเขาเห็น หนทางที่หลงผิด พวกเขาจะป ิบัติตามทางนั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขา ถือว่าสัญญาณทั้งหลายของเราเป็นเท็จและเ ยเมยต่อมัน ใครก็ตาม ที่ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและป ิเสธการพบกันในโลกหน้า การ งานของพวกเขาก็ไร้ผล พวกเขาจะได้รับการตอบแทนตามที่พวกเขาได้ ทำาไว้ ในขณะที่เขาไม่อยู่ ผู้คนของมูซาได้ทำารูปปั้นลูกวัวขึ้นมาจาก เครื่องประดับซึ่งทำาให้มีเสียงเบาๆ พวกเขาไม่เห็นหรือว่ามันไม่ได้พูด กับพวกเขาหรือนำาทางพวกเขาแต่อย่างใดเลย แต่พวกเขายังเคารพสัก การะมัน พวกเขาเป็นผู้ทำาความชั่ว เมื่อพวกเขาเกิดสำานึกผิดและรู้ ว่าพวกเขาหลงผิด พวกเขาได้กล่าวว่า ถ้าพระผู้อภิบาลของเราไม่ทรง

อัล อะอฺรอฟ

เมตตาต่อเราและให้อภัยเรา เราจะอยู่ในบรรดาผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน เมื่อมูซากลับมายังคนของเขา เขาได้กล่าวด้วยความโกรธและเสียใจ เป็นอย่างมากว่า ช่างเป็นบาปอันชั่วช้าอะไรเช่นนี้ที่พวกท่านได้ทำาไป ในขณะที่ ันไม่อยู่ พวกท่านต้องการเร่งให้คำาบัญชาของพระผู้อภิบาล ของพวกท่านมายังพวกท่านกระนั้นหรือ เขาได้โยนแผ่นจารึกลงไป บนพื้นและคว้าหัวพี่ชายของเขาดึงมาหาเขา ารูนกล่าวว่า ลูกชาย ของแม่ ัน ผู้คนรังแก ันและเกือบจะ ่า ัน อย่าให้ศัตรูของ ันได้ใจว่า พวกเขาเหนือกว่า ันเลยและจงอย่านับ ันไว้ในหมู่ผู้ทำาความผิดด้วย เขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดให้อภัยแก่ ันและพี่ชาย ของ ันด้วยเถิดและโปรดรับเราไว้ในความเมตตาของพระองค์ พระองค์ เป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดในบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย บรรดาผู้เอาลูกวัวเป็นที่เคารพสักการะนั้นต้องได้รับความกริ้ว จากพระผู้อภิบาลของพวกเขาอย่างแน่นอน และพวกเขาจะได้รับความ ตกต่ำาในโลกนี้ นั่นคือวิธีการที่เราตอบแทนบรรดาผู้กุสิ่งเท็จขึ้นมา ส่วนบรรดาผู้กระทำาความชั่วแล้วกลับตัวหลังจากนั้นและหันมา ศรัทธา แน่นอน หลังจากที่กลับตัวแล้ว พวกเขาจะพบว่าพระผู้อภิบาล ของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อความโกรธของมูซาคลายลง เขาได้หยิบแผ่นจารึกที่มีทางนำา และความเมตตาสำาหรับบรรดาผู้ที่ยำาเกรงพระผู้อภิบาลของพวกเขาขึ้น มา และมูซาได้เลือกชายเจ็ดสิบคนในหมู่พวกพ้องของเขาไปยังที่ที่ เราได้กำาหนดไว้ เมื่อแผ่นดินไหวคร่าชีวิตของพวกเขา มูซาได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน หากพระองค์ทรงปรารถนา พระองค์คงทำาลาย พวกเขาและ ันก่อนหน้านี้ไปแล้ว พระองค์จะทรงทำาลายพวกเราทั้งหมด เพราะคนโง่ๆบางคนในหมู่พวกเราทำาผิดกระนั้นหรือ นี่มิใช่อื่นใดนอก ไปจากการทดสอบของพระองค์ ซึ่งในการทดสอบนี้ พระองค์ทรงทำาให้ ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงทางและทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์

ที่สูง

พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงคุ้มครองเรา ดังนั้น โปรดให้อภัยเราและโปรด เมตตาเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งผู้อภัยทั้งหลาย โปรด ประทานสิ่งที่ดีในโลกนี้และในโลกหน้าแก่เราด้วยเถิด แท้จริง ยังพระองค์ เท่านั้นที่เราจะกลับไป พระองค์ทรงตอบว่า สำาหรับการลงโทษนั้น ัน จะลงโทษผู้ที่ ันประสงค์ แต่ความเมตตาของ ันแผ่ล้อมทุกสิ่ง ดังนั้น ันจะกำาหนดความเมตตาแก่บรรดาผู้สำารวมตนจากความชั่วและจ่าย ซะกาตและศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของ ัน สำาหรับผู้ป ิบัติตาม ศาสนทูตผู้นี้ นบีผู้อ่านเขียนไม่เป็นซึ่งพวกเขาจะได้พบการจารึกไว้ใน เตารอตและในอินญีลที่อยู่กับพวกเขา เขากำาชับคนเหล่านั้นให้ป ิบัติ ตามคุณธรรมและห้ามปรามพวกเขาทำาความชั่ว เขาทำาให้สิ่งดีๆทั้งหลาย เป็นที่อนุมัติสำาหรับคนเหล่านั้นและทำาให้สิ่งเลวเป็นที่ต้องห้ามสำาหรับ พวกเขา เขาทำาให้คนเหล่านั้นหลุดพ้นจากภาระหนักและปลดปล่อย พวกเขาจากโซ่ตรวนที่พันธนาการคนเหล่านั้นอยู่ ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้ที่ ศรัทธาในเขาจึงให้กำาลังใจแก่เขา ช่วยเหลือเขาและป ิบัติตามแสงสว่าง ที่ได้ถูกส่งมากับเขาเท่านั้นจะได้รับความสำาเร็จ (โอ้ มุ ัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า มนุษย์เอย ันเป็นศาสนทูตคนหนึ่ง ของพระเจ้าที่มายังพวกท่านทั้งมวล พระองค์ทรงมีอำานาจสูงสุดเหนือ อาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก พระองค์ พระองค์ทรงให้ชีวิตและทรงกำาหนดความตาย ดังนั้น จงศรัทธา ในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ นบีผู้อ่านเขียนไม่เป็น ผู้ศรัทธาใน พระเจ้าและในคำาบัญชาของพระองค์ จงป ิบัติตามเขาเพื่อที่พวกท่านจะ ได้รับทางนำาที่ถูกต้อง และในหมู่ชนของมูซามีบางคนที่นำาทางผู้อื่น ด้วยสัจธรรมและตัดสินกิจการทั้งหลายด้วยสัจธรรมนั้น เราได้แบ่งพวกเขาออกเป็นสิบสองเผ่าโดยแต่ละเผ่าเป็นประชาคม เมื่อคนของเขาขอน้ำาจากเขา เราได้ดลใจมูซาว่า จงฟาดก้อนหินด้วยไม้ เท้าของเจ้า เมื่อเขาทำาตาม น้ำาพุสิบสองตาได้พุ่งออกมาจากหินก้อนนั้น

อัล อะอฺรอฟ

และทุกเผ่าต่างได้รู้ถึงแหล่งน้ำาของพวกตน เราได้ทำาให้เม บังแดดเหนือ พวกเขา และเราได้ให้มันนะและซัลวา(นกคุ่ม)เป็นอาหารของพวกเขา และกล่าวว่า จงกินจากสิ่งดีๆที่เราได้ประทานเป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า (อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพวกเขาก็ทรยศอีก) พวกเขาไม่ได้อธรรมต่อ เรา แต่พวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง จงนึกถึงเมื่อตอนที่พวก เขาถูกบอกว่า จงพำานักอยู่ในเมืองนี้และจงบริโภคผลผลิตจากมันตามที่ สูเจ้าประสงค์ แต่จงกล่าวถ้อยคำาขออภัยโทษและจงเข้าประตูเมืองด้วย ความนอบน้อมถ่อมตน เราจะให้อภัยบาปของสูเจ้าและเราได้เพิ่มพูน รางวัลแก่ผู้กระทำาความดี แต่บรรดาผู้ละเมิดในหมู่พวกเขาได้เปลี่ยน คำาพูดที่ได้ถูกบอกแก่พวกเขา ดังนั้น เราจึงได้ส่งการลงโทษมายังพวก เขาจากชั้นฟ้า ทั้งนี้เพราะความผิดที่พวกเขาได้กระทำา จงถามพวกเขาเกี่ยวกับเมืองที่ตั้งอยู่บน ั่งทะเลว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ผู้คนของเมืองนั้นในตอนที่พวกเขาละเมิดก ในวันสับบะโต ในวันนั้น ูง ปลาได้ลอยมาปราก บนผืนน้ำาต่อหน้าพวกเขา แต่ในวันอื่นที่ไม่ใช่วันสับ บะโต ูงปลากลับไม่มาปราก นี่เป็นเพราะเรากำาลังทดสอบพวกเขาอัน เนื่องมาจากการที่พวกเขาไม่เชื่อฟัง เมื่อบางคนถามว่า ทำาไมพวก ท่านถึงได้ตักเตือนผู้คนที่พระเจ้าจะทรงทำาลายพวกเขาหรือทรงลงโทษ พวกเขาอย่างหนัก พวกเขาตอบว่า เพื่อที่จะได้ไม่ถูกตำาหนิต่อหน้า พระผู้อภิบาลของพวกท่านและเพื่อที่พวกเขาจะได้เกรงกลัวพระองค์ ดังนั้น เมื่อพวกเขาลืมคำาสอนที่พวกเขาถูกตักเตือนให้รำาลึก เรา ได้ช่วยบรรดาผู้เคยห้ามปรามความชั่วให้ได้รับความปลอดภัย และเรา ได้ลงโทษผู้ละเมิดอย่างรุนแรง ทั้งนี้เพราะพวกเขา ่า ืน ดังนั้น เมื่อ พวกเขายังคงดึงดันในสิ่งที่พวกเขาถูกห้าม เราจึงได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงกลายเป็นลิงที่อัปลักษณ์ หลังจากนั้น พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ประกาศว่า ันจะให้มี ผู้คนมาสร้างความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าแก่พวกเขา

ที่สูง

จนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรง ับ พลันในการตอบแทน และแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ เราได้แบ่งพวกเขาออกเป็นหลายกลุ่มแยกกระจายไปทั่วไปใน แผ่นดิน บางกลุ่มเป็นคนดีในขณะที่บางกลุ่มแตกต่างไปจากนั้น และเรา ได้ทดสอบพวกเขาด้วยความสุขความเจริญและด้วยความทุกข์เพื่อที่ว่า พวกเขาจะได้หันกลับมายังหนทางที่ถูกต้อง หลังจากพวกเขาแล้ว มีคนรุ่นใหม่เข้ามาสืบช่วงต่อโดยได้รับ สืบทอดคัมภีร์มาด้วย แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็สนใจแต่ความสุขเพียงชั่ว ครู่ชั่วยามแห่งโลกนี้ และยังกล่าวอีกว่า เราจะได้รับการให้อภัยอย่าง แน่นอน ถ้าสิ่งที่ให้ความสุขเพียงชั่วแล่นเยี่ยงนี้มาปราก ต่อหน้าพวก เขาอีก พวกเขาจะคว้ามันไว้อีก พันธะสัญญาแห่งคัมภีร์มิได้กำาหนดไว้ แก่พวกเขาหรือว่าพวกเขาจะไม่กล่าวสิ่งใดถึงพระเจ้านอกจากความ จริง และพวกเขาเองได้เรียนรู้เป็นอย่างดีแล้วถึงสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์นั้น แน่นอน ที่พำานักแห่งโลกหน้านั้นดีกว่าสำาหรับผู้ยำาเกรงพระเจ้า สูเจ้าไม่ สำาหรับบรรดาผู้ยึดมั่นตามคัมภีร์ เข้าใจแม้แต่สิ่งเหล่านี้กระนั้นหรือ และดำารงการนมาซ เราจะไม่ปล่อยให้รางวัลของคนดีเช่นนั้นต้องเสีย หาย (และพวกเขายังจำาได้) เมื่อตอนที่เราได้ยกภูเขาขึ้นมาเหนือพวก เขาเหมือนกับหลังคาโค้งและพวกเขาคิดว่ามันกำาลังจะพังลงมาทับพวก เขา เราได้กล่าวว่า จงยึดมั่นในสิ่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าและจงระลึก ถึงสิ่งที่มีอยู่ในนั้น ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้สำานึกถึงพระเจ้า (โอ้นบี จงเตือนผู้คนให้นึกถึง) เมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้า ได้ทรงนำาผู้สืบพงศ์พันธุ์ของพวกเขาออกมาจากท้องของลูกหลานอาดัม และได้ให้พวกเขายืนยันเกี่ยวกับตัวของพวกเขาเอง โดยพระองค์ได้ถาม พวกเขาว่า ันมิใช่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าดอกหรือ พวกเขาตอบว่า เรายืนยันว่าพระองค์เป็นพระผู้อภิบาล เราทำาเช่นนี้เพราะเกรงว่าในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพสูเจ้าจะกล่าวว่า เราไม่รู้เรื่องนี้เลย หรือมิ ะนั้น

อัล อะอฺรอฟ

สูเจ้าอาจจะกล่าวว่า บรรพบุรุษของเราได้เริ่มนำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับ พระเจ้าก่อนหน้าเราและเราเป็นลูกหลานที่มาภายหลังจากพวกเขา ดังนี้ แล้ว พระองค์ยังจะทรงลงโทษเราเพราะบาปที่ทำาโดยผู้ทำาความผิดเหล่า นั้นหรือ ในทำานองนี้เองที่เราได้ทำาอธิบายสัญญาณทั้งหลายของเรา ให้เป็นที่แจ่มแจ้ง เพื่อที่พวกเขาจะได้หันกลับมายังเรา มุ ัมมัด จงอ่านให้พวกเขาฟังถึงเรื่องราวของคนที่เราได้ประทาน ความรู้เกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของเรา แต่เขาได้หันห่างออกจากมัน ดังนั้น ซาตานจึงได้ติดตามเขาจนกระทั่งเขาได้กลายเป็นผู้หนึ่งในบรรดา ผู้หลงทาง ถ้าหากเราประสงค์ แน่นอน เราจะยกย่องเขาโดยอาศัย สัญญาณเหล่านั้นก็ได้ แต่เขามัว ักใ ่อยู่กับโลกและป ิบัติตามอารมณ์ ของเขา ดังนั้น เขาจึงเหมือนกับสุนัขที่ลิ้นห้อยไม่ว่าเจ้าไล่มันหรือปล่อย มันไว้ตามลำาพัง นั่นแหละคือการเปรียบเทียบบรรดาผู้ที่ถือว่าสัญญาณ ทั้งหลายของเราเป็นเท็จ ดังนั้น เจ้าจงบอกกล่าวเรื่องราวเหล่านี้แก่พวก ชั่วช้าแท้ๆก็คือตัวอย่างของ เขาต่อไปเพื่อที่พวกเขาจะได้ใคร่ครวญ บรรดาผู้ที่ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและทำาผิดต่อตัวของพวกเขา เอง ผู้ใดที่พระเจ้าทรงนำาทาง ผู้นั้นก็อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง และผู้ใด ที่พระเจ้าทรงปล่อยให้หลง พวกเขาก็เป็นผู้ขาดทุน เราได้สร้างญินและมนุษย์จำานวนมากสำาหรับนรก พวกเขามีหัวใจ แต่พวกเขาไม่ใช้หัวใจนั้นคิด พวกเขามีตา แต่พวกเขาไม่ใช้มันมอง พวก เขามีหู แต่พวกเขาไม่ได้ใช้มันฟัง พวกเขาเหล่านี้เหมือนกับปศุสัตว์ ไม่ พวกเขาหลงยิ่งกว่านั้นอีก ทั้งนี้เพราะพวกเขาเป็นผู้เ ยเมย พระเจ้า ทรงเป็นเจ้าของพระนามทั้งหลายที่ประเสริ ยิ่ง ดังนั้น จงเรียกพระองค์ โดยพระนามอันประเสริ ยิ่งเหล่านี้เท่านั้น และจงออกห่างจากบรรดา ผู้บิดเบือนพระนามของพระองค์ไว้ตามลำาพัง ในไม่ช้า พวกเขาจะถูก ตอบแทนตามที่พวกเขาได้กระทำา ในบรรดาผู้ที่เราได้สร้างขึ้นมา นั้น มีคนหมู่หนึ่งที่นำาทางด้วยสัจธรรมและใช้สัจธรรมนั้นป ิบัติความ

ที่สูง

ยุติธรรม สำาหรับผู้ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรานั้น เราจะค่อยๆ นำาพวกเขาไปสู่การลงโทษโดยที่เขาไม่รู้ ถึงแม้ ันจะประวิงเวลาให้ แก่พวกเขา แผนการของ ันก็จะเป็นไปตามนั้นอย่างแน่นอน พวกเขาไม่พิจารณาหรือว่าสหายของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นคนบ้า แต่ประการใด แท้จริง เขาเป็นเพียงผู้ตักเตือนคนหนึ่งที่กำาลังตักเตือน พวกเขาไม่พิจารณาถึงการทำางานของชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง และเห็นว่านั่นอาจเป็นวาระสุดท้ายแห่ง ชีวิตของพวกเขาที่ใกล้ถึงกำาหนดเข้ามาแล้ว พวกเขายังจะเชื่ออะไรอีก ถ้าพวกเขาไม่เชื่อในสิ่งนี้ ไม่มีผู้ใดนำาทางผู้ที่พระเจ้าปล่อยให้เขา หลงผิด พระองค์จะทรงปล่อยคนประเภทนี้ให้ระเหระหนอย่างมืดบอดใน คนเหล่านี้ถามเจ้า(นบี)เกี่ยวกับยามอวสาน การดื้อดึงของพวกเขา ว่า เมื่อใดมันจะมาถึง จงกล่าวเถิด ความรู้ในเรื่องนี้อยู่ที่พระผู้อภิบาล ของ ันเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถจะบอกถึงเวลานั้นได้นอกจากพระองค์ มันหนักอึ้งอยู่บนชั้นฟ้าและแผ่นดิน และมันจะมายังพวกท่านโดย ับ พลัน พวกเขาถามเจ้าเหมือนกับว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ดี จงกล่าวเถิด ความรู้ ในเรื่องนี้อยู่ที่พระเจ้าเท่านั้น แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ (มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า ันไม่มีอำานาจอันใดที่จะให้คุณหรือโทษจากตัว ันได้เว้นแต่พระเจ้าจะทรงประสงค์เท่านั้น และหาก ันมีความรู้ในสิ่งที่ มองไม่เห็น แน่นอน ันคงสะสมความดีมากมายไว้เพื่อตัว ันเองและ ัน จะไม่ได้รับความชั่วร้ายใดๆ ันมิใช่ใครอื่นนอกจากผู้ตักเตือนและผู้แจ้ง ข่าวดีแก่บรรดาผู้ที่เชื่อในสิ่งที่ ันบอกเท่านั้น พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้าจากชีวิตหนึ่ง และจากชีวิตนั้นพระองค์ ได้ทรงสร้างคู่ครองของเขาขึ้นมาเพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตที่สงบกับนาง ดัง นั้น เมื่อเขาได้ครอบคลุมนาง นางก็ได้ตั้งครรภ์อ่อนๆที่นางพาไปไหนต่อ ไหนด้วย แต่เมื่อนางอุ้มครรภ์หนักเข้า ทั้งสองได้วิงวอนต่อพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของเขาทั้งสองว่า หากพระองค์ทรงประทานลูกที่ดีแก่เรา เรา

อัล อะอฺรอฟ

จะเป็นผู้กตัญญูต่อพระองค์ แต่เมื่อพระองค์ได้ทรงให้เด็กที่ดีมีความ สมบูรณ์แก่เขาทั้งสองแล้ว เขาทั้งสองได้นำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ในสิ่งที่เขาทั้งสองได้รับ แต่พระเจ้านั้นสูงเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี ร่วมกับพระองค์ ช่างโง่เสียนี่กระไร พวกเขาตั้งภาคีให้พระองค์ด้วย สิ่งที่ไม่ได้สร้างสิ่งใด ซ้ำาภาคีนั้นยังถูกสร้างขึ้นมาด้วย ภาคีเหล่านั้น ไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้และมันก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ มัน ไม่มีอะไรต่างกันไม่ว่าสูเจ้าเชิญชวนพวกเขาให้ป ิบัติตามแนวทางที่ถูก ต้องหรือว่าสูเจ้าจะนิ่งเงียบ ถ้าสูเจ้าเรียกร้องพวกเขาไปสู่แนวทางที่ถูก ต้อง พวกเขาจะไม่ป ิบัติตามสูเจ้า แท้จริง บรรดาผู้ที่สูเจ้าวิงวอน นอกไปจากพระเจ้านั้นเป็นเพียงสิ่งถูกสร้างเหมือนกับสูเจ้า ดังนั้น จง วิงวอนต่อพวกมัน แล้วให้มันตอบรับคำาวิงวอนของสูเจ้าดูสิ ถ้าสิ่งที่สูเจ้า พูดเป็นความจริง พวกมันมีเท้าที่จะใช้เดินไหม พวกมันมีมือที่จะจับอะไรได้ไหม พวกมันมีตาที่จะใช้ดูไหม หรือพวกมันมีหูที่จะใช้ฟังไหม (โอ้มุ ัม มัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า จงวิงวอนต่อภาคีที่พวกท่านตั้งขึ้นมา แล้ว จงวางแผนต่อ ันและไม่ต้องผ่อนปรนให้ ัน แท้จริง ผู้คุ้มครองและ ผู้ช่วยเหลือของ ันคือพระเจ้าผู้ประทานคัมภีร์นี้ลงมา และพระองค์ทรง คุ้มครองผู้ทรงคุณธรรมความดี ส่วนบรรดาที่สูเจ้าวิงวอนนอกไปจาก พระเจ้านั้น พวกมันไม่สามารถที่จะช่วยเหลือสูเจ้าได้และพวกมันก็ไม่ สามารถที่จะช่วยตัวมันเองได้ ถ้าเจ้าชักชวนพวกเขามายังหนทางที่ ถูกต้อง พวกเขาก็ไม่ได้ยิน ถึงแม้มันจะดูเหมือนว่าพวกเขากำาลังมองเจ้า แต่ความจริงแล้ว พวกเขาไม่เห็นเจ้า (โอ้นบี) จงใช้วิธีการให้อภัย จงกำาชับในสิ่งที่ดีและหลีกเลี่ยงการ ถกเถียงที่ไร้ประโยชน์กับคนโง่เขลา ถ้าหากซาตานยุแหย่เจ้าให้โกรธ จงขอความคุ้มครองจากพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรง รอบรู้ ถ้าหากการแนะนำาที่ชั่วร้ายจากซาตานมาสัมผัสผู้เกรงกลัว

ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

พระเจ้า พวกเขาจะคิดได้ทันทีและพวกเขาจะระวัง ส่วนพวกพ้องของ พวกซาตานนั้น พวกมันดึงพวกเขาไปสู่การหลงผิดและไม่เคยละความ พยายามของพวกมัน (โอ้ นบี) เมื่อเจ้าไม่นำาสัญญาณมาให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาได้ กล่าวว่า ทำาไมท่านไม่สร้างมันขึ้นมาเองเล่า จงบอกพวกเขาว่า ัน ป ิบัติตามสิ่งที่พระผู้อภิบาลของ ันประทานแก่ ันเท่านั้น คัมภีร์นี้เป็น สิ่งประจักษ์แจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านและเป็นทางนำาและความ เมตตาสำาหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา เมื่อกุรอานได้ถูกอ่าน จงเงียบฟังกุ รอานด้วยความตั้งใจ ทั้งนี้เพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตา (โอ้ นบี) จงนึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยความนอบน้อมและยำาเกรงและ ด้วยเสียงเบาๆทั้งในยามเช้าและยามเย็น และจงอย่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ เพิกเ ย แม้แต่บรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิดกับพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น พวกเขามิได้โอหังต่อการเคารพภักดีพระองค์ พวกเขาสดุดีความบริสุทธิ์ ของพระองค์และพวกเขาก้มกราบต่อพระองค์ 8. ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

อัล-อันฟาล

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปราน ผู้ทรงเมตตาเสมอ พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ จงกล่าวเถิด มัน เป็นของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า และทำาสิ่งต่างๆให้ถูกต้องในหมู่พวกท่าน จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูต ของพระองค์ถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาที่แท้ จริงนั้นคือบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาสั่นไหวด้วยความหวาดเกรงเมื่อ ใดก็ตามที่นามของพระเจ้าถูกเอ่ยแก่พวกเขา ผู้ที่ความศรัทธาของพวก

อัล อันฟาล

เขาเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาฟังสิ่งที่พระองค์ประทานมาและผู้ที่ไว้วางใจใน พระผู้อภิบาลของพวกเขา บรรดาผู้ดำารงนมาซและบริจาคจากที่เรา ได้ประทานแก่พวกเขา 4 คนเหล่านั้นเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง พวกเขา มีตำาแหน่งสูงส่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาได้รับการให อภัยโทษและปัจจัยยังชีพอันมีเกียรติ 5 ดังที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ทรงนำาเจ้าออกมาจากบ้านของเจ้า พร้อมด้วยสัจธรรมถึงแม้ผู้ศรัทธาบางคนไม่ชอบใจ พวกเขาโต้เถียงเจ้า เกี่ยวกับสัจธรรมทั้งๆที่มันเป็นที่กระจ่างแล้ว พวกเขาประหวั่นพรั่นพรึง ราวกับว่าพวกเขากำาลังถูกผลักไปสู่ความตายโดยที่ตาของพวกเขายัง เปิดกว้างอยู่ 7 พระองค์ได้ทรงสัญญากับสูเจ้าว่าหนึ่งในสองพวกจะพ่าย แพ้แก่สูเจ้า สูเจ้าคิดว่าพวกที่อ่อนแอกว่าจะพ่ายแพ้แก่สูเจ้า แต่พระเจ้า ทรงปรารถนาที่ จ ะพิ สู จ น์ สั จ ธรรมให้ เ ป็ น ที่ ป ระจั ก ษ์ ว่ า มั น เป็ น ความ จริงโดยถ้อยคำาของพระองค์ และทรงขุดรากถอนโคนบรรดาผู้ป ิเสธ เพื่อที่พระองค์จะได้พิสูจน์ว่าความจริงเป็นความจริง และ สัจธรรม ความเท็จได้ปราก ชัดออกมาว่าเป็นความเท็จถึงแม้ว่าบรรดาผู้ทำาผิดจะ ไม่ชอบมันก็ตาม เมื่อสูเจ้าวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อพระผู้อภิบาลของสูเจ้า พระองค์ได้ทรงตอบว่า ันจะส่งทูตสวรรค์จำานวนหนึ่งพันทยอยกันลง มาช่วยสูเจ้า พระเจ้าทรงบอกสิ่งนี้แก่สูเจ้าเพื่อเป็นข่าวดีสำาหรับสูเจ้า และเพื่อที่จะทำาให้จิตใจของสูเจ้าเกิดความสงบ เพราะการช่วยเหลือมา จากพระเจ้าเท่านั้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระเจ้าทรงให้สูเจ้างีบหลับไปเพื่อสูเจ้าจะได้รู้สึก สงบและปลอดภัย และพระองค์ได้ประทานน้ำาลงมาจากท้องฟ้าเพื่อที่จะ ชำาระสูเจ้าให้สะอาดและขจัดความโสมมของซาตานออกไปจากสูเจ้า และ เพื่อทำาให้สูเจ้ามีกำาลังใจเข้มแข็งและเท้าของสูเจ้ามั่นคง จงนึกถึงเมื่อ ตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงมีบัญชาแก่ทูตสวรรค์ว่า ันจะอยู่กับ

ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

สูเจ้า จงทำาให้บรรดาผู้ศรัทธายืนหยัดอย่างมั่นคง ันจะทำาให้หัวใจของ บรรดาผู้ป ิเสธเต็มไปด้วยความครั่นคร้าม ดังนั้น จงตีก้านคอของพวก เขาและกระทุ้งทุกรอยต่อของร่างกายของพวกเขา นั่นเป็นเพราะว่า พวกเขาต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอน คนที่ต่อต้าน พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะถูกพระเจ้าลงโทษอย่างหนัก นั่น คือการลงโทษสำาหรับสูเจ้า ดังนั้น จงลิ้มรสมัน และสูเจ้าควรรู้ไว้ด้วยว่า สำาหรับผู้ป ิเสธนั้นคือการลงโทษของไฟนรก บรรดาผู้ศรัทธาเอย เมื่อสูเจ้าพบบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเคลื่อนพล มา จงอย่าหันหลังให้พวกเขา ใครที่หันให้พวกศัตรูในตอนนั้น ยกเว้น กรณีถอยทางยุทธวิธีหรือเพื่อไปสมทบกับกำาลังของผู้ศรัทธาอีกกลุ่มหนึ่ง คนผู้นั้นได้ทำาให้พระเจ้าทรงกริ้ว นรกจะเป็นที่พำานักของเขา เป็นปลาย ทางอันเลวร้ายที่สุดสำาหรับเขา ดังนั้น ความจริงแล้ว เจ้าไม่ได้ ่าพวกเขา พระเจ้าต่างหากที่ทรง ่าพวกเขา และเจ้าไม่ได้ขว้าง(ทราย) แต่พระเจ้าต่างหากที่ทรงขว้างมัน เพื่อที่ว่าพระองค์จะให้บรรดาผู้ศรัทธาผ่านการทดสอบอันดีเยี่ยมนี้อย่าง ประสบผลสำาเร็จ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ นั่นคือ สิ่งที่เกิดขึ้น แน่นอน พระเจ้าทรงขัดขวางแผนการชั่วร้ายของผู้ป ิเสธ สัจธรรม ถ้าหากสูเจ้าขอการตัดสิน การตัดสินได้มายังสูเจ้าแล้ว มัน เป็นการดีที่สุดสำาหรับสูเจ้าที่จะเลิกจากมันเสียเดียวนี้ แต่ถ้าหากสูเจ้า กลับมา(เป็นศัตรู)อีก เราจะกลับมาลงโทษสูเจ้าอีก และกองกำาลังของ สูเจ้าไม่ว่าจะมีจำานวนมากเท่าใด มันก็จะไม่อาจช่วยอะไรสูเจ้าได้เลย เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับบรรดาผู้ศรัทธา บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่าหันไปจากเขาหลังจากที่ได้ยินเขาแล้ว จงอย่าเป็นเหมือน บรรดาผู้ที่กล่าวว่า เราได้ยินแล้ว แต่พวกเขาไม่สนใจในสิ่งที่ได้ยิน ดูหน้า ถึง ของบทนำา

อัล อันฟาล

บรรดาสัตว์ที่ชั่วร้ายที่สุดในสายตาของพระเจ้าคือคนที่หูหนวกเป็นใบ้ คือบรรดาผู้ไม่ใช้สติปัญญา ถ้าหากพระเจ้าพบความดีใดๆในพวกเขา แน่นอน พระองค์จะทรงทำาให้พวกเขาได้ยิน แต่ดังที่พวกเขาเป็นอยู่ ถึง แม้ว่าพระองค์จะทรงทำาให้พวกเขาได้ยิน พวกเขาก็จะหันไปจากสัจธรรม บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตเมื่อเขาเรียก สูเจ้าไปยังสิ่งที่ให้ชีวิตแก่สูเจ้า และจงรู้เถิดว่าพระเจ้าทรงยืนอยู่ระหว่าง มนุษย์และหัวใจของเขา และสูเจ้าทั้งหมดจะถูกรวมไว้ต่อหน้าพระองค์ และจงระวังสิ่งเลวร้ายที่ไม่เพียงแต่จะนำาการลงโทษมาสู่ผู้กระทำาใน หมู่สูเจ้าเป็นการเ พาะเท่านั้น และจงรู้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงเ ียบ ขาดในการลงโทษ จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้ายังมีจำานวนน้อยและเป็นผู้อ่อนแอในแผ่น ดินและกลัวว่าผู้คนจะกำาจัดสูเจ้า แล้วพระเจ้าได้ทรงจัดหาสถานที่พักพิง ให้แก่สูเจ้า ทรงทำาให้สูเจ้าเข้มแข็งด้วยการช่วยเหลือของพระองค์และ ประทานปัจจัยยังชีพที่ดีแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ขอบคุณ บรรดาผู้ ศรัทธาเอย จงอย่าทรยศต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่า ละเมิดสิ่งที่สูเจ้าได้รับมอบหมายทั้งๆที่รู้ จงรู้เถิดว่าสมบัติของสูเจ้า และลูกๆของสูเจ้านั้น ความจริงแล้วเป็นการทดสอบสำาหรับสูเจ้า และ พระเจ้าทรงมีรางวัลอันมากมายที่จะให้แก่สูเจ้า บรรดาผู้ศรัทธาเอย ถ้าสูเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า พระองค์จะประทาน ความสามารถในการแยกว่าอะไรถูกและอะไรผิดแก่สูเจ้าและจะทรงให้ อภัยบาปแก่สูเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอัน ใหญ่หลวง จงนึกถึงเมื่อตอนที่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมวางแผนการต่อ เจ้าเพื่อจับเจ้าขังไว้หรือ ่าเจ้าหรือขับไล่เจ้า พวกเขาวางแผนของพวก เขา แต่พระเจ้าทรงเป็นเลิศในการบรรดาผู้วางแผนทั้งหลาย เมื่อใดก็ตามที่สิ่งที่เราประทานมาได้ถูกอ่านแก่พวกเขา พวกเขาได้ กล่าวว่า พวกเราได้ยินแล้ว ถ้าพวกเราประสงค์ พวกเราก็สามารถกล่าว

ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

เยี่ยงนี้ได้ เพราะนี่มิใช่อะไรนอกไปจากนิยายปรัมปราที่คนรุ่นก่อนได้เล่า ซ้ำาแล้วซ้ำาอีก พวกเขากล่าวด้วยว่า โอ้พระเจ้า ถ้าหากนี่เป็นสัจธรรม ที่ถูกส่งมาโดยพระองค์ ขอจงโปรยหินจากฟากฟ้าลงมาบนพวกเราหรือ ส่งการทรมานอันเจ็บปวดอะไรก็ได้ลงมายังเรา แต่พระเจ้ายังไม่ทรง ลงโทษพวกเขาในขณะที่เจ้า(นบี)ยังอยู่ท่ามกลางพวกเขา และพระเจ้า จะไม่ทรงลงโทษพวกเขาในขณะที่พวกเขาขอการอภัยโทษ แต่ตอน นี้ไม่มีเหตุผลอันใดที่พระองค์จะมิทรงลงโทษพวกเขาในเมื่อพวกเขาขัด ขวางทางไปสู่มัสญิดอัล ะรอมทั้งๆที่พวกเขามิได้เป็นผู้ดูแลมัน แท้จริง แล้ว ผู้มีความยำาเกรงพระเจ้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้ดูแลมันโดยถูกต้อง แต่ว่า ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่รู้ถึงเรื่องนี้ การทำาศาสนพิธีของพวกเขาใกล้ บ้านของพระเจ้านั้นมิใช่อะไรนอกไปจากการผิวปากและปรบมือ ดังนั้น ตอนนี้ จงรับการลงโทษและลิ้มรสการทรมานเป็นการตอบแทนสำาหรับ การป ิเสธสัจธรรมของสูเจ้า บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้นใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเพื่อขัด ขวางทางของพระเจ้าและจะใช้มันมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ แต่ในที่สุด ความ พยายามเหล่านี้ของพวกเขาจะทำาให้พวกเขาต้องเสียใจ แล้วพวกเขา จะถูกพิชิตและบรรดาผู้ป ิเสธจะถูกรวบรวมส่งไปยังนรก ทั้งนี้เพื่อ ที่พระเจ้าจะได้แยกสิ่งเลวออกจากสิ่งดีและรวบรวมสิ่งเลวทุกชนิดเข้า ไว้ด้วยกัน แล้วโยนมันทั้งกองลงไปในนรก คนเหล่านี้แหละคือพวกที่ ขาดทุน (โอ้นบี) จงบอกบรรดาผู้ป ิเสธเถิดว่าถ้าพวกเขาหยุดยั้ง(จากความ ชั่วช้าของพวกเขา) การกระทำาที่ผ่านมาของพวกเขาจะได้รับการให้อภัย แต่ถ้าหากพวกเขายังคงดึงดันต่อไป พวกเขาทั้งหมดรู้แล้วว่าอะไรได้ เกิดขึ้นแก่ผู้คนก่อนหน้าพวกเขา บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงต่อสู้บรรดา ผู้ป ิเสธจนกว่าจะไม่มีการกดขี่ข่มเหง(ทางศาสนา)ต่อไป และศาสนา ดูหน้า ของบทนำา

อัล อันฟาล

ทั้งหมดเป็นของพระเจ้า ถ้าหากพวกเขาหยุดยั้ง แน่นอน พระเจ้าเป็น ผู้ทรงเห็นสิ่งที่พวกเขากระทำา แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ใส่ใจ ดังนั้น จง รู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงคุ้มครองสูเจ้า และพระองค์ทรงเป็นผู้ทรง คุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีที่สุด จงรู้ไว้เถิดว่าทรัพย์สินอะไรก็ตามที่สูเจ้าริบได้จากสงครามนั้น หนึ่ง ในห้าของมันเป็นของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และสำาหรับญาติ สนิทและเด็กกำาพร้าและผู้ขัดสนและผู้เดินทาง ถ้าสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้า และในสิ่งที่เราได้ส่งมายังบ่าวของเราในวันแห่งการตัดสินชี้ขาดเมื่อทั้ง สอง ่ายเผชิญหน้ากันในสงคราม พระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง จงนึกถึงเมื่อตอนที่สูเจ้าอยู่ที่ด้านใกล้กว่าของหุบเขาและพวกเขา ตั้งค่ายพักอยู่ในที่ห่างไกลอีกด้านหนึ่งและกองคาราวานอยู่ด้านล่างสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้าคิดจะกำาหนดเวลาโดยการตกลงกับพวกเขา สูเจ้าคงไม่เห็น ด้วยในเรื่องเวลาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้าได้เกิดขึ้น เพื่อที่พระเจ้าจะได้จัดการสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกำาหนดไว้แล้วให้สำาเร็จ เสร็จสิ้นไป และเพื่อที่ใครที่จะต้องพินาศจะได้พินาศไปหลังจากหลัก าน อันชัดแจ้ง และใครที่สมควรจะมีชีวิตอยู่จะได้มีชีวิตอยู่ในหลัก านอันชัด แจ้งแห่งสัจธรรม แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ (โอ้นบี) พระเจ้าได้ทำาให้พวกเขาปราก ในความ ันของเจ้าว่ามีจำานวนน้อย และ หากพระองค์ทรงให้เจ้าเห็นพวกเขาเป็นกองทัพใหญ่ แน่นอน สูเจ้อาจ จะเสียกำาลังใจและอาจจะถกเถียงกันในเรื่องการต่อสู้ แต่พระเจ้าได้ทรง ช่วยให้สูเจ้าปลอดภัยจากสิ่งนี้ แท้จริง พระองค์ทรงรู้ถึงความลับทั้งหลาย ที่อยู่ในหัวใจของมนุษย์ 44 เมื่อตอนที่สูเจ้าพบพวกเขาในการประจัญศึก พระเจ้าได้ทรงทำาให้สูเจ้ามองเห็นศัตรูว่ามีจำานวนน้อยและได้ทรงทำาให้ ศัตรูเห็นสูเจ้าว่ามีจำานวนน้อยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงทำาให้ เรื่องที่ได้ทรงกำาหนดไว้แล้วเป็นผลสำาเร็จ 45 โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อสูเจ้าเผชิญกองทัพข้าศึกในการรบ จงยืน

ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

หยัดให้มั่นและจงรำาลึกถึงพระเจ้าให้มากๆเพื่อสูเจ้าจะได้ประสบความ สำาเร็จ จงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงอย่าโต้ แย้งกัน มิเช่นนั้น สูเจ้าจะท้อใจและสูเจ้าจะไม่มีความหมาย(ในสายตา ของศัตรู) และจงอดทน แท้จริง พระเจ้าจะทรงอยู่กับผู้อดทน 47 จงอย่า เป็นเหมือนกับบรรดาผู้ที่ออกจากบ้านของพวกเขาอย่างหยิ่งผยองและ โอ้อวดเพื่อให้ผู้คนได้เห็น คนพวกนี้ขัดขวางผู้คนจากหนทางของพระเจ้า และอะไรที่พวกเขากระทำานั้นล้วนอยู่ในความรอบรู้ของพระเจ้าทั้งสิ้น ซาตานได้ทำาให้การงานที่ชั่วร้ายของพวกเขาดูดีแก่พวกเขาและได้ กล่าวว่า วันนี้ไม่มีผู้ใดในหมู่มนุษย์ที่สามารถจะเอาชนะพวกท่าน เพราะ ันอยู่กับท่าน แต่เมื่อกองทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน มันกลับหันหนีและ กล่าวว่า ันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกท่าน ันเห็นในสิ่งที่พวก ท่านมองไม่เห็น ความจริงแล้ว ันกลัวพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรง เข้มงวดในการลงโทษ ในเวลาเดียวกัน บรรดาผู้สับปลับและบรรดาผู้ มีหัวใจเป็นโรคได้กล่าวว่า คนเหล่านี้(บรรดาผู้ศรัทธา)ได้ถูกศาสนาของ พวกเขาหลอกลวง แต่ความจริงแล้ว ใครก็ตามที่ไว้วางใจในพระเจ้า(รู้ ว่า)พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ ถ้าหากเจ้าเห็นในตอนที่ทูตสวรรค์เอาวิญญาณของบรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรม(ในตอนตาย) และเห็นทูตสวรรค์ฟาดลงไปที่หน้าและ หลังของพวกเขาและกล่าวว่า ทีนี้ จงลิ้มรสการลงโทษแห่งการเผาไหม้ นี่เป็นการตอบแทนสำาหรับสิ่งที่มือของสูเจ้าได้ทำาไว้ก่อนหน้านี้ และ พระเจ้ามิทรงเป็นผู้อยุติธรรมต่อปวงบ่าวของพระองค์ เช่นเดียวกับ ผู้คนของฟาโรห์และผู้คนก่อนหน้าพวกเขา พวกเขาป ิเสธสัญญาณทั้ง หลายของพระเจ้า ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงลงโทษพวกเขาอันเนื่องมา จากความผิดของพวกเขา แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลังและผู้ทรงเข้ม งวดในการตอบแทน พระเจ้าจะมิทรงเปลี่ยนแปลงความโปรดปรานที่ พระองค์ได้ทรงประทานแก่หมู่ชนใด เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลง

อัล อันฟาล

สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา พระเจ้าทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุก สิ่ง 54 เช่นเดียวกับผู้คนของฟาโรห์และผู้คนอื่นๆก่อนหน้าพวกเขา พวก เขาป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น เราจึง ได้ทำาลายพวกเขาเพราะความผิดที่พวกเขากระทำา เราได้ทำาให้ผู้คนของ ฟาโรห์จมน้ำาตาย คนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นผู้กระทำาความชั่ว 55 แท้จริง สัตว์ที่ชั่วร้ายที่สุดในสายตาของพระเจ้าคือบรรดาผู้ป ิเสธ พระองค์และจะไม่ศรัทธา ส่วนบรรดาผู้ที่เจ้าได้ทำาสัญญากับพวก เขาแล้วพวกเขาละเมิดสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าและพวกเขาไม่เกรงกลัว (พระเจ้า)นั้น 57 ถ้าหากเจ้าเผชิญพวกเขาในสงคราม ดังนั้น จงจัดการคน พวกนี้ในลักษณะที่ผู้มาหลังจากพวกเขาจะได้ไม่ป ิบัติตามแบบพวกเขา และได้รับการเตือน และถ้าหากเจ้าเกรงกลัวการทรยศจากพวกใด จง โยนสัญญาของพวกเขาคืนให้พวกเขาอย่างเปิดเผย แท้จริง พระเจ้าไม่ ทรงรักคนทรยศ จงอย่าให้บรรดาผู้ป ิเสธคิดว่าพวกเขาจะชนะ แท้จริง พวกเขาไม่ สามารถขัดขวาง(วัตถุประสงค์ของพระเจ้า)ได้ สูเจ้าจงจัดเตรียมสรรพ กำาลังและ ึกม้าให้พร้อมอยู่เสมอเท่าที่จะสามารถทำาได้ ซึ่งจะทำาให้สูเจ้า จะข่มขวัญศัตรูของพระเจ้าและศัตรูของสูเจ้าและพวกอื่นๆนอกจากนี้ที่ สูเจ้าไม่รู้ แต่พระเจ้าทรงรู้จักพวกเขา อะไรก็แล้วแต่ที่สูเจ้าใช้จ่ายไปใน หนทางของพระเจ้า พระองค์จะทรงตอบแทนให้สูเจ้าโดยครบ และสูเจ้า จะไม่ถูกอยุติธรรมแม้แต่น้อย ถ้าพวกศัตรูโอนอ่อนมายังสันติภาพ เจ้า ก็จงโอนอ่อนตามไปด้วยและจงวางใจในพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็น ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ ถ้าพวกเขาเจตนาที่จะล่อลวงเจ้า พระเจ้าก็ เพียงพอแล้วสำาหรับเจ้า พระองค์คือผู้ทรงทำาให้เจ้าเข้มแข็งด้วยความ ช่วยเหลือของพระองค์และโดยทางบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่รอบๆเจ้าและ โดยการผูกพันหัวใจของพวกเขาเข้าด้วยกัน แม้เจ้าจะใช้ความมั่งคั่ง ทั้งหมดในแผ่นดิน เจ้าก็ไม่สามารถสมัครสมานหัวใจของพวกเขาได้โดย

ทรัพย์ที่ยึดได้จากสนามรบ

ตัวเจ้าเอง แต่พระเจ้าทรงสมัครสมานหัวใจของพวกเขา แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ นบีเอย พระเจ้านั้นเพียงพอแล้วสำาหรับเจ้าและสำาหรับบรรดาผู้ ศรัทธาที่ป ิบัติตามเจ้า นบีเอย จงปลุกใจบรรดาผู้ศรัทธาให้ต่อสู้ ถ้าหากในหมู่สูเจ้ามีผู้อดทนยี่สิบคน พวกเขาจะเอาชนะคนสองร้อยคน ได้ และถ้าหากในหมู่สูเจ้ามีคนเช่นนั้นหนึ่งร้อยคน พวกเขาจะเอาชนะ ผู้ป ิเสธสัจธรรมหนึ่งพันคนได้ เพราะคนพวกนั้นเป็นหมู่คนที่ไม่เข้าใจ ตอนนี้ พระเจ้าได้ลดภาระของสูเจ้าแล้ว พระองค์ทรงรู้ดีว่าสูเจ้ายังคง อ่อนแออยู่ ดังนั้น ถ้าในหมู่สูเจ้ามีผู้อดทนหนึ่งร้อยคน พวกเขาจะเอาชนะ คนสองร้อยคนได้และถ้าหากในหมู่สูเจ้ามีผู้อดทนหนึ่งพันคน พวกเขาจะ เอาชนะคนสองพันคนได้โดยอนุมัติของพระเจ้า พระเจ้าทรงอยู่กับบรรดา ผู้ที่อดทนเท่านั้น มันไม่ถูกต้องสำาหรับนบีที่จะมีเชลยไว้จนกว่าเขาจะได้ทำาลายศัตรู ลงในแผ่นดิน สูเจ้าปรารถนาสิ่งเล็กๆน้อยๆแห่งโลกนี้ แต่พระเจ้าทรง ปรารถนา(ให้สูเจ้าได้รับสิ่งดีแห่ง)โลกหน้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ ถ้าหากว่าไม่มีข้อกำาหนดที่พระเจ้าได้ทรงให้ไว้ก่อน หน้านั้นแล้ว สูเจ้าอาจจะต้องประสบกับการลงโทษอันมหันต์ในสิ่งที่สูเจ้า ได้กระทำา ดังนั้น จงกินสิ่งที่สูเจ้าริบได้จากสงคราม เพราะมันเป็นที่ อนุมัติและเป็นสิ่งสะอาด และจงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้นบี จงบอกพวกเชลยที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าว่า ถ้าหาก พระเจ้าทรงรู้ถึงความดีใดๆในหัวใจของพวกท่าน พระองค์จะทรง ประทานแก่ท่านซึ่งสิ่งที่ดีกว่าที่เอามาจากพวกท่านและจะทรงให้อภัย พวกท่าน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ แต่ถ้าหากพวก เขาคิดที่จะทรยศต่อเจ้า พวกเขาก็ได้แสดงการทรยศต่อพระเจ้าแล้ว ด้วย ดูหน้า ของบทนำา

อัล อันฟาล

เหตุนี้ พระองค์จึงได้ให้เจ้ามีอำานาจเหนือพวกเขา พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและผู้อพยพออกจากบ้านของพวกเขาและ ดิ้นรนต่อสู้ด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขาในหนทางของพระเจ้าและ บรรดาผู้ให้ที่พักอาศัยแก่ผู้อพยพและช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น พวก เขาเป็นผู้คุ้มครองซึ่งกันและกัน ส่วนบรรดาผู้ศรัทธา แต่ไม่ได้อพยพ นั้น สูเจ้าไม่ต้องเกี่ยวข้องใดๆในการคุ้มครองพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะ อพยพ แต่มันยังเป็นหน้าที่ของสูเจ้าที่จะต้องช่วยเหลือพวกเขาในเรื่อง ของศาสนาถ้าหากพวกเขาขอความช่วยเหลือจากสูเจ้า ยกเว้นหมู่คน ที่สูเจ้ามีสัญญากับพวกเขา พระเจ้าทรงเห็นตามที่สูเจ้ากระทำา ส่วน บรรดาผู้ป ิเสธนั้น พวกเขาต่างเป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ถ้าสูเจ้า ไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเช่นนั้นบ้าง มันจะมีความเสียหายและความ วุ่นวายอันใหญ่หลวงเกิดขึ้นในแผ่นดิน 74 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาที่ได้อพยพและดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของ พระเจ้าและบรรดาผู้ให้ที่พักอาศัยแก่ผู้อพยพและช่วยเหลือพวกเขานั้น พวกเขาคือผู้ศรัทธาที่แท้จริง สำาหรับพวกเขาคือการอภัยโทษและปัจจัย ยังชีพที่ดีที่สุด 75 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาหลังจากนั้นและได้อพยพมาร่วม กับสูเจ้าในการดิ้นรนต่อสู้นั้น คนเหล่านี้เป็นพวกของสูเจ้าด้วย แต่ใน เรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้น ตามคัมภีร์ของพระเจ้า พวกเขามี ความใกล้ชิดกันมากกว่า พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

การสำานึกผิด

9. การสำานึกผิด

อัต-เตาบ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ นี่เป็นการประกาศพ้นพันธะ(ข้อผูกพันทั้งหลาย)โดยพระเจ้าและศาสน ทูตของพระองค์ต่อบรรดาผู้ตั้งภาคีที่สูเจ้าได้ทำาสัญญาไว้ ดังนั้น สูเจ้า มีอิสระที่จะสัญจรไปในแผ่นดินเป็นเวลาสี่เดือน แต่สูเจ้าต้องรู้ว่าสูเจ้าไม่ อาจยับยั้งแผนการของพระเจ้าได้ และพระเจ้าจะทำาให้ผู้ป ิเสธสัจธรรม ตกต่ำา นี่เป็นการประกาศจากพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์สำาหรับ ประชาชนทั้งมวลในวันแห่งการ ัจญ์อันยิ่งใหญ่ว่าพระเจ้าทรงพ้นจาก พันธะสัญญาที่ได้ทำาไว้กับพวกบูชารูปเคารพ และศาสนทูตของพระองค์ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าหากสูเจ้าสำานึกผิด มันย่อมเป็นการดีกว่าสำาหรับ สูเจ้า แต่ถ้าสูเจ้าหันออกไป สูเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าสูเจ้าไม่สามารถยับยั้ง แผนการของพระเจ้าได้ โอ้นบี จงแจ้งข่าวถึงการลงโทษอันเจ็บปวดแก่ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม 4 ส่วนบรรดาผู้ให้เกียรติแก่สัญญาที่สูเจ้าได้ทำา ไว้กับพวกเขาและมิได้สนับสนุนผู้ใดให้ต่อต้านสูเจ้า สูเจ้าจงป ิบัติตาม สัญญากับคนเหล่านั้นจนครบกำาหนด พระเจ้าทรงรักผู้ยำาเกรง 5 เมื่อเดือนต้องห้ามสำาหรับการต่อสู้ผ่านพ้นไปแล้ว จง ่าพวกบูชา รูปเคารพ(ที่ทำาสงครามกับเจ้า)ทุกที่ที่สูเจ้าพบ จงจับคนพวกนั้นและ ล้อมไว้และนั่งคอยดักซุ่มรอคนพวกนี้ แต่ถ้าพวกเขาสำานึกผิดและดำารง นมาซและจ่ายซะกาต ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาให้ไปตามทางของพวกเขา เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ถ้าพวกบูชารูปเคารพ (มุชริก)คนใดขอความคุ้มครองจากเจ้า ดังนั้น จงให้ความคุ้มครองแก่เขา ดูหน้า

ของบทนำา

อัต เตาบะ ฺ

เพื่อที่เขาจะได้ยินวจนะของพระเจ้า แล้วจงนำาเขาไปสู่ที่ปลอดภัย ที่ต้อง ทำาเช่นนี้ก็เพราะคนเหล่านั้นไม่มีความรู้ 7 เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีสัญญากับพวกบูชารูปเคารพเหล่านี้ในส่วน ของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ยกเว้นบรรดาผู้ที่สูเจ้าได้ทำาสัญญา ไว้ที่มัสญิดอัล ะรอม ตราบใดที่พวกเขายังคงซื่อตรงต่อสูเจ้า สูเจ้า ก็จงซื่อตรงต่อพวกเขา เพราะพระเจ้าทรงรักผู้สำารวมตนจากความชั่ว สัญญาจะมีขึ้นได้อย่างไรถ้าหากพวกเขามีอำานาจเหนือสูเจ้า พวกเขา จะไม่เคารพสายสัมพันธ์แห่งเครือญาติและจะไม่ให้เกียรติแก่เงื่อนไขของ สัญญา พวกเขาพยายามจะประจบสูเจ้าด้วยปากของพวกเขาในขณะที่ หัวใจของพวกเขานั้นป ิเสธสูเจ้า เพราะพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ทำาความ ชั่ว พวกเขาแลกเปลี่ยนสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานมาด้วยประโยชน์ทาง โลกเล็กๆน้อยๆและขัดขวางคนอื่นๆจากหนทางของพระองค์ ช่างชั่วช้า แท้ๆที่พวกเขากระทำา พวกเขาไม่รักษาสายสัมพันธ์ของเครือญาติ ในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ศรัทธาและไม่รักษาเงื่อนไขของสัญญา และพวกเขา เหล่านี้เป็นผู้ละเมิดเสมอ แต่ถ้าพวกเขาสำานึกผิดและดำารงนมาซและ จ่ายซะกาต พวกเขาก็เป็นพี่น้องร่วมศาสนากับสูเจ้า ดังนั้น เราได้ทำาให้ สาสน์ของเราเป็นที่ง่ายดายแก่บรรดาผู้ที่พยายามจะเข้าใจ แต่ถ้าหากพวกเขาหักล้างคำาสาบานของพวกเขาหลังจากได้ทำา สัญญาแล้ว และพวกเขาดูถูกศาสนาของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงต่อสู้กับ บรรดาหัวหน้าแห่งการป ิเสธ ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้ยับยั้ง เพราะพวก เขาไม่เคารพคำาสาบานของพวกเขา สูเจ้าจะไม่ต่อสู้กับคนที่ทำาลาย ล้างคำาสาบานของพวกเขาและขับไล่ศาสนทูตและเริ่มรุกรานสูเจ้าก่อน กระนั้นหรือ สูเจ้ากลัวพวกเขากระนั้นหรือ ถ้าสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้ จริง แน่นอน พระเจ้าทรงมีสิทธิ์เหนือกว่าที่สูเจ้าจะต้องเกรงกลัวพระองค์ จงต่อสู้พวกเขา พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขาด้วยมือของสูเจ้าและ จะนำาความอัปยศมาให้พวกเขาและช่วยเหลือสูเจ้าต่อต้านพวกเขาและ

การสำานึกผิด

เยียวยาหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธา พระองค์จะทรงขจัดความโกรธให้ หมดไปจากหัวใจของพวกเขาและจะทรงแสดงหนทางไปสู่การกลับตัวแก่ บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ (โอ้บรรดาผู้ศรัทธา) สูเจ้าคิดหรือว่าสูเจ้าจะถูกปล่อยไว้โดยที่ พระเจ้าไม่ทดสอบเพื่อที่พระองค์จะได้รู้ว่าสูเจ้าคนไหนใช้ความพยายาม อย่างถึงที่สุด(ในหนทางของพระองค์)และไม่ได้เอาผู้ใดนอกจากพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธามาเป็นสหาย พระเจ้าทรง รู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา พวกบูชารูปเคารพไม่มีสิทธิ์อันใดที่จะมาเป็นผู้ดูแลรักษามัสญิด ทั้งหลายของพระเจ้าในขณะที่พวกเขายังยืนยันต่อตัวของพวกเขาเอง ในการป ิเสธศรัทธา ความจริงแล้ว การงานของพวกเขาทั้งหมดนั้น ผู้ที่คู่ควรแก่การเป็นผู้ สูญเปล่าและพวกเขาเป็นผู้พำานักอยู่ในนรก ดูแลบ้านของพระเจ้าคือผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้ายและดำารง นมาซและจ่ายซะกาต และไม่กลัวผู้ใดนอกจากพระเจ้า คนเหล่านี้เท่านั้น ที่หวังได้ว่าจะอยู่ในหมู่ผู้ป ิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง สูเจ้าถือว่า เพียงแค่การให้น้ำาดื่มแก่ผู้มาทำา ัจญ์และการดูและมัสญิด ะรอมนั้นเท่า เทียมกับการงานของผู้ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้ายและดิ้นรนต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้ากระนั้นหรือ สิ่งเหล่านี้ไม่เท่ากันในสายตาของ พระเจ้า และพระเจ้าไม่ทรงแสดงทางนำาแก่หมู่ชนผู้อธรรม บรรดาผู้ ศรัทธาและอพยพและดิ้นรนต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินและ ชีวิตของพวกเขานั้นจะมี านะที่สูงส่งที่สุดในทัศนะของพระเจ้าและพวก เขาต่างหากที่จะได้รับชัยชนะ พระผู้อภิบาลของพวกเขาทรงแจ้งข่าวดี แก่พวกเขาถึงความเมตตาจากพระองค์และความปีติยินดีของพระองค์ และสวนสวรรค์ซึ่งในนั้นคือความโปรดปรานอันนิรันดรสำาหรับพวกเขา พวกเขาจะได้พำานักอยู่ในนั้นตลอดกาล แน่นอน พระเจ้าทรงมีรางวัล อันมากมายที่จะตอบแทนความดี

อัต เตาบะ ฺ

บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าเอาพ่อและพี่น้องของสูเจ้าเป็นพันธมิตร ถ้าพวกเขารักการป ิเสธสัจธรรมมากกว่าความศรัทธา ผู้ใดก็ตามในหมู่ สูเจ้าเอาพวกเขามาเป็นพันธมิตร แน่นอน พวกเขาเป็นผู้ทำาความผิด (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้าพ่อๆและลูกๆของพวกท่านและพี่ น้องของพวกท่านและภรรยาของพวกท่านและญาติสนิทของพวกท่าน และทรัพย์สินที่พวกท่านหามาได้และการค้าที่พวกท่านเกรงกลัวว่ามัน จะซบเซาและบ้านที่พวกท่านพึงใจเป็นที่รักของพวกท่านยิ่งกว่าพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์และการต่อสู้ในหนทางของพระองค์ ดังนั้น จง คอยจนกว่าพระเจ้าจะนำาการตัดสินของพระองค์มายังพวกท่าน เพราะ พระเจ้าไม่ทรงนำาทางหมู่ชนที่ไม่เชื่อฟัง พระเจ้าได้ทรงช่วยสูเจ้ามาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ในวันแห่งสง คราม ุนัยน์ สูเจ้ากระหยิ่มในจำานวนคนของสูเจ้าที่มากกว่า แต่มันช่วย อะไรสูเจ้าไม่ได้เลย แม้แผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลได้กลับกลายเป็นแคบ ไปสำาหรับสูเจ้า แล้วสูเจ้าได้หันกลับเป็นผู้ถอยหนี พระเจ้าได้ส่งความ สงบสุขลงมายังศาสนทูตของพระองค์และยังบรรดาผู้ศรัทธา และได้ ทรงส่งไพร่พลที่สูเจ้ามองไม่เห็นมาช่วยและทรงลงโทษบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรม เพราะนี่คือการตอบแทนที่ผู้ป ิเสธสัจธรรมสมควรได้รับ แล้ว หลังจากนั้น พระเจ้าได้ทรงหันไปยังผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ด้วยความ เมตตา พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงรู้ไว้เถิดว่าพวกบูชารูปเคารพนั้นสกปรก ดังนั้น จงอย่าให้พวกเขาเข้า ใกล้มัสญิดอัล ะรอมหลังจากปีนี้ของพวกเขา(ปีแห่งการทำา ัจญ์)เป็นต้น ไป ถ้าหากสูเจ้ากลัวความยากจน พระเจ้าจะทรงทำาให้สูเจ้ามั่งคั่งจาก ความโปรดปรานของพระองค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ จงต่อสู้กับชาวคัมภีร์ผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้าย ผู้ที่ คำาว่าสกปรก(นะญัส)เป็นความหมายทางด้านวิญญาณ ไม่ใช่ทาง ร่างกาย

การสำานึกผิด

ไม่ทำาให้สิ่งที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ทรงห้ามไว้เป็นที่ต้องห้าม และไม่ป ิบัติตามแนวทางอันถูกต้อง จนกระทั่งพวกเขาจ่ายภาษี(ญิซ ยะ ฺ)ด้วยความเต็มใจและยอมเป็นผู้อยู่ใต้ปกครอง ชาวยิว(โบราณ) กล่าวว่า อุซัยรฺ(เอษรา)เป็นบุตรของพระเจ้า และชาวคริสเตียนกล่าว ว่า เมสซีอาห์เป็นบุตรของพระเจ้า นั่นเป็นการกล่าวอ้างที่ไร้หลัก าน จากปากของพวกเขา พวกเขากล่าวตามผู้ป ิเสธสัจธรรมก่อนหน้านี้ ขอ พระเจ้าทรงลงโทษพวกเขา พวกเขาถูกทำาให้เขวไปทางอื่นได้อย่างไร พวกเขาได้เอาผู้คงแก่เรียนและนักบวชของพวกเขาเป็นนายของ พวกเขานอกไปจากพระเจ้าและยึดเอาเมสซีอาห์บุตรของนางมารีย์เป็น พระเจ้าด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ถูกบัญชามิให้เคารพภักดีสิ่งอื่น ใดนอกจากพระเจ้าองค์เดียวซึ่งนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด อีก พระองค์ทรงบริสุทธิ์และปลอดพ้นจากสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคี กับพระองค์ พวกเขาปรารถนาที่จะดับแสงสว่างของพระเจ้าด้วยปากของ พวกเขา แต่พระเจ้ามิทรงยินยอม พระองค์มีแต่จะทำาให้แสงสว่าง ของพระองค์ ส มบู ร ณ์ ถึ ง แม้ ว่ า บรรดาผู้ ป ิ เ สธสั จ ธรรมจะชิ ง ชั ง ก็ ต าม พระองค์คือผู้ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมกับทางนำาและ ศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงทำาให้หนทางนั้นมีชัย(ทาง ด้านอุดมการณ์)เหนือแนวทางอื่นๆทั้งหมด ถึงแม้ว่าบรรดาผู้บูชารูป เคารพจะชิงชังก็ตาม บรรดาผู้ศรัทธาเอย แท้จริงแล้ว ผู้คงแก่เรียนและนักบวชส่วนใหญ่ ของชาวคัมภีร์ได้กินทรัพย์สินของผู้คนโดยวิธีการที่ชั่วร้ายและขัดขวาง ผู้คนจากหนทางของพระเจ้า ดังนั้น จงแจ้งข่าวการลงโทษอันเจ็บปวด แก่บรรดาผู้สะสมทองคำาและเงินและไม่ใช้จ่ายมันในหนทางของพระเจ้า ในวันที่ทองคำาและเงินจะถูกเผาในไฟนรก และพร้อมกันนั้น หน้าผาก ของพวกเขา ร่างกายของพวกเขาและหลังของพวกเขาจะถูกนาบด้วยสิ่ง

อัต เตาบะ ฺ

นั้น และจะมีเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า นี่คือทรัพย์สมบัติที่สูเจ้าได้สะสม ไว้เพื่อตัวของสูเจ้าเอง ทีนี้ จงลิ้มรสความชั่วของทรัพย์สินที่สูเจ้าได้สะสม ไว้เถิด ในวันที่พระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้น พระองค์ได้ ทรงกำาหนดไว้ว่าจำานวนเดือนนั้นมีสิบสองเดือน ในจำานวนนี้มีสี่เดือนต้อง ห้าม นี่คือศาสนาที่ถูกต้อง ดังนั้น จงอย่าทำาความผิดต่อตัวของสูเจ้าเอง โดยการละเมิดเดือนเหล่านี้ จงต่อสู้พวกที่นำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า ร่วมกันเช่นเดียวกับที่พวกเขาร่วมกันต่อสู้สูเจ้า และจงรู้เถิดว่าพระเจ้า ทรงอยู่กับผู้ที่สังวรตนเป็นคนดี แท้จริง การเลื่อนเดือนศักดิ์สิทธิ์ออก ไปมิใช่อื่นใดนอกไปจากอีกตัวอย่างหนึ่งของการไม่ยอมรับสัจธรรมซึ่ง ทำาให้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมถูกทำาให้หลงผิด พวกเขาประกาศว่านี่ เป็นสิ่งที่อนุมัติในปีหนึ่งและเป็นที่ต้องห้ามในอีกปีหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อที่พวก เขาจะได้ปรับเดือนที่พระเจ้าได้กำาหนดไว้ว่าเป็นเดือนต้องห้ามและทำา สิ่งพระเจ้าสั่งห้ามให้เป็นที่อนุมัติ การทำาชั่วของพวกเขาได้ถูกทำาให้ ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ดีสำาหรับพวกเขา พระเจ้าไม่ทรงนำาทางบรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรม โอ้บรรดาผู้ศรัทธา สูเจ้ามีข้อแก้ตัวอันใดหรือเมื่อสูเจ้าถูกขอให้ออก ไปในหนทางของพระเจ้า แต่สูเจ้ากลับติดอยู่กับแผ่นดิน สูเจ้าพึงพอใจ ชีวิตของโลกนี้มากกว่าชีวิตของโลกหน้ากระนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้น สูเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าสิ่งดีๆทั้งหมดแห่งชีวิตโลกนี้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย เท่านั้นในโลกหน้า ถ้าสูเจ้าไม่ออกไป พระองค์จะทรงลงโทษสูเจ้าอย่าง รุนแรงและจะทรงนำาพวกอื่นมาเปลี่ยนแทนสูเจ้า สูเจ้าไม่อาจสร้างความ เสียหายใดๆแก่พระองค์ได้ พระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง ถ้าสูเจ้า ไม่ช่วยเหลือนบีของสูเจ้า(นบีมุ ัมมัด) จงรู้ไว้ พระเจ้าได้ทรงช่วยเขามา ก่อนแล้วเมื่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้ขับไล่เขาออกไปจากบ้านของเขา ดูหน้า ของบทนำา

การสำานึกผิด

เมื่อเขาทั้งสองคนอยู่ในถ้ำา เขา(มุ ัมมัด)ได้บอกสหายของเขาว่า จงอย่า เป็นทุกข์ไปเลย พระเจ้าทรงอยู่กับเรา แล้วพระเจ้าได้ประทานความสงบ แก่เขาและช่วยเขาด้วยพลังที่สูเจ้ามองไม่เห็นและทรงทำาให้ถ้อยคำาของ บรรดาผู้ป ิเสธตกต่ำาลงและถ้อยคำาของพระเจ้ายังคงสูงส่งเสมอ เพราะ พระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงอำานาจและผู้ทรงปรีชาญาณ จงออกไปเถิดไม่ว่าจะด้วยอาวุธเบาหรือหนักและจงดิ้นรนต่อสู้ ในหนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่ดี ที่สุดสำาหรับสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้ารู้ (โอ้นบี) ถ้าหากมีช่องทางที่จะได้สิ่ง ตอบแทนและการเดินทางที่ง่าย แน่นอน พวกเขาก็พร้อมที่จะทำาตามเจ้า แต่ทว่าการเดินทางนี้ดูยากลำาบากสำาหรับพวกเขา พวกเขายังสาบาน ด้วยนามของพระเจ้าและกล่าวว่า ถ้าพวกเราสามารถที่จะออกไปได้ เรา จะออกไปกับท่านอย่างแน่นอน พวกเขากำาลังนำาความหายนะมาสู่ตัว ของพวกเขาเอง พระเจ้าทรงรู้ดีว่าพวกเขาเป็นผู้โกหก (โอ้นบี) ขอพระเจ้าทรงให้อภัยเจ้า ทำาไมเจ้าถึงยอมให้พวกเขาทำา เช่นนั้นก่อนที่มันได้เป็นที่ชัดเจนแก่เจ้าแล้วว่าพวกเขาคนไหนที่พูดจริง เพื่อที่เจ้าจะได้รู้ว่าคนไหนของพวกเขาเป็นผู้โกหก 44 บรรดาผู้ศรัทธา ในพระเจ้าและในวันสุดท้ายนั้นจะไม่ขอเจ้าให้ยกเว้นพวกเขาจากการญิ าดด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา พระเจ้าทรงรู้ดีถึงผู้ที่เกรงกลัว พระองค์ 45 คนที่จะขอร้องเช่นนั้นมีแต่เพียงผู้ไม่ศรัทธาในพระเจ้าและใน วันสุดท้าย และผู้ที่หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย และพวกเขา ก็โอนไปเอนมาเพราะความสงสัยของพวกเขา ถ้าพวกเขาตั้งใจจริงที่ จะออกไป แน่นอน พวกเขาต้องเตรียมตัวสำาหรับการนี้ไว้บ้างแล้ว แต่ พระเจ้าทรงไม่ชอบการออกไปของพวกเขา(และการได้รับเกียรติสูงใน สายตาของพระเจ้า) และพระองค์ได้ทรงทำาให้พวกเขาอยู่รั้งหลัง พวกเขา ถูกบอกให้อยู่ข้างหลังกับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง 47 ถ้าหากพวกเขาออกไปกับสูเจ้า พวกเขาจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่

อัต เตาบะ ฺ

สูเจ้านอกจากความปั่นป่วนเสียหาย และพวกเขาจะพยายามสร้างความ แตกแยกในหมู่สูเจ้า และในหมู่สูเจ้ายังมีบางคนที่ฟังพวกเขา พระเจ้า ทรงรู้ถึงผู้ที่ก่อความเสียหายเหล่านี้เป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ พวกเขา พยายามสร้างความแตกแยกมาแล้ว และครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเขาได้ วางแผนทุกอย่างเพื่อให้สูเจ้าไม่ประสบความสำาเร็จจนกระทั่งสัจธรรมได้ เป็นที่ประจักษ์ ถึงแม้พวกเขาจะชิงชังมันก็ตาม พวกเขาบางคนกล่าวว่า อนุญาตให้เราอยู่ข้างหลังเถิดและอย่าให้ เราต้องออกไปสู่การทดสอบเลย จงรู้ไว้เถิดว่าคนเช่นนี้ได้ตกไปสู่การ ถูกทดสอบแล้ว แน่นอน นรกจะล้อมรอบผู้ป ิเสธสัจธรรม ถ้าสิ่งดีมา ประสบแก่เจ้า มันก็ทำาให้พวกเขาหม่นหมอง แต่ถ้าหากเจ้าประสบความ หายนะ พวกเขาจะหันหลังให้ด้วยความยินดีและกล่าวว่า ดีนะที่เราได้ เตรียมมาตรการป้องกันล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว จงบอกพวกเขาว่า ไม่มี สิ่งใด(ไม่ว่าดีหรือร้าย)จะเกิดขึ้นกับเรานอกไปจากพระเจ้าได้ทรงกำาหนด ไว้แก่เราแล้ว พระเจ้าทรงเป็นผู้คุ้มครองเราและบรรดาผู้ศรัทธาจะต้องไว้ วางใจพระองค์เท่านั้น จงกล่าวกับพวกเขาว่า อะไรหรือที่พวกท่านรอ คอยให้เกิดขึ้นกับเรานอกไปจากหนึ่งในสองสิ่งที่ดีที่สุดนี้(ชัยชนะในโลก นี้หรือสวรรค์ในโลกหน้า) แต่เราหวังว่าพระเจ้าจะทรงลงโทษพวกท่าน ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองหรือด้วยน้ำามือของเรา จงคอยเถิด เราก็จะ คอยร่วมกับพวกท่านด้วย จงกล่าวเถิด ไม่ว่าพวกท่านจะให้ทรัพย์สินของพวกท่านด้วย ความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม สิ่งที่พวกท่านให้จะไม่เป็นที่ถูกยอมรับ เพราะพวกท่านเป็นผู้ ่า ืน 54 เหตุผลที่สิ่งที่พวกเขาบริจาคไม่เป็นที่ ยอมรับนั้นมิใช่อื่นใดนอกไปจากพวกเขาป ิเสธพระเจ้าและศาสนทูต ของพระองค์ พวกเขานมาซ แต่ก็ทำาอย่างเสียมิได้ และพวกเขาใช้จ่าย ในหนทางของพระเจ้าอย่างไม่เต็มใจ 55 ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้ทรัพย์สิน ของพวกเขาและลูกๆของพวกเขาล่อลวงเจ้าเพราะพระเจ้าทรงประสงค์ที่

การสำานึกผิด

จะลงโทษพวกเขาโดยใช้สิ่งเหล่านี้ในชีวิตแห่งโลกนี้เพื่อที่พวกเขาจะตาย ในสภาพของการป ิเสธสัจธรรม พวกเขาสาบานต่อพระเจ้าว่าพวก เขาเป็นผู้ศรัทธาเหมือนสูเจ้า แต่แท้จริงแล้ว พวกเขามิใช่พวกของสูเจ้า ความจริง พวกเขาเป็นผู้หวาดกลัว(ที่จะแสดงตัวตนที่แท้จริงของพวก เขา) 57 ถ้าพวกเขาพบสถานที่พักพิงหลบภัยหรือถ้ำาหรือที่ซ่อนแห่งใดที่ จะซ่อนตัวในนั้นได้ พวกเขาจะวิ่งอ้าวเข้าไปหลบอยู่ในที่นั้น (โอ้นบี) ในหมู่พวกเขามีบางคนที่คอยจับผิดเจ้าเกี่ยวกับเรื่องการ แจกจ่ายทาน ถ้าหากพวกเขาได้รับบางอย่างจากทานนั้น พวกเขาจะ พอใจ แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ได้รับ พวกเขาจะไม่พอใจ ถ้าหากพวกเขา พอใจในสิ่งที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้ทรงมอบแก่พวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า พระเจ้านั้นเพียงพอแก่เราแล้ว พระองค์จะประทาน ความมั่งคั่งแก่เราจากความมั่งคั่งของพระองค์ และศาสนทูตของพระองค์ ก็เช่นกัน แท้จริงแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่เราวอนขอ ความจริงแล้ว ทาน นั้นเพื่อคนยากจนและคนอนาถาและคนที่ถูกใช้ให้เก็บรวบรวมมันและ คนที่หัวใของพวกเขาถูกดึงให้โน้มเอียงมา และเพื่อการไถ่ทาสและเพื่อ ช่วยเหลือผู้มีหนี้สินและเพื่อแนวทางของพระเจ้าและเพื่อดูแลคนเดินทาง นี่เป็นข้อกำาหนดจากพระเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชา ญาณ ในหมู่พวกเขามีบางคนที่เราะรานนบีโดยกล่าวว่า คนผู้นี้ฟังทุก คน จงกล่าวเถิด มันเป็นเรื่องดีเสียอีกสำาหรับพวกท่านที่เขาเป็นเช่นนั้น เขาศรัทธาในพระเจ้าและไว้วางใจในบรรดาผู้ศรัทธาและเขาเป็นความ เมตตาสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงในหมู่พวกท่าน ส่วนบรรดาผู้เราะ รานศาสนทูตของพระเจ้านั้น สำาหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด พวกเขาสาบานด้วยพระเจ้าต่อหน้าสูเจ้าเพื่อให้สูเจ้า(ผู้ศรัทธา)พอใจ ถึงแม้พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์มีสิทธิ์มากกว่าที่พวกเขาจะต้อง ให้ความพอใจ ถ้าหากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง พวกเขาไม่รู้

อัต เตาบะ ฺ

หรือว่าผู้ใดที่ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์นั้นจะได้อยู่ในนรก นิรันดร นี่คือความอัปยศอดสูอย่างที่สุด บรรดาผู้ตลบตะแลงหวาดกลัวว่าจะมีบทหนึ่ง(ของกุรอาน)ถูก ประทานมาเพื่อเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา โอ้ นบี จงบอกพวก เขาเถิดว่า จงเยาะเย้ยต่อไปเถอะ พระเจ้าจะนำาสิ่งที่พวกท่านหวาดหวั่น มาให้เห็น ถ้าเจ้าถามพวกเขา (ว่า พวกท่านกำาลังพูดอะไรกัน ) พวกเขาจะตอบทันทีว่า พวกเราเพียงแต่คุยเล่นๆและสนุกสนานกัน เท่านั้น จงถามพวกเขาว่า พวกท่านเยาะเย้ยพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ ทรงประทานมาและเยาะเย้ยศาสนทูตของพระองค์กระนั้นหรือ จง อย่าแก้ตัวเลย ความจริงแล้ว พวกท่านได้ป ิเสธสัจธรรมหลังจากที่พวก ท่านศรัทธามันแล้ว ถ้าหากเราให้อภัยบางคนในหมู่สูเจ้า แน่นอน เราจะ ลงโทษคนอื่นๆในหมู่สูเจ้าเพราะพวกเขาเป็นผู้มีผิด ผู้ตลบตะแลง ทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างเป็นพวกเดียวกัน พวก เขากำาชับกันในสิ่งที่ชั่วและห้ามสิ่งที่ดีและขี้เหนียวเมื่อต้องใช้จ่ายเพื่อ หนทางของพระเจ้า พวกเขาลืมพระเจ้า ดังนั้น พระองค์จึงทรงลืม พวกเขา แท้จริง พวกตลบตะแลงนั้นคือผู้ ่า ืน พระเจ้าได้สัญญาผู้ ตลบตะแลงทั้งชายและหญิงรวมทั้งผู้ป ิเสธสัจธรรมถึงไฟนรกซึ่งพวก เขาจะพำานักอยู่ในนั้นนิรันดร นั่นคือสถานที่ที่เหมาะสมสำาหรับพวกเขา เพราะพระเจ้าทรงป ิเสธพวกเขา และสำาหรับพวกเขาคือการลงโทษ ตลอดไป สูเจ้ากำาลังประพ ติตัวเหมือนกับบรรดาคนก่อนหน้าสูเจ้า พวกเขามีกำาลังแกร่งกว่าสูเจ้า มีสมบัติและลูกหลานมากกว่าสูเจ้า พวก เขามีความสุขกับส่วนที่ดีแห่งชีวิตโลกนี้ของพวกเขาและสูเจ้าก็มีความ สุขกับส่วนที่ดีเหมือนกับพวกเขาเช่นกัน สูเจ้าหมกมุ่นอยู่กับการคุยเรื่อง ไร้สาระเหมือนกับที่พวกเขาหมกมุ่น ดังนั้น ในที่สุด ทุกสิ่งที่พวกเขาได้ ทำาไปล้วนไร้ผลทั้งในโลกนี้และโลกหน้า แน่นอน พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ ขาดทุน พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวของบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวก

การสำานึกผิด

เขากระนั้นหรือ นั่นคือ เรื่องหมู่ชนของนู ฺ หมู่ชนชาวอาดและษะมูด และหมู่ชนของอิบรอ ีมและชาวมัดยันและชาวเมืองที่ถูกพลิกให้ล่มจม ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับหลัก านอันชัดแจ้งแล้ว ดังนั้น มิใช่พระเจ้าหรอกที่ไม่เป็นธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่าง หากที่ไม่เป็นธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง บรรดาผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิงนั้นต่างเป็นมิตรต่อกัน พวกเขา กำาชับกันในสิ่งดีงามและห้ามปรามความชั่ว พวกเขาดำารงนมาซและ จ่ายซะกาตและเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาเหล่า นี้แหละที่พระเจ้าทรงประทานความเมตตาแก่พวกเขา แท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ พระเจ้าได้ทรงสัญญาแก่ผู้ศรัทธา ทั้งชายและหญิงด้วยสวนสวรรค์หลากหลายที่มีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้พำานักอยู่ในนั้นตลอดไป ในสวนสวรรค์อันสถาพรนี้จะมี ที่พำานักอันสุขารมณ์สำาหรับพวกเขา และเหนืออื่นใด พวกเขาจะได้รับ ความโปรดปรานจากพระเจ้า นี่คือความสำาเร็จอันยิ่งใหญ่ นบีเอย จงต่อสู้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและพวกตลบตะแลง และจง เ ียบขาดกับคนพวกนี้ ท้ายที่สุดแล้ว ที่พักของพวกเขาคือนรกและมัน เป็นจุดหมายที่ต่ำาช้าที่สุด 74 พวกเขาสาบานด้วยพระเจ้าว่าพวกเขาไม่ ได้พูดสิ่งใด ทั้งๆที่ความจริงแล้วพวกเขาได้กล่าวถ้อยคำาแห่งการป ิเสธ สัจธรรมหลังจากที่พวกเขาได้เข้ารับอิสลามแล้ว พวกเขาวางแผนไว้ แต่ พวกเขาไม่อาจทำาตามแผนได้ พวกเขาไม่มีเหตุผลใดที่จะแค้นเคืองนอก ไปจากว่าพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้ทรงทำาให้พวกเขามั่งคั่ง ขึ้นโดยความโปรดปรานของพระองค์ ถ้าหากตอนนี้ พวกเขาสำานึกผิด ในความประพ ติอันชั่วร้ายของพวกเขา มันก็เป็นการดีแก่พวกเขาเอง แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สำานึกผิด พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกเขาด้วยการ ลงโทษอันเจ็บปวดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และจะไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะ คุ้มครองและช่วยเหลือพวกเขา

อัต เตาบะ ฺ

ในหมู่พวกเขานั้นมีบางคนที่ทำาสัญญากับพระเจ้าว่า หากพระองค์ ทรงประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่เรา พวกเราจะบริจาค ทานและเป็นผู้ดำาเนินชีวิตที่ดีงาม แต่เมื่อพระองค์ทรงทำาให้พวกเขา มั่งคั่งขึ้นโดยความโปรดปรานของพระองค์ พวกเขากลับตระหนี่ยิ่งขึ้น และหันหลังให้สัญญาและไม่ใส่ใจต่อมัน 77 ดังนั้น ผลของการที่พวกเขา ได้บิดพลิ้วสัญญาที่พวกเขาได้ทำาไว้กับพระเจ้าและการโกหกของพวก เขา พระองค์จึงได้ทรงใส่ความตลบตะแลงลงไปในหัวใจของพวกเขาจน กระทั่งถึงวันที่พวกเขาพบพระองค์ พวกเขาไม่รู้หรือว่าพระเจ้าทรงรู้ แม้แต่สิ่งที่พวกเขาปกปิดและการประชุมลับของพวกเขา พวกเขาไม่รู้ หรือว่าพระเจ้าทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งที่ถูกซ่อนเร้น บรรดาผู้เย้ยหยันการเสียสละทางการเงินด้วยความสมัครใจของ บรรดาผู้ศรัทธาและเยาะเย้ยบรรดาผู้ไม่สามารถจะหาอะไรมาช่วย(ใน หนทางของพระเจ้าได้)นอกจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เป็นสิ่งจำาเป็นของพวก เขานั้น พระเจ้าทรงเยาะเย้ยพวกเขาแล้ว พวกเขาจะได้รับการลงโทษอัน เจ็บปวด (โอ้นบี) ไม่ว่าเจ้าจะขออภัยให้พวกเขาหรือไม่ก็ตาม (มันก็มี ผลเท่ากัน) เพราะพระเจ้าจะไม่ทรงให้อภัยพวกเขาถึงแม้เจ้าจะขออภัย ให้พวกเขาถึงเจ็บสิบครั้งก็ตาม นั่นเป็นเพราะพวกเขาป ิเสธพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์ และพระเจ้าไม่ทรงนำาทางหมู่ชนผู้กระทำาความชั่ว บรรดาผู้อยู่ที่บ้านนั้นดีใจที่ศาสนทูตของพระเจ้าได้ทิ้งพวกเขาไว้ ข้างหลัง พวกเขาไม่ชอบที่จะต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สิน และชีวิตของพวกเขา พวกเขากล่าวกับผู้คนว่า จงอย่าออกไปท่ามกลาง ความร้อนนี้เลย จงบอกพวกเขาว่า ไฟนรกนั้นร้อนยิ่งกว่านี้อีก เผื่อว่า พวกเขาจะเข้าใจ จงปล่อยให้พวกเขาหัวเราะแต่เล็กน้อยและร้องไห้ให้ มากสำาหรับความผิดที่พวกเขาได้ทำาไว้ ดังนั้น (โอ้นบี) ถ้าพระเจ้าทรง นำาเจ้ากลับมาพบพวกเขาและพวกเขาขออนุญาตออกไปกับเจ้าด้วย จง บอกพวกเขาว่า ตอนนี้ พวกท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปกับ ันและ 75

การสำานึกผิด

จะไม่ต่อสู้ศัตรูร่วมกับ ัน เพราะพวกท่านพอใจที่จะอยู่ข้างหลังมาตั้งแต่ แรก ดังนั้น คราวนี้พวกท่านจงนั่งอยู่ที่บ้านร่วมกับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง เถอะ และเจ้า(มุ ัมมัด)จงอย่านมาซให้แก่คนใดในหมู่พวกเขาที่เสีย ชีวิต และจงอย่ายืนที่หลุม ังศพของเขา เพราะพวกเขาเป็นผู้ป ิเสธ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขาตายในขณะที่เป็นผู้ ่า ืน จงอย่าให้ทรัพย์สมบัติและลูกๆของพวกเขาหลอกลวงเจ้า พระเจ้า เพียงแค่ทรงต้องการที่จะลงโทษพวกเขาด้วยทรัพย์สินและลูกๆที่พวก เขามีอยู่ในโลกนี้และทรงให้ชีวิตของพวกเขาปลิดออกในขณะที่พวกเขา ยังเป็นผู้ป ิเสธสัจธรรม เมื่อใดที่มีกุรอานบทหนึ่งถูกประทานลงมาว่า จงศรัทธาในพระเจ้าและออกไปญิ าดพร้อมกับศาสนทูตของพระองค์ เจ้าจะได้เห็นคนที่มั่งคั่งบางคนในหมู่พวกเขามาขอเจ้าให้ยกเว้นพวกเขา โดยกล่าวว่า กรุณาให้เราอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลังเถอะ คนพวก นี้ชอบที่จะอยู่กับ(พวกผู้หญิง)ผู้ที่อยู่ข้างหลัง หัวใจของพวกเขาได้ถูกปิด ไว้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น แต่ศาสนทูตและบรรดาผู้ ศรัทธาร่วมกับเขาได้ทำาการต่อสู้ด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา ดัง นั้น ตอนนนี้ สิ่งดีงามทั้งปวงจึงเป็นของพวกเขาและพวกเขาเท่านั้นที่ เป็นผู้ประสบความสำาเร็จ พระเจ้าได้ทรงเตรียมสวนสวรรค์ไว้ให้พวก เขาซึ่งภายใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านและพวกเขาจะได้พำานักอยู่ใน นั้น นั่นคือความสำาเร็จอันยิ่งใหญ่ ในหมู่ชาวอาหรับทะเลทราย มีบางคนที่มาอ้างข้อแก้ตัวที่จะอยู่ข้าง หลังด้วยเช่นกัน ดังนั้น พวกที่โกหกต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ จึงได้อยู่ข้างหลัง ในไม่ช้านี้ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะได้พบกับการ ลงโทษอันเจ็บปวด แต่ไม่มีข้อตำาหนิใดๆถ้าหากว่าคนอ่อนแอ คนป่วย และบรรดาผู้ที่ไม่สามารถจัดหาสิ่งใดเพื่อการต่อสู้จะอยู่ข้างหลังถ้าหาก พวกเขายังคงจริงใจต่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ ไม่มีเหตุผล ใดที่จะมาตำาหนิคนทำาดี พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ

อัต เตาบะ ฺ

และไม่มีเหตุผลใดที่จะมาวิจารณ์คนที่มาหาเจ้าและขอให้เจ้าจัดหา พาหนะให้พวกเขาขี่ เพราะเมื่อเจ้าได้กล่าวแก่พวกเขาว่า ันไม่สามารถ ที่จะหาพาหนะให้พวกท่านขี่ได้ พวกเขาก็กลับไปด้วยดวงตาที่เอ่อท้น ด้วยน้ำาตาแห่งความเศร้าโศกที่พวกเขาไม่สามารถหาปัจจัยสำาหรับการ ออกไปต่อสู้ด้วยตัวเองได้ ผู้สมควรได้รับคำาตำาหนิคือบรรดาผู้มั่งคั่ง แต่กลับขอยกเว้นจากการต่อสู้ เนื่องจากพวกเขาเลือกที่จะอยู่ข้างหลังกับ ผู้หญิง พระเจ้าจึงทรงปิดหัวใจของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เข้าใจ พวกเขาจะขอโทษสูเจ้าและยกข้อแก้ตัวต่างๆนานาเมื่อสูเจ้ากลับ มายังพวกเขา จงบอกพวกเขาว่า อย่ามาแก้ตัวเลย เราไม่เชื่อในสิ่งที่ พวกท่านพูด เพราะพระเจ้าได้ทรงเปิดเผยความจริงทั้งหมดของพวก ท่านให้แก่เราแล้ว ตอนนี้ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะทรงเ ้า ดูพ ติกรรมของพวกท่าน หลังจากนั้น พวกท่านจะถูกนำากลับไปยัง พระองค์ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นและสิ่งที่เปิดเผย และพระองค์จะ เมื่อสูเจ้ากลับมายัง ทรงบอกพวกท่านทุกอย่างที่พวกท่านได้ทำาไว้ พวกเขา พวกเขาจะสาบานด้วยพระเจ้าต่อสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ทิ้งพวก เขาไว้ตามลำาพัง(คือไม่ตำาหนิพวกเขา) ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาไว้ตาม ลำาพัง เพราะพวกเขาโสมม และที่พำานักที่แท้จริงของพวกเขาคือนรก ซึ่งเป็นสิ่งตอบแทนตามที่พวกเขาได้ทำาไว้ พวกเขาจะสาบานต่อหน้า สูเจ้าเพื่อทำาให้สูเจ้าพอใจ แต่ถึงแม้สูเจ้าจะพอใจกับการแก้ตัวของพวก เขาก็ตาม พระเจ้าก็มิทรงพอพระทัยหมู่ชนผู้ทำาความชั่ว พวกอาหรับทะเลทรายเหล่านี้ดื้อรั้นที่สุดในการป ิเสธสัจธรรม และการตลบตะแลง และไม่อยากที่จะรู้ก เกณ ์ที่พระเจ้าได้ประทานลง มายังศาสนทูตของพระองค์ แต่พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ พวกอาหรับทะเลทรายบางคนถือว่าสิ่งที่พวกเขาให้ไปเพื่อแนวทาง ของพระเจ้านั้นเหมือนค่าปรับและคอยหวังให้มีเหตุร้ายต่างๆเกิดแก่สูเจ้า ขอให้เหตุร้ายเกิดขึ้นแก่พวกเขาเถิด พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

การสำานึกผิด

แต่ในหมู่พวกเขานั้นมีผู้ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย และถือว่า สิ่งที่พวกเขาใช้จ่ายไปในหนทางของพระเจ้าเป็นการนำาพวกเขาเข้าไป ใกล้ชิดพระเจ้าและการได้รับคำาขอพรของศาสนทูต แท้จริง นี่เป็นหนทาง แห่งการนำาพวกเขาเข้าใกล้พระเจ้า และพระเจ้าจะทรงรับพวกเขาไว้ใน ความเมตตาของพระองค์ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ พระเจ้าทรงยินดีกับบรรดาผู้อพยพและผู้ช่วยเหลือที่ตอบสนอง ต่อการเชิญชวนสู่ความศรัทธาตั้งแต่แรกและกับบรรดาผู้ที่ป ิบัติตามพ วกเขาในการทำาความดีของพวกเขา และพวกเขาก็ยินดีกับพระเจ้าด้วย พระองค์ได้ทรงเตรียมสวนสวรรค์ที่มีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านไว้ให้แก่ พวกเขาแล้ว และพวกเขาจะได้เป็นผู้พำานักอยู่ในนั้นตราบกาลนาน นี่คือ และในหมู่ชาวอาหรับทะเลทรายที่อยู่รอบๆ ความสำาเร็จอันยิ่งใหญ่ เจ้านั้นมีพวกตลบตะแลงอยู่หลายคน ขณะเดียวกันในหมู่ชาวเมืองมะดี นะ ฺก็มีพวกตลบตะแลงอีกหลายคนที่เชี่ยวชาญในการกลับกลอก เจ้า ไม่รู้จักพวกเขา แต่เรารู้จักพวกเขา เราจะทำาให้พวกเขาได้รับการลงโทษ สองครั้ง หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกหันไปสู่การลงโทษที่มหันต์ยิ่งกว่า มีพวกอื่นๆอีกบางคนที่ยอมรับความผิดของพวกเขา พวกเขามี บันทึกการงานที่ดีและชั่วปะปนกัน มันอาจเป็นไปได้ที่พระเจ้าจะหันไป ยังพวกเขาด้วยความปรานี เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ (โอ้นบี) จงรับเอาทานจากทรัพย์สินของพวกเขามาชำาระพวก เขาให้สะอาดและขัดเกลาพวกเขาโดยการบริจาคนั้น และจงวิงวอนขอ พรให้แก่พวกเขา เพราะการวิงวอนขอพรของเจ้านั้นจะนำาความสงบ มายังพวกเขา พระเจ้าทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง พวกเขา ไม่รู้หรือว่าพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรับการขออภัยจากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงรับการบริจาคของพวกเขา และพระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า จงทำาสิ่งที่พวกท่านอยาก

อัต เตาบะ ฺ

ทำา พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธาจะเ ้าดูการก ระทำาของพวกท่าน ไม่ช้า พวกท่านจะกลับไปยังพระองค์ผู้ทรงรู้ทุกสรรพ สิ่งที่ซ่อนเร้นและที่เปิดเผย แล้วพระองค์จะทรงแจ้งพวกท่านทุกอย่างที่ พวกท่านได้ทำาไว้ (แต่ก็ยังมี)คนอื่นๆบางคนที่ยังคอยการตัดสินใจ ของพระเจ้า พระองค์อาจจะลงโทษพวกเขาหรือหันกลับไปยังพวกเขาอีก ครั้งหนึ่งด้วยความปรานีก็ได้ พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่งและทรงปรีชา ญาณยิ่ง มีคนอีกพวกหนึ่งที่สร้างมัสญิดขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างความเสียหาย เพื่อแสดงความไม่ศรัทธา และเพื่อก่อความแตกแยกขึ้นในหมู่ผู้ศรัทธา และใช้สถานที่นี้เป็นที่แอบซุ่มสำาหรับคนที่ก่อนหน้านี้ได้ทำาสงครามกับ พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาสาบานอย่างแข็งขันว่า เรา มิได้เจตนาสิ่งใดนอกไปจากความดี แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานว่าพวกเขา เป็นผู้โกหกสิ้นดี เจ้าจงอย่ายืนในที่แห่งนั้นเป็นอันขาด เ พาะมัสญิด ที่ถูกวางราก านอยู่บนความยำาเกรงพระเจ้าตั้งแต่วันแรกเท่านั้นเป็นที่ ที่เหมาะสมกว่าที่เจ้าจะยืน(นมาซ)ในนั้น เพราะในนั้นมีผู้ที่รักจะชำาระตัว เองให้สะอาดและพระเจ้าทรงรักผู้ชำาระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์ ใคร จะดีกว่ากัน คนที่วางราก านอาคารของเขาบนความยำาเกรงพระเจ้าและ เพื่อความปราโมทย์ของพระองค์หรือผู้ที่วางราก านอาคารของเขาบน ขอบตลิ่งที่ถูกเซาะจนจะพัง และมันจะพังลงมาพร้อมกับเขาในไฟนรก แท้จริง พระเจ้ามิทรงชี้ทางที่ถูกต้องให้แก่หมู่ชนผู้อธรรม อาคารที่ พวกเขาสร้างขึ้นนี้จะไม่หยุดยั้งที่จะสร้างความพะวักพะวนในหัวใจของ พวกเขา จนกว่าหัวใจของพวกเขาจะถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง แท้จริง พระเจ้าได้ทรงซื้อชีวิตและทรัพย์สินทั้งหลายของบรรดา ผู้ศรัทธาด้วยสวรรค์สำาหรับพวกเขา พวกเขาต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า

การสำานึกผิด

พวกเขา ่าและถูก ่า มันเป็นสัญญาที่ผูกมัดพระองค์ไว้ในเตารอตและ อินญีลและกุรอาน และใครเล่าที่จะป ิบัติตามสัญญาของเขาให้ครบได้ ยิ่งไปกว่าพระเจ้า ดังนั้น จงรื่นเริงในการแลกเปลี่ยนที่สูเจ้าได้ทำาไว้กับ พระองค์ และนั่นคือความสำาเร็จอันยิ่งใหญ่ (บรรดาผู้ศรัทธาคือ) ผู้ ที่หันกลับไปยังพระเจ้าอยู่เนืองๆ บรรดาผู้เคารพสักการะพระองค์และ สรรเสริญพระองค์ บรรดาผู้ท่องไปในแผ่นดินเพื่อรับใช้พระองค์ บรรดา ผู้โค้งคารวะ บรรดาผู้กราบ บรรดาผู้กำาชับให้ทำาความดีและห้ามปราม ความชั่วและบรรดาผู้รักษาขอบเขตที่พระองค์ทรงกำาหนดไว้อย่างเข้ม งวด จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่นบีและบรรดาผู้ศรัทธาจะวิงวอนขอ การอภัยโทษให้แก่บรรดาผู้บูชาเทวรูป แม้พวกเขาจะเป็นญาติใกล้ชิด ก็ตามหลังจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพวกเขาสมควรที่จะถูกลงโทษในนรก ส่วนการที่อิบรอ ีมได้วิงวอนขอการอภัยโทษให้แก่พ่อของเขานั้น มันเป็นเพียงการทำาตามสัญญาที่เขาได้ทำาไว้กับพ่อของเขา แต่เมื่อเขารู้ เป็นที่แน่ชัดว่าพ่อของเขาเป็นศัตรูของพระเจ้า เขาก็เลิกเกี่ยวข้องกับพ่อ ของเขา แท้จริง อิบรอ ีมเป็นคนอ่อนโยนและเป็นผู้มีขันติ พระเจ้า จะไม่นำาผู้คนให้หลงผิดหลังจากที่พระองค์ได้ทรงนำาทางพวกเขาและจน กระทั่งพระองค์ได้ทำาให้พวกเขาชัดเจนแล้วในทุกสิ่งที่พวกเขาจะต้อง หลีกเลี่ยง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง แน่นอน อาณาจักร แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงให้ชีวิต และทรงให้ตาย สูเจ้าไม่มีผู้ใดนอกไปจากพระเจ้าที่จะคุ้มครองและช่วย เหลือสูเจ้า พระเจ้าทรงให้อภัยนบีและบรรดาผู้อพยพและบรรดาผู้ช่วยเหลือ ที่ได้ติดตามเขาในยามวิบาก ถึงแม้ว่าหัวใจของพวกเขาบางคนได้เกิด ความรวนเรก็ตาม (แต่เมื่อพวกเขามิได้ป ิบัติตามทางที่คดเคี้ยวและ ดูหน้า ของบทนำา

อัต เตาบะ ฺ

ยืนอยู่กับนบี)พระองค์ได้ทรงหันไปยังพวกเขา เพราะพระองค์เป็นผู้ทรง อ่อนโยนและทรงเมตตาต่อคนเหล่านี้เสมอ พระองค์ทรงให้อภัยคน ทั้งสามที่กรณีของพวกเขาได้ถูกเลื่อนออกไป เมื่อแผ่นดินที่แม้จะกว้าง ใหญ่ไพศาลก็ดูเหมือนว่าจะแคบลงสำาหรับพวกเขาและวิญญาณของพวก เขาเองก็เป็นภาระหนักแก่พวกเขาและพวกเขาตระหนักว่าไม่มีที่พักพิง ที่ไหนสำาหรับพวกเขาแล้วนอกจากจะหันกลับไปยังพระองค์ พระองค์ได้ ทรงหันไปยังพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้หันกลับไปยังพระองค์ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงอยู่กับบรรดาผู้มี สัจจะวาจา มันไม่เหมาะสมที่ชาวมะดีนะ ฺและพวกอาหรับทะเลทราย ที่อาศัยอยู่รอบๆจะละทิ้งศาสนทูตของพระเจ้าและถือว่าชีวิตของตนเองมี ความสำาคัญกว่าชีวิตของเขา นี่เป็นเพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาตกระกำา ลำาบากจากความกระหาย ความหิวและการทดสอบอื่นๆอันแสนสาหัส และเมื่อใดก็ตามที่ทุกย่างก้าวของพวกเขาทำาให้ผู้ป ิเสธสัจธรรมเกิด โทสะหรือสร้างความเสียหายให้แก่บรรดาศัตรู มันจะถูกบันทึกไว้เป็นการ งานที่ดีในสายตาของพระเจ้า แน่นอน พระเจ้ามิทรงปอ่ยให้การงานของ และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้ใช้ ผู้กระทำาความดีต้องไร้ผลตอบแทน จ่ายไป(ในหนทางของพระเจ้า)ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก และเมื่อใดก็ตามที่ พวกเขาท่องไปในหุบเขาใด(ในหนทางของพระเจ้า) มันได้ถูกบันทึกไว้ สำาหรับพวกเขา และพระเจ้าจะทรงตอบแทนพวกเขาสำาหรับการงานที่ดี ที่พวกเขาได้ทำาไว้ มันไม่ใช่สิ่งถูกต้องที่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดต้องออกไปพร้อมกัน (ในเวลาสงคราม) ทำาไมไม่ให้คนกลุ่มหนึ่งจากทุกชุมชนทิ้งบ้านของพวก เขาไป(หานบี)เพื่อหาความรู้ในศาสนาและกลับไปเตือนผู้คนของพวกเขา ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้ป้องกันตัวเองให้พ้นจากความชั่ว โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงต่อสู้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมที่อยู่

การสำานึกผิด

ใกล้สูเจ้า จงให้พวกเขาได้เห็นความเข้มแข็งและความมั่นคงในตัวของ สูเจ้า และจงรู้เถิดว่าพระเจ้าทรงอยู่กับบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ เมื่อ ใดก็ตามที่มี(กุรอาน)บทหนึ่งถูกประทานมา พวกเขาบางคนได้ถาม(ด้วย ความเย้ยหยัน)ว่า ในหมู่พวกเจ้า มีคนไหนบ้างที่ความศรัทธาของเขา เพิ่มขึ้น แน่นอน สำาหรับผู้มีความศรัทธา มันได้ทำาให้ความศรัทธา ของพวกเขาเพิ่มขึ้นและพวกเขาเบิกบาน แต่สำาหรับบรรดาผู้ที่หัวใจ ของพวกเขามีโรคนั้น มันกลับเพิ่มความโสมมที่มีอยู่แล้วให้โสมมมากยิ่ง ขึ้น และพวกเขาตายในสภาพของการป ิเสธสัจธรรม คนเหล่านี้ไม่ เห็นหรือว่าพวกเขาถูกทดสอบครั้งหนึ่งหรือสองครั้งทุกปี แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังไม่สำานึกผิดและไม่ได้รับการตักเตือน เมื่อใดที่กุรอานบท หนึ่งถูกประทานลงมา พวกเขาต่างชำาเลืองดูกันและถามว่า มีใครกำาลัง เ ้าดูอยู่หรือเปล่า หลังจากนั้น พวกเขาก็หลบเลี่ยงออกไปอย่างเงียบๆ พระเจ้าได้ทรงหันหัวใจของพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่เข้าใจ ตอนนี้มีศาสนทูตคนหนึ่งจากหมู่สูเจ้าได้มายังสูเจ้าแล้ว เขาเป็น ทุกข์ใจในการสูญเสียของสูเจ้า เขาเป็นห่วงในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของ สูเจ้า เขาเป็นผู้อ่อนโยนและเป็นผู้เมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธาเสมอ แต่ ถ้าหากพวกเขาหันไปจากเจ้า (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า พระเจ้าทรง เพียงพอแล้วสำาหรับ ัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ันวางใจใน พระองค์ พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่

ดูหน้า

ของบทนำา

ยูนุส

10. โยนาห์

ยูนุส

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม รอ เหล่านี้คือข้อความแห่งคัมภีร์ที่เต็มไปด้วยวิทยปัญญาและความรู้ มัน เป็นเรื่องแปลกกระนั้นหรือที่เราได้ดลใจคนผู้หนึ่งในหมู่พวกเขาให้มา ตักเตือนผู้คนและแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่าพวกเขาจะมีเกียรติและ ความสำาเร็จที่แท้จริงกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา แต่ผู้ป ิเสธสัจธรรม กล่าวว่า คนผู้นี้เป็นนักเวทมนตร์อย่างแน่นอน แท้จริงแล้ว พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินในหกวัน(ช่วงเวลา) แล้วทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์แห่ง อาณาจักรของพระองค์และทรงบริหารกิจการแห่งจักรวาล ไม่มีผู้ใดที่จะ ขอไถ่โทษแทนใครกับพระองค์ได้เว้นแต่หลังจากที่พระองค์ทรงอนุมัติ นั่นคือพระเจ้า พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ 4 ยังพระองค์ที่สูเจ้าจะต้องกลับไป นี่คือ สัญญาที่แท้จริงและแน่นอนของพระเจ้า แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงเริ่ม ต้นการสร้างสรรค์ แล้วพระองค์ทรงให้มันเกิดขึ้นมาอีกเพื่อที่ว่าพระองค์ จะได้ทรงตอบแทนอย่างยุติธรรมแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น พวกเขาจะได้ดื่มน้ำาที่ร้อนจัดและได้รับการ ลงโทษอันเจ็บปวดสำาหรับการป ิเสธของพวกเขา 5 พระองค์คือผู้ทรงให้ดวงอาทิตย์มีแสงจ้าและดวงจันทร์มีแสงนวล และได้ทรงกำาหนดระยะการโคจรของมันอย่างเที่ยงตรงเพื่อที่สูเจ้าจะได้ คำานวณปีและวันจากมัน พระเจ้ามิได้ทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดโดยไร้ วัตถุประสงค์ พระองค์ทรงทำาให้สิ่งที่พระองค์ทรงประทานมาเป็นที่แจ้ง

โยนาห์

ชัดสำาหรับคนที่มีความเข้าใจ แท้จริงแล้ว ในการสับเปลี่ยนหมุนเวียน ของกลางคืนและกลางวันและในทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้างขึ้นในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นมีสัญญาณสำาหรับบรรดาผู้ยำาเกรงพระเจ้า 7 แท้จริง บรรดาผู้ที่ไม่หวังว่าจะพบเราและพอใจกับชีวิตแห่งโลกนี้และ ยินดีกับมันและไม่ใส่ใจต่อสัญญาณของเรานั้น ที่พักบั้นปลายของพวก เขาคือไฟนรกซึ่งเป็นผลมาจากความชั่วที่พวกเขาได้ทำาไว้ แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้น พระผู้อภิบาลของพวกเขาจะทรง นำาทางพวกเขา ทั้งนี้เพราะความศรัทธาของพวกเขานั่นเอง และเบื้อง ล่างของพวกเขานั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านในสวนสวรรค์อันบรมสุข ใน(สภาพแห่งความสุข)นั้น พวกเขาจะวิงวอนว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระองค์ โอ้พระเจ้า และการทักทายให้ความเคารพของพวกเขาก็คือ ศานติ และปิดท้ายการวิงวอนของพวกเขาโดยกล่าวว่า การสรรเสริญ ทั้งหลายเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ถ้าหากพระเจ้าทรงเร่งลงโทษมนุษย์เหมือนกับที่พระองค์ทรงเร่ง รีบในสิ่งดี วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของพวกเขาคงจะมาถึงแล้ว แต่เราได้ ปล่อยให้พวกที่ไม่หวังว่าจะพบเราดั้นด้นไปในความโอหังของพวกเขา เมื่อมนุษย์ประสบทุกข์ภัย เขาร้องเรียกหาเรา ไม่ว่าจะยืนหรือนั่งหรือ นอน แต่เมื่อเราขจัดทุกข์ภัยออกไปจากเขา เขากลับประพ ติเหมือนกับ ว่าเขาไม่เคยร้องหาเราในตอนที่ทุกข์ภัยได้ประสบกับเขา เช่นนั้นเองที่ การทำาชั่วของบรรดาผู้ ่า ืนได้ถูกทำาให้ดูเหมือนเป็นสิ่งดีงามแก่พวกเขา (โอ้มนุษย์ทั้งหลาย) เราได้ทำาลายหมู่ชนที่มีพลังอำานาจมากมาย ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน มีสัญญาณมากมายสุดคณานับ แต่ สัญญาณเหล่านั้นเป็นบทเรียนเ พาะคนที่เกรงกลัวพระเจ้าเท่านั้น ความ กลัวเป็นสิ่งที่ทำาให้มนุษย์จริงจัง หากมนุษย์ไม่มีความจริงจังในชีวิต เขา จะไม่ให้ความสนใจอย่างเต็มที่ต่อเรื่องสำาคัญๆและจะไม่เข้าใจชีวิตใน ด้านต่างๆของพวกเขา

ยูนุส

มาแล้วก่อนหน้าสูเจ้าเมื่อพวกเขา(ยังคงดึงดัน)ทำาความชั่ว เพราะบรรดา ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาแล้วพร้อมด้วยสัญญาณอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาไม่ศรัทธา ดังนั้น เราจึงลงโทษหมู่ชนผู้ทำาความผิด หลัง จากนั้น เราได้ทำาให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอดแทนพวกเขาในแผ่นดิน ทั้งนี้เพื่อ ที่เราจะทดสอบดูว่าสูเจ้าประพ ติตัวอย่างไร เมื่อถ้อยคำาอันชัดเจนที่เราประทานมาได้ถูกอ่านแก่พวกเขา บรรดา ผู้ที่ไม่หวังจะพบเราได้กล่าวว่า จงนำาเอากุรอานอันอื่นมาแทน หรือไม่ ก็เปลี่ยนแปลงมันเสีย (โอ้มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า ไม่ใช่หน้าที่ของ ันที่จะมาเปลี่ยนแปลงกุรอานตามความพอใจของ ัน ันเพียงแต่ป ิบัติ ตามสิ่งที่ถูกประทานมายัง ัน ถ้า ันไม่เชื่อฟังพระผู้อภิบาลของ ัน ัน กลัวการลงโทษในวันอันน่าสะพรึงกลัว จงกล่าวเถิดว่า หากพระเจ้า ทรงประสงค์ ันคงไม่อ่านกุรอานนี้ให้พวกท่านฟังและคงไม่บอกสิ่งใดแก่ พวกท่าน และพระองค์คงไม่นำามันมาให้พวกท่านได้รู้ ความจริงแล้ว ัน ได้ใช้ชีวิตทั้งหมดในหมู่พวกท่านก่อนที่มันจะมายัง ัน พวกท่านไม่ได้ใช้ สติปัญญาดอกหรือ ดังนั้น ผู้ใดเล่าที่จะเป็นผู้อธรรมที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า คนที่กุเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้าขึ้นมาหรือป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของ พระองค์ แท้จริงแล้ว ผู้ทำาผิดนั้นไม่อาจได้รับความสำาเร็จ แทนที่จะเคารพสักการะพระเจ้า พวกเขากลับสักการะสิ่งอื่นที่ไม่ สามารถให้โทษและให้คุณแก่พวกเขา และพวกเขากล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ คือผู้ขออภัยโทษต่อพระเจ้าให้พวกเรา (มุ ัมมัด)จงบอกพวกเขาเถิดว่า พวกท่านบอกพระเจ้าให้รู้เกี่ยวกับบางสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ที่พระองค์ไม่ทรงรู้กระนั้นหรือ พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์และสูงส่งเหนือ สิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับพระองค์ มนุษย์ทั้งหลายนั้นเป็นประชาชาติ เดียวกัน แต่หลังจากนั้น พวกเขาได้สร้างความเชื่อและแนวทางต่างๆขึ้น มา และถ้าหากพระผู้อภิบาลของเจ้ามิได้ทรงมีบัญชาไว้ก่อน สิ่งที่พวก เขาขัดแย้งกันนั้นคงจะถูกตัดสินไปแล้วอย่างแน่นอน

โยนาห์

พวกเขาถามว่า ทำาไมถึงไม่มีสัญญาณหนึ่งจากพระผู้อภิบาลของ เขาส่งมายังเขา จงบอกพวกเขาว่า พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ถึงสิ่งเร้นลับ ดัง นั้น จงคอยมันเถิด ันเองจะคอยอยู่กับพวกท่านด้วยเช่นกัน เมื่อใด ที่เราได้แสดงความเมตตาแก่มนุษย์หลังจากที่พวกเขาต้องประสบทุกข์ ภัยได้ไม่นาน พวกเขาได้หันมาสร้างข้อโต้แย้งอันเป็นเท็จต่อสัญญาณ ทั้งหลายของเรา จงบอกพวกเขาว่า พระเจ้าทรง ับไวในแผนการของ พระองค์ แท้จริงแล้ว ทูตสวรรค์ของเรานั้นกำาลังบันทึกแผนการของสูเจ้า อยู่ พระองค์คือผู้ทรงทำาให้สูเจ้าสามารถสัญจรไปได้บนหน้าแผ่นดิน และในทะเล และเมื่อสูเจ้าแล่นเรือด้วยความเบิกบานกับสายลมโชย ทันใดนั้น คลื่นลมแรงได้เริ่มกระหน่ำาใส่บรรดาผู้โดยสารในทุกด้านจน พวกเขาคิดว่าพวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของพายุคลื่นลมเสียแล้ว พวกเขา จึงวิงวอนต่อพระเจ้าด้วยความจริงใจว่า ถ้าหากพระองค์ทรงช่วยเราให้ แต่เมื่อ รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ เราจะเป็นบ่าวผู้กตัญญูของพระองค์ พระองค์ทรงช่วยพวกเขา พวกเขากลับดื้อดึง ่า ืนในแผ่นดิน มนุษย์ เอย แท้จริงแล้ว การดื้อดึง ่า ืนล้วนแต่ให้โทษแก่สูเจ้าเท่านั้น จงรื่นเริง กับชีวิตปัจจุบันนี้ไปเถิด หลังจากนั้น สูเจ้าจะต้องกลับมายังเรา แล้วเรา จะแจ้งให้สูเจ้ารู้ในสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาเอาไว้ ชีวิตแห่งโลกนี้อาจเปรียบได้กับน้ำาที่เราส่งมาจากท้องฟ้าและน้ำาได้ ถูกต้นไม้บนโลกดูดซึมเข้าไปจนมีผลงอกเงยออกมาให้มนุษย์และสัตว์ได้ กินอย่างเหลือเฟือ แต่เมื่อแผ่นดินงามสะพรั่งและพืชผลของมันได้ถูกเก็บ เกี่ยวและเจ้าของของมันคิดว่าเขาสามารถที่จะนำามันมาใช้ประโยชน์ได้ แต่แล้ว คำาบัญชาของเราได้มาอย่าง ับพลันในตอนกลางคืนหรือกลาง วัน เราได้ทำาลายมันจนเหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นที่นั่นในวันก่อน ใน ทำานองนี้เองที่เราได้แสดงสัญญาณของเราให้เห็นอย่างชัดแจ้งเพื่อการ พิจารณาของหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ

ยูนุส

พระเจ้าทรงเรียกร้องสูเจ้ายังบ้านแห่งความสันติ และพระองค์ทรง นำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์สู่แนวทางที่เที่ยงตรง บรรดาผู้ทำาความ ดีนั้นจะได้รับความดีตอบแทนและมากกว่าความดีที่พวกเขาได้ทำาไว้เสีย อีก ใบหน้าของพวกเขาจะไม่เศร้าหมองและหมดหวัง พวกเขาเหล่านี้ แหละคือชาวสวรรค์ที่พวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้น แต่สำาหรับบรรดาผู้ สะสมความชั่วไว้จะได้รับการตอบแทนตามความชั่วที่พวกเขาได้สะสมไว้ พวกเขาจะไม่มีใครป้องกันพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้า ใบหน้าของพวก เขาจะถูกปกคลุมด้วยความเศร้าหมองจนดูเหมือนกับว่าความมืดของ รัตติกาลได้ปกคลุมใบหน้าของพวกเขาไว้ พวกเขาเหล่านี้แหละคือชาว นรก พวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นตลอดกาล ในวันที่เราจะรวมพวกเขาทั้งหมดไว้นั้น เราจะกล่าวแก่บรรดาผู้นำา สิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าว่า สูเจ้าจงอยู่ที่นั่น ทั้งสูเจ้าเองและพวกที่ สูเจ้าตั้งขึ้นมาเป็นภาคีกับเราด้วย หลังจากนั้น เราจะแยกพวกเขาออก จากกัน และพวกภาคีที่พวกเขาตั้งขึ้นเป็นพระเจ้าเทียบเคียงกับเราจะ กล่าวว่า พวกเจ้ามิได้เคารพสักการะพวกเราแต่อย่างใด พระเจ้านั้น เพียงพอแล้วสำาหรับการเป็นพยานระหว่างเราและระหว่างพวกเจ้า และ เราไม่รู้เลยว่าพวกเจ้าเคารพสักการะเรา ในเวลานั้น ทุกคนจะรู้ถึง สิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ และพวกเขาทั้งหมดจะถูกนำากลับไปยังพระเจ้า พระเจ้าที่แท้จริงของพวกเขาและสิ่งโกหกทั้งหลายที่พวกเขาได้สร้างขึ้น มานั้นจะทิ้งพวกเขาไป จงถามพวกเขาว่า ผู้ใดประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกท่านจากฟาก ฟ้าและแผ่นดิน ผู้ใดมีอำานาจเหนือการได้ยินและการมองเห็น ผู้ใดที่ นำาชีวิตออกมาจากความตายและนำาความตายออกมาจากชีวิต ผู้ใดที่ กำากับกิจการทุกอย่าง พวกเขาจะกล่าวว่า พระเจ้า ดังนั้น จงถาม พวกเขาซิว่า แล้วพวกท่านยังไม่กลัวพระองค์กระนั้นหรือ พระเจ้า องค์เดียวกันนี้แหละที่เป็นพระผู้อภิบาลที่แท้จริงของสูเจ้า แล้วอะไรเล่าที่

โยนาห์

ยังเหลืออยู่หลังจากสัจธรรมนอกไปจากความเท็จ แล้วไ นเล่า สูเจ้าจึง หันกลับไป ในทำานองนี้แหละที่วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้าเป็น ความจริงต่อบรรดาผู้ ่า ืน พวกเขาจะไม่ศรัทธา จงถามพวกเขาว่า มีสิ่งใดที่พวกท่านนำามาตั้งภาคีกับพระเจ้าเป็นผู้ เริ่มแรกในการสร้างสรรค์และนำามันกลับมาอีก จงกล่าวเถิดว่า พระเจ้า ต่างหากที่เป็นผู้ทรงเริ่มสร้างสรรค์ตั้งแต่แรกและทรงนำามันกลับมาอีก แล้วไ นพวกท่านยังหลงผิดอีก จงถามพวกเขาเถิดว่า ในบรรดาสิ่ง ที่พวกท่านนำามาตั้งเป็นภาคีกับพระเจ้านั้น มีผู้ใดที่นำาทางไปสู่สัจธรรม จงกล่าวเถิด พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงนำาทางไปสู่สัจธรรม จงถามพวกเขา ด้วยว่า ผู้ใดสมควรได้รับการป ิบัติตาม ผู้ที่นำาทางไปสู่สัจธรรมหรือผู้ ที่ไม่สามารถนำาทางได้เว้นเสียแต่ว่าตัวเองจะถูกชี้ทางให้ แล้วพวกท่าน ความจริงแล้ว พวกเขาส่วน เป็นอะไรไปจึงได้ตัดสินกันอย่างผิดๆ ใหญ่มิได้ป ิบัติตามสิ่งใดนอกไปจากการคิดกันไปเอง แต่การคิดกันไป เองนั้นไม่สามารถที่จะโต้แย้งความจริงได้เลย แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงรู้ ถึงสิ่งที่พวกเขากำาลังกระทำา อัลกุรอานนี้มิใช่สิ่งที่ผู้ใดจะเรียบเรียงขึ้นมาได้นอกจากพระเจ้า มันเป็นสิ่งยืนยันคำาพูดล่วงหน้าที่ถูกประทานมาก่อนหน้านี้และเป็นการ อธิบายรายละเอียดของคัมภีร์ ไม่มีข้อสงสัยอันใดในเรื่องนี้ว่ามันมาจาก พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล พวกเขากล่าวว่า เขา(นบี)เรียบเรียง มันขึ้นมาเอง กระนั้นหรือ จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้าหากสิ่งที่พวกท่าน พูดเป็นเรื่องจริงแล้ว ขอให้พวกท่านนำามาสักบทหนึ่งที่เหมือนกันนี้ พวก ท่านจะเรียกใครมาช่วยก็ได้ตามที่พวกท่านสามารถนอกไปจากพระเจ้า แต่ความจริงแล้ว พวกเขาได้ป ิเสธสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจและพวกเขา ยังไม่ได้ลิ้มรสผลสุดท้ายที่จะติดตามมา ในทำานองเดียวกันนี้แหละที่ผู้คน ก่อนหน้าพวกเขาได้ป ิเสธสัจธรรม แต่จงคอยดูเถิดว่าผลสุดท้ายของผู้ อธรรมจะเป็นเช่นใด

ยูนุส

คนเหล่านี้มีบางคนเชื่อ(ในกุรอาน)และมีบางคนที่ไม่เชื่อ และพระผู้ อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีถึงบรรดาผู้ก่อความเสียหายเหล่านี้ ถ้าหากพวก คนเหล่านี้ป ิเสธเจ้า จงบอกพวกเขาว่า ันรับผิดชอบในการกระทำาของ ัน และพวกท่านก็รับผิดชอบการกระทำาของพวกท่าน พวกท่านไม่ต้อง มารับผิดชอบในสิ่งที่ ันกระทำาและ ันก็ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่พวกท่าน กระทำา ในหมู่พวกเขามีบางคนที่ฟังเจ้า แต่เจ้าจะทำาให้คนหูหนวก ฟังเจ้าหรือ ทั้งๆที่พวกเขาไม่สามารถที่จะเข้าใจ และในหมู่พวกเขามี บางคนที่มองเจ้า แต่เจ้าจะชี้ทางให้คนตาบอดกระนั้นหรือทั้งๆที่พวกเขา ไม่อาจมองเห็น 44 ความจริงแล้ว พระเจ้ามิได้ทรงอธรรมต่อมนุษย์แต่ อย่างใด มนุษย์เองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง 45 ในวันที่พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขานั้น พวกเขาจะรู้สึกเหมือน กับพวกเขาได้อยู่ในโลกนี้เพียงชั่วยามเดียวของวัน ในเวลานั้น พวก เขาจะต่างจำากันได้ บรรดาผู้ไม่เชื่อในการพบกับพระเจ้าและไม่เดินบน หนทางที่ถูกต้องนั้นคือผู้ขาดทุน ไม่ว่าเราจะให้เจ้าได้เห็นบางสิ่งที่ เราได้สัญญาพวกเขาไว้หรือทำาให้เจ้าตาย(ก่อนหน้านั้น) พวกเขาจะต้อง กลับมายังเราอย่างแน่นอน พระเจ้าทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่พวกเขากำาลัง กระทำา 47 ทุกประชาชาตินั้นมีศาสนทูต เมื่อศาสนทูตของพวกเขามาแล้ว การ ตัดสินในระหว่างพวกเขาจะมีขึ้นโดยเที่ยงธรรม และพวกเขาจะไม่ได้รับ ความอยุติธรรมแม้แต่น้อย พวกเขาถามว่า เมื่อใดเล่าที่สัญญานี้จะเกิดขึ้น จงบอกมาซิถ้า หากสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง จงกล่าวเถิดว่า ันไม่มีอำานาจใน การให้โทษและให้คุณใดๆจากตัว ัน ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของ พระเจ้า ทุกประชาชาตินั้นมีวาระที่ถูกกำาหนดไว้แล้ว เมื่อวาระสุดท้าย ของพวกเขามาถึง พวกเขาก็ไม่อาจหน่วงเหนี่ยวไว้หรือเร่งให้มันเกิดขึ้น เร็วได้ จงถามพวกเขาว่า พวกท่านเคยพิจารณาไหมว่า ถ้าหากการ

โยนาห์

ลงโทษของพระองค์มายังพวกท่านอย่าง ับพลันทันใดในตอนกลางคืน หรือตอนกลางวัน คนทำาความผิดจะหลีกหนีได้อย่างไร พวกท่านจะ ศรัทธาอะไรหรือหลังจากที่มันเกิดขึ้นกับพวกท่านแล้ว ทั้งๆที่พวกท่าน เองต้องการให้มันเกิดขึ้นโดยเร็ว แล้วบรรดาผู้ทำาความชั่วจะถูกบอก ว่า ทีนี้ จงลิ้มรสการลงโทษอันยาวนานตลอดไปเถิด มีอะไรที่พวกเจ้า หวังว่าจะได้มากกว่านี้สำาหรับสิ่งที่พวกเจ้าได้ทำาไว้ พวกเขาถามเจ้าว่า สิ่งที่ท่านพูดนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือ จงบอก พวกเขาว่า แน่นอน ขอสาบานด้วยพระเจ้าของ ัน มันเป็นความจริง ที่สุด และพวกท่านไม่มีอำานาจที่จะป้องกันมันได้ 54 ถ้าผู้ทำาผิดทุกคนมี ทรัพย์สินในโลกทุกอย่าง เขาจะหาทางเอามันมาเป็นค่าไถ่ตัวเขาเองเมื่อ พวกเขาเห็นการลงโทษ พวกเขาจะสำานึกผิดอย่างลับๆ แต่พวกเขาจะถูก ตัดสินโดยยุติธรรม และพวกเขาจะไม่ได้รับความอยุติธรรม 55 จงฟังให้ดี ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของพระเจ้า จงรู้ ไว้เถิดว่าสัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความจริง แต่ส่วนมากของพวกเขา ไม่รู้ พระองค์เป็นผู้ทรงให้ชีวิตและความตายและยังพระองค์ที่สูเจ้าจะ ถูกนำากลับ 57 โอ้มนุษย์เอย ได้มีคำาตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้ามายังสูเจ้า แล้ว และนี่เป็นสิ่งเยียวยาสำาหรับโรคในหัวใจ และเป็นทางนำาและความ เมตตาสำาหรับผู้ศรัทธามัน (โอ้ นบี) จงกล่าวเถิด มันเป็นความการุญ ของพระเจ้าและความเมตตาของพระองค์ที่ได้ประทานสิ่งนี้มา จงให้พวก เขายินดีเถิด เพราะมันดีกว่าสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้ (โอ้ นบี) จงถาม พวกเขา พวกท่านเคยพิจารณาบ้างไหมว่าพวกท่านเองได้ทำาให้บาง สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงประทานแก่พวกท่านเป็นที่ต้องห้ามและบางสิ่งเป็นที่ อนุมัติ แล้วจงถามพวกเขาว่า พระเจ้าทรงอนุญาตให้พวกท่านทำาเช่น นี้หรือ หรือพวกท่านโยนความผิดไปให้พระเจ้า บรรดาผู้สร้างความ

ยูนุส

เท็จเกี่ยวกับพระเจ้าจะคิดอย่างไรในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แท้จริงแล้ว พระเจ้านั้นทรงการุญต่อมนุษยชาติ แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่ขอบคุณ (โอ้ นบี) เรากำาลังเ ้ามองการงานที่เจ้าทุ่มเทอยู่ และส่วนใดก็ตาม ที่เจ้าอ่านจากกุรอาน เรากำาลังเ ้าดูสิ่งที่สูเจ้ากำาลังกระทำา ไม่มีเศษเสี้ยว ของสิ่ ง ใดไม่ ว่ า เล็ ก หรื อ ใหญ่ ใ นโลกนี้ แ ละในชั้ น ฟ้ า จะซ่ อ นเร้ น ไปจาก พระผู้อภิบาลของเจ้าได้ และทุกสิ่งล้วนอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้ง จง ฟัง แท้จริง บรรดาผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจะไม่มีวันหวาดกลัวและเศร้าโศก เสียใจ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและผู้เกรงกลัวพระเจ้า สำาหรับคน เหล่านี้มีข่าวดีในโลกนี้และในโลกหน้า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่มีการ เปลี่ยนแปลง นี่คือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ (โอ้นบี) จงอย่าให้คำาพูดของ พวกเขาทำาให้เจ้าระทม เพราะเกียรติยศทั้งหลายนั้นล้วนอยู่ที่พระเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ จงรู้ไว้เถิดว่าบรรดาผู้อาศัยอยู่ใน ชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นล้วนเป็นของพระเจ้า บรรดา ผู้วิงวอนภาคีต่างๆอื่นไปจากพระเจ้านั้นมิได้ตามสิ่งใดนอกไปจากการ นึกเดาเอาเองและพวกเขาได้แต่เดาสุ่มเอาเท่านั้น พระองค์คือผู้ทรง บันดาลกลางคืนสำาหรับสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้พักผ่อนในตอนกลางคืนและ ให้แสงสว่างแก่กลางวัน แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำาหรับบรรดาผู้ฟัง พวกเขากล่าวว่า พระเจ้าได้ทรงให้กำาเนิดบุตร พระเจ้าทรงมหา บริสุทธิ์ยิ่ง พระองค์ทรงมีอย่างเพียงพอ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่ อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน สูเจ้ามีหลัก านอันใดในการกล่าวเช่น นั้น สูเจ้าอ้างเรื่องเท็จต่อพระเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าไม่มีความรู้กระนั้นหรือ โอ้ นบี จงบอกพวกเขาว่า บรรดาผู้กล่าวร้ายต่อพระเจ้านั้นจะไม่มีวัน เจริญ พวกเขาอาจจะรื่นเริงกับความสุขชั่วคราวแห่งโลกนี้ แต่หลัง จากนั้นแล้ว พวกเขาจะต้องกลับมายังเรา แล้วเราจะทำาให้พวกเขาได้ลิ้ม รสการลงโทษอันแสนสาหัสเพราะการป ิเสธสัจธรรมของพวกเขา จงบอกพวกเขาให้รู้ถึงเรื่องราวของนู ฺเมื่อเขาได้กล่าวแก่ผู้คนของ

โยนาห์

เขาว่า หมู่ชนของ ันเอย ถ้าหากว่าการที่ ันอยู่ในหมู่พวกท่านและตัก เตือนพวกท่านเป็นสิ่งที่ทำาให้พวกท่านเหลืออดเหลือทนแล้ว จงรู้เถิด ว่า ันมอบความไว้วางใจในพระเจ้า พวกท่านจะรวบรวมสิ่งที่พวกท่าน ตั้งเป็นภาคีกับพระเจ้าและร่วมกันตัดสินเกี่ยวกับ ันก็ได้ และจงจัดการ ันเสียโดยไม่ต้องผ่อนปรนใดๆ ถ้าหากพวกท่านหันหลังให้ ัน จงรู้ ไว้เถิดว่า ันไม่ได้ร้องขอการตอบแทนใดๆจากพวกท่าน การตอบแทน ของ ันอยู่ที่พระเจ้าและ ันได้ถูกบัญชาให้เป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้ยอม ตนต่อพระเจ้า แต่พวกเขาได้ป ิเสธนู ฺ ดังนั้น เราจึงได้ช่วยเขาและ บรรดาผู้อยู่กับเขาในเรือและได้ทำาให้พวกเขาได้เป็นผู้สืบทอดบนโลก ในขณะที่เราได้ทำาให้บรรดาผู้ป ิเสธสัญญาณของเราจมน้ำาตาย ดังนั้น จงพิจารณาถึงผลสุดท้ายของบรรดาผู้ที่ได้รับการตักเตือนแล้วว่าเป็น อย่างไร 74 หลังจากเขาแล้ว เราได้ส่งศาสนทูตอีกหลายคนมายังหมู่ชนของ พวกเขา ศาสนทูตเหล่านั้นได้นำาหลัก านอันชัดแจ้งมายังพวกเขา แต่ พวกเขาไม่ศรัทธาในสัจธรรม เพราะพวกเขาได้ป ิเสธมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น เราจึงปิดผนึกบนหัวใจของบรรดาผู้ ่า ืน 75 หลังจากนั้น เราได้ส่งมูซาและ ารูนพร้อมกับสัญญาณมากมายของ เรามายังฟาโรห์และบรรดาหัวหน้าของเขา แต่พวกเขากลับโอหังเพราะ พวกเขาเป็นคนชั่ว ดังนั้น เมื่อสัจธรรมจากเรามายังพวกเขา พวกเขา กล่าวว่า นี่คือมายากลอย่างชัดแจ้ง 77 มูซาได้ตอบว่า พวกท่านเรียก สัจธรรมว่ามายากลกระนั้นหรือเมื่อมันได้มายังพวกท่าน นี่คือมายากล กระนั้นหรือ พวกนักมายากลนั้นไม่อาจประสบความสำาเร็จได้ พวก เขากล่าวว่า เจ้ามาหันเหพวกเราออกไปจากสิ่งที่เราพบว่าบรรพบุรุษ ของพวกเราทำาตามกันมาเพื่อที่เจ้าทั้งสองจะได้เป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้ หรือ เราไม่ศรัทธาในสิ่งที่เจ้าทั้งสองพูด หลังจากนั้น ฟาโรห์ได้กล่าวแก่คนของเขาว่า จงไปเอานักมายากล

ยูนุส

ผู้เชี่ยวชาญทุกคนมาหา ัน เมื่อบรรดานักมายากลมาแล้ว มูซาได้ กล่าวแก่พวกเขาว่า จงโยนอะไรที่พวกท่านอยากจะโยนลงมาก็ได้ และเมื่อพวกนักมายากลโยนเครื่องมือของพวกเขาลงไป มูซาได้กล่าว แก่พวกเขาว่า ที่พวกท่านโยนลงมานั้นเป็นแค่มายากล แน่นอน พระเจ้า จะทรงทำาให้มันไร้ผล เพราะพระเจ้าไม่ช่วยเหลืองานของผู้ก่อความเสีย หาย พระเจ้าทรงพิสูจน์ให้โลกเห็นสัจธรรมโดยวจนะของพระองค์ถึง แม้ว่าพวกคนทำาบาปจะไม่ชอบมันก็ตาม แต่ไม่มีใครนอกจากเด็กหนุ่มเพียงไม่กี่คนที่ประกาศว่าพวกเขา ศรัทธาในมูซา(ในขณะที่คนอื่นๆถอยหลัง) เพราะกลัวว่าฟาโรห์และ บรรดาหัวหน้าของเขาจะลงโทษพวกเขา ฟาโรห์เป็นผู้มีอำานาจมากใน มูซา แผ่นดินและเขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ไม่ลังเลที่จะละเมิดขอบเขต ได้กล่าวแก่คนของเขาว่า หมู่ชนของ ันเอย ถ้าหากพวกท่านศรัทธาใน พระเจ้าอย่างจริงใจ(และ)ถ้าหากพวกท่านยอมจำานนต่อพระองค์แล้ว ดัง นั้น จงวางใจในพระองค์ พวกเขาตอบว่า เราไว้วางใจในพระเจ้า โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าทำาให้เราเป็นเครื่องทดสอบสำาหรับบรรดา ผู้กดขี่ข่มเหงเลย และโปรดช่วยเราด้วยความเมตตาของพระองค์ให้ พ้นจากบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมด้วยเถิด เราได้เปิดเผย(เจตนาของเรา)แก่มูซาและพี่ชายของเขาว่า จง จัดหาบ้านสำาหรับผู้คนของเจ้าทั้งสองในเมืองและจงทำาบ้านนั้นให้เป็น สถานที่แห่งการเคารพสักการะและจงดำารงนมาซและ(โอ้มูซา)จงบอก ข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา มูซาได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ได้ประทาน ความความอลังการและทรัพย์สินในชีวิตแห่งโลกนี้แก่ฟาโรห์และเหล่า เสนาบดีของเขา นี่เองที่พวกเขาได้นำาผู้คนให้หลงผิดออกไปจากทาง ของพระองค์ โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทำาลายความมั่งคั่งของพวก

โยนาห์

เขาและทำาให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างเพื่อที่พวกเขาจะไม่ศรัทธา จนกว่าพวกเขาได้เห็นการลงโทษอันเจ็บปวดด้วยเถิด พระเจ้าทรงตอบว่า การวิงวอนของเจ้าทั้งสองได้ถูกตอบรับแล้ว เจ้าทั้งสองจนยืนหยัดให้มั่นคงและจงอย่าป ิบัติตามทางของบรรดาผู้ ไม่มีความรู้ ดังนั้น เราได้พาพวกลูกหลานอิสรออีลข้ามทะเล ฟาโรห์พร้อมกับ ไพร่พลของเขาได้ออกติดตามพวกเขาอย่างโอหังและก้าวร้าว จนกระทั่ง เมื่อเขาจะจมน้ำาตาย เขา(ฟาโรห์)ได้กล่าวว่า ันศรัทธาแล้วว่าไม่มี พระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ผู้ที่ลูกหลานของอิสรออีลศรัทธา และ ัน อยู่ในหมู่ผู้นอบน้อมยอมจำานน ตอนนี้หรือที่สูเจ้าศรัทธาในขณะที่ ก่อนหน้านี้สูเจ้าเป็นผู้ ่า ืนและเป็นอยู่ในหมู่ผู้ทำาผิด ดังนั้น วันนี้ เรา จะรักษาร่างของเจ้าไว้เพื่อเป็นสัญญาณเตือนสำาหรับชนรุ่นหลังเจ้าถึง แม้ว่ามีผู้คนอีกจำานวนมากมายที่ไม่ใส่ใจต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา เราได้ให้ที่พำานักอันดียิ่งแก่พวกลูกหลานอิสรออีลและได้จัดหาสิ่ง ที่ดีที่สุดแห่งชีวิตให้แก่พวกเขา หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาได้รับความรู้ (เรื่องการประทานวจนะของพระเจ้า) พวกเขาก็เริ่มมีทัศนะที่ขัดแย้งกัน แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในวันแห่ง การฟื้นคืนชีพเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน ถ้าเจ้ายังสงสัยเกี่ยวกับทางนำาที่เราได้ประทานลงมาแก่เจ้า เจ้า ก็อาจถามถึงสิ่งนี้จากผู้คนที่ได้อ่านคัมภีร์ก่อนหน้าเจ้าดูก็ได้ ความจริง แล้ว มันคือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของเจ้าที่ได้มายังเจ้า ดังนั้น จงอย่า อยู่ในหมู่ผู้สงสัย จงอย่าเป็นเช่นบรรดาผู้ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของ พระเจ้า มิเช่นนั้นแล้ว เจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน บรรดาผู้ต่อต้านคนที่วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้ายืนยันแล้วนั้น พวกเขาจะไม่ศรัทธา ถึงแม้จะมีสัญญาณทุกอย่างถูกนำามาแสดงแก่ พวกเขาแล้วก็ตาม จนกระทั่งพวกเขาเห็นการลงโทษอันเจ็บปวด มี

ยูนุส

หมู่ชนใดบ้างที่ยอมรับความศรัทธาและความศรัทธานั้นเป็นประโยชน์ ต่อหมู่ชนนั้นนอกไปจากหมู่ชนของยูนุส เมื่อพวกเขาศรัทธา เราจึงได้ ปลดเปลื้องการลงโทษอันน่าอับอายออกไปจากพวกเขาในชีวิตโลกนี้และ ได้ให้พวกเขาใช้ปัจจัยทั้งหลายแห่งชีวิตชั่วเวลาหนึ่ง หากพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงประสงค์ ผู้คนทั้งหมดที่อาศัยอยู่ใน แผ่นดินนี้คงจะศรัทธาในพระองค์แล้วโดยไม่มีการยกเว้น ดังนั้น เจ้าจะ บังคับมนุษย์ให้เป็นผู้ศรัทธากระนั้นหรือ ไม่มีผู้ใดจะศรัทธาได้หาก ปราศจากการอนุมัติของพระเจ้า พระองค์จะทรงโยนความโสมม(แห่ง ความสงสัย)ไปบนผู้ที่ไม่ใช้เหตุผลของพวกเขา จงกล่าวแก่พวกเขาว่า จงสังเกตดูสรรพสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในชั้นฟ้า ทั้งหลายและแผ่นดิน แต่สัญญาณและการตักเตือนทั้งหลายไม่ได้อำานวย ประโยชน์อะไรแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธา แล้วพวกเขาจะคอยอะไรอีกนอก ไปจากวันแห่งความชั่วร้ายที่มีต่อผู้คนก่อนหน้าพวกเขา ดังนั้น จงบอก พวกเขาเถิดว่า ะนั้น จงคอยดูก็แล้วกันและ ันก็จะคอยดูกับพวกท่าน ด้วย หลังจากนั้น เราได้ช่วยบรรดาศาสนาทูตของเราและผู้ศรัทธาให้ รอดพ้น เราได้กำาหนดไว้สำาหรับตัวเราเองแล้วที่จะช่วยบรรดาผู้ศรัทธา (โอ้นบี) จงกล่าวเถิดว่า มนุษย์เอย ถ้าหากพวกท่านยังมีข้อสงสัย เกี่ยวกับศาสนาของ ัน จงรู้ไว้เถิดว่า ันไม่เคารพสักการะสิ่งที่พวกท่าน เคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า แต่ ันเคารพสักการะพระเจ้าผู้ทรงมี อำานาจที่จะทำาให้พวกท่านตายเท่านั้น เพราะ ันได้ถูกบัญชาว่า ันต้อง อยู่ในหมู่ผู้ศรัทธา ( ันยังได้ถูกบัญชาอีกว่า) และจงหันหน้าของเจ้า ไปยังความศรัทธา(ที่แท้จริง)อย่างมั่นคง และจงอย่าเป็นผู้ตั้งสิ่งอื่นเป็น ภาคีเทียบเคียงกับพระเจ้า และจงอย่าวิงวอนสิ่งใดอื่นที่ไม่สามารถ ยังคุณให้โทษแก่เจ้าได้นอกจากพระเจ้า ถ้าหากเจ้ากระทำาเช่นนั้น เจ้า จะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ทำาความผิด ถ้าหากพระเจ้าทรงให้เจ้าประสบ ทุกข์ภัย ไม่มีใครจะสามารถขจัดทุกข์ภัยนั้นได้นอกจากพระองค์ และถ้า

ูด

พระองค์ประสงค์ที่จะประทานความโปรดปรานให้แก่เจ้า ใครจะหน่วง เหนี่ยวความการุญของพระองค์ไว้ไม่ได้เช่นกัน พระองค์จะทรงประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่บ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ (โอ้มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า มนุษย์เอย สัจธรรมจากพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านแล้ว ดังนั้น ใครที่ป ิบัติตาม แนวทางที่ถูกต้อง เขาก็ป ิบัติตามทางนำาเพื่อเป็นผลดีแก่ตัวของเขาเอง หากผู้ใดหลงออกไปจากทาง เขาก็หลงเป็นภัยต่อตัวเขาเอง และ ันไม่ได้ เป็นผู้พิทักษ์พวกท่าน (โอ้นบี) จงป ิบัติตามทางนำาที่ได้ถูกประทาน แก่เจ้าและจงอดทนต่อไปจนกว่าพระเจ้าจะทรงตัดสิน เพราะพระองค์ ทรงเป็นเลิศที่สุดในบรรดาผู้ตัดสิน 11. ฮูด

ฮูด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม รอ (นี่คือ) คัมภีร์ที่ข้อความทั้งหลายเป็นหลักการสำาคัญขั้นพื้น านและได้ ถูกอธิบายไว้ในรายละเดียดโดยพระผู้ทรงปรีชาญาณ และผู้ทรงรอบรู้ (มันสอนว่า) พวกท่านต้องไม่เคารพสักการะผู้ใดนอกจากพระเจ้า ัน ถูกส่งมาจากพระองค์เพื่อตักเตือนพวกท่านและนำาข่าวดีจากพระองค์ มายังพวกท่าน พวกท่านจงขอการอภัยจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน แล้วจงหันกลับไปยังพระองค์(ในการสำานึกผิด) พระองค์จะทรงประทาน ปัจจัยที่ดีแก่พวกท่านจนกระทั่งถึงวาระหนึ่งซึ่งได้ถูกกำาหนดไว้ และ พระองค์จะประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่ทุกคนที่สมควรจะ

ูด

ได้รับ แต่พวกท่านหันหลังให้ ดังนั้น ันจึงกลัวว่าพวกท่านจะต้องพบกับ การลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัว 4 ยังพระเจ้าที่พวกท่านทั้งหมดต้อง กลับไป และพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง 5 จงดูเถิดว่าพวกเขาปกปิดตัวของพวกเขาเองเพื่อซ่อนเร้น(ความ คิดของพวกเขา)จากพระองค์ แต่เมื่อพวกเขาปกปิดตัวของพวกเขาด้วย เสื้อผ้า พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาซ่อนเร้นและสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย พระองค์ทรงรู้แม้แต่ความคิดที่ลึกที่สุดของพวกเขา ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่เคลื่อนไหวบนโลกนี้ที่การยังชีพของมันมิได้ขึ้นอยู่กับพระเจ้า พระองค์ ทรงรู้ถึงที่พักอันถาวรและที่พักชั่วคราวของมัน ทุกสิ่งอยู่ในบันทึกอันชัด แจ้งแล้ว 7 พระองค์คือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในหกวัน(ช่วง เวลา) ขณะที่ก่อนหน้านี้บัลลังก์ของพระองค์อยู่เหนือน้ำา ทั้งนี้เพื่อที่จะ ทดสอบว่าผู้ใดในหมู่สูเจ้าได้กระทำาการงานที่ดี (โอ้มุ ัมมัด) ตอนนี้ ถ้า หากเจ้าบอกพวกเขาว่า แท้จริงแล้ว พวกท่านจะถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพ ขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังความตาย บรรดาผู้ป ิเสธจะกล่าวทันทีว่า นี่เป็น เรื่องไสยศาสตร์แท้ๆ และถ้าเราจะยึดเวลาการลงโทษพวกเขาออกไป สักระยะหนึ่งซึ่งได้กำาหนดไว้แล้ว พวกเขาจะกล่าวว่า อะไรเล่าที่ทำาให้ มันเลื่อนออกไป จงรู้ไว้เถิดว่าเมื่อวันแห่งการลงโทษมาถึง ไม่มีใคร สามารถหลีกเลี่ยงมันไปได้และสิ่งที่พวกเขาเยาะเย้ยนั้นจะล้อมพวกเขา ไว้ทุกด้าน เมื่อเราให้มนุษย์ได้เห็นความเมตตาของเรา แล้วเราเอามันกลับมา จากเขาอีก เขาจะท้อแท้และเนรคุณ และถ้าหลังจากทุกข์ภัยได้มา ประสบกับเขาแล้ว เราได้ประทานความโปรดปรานแก่เขา เขาจะกล่าว ว่า ความเศร้าโศกได้ผ่านพ้น ันไปแล้ว และเขาจะเริ่มคะนองและโอหัง เว้นแต่ผู้ที่อดทนและกระทำาความดี พวกเขาจะได้รับการให้อภัยและ รางวัลตอบแทนอันใหญ่หลวง

ูด

(โอ้นบี จงระวังให้ดี เผื่อว่า)บางทีเจ้าอาจจะละเว้นบางสิ่งที่ได้ถูก ประทานแก่เจ้าและเจ้าอาจหดหู่ใจเพราะพวกเขากล่าวว่า ทำาไมจึงไม่มี คลังสมบัติถูกส่งลงมายังเขาล่ะ หรือ ไ นจึงไม่มีทูตสวรรค์ลงมากับ เขาล่ะ เจ้าเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือน พระเจ้าทรงมีทุกสิ่งในอำานาจของ พระองค์ ถ้าพวกเขากล่าวว่า เขาได้ประดิษ ์มันขึ้นมาด้วยตัวเอง จงบอกพวกเขาว่า ดีละ ถ้าหากพวกท่านพูดจริง จงนำาบทที่พวกท่าน คิดขึ้นมาเองสักสิบบทและเหมือนกับสิ่งนี้โดยที่พวกท่านจะเรียกใครมา ช่วยก็ได้ยกเว้นพระเจ้า แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถช่วยพวกท่าน ได้ พวกท่านก็จงรู้ไว้เถิดว่าคัมภีร์นี้(กุรอาน)ได้ถูกประทานมาด้วยความ รอบรู้ของพระเจ้าและไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใดนอกจากพระเจ้า ดังนั้น พวกท่านยังไม่ยอมจำานนต่อพระองค์อีกหรือ บรรดาผู้ปรารถนาชีวิตแห่งโลกนี้และความหรูหราของมันจะได้ รับการตอบแทนโดยครบครันในชีวิตนี้สำาหรับการงานที่ดีของพวกเขา และไม่มีสิ่งใดถูกลิดรอนไปจากมัน พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ในโลกหน้า จะไม่มีสิ่งใดนอกจากไฟและทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำาไว้ในโลกนี้จะไม่มี ประโยชน์อันใด พวกเขาจะถูกนำามาเปรียบกับบรรดาผู้ที่มีหลัก านอันชัดเจนจาก พระผู้อภิบาลของพวกเขาและมีพยานผู้หนึ่งจากพระองค์มาคอยติดตาม และก่อนหน้าเขาก็มีคัมภีร์ของมูซาเป็นทางนำาและความเมตตาได้หรือ คนเหล่านี้จะศรัทธามัน ในขณะที่กลุ่มใดป ิเสธสัจธรรมของมันได้ถูก สัญญาไว้แล้วว่าจะได้อยู่ในนรก ดังนั้น โอ้นบี จงอย่างสงสัยในเรื่องนี้ เลยเพราะนี่คือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของเจ้า แต่ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ ศรัทธา ผู้ใดเล่าที่จะทำาความผิดยิ่งใหญ่ไปกว่าผู้กล่าวร้ายต่อพระเจ้า คน พวกนี้จะถูกนำามาอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขาและบรรดาพยาน จะกล่าวว่า คนเหล่านี้คือผู้กล่าวร้ายต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา จง

ูด

รู้ไว้เถิดว่าการสาปแช่งของพระเจ้าจะมีแก่ผู้ทำาความผิด เช่นบรรดา ผู้ที่ขัดขวางผู้อื่นจากทางของพระเจ้าและหาทางที่จะบิดเบือนมัน และ บรรดาผู้ป ิเสธในเรื่องชีวิตโลกหน้านั้น พวกเขาไม่อาจหนีรอดจาก พระเจ้าไปได้ในแผ่นดินและพวกเขาไม่มีผู้คุ้มครองใดๆนอกจากพระเจ้า พวกเขาจะถูกลงโทษเพิ่มเป็นสองเท่าเพราะพวกเขาไม่ฟังและไม่ดูอะไร ทั้งสิ้น เหล่านี้คือบรรดาผู้ทำาลายตัวของพวกเขาเองและสิ่งที่พวกเขา ได้ประดิษ ์ขึ้นมานั้นไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขา มิต้องสงสัยเลยว่าในโลก หน้าพวกเขาจะเป็นผู้ขาดทุนยิ่ง ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีและถ่อมตนเองต่อพระผู้ อภิบาลของพวกเขานั้น แน่นอน พวกเขาจะได้เป็นผู้พำานักอยู่ในสวรรค์ คนสองกลุ่มนี้อาจเปรียบเหมือนกับคนสอง และจะอยู่ในนั้นตลอดไป คน คนหนึ่งตาบอด หูหนวกและอีกคนหนึ่งสามารถมองเห็นและได้ยิน คนทั้งสองนี้จะเหมือนกันและเท่ากันกระนั้นหรือ แล้วสูเจ้ามิได้ไตร่ตรอง ดอกหรือ (นั่นเป็นสภาพเมื่อ)เราได้ส่งนู ฺมายังหมู่คนของเขา เขากล่าวว่า ันขอเตือนพวกท่านอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา จงอย่าเคารพสักกา ระสิ่งใดนอกจากพระเจ้า มิ ะนั้นแล้ว ันกลัวว่าการลงโทษอันน่าสะพรึง กลัวจะมาถึงพวกท่านในวันหนึ่ง แต่พวกผู้นำาของบรรดาผู้คนที่ไม่ ยอมรับสัจธรรมได้กล่าวว่า เราเห็นว่าท่านเป็นเพียงคนธรรมดาเหมือน กับพวกเรา และเราเห็นว่ามีแต่พวกคนชั้นต่ำาในหมู่พวกเราเท่านั้นที่ ความศรัทธา ความถ่อมตนและการงานที่ดี ทั้งสามสิ่งนี้เป็นด้านที่ แตกต่างกันของความจริงอย่างเดียวกัน ความศรัทธาคือจิตสำานึกในการ ค้นหาพระเจ้าและคุณสมบัติอันสมบูรณ์ของพระองค์ ความถ่อมตนเป็น สภาพของหัวใจที่พั นาขึ้นในตัวมนุษย์อันเป็นผลมาจากการค้นพบพระ เจ้า

ูด

ป ิบัติตามตามท่านโดยไม่คิดอะไรให้ดีก่อน และเราก็ไม่เห็นว่าท่านมี อะไรดีไปกว่าเรา แท้จริงแล้ว เราถือว่าพวกท่านเป็นผู้โกหก เขาตอบว่า หมู่ชนของ ันเอย จงบอก ันหน่อยว่า ถ้าพระผู้ อภิ บ าลของ ั น ได้ ส่ ง สั ญ ญาณอั น ชั ด แจ้ ง มายั ง ั น และพระองค์ ท รง ประทานความเมตตาแก่ ันแล้ว แต่พวกท่านไม่เห็นมัน เราจะบังคับพวก ท่านให้ยอมรับมันได้ไหม หมู่ชนของ ันเอย ันไม่ได้ร้องขอทรัพย์ สินใดๆสำาหรับการนี้ รางวัลตอบแทนของ ันมาจากพระเจ้าเท่านั้น ัน จะไม่ขับไล่บรรดาผู้ศรัทธาใน ัน แท้จริงแล้ว พวกเขากำาลังจะพบกับ พระผู้อภิบาลของพวกเขา แต่ ันเห็นว่าพวกท่านต่างหากที่เป็นผู้งมงาย หมู่ชนของ ันเอย ใครเล่าที่จะช่วย ันให้พ้นจากพระเจ้าถ้าหาก ัน ันไม่ได้ ขับไล่พวกเขา พวกท่านไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆนี้กระนั้นหรือ พูดกับพวกท่านว่า ันมีคลังสมบัติของพระเจ้าหรือบอกพวกท่านว่า ันมี ความรู้ในสิ่งเร้นลับและ ันก็มิได้อ้างว่า ันเป็นทูตสวรรค์ ันมิได้กล่าว ถึงผู้คนที่พวกท่านเหยียดหยามว่าพระเจ้าจะมิทรงประทานสิ่งดีใดๆแก่ พวกเขา พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของพวก ถ้าหาก ันกล่าว อะไรเช่นนั้นออกไป ันจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ทำาความผิด ในที่สุด ผู้คนเหล่านั้นได้กล่าวว่า นู ฺเอย ท่านโต้เถียงกับเราแล้ว และโต้เถียงมากเสียด้วย ตอนนี้ ท่านจงเอาการลงโทษที่ท่านข่มขู่พวก เรามายังเราดีกว่า ถ้าหากสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง นู ฺกล่าวว่า พระเจ้าจะนำามันลงมาแก่พวกท่านถ้าพระองค์ทรงประสงค์และพวกท่าน ไม่สามารถที่จะหนีไปได้ ถึงแม้ ันปรารถนาดีต่อพวกท่าน แต่มันก็ไม่ เกิดประโยชน์อะไรกับพวกท่านถ้าพระเจ้าทรงปล่อยให้พวกท่านหลงทาง พระองค์คือพระผู้อภิบาลของพวกท่านและยังพระองค์ที่พวกท่านจะถูก นำากลับไป (โอ้มุ ัมมัด) ถ้าพวกเขากล่าวว่า เขาปลอมแปลงสิ่งนี้ทั้งหมดขึ้น มาเอง จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้า ันปลอมแปลงมันขึ้นมาเอง ันย่อม

ูด

จะต้องแบกรับความผิดที่จะติดตามมา แต่ ันปลอดจากความผิดที่พวก ท่านกำาลังกระทำา พระเจ้าได้เปิดเผยเจตนารมณ์แก่นู ฺว่า ไม่มีใครในหมู่คนของ เจ้าที่จะศรัทธาในเจ้ามากไปกว่าคนที่ได้ศรัทธาแล้ว ดังนั้น จงอย่าเศร้า โศกเสียใจในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำา แต่จงสร้างเรือใหญ่ขึ้นมาลำาหนึ่ง ตามคำาบัญชาและตามที่เราเปิดเผยให้รู้ และจงอย่าเอ่ยขออะไร ันให้แก่ บรรดาผู้ทำาความผิด แท้จริง คนพวกนี้จะถูกน้ำาท่วมตาย ดังนั้น นู ฺจึง เริ่มสร้างเรือ และคราวใดที่พวกหัวหน้าหมู่ชนของเขาผ่านมาเห็น พวก เขาจะหัวเราะเยาะเขา นู ฺได้กล่าวว่า หัวเราะเยาะเราไปเถอะถ้าหาก พวกท่านต้องการ เราเองก็กำาลังหัวเราะเยาะพวกท่าน(และความไม่รู้ ของพวกท่าน)เช่นกัน เพราะในไม่ช้า พวกท่านจะรู้ว่าใครที่จะได้รับ การลงโทษที่ทำาให้พวกเขาต้องอัปยศ และใครที่จะได้รับการลงโทษอัน ยาวนานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อคำาบัญชาของเราได้มาถึงและน้ำาเริ่มพวยพุ่งขึ้นมา เราจึงได้ บอกนู ฺว่า จงเอาสัตว์ทุกชนิดอย่างละคู่ขึ้นเรือพร้อมกับคนของเจ้า ด้วย ยกเว้นคนที่ได้ถูกพระบัญชากำาหนดโทษไว้แล้ว และให้เอาบรรดา ผู้ศรัทธาขึ้นเรือด้วย แต่ผู้ศรัทธาที่อยู่กับนู ฺมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นู ฺได้กล่าวว่า จงขึ้นมาบนเรือด้วยพระนามของพระเจ้าไม่ว่ามันจะ แล่นหรือจะจอดก็ตาม แท้จริง พระผู้อภิบาลของ ันเป็นผู้ทรงอภัยและ ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขณะที่เรือกำาลังแล่นพาพวกเขาบนคลื่นใหญ่ดุจดัง ภูเขาอยู่นั้น นู ฺได้ร้องเรียกลูกชายของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปว่า ลูกเอย จงขึ้นมาบนเรือลำานี้เถอะและจงอย่าอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ป ิเสธเลย แต่ ลูกชายของเขาตอบว่า ันจะขึ้นไปหาที่หลบภัยบนภูเขา นู ฺจึงกล่าวว่า วันนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะคุ้มครองป้องกันใครให้พ้นจากการลงโทษของพระเจ้า ได้ เว้นแต่ผู้ที่พระองค์จะให้ความเมตตาเท่านั้น ในขณะนั้นเอง คลื่นน้ำา ก็ซัดเข้ามาแยกคนทั้งสองออกจากกันและลูกของเขาก็เป็นหนึ่งในบรรดา

ูด

ผู้จมน้ำาตาย 44 และได้มีเสียงสั่งลงมาว่า แผ่นดินเอย จงกลืนน้ำาของเจ้า และฟ้าเอย จงหยุดหลั่งน้ำา น ดังนั้น น้ำาจึงได้ซึมหายไปในแผ่นดิน คำา บัญชาของพระองค์ได้เสร็จสิ้นแล้ว และเรือได้จอดอยู่บนภูเขาญูดีย์ และ ได้มีการประกาศว่า คนทำาความผิดได้ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว 45 นู ฺได้ร้องเรียนต่อพระผู้อภิบาลของเขาโดยกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้ อภิบาลของ ัน ลูกชายของ ันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของ ันและ สัญญาของพระองค์นั้นเป็นความจริง พระองค์ทรงยุติธรรมในบรรดาผู้ ตัดสินทั้งหมด พระองค์ทรงกล่าวว่า นู ฺเอย แท้จริง เขามิได้เป็นส่วน หนึ่งของครอบครัวของเจ้า ความจริงแล้ว เขาเป็นคนที่ความประพ ติไม่ ดี ดังนั้น จงอย่าถาม ันในสิ่งที่เจ้าไม่มีความรู้ ันขอตักเตือนเจ้าเพราะ เกรงว่าเจ้าจะเป็นเหมือนพวกคนไม่มีความรู้ 47 นู ฺได้กล่าวว่า พระผู้ อภิบาลของ ัน ันขอความคุ้มครองต่อพระองค์หาก ันได้ขอพระองค์ใน สิ่งที่ ันไม่มีความรู้ เพราะหากพระองค์มิทรงให้อภัยและทรงเมตตา ัน ันจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน พระเจ้าได้กล่าวว่า นู ฺเอย จงลงมา ความสันติและความจำาเริญ จากเราจงมีแก่เจ้าและแก่ผู้คนที่อยู่กับเจ้าและแก่บรรดาลูกหลานของผู้ที่ อยู่กับเจ้า (ส่วนที่ไม่มีความดีนั้น) เราจะประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา ชั่วระยะหนึ่ง แล้วการลงโทษอันเจ็บปวดของเราก็จะมาเยือนพวกเขา (โอ้นบี) นี่เป็นข่าวแห่งความเร้นลับบางอย่างที่เรากำาลังเปิดเผยแก่เจ้า เจ้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน และหมู่ชนของเจ้าก็เช่นกัน ดังนั้น จงอดทน เพราะ ในที่สุดแล้ว ผู้เกรงกลัวพระเจ้าเท่านั้นจะประสบความสำาเร็จ และยังหมู่ชนชาวอาด เราได้ส่ง ูดพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา เขาได้กล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่าน ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใดนอกจากพระองค์ พวกท่านไม่ได้ทำาสิ่งใด นอกจากกุเรื่องเท็จขึ้นมา หมู่ชนของ ันเอย ันมิได้เรียกร้องรางวัล ตอบแทนใดๆสำาหรับงานนี้ รางวัลตอบแทนของ ันอยู่ที่พระองค์ผู้ทรง

ูด

สร้าง ันขึ้นมา พวกท่านไม่ใช้เหตุผลบ้างหรือ หมู่ชนของ ันเอย จง ขอการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านและจงหันไปหาพระองค์ ในการสำานึกผิด และพระองค์จะทรงเปิดประตูแห่งชั้นฟ้าให้แก่พวกท่าน และจะทรงเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พวกท่านยิ่งขึ้น และจงอย่าหันไป เป็นผู้กระทำาผิด พวกเขากล่าวว่า ูดเอย ท่านยังมิได้นำาหลัก านอันชัดแจ้งใดๆมา ให้แก่เราและเราก็จะไม่ละทิ้งบรรดารูปเคารพของเราตามที่ท่านบอกและ เราจะไม่ศรัทธาในท่าน 54 เราอยากจะบอกว่า ความจริงแล้ว เทวรูป ของเราบางองค์ได้สิงความชั่วบางอย่างไว้ในตัวท่าน ูดตอบว่า ัน ขอพระเจ้าให้ทรงเป็นพยาน และพวกท่านก็เป็นพยานด้วยว่า ันไม่มี อะไรเกี่ยวข้องกับบรรดาสิ่งที่พวกท่านนำามาเป็นภาคีกับพระเจ้า 55 ดัง นั้น พวกท่านทั้งหมดจะทำาอะไรต่อ ันก็ได้และไม่ต้องผ่อนปรนให้แก่ ัน แท้จริง ันไว้วางใจในพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของ ันและพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านด้วย ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่พระองค์ไม่ได้ทรงยึดหน้า ผากของมันไว้ ความเที่ยงตรงคือหนทางแห่งพระผู้อภิบาลของ ัน 57 ถ้าพวกท่านหันหลังให้ ตอนนี้ ันได้นำาสาสน์มายังพวกท่านตาม วัตถุประสงค์ที่ ันได้ถูกส่งมาแล้ว พระผู้อภิบาลของ ันจะยกหมู่ชนอื่น ขึ้นมาแทนพวกท่าน และพวกท่านจะไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ให้แก่พระองค์ได้ แท้จริง พระผู้อภิบาลของ ันทรงดูแลรักษาทุกสรรพ สิ่ง เมื่อคำาบัญชาของเราได้มาถึง เราได้ช่วย ูดและบรรดาผู้ศรัทธา ที่อยู่กับเขาให้ปลอดภัยด้วยความเมตตาของเรา และเราได้ช่วยให้พวก เขารอดพ้นจากการลงโทษอันโหดร้าย เหล่านี้คือชาวอาดผู้ป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของพวกเขาและไม่เชื่อฟังบรรดา ศาสนทูตของพวกเขาและป ิบัติตามคำาสั่งของศัตรูแห่งสัจธรรมทุกอย่าง ดังนั้น พวกเขาจึงถูกสาปแช่งให้ได้รับเคราะห์กรรมในโลกนี้และในวัน

ูด

แห่งการฟื้นคืนชีพด้วย แท้จริงแล้ว พวกอาดได้ป ิเสธพระผู้อภิบาลของ พวกเขา ดังนั้น พวกอาดหมู่ชนของ ูด จงออกไปให้ไกลเถิด ยังชาวษะมูด เราได้ส่งซอลิ ฺพี่น้องของเขามา เขากล่าวว่า หมู่ชน ของ ันเอย จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอก ไปจากพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงสร้างพวกท่านมาจากผืนแผ่นดินและ ได้ทำาให้แผ่นดินเป็นสถานที่อยู่สำาหรับพวกท่าน ดังนั้น จงขออภัยโทษ ต่อพระองค์และหันกลับไปหาพระองค์ด้วยความสำานึกผิด แน่นอนที่สุด พระผู้อภิบาลของ ันทรงอยู่ใกล้และทรงตอบรับคำาวิงวอนเสมอ พวก เขากล่าวว่า ซอลิ ฺเอย เรามีความหวังในตัวท่านมาก แต่ท่านกลับมา ห้ามพวกเราไม่ให้เคารพสักการะสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราเคารพสักกา ระมาก่อนกระนั้นหรือ พวกเราชักสงสัยเหลือเกินถึงสิ่งที่ท่านกำาลังเรียก ซอลิ ฺกล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย จงพิจารณาด้วยตัว ร้องพวกเรา ของพวกท่านเองแล้วกันว่าถ้าพระผู้อภิบาลของ ันทรงส่ง ันมาพร้อม กับสัญญาณอันชัดแจ้งและได้ประทานความเมตตาของพระองค์เป็นการ พิเศษแก่ ันแล้ว ใครเล่าที่จะช่วย ันให้รอดพ้นจากพระเจ้า ถ้าหากว่า หลังจากนี้ ัน ่า ืนพระองค์ พวกท่านไม่สามารถช่วยอะไร ันได้ แต่ อาจจะทำาให้ ันวิบัติเร็วขึ้น หมู่ชนของ ันเอย จงระวังให้ดี อู ตัวเมียของพระเจ้าตัวนี้เป็น สัญญาณหนึ่งสำาหรับพวกท่าน ดังนั้น จงปล่อยให้มันหากินตามลำาพังใน แผ่นดินของพระเจ้า และจงอย่าทำาร้ายมัน มิ ะนั้น พวกท่านจะได้รับการ ลงโทษในไม่ช้า แต่พวกเขาได้ ่ามัน ดังนั้น ซอลิ ฺจึงได้เตือนพวก เขาว่า พวกท่านมีเวลาเพียงสามวันที่จะหาความสุขภายในบ้านของ พวกท่าน คำาเตือนนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จ ดังนั้น เมื่อการตัดสินของเราได้มา ถึง เราได้ช่วยซอลิ ฺและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขาด้วยความเมตตาจาก เรา และได้ให้พวกเขาพ้นจากความอัปยศอดสูแห่งวันนั้น แท้จริง พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำานาจ ส่วนบรรดาผู้ทำาความผิด

ูด

นั้น พวกเขาต้องตกตะลึงด้วยเสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวและนอนคว่ำา ตายอยู่ภายในบ้านของพวกเขา เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ ที่นั่นมาก่อนเลย จงฟังให้ดี พวกษะมูดได้ป ิเสธพระผู้อภิบาลของพวก เขา ดังนั้น จงรู้ไว้เถิดว่าพวกษะมูดคือผู้ที่ถูกสาป ทูตของเราได้มายังอิบรอ ีมพร้อมกับข่าวดี พวกเขาทักทายเขา ว่า สันติ อิบรอ ีมได้ตอบว่า สันติจงมีแด่ท่าน และรีบเข้าไปเอาลูกวัว ย่างออกมาต้อนรับพวกเขา แต่เมื่อเขาเห็นว่าพวกเขาไม่ยื่นมือมารับ อาหาร เขาเริ่มรู้สึกแปลกใจและกลัวพวกเขาขึ้นมาในใจ พวกเขาจึงกล่าว ว่า อย่าได้กลัวเลย เพราะเราถูกส่งมายังผู้คนของลู ภรรยาของเขา ที่ยืนอยู่ใกล้ๆหัวเราะขึ้นมาทันทีเมื่อเราได้บอกข่าวดีแก่นางถึงเรื่องอิส าก และหลังจากอิส าก คือยะกูบ นางกล่าวว่า โอ ยุ่งละสิ ันจะมี ลูกได้อย่างไรในเมื่อ ันแก่หง่อมปูนนี้แล้ว และสามีของ ันเองก็แก่ด้วย เช่นกัน เป็นเรื่องประหลาดจริงๆ พวกเขาจึงกล่าวว่า นางแปลกใจ ต่อคำาบัญชาของพระเจ้ากระนั้นหรือ โอ้ครอบครัวของอิบรอ ีม ความ เมตตาและความจำาเริญของพระเจ้าจงมีแด่ท่าน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ที่ ควรได้รับการสรรเสริญและผู้ทรงได้รับการเทิดทูน 74 เมื่อความกลัวของอิบรอ ีมคลายลงและเขาได้รับข่าวดี เขาได้ เริ่มวอนขอต่อเราเกี่ยวกับเรื่องผู้คนของลู 75 เพราะอิบรอ ีมเป็นคนที่ หัวใจอ่อนโยน มีเมตตาและมักจะหันมายังพระเจ้าเสมอ เราได้กล่าว ว่า อิบรอ ีมเอย หยุดวอนขอเรื่องนี้เถิด เพราะตอนนี้คำาบัญชาของพระ ผู้อภิบาลของเจ้าได้มีมาแล้ว พวกเขาจะได้รับการลงโทษที่ไม่มีใครหลีก เลี่ยงได้ 77 เมื่อบรรดาทูตของเราได้มายังลู เขารู้สึกตกใจและเป็นทุกข์อย่าง มากในการมาเยี่ยมของพวกเขาและเขาได้กล่าวว่า นี่เป็นวันวิบัติแล้วสิ ผู้คนของเขาได้กรูกันมายังบ้านของเขาทันทีเพราะคนพวกนี้หมกมุ่น อยู่กับการทำาชั่วมาก่อน ลู ได้บอกพวกเขาว่า หมู่ชนของ ันเอย นี่คือ

ูด

บรรดาลูกสาวของ ัน พวกนางบริสุทธิ์ยิ่งสำาหรับพวกท่าน(ถ้าพวกท่าน แต่งงาน) ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าเถิดและขออย่าได้ทำาให้ ันต้อง อับอายขายหน้าโดยการทำาชั่วต่อแขกของ ันเลย ในหมู่พวกท่านไม่มี คนดีสักคนหนึ่งเลยกระนั้นหรือ พวกเขาตอบว่า ท่านรู้ดีว่าเราไม่ ต้องการลูกสาวของท่านและก็รู้ว่าเราต้องการอะไร ลู ได้กล่าวว่า ันอยากมีอำานาจที่จะหยุดยั้งพวกท่านหรือหาที่อัน มั่นคงไว้สำาหรับหลบภัยเสียเหลือเกิน พวกเขาจึงกล่าวว่า ลู เอย เรา เป็นทูตของพระผู้อภิบาลของท่าน พวกเขาจะไม่สามารถทำาร้ายใดๆท่าน ได้ ดังนั้น จงออกไปจากที่นี่กับครอบครัวของท่านในยามสุดท้ายของ กลางคืนและจงอย่าให้ผู้ใดในหมู่พวกท่านหันกลับไปมองข้างหลัง แต่ ภรรยาของเจ้าจะได้พบกับความหายนะ แท้จริง การลงโทษได้ถูกกำาหนด ไว้สำาหรับพวกเขาในตอนเช้าและยามเช้ากำาลังใกล้เข้ามาแล้วมิใช่หรือ เมื่อเวลาแห่งการตัดสินมาถึง เราได้พลิกแหล่งที่อยู่อาศัยของผู้คนคว่ำา ลงและได้ทำาให้หินที่ถูกเผากระหน่ำาซ้ำาลงมาดังห่า น ตกมายังพวก เขาตามที่พระผู้อภิบาลของเจ้ากำาหนดไว้เป็นการเ พาะ การลงโทษเช่น นั้นไม่ไกลจากพวกที่ก่อความผิดไว้ ยังชาวมัดยัน เราได้ส่งชุอัยบ์พี่น้องของพวกเขามา เขากล่าวว่า ผู้คนของ ัน จงเคารพสักการะพระเจ้า พวกท่านไม่มีสิ่งเคารพสักการะ ใดๆนอกไปจากพระองค์ จงอย่าให้การชั่งและตวงขาดตกบกพร่อง ัน เห็นพวกท่านมีความเจริญมั่งคั่งอยู่ในขณะนี้ แต่ ันกลัวแทนพวกท่านถึง การลงโทษของวันที่พวกท่านจะถูกปิดล้อม ผู้คนของ ัน จงชั่งตวงให้ ตรงตามจำานวนโดยเที่ยงธรรม และจงอย่าหลอกลวงผู้คนโดยให้เขาน้อย ลงและจงอย่าแพร่ความเสียหายในแผ่นดิน สิ่งที่พระเจ้าทิ้งไว้กับพวก ท่านนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำาหรับพวกท่านถ้าพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา ัน ไม่ได้ถูกแต่งตั้งมาเป็นผู้พิทักษ์พวกท่าน พวกเขากล่าวว่า ชุอัยบ์ การสวดวิงวอนของท่านบอกท่านว่า

ูด

เราต้ อ งทิ้ ง สิ่ ง ที่ บ รรพบุ รุ ษ ของเราเคารพสั ก การะและเราต้ อ งหยุ ด ใช้ ทรัพย์สินของเราตามที่เราต้องการหรือ มีแต่ท่านคนเดียวนี่แหละที่เป็น ผู้โอบอ้อมอารีและเที่ยงธรรม เขา(ชุอัยบ์)กล่าวว่า โอ้ ผู้คนของ ัน พวกท่านคิดอะไรซิ ถ้า ันนำา หลัก านอันชัดเจนจากพระผู้อภิบาลของ ันและพระองค์ได้ทรงประทาน ปั จ จั ย ยั ง ชี พ ที่ ดี แ ก่ ั น จากพระองค์เอง( ันไม่ควรจะนำา ทางพวกท่า น หรือ ) ันไม่ต้องการทำาสิ่งที่ ันห้ามพวกท่านไม่ให้ทำาเพราะ ันต่อต้าน พวกท่าน ันแค่เพียงต้องการเปลี่ยนแปลงพวกท่านให้ดีขึ้นเท่าที่ ันมี ความสามารถเท่านั้น และ ันไม่สามารถประสบความสำาเร็จหากพระเจ้า ไม่ช่วยเหลือ ันวางใจในพระองค์และยังพระองค์ที่ ันจะกลับไป โอ้ ผู้คนของ ัน จงอย่าให้ความดื้อรั้นของพวกท่านนำาพวกท่านไปสู่ชะตา กรรมที่เหมือนกับผู้คนของนู ฺหรือ ูดหรือซอลิ ฺเลย และคนของลู ก็เพิ่ง ถูกลงโทษไปเมื่อไม่นานมานี้ จงขอการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของ พวกท่านและจงหันไปยังพระองค์เพื่อการอภัยโทษ เพราะพระผู้อภิบาล ของ ันเป็นผู้ทรงปรานีและทรงรักสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา พวกเขาตอบว่า ชุอัยบ์ เราไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด ความจริงแล้ว เราเห็นว่าท่านไม่มีอำานาจในหมู่เรา ถ้ามิใช่เพราะครอบครัวของท่าน เรา จะเอาหินขว้างท่านให้ตายไปแล้ว เพราะท่านไม่เข้มแข็งพอที่จะทำาอะไร เราได้ เขากล่าวว่า โอ้ผู้คนของ ัน พวกท่านคิดว่าเผ่าของ ันยิ่ง ใหญ่กว่าพระเจ้ากระนั้นหรือ พวกท่านไม่คำานึงถึงพระเจ้าเลย จงรู้ไว้ เถิดว่าพระผู้อภิบาลของ ันทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่พวกท่านทำา โอ้ผู้คนของ ัน พวกท่านจะทำาอะไรก็ทำาไป ันจะทำาตามทางของ ัน แล้วพวกท่าน จะรู้เองว่าใครจะได้รับการลงโทษอย่างอัปยศและใครเป็นผู้โกหก คอยดูก็ แล้วกัน และ ันก็จะคอยดูอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อคำาบัญชาของเรามาถึง เราได้ช่วยชุอัยบ์และบรรดาผู้ศรัทธาที่ อยู่กับเขาให้รอดพ้นด้วยความเมตตาจากเราเอง ส่วนบรรดาผู้ทำาความ

ูด

ผิดนั้นตกใจต่อเสียงกัมปนาทจนพวกเขาต้องนอนตายอยู่ในบ้านของ พวกเขา ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน ชาวมัดยันถูก ทำาลายหมดสิ้นไปเหมือนกับที่เกิดกับชาวษะมูด เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณของเราและอำานาจที่ชัดเจน มายังฟาโรห์และพวกขุนนางของเขา แต่พวกเขาป ิบัติตามคำาบัญชา ของฟาโรห์และคำาบัญชาของฟาโรห์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เขาจะยืนอยู่ ข้างหน้าผู้คนของเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพและจะนำาพวกเขาไปสู่นรก ชั่วช้าแท้ๆสถานที่ที่พวกเขาถูกนำาไป การสาปแช่งจะมีขึ้นกับพวกเขา ในโลกนี้และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพด้วย ช่างเป็นสิ่งเลวร้ายเหลือเกินที่ พวกเขาได้รับ นี่เป็นเรื่องราวของบางเมืองก่อนหน้านี้ที่เราได้เล่าให้เจ้ารู้ บาง เมืองยังคงมีอยู่ ในขณะที่บางเมืองผุพังเสื่อมโทรมจนแทบไม่เห็นซาก แล้ว เรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่อธรรมต่อตัว ของพวกเขาเอง เมื่อการตัดสินของพระผู้อภิบาลของเจ้าได้มาถึง บรรดา รูปเคารพที่พวกเขาวิงวอนนั้นไม่อาจช่วยอะไรพวกเขาได้เลย มิหนำาซ้ำา มันยังเร่งให้ความหายนะมาเร็วขึ้นและหนักขึ้น นั่นเป็นการลงโทษของพระผู้อภิบาลของเจ้าเมื่อพระองค์ทรง ทำาลายเมืองทั้งหลายในท่ามกลางความบาปของพวกเขา การลงโทษ ของพระองค์นั้นน่ากลัวและเจ็บปวดยิ่งนัก ในนั้นมีสัญญาณสำาหรับ ผู้กลัวการลงโทษในวันโลกหน้า นั่นคือวันที่มนุษย์จะถูกรวมเข้าด้วยกัน และวันที่ทุกคนจะอยู่ด้วยกัน เราจะยืดเวลามันออกไปเพียงแค่ระยะ เวลาที่กำาหนดไว้เท่านั้น และเมื่อวันนั้นมาถึง จะไม่มีใครกล้าพูดอะไร นอกจากพระเจ้าจะทรงอนุญาต แล้วบางคนจะมีทุกข์ในขณะที่บางคนจะ มีความสุข บรรดาผู้มีทุกข์นั้นจะอยู่ในไฟนรกซึ่งในที่นี้พวกเขาจะหอบและ ถอนหายใจ พวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นตราบนานที่ชั้นฟ้าทั้งหลาย

ูด

และแผ่นดินยังคงดำารงอยู่ เว้นเสียแต่ว่าพระองค์จะทรงประสงค์เป็นอย่าง อื่น แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้ามีอำานาจเต็มที่จะทำาในสิ่งที่พระองค์ทรง ประสงค์ ส่วนบรรดาผู้มีความสุขนั้น พวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์และ พำานักอยู่ในนั้นตราบนานที่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินดำารงอยู่เว้นเสีย แต่ว่าพระองค์จะทรงประสงค์เป็นอย่างอื่น พวกเขาจะได้รับสิ่งรื่นรมย์ที่ ไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้น (นบีเอย)จงอย่าสงสัยอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขา เคารพสักการะ เพราะพวกเขามิได้เคารพสักการะสิ่งใดนอกไปจากสิ่งที่ บรรพบุรุษของพวกเขาเคารพสักการะก่อนหน้านี้ และเราจะตอบแทน พวกเขาอย่างครบถ้วนในส่วนของพวกเขาโดยมิขาดตกบกพร่องสิ่งใด เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาก่อนหน้านี้และได้มีการขัดแย้งเกิด ขึ้นเกี่ยวกับมันเช่นกัน ถ้าหากไม่มีคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลของเจ้า กำาหนดไว้ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้สร้างความขัดแย้งคงถูกตัดสินไปนานแล้ว พระผู้อภิบาล ความจริง พวกเขาสงสัยและไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ของเจ้าจะทรงตอบแทนพวกเขาทุกคนอย่างครบถ้วนสำาหรับสิ่งที่พวก เขาได้ทำาไว้ พระองค์ทรงรู้อย่างเต็มเปี่ยมถึงสิ่งที่พวกเขากำาลังทำา ดังนั้น จงยืนหยัดอย่างมั่นคง(ในหนทางที่เที่ยงตรง)ตามที่เจ้าได้ ถูกบัญชาร่วมกับบรรดาผู้ที่หันไปยังพระเจ้ากับเจ้า และจงอย่า ่า ืน ขอบเขต แท้จริง พระองค์ทรงเ ้ามองสิ่งที่สูเจ้ากระทำา และจงอย่า คล้อยตามบรรดาผู้ทำาความผิด เพราะมิเช่นนั้นแล้ว ไฟจะแผ้วพานเจ้า และเจ้าจะไม่มีใครคุ้มครองเจ้าจากพระเจ้าและเจ้าจะไม่ได้รับความช่วย เหลือใดๆ จงดำารงนมาซในตอนเช้าและตอนค่ำาและในระหว่างบาง ตอนของกลางคืน แท้จริง ความดีจะช่วยขจัดความชั่ว นี่คือข้อตักเตือน สำาหรับผู้ใส่ใจ จงอดทน เพราะพระเจ้ามิทรงทำาให้รางวัลของผู้กระทำา ความดีสูญเปล่า แล้วทำาไมในหมู่ชนก่อนหน้าสูเจ้าจึงไม่มีบรรดาคนดีที่จะมาห้าม ปรามคนที่ก่อความเสียหายในแผ่นดิน ยกเว้นเพียงไม่กี่คนที่เราได้ช่วย

ูด

เหลือ แต่บรรดาผู้ทำาความผิดนั้นแสวงหาความสุขสำาราญทางโลกของ พวกเขา และพวกเขาได้กลายเป็นผู้ทำาความผิด พระผู้อภิบาลของ เจ้านั้นมิใช่ผู้ทรงทำาลายบ้านเมืองใดโดยปราศจากความยุติธรรมขณะที่ ชาวเมืองนั้นกำาลังพยายามทำาความดี พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทำาให้มนุษย์ทั้งหลายเป็นหมู่ชนเดียว ก็ได้ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ แต่ตอนนี้ พวกเขายังคงป ิบัติตาม แนวทางที่ขัดแย้งกันอยู่ และเพื่อการนี้พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขา ขึ้นมา ยกเว้นบรรดาผู้ที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเมตตา วจนะของพระ ผู้อภิบาลของเจ้าที่ว่า ันจะทำาให้นรกเต็มไปด้วยญินและมนุษย์ จะเป็น จริง (โอ้มุ ัมมัด) เราได้บอกเล่าเรื่องราวของบรรดาศาสนทูตให้แก่เจ้า ก็เพื่อที่จะทำาให้หัวใจของเจ้าเข้มแข็งขึ้นด้วยเรื่องเหล่านี้ และเจ้าได้รับรู้ ความจริงจากเรื่องเหล่านี้แล้ว และเป็นคำาเตือนใจสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา ส่วนผู้ไม่เชื่อนั้น จงบอกพวกเขาเถิดว่า พวกท่านจงป ิบัติไปตาม ทางของพวกท่านและเราก็จะป ิบัติตามทางของเราเช่นกัน และจง คอยดูบั้นปลายของมัน และเราก็จะคอยดูด้วยเช่นกัน ความรู้เรื่องสิ่ง เร้นลับในชั้นทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้าเท่านั้น ทุกสิ่งจะกลับ ไปยังพระองค์ ดังนั้น (โอ้นบี) จงเคารพสักการะพระองค์และจงวางใจ ในพระองค์ เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้ามิทรงเ ยเมยในสิ่งที่เจ้ากำาลัง กระทำา

ยูซุฟ

12. โจเซฟ

ยูซุฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม รอ นี่คือข้อความจากคัมภีร์ที่ชัดเจน เราได้ส่งกุรอานลงมาในภาษาอาหรับ เพื่อสูเจ้าจะได้เข้าใจมัน (โอ้มุ ัมมัด) เราจะเล่าเรื่องราวที่ดีที่สุดในการ ประทานกุรอานนี้ให้แก่เจ้า ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าไม่รู้เรื่องนี้เลย 4 เมื่อยูซุฟได้บอกพ่อของเขาว่า พ่อครับ ัน ันเห็นดาวสิบเอ็ดดวง และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์กราบนบนอบต่อ ัน 5 พ่อของเขาจึงบอก ว่า ลูกเอย จงอย่าบอกเรื่องความ ันนี้ให้แก่บรรดาพี่ๆของเจ้ารู้ มิเช่น นั้นแล้ว พวกเขาจะคิดแผนการร้ายต่อเจ้า จงระวังให้ดี เพราะซาตาน นั้นเป็นศัตรูตัว กาจของมนุษย์ พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงเลือกเจ้า และจะทำาให้เจ้ามีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงปัญหาต่างๆ พระองค์จะ ทรงประทานความโปรดปรานอันสมบูรณ์ของพระองค์แก่เจ้าและแก่ลูก หลานของยะกูบ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงประทานความโปรดปราน อันสมบูรณ์แก่บรรพบุรุษทั้งสองของเจ้า คืออิบรอ ีมและอิส าก แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 7 แน่นอน ในเรื่องราวของยูซุฟและพี่น้องของเขานั้นมีสัญญาณ (เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น)เมื่อพวกพี่ๆของเขา มากมายสำาหรับผู้สอบถาม พูดกันว่า ยูซุฟและน้องชายของเขา(บินยามิน)เป็นที่รักของพ่อมากกว่า พวกเราถึงแม้ว่าเราจะเป็นกลุ่มที่กลมเกลียวกันก็ตาม แน่นอนเลยว่าพ่อ ของเราผิดชัดๆ ดังนั้น พวกเราจง ่ายูซุฟเสียหรือไม่ก็เอาเขาไปโยนทิ้ง ที่ไหนสักแห่ง ทั้งนี้เพื่อที่พ่อของพวกเจ้าจะได้หันความสนใจไปยังพวก เจ้าเพียงอย่างเดียว หลังจากนั้น พวกเจ้าก็จะกลายเป็นคนดีอีกครั้งหนึ่ง

โจเซฟ

มีคนหนึ่งในหมู่พวกเขากล่าวว่า อย่า ่ายูซุฟเลย แต่ถ้าหากเจ้าต้อง ทำาอะไรบางอย่าง จงจับเขาโยนลงไปในบ่อน้ำาที่ไหนสักแห่ง บางที พวก กองคาราวานที่ผ่านมาอาจจะเอาตัวเขาขึ้นมาจากบ่อก็ได้ (หลังจากปรึกษากันแล้ว) พวกเขาได้กล่าวกับพ่อของพวกเขาว่า พ่อครับ ทำาไมพ่อไม่ไว้ใจพวกเราในเรื่องของยูซุฟทั้งๆที่พวกเราเป็นผู้ หวังดีต่อเขา พรุ่งนี้ ให้เขาไปกับพวกเราเถิดเพื่อที่เขาจะได้เที่ยวเล่น สนุกสนาน พวกเราจะดูแลเขาเอง พ่อของพวกเขากล่าวว่า ันไม่ สบายใจที่จะให้เขาไปกับพวกเจ้า เพราะ ันกลัวว่าหมาป่าจะกินเขาเมื่อ เจ้าไม่เ ้าระวัง พวกเขาตอบว่า ถ้าหากหมาป่าจะกินเขาในกลุ่มของ พวกเราที่กลมเกลียวกัน พวกเราก็เป็นคนที่ไม่มีค่าอะไรเลย หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาพายูซุฟออกไปแล้ว พวกเขาได้ตัดสิน ใจโยนยูซุฟลงไปในบ่อลึก เราจึงได้เปิดเผยเจตนารมณ์ของเราแก่เขา ว่า วันหนึ่งเจ้าจะได้เตือนพวกเขาถึงการกระทำาดังกล่าวอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าเจ้าคือใคร เมื่อตกค่ำา พวกเขาได้กลับมาหาพ่อ ของพวกเขาพลางร้องไห้คร่ำาครวญ พวกเขากล่าวว่า พ่อครับ ตอน ที่เรากำาลังสนุกอยู่กับการวิ่งแข่งกัน เราทิ้งยูซุฟไว้กับสิ่งของของพวก เรา หมาป่าได้มากินเขา แต่พ่อคงจะไม่เชื่อเราถึงแม้เราจะพูดความจริง ก็ตาม และพวกเขาได้นำาเสื้อของยูซุฟที่มีเลือดปลอมติดอยู่มาให้ดู ด้วย เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อของพวกเขาได้กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก จิตใจชั่วของพวกเจ้าต่างหากที่ได้ทำาให้การกระทำาอันชั่วร้ายนี้เป็นเรื่อง ง่ายสำาหรับพวกเจ้า อย่างไรก็ตาม ันจะอดทนด้วยความสงบ พระเจ้า เท่านั้นที่จะช่วยเหลือ ันในสิ่งที่พวกเจ้ากุขึ้นมา มีกองคาราวานขบวนหนึ่งได้ผ่านมาที่นั่น พวกเขาได้ส่งคนตักน้ำา ออกไปหาน้ำา และเมื่อคนตักน้ำาหย่อนถุงน้ำาลงไปในบ่อ เขาได้ตะโกน ออกมาว่า พวกเรา มีข่าวดี ในนี้มีเด็กคนหนึ่ง ดังนั้น พวกเขาจึงได้ซ่อน เขาไว้เหมือนเป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง แต่พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากำาลัง

ยูซุฟ

ทำา ต่อมาพวกเขาได้ขายเขาไปด้วยราคาเล็กน้อยเป็นเงินเพียงไม่กี่ดิรฺ ัม และพวกเขาไม่ได้หวังว่าจะได้ราคามากมายจากเขา คนอียิปต์ที่ซื้อเขาไปได้พูดกับภรรยาของเขาว่า จัดหาที่พักให้เขา อยู่อย่างมีเกียรติ บางที เขาอาจจะมีประโยชน์ต่อเรา หรือเราอาจรับเขา เป็นบุตรของเรา ด้วยเหตุนี้เอง เราได้ให้ยูซุฟมีที่อยู่ในแผ่นดินนั้น และ ได้สอนเขาให้เข้าใจถึงความหมายของเหตุการณ์ต่างๆ พระเจ้าทรงทำาสิ่ง ใดก็ได้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจสิ่งนี้ เมื่อ ยูซุฟบรรลุถึงวัยเป็นผู้ใหญ่ เราได้ประทานการตัดสินที่ถูกต้องและความ รู้ให้แก่เขา นี่คือวิธีการที่เราตอบแทนคนดี อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงในบ้านที่เขาอาศัยอยู่นั้นต้องการยั่วยวนเขา วันหนึ่ง นางได้ปิดประตูและกล่าวว่า มานี่ซิ ยูซุฟได้ตอบว่า ขอพระเจ้า ทรงคุ้มครอง ันจากสิ่งนี้ด้วยเถิด สามีของนางเป็นนายของ ันและเขา ป ิบัติต่อ ันอย่างให้เกียรติ แน่นอน คนทำาความผิดนั้นไม่มีวันได้รับ ความเจริญ นางได้เข้ามาหาเขา และเขาอาจจะเข้าไปหานางแล้วถ้า หากเขาไม่เห็นสัญญาณจากพระผู้อภิบาลของเขา เราทำาเช่นนี้เพื่อที่เรา จะได้ขจัดความชั่วช้าและความลามกออกไปจากตัวเขา แท้จริง เขาเป็น หนึ่งในบรรดาบ่าวที่ได้รับการคัดเลือกของเรา ในที่สุด ยูซุฟได้วิ่งไปที่ประตูโดยที่นางได้วิ่งตามไป นางดึงเสื้อ ของเขา ี ก ขาดจากทางด้ า นหลั ง และทั้ ง สองได้ พ บกั บ สามี ข องนางที่ ประตู นางจึงร้องออกมาว่า คนที่คิดล่วงละเมิดภรรยาของท่านควรจะถูก ลงโทษอย่างไรถึงจะสาสม ขังคุกหรือทรมานอย่างสาหัส ยูซุฟกล่าว ว่า นางต่างหากที่ยั่วยวน ัน มีคนในครอบครัวของนางคนหนึ่งออกมา ให้คำาแนะนำาว่า ถ้าหากเสื้อของยูซุฟ ีกขาดทางด้านหน้า นางก็พูดจริง และเขาเป็นผู้โกหก แต่ถ้าเสื้อของเขา ีกขาดทางด้านหลัง นางก็เป็น ผู้โกหกและเขาพูดจริง เมื่อสามีเห็นเสื้อของยูซุฟถูก ีกขาดทางด้าน หลัง เขาได้กล่าวว่า นี่เป็นอุบายชั่วของเธอแท้ๆ อุบายของเธอช่างเหลือ

โจเซฟ

เกินเสียจริงๆ ยูซุฟเอย ปล่อยเรื่องนี้ไปเสีย แต่เธอจงขออภัยโทษ สำาหรับบาปของเธอ เพราะเธอเป็นผู้ผิดจริง พวกผู้หญิงในเมืองได้เริ่มซุบซิบกันถึงเรื่องนี้โดยกล่าวว่า ภรรยา ของผู้สูงศักดิ์(อะซีซ)ได้ยั่วยวนทาสหนุ่มของนางเพราะนางได้หลงรัก เขา เราคิดว่านางทำาผิดชัดๆ เมื่อนางได้ยินคำาพูดนินทาของผู้หญิง เหล่านั้น นางจึงได้เชิญผู้หญิงเหล่านั้นมางานเลี้ยงที่บ้านของนางและ นางได้เตรียมหมอนสำาหรับงานนี้ไว้ และจัดเตรียมมีด(สำาหรับปอกผล ไม้)วางไว้ให้ผู้หญิงแต่ละคนด้วย (ขณะที่ผู้หญิงเหล่านั้นกำาลังปอกผลไม้) นางได้เรียกยูซุฟให้ออกมาปราก ตัว เมื่อพวกผู้หญิงเห็นเขา พวกนาง ต่างตกตะลึง(ในความหล่อเหล่าของเขา)จนมีดบาดมือตัวเองและอุทาน ออกมาว่า พระเจ้าช่วยเราด้วย เขาไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว แต่เขาเป็น นางได้กล่าวว่า นี่แหละคนที่พวกเธอ ทูตสวรรค์ผู้ทรงเกียรติแน่ๆ นินทา ัน ไม่ต้องสงสัยเลย ันยั่วยวนเขา แต่เขาหลบหนี ถ้าหากเขายัง ไม่ตอบสนองคำาสั่งของ ันอีกละก็ ทีนี้ เขาจะถูกจำาคุกและกลายเป็นผู้ได้ รับความอัปยศ ยูซุฟกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ ัน ันอยากจะเข้า คุกมากกว่าสิ่งที่พวกเขากำาลังเชิญชวน ัน หากพระองค์ไม่ทรงช่วยขจัด แผนการชั่วร้ายนี้ออกไปจาก ัน ันอาจจะหลงติดกับการยั่วยวนของ พวกนางอีก และ ันจะกลายเป็นผู้หนึ่งในหมู่คนโง่เขลา พระผู้อภิบาล ของเขาได้ตอบรับคำาวิงวอนของเขาและได้ทรงขจัดการล่อลวงของพวก นางไปจากเขา แท้จริง พระองค์ทรงได้ยินทุกคนและทรงรู้ทุกสิ่ง ถึงแม้พวกเขาได้เห็นหลัก านทุกอย่างแล้วก็ตาม แต่พวกเขายังคิด ว่าน่าจะนำาตัวเขาไปขังคุกไว้สักระยะหนึ่งจะดีกว่า ปราก ว่าบ่าวคน อื่นๆอีกสองคนได้เข้าคุกไปกับเขาด้วย หนึ่งในสองคนนั้นกล่าวว่า ัน ันเห็นตัว ันกำาลังคั้นเหล้าองุ่น และอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ัน ันเห็นตัว กำาลังแบกขนมปังอยู่บนหัวและมีนกมาจิกกิน จงทำานาย ันให้เราหน่อย เพราะเราเห็นว่าท่านเป็นคนดี

ยูซุฟ

ยูซุฟตอบว่า ันจะบอกถึงการทำานาย ันให้ท่านรู้ก่อนที่อาหาร ของท่านจะมาถึงท่าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของความรู้ที่พระผู้อภิบาลของ ัน ได้ทรงประทานแก่ ัน ันได้ทิ้งศาสนาของผู้คนที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้า และผู้ป ิเสธโลกหน้าไปแล้ว ันป ิบัติตามแนวทางของบรรพบุรุษ ของ ัน นั่นคือ อิบรอ ีม อิส ากและยะกูบ และมันไม่ใช่เราที่จะไปเอาผู้ ใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระเจ้า นี่คือความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมี ต่อเราและต่อมนุษยชาติ แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ไม่กตัญญู เพื่อนร่วม คุกทั้งสองของ ันเอย บอกหน่อยซิว่าอันไหนดีกว่ากัน พระเจ้าต่างๆ มากมายหรือพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงมีอำานาจทุกอย่าง ทุกสิ่งที่พวก ท่านเคารพสักการะนอกไปจากพระองค์นั้นเป็นเพียงชื่อที่พวกท่านและ บรรพบุรุษของพวกท่านตั้งกันขึ้นมาเอง เป็นชื่อที่พระเจ้าไม่ได้ส่งอำานาจ ใดๆมาให้แก่พวกมัน อำานาจสูงสุดเป็นของพระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว เท่านั้น พระองค์ได้ทรงบัญชาพวกท่านว่าจงอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกไป จากพระองค์ นี่คือแนวทางอันถูกต้องและเที่ยงตรง แต่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ ไม่รู้ เพื่อนร่วมคุกทั้งสองของ ันเอย นี่คือคำาทำานาย ัน คนหนึ่งจะริน เหล้าถวายเจ้านายของเขา ส่วนอีกคนหนึ่งจะถูกตรึงกางเขนและนกจะ จิกกินที่หัวของเขา เรื่องที่พวกท่านอยากรู้นั้นได้ถูกกำาหนดเอาไว้แล้ว แล้วยูซุฟได้พูดกับคนหนึ่งที่เขาคิดว่าจะได้รับการปล่อยตัว เขากล่าว ว่า จงเอ่ยถึง ันให้เจ้านายของท่านได้รู้ด้วย แต่ซาตานได้ทำาให้เขาลืม เอ่ยถึงยูซุฟให้เจ้านายของเขาฟัง ดังนั้น ยูซุฟจึงต้องอยู่ในคุกเป็นเวลา หลายปี วันหนึ่ง กษัตริย์ได้กล่าวว่า ัน ันเห็นวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวกำาลัง ถูกวัวตัวเมียผอมเจ็ดตัวกินและเห็น ักข้าวโพดสีเขียวเจ็ด ักและที่แห้ง อีกเจ็ด ัก ขุนนางของ ัน ทำานายความ ันให้ ันหน่อยซิถ้าหากพวก ท่านเข้าใจความหมายของความ ัน 44 พวกเขาตอบว่า นี่เป็นความ ัน

โจเซฟ

ที่สับสน และพวกเราไม่เข้าใจความหมายของมัน 45 แล้วหนึ่งในสอง นักโทษที่ถูกปล่อยตัวออกมาได้นึกถึงสิ่งที่ผ่านมาเป็นเวลานานแล้วได้ เขากล่าวว่า ันจะบอกความหมายของความ ันให้ถ้าหากท่านเพียงแต่ ส่ง ันไปหายูซุฟในคุก (เมื่อพบกับยูซุฟ) เขาได้กล่าวว่า ยูซุฟผู้มีสัจจะวาจา จงทำานาย ัน เรื่องวัวตัวเมียอ้วนเจ็ดตัวกำาลังถูกวัวผอมเจ็ดตัวกิน และข้าวโพดเขียว เจ็ด ักและที่แห้งอีกเจ็ด ักให้ ันฟังหน่อยซิ เพื่อที่ ันจะได้กลับไปบอก ผู้คนและพวกเขาจะได้เข้าใจ 47 ยูซุฟตอบว่า พวกท่านจงไถหว่านแผ่น ดินเป็นเวลาเจ็ดปีต่อเนื่องกันตามปกติ แต่จงปล่อยสิ่งที่ท่านเก็บเกี่ยว มาให้อยู่ใน ักของมัน ยกเว้นเท่าที่ท่านจะนำามากิน หลังจากนั้นจะมี ความอดอยากขาดแคลนเกิดขึ้นเป็นเวลาเจ็ดปีซึ่งในช่วงนั้นจะไม่มีอะไร หลังจากนั้นจะมีปี เหลือเลยนอกจากสิ่งที่พวกท่านได้เก็บสำารองไว้ หนึ่งซึ่ง นตกชุกและพวกเขาจะได้คั้นน้ำาจากพืชผล(องุ่นและน้ำามัน)อีก ครั้งหนึ่ง กษัตริย์กล่าวว่า จงนำาตัวเขามาหา ัน แต่เมื่อตัวแทนของกษัตริย์ มาหาเขา ยูซุฟได้กล่าวว่า จงกลับไปหานายของท่านและขอให้เขา สอบสวนเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงที่ถูกมีดบาดมือ แท้จริง พระผู้อภิบาล ของ ันทรงรอบรู้ถึงอุบายของคนพวกนั้น กษัตริย์จึงได้ถามพวก ผู้หญิงเหล่านั้นว่า พวกนางจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนที่พวก นางพยายามเย้ายวนยูซุฟ พวกผู้หญิงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอ พระเจ้าทรงคุ้มครองเรา พวกเราไม่พบความชั่วอันใดในตัวเขา ภรรยา ของผู้สูงศักดิ์ได้สารภาพว่า ตอนนี้ ความจริงได้เป็นที่เปิดเผยแล้ว ัน เองที่พยายามจะยั่วยวนปลุกปล้ำาเขา ความจริงแล้ว เขาเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ ยูซุฟกล่าวว่า โดยการสอบสวนเรื่องนี้ ันต้องการให้เขา(อะซีซ) รู้ว่า ันมิได้คิดคดต่อเขาลับหลังและเพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าพระเจ้าไม่ทรง ทำาให้แผนการของพวกหลอกลวงเป็นผลสำาเร็จ แต่ ันมิได้ถือว่าตัว ัน

ยูซุฟ

ปลอดพ้นจากบาป เพราะวิญญาณนั้นกระตุ้นมนุษย์ไปสู่ความชั่ว เว้นเสีย แต่ว่าพระผู้อภิบาลของ ันทรงเมตตา แท้จริง พระผู้อภิบาลของ ันเป็น ผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ 54 กษัตริย์ได้กล่าวว่า จงไปนำาตัวเขามายัง ันเพื่อที่ ันจะได้ให้เขา อยู่ใกล้ชิดกับ ันเป็นการเ พาะ เมื่อยูซุฟได้พูดกับกษัตริย์ กษัตริย์ได้ กล่าวว่า นับแต่นี้ไป เจ้าได้รับตำาแหน่งอันมีเกียรติอยู่กับเราและเจ้าได้ รับความไว้วางใจอย่างเต็มที่ 55 ยูซุฟกล่าวว่า โปรดให้ยุ้ง างทรัพยากร ทั้งหมดของแผ่นดินนี้อยู่ในการควบคุมดูแลของ ัน เพราะ ันรู้วิธีการ ดูแลรักษามันและมีความรู้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองที่เราได้ให้อำานาจแก่ ยูซุฟในแผ่นดิน เขาจะอยู่ที่ไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการ เราประทานความ เมตตาแก่ใครก็ตามที่เราประสงค์ และเราไม่ทำาให้รางวัลตอบแทนของ ผู้ทำาความดีต้องเสียหาย 57 แต่รางวัลตอบแทนของชีวิตในโลกหน้านั้น ดีกว่ามากมายสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและประพ ติตนอย่างเกรงกลัว พระเจ้า พี่ๆของยูซุฟได้มาถึงอียิปต์และปราก ตัวต่อหน้าเขา ยูซุฟจำาพวก พี่ๆของเขาได้ แต่พวกพี่ๆจำาเขาไม่ได้ เมื่อเขาได้จัดเตรียมอาหารที่ จำาเป็นแก่พวกพี่ๆแล้ว เขาได้กล่าวว่า จงนำาน้องชายจากพ่อของพวก ท่านมาหา ัน พวกท่านไม่เห็นหรือว่า ันให้พวกท่านอย่างเต็มที่ และ ันดีที่สุดในบรรดาผู้ต้อนรับ แต่ถ้าพวกท่านไม่นำาเขามาหา ัน พวก ท่านจะไม่ได้รับเมล็ดข้าวจาก ันอีก และพวกท่านก็ไม่ควรแม้แต่จะมา ใกล้ ันอีก พวกเขาตอบว่า เราจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหว่านล้อม พ่อของเขาให้ส่งเขามากับเรา เราจะทำาอย่างดีที่สุด ยูซุฟได้บอกพวกคนใช้ของเขาว่า จงแอบเอาเงินที่พวกเขานำามา แลกเมล็ดข้าวใส่เข้าไปในถุงกระสอบของพวกเขา เพื่อที่ว่าเมื่อพวกเขา กลับไปถึงบ้านแล้ว พวกเขาจะกลับมาอีก เมื่อพวกเขาได้กลับไปหา พ่อของพวกเขา พวกเขาได้กล่าวว่า พ่อครับ นับแต่นี้ไป เราจะถูกห้าม

โจเซฟ

มิให้รับเมล็ดข้าวอีก กรุณาส่งน้องของเรา(บินยามิน)ไปกับเราเถิด เพื่อที่ เราจะได้นำาส่วนตวงของเรากลับมาและเราจะป้องกันเขาอย่างดี พ่อ ของพวกเขาตอบว่า จะให้ ันไว้ใจพวกเจ้าโดยส่งเขาไปเหมือนกับที่ ัน เคยไว้ใจส่งพี่ของเขาไปกับพวกเจ้าก่อนหน้านี้กระนั้นหรือ แต่พระเจ้า เป็นผู้ทรงคุ้มครองที่ดีเลิศและพระองค์ทรงเป็นผู้เมตตาที่สุด เมื่อพวกเขาเปิดถุงกระสอบ พวกเขาพบว่าเงินของพวกเขาได้ ถูกคืนกลับมายังพวกเขาด้วย พอได้เห็น พวกเขาต่างกล่าวออกมาด้วย ความดีใจว่า พ่อครับ ดูนี่สิ เราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า นี่ คือสิ่งของที่ถูกคืนกลับมาให้เรา ดังนั้น เราจะกลับไปใหม่และนำาเอา อาหารมาให้ครอบครัวเราอีก เราจะดูแลน้องของเราอย่างดีและเราจะ ขนเสบียงอาหารมาจนเต็มหลังอู นี่(ที่เรานำามาตอนนี้)เป็นจำานวนเล็ก พ่อของพวกเขากล่าวว่า ันจะไม่ส่งเขาไปกับพวกเจ้า น้อยเท่านั้น จนกว่าพวกเจ้าจะให้คำามั่นสัญญาแก่ ันในนามของพระเจ้าว่าพวกเจ้าจะ นำาเขากลับมาหา ัน เว้นแต่พวกเจ้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจช่วย ตัวเองได้ เมื่อพวกเขาได้ให้คำามั่นสัญญาอันมั่นคงแก่พ่อของพวกเขา แล้ว พ่อของพวกเขาได้กล่าวว่า จงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เ ้าดูคำา สัญญาที่พวกเราได้กล่าวไป ยะกูบได้กล่าวว่า ลูกๆเอย จงอย่าเข้าเมืองโดยทางประตูเดียว แต่ จงเข้าทางประตูอื่นบ้าง จงจำาไว้ให้ดีว่า ันไม่อาจช่วยพวกเจ้าให้พ้นจาก พระประสงค์ของพระเจ้าได้เพราะไม่มีผู้ใดอื่นนอกไปจากพระองค์ผู้ทรง มีอำานาจตัดสิน ันมอบความไว้วางใจของ ันแก่พระองค์และทุกคนที่ ต้องการจะไว้ใจใครนั้นควรจะมอบความไว้วางใจในพระองค์ พวกเขา เข้าเมือง(อย่างปลอดภัย)ตามที่พ่อของพวกเขาบอก อย่างไรก็ตาม เขา ไม่มีอำานาจที่จะป้องกันพวกเขาต่อสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกำาหนดไว้แล้วได้ เขาเพียงแต่ทำาไปเพื่อที่จะขจัดความกลัวในหัวใจของเขาเท่านั้น เขามี ความรู้ที่เราได้สอนเขา แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความจริง

ยูซุฟ

เมื่อพวกเขาได้เข้าไปหายูซุฟ เขาได้เรียกน้องชายของเขา(บินยา มิน)ให้เข้ามาหาตามลำาพัง เขาพูดกับน้องชายของเขาว่า ันเป็นพี่ชาย ของเจ้า จงอย่าเสียใจในสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไป ขณะที่ยูซุฟจัดการเอา เสบียงอาหารใส่ถุงของพวกพี่ชายของเขา เขาได้ใส่ถ้วยดื่มน้ำาของเขาลง ไปในถุงของน้องชายของเขาเอง หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้ร้อง ตะโกนขึ้นมาว่า เ ้ย พวกคนขี่อู พวกแกเป็นหัวขโมยนี่ พวกพี่ๆจึง หันไปถามว่า มีอะไรที่ท่านว่าหายไป พวกเจ้าหน้าที่ตอบว่า ถ้วย ตวงของกษัตริย์ได้หายไป คนที่นำามันกลับมาจะได้รับข้าวโพดเต็มหลัง อู เป็นรางวัล ันรับประกัน พวกพี่ของยูซุฟจึงตอบว่า ขอสาบาน ต่อพระเจ้า พวกท่านรู้ดีว่าพวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นใน แผ่นดินนี้ และพวกเราไม่ได้เป็นขโมย 74 พวกเจ้าหน้าที่จึงได้กล่าวว่า เอาละ โทษของขโมยเป็นอย่างไรเล่าถ้าเราจะชดใช้พวกท่าน 75 พวก เขาตอบว่า โทษของผู้นั้นคือการถูกกักตัวไว้ถ้าหากมีการพบสิ่งนั้นในถุง ของเขา พวกเราลงโทษคนทำาผิดดังกล่าวเช่นนั้น เขา(ผู้ป่าวประกาศ) ได้เริ่มค้นถุงของพวกพี่ชายก่อนที่จะค้นถุงของน้องชายของเขา หลังจาก นั้น เขาได้เอามันออกมาจากถุงของน้องชายของเขา ด้วยวิธีการนี้เอง เราได้วางแผนให้ยูซุฟ เพราะเขาไม่สามารถกักตัวน้องชายของเขาไว้ โดยใช้ก หมายของกษัตริย์ เว้นแต่ว่าพระเจ้าจะทรงประสงค์เช่นนั้น เรา ยกตำาแหน่งของผู้ที่เราประสงค์ให้สูงขึ้นและพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ทรงมีความรู้ยิ่งใหญ่กว้างไกลกว่าความรู้ของผู้อื่นทั้งหมด 77 พวกพี่ๆของเขาได้กล่าวว่า ถ้าเขาเป็นขโมย พี่ชายของเขาเองก็ เคยขโมยมาก่อน เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยูซุฟได้เก็บความรู้สึกของเขาไว้และ ไม่เปิดเผยอะไรแก่พวกเขา แต่เขากล่าวเพียงเบาๆว่า พวกเจ้านี้ช่างเลว ยิ่งกว่าเดิมอีก พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่พวกเจ้ากล่าวออกมา พวก เขากล่าวว่า โอ้ท่านผู้มีอำานาจ เขามีพ่อที่ชรามากแล้ว ดังนั้น ขอให้ กักตัวใครสักคนหนึ่งในหมู่พวกเราแทนเขาเถิด เราเห็นว่าท่านเป็นคนดี

โจเซฟ

มากคนหนึ่ง ยูซุฟตอบว่า พระเจ้าทรงห้ามเรากักตัวใครอื่นนอกจาก คนที่เราพบว่าทรัพย์สินของเราอยู่กับเขา เพราะถ้าหากเราทำาเช่นนั้น เราจะเป็นผู้ทำาความผิด เมื่อพวกเขาสิ้นหวัง(ต่อการร้องขอ)กับยูซุฟ พวกเขาจึงหันไป ปรึกษากัน พี่ชายคนโตของพวกเขากล่าวว่า พวกเจ้าก็รู้ดีว่าพ่อได้ให้ พวกเจ้าสัญญาอย่างหนักแน่นในนามของพระเจ้า และพวกเจ้าก็รู้ด้วย ว่าก่อนหน้านี้พวกเจ้าได้ทำาผิดมาแล้วกับยูซุฟ ดังนั้น ันจะไม่ออกไป จากแผ่นดินนี้จนกว่าพ่อของ ันจะอนุญาตหรือพระเจ้าทรงตัดสินให้ ัน เพราะพระเจ้าทรงเป็นเลิศที่สุดในบรรดาผู้ตัดสิน จงกลับไปหาพ่อของ พวกเจ้าและบอกว่า พ่อครับ ลูกชายของพ่อขโมยของ เราไม่เห็นเขา ขโมย แต่เราแค่ยืนยันในสิ่งเรารู้และเราไม่อาจป้องกันสิ่งที่มิอาจมองเห็น พ่อจะสอบถามผู้คนของเมืองนั้นและผู้คนจากขบวนอู ที่เราเดิน ได้ ทางกลับมาด้วยก็ได้ เราพูดความจริงอย่างแน่นอน ยะกูบกล่าวว่า ไม่ พวกเจ้าเองต่างหากที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา เอา เถอะ ันจะอดทนให้ดีที่สุด บางที พระเจ้าอาจจะนำาพวกเขาทั้งหมด มาหา ันเพราะพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งและทรงปรีชาญาณยิ่ง แล้วเขา ได้เบือนหน้าไปจากลูกๆพลางกล่าวว่า สงสารยูซุฟเหลือเกิน แล้วเขา ต้องข่มความเศร้าไว้ด้วยความเจ็บปวดและตาของเขาได้เริ่มขาวพร่ามัว เพราะความเศร้า พวกลูกๆได้กล่าวว่า ขอสาบานต่อพระเจ้า พ่อยัง คิดถึงยูซุฟจนสุขภาพทรุดโทรมหรือตายไปเพราะความโศกเศร้าอยู่อีก หรือ เขาตอบว่า ันปรับทุกข์ถึงความเศร้าโศกเสียใจของ ันต่อ พระเจ้าเท่านั้นและ ันรู้จากพระเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ ลูกๆเอย จง ออกไปสืบหายูซุฟและน้องของเขา จงอย่าหมดหวังในความเมตตาของ พระเจ้า เพราะมีแต่บรรดาผู้ป ิเสธเท่านั้นที่หมดหวังในความเมตตาของ พระองค์ เมื่อพวกเขากลับไปยังอียิปต์และได้เข้าพบยูซุฟ พวกเขาได้กล่าว

ยูซุฟ

ว่า ท่านผู้สูงศักดิ์ เราและครอบครัวของเรากำาลังได้รับความทุกข์ ถึง แม้เราจะนำาสิ่งของมาเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกเปลี่ยน แต่เราขอร้องท่าน ได้กรุณาให้ข้าวโดยเต็มแก่เราและโปรดทำาบุญทำาทานแก่เราด้วยเถิด เพราะพระเจ้าจะทรงตอบแทนผู้ใจบุญอย่างเหลือเฟือ ยูซุฟจึงกล่าวว่า พวกท่านรู้ไหมว่าพวกท่านได้ทำาอะไรลงไปกับยูซุฟและน้องชายของเขา ด้วยความโง่เขลา พวกเขาอุทานออกมาด้วยความแปลกใจว่า ท่าน คือยูซุฟจริงๆหรือนี่ เขาตอบว่า ใช่ ันคือยูซุฟ และนี่คือน้องชายของ ัน พระเจ้าทรงปรานีแก่เรา ความจริงก็คือพระเจ้าไม่ทรงปล่อยให้การ ตอบแทนคนดีที่มีความยำาเกรงและความอดทนต้องสูญเปล่า พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานต่อพระเจ้า พระองค์ทรงยกย่องท่าน เขาตอบว่า วันนี้จะไม่มีการ เหนือพวกเราและเราเป็นผู้ทำาผิดจริงๆ ลงโทษพวกพี่ ขอพระเจ้าทรงโปรดอภัยพวกพี่ๆ พระองค์เป็นผู้ทรง เมตตาที่สุดของบรรดาผู้เมตตา จงเอาเสื้อของ ันตัวนี้ไปวางไว้บน หน้าพ่อของ ัน ตาของพ่อจะกลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น จง นำาครอบครัวของพวกพี่ๆทั้งหมดมาหา ัน เมื่อขบวนอู ออกไป(จากอียิปต์) พ่อของพวกเขา(ในคะนาอัน)ได้ กล่าวว่า ันได้กลิ่นของยูซุฟถึงแม้พวกเจ้าจะคิดว่า ันอยู่ในวัยชราที่ เลอะเลือนก็ตาม พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานต่อพระเจ้า พ่อยังคง หลงอยู่กับภาพเก่าๆของพ่อเหมือนเดิม แต่เมื่อผู้นำาข่าวดีมาถึงที่นั่น เขาได้เอาเสื้อของยูซุฟวางลงไปบนหน้าของยะกูบ ตาเขาได้กลับมามอง เห็นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น เขาจึงกล่าวว่า ันไม่ได้บอกพวกเจ้าหรือว่า ันรู้ จากจากพระเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้ พวกเขากล่าวว่า พ่อครับ โปรด ให้อภัยแก่ความผิดบาปของพวกเราด้วยเถิดเพราะพวกเราเป็นผู้ทำาบาป จริงๆ เขาได้ตอบว่า ันจะวิงวอนขอต่อพระผู้อภิบาลของ ันให้ทรง ยกโทษพวกเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ หลังจากนั้น เมื่อพวกเขามาหายูซุฟ เขาได้จูงพ่อแม่ของเขา

โจเซฟ

มายังเขาและกล่าวว่า ยินดีต้อนรับสู่อียิปต์ หากเป็นพระประสงค์ของ พระเจ้า พวกท่านจะได้อยู่อย่างสันติ (หลังจากเข้ามาในเมือง)เขา ได้ให้พ่อแม่ของเขาขึ้นนั่งบนเบาะใบหนึ่ง และทั้งหมดได้คุกเข่าต่อหน้า เขาพร้อมๆกัน ยูซุฟได้กล่าวว่า พ่อครับ นี่คือการทำานาย ันที่ ันได้ ัน ก่อนหน้านี้ พระผู้อภิบาลของ ันได้ทรงทำาให้มันเป็นจริงแล้ว มันเป็น ความโปรดปรานของพระองค์ที่ทรงทำาให้ ันออกจากคุกและทรงนำาพวก ท่านมายัง ันจากทะเลทรายหลังจากที่ซาตานได้สร้างความแตกแยก ระหว่าง ันกับพี่ๆของ ัน แต่พระผู้อภิบาลของ ันทรงทำาให้แผนการ ของพระองค์เป็นผลสำาเร็จด้วยความแนบเนียน เพราะพระองค์เป็นผู้ทรง รอบรู้ผู้ทรงปรีชาญาณ หลังจากนั้น ยูซุฟได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน พระองค์ ได้ทรงประทานอำานาจแก่ ันและได้ทรงสอน ันถึงการอธิบายความ ัน ข้าแต่พระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงคุ้มครองดูแล ัน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า โปรดให้ ันตายในสภาพยอมจำานนต่อพระองค์ และได้โปรดรวม ันไว้กับผู้มีคุณธรรมความดีในที่สุดด้วยเถิด (โอ้มุ ัมมัด) นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยที่เจ้ามองไม่เห็นซึ่งเรา ได้เปิดเผยแก่เจ้าถึงแม้เจ้าไม่ได้อยู่กับพวกเขาในตอนที่พวกเขาร่วม กันวางแผนก็ตาม แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อ ไม่ว่าเจ้าจะปรารถนา อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าจะไม่ขอสิ่งตอบแทนพวกเขาสำาหรับสิ่งที่ถูก ประทานลงมานี้ มันก็เป็นคำาตักเตือนสำาหรับคนทั้งโลก และมีสัญญาณมากมายในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินที่พวกเขา ผ่านไปและไม่ใส่ใจต่อมัน และพวกเขาส่วนใหญ่ถึงแม้จะยอมรับ ความศรัทธาในพระเจ้า แต่พวกเขาก็ยังเอาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์ พวกเขารู้สึกปลอดภัยกระนั้นหรือที่การลงโทษของพระเจ้ายังไม่ลง มาบนพวกเขาหรือยามอวสานจะไม่มายังพวกเขาโดย ับพลันเมื่อพวก เขาไม่รู้ จงบอกพวกเขาว่า นี่คือทางของ ัน ันเชิญชวนพวกท่าน

อัรฺ เราะอฺด์

มายังพระเจ้าโดยอาศัยหลัก านที่ชัดเจน ันและบรรดาผู้ป ิบัติตามตาม ันเช่นกัน พระองค์ทรงปลอดพ้นจากข้อบกพร่องใดๆ และ ันไม่มีอะไร เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้ตั้งภาคี (โอ้มุ ัมมัด) บรรดาศาสนทูตที่เราได้ส่งมาก่อนหน้าเจ้านั้นเป็น มนุษย์ที่เราเปิดเผยความจริงให้แก่พวกเขา พวกเขาเป็นผู้ที่ถูกเลือกมา จากคนที่อยู่ในเมืองของพวกเขา พวกเขาไม่ได้เดินทางไปในแผ่นดินและ ดูว่าผลสุดท้ายของพวกผู้ก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ แน่นอน บรรดาผู้ยำาเกรงพระเจ้านั้นชอบที่พำานักในปรโลกมากกว่า แล้วตอนนี้ สูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เมื่อบรรดาศาสนทูตทั้งหลายท้อแท้ต่อคน พวกนี้และผู้คนคิดว่าพวกเขาได้รับเรื่องเท็จ การช่วยเหลือของเราจึงได้ มายังบรรดาศาสนทูตในทันใด เราช่วยผู้ที่เราประสงค์ให้ปลอดภัย แต่ การลงโทษของเราไม่อาจหันเหไปจากบรรดาผู้ทำาความผิด ในเรื่องราวทั้งหลายของผู้คนก่อนหน้านี้มีบทเรียนสำาหรับบรรดา ผู้มีสามัญสำานึก สิ่งที่อยู่ในกุรอานมิใช่เรื่องที่กุขึ้นมา แต่มันยืนยันคัมภีร์ ก่อนหน้านี้และให้รายละเอียดทุกอย่าง อีกทั้งเป็นทางนำาและความ เมตตาสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา 13. ฟ้าคำาราม

อัรฺ-เราะอฺด์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม รอ เหล่านี้คือข้อความทั้งหลายของคัมภีร์ สิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า จากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเป็นสัจธรรม แต่ว่าคนส่วนใหญ่ของเจ้าไม่ ศรัทธา พระเจ้าคือผู้ทรงยกชั้นฟ้าไว้โดยไม่มีเสาดังที่สูเจ้าสามารถมอง

ฟ้าคำาราม

เห็นได้ แล้วพระองค์ทรงดำารงอยู่บนบัลลังก์แห่งอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ได้ทรงกำาหนดให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ในก เพื่อที่มัน จะได้โคจรไปตามวาระที่ถูกกำาหนดไว้สำาหรับมัน พระเจ้าเท่านั้นที่ทรง ควบคุมกิจการทั้งหมด และทรงทำาให้สัญญาณของพระองค์เป็นที่ชัดเจน เพื่อที่ว่าสูเจ้าจะเชื่อมั่นในการพบกับพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงแผ่ ขยายพื้นแผ่นดินและได้ทรงทำาให้ภูเขามั่นคงและทรงทำาให้แม่น้ำาไหล ในแผ่นดินนั้น พระองค์ได้ทรงทำาให้ผลไม้ทุกชนิดเป็นคู่และพระองค์ทรง ปกคลุมกลางวันด้วยกลางคืน แน่นอน ในสิ่งเหล่านี้มีสัญญาณสำาหรับ บรรดาผู้ใคร่ครวญ 4 ในแผ่นดินนั้นมีเขตแดนต่างๆที่ใกล้ชิดติดต่อกัน มีสวนองุ่น ไร่ ข้าวโพดและสวนอินทผลัมที่มีลำาต้นเดี่ยวและลำาต้นคู่ ผลของมันได้รับ การหล่อเลี้ยงจากน้ำานี้เหมือนกัน แต่เราได้ทำาให้บางอย่างของมันมี รสชาติดีกว่าบางอย่าง แน่นอนที่สุด ในสิ่งเหล่านี้ทุกสิ่งมีสัญญาณต่างๆ สำาหรับผู้มีความเข้าใจ 5 ถ้าหากมีสิ่งที่ทำาให้เจ้า งน เจ้าจง งนในคำาพูดของพวกเขาที่กล่าว ว่า อะไรนะ เมื่อเรากลายเป็นผุยผงไปแล้ว เราจะถูกทำาให้กลับขึ้นมาเกิด ใหม่อีกกระนั้นหรือ คนพวกนี้คือผู้ป ิเสธพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาจะมีโซ่รอบคอของพวกเขา พวกเขาจะเป็นผู้พำานักอยู่ในนรก และพวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นตลอดไป พวกเขาต้องการให้เจ้าเร่งความชั่วมากกว่าความดี ถึงแม้ว่าจะมี ตัวอย่างมากมายของการลงโทษเกิดขึ้นก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ความจริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงอดทนต่อผู้คนทั้งหลาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะ ละเมิด และก็เป็นความจริงอีกเช่นกันที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงอดทน ต่อผู้คนทั้งหลายถึงแม้ว่าพวกเขาจะละเมิด และเป็นความจริงอีกเช่นกัน ที่พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเข้มงวดในการตอบแทน 7 บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมถามว่า ทำาไมจึงไม่มีสัญญาณจากพระผู้

อัรฺ เราะอฺด์

อภิบาลของเขาถูกส่งมายังเขาล่ะ แต่เจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น และทุกหมู่ชนนั้นมีผู้นำาทาง พระเจ้าทรงรู้ว่าเพศหญิงทุกคนอุ้มอะไรไว้ในครรภ์ พระองค์ทรงรู้ดี ถึงสิ่งที่กำาลังก่อตัวเป็นรูปร่างในครรภ์ พระองค์ทรงมีมาตรการที่เหมาะ สมสำาหรับทุกสิ่ง พระองค์ทรงมีความรู้ในสิ่งที่มองเห็นและที่มองไม่ เห็น พระองค์เป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเป็นสิ่งสูงสุด ไม่มีอะไรแตกต่าง กันไม่ว่าสูเจ้ากระซิบหรือพูดดัง ไม่ว่าสูเจ้าจะซ่อนตัวเองไว้ภายใต้การ ปกคลุมของราตรีหรือเดินในแสงสว่างแห่งกลางวัน แต่ละคนมีทูตสวรรค์ผู้ดูแลอยู่ข้างหน้าและข้างหลังเขาคอยเ ้าดู เขาอยู่โดยคำาบัญชาของพระเจ้า แท้จริงแล้ว พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง สภาพของหมู่ชนใดจนกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวก เขาเสียก่อน และเมื่อพระเจ้าทรงตัดสินใจที่จะให้การลงโทษเกิดขึ้นแก่คน หมู่ใดแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากพระองค์แล้ว พวก เขาไม่มีผู้คุ้มครอง พระองค์คือผู้ทรงทำาให้ฟ้าแลบปราก ต่อหน้าสูเจ้าเพื่อจะทำาให้เจ้า มีทั้งความกลัวและความหวัง และพระองค์คือผู้ทรงก่อให้เกิดเม ที่อุ้ม น้ำา เสียงฟ้าร้องแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ด้วยการสรรเสริญ และทูตสวรรค์ ต่างสดุดีพระองค์ด้วยเพราะความเกรงกลัวพระองค์ พระองค์ทรงปล่อย ให้ฟ้าผ่าฟาดลงมายังผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่พวกเขายังโต้แย้งกัน เกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงมีอำานาจเ ียบขาดยิ่ง การวิงวอนต่อพระเจ้าเท่านั้นคือสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนบรรดาสิ่งอื่นที่ พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้นไม่สามารถตอบรับคำาวิงวอนของ พวกเขาได้ พวกเขาเหมือนกับคนที่ยื่นมือออกไปยังน้ำาและขอให้น้ำาไหล มายังปากของเขาทั้งๆที่มันไม่สามารถไหลมาถึงปากของเขาได้ การ วิงวอนของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมล้วนไร้ผลโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนอบน้อมต่อพระเจ้า

ฟ้าคำาราม

เท่านั้น ทั้งโดยเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เช่นเดียวกับเงาของทุกสิ่งที่ นอบน้อมต่อพระองค์ทั้งในยามเช้าและยามเย็น จงถามพวกเขาว่า ใครคือพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จงกล่าวเถิดว่า พระเจ้า ดังนั้น จงบอกพวกเขาว่า แล้วทำาไมพวกท่านยังเอาสิ่งอื่นนอก ไปจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครองทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถยังคุณหรือให้ โทษได้แม้แต่ตัวของพวกมันเอง จงกล่าวเถิด คนตาบอดและคนตา ดีนั้นเหมือนกันกระนั้นหรือ ความมืดและแสงสว่างเหมือนกันกระนั้น หรือ หรือพวกเขาตั้งภาคีให้กับพระเจ้าผู้ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรง สร้าง เพื่อที่จะทำาให้การสร้างทั้งสองอย่างดูเหมือนกันสำาหรับพวกเขา กระนั้นหรือ จงกล่าวเถิด พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงอำานาจอันยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงประทานน้ำาลงมาจากท้องฟ้าซึ่งทำาให้ลำาน้ำาทั้งหลาย ไหลไปตามก ของมัน กระแสน้ำาที่เชี่ยวกรากไหลไปพร้อมกับฟองน้ำา ลอยอยู่บนผิว คล้ายกับสิ่งที่ขึ้นมาจากสินแร่ที่มีกลิ่นเหม็นและจากสินแร่ นั้นมนุษย์ได้นำามาทำาเครื่องประดับและเครื่องใช้ โดยการเปรียบเทียบ นี้ พระเจ้าทรงทำาให้ความจริงแตกต่างไปจากความเท็จ ส่วนที่เป็นฟอง จะมลายหายไปและส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์จะยังคงอยู่บนแผ่นดิน พระองค์ทรงเปรียบเทียบเช่นนี้เพื่อทำาให้สาสน์ของพระองค์เป็นที่กระจ่าง สำาหรับบรรดาผู้ตอบสนองต่อการเรียกร้องของพระผู้อภิบาลของ พวกเขานั้นมีรางวัลอันประเสริ ตอบแทน แต่สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธการ เรียกร้องของพระองค์นั้น ถ้าหากพวกเขามีทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดิน และมีมากกว่านั้นเป็นสองเท่า พวกเขาจะยอมมอบความมั่งคั่งทั้งหมดมา ไถ่ตัวพวกเขา(ในวันแห่งการพิพากษา) คนเหล่านี้คือผู้ที่จะได้รับการคิด บัญชีอย่างหนัก ที่พำานักของพวกเขาคือนรก สถานที่พำานักอันชั่วช้า คนที่รู้ว่าสิ่งที่ถูกส่งจากพระผู้อภิบาลของเจ้ามายังเจ้าเป็นสัจธรรม จะเหมือนกับคนตาบอดได้ไหม คน ลาดเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ พวก

อัรฺ เราะอฺด์

เขาป ิบัติครบตามสัญญาที่พวกเขามีกับพระเจ้าและไม่ทำาลายสัญญา นั้นหลังจากที่ยืนยันแล้ว และบรรดาผู้รวมตัวกันในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรง บัญชาให้รวมกัน และเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาและกลัวการ ลงโทษอันแสนสาหัสหากถูกเรียกไปคิดบัญชี บรรดาผู้อดทนเพื่อที่จะได้รับความพอใจจากพระผู้อภิบาลของ พวกเขา และดำารงนมาซและใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาทั้ง โดยซ่อนเร้นและเปิดเผยและขจัดความชั่วด้วยความดี สำาหรับพวกเขา คือสถานที่พำานักที่ดี พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์แห่งเอเดนพร้อมกับคน ดีจากในหมู่บรรพบุรุษของพวกเขา คู่ครองของพวกเขาและลูกหลานของ พวกเขา บรรดาทูตสวรรค์จะเข้ามาหาพวกเขาจากทุกประตู และกล่าว ว่า ขอความสันติจงมีแด่ท่าน พวกท่านได้รับความจำาเริญนี้เพราะสิ่งที่ พวกท่านอดทนอย่างมั่นคงในโลก สถานที่พำานักแห่งปรโลกนั้นช่างดีเสีย เหลือเกิน สำาหรับบรรดาผู้ทำาลายพันธะสัญญาของพวกเขากับพระเจ้าหลัง จากที่ยืนยันแล้ว ผู้ที่ตัดขาดสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสั่งให้ผูกสัมพันธ์และสร้าง ความเสียหายไปทั่วแผ่นดินนั้น สำาหรับพวกเขาก็คือคำาสาปแช่งและพวก เขาจะได้รับสถานที่พำานักอันชั่วช้าในโลกหน้า พระเจ้าได้ทรงประทาน ปัจจัยยังชีพของพระองค์อย่างมากมายเหลือหลายแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์และทรงประทานอย่างจำากัดจำาเขี่ยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ (บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม) สุขสำาราญกับชีวิตแห่งโลกนี้ในขณะที่ชีวิตแห่ง โลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากสิ่งเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตในโลก หน้า บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวว่า ทำาไมจึงไม่มีสัญญาณจากพระ ผู้อภิบาลของเขาถูกส่งมายังเขา จงกล่าวเถิดว่า พระเจ้าทรงปล่อย ให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงทางและทรงนำาทางเ พาะผู้ที่หันไปยัง พระองค์ คนเหล่านั้นคือผู้ที่ศรัทธาและหัวใจของพวกเขาพบความ

ฟ้าคำาราม

สงบในการระลึกถึงพระเจ้า จงรู้ไว้เถิดว่าการระลึกถึงพระเจ้าเท่านั้นที่นำา ความสงบมาสู่หัวใจ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีย่อมได้ รับความสุขความจำาเริญ สำาหรับพวกเขาคือบั้นปลายที่ดี (โอ้มุ ัมมัด) ดังนั้น เราได้ส่งเจ้ามาเป็นศาสนทูตในหมู่คนที่ก่อน หน้านี้มีผู้คนมากมายได้ล่วงลับไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อที่เจ้าจะได้อ่านสิ่งที่เรา ได้ประทานมายังเจ้าให้พวกเขาฟัง แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังคงป ิเสธ พระผู้ทรงกรุณาปรานี จงบอกพวกเขาว่า พระองค์คือพระผู้อภิบาลของ ัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ันมอบความไว้วางใจอย่างเต็ม ที่ในพระองค์และยังพระองค์คือผู้ที่ ันกลับไป ถึงแม้จะมีกุรอานที่ทำาให้ภูเขาเคลื่อนไหวหรือทำาให้แผ่นดินแยก ออกจากกัน หรือทำาให้คนตายพูดได้ (พวกเขาก็จะไม่เชื่อ) ทุกสิ่งยอม จำานนต่อพระประสงค์ของพระองค์ บรรดาผู้ศรัทธายังไม่รู้หรือว่าหาก พระองค์ทรงประสงค์ พระเจ้าทรงสามารถที่จะนำาทางมนุษย์ทั้งหมดได้ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น ความวิบัติหายนะไม่อย่างหนึ่งอย่างใดจะเข้า มาเยี่ยมเยียนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่หยุดหย่อนเพราะความผิด ที่พวกเขาได้ทำาไว้หรือไม่ก็เกิดขึ้นใกล้กับที่อาศัยของพวกเขา จนกว่าสิ่ง ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้จะเกิดขึ้น พระเจ้ามิทรงผิดพลาดในสัญญาของ พระองค์ ศาสนทูตคนอื่นๆก็เคยถูกเยาะเย้ยมาก่อนหน้าเจ้าแล้ว แต่ ันผ่อนปรนเวลาให้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้สำานึกผิด แล้วจึงจัดการ พวกเขาในที่สุด ดูเอาเองแล้วกันว่าการลงโทษของ ันน่าสะพรึงกลัวเช่น ใด ผู้เ ้ามองทุกชีวิตและการกระทำาของพวกเขา(จะเหมือนกับผู้อื่น) กระนั้นหรือ แต่กระนั้น พวกเขายังตั้งสิ่งอื่นเป็นภาคีกับพระเจ้า (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า จงบอกชื่อของพวกมันหน่อยซิ พวกท่านต้องการ ที่จะบอกพระองค์ถึงสิ่งใหม่ที่พระองค์มิทรงรู้บนแผ่นดินของพระองค์ กระนั้นหรือ หรือพวกท่านเพียงพูดขึ้นมาลอยๆ แท้จริง สำาหรับบรรดา

อัรฺ เราะอฺด์

ผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น การหลอกลวงของพวกเขาได้ถูกทำาให้ปราก เป็น สิ่งดีงามต่อพวกเขาและพวกเขาได้ถูกดึงออกมาจากแนวทางที่ถูกต้อง ไม่มีใครที่จะแสดงหนทางที่ถูกต้องให้แก่บรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงปล่อยให้ หลงทางได้ การลงโทษรอพวกเขายู่ในชีวิตแห่งโลกนี้ แต่การลงโทษ ในโลกหน้านั้นเจ็บปวดและทรมานยิ่งกว่า และไม่มีใครที่จะคุ้มครองพวก เขาให้รอดพ้นจากพระเจ้าได้ สำาหรับสวนสวรรค์ที่ผู้เกรงกลัวพระเจ้าได้ถูกสัญญาไว้นั้นเป็นดังนี้ คือ ภายในนั้นจะมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน ผลไม้ของมันยืนนานถาวร และร่มเงาของมันยาวนานตลอดไป นั่นคือสิ่งตอบแทนสำาหรับผู้สำารวม ตนจากความชั่ว แต่ผลตอบแทนบั้นปลายของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม นั้นคือไฟนรก (โอ้นบี) บางคนของผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์มาให้มีความยินดีใน สิ่งที่เราประทานแก่เจ้า ในขณะที่มีบางคนในหมู่ชนต่างๆป ิเสธบาง ส่วนของมัน จงบอกพวกเขาว่า ันถูกบัญชาให้เคารพสักการะพระเจ้า เท่านั้นและถูกห้ามมิให้นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีเทียบเคียงพระองค์ ัน วิงวอนต่อพระองค์และ ันจะกลับไปหาพระองค์ ดังนั้น เราได้ส่งคำา บัญชา(ที่ชัดเจน)มาเป็นภาษาอาหรับและถ้าหากเจ้าป ิบัติตามความ ปรารถนาและอารมณ์ต่ำาของพวกเขาทั้งๆที่เจ้าได้รับความรู้แล้ว จะ ไม่มีใครป้องกันเจ้าหรือคุ้มครองเจ้าให้พ้นจากพระเจ้าได้ เราได้ส่ง ศาสนทูตมาหลายคนแล้วก่อนหน้าเจ้าและเราได้ให้พวกเขามีภรรยาและ บุตร และไม่มีศาสนทูตคนใดมีอำานาจแสดงสัญญาณใดๆได้นอกจาก โดยการอนุมัติของพระเจ้า ทุกยุคนั้นมีคัมภีร์ของมันเอง พระเจ้าทรง ยกเลิกอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงรักษาไว้ซึ่งอะไรก็ตาม ที่พระองค์ทรงประสงค์และแหล่งที่มาของคำาบัญชาทั้งหมดอยู่ที่พระองค์ (โอ้นบี) ไม่ว่าเราจะแสดงให้เจ้าเห็นส่วนหนึ่งที่เราได้สัญญาพวก เขาไว้หรือทำาให้เจ้าตาย(ก่อนนั้น) หน้าที่ของเจ้าคือการให้คำาตักเตือน

อับรา ัม

และเราเองจะทำาหน้าที่ชำาระบัญชี คนเหล่านี้มิเห็นหรือว่าเราได้เข้า มายังแผ่นดิน(ของพวกเขา)และย่นเขตแดนของมันในทุกๆด้านอย่างไร พระเจ้ า ทรงตั ด สิ น ใจและไม่ มี ใ ครยั บ ยั้ ง การตั ด สิ น ใจของพระองค์ ไ ด้ และพระองค์ทรง ับพลันในการชำาระบัญชี แท้จริง หมู่ชนก่อนหน้า พวกเขาได้วางแผนไว้ แต่แผนการนั้นอยู่ในอำานาจของพระเจ้าทั้งหมด พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่ทุกชีวิตทำาไว้ และในไม่ช้า บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม จะรู้ว่าใครจะได้รับที่พำานักสุดท้าย บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวว่า ท่านไม่ใช่ศาสนทูตของพระเจ้า จงกล่าวเถิดว่า พระเจ้าเพียงพอแล้วสำาหรับการเป็นพยานระหว่าง ัน กับพวกท่านและคนที่มีความรู้ในคัมภีร์ 14. อับราฮัม

อิบรอฮีม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม รอ นี่คือคัมภีร์ที่เราประทานลงมายังเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้นำามนุษย์ออกมาจาก ความมืดไปสู่แสงสว่างโดยคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลพวกเขาสู่หนทาง ของพระผู้ทรงอำานาจและผู้สมควรได้รับการสรรเสริญ พระเจ้าผู้ทรง เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ความหายนะ จงมีแด่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ความหายนะจงมีแด่ผู้ที่รักชีวิตแห่งโลก นี้มากกว่าโลกหน้าและขัดขวางผู้คนจากหนทางของพระเจ้าและต้องการ จะทำาให้หนทางนี้บิดเบือน คนพวกนี้หลงออกไปไกลแล้ว 4 ศาสนทูตแต่ละคนที่เราส่งมาต่างพูดภาษาของผู้คนของเขา ทั้งนี้ เพื่อที่ว่าเขาจะได้ทำาให้สาสน์เป็นที่ชัดเจนแก่คนเหล่านั้น แต่พระเจ้าจะ

อิบรอ ีม

ปล่อยให้คนที่พระองค์ประสงค์หลงทาง และจะทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ พระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 5 ก่อนหน้านี้ เราได้ส่งมูซามาพร้อมกับสัญญาณของเรา และเราได้ กล่าวว่า จงนำาหมู่คนของเจ้าออกจากความมืดทึบทั้งหลายไปสู่แสงสว่าง และจงตักเตือนพวกเขาให้เรียนรู้ถึงวันทั้งหลายของพระเจ้า แท้จริง ใน นั้นมีสัญญาณสำาหรับผู้อดทนและผู้กตัญญูทุกคน (จงนึกถึง)เมื่อตอนที่มูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า จงนึกถึง ความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมีต่อพวกท่านเมื่อพระองค์ได้ทรง ช่วยพวกท่านให้พ้นจากบริวารของฟาโรห์ผู้ป ิบัติต่อพวกท่านอย่าง เหี้ยมโหด ผู้กดขี่พวกท่าน พวกเขา ่าลูกชายของพวกท่านและไว้ชีวิต ลูกสาวของพวกท่าน ในนั้นมีการทดสอบอันหนักหน่วงสำาหรับพวก ท่านจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน 7 จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาล ของพวกท่านได้ประกาศว่า ถ้าหากสูเจ้ากตัญญู ันจะเพิ่มพูนความ โปรดปรานให้แก่สูเจ้า และถ้าหากสูเจ้าเนรคุณ การลงโทษของ ันนั้น รุนแรงยิ่งนัก มูซาได้กล่าวว่า ถ้าหากพวกท่านป ิเสธสัจธรรม พวก ท่านและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินจงรู้ไว้เถิดว่าพระเจ้าทรงมีพร้อม ทุกอย่างและทรงควรค่าแก่การสรรเสริญ สูเจ้าไม่รู้เรื่องราวของบรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าสูเจ้าอย่างเช่นหมู่ชน ของนู ฺ หมู่ชนของอาดและหมู่ชนษะมูดและหมู่ชนที่มาหลังจากพวกเขา กระนั้นหรือ พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร บรรดาศาสนทูต ได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดเจน แต่พวกเขาเอามืออุดปาก ของบรรดาศาสนทูตและกล่าวว่า เราป ิเสธสาสน์ที่พวกท่านถูกส่งมา และเรามีความสงสัยพิกลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกท่านเชิญชวนเรา บรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้กล่าวว่า พวกท่านสงสัยเกี่ยว กับพระเจ้าผู้ทรงเริ่มต้นสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินกระนั้นหรือ พระองค์ทรงเรียกร้องพวกท่านไปยังพระองค์เพื่อที่พระองค์จะทรงยก

อับรา ัม

โทษบาปของพวกท่านและให้เวลาแก่พวกท่านในการสำานึกผิดจนกระทั่ง ถึงวาระที่ได้ถูกกำาหนดไว้ พวกเขากล่าวว่า พวกท่านมิได้เป็นอะไรนอก ไปจากมนุษย์เหมือนกับพวกเรา พวกท่านต้องการที่จะขัดขวางพวกเรา จากการเคารพสักการะสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราเคยเคารพสักการะ ดัง นั้น จงเอาหลัก านที่ชัดเจนมาให้พวกเรา บรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้ตอบพวกเขาว่า จริงที่เราไม่ได้เป็น อะไรมากไปกว่ามนุษย์เหมือนกับพวกท่าน แต่พระเจ้าทรงประทานความ โปรดปรานแก่บ่าวของพระองค์คนใดก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และ เราไม่มีอำานาจที่จะนำาสัญญาณใดๆมายังพวกท่าน เว้นแต่พระเจ้าจะทรง อนุมัติเท่านั้น และในพระเจ้าเท่านั้นที่บรรดาผู้ศรัทธามอบความไว้วางใจ แล้วทำาไมพวกเราจึงไม่ไว้วางใจในพระเจ้าในเมื่อพระองค์ทรงนำาทาง พวกเรามายังหนทางของพวกเรา พวกเราจะอดทนต่อการที่พวกท่าน ทำาร้ายเรา และขอให้บรรดาผู้มอบความไว้วางใจจงไว้วางใจในพระเจ้า เท่านั้น บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้กล่าวแก่บรรดาศาสนทูตของพวกเขาว่า พวกท่านต้องกลับมายังศาสนาของพวกเราหรือไม่เช่นนั้นเราจะขับไล่ พวกท่านออกจากแผ่นดินของเรา แต่พระผู้อภิบาลของพวกเขาได้ดลใจ บรรดาศาสนทูตโดยกล่าวว่า เราจะทำาลายผู้ทำาความชั่วเหล่านี้ และ หลังจากพวกเขา เราจะให้สูเจ้าตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดิน นี่เป็นรางวัล ของบรรดาผู้กลัวการพบกับ ันและผู้ที่ใส่ใจในคำาเตือนของ ัน เมื่อพวกเขาแสวงหาการตัดสินของเรา ผู้โอหังทุกคนต่างพากันสิ้น หวัง นรกจะปราก อยู่ต่อหน้าเขา และเขาจะถูกให้ดื่มน้ำาอันสกปรก โสโครก เขาพยายามจะจิบมัน แต่ไม่สามารถกลืนมันลงไปได้ ความ ตายจะล้อมรอบเขาในทุกๆด้าน แต่เขาจะไม่ตายและต่อหน้าเขาคือการ ลงโทษอันแสนสาหัส การงานของบรรดาผู้ป ิเสธพระผู้อภิบาลของพวกเขานั้นอาจ

อิบรอ ีม

เปรียบได้กับขี้เถ้าที่ถูกลมพัดฟุ้งกระจายในวันมีพายุ พวกเขาจะไม่ ได้รับสิ่งใดจากที่พวกเขาได้ทำาไว้ นี่คือการหลงออกไปอย่างไกลสุด สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินไว้ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรง สามารถที่จะทำาลายสูเจ้าให้หมดไปและทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่แทน สูเจ้า นั่นไม่เป็นการยากเลยสำาหรับพระเจ้า เมื่อพวกเขาถูกนำาตัวออกมาพร้อมกันต่อหน้าพระเจ้า พวกคน ที่อ่อนแอในโลกนี้จะพูดกับพวกที่วางท่าโอหังว่า เนื่องจากเราเป็นผู้ ตามพวกท่าน ตอนนี้พวกท่านสามารถคุ้มครองเราให้พ้นจากการลงโทษ ของพระเจ้าได้ไหม พวกเขาตอบว่า หากพระเจ้าทรงนำาพวกเราไปสู่ หนทางแห่งการรอดพ้น เราจะนำาพวกเจ้าไปยังทางนั้นด้วยกัน แต่ไม่ว่า พวกเจ้าจะร้องโอดครวญหรืออดทน มันก็เหมือนกัน สำาหรับพวกเราไม่มี ทางรอดพ้นไปได้เลย เมื่อการตัดสินของเราเสร็จสิ้นแล้ว ซาตานจะกล่าวว่า แท้จริง ที่ พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับพวกเจ้านั้นเป็นความจริงทั้งสิ้นและ ันก็ได้ สัญญาไว้กับพวกเจ้าเช่นกัน แต่ ันบิดพลิ้วพวกเจ้า ันไม่มีอำานาจเหนือ พวกเจ้า นอกจาก ันแค่เชิญชวนพวกเจ้าและพวกเจ้าได้ตอบรับคำาเชิญ ชวนของ ัน ดังนั้น จงอย่ามาตำาหนิ ัน แต่จงตำาหนิตัวของพวกเจ้าเอง ันไม่สามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้ที่นี่ และพวกเจ้าก็ไม่สามารถช่วย เหลือ ันได้ ันป ิเสธการที่พวกท่านตั้ง ันเป็นภาคีกับพระเจ้าก่อนหน้า นี้ แท้จริง คนผิดเช่นนั้นต้องได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด แต่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีจะถูกรับเข้าสู่สวนสวรรค์ที่ เบื้องล่างนั้นมีสายน้ำาไหลผ่าน พวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นตลอดไปโดย การอนุญาตของพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาจะได้รับการ ต้อนรับด้วยคำาว่า ศานติ สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงเปรียบเทียบถ้อยคำาที่ดีกับต้นไม้ที่

อับรา ัม

ดีอย่างไร รากของมันหยั่งลึกลงไปในพื้นดินและกิ่งก้านสาขาของมัน แผ่ขยายขึ้นสู่ท้องฟ้า มันออกผลทุก ดูของมันโดยการอนุมัติของพระ ผู้อภิบาลของมัน พระเจ้าทรงยกข้อเปรียบเทียบนี้ขึ้นมาสำาหรับมนุษย์ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับบทเรียนจากมัน แต่คำาพูดที่ชั่วอาจเปรียบได้ดัง ต้นไม้เลวซึ่งถูกถอนออกมาจากพื้นดินและไม่มีความมั่นคง พระเจ้าจะทรงทำาให้บรรดาผู้ศรัทธามีความเข้มแข็งด้วยถ้อยคำาที่ มั่นคงของพระองค์ทั้งในชีวิตนี้และในโลกหน้า แต่จะทรงปล่อยให้ผู้ทำาผิด หลงทาง พระเจ้าทรงมีอำานาจทำาอะไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เจ้าไม่เห็นคนที่ตอบแทนความโปรดปรานของพระเจ้าด้วยการ เนรคุณและนำาผู้คนของพวกเขาเข้าไปสู่ที่พำานักแห่งความหายนะดอก หรือ นรกคือสถานที่ที่พวกเขาจะเข้าไปและมันเป็นสถานที่พักอันเลว ร้ายที่สุด พวกเขาตั้งภาคีขึ้นมาควบคู่กับพระเจ้าเพื่อที่จะนำาผู้คนให้ หลงออกไปจากทางของพระองค์ จงบอกพวกเขาเถิดว่า จงสนุกสนาน กันไปชั่วขณะหนึ่งเถอะ เพราะในที่สุดแล้ว พวกท่านจะต้องกลับไปสู่ไฟ นรก โอ้นบี จงบอกบ่าวผู้ศรัทธาของ ันให้ดำารงนมาซและใช้จ่ายทั้งในที่ ลับและที่เปิดเผยจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาก่อนวันที่จะไม่มีการ ซื้อขายและไม่มีการช่วยเหลือกันแบบมิตรภาพ พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรง ประทานน้ำาลงมาจากท้องฟ้า และจากน้ำานั้นพระองค์ได้ทรงให้มีผลไม้ นานาชนิดออกมาเพื่อเป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า พระองค์คือผู้ทรงทำาให้ เรื อ อยู่ ใ นอำ า นาจของสู เ จ้ า ที่ จ ะแล่ น ไปในทะเลโดยคำ า สั่ ง ของพระองค์ และในทำานองเดียวกันก็ได้ทรงทำาให้แม่น้ำาเป็นประโยชน์สำาหรับสูเจ้า พระองค์คือผู้ทรงทำาให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปตามวิถีอย่าง แน่นอนและพระองค์ทรงทำาให้กลางคืนและกลางวันเป็นประโยชน์ต่อ สูเจ้า พระองค์คือผู้ทรงตอบสนองทุกสิ่งที่สูเจ้าเรียกร้องต้องการจน

อิบรอ ีม

สูเจ้าไม่อาจที่จะนับความโปรดปรานของพระองค์ถ้าหากสูเจ้าจะนับ แต่ ความจริงแล้ว มนุษย์นั้นไม่ยุติธรรมและเป็นผู้เนรคุณ (จงนึกถึง)เมื่ออิบรอ ีมได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทำาให้ เมืองนี้ให้เป็นเมืองแห่งสันติภาพและโปรดช่วยเหลือ ันและลูกหลานของ ันให้พ้นจากการเคารพบูชาเทวรูปด้วยเถิด โอ้พระผู้อภิบาล สิ่งเหล่า นี้ได้ทำาให้มนุษย์หันห่างออกจากแนวทางที่ถูกต้อง ใครที่ป ิบัติตาม แนวทางของ ัน เขาก็เป็นพวก ัน แต่บรรดาผู้ป ิบัติตามแนวทางอื่น นอกไปจากแนวทางของ ัน พระองค์ทรงเป็นผู้ให้อภัย ผู้ทรงเมตตา โอ้พระผู้อภิบาล ันได้ตั้งรกรากถิ่น านให้ลูกหลานของ ันบาง คนในหุบเขาอันกันดารใกล้บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ โอ้พระผู้ อภิบาล ันทำาสิ่งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ดำารงนมาซที่นั่น ดังนั้น โปรดหัน หัวใจของผู้คนไปยังพวกเขาด้วยเถิดและโปรดประทานผลไม้เป็นอาหาร แก่พวกเขาด้วยเถิด เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นผู้กตัญญู โอ้พระผู้อภิบาล พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่เราซ่อนเร้นและเปิดเผย และไม่ มี สิ่ ง ใดทั้ ง ในชั้ น ฟ้ า และแผ่ น ดิ น จะซ่ อ นเร้ น ไปจากพระองค์ ไ ด้ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงประทานลูกชายอย่างอิสมา อีลและอิส ากแก่ ันในยามชรา แท้จริง พระผู้อภิบาลของ ันทรงได้ยิน คำาวิงวอน โอ้พระผู้อภิบาล โปรดช่วยทำาให้ ันและบรรดาลูกหลาน ของ ันเป็นผู้ดำารงนมาซ โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดตอบรับคำาวิงวอน ของ ันด้วยเถิด โปรดให้อภัยแก่ ันและแก่พ่อแม่ของ ันและบรรดาผู้ ศรัทธาในวันแห่งการชำาระบัญชีด้วยเถิด สูเจ้าจงอย่าคิดว่าพระเจ้าทรงนิ่งเ ยต่อสิ่งที่บรรดาผู้ทำาผิดกำาลัง กระทำา พระองค์แค่ทรงเลื่อนเวลาของพวกเขาออกไปจนถึงวันที่สายตา ทั้งหลายจะจ้องมองด้วยความตกตะลึงเท่านั้น พวกเขาจะวิ่งหนีหน้า ตั้งด้วยความหวาดกลัวและถอดใจ 44 (โอ้มุ ัมมัด) จงเตือนมนุษย์ถึงวันที่การลงโทษของเราจะมายังพวก

อับรา ัม

เขา แล้วบรรดาผู้ทำาผิดจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้เวลา แก้ตัวแก่พวกเราอีกสักนิด แล้วเราจะตอบรับการเชิญชวนของพระองค์ และป ิบัติตามศาสนทูต (แต่พระเจ้าจะตอบว่า) ก่อนหน้านี้ สูเจ้าเอง มิใช่หรือที่สาบานว่าจะไม่ตกต่ำาทำาชั่ว 45 สูเจ้าเคยอาศัยอยู่ในถิ่น าน ของบรรดาผู้ ทำ า ร้ า ยตั ว ของพวกเขาเองและได้ เ ห็ น แล้ ว ว่ า เราจั ด การ กับพวกเขาอย่างไรและเราได้ให้ตัวอย่างแก่สูเจ้าอย่างมากมายแล้ว พวกเขาวางแผนการของพวกเขา แต่พระเจ้าทรงรู้ถึงแผนการของ พวกเขา แม้ว่าแผนการของพวกเขาจะสามารถย้ายภูเขาได้ก็ตาม (พระเจ้าจะทำาให้แผนการของพวกเขาไร้ผล) 47 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงอย่าคิดว่าพระเจ้าจะทรงผิดสัญญาที่พระองค์ ได้ทรงทำาไว้กับบรรดาศาสนาทูตของพระองค์ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ในวันที่โลกจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอีกโลกหนึ่งเช่น และผู้ทรงตอบแทน เดียวกับชั้นฟ้าทั้งหลาย พวกเขาทั้งหมดจะมายืนปราก ต่อหน้าพระเจ้า ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงมีอำานาจสูงสุด ในวันนั้น เจ้าจะได้เห็นคนผิดถูกล่าม โซ่ติดกัน พวกเขาจะสวมเสื้อผ้าที่ทำาด้วยน้ำามันยางและเปลวไฟจะลุก ท่วมหน้าของพวกเขา สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพื่อที่พระเจ้าจะทรงตอบแทนทุก คนสำาหรับสิ่งที่เขาได้ทำาไว้ แท้จริง พระเจ้าทรง ับพลันในการชำาระ นี่ เป็นสาสน์สำาหรับมนุษยชาติเพื่อที่มันจะได้เตือนพวกเขาและพวกเขาจะ ได้ตระหนักว่าพระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงเอกะ และเพื่อคนที่มีสติจะได้รับ บทเรียนจากมัน

อัล ิจญร์

15. พื้นที่ภูเขา

อัล-ฮิจญร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม รอ เหล่านี้คือข้อความของคัมภีร์กุรอานอันชัดแจ้ง เวลาหนึ่งจะมาถึงอย่าง แน่นอนเมื่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะเสียใจและยอมจำานนต่อพระเจ้า จงปล่อยให้พวกเขากินดื่มและสนุกสนานรื่นเริงและให้พวกเขาหวังลมๆ แล้งๆต่อไป แล้วในไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้(ความจริง) 4 เราไม่เคยทำาลาย เมืองใดโดยไม่ได้กำาหนดไว้เป็นที่แน่ชัด 5 ไม่มีประชาชาติใดสามารถขัด ขวางความหายนะของพวกเขาและไม่มีประชาชาติใดสามารถเลื่อนมัน ออกไปได้ พวกเขากล่าวว่า โอ้ ท่านผู้มีคำาตักเตือน(กุรอาน)ส่งมา ท่านบ้าแน่ๆ 7 ทำาไมท่านไม่นำาบรรดาทูตสวรรค์มาหาเราถ้าหากว่าสิ่งที่ท่านพูดเป็น ความจริง แต่เราส่งทูตสวรรค์มาเพียงเพื่อนำาความยุติธรรมมาและ หลังจากนั้น ผู้คนจะไม่ได้รับการผ่อนปรน เราเองคือผู้ส่งคำาตักเตือนนั้นมาและเราเองเป็นผู้ดูแลรักษามัน (โอ้มุ ัมมัด) เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้ามายังผู้คนก่อน หน้านี้หลายหมู่ชนแล้ว แต่พวกเขาหัวเราะเยาะศาสนทูตที่มายังพวก ถึงแม้เราจะทำาให้สิ่งนี้(นิสัยหัวเราะเยาะ)เข้าไปในหัวใจของคน เขา บาป พวกเขาไม่ศรัทธามัน ถึงแม้ว่าพวกเขามีตัวอย่างมากมายของ ผู้คนก่อนหน้าพวกเขาแล้ว ถึงแม้เราจะเปิดประตูในท้องฟ้าให้แก่พวก เขา และพวกเขาปีนขึ้นไปในเวลากลางวัน พวกเขาก็จะกล่าวว่า ตา ของพวกเราพร่าไปเสียแล้ว ใช่แต่เท่านั้น เรายังถูกคาถาอาคมอีกด้วย เราได้วางกลุ่มดาวไว้ในท้องฟ้าและได้ทำาให้มันสวยงามสำาหรับผู้

พื้นที่ภูเขา

มอง และเราได้ป้องกันมันให้พ้นจากซาตานที่ถูกสาปแช่ง แต่ถ้าผู้ ใดแอบฟัง เปลวไฟอันร้อนจ้าจะไล่ตามมัน เราได้แผ่ขยายแผ่นดินและปักภูเขาไว้บนมันอย่างมั่นคง และเราได้ ทำาให้พืชพันธุ์งอกเงยขึ้นในนั้นอย่างเหมาะสม เราได้จัดเตรียมปัจจัย ยังชีพจากแผ่นดินนั้นให้แก่สูเจ้าและแก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆที่สูเจ้าไม่ได้เป็นผู้ จัดหาให้ ไม่มีสิ่งใดที่คลังทั้งหลายของมันไม่ได้อยู่กับเรา และเราได้ประทาน มันลงมาด้วยมาตรการที่ถูกกำาหนดไว้อย่างเหมาะสม เราได้ส่งลม เกสรมา แล้วเราได้ประทานน้ำาลงมาจากฟากฟ้าแล้วเราได้ให้สูเจ้าดื่มมัน และสูเจ้าไม่อาจครอบครองมันไว้สำาหรับตัวเองได้ แท้จริง เราคือผู้ให้ชีวิตและให้ความตาย และเราคือผู้สืบทอดทุกสิ่ง เรารู้ดีเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าสูเจ้าและบรรดาผู้ที่จะมา หลังจากสูเจ้า แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าจะรวบรวมพวกเขาเข้าไว้ ด้วยกัน พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ เราได้สร้างมนุษย์มาจากดินโคลนเน่าที่แห้งแข็ง และก่อนเขา เราได้สร้างญินจากเปลวเพลิงแห่งความร้อน จงนึกถึงเมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าตรัสแก่ทูตสวรรค์ว่า เรา จะสร้างมนุษย์คนหนึ่งจากดินโคลน เมื่อ ันได้ทำาให้เขาเป็นรูปร่าง สมบูรณ์และได้เป่าวิญญาณของ ันเข้าไปในเขาแล้ว สูเจ้าทั้งหลาย จงนบนอบหมอบคารวะต่อเขา ดังนั้น บรรดาทูตสวรรค์ทั้งหมดจึง นบนอบคารวะต่อเขา ยกเว้นอิบลีส(ซาตาน) มันป ิเสธที่จะร่วมอยู่ กับบรรดาผู้นบนอบ พระเจ้าจึงทรงถามว่า อิบลีสเอย สูเจ้าเป็นอะไร ไปถึงไม่ยอมร่วมกับบรรดาผู้กราบนบนอบ มันตอบว่า ไม่เป็นการ สมควรที่ ันจะกราบนบนอบต่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเขามาจากดิน โคลนเน่าที่แห้งแข็ง พระองค์จึงตรัสว่า จงออกไปจากที่นี่เสีย เพราะสูเจ้าได้กลายเป็น

อัล ิจญร์

ผู้ถูกสาปแช่งแล้ว และการถูกสาปแช่งนี้จะตกอยู่กับสูเจ้าตลอดไปจน กระทั่งถึงวันแห่งการตอบแทน ซาตานจึงได้ขอว่า โอ้พระผู้อภิบาล ของ ัน โปรดผ่อนปรนเวลาให้แก่ ันจนกระทั่งถึงวันที่มนุษย์จะถูกทำาให้ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงกล่าวว่า ได้ สูเจ้าจะได้รับ การผ่อนปรน ไปจนถึงเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้ มันกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน เนื่องจากพระองค์ได้ทรง ทำาให้ ันหลงทางไป ันจะสร้างสิ่งเย้ายวนต่างๆสำาหรับพวกเขาในโลก นี้และจะล่อลวงพวกเขา ยกเว้นบ่าวบางคนที่พระองค์ทรงเลือกไว้ สำาหรับพระองค์เอง พระเจ้าทรงกล่าวว่า นี่คือแนวทางอันเที่ยงตรงที่มาถึง ัน สูเจ้า ไม่มีอำานาจใดๆเหนือปวงบ่าวผู้จริงใจของ ัน นอกจากบรรดาผู้หลงผิดที่ ตามสูเจ้า แน่นอน นรกคือสถานที่ที่พวกเขาได้ถูกกำาหนดไว้ 44 มันมี เจ็ดประตู และแต่ละประตูได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับแต่ละกลุ่มของพวกเขา 45 ส่วนผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะได้พำานักอยู่ท่ามกลางสวนหลาก หลายและน้ำาพุมากมาย (พวกเขาจะถูกบอกว่า) จงเข้ามาในนี้ด้วย ความสันติและปลอดภัย 47 เราจะขจัดสิ่งหม่นหมองแม้แต่เพียงน้อย นิดออกไปจากหัวใจของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นเหมือนพี่น้องที่นั่ง หันหน้าเข้าหากันอยู่บนฟูก พวกเขาจะไม่มีงานให้ต้องเหนื่อยล้าและ พวกเขาจะไม่ถูกนำาออกมาจากนั้น (โอ้ นบี) จงบอกปวงบ่าวของ ัน ว่า ันเป็นผู้ให้อภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ แต่การลงโทษของ ันก็ เป็นการลงโทษอันเจ็บปวด จงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของแขกของอิบรอ ีม เมื่อพวกเขาได้ มายังเขา พวกเขาได้กล่าวว่า ศานติ แต่เขากล่าวว่า เรากลัวพวกท่าน พวกเขาจึงกล่าวว่า จงอย่ากลัวเราเลย เราจะแจ้งข่าวดีแก่ท่าน ท่าน จะมีลูกชายคนหนึ่งที่มีความ ลาดหลักแหลม 54 อิบรอ ีมกล่าวว่า พวก ท่านมาบอกข่าวดีว่า ันจะมีลูกในตอนที่ ันอยู่ในวัยชราอย่างนี้กระนั้น

พื้นที่ภูเขา

หรือ ข่าวดีอะไรกันที่พวกท่านบอก ัน 55 พวกเขากล่าวว่า เราแจ้ง ข่าวดีแก่ท่านจริงๆ ดังนั้น ท่านจงอย่าเป็นผู้สิ้นหวัง อิบรอ ีมได้ตอบ ว่า จะมีก็แต่คนหลงผิดเท่านั้นที่สิ้นหวังในความเมตตาของพระผู้อภิบาล ของเขา 57 แล้วเขาได้ถามพวกเขาว่า พวกท่านถูกส่งมาด้วยเหตุอะไรหรือ พวกเขากล่าวว่า เราถูกส่งมาเพื่อ(ลงโทษ)หมู่ชนผู้ทำาผิด ยกเว้น ครอบครัวของลู เราจะช่วยพวกเขาทั้งหมด ยกเว้นภรรยาของเขาที่ ได้ถูกกำาหนดไว้แล้วว่าจะยังคงอยู่บรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง(และจะขาดทุน) เมื่อบรรดาทูตเหล่านี้มาหาลู และครอบครัวของเขา เขากล่าวว่า พวกท่านดูเหมือนคนแปลกหน้า(สำาหรับ ัน) พวกเขากล่าวว่า มิได้ เรามายังท่านพร้อม เรามาหาท่านด้วยเรื่องที่ผู้คนเหล่านี้ถกเถียงกัน กับความจริง และแน่นอน เราพูดความจริง ดังนั้น ท่านกับครอบครัว ของท่านจงเดินทางออกไปในยามสุดท้ายของกลางคืนและตัวท่านเอง เดินข้างหลังพวกเขา จงอย่าให้ใครในหมู่พวกท่านหันหลังกลับมามอง ข้างหลัง แต่จงมุ่งตรงไปตามที่ท่านถูกบัญชา เราได้แจ้งเขาถึงคำา บัญชาของเราว่าพวกเขาจะถูกทำาลายภายในยามเช้านี้ ชาวเมืองได้วิ่งกรูกันมายังบ้านของลู อย่างสนุกสนาน เขา(ลู ) ได้บอกคนเหล่านั้นว่า คนเหล่านี้คือแขกของ ัน ดังนั้น จงอย่าทำาให้ ัน ต้องเสียเกียรติเลย จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงอย่าทำาให้ ันต้องอับอาย ขายหน้า พวกเขาตอบว่า เราไม่ได้ห้ามท่านต้อนรับคนแปลกหน้า มิใช่หรือ ในที่สุด ลู ได้กล่าวว่า นี่คือบรรดาลูกสาวของ ัน ถ้าหาก พวกท่านต้องการ ขอสาบานด้วยชีวิตของเจ้า โอ้นบี ในเวลานั้น พวกเขาตกอยู่ใต้ อารมณ์ต่ำาอย่างหน้ามืดตามัว ในที่สุด การระเบิด(จากการลงโทษของ เรา)อย่างรุนแรงได้เกิดขึ้นแก่พวกเขาในยามเช้า 74 เราได้พลิกเมืองนั้น คว่ำาลงและเราได้กระหน่ำาพวกเขาด้วยหินเผาที่ตกมาดุจห่า น 75 แท้จริง

อัล ิจญร์

ในเรื่องราวนี้มีสัญญาณหลายอย่างแก่คนที่มีความเข้าใจ ดินแดนที่ถูก ทำาลายนี้ยังคงมีอยู่บนเส้นทางสัญจร 77 แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำาหรับ บรรดาผู้ศรัทธา เนื่องจากชาวอัยกะ ฺ(ชาวต้นไม้)เป็นผู้ทำาความผิด ดังนั้น เรา จึงได้ลงโทษพวกเขาและซากเมืองที่ถูกทำาลายของหมู่ชนทั้งสองนี้ยังคง มีให้เห็นอยู่บนทางสัญจร ชาว ิจญร์ก็ป ิเสธบรรดาศาสนทูตของเรา เราได้ประทานสัญญาณทั้งหลายของเรา แต่พวกเขาไม่ใส่ใจต่อ สัญญาณเหล่านั้น พวกเขาสกัดภูเขาเพื่อทำาเป็นที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคง ปลอดภัย แต่ในที่สุด การระเบิดอย่างกึกก้องได้เกิดขึ้นแก่พวกเขาใน เช้าวันหนึ่ง และสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้นั้นไม่ได้ทำาประโยชน์อะไรให้แก่ พวกเขาเลย เราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ในระหว่าง ทั้งสองนั้นตามความต้องการของสัจธรรมและวิทยปัญญา ยามอวสานจะ มาอย่างแน่นอน ดังนั้น(มุ ัมมัด) จงมองข้าม(ความผิดของพวกเขา)ด้วย การให้อภัยโดยปรานี แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างทุก สรรพสิ่งและผู้ทรงรอบรู้ เราได้ประทานแก่เจ้าซึ่งเจ็ดโองการที่ถูกอ่านแล้วอ่านอีกและเรา ได้ประทานกุรอานอันยิ่งใหญ่แก่เจ้าด้วย จงอย่ามองไปที่ความมั่งคั่ง ทางโลกที่เราได้ประทานแก่บางคนในหมู่พวกเขา และจงอย่าทุกข์โศกต่อ สภาพของพวกเขา แต่จงเอาใจใส่ต่อบรรดาผู้ศรัทธา จงบอก(บรรดาผู้ ป ิเสธศรัทธา)ว่า ันเป็นเพียงผู้ตักเตือนธรรมดาเท่านั้น (คำาเตือน นี้)เป็นเหมือนดังคำาเตือนที่เราได้ส่งลงมายังบรรดาผู้สร้างความแตกแยก และผู้ทำาให้กุรอานแยกออกเป็นส่วนๆ ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาล ของเจ้า เราจะถามพวกเขาทั้งหมด เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำาไว้ (โอ้ นบี) จงประกาศออกไปอย่างเปิดเผยถึงสิ่งที่เจ้าได้ถูกบัญชา และจงอย่าใส่ใจต่อบรรดาผู้ตั้งภาคี แค่เราก็เพียงพอแล้วสำาหรับเจ้า

ผึ้ง

ที่จะจัดการผู้เย้ยหยัน ผู้ที่นำาสิ่งเคารพบูชาอื่นๆมาเป็นภาคีร่วมกับ พระเจ้า ในไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้ เรารู้ว่าหัวใจของเจ้าเป็นทุกข์ต่อสิ่ง ที่พวกเขากล่าว จงสดุดีสรรเสริญพระผู้อภิบาลของเจ้าและจงเป็นผู้ กราบกรานต่อพระองค์ และจงเคารพสักการะพระผู้อภิบาลของเจ้า ตราบจนกระทั่งเวลาสุดท้ายที่จะมาอย่างแน่นอน 16. ผึ้ง

อัล-นะฮ์ลุ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ การตัดสินของพระเจ้าได้มาแล้ว ดังนั้น ไม่ต้องเร่งเร้าให้มันเกิดขึ้นโดย เร็ว พระองค์นั้นทรงบริสุทธิ์ยิ่งและทรงสูงส่งเหนือกว่าสิ่งที่พวกเขานำามา ตั้งภาคีกับพระองค์ พระองค์ได้ส่งทูตสวรรค์ลงมาพร้อมกับการดลใจ โดยคำาบัญชาของพระองค์ยังบ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์โดย สั่งว่า จงเตือนผู้คนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก ัน ดังนั้น จงเกรงกลัว ัน พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์ ที่แท้จริง พระองค์ทรงสูงส่งเหนือสิ่งใดก็ตามที่พวกเขานำามาเป็นภาคีกับ พระองค์ 4 พระองค์ทรงสร้างมนุษย์จากหยดเชื้ออสุจิ แล้วดูสิ เขากลับเป็นผู้ โต้เถียงอย่างเปิดเผย 5 พระองค์ทรงสร้างปศุสัตว์ที่ให้เสื้อผ้าแก่สูเจ้าได้ อบอุ่นและให้เป็นอาหารแก่สูเจ้าได้กิน และในตัวพวกมันยังมีประโยชน์ อื่นๆอีกมากมาย พวกมันดูมีความสุขเมื่อสูเจ้าต้อนมันกลับคอกในตอน ค่ำาและต้อนมันออกไปยังทุ่งหญ้าในตอนเช้า 7 พวกมันบรรทุกสัมภาระ ของสูเจ้าไปยังแดนไกลที่สูเจ้าไม่สามารถไปถึงได้ถ้าไม่ใช้ความพยายาม อย่างหนัก แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นทรงเอ็นดูและทรงเมตตา

เสมอ พระองค์ได้ทรงสร้างม้า ล่อและลาเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้ขี่มันและ เพื่อมันจะได้สร้างความงามให้แก่ชีวิตของสูเจ้า และพระองค์ทรงสร้างสิ่ง อื่นอีกมายที่สูเจ้าไม่รู้ ทางที่เที่ยงตรงนำาไปสู่พระเจ้าและมีหลายทางที่เบี่ยงเบนออกไป จากแนวทางที่ถูกต้อง หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงนำาทาง สูเจ้าทั้งหมด พระองค์คือผู้ทรงประทานน้ำาลงมาจากท้องฟ้าสำาหรับสูเจ้าเพื่อ ใช้ดื่มและจากน้ำานั้นได้ก่อให้เกิดพืชพันธุ์ที่สูเจ้าเลี้ยงปศุสัตว์ของสูเจ้า และด้วยน้ำานั้น พระองค์ได้ทรงทำาให้ข้าวโพดและมะกอก อินทผลัม และองุ่นและผลไม้อื่นๆอีกหลายชนิดเติบโตขึ้นเพื่อสูเจ้า แน่นอน ในนั้นมี สัญญาณอันยิ่งใหญ่สำาหรับหมู่ชนผู้ตรึกตรอง พระองค์ได้ทรงทำาให้กลางคืนและกลางวัน ดวงอาทิตย์และดวง จันทร์เป็นประโยชน์ต่อสูเจ้าและดวงดาวทั้งหมดอยู่ภายใต้คำาบัญชาของ พระองค์ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับหมู่ชนผู้เข้าใจ บน แผ่นดินนี้ พระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งที่หลากสีไว้สำาหรับสูเจ้า แท้จริง แล้ว ในนั้นมีสัญญาณสำาหรับบรรดาผู้ที่ตรึกตรอง พระองค์คือผู้ทรงทำาให้ทะเลเป็นประโยชน์ต่อสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ เนื้อปลาสดๆจากมันมากินและเอาสิ่งประดับออกมาจากมันเพื่อสวมใส่ และสูเจ้าได้เห็นเรือแล่น ่ามันไป พระองค์ทรงทำาสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อ สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์และแสดงความกตัญญู ต่อพระองค์ พระองค์ได้ทรงปักภูเขาลงไปในแผ่นดินอย่างมั่นคงเพราะเกรง ว่ามันจะสั่นไหวข้างใต้สูเจ้า พระองค์ได้ทรงให้มีแม่น้ำาและทางตาม ธรรมชาติเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้พบทางของสูเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้าง เครื่องหมายต่างๆเพื่อนำาทางผู้คน โดยสิ่งเหล่านี้และโดยดวงดาวที่พวก เขาได้ถูกนำาทางอย่างถูกต้อง

ผึ้ง

แล้วพระองค์ผู้ทรงสร้างจะเหมือนกับผู้ที่ไม่ได้สร้างสิ่งใดกระนั้น หรือ ถึงขนาดนี้แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ถ้าสูเจ้าจะนับความ โปรดปรานของพระเจ้า สูเจ้าไม่อาจที่จะนับมันได้ แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงให้อภัยและผู้ทรงเมตตาเสมอ พระเจ้าทรงรู้ทั้งหมดที่สูเจ้าซ่อน เร้นและที่สูเจ้าเปิดเผย บรรดาสิ่งที่สูเจ้าวิงวอนนอกไปจากพระเจ้าไม่ได้สร้างสิ่งใด แต่พวก มันเองต่างหากที่ถูกสร้าง พวกมันตาย ไม่มีชีวิตและพวกมันไม่รู้เลย ว่าพวกมันจะถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก พระเจ้าของสูเจ้าคือพระเจ้า องค์ดียว ส่วนบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า หัวใจของพวกเขาไม่ยอมรับ ความจริงและพวกเขามีแต่ความหยิ่งผยอง แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ดีถึง การกระทำาของพวกเขาทั้งหมดทั้งที่ปิดบังและที่เปิดเผย และพระองค์ไม่ ทรงรักบรรดาผู้หยิ่งผยอง เมื่อพวกเขาถูกถามว่า อะไรเล่าที่พระผู้อภิบาลของพวกท่านส่ง มา พวกเขากล่าวว่า มันเป็นเพียงตำานานในอดีต จงปล่อยให้พวก เขาแบกภาระของพวกเขาไว้อย่างเต็มที่ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพพร้อม กับภาระบางส่วนของบรรดาผู้ที่พวกเขาทำาให้หลงทางโดยไม่มีความรู้ ด้วย จงรู้ไว้เถิดว่าภาระที่พวกเขาแบกไว้นั้นช่างเลวร้ายเหลือเกิน บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาได้เคยวางแผนร้ายเช่นกัน แต่พระเจ้า ทรงทำาลายราก านของสิ่งที่พวกเขาปลูกสร้างขึ้นมาและหลังคาของมัน ได้ถล่มลงมาบนหัวของพวกเขาจากข้างบน การลงโทษนี้ได้เกิดขึ้นแก่ พวกเขาจากทางที่พวกเขาไม่คาดคิด แล้วในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระเจ้าจะทรงทำาให้พวกเขาอัปยศและตกต่ำา พระองค์จะทรงกล่าวแก่ พวกเขาว่า ไหนเล่าหุ้นส่วนของ ันที่สูเจ้าเคยนำามาโต้แย้ง(ทางนำาของ ัน) บรรดาผู้ได้รับความรู้จะกล่าวว่า วันนี้มีความอัปยศและความ ทุกข์สำาหรับผู้ป ิเสธสัจธรรมอย่างแน่นอน บรรดาผู้ที่ทูตสวรรค์มาเอาชีวิตของพวกเขาในขณะที่พวกเขากำาลัง

อัล นะ ์ลุ

อธรรมต่อตัวเองอยู่จะยอมจำานนโดยกล่าวว่า เราไม่ได้ทำาความชั่วอะไร เลย ทูตสวรรค์จะกล่าวว่า พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา จงเข้า ประตูนรกไป ที่นั่นสูเจ้าจะพำานักอยู่ในนั้นตลอดกาล แท้จริง นั่นเป็นที่ พำานักอันเลวร้ายสำาหรับผู้หยิ่งผยอง เมื่อผู้เกรงกลัวพระเจ้าถูกถามว่า อะไรเล่าที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ได้ประทานมา พวกเขากล่าวว่า ความดี รางวัลตอบแทนของบรรดา ผู้ทำาความดีในโลกนี้คือสิ่งดี แต่ที่ดียิ่งกว่านั้นอีกคือที่พำานักของพวกเขา ในโลกหน้า ที่พำานักของผู้มีคุณธรรมนั้นช่างดีเสียนี่กระไร พวกเขาจะ เข้าไปในสวนสวรรค์แห่งความนิรันดรซึ่งในนั้นมีสายน้ำาไหลอยู่ที่เท้าของ พวกเขา พวกเขาจะได้พบทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ นี่เป็นการตอบแทน สำาหรับผู้มีคุณธรรม บรรดาผู้ที่ชีวิตของพวกเขาถูกทูตสวรรค์มารับไป ในสภาพที่สะอาดผุดผ่อง บรรดาทูตสวรรค์จะกล่าว(แก่พวกเขา)ว่า สันติ จงมีแด่ท่าน จงเข้าไปในสวรรค์เพราะ(ความดี)ที่พวกท่านได้ทำาไว้(ใน โลก) (โอ้มุ ัมมัด) พวกเขายังคอยทูตสวรรค์ให้มายังพวกเขาหรือคอยให้ พระเจ้าตัดสินพวกเขา หลายคนแล้วก่อนหน้าพวกเขาที่ทำาเช่นเดียวกัน นี้ พระเจ้าไม่ได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรม ต่อตัวของพวกเขาเอง ในที่สุดแล้ว การทำาชั่วของพวกเขาได้นำาผล กรรมชั่วมายังพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะนั้นก็ได้ล้อมพวก เขาไว้ บรรดาผู้นำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้ากล่าวว่า ถ้าหากพระเจ้า ทรงประสงค์ ทั้งเราและบรรพบุรุษของเราคงจะไม่เคารพสักการะสิ่งใด อื่นนอกไปจากพระเจ้า และเราจะไม่ทำาให้สิ่งใดเป็นที่ต้องห้ามหากไม่ใช่ พระประสงค์ของพระองค์ คำาแก้ตัวเช่นนี้ได้เคยถูกยกขึ้นมาแล้วโดย บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขา หน้าที่ของบรรดาศาสนทูตก็แค่เพียงนำา สาสน์มาบอกให้เป็นที่ชัดเจน

ผึ้ง

ดังนั้น ทุกชนชาติเราจึงให้มีศาสนาทูตที่กล่าวว่า จงเคารพสัก การะพระเจ้าและจงหลีกห่างจากสิ่งที่ชั่วร้าย หลังจากนั้น พระเจ้าได้ ทรงนำาทางพวกเขาบางคนในขณะที่บางคนในหมู่พวกเขาสมควรได้รับ ความหายนะ ดังนั้น จงเดินทางไปตามแผ่นดินแล้วดูว่าจุดจบของบรรดา ผู้ป ิเสธบรรดาศาสนาทูตนั้นเป็นอย่างไร (โอ้มุ ัมมัด) ถึงแม้เจ้า ต้องการจะนำาทางพวกเขา (จงรู้ไว้เถิดว่า) พระเจ้าไม่ทรงนำาทางผู้ทรง พระองค์ทรงปล่อยให้หลงทาง(เพราะพวกเขาป ิเสธสัจธรรม)และคนเช่น นั้นจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ พวกเขาสาบานต่อพระเจ้าอย่างหนักแน่นจริงจังว่าพระเจ้าจะ ไม่ทรงทำาให้ผู้ตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีก ถึงกระนั้นก็ตาม มันเป็นสัญญาที่ พระองค์ได้ทรงทำาไว้กับพระองค์เองแล้ว แต่มนุษย์ส่วนมากไม่รู้ มันจะ ต้องเป็นเช่นนั้นเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงเปิดเผยให้พวกเขาเห็นสิ่งที่พวก เขากำาลังขัดแย้งกัน และเพื่อที่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะได้รู้ว่าพวกเขา เป็นผู้โกหก เมื่อเราปรารถนาที่จะทำาให้สิ่งใดเกิดขึ้น เราแค่กล่าวว่า จงเป็น แล้วมันก็เป็นขึ้นมา ส่วนบรรดาผู้ทิ้งบ้านของพวกเขาเพื่อหนทางของพระเจ้าหลังจาก ถูกกดขี่ เราจะให้ที่พำานักที่ดีแก่พวกเขาในโลกนี้ แต่รางวัลตอบแทนใน โลกหน้านั้นดีกว่ามากมายถ้าหากพวกเขารู้ พวกเขาคือบรรดาผู้อดทน และไว้วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา (โอ้มุ ัมมัด) ก่อนหน้าเจ้า บรรดาศาสนทูตที่เราส่งมาก็เป็นมนุษย์ ที่เราได้ดลใจ(วะ ีย์)พวกเขา ลองถามชาวคัมภีร์ดูก็ได้ถ้าหากเจ้าไม่รู้ 44 เราได้ส่งพวกเขามาพร้อมกับสัญญาณอันชัดเจนและบรรดาคัมภีร์ และ เราได้ส่งการตักเตือนมาให้เจ้า (โอ้มุ ัมมัด) เพื่อที่เจ้าจะได้อธิบายให้เป็น ที่กระจ่างแก่ผู้คนซึ่งคำาสอนของคัมภีร์ที่ถูกส่งมาสำาหรับพวกเขาและเพื่อ ที่พวกเขาจะได้ตรึกตรอง 45 พวกคนที่วางแผนร้ายรู้สึกมั่นใจหรือว่าพระเจ้าจะไม่ทำาให้พวกเขา

อัล นะ ์ลุ

จมลงไปในแผ่นดิน หรือมั่นใจว่าการลงโทษจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขาจาก ที่ไหนก็ได้ที่พวกเขาไม่รู้ตัว หรือพระองค์จะไม่ทรงเอาชีวิตของพวก เขาโดยทันทีในขณะที่พวกเขาทำากิจวัตรประจำาวันอยู่ และพวกเขาไม่มี อำานาจที่จะยับยั้งพระองค์ได้ 47 หรือมั่นใจว่าพระองค์จะไม่ทรงลงโทษ พวกเขาโดยการทำาให้พวกเขาหวาดผวา แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้า นั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดูและผู้ทรงเมตตา พวกเขาไม่สังเกตสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาหรือว่ามันทอดเงาจาก ทางขวาและทางซ้ายโดยนบนอบต่อพระเจ้าแต่โดยดี ทุกสิ่งในชั้นฟ้า ทั้งหลายและสิ่งถูกสร้างทั้งหมดแผ่นดินและบรรดาทูตสวรรค์ต่างนบนอบ สักการะต่อพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดแสดงความยโสโอหังเลย พวก เขาเหล่านั้นเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาผู้ทรงอยู่เหนือพวกเขา และทำาตามที่พวกเขาถูกบัญชา พระเจ้าได้ทรงบัญชาว่า จงอย่ายึดถือพระเจ้าสององค์เพราะ พระองค์คือพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงองค์เดียว ดังนั้น จงเกรงกลัวเ พาะ ันเท่านั้น ทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า และการเชื่อฟังมีไว้สำาหรับพระองค์เท่านั้น แล้วสูเจ้ายังกลัวผู้ใดนอกไป จากพระเจ้ากระนั้นหรือ ความโปรดปรานอันใดก็แล้วแต่ที่สูเจ้าได้รับนั้นล้วนมาจากพระเจ้า ทั้งสิ้น เมื่อสูเจ้าประสบความทุกข์ยากลำาบาก สูเจ้าก็หันไปขอความช่วย เหลือต่อพระองค์ 54 แต่เมื่อพระองค์บรรเทาความทุกข์ร้อนให้แก่สูเจ้า ได้ไม่ทันไร ส่วนหนึ่งของสูเจ้าก็เริ่มเอาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีร่วมกับพระผู้ อภิบาลของพวกเขา 55 เป็นการแสดงความเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทาน แก่พวกเขา เอาเถอะ สูเจ้าจงรื่นเริงไป เพราะในไม่ช้า สูเจ้าจะได้รู้ พวกเขาได้เอาส่วนแบ่งจากปัจจัยที่เราได้ประทานแก่พวกเขาไปให้ แก่(พระเจ้าจอมปลอม)ผู้ที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย สูเจ้าจะต้องถูกเรียกไป สอบสวนเกี่ยวกับความเท็จที่สูเจ้าได้กุขึ้นมาอย่างแน่นอน

ผึ้ง

พวกเขาแต่งตั้งลูกสาวให้พระเจ้า มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือพระองค์ แต่ สำาหรับพวกเขาเองนั้น พวกเขาอยากจะมีในสิ่งที่พวกเขาต้องการ(คือมี บุตรชาย) เมื่อผู้ใดในหมู่พวกเขาได้รับแจ้งข่าวว่าได้ลูกสาว ใบหน้า ของเขาจะหมองคล้ำาและเขาต้องกล้ำากลืนความขมขื่นไว้ เขาจะหลบ ผู้คนเพราะความอับอายจากข่าวนี้และเขาจถามตัวเองว่าเขาจะทนทุกข์ ต่อลูกสาวของเขาด้วยความอัปยศหรือ ังลูกสาวทั้งเป็น ช่างเป็นการ ตัดสินอันชั่วร้ายของพวกเขา ลักษณะของความชั่วนี้เป็นของบรรดา ผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า ส่วนพระเจ้านั้น ความประเสริ ทั้งหลายเป็นของ พระองค์เพราะพระองค์คือผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ ถ้าหากพระเจ้าจะทรงเอาโทษมนุษย์โดยทันทีที่พวกเขาทำาผิด พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้แม้แต่สิ่งมีชีวิตหนึ่งหลงเหลือไว้บนแผ่นดิน แต่พระองค์ได้ทรงผ่อนผันให้พวกเขาจนถึงระยะเวลาที่กำาหนดไว้ เมื่อ เวลานั้นมาถึง พวกเขาจะหน่วงเหนี่ยวหรือเร่งมันก็ไม่ได้แม้แต่ชั่วขณะ เดียว สิ่งใดที่พวกเขาไม่ชอบ พวกเขาถือว่าสิ่งนั้นเป็นของพระเจ้า และ ลิ้นของพวกเขาก็กล่าวคำาโกหกว่าสิ่งดีๆทั้งหมดมีไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งเดียวเท่านั้นที่รอคอยพวกเขาอยู่คือไฟนรกที่พวก เขาจะถูกเร่งโยนเข้าไป (โอ้มุ ัมมัด) สาบานด้วยพระเจ้าได้เลยว่าเราได้ส่งบรรดาศาสน ทูตมายังประชาชาติต่างๆก่อนหน้าเจ้า แต่ซาตานได้ทำาให้การงาน(ที่ชั่ว ร้าย)ของพวกเขาดูเป็นเรื่องดีสำาหรับพวกเขา และวันนี้ ซาตานอีกเช่น กันที่เป็นสหายของพวกเขาและพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด เราได้ประทานคัมภีร์นี้ลงมาแก่เจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้สร้างความกระจ่างให้ พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน ยิ่งไปกว่านั้น คัมภีร์นี้ได้ถูกประทาน ลงมาเป็นทางนำาและเป็นความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธามัน พระเจ้าได้ประทานน้ำาลงมาจากท้องฟ้าและโดย นนี้เองที่ทำาให้ 57

อัล นะ ์ลุ

แผ่นดินมีชีวิตขึ้นหลังจากที่มันได้ตายไป แท้จริงแล้ว ในนั้นมีสัญญาณ สำาหรับบรรดาผู้ฟัง และแน่นอน มีบทเรียนสำาหรับสูเจ้าในปศุสัตว์ เราได้ให้สูเจ้าดื่ม สิ่งที่อยู่ในท้องของมันระหว่างมูลและเลือด นั่นคือ นมบริสุทธิ์ที่สดชื่น สำาหรับผู้ดื่มมัน เราได้ให้เครื่องดื่มแก่สูเจ้าจากอินทผลัมและองุ่นซึ่ง สูเจ้าเองเอามาทำาของมึนเมาและอาหารที่ดี แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณ สำาหรับบรรดาผู้มีความเข้าใจ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ทรงดลใจผึ้งว่า จงสร้างรังของพวกเจ้า ตามภูเขา ต้นไม้และร้านที่มนุษย์ก่อขึ้น แล้วจงกินน้ำาหวานจากผล ไม้ทุกชนิดและป ิบัติตามที่พระผู้อภิบาลของพวกเจ้าได้ทำาไว้ จาก ท้องของมันจะมีของเหลวหลากกลิ่นสีออกมาซึ่งในนั้นเป็นสิ่งบำาบัดโรค สำาหรับมนุษย์ แท้จริงแล้ว นี่เป็นสัญญาณสำาหรับหมู่ชนที่ใช้ความคิด พระเจ้าได้ทรงสร้างสูเจ้า แล้วทรงทำาให้สูเจ้าตายและบางคนใน หมู่สูเจ้าได้มีชีวิตยืนยาวมาจนถึงวัยชราในสภาพที่น่าสงสารทั้งนี้เพื่อที่ ว่าหลังจากที่รู้อะไรมาหมดแล้ว เขาจะไม่รู้อะไรอีก แท้จริงแล้ว พระเจ้า เท่านั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอานุภาพ พระเจ้าได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่บางคนเหนือกว่าอีกบางคน แต่บรรดาผู้ได้รับความโปรดปรานมากกว่ากลับไม่ให้ปัจจัยยังชีพแก่บ่าว ของพวกเขาเพื่อที่ทั้งสอง ่ายจะได้มีความเท่าเทียมกันในปัจจัยยังชีพ ถึงกระนั้นแล้ว พวกเขายังป ิเสธความโปรดปรานของพระเจ้าอีกหรือ พระเจ้าได้ทรงสร้างคู่ครองสำาหรับสูเจ้าจากเผ่าพันธุ์ของสูเจ้า เองและพระองค์ เ ท่ า นั้ น ที่ ท รงประทานลู ก และหลานจากภรรยาและ ทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดีแก่สูเจ้า ถึงกระนั้นแล้วพวกเขายังศรัทธา ในความเท็จและป ิเสธความโปรดปรานของพระเจ้าอีกกระนั้นหรือ พวกเขาเคารพสักการะบรรดาผู้ที่ไม่ได้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา จากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และไม่มีอำานาจที่จะทำาเช่นนั้นได้แทน

ผึ้ง

พระเจ้ากระนั้นหรือ 74 ดังนั้น จงอย่าเปรียบเทียบสิ่งใดกับพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ แต่สูเจ้าไม่รู้ 75 พระเจ้าได้ทรงยกข้อเปรียบเทียบระหว่าง(ของชายสองคน) คนหนึ่ง เป็นทาสที่มีเจ้าของและไม่มีอำานาจเหนือสิ่งใดกับอีกคนหนึ่งซึ่งเราได้ ประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่เขา แล้วเขาได้ใช้จ่ายมันทั้งโดยลับและ โดยเปิดเผย ทั้งสองคนนี้เท่าเทียมกันไหม บรรดาการสรรเสริญเป็น ของพระเจ้า แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ พระเจ้าได้ทรงยกอีกตัวอย่างหนึ่งระหว่างของชายสองคน คนหนึ่ง เป็ น ใบ้ หูหนวกและไม่ สามารถทำาอะไรได้แ ละกลายเป็น ภาระแก่น าย ของเขา ไม่ว่านายจะส่งเขาไปที่ไหน เขาก็ไม่ได้ทำาอะไรที่เป็นประโยชน์ แต่มีชายอีกคนหนึ่งเป็นผู้สั่งสอนในเรื่องความยุติธรรมและป ิบัติตาม แนวทางที่ถูกต้อง ทั้งสองคนนี้เหมือนกันกระนั้นหรือ 77 พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีความรู้ในสิ่งเร้นลับของชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และเกี่ยวกับเรื่องเวลาของการฟื้นคืนชีพนั้น มันจะไม่ใช้เวลา มากไปกว่าชั่วพริบตาเดียวหรือไม่ก็น้อยกว่านั้น แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรง มีอำานาจเหนือทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าได้ทรงนำาสูเจ้าออกมาจากครรภ์ของแม่ของสูเจ้าในสภาพที่ สูเจ้าไม่รู้อะไรเลย แล้วพระองค์ได้ทรงให้สูเจ้ามีหู ตาและสติปัญญาทั้งนี้ เพื่อที่สูเจ้าจะได้กตัญญู พวกเขาไม่สังเกตหรือว่านกถูกทำาให้ลอยคว้างอยู่กลางท้องฟ้าได้ อย่างไร ไม่มีใครพยุงมันไว้นอกจากพระเจ้า แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณ สำาหรับหมู่คนผู้ศรัทธา พระเจ้าได้ทรงทำาบ้านของสูเจ้าให้เป็นสถาน ที่แห่งการพักผ่อนและความสงบสำาหรับสูเจ้า และได้ทรงทำากระโจมจาก หนังสัตว์ให้สูเจ้าซึ่งเบาในระหว่างเดินทางและพักแรม และจากขนและ ผมอันอ่อนนุ่มของปศุสัตว์ พระองค์ได้ทรงให้สูเจ้ามีเสื้อผ้าและสิ่งของ เครื่องใช้มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อสูเจ้าในช่วงเวลาหนึ่ง

อัล นะ ์ลุ

พระเจ้าทรงสร้างร่มเงาจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น ทรงสร้าง ที่พักพิงให้แก่สูเจ้าในภูเขาและประทานเสื้อผ้าแก่สูเจ้าเพื่อปกป้องความ ร้อนและเสื้อผ้าที่จะปกป้องสูเจ้าในการต่อสู้ ดังนั้น พระองค์ได้ประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่สูเจ้าอย่างสมบูรณ์ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ นอบน้อมยอมจำานนต่อพระองค์ แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ใส่ใจ (โอ้มุ ัม มัด ไม่ต้องกังวล) หน้าที่เพียงอย่างเดียวของเจ้าคือการเผยแผ่สาสน์ให้ เป็นที่ชัดเจนเท่านั้น พวกเขาเห็นความโปรดปรานของพระเจ้า แต่ถึง กระนั้น พวกเขากลับป ิเสธมัน เพราะส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ไม่รู้ คุณ ในวันที่เราจะให้มีพยานขึ้นจากทุกๆชาติ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม จะไม่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวใดๆ และจะไม่ถูกขอให้สำานึกผิดกลับตัวใหม่ และเมื่อบรรดาผู้ทำาผิดเห็นการลงโทษ การลงโทษของพวกเขาจะไม่ ได้รับการลดหย่อนผ่อนผันอีก เมื่อบรรดาผู้ตั้งภาคีให้พระเจ้าเห็นสิ่งที่พวกเขานำามาตั้งภาคีกับ พระองค์ พวกเขาจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา นี่คือบรรดาภาคีที่ เราเคยวิงวอนขอนอกไปจากพระองค์ แต่สิ่งที่พวกเขาวิงวอนจะกล่าวว่า พวกเจ้าเป็นคนโกหก ในเวลานั้น พวกเขาทั้งหมดจะนอบน้อมยอม ตนต่อพระเจ้าและบรรดาสิ่งที่พวกเขากุขึ้นมาในโลกนี้จะหายไปจากพวก เขา เราจะลงโทษบรรดาผู้ป ิบัติตามแนวทางแห่งการป ิเสธสัจธรรม และขัดขวางผู้อื่นจากแนวทางของพระเจ้าเป็นสองเท่าสำาหรับความเสีย หายที่พวกเขาได้สร้างขึ้น วันนั้นจะมาถึงเมื่อเราเรียกพยานจากทุกประชาชาติเพื่อยืนยัน ต่อพวกเขาและเราจะเรียกเจ้ามาเป็นพยานยืนยันต่อคนเหล่านี้ เราได้ ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าเพื่อทำาให้ทุกสิ่งเป็นที่ชัดเจน เป็นทางนำา เป็น ความเมตตาและเป็นข่าวดีแก่บรรดาผู้นอบน้อมยอมจำานนต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงกำาชับในเรื่องความยุติธรรม การทำาดีและเอื้อเฟื้อ

ผึ้ง

เผื่อแผ่ญาติสนิทและทรงห้ามสิ่งชั่วช้า ความลามกและการเบียดเบียน พระองค์ทรงตักเตือนสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้คิด จงป ิบัติตามสัญญากับพระเจ้าให้ครบถ้วนเมื่อสูเจ้าได้ทำาสัญญา ไว้กับพระองค์ และจงอย่าทำาลายคำาสาบานของสูเจ้าหลังจากที่มันได้ถูก ยืนยันและสูเจ้าได้ให้พระเจ้าเป็นพยานของสูเจ้าแล้ว เพราะพระเจ้าทรง รอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำา จงอย่าป ิบัติตนเหมือนกับผู้หญิงที่พยายาม ปั่นด้ายจนแน่นแล้วก็คลายมันออกเป็นเส้นๆอีกโดยการเอาคำาสาบาน ร่วมกันของสูเจ้ามาเป็นวิธีการหลอกลวงกันและกัน เพื่อที่ว่าคนกลุ่ม หนึ่งจะได้เปรียบคนอีกกลุ่มหนึ่ง พระเจ้าทรงใช้สิ่งเหล่านี้ทดสอบสูเจ้า แน่นอน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระเจ้าจะทรงเปิดเผยให้สูเจ้าได้รู้ถึง ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่สูเจ้าขัดแย้งกัน ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงรวมสูเจ้าให้เป็น ประชาชาติเดียว แต่พระองค์ทรงปล่อยให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลง ทางและทรงนำาทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจงแน่ใจได้เลยว่า พระองค์จะทรงให้สูเจ้ารับผิดชอบในสิ่งที่สูเจ้าได้กระทำาไว้ จงอย่าใช้คำาสาบานของสูเจ้าเพื่อหลอกลวงกันและกัน มิเช่นนั้น แล้ว เท้า(ของบางคน)จะลื่นไถลออกไปหลังจากที่มันได้ยืนหยัดอย่าง มั่นคงแล้วและสูเจ้าจะได้รับผลร้ายที่ติดตามมาจากการขัดขวางคนอื่น จากแนวทางของพระเจ้าและจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง จงอย่า แลกเปลี่ยนสัญญาของพระเจ้าเพื่อผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ แท้จริงแล้ว สิ่งที่อยู่กับพระเจ้านั้นดีกว่ามากมายสำาหรับสูเจ้าถ้าหากว่าสูเจ้ารู้ อะไรก็ตามที่อยู่กับสูเจ้านั้นเป็นเพียงชั่วคราว แต่สิ่งที่อยู่กับ พระเจ้านั้นจีรังยั่งยืนกว่า และเราจะตอบแทนผู้ที่อดทนตามที่พวกเขาได้ กระทำาไว้อย่างดีที่สุด ใครก็ตามที่กระทำาความดี ไม่ว่าจะเป็นชายหรือ หญิงก็ตาม หากเป็นผู้ศรัทธา เราจะให้เขามีชีวิตที่บริสุทธิ์ในโลกนี้ และ

อัล นะ ์ลุ

แน่นอน เราจะตอบแทนคนเหล่านั้น(ในโลกหน้า)ตามที่พวกเขาได้กระทำา ไว้อย่างดีที่สุด เมื่อเจ้าเริ่มต้นอ่านกุรอาน จงขอความคุ้มครองต่อพระเจ้าให้พ้น จากซาตานที่ถูกสาปแช่ง มันไม่มีอำานาจใดๆเหนือบรรดาผู้ศรัทธาและ วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา มันมีอำานาจก็แต่เ พาะกับบรรดา ผู้เต็มใจป ิบัติตามมันและนำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระเจ้าเท่านั้น เมื่อเราได้ประทานข้อความหนึ่งมาแทนข้อความหนึ่ง และ พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่ถูกประทานมา พวกเขากล่าวว่า ท่านปลอม แปลงกุรอานนี้ขึ้นมาเอง ความจริงแล้วหาใช่เช่นนั้นไม่ แต่พวกเขาส่วน ใหญ่ไม่รู้ความจริง จงบอกพวกเขาว่า วิญญาณบริสุทธิ์ได้นำามันลง มาเป็นสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน เพื่อที่พระองค์จะทรง ทำาให้ความศรัทธาของบรรดาผู้ศรัทธาเกิดความเข้มแข็ง และเพื่อเป็น ทางนำาที่ถูกต้อง และเพื่อแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้นอบน้อมยอมจำานนต่อ พระเจ้า แท้จริง เรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากล่าวเกี่ยวกับเจ้าว่า ต้องมีใครบาง คนสอนเขาแน่ๆ แต่คนที่พวกเขากล่าวถึงนั้นพูดภาษาต่างถิ่น แต่นี่(กุ รอาน)เป็นภาษาอาหรับที่ชัดเจน พระเจ้าจะไม่ทรงนำาทางบรรดาผู้ ไม่ศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ และสำาหรับพวกเขาจะมีการ ลงโทษอันเจ็บปวด มีแต่บรรดาผู้สร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้าและ ไม่ศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าเท่านั้น พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ โกหก สำาหรับผู้ป ิเสธพระเจ้าหลังจากที่ได้ศรัทธาแล้วยกเว้นผู้ถูกบังคับ ให้ทำาเช่นนั้นในขณะที่หัวใจของเขายังยึดมั่นในการศรัทธาอยู่ (เขาจะ ไม่ถูกเอาผิด) แต่ใครที่ยอมรับการป ิเสธด้วยความเต็มใจ เขาจะได้ รับความกริ้วจากพระเจ้าและพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขารักชีวิตของโลกนี้มากกว่าชีวิตโลกหน้าและ

ผึ้ง

พระเจ้าจะไม่ทรงนำาทางบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม พระเจ้าทรงปิด ผนึกหัวใจ หูและตาของคนพวกนี้ไว้และพวกเขาได้กลายเป็นผู้เ ยเมย และในโลกหน้า พวกเขาจะเป็นผู้ขาดทุน แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงให้อภัยและทรงเมตตาอย่าง แน่นอนที่สุดต่อบรรดาผู้อพยพหลังจากถูกกดขี่และต่อสู้อย่างถึงที่สุดใน หนทางของพระเจ้าและยังคงอดทน ในวันนั้น ทุกชีวิตจะมาร้องขอ เพื่อตัวเองและทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนอย่างเต็มที่สำาหรับการกระ ทำาของตัวเองและพวกเขาจะไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมเลยแม้แต่เพียง นิดเดียว พระเจ้าทรงยกตัวอย่างของเมืองหนึ่งซึ่งมีความมั่นคงปลอดภัย และสงบสุขและได้รับปัจจัยยังชีพอย่างอุดมสมบูรณ์จากทุกแห่งหน แต่ เมื่อมันเริ่มแสดงความเนรคุณต่อความโปรดปรานของพระเจ้า และ พระองค์ได้ทรงทำาให้ชาวเมืองนั้นประสบความหิวโหยและความกลัว มีศาสนทูตคนหนึ่งจากหมู่พวกเขามายัง เพราะสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ พวกเขา แต่พวกเขากลับถือว่าเขาเป็นผู้โกหก ในที่สุด การลงโทษก็เกิด ขึ้นแก่พวกเขาในขณะที่พวกเขาเป็นทำาความผิด ดังนั้น จงกินสิ่งที่ได้รับการอนุมัติและสะอาดบริสุทธิ์ที่พระเจ้าได้ ประทานแก่สูเจ้า และจงแสดงความขอบคุณต่อพระเจ้าสำาหรับความ โปรดปรานของพระองค์หากพระองค์เท่านั้น ที่สูเจ้าเชื่อฟังด้วยความ จริงใจ พระเจ้าทรงห้ามสูเจ้าแต่เ พาะสิ่งเหล่านี้คือ สัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อหมูและสิ่งที่ถูกเชือดในนามอื่นนอกไปจากพระเจ้า แต่ถ้าหาก ตกอยู่ในภาวะคับขัน(จงกิน)โดยมีข้อแม้ว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะทำาลาย ก ของพระเจ้าหรือ ่า ืนขอบเขตของความจำาเป็น แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาต่อเขาเสมอ จงอย่ากล่าวเท็จว่า สิ่งนี้เป็นที่อนุมัติและสิ่งนั้นเป็นที่ต้องห้าม เพื่อสร้างเรื่องเท็จต่อพระเจ้า แน่นอน คนที่กล่าวเท็จต่อพระเจ้านั้นไม่มี

อัล นะ ์ลุ

วันที่จะได้รับความเจริญ (พวกเขาควรจำาไว้ว่า)ความสุขแห่งโลกนี้ เป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น และในที่สุดแล้วจะมีการลงโทษอันเจ็บ ปวดสำาหรับพวกเขา สำาหรับชาวยิว เราได้ห้ามสิ่งต่างๆที่เราได้บอกเล่าแก่เจ้าไว้ก่อน แล้วโดยเ พาะ และไม่ใช่เราที่สร้างความลำาบากนี้ให้แก่พวกเขา แต่ พวกเขาเองต่างหากที่สร้างความยากลำาบากให้ตัวเอง แน่นอน พระ ผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้สำานึกผิดและ ปรับปรุงตนเองหลังจากที่ได้ทำาความชั่วไปแล้วเพราะความโง่เขลา แท้จริง อิบรอ ีมคือประชาคมในตัวเขาเอง เขาเชื่อฟังพระเจ้าและ หันหน้าไปหาพระองค์อย่างเดียวและเขาไม่ได้เป็นผู้ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีกับ พระเจ้า เขาเป็นผู้กตัญญูต่อความโปรดปรานของพระเจ้าเสมอ ดังนั้น พระองค์จึงได้ทรงเลือกเขาและแสดงทางนำาที่เที่ยงตรงแก่เขา และเรา ได้ประทานความดีงามแก่เขาในโลกนี้และแน่นอนที่สุด เขาจะได้อยู่กับ บรรดาผู้มีคุณธรรมในโลกหน้า ดังนั้น เราได้เปิดเผยเจตนารมณ์ของ เราให้เจ้า(มุ ัมมัด)รู้ว่า จงป ิบัติตามแนวทางของอิบรอ ีมอย่างมุ่งมั่น เพียงอย่างเดียว เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ตั้งภาคี เกี่ยวกับเรื่องสับบะโตนั้น เราได้กำาหนดสิ่งนี้แก่บรรดาผู้มีความขัด แย้งกันในเรื่องการป ิบัติ แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าจะตัดสินระหว่าง พวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำาลังขัดแย้งกัน (โอ้ นบี) จงเชิญชวนมายังแนวทางของพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วย การใช้เหตุผลและการตักเตือนที่ดี จงโต้แย้งพวกเขาด้วยมารยาทที่ดี ที่สุด แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีที่สุดว่าใครหลงออกไปจากทาง ของพระองค์และทรงรู้ดีที่สุดว่าใครที่เป็นผู้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ถ้าสูเจ้าจะตอบโต้ จงตอบโต้เท่าที่สูเจ้าถูกกระทำาเท่านั้น แต่ถ้า สูเจ้าอดทน มันเป็นการดีที่สุดสำาหรับบรรดาผู้อดทน (โอ้นบี) จง ป ิบัติภารกิจของเจ้าต่อไปด้วยความอดทน และเจ้าจะอดทนได้ก็ด้วย

การเดินทางในยามราตรี

ความช่วยเหลือของพระเจ้าเท่านั้น จงอย่าเศร้าโศกเสียใจต่อการกระ ทำาของพวกเขาและจงอย่าท้อแท้ต่อแผนการของพวกเขา แท้จริง พระเจ้าจะทรงอยู่กับบรรดาผู้ยำาเกรงพระองค์และบรรดาผู้กระทำาความดี 17. การเดินทางในยามราตรี

อัล-อิสรอ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงนำาบ่าวของพระองค์เดินทางในคืนหนึ่ง จากมัสญิดอัล ะรอม(สถานที่เคารพสักการะอันศักดิ์สิทธิ์ที่มักกะ ฺ)ไป ยังมัสญิดอัลอักซอ(ที่เมืองเยรูซาเล็ม)ซึ่งบริเวณรอบๆมันเราได้ประทาน ความจำาเริญไว้ ทั้งนี้เพื่อที่เราจะได้แสดงสัญญาณบางอย่างของเราให้เขา ได้เห็น แท้จริง พระองค์เท่านั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและได้ทำาให้มันเป็นทางนำา สำาหรับพวกลูกหลานอิสรออีลโดยกล่าวว่า จงอย่ายึดถือผู้ใดอื่นเป็นผู้ คุ้มครองนอกจาก ัน สูเจ้าคือลูกหลานของบรรดาผู้ที่เราได้บรรทุกไว้ ในเรือพร้อมกับนู ฺและเขาเป็นบ่าวผู้กตัญญูอย่างแท้จริง 4 นอกจากนี้แล้ว เราได้เตือนพวกลูกหลานอิสรออีลไว้ล่วงหน้าใน คัมภีร์ด้วยว่า สูเจ้าจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงขึ้นสองครั้งใน แผ่นดินและจะกลายเป็นผู้ยโสโอหังที่กำาเริบเสิบสานยิ่ง 5 และเมื่อคำา เตือนแรกมาถึง เราได้ให้บ่าวของเราที่มีอำานาจเข้มแข็งขึ้นมาเป็นศัตรูต่อ สูเจ้า ดังนั้น พวกเขาจึงได้บุกเข้าไปทำาลายบ้านเมืองของสูเจ้า ดังนั้น คำา เตือนที่ได้ถูกสัญญาไว้ได้เกิดขึ้นแล้ว หลังจากนั้น เราได้ให้โอกาสแก่ สูเจ้ามีอำานาจเหนือพวกเขาและเราได้ช่วยสูเจ้าด้วยความมั่งคั่งและลูกๆ และได้ทำาให้สูเจ้ามีจำานวนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย

(เรากล่าวว่า) ถ้าหากสูเจ้ากระทำาความดี มันก็เป็นผลดีต่อตัวสูเจ้า เอง แต่ถ้าสูเจ้ากระทำาชั่ว มันก็เป็นผลร้ายต่อตัวสูเจ้าเอง เมื่อเวลาที่คำา เตือนครั้งที่สองมาถึง (เราได้สร้างศัตรูให้แก่สูเจ้าเพื่อที่)พวกเขาจะ ีก หน้าของสูเจ้าและเข้าไปในวิหารเช่นเดียวกับที่บรรดาศัตรูก่อนหน้านี้ได้ เข้าไปและทำาลายทุกสิ่งที่พวกเขายึดครองได้อย่างย่อยยับ เรากล่าว ว่า พระผู้อภิบาลของสูเจ้าอาจจะเมตตาสูเจ้าอีก แต่ถ้าหากสูเจ้าแสดง พ ติกรรมก่อนหน้านี้ของสูเจ้าอีก เราจะกลับมาเยี่ยมสูเจ้าอีกพร้อมกับ การลงโทษของเรา เพราะเราได้เตรียมนรกไว้เป็นคุกสำาหรับคนเนรคุณ ไว้แล้ว แท้จริง กุรอานนี้ได้แสดงให้เห็นถึงหนทางที่เที่ยงตรงยิ่ง มันแจ้ง ข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีว่าจะมีรางวัลตอบแทนอันยิ่ง ใหญ่สำาหรับพวกเขา และมันเตือนบรรดาผู้ป ิเสธชีวิตโลกหน้าถึงการ ลงโทษอันเจ็บปวด มนุษย์วิงวอนขอความชั่วแทนที่จะวิงวอนขอความดี ทั้งนี้เพราะ มนุษย์นั้นรีบร้อน จงจำาไว้ เราได้สร้างกลางคืนและกลางวันเป็นสอง สัญญาณ เราได้ทำาให้สัญญาณแห่งกลางคืนหมดแสงไปและเราได้ทำาให้ สัญญาณแห่งกลางวันสว่างไสวเพื่อที่สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปราน ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และเพื่อที่สูเจ้าจะได้นับ ดูกาลและปี เราจึง ได้ทำาทุกสิ่งให้เป็นที่ละเอียดชัดเจนแล้ว เราได้ผูกชะตากรรมของมนุษย์ทุกคนไว้ที่คอของเขาแล้วและใน พระเจ้าต้องการให้มนุษย์อดทนในเรื่องการแสวงหาความฟุ้งเฟ้อ แห่งโลกนี้ เพื่อที่เขาจะได้อยู่บนทางที่ถูกต้องในการเดินทางไปสู่โลกหน้า แต่เนื่องจากธรรมชาติอันเร่งรีบของเขา มนุษย์จึงรีบร้อนหาวัตถุฟุ้งเฟ้อ ทางโลกซึ่งเป็นสิ่งที่ถ่วงรั้งการเดินทางของเขา ความต้องการปัจจัยมา ตอบสนองชีวิตทางวัตถุของเขาเป็นเหตุผลใหญ่ที่สุดที่ทำาให้เขาไม่ได้รับ ความโปรดปรานในโลกหน้า 7

การเดินทางในยามราตรี

วันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราจะนำาบันทึกนั้นออกมาให้เขาเห็นเหมือนกับ หนังสือที่เปิดกางอยู่ มันจะกล่าวว่า จงอ่านบันทึกของสูเจ้า วันนี้ ไม่มี ใครนอกจากตัวของสูเจ้าเองที่จะเป็นผู้ชำาระบัญชีตัวของสูเจ้าเอง ใคร เลือกที่จะป ิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องจะป ิบัติตามแนวทางนั้นซึ่งเป็น ผลดีแก่ตัวเขาเอง และใครที่หลงทางออกไป การหลงทางของเขาจะทำาให้ เขาได้รับความหายนะ ไม่มีผู้แบกภาระใดจะแบกภาระของอีกคนหนึ่งได้ และเราจะไม่ลงโทษจนกว่าเราจะได้ส่งศาสนทูตมาเตือนพวกเขา เมื่อเราตัดสินใจที่จะทำาลายเมืองหนึ่ง เราจะบัญชาคนที่กินอยู่ อย่างสุขสบายของเมืองนั้น แต่พวกเขาจะ ่า ืน ดังนั้น ถ้อยคำา(แห่งการ ลงโทษ)จึงเป็นสิ่งสมควรและเราได้ทำาลายเมืองนั้นจนสิ้นซาก กี่ชั่วคน แล้วที่เราได้ทำาลายไปตั้งแต่สมัยของนู ฺ พระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นทรงรู้ ดีถึงความผิดบาปของบ่าวของพระองค์และทรงเห็นทุกสิ่ง เราให้เขาในสิ่งที่เราปรารถนาแก่ใครก็ตามที่ปรารถนาสิ่งดีแห่งชีวิต โลกนี้ แต่หลังจากนั้น เราได้เตรียมนรกไว้สำาหรับเขาแล้ว ซึ่งที่นั่นเขาจะ ถูกเผา ถูกสาปแช่งและไม่ได้รับความเมตตา ส่วนผู้ใดปรารถนาชีวิต แห่งโลกหน้าและดิ้นรนต่อสู้เพื่อมันอย่างถึงที่สุดและเขาเป็นผู้ศรัทธา ความพยายามของคนเช่นนั้นจะได้รับการชมเชย สำาหรับคนทั้งสองประเภทนี้(ผู้ที่ปรารถนาโลกและบรรดาผู้ต้องการ โลกหน้า) เราได้ประทานสิ่งเหล่านั้นแก่พวกเขา ไม่มีใครที่จะมายับยั้ง การประทานของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า จงดูว่าเราได้ทำาให้พวกเขา บางคนเหนือกว่าคนอื่นอย่างไร(ในชีวิตโลกนี้) แต่ในโลกหน้านั้น านะ เหล่านี้จะยิ่งใหญ่กว่ากันมากนักและความประเสริ ของพวกเขาจะเหนือ กว่ากันมากมาย จงอย่าตั้งสิ่งเคารพกราบไหว้ใดๆเป็นภาคีกับพระเจ้า มิเช่นนั้น แล้วสูเจ้าจะถูกทำาให้ตกต่ำาลงและเป็นที่เกลียดชังและช่วยตัวเองไม่ได้ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้บัญชาสูเจ้าไว้ว่า สูเจ้าอย่าเคารพสักการะ

อัล อิสรอ

ผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้นและจงป ิบัติดีต่อพ่อแม่ถ้าหากว่าผู้ใดใน ทั้งสองอยู่กับสูเจ้าในวัยชรา จงอย่ากล่าวถ้อยคำาแสดงความชิงชังแก่ ท่านและจงอย่าตวาดท่าน แต่จงพูดกับท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำาอ่อนโยน จงป ิบัติต่อท่านทั้งสองด้วยความนอบน้อมและเมตตา และจงวิงวอน ว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดทรงเมตตาแก่ท่านทั้งสองเช่นเดียว กับที่ท่านทั้งสองได้เลี้ยงดู ันเมื่อตอนที่ ันเยาว์วัยด้วยเถิด พระผู้ อภิบาลของสูเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของสูเจ้า ถ้าสูเจ้าเป็นผู้ ทำาความดี แน่นอน พระองค์จะทรงให้อภัยและหันมายังคนที่สำานึกผิด และเชื่อฟัง จงป ิบัติหน้าที่ของสูเจ้าที่มีต่อญาติของสูเจ้าและต่อผู้ขัดสนและ ผู้เดินทางให้ครบถ้วน และจงอย่าฟุ่มเฟือย แท้จริง ผู้ฟุ่มเฟือยนั้นคือ พี่น้องของเหล่าซาตานและซาตานนั้นเนรคุณต่อพระผู้อภิบาลของมัน แต่ถ้าหากสูเจ้าจำาต้องบอกปัด(คนขัดสน)เพราะสูเจ้าเองยังคอยความ โปรดปรานของพระเจ้าที่สูเจ้าเองกำาลังหวังอยู่ จงบอกปัดพวกเขาด้วย ความนุ่มนวล จงอย่าเป็นคนขี้เหนียวและจงอย่าใช้จ่ายอย่างมือเติบจนสูเจ้าตก เป็นผู้ถูกครหาและไม่มีอะไรเหลือ แท้จริง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรง ประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงระงับ ปัจจัยของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เช่นกัน เพราะพระองค์ทรง รู้ดีถึงสภาพของบ่าวของพระองค์และทรงเ ้าดูเขาอย่างใกล้ชิด จงอย่า ่าลูกๆของสูเจ้าเพราะกลัวความยากจน เพราะเราต่างหาก ที่เป็นผู้ประทานปัจจัยแก่พวกเขาและแก่สูเจ้าด้วย แท้จริง การ ่าพวก เขานั้นเป็นความผิดบาปอย่างร้ายแรง จงอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี เพราะมันเป็นการลามกและหนทางชั่วช้า หนึ่งในความชั่วที่พระเจ้าต้องการจะขจัดให้หมดไปโดยเสิ้นเชิงคือการผิด ประเวณี(หรือซินา) นั่นคือการผิดประเวณีเป็นบาปใหญ่และเป็นสิ่งที่แสดงถึงการไม่มี

การเดินทางในยามราตรี

จงอย่า ่าชีวิตใดที่พระเจ้าได้ทรงห้ามไว้ ยกเว้นด้วยความขอบ ธรรม และถ้าผู้ใดถูก ่าอย่างไม่เป็นธรรม เราได้ให้สิทธิ์ในการที่จะแก้ แค้นแก่ผู้ปกครอง(ทายาท)ของเขา ดังนั้น จงอย่าละเมิดขอบเขตที่ถูก กำาหนดไว้ในเรื่องการตอบแทนอย่างเท่าเทียมกัน เพราะหลังจากนั้นเขา จะได้รับการช่วยเหลือ(โดยก หมาย) จงอย่าเข้าใกล้ทรัพย์สินของเด็กกำาพร้าเว้นแต่ในลักษณะที่ดีที่สุด จนกว่าเขาจะบรรลุถึงวัยผู้ใหญ่ จงป ิบัติตามสัญญาให้ครบถ้วน เพราะ สูเจ้าต้องรับผิดชอบต่อสัญญาที่สูเจ้าได้ทำาไว้ จงตวงให้ครบตาม จำานวนเมื่อสูเจ้าตวง และจงชั่งให้ถูกต้องเที่ยงตรงเมื่อสูเจ้าชั่ง นี่คือวิธี การที่ดีและจะเห็นว่ามันดีกว่าในบั้นปลาย จงอย่าป ิบัติตามสิ่งที่สูเจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเพราะสูเจ้าจะถูก สอบสวนในเรื่องการใช้ตา หูและความคิด จงอย่าเดินวางท่าผยองใน แผ่นดินเพราะสูเจ้าไม่สามารถที่จะแยกแผ่นดินและแข่งกับภูเขาในเรื่อง ความสูงได้เลย ทั้งหมดนี้เป็นความเลวในสายตาของพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าและเป็นที่น่ารังเกียจ นี่คือส่วนหนึ่งจากภูมิปัญญาที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ประทาน แก่สูเจ้าและสูเจ้าจงอย่าตั้งสิ่งเคารพบูชาใดๆเป็นภาคีกับพระเจ้า มิ ะนั้น สูเจ้าจะถูกโยนเข้าไปในนรกที่ถูกสาปแช่งและไม่ได้รับสิ่งดี อะไรนะ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าได้ทรงให้ลูกชายแก่สูเจ้าและ พระองค์เองทรงรับเอาทูตสวรรค์เพศหญิงมาเป็นลูกสาวของพระองค์ กระนั้นหรือ โกหกอย่างมหันต์ชัดๆที่สูเจ้ากล่าวมา เราได้อธิบาย (สัจธรรม)ในกุรอานนี้ด้วยวิธีการต่างๆเพื่อที่พวกเขาจะได้ใส่ใจ แต่พวก เขากลับวิ่งห่างออกไปจากสัจธรรมมากขึ้น (โอ้มุ ัมมัด) จงบอกพวก เขาเถิดว่า ถ้าหากมีสิ่งเคารพกราบไหว้อื่นๆเคียงคู่กับพระองค์ดังที่พวก ความละอายซึ่งมนุษย์ต้องละเว้นตั้งแต่ขั้นตอนแรกของมัน นี่เป็นเพียงคำาสั่งพื้น านใน เรื่องนี้

อัล อิสรอ

เขากล่าว แน่นอน พวกมันน่าจะพยายามหาทางไปให้ถึงเจ้านายแห่ง บัลลังก์แล้ว มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขา พูด 44 ชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินและทุกสรรพสิ่งในนั้นต่างกล่าวแซ่ซ้อง สรรเสริญพระองค์ แต่สูเจ้าไม่เข้าใจการแซ่ซ้องสรรเสริญของพวกมัน แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงขันติและผู้ทรงให้อภัย 45 เมื่อสูเจ้าอ่านกุรอาน เราได้กั้นม่านที่มองไม่เห็นระหว่างสูเจ้ากับ บรรดาผู้ไม่เชื่อในโลกหน้า เราได้ปิดคลุมหัวใจของพวกเขาไว้เพื่อที่ พวกเขาจะได้ไม่เข้าใจและเราได้ทำาให้หูของพวกเขาไม่ได้ยิน เมื่อเจ้าเอ่ย ถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าในกุรอานเพียงองค์เดียว พวกเขาจะหันหน้าไป ทางอื่นด้วยความเกลียดชัง 47 เรารู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกเขาอยากจะได้ยินเมื่อพวกเขาฟังเจ้าและสิ่งที่ พวกเขาพูดเมื่อพวกเขานั่งร่วมปรึกษากันอย่างลับๆ และเมื่อพวกคนทำา ผิดเหล่านี้กล่าวต่อกันและกันว่า พวกท่านกำาลังตามผู้ถูกคาถาอาคมอยู่ เท่านั้น ดูซิ พวกเขาเปรียบเจ้าเหมือนอะไร พวกเขาหลงทางไปแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถหาหนทางที่ถูกต้องได้ พวกเขากล่าวว่า อะไรนะ จริงหรือที่เราจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ อีกครั้งหนึ่งเมื่อเราเหลือแต่กระดูกที่ผุป่นแล้ว จงบอกพวกเขาเถิดว่า แม้พวกท่านเป็นหินหรือเหล็ก หรือแม้แต่เป็นสิ่งที่แข็งกว่านี้ซึ่งพวก ท่านคิดว่าไม่อาจจะถูกทำาให้มีชีวิตได้อีกก็ตาม แล้วพวกเขาจะถามว่า ใครเล่าที่จะทำาให้เรากลับมามีชีวิตอีก จงตอบพวกเขาว่า ก็พระองค์ ผู้ทรงทำาให้พวกท่านมีชีวิตขึ้นในครั้งแรกไงเล่า แล้วพวกเขาจะส่ายหัว แก่เจ้าและถามว่า แล้วเมื่อไหร่มันจะเกิดขึ้น จงบอกพวกเขาว่า บางที มันอาจจะเร็วๆนี้ก็ได้ ในวันนั้น เมื่อพระองค์ทรงเรียกพวกท่าน พวก ท่านจะสนองตอบด้วยการลุกขึ้นและสรรเสริญพระองค์ และพวกท่านคิด ว่าพวกท่านอยู่ในสภาวะเช่นนี้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น (มุ ัมมัด) จงบอกปวงบ่าวของ ันว่าพวกเขาควรจะพูดแต่เ พาะ

การเดินทางในยามราตรี

สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น ความจริงแล้ว ซาตานนั้นพยายามที่จะสร้างความ แตกแยกขึ้นระหว่างพวกเขา แท้จริง ซาตานคือศัตรูตัว กาจของมนุษย์ 54 พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงรู้ดีทุกสิ่งเกี่ยวกับสูเจ้า ถ้าหากพระองค์ ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงเมตตาสูเจ้า และถ้าหากพระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์จะทรงลงโทษสูเจ้าอย่างหนัก เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่อ เป็นผู้ดูแลเขา 55 พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน เราได้ยกนบีบางคนให้มีตำาแหน่งเหนือกว่านบีบางคนและ เราได้ประทานคัมภีร์ษะบูรฺแก่ดาวูด จงวิงวอนต่อสิ่งสูเจ้าอ้างว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกไปจากพระเจ้า และสูเจ้าจะรู้ว่าพวกมันไม่สามารถปลดเปลื้องความทุกข์ยากลำ าบาก ของสูเจ้าหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งใด(ตามที่สูเจ้าต้องการ)ได้ 57 บรรดาผู้ที่ พวกเขาวิงวอนขอความช่วยเหลือนั้นก็หาทางเข้าไปหาพระผู้อภิบาล ของพวกเขาและแข่งขันกันที่จะเข้าใกล้พระเจ้าโดยหวังความเมตตาของ พระองค์และกลัวการลงโทษของพระองค์ แท้จริง การลงโทษของพระผู้ อภิบาลของสูเจ้านั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ไม่มีเมือง(ชุมชน)ใดนอกจาก เราจะทำาลายหรือลงโทษอย่างแรงก่อนวันแห่งการพิพากษา นั่นได้ถูก ลิขิตไว้แล้วในบันทึก ไม่มีสิ่งใดขัดขวางเราจากการส่งสัญญาณต่างๆได้นอกจากคนรุ่น ก่อนๆได้ป ิเสธมัน เราได้ส่งอู ตัวเมียมาเป็นสัญญาณอันชัดแจ้งต่อ พวกษะมูด แต่พวกเขาได้ป ิบัติต่อมันอย่างเหี้ยมโหดในขณะที่เราได้ส่ง สัญญาณต่างๆมาเพื่อเป็นการตักเตือน (มุ ัมมัด)เราได้บอกเจ้าแล้วว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าได้ทรงล้อม ผู้คนเหล่านี้ไว้ เราได้ให้เจ้าเห็นสิ่งที่เราได้แสดงแก่เจ้าแล้ว เช่นเดียวกับ ต้นไม้ที่ถูกสาปแช่ง(ต้นซักกูมที่ผลของมันมีหนามภายนอก)ในกุรอาน เพื่อเป็นการทดสอบสำาหรับคนเหล่านี้ เราได้เตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้ง เล่า แต่การเตือนแต่ละครั้งก็มีแต่จะทำาให้พวกเขาดื้อรั้นยิ่งขึ้น

อัล อิสรอ

เมื่อเราได้บัญชาแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า จงก้มกราบต่ออาดัม ทั้งหมดต่างก้มกราบ ยกเว้นอิบลีส มันกล่าวว่า จะให้ ันนบนอบต่อ ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างมาจากดินกระนั้นหรือ แล้วมันก็กล่าวอีกว่า พระองค์ทรงพิจารณาดูหน่อยซิ นี่นะหรือที่พระองค์ทรงยกย่องให้เหนือ กว่า ัน ถ้าหากพระองค์ทรงผ่อนปรนเวลาให้แก่ ันไปจนถึงวันแห่งการ ฟื้นคืนชีพ ันจะนำาลูกหลานของเขาให้มาตาม ันทั้งหมด พระเจ้าทรงกล่าวว่า จงออกไปให้พ้น นรกเป็นรางวัลตอบแทน อย่างเพียงพอแล้วสำาหรับสูเจ้าและผู้ป ิบัติตามสูเจ้า จงออกไป สูเจ้า จะล่อลวงใครก็ได้ตามที่สูเจ้าสามารถ ด้วยเสียงของสูเจ้าและ ขบวน ทหารม้าและพลเดินเท้าของสูเจ้ามาโจมตีพวกเขา และจงเป็นหุ้นส่วนกับ พวกเขาในทรัพย์สินและลูกๆของพวกเขาและทำาสัญญากับพวกเขาก็ได้ แท้จริงแล้ว สัญญาของซาตานนั้นมิใช่สิ่งใดนอกไปจากการหลอกลวง แต่สูเจ้าไม่มีอำานาจเหนือปวงบ่าวที่แท้จริงของ ัน พระผู้อภิบาลของ เจ้านั้นเพียงพอแล้วสำาหรับเจ้าในการเป็นผู้คุ้มครอง พระผู้อภิบาลของสูเจ้าคือผู้ทรงทำาให้เรือของสูเจ้าแล่นข้ามทะเล เพื่อที่สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์ แท้จริง พระองค์ ทรงเมตตาสูเจ้าเสมอ เมื่ออันตรายประสบแก่สูเจ้าในทะเล สูเจ้าวิงวอน ขอความช่วยเหลือต่อพระองค์และลืมสิ่งอื่นๆที่สูเจ้าเคยวิงวอนขอความ ช่วยเหลือ แต่เมื่อพระองค์ทรงช่วยสูเจ้าให้ขึ้นบกด้วยความปลอดภัย สูเจ้าก็หันห่างออกไปจากพระองค์ แท้จริงแล้ว มนุษย์นั้นเนรคุณเสมอ สูเจ้าคิดว่าจะปลอดภัยหรือต่อการที่พระเจ้าจะทำาให้แผ่นดินสูบ สูเจ้าเมื่อสูเจ้าอยู่บนแผ่นดิน หรือต่อการที่พระองค์จะส่งพายุหินพัด กระหน่ำาใส่สูเจ้า แล้วสูเจ้าจะไม่พบผู้ใดคุ้มครองสูเจ้า หรือสูเจ้าไม่ กลัวว่าพระองค์จะส่งสูเจ้าไปยังทะเลอีกครั้งหนึ่งและกระหน่ำาสูเจ้าด้วย พายุร้ายและทำาให้สูเจ้าจมน้ำาเพราะการเนรคุณของสูเจ้าและสูเจ้าจะไม่ พบผู้ช่วยเหลือสูเจ้าให้พ้นจากเราที่นั่น

การเดินทางในยามราตรี

เราได้ให้เกียรติแก่ลูกๆของอาดัมและเราได้ประทานความจำาเริญ แก่พวกเขาด้วยการขนส่งโดยสารบนบกและในทะเล และเราได้ประทาน สิ่งดีๆและบริสุทธิ์แก่พวกเขาและยกย่องพวกเขาให้เหนือกว่าสิ่งถูกสร้าง อื่นๆของเราอีกมากมาย วันนั้นจะมาถึงอย่างแน่นอนเมื่อเราจะเรียกมนุษย์ทุกคนพร้อมด้วย บรรดาผู้นำาของพวกเขา แล้วบรรดาผู้ที่ถูกยื่นบันทึกของพวกเขาให้ใน มือขวาของพวกเขาจะอ่านบันทึกของพวกเขา(อย่างกระตือรือร้น) และ พวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้แต่น้อยนิด แต่ใครที่ตาบอดในโลกนี้จะ ตาบอดในโลกหน้าด้วย ไม่ เขาจะหลงทางออกไปไกลจากหนทาง(แห่ง สัจธรรม)ยิ่งกว่าคนตาบอดเสียอีก (โอ้มุ ัมมัด) พวกเขาหาทางทุกอย่างที่จะล่อลวงเจ้าให้หลงออก จากสิ่งที่เราได้เปิดเผยแก่เจ้าโดยหวังว่าเจ้าจะสร้างเรื่องเท็จบางอย่างใน นามของเรา ถ้าหากเจ้าทำาเช่นนั้น พวกเขาจะคบเจ้าเป็นเพื่อน 74 ถ้าเรา ไม่ได้ให้ความเข้มแข็งแก่เจ้า มันอาจเป็นไปได้ที่เจ้าจะคล้อยตามพวกเขา 75 แต่ถ้าหากเจ้าทำาเช่นนั้น เราจะให้เจ้าลิ้มรสการลงโทษเป็นสองเท่าทั้ง ในโลกนี้และโลกหน้าด้วยเช่นกัน แล้วเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใดๆมาขัด ขวางเราได้ ความจริงแล้ว พวกเขากำาลังพยายามหาทางขจัดเจ้าและขับไล่เจ้า ออกไปจากแผ่นดิน ถ้าหากพวกเขาทำาเช่นนั้น พวกเขาเองจะไม่สามารถ อยู่ที่นี่ได้นานหลังจากเจ้า 77 นี่คือวิธีการของเรากับบรรดาศาสนทูตที่เรา ได้ส่งมาก่อนเจ้า และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในวีธีการของเรา จงดำารงนมาซตั้งแต่ดวงตะวันคล้อยไปจนถึงความมืดของกลาง คืนและในยามรุ่งอรุณ เพราะการอ่านกุรอานในยามรุ่งอรุณจะถูกเ ้าดู และในระหว่างกลางคืน จงตื่นขึ้นนมาซ นี่เป็นการนมาซเพิ่มเติม สำาหรับเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่พระผู้อภิบาลของเจ้าจะได้ยกย่องเจ้าให้อยู่ใน ตำาแหน่งที่ได้รับการสรรเสริญ

อัล อิสรอ

จงกล่าววิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล โปรดประทานทางเข้าและ ทางออกอันมีเกียรติแก่ ัน และโปรดดำารงรักษา ันไว้ด้วยอำานาจของ พระองค์ด้วยเถิด จงประกาศว่า สัจธรรมมาแล้วและความเท็จได้ มลายหายไป เพราะความเท็จนั้นเป็นสิ่งที่ต้องสูญสิ้นไปเสมอ เราได้ประทานสิ่งที่เป็นการบำาบัดรักษาและเป็นความเมตตาแก่ บรรดาผู้ศรัทธาไว้ในกุรอาน ส่วนบรรดาผู้ทำาความชั่วนั้น มันมีแต่จะเพิ่ม ความขาดทุนให้แก่พวกเขา เมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานแก่ใครคนหนึ่ง เขากลับทำาตัว ยโสโอหังและหันหลังให้ แต่เมื่อเคราะห์กรรมประสบแก่เขา เขาก็เริ่ม สิ้นหวัง (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า ทุกคนกำาลังป ิบัติตามทางของ ตนเอง แต่พระผู้อภิบาลของพวกท่านเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่าใครอยู่บน แนวทางที่เที่ยงตรง พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับวิญญาณ จงบอกเถิดว่า วิญญาณนั้นมา โดยคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลของ ัน แต่พวกท่านได้รับความรู้เพียง เล็กน้อยเท่านั้น (โอ้มุ ัมมัด) ถ้าเราประสงค์ เราอาจจะเอาสิ่งที่เราได้เปิดเผย แก่เจ้าทั้งหมดกลับมา แล้วเจ้าจะไม่พบใครที่ช่วยเหลือเจ้าให้พ้นจาก เรา ยกเว้นโดยความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของเจ้า แท้จริง ความ โปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก จงกล่าวเถิด แม้ มนุษย์และญินจะรวมกันเพื่อทำาสิ่งที่เหมือนกับกุรอานนี้ พวกเขาจะไม่ สามารถทำาสิ่งที่เหมือนมันได้ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะช่วยกันก็ตาม ในกุรอานนี้ เราได้ใช้วิธียกตัวอย่างต่างๆเพื่อทำาให้มนุษย์เข้าใจ แต่ ส่วนมากของพวกเขายังคงดึงดันอยู่ในการป ิเสธสัจธรรม พวกเขา กล่าวว่า เราจะไม่ศรัทธาในสิ่งที่ท่านกล่าวจนกว่าท่านจะทำาให้น้ำาพุพุ่ง ออกมาจากแผ่นดินเพื่อเรา หรือไม่ก็ให้มีสวนอินทผลัมและองุ่นเกิด ขึ้นแก่ท่านและทำาให้ลำาน้ำาหลายสายไหลเข้าไปในสวนนั้น หรือจนกว่า

การเดินทางในยามราตรี

ท่านจะทำาให้ฟ้าถล่มลงมาบนเราเป็นเสี่ยงๆตามที่ท่านขู่เรา หรือนำาเอา พระเจ้าและทูตสวรรค์มาปราก ต่อหน้าเรา หรือให้มีบ้านทองคำาหลัง หนึ่งเกิดขึ้นสำาหรับท่านหรือท่านทะยานขึ้นไปบนฟ้า และเราจะไม่เชื่อ ในการทะยานขึ้นไปของท่านจนกว่าท่านจะนำาเอาคัมภีร์เล่มที่เราอ่านได้ มาให้เรา (โอ้มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า พระผู้อภิบาลของ ันนั้นทรง บริสุทธิ์ยิ่ง ันมิได้เป็นอะไรนอกไปจากมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกส่งมาเป็น ศาสนทูต เมื่อใดก็ตามที่ทางนำาได้มายังพวกเขา ไม่มีสิ่งใดที่ห้ามพวกเขา จากการศรัทธานอกจากข้อสงสัยที่พวกเขากล่าวว่า พระเจ้าได้ส่งมนุษย์ มาเป็นศาสนทูตของพระองค์ด้วยหรือ จงบอกพวกเขาว่า ถ้าหาก บรรดาทูตสวรรค์เดินไปไหนมาไหนบนโลกได้โดยสงบ เราจะส่งทูต สวรรค์องค์หนึ่งมาเป็นศาสนทูตยังพวกเขา (โอ้มุ ัมมัด) จงกล่าวเถิด ว่า พระเจ้าก็เพียงพอแล้วสำาหรับการเป็นพยานระหว่าง ันและพวกท่าน ทั้งหมด พระองค์ทรงรู้ดีและทรงเ ้าดูบ่าวทั้งหลายของพระองค์ ใครที่พระเจ้าทรงนำาทาง เขาจะอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ส่วนใครที่ พระเจ้าปล่อยให้หลงทาง เจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือคนใดสำาหรับพวกเขา นอกจากพระองค์เท่านั้น ในวันแห่งการพิพากษา เราจะรวมพวกเขาไว้ ให้นอนคว่ำาหน้า ตาบอด เป็นใบ้และหูหนวก ที่พำานักของพวกเขาคือนรก เมื่อใดก็ตามที่ไฟมอด เราจะให้มันลุกโชนขึ้นอีกสำาหรับพวกเขา นี่คือ การตอบแทนสำาหรับพวกเขา เพราะพวกเขาป ิเสธสัญญาณของเราและ ถามว่า เราจะถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกกระนั้นหรือในเมื่อเราได้ กลายเป็นกระดูกและเป็น ุ่นแล้ว พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินทรงมีอำานาจที่จะสร้างสิ่งที่เหมือนกับพวกเขาได้ พระองค์ได้ทรง กำาหนดเวลาสำาหรับทำาให้พวกเขาฟื้นขึ้นมาไว้แล้วโดยไม่ต้องสงสัย แต่ บรรดาผู้ทำาความผิดยังคงดึงดันป ิเสธสัจธรรม (โอ้มุ ัมมัด) จงบอก

อัล อิสรอ

พวกเขาว่า ถ้าหากคลังสมบัติแห่งความเมตตาของพระผู้อภิบาลของ ัน อยู่ในความครอบครองของพวกท่าน พวกท่านก็คงจะหน่วงเหนี่ยวมันไว้ ด้วยกลัวว่ามันจะถูกใช้จนหมดไป แท้จริง มนุษย์นั้นขี้เหนียวเสมอ เราได้ให้สัญญาณที่ชัดแจ้งเก้าอย่างแก่มูซา สูเจ้าจงถามลูกหลาน อิสรออีลดูก็ได้ เมื่อเขามายังผู้คนแล้ว ฟาโรห์ได้กล่าวว่า มูซาเอย ัน ถือว่าท่านถูกคาถาอาคมอย่างแน่นอน มูซาตอบว่า ท่านรู้ดีว่า ไม่มีใครนอกไปจากพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินที่ส่ง สัญญาณเหล่านี้ลงมาเพื่อเป็นหลัก านต่อหน้าต่อตา ฟาโรห์เอย ันเห็น ว่าท่านต่างหากที่จะได้รับความหายนะ ในที่สุด ฟาโรห์ก็คิดที่จะ กำาจัดมูซาออกไปจากแผ่นดิน แต่เราได้ทำาให้เขาและพวกพ้องของเขา ทั้งหมดจมน้ำาตาย หลังจากนั้น เราได้กล่าวแก่พวกลูกหลานอิสรออีล ว่า ตอนนี้ สูเจ้าจงตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดิน และเมื่อเวลาแห่งการฟื้น คืนชีพที่ถูกกำาหนดไว้มาถึง เราจะรวมสูเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน เราได้ส่งกุรอานลงมาด้วยสัจธรรมและด้วยสัจธรรมที่มันได้ลงมา (โอ้มุ ัมมัด) เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อแจ้งข่าวดีและเพื่อ ให้คำาเตือน เราได้ส่งกุรอานนี้ลงมาเป็นตอนๆเพื่อที่เจ้าจะได้อ่านให้ แก่ผู้คนทีละตอน และเราได้ประทานมันลงมาเป็นคราวๆ (โอ้มุ ัมมัด) จงกล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม บรรดาผู้ได้รับความรู้ก่อนหน้านี้ได้ก้มลงกราบเมื่อมันถูกอ่าน และ พวกเขาจะกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของเรา สัญญาของ พระองค์จะเป็นจริงอย่างแน่นอน และพวกเขาจะก้มหน้าลงจรดพื้น พลางร้องไห้เมื่อได้ยินมัน และนี่(กุรอาน)ได้ทำาให้พวกเขาถ่อมตัวมาก ขึ้น (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า พวกท่านจะวิงวอนต่อพระเจ้าหรือ ผู้ทรงกรุณาก็ได้เหมือนกัน พระนามทั้งหมดของพระองค์นั้นประเสริ ยิ่ง และจงอย่าอ่านเสียงดังหรือแผ่วเบาในการนมาซของเจ้า แต่จง

ถ้ำา

ป ิบัติตามทางสายกลางระหว่างทั้งสองนี้ และจงกล่าว บรรดาการ สรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้มิได้ทรงกำาเนิดบุตรและไม่มีหุ้นส่วนใดๆใน อาณาจักรของพระองค์ และมิทรงต้องมีผู้ช่วยเหลือใดๆ และจงประกาศ ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยการสดุดดีความเกรียงไกรของพระองค์ 18. ถ้ำา

อัล-กะฮฺฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงประทานคัมภีร์ที่ไม่มีความ คลุมเครือใดๆนี้มายังบ่าวของพระองค์ และเป็นคัมภีร์ที่กล่าวอย่างตรง ไปตรงมาเพื่อที่จะเตือนผู้คนถึงการลงโทษอันรุนแรงจากพระองค์ และ แจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่กระทำาความดีว่าพวกเขาจะได้รับรางวัล อันดีงาม ซึ่งพวกเขาจะมีความสุขในนั้นตลอดไป 4 และเพื่อที่จะเตือน บรรดาผู้ที่กล่าวว่า พระเจ้าทรงให้กำาเนิดบุตร 5 พวกเขาไม่มีความรู้ใดๆ ในเรื่องนี้เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพวกเขา มันเป็นถ้อยคำาอุบาทว์ที่ ออกมาจากปากของพวกเขา พวกเขามิได้พูดอะไรนอกไปจากความเท็จ (โอ้มุ ัมมัด)บางทีเจ้าอาจจะทำาลายตัวเจ้าเองเพราะความเศร้าใจถ้า พวกเขาไม่ศรัทธาในสาสน์นี้ 7 เราได้ประดับประดาโลกนี้ด้วยสิ่งต่างๆที่ สวยหรูเพื่อที่เราจะทดสอบมนุษย์ว่าผู้ใดในหมู่พวกเขาดีที่สุดในการงาน แต่เราจะพลิกทุกอย่างที่อยู่ในนั้นให้เป็นที่ว่างเปล่า เจ้าคิดไหมว่าบรรดาผู้หลับใหลอยู่ในถ้ำาและแผ่นจารึกเป็นสัญญาณ มหัศจรรย์ส่วนหนึ่งของเรา เมื่อพวกชายหนุ่มเข้าไปหลบภัยอยู่ใน ถ้ำา พวกเขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานความเมตตา จากพระองค์แก่เราและโปรดนำาทางที่ถูกต้องในกิจการงานของเราด้วย

อัล กะ ฺฟ

เถิด ดังนั้น เราจึงได้ทำาให้พวกเขาหลับอยู่ในถ้ำาเป็นเวลาหลายปี หลังจากนั้น เราได้ทำาให้พวกเขาตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะทดสอบว่าคนกลุ่ม ใดในสองกลุ่มสามารถนับเวลาที่พวกเขาอยู่ที่นั่นได้ดีกว่ากัน ทีนี้ เราจะเล่าเรื่องราวของพวกเขาให้เจ้าฟัง พวกเขาเป็นชายหนุ่ม กลุ่มหนึ่งที่ศรัทธาในพระผู้อภิบาลของพวกเขาและเราได้เพิ่มพูนทางนำา ให้แก่พวกเขา เราได้ทำาให้หัวใจของพวกเขาเข้มแข็งเมื่อพวกเขาลุก ขึ้นและประกาศว่า พระผู้อภิบาลของเราคือพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน เราจะไม่วิงวอนพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เป็นอัน ขาด มันเป็นการไร้สาระที่สุดหากเราทำาเช่นนั้น (พวกเขาได้ปรึกษา กันว่า) คนของพวกเราได้เอาพระเจ้าอื่นมาแทนพระองค์ ทำาไมพวกเขา ไม่เอาหลัก านที่ชัดแจ้งใดๆมายืนยันความเชื่อของพวกเขา ดังนั้น ใคร เล่าที่จะชั่วช้าไปกว่าผู้กุเรื่องเท็จต่อพระเจ้า ทีนี้ เมื่อพวกเจ้าปลีกตัวห่างออกจากพวกเขาและมิได้เคารพสักกา ระผู้ใดแทนพระเจ้าแล้ว ขอให้พวกเราไปยังถ้ำาเพื่อหลบภัย พระผู้อภิบาล ของพวกเจ้าจะทรงแผ่ความเมตตาของพระองค์แก่พวกท่านและจะทรง จัดระเบียบการงานอย่างดีที่สุดให้แก่พวกเจ้า เจ้าจะเห็นว่าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น มันจะเคลื่อนจากถ้ำาไปยังด้านหนึ่ง และคล้อยไปทางขวา และเมื่อมันตก มันจะลับไปจากพวกเขาและเคลื่อน ไปทางซ้ายในขณะที่พวกเขานอนอยู่ที่ลานกว้างภายในถ้ำา นี่คือหนึ่งใน บรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระเจ้า ใครที่พระเจ้าทรงนำาทาง เขาก็อยู่ ในหนทางที่ถูกต้อง และใครที่พระเจ้าทรงปล่อยให้หลง เขาจะไม่พบผู้ ช่วยเหลือหรือผู้นำาทาง ถ้าหากเจ้าเห็นพวกเขา เจ้าจะคิดว่าพวกเขาตื่นทั้งๆที่ความจริง แล้วพวกเขาหลับ เราได้พลิกพวกเขามาทางด้านขวาและซ้ายและสุนัข ของพวกเขายังคงนั่งยืดสองขาหน้าเ ้าอยู่ที่ปากถ้ำา ถ้าหากเจ้ามองลงมา และเห็นพวกเขา เจ้าจะหันหลังหนีเพราะความตกใจกลัว

ถ้ำา

ในช่วงเวลาหนึ่ง เราได้ทำาให้พวกเขาลุกขึ้น ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะ ได้ถามกันและกัน คนหนึ่งในพวกเขาถามว่า พวกเจ้าอยู่ในสภาพเช่น นี้มานานเท่าใดแล้ว พวกเขาตอบว่า เราอยู่ในนี้มาหนึ่งวันหรือเพียง ส่วนหนึ่งของวัน แต่อีกคนหนึ่งว่า พระผู้อภิบาลทรงรู้ดีที่สุดว่าเราอยู่ ในสภาพนี้มานานเท่าใด ดังนั้น ให้เราส่งใครคนหนึ่งในหมู่พวกเราพร้อม กับเหรียญเงินไปยังเมืองและให้เขาดูสถานที่ที่เขาสามารถหาอาหารที่ สะอาดที่สุดเพื่อนำาอะไรบางอย่างมากิน อย่างไรก็ตาม เขาต้องระวังมิให้ ใครรู้ว่าเราอยู่ที่ใด เพราะถ้าพวกเขารู้ว่าเราเป็นใคร พวกเขาจะเอาหิน ขว้างพวกเราจนตายหรือบังคับเราให้กลับไปนับถือศาสนาของพวกเขา อย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจะไม่ประสบความสำาเร็จที่แท้จริง ตลอดกาล โดยวิธีนี้เองที่เราได้เปิดเผยความลับของพวกเขาให้แก่ชาวเมือง เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้ว่าสัญญาณของพระเจ้านั้นเป็นความจริงและจะได้ ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องยามอวสาน(วันแห่งการพิพากษา) แต่ผู้คนกลับถก เถียงกันเองเกี่ยวกับพวกเขาที่เป็นชาวถ้ำา พวกเขาบางคนกล่าวว่า จง สร้างอนุสรณ์สถานไว้เหนือพวกเขา เพราะพระผู้อภิบาลของพวกเขา เท่านั้นที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับพวกเขา แต่บรรดาคนที่มีอำานาจในกิจการของ ผู้คนกล่าวว่า เราจะสร้างสถานที่แห่งการเคารพสักการะขึ้นมาบนพวก เขา บางคนกล่าวว่า พวกเขามีสามคนและที่สี่คือสุนัขของพวกเขา บางคนกล่าวว่า พวกเขามีห้าคนและที่หกคือสุนัขของพวกเขา นี่เป็น เพียงการเดาส่งเดช ยังมีบางคนกล่าวว่า พวกเขามีเจ็ดคนและที่แปด คือสุนัขของพวกเขา จงกล่าวเถิด พระผู้อภิบาลของ ันเท่านั้นที่ทรงรู้ ดีที่สุดว่าพวกเขามีจำานวนเท่าใด มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จำานวนที่ถูกต้อง ดัง นั้น เจ้าจงอย่าเข้าไปถกเถียงกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้นอกจากเรื่องที่ เห็นได้ และจงอย่าถามผู้ใดเกี่ยวกับพวกเขา จงอย่ากล่าวเกี่ยวกับเรื่อง

อัล กะ ฺฟ

ใดว่า ันจะทำาสิ่งนี้ในวันพรุ่งนี้ โดยไม่กล่าวว่า หากพระเจ้าทรง ประสงค์ ถ้าหากเจ้ากล่าวสิ่งใดออกไปโดยพลั้งเผลอ เจ้าจงนึกถึงพระผู้ อภิบาลของเจ้าทันทีและกล่าวว่า ันหวังว่าพระผู้อภิบาลของ ันจะทรง นำาทาง ันในเรื่องนี้ด้วยสิ่งที่ใกล้กับหนทางที่เที่ยงตรงที่สุดสำาหรับ ัน (มีบางคนกล่าวว่า) พวกเขาอยู่ในถ้ำามาเป็นเวลาสามร้อยปี และ บางคนก็เพิ่มเข้าไปอีกเก้าปี โอ้นบี จงบอกพวกเขาเถิดว่า พระเจ้า ทรงรู้ดีที่สุดว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นนานเท่าใด เพราะพระองค์ทรงรู้ดีถึงทุก สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์เป็นผู้ทรงเห็น และทรงได้ยินทุกสิ่ง ไม่มีผู้คุ้มครองอื่นใดสำาหรับสิ่งทั้งหลายในชั้นฟ้าและ แผ่นดิน และพระองค์มิได้ทรงให้ผู้ใดเข้ามามีส่วนกับพระองค์ในอำานาจ ของพระองค์ (โอ้นบี) จงประกาศสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากคัมภีร์ของพระ ผู้อภิบาลของเจ้า เพราะไม่มีผู้ใดที่จะเปลี่ยนแปลงถ้อยคำาของพระองค์ เจ้าจะไม่พบที่ใดที่คุ้มครองเจ้าจากพระองค์ได้ จงทำาให้ตัวเจ้าเองมี ความขันติร่วมกับบรรดาผู้ที่วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาทั้งยาม เช้าและยามเย็นเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากพระองค์ และจงอย่า หันสายตาของเจ้าออกไปจากพวกเขาโดยปรารถนาสิ่งน่าสนใจของชีวิต ทางโลก จงอย่าเชื่อฟังผู้ที่เราได้ทำาให้หัวใจของเขาเมินเ ยจากการะลึก ถึงเราและผู้ที่ป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของเขาและมีความประพ ติสุดโต่ใน การงานของเขา จงประกาศเถิดว่า นี่คือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น ใครที่ประสงค์ก็ศรัทธาได้ และผู้ใดประสงค์ก็ป ิเสธได้ สำาหรับผู้ ทำาความผิดนั้น เราได้เตรียมไฟนรกที่เปลวของมันจะล้อมรอบพวกเขา เหมือนหลังคาโค้งไว้แล้ว ถ้าพวกเขาร้องขอน้ำา พวกเขาจะได้รับน้ำาที่ เหมือนกับตะกั่วหลอมละลายที่เราเทราดลงบนใบหน้าของพวกเขา ช่าง เป็นเครื่องดื่มที่ชั่วช้าและที่พำานักอันเลวร้ายเสียนี่กระไร

ถ้ำา

ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้น เราจะไม่ทำาให้รางวัล สำาหรับผู้ทำาความดีต้องสูญเปล่า พวกเขาจะได้พำานักอยู่ในสวนสวรรค์ อันเขียวชอุ่มตลอดกาลซึ่งที่เท้าของพวกเขามีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้สวมกำาไลทองและสวมอาภรณ์ไหมสีเขียวทอยกดอกงาม วิจิตรและนอนเอกเขนกบนที่นั่งคล้ายบัลลังก์สูง ช่างเป็นผลตอบแทนอัน ประเสริ ยิ่งและเป็นที่พำานักที่แสนดีเสียนี่กระไร (โอ้มุ ัมมัด) จงยกการเปรียบเทียบเรื่องชายสองคนให้พวกเขา ฟัง คนหนึ่งเราได้ให้สวนองุ่นสองแห่งแก่เขาโดยมีต้นอินทผลัมล้อมรอบ และระหว่างสวนองุ่นทั้งสองนั้นเราได้ให้ที่ดินผืนหนึ่งไว้สำาหรับเพาะปลูก สวนองุ่นทั้งสองนี้ให้ผลอย่างอุดมสมบูรณ์และไม่เคยขาด และเรายัง ให้มีลำาธารไหลผ่านกลางสวนทั้งสองนั้นด้วย ดังนั้น เขาจึงได้ผลผลิต มากมาย แต่กระนั้นก็ตาม เมื่อเขาสนทนากับเพื่อนบ้านของเขา เขากล่าว ว่า ันมีทรัพย์สินมากกว่าท่านและมีคนรับใช้ที่แข็งแรงกว่า ด้วย ความไม่เป็นธรรมต่อตัวเขาเอง เขาได้เข้าไปในสวนของเขาและกล่าวว่า ันไม่คิดว่าความมั่งคั่งของ ันนี้จะสูญสิ้นไป ันไม่เชื่อว่าโมงยาม แห่งการฟื้นคืนชีพจะมีขึ้น อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก ันถูกนำากลับไปยังพระ ผู้อภิบาลของ ัน ันจะได้รับสถานที่ที่ดีกว่านี้แน่นอน เพื่อนบ้านของเขาได้ตำาหนิเขาระหว่างการสนทนาโดยกล่าวว่า อะไรกันนี่ ท่านป ิเสธผู้ทรงสร้างท่านขึ้นมาจากดิน แล้วจากอสุจิ ทรง ทำาให้ท่านเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างสมบูรณ์กระนั้นหรือ แต่สำาหรับ ัน แล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของ ัน และ ันไม่ตั้งผู้ใด เป็นภาคีร่วมกับพระองค์ เมื่อท่านเข้าไปในสวนของท่าน ทำาไมท่านไม่ กล่าวว่า อะไรที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากพระองค์ทรงประสงค์ ไม่มีพลังอำานาจ อื่นใดนอกไปจากอำานาจของพระเจ้า ถ้าหากท่านเห็นว่า ันด้อยกว่า ท่านในทรัพย์สินและลูกๆ บางที พระผู้อภิบาลของ ันอาจจะประทาน สวนที่ดีกว่าสวนของท่านแก่ ัน และอาจส่งฟ้าผ่าลงมาบนสวนของท่าน

อัล กะ ฺฟ

จนกลายเป็นทุ่งโล่งเตียนก็ได้ หรือน้ำาในสวนนั้นอาจแห้งเหือดลงไปใน แผ่นดินและท่านไม่สามารถหามันมาได้อีก ในที่สุด พืชผลของเขาทั้งหมดได้ถูกทำาลาย เมื่อเขาเห็นร้านปลูก องุ่นพังลงมา เขาก็บีบมือทั้งสองของเขาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสีย สิ่งที่เขาได้ทุ่มเทไปและกล่าวว่า ันไม่คิดที่จะตั้งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระ ผู้อภิบาลของ ันเลย เขาไร้คนมาช่วยเหลือเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้ และเขาไม่สามารถป้องกันตนเองได้ 44 ดังนั้น เขาจึงตระหนักได้ว่าการ ช่วยเหลือทั้งหมดนั้นมาจากพระเจ้าผู้ทรงสัจจะ พระองค์ทรงเป็นเลิศ ที่สุดในการตอบแทนและทรงเป็นเลิศที่สุดในเรื่องผลสุดท้ายที่จะตามมา 45 (โอ้นบี) จงยกตัวอย่างให้พวกเขาได้นึกถึงความจริงแห่งชีวิตโลก นี้ว่ามันเปรียบเหมือนกับพืชพรรณของโลกที่งอกเงยขึ้นมาอย่างอุดม สมบูรณ์เมื่อเราส่งน้ำา นลงมาจากท้องฟ้า แต่หลังจากนั้น มันก็กลับกลาย เป็นเศษพืชแห้งกรังที่ถูกลมพัดปลิวว่อน พระเจ้าทรงมีอานุภาพเหนือทุก สิ่ง ทำานองเดียวกัน ทรัพย์สินและลูกๆก็คือเครื่องประดับชั่วคราวแห่ง โลกนี้เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว การกระทำาความดีอย่างจีรังนั้นเป็นสิ่งที่ดี ที่สุดในสายตาของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าในบั้นปลาย และเป็นความหวัง ที่ดีกว่า 47 วันที่เราจะทำาให้ภูเขาทั้งหลายต้องเคลื่อนย้าย สูเจ้าจะได้เห็นแผ่น ดินนี้ว่างเปล่า และเราจะรวมมนุษย์ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันโดยไม่เหลือใคร ไว้ข้างหลังเลย พวกเขาจะถูกนำามาปราก ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าเป็นแถวและพระองค์จะกล่าวกับพวกเขาว่า ตอนนี้ สูเจ้าได้กลับ มายังเราเหมือนกับที่เราได้สร้างสูเจ้าเป็นครั้งแรก แต่สูเจ้าคิดเอาเองว่า เราไม่ได้กำาหนดไว้สำาหรับการทำาตามสัญญาที่มีต่อสูเจ้า แล้วบันทึก(การกระทำา)จะถูกนำามาวางไว้ต่อหน้าพวกเขา ในตอน นั้น สูเจ้าจะเห็นว่าคนทำาผิดทั้งหลายจะกลัวสิ่งที่อยู่ในบันทึกนั้น พวก เขาจะกล่าวว่า บรรลัยแน่แล้วเรา นี่มันบันทึกอะไรกันนี่ ไม่มีการกระทำา

ถ้ำา

อะไรของเราที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้เลยไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ โต พวกเขาจะได้เห็นทุกสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ต่อหน้าพวกเขาและพระผู้ อภิบาลของสูเจ้าไม่ทรงอธรรมต่อผู้ใดแม้แต่น้อยนิด จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้กล่าวแก่บรรดาทูตสวรรค์ว่า จงก้มกราบ ต่ออาดัม พวกเขาได้ก้มกราบ ยกเว้นอิบลีส(ซาตาน) มันเป็นหนึ่งในหมู่ ญิน มัน ่า ืนคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลของมัน แล้วสูเจ้าจะเอามันและ ลูกหลานของมันมาเป็นผู้คุ้มครองแทน ันกระนั้นหรือทั้งๆที่มันเป็นศัตรู ของสูเจ้า นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่ชั่วร้ายเหลือเกินสำาหรับผู้ทำาความผิด ันมิได้เรียกพวกมันให้มาเป็นพยานในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน และในการสร้างตัวตนของพวกมัน ันไม่เอาบรรดาผู้ทำาให้ คนอื่นหลงทางมาเป็นผู้ช่วยเหลือ ในวันนั้น พระองค์จะกล่าวกับพวกเขาว่า จงเรียกบรรดาที่สูเจ้าคิด ว่าเป็นภาคีกับ ันมาให้หมด และพวกเขาจะร้องเรียกพวกมัน แต่พวก มันจะไม่ตอบรับและไม่มาช่วยเหลือพวกเขา และเราจะวางที่ขวางกั้น (ความเป็นศัตรู)ระหว่างพวกเขา ผู้ทำาความผิดทั้งหมดจะเห็นไฟในวัน นั้นและรู้ว่าพวกเขาจะตกลงไปในนั้น แต่พวกเขาไม่พบทางใดที่จะหนีไป ได้ 54 เราได้อธิบายทุกอย่างในกุรอานนี้เพื่อเป็นประโยชน์สำาหรับมนุษย์ แต่โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ชอบที่จะโต้เถียงกันในเรื่องต่างๆมากมาย 55 ไม่มีอะไรที่ขัดขวางพวกเขามิให้ศรัทธาในเมื่อพวกเขาได้รับทางนำา และขัดขวางพวกเขาจากการขออภัยโทษต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา นอกไปจากความจริงที่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับประชาชาติก่อนๆจะเกิดขึ้นกับ พวกเขา หรือไม่พวกเขาต้องได้เห็นการลงโทษมาปราก ต่อหน้าพวก เขา เรามิได้ส่งบรรดาศาสนทูตมาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อเป็นผู้แจ้ง ข่าวดีและเป็นผู้ให้คำาเตือน แต่บรรดาผู้ป ิเสธกลับใช้ความเท็จโต้แย้ง

อัล กะ ฺฟ

เพื่อทำาลายสัจธรรม พวกเขาถือเอาสิ่งที่ ันประทานมาและการเตือน ของ ันเป็นที่ล้อเล่น 57 ใครเล่าที่จะชั่วร้ายยิ่งกว่าผู้ถูกเตือนถึงสิ่งที่พระผู้ อภิบาลของเขาประทานมา แต่เขาหันห่างออกจากมันและลืมสิ่งที่มือของ เขาได้ทำาไว้ สำาหรับคนเหล่านั้น เราได้ปิดบังหัวใจของพวกเขาไว้ด้วย สิ่งที่จะทำาให้พวกเขาไม่เข้าใจวจนะของเราและทำาให้พวกเขาลำาบากใน การได้ยิน ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจะไม่มีวันอยู่ในทางนำาที่ถูกต้องไม่ว่า เจ้าจะเรียกร้องเชิญชวนพวกเขามาสู่ทางนำาอย่างไรก็ตาม พระผู้อภิบาลของเจ้าคือผู้ทรงอภัยและผู้ทรงเมตตายิ่ง หาก พระองค์ทรงประสงค์จะลงโทษพวกเขาสำาหรับความผิดที่พวกเขาได้ทำา ไว้ พระองค์อาจจะส่งการลงโทษมายังพวกเขาได้ทันที แต่พวกเขามีเวลา ที่ได้ถูกกำาหนดไว้ และพ้นจากเวลานั้นไป พวกเขาจะไม่พบทางหนีไป จากมันได้เลย เราได้ทำาลายหมู่ชนเหล่านี้เมื่อพวกเขายังคงทำาผิดและ เราได้กำาหนดเวลาสำาหรับการทำาลายพวกเขาไว้แล้ว (จงนึกถึง)เมื่อมูซากล่าวแก่คนรับใช้ของเขาว่า ันจะไม่ยุติการ เดินทางจนกว่าจะถึงบริเวณที่สองทะเลมาบรรจบกัน ถึงแม้ ันจะต้อง ใช้เวลาหลายปี และเมื่อทั้งสองมาถึงบริเวณที่สองทะเลบรรจบกัน ปราก ว่าพวกเขาลืมปลาไว้ มันจึงได้มุดหนีไปยังทะเลอย่างว่องไว เมื่อทั้งสองเดินต่อไป มูซาได้กล่าวแก่คนติดตามเขาว่า ไปเอาอาหาร เช้ามา เราเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้วจากการเดินทาง คนติดตามรับใช้กล่าวว่า ท่านเห็นไหมว่าในตอนที่เราแวะพักข้าง ก้อนหินนั้น ันได้ลืมปลาเอาไว้ และซาตานได้ทำาให้ ันลืมบอกเรื่องนี้ แก่ท่าน ปลาตัวนั้นได้กระโดดหนีลงทะเลไปอย่างน่าอัศจรรย์ มูซาจึง ตอบว่า นั่นแหละที่เรากำาลังตามหา ดังนั้น ทั้งสองจึงได้เดินย้อนรอย เท้ากลับไปยังที่เดิม ที่นั่น พวกเขาได้พบบ่าวคนหนึ่งของเราซึ่งเราได้ ประทานความโปรดปรานและสอนความรู้พิเศษแก่เขา มูซาได้กล่าวแก่เขาว่า ให้ ันติดตามท่านไปได้ไหม ทั้งนี้เพื่อที่ท่าน

ถ้ำา

จะได้สอนความรู้ที่ท่านได้ถูกสอนมาแก่ ันบ้าง เขาตอบว่า ท่านไม่ สามารถอดทนร่วมกับ ันได้ และท่านจะมีความอดทนในเรื่องที่ท่าน ไม่มีความรู้ได้อย่างไร มูซาได้กล่าวว่า หากพระเจ้าทรงประสงค์ ท่าน จะเห็นว่า ันเป็นคนอดทนและ ันจะไม่ ่า ืนท่านในเรื่องใดๆ เขา กล่าวว่า เอาละ ถ้าหากท่านต้องการจะติดตาม ันไปละก็ ท่านจงอย่า ถาม ันในเรื่องใดจนกว่า ันจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาเอง ดังนั้น ทั้งสองจึงได้ออกเดินทางไปจนกระทั่งเขาทั้งสองได้ขึ้นเรือ ลำาหนึ่ง และคนผู้นั้นได้เจาะรูลำาเรือ มูซาจึงร้องออกมาว่า อะไรกันนี่ ท่านเจาะรูในลำาเรือเพื่อจะทำาให้คนโดยสารจมน้ำากระนั้นหรือ ทำาอย่างนี้ ก็มีแต่จะพบเรื่องน่าเศร้าเป็นแน่ เขาผู้นั้นกล่าวว่า ันมิได้บอกท่าน มูซาได้ตอบว่า จง หรือว่าท่านไม่สามารถที่จะอดทนร่วมกับ ันได้ อย่าตำาหนิ ันในสิ่งที่ ันลืมเลย และขอจงอย่าถือสาในสิ่งที่ ันได้ทำาไป 74 หลังจากนั้น เขาทั้งสองได้ออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งเขาทั้งสองพบ เด็กชายคนหนึ่งและคนผู้นั้นได้ ่าเด็กคนนั้น มูซาจึงได้ร้องออกมาว่า ท่าน ่าคนบริสุทธิ์โดยเขาไม่ได้ ่าผู้ใดกระนั้นหรือ นี่เป็นความโหด ร้ายแท้ๆที่ท่านได้ทำาไป 75 ชายคนนั้นกล่าวว่า ันไม่ได้บอกท่านหรือว่าท่านไม่สามารถ อดทนร่วมกับ ันได้ มูซาจึงกล่าวว่า หลังจากนี้ ถ้าหาก ันถาม สิ่งใดจากท่าน จงอย่าเอา ันร่วมทางไปกับท่านเลย ันแก้ตัวกับท่าน มามากพอแล้ว 77 แล้วเขาทั้งสองได้ออกเดินทางต่อไปจนกระทั่งมาถึง ชุมชนแห่งหนึ่ง เขาทั้งสองจึงได้ขออาหารจากคนแถวนั้น แต่ผู้คนป ิเสธ ที่จะต้อนรับ ที่นั่น เขาทั้งสองได้เห็นกำาแพงแห่งหนึ่งกำาลังจะพังลงมา คนผู้นั้นจึงทำาให้มันตั้งตรงอีก มูซาจึงกล่าวว่า หากท่านต้องการ ท่านก็ สามารถเรียกร้องค่าแรงตอบแทนได้ เขากล่าวว่า เอาละ ทีนี้ เราต้อง แยกจากกันแล้ว ตอนนี้ ันจะบอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านไม่อาจทนได้ เกี่ยวกับเรื่องเรือนั้น มันเป็นของคนยากจนที่ทำางานอยู่ในแม่น้ำา

อัล กะ ฺฟ

ใหญ่ ันจงใจทำาลายมันเพราะข้างหน้าพวกเขานั้นเป็นเขตของกษัตริย์ คนหนึ่งซึ่งจะใช้อำานาจยึดเรือทุกลำา ส่วนเรื่องเด็กนั้น พ่อแม่ของเขาเป็นผู้ศรัทธาและเรากลัวว่าเขาจะ ทำาให้พ่อแม่ของเขาต้อง ่า ืนขอบเขตและป ิเสธความศรัทธา ดังนั้น เราต้องการให้พระผู้อภิบาลของเขาทั้งสองได้ประทานลูกอีกคนหนึ่งซึ่ง บริสุทธิ์และเป็นที่เมตตาแก่เขาแทนลูกคนเก่า เกี่ยวกับเรื่องกำาแพงนั้น มันเป็นของเด็กกำาพร้าสองคนที่พักอาศัย อยู่ในเมืองนี้ สมบัติของเด็กทั้งสอง ังอยู่ใต้กำาแพงนี้ เนื่องจากพ่อของ เขาทั้งสองเป็นคนดี พระผู้อภิบาลของท่านทรงปรารถนาว่าเมื่อเด็กชาย ทั้งสองนี้เติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาทั้งสองจะมาขุดเอาทรัพย์สมบัติของ พวกเขาออกมา ทั้งหมดนี้เป็นความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของท่าน ันมิได้ทำาสิ่งใดตามอำาเภอใจของ ัน นั่นคือความหมายของสิ่งที่ท่านไม่ สามารถอดทนได้ (มุ ัมมัด) พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับซุลกอรฺนัยน์ จงบอกพวกเขาว่า ันจะเล่าเรื่องราวของเขาให้พวกท่านฟัง เราได้สถาปนาอำานาจให้ แก่เขาบนหน้าแผ่นดินและได้ประทานปัจจัยทุกอย่างแก่เขา ในตอนแรก เขาได้ออกเดินทางไปตามเส้นทางสายหนึ่ง จน กระทั่งเขาได้มาถึงขอบเขตที่ดวงอาทิตย์ตกและพบว่ามันตกลงในน้ำาสี ดำา ที่นั่น เขาได้พบคนหมู่หนึ่ง เราได้กล่าวแก่เขาว่า โอ้ซุลกอรฺนัยน์ เจ้า มีอำานาจที่จะลงโทษพวกเขาและสามารถที่จะทำาคุณต่อพวกเขาได้เช่น กัน เขากล่าวว่า เราจะลงโทษใครก็ตามที่สร้างความอธรรม แล้วผู้นั้น จะถูกนำากลับไปยังพระผู้อภิบาลของเขาและพระองค์จะทรงลงโทษเขา อย่างรุนแรง แต่ใครที่ศรัทธาและกระทำาความดีจะได้รับการตอบแทน ที่ดีสำาหรับเขาและเราจะกำาหนดงานง่ายๆให้แก่เขา หลังจากนั้น เขาได้ออกเดินทางไปยังอีกเส้นทางหนึ่ง จนกระทั่ง เขามาถึงขอบเขตที่ดวงอาทิตย์ขึ้นที่นั่น เขาได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นเหนือ

ถ้ำา

ผู้คนหมู่หนึ่งที่เรามิได้ให้ที่กำาบังใดๆจากแสงแดดแก่พวกเขา นี่เป็น สภาพของพวกเขา และเรารู้ดีถึงเขา หลังจากนั้น เขาได้มุ่งหน้าไปอีกเส้นทางหนึ่ง จนกระทั่งเขามา ถึงระหว่างภูเขาที่เขาพบว่าผู้คนแทบจะไม่เข้าใจคำาพูดใดๆ พวกเขา ได้กล่าวว่า โอ้ซุลกอรฺนัยน์ ยะญูจญ์(กอก)และมะญูจญ์(มากอก)ได้แพร่ ความเสียหายไปทั่วแผ่นดิน ดังนั้น เราขอถวายบรรณาการแก่ท่านเพื่อที่ ท่านจะได้สร้างกำาแพงกั้นระหว่างเรากับพวกเขาได้ไหม เขาตอบว่า สิ่งที่พระผู้อภิบาลของ ันได้ประทานแก่ ันนั้นดีกว่า (บรรณาการใดๆ) ดังนั้น พวกท่านจงช่วย ันด้วยกำาลังและ ันจะสร้าง กำาแพงกั้นระหว่างพวกท่านกับพวกเขา จงเอาแผ่นเหล็กมาให้ ัน เมื่อเขาปิดช่องระหว่างภูเขาทั้งสองลูกแล้ว เขาได้กล่าวแก่ผู้คนว่า ทีนี้ จงเป่าไฟด้วยเครื่องบีบลม พวกเขาจึงได้ทำาตามนั้นจนกระทั่งกำาแพง เหล็กร้อนแดง เขาจึงกล่าวว่า ไปเอาทองแดงหลอมมาเพื่อ ันจะได้เทลง นี่คือกำาแพงที่ยะญูจญ์และมะญูจญ์ไม่สามารถข้ามมาและ ไปบนนั้น ไม่สามารถขุดลอดมาได้ ซุลกอรฺนัยน์กล่าวว่า นี่คือความเมตตาจาก พระผู้อภิบาลของ ัน แต่เมื่อถึงเวลาแห่งสัญญาของพระผู้อภิบาลของ ัน พระองค์จะทรงทำาลายมันเป็นจุล และสัญญาของพระผู้อภิบาลของ ัน เป็นจริงเสมอ ในวันนั้น เราจะปล่อยให้ผู้คนส่วนหนึ่งเข้ามาปะทะกับอีกส่วนหนึ่ง อย่างโกลาหล และแตรจะถูกเป่า และเราจะรวมมนุษยชาติทั้งหมดเข้าไว้ ด้วยกัน ในวันนั้น นรกจะถูกนำามาอยู่ต่อหน้าบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ที่ดวงตามืดบอดต่อคำาตักเตือนของ ันและหูหนวกต่อการเตือนของ ัน บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมคิดหรือว่าพวกเขาจะเอาบ่าวของ ันเป็น ผู้ช่วยเหลือนอกไปจาก ัน แท้จริง เราได้เตรียมนรกไว้สำาหรับต้อนรับ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมแล้ว

อัล กะ ฺฟ

จงบอกพวกเขาว่า จะให้ ันบอกพวกท่านไหมว่าใครคือผู้ขาดทุน มากที่สุดเกี่ยวกับการงานของพวกเขา พวกเขาคือบรรดาผู้ที่ความ พยายามของเขาทั้งหมดในชีวิตแห่งโลกนี้สูญเปล่า แต่พวกเขาหลงผิด คิดว่าทุกสิ่งที่พวกเขาทำานั้นถูกต้อง คนเหล่านี้คือบรรดาผู้ป ิเสธ สั ญ ญาณทั้ ง หลายของพระผู้ อ ภิ บ าลของพวกเขาและไม่ เ ชื่ อ ว่ า พวก เขาจะกลับไปหาพระองค์ ดังนั้น การงานของพวกเขาทั้งหมดจึงสูญ เปล่าเพราะเราจะไม่ให้น้ำาหนักใดๆแก่พวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ การตอบแทนของพวกเขาคือนรกสำาหรับการที่พวกเขาป ิเสธ สัจธรรมและสำาหรับการที่พวกเขาถือเอาสัญญาณของ ันและบรรดา ศาสนทูตของ ันเป็นที่ล้อเล่น ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้นจะได้รับสวนสวรรค์เป็น ที่พำานัก พวกเขาจะพำานักอยู่ในสวนสวรรค์นั้นตลอดกาลและพวกเขา ไม่ปรารถนาที่จะออกจากที่นั่นไปไหน จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้าหากจะให้น้ำาทะเลกลายเป็นน้ำาหมึก เพื่อบันทึกวจนะของพระผู้อภิบาลของ ันแล้ว ทะเลจะเหือดแห้งก่อนที่ วจนะของพระผู้อภิบาลของ ันจะหมดสิ้นถึงแม้เราจะเอาอีกทะเลหนึ่งมา เพิ่มก็ตาม (โอ้มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า ันเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เหมือนพวกท่าน เพียงแต่ ันได้รับการเปิดเผยความจริงว่าพระเจ้าของ พวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น ผู้ใดที่หวังจะพบพระผู้อภิบาลของ เขาก็จงกระทำาการงานที่ดีและจงอย่าตั้งผู้ใดเป็นภาคีในการเคารพสักกา ระร่วมกับพระองค์

มารีย์

19. มารีย์

มัรฺยัม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ กาฟ ฮา ยา อีน ศอด นี่คือเรื่องราวแห่งความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเจ้าที่มีต่อซะกะรี ยาบ่าวของพระองค์ เมื่อเขาวิงวอนพระผู้อภิบาลของเขาด้วยเสียงที่ แผ่วเบา 4 เขาวิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล กระดูกของ ันผุแล้วและศีรษะ ของ ันก็ขาวโพลนด้วยอายุขัย โอ้พระผู้อภิบาล ันมิเคยผิดหวังในคำา วิงวอนของ ันต่อพระองค์เลย 5 แต่ตอนนี้ ันหวั่นใจในบรรดาญาติๆ ของ ันเมื่อ ันจากไป(ว่าพวกเขาจะไม่ป ิบัติภารกิจของ ันต่อไป) และ ภรรยาของ ันก็เป็นหมัน ดังนั้น ขอพระองค์ทรงประทานทายาทแก่ ัน สักคนหนึ่ง ที่จะมาเป็นทายาทของ ันและเป็นลูกหลานของยะกูบ ข้า แต่พระผู้ภิบาล โปรดทำาให้เขาเป็นที่ยอมรับของพระองค์ด้วยเถิด 7 โอ้ซะกะรียา เราจะบอกข่าวดีแก่เจ้าถึงลูกชายคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า ยะ ฺยา(ยอห์น) เราไม่เคยให้ชื่อนี้แก่ใครมาก่อน เขากล่าวว่า โอ้ พระ ผู้อภิบาลของ ัน ันจะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อภรรยาของ ันเป็นหมันและ ันก็แก่หง่อมถึงปานนี้แล้ว ผู้แจ้งข่าวกล่าวว่า กระนั้นก็เถิด พระผู้อภิบาลของเจ้ากล่าวว่า นี่ เป็นเรื่องง่ายสำาหรับ ันเหมือนกับที่ ันได้สร้างเจ้ามาก่อนหน้านี้เมื่อเจ้า ซะกะรียากล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาลของ ัน ยังไม่ได้เป็นสิ่งใดเลย โปรดให้สัญญาณแก่ ันด้วยเถิด พระองค์ทรงกล่าวว่า สัญญาณของ เจ้าคือเจ้าจะไม่พูดกับผู้คนสามวันสามคืนติดต่อกัน หลังจากนั้น เขา ได้ออกจากสถานที่ภาวนาไปยังผู้คนของเขาและทำาสัญญาณบอกใบ้คน เหล่านั้นว่า จงสดุดีพระเจ้าทั้งยามเช้าและยามค่ำา

เราได้กล่าวกับยะ ฺยาว่า จงยึดมั่นในคัมภีร์ และในขณะที่เขา ยังเป็นเด็ก เราได้ประทานดุลพินิจในการตัดสินแก่เขา และประทาน ความอ่อนโยน(ของหัวใจ)แก่เขาและความบริสุทธิ์จากเรา และเขาเป็นผู้ ยำาเกรง และเขาป ิบัติต่อพ่อแม่ของเขาด้วยดี และเขามิได้เป็นผู้โอหัง หรือผู้ ่า ืน ความสันติได้มีแก่เขาในวันที่เขาถือกำาเนิดและในวันที่เขา ตายและในวันที่เขาถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง (โอ้มุ ัมมัด) จงกล่าวถึงเรื่องราวของมัรฺยัม(มารีย์)ในคัมภีร์นี้เมื่อ ตอนที่นางได้ปลีกตัวออกจากผู้คนของนางไปทางด้านตะวันออก และ นางได้แขวนม่านเพื่อซ่อนตัวของนางจากพวกเขา เราได้ส่งทูตสวรรค์ ของเราไปยั ง นางและเขาได้ปราก ตัว ต่อ หน้านางในรูปของมนุษ ย์ที่ สมบูรณ์ นางจึงได้ร้องออกมาว่า ันขอความคุ้มครองต่อพระผู้ทรง กรุณาให้พ้นจากท่าน (อย่าเข้ามาใกล้)ถ้าหากท่านเป็นผู้เกรงกลัว พระเจ้า เขาตอบว่า ันเป็นแค่เพียงผู้นำาสาสน์จากพระผู้อภิบาลของ เธอและ ันถูกส่งมาเพื่อให้ลูกชายผู้บริสุทธิ์แก่เธอ มัรฺยัมกล่าวว่า ัน จะมีลูกได้อย่างไรในเมื่อไม่มีชายใดเคยแตะต้อง ันและ ันก็ไม่ใช่หญิง สำาส่อน ทูตสวรรค์ตอบว่า กระนั้นก็เถิด พระผู้อภิบาลของเธอทรง กล่าวว่า มันเป็นเรื่องง่ายสำาหรับ ันและเราจะทำาเพื่อให้เด็กคนนั้นเป็น สัญญาณสำาหรับผู้คน และเป็นความจำาเริญจากเรา นี่เป็นสิ่งที่ถูกกำาหนด ไว้แล้ว หลังจากนั้น นางได้ตั้งครรภ์เด็กคนนั้นและนางได้อุ้มครรภ์ไปยัง สถานที่ห่างไกล ความเจ็บครรภ์อย่างรุนแรงทำาให้นางต้องไปพักอยู่ที่ ใต้ต้นอินทผลัม นางได้ร้องออกมาว่า โอย ถ้า ันตายไปก่อนหน้านี้และ ไม่ต้องมีใครจำา ันได้ก็จะดี แต่มีเสียงออกมาจากข้างล่างว่า จงอย่าเสียใจเลย เพราะพระผู้ อภิบาลของเธอได้ทรงจัดตาน้ำาที่ไหลไว้ที่เท้าของเธอแล้ว และถ้าเธอ เขย่าลำาต้นอินทผลัมนี้ อินทผลัมสุกใหม่ๆจะหล่นลงมาบนตัวของเธอ

มารีย์

จงกินและจงดื่ม และจงทำาตัวให้สดชื่น และถ้าหากเธอเห็นใคร ก็จง บอกว่า ันได้บนไว้ว่าจะถือศีลอด(งดพูด)เพื่อพระผู้ทรงกรุณา และวันนี้ ันจะไม่พูดกับใครเลย หลังจากนั้น นางได้อุ้มลูกของนางมายังผู้คน พวกเขากล่าวว่า โอ มัรฺยัม เธอได้ทำาบาปที่ชั่วช้าเหลือเกิน น้องสาวของ ารูนเอย พ่อของ เธอมิได้เป็นคนชั่วและแม่ของเธอก็มิได้เป็นหญิงสำาส่อน นางจึงได้ชี้ไปยังทารก(เพื่อเป็นการตอบ) ผู้คนจึงกล่าวว่า เราจะ พูดกับเด็กที่อยู่ในเปลได้อย่างไร แต่เด็กคนนั้นได้พูดออกมาว่า ัน เป็นบ่าวของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานคัมภีร์แก่ ันและทรงแต่งตั้ง ันให้เป็นนบี พระองค์ได้ทรงทำาให้ ันเป็นที่ได้รับความจำาเริญไม่ว่า ันจะอยู่ที่ใด พระองค์ทรงสั่ง ันให้นมาซและจ่ายซะกาตตราบใดที่ ัน ยังมีชีวิต และได้ทรงให้ ันรับใช้แม่ของ ันและมิได้ทรงทำาให้ ันเป็นผู้ ก้าวร้าวและจิตใจแข็งกระด้าง สันติได้มีแก่ ันในวันที่ ันเกิดและสันติ จะมีแก่ ันในวันที่ ันตายและวันที่ ันถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง หนึ่ง นั่นคืออีซาบุตรของมัรฺยัม นี่คือความจริงที่พวกเขายังคงถกเถียง กัน มันไม่ใช่เรื่องของพระเจ้าที่จะทรงมีบุตร พระองค์ทรงบริสุทธิ์จาก เรื่องนี้ เมื่อพระองค์ทรงกำาหนดสิ่งใด พระองค์เพียงแต่ทรงกล่าวว่า จง เป็น แล้วมันก็เป็นขึ้นมา (อีซาได้ประกาศว่า) พระเจ้าทรงเป็นพระผู้อภิบาลของ ันและพระ ผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ นี่คือหนทางที่ เที่ยงตรง แต่กระนั้นก็ตาม หลายพวกได้เริ่มมีความขัดแย้งกันในหมู่ พวกเขา ช่างน่ากลัวเหลือเกินสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเมื่อวันอัน น่าสะพรึงกลัวมาถึง ในวันนั้น เมื่อพวกเขามาปราก ต่อหน้าเรา หูของ พวกเขาจะได้ยินและตาของพวกเขาจะเห็นอย่างชัดเจน แต่ว่าในวันนี้ บรรดาผู้ทำาความผิดเหล่านี้ได้ตกอยู่ในการหลงทางอย่างชัดเจน

มัรฺยัม

(โอ้มุ ัมมัด) จงตักเตือนพวกเขาถึงวันอันน่าสะพรึงกลัว(ที่จะมาถีง) เมื่อทุกสิ่งจะถูกตัดสินในขณะที่พวกเขาไม่ใส่ใจและไม่เชื่อ ในที่สุดแล้ว เราเองต่างหากที่จะเป็นผู้ครองแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่บนนั้นต่อ และพวก เขาจะถูกนำากลับมายังเรา จงเล่าเรื่องราวของอิบรอ ีมในคัมภีร์นี้ แท้จริงแล้ว เขาเป็นผู้มีสัจจะ วาจาและเป็นนบี เขาได้พูดกับพ่อของเขาว่า พ่อครับ ทำาไมพ่อถึงได้ เคารพสักการะสิ่งที่ไม่ได้ยินและไม่เห็นและไม่สามารถช่วยอะไรพ่อได้ พ่อครับ ันได้รับความรู้ที่พ่อไม่ได้รับ ดังนั้น ขอให้พ่อป ิบัติตาม ัน เถิดครับ และ ันจะนำาพ่อสู่หนทางที่ถูกต้อง 44 พ่อครับ จงอย่าสักการะ ซาตานเลยเพราะซาตานไม่เชื่อฟังพระผู้ทรงปรานี 45 พ่อครับ ันกลัว เหลือเกินว่าพ่อจะได้รับการลงโทษจากพระผู้ทรงปรานีและกลายเป็น สหายของซาตาน พ่อของเขาตอบว่า นี่ อิบรอ ีม เจ้าป ิเสธสิ่งที่ ันเคารพบูชา กระนั้นหรือ ถ้าหากเจ้าไม่หยุดยั้งเรื่องนี้ ันจะอาหินขว้างเจ้าให้ตาย ไปไกลๆเลย และอย่ามาให้ ันเห็นหน้าอีก 47 อิบรอ ีมกล่าวว่า ขอ ความสันติจงมีแด่พ่อ ันจะวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ ันให้ทรงอภัย ท่าน เพราะพระองค์ทรงเอ็นดู ัน ันขอหลีกห่างจากพวกท่านและสิ่ง ที่พวกท่านวิงวอนขอแทนพระเจ้า และ ันจะวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ ันเท่านั้น ันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ ันจะ ไม่ทำาให้ ันผิดหวัง ดังนั้น เมื่อเขาหลีกห่างจากผู้คนเหล่านั้นและจากสิ่งที่พวกเขา เคารพสักการะนอกจากพระเจ้า เราได้ประทานลูกหลานแก่เขาอย่างเช่น อิส ากและยะกูบ และเราได้ทำาให้แต่ละคนเป็นนบี และเราได้ประทาน ความเมตตาแก่เขาและทำาให้พวกเขาเป็นที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงส่ง จงเล่าเรื่องราวของมูซาในคัมภีร์นี้ เขาเป็นบุคคลที่ถูกคัดเลือกและ เป็นทั้งศาสนทูตและนบี เราได้เรียกเขาจากทางด้านขวาของภูเขาและ

มารีย์

ได้ให้เกียรติเขาด้วยการสนทนาที่ใกล้ชิดกับเรา และด้วยความเมตตา ของเรา เราได้ทำาให้พี่ชายของเขาคือ ารูนเป็นนบี เป็นผู้ช่วยเหลือเขา 54 จงเล่าเรื่องราวของอิสมาอีลในคัมภีร์นี้ เขาเป็นผู้ซื่อตรงต่อสัญญา และเป็นทั้งศาสนทูตและเป็นนบี 55 เขากำาชับผู้คนของเขาให้นมาซและ จ่ายซะกาต และเขาเป็นที่โปรดปรานของพระผู้อภิบาลของเขา และจง เล่าเรื่องราวของอิดรีสในคัมภีร์นี้ เขาเป็นคนพูดจริงและเป็นนบี 57 เราได้ ยกย่องเขาให้มีตำาแหน่งอันสูงส่ง คนเหล่านี้เป็นผู้ที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปราน พวกเขา มาจากลูกหลานของอาดัมและจากบรรดาผู้ที่เราได้บรรทุกไว้ในเรือร่วม กับนู ฺ และจากเชื้อสายของอิบรอ ีมและอิสรออีล และจากบรรดาผู้ที่เรา นำาทางและคัดเลือก เมื่อใดก็ตามที่มีการอ่านสิ่งที่พระผู้ทรงกรุณาปรานี แก่พวกเขา พวกเขาจะก้มลงกราบและร้องไห้ แต่หลังจากนั้น คนรุ่นต่อมาเป็นผู้ที่ละทิ้งการนมาซและป ิบัติตาม อารมณ์ ่ายต่ำาของพวกเขา ดังนั้น ในไม่ช้า พวกเขาจะได้พบกับความ หายนะแน่นอน ยกเว้นบรรดาผู้ปรับปรุงตัวหลังจากสำานึกผิดและมี ความศรัทธาและกระทำาความดี คนเหล่านี้จะได้เข้าสวรรค์และพวกเขาจะ ไม่ได้รับอยุติธรรมแม้แต่น้อยนิด พวกเขาจะได้สวนสวรรค์อันนิรันดรซึ่งพระผู้ทรงกรุณาปรานีได้ สัญญาไว้แก่บ่าวของพระองค์ในขณะที่พวกเขายังไม่ได้เห็นมัน และ แน่นอน สัญญาของพระองค์จะต้องเป็นจริง ที่นั่น พวกเขาจะไม่ได้ยิน คำาพูดไร้สาระนอกจากจะได้รับแต่สิ่งดีงามและความสงบ และพวกเขาจะ ได้รับปัจจัยยังชีพประจำาทั้งในยามเช้าและยามค่ำา นั่นคือสวรรค์ที่เรา จะให้เป็นมรดกแก่บ่าวของเราที่เกรงกลัวพระเจ้า (โอ้มุ ัมมัด) เราจะไม่ลงมานอกจากว่าเราจะได้รับบัญชาจากพระ ผู้อภิบาลของเจ้า พระองค์คือเจ้าของทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเราและทุกสิ่งที่ อยู่ข้างหลังเราและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นและพระผู้อภิบาลของเจ้าไม่

มัรฺยัม

เคยหลงลืม พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และที่อยู่ในระหว่างทั้งสองนั้น ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์และรับ ใช้พระองค์อย่างแน่วแน่ เจ้ารู้จักผู้ใดอื่นที่เสมอเหมือนกับพระองค์บ้าง ไหม มนุษย์ถามว่า อะไรกัน เมื่อ ันตายไปแล้ว ันจะถูกทำาให้กลับ ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกกระนั้นหรือ มนุษย์จำาไม่ได้หรือว่าเราได้สร้าง เขาขึ้นมาในตอนแรกเมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ขอสาบานด้วยพระ ผู้อภิบาลของเจ้า เราจะรวบรวมพวกเขาและพวกซาตานเข้าไว้ด้วยกัน แล้วเราจะให้พวกเขาไปนั่งคุกเข่าอยู่รอบๆนรก หลังจากนั้น จากทุกหมู่คณะ เราจะเลือกคนที่ดื้อรั้นที่สุดต่อพระ เรารู้ดีว่าคนไหนในหมู่พวกเขาที่สมควรจะถูกโยน ผู้ทรงกรุณาปรานี ลงนรกมากที่สุด และไม่มีใครในหมู่สูเจ้าที่จะไม่ถูกนำามาปราก ต่อ หน้าขอบเขตนรก เพราะนี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกกำาหนดไว้ซึ่งพระผู้อภิบาลของ เจ้าจะนำามาใช้ หลังจากนั้น เราจะช่วยบรรดาผู้สำารวมตนจากความชั่ว ให้รอดพ้นและจะละทิ้งผู้ละเมิดให้นั่งคุกเข่าอยู่ในนั้น เมื่อสิ่งที่เราประทานมาอย่างชัดเจนถูกอ่านให้พวกเขา บรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมได้กล่าวกับบรรดาผู้ศรัทธาว่า บอกเราหน่อยซิว่าในสอง ่ายนี้ ่ายไหนจะมี านะดีกว่าและมีสังคมที่เหนือกว่า 74 กี่ชั่วคนแล้ว ที่เราได้ทำาลายไปก่อนหน้าพวกเขา คนที่มีอำานาจและมั่งคั่งหรูหรากว่า พวกเขา 75 จงบอกพวกเขาว่า พระผู้ทรงกรุณาปรานีได้ทรงให้ระยะเวลาแก่ บรรดาผู้หลงผิดจนกระทั่งเมื่อคนเหล่านั้นเห็นสิ่งที่พวกเขาได้ถูกเตือน สำาทับไว้ นั่นคือการลงโทษของพระเจ้าหรือไม่ก็เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพ แล้วพวกเขาจะรู้เองว่าใครที่เคราะห์ร้ายกว่าและ ่ายไหนอ่อนแอกว่า พระเจ้าจะทรงเพิ่มทางนำาแก่ผู้ป ิบัติตามทางนำา และการทำาความ

มารีย์

ดีที่ถาวรนั้นดีกว่าในสายตาของพระผู้อภิบาลของเจ้าในเรื่องของการ ตอบแทน 77 เจ้าเห็นไหม พวกคนที่ป ิเสธสัจธรรมที่เราประทานมาและคุยว่า ันจะยังคงได้รับทรัพย์สินและลูกหลานอยู่ต่อไป อะไรนะ เขามอง เห็นสิ่งที่มองไม่เห็นหรือว่าเขาได้รับคำาสัญญาจากพระผู้ทรงกรุณาปรานี กระนั้นหรือ ไม่มีทาง เราจะบันทึกที่พวกเขาโอ้อวดไว้และจะเพิ่ม การลงโทษเขามากยิ่งขึ้น เราจะรับช่วงสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างไว้ และ เขาจะปราก ตัวต่อหน้าเราเพียงลำาพัง คนเหล่านี้ได้ตั้งสิ่งเคารพบูชา นอกจากพระเจ้าขึ้นมาเพื่อที่สิ่งเคารพบูชาเหล่านั้นจะได้เป็นผู้ช่วยเหลือ พวกเขา แต่สิ่งเคารพบูชาเหล่านั้นทั้งหมดจะป ิเสธการสักการะบูชา ของพวกเขาและเป็นป ิปักษ์ต่อพวกเขา เจ้ามิเห็นหรือว่าเราได้ให้พวกซาตานคอยยุแหย่บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมให้ ่า ืน ดังนั้น เจ้าไม่ต้องร้อนรนต่อพวกเขา เพราะเรา กำาลังนับวันของพวกเขาอยู่ วันนั้นกำาลังใกล้เข้ามาแล้วเมื่อเราจะนำา บรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้ามาปราก ต่อพระผู้ทรงกรุณาอย่างแขกผู้มี เกียรติ และเราจะต้อนผู้ทำาความผิดลงนรกเหมือน ูงสัตว์ที่กระหาย ในเวลานั้น ไม่มีใครสามารถขอไถ่โทษได้นอกจากผู้ได้รับอนุญาตจาก พระผู้ทรงกรุณาปรานี พวกเขากล่าวว่าพระผู้ทรงกรุณาให้กำาเนิดบุตรชาย ช่างไร้ เหตุผลสิ้นดีที่สูเจ้าคิดเรื่องบัดซบนี้ขึ้นมา มันแทบทำาให้ชั้นฟ้าแทบ ถล่มแผ่นดินทลายและภูเขาแตกเป็นเสี่ยง เพราะพวกเขาอ้างว่าพระ ผู้ทรงกรุณาปรานีมีบุตร มันมิได้เป็นความยิ่งใหญ่อะไรเลยที่พระผู้ทรง กรุณาปรานีจะทรงรับใครมาเป็นบุตร ทุกคนที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินกำาลังจะถูกนำามารวมต่อหน้าพระผู้ทรงกรุณาปรานีใน านะ บ่าวคนหนึ่ง พระองค์ทรงล้อมรอบพวกเขาไว้และทรงรักษาบัญชีของ พวกเขาไว้อย่างเข้มงวด ทุกคนจะถูกนำาตัวมาต่อหน้าพระองค์ทีละ

อ า

คนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แน่นอน ใกล้เวลาแล้วที่พระผู้ทรงกรุณา ปรานีจะทำาให้หัวใจของบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีเต็มไปด้วย ความรัก ดังนั้น (โอ้มุ ัมมัด) เราได้ทำาให้กุรอานนี้ง่ายและเราได้ส่งมันลงมา ในภาษาของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้แจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้สำารวมตนจากความ ชั่วและเตือนพวกคนที่ดื้อรั้น และเราได้ทำาลายผู้คนก่อนหน้าพวกเขา ไปเท่าไหร่แล้ว เจ้าเคยพบร่องรอยใดๆของพวกเขาหรือได้ยินเสียงกระ ซิบใดๆจากพวกเขาบ้างไหม 20. ฏอ ฮา

ฏอฮา

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฏอ ฮา เรามิได้ประทานกุรอานนี้ลงมาแก่เจ้าเพื่อทำาให้เจ้าท้อแท้ นอกจาก เป็นคำาตักเตือนสำาหรับทุกคนที่เกรงกลัวพระเจ้า 4 มันเป็นสิ่งที่ถูก ประทานมาจากผู้ทรงสร้างโลกและชั้นฟ้าอันสูงส่งทั้งหลาย 5 ผู้ทรงกรุณา ปรานีที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ ในระหว่างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นและภาย ใต้ผืนดิน 7 ไม่ว่าเจ้าจะพูดด้วยเสียงดัง(หรือเสียงเบา)ก็ตาม พระองค์ทรง ได้ยินทั้งหมด เพราะพระองค์ทรงรู้ความลับของสูเจ้าและสิ่งที่ถูกปิดบัง ไว้มากกว่านั้นอีก พระองค์คือพระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใด นอกจากพระองค์ พระองค์ทรงมีพระนามอันประเสริ มากมาย เจ้าเคยได้ยินเรื่องของมูซาไหม เมื่อเขาเห็นไฟ เขาได้บอก

อ า

ครอบครัวของเขาว่า คอยเดียว ันเห็นไฟ บางที ันอาจจะนำาเอาดุ้นไฟ มาให้พวกเจ้าหรือพบคำาแนะนำาบางอย่างที่ไฟนั้น เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ได้มีเสียงกล่าวออกมาว่า โอ้มูซา แท้จริง ัน เป็นพระผู้อภิบาลของเจ้า จงถอดรองเท้าแตะของเจ้าเสีย เพราะเจ้าอยู่ใน หุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่ง ุวา เราได้เลือกเจ้าแล้ว ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ได้ถูก ประทานแก่เจ้า แท้จริง ันคือพระเจ้า ไม่มีสิ่งเคารพกราบไหว้อื่นใด นอกจาก ัน ดังนั้น จงเคารพสักการะ ัน และจงดำารงนมาซเพื่อระลึกถึง ัน เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่มันเป็นความ ประสงค์ของ ันที่จะเก็บเวลาที่จะมาถึงนั้นไว้เป็นความลับเพื่อที่ทุกชีวิต จะได้รับการตอบแทนตามที่ได้พากเพียร ดังนั้น จงอย่าปล่อยให้ผู้ใด ที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้และตกเป็นทาสอารมณ์ต่ำาของพวกเขาหันเหความคิด ของเจ้าออกไป มิเช่นนั้น เจ้าจะได้รับความหายนะ โอ้มูซา นั่นอะไรในมือขวาของเจ้า มูซาตอบว่า มันคือไม้เท้า ของ ัน ันใช้มันค้ำายันกายและใช้มันตีใบไม้เพื่อ ูงสัตว์ของ ันและใช้ มันทำาประโยชน์อย่างอื่นอีก พระองค์จึงทรงกล่าวว่า จงโยนมันลงไป มูซา ดังนั้น เขาจึงโยนมันลงไป และทันใดนั้นมันได้กลายเป็นงูที่เลื้อย ไปมา พระองค์ทรงกล่าวว่า จงจับมันไว้และไม่ต้องกลัว เพราะเราจะ ทำาให้มันกลับสู่สภาพเดิม ทีนี้ จงเอามือขวาของเจ้าล้วงเข้าไปใต้รักแร้ มันจะออกมาอย่างขาวสว่างโดยที่ไม่เจ็บปวด นี่เป็นอีกสัญญาณหนึ่ง เพื่อทำาให้เจ้าได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของเรา ดังนั้น จงไปหา ฟาโรห์ เพราะเขาเป็นผู้ละเมิด ความจริงแล้ว อะไรก็ตามที่อยู่ในโลกหรือเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้น ทั้งหมดคือ ปา ิหาริย์ ของพระเจ้า ไม่ว่ามันจะเป็นการโผล่ขึ้นมาจาก ผืนดินของพืชต้นอ่อนหรือไม้เท้าที่กลายเป็นงู ปา ิหาริย์พิเศษ ถูก แสดงให้เห็นผ่านทางบรรดานบีเพื่อทำาให้มนุษย์สังเกตเห็นปา ิหาริย์ที่ พระเจ้าให้เกิดขึ้นทุกวัน

อ า

มูซากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดเปิดหัวใจของ ัน และทำาให้งานของ ันง่ายสำาหรับ ัน โปรดขจัดการติดขัดทั้งหลาย ออกไปจากลิ้นของ ัน เพื่อที่ผู้คนจะได้เข้าใจคำาพูดของ ัน และ โปรดแต่งตั้งคนในครอบครัวของ ันคนหนึ่งเป็นผู้ช่วย ัน นั่นคือ า รูนพี่ชายของ ัน เพื่อทำาให้ ันมีความเข้มแข็งขึ้น และโปรดทำาให้ เขามีส่วนช่วยในงานของ ัน เพื่อที่เราจะสดุดีพระองค์ได้มากๆ และ เราจะได้ระลึกถึงพระองค์เสมอ แท้จริง พระองค์ทรงเ ้าดูเราอยู่เสมอ พระองค์ทรงกล่าวว่า เจ้าได้ในสิ่งที่เจ้าร้องขอ มูซา แท้จริง เราได้แสดงความโปรดปรานแก่เจ้ามาก่อนหน้านี้แล้ว จง นึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ดลใจแก่แม่ของเจ้าให้มีความคิดขึ้นมา ว่า จง เอาเด็กคนนี้ใส่ลงในกล่องและเอากล่องนั้นไปวางในแม่น้ำา แม่น้ำาจะไหล พาเขาไปยังตลิ่ง ศัตรูของ ันและศัตรูของเขาจะเก็บมันขึ้นมา ันเอง ได้ทำาให้เจ้าเป็นที่รักใคร่และได้จัดการสิ่งต่างๆจนเจ้าได้ถูกเลี้ยงดูขึ้นมา ภายใต้การควบคุมของ ัน จงนึกถึงเมื่อตอนที่พี่สาวของเจ้ากำาลังเดิน อยู่ แล้วเธอได้กล่าวว่า ให้ ันบอกท่านถึงคนที่จะเลี้ยงเด็กคนนี้ได้ดีที่สุด ไหม ดังนั้น เราจึงได้ให้เจ้ากลับไปอยู่กับแม่ของเจ้าเพื่อที่ตาของนางจะ ได้เย็นลงและนางจะได้ไม่เศร้าโศกเสียใจ และจงนึกถึงเมื่อตอนที่เจ้า ่า คนผู้หนึ่งและเราได้ทำาให้เจ้าหลุดพ้นจากผลของความชั่วนั้นและทำาให้ เจ้าผ่านการทดสอบต่างๆและเจ้าได้อยู่กับชาวมัดยันเป็นเวลาหลายปี หลังจากนั้น เจ้าก็มาตรงเวลาที่กำาหนดไว้พอดี มูซา ันได้เลือกเจ้าเพื่อภารกิจของ ัน เจ้าและพี่ชายของเจ้าจงไป ป ิบัติภารกิจนี้พร้อมกับสัญญาณของ ันและจงอย่างเ ื่อยชาในการ ระลึกถึง ัน เจ้าทั้งสองจงไปหาฟาโรห์เพราะเขาเป็นผู้ละเมิดขอบเขต ทุกอย่าง 44 จงพูดกับเขาอย่างสุภาพ เผื่อว่าบางทีเขาอาจจะคิดได้หรือ เกรงกลัวบ้าง 45 ทั้งสองกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา เรากลัวว่าเขาจะล่วง

อ า

ละเมิดเราและป ิบัติต่อเราอย่างโหดร้าย พระองค์ทรงตอบว่า เจ้าทั้ง สองจงอย่ากลัว ันจะอยู่กับเจ้า ันได้ยินและเห็นทุกสิ่ง 47 จงไปหาเขา และกล่าวว่า เราเป็นศาสนทูตจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น ขอ ท่านจงปล่อยให้พวกลูกหลานอิสรออีลไปกับเราและจงอย่ากดขี่พวกเขา เราได้นำาสัญญาณจากพระผู้อภิบาลของท่านมายังท่านและความสันติ จงมีแด่ผู้ป ิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง เราได้รับรู้จากการเปิดเผยของ พระเจ้าว่าจะมีการลงโทษสำาหรับผู้ป ิเสธและหันห่างจากแนวทางนั้น ฟาโรห์กล่าวว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้าทั้งสอง มูซา มูซาตอบ ว่า พระผู้อภิบาลของเราคือผู้ทรงทำาให้ทุกสิ่งเป็นรูปร่าง แล้วหลังจาก นั้นก็ทรงนำาทาง ฟาโรห์ถามว่า แล้วคนก่อนหน้านี้เล่าเป็นอย่างไร มูซาตอบว่า ความรู้ในเรื่องนั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลของ ันซึ่งอยู่ใน จารึกแล้ว พระผู้อภิบาลของ ันไม่ทรงผิดพลาดและไม่ทรงหลงลืม พระองค์คือผู้ทรงทำาให้โลกเป็นพื้นราบเพื่อสูเจ้าและทรงทำาหนทาง ต่างๆสำาหรับสูเจ้าเพื่อสัญจรไปมา พระองค์ทรงประทานน้ำาลงมาจาก ท้องฟ้าและทำาให้พืชพันธุ์นานาชนิดงอกเงยออกมา 54 สูเจ้าจงกินสิ่ง เหล่านี้และเลี้ยงปศุสัตว์ของสูเจ้า แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณต่างๆมากมาย สำาหรับผู้มีความเข้าใจ 55 เราได้สร้างสูเจ้ามาจากแผ่นดิน และเราจะให้ สูเจ้ากลับไปในนั้น แล้วเราะนำาสูเจ้าออกมาจากที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง เราได้แสดงสัญญาณของเราทุกอย่างแก่ฟาโรห์ได้เห็นแล้ว แต่เขา ป ิเสธมันและไม่ยอมเชื่อ 57 เขากล่าวว่า มูซา เจ้ามาที่นี่เพื่อที่จะขับ ไล่เราออกจากแผ่นดินของเราโดยใช้อำานาจแห่งมายากลกระนั้นหรือ เดียวเราจะเอามายากลที่เหมือนอย่างของเจ้ามาด้วยเช่นกัน ดังนั้น ขอ การสร้างโลก ระบบของ นตก การเจริญเติบโตของพืชและทุ่งหญ้า และปราก การณ์ อื่ น ทางธรรมชาติ ที่ ทำ า ให้ โ ลกปั จ จุ บั น เป็ น ที่ ตั้ ง หลั ก แหล่งอาศัยได้สำาหรับสิ่งมีชีวิตเป็นปราก การณ์อันยิ่งใหญ่ที่มหัศจรรย์ และน่าทึ่ง

อ า

ให้บอกมาเลยว่าเมื่อไหร่และที่ไหนที่จะให้มีการประลองกัน แล้วเราและ เจ้าจะได้ไม่มีการบิดพลิ้วกัน ออกมาในที่โล่งๆเลยก็ได้ มูซาจึงตอบว่า ขอให้เราพบท่านในวันเทศกาลและมีผู้คนมาชุมนุม กันมากๆหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นก็แล้วกัน หลังจากนั้น ฟาโรห์ได้กลับ ออกไปเพื่อเตรียมแผนการต่างๆ หลังจากนั้นได้กลับออกไป มูซาได้ เตือน(บรรดาผู้ที่จะเผชิญหน้ากับเขา)โดยกล่าวว่า ท่านผู้เคราะห์ร้ายทั้ง หลาย จงอย่าสร้างความเท็จเกี่ยวกับพระเจ้า มิเช่นนั้นแล้ว พระองค์จะ ทรงทำาลายพวกท่านโดยการลงโทษ เพราะใครก็ตามที่สร้างความเท็จขึ้น มาจะถูกทำาลาย ดังนั้น พวกเขา(บรรดานักมายากล)ได้เริ่มปรึกษากันอย่างลับๆ (หลังจากปรึกษากันแล้ว) พวกเขาได้กล่าวว่า ทั้งสองคนนี้เป็นแค่นัก มายากลแน่นอน เป้าหมายของเขาทั้งสองคือการขับไล่พวกท่านออก จากแผ่นดินของพวกท่านโดยอาศัยมายากลของเขาทั้งสองและต้องการ ที่จะทำาลายวิถีชีวิตอันสูงส่งของพวกท่าน ดังนั้น จงเตรียมแผนการ ทุกอย่างของพวกท่านและผนึกกำาลังกันออกมาพร้อมๆกัน และวันนี้ใคร เหนือกว่า เขาผู้นั้นชนะแน่ พวกนักมายากลกล่าวว่า มูซา ท่านจะโยนหรือจะให้เราโยนก่อน มูซาตอบว่า พวกท่านโยนก่อน ทันใดนั้น มูซาได้เห็นว่าเชือกและไม้ เท้าของพวกเขาปราก เป็นงูวิ่งไปวิ่งมาโดยอำานาจมายากลของพวกเขา และหัวใจของมูซาก็เต็มไปด้วยความกลัว แต่เราได้กล่าวว่า เจ้า จงอย่ากลัว เพราะเจ้าจะได้รับชัยชนะ จงโยนสิ่งที่อยู่ในมือของเจ้า มัน จะกลืนสิ่งที่พวกเขาทำาขึ้น เพราะมันเป็นแค่เพียงกลลวงของนักมายากล เท่านั้น และนักมายากลนั้นไม่อาจประสบความสำาเร็จไม่ว่าเขาจะเก่งกาจ อย่างไรก็ตาม ดังนั้น (เมื่อการประลองสิ้นสุดลง) พวกนักมายากลต่าง ก้มตัวลงกราบและกล่าวออกมาว่า เราศรัทธาในพระเจ้าของ ารูนและมู ซา

อ า

ฟาโรห์กล่าวว่า พวกเจ้าศรัทธาเขาก่อนที่ข้าอนุญาตกระนั้นหรือ ใช่สิ เขาเป็นนายผู้สอนมายากลพวกเจ้าอย่างแน่นอน เอาละ ถ้าเช่นนั้น ข้าจะตัดมือตัดเท้าของพวกเจ้าสลับกัน และจะเอาพวกเจ้าไปตรึงไว้บน ต้นอินทผลัม แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าการลงโทษของใครที่รุนแรงและยาวนาน กว่า พวกนักมายากลตอบว่า ด้วยพระองค์ผู้ทรงสร้างเรามา เราไม่อาจ เห็นแก่ท่านได้หลังจากที่เราได้เห็นหลัก านแห่งความจริงทุกอย่างชัด แจ้งแล้ว ดังนั้น ท่านจะตัดสินรุนแรงอย่างไรก็ตามใจท่าน เพราะอย่าง มากที่สุดท่านก็ตัดสินได้แต่เ พาะชีวิตแห่งโลกนี้เท่านั้น เราศรัทธา ในพระผู้อภิบาลของเราเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงให้อภัยความผิดและบาป ของเราในเรื่องมายากลที่ท่านบังคับเราให้แสดง พระเจ้าทรงดีเลิศที่สุด และทรงนิรันดร์ 74 ความจริงแล้ว คนที่มาปราก ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของเขาใน านะ ผู้ทำาบาปนั้นจะมีนรกเตรียมไว้สำาหรับเขาซึ่งในนั้นเขาจะไม่เป็นและจะไม่ ตาย 75 ส่วนคนที่มาปราก ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของเขาใน านะผู้ศรัทธา และกระทำาความดี คนเหล่านี้จะได้รับตำาแหน่งอันสูงส่ง พวกเขาจะ พำานักอยู่อย่างนิรันดรในสวนสวรรค์อันถาวรซึ่งใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสาย ไหลผ่าน นั่นคือรางวัลของผู้ที่รักษาตัวเองให้บริสุทธิ์ 77 เราได้ดลใจมูซาว่า จงออกเดินทางพร้อมกับบ่าวของ ันในตอน กลางคืนและจงสร้างทางแห้งข้ามทะเลให้พวกเขา จงอย่ากลัวว่าจะถูก ตามทันและจงอย่าหวาดหวั่นใดๆทั้งสิ้น ฟาโรห์ได้นำากำาลังทหารของ เขาออกติดตามพวกเขา แต่น้ำาทะเลได้ท่วมพวกเขาจนมิด ฟาโรห์ได้ นำาผู้คนให้หลงผิดและไม่ได้นำาพวกเขาให้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ลูกหลานอิสรออีลเอย เราได้ช่วยสูเจ้าให้พ้นจากศัตรูของสูเจ้าและ ได้กำาหนดให้สูเจ้ามาอยู่กันที่ทางด้านขวาของภูเขา และได้ประทานมัน นะ(ของหวาน)และนกคุ่มแก่สูเจ้า จงกินสิ่งที่บริสุทธิ์ทั้งหลายที่เราได้

อ า

ประทานแก่สูเจ้าและจงอย่า ่า ืนหลังจากนี้ มิเช่นนั้นแล้ว ความกริ้วของ ันจะมายังสูเจ้า เรากล่าวว่า ใครก็ตามที่ความกริ้วของ ันมาเยือน เขา จะหายนะ แต่สำาหรับคนที่สำานึกผิดและศรัทธาและกระทำาความดีและ มั่นคงอยู่ในทางนำา ันเป็นผู้ให้อภัยอย่างแน่นอน (เมื่อมูซาอยู่บนภูเขา พระเจ้าได้กล่าวว่า) มูซาเอย อะไรเล่าที่ ทำาให้เจ้ารีบเร่งมาที่นี่ก่อนผู้คนของเจ้า เขากล่าวว่า พวกเขากำาลัง ตาม ันมา ันรีบมาหาพระองค์ก่อน โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน เพื่อที่ พระองค์จะทรงโปรดปราน ัน พระเจ้าทรงกล่าวว่า เราได้ทดสอบ ผู้คนของเจ้าหลังจากเจ้า และชาวซามิรีย์ได้ทำาให้พวกเขาหลงผิด มูซาได้กลับไปหาผู้คนของเขาด้วยความโกรธและเศร้าใจเมื่อไป ถึงที่นั่น เขาได้กล่าวว่า โอ้หมู่ชนของ ัน พระผู้อภิบาลของพวกเจ้า มิได้ทรงทำาสัญญาที่ดีกับพวกเจ้ากระนั้นหรือ คำาสัญญานั้นนานเกินไป สำาหรับพวกเจ้ากระนั้นหรือ หรือพวกเจ้าต้องการให้ความกริ้วของพระ ผู้อภิบาลของพวกเจ้าเกิดขึ้นกับพวกเจ้า พวกเจ้าถึงได้ละเมิดสัญญาของ พวกเจ้ากับ ัน พวกเขาตอบว่า เราไม่ได้ละเมิดสัญญากับท่านตามอำาเภอใจของ เรา แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเรารู้สึกว่าเครื่องประดับของผู้คนเหล่านั้น เป็นภาระหนักแก่เรา ดังนั้น เราจึงโยนมันลงไป(ในไฟ)ตามที่ชาวซามีรีย์ แนะนำา แล้วเขาได้หลอมมันออกเป็นรูปวัวเตี้ยที่ทำาให้เกิดเสียง แล้ว พวกเขาตะโกนว่า นี่คือสิ่งเคารพบูชาของพวกท่านและสิ่งเคารพบูชาขอ งมูซา แต่มูซาได้ลืมไป พวกเขาไม่เห็นหรือว่ามันไม่ได้ตอบคำาวิงวอน ของพวกเขาและไม่มีอำานาจใดๆที่จะให้โทษและให้คุณแก่พวกเขาได้ ารูนได้กล่าวเตือนผู้คนเหล่านั้นแล้วโดยกล่าวว่า นี่ พวกพ้องของ ัน พวกท่านกำาลังถูกทดสอบด้วยสิ่งนี้ พระผู้อภิบาลของพวกท่านคือ พระผู้ทรงกรุณาปรานีต่างหาก ดังนั้น จงป ิบัติตาม ันและเชื่อฟังคำาสั่ง

อ า

ของ ัน พวกเขาตอบว่า เราจะไม่เลิกเคารพบูชามันจนกว่ามูซาจะ กลับมายังเรา มูซาได้พูดกับ ารูนว่า อะไรที่ขัดขวางพี่เมื่อเห็นพวกเขาทำาผิด ไม่ป ิบัติตาม ัน ทำาไมพี่จึง ่า ืนคำาสั่งของ ัน ารูนกล่าวว่า โอ้ ลูกของแม่ ัน จงอย่ากระชากเคราและดึงผมของ ันเลย ันกลัวว่า เจ้าจะต้องพูดเมื่อกลับมาว่า พี่ได้สร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่ลูกหลาน อิสรออีลอีกแล้ว และพี่ไม่ใส่ใจในคำาพูดของ ัน มูซาได้กล่าวว่า ซามิรีย์ เจ้าจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขา ได้ตอบว่า ันเห็นสิ่งที่พวกเขาไม่เห็น ดังนั้น ันจึงเอา ุ่นกำามือหนึ่ง จากรอยเท้าของศาสนทูตขว้างมัน(รูปปั้นวัว) เพราะจิตใจ ันนึกขึ้นมาให้ ทำาเช่นนั้น มูซากล่าวว่า จงไปเสีย ต่อไปนี้ เจ้าจะต้องพูดไปตลอด ชีวิตของเจ้าเองว่า จงอย่าแตะต้อง ัน และเจ้าจะต้องเผชิญชะตากรรม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้ จงมองดูสิ่งเคารพบูชาของเจ้าซึ่งเจ้า ักใ ่ บูชาสิ เราจะเผามันให้เป็นผุยผงและจะโปรยขี้เถ้าของมันลงไปในทะเล สิ่งเคารพสัการะของสูเจ้าคือพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์ พระองค์ทรงรอบรู้ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง (โอ้มุ ัมมัด)ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้บอกเล่าแก่เจ้าถึงเรื่องราว เหตุการณ์ในอดีต และเราได้ประทานข้อตักเตือน(กุรอาน)แก่เจ้าจากเรา เอง ใครก็ตามที่หันไปจากข้อตักเตือน เขาจะแบกภาระหนักในวัน แห่งการฟื้นคืนชีพ เขาจะอยู่ในนั้นตลอดไปและมันจะเป็นภาระอัน หนักหน่วงที่เขาจะต้องแบกในวันแห่งการพิพากษา วันนั้นเมื่อแตร ถูกเป่า เราจะรวมผู้ทำาผิดทั้งหลาย พวกเขาจตาเหลือกด้วยความกลัว พวกเขาจะบ่นพึมพำากันว่า พวกท่านอยู่บนโลกแทบไม่ถึงสิบวันเอง เรารู้ดีว่าพวกเขาจะพูดอะไร ในตอนนั้ คนที่มีความคิดอ่านที่ดีที่สุด ในหมู่พวกเขาจะกล่าวว่า ความจริงแล้ว พวกท่านอยู่แค่วันเดียวเท่านั้น เอง

อ า

พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับภูเขา จงตอบพวกเขาว่า พระผู้อภิบาล ของ ันจะทำาให้มันกลายเป็นผงธุลีที่กระจายว่อน แล้วพระองค์จะ ทำาให้ผืนดินราบเตียนเป็นทุ่งโล่ง เจ้าจะไม่เห็นทั้งที่ลุ่มและที่ดอน ในวันนั้น ผู้คนทั้งหลายจะตรงมายังเสียงเรียกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ได้และเสียงทั้งหลายจะเบาลงต่อหน้าพระผู้ทรงกรุณาปรานี และเจ้าจะไม่ ได้ยินสิ่งใดนอกจากเสียงพึมพำาเบาๆ ในวันนั้น การไถ่โทษแทนกันจะไม่อำานวยประโยชน์อันใด เว้นแต่ สำาหรับผู้ที่พระผู้ทรงกรุณาปรานีจะอนุมัติและพระองค์ทรงยินดีที่จะฟัง ถ้อยคำาของเขา พระองค์ทรงรู้ดีถึงทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและสิ่งที่ อยู่ข้างหลังพวกเขา แต่ผู้อื่นไม่มีความรู้ดีถึงสิ่งนั้น ในวันนั้น ใบหน้า ของพวกเขาจะสยบต่อพระผู้ทรงชีวินและผู้ทรงดำารงอยู่เป็นนิจกาล และ แต่ใครที่กระทำา คนที่ขาดทุนก็คือคนที่แบกภาระแห่งความชั่วไว้ ความดีและเป็นผู้ศรัทธา เขาจะไม่กลัวอันตรายใดๆ และจะไม่ถูกลิดรอน สิทธิใดๆ (โอ้มุ ัมมัด) ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้ประทานกุรอานเป็นภาษาอาหรับ ลงมา และในนั้นเราได้ให้ข้อตักเตือนด้วยวิธีต่างๆเพื่อที่พวกเขาจะ ได้เกรงกลัวหรือช่วยเตือนให้พวกเขาได้เข้าใจ ผู้ได้รับการยกย่อง เทิดทูนคือพระเจ้า ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง จงอย่ารีบเร่งอ่านกุรอา นก่อนที่มันจะถูกประทานลงมายังเจ้าจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และจงวิงวอน ว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดเพิ่มพูนความรู้แก่ ันด้วยเถิด เราได้ให้คำาบัญชาแก่อาดัมก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าเขาได้ลืมมันและ เราไม่พบการยืนยันอย่างแน่วแน่ของเขา เมื่อตอนที่เราได้กล่าวแก่ บรรดาทูตสวรรค์ว่า จงกราบอาดัม ดังนั้น พวกเขาทั้งหมดจึงได้กราบ ยกเว้นซาตาน(อิบลีส)ที่ป ิเสธ ดังนั้น เราจึงได้กล่าวว่า อาดัมเอย นี่คือศัตรูของเจ้าและภรรยาของเจ้า จงอย่าปล่อยให้มันทำาให้เจ้าทั้งสอง ต้องถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์และต้องทุกข์ยากลำาบาก

อ า

ที่นี่มีสิ่งที่ทำาให้เจ้าไม่ต้องหิวและไม่ต้องเปลือยกาย และเจ้าไม่ ต้องกระหายและไม่ต้องตากแดด แต่ซาตานได้กระซิบหลอกลวงเขา โดยกล่าวว่า อาดัมเอย เอาไหม ันจะนำาเจ้าไปยังต้นไม้ที่ทำาให้ชีวิตเป็น อมตะและอาณาจักรอันนิรันดร์ ทั้งสองได้กินผลไม้จากต้นไม้ต้น นั้น แล้วสิ่งพึงละอายของทั้งสองได้ถูกเปิดเผยต่อกันและกัน ทั้งสองจึงได้ เริ่มปกปิดตัวเองด้วยใบไม้จากสวนนั้น อาดัมได้ ่า ืนคำาสั่งพระผู้อภิบาล ของเขา ดังนั้น เขาจึงหลงผิด หลังจากนั้น พระผู้อภิบาลได้ทรงเมตตา เขา และทรงรับการสำานึกผิดเขาและได้ประทานทางนำาแก่เขา พระเจ้าทรงกล่าวว่า เจ้าทั้งสอง(มนุษย์และชัย อน)จงออกไป จากที่นี่ เจ้าจะเป็นศัตรูต่อกันและกัน หลังจากนี้ ถ้าหากสูเจ้าได้รับทาง นำาจาก ัน ใครก็ตามที่ป ิบัติตามทางนำานั้น เขาจะไม่หลงทางและจะไม่ เศร้าหมอง แต่ใครที่หันห่างไปจากการตักเตือนของ ัน เขาจะมีชีวิต ที่เป็นทุกข์ในโลกนี้และในวันฟื้นคืนชีพ เราจะให้เขาฟื้นขึ้นมาเป็นคน ตาบอด เขาจะกล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาล ทำาไมพระองค์จึงทรงทำาให้ ันฟื้นขึ้นมาเป็นคนตาบอดที่นี่ในขณะที่ ันมองเห็นในโลก พระเจ้า จะทรงกล่าวว่า นั่นแหละ เมื่อสัญญาณทั้งหลายของเรามายังสูเจ้า สูเจ้า ก็ไม่สนใจมัน(ราวกับว่าสูเจ้าตาบอด) ดังนั้น วันนี้สูเจ้าจึงไม่มีใครสนใจ ในทำานองนี้เองที่เราลงโทษตอบแทนบรรดาผู้ละเมิดขอบเขตที่ป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของเขา แต่การลงโทษแห่งโลกหน้า นั้นสาหัสและยาวนานกว่า พวกเขายังไม่ได้รับบทเรียนใดๆอีกหรือจากการที่ก่อนหน้าพวก เขา เราได้ทำาลายผู้คนไปไม่รู้กี่รุ่นแล้วซึ่งพวกเขายังคงเดินผ่านที่อยู่ อาศัยของคนเหล่านี้อยู่ แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับคนที่ มีความเข้าใจ แต่สำาหรับประกาศิตที่ถูกกำาหนดไว้ก่อนแล้วจากพระ ผู้อภิบาลเจ้าและเวลาของการผ่อนผันได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว แน่นอน การ ลงโทษพวกเขาจะต้องเกิดขึ้นทันทีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย ดัง

อ า

นั้น เจ้า(มุ ัมมัด)จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวและจงสดุดีพระผู้อภิบาล ของเจ้ า ด้ ว ยการสรรเสริ ญ พระองค์ ก่ อ นดวงอาทิ ต ย์ ขึ้ น และก่ อ นดวง อาทิตย์ตก และจงสดุดีพระองค์ในบางเวลาของกลางคืนและในตอนปลาย ทั้งสองของวันเพื่อที่เจ้าจะได้รู้สึกอิ่มเอิบใจ จงอย่าถือว่าทรัพย์สินแห่งโลกนี้ที่เราได้ประทานแก่พวกเขาบาง คนเป็นที่น่าอิจ า เพราะเราได้ประทานสิ่งเหล่านั้นเพื่อทดสอบพวก เขา และปัจจัยที่อนุมัติของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นดีกว่าและยั่งยืนกว่า จงกำาชับคนในครอบครัวของเจ้าในเรื่องนมาซ และเจ้าเองก็จงป ิบัติ มันอย่างเคร่งครัดด้วย เราไม่ได้ขอปัจจัยใดๆจากเจ้า เพราะเราต่าง หากที่เป็นผู้ประทานปัจจัยแก่เจ้า และความดีบั้นปลายนั้นมีไว้สำาหรับผู้ สำารวมตนจากความชั่ว พวกเขากล่าวว่า ทำาไมเขาไม่นำาเอาสัญญาณหนึ่งจากพระผู้ อภิบาลของเขามายังเราล่ะ พวกเขายังไม่ได้รับหลัก านที่เพียงพอ ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้อีกหรือ ถ้าหากเราได้ทำาลายพวกเขาด้วยการ ลงโทษก่อนที่มันจะมาถึง พวกเขาก็จะกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของ เรา ทำาไมพระองค์ไม่ส่งศาสนทูตคนหนึ่งมายังเราเพื่อที่เราจะได้ป ิบัติ ตามคำาบัญชาของพระองค์ก่อนที่เราต้องได้รับความอัปยศอดสู (โอ้ มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า ทุกคนกำาลังรอคอยผลสุดท้าย ดังนั้น พวก ท่านจงคอยด้วยเช่นกัน เพราะในไม่ช้า พวกท่านจะได้รู้ว่าใครที่กำาลัง ป ิบัติตามทางอันเที่ยงตรงและใครที่ถูกนำาทาง

บรรดานบี

21. บรรดานบี

อัล-อัมบิยาอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เวลาแห่งการชำาระบัญชีสำาหรับมนุษย์ได้ใกล้เข้ามาแล้ว แต่ถึงกระนั้น พวกเขายังหันห่างจากคำาตักเตือนด้วยความเ ยเมย เมื่อมีการตัก เตือนใหม่ๆจากพระผู้อภิบาลของพวกเขามายังพวกเขา พวกเขาฟังมัน แต่ไม่ถือเป็นเรื่องจริงจัง หัวใจของพวกเขาไม่ได้จดจ่อและบรรดาผู้ ทำาความผิดได้กระซิบกันว่า คนผู้นี้มิได้เป็นอะไรนอกไปจากมนุษย์คน หนึ่งเหมือนพวกท่าน แล้วใยพวกท่านยังถูกมนต์สะกดอยู่อีกกระนั้นหรือ ทั้งๆที่พวกท่านก็เห็นอยู่ 4 จงกล่าวเถิด(นบี) พระผู้อภิบาลของ ันทรง รอบรู้ทุกสิ่งที่ถูกกล่าวในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เพราะพระองค์เป็น ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 5 พวกเขาบางคนกล่าวว่า มันเป็นความ ันที่สับสน บางคนกล่าว ว่า เขาเองนั่นแหละที่ปลอมแปลงมันขึ้นมา บางคนกล่าวว่า เขาเป็นก วี ลองให้เขานำาเอาสัญญาณหนึ่งมาแสดงแก่เราเหมือนกับที่นบีคนก่อนๆ ทำา ก่อนหน้าพวกเขา ไม่มีเมืองใดที่เราทำาลายได้ศรัทธา แล้วตอนนี้ พวกเขาจะศรัทธากระนั้นหรือ 7 บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้ามิใช่ผู้ใดนอกไปจากมนุษย์ที่เราได้เปิด เผยความจริงแก่พวกเขา ดังนั้น สูเจ้าจงถามชาวคัมภีร์ดูก็ได้ถ้าสูเจ้า ไม่รู้เรื่องนี้ เราไม่ได้ทำาให้พวกเขามีร่างกายที่ไม่กินอาหารและพวกเขา ก็มิใช่ผู้มีชีวิตยืนนาน แล้วเราได้ทำาตามสัญญาที่ได้ทำาไว้กับพวกเขา อย่างครบถ้วน และเราได้ช่วยหลือพวกเขาและผู้ที่เราประสงค์ และเราได้ ทำาลายผู้ ่า ืน เราได้ประทานคัมภีร์แก่สูเจ้าซึ่งในนั้นมีข้อตักเตือนเกี่ยวกับ

เรื่องของสูเจ้าเองทั้งสิ้น แล้วสูเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เมืองของคน ทำาความชั่วกี่เมืองแล้วที่เราได้ทำาลายไปและหลังจากนั้นเราได้ให้หมู่ชน ใหม่เกิดขึ้นมา เมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษของเรา พวกเขาก็วิ่งหนีไป จากสถานที่แห่งนั้น พวกเขาได้ถูกบอกว่า จงอย่าวิ่งหนี แต่จงกลับ ไปใช้ชีวิตสำาราญของสูเจ้าและที่พักอาศัยของสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้ถูก สอบสวน พวกเขาร้องออกมาว่า บรรลัยแล้วเรา แท้จริง เราเป็นผู้ทำา ผิด พวกเขาร้องอยู่เช่นนี้เรื่อยไปจนกระทั่งเราได้ทำาให้พวกเขากลาย เป็นเหมือนทุ่งหญ้าที่ถูกดายและกลายเป็นขี้เถ้า เราไม่ได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่อยู่ในระหว่างทั้ง สองนั้นเพื่อความสนุกสนาน ถ้าหากเราต้องการจะทำาให้มันเป็นสิ่ง แต่เราจะ บันเทิงและไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ เราก็จะทำาของเราเอง ขว้างความจริงไปที่ความเท็จจนความเท็จถูกทำาลายและจะหายไป ความ วิบัติจะเกิดกับสูเจ้าสำาหรับสิ่งที่สูเจ้าได้กล่าวไป ของพระองค์คือผู้อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และบรรดา(ทูต สวรรค์)ผู้อยู่ใกล้พระองค์มิได้โอหังต่อการเคารพสักการะพระองค์ และ ทั้งหมดไม่รู้สึกเหนื่อยหน่าย พวกเขาแซ่ซ้องสรรเสริญพระองค์ทั้ง กลางคืนและกลางวันโดยไม่เหนื่อย สิ่งเคารพบูชาต่างๆจากแผ่นดินที่พวกเขาตั้งขึ้นมีอำานาจที่จะทำาให้ คนตายมีชีวิตขึ้นมาได้ไหม ถ้าหากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆนอกเหนือจาก พระเจ้าในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ทั้งชั้นฟ้าและแผ่นดินจะต้องได้รับ ความหายนะอย่างแน่นอน มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่ง บัลลังก์ทรงอยู่เหนือสิ่งที่พวกเขากล่าวร้ายต่อพระองค์ พระองค์จะไม่ ทรงถูกสอบถามเกี่ยวกับงานของพระองค์ แต่พวกเขาต่างหากที่จะถูก สอบสวน พวกเขาได้ยึดถือพระเจ้าอื่นๆนอกไปจากพระองค์กระนั้นหรือ (โอ้ มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า จงนำาหลัก านของพวกท่านมาสิ นี่คือข้อตัก

บรรดานบี

เตือนสำาหรับคนที่อยู่ร่วมกับ ันและมีข้อตักเตือนสำาหรับคนก่อนหน้า ัน ด้วย แต่ส่วนใหญ่ของคนเหล่านี้ไม่รู้ความจริง ดังนั้น พวกเขาจึงได้หัน ห่างออกไปจากมัน ศาสนทูตทุกคนที่เราได้ส่งมาก่อนหน้าเจ้านั้น เรา ได้ดลใจแก่พวกเขาเหมือนกันว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก ัน ดังนั้น จงเคารพภักดี ันแต่เพียงผู้เดียว พวกเขากล่าวว่า พระผู้ทรงกรุณามีบุตร มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระองค์ พวกเขาเป็นแค่เพียงบ่าวผู้มีเกียรติ พวกเขาไม่ละเมิด ขอบเขตในการพูดก่อนพระองค์และพวกเขาป ิบัติตามคำาบัญชาของ พระองค์ พระองค์ทรงรู้ถึงทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและที่ถูกซ่อนเร้น จากพวกเขา พวกเขาไม่ขอไถ่โทษแทนผู้ใดนอกจากผู้ที่พระองค์ทรงพอ ถ้าผู้ใดในหมู่ พระทัยและพวกเขาดำาเนินชีวิตด้วยความกลัวพระองค์ พวกเขากล่าวว่า ันเป็นพระเจ้านอกไปจากพระองค์ด้วย เราจะส่งเขา ไปนรกทันทีเพราะนี่คือการตอบแทนจากเราสำาหรับผู้ทำาความผิด บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมไม่พิจารณาหรือว่าชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินในตอนแรกนั้นเป็นมวลเดียวกัน หลังจากนั้น เราได้แยกมันออกจาก กันและเราได้สร้างทุกสิ่งที่มีชีวิตจากน้ำา แล้วพวกเขายังไม่เชื่ออีกหรือ เราได้ทำาให้ภูเขามั่นคงในแผ่นดิน มิ ะนั้นแล้ว มันจะเลื่อนไปมา อยู่ข้างใต้พวกเขา และเราได้ทำาให้ในนั้นมีทางเปิดไว้ เพื่อที่พวกเขาจะ ได้พบทาง เราได้ทำาให้ชั้นฟ้าเป็นหลังคาป้องกันอย่างดี แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังไม่ใส่ใจต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา พระองค์คือผู้ทรง สร้างกลางคืนและกลางวัน และทรงสร้างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทั้งหมดลอยอยู่ในแต่ละวงโคจรของมัน เรามิได้ทำาให้ใครคนใดก่อนหน้าเจ้ามีชีวิตยั่งยืนนานโดยไม่ตาย ดัง นั้น ถ้าเจ้า(มุ ัมมัด)ตาย พวกเขาจะมีชีวิตยืนยาวตลอดไปกระนั้นหรือ ทุกชีวิตจะต้องลิ้มรสความตาย และเรากำาลังทดสอบสูเจ้าด้วยสภาพ การณ์ที่เลวและดี และในที่สุด สูเจ้าจะถูกนำากลับมายังเรา

อัล อัมบิยาอ์

เมื่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเห็นเจ้า พวกเขาก็ดีแต่หัวเราะเยาะเจ้า โดยกล่าวว่า คนนี้นะหรือที่พูดจาไม่ดีถึงสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชา แต่ พวกเขาเองนั้นแหละที่ป ิเสธจะเอ่ยถึงพระผู้ทรงกรุณาปรานี มนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างแห่งความรีบร้อน ันจะแสดงสัญญาณทั้ง หลายของ ันให้สูเจ้าเห็นในไม่ช้านี้ ดังนั้น สูจ้าไม่ต้องเร่ง ัน พวกเขา ถามว่า เมื่อใดเล่าที่คำาขู่นี้จะเป็นจริง ถ้าท่านพูดจริง ถ้าบรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมรู้ถึงเวลาที่พวกเขาไม่สามารถป้องกันใบหน้าและหลังของ พวกเขาให้พ้นจากไฟนรก พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากที่ไหน แท้จริง มันจะเกิดขึ้นโดย ับพลันและทำาให้พวกเขาตกตะลึงจนพวก เขาไม่สามารถปัดป้องมันได้ และพวกเขาจะไม่ได้รับการผ่อนผันอะไรอีก บรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้าได้ถูกเยาะเย้ยมาแล้วเช่นกัน แต่พวกที่ เย้ยหยันนั้นได้ถูกล้อมรอบด้วยสิ่งที่พวกเขาเคยเย้ยหยันเช่นกัน (โอ้มุ ัมมัด) จงถามพวกเขาว่า ใครเล่าที่คอยคุ้มครองพวกท่าน ทั้งกลางคืนและกลางวันจากความกริ้วของพระผู้ทรงกรุณาปรานี แต่ ถึงกระนั้น พวกเขายังหันห่างออกจากการระลึกถึงพระผู้อภิบาลของพวก เขา พวกเขามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆที่สามารถป้องกันพวกเขาให้พ้นจาก เรากระนั้นหรือ (ไม่) พวกมันเองก็ช่วยตัวเองไม่ได้และป้องกันตนเองให้ พ้นจากเราไม่ได้ 44 ความจริงแล้ว เราได้ประทานสิ่งดี(แห่งชีวิต)แก่พวกเขาและ บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่พวกเขาไม่เห็นหรือว่า เราได้ร่นขอบเขตของพวกเขาในทุกๆด้าน แล้วพวกเขาจะชนะเราหรือ 45 จงบอกพวกเขา ันเพียงแต่ตักเตือนพวกท่านตามที่พระเจ้า ประทานมายัง ันเท่านั้น แต่คนหูหนวกนั้นไม่ได้ยินการเรียกร้องเมื่อ พวกเขาถูกตักเตือน ถ้าการลงโทษอันแผ่วเบาของพระผู้อภิบาลของ เจ้าสัมผัสพวกเขา พวกเขาจะร้องออก มาว่า วิบัติแล้วเรา แท้จริงแล้ว เราเป็นผู้ทำาผิด

บรรดานบี

ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราจะตั้งตราชูที่เที่ยงธรรมขึ้นมาเพื่อที่จะ ได้ไม่มีชีวิตใดไม่ได้รับความเป็นธรรมแม้แต่เพียงน้อยนิด ถึงแม้ว่ามัน จะเป็นการกระทำาที่มีน้ำาหนักเท่ากับเมล็ดผักกาด เราก็จะนำามันออกมา (เพื่อชั่ง) และเพียงพอแล้วที่เราจะชำาระบัญชี ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานเกณ ์ตัดสินความถูกต้องและความผิด ประทานแสงสว่างและการตักเตือนแก่มูซาและ ารูนสำาหรับผู้สำารวมตน จากความชั่ว ผู้ที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาถึงแม้จะมิได้เห็น พระองค์และเกรงกลัวเวลาแห่งการพิพากษา เราได้ประทานข้อตัก เตือนอันจำาเริญนี้มา(สำาหรับสูเจ้า) แล้วสูเจ้ายังป ิเสธอีกกระนั้นหรือ ก่อนหน้านั้น เราได้ประทานทางนำาแก่อิบรอ ีมเพราะเรารู้จักเขาดี เมื่อตอนที่เขากล่าวแก่พ่อของเขาและผู้คนของเขาว่า รูปปั้นอะไรกัน นี่ที่พวกท่านเคารพบูชา พวกเขาตอบว่า เราเห็นว่าบรรพบุรุษของ 54 เราเคารพบูชามัน เขากล่าวว่า พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน อยู่ในการหลงผิดชัดๆ 55 พวกเขาตอบว่า เจ้านำาเอาความจริงมาเสนอแก่เราหรือว่าเจ้าล้อ เล่น อิบรอ ีมตอบว่า ไม่ใช่เช่นนั้น พระผู้อภิบาลของพวกท่านคือ พระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและผู้ทรงเนรมิตสิ่งเหล่า นั้น และ ันเองขอเป็นผู้ยืนยันในเรื่องนี้ 57 ขอสาบานด้วยพระเจ้า ันจะ จัดการสิ่งศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ในตอนที่พวกท่านไม่อยู่ ดังนั้น เขาจึงได้ทุบ มันแตกออกเป็นชิ้นๆยกเว้นเทวรูปตัวใหญ่เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมาหา มัน(เพื่อสอบถาม) (เมื่อผู้คนกลับมาเห็นสภาพของเทวรูปเหล่านั้น) พวกเขาได้กล่าว ว่า ใครทำาเช่นนี้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเรา เขาต้องเป็นผู้มีเจตนาร้ายแน่ๆ บางคนกล่าวว่า เราได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าอิบรอ ีมเคย พูดถึงเรื่องเทวรูปเหล่านี้ พวกเขาจึงกล่าวว่า ดังนั้น ไปเอาตัวเขามา ที่นี่ต่อหน้าผู้คน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นพยาน (เมื่ออิบรอ ีมถูก 47

อัล อัมบิยาอ์

นำาตัวมาที่นั่น) พวกเขาถามว่า อิบรอ ีม เจ้าทำาเช่นนี้ต่อบรรดาเทวรูป ศักดิ์สิทธิ์ของเราใช่ไหม เขาตอบว่า ไม่ใช่ เทวรูปที่ใหญ่ที่สุดใน เทวรูปทั้งหมดต่างหากเป็นผู้ทำา พวกท่านลองถามเทวรูปเหล่านั้นดูสิ ถ้า พวกมันพูดได้ ดังนั้น พวกเขาจึงหันมามองหน้ากัน และกล่าวว่า แน่นอน พวก แกเองนั่นแหละที่ผิด แต่หลังจากนั้น พวกเขาต่างก้มหน้ากล่าวด้วย ความละอายว่า อิบรอ ีม เจ้าก็รู้ว่าเทวรูปเหล่านั้นพูดไม่ได้ อิบรอ ีม จึงกล่าวว่า แล้วพวกท่านยังละทิ้งพระเจ้าไปเคารพสักการะสิ่งอื่นที่ไม่ อาจยังคุณให้โทษใดๆแก่พวกท่านกระนั้นหรือ น่าละอายทั้งพวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านเคารพบูชานอกไปจากพระเจ้า อย่างนี้แล้ว พวกท่าน ยังไม่เข้าใจอีกหรือ พวกเขาจึงกล่าวว่า จงเผาเขาทั้งเป็นและแก้แค้นแทนเทวรูป ศักดิ์สิทธิ์ของพวกท่านถ้าหากพวกท่านต้องการจะทำา ดังนั้น เราจึงได้ บัญชาว่า ไฟเอย จงเย็นลงและเป็นที่ปลอดภัยสำาหรับอิบรอ ีม พวก เขาตั้งใจจะทำาร้ายอิบรอ ีม แต่เราได้ทำาให้แผนการร้ายของพวกเขาต้อง ล้มเหลว และเราได้นำาเขาและลู ออกมาอย่างปลอดภัยยังแผ่นดินที่เราได้ ทำาให้ในนั้นเป็นที่จำาเริญสำาหรับผู้คนทั้งหมดของโลก เราได้ประทาน อิส ากแก่เขาและยะกูบเป็นการเพิ่มเติม และเราได้ทำาให้พวกเขาแต่ละ คนเป็นผู้มีคุณธรรม เราได้แต่งตั้งพวกเขาเป็นผู้นำาที่นำาทางคนอื่นโดย คำาบัญชาของเราและเราได้ดลใจพวกเขาให้ทำาการงานที่ดีทั้งหลายและ ดำารงนมาซและจ่ายซะกาต และพวกเขาทั้งหมดเคารพสักการะเรา 74 เราได้ประทานการตัดสินและความรู้แก่ลู และช่วยเขาให้พ้นจาก เมืองที่กระทำาความชั่วช้าลามกต่างๆ แท้จริง พวกเขาเหล่านั้นเป็นหมู่ชน ที่ชั่วช้าและ ่า ืน 75 เราได้รับลู สู่ความเมตตาของเรา แท้จริง เขาเป็น หนึ่งในบรรดาผู้มีคุณธรรม

บรรดานบี

ก่อนหน้าเขา นู ฺได้วิงวอนต่อเรา และเราได้ยินคำาวิงวอนของเขา เราได้ช่วยเหลือเขาและคนในครอบครัวของเขาให้พ้นจากความหายนะ อันยิ่งใหญ่ 77 เราได้ช่วยเขาจากหมู่ชนที่ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา แท้จริง พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนชั่ว ดังนั้น เราจึงได้ทำาให้พวกเขาทั้งหมด จมน้ำาตาย จงบอกพวกเขาถึงดาวูดและสุลัยมานเมื่อตอนที่เขาทั้งสองกำาลัง ตัดสินเรื่องสวนที่แกะ ูงหนึ่งหลงเข้าไปในตอนกลางคืนและเราเองได้เ ้า มองการตัดสินเรื่องนี้อยู่ ในตอนนั้น เราได้ให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ สุลัยมานในเรื่องนี้ และเราได้ประทานวิทยปัญญาและความรู้แก่ทั้งสอง คน เราได้ทำาให้ภูเขาและนกร่วมกับดาวูดในการสดุดีสรรเสริญเรา เรามี อำานาจที่จะทำาสิ่งนี้ เราได้สอนเขาถึงการทำาเสื้อเกราะเพื่อสูเจ้า ทั้งนี้ เพื่อที่สูเจ้าจะได้ป้องกันตัวเองจากความรุนแรงของผู้อื่น แล้วสูเจ้าจะ ขอบคุณไหม เราได้ให้อำานาจสุลัยมานในการควบคุมลมพายุที่พัดตามคำาสั่งของ เขาไปยังแผ่นดินที่เราได้ประทานความจำาเริญแก่ที่นั่น เพราะเรามีความ รู้ในทุกสรรพสิ่ง เราได้ให้อำานาจเขาควบคุมญินบางตนที่ดำาลงไปใน ทะเลให้เขาและทำางานอื่นๆนอกไปจากนั้นอีก และเราได้เ ้าดูพวกมัน ทั้งหมด จงนึกถึงอัยยูบเมื่อเขาวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาว่า ันได้ รับความทรมานจากโรคภัยและพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตาที่สุดในบรรดา ผู้เมตตาทั้งหลาย เราได้ตอบรับคำาวิงวอนของเขาและได้ปลดเปลื้อง ความทรมานไปจากเขา และเราได้ให้ครอบครัวของเขากลับคืนไปหาเขา และมากไปกว่านั้นพร้อมกับพวกเขาด้วยใน านะเป็นความเมตตาจาก เรา ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้เป็นข้อตักเตือนต่อบรรดาผู้เคารพสักการะเรา จงนึกถึงอิสมาอีลและอิดรีสและซุลกิฟล์ เพราะพวกเขาทุกคนเป็น

อัล อัมบิยาอ์

ผู้อดทน เราได้รับพวกเขาสู่ความเมตตาของเราเพราะพวกเขาเป็นผู้มี คุณธรรม จงนึกถึงคนที่อยู่ในท้องปลา(ยูนุส)เมื่อเขาหนีไปด้วยความโกรธ เพราะเขาคิดว่าเราไม่มีอำานาจเหนือเขา แต่หลังจากนั้น เขาได้วิงวอน ต่อเราจากท่ามกลางความมืดโดยกล่าวว่า ไม่มีสิ่งเคารพสักการะอื่นใด นอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ แท้จริง ันเป็นผู้ทำาผิดไป แล้ว ดังนั้น เราได้ตอบรับคำาวิงวอนของเขาและได้ช่วยเขาให้พ้นจาก ความลำาบาก นั่นแหละที่เราได้ช่วยเหลือผู้ศรัทธาทั้งหลายให้รอด จงนึกถึงซะกะรียาเมื่อเขาได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาโดย กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดอย่าได้ปล่อยให้ ันต้องอยู่คน ดัง เดียวโดยไม่มีบุตรเถิด ถึงแม้พระองค์ทรงเป็นผู้สืบทอดที่ดีที่สุด นั้น เราได้ตอบรับคำาวิงวอนของเขาและเราได้ประทานยะ ฺยาแก่เขาและ ทำาให้ภรรยาของเขาสมบูรณ์(ที่จะมีบุตร)สำาหรับเขา คนเหล่านี้แข่งขันกัน ในการทำาความดีและวิงวอนต่อเราด้วยความรักและความกลัว และพวก เขาเป็นผู้ถ่อมตนต่อเรา จงนึกถึงผู้ที่ปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง ดังนั้น เราจึงได้เป่า วิญญาณของเราเข้าไปในตัวของนางและได้ทำาให้นางและลูกของนางเป็น สัญญาณแก่มนุษย์ทั้งหมด แท้จริง หมู่ชนนี้ของสูเจ้าเป็นหมู่ชนเดียวกันและ ันเป็นพระผู้ อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น จงเคารพสักการะ ัน แต่พวกเขาได้แยกความ เชื่อ(หนึ่ง)ของพวกเขาออกเป็นหลายศาสนา แต่กระนั้น พวกเขาทั้งหมด จะกลับมาหาเรา ใครก็ตามที่กระทำาความดีและเป็นผู้ศรัทธา ความ พยายามของเขาจะไม่ถูกป ิเสธ เพราะเราเป็นผู้บันทึกมันไว้สำาหรับพวก เขา มันได้ถูกกำาหนดไว้แล้วว่าไม่มีชาติใดที่เราได้ทำาลายไปแล้วจะกลับ มามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อยะอฺญูจญ์(กอก)และมะญูจญ์(มากอก)ถูก

บรรดานบี

ปล่อยออกมา พวกมันจะดาหน้ากันลงมาจากที่สูงทุกแห่งและกระจาย กันออกไป (กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางทุกอย่างของแผ่นดินและทะเล) เมื่อสัญญาที่แท้จริงของพระเจ้าใกล้เข้ามา บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะ ตกตะลึง พวกเขาจะกล่าวว่า บรรลัยแล้วเรา เราไม่ได้ใส่ใจในสิ่งนี้ ใช่แต่ เท่านั้น เรายังเป็นผู้ทำาผิดด้วย ความจริงแล้ว สูเจ้าและสิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะนอกเหนือไปจาก พระเจ้านั้นล้วนเป็นเชื้อเพลิงแห่งนรกทั้งสิ้น สูเจ้าจะได้เข้าไปอยู่ในนั้น ถ้าหากสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริง พวกมันก็ไม่ต้องเข้าไปในนั้น แต่ตอนนี้ พวกมันทั้งหมดจะอยู่ในนั้นตลอดไป ที่นั่น พวกมันจะร้อง ครวญคราง และพวกมันจะไม่ได้ยินสิ่งใด แต่บรรดาผู้ที่เราได้กำาหนด รางวัลแห่งความดีไว้แล้วนั้น พวกเขาจะถูกรักษาไว้ให้ห่างจากนรก พวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแผ่วเบาของมัน และพวกเขาจะได้ พำานักอยู่ท่ามกลางสิ่งที่พวกเขาต้องการ เวลาแห่งความน่าสะพรึง กลัวครั้งใหญ่(ของวันแห่งการพิพากษา)จะไม่ทำาให้พวกเขาต้องว้าวุ่น ทูตสวรรค์จะออกมาต้อนรับพวกเขาและกล่าวว่า นี่คือวันที่พวกท่านทั้ง หลายได้ถูกสัญญาไว้ ในวันนั้น เราจะม้วนท้องฟ้าเหมือนกับการม้วนแผ่นกระดาษ เรา จะนำาสิ่งถูกสร้างออกมาอีกครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับเราที่เราได้ให้มันบังเกิด ขึ้นมาในตอนแรก นี่เป็นคำาสัญญาที่เราได้ทำาไว้ต่อเราเองและเราจะทำา ตามนั้น และเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ษะบูรฺหลังจากข้อตักเตือนนั้นว่า บ่าวผู้มีคุณธรรมของ ันจะเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินนั้น แท้จริง ในนั้นมี ข่าวดีสำาหรับหมู่ชนที่เคารพสักการะที่แท้จริง (โอ้มุ ัมมัด) เรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อความเมตตา ต่อมนุษยชาติทั้งหมด จงบอกพวกเขาว่า สิ่งที่ถูกเปิดเผยให้ ันได้ รู้ก็คือ พระเจ้าของพวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว แล้วพวกท่านจะยอม จำานนต่อพระองค์ไหม หลังจากนั้นแล้ว ถ้าพวกเขาหันหลังให้ จง

อัล ัจญ์

บอกพวกเขาว่า ันได้เตือนพวกท่านให้รู้กันอย่างเปิดเผยแล้ว ตอนนี้ ันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้นั้นอยู่ใกล้หรือไกล (อย่างไร ก็ตาม จงรู้ไว้ว่า)พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกท่านพูดออกมาอย่างเปิด เผยและสิ่งที่พวกท่านปิดบังไว้ ันไม่รู้ว่านี่เป็นวิธีการทดสอบสำาหรับ พวกท่านและเป็นประวิงเวลาสั้นๆหรือไม่ จงกล่าวเถิด ข้าแต่พระผู้ อภิบาลของ ัน โปรดพิพากษาด้วยความจริง พระผู้อภิบาลของเราเป็น ผู้ทรงกรุณาปรานีที่เราขอความช่วยเหลือต่อสิ่งที่พวกท่านกล่าว 22. การแสวงบุญ

อัล-ฮัจญ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมือ มนุษย์เอย จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของสูเจ้า แท้จริงแล้ว การสั่น สะเทือนของยามอวสานนั้นรุนแรงยิ่งนัก เมื่อวันนั้นมาถึง สูเจ้าจะได้ เห็นว่าแม่ทุกคนที่ให้นมลูกจะทิ้งการให้นมลูกของนาง และหญิงมีครรภ์ ทุกคนจะคลอดลูกของนางก่อนกำาหนด และสูเจ้าจะเห็นผู้คนมีอาการ มึนเมาถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้เมา แต่การลงโทษของพระเจ้านั้นรุนแรงยิ่ง กว่า ในหมู่มนุษย์มีบางคนที่มัวถกเถียงเกี่ยวกับพระเจ้าโดยไม่มีความรู้ ใดๆและพวกเขาป ิบัติตามมารร้ายที่ดื้อรั้น 4 ใครก็ตามที่เป็นพวกกับมัน เขาผู้นั้นได้ถูกกำาหนดไว้แล้วว่าจะถูกมันล่อลวงให้หลงทางและนำาเขาไป สู่การลงโทษด้วยเปลวไฟในนรก 5 มนุษย์เอย ถ้าหากสูเจ้ายังสงสัยคลางแคลงเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพ หลังความตายอยู่ สูเจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าเราได้สร้างสูเจ้ามาจากดินในตอน แรก หลังจากนั้นจากหยดอสุจิ แล้วจากก้อนเลือด แล้วจากก้อนเนื้อ ทั้ง ที่เป็นรูปร่างสมบูรณ์หรือไม่เป็นรูปร่าง เพื่อที่เราจะแสดงให้สูเจ้าเห็น

การแสวงบุญ

อำานาจของเรา และเราได้ทำาให้อสุจิที่เราประสงค์เหล่านั้นอยู่ในมดลูกชั่ว ระยะเวลาที่กำาหนดไว้ หลังจากนั้น เราได้ให้สูเจ้าเป็นทารกและเติบโต เป็นผู้ใหญ่ หลังจากนั้น ในหมู่สูเจ้านั้นอาจมีบางคนที่ถูกเรียกกลับก่อน และบางคนที่กลับไปสู่วัยอันน่าสังเวชซึ่งเป็นวัยที่พวกเขาจะไม่รู้อะไร เลยหลังจากที่พวกเขาได้รู้ทุกสิ่ง สูเจ้าได้เห็นแผ่นดินแห้งแล้ง แต่เมื่อเรา ได้ส่งน้ำา นลงมาบนมัน มันก็ร่วนซุยและทำาให้พืชพันธุ์หลากชนิดมีชีวิต งอกเงยออกมา ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงสัจจะ พระองค์ ทรงนำาความตายมาสู่ชีวิตและพระองค์ทรงมีอำานาจเหนือทุกสรรพสิ่ง 7 ยามอวสานจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีข้อสงสัยใดๆในเรื่องนี้ และ แน่นอนที่สุด พระองค์จะทำาให้ผู้ที่อยู่ในสุสานทั้งหลายฟื้นขึ้น ในหมู่มนุษย์นั้นมีบางคนโต้เถียงเกี่ยวกับพระเจ้าโดยไม่มีความรู้ และทางนำาและคัมภีร์ส่องสว่างทางปัญญา พวกเขาหันหลังให้อย่าง โอหังและพาผู้คนให้หลงไปจากทางของพระเจ้า คนเหล่านี้จะได้รับความ อัปยศในโลกนี้และในวันแห่งการพิพากษา เราจะทำาให้เขาได้ลิ้มรส การลงโทษในไฟ (พระเจ้าจะกล่าวว่า) นี่คือรางวัลตอบแทนที่สูเจ้า ได้เตรียมไว้สำาหรับตัวสูเจ้าด้วยมือของสูเจ้าเอง แท้จริง พระเจ้ามิทรง อธรรมต่อปวงบ่าวของพระองค์ ในหมู่มนุษย์นั้นมีบางคนที่เคารพสักการะพระเจ้าเพียงครึ่งหัวใจ ถ้าหากความดีอันใดเกิดขึ้นแก่เขา เขาก็พอใจ แต่ถ้าหากมีเคราะห์กรรม อันใดเกิดขึ้นแก่เขา เขาก็หันกลับไปสู่วิถีเดิมๆของพวกเขา ดังนั้น เขาจึง ขาดทุนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า นี่คือการขาดทุนที่ชัดเจน เขาวิงวอนขอต่อสิ่งอื่นที่ไม่สามารถให้โทษและไม่ให้คุณแก่เขา แทนพระเจ้า นั่นเป็นการหลงผิดไปไกลลิบ เขาวิงวอนบรรดาผู้ที่จะ ให้โทษแก่เขามากกว่าให้คุณ ช่างเป็นผู้คุ้มครองที่ชั่วช้าและสหายที่ เลวทรามเสียนี่กระไร สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้น

อัล ัจญ์

พระเจ้าจะทรงรับพวกเขาเข้าสู่สวนสวรรค์ที่เบื้องล่างมีลำาน้ำาหลายสาย ไหลผ่าน แท้จริง พระเจ้าทรงทำาในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ สำาหรับคนที่คิดว่าพระเจ้าจะไม่ทรงช่วยเขา(ศาสนทูตของพระองค์) ในโลกนี้และโลกหน้า ให้เขาขึ้นไปสู่ท้องฟ้าด้วยเชือกและเจาะช่องปีน เข้าไปในนั้นแล้วดูว่าแผนการของเขาจะสามารถขจัดสาเหตุแห่งความ โกรธของเขาได้ไหม เราได้ประทานกุรอานนี้ลงมาพร้อมกับหลัก าน อันชัดเจน และพระเจ้าเท่านั้นทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาชาวยิวและชาวซอบิอีนและชาว คริสเตียนและชาวมะญูซและบรรดาผู้ทำาชิริกนั้น พระเจ้าจะทรงตัดสิน ระหว่างพวกเขาในวันแห่งการพิพากษา เพราะทุกสิ่งอยู่ในสายตาของ พระเจ้าแล้ว สูเจ้ามิเห็นหรือว่าใครก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เช่น เดียวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์และดวงดาวและภูเขาและต้นไม้และ สัตว์ทั้งปวงและมนุษย์ทั้งหมดล้วนยอมจำานนต่อพระเจ้า แต่มีมนุษย์ มากมายที่สมควรได้รับการลงโทษ ใครก็ตามที่พระเจ้าได้ทำาให้เขา อัปยศตกต่ำาจะไม่มีใครให้เกียรติเขา แท้จริง พระเจ้าทรงทำาอะไรก็ตามที่ พระองค์ทรงประสงค์ คนสองกลุ่มนี้(ผู้ศรัทธาและผู้ป ิเสธสัจธรรม)ถกเถียงกันเกี่ยวกับ พระผู้อภิบาลของพวกเขา สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้นจะได้อาภรณ์แห่ง ไฟซึ่งถูกตัดไว้สำาหรับพวกเขา และเหนือศีรษะของพวกเขาจะมีน้ำาเดือด เทราดลงมาบนหัวของพวกเขา ซึ่งไม่เพียงแต่จะละลายผิวหนังของ พวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมทุกส่วนในของท้องของพวกเขาด้วย และจะ มีแท่งเหล็กคอยฟาดเขา เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาพยายามจะออกจาก นรกเพราะความเจ็บปวด พวกเขาจะถูกผลักให้กลับเข้าไปในนั้นอีก และ พวกเขาจะถูกบอกว่า จงลิ้มรสการลงโทษในเปลวเพลิง สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี พระเจ้าจะทรงรับพวก

การแสวงบุญ

เขาเข้าสู่สวรรค์ซึ่งภายใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน ที่นั่น พวกเขาจะ ถูกประดับด้วยกำาไลทองคำาและไข่มุกและอาภรณ์ของพวกเขาจะทำาด้วย ผ้าไหม นี่เป็นเพราะพวกเขาได้ถูกนำาไปสู่วจนะอันบริสุทธิ์และได้ถูก นำาไปสู่ทางของผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและขัดขวางคนอื่นจากหนทางของ พระเจ้าและจากการไปมัสญิด ะรอมที่เราได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ทุก คนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันทั้งผู้ที่อยู่ในนั้นและผู้ที่อยู่ข้างนอก และใครก็ตามที่ หันเหออกจากความถูกต้องโดยการทำาความชั่วขึ้นในนั้น เราจะทำาให้เขา ได้ลิ้มรสการลงโทษอันเจ็บปวด เราได้กำาหนดที่ตั้งของบ้านหลังนี้(กะอฺบะ ฺ)แก่อิบรอ ีมโดยกล่าว ว่า จงอย่าเอาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับ ัน และจงรักษาบ้านของ ันให้สะอาด สำาหรับผู้มาเวียนรอบและสำาหรับผู้ยืนและโค้งและกราบ จงเรียกร้องมนุษย์ให้มาทำา ัจญ์จากทั้งไกลและใกล้โดยทางเท้า และบนอู เพรียวทุกตัว ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ประจักษ์ถึงคุณานุ ประโยชน์ที่ได้ทำาไว้สำาหรับพวกเขา และในระหว่างวันทั้งหลายที่ได้รู้กัน แล้วนั้น พวกเขาจะเอ่ยนามของพระเจ้าเหนือปศุสัตว์ที่พระองค์ได้ทรง ประทานแก่พวกเขา หลังจากนั้น พวกเขาจะกินเนื้อของมันก็ได้ และ จงให้มันเป็นอาหารแก่คนยากจนและคนขัดสน หลังจากนั้น ให้ผู้มา แสวงบุญชำาระสิ่งสกปรกของพวกเขาและป ิบัติตามที่พวกเขาบนบานไว้ ให้ครบและเวียนรอบบ้านโบราณหลังนี้ นี่แหละคือคำาบัญชาของพระเจ้า ใครที่ป ิบัติตามก เกณ ์ต้อง ห้ามทั้งหลายของพระเจ้าได้ทรงกำาหนดไว้ มันก็เป็นการดีสำาหรับเขาใน สายตาของพระผู้อภิบาลของเขา และปศุสัตว์ทั้งหลายได้ถูกทำาให้เป็นที่ อนุมัติสำาหรับสูเจ้า ยกเว้นตามที่ได้บอกแก่สูเจ้าไปแล้ว ดังนั้น จงปกป้อง ตัวของสูเจ้าเองให้พ้นจากสิ่งโสมมของเจว็ดบูชาทั้งหลาย และจงละเว้น จากสิ่งเท็จทั้งมวล

อัล ัจญ์

จงเป็นผู้เคารพสักการะที่จริงใจของพระเจ้าและจงอย่านำาสิ่งใดมา เป็นภาคีกับพระองค์ เพราะคนที่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีร่วมกับพระองค์นั้นจะ เหมือนกับผู้ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและนกมาเ ี่ยวเขาไปหรือไม่ก็ลมพัด เขาออกไปยังสถานที่อันห่างไกล นี่แหละคือความจริง ใครก็ตามที่ให้ความเคารพสัญลักษณ์ที่ พระเจ้ากำาหนดขึ้นก็แสดงถึงความยำาเกรงของหัวใจของเขา สูเจ้าได้ รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากปศุสัตว์จนถึงเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้ หลัง จากนั้น พวกมันต้องถูกเชือดพลีที่บ้านโบราณ สำาหรับทุกหมู่ชนนั้น เราได้กำาหนดวิธีการพลีไว้เพื่อที่พวกเขาจะ ได้เปล่งพระนามของพระเจ้าเหนือปศุสัตว์ที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่ พวกเขา พระเจ้าของสูเจ้าคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น สูเจ้าจงนอบน้อม ยอมจำานนต่อพระองค์ และ(โอ้นบี) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ถ่อมตน ผู้ที่หัวใจของพวกเขาหวั่นกลัวเมื่อมีการเอ่ยถึงพระเจ้าต่อหน้าพวกเขา และผู้อดทนต่อความทุกข์ยากเดือดร้อนที่เกิดขึ้นแก่พวกเขาและผู้ดำารง นมาซและใช้จ่ายจากที่เราได้ประทานแก่พวกเขา เราได้รวมเอาอู ที่เตรียมไว้เชือดพลีเป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่พระเจ้า ทรงกำาหนดไว้ด้วย เพราะในตัวมันมีสิ่งดีมากมายสำาหรับสูเจ้า ดังนั้น จง ให้พวกมันยืน และจงเอ่ยพระนามของพระเจ้าเหนือมัน เมื่อมันล้มลงตาย แล้ว สูเจ้าจงกินเนื้อของมันและให้มันแก่ผู้ที่ไม่เอ่ยขอและแก่ผู้ที่เอ่ยขอ ทำานองนี้แหละที่เราได้ทำาให้สัตว์เหล่านี้อยู่ใต้อำานาจของสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้า จะได้ขอบคุณ เนื้อของมันและเลือดของมันไม่ถึงพระเจ้า แต่ความ ยำาเกรงของสูเจ้าต่างหากที่ถึงพระองค์ นั่นแหละที่พระองค์ได้ทรงทำาให้ สัตว์เหล่านี้อยู่ใต้อำานาจของสูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ประกาศความยิ่งใหญ่ ของพระเจ้าสำาหรับทางนำาที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่สูเจ้า และ(โอ้นบี) จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ทำาความดี พระเจ้าทรงป้องกันบรรดาผู้ศรัทธา พระองค์ไม่ทรงโปรดผู้ทรยศ ผู้

การแสวงบุญ

เนรคุณ สำาหรับบรรดาผู้ถูกโจมตีนั้นได้รับอนุญาต(ให้ต่อสู้) เพราะพวก เขาถูกกดขี่ข่มเหงและพระเจ้าทรงสามารถช่วยพวกเขาได้อย่างแน่นอน คนเหล่านี้คือผู้ที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือนอย่างไม่เป็นธรรมเพียง เพราะพวกเขากล่าวว่า พระเจ้าคือพระผู้อภิบาลของเรา ถ้าหากพระเจ้า ไม่ทรงกำาราบคนหมู่หนึ่งโดยอาศัยคนอีกหมู่หนึ่งแล้ว สถานที่บำาเพ็ญ ภาวนา โบสถ์ สุเหร่าและมัสญิดซึ่งเป็นสถานที่ที่พระนามของพระเจ้า ถูกกล่าววิงวอนก็จะถูกทำาลาย พระเจ้าจะทรงช่วยบรรดาผู้ช่วยเหลือ พระองค์ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำานาจโดยแท้จริง (พวกเขาคือ)ผู้ที่หากเราประทานอำานาจแก่พวกเขาในแผ่นดิน พวก เขาจะดำารงนมาซ จ่ายซะกาต กำาชับกันในสิ่งดีงามและห้ามปรามความ ชั่ว และการตัดสินครั้งสุดท้ายของกิจการทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับพระเจ้า (โอ้นบี) ถ้าพวกที่คัดค้านเจ้าถือว่าเจ้าเป็นผู้โกหก เจ้าจงจำาไว้ ก่อน หน้าพวกเขา หมู่ชนของนู ฺ ชาวอาดและชาวษะมูดได้ป ิเสธบรรดา ศาสนทูตของพวกเขามาแล้ว เช่นเดียวกับหมู่ชนของอิบรอ ีมและหมู่ ชนของลู 44 และชาวมัดยันด้วย แม้มูซาเองก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้โกหก แต่ ันได้ผ่อนผันให้แก่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเหล่านั้นก่อน แต่หลังจาก นั้น ันได้ทำาลายพวกเขา แล้วดูเอาเองว่าการลงโทษของ ันเป็นเช่นไร 45 มีซากที่อยู่อาศัยของคนชั่วกี่แห่งแล้วที่เราได้ทำาลายด้วยการให้ หลังคาบ้านพังลงมา บ่อน้ำากี่แห่งแล้วที่ถูกทิ้งไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ และปราสาทกี่แห่งแล้วที่กำาลังเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาไม่ได้ท่อง ไปในแผ่นดินเพื่อทำาให้หัวใจของพวกเขาได้คิดและหูของพวกเขาได้ยิน กระนั้นหรือ ความจริงแล้ว หัวใจในทรวงอกต่างหากที่มืดบอด หาใช่ ดวงตาที่บอด 47 คนเหล่านี้กำาลังรบเร้าเจ้าให้รีบนำาการลงโทษมา พระเจ้าจะไม่มีวัน ผิดสัญญาของพระองค์อย่างแน่นอน แต่วันหนึ่งของเจ้านั้นเท่ากับพันปี ตามที่สูเจ้านับ มีถิ่นที่อยู่อาศัยของคนชั่วหลายแห่งที่ ันได้ประวิงเวลา

อัล ัจญ์

ไว้ในตอนแรก แล้วหลังจากนั้น ันได้ทำาลายมันและทั้งหมดต้องกลับไป หา ัน (โอ้มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า มนุษย์เอย ันเป็นเพียงผู้ตัก เตือนให้เป็นที่กระจ่างแก่พวกท่านเท่านั้น ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดีจะได้รับการให้อภัยและได้รับการประทานปัจจัยอย่างมี เกียรติ ส่วนบรรดาผู้ที่พยายามหาทางต่อต้านสัญญาณทั้งหลายของ เรานั้น คนเหล่านี้จะได้เป็นผู้อยู่อาศัยในไฟนรก (โอ้มุ ัมมัด) เมื่อใดก็ตามที่เราส่งศาสนทูตหรือนบีก่อนหน้าเจ้า และเขาอ่านสิ่งใดก็ตาม(ที่เราประทานมา) ซาตานพยายามที่จะเข้าไป แทรกแซง แต่พระเจ้าได้ทรงทำาลายความชั่วร้ายของซาตานและทรง ยืนยันสิ่งที่พระองค์ประทานมา เพราะพระเจ้าทรงรอบรู้ ทรงปรีชาญาณ พระองค์ทรงทำาให้งานของซาตานเป็นการทดสอบบรรดาผู้ที่หัวใจของ พวกเขาเป็นโรค(ตลบตะแลง)หรือแข็งกระด้าง แท้จริงแล้ว ผู้ทำาความ ผิดเหล่านี้หลงไปไกลในความผิด 54 และเพื่อที่บรรดาผู้มีความรู้จะได้ ตระหนักว่านี่คือความจริงจากพระผู้อภิบาลของเจ้าและพวกเขาจะได้ ศรัทธามัน และหัวใจของพวกเขาจะได้นอบน้อมถ่อมตนต่อมัน แท้จริง พระเจ้าทรงนำาทางบรรดาผู้ศรัทธาไปยังหนทางที่เที่ยงตรงเสมอ 55 บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมยังคงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกระทั่งยาม อวสานเกิดขึ้นกับพวกเขาโดย ับพลันหรือการลงโทษแห่งวันอันไร้ผล เกิดขึ้นแก่พวกเขา ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงเป็นผู้มีอำานาจสูงสุด และ พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเขา หลังจากนั้น บรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดีจะได้อยู่ในสวรรค์แห่งความโปรดปราน 57 ส่วนบรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมและถือว่าสัญญาณทั้งหลายของเราเป็นเท็จนั้น พวกเขา จะได้รับการลงโทษอันอัปยศ สำาหรับบรรดาผู้อพยพในหนทางของพระเจ้า แล้วเขาถูก ่าหรือ ตาย พระเจ้าจะทรงประทานปัจจัยยังชีพที่ดีแก่พวกเขา แท้จริง พระเจ้า

การแสวงบุญ

ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ประทานปัจจัยยังชีพทั้งหลาย พระองค์จะทรงรับ เขาเข้าไปสู่สถานที่ที่พวกเขาพึงพอใจ แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้และทรง ผ่อนปรน เช่นเดียวกัน สำาหรับผู้ที่แก้แค้นเท่ากับที่เขาถูกรังแกและหลังจาก นั้นยังถูกกดขี่ข่มเหงอีก แน่นอน พระเจ้าจะทรงช่วยเขา แท้จริง พระเจ้า เป็นผู้ทรงเมตตาและผู้ทรงให้อภัย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระเจ้าคือผู้ทรงนำากลางวันออกมาจากกลาง คืนและกลางคืนออกมาจากกลางวันและพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรง เห็นทุกสิ่ง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพระเจ้าเท่านั้นคือผู้ทรงสัจจะและสิ่งอื่น ทั้งหมดที่พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระองค์นั้นเป็นความเท็จ พระเจ้า เป็นผู้ทรงสูงส่งและทรงยิ่งใหญ่ สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงส่งน้ำาลงมาจากท้องฟ้าและแผ่น ดินได้กลายเป็นสีเขียวเพราะมัน แท้จริง พระเจ้าทรงละเอียดอ่อนยิ่ง และทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ของพระองค์คือทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย ผู้ทรงได้รับการ สรรเสริญ สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระองค์ได้ทรงทำาให้ทุกสิ่งในแผ่นดินอยู่ใน อำานาจของสูเจ้าและได้ทรงให้เรือลอยอยู่เหนือทะเลตามคำาบัญชาของ พระองค์ พระองค์ได้ทรงพยุงชั้นฟ้าไว้ในลักษณะที่มันไม่สามารถหล่น ลงมาถ้าหากพระองค์ไม่ทรงอนุมัติ แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอ่อนโยน ผู้ทรงเมตตาต่อปวงมนุษย์ พระองค์คือผู้ทรงให้สูเจ้ามีชีวิตและทรง ทำาให้สูเจ้าตาย และพระองค์จะทรงทำาให้สูเจ้าฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงกระนั้น มนุษย์เป็นผู้เนรคุณที่สุด สำาหรับทุกประชาชาตินั้น เราได้กำาหนดวิธีการเคารพสักการะซึ่ง พวกเขาได้ป ิบัติตาม ดังนั้น(โอ้มุ ัมมัด) จงอย่าให้พวกเขาโต้แย้งกับ เจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จงเชิญชวนผู้คนไปยังหนทางของพระผู้อภิบาล

อัล ัจญ์

ของเจ้า เพราะเจ้าอยู่บนหนทางที่เที่ยงตรง ถ้าพวกเขายังโต้แย้งกับ เจ้า จงบอกพวกเขาว่า พระเจ้าทรงรู้ดีว่าพวกท่านกำาลังทำาอะไร ใน วันแห่งการตัดสิน พระองค์จะทรงตัดสินระหว่างสูเจ้าเกี่ยวกับสิ่งที่สูเจ้า ขัดแย้งกัน สูเจ้าไม่รู้ดอกหรือว่าพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่งทั้งในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดิน ทุกสิ่งได้อยู่ในบันทึกหมดแล้ว นี่เป็นเรื่องง่ายสำาหรับ พระเจ้า พวกเขาเคารพสักการะสิ่งอื่นแทนพระเจ้าซึ่งพระองค์ไม่ได้ประทาน หลัก านอันใดลงมาและพวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นด้วย แน่นอน ผู้ทำาความผิดจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ เมื่อความจริงที่เราเปิดเผย ได้ถูกอ่านให้พวกเขา เจ้าจะได้เห็นอาการบอกปัดบนใบหน้าของบรรดา ผู้ป ิเสธสัจธรรมเหมือนกับพวกเขาจะโจมตีบรรดาผู้อ่านสาสน์ของเรา ให้พวกเขาฟัง จงบอกพวกเขาเถิดว่า จะให้ ันบอกพวกท่านถึงสิ่งที่เลว ร้ายกว่านี้ไหม มันคือไฟที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมและเป็นที่พำานักอันชั่วช้า มนุษย์เอย นี่คืออุปมาที่จะบอกแก่สูเจ้า จงฟังให้ดี สิ่งที่สูเจ้าวิงวอน นอกไปจากพระเจ้านั้นไม่สามารถที่จะสร้างแมลงวันได้สักตัวแม้พวกมัน ทั้งหมดจะรวมกันเพื่อการนี้ก็ตาม ถ้าแมลงวันนำาสิ่งใดไปจากพวกมัน พวกมันก็ไม่สามารถเอาสิ่งนั้นกลับมาจากแมลงวันได้ ช่างอ่อนแอเสีย นี่กระไรทั้งผู้ขอและผู้ถูกขอ 74 พวกเขาไม่ได้ให้ความเคารพต่อพระเจ้า ตามสมควรที่พวกเขาจะทำา แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำานาจ 75 พระเจ้าทรงเลือกศาสนทูตของพระองค์จากบรรดาทูตสวรรค์และ จากหมู่มนุษย์(เพื่อนำาคำาบัญชาของพระองค์) พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่ง และทรงรู้ทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและที่ถูก ปิดบังจากพวกเขา และเรื่องทั้งหมดจะถูกนำากลับไปยังพระองค์ 77 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงโค้งและจงก้มลงกราบ และจงเคารพสักการะ พระผู้อภิบาลของสูเจ้า และจงทำาความดีเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความสำาเร็จ

บรรดาผู้ศรัทธา

ที่แท้จริง จงต่อสู้ในหนทางของพระเจ้าด้วยความพยายามอย่างสุด กำาลังของสูเจ้า พระองค์ทรงเลือกสูเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์ และพระองค์ มิได้ทรงวางภาระหนักอันใดแก่สูเจ้าในศาสนาของสูเจ้า ดังนั้น จงมั่นคง ในศาสนาของบรรพบุรุษของสูเจ้า นั่นคือ อิบรอ ีม พระองค์ทรงเรียก สูเจ้าว่ามุสลิมในคัมภีร์ก่อนหน้านี้และได้เรียกสูเจ้าในนี้(กุรอาน)ด้วย เพื่ อ ที่ ศ าสนทู ต จะได้ เ ป็ น พยานแก่ สู เ จ้ า และสู เ จ้ า จะได้ เ ป็ น พยานต่ อ มนุษยชาติ ดังนั้น จงดำารงนมาซและจ่ายซะกาตและยึดมั่นต่อพระเจ้า เพราะพระองค์เป็นนายของสูเจ้า ผู้ทรงเป็นนายที่ดีเลิศที่สุดและผู้ทรง ช่วยเหลือที่ดีที่สุด 23. บรรดาผู้ศรัทธา

อัล-มุมินูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ แน่นอนที่สุด ผู้ประสบความสำาเร็จคือบรรดาผู้ศรัทธา ผู้ถ่อมตนใน การนมาซของพวกเขา ผู้หลีกห่างจากสิ่งไร้สาระทั้งหลาย 4 ผู้จ่ายซะ กาต 5 ผู้ปกป้องอวัยวะเพศของตัวเอง ยกเว้นกับภรรยาของพวกเขา และบรรดาหญิงที่อยู่ในการครอบครองของพวกเขาอย่างถูกต้อง เพราะ ในกรณีเช่นนั้น พวกเขาจะไม่ถูกตำาหนิ 7 แต่ที่เลยเถิดไปกว่านี้(เพื่อตอบ สนองความต้องการทางเพศ) พวกเขาเป็นผู้ละเมิด ผู้ซื่อสัตย์ต่อสิ่งที่ พวกเขาได้รับมอบหมายและต่อสัญญาของพวกเขา และผู้รักษาการ นมาซของพวกเขาอย่างเข้มงวด พวกเขาเหล่านี้คือทายาทแห่งสวรรค์ พวกเขาจะได้อยู่ในนั้นตลอดไป เราได้สร้างมนุษย์มาจากแก่นสารของดิน หลังจากนั้น เราได้ ทำาให้เชื้ออสุจิอยู่ในที่อันปลอดภัย แล้วเราได้ทำาให้เชื้ออสุจิเป็นก้อน

อัล มุมินูน

เลือด แล้วเราได้ทำาให้ก้อนเลือดเป็นก้อนเนื้อ แล้วเราได้ทำาให้ก้อนเนื้อ นั้นเป็นกระดูก แล้วเราได้หุ้มกระดูกนั้นด้วยเนื้อ แล้วเราได้นำาเขาออก มาเป็นสิ่งถูกสร้างอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น มหาจำาเริญยิ่งคือพระเจ้าผู้ทรง เป็นเลิศที่สุดของบรรดาผู้สร้างทั้งหลาย แล้วหลังจากนั้น สูเจ้าก็ตาย หลังจากนั้น สูเจ้าจะถูกทำาให้ฟื้นขึ้นในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เราได้สร้างหนทางทั้งเจ็ดไว้เหนือสูเจ้า เรามิได้เป็นผู้ไร้ความ ชำานาญในการสร้าง เราได้ส่ง นลงมาจากท้องฟ้าในปริมาณที่กำาหนด ไว้ แล้วเราได้ให้มันขังอยู่ในแผ่นดิน และเราสามารถที่จะเอามันออก ไปจากนั้นตามที่เราประสงค์ เราได้ทำาให้สวนอินทผลัมและสวนองุ่น งอกเงยขึ้นมา ในสวนนั้นมีผลไม้รสอร่อยมากมายและส่วนหนึ่งสูเจ้า เราได้ให้มีต้นไม้ที่ขึ้นบนภูเขาซีนายซึ่งให้น้ำามันและได้ถูก ได้กินมัน นำาไปใช้เป็นอาหารโดยผู้ชอบกินมัน แท้จริงแล้ว ในปศุสัตว์นั้นมีบท เรียนสำาหรับสูเจ้า เราได้ให้สิ่งที่อยู่ในท้องของมันเป็นเครื่องดื่มแก่สูเจ้า นอกจากนี้แล้ว สูเจ้ายังได้ประโยชน์อื่นๆจากมันอีกมากมายและสูเจ้ายัง ได้กินเนื้อของมัน และสูเจ้าขี่มันเช่นเดียวกับสูเจ้าโดยสารในเรือ เราได้ส่งนู ฺ(โนอาห์)มายังหมู่ชนของเขา เขากล่าวว่า หมู่ชน ของ ันเอย จงเคารพสักการะพระเจ้าเท่านั้น พวกท่านไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อื่นใดนอกไปจากพระองค์ พวกท่านไม่เกรงกลัวพระองค์กระนั้นหรือ แต่บรรดาหัวหน้าของผู้ป ิเสธสัจธรรมในหมู่ชนของเขาได้กล่าวว่า คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกไปจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนพวก เจ้า เขาเพียงแต่ต้องการทำาตัวให้อยู่เหนือพวกเจ้า ถ้าหากพระเจ้าทรง ประสงค์ พระองค์น่าจะส่งทูตสวรรค์ลงมา เราไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้จาก บรรพบุรุษของเรามาก่อน เขาเป็นแค่เพียงคนบ้า เพราะ ะนั้น จงคอย สักหน่อย นู ฺได้กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงช่วย ันด้วยเถิด เพราะ พวกเขาป ิเสธ ัน ดังนั้น เราจึงได้เปิดเผยเจตนาของเราแก่เขาว่า

บรรดาผู้ศรัทธา

จงต่อเรือขึ้นมาตามคำาสั่งของเราโดยเร็ว เมื่อคำาบัญชาของเรามาและน้ำา พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน จงนำาเอาสัตว์ทุกชนิดอย่าละคู่ขึ้นบนเรือ รวม ทั้งคนในครอบครัวของเจ้าด้วย ยกเว้นบรรดาผู้ที่ได้ถูกตัดสินไปแล้ว และ จงอย่าร้องขออะไรต่อ ันให้แก่พวกคนที่ทำาความผิด เพราะพวกเขาจะ ถูกทำาให้จมน้ำาตาย เมื่อเจ้าอยู่ในเรือพร้อมกับบรรดาผู้ติดตามเจ้าแล้ว จงกล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยให้เราพ้นจากพวกคน ชั่ว และจงวิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงให้ ันขึ้นบกด้วย ความจำาเริญของพระองค์ในแผ่นดินอันจำาเริญด้วยเถิด เพราะพระองค์ ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้กำาหนดให้จอด แท้จริง ในเรื่องนี้มี สัญญาณอันชัดเจนหลายอย่าง และเราเป็นผู้ทดสอบมนุษย์เสมอ หลังจากพวกเขาแล้ว เราได้ให้มีหมู่ชนเกิดขึ้นอีกรุ่นหนึ่ง แล้ว เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งจากในหมู่พวกเขาไปยังพวกเขา เขากล่าวว่า จงเคารพสักการะพระเจ้าเท่านั้น พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจาก พระองค์ พวกท่านไม่กลัวพระเจ้าดอกหรือ แต่บรรดาหัวหน้าหมู่ชน ของเขาที่ป ิเสธสัจธรรมและป ิเสธชีวิตในโลกหน้าและผู้ที่เราให้ความ เจริญมั่งคั่งในชีวิตโลกนี้แก่เขาได้กล่าวว่า คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนนอก ไปจากมนุษย์ธรรมดาเหมือนกับพวกเจ้า เขากินเหมือนกับที่พวกเจ้ากิน และดื่มเหมือนกับที่พวกเจ้าดื่ม ถ้าหากพวกเจ้ายอมป ิบัติตามมนุษย์ เหมือนอย่างพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน เขาบอกพวกเจ้าหรือว่าหลังจากที่พวกเจ้าตายกลายเป็นผุยผงและ เป็นกระดูกไปแล้ว พวกเจ้าจะถูกนำาออกมาอีกครั้งหนึ่ง สิ่งที่พวกเจ้า ได้ถูกสัญญาไว้เป็นเรื่องที่ไกลเกินจริง ไม่มีชีวิตอื่นใดอีกแล้วนอกจาก ชีวิตแห่งโลกนี้ เราจะอยู่ที่นี่และตายที่นี่และเราจะไม่ถูกทำาให้ฟื้นขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง คนผู้นี้เป็นแค่เพียงคนโกหกที่กำาลังสร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับ พระเจ้าขึ้นมา และเราจะไม่เชื่อเขา

อัล มุมินูน

ดังนั้น ศาสนทูตจึงได้กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของ ัน โปรด ทรงช่วยเหลือ ันด้วยเถิด เพราะพวกเขาป ิเสธ ัน พระองค์ทรงตอบ ว่า ในไม่ช้านี้ พวกเขาจะเสียใจ หลังจากนั้นไม่นาน การลงโทษอันยิ่ง ใหญ่ก็ได้ทำาลายพวกเขาอย่างยุติธรรม แล้วได้ทำาให้พวกเขาเป็นเหมือน เศษสวะ ดังนั้น ความห่างไกลจากความเมตตาของพระเจ้าจึงเกิดขึ้นกับ บรรดาคนชั่ว หลังจากคนพวกนี้แล้ว เราได้ให้มีอีกหมู่ชนหนึ่งเกิดขึ้น ไม่มีหมู่ ชนใดที่จะสิ้นสุดวาระของตนเองก่อนเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้และไม่มีหมู่ ชนใดสามารถมีอายุเกินไปกว่านั้น 44 แล้วเราได้ส่งศาสนทูตมาอย่างต่อ เนื่อง เมื่อใดก็ตามที่ศาสนทูตได้มายังหมู่ชนของเขา พวกเขาได้ป ิเสธ เขา ดังนั้น เราจึงได้ทำาลายหมู่ชนนั้นหมู่ชนนี้จนกระทั่งเราได้ทำาให้หมู่ ชนเหล่านั้นเป็นเรื่องที่บอกเล่าสืบต่อกันมา แน่นอน ความหายนะจะเกิด ขึ้นแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธา 45 หลังจากนั้น เราได้ส่งมูซาและ ารูนพี่ชายของเขาพร้อมกับ สัญญาณและหลัก านอันชัดแจ้งของเรา มายังฟาโรห์และบรรดา ขุนนางของเขา แต่พวกเขากลับโอหังและเป็นหมู่ชนที่ทะนงตน 47 พวก เขากล่าวว่า อะไรนะ เราจะเชื่อคนสองคนที่เป็นมนุษย์เหมือนกับพวก เราและคนของเขาทั้งสองนี้เป็นทาสของเรากระนั้นหรือ ดังนั้น พวก เขาจึงป ิเสธเขาทั้งสอง และจึงได้ถูกทำาลาย และเราได้ประทานคัมภีร์ แก่มูซาเพื่อที่ผู้คนจะได้อยู่ในทางนำา เราได้ทำาให้บุตรของมารีย์และแม่ของเขาเป็นสัญญาณหนึ่ง และ เราได้ให้ที่พักแก่เขาทั้งสองบนที่ราบสูงอันเป็นที่ที่พวกเขาจะได้รับความ สงบและได้รับน้ำาจากสายน้ำาที่ไหลผ่าน โอ้บรรดาศาสนทูต จงบริโภคสิ่งที่สะอาดและกระทำาความดี แท้จริง ันรู้ดีทุกอย่างที่สูเจ้ากระทำา แท้จริง ศาสนาของสูเจ้านั้นเป็นศาสนา เดียวกัน และ ันเป็นพระผู้อภิบาลของเจ้า ดังนั้น จงเกรงกลัว ัน

บรรดาผู้ศรัทธา

แต่หลังจากนั้น พวกเขาได้แบ่งแยกกันเองออกเป็นกลุ่มต่างๆ และ แต่ละพวกก็สุขสำาราญในสิ่งที่มีอยู่ 54 ดังนั้น จงปล่อยให้พวกเขาหมกมุ่น อยู่ในความงมงายไว้ชั่วขณะ 55 พวกเขาคิดหรือว่าทรัพย์สมบัติและลูกๆ ที่เราได้จัดให้พวกเขานั้น ไม่มีวัตถุประสงค์อื่นนอกไปจากเพื่อช่วย พวกเขาในการแสวงหาประโยชน์ทางวัตถุ ไม่เลย แต่พวกเขาไม่เข้าใจ 57 บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา และศรัทธาในสาสน์ ของพระองค์ และไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีร่วมกับพระองค์ และบรรดา ผู้ให้สิ่งที่พวกเขาได้รับแก่คนอื่นด้วยหัวใจที่ประหวั่นไปด้วยความกลัว ว่าพวกเขาจะต้องกลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกเขา คนเหล่านี้คือ คนที่แข่งขันกันทำาในสิ่งดีงามและพวกเขาต่างพยายามที่จะเป็นคนแรก เราไม่ได้วางภาระแก่ผู้ใดเกินกว่าที่เขาสามารถจะแบกรับได้ เรามี บันทึกที่จะแสดงให้เห็นถึงความจริงและพวกเขาจะไม่ได้รับความไม่เป็น ธรรม แต่พวกเขาไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น มีการงานอื่นๆนอก เหนือจากนี้ที่พวกเขาทำา จนกระทั่งเราได้นำาการลงโทษมายังบรรดา คนเจ้าสำาราญในหมู่พวกเขา แล้วเมื่อนั้น พวกเขาก็เริ่มร้องขอความช่วย เหลือ ตอนนี้ จงอย่าร้องขอความช่วยเหลือกันอีกเลย วันนี้ สูเจ้าจะ ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเรา เพราะเมื่อสิ่งที่ ันประทานมาได้ถูก อ่านให้สูเจ้าฟัง สูเจ้ากลับหันหลังของสูเจ้า ด้วยความโอหังราวกับสูเจ้า กำาลังละทิ้งคนบอกเล่านิทาน พวกเขา(บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม)ไม่เคยพิจารณาวจนะของพระเจ้า เลยกระนั้นหรือ มีอะไรบางอย่างที่มายังพวกเขาโดยที่สิ่งนั้นไม่ได้มายัง บรรพบุรุษของพวกเขา หรือพวกเขาไม่รู้จักศาสนทูตของพวกเขา ดัง นั้น จึงป ิเสธเขา พวกเขากล่าวว่าเขาถูกผีสิงกระนั้นหรือ ไม่ใช่เช่น นั้น ความจริงก็คือ เขาได้นำาสัจธรรมมาให้พวกเขา แต่พวกเขาส่วนมาก ไม่ชอบความจริง ถ้าหากสัจธรรมต้องคล้อยอารมณ์ต่ำาของพวกเขา

อัล มุมินูน

ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและผู้ที่อยู่ในนั้นจะต้องได้รับความหายนะ ไม่ เราได้นำาข้อตักเตือนมายังพวกเขาเพื่อผลดีของพวกเขาเองแล้ว แต่พวก เขากลับหันห่างออกจากมัน เจ้าเรียกร้องสิ่งตอบแทนบางอย่างจากพวกเขากระนั้นหรือ แต่ การตอบแทนของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นดีที่สุด เพราะพระองค์คือผู้ทรง ประทานปัจจัยยังชีพที่ดีเลิศที่สุด แท้จริงแล้ว เจ้ากำาลังเชิญชวนพวก เขาสู่หนทางอันเที่ยงตรง 74 แต่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้านั้นหลง ออกไปจากหนทางที่เที่ยงตรง 75 ถ้าหากเราได้ให้ความเมตตาแก่พวกเขาและปลดเปลื้องพวกเขา จากความทุกข์ยากเดือดร้อน พวกเขาก็ยังคงดันทุรังไปในการหลงผิด อย่างมืดบอด เพราะแม้แต่ตอนนี้ที่พวกเขากำาลังถูกลงโทษ พวกเขา ก็ยังไม่นอบน้อมต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาและไม่ยอมถ่อมตน 77 จน กระทั่งเมื่อเราเปิดประตูลงโทษอย่างแสนสาหัสต่อหน้าพวกเขา ตอนนั้น เอง พวกเขาจะหมดหวังอย่างสิ้นเชิง พระเจ้าคือผู้ทรงประทานหู ตา และหัวใจแก่สูเจ้าเพื่อที่จะคิด แต่ สูเจ้ากลับไม่แสดงความขอบคุณ พระองค์อีกเช่นกันที่ได้ทรงแพร่ กระจายสูเจ้าออกไปในแผ่นดิน และต่อหน้าพระองค์คือที่สูเจ้าจะถูก ในจักรวาลนี้ มนุษย์เป็นสิ่งถูกสร้างพิเศษที่ได้รับอำานาจการได้ยิน การเห็นและการคิดที่ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตใด ความสามารถเหล่านี้ถูกให้ แก่มนุษย์เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างเป็นการเ พาะ นั่นคือ การเข้าใจ ความจริงของชีวิต เขาต้องใช้หูของเขาเพื่อการฟังเสียงแห่งสัจธรรม เขา ต้องใช้ตาของเขามองสัญญาณต่างๆของพระเจ้าที่กระจายอยู่รอบๆตัว ของเขา เขาต้องใช้พลังความคิดของเขาเพื่อศึกษาสิ่งเหล่านี้ให้ลึกซึ้ง ความจริงแล้ว นี่คือวิธีการขอบคุณของหู ตาและหัวใจ คนที่ไม่มีหลัก าน การขอบคุณเช่นนี้ในโลกย่อมเสี่ยงต่อการสูญเสียสิทธิ์ของพวกเขาในสิ่ง ที่ได้รับเหล่านี้ตลอดไป

บรรดาผู้ศรัทธา

รวบรวมกลับมา พระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตสูเจ้าและทรงให้สูเจ้าตายและ ทรงควบคุมการสับเปลี่ยนของกลางคืนและกลางวัน สูเจ้าไม่เข้าใจสิ่งนี้ หรือ แต่พวกเขาพูดเหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยพูด พวก เขากล่าวว่า เมื่อเราตายไปจนกลายเป็น ุ่นและกระดูกไปแล้ว เราจะถูก ทำาให้ฟื้นคืนชีพอีกกระนั้นหรือ เราและบรรพบุรุษของเราได้ยินคำาขู่ เช่นนี้มาแล้ว สิ่งเหล่านี้มิใช่อะไรนอกไปจากนิยายปรัมปรา จงถามพวกเขา บอก ันหน่อยซิ ถ้าหากพวกท่านรู้ โลกนี้และผู้ที่ อยู่ในนั้นเป็นของใคร พวกเขาจะกล่าวว่า ของพระเจ้า จงถามพวก เขา กระนั้นแล้ว พวกท่านยังไม่เข้าใจสิ่งนี้อีกหรือ จงถามพวกเขา ใครเป็นพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและพระผู้ทรงอภิบาลแห่งบัลลังก์ พวกเขาจะตอบว่า เป็นของพระเจ้า จงกล่าวเถิด ดัง อันยิ่งใหญ่ นั้นแล้ว พวกท่านยังไม่เกรงกลัวพระองค์อีกหรือ จงถามพวกเขา บอก ันซิ ถ้าหากว่าพวกท่านรู้ อำานาจสูงสุดเหนือทุกสิ่งเป็นของใคร และใครผู้นั้นที่เป็นผู้ให้ความคุ้มครองในขณะที่ไม่มีใครสามารถให้ความ คุ้มครองไปจากพระองค์ได้ พวกเขาจะกล่าวว่า อำานาจนี้เป็นของ พระเจ้า จงกล่าวเถิด ถ้าเช่นนั้นแล้ว พวกท่านถูกทำาให้หลงไปได้ อย่างไร ความจริง เราได้เปิดเผยสัจธรรมให้พวกเขาได้รู้แล้ว แต่พวกเขา เป็นผู้โกหก พระเจ้าไม่ได้ทรงมีบุตร และไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใดเป็น ภาคีกับพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกถือเป็นพระเจ้าแต่ละ องค์จะต่างทำาในสิ่งที่มันถูกสร้างมาและต่างจะพยายามมีอำานาจเหนือกัน และกัน มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระเจ้าผู้ทรงห่างพ้นจากสิ่งที่พวกเขาเสกสรร ให้พระองค์ ผู้ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่งทั้งที่ถูกซ่อนเร้นและที่ถูกเปิดเผย พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกสิ่งที่พวกเขานำามาเป็นภาคีกับพระองค์ (โอ้มุ ัมมัด) จงวิงวอนเถิดว่า โอ้พระผู้อภิบาล ถ้าพระองค์จะทรง

อัล มุมินูน

แสดงให้ ันได้เห็นสิ่งนั้น(การลงโทษ)ที่พวกเขาได้ถูกเตือนไว้ โปรด อย่ารวม ันไว้กับบรรดาผู้ทำาผิดเหล่านี้ด้วยเลย เราเป็นผู้มีอำานาจที่ จะทำาให้เจ้าได้เห็นสิ่งที่พวกเขาได้ถูกเตือนไว้ (โอ้มุ ัมมัด) จงขจัดความชั่วด้วยสิ่งที่ดีที่สุด เรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขา พูด และจงวิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน ันขอความคุ้มครอง จากพระองค์ให้พ้นจากการกระซิบกระซาบของพวกซาตาน โอ้พระผู้ อภิบาล ันขอความคุ้มครองจากพระองค์ เพราะเกรงว่าพวกมันจะเข้า ใกล้ ัน เมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเขา เขาจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดส่ง ันกลับไปยังโลกที่ ันจากมาด้วยเถิด ทั้งนี้เพื่อที่ ันจะได้กระทำาความดี ไม่มีวันเสียแล้ว มันเป็นแค่เพียง คำาพูดที่เขากล่าวออกมาเท่านั้น เพราะตอนนี้มีที่คั่นกลางระหว่างความ ตาย(และโลกที่เขาจากมา)จนกระทั่งถึงวันที่เขาจะถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพขึ้น มาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแตรถูกเป่า ความสัมพันธ์ทางโลกทั้งหมดระหว่าง พวกเขาจะไม่มีอีกต่อไป และพวกเขาจะไม่ถามกันและกัน ดังนั้น คน ที่ตาชั่งของเขาหนักจะเป็นผู้ได้รับความสำาเร็จ แต่ผู้ใดที่ตาชั่งของเขา เบา คนเหล่านี้คือผู้ทำาให้ตัวเองขาดทุน พวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดไป ไฟจะเผาไหม้ใบหน้าของพวกเขาจนเห็นขากรรไกรของพวกเขา สูเจ้ามิใช่คนที่ป ิเสธสาสน์ของ ันหรือเมื่อมันได้ถูกอ่านแก่สูเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ความเลวร้ายได้เกิดขึ้นแก่ เรา และเราเป็นหมู่ชนผู้หลงผิด โอ้พระผู้อภิบาล โปรดเอาเราออก จากนรกด้วยเถิด หลังจากนี้ ถ้าเราทำาผิดเช่นนั้นอีก เราก็เป็นผู้กระทำา ผิดที่แท้จริง พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า จงอยู่ต่อไปในนั้นและจงอย่า พูดกับ ันอีก ในบรรดาบ่าวของ ัน มีคนกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า โอ้พระ ผู้อภิบาล เราศรัทธา ดังนั้น โปรดให้อภัยแก่เราและทรงเมตตาต่อเรา ด้วยเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย

รัศมี

แต่สูเจ้าได้ถือเอาพวกเขาเป็นที่ขบขันจนสูเจ้าลืมนึกถึง ันและ หัวเราะเยาะพวกเขาอยู่ต่อไป วันนี้ ันได้ตอบแทนพวกเขาแล้ว สำาหรับความอดทนของพวกเขาและพวกเขาได้ชัยชนะเหนือพวกเจ้า พระองค์จะถามว่า สูเจ้าอยู่บนโลกนี้กันกี่ปี พวกเขาจะกล่าว ว่า เราอยู่ที่นั่นแค่วันหนึ่งหรือส่วนหนึ่งของวัน จงถามบรรดาผู้นับดูก็ได้ พระองค์ทรงกล่าวว่า สูเจ้าอยู่ที่นั่นเพียงชั่วครู่เท่านั้นถ้าหากสูเจ้ารู้ สูเจ้าคิดหรือว่าเราสร้างสูเจ้ามาโดยไร้วัตถุประสงค์และสูเจ้าจะไม่ ถูกนำากลับมายังเรา ดังนั้น พระเจ้าคือผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงมีอำานาจ สูงสุดอย่างแท้จริง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์คือพระผู้ อภิบาลแห่งบัลลังก์อันทรงเกียรติ ดังนั้น ถ้าผู้ใดวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อื่นๆร่วมกับพระเจ้าโดยที่เขาไม่มีหลัก านพิสูจน์ บัญชีของเขานั้นอยู่ ที่พระผู้อภิบาลของเขาแล้ว แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะไม่มีวัน (โอ้มุ ัมมัด) จงกล่าวเถิด โอ้พระผู้อภิบาล โปรด ประสบผลสำาเร็จ ทรงอภัยและทรงเมตตาด้วยเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดแห่ง บรรดาผู้เมตตาทั้งหลาย 24. รัศมี

อัล-นูรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ นี่คือบทหนึ่งที่เราได้ส่งมาและเราได้ทำาให้เป็นข้อบังคับ และเราได้ส่ง คำาบัญชาอันชัดเจนมาในนั้น เพื่อที่สูเจ้าจะได้คิด หญิงและชายที่ทำาชู้ นั้น จงเ ี่ยนคนทั้งสองนั้นคนละหนึ่งร้อยทีและอย่าให้ความสงสารคนทั้ง สองนั้นยับยั้งสูเจ้าในเรื่องที่พระเจ้าได้ทรงกำาหนดไว้ ถ้าหากสูเจ้าศรัทธา ในพระเจ้าและในวันสุดท้าย และจงให้มีผู้ศรัทธาบางคนเป็นพยานการ

อัล นูรฺ

ลงโทษคนทั้งสองนั้น ชายผู้ทำาชู้จะแต่งงานกับหญิงที่ทำาชู้หรือหญิงที่ นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าเท่านั้น และหญิงผู้ทำาชู้นั้นจะแต่งงานกับ ชายผู้ทำาชู้หรือชายที่นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้าเท่านั้น การแต่งงาน เช่นนี้เป็นที่ต้องห้ามสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริง 4 ส่วนบรรดาผู้ปรักปรำาหญิงบริสุทธิ์ แต่ไม่นำาพยานมาสี่คน จงเ ี่ยน คนเหล่านี้แปดสิบทีและจงอย่ารับการเป็นพยานของคนเหล่านี้อีก เพราะ พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ ่า ืน 5 เว้นแต่บรรดาผู้สำานึกผิดและขออภัยโทษ ต่อพระเจ้าและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ส่วนผู้ปรักปรำาภรรยาของตัวเอง แต่ไม่สามารถหาพยานได้นอกจาก ตัวเองนั้น หลัก านของพวกเขาก็คือ เขาต้องสาบานสี่ครั้งด้วยนามของ พระเจ้าและประกาศว่าเขาพูดจริง 7 และในครั้งที่ห้า เขาต้องประกาศ ว่าขอให้พระเจ้าสาปแช่งเขาถ้าหากเขาเป็นผู้โกหก ภรรยาจะไม่ถูก ลงโทษถ้านางสาบานด้วยนามของพระเจ้าสี่ครั้งด้วยกันว่าสามีของนาง โกหก และครั้งที่ห้า นางขอให้ความกริ้วของพระเจ้าประสบแก่นางเอง ถ้าหากเขาเป็นผู้พูดจริง ถ้ามิใช่ความโปรดปรานของพระเจ้าต่อสูเจ้า และความเมตตาของพระองค์ (สูเจ้าจะได้รับความเสียใจ) และพระเจ้า เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรับการสำานึกผิด บรรดาผู้สร้างเรื่องเท็จคือคนกลุ่มหนึ่งในหมู่สูเจ้า อย่างไรก็ตาม สูเจ้าอย่าได้ถือว่าเรื่องนี้เป็นความชั่วสำาหรับสูเจ้า เพราะมันดีสำาหรับ สูเจ้า ใครก็ตามที่มีส่วนในนี้ เขาจะได้รับส่วนแบ่งของบาปไปตามนั้น และคนที่มีส่วนรับผิดชอบใหญ่ที่สุดในนั้นจะได้รับการลงโทษอันน่าสะ พรึงกลัว เมื่อสูเจ้าได้ยินมันแล้ว ทำาไมชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาจึงไม่ คิดถึงพวกเขาเองในทางที่ดี และกล่าวว่า นี่เป็นการกล่าวร้ายชัดๆ

รัศมี

ทำาไมพวกคนที่กล่าวร้ายไม่นำาพยานสี่คนมา ถ้าพวกเขาไม่นำาพยาน มา พวกเขาก็เป็นคนโกหกในทัศนะของพระเจ้า ถ้ามิใช่เพราะความโปรดปรานของพระเจ้าและความเมตตาของ พระองค์ต่อสูเจ้าในโลกนี้และในโลกหน้าแล้ว การลงโทษอันเจ็บปวดอาจ จะเกิดขึ้นแก่สูเจ้าเพราะสิ่งที่สูเจ้ากล่าวร้าย เมื่อสูเจ้าแพร่ขยายเรื่อง เท็จนี้จากลิ้นหนึ่งไปยังอีกลิ้นหนึ่งและปากของสูเจ้ากล่าวในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้ สูเจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็ก แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ในสายตาของพระเจ้า เมื่อสูเจ้าได้ยินมัน ทำาไมสูเจ้าไม่กล่าวว่า มันไม่เหมาะสมสำาหรับเรา ที่จะพูดถึงสิ่งนี้ มหาบริสุทธิยิ่งคือพระเจ้า นี่เป็นการใส่ร้ายอย่างมหันต์ พระเจ้าทรงเตือนสูเจ้าว่าต่อไปสูเจ้าอย่าได้ทำาเช่นนี้อีกถ้าหากสูเจ้า พระเจ้าทรงแจกแจงคำาบัญชาทั้งหลายของ เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง พระองค์ให้เป็นการง่ายแก่สูเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชา ญาณ บรรดาผู้ชอบที่จะแพร่เรื่องบัดสีในหมู่ผู้ศรัทธานั้น พวกเขาจะได้ รับการลงโทษอย่างเจ็บปวดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะพระเจ้าทรง รอบรู้และสูเจ้าไม่รู้ ถ้าพระเจ้าไม่ทรงโปรดปรานและแสดงความเมตตา ต่อสูเจ้า (สูเจ้าจะประสบความเสียใจ) แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเดินตามรอยเท้าของซาตาน และใครที่ เดินตามมันต้องรู้ว่ามันมีแต่นำาไปสู่ความลามกและความความชั่วช้า ถ้า หากพระเจ้าไม่ทรงโปรดปรานแสดงความเมตตาต่อสูเจ้า จะไม่มีผู้ใดใน หมู่สูเจ้าชำาระตัวเองให้ผ่องแผ้วได้ แต่พระเจ้าจะทำาให้ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ผ่องแผ้ว และพระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ บรรดาผู้มีเกียรติและมั่งคั่งในหมู่สูเจ้าจงอย่าสาบานว่าจะไม่ให้ ความช่วยเหลือแก่ญาติสนิท คนขัดสนและบรรดาผู้อพยพในหนทางของ

อัล นูรฺ

พระเจ้า พวกเขาควรให้อภัยและอดทน สูเจ้าไม่ชอบหรือที่พระเจ้าจะทรง ให้อภัยสูเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ทรงเมตตาเสมอ แท้จริง บรรดาผู้ปรักปรำาหญิงผู้ศรัทธาที่บริสุทธิ์และใจผ่องแผ้ว นั้นได้ถูกสาปแช่งทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า และสำาหรับพวกเขาคือการ ลงโทษอันใหญ่หลวง ในวันที่ลิ้นของพวกเขา มือของพวกเขาและเท้า ของพวกเขาจะเป็นพยานต่อสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ ในวันนั้น พระเจ้าจะ ทรงตอบแทนพวกเขาตามส่วนที่พวกเขาต้องได้รับโดยครบถ้วนและพวก เขาจะได้รู้ว่าพระเจ้าคือผู้ทรงสัจจะ ผู้ทรงทำาให้ทุกสิ่งเป็นที่เปิดเผย หญิงผู้มีมลทินนั้นเหมาะสำาหรับชายผู้มีมลทิน ส่วนหญิงผู้บริสุทธิ์ นั้นเหมาะสำาหรับชายผู้บริสุทธิ์ และชายผู้บริสุทธิ์นั้นเหมาะสำาหรับหญิงผู้ บริสุทธิ์ พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ไร้มลทินจากสิ่งที่พวกเขากล่าวร้าย สำาหรับ พวกเขาเหล่านั้นคือการอภัยโทษและปัจจัยอันมีเกียรติ บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงอย่าเข้าไปในบ้านของคนอื่นจนกว่าสูเจ้าจะ ได้รับการยินยอมจากเจ้าของบ้านและกล่าวคำาทักทายโดยให้สลามก่อน นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำาหรับสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะป ิบัติตาม ถ้าสูเจ้าไม่พบ ใครอยู่ในนั้น จงอย่าเข้าไปจนกว่าสูเจ้าจะได้รับอนุญาต และถ้าหากสูเจ้า ถูกบอกให้กลับไป สูเจ้าจงกลับไป นี่เป็นการผ่องแผ้วกว่าสำาหรับสูเจ้า และพระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา ไม่มีข้อเสียหายอันใดถ้าสูเจ้าจะ เข้าไปในบ้านที่ไม่ใช่สถานที่อยู่อาศัย แต่ในนั้นมีบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต่อสู้เจ้า พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผยและสิ่งที่สูเจ้าซ่อนเร้น (โอ้นบี) จงบอกชายผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ลดสายตาของพวกเขาลง ต่ำาและปกป้องส่วนต่างๆอันพึงสงวนของพวกเขาไว้ นี่เป็นการผ่องแผ้ว กว่าสำาหรับสูเจ้า พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่พวกเขากระทำา จงสั่งหญิงผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ลดสายตาของพวกนางลงต่ำา และ ปกป้องส่วนพึงสงวนของพวกนางและอย่าได้เปิดเผยเครื่องประดับของ พวกนางเว้นแต่ที่มันเป็นที่เปิดเผยอยู่แล้ว และให้นางดึงผ้าคลุมศีรษะ

รัศมี

ของพวกนางมาปิดเหนือหน้าอกของพวกนาง จงอย่าให้พวกนางอวด เครื่องประดับของพวกนาง ยกเว้นแก่สามีของพวกนางหรือพ่อของพวก นางหรือพ่อของสามีของพวกนางหรือลูกชายของพวกนางหรือลูกชาย ของสามีของพวกนางหรือพี่ชายน้องชายของพวกนางหรือลูกชายของพี่ ชาย น้องชายของพวกนาง หรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกนาง หรือบรรดาผู้หญิงของพวกนาง หรือบรรดาที่อยู่ในความครอบครองของ นาง หรือคนใช้ผู้ชายที่ไร้ความต้องการทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้จักเรื่อง เพศเกี่ยวกับผู้หญิง และจงอย่าให้พวกนางกระทืบเท้าของพวกนางบน พื้นเพื่ออวดเครื่องประดับที่ซ่อนเร้น โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงหันกลับ มายังพระเจ้าเถิดเพื่อสูเจ้าจะได้รับความสำาเร็จที่แท้จริง จงจัดการแต่งงานระหว่างชายโสดและหญิงโสดในหมู่สูเจ้า และ ระหว่างบ่าวชายและบ่าวหญิงที่มีคุณธรรมของสูเจ้า ถ้าหากพวกเขา ยากจน พระเจ้าจะทรงจัดหาปัจจัยให้พวกเขาจากความมั่งคั่งของ พระองค์ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้ ส่วนบรรดาผู้ ไม่สามารถที่จะแต่งงานได้ จงให้พวกเขาข่มจิตข่มใจไว้จนกระทั่งพระเจ้า ทรงประทานปัจจัยแก่พวกเขาจากความมั่งคั่งของพระองค์ และถ้าหาก ผู้ที่อยู่ในความครอบครองของสูเจ้าขอให้มีการทำาสัญญาปลดปล่อย จง ทำาสัญญาปลดปล่อยให้พวกเขาถ้าหากสูเจ้าพบสิ่งที่ดีบางอย่างในตัว ของพวกเขา และจงให้บางสิ่งแก่พวกเขาจากปัจจัยที่พระเจ้าได้ทรง ประทานแก่สูเจ้า จงอย่าบังคับทาสหญิงของสูเจ้าให้ต้องเป็นโสเภณีเพื่อ ผลประโยชน์ทางโลกของสูเจ้าเมื่อพวกนางเองต้องการจะรักษาความ บริสุทธิ์ และถ้าหากผู้ใดบังคับพวกนาง หลังจากการบังคับนั้น พระเจ้าจะ ทรงให้อภัยและความเมตตาแก่พวกนาง เราได้ประทานคำาสั่งทั้งหลาย อันชัดเจนแก่สูเจ้าและได้ยกตัวอย่างของผู้คนที่ล่วงลับไปก่อนหน้าสูเจ้า เพื่อเป็นข้อตักเตือน และเราได้ให้ข้อตักเตือนสำาหรับผู้เกรงกลัวพระเจ้า แล้ว

อัล นูรฺ

พระเจ้าทรงเป็นแสงสว่างแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แสง สว่างของพระองค์นั้นอาจเปรียบได้กับ(แสงสว่างของ)ตะเกียงในช่องผนัง ตะเกียงนั้นอยู่ในโคมแก้ว โคมแก้วนั้นเหมือนกับดวงดาวที่ประกายแสง และตะเกียงนั้นได้ถูกจุดด้วยน้ำามันมะกอกของต้นไม้อันจำาเริญที่มิได้อยู่ ทางตะวันออกและทางตะวันตก น้ำามันของมันมีคุณสมบัติดีราวกับว่า มันจะส่องแสงออกมาด้วยตัวของมันเองถึงแม้ว่าจะไม่มีไฟจุดมันก็ตาม แสงสว่างเหนือแสงสว่าง พระเจ้าทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ยัง แสงสว่างของพระองค์ และพระองค์ทรงยกอุปมาต่างๆเพื่อมนุษย์จะได้ เกิดความกระจ่าง พระองค์ทรงมีความรอบรู้ทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์ (พวกเขาเคารพสักการะ)ในบ้านที่พระองค์ได้ทรงบัญชาให้ยกขึ้น เพื่อเอ่ยนามของพระองค์ในนั้นทั้งในยามเช้าและยามเย็น พวกเขาเป็น คนที่การค้าขายมิได้ทำาให้พวกเขาหันห่างออกจากการระลึกถึงพระเจ้า และการดำารงนมาซและการจ่ายซะกาต เพราะพวกเขากลัววันที่หัวใจจะ ปวดร้าวและสายตาจะเหลือกลาน เพื่อที่พระเจ้าจะตอบแทนพวกเขา สำาหรับการทำาดีและเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงเพิ่มพูนความโปรดปรานของ พระองค์แก่พวกเขา พระเจ้าจะทรงประทานปัจจัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์โดยไม่มีการคำานวณ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม การงานของพวกเขาเป็นเหมือน กับภาพลวงตาในทะเลทรายที่แห้งแล้งซึ่งผู้เดินทางที่กระหายคิดว่าเป็น น้ำา แต่เมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาก็ไม่พบสิ่งใด แต่ที่นั่น เขาได้พบพระเจ้า ทรงชำาระบัญชีเขาอย่างครบถ้วน พระเจ้าเป็นผู้ทรง ับพลันในการชำาระ นี่เป็นการเปรียบเทียบกับความหมายหลายชั้น แสงสว่าง เป็น สัญลักษณ์ทางนำาของพระเจ้า ช่องผนัง คือหัวใจของมนุษย์ และ ตะเกียง คือความศรัทธาที่อยู่ในช่องผนัง แต่กระนั้น ภาพพจน์ยังได้ ถูกอธิบายเพิ่มขึ้นอีกโดยการอ้างอิงถึงสองสิ่ง นั่นคือ ดวงดาวที่ประกาย แสง และ น้ำามันที่ให้ความสว่าง

รัศมี

หรือเหมือนกับความมืดของทะเลที่ถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นใหญ่ลูกแล้ว ลูกเล่า และเหนือขึ้นไปเป็นเม ทึบทับซ้อนกันจนถ้าหากเขายืดแขนของ เขาออกไป เขาก็ไม่สามารถมองเห็นมัน และไม่มีแสงสว่างสำาหรับผู้ใดที่ พระเจ้าไม่ทรงให้แสงสว่าง (นบี) เจ้าไม่สังเกตหรือว่าผู้อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ หมู่นกที่กางปีกออกนั้นกำาลังสดุดีสรรเสริญพระเจ้า แต่ละสิ่งรู้ถึงการ สวดวิงวอนและการสดุดีสรรเสริญของตน และพระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่ พวกเหล่านั้นกระทำา อาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็น ของพระเจ้าองค์เดียว และทั้งหมดจะต้องกลับไปหาพระองค์ เจ้าไม่สังเกตหรือว่าพระเจ้าได้ทำาให้เม เคลื่อนไหวอย่างนิ่มนวล และทรงทำาให้มันรวมกัน แล้วทรงรวมมันขึ้นเป็นก้อนเม หนา หลังจาก นั้น เจ้าก็ได้เห็นน้ำา นหลั่งลงมาจากมัน และพระองค์ได้ทรงส่งลูกเห็บ จากภูเขาสูงใหญ่ในชั้นฟ้า แล้วพระองค์ทรงทำาให้มันตกลงมายังผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์และให้มันพ้นไปจากผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ หลัง จากนั้น เขาก็ได้เห็นแสงฟ้าแลบจากมัน 44 พระองค์ทรงสับเปลี่ยนกลาง คืนและกลางวัน แท้จริง ในนั้นมีบทเรียนสำาหรับผู้มีสายตาสังเกต 45 พระเจ้าทรงสร้างสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งจากน้ำา ในจำานวนนั้นมีบางประเภท ที่เคลื่อนไหวด้วยท้อง บางประเภทเคลื่อนไหวด้วยขาทั้งสองและบาง ประเภทเคลื่อนไหวด้วยขาทั้งสี่ แท้จริง พระเจ้าทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ ทรงประสงค์ พระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง เราได้ประทานสาสน์ที่ ทำาให้ความจริงเป็นที่ชัดเจนมาแล้ว อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงนำาทางผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์ไปยังหนทางที่ถูกต้อง 47 พวกเขากล่าวว่า เราศรัทธาในพระเจ้าและในศาสนทูต และเราเชื่อ ฟัง แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็หันกลับไป คนเช่นนี้มิใช่ผู้ศรัทธาที่แท้จริง และเมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปยังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ เพื่อที่เขาจะได้ตัดสินระหว่างพวกเขา กลุ่มหนึ่งของพวกเขาได้หันออก

อัล นูรฺ

ไป แต่ถ้าหากความจริงอยู่ข้างพวกเขา พวกเขาจะมาหาศาสนทูตโดย เต็มใจรับ ในหัวใจของพวกเขามีโรคกระนั้นหรือ หรือว่าพวกเขามี ความสงสัย หรือพวกเขากลัวว่าพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะไม่ ยุติธรรมต่อพวกเขา เปล่าเลย พวกเขาเองต่างหากที่เป็นผู้ทำาความผิด ส่วนบรรดาผู้ศรัทธานั้น เมื่อพวกเขาถูกเรียกไปยังพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์เพื่อที่ศาสนทูตจะได้ตัดสินในระหว่างพวกเขา พวก เขากล่าวว่า เราได้ยินและเราเชื่อฟัง พวกเขาคือผู้ประสบความสำาเร็จ อย่างแท้จริง บรรดาผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และ กลัวพระเจ้าและสำารวมตนต่อพระองค์คือผู้ได้รับความสำาเร็จที่แท้จริง พวกเขา(คนสับปลับ)สาบานด้วยพระเจ้าอย่างแข็งขันว่าถ้าเจ้าสั่ง พวกเขาให้ออกไป พวกเขาจะเชื่อฟังเจ้า จงบอกพวกเขาว่า อย่าสาบาน เลย เพราะการเชื่อฟังของพวกท่านต่างหากที่สำาคัญ มิใช่การสาบาน พระเจ้าทรงรู้ดียิ่งถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำา 54 (มุ ัมมัด) จงกล่าวเถิดว่า จงเชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูต แต่ถ้าพวกท่านหันกลับ จงรู้ ไว้ด้วยว่าศาสนทูตนั้นรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ถูกมอบหมายให้แก่เขา และ พวกท่านก็รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ถูกมอบหมายให้แก่พวกท่าน ถ้าหาก พวกท่านเชี่อฟังเขา พวกท่านจะถูกนำาทางอย่างถูกต้อง เพราะความรับ ผิดชอบของศาสนทูตนั้นก็แค่นำาสาสน์อันกระจ่างแจ้งมายังพวกท่าน 55 พระเจ้าได้ทรงสัญญาแก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความความดี ในหมู่สูเจ้าว่าพระองค์จะทรงทำาให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอดในแผ่นดินเช่น เดียวกับที่พระองค์ได้ทรงทำาให้บรรดาคนก่อนหน้าพวกเขาเป็นผู้สืบทอด มาแล้ว และพระองค์จะทำาให้ศาสนาที่พระองค์ได้ทรงอนุมัติสำาหรับพวก เขาตั้งอยู่อย่างมั่นคง และจะทรงเปลี่ยนสภาพแห่งความหวาดกลัวของ พวกเขาให้เป็นความสันติและมั่นคงปลอดภัย จงให้พวกเขาเคารพสัก การะ ันและอย่าตั้งสิ่งใดเป็นพระเจ้าเทียบเคียงกับ ัน หลังจากนี้ ผู้ใด ป ิเสธ พวกเขาก็เป็นผู้ ่า ืน

รัศมี

ดังนั้น จงดำารงนมาซและจงจ่ายซะกาต และจงเชื่อฟังศาสนทูต เพื่อสูเจ้าจะได้รับความเมตตา 57 จงอย่าคิดว่าบรรดาผู้ป ิเสธจะสามารถ ทำาลายแผนการณ์บนแผ่นดินของเราได้ และที่พำานักของพวกเขาคือนรก และมันเป็นที่พักอันชั่วช้า โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงให้บรรดาผู้ที่สูเจ้าครอบครองโดย ชอบธรรมและบรรดาผู้ที่ยังไม่บรรลุวัยมีความรู้สึกทางเพศขออนุญาตเจ้า ก่อนที่จะเข้ามาพบสูเจ้าในสามเวลาด้วยกัน นั่นคือ ก่อนนมาซรุ่งอรุณ และตอนกลางวันเมื่อสูเจ้าถอดเสื้อผ้า และหลังนมาซอิชาอ์ ทั้งสามเวลา นี้คือเวลาส่วนตัวของสูเจ้า ไม่มีโทษอันใดแก่สูเจ้าและแก่พวกเขาถ้าหาก พวกเขามาในเวลาอื่นนอกจากนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะสูเจ้าต้อง ไปเยี่ยมเยียนกันและกันครั้งแล้วครั้งเล่า ในทำานองนี้แหละที่พระเจ้าได้ ทรงทำาให้คำาบัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้า และพระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ เมื่อลูกๆของสูเจ้าโตเข้าสู่วัยที่มีความ รู้สึกทางเพศ พวกเขาจะต้องได้รับอนุญาตจากสูเจ้าในเรื่องนี้เช่นเดียว กับที่คนก่อนหน้าพวกเขาได้ขออนุญาต ในทำานองนี้ พระเจ้าได้ทำาให้คำา สั่งที่พระองค์ประทานมาเป็นที่ชัดเจนแก่สูเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้ทรง รอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ ไม่เป็นที่ถูกตำาหนิแต่ประการใดสำาหรับหญิง ชราที่ผ่านวัยสมรสแล้วถ้าพวกนางจะถอดเสื้อคลุมของพวกนางโดยที่ไม่ ได้ต้องการจะอวดเครื่องประดับของพวกนาง อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวก นางไม่ทำาเช่นนั้นจะเป็นการดีกว่าสำาหรับพวกนาง เพราะพระเจ้าเป็น ผู้ทรงได้ยินทุกสิ่งและผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ไม่มีข้อเสียหายอันใดถ้าหากคนตาบอดหรือคนง่อยหรือคนป่วย หรือสูเจ้าที่จะกินอาหารในบ้านของสูเจ้าเองหรือในบ้านของพ่อและปู่ ของสูเจ้า หรือที่บ้านของแม่และยายของสูเจ้าหรือที่บ้านของพี่ชายน้อง ชายของสูเจ้า หรือที่บ้านพี่สาวน้องสาวของสูเจ้าหรือที่บ้านพี่ชายน้อง ชายของพ่อของสูเจ้าหรือที่บ้านพี่สาวน้องสาวของพ่อของสูเจ้า หรือที่

อัล นูรฺ

บ้านของพี่ชายน้องชายของแม่ของสูเจ้าหรือที่บ้านของพี่สาวน้องสาว ของแม่ของสูเจ้า หรือในบ้านที่สูเจ้าครอบครองกุญแจของมันหรือที่บ้าน ของเพื่อนของสูเจ้า และไม่เป็นการผิดอันใดถ้าสูเจ้าจะกินอาหารร่วมกัน หรือกินแยกกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อสูเจ้าเข้าไปในบ้าน สูเจ้าต้องกล่าว คำาทักทายแก่พวกพ้องของสูเจ้าก่อน เพราะการทักทายให้พรที่พระเจ้า กำาหนดไว้นั้นเป็นความจำาเริญและความบริสุทธิ์ นั่นแหละที่พระเจ้าได้ ทรงทำาให้คำาบัญชาของพระองค์เป็นที่ชัดเจนสำาหรับสูเจ้าโดยหวังว่า สูเจ้าจะใช้สติปัญญาทำาความเข้าใจ บรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงนั้นคือผู้ที่ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูต ของพระองค์ด้วยความจริงใจ เมื่อพวกเขาอยู่กับศาสนทูตเพื่อการงาน ร่วมกันแล้ว พวกเขาจะไม่ละไปจากเขาจนกว่าจะขออนุญาตจากเขาเสีย ก่อน แท้จริง คนที่ขออนุญาตจากเจ้าเท่านั้นคือผู้ศรัทธาในพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์อย่างจริงใจ ดังนั้น เมื่อพวกเขาขออนุญาตเจ้าเพื่อ กิจการบางอย่างของพวกเขา เจ้าจงอนุญาตแก่คนที่เจ้าประสงค์ และจง ขออภัยจากพระเจ้าให้แก่คนเหล่านั้น แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ (บรรดาผู้ศรัทธาเอย) จงอย่าถือว่าการถูกเรียกร้องโดยศาสนทูตใน หมู่สูเจ้าเป็นเหมือนกับที่สูเจ้าเรียกร้องกันและกัน พระเจ้าทรงรู้ดีถึงบาง คนในหมู่สูเจ้าที่หลบเลี่ยงออกไปโดยอาศัยข้ออ้างบางอย่าง จงให้พวก ที่ไม่เชื่อฟังคำาสั่งของเขาระวังตัวว่าพวกเขาจะประสบเหตุร้ายบางอย่าง หรืออาจจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด จงรู้ไว้เถิดว่าอะไรก็ตามที่อยู่ ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงรู้ว่าสูเจ้า ทำาอะไรอยู่ ในวันที่สูเจ้าถูกนำากลับไปยังพระองค์นั้นพระองค์จะให้สูเจ้ารู้ ถึงสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไว้ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

เกณ ์ตัดสิน

25. เกณฑ์ตัดสิน

อัล-ฟุรฺกอน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ มหาจำาเริญยิ่งคือพระองค์ผู้ทรงประทานเกณ ์ตัดสิน(อัลกุรอาน)แก่ บ่าวของพระองค์เพื่อที่เขาจะได้เตือนมนุษยชาติ พระองค์คือผู้ทรง อำานาจสูงสุดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและมิได้ทรงให้กำาเนิดบุตร และไม่มีผู้ใดเป็นหุ้นส่วนในอำานาจสูงสุดของพระองค์ และพระองค์ทรง สร้างทุกสิ่งและทรงกำาหนดสภาวการณ์ของมันอย่างแม่นยำา แต่กระนั้น พวกเขายังคงยึดเอารูปเคารพต่างๆเป็นสิ่งสักการะนอกไปจากพระองค์ ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นมิได้สร้างสิ่งใดและตัวมันเองถูกสร้างขึ้นมา และพวกมัน ไม่มีอำานาจที่จะให้โทษหรือช่วยเหลือแม้แต่ตัวมันเอง และพวกมันไม่มี อำานาจเหนือความตายหรือชีวิต และพวกมันไม่สามารถทำาให้ฟื้นขึ้นมา จากความตายได้อีก 4 บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวว่า นี่(กุรอาน)มิใช่อะไรนอกไปจาก เรื่องเท็จที่เขากุขึ้นมาและมีบางคนได้ช่วยเขา สิ่งที่พวกเขากล่าวนี้ไม่ เป็นธรรมและเป็นเท็จ 5 พวกเขากล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ถูกเขียนกันมาตั้งแต่ ครั้งโบราณซึ่งเขาได้คัดลอกมา และสิ่งเหล่านี้ได้ถูกอ่านให้เขาฟังทั้งยาม เช้าและยามเย็น (มุ ัมมัด)จงบอกพวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่ผู้ทรงรอบรู้ ความลับในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นผู้ประทานมา แท้จริง พระองค์ เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 7 พวกเขากล่าวว่า ศาสนทูตประเภทไหนกันซิที่กินอาหารและเดิน ตามตลาด ทำาไมไม่มีทูตสวรรค์สักองค์หนึ่งถูกส่งมากับเขาเพื่อเตือน เรา หรือทำาไมถึงไม่มีคลังสมบัติถูกส่งมายังเขาหรือให้เขามีสวนสัก แห่งหนึ่งเพื่อที่เขาจะได้ยังชีพ พวกคนทำาผิดกล่าวว่า พวกท่านกำาลัง

อัล ฟุรฺกอน

ป ิบัติตามผู้ถูกคาถาอาคมอยู่แน่ๆ จงสังเกตสิ่งที่พวกเขาเปรียบเปรย เจ้า พวกเขาหลงผิดจนไม่สามารถหาหนทางที่ถูกต้องได้อีกแล้ว มหาจำาเริญยิ่งแด่พระองค์ผู้ซึ่งหากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ ทรงสามารถให้สิ่งที่ดีแก่เจ้ามากกว่านั้น เช่น สวนมากมายหลายแห่ง ที่มีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านและมีวังอีกหลายหลังด้วย แต่คนเหล่า นี้ป ิเสธยามอวสาน และสำาหรับผู้ป ิเสธยามอวสานนั้น เราได้เตรียม เปลวเพลิงไว้ให้แล้ว เมื่อมันเห็นพวกเขาตั้งแต่ไกล พวกเขาจะได้ยิน เสียงกระพือและคุไหม้ของมัน เมื่อพวกเขาถูกล่ามเข้าด้วยกันแล้ว ถูกโยนลงไปในช่องแคบๆ พวกเขาจะร้องหาความตาย แต่พวกเขา จะถูกบอกว่า อย่าร้องหาความตายเพียงครั้งเดียวในวันนี้เลย แต่จง ร้องหาความตายหลายๆครั้งเถิด (มุ ัมมัด)จงถามพวกเขาว่า อย่าง ไหนดีกว่ากัน นี่(ไฟ)หรือว่าสวรรค์อันสถาพรที่ถูกสัญญาไว้แก่ผู้ยำาเกรง พระเจ้า มันเป็นสิ่งตอบแทนการทำาดีและเป็นปลายทางสุดท้ายของพวก เขา ในนั้น พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการและพวกเขาจะ ได้พำานักอยู่ในนั้นตลอดไป นี่คือสัญญาที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้ารับว่า พระองค์จะทำาตามนั้น ในวันนั้น พระองค์จะทรงรวบรวมคนเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกันกับสิ่งที่ พวกเขาเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า พระองค์จะทรงถามพวกเขา ว่า พวกเจ้าทำาให้บ่าวเหล่านี้ของ ันหลงทางหรือว่าพวกเขาหลงทาง เอง พวกเขาตอบว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ เราไม่อาจที่จะเอา ใครอื่นเป็นผู้คุ้มครองนอกไปจากพระองค์ แต่(พวกเขาหลงผิดเพราะ) พระองค์ได้ประทานสิ่งที่ดีแก่พวกเขาและแก่บรรพบุรุษของพวกเขาจน กระทั่งพวกเขาได้ลืมคำาตักเตือนและได้รับการลงโทษ (พระเจ้าจะ กล่าวว่า) ตอนนี้ เมื่อสิ่งที่สูเจ้าเคารพบูชาป ิเสธทั้งหมดที่สูเจ้ากล่าว มาแล้ว สูเจ้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการลงโทษและจะไม่ได้รับความช่วยเห

เกณ ์ตัดสิน

ลือใดๆ เพราะใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่ทำาความชั่ว เราจะให้เขาได้รับการ ลงโทษอันรุนแรง เราไม่ได้ส่งศาสนทูตคนใดก่อนหน้าเจ้าที่ไม่กินอาหารและไม่เดิน อยู่ตามตลาด ความจริงแล้ว เราได้ทำาให้บางคนของสูเจ้าเป็นที่ทดสอบ สำาหรับบางคนเพื่อดูว่าสูเจ้าจะอดทนไหม และพระผู้อภิบาลของเจ้าทรง เห็นทุกสิ่ง บรรดาผู้ที่ไม่กลัวการมาพบกับเราได้กล่าวว่า ทำาไมทูตสวรรค์จึง มิได้ถูกส่งมายังพวกเรา หรือ ทำาไมเราไม่เห็นพระผู้อภิบาลของเรา พวกเขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่และได้ละเมิดขอบเขตทุกอย่าง วันที่พวก เขาจะได้เห็นทูตสวรรค์จะไม่ใช่วันแห่งความยินดีสำาหรับผู้ทำาความผิด พวกเขาจะร้องว่า ออกไป ออกไป และเราจะหันมายังสิ่งที่พวกเขาได้ กระทำาไว้และทำาให้มันเป็น ุ่นธุลีที่ปลิวว่อน เ พาะบรรดาผู้สมควรได้ รับสวนสวรรค์เท่านั้นจะได้รับที่พำานักที่ดีในวันนั้นและสถานที่อันร่มเย็น สำาหรับพักผ่อนในตอนกลางวัน ในวันหนึ่งเมื่อท้องฟ้ากับเม จะแยกออก และทูตสวรรค์จะถูกส่ง ทยอยมาเป็นระลอก อำานาจที่แท้จริงในวันนั้นเป็นของพระผู้ทรงกรุณา ปรานี และมันจะเป็นวันลำาบากสำาหรับผู้ป ิเสธ ในวันนั้น ผู้ทำาความ ผิดจะกัดมือของเขาและกล่าวว่า โอ ันน่าจะอยู่เดินอยู่บนหนทางของ ศาสนทูต วิบัติแน่แล้ว ันไม่น่าจะคบคนนั้นเป็นเพื่อนเลย เพราะ เขานั่นเองที่ทำาให้ ันหลงผิดป ิเสธคำาตักเตือนที่ได้มายัง ัน ซาตานนั้น เป็นผู้ทรยศมนุษย์เสมอ ศาสนทูตจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ผู้คน ของ ันได้ทิ้งอัลกุรอานกันแล้ว ในทำานองนี้เองที่เราได้ทำาให้ผู้ทำาบาป เป็นศัตรูของนบีทุกคน และเพียงพอแล้วที่พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรง นำาทางและผู้ทรงช่วยเหลือ บรรดาผู้ป ิเสธกล่าวว่า ทำาไมอัลกุรอานจึงไม่ถูกประทานลงมา ทั้งหมดในคราวเดียวกัน เราส่งมันมาในลักษณะเช่นนี้ก็เพื่อที่มันจะได้

อัล ฟุรฺกอน

ทำาให้หัวใจของเจ้าเข้มแข็ง และ(ด้วยวัตถุประสงค์นี้เอง)เราได้ประทาน มันลงมาเป็นตอนๆ เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาโต้แย้ง เราจะนำาความจริง มายังเจ้าทันทีและอธิบายมันในลักษณะที่ดีที่สุด บรรดาผู้ที่กำาลังถูก ส่งไปยังนรกต่อหน้าพวกเขานั้นจะได้รับสถานที่อันเลวร้ายเป็นที่พำานัก เพราะพวกเขาหลงออกไปไกลจากหนทางที่ถูกต้อง เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและได้แต่งตั้งพี่ชายของเขาเป็นผู้ช่วย เหลือ หลังจากนั้น เราได้กล่าวแก่เขาทั้งสองว่า เจ้าทั้งสองจงไปยัง หมู่ชนที่ป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา ดังนั้น เราได้ทำาลายคนเหล่า นี้จนพินาศ เราได้ทำาให้หมู่ชนของนู ฺจมน้ำาตายด้วยเช่นกันเมื่อพวก เขาป ิเสธศาสนทูตของพวกเขา และเราได้ทำาให้พวกเขาเป็นตัวอย่าง สำาหรับมนุษยชาติ เราได้จัดเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้แล้วสำาหรับ ผู้ทำาความผิด แก่ชาวอาดและษะมูดและชาวร็อส และเช่นเดียวกับที่ เราได้ทำากับผู้คนอีกหลายรุ่นในระหว่างพวกเขา ยังแต่ละหมู่ชนนั้น เราได้เตือนพวกเขาโดยยกตัวอย่าง(ของบรรดาผู้ถูกทำาลายก่อนหน้า พวกเขา)และได้ทำาลายพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แน่นอน คนพวกนี้ได้ผ่าน เมืองที่เราได้หลั่ง นแห่งความชั่วลงมา แล้วพวกเขาไม่เห็นมันกระนั้น หรือ ไม่เลย พวกเขาไม่คิดว่าจะมีชีวิตใหม่ในโลกหน้า เมื่อคนเหล่านี้เห็นเจ้า พวกเขาได้ถือเอาเจ้าเป็นที่ล้อเลียน(โดย กล่าวว่า) คนนี้นะหรือที่พระเจ้าส่งมาเป็นศาสนทูตของพระองค์ เขา เกือบจะนำาพวกเราหลงออกไปจากสิ่งที่พวกเราเคารพบูชาแล้วถ้าเราไม่ ยึดมั่นศรัทธาต่อสิ่งเหล่านั้น ในไม่ช้า พวกเขาจะได้เห็นการลงโทษและ รู้ว่าใครหลงทางออกไป เจ้าเคยเห็นผู้ยึดเอาอารมณ์ต่ำาของพวกเขาเป็นพระเจ้าของพวก เขาบ้างไหม เจ้าสามารถเป็นผู้ดูแลคนเช่นนั้นได้ไหม 44 เจ้าคิดหรือ ว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาจะฟังหรือเข้าใจ พวกเขาเป็นเพียงแค่ปศุสัตว์ เท่านั้น ไม่ พวกเขาหลงทางเสียยิ่งกว่าอีก

เกณ ์ตัดสิน

เจ้าไม่เห็นหรือว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงทำาให้เงาทอดยาวออก ไปอย่างไร หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงทำาให้มันหยุดนิ่ง ก็ได้ แต่เราได้ทำาให้ดวงอาทิตย์เป็นตัวบ่งชี้สำาหรับมัน หลังจากนั้น เราได้ม้วนมันทีละน้อยๆมายังเรา 47 และพระองค์คือผู้ทรงกำาหนดให้ กลางคืนเป็นเครื่องนุ่งห่มสำาหรับสูเจ้า และการนอนเป็นเหมือนการพัก ผ่อน และกลางวันเป็นเวลาแห่งการลุกขึ้น พระองค์คือผู้ทรงส่งลมมา เป็นผู้บอกข่าวแห่งความเมตตาของพระองค์ หลังจากนั้น พระองค์ทรง ประทานน้ำาอันบริสุทธิ์ลงมาจากท้องฟ้า เพื่อเราจะทำาให้แผ่นดินที่แห้ง แล้งกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่และเป็นที่ดับกระหายแก่ปศุสัตว์และมนุษย์ มากมายที่เราสร้างขึ้นมา เราได้อธิบายมันให้พวกเขาด้วยวิธีการต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อ ที่พวกเขาจะได้คิด แต่ส่วนมากของมนุษย์ยังคงดึงดันอยู่ในการเนรคุณ หากเราประสงค์ เราจะให้มีผู้ตักเตือนขึ้นในทุกๆเมืองก็ได้ ดังนั้น (โอ้นบี) จงอย่าป ิบัติตามผู้ป ิเสธสัจธรรม แต่จงต่อสู้พวกเขาด้วยกุ รอานนี้(นำาสาสน์ของมันไปยังพวกเขา)อย่างอุตสาหะ พระองค์ได้ทรงปล่อยมวลน้ำาทะเลทั้งสองออกมา น้ำาทะเลหนึ่งจืด สนิทเป็นที่ชื่นใจ และน้ำาอีกทะเลหนึ่งขมและเค็มจัด และพระองค์ได้ทรง ทำาให้มีที่กั้นกลางระหว่างทะเลทั้งสองนี้ซึ่งเป็นสิ่งขวางกั้นที่มิอาจล่วงล้ำา กันได้ 54 พระองค์คือผู้ทรงสร้างมนุษย์จากน้ำา และพระองค์ได้ทรงทำาให้ เขามีเครือญาติโดยสายเลือดและโดยการแต่งงาน และพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเสมอ 55 แต่กระนั้น พวกเขายังเคารพสักการะสิ่งที่ไม่สามารถยังคุณให้โทษ มีบทเรียนหลายอย่างในระบบของโลก เช่นเดียวกับแสงสว่างของ กลางวันจะตามมาด้วยความมืดของกลางคืน ันใด ความเท็จจะมีความ จริงตามมาฉันนั้น ในขณะที่การตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหลังการนอนในตอน กลางคืนเป็นสัญลักษณ์ที่บอกถึงการฟื้นคืนชีพในชีวิตหลังความตาย 45

อัล ฟุรฺกอน

แก่พวกเขาแทนพระเจ้า ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ป ิเสธได้กลายเป็นผู้ช่วยเหลือ ของผู้ต่อต้านพระผู้อภิบาลของเขาด้วย (โอ้ มุ ัมมัด) เราได้ส่งเจ้ามา เพียงเพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน 57 จงบอกพวกเขาว่า ันไม่ได้ ขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกท่านเพื่องานนี้ นอกจากจะขอให้ใครก็ตามที่ ต้องการได้ยึดถือแนวทางที่ไปยังพระผู้อภิบาลของเขา (โอ้มุ ัมมัด) จงไว้วางใจในผู้ทรงดำารงชีวิตอยู่เสมอ(พระเจ้า)และ ผู้ทรงไม่มีวันตาย และจงสดุดีด้วยการสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ เท่ า นั้ น เพี ย งพอแล้ ว ที่ จ ะรู้ ถึ ง ความผิ ด บาปของปวงบ่ า วของพระองค์ ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสิ่งที่อยู่ในระหว่างนั้น ในเวลาหกวัน(ช่วงเวลา) หลังจากนั้น พระองค์ทรงสถิตมั่นอยู่บนบัลลังก์ (แห่งอำานาจของจักรวาล) พระองค์เป็นผู้ทรงกรุณา ดังนั้น จงถามใคร และเมื่อพวกเขาถูกบอกว่า จงกราบพระผู้ทรง ก็ได้ที่รู้ถึงเรื่องนั้น กรุณาปรานี พวกเขากล่าวว่า ใครคือผู้ทรงกรุณาปรานี ท่านจะให้เรา กราบผู้ที่ท่านต้องการอย่างนั้นหรือ และนี่มีแต่ทำาให้พวกเขามีความ เกลียดชังมากยิ่งขึ้น มหาจำาเริญยิ่งคือพระองค์ผู้ทรงสร้างบรรยากาศที่ถูกปกป้องในชั้น ฟ้าทั้งหลายและได้ทรงทำาให้ในนั้นมีตะเกียงที่ส่องแสงสว่างไสวและดวง จันทร์ที่มีแสงนวล พระองค์คือผู้ทรงทำาให้มีกลางคืนและกลางวันตาม มาแทนกันและกัน เป็นสัญญาณสำาหรับบรรดาผู้ที่ใคร่ครวญและต้องการ ที่จะขอบคุณ ปวงบ่าวที่แท้จริงของพระผู้ทรงกรุณาปรานีคือบรรดาผู้เดินอย่าง ถ่อมตนบนหน้าแผ่นดิน ผู้ที่เมื่อพวกคนโง่เขลาป ิบัติต่อเขาอย่างหยาบ หกวัน ในที่นี้หมายถึงหกวันของพระเจ้า ในภาษาของมนุษย์ มัน อาจเรียกว่าหกขั้นตอนหรือหกช่วงเวลา การสร้างจักรวาลในหกขั้นตอน ชี้ให้ห็นว่ามันได้ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นโดยมีแผน และมีการจัดการเป็นพิเศษไม่ได้มีขึ้นโดยปราศจากวัตถุประสงค์

เกณ ์ตัดสิน

คาย พวกเขาก็กล่าวว่า สันติจงมีแด่ท่าน และบรรดาผู้ใช้เวลาในยาม กลางคืนกราบและยืนต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา ผู้กล่าวว่า โอ้พระ ผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษของนรก เพราะ การลงโทษของมันคือการทรมานอันรุนแรงยิ่ง แท้จริง มันเป็นที่อยู่ และเป็นที่พักอันชั่วช้า พวกเขาคือบรรดาผู้ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและ ไม่ขี้เหนียว แต่ดำาเนินทางสายกลางระหว่างทั้งสองนั้น บรรดาผู้ไม่ วิงวอนสิ่งเคารพสักการะอื่นใดควบคู่กับพระเจ้า และไม่ ่าชีวิตที่พระเจ้า ได้ทรงห้ามไว้นอกจากเพื่อความยุติธรรมและมิได้ทำาผิดประเวณี ใคร ก็ตามที่ทำาเช่นนี้จะถูกลงโทษเพราะความบาป เขาจะได้รับการลงโทษ เป็นสองเท่าในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ ยกเว้นผู้ที่สำานึกผิดกลับตัวและศรัทธาและกระทำาความดี เพราะหลัง จากนั้น พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนแปลงความชั่วของพวกเขาให้เป็นความดี และพระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ผู้ใดสำานึกผิดกลับ ตัวและกระทำาความดี เขาผู้นั้นได้หันกลับมายังพระเจ้าด้วยการสำานึกผิด อย่างแท้จริง และบรรดาผู้ที่ไม่เป็นพยานเท็จ และผู้ที่เมื่อพวกเขาเดินผ่านเรื่อง ไร้สาระ พวกเขาก็ผ่านไปอย่างคนมีเกียรติ และบรรดาผู้ที่ไม่ทำาตน เหมือนคนหูหนวกและตาบอดต่อสัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาล ของพวกเขาเมื่อพวกเขาถูกเตือนให้นึกถึงสัญญาณเหล่านั้น 74 บรรดาผู้ วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล โปรดประทานแก่เราซึ่งคู่ครองและลูกๆที่จะ เป็นที่สุขตาแก่เรา และโปรดทำาให้เราเป็นแบบอย่างของผู้สำารวมตนจาก ความชั่วด้วยเถิด 75 คนเหล่านี้คือผู้ที่จะถูกตอบแทนด้วยวิมานสำาหรับความอดทนของ พวกเขาซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพ ความ มีเกียรติและคำากล่าวอำานวยพรให้ได้รับความสันติสุข พวกเขาจะได้ พำานักอยู่ในนั้นตลอดไป ช่างเป็นที่พักและที่อยู่อันประเสริ อย่างแท้จริง

อัล ชุอะรออ์

(โอ้ มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาว่า พระผู้อภิบาลของ ันไม่สนใจอะไร พวกท่านทั้งสิ้นถ้าพวกท่านไม่วิงวอนต่อพระองค์ เพราะตอนนี้ พวกท่าน ได้ป ิเสธสัจธรรมแล้ว ไม่ช้า พวกท่านก็จะได้รับการลงโทษจากพระองค์ 77

26. กวี

อัล-ชุอะรออ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฏอ ซีน มีม นี่คือข้อความของคัมภีร์ที่ทำาให้สิ่งต่างๆชัดเจน (โอ้มุ ัมมัด) บางทีเจ้า อาจจะทำาลายตัวของเจ้าเองด้วยความทุกข์โศกเพราะการที่พวกเขาไม่ ศรัทธา 4 ถ้าหากเราประสงค์ เราก็สามารถที่จะส่งสัญญาณหนึ่งจากฟาก ฟ้ามาปราก ต่อหน้าพวกเขาซึ่งจะทำาให้พวกเขาก้มคอยอมจำานนต่อมัน ก็ได้ 5 และเมื่อมีข้อตักเตือนอะไรใหม่ๆจากพระผู้ทรงกรุณาปรานีมายัง พวกเขา พวกเขาก็หันห่างไปจากมัน ตอนนี้ พวกเขาได้ป ิเสธสาสน์ แล้ว ในไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้ความจริงของสิ่งที่พวกเขาได้เย้ยหยัน 7 พวกเขาไม่เคยมองดูแผ่นดินและสิ่งต่างๆที่เป็นประโยชน์มากมาย หลายชนิดที่เราได้ทำาให้มันเติบโตขึ้นมาในนั้นบ้างเลยหรือ แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนมากไม่ศรัทธา แท้จริงแล้ว พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตา เมื่อตอนที่พระผู้อภิบาลของเจ้าได้เรียกมูซาโดยกล่าวว่า จงไปยัง หมู่ชนที่ทำาความผิด หมู่ชนของฟาโรห์ พวกเขาไม่กลัวพระเจ้ากระนั้น หรือ มูซาได้ตอบว่า พระผู้อภิบาลของ ัน ันกลัวว่าพวกเขาจะ ป ิเสธ ัน หัวอกของ ันอึดอัด และลิ้นของ ันไม่มีโวหารในการพูด ดัง

กวี

นั้น โปรดส่ง ารูนไปด้วยเถิด นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังกล่าวหา ัน ว่าเป็นผู้ทำาผิดด้วย ดังนั้น ันกลัวว่าพวกเขาจะ ่า ันเสียก่อน พระเจ้าทรงกล่าวว่า ไม่หรอก เจ้าทั้งสองจงไปพร้อมกับสัญญาณ ของเรา เราจะอยู่กับเจ้า คอยฟัง(เสียงเรียกของเจ้า) เจ้าทั้งสองจง ไปหาฟาโรห์และบอกว่า เราเป็นศาสนทูตของพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก ขอให้ท่านปล่อยพวกลูกหลานอิสรออีลไปกับเราเถิด ฟาโรห์ ได้กล่าวว่า เรามิได้เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งแต่เด็กในบ้านของเราดอกหรือ เจ้า อาศัยอยู่กับเรามาเป็นเวลาหลายปี แล้วเจ้าก็มาทำาสิ่งที่เจ้าได้ทำาไป แล้ว เจ้านี่เป็นผู้เนรคุณ มูซาได้กล่าวว่า ันได้ทำาไปเมื่อตอน ันพลั้งผิด หลังจาก นั้น ันได้หนีไปจากท่านเพราะความกลัว แล้วพระผู้อภิบาลของ ัน ได้ประทานวิทยปัญญาและความรู้แก่ ัน และได้ทรงทำาให้ ันเป็นหนึ่ง สำาหรับความดีงามที่ท่านเอ่ยเตือน ันนั้น ความ ในบรรดาศาสนทูต จริงแล้วก็เพราะท่านได้ทำาให้พวกลูกหลานอิสรออีลต้องตกเป็นทาส ฟาโรห์ได้กล่าวว่า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกคืออะไร มูซาตอบ ว่า พระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและที่อยู่ในระหว่าง ทั้งสอง ถ้าหากท่านจะเชื่อ ฟาโรห์ได้ถามบรรดาผู้อยู่รอบๆเขา ว่า พวกเจ้าได้ยินไหม มูซากล่าวว่า พระผู้อภิบาลของพวกท่าน และบรรพบุรุษของพวกท่านด้วยเช่นกัน ฟาโรห์กล่าวว่า ศาสนทูต ของพวกเจ้าที่ถูกส่งมายังพวกเจ้านี้เป็นคนบ้าแน่ๆ มูซากล่าวว่า (พระองค์คือ)พระผู้อภิบาลแห่งตะวันออกและตะวันตกและทุกสิ่งที่อยู่ ในระหว่างทั้งสองนี้ ถ้าหากพวกท่านเพียงแต่ทำาความเข้าใจ ฟาโรห์ กล่าวว่า ถ้าหากเจ้าเอาผู้ใดอื่นอกไปจาก ันเป็นที่เคารพสักการะแล้ว ันจะให้เจ้าได้เข้าไปอยู่ในคุก มูซาจึงกล่าวว่า แม้ ันจะนำาเอาสิ่งที่ ชัดแจ้งมายืนยันแก่ท่านแล้วกระนั้นหรือ ฟาโรห์ตอบว่า นำามาแสดง สิ ถ้าหากเจ้าพูดจริง ดังนั้น มูซาจึงได้โยนไม้เท้าของเขาลงไปบนพื้น

อัล ชุอะรออ์

ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นงูใหญ่ทันที หลังจากนั้น เขาได้ดึงมือของเขา ออกมา และมันปราก เป็นสีขาว(สว่าง)แก่ผู้เ ้ามอง ฟาโรห์ได้กล่าว แก่พวกขุนนางที่อยู่รอบๆเขาว่า คนผู้นี้ต้องเป็นนักมายากลผู้มี ีมือ อย่างแน่นอน เขาต้องการขับไล่พวกเจ้าออกจากแผ่นดินของพวกเจ้า โดยการใช้มายากลของเขา ทีนี้พวกเจ้าจะทำาอย่างไร พวกเขากล่าวว่า จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ชายของเขาไว้สักพัก หนึ่งก่อนและจงส่งข่าวไปยังเมืองต่างๆ เพื่อเรียกนักมายากลที่มี ีมือ ทุทกคนมายังท่าน ดังนั้น นักมายากลทั้งหลายจึงได้มาชุมนุมกันใน วันและเวลาที่ได้ถูกนัดหมายไว้ และผู้คนได้ถูกถามว่า พวกเจ้าจะมา ร่วมชุมนุมด้วยหรือไม่ เพื่อที่เราจะได้ป ิบัติตามพวกนักมายากลถ้า เมื่อพวกนักมายากลมาถึง พวกเขาได้ถาม หากพวกเขาเป็นผู้ชนะ ฟาโรห์ว่า เราจะได้รับรางวัลไหมถ้าหากเราเป็น ่ายชนะ เขาตอบ ว่า แน่นอน แล้วพวกเจ้าจะได้อยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิดข้าด้วย มูซาได้กล่าวแก่นักมายากลว่า จงโยนสิ่งที่พวกท่านต้องการโยน ลงมา 44 ดังนั้น พวกเขาจึงได้โยนเชือกและไม้เท้าของพวกเขาลงไปบน พื้นและกล่าวว่า ด้วยเกียรติของฟาโรห์ เราจะชนะอย่างแน่นอน 45 ดัง นั้น มูซาได้โยนไม้เท้าของเขาลงไปบนพื้น และมันได้เริ่มกลืนสิ่งที่พวก เขาทำาลวงขึ้นมา เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกนักมายากลได้ก้มลงกราบ 47 และร้องออกมาว่า เราศรัทธาในพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พระผู้ อภิบาลของมูซาและ ารูน ฟาโรห์ได้กล่าวว่า พวกเจ้าศรัทธาในตัวเขาก่อนที่ข้าอนุญาตพวก เจ้ากระนั้นหรือ เขาต้องเป็นหัวหน้าพวกเจ้าที่สอนมายากลให้พวกเจ้า อย่างแน่นอน ดีละ ในไม่ช้า พวกเจ้าจะได้รู้ ข้าจะตัดแขนขาของพวก เจ้าสลับกันและจะเอาพวกเจ้าทั้งหมดไปตรึงกางเขนให้ตาย พวกเขา ตอบว่า เราไม่สนใจ เราจะกลับไปยังพระผู้อภิบาลของเรา เราหวัง

กวี

ว่าพระผู้อภิบาลของเราจะทรงอภัยเราในความผิดของเราเพราะเราเป็น พวกแรกของบรรดาผู้ศรัทธา และเราได้ดลใจมูซาว่า จงออกเดินทางพร้อมกับบ่าวของ ันใน ตอนกลางคืน เพราะเจ้าจะถูกติดตามอย่างแน่นอน ดังนั้น ฟาโรห์ จึงได้ส่งคนประกาศข่าวไปยังเมืองต่างๆ(เพื่อระดมมวลชนโดยกล่าวว่า) 54 คนพวกนี้มีแค่เพียงหยิบมือ 55 และมายั่วยุเราให้เกิดโทสะ แต่เรา เป็นพวกที่มีมากกว่าและเตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอ 57 ดังนั้น เราจึงให้ พวกเขาออกมาจากสวนและบ่อน้ำาของพวกเขา และทรัพย์สมบัติและที่ อยู่อาศัยอันหรูหราของพวกเขา และเราได้ทำาให้ลูกหลานอิสรออีลเป็น ผู้สืบทอดความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ ในตอนเช้า ฟาโรห์และคนของเขาได้ออกติดตามพวกเขา แล้ว เมื่อทั้งสอง ่ายต่างเห็นกัน พวกที่ติดตามมูซาได้ร้องออกมาว่า เรา ถูกตามทันอย่างแน่นอน มูซากล่าวว่า ไม่มีวันหรอก แท้จริง พระผู้ อภิบาลของ ันทรงอยู่กับ ัน พระองค์จะทรงนำาทาง ัน แล้วเราได้ดล ใจมูซาให้ฟาดทะเลด้วยไม้เท้าของเขา ทันใดนั้น ทะเลก็แยกจากกันและ แต่ละส่วนเหมือนภูเขาสูงใหญ่ ในขณะเดียวกัน เราได้นำาอีกพวกหนึ่ง มายังสถานที่เดียวกันนั้น และเราได้ช่วยมูซาและคนของเขาทั้งหมด ให้ปลอดภัย แล้วเราได้ให้อีกพวกหนึ่งจมน้ำาตาย แท้จริง ในนั้นมี สัญญาณหนึ่ง แต่คนเหล่านี้ส่วนมากไม่ศรัทธา แท้จริง พระผู้อภิบาล ของเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของอิบรอ ีม เมื่อเขาถามบิดาของ เขาและผู้คนของเขาว่า อะไรกันนี้ที่พวกท่านเคารพบูชา พวกเขา ตอบว่า นี่คือรูปปั้นที่เราเคารพบูชาและยึดมั่นต่อสิ่งเหล่านี้ อิบรอ ีม ถามว่า พวกมันได้ยินพวกท่านไหมเมื่อพวกท่านเรียกพวกมัน พวก มันช่วยหรือทำาร้ายพวกท่านได้ไหม 74 พวกเขาตอบว่า ไม่ แต่เราพบ ว่าบรรพบุรุษของเราทำาเช่นนี้กันมา

อัล ชุอะรออ์

ดังนั้น อิบรอ ีมจึงได้กล่าวว่า พวกท่านไม่เคยคิดถึงสิ่งที่พวกท่าน เคารพบูชาเลยหรือ ทั้งพวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่าน 77 พวก มันทั้งหมดเป็นศัตรูต่อ ัน ยกเว้นพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ผู้ทรง สร้าง ัน พระองค์คือผู้ทรงนำาทาง ัน ผู้ทรงให้ ันได้กินและได้ดื่ม ผู้ทรงบำาบัดรักษา ันเมื่อ ันป่วย ผู้ทรงทำาให้ ันตาย แล้วทรงทำาให้ ันมีชีวิตอีก และผู้ที่ ันหวังว่าจะทรงให้อภัยความผิดพลาดของ ันใน วันแห่งการตัดสิน โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดประทานความรู้และวิทยปัญญาแก่ ันและรวม ันไว้กับบรรดาผู้มีคุณธรรม โปรดทำาให้ ันเป็นที่รู้จักกันดี ในหมู่ชนรุ่นหลัง และโปรดรวม ันไว้ในหมู่ผู้รับสืบทอดสวนสวรรค์อัน รื่นรมย์ และโปรดทรงอภัยให้แก่บิดาของ ันด้วยเถิด เพราะท่านเป็น หนึ่งในบรรดาผู้หลงผิด และโปรดอย่าได้ทำาให้ ันได้รับความอัปยศ ในวันที่ทุกคนได้ถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่ง วันที่ทรัพย์สินและ ลูกๆจะไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใด นอกจากผู้ที่มาอยู่ต่อหน้าพระเจ้าด้วย หัวใจที่สงบ เมื่อสวรรค์จะถูกนำามาใกล้บรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้า และนรกจะ ถูกนำามาเปิดเผยให้แก่ผู้หลงผิดได้เห็น พวกเขาจะถูกถามว่า ไหนเล่า สิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะ นอกไปจากพระเจ้า พวกมันช่วยอะไรสูเจ้า หรือแม้แต่ตัวมันเองได้ไหม แล้วพวกมันและผู้หลงผิดจะถูกกลิ้งลง ไปในนรกทับถมกัน รวมทั้งไพร่พลของซาตานทั้งหมดด้วย ในนั้น พวกเขาจะถกเถียงกันและพวกเขาจะกล่าวว่า เราหลงผิดไปจริงๆ เมื่อเราได้ถือว่าพวกเจ้าเท่าเทียมกับพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ไม่มีใครนอกจากคนทำาผิดที่ทำาให้พวกเราหลงทาง ตอนนี้ เราไม่มี ผู้ที่จะขอไถ่โทษให้ และไม่มีเพื่อนแท้ด้วย ถ้าเราได้มีโอกาสกลับ ไป(ยังโลก)อีก เราจะเป็นผู้ศรัทธา แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่ 75

กวี

ส่วนใหญ่ของคนเหล่านี้ไม่เชื่อ แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรง อำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ ผู้คนของนู ฺได้ป ิเสธบรรดาศาสนทูต เมื่อพี่น้องคนหนึ่งของ พวกเขาคือนู ฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านไม่กลัวพระเจ้ากันบ้าง หรือ ันคือศาสนทูตผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่งซึ่งมายังพวกท่าน ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟัง ัน ันมิได้ขอสิ่งตอบแทนใดๆสำาหรับ หน้าที่นี้ เพราะสิ่งตอบแทนของ ันนั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟัง ัน พวกเขากล่าวว่า จะ ให้พวกเราเชื่อท่านอย่างนั้นหรือ ในเมื่อผู้ป ิบัติตามท่านมีแต่คนชั้น ต่ำา นู ฺได้กล่าวว่า ันไม่รู้ในเรื่องพวกเขา พระผู้อภิบาลของ ันเท่านั้นที่สามารถนำาพวกเขามาสู่การชำาระบัญชี พวกท่านน่าจะเข้าใจ ันจะไม่ขับไล่ผู้ศรัทธาคนใด ันเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือน บ้าง พวกเขากล่าวว่า นู ฺ ถ้าหากท่านไม่หยุดยั้งเรื่องนี้ ท่านจะถูก ขว้างด้วยหิน นู ฺจึงกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน ผู้คนของ ัน ป ิเสธ ัน ดังนั้น ขอพระองค์ได้โปรดตัดสินเรื่องระหว่าง ันกับพวก เขา และได้โปรดช่วย ันและบรรดาผู้ศรัทธาที่ร่วมกับ ันให้ปลอดภัยด้วย เถิด ดังนั้น เราได้ช่วยเขาและผู้ที่อยู่กับเขาไว้ในเรือใหญ่ที่บรรทุกไว้ จนเพียบ และหลังจากนั้นได้ทำาให้พวกที่เหลือจมน้ำาตาย แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่เชื่อ แท้จริง พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ พวกอาดก็ป ิเสธบรรดาศาสนทูต จงนึกถึงเมื่อตอนที่พี่น้อง ของพวกเขา คือ ูด ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านไม่กลัวพระเจ้า หรือ ันคือศาสนทูตผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่งซึ่งมายังพวกท่าน จงเกรง กลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟัง ัน ันมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆสำาหรับ หน้าที่นี้ เพราะสิ่งตอบแทนของ ันนั้นอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก อะไรกัน พวกท่านสร้างอนุสรณ์ไว้บนที่สูงๆเพียงเพื่อความสุขเท่านั้น

อัล ชุอะรออ์

หรือ และพวกท่านสร้างปราสาทใหญ่ราวกับพวกท่านจะมีชีวิตตลอด ไป เมื่อพวกท่านจับกุมผู้ใด พวกท่านก็ทำาราวกับเป็นพวกทรราช ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟัง ัน จงเกรงกลัวพระองค์ ผู้ประทานแก่ท่านทุกสิ่งที่พวกท่านรู้อยู่ พระองค์ทรงประทานปศุสัตว์ และลูกๆแก่พวกท่าน และสวนมากมายพร้อมทั้งตาน้ำาหลายแห่ง ันกลัวการลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัวแทนพวกท่านเหลือเกิน พวกเขาตอบว่า มันไม่เห็นแตกต่างอะไรสำาหรับเราไม่ว่าท่านจะ ตักเตือนเราหรือไม่ นี่มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องที่เคยพูดกันมานาน แล้ว และเราไม่มีวันที่จะถูกลงโทษเด็ดขาด ดังนั้น เมื่อพวกเขา ป ิเสธเขา เราจึงได้ทำาลายพวกเขา แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่ แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเป็น พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา ผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ พวกษะมูดได้ป ิเสธบรรดาศาสนทูต เมื่อตอนที่พี่น้องคน หนึ่งของพวกเขา คือ ซอลิ ฺได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านไม่กลัว พระเจ้าหรือ ันเป็นศาสนทูตที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้สำาหรับพวกท่าน ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงเชื่อฟัง ัน ันมิได้ขอสิ่งตอบ แทนใดๆจากพวกท่านในการทำาหน้าที่นี้ เพราะรางวัลของ ันนั้นอยู่ที่ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พวกท่านคิดหรือว่าพวกท่านจะถูกทิ้งไว้ ให้ปลอดภัยตลอดกาล ในท่ามกลางสวนและน้ำาพุ และในไร่นาและ ต้นอินทผลัมที่ออกผลจนกิ่งย้อย และพวกท่านสกัดภูเขาเป็นบ้านและ พวกท่านภูมิใจในความสามารถของพวกท่าน ดังนั้น จงเกรงกลัว พระเจ้าและจงเชื่อฟัง ัน และจงอย่าเชื่อฟังบรรดาผู้ ่า ืน บรรดา ผู้ที่แพร่ความเสียหายในแผ่นดินและไม่ได้ทำาให้สิ่งใดดีขึ้น พวกเขาตอบว่า แท้จริง ท่านเป็นเพียงคนถูกคาถาอาคม ท่าน เป็นเพียงคนธรรมดาเหมือนกับเรา ดังนั้น จงนำาเอาสัญญาณหนึ่งมาถ้า หากว่าท่านพูดความจริง ซอลิ ฺกล่าวว่า นี่คืออู ตัวเมีย จงให้มันดื่ม

กวี

น้ำาวันหนึ่งและอีกวันหนึ่งพวกท่านทั้งหมดจึงค่อยดื่ม จงอย่าทำาร้าย มัน มิเช่นนั้นแล้ว พวกท่านจะได้รับการลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัว แต่กระนั้น พวกเขาได้ตัดขามันจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้น พวกเขาจึงได้ กลายเป็นผู้ที่ต้องเสียใจ หลังจากนั้น พวกเขาได้ถูกลงโทษ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา แท้จริง พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ หมู่ชนของลู ก็ป ิเสธบรรดาศาสนทูต เมื่อพี่น้องคนหนึ่งของ พวกเขาคือลู ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านไม่กลัวพระเจ้าหรือ แท้จริง ันเป็นศาสนทูตที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ยังพวกท่าน ดังนั้น จง เกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟัง ัน ันมิได้ขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวก ท่านในการทำาหน้าที่นี้ เพราะรางวัลของ ันอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากล พวกท่านเข้าหาผู้ชายจากที่มีอยู่ในโลกทั้งหมดนี้ และทิ้ง โลก ภรรยาของพวกท่านซึ่งพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ทรงสร้างไว้สำาหรับ พวกท่านกระนั้นหรือ พวกท่านนี่เป็นผู้ ่า ืนทุกอย่าง พวกเขากล่าวว่า นี่ลู ถ้าท่านไม่หยุดยั้ง ท่านจะถูกขับไล่ออกไป จากเมืองของพวกเรา เขากล่าวว่า ันขยะแขยงการกระทำาของพวก ท่านจริงๆ โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงช่วย ันและครอบครัวของ ัน ให้พ้นจากความชั่วของพวกเขาด้วยเถิด เราได้ช่วยเขาและคนของ เขาทั้งหมดให้ปลอดภัย ยกเว้นหญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่ในหมู่ผู้อยู่ข้าง หลัง หลังจากนั้น เราได้ทำาลายคนอื่นที่เหลือทั้งหมด และเราได้ หลั่ง น(แห่งการทำาลาย)อันน่าสะพรึงกลัวลงมาบนหมู่คนที่ถูกตักเตือน แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา พระ ผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ ผู้อาศัยอยู่ในป่าก็ป ิเสธบรรดาศาสนทูตเช่นกัน เมื่อตอนที่ชุ อัยบ์ได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านไม่กลัวพระเจ้าหรือ ันเป็น ศาสนทูตที่ซื่อสัตย์เชื่อถือได้ยังพวกท่าน ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า

อัล ชุอะรออ์

และเชื่อฟัง ัน ันมิได้ร้องขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกท่านสำาหรับ การทำาหน้าที่นี้ เพราะรางวัลของ ันอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก จงชั่งตวงให้เต็มจำานวนและจงอย่าให้คนอื่นน้อยกว่าสิ่งที่เขาจะต้อง ได้รับ จงชั่งด้วยตาชั่งที่เที่ยงตรง และจงอย่าโกงสิ่งต่างๆของพวก เขาและจงอย่าแพร่ความเสียหายในแผ่นดิน จงเกรงกลัวผู้ทรงสร้าง พวกท่านและหมู่ชนก่อนหน้าพวกท่าน พวกเขากล่าวว่า ท่านถูกคาถาอาคมแล้ว ท่านเป็นเพียง มนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับพวกเรา และเราถือว่าท่านเป็นผู้โกหกคนหนึ่ง ดังนั้น ถ้าหากท่านพูดจริง จงทำาให้ส่วนต่างๆของท้องฟ้าตกลงมาใส่ เราซิ ชุอัยบ์ได้กล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ ันทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกท่าน พวกเขาถือว่าเขาโกหก ในที่สุด การลงโทษแห่งวันอัน กำาลังทำาอยู่ มืดมนก็ได้ทำาลายพวกเขา มันเป็นการลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัว แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา พระผู้ อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ แท้จริง นี่คือสิ่งที่ถูกประทานลงมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก วิญญาณที่ซื่อสัตย์ได้นำามันลงมา ยังหัวใจของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ตักเตือน ด้วยภาษาอาหรับที่ชัดเจนเข้าใจง่าย และมันได้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ก่อนๆด้วยเช่นกัน มันยังไม่เป็น หลัก านเพียงพอสำาหรับพวกเขาอีกหรือที่บรรดาผู้รู้ในหมู่ลูกหลานอิสรอ อีลเคยรู้เรื่องนี้มาก่อน(ว่าเป็นความจริง) ถ้าหากเราประทานมันแก่คนที่มิใช่อาหรับ แล้วเขาอ่านมันต่อ หน้าพวกเขา พวกเขาก็ยังคงไม่ศรัทธามัน ดังนั้น เราจึงทำาให้การ ป ิเสธสัจธรรมเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ทำาบาป พวกเขาจะไม่ ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะเห็นการลงโทษอันเจ็บปวด มันจะเกิดขึ้นกับ พวกเขาอย่าง ับพลันโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว แล้วพวกเขาจะกล่าวว่า ให้เรามีเวลาแก้ตัวบ้างได้ไหม

กวี

คนเหล่านี้เร่งเร้าให้เรารีบลงโทษกระนั้นหรือ ลองคิดดูสิว่า ถ้าเราผ่อนผันเวลาให้พวกเขามีชีวิตอย่างมีความสุขเป็นปีๆ แล้วการ ลงโทษที่ถูกสัญญาไว้เกิดขึ้นกับพวกเขา สิ่งต่างๆที่พวกเขาได้รับนั้น จะมีประโยชน์อะไรแก่พวกเขา เราไม่เคยทำาลายเมืองใดยกเว้นแต่ เมืองนั้นมีผู้ตักเตือนแล้ว ใน านะเป็นสิ่งตักเตือนจากเรา และเรามิใช่ ผู้อธรรม พวกซาตานมิได้นำาคัมภีร์กุรอานลงมา และงานนี้ก็ไม่สม กับพวกมัน และพวกมันก็ไม่สามารถทำาได้ แท้จริงแล้ว พวกมันได้ถูก กีดกันให้ห่างออกไปจากการได้ยิน ดังนั้น (โอ้มุ ัมมัด) จงอย่าวิงวอนสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกไปจาก พระเจ้า มิ ะนั้น เจ้าจะถูกรวมอยู่ในหมู่ผู้ถูกลงโทษด้วย จงเตือนญาติ และจงอ่อนโยนต่อบรรดาผู้ศรัทธาที่ป ิบัติตามเจ้า ใกล้ชิดของเจ้า แต่ถ้าหากพวกเขาไม่เชื่อฟัง จงบอกพวกเขาว่า ันไม่รับผิดชอบ ในสิ่งที่พวกท่านทำา จงวางใจในพระผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ ผู้ทรงเห็นเจ้าในขณะที่เจ้าลุกขึ้น และเมื่อเจ้าเคลื่อนไหวในหมู่ผู้ ก้มกราบ แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ (โอ้ผู้คนทั้งหลาย) จะให้ ันบอกสูเจ้าไหมว่าพวกซาตานลงมายัง ผู้ใด พวกมันลงมายังคนโกหกที่ทำาบาปทุกคน ที่ถูกพวกมัน กระซิบใส่หู และส่วนมากของพวกมันเป็นผู้โกหก สำาหรับพวกกวีนั้น มีแต่คนผิดเท่านั้นที่ป ิบัติตามพวกเขา สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเขา เร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมายในทุกหุบเขา และพวกเขาพูดในสิ่งที่พวก เขาเองไม่ทำา นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีและระลึกถึง พระเจ้าเป็นอย่างมาก และป้องกันตนเองเมื่อพวกเขาถูกกดขี่ข่มเหง ใน ไม่ช้า บรรดาผู้ทำาความผิดจะได้รู้ว่าการลงโทษอะไรที่กำาลังรอพวกเขา อยู่

อัล นัมล์

27. มด

อัล-นัมล์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฏอ ซีน เหล่านี้คือข้อความจากกุรอานคัมภีร์ที่ทำาให้สิ่งต่างๆชัดเจน มันเป็นทาง นำาและข่าวดีสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา ผู้ซึ่งดำารงนมาซและจ่ายซะกาต และพวกเขาคือผู้เชื่อมั่นในโลกหน้า 4 เราได้ทำาให้การงานของบรรดาผู้ ไม่ศรัทธาในโลกหน้าเป็นที่ดูดีแก่พวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงหลงออกไป อย่ามืดบอด 5 พวกเขาคือผู้ที่จะได้รับการลงโทษอันชั่วช้า และในโลก หน้า พวกเขาเป็นผู้ขาดทุนอย่างยับเยินที่สุด (โอ้มุ ัมมัด) เจ้าเป็นผู้ได้ รับอัลกุรอานี้จากพระผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ 7 จงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของมูซาผู้กล่าวกับคนในครอบครัวของ เขาว่า ันเห็นไฟ ันจะนำาข่าวจากที่นั่นมาให้พวกเจ้าหรืออาจจะนำาไฟ มาสักดุ้นหนึ่งเพื่อพวกเจ้าจะได้อบอุ่นร่างกาย เมื่อเขามาถึงที่นั่น มี เสียงกล่าวออกมาว่า ความจำาเริญจงมีแด่ผู้ที่อยู่ใกล้ไฟนี้และผู้ที่อยู่รอบ มัน มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือพระเจ้าพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก มูซาเอย แท้จริง ันคือพระเจ้าผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ จง โยนไม้เท้าของเจ้า ทันทีที่มูซาเห็นไม้เท้าเคลื่อนไหวคล้ายงู เขาได้หัน หนีทันทีโดยไม่หันกลับมามอง มูซาเอย จงอย่ากลัว บรรดาศาสนทูต นั้นไม่รู้สึกกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้า ัน ส่วนคนที่ทำาผิด และทำาความดีหลัง จากความชั่วนั้นแล้ว ันเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ตอน นี้ จงสอดมือของเจ้าเข้าไปในอกเสื้อของเจ้า มันจะออกมาขาวสว่างโดย ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ นี่เป็นหนึ่งในเก้าสัญญาณสำาหรับฟาโรห์และผู้คน ของเขา แท้จริง พวกเขาเป็นหมู่ชนที่ ่า ืน แต่เมื่อสัญญาณของเรา

มด

ปราก ต่อหน้าคนเหล่านั้นอย่างชัดเจนแล้ว พวกเขาก็กล่าวว่า นี่คือไสย ศาสตร์ชัดๆ พวกเขาป ิเสธสัญญาณเหล่านั้นอย่างไม่เป็นธรรมและ เย่อหยิ่งทั้งๆที่ใจของพวกเขายอมรับมัน ดังนั้น จงดูว่าชะตากรรมของผู้ ก่อความเสียหายจะเป็นเช่นใด เราได้ประทานความรู้แก่ดาวูดและสุลัยมาน และเขาทั้งสองกล่าว ว่า บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ประทานความโปรดปรานแก่ เราเหนือกว่าบ่าวผู้ศรัทธาหลายคนของพระองค์ สุลัยมานได้สืบต่อ จากดาวูดและเขาได้กล่าวว่า ผู้คนทั้งหลาย เราได้ถูกสอนให้รู้จักการพูด ของนก และเราได้รับสิ่งดีทุกสิ่ง แท้จริง นี่คือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ ของพระเจ้า ไพร่พลของญินและมนุษย์และนกของสุลัยมานได้ถูกรวมไว้อย่าง มีระเบียบวินัยต่อหน้าเขา และเมื่อพวกเขาเดินทัพมาถึงหุบเขาแห่ง มด มดตัวหนึ่งได้กล่าวว่า พวกมดทั้งหลาย จงเข้าไปในรังของพวกเจ้า มิ ะนั้น สุลัยมานและไพร่พลของเขาจะเหยียบย่ำาพวกเจ้าโดยที่พวกเขา ไม่รู้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุลัยมานจึงขำาแกมหัวเราะและกล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาล โปรดหน่วงเหนี่ยว ันไว้ เพื่อที่ ันจะได้ขอบคุณพระองค์ สำาหรับความโปรดปรานที่พระองค์ได้ประทานแก่ ันและแก่พ่อแม่ของ ัน และทรงทำาให้ ันทำาความดีอันเป็นที่ปีติแก่พระองค์ ขอพระองค์ทรง รับ ันไว้ในความเมตตาของพระองค์ท่ามกลางปวงบ่าวผู้ทรงความดีของ พระองค์ด้วยเถิด หลังจากนั้น สุลัยมานได้สำารวจนกและกล่าวว่า อะไรกันนี้ ัน ไม่เห็นนกหัวขวาน มันหายไปไหนหรือ ันจะลงโทษมันให้หนักที เดียว หรือไม่ก็จะเชือดมัน เว้นเสียแต่ว่ามันจะมีข้อแก้ตัวที่มีเหตุผลมาให้ ัน หลังจากนั้นไม่นานนัก มันได้มาและกล่าวว่า ันได้รู้ในสิ่งที่ท่าน ยังไม่รู้ ันนำาข่าวที่เชื่อถือได้จากชีบา(สะบะอ์)มายังท่าน ันได้พบผู้ หญิงคนหนึ่งปกครองผู้คน นางมีทุกสิ่งและมีบัลลังก์อันสง่างาม ัน

อัล นัมล์

เห็นนางและผู้คนของนางบูชาดวงอาทิตย์แทนพระเจ้า ซาตานได้ทำาให้ การงานของพวกเขาดูดีสำาหรับพวกเขาและได้ทำาให้พวกเขาหลงออกไป จากแนวทางที่ถูกต้องทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะไม่ได้รับทางนำา ทำาไมพวก เขาจึงไม่กราบสักการะพระเจ้าผู้ทรงนำาสิ่งที่ซ่อนเร้นในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่ น ดิ น ออกมาและทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้าซ่อ นเร้นและเปิดเผย พระองค์คือพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ผู้ทรงเป็น เจ้าของบังลังก์อันยิ่งใหญ่ สุลัยมานกล่าวว่า เราจะดูว่าเจ้าพูดจริงหรือเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ โกหก จงนำาจดหมายของ ันไปแล้วหย่อนลงให้พวกเขา หลังจากนั้น จงถอยออกมาและดูว่าพวกเขาจะตอบกลับมาอย่างไร ราชินีกล่าว ว่า เสนาบดีทั้งหลาย จดหมายสำาคัญนี้ได้ถูกหย่อนลงมาให้ ัน มัน มาจากสุลัยมาน และมีข้อความดังนี้ ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรง กรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงอย่าหยิ่งผยองต่อ ัน และจงมาหา ันอย่างอย่างยอมจำานน ราชินีได้กล่าวว่า เสนาบดีทั้งหลาย ให้ คำาปรึกษาแก่ ันในเรื่องนี้หน่อย ันจะไม่ตัดสินใจในเรื่องอะไรจนกว่า พวกท่านจะอยู่ร่วมด้วย พวกเขาตอบว่า เรามีความเข้มแข็งและเป็น นักรบที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับพระนาง ดัง นั้น พระนางจะบัญชาสิ่งใดก็สุดแท้แต่วิจารณญาณของพระนาง ราชินี จึงกล่าวว่า เมื่อบรรดากษัตริย์บุกเข้าไปในเมืองใด พวกเขาได้ทำาลาย มันและทำาให้คนมีอำานาจในเมืองนั้นทั้งหมดตกต่ำา เช่นนี้แหละที่พวกเขา กระทำา แต่ ันจะส่งของกำานัลไปให้พวกเขา แล้วเราจะดูว่าทูตของ ัน ได้คำาตอบอะไรกลับมา เมื่อคณะทูตมาเข้าเ ้าสุลัยมาน เขาก็กล่าวว่า พวกท่านกำาลังเสนอ ทรัพย์สินให้ ันหรือ แต่สิ่งที่พระเจ้าประทานแก่ ันนั้นดีกว่าที่พระองค์ ได้ประทานแก่พวกท่านเสียอีก พวกท่านจงรื่นเริงกับของกำานัลของพวก ท่านไปเถิด จงกลับไปยังพวกท่าน เราจะนำากองทัพที่พวกเขาไม่

มด

สามารถต้านทานได้ไปยังพวกเขา และเราจะขับไล่พวกเขาออกไปจากที่ นั่นอย่างอัปยศและหมดศักดิ์ศรี หลังจากนั้น สุลัยมานได้กล่าวว่า เสนาบดีทั้งหลาย มีใครบ้างใน หมู่พวกเจ้าที่สามารถนำาบัลลังก์ของนางมาก่อนที่คนเหล่านั้นจะมายัง ันใน านะผู้นอบน้อม ผู้กล้าหาญตนหนึ่งในหมู่ญินกล่าวว่า ัน จะนำามันมาให้ท่านก่อนที่ท่านจะลุกขึ้นจากที่นั่งของท่าน ันมีพลังที่จะ ทำาเช่นนั้นและไว้วางใจได้ในเรื่องนี้ แต่ผู้มีความรู้ในคัมภีร์คนหนึ่งได้ กล่าวขึ้นมาว่า ันจะนำามันมาให้ท่านในชั่วพริบตา ทันทีที่สุลัยมานเห็น บัลลังก์ปราก ต่อหน้า เขาได้อุทานออกมาว่า นี่เพราะความโปรดปราน จากพระผู้อภิบาลของ ัน ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะทรงทดสอบ ันว่า ันเป็น ผู้กตัญญูหรือผู้เนรคุณ และผู้ใดกตัญญู ผู้นั้นก็กตัญญูเพื่อผลดีของตัวเขา เอง ส่วนผู้ใดเนรคุณ พระผู้อภิบาลของ ันนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมีอย่างเหลือ หลายและทรงโอบอ้อมอารี สุลัยมานได้กล่าวว่า จงจัดบัลลังก์ของนางไว้ เราจะดูซิว่านางจะ จำามันได้หรือไม่ เมื่อนางมาหาสุลัยมาน นางถูกถามว่า บัลลังก์ของ พระนางเหมือนอย่างนี้ใช่ไหม นางได้กล่าวว่า มันดูเหมือนราวกับว่า เป็นอันเดียวกัน เราได้รู้(ถึงอำานาจของท่าน)มาก่อนหน้านี้แล้วและเรา ยอมจำานนแล้ว และการที่นางเคารพบูชาสิ่งอื่นแทนพระเจ้าต่างหาก ที่ขัดขวางนาง(จากการศรัทธา) เพราะแท้จริง นางมาจากหมู่ชนผู้ป ิเสธ 44 นางได้ถูกขอให้เข้าไปในวัง แต่เมื่อนางได้เห็น นางคิดว่ามันเป็นสระ น้ำา ดังนั้น นางจึงถลกผ้าขึ้นมาเพื่อที่จะเข้าไป สุลัยมานได้กล่าวว่า มัน เป็นแค่วังที่พื้นปูด้วยกระจก นางจึงอุทานว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน ันได้อธรรมต่อตัวของ ันเอง ตอนนี้ ันขอนอบน้อมยอมตนกับสุลัย มานเพื่อพระเจ้าพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 45 ยังพวกษะมูด เราได้ส่งซอลิ ฺพี่น้องของพวกเขาไป เขากล่าวว่า จง อย่าเคารพกราบไหว้สิ่งใดนอกจากพระเจ้า แต่พวกเขาได้แตกออกเป็น

อัล นัมล์

สองพวกที่โต้แย้งกัน ซอลิ ฺกล่าวว่า หมู่ชนของ ัน ทำาไมพวกท่าน จึงรีบเร่งในเรื่องความชั่วแทนความดีเล่า ทำาไมพวกท่านจึงไม่ขออภัย ต่อพระเจ้าเพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตา 47 พวกเขากล่าวว่า เราถือว่าเจ้าและคนอยู่กับเจ้าเป็นลางร้าย ซอลิ ฺกล่าวว่า ลางร้ายของ พวกท่านมาจากพระเจ้า ความจริงแล้ว พวกท่านเป็นหมู่ชนที่กำาลังถูก ทดสอบ ในเมืองนั้นมีผู้นำาเก้าคนที่สร้างความเสียหายในแผ่นดินและไม่ได้ ทำาสิ่งใดให้ดีขึ้น พวกเขากล่าวซึ่งกันและกันว่า ขอให้พวกเราสาบาน ด้ ว ยพระเจ้ า ว่ า เราจะโจมตี ซ อลิ ฺ แ ละครอบครั ว ของเขาในตอนกลาง คืน หลังจากนั้น เราจะบอกผู้คุ้มครองของเขาว่าเราไม่ได้อยู่ในตอนที่ ครอบครัวของเขาถูก ่า เราพูดความจริง ดังนั้น พวกเขาจึงวางแผน และเราก็วางแผนด้วยเช่นกันโดยที่พวกเขาไม่รู้ จงดูว่าผลสุดท้ายของ แผนการของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เราได้ทำาลายพวกเขาและคนของ พวกเขาจนหมดสิ้น เพราะการทำาผิดของพวกเขา บ้านของพวกเขาจึง ได้พังทลายลงมาเพราะผลแห่งการทำาชั่วของพวกเขา แท้จริงแล้ว ในนั้น มีสัญญาณสำาหรับหมู่ชนที่มีความรู้ และเราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาและ สำารวมตนจากความชั่วให้รอด 54 และเราได้ส่งลู มา เขาได้บอกหมู่ชนของเขาว่า พวกท่านทำา สิ่งชั่วช้าลามกทั้งๆที่รู้อยู่กระนั้นหรือ 55 พวกท่านละทิ้งผู้หญิงและไป แสวงหาผู้ชายเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศของพวกท่านกระนั้น หรือ พวกท่านช่างโง่เขลาเสียจริงๆ แต่คำาตอบของหมู่ชนของเขา ก็คือ จงขับไล่ลู และครอบครัวของเขาออกไปจากเมือง พวกเขาชอบ ทำาตัวสะอาดมากนัก 57 ในที่สุด เราได้ช่วยเขาและครอบครัวของเขา ยกเว้นภรรยาของเขาที่เราได้กำาหนดให้นางต้องอยู่ข้างหลัง และเรา ได้ทำาให้ นหลั่งลงมาบนพวกเขา เป็น นแห่งความหายนะอันน่าสะพรึง กลัวสำาหรับคนที่ได้ถูกตักเตือนแล้ว (โอ้นบี) จงกล่าวเถิด บรรดาการ

มด

สรรเสริญเป็นของพระเจ้าและความสันติจงมีแด่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ พระองค์ทรงคัดเลือก พระเจ้าดีกว่า หรือสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคี กับพระองค์ ใครเล่าที่สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และส่งน้ำาลงมาจาก ท้องฟ้าเพื่อสูเจ้าซึ่งจากน้ำานั้นเราได้ทำาให้สวนสวยงามต่างๆงอกเงยออก มาโดยที่สูเจ้าไม่มีอำานาจที่จะทำาให้มันงอกเงยขึ้นมาได้ ยังมีสิ่งเคารพ บูชาอื่นใดนอกเหนือจากพระเจ้าอีกหรือ (ไม่) แต่พวกเขาเป็นหมู่ชนที่ นำาสิ่งอื่นมาเทียบเคียงกับพระเจ้า ใครเล่าที่ทำาให้แผ่นดินนี้เป็นสถาน ที่พัก ใครเล่าที่ทำาให้ในแผ่นดินนี้มีแม่น้ำาหลายสาย ใครเล่าที่ทำาให้ ภูเขามั่นคงขึ้นในแผ่นดินและทำาให้มีที่คั่นระหว่างน่านน้ำาทั้งสอง ยังมี สิ่งสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกไปจากพระเจ้าอีกกระนั้นหรือ ไม่เลย แต่ ส่วนมากของพวกเขาไม่รู้ ใครเล่าที่ทรงฟังผู้มีทุกข์เมื่อเขาวิงวอนพระองค์และทรงบรรเทา ความทุกข์ยากเดือดร้อนนั้น และใครเล่าที่ทรงให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอด แผ่นดิน อย่างนี้แล้วยังมีสิ่งเคารพบูชาอื่นใดควบคู่ไปกับพระเจ้าอีก กระนั้นหรือ เล็กน้อยเหลือเกินที่พวกเขาคิดกัน ใครเล่าที่ทรงทำาให้ สูเจ้าเห็นหนทางในความมืดของแผ่นดินและทะเล และทรงส่งลมมาเป็น ข่าวดีแห่งความเมตตาของพระองค์ ยังมีสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกจาก พระเจ้าอีกกระนั้นหรือ พระเจ้าทรงสูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาตั้งภาคี ใครเล่าที่ทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์ แล้วหลังจากนั้นก็ทรงทำาให้มัน บังเกิดขึ้นมาอีก และใครเล่าที่ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้าจากฟาก ฟ้าและแผ่นดิน อย่างนี้แล้วยังมีสิ่งเคารพบูชาอื่นใดนอกไปจากพระเจ้า อีกหรือ จงบอกพวกเขาว่า จงนำาหลัก านมาถ้าพวกท่านเป็นผู้พูด ความจริง จงบอกพวกเขาว่า ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินมีความ รู้ในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นนอกไปจากพระเจ้า พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้ว่าตัว

อัล นัมล์

เองจะถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเมื่อใด แต่ความรู้ในเรื่องโลกหน้าของ คนเหล่านี้ได้สูญหายไปหมดแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังสงสัยเกี่ยว กับมัน อีกทั้งยังมืดบอดต่อเรื่องนี้ด้วย บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวว่า เมื่อเราและบรรดาบรรพบุรุษของเรากลายเป็นดินไปแล้ว เราจะถูกทำาให้ ออกมาอีกกระนั้นหรือ เราเคยถูกบอกถึงเรื่องนี้มาก่อนแล้วเช่นเดียว กับบรรพบุรุษของเรา เรื่องนี้มิใช่อะไรนอกไปจากคำาบอกเล่าที่ได้ยินมา ตั้งแต่ครั้งโบราณ จงบอกพวกเขาว่า จงเดินทางไปในแผ่นดินและดู ว่าผลสุดท้ายของผู้ทำาบาปนั้นเป็นอย่างไร (โอ้นบี) จงอย่าโศกเศร้าต่อพวกเขาและจงอย่าเป็นทุกข์ต่อสิ่งที่ พวกเขาวางแผน พวกเขากล่าวว่า เมื่อใดเล่าที่คำาขู่นี้จะเกิดขึ้น ถ้า จงบอกพวกเขาว่า ไม่ต้องสงสัย ส่วนหนึ่งของ ท่านเป็นคนพูดจริง การลงโทษที่พวกท่านเร่งเร้าให้มันเกิดขึ้นนั้นกำาลังใกล้พวกท่านเข้ามา ทุกทีแล้ว แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงโอบอ้อมอารียิ่งต่อปวง มนุษย์ แต่พวกเขาส่วนมากไม่รู้คุณ 74 แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรง รู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในอกของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย 75 ไม่มีสิ่งใดที่ เป็นสิ่งเร้นลับในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ อันชัดแจ้ง แท้จริง กุรอานนี้ได้อธิบายให้พวกลูกหลานอิสรออีลรู้สิ่งต่างๆซึ่งใน นั้นส่วนมากแล้วเป็นเรื่องที่พวกเขาขัดแย้งกัน 77 และแท้จริง นี่คือทางนำา และความเมตตาสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้า จะทรงตัดสินระหว่างคนเหล่านี้โดยคำาบัญชาของพระองค์ และพระองค์ เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงรอบรู้ ดังนั้น (โอ้นบี) เจ้าจงวางใจในพระเจ้า แท้จริง เจ้าอยู่บนสัจธรรมอันชัดแจ้งแล้ว เจ้าไม่อาจทำาให้คนตายได้ยิน และเจ้าไม่อาจทำาให้คนหูหนวกได้ยินการเรียกร้องของเจ้าเมื่อพวกเขา หันหลังให้และวิ่งหนีไปจากเจ้า และเจ้าก็มิอาจนำาทางคนตาบอดออก

มด

จากการหลงผิดของพวกเขา เจ้าทำาให้คนฟังเจ้าได้ก็แต่ผู้ศรัทธาในสิ่งที่ เราประทานมาและยอมจำานนต่อเราโดยสิ้นเชิง เมื่อเวลาแห่งประกาศิตของเรามาถึงพวกเขา เราจะนำา ดาบบะ ฺ จากแผ่นดินออกมายังพวกเขา มันจะพูดแก่พวกเขาว่ามนุษย์ไม่ได้ เชื่อมั่นในสัญญาณทั้งหลายของเรา ในวันนั้น เราจะรวบรวมผู้คนจาก ทุกกลุ่มชนที่ถือว่าสิ่งที่เราประทานมาเป็นเรื่องเท็จ แล้วพวกเขาจะถูกจัด เตรียมไว้เป็นพวกๆ จนกระทั่งเมื่อพวกเขาทั้งหมดได้มาถึง พระองค์ จะทรงกล่าวว่า พวกเจ้าป ิเสธสิ่งที่เราประทานมากระนั้นหรือในขณะที่ พวกเจ้าไม่มีความรู้ หรืออะไรบ้างที่พวกเจ้ากำาลังทำาอยู่ และการ ลงโทษที่กล่าวไว้จะเกิดขึ้นแก่พวกเขาเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำา ไว้ แล้วพวกเขาจะไม่อาจกล่าวถ้อยคำาอะไรได้ พวกเขาไม่เห็นหรือว่า เราได้กำาหนดเวลากลางคืนไว้ให้พวกเขาได้พักผ่อนและได้ทำาให้กลาง วันสว่างไสว แท้จริงแล้ว ในนั้นมีสัญญาณหลายอย่างสำาหรับหมู่ชนผู้ ศรัทธา ในวันที่แตรถูกเป่า บรรดาผู้อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะตื่น ตระหนกตกใจกลัว ยกเว้นบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงประสงค์จะคุ้มครอง และ ทั้งหมดจะมาอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยความถ่อมตน สูเจ้าเห็นภูเขาและ สูเจ้าคิดว่ามันถูกตรึงไว้อย่างมั่นคง แต่(ในวันนั้น) มันจะล่องลอยเหมือน เม นี่เป็นการงานแห่งอำานาจของพระเจ้าผู้ทรงบัญชาทุกสิ่ง แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา ใครที่มาด้วยความดีจะได้รับ ในตอนที่พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ทรงตัดสินใจที่จะยุติประวัติศาสตร์ ปัจจุบันของโลก จะมีสัญญาณพิเศษบางอย่างเกิดขึ้นเพื่อนำาไปสู่ขั้น สุดท้าย หนึ่งในสัญญาณนั้นคือการปราก ตัวของ ดาบบะ ฺ สาสน์ที่ถูก นำามาโดยมนุษย์และผู้คนไม่ยอมรับจะถูกประกาศโดยดาบบะ ฺ บางที ระบบการโทรคมนาคมสมัยใหม่อาจหมายถึงดาบบะ ฺก็ได้ นี่เป็นระ ังที่ ประกาศถึงการสิ้นสุดช่วงเวลาของการทดสอบ มิใช่การเริ่มต้นของมัน

อัล เกาะศ็อศ

การตอบแทนที่ดีกว่านั้น และพวกเขาจะได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจาก ความหวาดกลัวของวันนั้น ส่วนผู้ใดมาด้วยความชั่ว ใบหน้าของพวก เขาจะถูกเผาในไฟ สูเจ้าจะไม่ได้รับการตอบแทนตามที่สูเจ้าได้กระทำาไว้ กระนั้นหรือ (โอ้ มุ ัมมัด จงบอกพวกเขา) ันถูกบัญชาให้เคารพสักการะพระ ผู้อภิบาลของเมืองนี้ผู้ทรงทำาให้มันเป็นที่ต้องห้ามและผู้ทรงเป็นเจ้าของ ทุกสิ่ง และ ันได้ถูกบัญชาให้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ภักดีต่อพระองค์ และ ต้องอ่านกุรอาน ผู้ใดป ิบัติตามทางนำา เขาก็ป ิบัติตามมันเพื่อผลดีของ เขาเอง ส่วนผู้หลงผิดนั้น จงบอกพวกเขาเถิดว่า ันเป็นแค่เพียงผู้ตัก เตือนคนหนึ่งเท่านั้น และจงบอกพวกเขาว่า บรรดาการสรรเสริญเป็น ของพระเจ้า ไม่ช้า พระองค์จะทรงแสดงสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ ให้พวกท่านได้เห็น แล้วพวกท่านจะรู้ และพระผู้อภิบาลของพวกท่าน มิได้เ ยเมยต่อสิ่งที่พวกท่านกระทำา 28 เรื่องราว

อัล-เกาะศ็อศ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฏอ ซีน มีม เหล่านี้คือข้อความทั้งหลายจากคัมภีร์ที่ทำาให้สิ่งต่างๆชัดเจน เราจะ เล่าเรื่องราวบางตอนของมูซาและฟาโรห์แก่เจ้าด้วยความจริงเพื่อคนที่ จะศรัทธา 4 แท้จริง ฟาโรห์ทำาตัวโอหังในแผ่นดินและได้แบ่งผู้ที่อาศัย อยู่ในนั้นเป็นพวกๆ ซึ่งหนึ่งในพวกนี้เขาต้องการที่จะทำาให้อ่อนแอด้วย การ ่าลูกชายของพวกเขาและไว้ชีวิตลูกสาวของพวกเขา แท้จริงแล้ว เขาเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ก่อความเสียหาย 5 เราปรารถนาที่จะแสดงความ

เรื่องราว

โปรดปรานแก่บรรดาผู้ถูกกดขี่ในแผ่นดินและทำาให้พวกเขาเป็นผู้นำา และ ทำาให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอด(ความโปรดปรานของเรา) และให้อำานาจ พวกเขาในแผ่นดิน และเพื่อที่ฟาโรห์และ ามานและไพร่พลของเขาทั้ง สองได้เห็นสิ่งที่พวกเขากลัว 7 เราได้ดลใจแม่ของมูซาว่า จงให้นมเขาดื่ม และเมื่อเจ้ากลัวว่าเขา จะได้รับอันตราย ดังนั้น จงนำาเขาไปลอยในแม่น้ำา และจงอย่ากลัวและจง อย่าโศกเศร้า เพราะเราจะนำาเขากลับมายังสูเจ้าและจะทำาให้เขาเป็นหนึ่ง ในบรรดาศาสนทูต หลังจากนั้น คนของฟาโรห์ได้เก็บเขาขึ้นมา(จาก แม่น้ำา) เพื่อที่เขาจะได้เป็นศัตรูของคนเหล่านั้นและสร้างความขมขื่นให้ แก่พวกเขา แท้จริง ฟาโรห์และ ามานและไพร่พลของเขาทั้งสองเป็น พวกทำาผิด ภรรยาของฟาโรห์กล่าวแก่เขาว่า เขาเป็นที่เย็นตาแก่ ัน และแก่ท่าน จงอย่า ่าเขา บางที เขาอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเราหรือเรา อาจจะรับเขามาเป็นลูกก็ได้ แต่พวกเขาไม่รู้ถึงผลสุดท้าย หัวใจของแม่ของมูซาเต็มไปด้วยความวิตก นางเกือบเปิดเผยตัว ตนของเขาแล้วหากเราไม่ทำาให้หัวใจของนางเข้มแข็งเพื่อที่นางจะได้มี ศรัทธา(ในคำาสัญญาของเรา) นางได้บอกพี่สาวของมูซาว่า จงตาม ไปดูเขาด้วย ดังนั้น เธอจึงได้เ ้าคอยดูอยู่ห่างๆเหมือนคนแปลกหน้า โดยไม่มีใครสังเกต เราได้ทำาให้เขาป ิเสธแม่นมทุกคน (เมื่อเห็น ดังนั้น) พี่สาวของเขาจึงได้บอกพวกเขาว่า จะให้ ันบอกพวกท่านถึง คนในครอบครัวหนึ่งที่จะเลี้ยงดูเขาให้ท่านด้วยความรักและเอาใจใส่แก่ เขาไหม ดังนั้น เราได้นำามูซากลับมาสู่แม่ของเขาอีกเพื่อที่นางจะ ได้สบายใจและไม่เศร้าโศกอีกต่อไป และเพื่อนางจะได้รู้ว่าสัญญาของ พระเจ้านั้นเป็นความจริง แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ เมื่อมูซาโตขึ้นเป็นหนุ่ม และเป็นผู้ใหญ่ เราได้ประทานภูมิปัญญาในการตัดสินและความรู้แก่เขา นี่คือวิธีการที่เราตอบแทนผู้ทำาความดี (วันหนึ่ง) เขาได้ไปในเมืองในตอนที่ผู้คนไม่ได้สังเกต ที่นั่น เขา

ได้เห็นผู้ชายสองคนต่อสู้กัน คนหนึ่งเป็นคนของพวกเขาและอีกคนหนึ่ง เป็นคนของพวกศัตรูของเขา คนที่เป็นพวกของเขาได้ร้องขอให้เขาช่วย เหลือในการต่อสู้กับคนที่เป็นพวกศัตรูของเขา ดังนั้น มูซาได้ต่อยเขา และทำาให้เขาเสียชีวิต (เมื่อเห็นดังนั้น) มูซาจึงได้กล่าวว่า นี่เป็นงานของ ซาตาน มันเป็นศัตรูและผู้ชักนำาให้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง ดังนั้น เขาจึง วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน ันได้ทำาผิดต่อตัว ันเอง ดังนั้น โปรด ให้อภัย ันด้วยเถิด ดังนั้น พระเจ้าได้ทรงให้อภัยเขา เพราะพระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ มูซาได้กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน ด้วยความโปรดปรานที่พระองค์ทรงประทานแก่ ันนี้ ันจะไม่เป็นผู้ช่วย เหลือคนทำาผิดอีกต่อไป เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เขากำาลังเดินอยู่ในสภาพของความกลัวและ ระแวดระวังอยู่ในเมือง ทันใดนั้น เขาได้เห็นชายคนเดิมที่ขอความช่วย เหลือจากเขาเมื่อวานนี้กำาลังร้องขอให้เขาช่วยเหลืออีก มูซาจึงได้กล่าว แก่เขาว่า เจ้ามันคนหลงผิดชัดๆ เมื่อมูซาจะเข้าไปจับคนที่เป็นศัตรู ของเขาทั้งสอง คนผู้นั้นก็ร้องออกมาว่า มูซา ท่านจะ ่า ันเหมือนกับที่ ท่านได้ ่าคนเมื่อวานนี้กระนั้นหรือ ท่านอยากจะเป็นผู้กดขี่ในแผ่นดิน นี้และไม่อยากจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงอะไรให้ดีขึ้นกระนั้นหรือ หลัง จากนั้นได้มีชายผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากอีกมุมหนึ่งของเมืองอย่างรีบเร่งและ กล่าวว่า มูซา พวกเจ้าหน้าที่กำาลังวางแผนที่จะ ่าท่าน ดังนั้น จงออกไป จากที่นี่เสีย ันเป็นผู้หวังดีต่อท่าน ดังนั้น มูซาจึงได้ออกไปจากเมือง ด้วยความกลัวและระแวดระวัง และเขาได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดทรงช่วย ันให้พ้นจากหมู่ผู้อธรรมด้วยเถิด เมื่อมูซามุ่งหน้าไปยังมัดยัน เขากล่าวว่า ันหวังว่าพระผู้อภิบาล ของ ันจะทรงนำา ันไปสู่หนทางที่ถูกต้อง และเมื่อเขามาถึงบ่อน้ำา แห่งมัดยัน เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำาลังให้น้ำาสัตว์เลี้ยงอยู่ และเขายังเห็น ผู้หญิงสองคนยืนคุมสัตว์เลี้ยงของพวกเธออยู่ห่างจากคนเหล่านั้น เขา

เรื่องราว

จึงถามว่า เธอทั้งสองกังวลอะไรหรือ ทั้งสองจึงได้กล่าวว่า เราไม่ สามารถให้น้ำาแก่สัตว์เลี้ยงของเราได้จนกว่าคนเลี้ยงแกะเหล่านั้นจะเอา สัตว์เลี้ยงของเขาออกไป และพ่อของเราก็เป็นคนแก่มากแล้ว ดัง นั้น มูซาจึงได้ให้น้ำา ูงสัตว์แทนเธอทั้งสอง หลังจากนั้น เขาได้หันไปหา สถานที่ร่มแห่งหนึ่งและกล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาล ันต้องการสิ่งดีใดๆ ก็ได้ที่พระองค์จะทรงประทานแก่ ัน (หลังจากนั้น) หญิงหนึ่งในสอง คนนั้นได้มาหาเขาด้วยความเหนียมอายและกล่าวว่า พ่อของ ันขอให้ ท่านไปหาเพื่อตอบแทนท่านที่ได้ช่วยให้น้ำาสัตว์แทนเรา เมื่อมูซาไปหา พ่อของหญิงสาวทั้งสองและเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เขาก็กล่าวว่า ไม่ ต้องกลัว เพราะว่าเจ้าได้หนีออกมาจากพวกคนชั่วนั้นแล้ว หนึ่งใน สองสาวนั้นได้กล่าวแก่พ่อของเธอว่า พ่อคะ จ้างคนผู้นี้ไว้ช่วยทำางาน เถิด เพราะคนดีที่ท่านจะจ้างไว้ก็คือคนที่แข็งแรงและไว้วางใจได้ พ่อ ของนางได้กล่าวแก่มูซาว่า ันจะยกลูกสาวของ ันหนึ่งในสองคนนี้ให้ แต่งงานกับเจ้าถ้าหากว่าเจ้าทำางานให้ ันเป็นเวลาแปดปี และถ้าหากเจ้า ต้องการ เจ้าก็สามารถต่อจนครบสิบปีได้ ันไม่ต้องการที่จะเข้มงวดกับ เจ้านัก หากพระเจ้าทรงประสงค์ เจ้าจะเห็นว่า ันเป็นคนที่ยุติธรรมคน หนึ่ง มูซาได้ตอบว่า นั่นเป็นข้อตกลงระหว่าง ันกับท่าน อันไหนใน สัญญาทั้งสองนี้ที่ ันป ิบัติครบ ขอจงอย่าสร้างความไม่เป็นธรรมต่อ ัน และพระเจ้าทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่เราได้ตกลงกัน หลังจากที่มูซาป ิบัติตามสัญญาครบแล้ว เขาได้ออกเดินทาง พร้อมกับครอบครัวของเขา เขาสังเกตเห็นแสงไฟตรงภูเขา ูรฺ เขาจึงได้ กล่าวกับครอบครัวของเขาว่า จงอยู่ที่นี่ ันเห็นแสงไฟ ันอาจจะนำาข่าว บางอย่างจากที่นั่นมาหรือเอาคบไฟสักดุ้นหนึ่งมาให้พวกเจ้าเพื่อพวกเจ้า จะได้ทำาความอบอุ่นให้ตัวเอง เมื่อเขามาถึงที่นั่น ได้มีเสียงเรียกออก มาจากต้นไม้ต้นหนึ่งตรงบริเวณที่ได้รับความจำาเริญทางด้านขวาของ หุบเขาว่า มูซาเอย ันคือพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก จงโยน

อัล เกาะศ็อศ

ไม้เท้าของเจ้าลงไป เมื่อมูซาเห็นไม้เท้าเคลื่อนไหวเหมือนงู เขาก็หัน หลังหนีและไม่ยอมแม้แต่จะหันกลับมาดู (จึงมีเสียงกล่าวออกมาอีกว่า) มูซาเอย จงกลับมาและจงอย่ากลัว เจ้าจะปลอดภัย จงเอามือของเจ้า ล้วงเข้าไปในอกของเจ้า มันจะออกมาขาวสว่างโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ แก่เจ้า และจงพับแขนของเจ้าไว้แนบตัวเพื่อขจัดความกลัว และนั่นคือ สัญญาณอันชัดแจ้งสองอย่างจากพระผู้อภิบาลของเจ้าที่จะไปแสดงแก่ ฟาโรห์และพวกขุนนางของเขา แท้จริง พวกเขาเป็นหมู่ชนที่ ่า ืน มูซากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน ันได้ ่าพวกเขาไปคนหนึ่ง ันกลัวว่าเขาจะ ่า ัน และ ารูนพี่ชายของ ันก็พูดจาคล่องแคล่วกว่า ัน ดังนั้น ขอได้โปรดส่งเขามากับ ันใน านะผู้ช่วยเพื่อที่เขาจะได้ช่วย ัน เพราะ ันกลัวว่าพวกเขาจะป ิเสธ ัน พระองค์ทรงกล่าวว่า เรา จะทำาให้แขนของเจ้าเข้มแข็งด้วยพี่ชายของเจ้าและจะให้อำานาจแก่เจ้าทั้ง สองจนพวกเขาไม่สามารถที่จะทำาร้ายเจ้าทั้งสองได้ จงไปกับสัญญาณ ของเรา เจ้าทั้งสองและผู้ป ิบัติตามเจ้าจะเป็นผู้ชนะ เมื่อมูซาได้มายังคนเหล่านั้นพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งของ เรา พวกเขากล่าวว่า นี่มิใช่อะไรนอกไปจากมายากลจอมปลอม และ เราไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้ในสมัยบรรพบุรุษของเรามาก่อน มูซา กล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ ันทรงรู้ดีถึงผู้ที่มากับทางนำาจากพระองค์ และพระองค์เท่านั้นที่รู้ว่าใครจะได้รับที่พำานักที่ดีในบั้นปลาย แท้จริง ผู้ อธรรมนั้นไม่เคยได้รับความสำาเร็จที่แท้จริง ฟาโรห์กล่าวว่า เสนาบดี ทั้งหลาย ข้าไม่รู้จักพระเจ้าอื่นใดของพวกเจ้านอกไปจากตัวข้าเอง า มาน จงเผาอิ ไว้ให้ข้า แล้วจงสร้างหอสูงให้ข้าเพื่อที่ข้าจะได้ขึ้นไปดู พระเจ้าของมูซา เพราะข้าถือว่าเขาเป็นผู้โกหก เขาและไพร่พลของเขายโสโอหังในแผ่นดินอย่างไม่เป็นธรรมโดย ไม่มีสิทธิ์ พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะไม่ถูกนำากลับมายังเรา ดังนั้น เรา จึงได้เอาชีวิตพวกเขาและโยนพวกเขาไปในทะเล แล้วดูเถิดว่าชะตา

เรื่องราว

กรรมของบรรดาผู้ทำาความผิดเป็นเช่นใด เราได้ทำาให้พวกเขาเป็น ผู้นำาที่เชิญชวนผู้คนไปสู่ไฟนรก และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พวกเขาจะ ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ เราได้ทำาให้การสาปแช่งติดตามพวกเขาไป ในโลกนี้ และในวันแห่งการพิพากษา พวกเขาจะรวมอยู่ในหมู่ผู้ที่มีสภาพ น่าขยะแขยง หลังจากที่เราได้ทำาลายชนรุ่นก่อนหน้านี้ไปหลายรุ่นแล้ว เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาซึ่งเราได้ทำาให้มันเป็นที่ประจักษ์แก่มนุษย์ และเป็นทางนำาและความเมตตาเพื่อพวกเขาจะได้รับบทเรียน 44 (โอ้มุ ัมมัด) เจ้ามิได้อยู่ทางด้านตะวันตกของภูเขาเมื่อเราได้ ประทานคำาบัญชาของเราแก่มูซาและเจ้ามิได้อยู่ในหมู่ผู้เห็นเหตุการณ์ 45 แต่หลังจากเขา(จนกระทั่งถึงสมัยของเจ้า)เราได้ให้มีผู้คนอีกหลาย รุ่นที่มีอายุยืนยาว และเจ้าเองไม่ได้อยู่ในหมู่ชาวมัดยันและอ่านสิ่งที่เรา ประทานมาแก่พวกเขา แต่เราต่างหากที่ส่งบรรดาศาสนทูตมา และเจ้า มิได้อยู่ข้างภูเขาเมื่อเราได้เรียกมูซา แต่เราได้ส่งเจ้ามาเป็นความเมตตา จากพระผู้อภิบาลของเจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้เตือนบรรดาผู้ที่ไม่มีผู้ตักเตือน มาก่อนหน้าเจ้า เพื่อที่พวกเขาจะได้ตรึกตรอง 47 และเมื่อทุกข์ภัยเกิดขึ้น แก่พวกเขาอันเนื่องมาจากสิ่งที่พวกเขาได้กระทำาไว้ พวกเขาจะได้ไม่พูด ว่า โอ้พระผู้อภิบาล ถ้าพระองค์ทรงส่งศาสนทูตคนหนึ่งมายังพวกเรา เราจะได้ป ิบัติตามสาสน์ของพระองค์และจะได้เป็นผู้ศรัทธา แต่เมื่อ สัจธรรมจากเรามายังพวกเขาแล้ว พวกเขาได้กล่าวว่า ทำาไม เขา(นบี มุ ัมมัด)จึงไม่ได้รับเหมือนอย่างที่มูซาได้รับ แต่พวกเขาไม่ได้ป ิเสธ สิ่งที่ถูกประทานแก่มูซาก่อนหน้านี้หรือ พวกเขากล่าวว่า ทั้งสองอย่าง นี้(มูซาและมุ ัมมัด)เป็นมายากลที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน และพวกเขา กล่าวว่า เราไม่เชื่อทั้งสองนี้ (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า ดังนั้น พวกท่านจงเอาคัมภีร์เล่มหนึ่ง จากพระเจ้าที่เป็นทางนำาที่ดีกว่าสองเล่มนี้มาถ้าหากสิ่งที่พวกท่านพูด เป็นความจริง แต่ถ้าหากพวกเขาไม่ตอบสนองคำาเรียกร้องของเจ้า

อัล เกาะศ็อศ

ดังนั้น เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่าพวกเขาเป็นผู้ป ิบัติตามอารมณ์ ่ายต่ำาของ พวกเขาเอง และใครเล่าที่หลงผิดยิ่งไปกว่าคนที่ป ิบัติตามอารมณ์ ่าย ต่ำาของตัวเองโดยไม่ได้รับทางนำาจากพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าไม่ทรง นำาทางผู้อธรรม เราได้ให้ถ้อยคำาตักเตือนแก่พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อที่พวกเขาจะได้ตรึกตรอง บรรดาผู้ที่เราได้ประทานคัมภีร์ก่อนหน้านี้ศรัทธามัน(กุรอาน) และเมื่อมันได้ถูกอ่านให้แก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า เราศรัทธามัน แท้จริง มันคือสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง เราได้นอบน้อม ยอมจำานนมาก่อนหน้านี้แล้ว 54 พวกเขาเหล่านี้จะได้รับรางวัลตอบแทน สองครั้งสำาหรับสิ่งที่พวกเขาอดทนและพวกเขาขจัดความชั่วด้วยความ ดีและพวกเขาใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา 55 และเมื่อพวก เขาได้ยินเรื่องไร้สาระ พวกเขาก็ออกห่างจากมันและกล่าวว่า การก ระทำาของเราก็เป็นของเราและการกระทำาของพวกท่านก็เป็นของพวก ท่าน สันติจงมีแด่พวกท่าน เราไม่ขอเกี่ยวข้องกับพวกโง่เขลางมงาย ด้วยหรอก (โอ้นบี) เจ้าไม่สามารถนำาทางผู้ที่เจ้ารักได้ แต่พระเจ้าทรง ประทานทางนำาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ทรงรู้ดีที่สุดถึงผู้ ที่จะได้รับทางนำา 57 พวกเขากล่าวว่า ถ้าพวกเราป ิบัติตามทางนำานี้ร่วมกับท่าน เรา จะถูกกระชากออกไปจากแผ่นดินของเรา แต่เราไม่ได้ทำาให้พวกเขา อาศัยอยู่ในสถานที่อันปลอดภัยและประทานผลไม้ทุกชนิดเป็นปัจจัย ยังชีพจากเรากระนั้นหรือ แต่พวกเขาส่วนมากกลับไม่รู้ถึงสิ่งนี้ กี่เมืองแล้วที่เราได้ทำาลายไปเพราะในเมืองนั้นหลงลำาพองในความ เป็นอยู่ของตัวเอง ดังนั้น จงดูที่อยู่อาศัยของพวกเขาซึ่งมีเพียงเล็ก น้อยเท่านั้นที่มีคนอาศัยหลังจากพวกเขา ในที่สุด เราเท่านั้นที่ได้เป็น ผู้สืบทอดของพวกเขา พระผู้อภิบาลของเจ้าจะไม่ทำาลายหมู่ชนใด จนกว่าพระองค์จะได้ส่งศาสนทูตมายังใจกลางเมืองนั้นเพื่อสาธยายวจนะ

เรื่องราว

ที่เราประทานแก่พวกเขา และเราไม่ได้ทำาลายเมืองใดจนกว่าชาวเมือง นั้นได้กลายเป็นคนทำาผิดไปแล้ว อะไรก็ตามที่สูเจ้าได้รับในชีวิตนี้มิใช่อะไรนอกจากแค่เพียงปัจจัย ยังชีพสำาหรับชีวิตโลกนี้และเครื่องประดับประดาของมันเท่านั้น แต่ที่ พระเจ้านั้นดีกว่าและยั่งยืนกว่า สูเจ้าไม่เข้าใจหรือ คนที่เราได้ให้ สัญญาที่ดีแก่เขาซึ่งเขาจะได้พบมันอย่างแน่นอนนั้นจะเหมือนกับคนที่ เราให้แต่เพียงปัจจัยแห่งชีวิตโลกนี้และคนที่ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพจะ ถูกนำามา(ต่อหน้าพระเจ้า)เพื่อการลงโทษกระนั้นหรือ ในวันนั้น พระองค์จะทรงเรียกพวกเขาและถามว่า ไหนเล่า บรรดา ผู้ที่สูเจ้าอ้างว่าเป็นภาคีของ ัน และบรรดาผู้ที่ถูกตัดสินไปแล้วจะ กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา คนเหล่านี้คือผู้ที่ทำาให้เราหลงผิด เรา ได้นำาพวกเขาให้หลงผิดเพราะเราเองก็หลงผิดเช่นเดียวกัน เราขอยืนยัน ต่อพระองค์ว่าเราไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา ไม่ใช่เราที่พวกเขาเคารพสัก การะ หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกบอกว่า จงร้องเรียกผู้ที่สูเจ้าถือว่าเป็น ภาคีซิ พวกเขาจะร้องเรียกพวกมัน แต่พวกมันไม่ตอบ และพวกเขาจะ เห็นการลงโทษ ถ้าพวกเขาป ิบัติตามทางนำาก็จะเป็นการดี ในวัน นั้น พระองค์จะทรงเรียกพวกเขาและถามว่า สูเจ้าได้ตอบบรรดาศาสน ทูตของเราอย่างไร ในวันนั้น พวกเขาจะนึกคำาพูดอะไรไม่ออก และ พวกเขาก็ไม่สามารถปรึกษากันได้ แต่ส่วนผู้สำานึกผิดและศรัทธาและ กระทำาความดีนั้นสามารถหวังว่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ได้รับความสำาเร็จ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงสร้างสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงเลือก การเลือกนั้นไม่ใช่เรื่องสำาหรับพวกเขา พระเจ้าทรงมหา บริสุทธิ์และทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับพระองค์ พระผู้ อภิบาลของเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่พวกเขาซ่อนเร้นไว้ในหัวอกของพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย พระองค์คือพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอก

อัล เกาะศ็อศ

ไปจากพระองค์ การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของพระองค์ทั้งในโลกนี้และใน โลกหน้า อำานาจสูงสุดเป็นของพระองค์และยังพระองค์ที่สูเจ้าทั้งหมดจะ ถูกนำากลับไป (โอ้นบี) จงถามพวกเขาว่า บอก ันหน่อยซิ ถ้าหากพระเจ้าทรงยืด เวลากลางคืนออกไปสำาหรับพวกท่านจนกระทั่งถึงวันแห่งการพิพากษา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเล่านอกจากพระเจ้าที่จะนำาแสงสว่างมายังพวกท่าน แล้ว พวกท่านยังไม่ได้ยินอะไรอีกหรือ จงถามพวกเขาว่า พวกท่านเคย พิจารณาบ้างหรือไม่ว่าถ้าพระเจ้าทรงทำาให้กลางวันมีตลอดไปสำาหรับ พวกท่านจนกระทั่งถึงวันแห่งการพิพากษา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดเล่านอกไป จากพระเจ้าที่จะนำากลางคืนมายังพวกท่านเพื่อที่พวกท่านจะได้พักผ่อน ด้วยความ ในตอนกลางคืน แล้วพวกท่านยังไม่เห็นอะไรอีกหรือ เมตตาของพระองค์ที่พระองค์ทรงทำาให้มีกลางคืนและกลางวันสำาหรับ พวกท่านเพื่อที่พวกท่านจะได้พักผ่อนในตอนกลางคืนและแสวงหาความ โปรดปรานของพระองค์(ในตอนกลางวัน)เพื่อที่พวกท่านจะได้ขอบคุณ 74 และในวันนั้น พระองค์จะทรงเรียกพวกเขาและถามว่า ไหนเล่า บรรดาภาคีของ ันที่สูเจ้ากล่าวอ้างกันขึ้นมา 75 และเราจะนำาเอาพยาน คนหนึ่งออกมาจากทุกประชาชาติ และเราจะกล่าวว่า จงนำาหลัก านของ สูเจ้ามา แล้วพวกเขาก็ได้รู้ว่าสัจธรรมนั้นเป็นของพระเจ้าและความเท็จ ที่พวกเขากุขึ้นนั้นจะมลายหายไป กอรูนก็เป็นหนึ่งในหมู่ชนของมูซา แต่เขาได้ทรยศต่อคนเหล่านั้น และเราได้ประทานสมบัติแก่เขามากมายจนคนที่แข็งแรงกลุ่มหนึ่งก็ยัง แบกกุญแจสมบัตินั้นไม่ไหว ครั้งหนึ่ง คนของเขาได้กล่าวแก่เขาว่า จง อย่าหยิ่งผยองเพราะพระเจ้าไม่ทรงรักผู้หยิ่งผยอง 77 จงใช้สิ่งที่พระเจ้า ได้ประทานแก่ท่านแสวงหาที่พำานักแห่งโลกหน้า และจงอย่าลืมส่วนของ ท่านในโลกนี้ และจงทำาดีต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงทำาดีต่อ

เรื่องราว

ท่าน และจงอย่าก่อความเสียหายในแผ่นดิน แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงรักผู้ ก่อความเสียหาย แต่เขาตอบว่า ทั้งหมดที่ ันได้มานั้นก็เนื่องจากความรู้ที่ ันมีอยู่ เขาไม่รู้หรือว่าก่อนหน้านี้พระเจ้าได้ทรงทำาลายหลายหมู่ชนที่มีอำานาจ เข้มแข็งและมีความมั่งคั่งมากกว่าเขามาแล้ว และผู้ทำาผิดไม่ต้องออกมา อธิบายเกี่ยวกับบาปของพวกเขา วันหนึ่ง เขาได้ออกมาหาผู้คนของเขาในสภาพโอ่อ่าหรูหรา บรรดา ผู้แสวงหาชีวิตแห่งโลกนี้ได้กล่าวว่า ถ้าเรามีเหมือนอย่างที่กอรูนมีก็ดีนะ เขาช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ แต่บรรดาผู้มีความรู้กล่าวว่า ความวิบัติ จะเกิดแก่พวกท่านต่างหาก การตอบแทนของพระเจ้านั้นดีกว่าสำาหรับ ผู้ศรัทธาและกระทำาความดี และผลบุญอันนี้จะไม่มีใครได้รับนอกจาก บรรดาผู้อดทน ดังนั้น เราจึงให้แผ่นดินสูบเขาและที่อาศัยของเขาถูกสูบจมลงไป ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาให้พ้นจากพระเจ้าและเขาก็ไม่สามารถ ช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนผู้คนที่อยากจะมี านะเหมือนเขาเมื่อวานนี้ ได้พูดว่า อนิจจา เราได้ลืมไปแล้วว่าพระเจ้าทรงประทานปัจจัยอย่าง กว้างขวางและจำากัดมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากบรรดาบ่าวของ พระองค์ หากพระองค์มิทรงปรานีเรา พระองค์จะทรงทำาให้เราจมลงไป ใต้ดินด้วย อนิจจา บรรดาผู้ป ิเสธนั้นไม่มีวันเจริญรุ่งเรือง สำาหรับที่พำานักแห่งโลกหน้านั้น เราจะเตรียมมันไว้สำาหรับบรรดา ผู้ไม่แสวงหาความสูงส่งในแผ่นดินและไม่ก่อความเสียหาย และสิ่งที่ดีใน บั้นปลายนั้นมีไว้สำาหรับผู้ยำาเกรงพระเจ้า ใครก็ตามที่ทำาความดีจะได้ รับการตอบแทนที่ดีกว่านั้น และผู้ใดทำาความชั่วจะได้รับการตอบแทน ตามที่พวกเขาได้กระทำา (โอ้นบี) พระผู้ทรงมอบกุรอานนี้แก่เจ้ารับผิดชอบจะทรงนำาเจ้ากลับ ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ประสบความสำาเร็จ จงบอกคนเหล่านี้ว่า พระ

อัล อันกะบูต

ผู้อภิบาลของ ันทรงรู้ดีที่สุดว่าผู้ใดได้รับทางนำาและผู้ใดอยู่ในการหลง ผิดอย่างชัดแจ้ง เจ้าไม่เคยหวังมาก่อนว่าคัมภีร์นี้จะถูกประทานแก่ เจ้า แต่ด้วยความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้าจึงได้รับมัน ดัง นั้น จงอย่าเป็นผู้ช่วยเหลือบรรดาผู้ป ิเสธ จงอย่าปล่อยให้พวกเขา หันเหเจ้าออกจากสัจธรรมของพระเจ้าหลังจากที่มันได้ถูกประทานมายัง เจ้า จงเชิญชวนผู้คนไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้าและจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้ บูชาเทวรูป และจงอย่าวิงวอนต่อสิ่งอื่นๆที่ผู้คนเคารพกราบไหว้นอก ไปจากพระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ทุกสิ่งพินาศสิ้น ยกเว้นพระองค์เท่านั้น อำานาจสูงสุดเป็นของพระองค์และยังพระองค์ที่ สูเจ้าจะถูกนำากลับไป 29. แมงมุม

อัล-อันกะบูต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม มนุษย์คิดหรือว่าเมื่อพวกเขาได้กล่าวว่า เราศรัทธา พวกเขาจะถูก ปล่อยไว้โดยไม่ถูกทดสอบ ความจริง เราได้ทดสอบบรรดาผู้คนก่อน หน้าพวกเขาไปแล้ว ดังนั้น พระเจ้าจะทรงดูว่าใครเป็นผู้พูดจริงและใคร เป็นผู้โกหก 4 คนที่ทำาความชั่วคิดว่าพวกเขาจะรอดพ้นไปจากเรากระนั้นหรือ ชั่วช้าแท้ๆที่พวกเขาตัดสินเช่นนั้น 5 ใครก็ตามที่หวังจะพบพระเจ้าควร รู้ว่าเวลาที่พระเจ้าทรงกำาหนดไว้จะมาถึงอย่างแน่นอน และพระองค์ทรง ได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และใครก็ตามที่ดิ้นรนต่อสู้ เขาก็ดิ้นรน ต่อสู้เพื่อผลดีของตัวเขาเอง แท้จริง พระเจ้าไม่ทรงต้องอาศัยสิ่งทั้งหลาย

แมงมุม

ที่พระองค์ทรงสร้างมา 7 ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีทั้งหลาย นั้น เราจะลบล้างความชั่วทั้งหลายจากพวกเขาและเราจะตอบแทนพวก เขาสำาหรับสิ่งดีที่สุดที่พวกเขาได้ทำาไว้ เราได้สั่งมนุษย์ให้ทำาดีต่อพ่อแม่ของเขา แต่ถ้าหากเขาทั้งสองบังคับ ให้สูเจ้านำาสิ่งใดที่สูเจ้าไม่รู้มาเป็นภาคีร่วมกับ ัน สูเจ้าก็จงอย่าเชื่อฟังทั้ง สอง สูเจ้าทั้งหลายจะต้องกลับมาหา ัน แล้ว ันจะบอกสูเจ้าถึงสิ่งที่สูเจ้า ได้ทำาไว้ ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้น แน่นอน เราจะให้ พวกเขารวมอยู่ในหมู่ผู้ทรงคุณธรรม ในหมู่มนุษย์นั้นมีคนที่ศรัทธาในพระเจ้า แต่เมื่อพวกเขาได้รับความ ทุกข์ทรมานในหนทางของพระเจ้า พวกเขาก็ถือเอาความทุกข์ยากเดือด ร้อนนั้นเป็นเหมือนการลงโทษของพระเจ้า แต่ถ้าหากมีการช่วยเหลือมา จากพระเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า เราอยู่กับพวกท่านเสมอ มิใช่พระเจ้า หรือที่ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของผู้คนทั้งหลาย แน่นอน พระเจ้าจะ ทรงดูว่าใครเป็นผู้ศรัทธาและจะทรงดูว่าใครเป็นผู้ตลบตะแลง บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า จงป ิบัติ ตามทางของเราและเราจะแบกรับบาปของพวกท่าน ทั้งๆที่พวกเขา ไม่สามารถแบกรับบาปของคนเหล่านั้นได้ แท้จริง พวกเขาเป็นผู้โกหก พวกเขาจะแบกภาระทั้งหลายของตัวเองและภาระอื่นๆนอกไปจาก ภาระของพวกเขาเองด้วย และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พวกเขาจะถูก สอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้น เราได้ส่งนู ฺไปยังหมู่ชนของเขาและเขาได้อยู่กับพวกเขาเป็นเวลา หนึ่งพันปีหย่อนห้าสิบปี หลังจากนั้น อุทกภัยได้ทำาลายพวกเขาเพราะ พวกเขาเป็นผู้ทำาผิด แต่เราได้ช่วยนู ฺและผู้ที่อยู่ในเรือใหญ่ และเราได้ ทำาให้เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นสัญญาณเตือนสำาหรับชาวโลก จงเล่าเรื่องราวของอิบรอ ีมเมื่อเขาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า จงเคารพสักการะพระเจ้าและจงเกรงกลัวพระองค์ นั่นเป็นการดีกว่า

สำาหรับพวกท่านหากพวกท่านรู้ แท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกท่านเคารพสัก การะแทนพระเจ้านั้นเป็นแค่เพียงรูปปั้นและพวกท่านกำาลังสร้างสิ่งเท็จ ขึ้นมา ความจริงแล้ว สิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้านั้น ไม่มีอำานาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกท่านได้ ดังนั้น จงแสวงหาเครื่อง ยังชีพจากพระเจ้าและจงเคารพสักการะพระองค์และจงขอบคุณพระองค์ ยังพระองค์ที่พวกท่านจะถูกนำากลับไป ถ้าพวกท่านป ิเสธสัจธรรม กลุ่มชนอื่นๆก่อนหน้าพวกท่านได้ป ิเสธกันมาแล้ว และหน้าที่ของ ศาสนทูตก็ไม่มีอะไรนอกไปจากการเผยแผ่สาสน์อันชัดเจน คนเหล่านี้ไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์อย่างไร และหลังจากนั้นทรงทำาให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างไร แน่นอน นี่เป็นการ ง่ายสำาหรับพระเจ้า จงบอกพวกเขาว่า จงท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน แล้ว ดูว่าพระองค์ทรงเริ่มต้นการสร้างสรรค์อย่างไร หลังจากนั้น พระเจ้า จะทรงให้ชีวิตที่สองของพวกท่านเกิดขึ้นอีก พระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือ ทุกสิ่ง พระองค์ทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงเมตตา ต่อผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และยังพระองค์ที่พวกท่านจะถูกนำากลับ พวกท่านไม่สามารถที่จะทำาลายวัตถุประสงค์ของพระองค์ทั้งในแผ่น ดินและชั้นฟ้าได้ และพวกท่านไม่มีเพื่อนและผู้ช่วยเหลือใดๆนอกไปจาก พระเจ้า บรรดาผู้ป ิเสธวจนะที่พระองค์ทรงประทานมาและป ิเสธ การพบกับพระองค์นั้น พวกเขาสิ้นหวังต่อความเมตตาของ ัน และพวก เขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด คำาตอบอย่างเดียวจากหมู่ชนของอิบรอ ีมก็คือ จง ่าเขาหรือเอา เขาไปเผาไฟ แต่พระเจ้าได้ทรงช่วยเขาให้พ้นจากไฟ แน่นอน ในนั้นมี สัญญาณมากมายสำาหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา อิบรอ ีมกล่าวว่า พวกท่าน ยึดเอาการเคารพรูปปั้นอื่นๆเป็นการส่งเสริมมิตรภาพกันในระหว่างพวก ท่านแทนพระเจ้า แต่ในวันแห่งการพิพากษา พวกท่านจะป ิเสธกันและ บางคนจะสาปแช่งกันและกัน และที่พำานักของพวกท่านคือไฟและพวก

แมงมุม

ท่านจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ ลู เป็นผู้หนึ่งที่ศรัทธาในเขาและกล่าวว่า ัน จะอพยพไปยังแผ่นดินอื่นเพื่อพระผู้อภิบาลของ ัน พระองค์คือผู้ทรง อำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ เราได้ประทานอิส ากและยะกูบแก่เขาและ ได้ประทานความเป็นนบีและคัมภีร์แก่ลูกหลานของเขา เราได้ประทาน รางวัลของเขาในโลกนี้แก่เขา และในโลกหน้าเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ทรงความ ดี เราได้ส่งลู ไปยังผู้คนของเขาและเขาได้กล่าวแก่ผู้คนของเขาว่า พวกท่านได้ทำาสิ่งลามกที่ไม่เคยมีใครคนใดในโลกทำามาก่อน พวก ท่านเข้าหาผู้ชายด้วยกันและพวกท่านปล้นสะดมผู้คนบนหนทางและ กระทำาสิ่งลามกอนาจารในที่ชุมนุมของพวกท่าน แต่คำาตอบจากหมู่ชน ของเขาก็คือ จงนำาการลงโทษของพระเจ้ามาสิถ้าหากสิ่งที่ท่านพูดเป็น ความจริง ลู ได้กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล โปรดช่วย ันต่อหมู่ชนผู้ ก่อความเสียหายเหล่านี้ด้วยเถิด เมื่อทูตทั้งสามของเราได้มายังอิบรอ ีมพร้อมกับข่าวดี(เรื่องการ กำาเนิดอิส าก) พวกเขาได้บอกเขาด้วยว่า เรากำาลังจะไปทำาลายผู้คน ของเมืองนี้ เพราะว่าชาวเมืองนี้ได้กลายเป็นผู้กระทำาความชั่ว อิ บรอ ีมได้กล่าวว่า แต่ลู อยู่ในเมืองนั้นด้วย พวกเขาจึงได้กล่าวว่า เรา รู้ดีว่าใครอยู่ในนั้น เราจะช่วยเขาและครอบครัวของเขายกเว้นภรรยาของ เขา เพราะนางเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ยังคงอยู่ข้างหลัง เมื่อทูตของ เราได้มายังลู เขารู้สึกกังวลและหวั่นใจถึงพวกเขา แต่พวกเขากล่าวว่า จงอย่ากลัวและอย่าเป็นทุกข์ใจ เราจะช่วยเหลือท่านและคนของท่านให้ ปลอดภัยยกเว้นภรรยาของท่านที่อยู่รั้งหลัง เรากำาลังจะนำาการลงโทษ จากท้องฟ้าลงมายังผู้คนของเมืองนี้เพราะความชั่วที่พวกเขากระทำา แน่นอน ความหายนะของเมืองนี้ที่เราได้ทิ้งไว้เป็นสัญญาณอันชัดเจน อย่างหนึ่งสำาหรับบรรดาผู้ใช้เหตุผลของพวกเขา ยังชาวมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องของพวกเขามา นั่นคือชุอัยบ์ เขาได้

อัล อันกะบูต

กล่าวว่า หมู่ชนของ ัน จงเคารพสักการะพระเจ้าและจงคำานึงถึงวัน สุดท้าย จงอย่าทำาความชั่วและแพร่ความเสียหายในแผ่นดิน แต่พวก เขาเหล่านั้นป ิเสธเขา ดังนั้น แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจึงได้ทำาลายพวก เขา และพวกเขาได้นอนสิ้นชีวิตอยู่ในที่อาศัยของพวกเขา เช่นเดียวกับชาวอาดและชาวษะมูด สูเจ้าได้เห็นซากที่อยู่อาศัย ของพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว ซาตานได้ทำาให้การงานของพวกเขาเป็น ที่ดูดีแก่พวกเขาและได้ทำาให้พวกเขาหลงออกไปจากหนทางที่ถูกต้องถึง แม้ว่าพวกเขาเป็นคนมีสติปัญญา กอรูน ฟาโรห์และ ามานก็เช่นกัน มูซาได้มายังพวกเขาพร้อม กับหลัก านอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาโอหังวางตัวเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ กระนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถหลุดรอดไปจากเรา ดังนั้น เราได้ลงโทษ พวกเขาแต่ละคนตามบาปของเขา บางพวก เราได้ส่งพายุที่กระหน่ำาหิน ใส่พวกเขา บางพวกถูกเอาชีวิตด้วยการระเบิดอย่างกึกก้อง และบางคน เราได้ให้แผ่นดินสูบจมหายไป และบางคนเราได้ทำาให้จมน้ำา พระเจ้ามิได้ ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวก เขาเอง บรรดาผู้ที่ยึดเอาผู้คุ้มครองอื่นนอกไปจากพระเจ้านั้นเปรียบเหมือน กับแมงมุมที่ชักใยทำารังของมันและรังที่บอบบางที่สุดก็คือรังของแมงมุม ถ้าพวกเขาเหล่านี้ได้รู้ พระเจ้าทรงรู้ดีว่าใครที่พวกเขาวิงวอนนอก ไปจากพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ นั่น คือการเปรียบเทียบที่เราได้ยกมาเพื่อสอนมนุษย์ แต่ไม่มีผู้ใดเข้าใจมัน นอกจากผู้มีความรู้ 44 พระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินอย่าง มีวัตถุประสงค์ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา 45 (โอ้นบี) จงอ่านสิ่งที่ถูกเปิดเผยแก่เจ้าจากคัมภีร์ และจงดำารงนมาซ เป็นปกติ แท้จริง การนมาซจะยับยั้งเขาจากความลามกและการกระทำาที่

แมงมุม

ชั่วช้า และการระลึกถึงพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า พระเจ้าทรงรู้ดีถึง สิ่งที่สูเจ้าทำาทั้งหมด โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงโต้แย้งกับชาวคัมภีร์ด้วยวิธีการที่ดีที่สุด (แต่ จงอย่าทำาเช่นนั้น)กับพวกเขาบางคนที่ไม่เป็นธรรม จงบอกพวกเขาว่า เราศรัทธาในสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เราและที่ถูกประทานลงมาแก่พวก ท่าน พระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่านเป็นพระองค์เดียว และเรา เป็นผู้นอบน้อมยอมตนต่อพระองค์ 47 (โอ้นบี) เช่นเดียวกัน เราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้า บรรดาผู้ที่เรา ประทานคัมภีร์ก่อนหน้านี้ก็ศรัทธามัน และบางคนในหมู่คนของเจ้าก็ ศรัทธามันเช่นกัน มีแต่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเท่านั้นที่ป ิเสธสิ่งที่เรา ประทานมา เจ้าไม่สามารถอ่านหนังสือใดๆก่อนหน้านี้และเจ้าก็ไม่ได้ เขียนมันด้วยมือของเจ้า ถ้าหากเป็นเช่นนั้น พวกบูชาความเท็จอาจจะ เกิดความสงสัย แต่กุรอานเป็นการเปิดเผยความจริงที่ชัดเจนต่อหัวใจ ของบรรดาผู้ที่ได้รับความรู้ มีแต่บรรดาผู้ทำาความผิดเท่านั้นที่ไม่ยอมรับ ความจริงที่เราประทานมา พวกเขากล่าวว่า ทำาไมจึงไม่มีสัญญาณจากพระผู้อภิบาลของ เขาถูกส่งลงมายังเขา จงบอกพวกเขาว่า สัญญาณทั้งหลายนั้นอยู่ที่ พระเจ้าและ ันเป็นเพียงผู้ตักเตือนดังที่เห็นกันอยู่เท่านั้น ยังไม่เพียง พอสำาหรับพวกเขาอีกหรือที่เราได้ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าเพื่อมาอ่านให้ แก่พวกเขา แท้จริง ในนั้นมีความจำาเริญและการตักเตือนสำาหรับหมู่ ชนผู้ศรัทธา (โอ้นบี) จงกล่าวเถิด เพียงพอแล้วที่พระเจ้าจะทรงเป็น พยานระหว่าง ันกับพวกท่าน พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ส่วนบรรดาผู้เชื่อในความเท็จและป ิเสธพระเจ้า จะเป็นผู้ที่ขาดทุน พวกเขาต้องการให้เจ้ารีบนำาการลงโทษมายังพวกเขา ถ้าหากว่า เวลาไม่ได้ถูกกำาหนดไว้ การลงโทษอาจจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาแล้ว และ

อัล อันกะบูต

แน่นอนที่สุด มันจะเกิดขึ้นอย่าง ับพลันในขณะที่พวกเขาไม่คาดคิด แม้แต่นิดเดียว 54 พวกเขาขอให้เจ้าเร่งนำาการลงโทษมาในขณะที่นรก ได้ล้อมรอบบรรดาผู้ป ิเสธไว้หมดแล้ว 55 ในวันที่การลงโทษครอบคลุม พวกเขาจากข้างบนและจากใต้เท้าของพวกเขา พวกเขาจะถูกบอกว่า ทีนี้ จงลิ้มรสสิ่งที่สูเจ้าได้กระทำาไว้ โอ้บรรดาบ่าวผู้ศรัทธาของ ัน แผ่นดินของ ันนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้น จงเคารพสักการะ ันเท่านั้น 57 ทุกชีวิตต้องได้ลิ้มรสความตาย แล้วในที่สุด สูเจ้าจะถูกนำากลับมายังเรา ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดีนั้น เราจะให้พวกเขาได้พำานักอยู่ในวิมานแห่งสวรรค์ที่ เบื้องล่างมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้อยู่ในนั้นตลอดไป ช่าง เป็นรางวัลอันประเสริ แท้ๆสำาหรับผู้กระทำาความดี และผู้ที่อดทนและ วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา สัตว์ตั้งกี่ชนิดที่มิได้แบกปัจจัย ยังชีพมากับตัวมัน พระเจ้าต่างหากทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่มันและ แก่สูเจ้าด้วย และพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ใครสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ ใครที่ทำาให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ใต้อำานาจ แน่นอน พวกเขาจะ กล่าวว่า พระเจ้า ดังนั้นแล้ว พวกเขายังถูกหลอกลวงอีกได้อย่างไร พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่บ่าวที่พระองค์ทรง ประสงค์และทรงประทานอย่างจำากัดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ผู้ใดที่หลั่งน้ำา นลง มาจากท้องฟ้าและทรงทำาให้แผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาโดยน้ำา นนั้น แน่นอน พวกเขาจะกล่าวว่า พระเจ้า จงกล่าวเถิดว่า การสรรเสริญทั้งหลายเป็น ของพระเจ้า แต่ถึงกระนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจ ชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกไปจากการละเล่นและการบันเทิง ที่ พำานักแห่งชีวิตที่แท้จริงนั้นคือโลกหน้า ถ้าพวกเขาได้รู้ เมื่อพวกเขา ขึ้นเรือ พวกเขาได้วิงวอนต่อพระเจ้า จริงใจในความศรัทธาของพวก

ชาวโรมัน

เขาที่มีต่อพระองค์ แต่หลังจากนั้น เมื่อเรานำาพวกเขามาสู่แผ่นดินอย่าง ปลอดภัย พวกเขาได้นำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์ ดังนั้น พวกเขา ได้แสดงความเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา จงปล่อยให้พวก เขาสนุกสนานรื่นเริงไปชั่วขณะ แล้วไม่ช้า พวกเขาจะได้รู้ พวกเขาไม่เห็นหรือว่าเราได้ให้ที่ปลอดภัยสำาหรับพวกเขาในขณะ ที่ผู้คนรอบๆพวกเขาได้ถูกขับไล่ออกไป กระนั้นแล้ว พวกเขายังศรัทธา ความเท็ จ และป ิ เ สธความโปรดปรานของพระเจ้ า อี ก กระนั้ น หรื อ และผู้ใดเล่าที่ทำาความผิดยิ่งไปกว่าคนที่สร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้า หรือป ิเสธสัจธรรมเมื่อมันได้มาถึงเขาแล้ว นรกมิใช่หรือที่เป็นสถาน ที่พักอันเหมาะสมสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ส่วนบรรดาผู้ต่อสู้ ในหนทางของเรา เราจะนำาทางพวกเขาไปยังทางของเรา และแท้จริง พระเจ้าทรงอยู่กับผู้ทำาความดีทั้งหลาย 30. ชาวโรมัน

อัล-รูม

ด้วยพระนามของพระเจ้าฺผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม พวกโรมันได้ถูกพิชิตแล้ว ในแผ่นดินใกล้ๆ และหลังจากการปราชัย ของพวกเขาแล้ว อีกไม่นาน พวกเขาจะได้รับชัยชนะ 4 ภายในเวลาไม่กี่ปี (เพราะ)พระเจ้าเป็นเจ้าของอำานาจในการตัดสินใจทั้งก่อนและหลัง ในวัน นั้น บรรดาผู้ศรัทธาจะได้รื่นเริงยินดีด้วย 5 ในการช่วยเหลือของพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยเหลือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์เป็นผู้ทรง อำานาจ ผู้ทรงเมตตา นี่คือสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยผิดสัญญา

อัล รูม

ของพระองค์ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ 7 พวกเขารู้แต่เพียงภายนอกของ ชีวิตแห่งโลกนี้ แต่พวกเขาไม่คำานึงถึงโลกหน้า พวกเขาไม่เคยพิจารณาภายในตัวของพวกเขาเองบ้างเลยหรือ พระเจ้าได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างมัน เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งและเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งซึ่งได้ถูกกำาหนด ไว้แล้ว แต่มนุษย์ส่วนใหญ่กลับป ิเสธการพบกับพระผู้อภิบาลของ พวกเขา พวกเขาไม่เคยเดินทางไปตามแผ่นดินแล้วดูถึงผลสุดท้ายของ บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาว่าเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ พวกเขาเหล่า นั้นมีพลังเข้มแข็งกว่าพวกเขามากมาย คนเหล่านั้นขุดแผ่นดินและสร้าง อะไรไว้บนนั้นมากมายกว่าที่พวกเขาสร้าง และศาสนทูตของพวกเขาได้ มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง มิใช่พระเจ้าที่ทรงอธรรมต่อ ใน พวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหากที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง ที่สุด ผลสุดท้ายของผู้ทำาความชั่วก็คือความชั่วเพราะพวกเขาป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าและเยาะเย้ยมัน พระเจ้าทรงเริ่มต้นการสร้าง และจะทรงทำามันอีก ดังนั้น ยังพระองค์ ที่สูเจ้าทั้งหลายจะถูกนำากลับไป วันที่ยามอวสานมาถึง พวกที่ทำาความ ผิดจะตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก และจะไม่มีผู้ใดที่พวกเขาตั้งขึ้นเป็น ภาคีกับพระเจ้าจะเป็นผู้ขอไถ่โทษแทนพวกเขา และพวกเขาจะป ิเสธ บรรดาสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคีด้วย เมื่อยามอวสานมาถึง ใน วันนั้น พวกเขา(มนุษย์)จะถูกแยกออกเป็นกลุ่มๆ บรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดีจะได้อยู่ในสวรรค์ด้วยความสุขและเบิกบาน ส่วนบรรดา ผู้ป ิเสธสัจธรรมและป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเราและการพบกันใน โลกหน้า พวกเขาจะถูกนำามาสู่การลงโทษ ดังนั้น จงสดุดีพระเจ้าใน ยามค่ำาและในยามเช้า และการสรรเสริญทั้งหมดนั้นเป็นของพระองค์

ชาวโรมัน

ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ(จงสดุดีพระองค์)ในยามบ่ายคล้อย และในกลางวัน พระองค์ทรงนำาชีวิตออกมาจากความตายและทรงนำาความตาย ออกมาจากชีวิต และทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินหลังจากการตายของมัน และสูเจ้าจะถูกนำาออกมาจากความตายในลักษณเดียวกัน และหนึ่ง ในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือพระองค์ได้ทรงสร้างสูเจ้ามาจาก ธุลีดิน และจงดูเถิดว่าสูเจ้าได้เป็นมนุษย์ที่ทวีจำานวนมากขึ้นทั่วแผ่นดิน และอีกสัญญาณหนึ่งของพระองค์ก็คือพระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครอง สำาหรับสูเจ้าจากตัวของสูเจ้าเองเพื่อสูเจ้าจะได้พบความสงบกับนางและ ได้ทรงทำาให้มีความรักและความเอ็นดูขึ้นระหว่างสูเจ้า แน่นอน ในนั้นมี สัญญาณมากมายสำาหรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ อีกหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือการสร้างชั้นฟ้า ทั้ ง หลายและแผ่ น ดิ น และความแตกต่ า งของภาษาและสี ผิ ว ของสู เ จ้ า แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับบรรดาผู้มีความรู้ และหนึ่ง ในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือการหลับนอนของสูเจ้าในตอนกลาง คืนหรือในตอนกลางวันและการแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับหมู่คนที่ฟัง และอีกหนึ่งใน สัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือพระองค์ได้ทรงให้สูเจ้าเห็นสายฟ้าแลบ เป็นที่หวาดกลัวและเป็นความหวัง และพระองค์ได้ทรงหลั่งน้ำา นลงมา การระลึกถึงพระเจ้าสม่ำาเสมอ(โดยการนมาซ เป็นต้น)และการตรึก ตรองนำามนุษย์ไปสู่การพบพระเจ้า เพราะด้วยการใช้ความคิดตรึกตรองนี้ เองที่มนุษย์จะได้พบพระเจ้า ในโลกปัจจุบัน พระเจ้าได้กระจายสัญญาณ ของพระองค์ไปทั่วทุกแห่ง ในสภาพแวดล้อมของมนุษย์ ในจักรวาลโดย รอบและในคำาสอนของท่านนบีมุ ัมมัด ใครที่พิจารณาสัญญาณเหล่านี้ ของพระเจ้าอย่างจริงจังจะพบพระเจ้า

อัล รูม

จากท้องฟ้าและได้ทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินด้วยน้ำานั้นหลังจากที่มันได้ตาย ไป แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับหมู่ชนผู้ใช้เหตุผล และอีกหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือชั้นฟ้าและแผ่น ดินได้ดำารงอยู่อย่างมั่นคงด้วยพระบัญชาของพระองค์ หลังจากนั้น เมื่อ พระองค์ทรงเรียกสูเจ้าออกมาจากแผ่นดิน สูเจ้าจะออกมาทันทีด้วยการ เรียกเพียงครั้งเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ล้วนเป็นของพระองค์ ทั้งหมดล้วนเชื่อฟังพระองค์ พระองค์คือผู้ทรง เริ่มแรกในการสร้าง หลังจากนั้น พระองค์จะทรงทำาให้มันเกิดขึ้นมาอีก และนั่นเป็นการง่ายสำาหรับพระองค์ และของพระองค์คือคุณลักษณะอัน ประเสริ สุดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ พระองค์ได้ทรงเอาชีวิตของสูเจ้าเองมาเป็นข้อเปรียบเทียบสำาหรับ สูเจ้า สูเจ้าจะทำาให้บรรดาบ่าวของสูเจ้ามีส่วนอย่างเท่าเทียมกันกับสูเจ้า ในความมั่งคั่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าไหม และสูเจ้าเกรงกลัวพวกเขา เหมือนกับที่สูเจ้าเกรงกลัวพวกสูเจ้ากันเองไหม ในทำานองเดียวกันนี้ แหละที่เราอธิบายสัญญาณทั้งหลายของเราให้เป็นที่ชัดเจนแก่หมู่ชนผู้ใช้ สติปัญญา แต่บรรดาผู้ไม่เป็นธรรมได้ป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของพวก เขาโดยปราศจากความรู้ใดๆ แล้วผู้ใดเล่าที่จะนำาทางผู้ที่พระเจ้าได้ทรง ปล่อยให้หลงทาง และคนพวกนี้ไม่มีผู้ช่วยเหลือ ดังนั้น (โอ้นบี)จงตั้งมั่นแน่วแน่ต่อศาสนาโดยบริสุทธิ์ใจ และป ิบัติ ตามธรรมชาติที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษยชาติขึ้นมา ไม่อาจมีการ เปลี่ยนแปลงในธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา นี่คือศาสนาที่ถูกต้อง และแท้จริง แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ จงหันไปยังพระเจ้าและเกรงกลัว พระองค์ และจงดำารงนมาซและจงอย่าเป็นผู้ที่นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระเจ้า พวกที่ทำาให้ศาสนาของพวกเขาแตกแยกและพวกเขาแตก ออกเป็นนิกาย แต่ละพวกก็รื่นเริงในสิ่งที่พวกเขามีอยู่

ชาวโรมัน

เมื่อทุกข์ภัยอันใดเกิดขึ้นแก่มนุษย์ พวกเขาก็วิงวอนต่อพระผู้ อภิบาลของพวกเขาโดยหันไปหาพระองค์อย่างนอบน้อม แต่เมื่อพระองค์ ได้ทรงทำาให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเมตตาจากพระองค์ พวกเขาได้เริ่ม ตั้งภาคีให้กับพระผู้อภิบาลของพวกเขา และเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ ประทานแก่พวกเขา ดังนั้น จงสนุกสนานกันไปเถิด เพราะในไม่ช้า สูเจ้า จะได้รู้ เราได้ส่งหลัก านใดๆมายังพวกเขาเพื่อยืนยันเรื่องที่พวกเขา นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์แล้วกระนั้นหรือ เมื่อเราได้ทำาให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาของเรา พวกเขาก็รื่นเริง ในสิ่งนั้น และเมื่อทุกข์ภัยอันใดเกิดขึ้นแก่พวกเขาอันเนื่องมาจากความ ผิดที่พวกเขาได้ทำาไว้ พวกเขาก็สิ้นหวัง พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้า ทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างเหลือหลายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงจำากัด(แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์) แน่นอน ในนั้นมีสัญญาณ หลายอย่างสำาหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา ดังนั้น จงให้แก่ญาติสนิท ผู้ขัดสน และผู้เดินทางในส่วนที่เขาต้องได้ นี่คือหนทางที่ดีที่สุดสำาหรับบรรดาผู้ แสวงหาความโปรดปรานจากพระเจ้า และคนเหล่านี้เท่านั้นที่จะได้รับ ความสำาเร็จที่แท้จริง ดอกเบี้ยที่เกิดจากการให้กู้เพื่อที่สูเจ้าจะเพิ่มพูน ความมั่งคั่งจากทรัพย์สินของผู้คนนั้น จะไม่เพิ่มขึ้นในสายตาของพระเจ้า แต่อะไรก็ตามที่สูเจ้าจ่ายไปเพื่อหวังความโปรดปรานจากพระเจ้านั้นจะ เพิ่มพูน พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างสูเจ้า แล้วทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ สูเจ้า แล้วทรงให้สูเจ้าตาย แล้วหลังจากนั้นได้ทรงทำาให้สูเจ้ามีชีวิตขึ้น มา มีผู้ใดในสิ่งที่สูเจ้าตั้งขึ้นมาเป็นภาคีกับพระเจ้าสามารถทำาสิ่งเหล่านี้ ได้ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับ พระองค์ ความเสียหายได้ปราก ขึ้นในแผ่นดินและในน่านน้ำาเพราะ ความชั่วที่เกิดจากการกระทำาของมนุษย์เอง ดังนั้น พระองค์จะทรงทำาให้ พวกเขาได้ลิ้มรสผลบางอย่างที่พวกเขาได้ทำาไว้เพื่อที่พวกเขาจะได้หัน

อัล รูม

กลับมาจากความชั่ว (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาว่า จงเดินทางไปในแผ่น ดินและดูว่าผลสุดท้ายของบรรดาคนก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร พวกเขาส่วน ใหญ่เป็นผู้ตั้งภาคีให้กับพระเจ้า ดังนั้น (โอ้นบี) จงตั้งหน้าให้มั่นยังศาสนาที่แท้จริงก่อนที่วันนั้นจะ มาถึงจากพระเจ้าซึ่งไม่อาจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงได้ ในวันนั้น พวกเขาจะแตก ออกจากกัน 44 ผู้ใดป ิเสธสัจธรรม เขาจะต้องแบกรับการป ิเสธของเขา ไว้ และถ้าผู้ใดกระทำาความดี แท้จริง พวกเขาได้เตรียมหนทางเพื่อความ สำาเร็จของพวกเขาเอง 45 ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงตอบแทนความ โปรดปรานของพระองค์แก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี แท้จริง พระองค์ไม่ทรงโปรดบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือพระองค์ได้ทรงส่งลม มาแจ้งข่าวดี และเพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความเมตตาของพระองค์และเพื่อให้ เรือแล่นไปโดยคำาบัญชาของพระองค์ และเพื่อสูเจ้าจะได้แสวงหาความ โปรดปรานของพระองค์ และเพื่อสูเจ้าจะได้กตัญญูต่อพระองค์ 47 และ ก่อนหน้าสูเจ้า เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตมายังหมู่ชนของพวกเขาพร้อม กับสัญญาณอันชัดแจ้ง และเราได้ลงโทษผู้ทำาผิดอย่างสาสม และมันเป็น หน้าที่ของเราที่จะช่วยเหลือบรรดาผู้ศรัทธา พระเจ้าคือผู้ทรงส่งลมที่ยกเม ให้ลอยขึ้น แล้วพระองค์ได้ทรง กระจายมันในท้องฟ้าตามที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงทำาให้มันเป็น กลุ่มก้อน หลังจากนั้น สูเจ้าก็ได้เห็น นตกลงมาจากเม เมื่อพระองค์ ทรงทำาให้ นนี้ตกถึงบ่าวคนใดของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ พวก เขาก็เต็มไปด้วยความยินดี ทั้งที่ก่อนหน้าที่มันจะตกลงมา พวกเขา หมดหวังทุกอย่างแล้ว ดังนั้น จงดูสัญญาณแห่งความเมตตาของ พระเจ้าว่าพระองค์ทรงทำาให้แผ่นดินที่ตายแล้วกลับมามีชีวิตได้อย่างไร ในทำานองนั้นแหละที่พระองค์จะทรงทำาให้สิ่งที่ตายแล้วกลับมีชีวิตขึ้น มาอีกครั้งหนึ่ง และพระองค์ทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง และถ้าเราได้ส่ง

ชาวโรมัน

ลมมาแล้ว พวกเขาได้เห็นพืชผลของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเพราะลม นั้น พวกเขาจะเริ่มป ิเสธ(ความโปรดปรานของเรา) (โอ้นบี) เจ้าไม่ สามารถทำาให้คนตายได้ยิน และเจ้าไม่สามารถทำาให้คนหูหนวกได้ยิน การเชิญชวนของเจ้าได้เมื่อพวกเขาเป็นผู้หันหลังเดินจากไป เช่นเดียว กับที่เจ้าไม่สามารถนำาคนตา(หัวใจ)บอดออกมาจากการหลงผิด เจ้าไม่ สามารถทำาให้ผู้ใดได้ยินการเรียกร้องของเจ้านอกจากผู้ศรัทธาในสิ่งที่เรา ประทานมาและพวกเขานอบน้อมยอมตนต่อเจตนารมณ์ของเรา 54 พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างสูเจ้ามาจากสภาพของความอ่อนแอ หลัง จากนั้น พระองค์ได้ทำาให้สูเจ้าแข็งแรงหลังจากความอ่อนแอ และต่อมา พระองค์ได้ทรงทำาให้สูเจ้าอ่อนแอแก่ลงหลังจากความแข็งแรง พระองค์ ทรงสร้างอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งและ ทรงอานุภาพ 55 ในวันที่ยามอวสานมาถึง บรรดาผู้ทำาความชั่วจะสาบาน ว่าพวกเขาได้อยู่เพียงชั่วยามเดียวเท่านั้น ในทำานองนั้นแหละที่พวกเขา ได้ถูกหลอกลวงในชีวิตโลกนี้ แต่บรรดาผู้ได้รับความรู้และความศรัทธา จะกล่าวว่า ตามที่พระเจ้าทรงกำาหนดไว้ พวกท่านได้อยู่จนกระทั่งถึง วันแห่งการฟื้นคืนชีพ และนี่คือวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แต่พวกท่านไม่รู้ 57 ดังนั้น ในวันนั้น การแก้ตัวของผู้ทำาความผิดจะไม่ก่อประโยชน์อะไรแก่ พวกเขาและพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขอะไรอีกแล้ว เราได้ให้ข้อเปรียบเทียบทุกอย่างไว้ในกุรอานนี้แล้วเพื่อทำาให้ มนุษย์เข้าใจ ถ้าหากเจ้านำาสัญญาณหนึ่งมาให้พวกเขา บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมจะกล่าวว่า พวกท่านกำาลังสร้างเรื่องเท็จ ด้วยเหตุนั้นแหละ พระเจ้าจึงทรงผนึกหัวใจของคนที่ไม่(ต้องการจะ)รู้(ความจริง) ดังนั้น (โอ้นบี) จงอดทน แน่นอน สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นจริงและจงอย่าให้ บรรดาผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในความศรัทธาเห็นว่าเจ้าสิ้นหวัง

ลุกมาน

31. ลุกมาน

ลุกมาน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม นี่คือข้อความของคัมภีร์แห่งวิทยปัญญา เป็นทางนำาและความเมตตา สำาหรับบรรดาผู้ทำาความดี 4 สำาหรับบรรดาผู้ดำารงนมาซและจ่ายซะกาต และเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในเรื่องโลกหน้า 5 พวกเขาคือบรรดาผู้ที่อยู่บน แนวทางที่ถูกต้องจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาคือผู้ได้รับ ความสำาเร็จอย่างแท้จริง แต่ในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้ใช้เวลาของพวกเขาไปกับเรื่องไร้สาระเพื่อ จะนำาผู้คนให้หลงไปจากทางของพระเจ้า 7 และเมื่อสาสน์ของเราถูกนำา มาอ่านให้แก่คนเช่นนั้น เขาก็หันหน้าหนีโดยไม่ใยดีเหมือนกับไม่ได้ยิน มัน ราวกับว่าหูของเขาหนวก ดังนั้น จงบอกเขาถึงเรื่องการลงโทษอัน เจ็บปวด(ในชีวิตที่จะมาถึง) แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี นั้น พวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์แห่งความโปรดปราน พวกเขาจะเป็น ผู้พำานักอยู่ในนั้นตลอดไป สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความจริง พระองค์ คือผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายโดยไม่มีเสาค้ำาที่สูเจ้าสามารถ เห็นได้ และทรงปักภูเขาไว้ใน แผ่นดินอย่างมั่นคงเพื่อมิให้มันเคลื่อน ไปกับสูเจ้า และพระองค์ทรงทำาให้สัตว์หลากหลายชนิดแพร่กระจายใน แผ่นดินและได้ส่งน้ำา นลงมาจากฟากฟ้าและทำาให้พืชพรรณหลากชนิด เจริญงอกงามในนั้น นี่คือการสร้างสรรค์ของพระเจ้า ดังนั้น แสดงให้ ันเห็นหน่อยซิว่าอะไรบ้างที่สิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ได้สร้างขึ้นมา ผู้ ทำาความผิดเหล่านั้นกำาลังหลงผิดอย่างชัดเจน

ลุกมาน

เราได้ประทานวิทยปัญญาแก่ลุกมานโดยกล่าวว่า จงขอบคุณ พระเจ้าและใครก็ตามที่ขอบคุณก็สนองคุณตัวเขาเอง แต่ใครก็ตาม ที่เนรคุณ พระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย เป็นผู้ทรงได้รับการ สรรเสริญ ลุกมานได้ตักเตือนบุตรของเขาว่า ลูกเอย จงอย่านำาสิ่ง อื่นใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระเจ้า แท้จริง การตั้งภาคีนั้นเป็นความผิดอัน มหันต์ เราได้กำาชับมนุษย์ให้แสดงความโอบอ้อมอารีต่อพ่อแม่ของเขา เพราะแม่ของเขาอุ้มเขาอยู่ในครรภ์ด้วยความเพลียแล้วเพลียเล่าและกว่า เขาจะหย่านมเป็นเวลาสองปี (เราได้เตือนเขาว่า)จงขอบคุณ ันและพ่อ แม่ของสูเจ้า ยัง ันที่สูเจ้าต้องกลับมา แต่ถ้าเขาทั้งสองบังคับให้สูเจ้า นำาสิ่งอื่นที่สูเจ้าไม่รู้มาเป็นภาคีร่วมกับ ัน จงอย่าเชื่อฟังเขาทั้งสอง แต่ จงป ิบัติต่อเขาทั้งสองด้วยดีในโลกนี้ และจงป ิบัติตามแนวทางของผู้ที่ ได้หันมาสู่ ัน ดังนั้น ยัง ันที่สูเจ้าทั้งหมดจะกลับมา แล้ว ันจะบอกสูเจ้า ในสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไป (และลุกมานได้กล่าวว่า) ลูกเอย ถึงแม้สิ่งใดจะหนักเท่ากับเมล็ด ผักเมล็ดหนึ่งและถูกซ่อนไว้ในหินหรือในชั้นฟ้าและในแผ่นดิน พระเจ้าจะ ทรงนำามันออกมา พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่ละเอียดอ่อนและทรงรอบรู้ทุก สิ่งทุกอย่าง ลูกเอย จงดำารงนมาซเป็นประจำา จงกำาชับกันในเรื่องความ ดีและห้ามปรามความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแก่เจ้า นี่คือสิ่งที่ได้ ถูกกำาชับไว้อย่างเข้มงวด จงอย่าพูดกับผู้คนโดยเบือนหน้าออกไปจาก เขาอย่างยโสและจงอย่าเดินบนแผ่นดินอย่างทะนงตน เพราะพระเจ้าไม่ ทรงรักผู้โอหังและผู้คุยโวทุกคน จงเดินอย่างสงบเสงี่ยมในท่าทางของ เจ้า และจงลดเสียงของเจ้าให้เบาลง เพราะที่น่าเกลียดที่สุดในบรรดา เสียงทั้งหมดก็คือเสียงร้องของลา สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงทำาให้สิ่งต่างๆที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินเป็นประโยชน์แก่สูเจ้า และพระองค์ได้ทรงประทาน

ลุกมาน

ความโปรดปรานของพระองค์แก่สูเจ้าทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น แต่ ถึงกระนั้น ยังมีมนุษย์บางคนที่โต้เถียงเกี่ยวกับพระเจ้าโดยไม่มีความรู้ และทางนำาและคัมภีร์ที่เป็นแสงสว่าง เมื่อพวกเขาได้ถูกบอกว่า จง ป ิบัติตามที่พระเจ้าประทานมา พวกเขากล่าวว่า ไม่ เราจะป ิบัติตาม ที่เราได้เห็นบรรดาพ่อของเราป ิบัติกันมา อะไรกัน ทั้งๆที่ซาตานได้ ชักชวนพวกเขาไปสู่การลงโทษในไฟอันโชติช่วงกระนั้นหรือ ใครก็ตามที่นอบน้อมยอมตนต่อพระเจ้าและเป็นผู้กระทำาความดี ดัง นั้น เขาก็ได้ยึดหลักมั่นเอาไว้แล้ว และผลสุดท้ายของกิจการทั้งหลายนั้น อยู่ที่พระเจ้า แต่ถ้าผู้ป ิเสธความศรัทธา จงอย่าให้การป ิเสธของเขา ทำาให้เจ้าต้องเสียใจ เพราะยังเราที่พวกเขาต้องกลับมา แล้วเราจะบอก พวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ แน่นอน พระเจ้าทรงรู้ความลับที่ซ่อน เราจะปล่อยพวกเขาให้สนุกสนานชั่วขณะ เร้นอยู่ในหัวใจของมนุษย์ หนึ่งในโลก หลังจากนั้น เราจะต้อนพวกเขาไปสู่การลงโทษอย่างร้ายแรง ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า ผู้ใดสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แน่นอน พวกเขาจะกล่าวว่า พระเจ้า จงกล่าวเถิด บรรดาการสรรเสริญ เป็นของพระเจ้า แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินเป็นของพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือ หลาย ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ ถ้าหากจะเอาต้นไม้ทั้งหมดในโลกนี้ มาเป็นปากกาและเอามหาสมุทรเป็นน้ำาหมึกกับอีกเจ็ดมหาสมุทรมาเติม วจนะของพระเจ้าก็ยังไม่หมด แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ การสร้างและการทำาให้สูเจ้าทั้งหมดฟื้นขึ้นมาเป็นเรื่องง่ายสำาหรับ พระองค์เหมือนกับ(การสร้างและการฟื้นขึ้น)ของชีวิตเดียว แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงเห็นทุกสิ่ง สูเจ้าไม่เห็นหรือว่า พระเจ้าได้ทรงทำาให้กลางคืนผ่านเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวัน ผ่านเข้าไปในกลางคืน พระองค์ทรงควบคุมดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

ลุกมาน

ไว้ในอำานาจ ทุกสิ่งโคจรไป(ในวิถีของมัน)จนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกำาหนด ไว้ และพระเจ้าทรงรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา นั่นเป็นเพราะว่าพระเจ้า เป็นผู้ทรงสัจจะและสิ่งอื่นที่พวกเขาวิงวอนแทนพระเจ้านั้นเป็นสิ่งเท็จ พระเจ้าเป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่ สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าเรือล่องลอยอยู่ในทะเลด้วยความโปรดปราน ของพระเจ้าเพื่อที่พระองค์จะได้แสดงสัญญาณบางอย่างของพระองค์ให้ สูเจ้าได้เห็น แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับทุกคนที่อดทน และกตัญญู และเมื่อคลื่นทะเลโถมใส่พวกเขาดุจเงา(แห่งความตาย) พวกเขาได้วิงวอนต่อพระเจ้าโดยทำาตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อศาสนาของ พระองค์ หลังจากนั้น เมื่อเราได้ทำาให้พวกเขาถึงบกโดยปลอดภัย มีบาง คนเท่านั้นที่ป ิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องและไม่ป ิเสธสัญญาณทั้งหลาย ของเรายกเว้นคนที่ทรยศและเนรคุณ มนุษย์เอย จงขอความคุ้มครองต่อพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและจง เกรงกลัวต่อวันที่พ่อไม่สามารถช่วยลูกและลูกไม่สามารถช่วยพ่อของ ตัวเองได้ แน่นอน สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความจริง ดังนั้น จงอย่าให้ ชีวิตโลกนี้ล่อลวงสูเจ้า และจงอย่าให้พวกล่อลวงมาหลอกล่อสูเจ้าเกี่ยว กับพระเจ้า พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้เรื่องยามอวสาน และพระองค์ทรงให้ นตกลงมาและพระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่ก่อตัวในมดลูก และไม่มีชีวิตใดที่รู้ ว่าตัวเองจะได้อะไรในวันรุ่งขึ้นและไม่มีชีวิตใดที่รู้ว่าตัวเองจะตายในแผ่น ดินไหน แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้และผู้ทรงตระหนักอยู่เสมอ

อัล ซัจญ์ดะ ฺ

32. การกราบ

อัล-ซัจญ์ด๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าฺผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ อะลีฟ ลาม มีม คัมภีร์ที่ไม่มีข้อสงสัยใดๆนี้ถูกประทานมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก พวกเขากล่าวว่า เขาปลอมมันขึ้นมา กระนั้นหรือ เปล่าเลย มัน เป็นความจริงจากพระผู้อภิบาลของเจ้าเพื่อที่เจ้าจะได้ตักเตือนหมู่ชนที่ ไม่มีผู้ตักเตือนคนใดมาก่อนหน้าเจ้า เพื่อที่พวกเขาจะได้ถูกนำาทางอย่าง ถูกต้อง 4 พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ ระหว่างนั้นในหกวัน และหลังจากนั้นได้ทรงสถิตอยู่บนบัลลังก์ สูเจ้าไม่มี ผู้คุ้มครองช่วยเหลือนอกไปจากพระองค์และไม่มีผู้ไถ่โทษแทนใดๆต่อ หน้าพระองค์ แล้วสูเจ้ายังไม่คิดอีกหรือ 5 พระองค์ทรงควบคุมกิจการทั้ง หลายของโลกจากชั้นฟ้ายังโลก และทั้งหมดจะขึ้นไปสู่พระองค์ในวันหนึ่ง ซึ่งความยาวของมันเป็นเวลาพันปีตามการนับของเจ้า พระองค์เท่านั้น ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย พระผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตา เสมอ 7 ผู้ทรงทำาให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาอยู่ในรูปแบบที่ดีที่สุด พระองค์ทรงเริ่มต้นการสร้างมนุษย์มาจากดิน หลังจากนั้น พระองค์ ก็ ทรงแพร่ ลู กหลานของเขาออกไปจากสิ่งที่อ อกมาจากน้ำา อันด้อยค่า หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงทำาให้เขาเป็นรูปร่าง และทรงเป่าวิญญาณ ของพระองค์เข้าไปในตัวเขาและพระองค์ได้ทรงประทานหู ตาและหัวใจ แก่สูเจ้า แต่กระนั้น น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ พวกเขากล่าวว่า เมื่อเราสูญสลายกลายเป็นดินไปแล้ว เราจะถูก กำาเนิดขึ้นมาอีกได้อย่างไร ความจริงก็คือ พวกเขาไม่เชื่อในการพบกับ

การกราบ

พระผู้อภิบาลของพวกเขา จงบอกพวกเขาว่า มรณะทูตที่ถูกกำาหนด ไว้เหนือพวกท่านจะมาเอาพวกท่านไปอย่างครบถ้วน หลังจากนั้น พวก ท่านทั้งหมดจะถูกนำากลับไปยังพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ถ้าสูเจ้า ได้เห็นผู้ทำาผิดในตอนที่พวกเขายืนคอตกอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของ พวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา เราได้เห็นและเรา ได้ยินแล้ว โปรดส่งเรากลับไปเพื่อที่เราจะได้ทำาดี ตอนนี้ เราเชื่อมั่นแล้ว หากเราประสงค์ เราสามารถจะกำาหนดให้มนุษย์ทุกคนอยู่บนทางนำา ของเราก็ได้ แต่วจนะของ ันที่กล่าวไปจะเป็นความจริง นั่นคือ ันจะ ทำาให้นรกเต็มไปด้วยญินและมนุษย์พร้อมกันทั้งหมด ดังนั้น เราจะ บอกพวกเขาว่า จงลิ้มรสสิ่งนี้ เพราะสูเจ้าลืมไปว่าสูเจ้าจะพบกับวันนี้ ตอนนี้ เราจะลืมสูเจ้าด้วยเช่นกัน จงลิ้มรสการลงโทษอันนิรันดรเพราะ คนที่ศรัทธาในสาสน์ของเราอย่างแท้จริงคือ สิ่งที่สูเจ้าได้กระทำาไว้ บรรดาผู้ที่ก้มลงกราบเมื่อพวกเขาถูกเตือนให้นึกถึงสาสน์นั้นและพวก เขาสดุดีพระผู้อภิบาลของพวกเขาด้วยการสรรเสริญพระองค์และพวก เขาไม่ทะนงตน พวกเขาละจากที่นอนของพวกเขาและวิงวอนพระผู้ อภิบาลของพวกเขาด้วยความกลัวและความหวัง และผู้ใช้จ่ายจากสิ่งที่ เราได้ประทานแก่พวกเขา ไม่มีชีวิตใดรู้ถึงสิ่งสบายตาซึ่งได้ถูกซ่อน เร้นไว้จากสายตาของพวกเขาเพื่อเป็นสิ่งตอบแทนการงานของพวกเขา ดังนั้น คนที่เป็นผู้ศรัทธาจะเหมือนกับผู้ ่า ืนพระเจ้าได้ไหม พวก เขาไม่อาจเหมือนกันได้ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี นั้นจะได้อยู่ในสวนสวรรค์เป็นสิ่งตอบแทนสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ ส่วนบรรดาผู้ ่า ืนพระเจ้านั้น ที่พำานักของพวกเขาคือนรก เมื่อใด ก็ตามที่พวกเขาพยายามจะออกไป พวกเขาจะถูกผลักกลับเข้าไปในนั้น อีกและพวกเขาจะถูกบอกว่า ตอนนี้ จงลิ้มรสการลงโทษของไฟนรก ที่สูเจ้าเคยป ิเสธ และแน่นอนที่สุด เราจะให้พวกเขาได้ลิ้มรสการ ลงโทษที่เบากว่าก่อนการลงโทษที่ใหญ่กว่า ทั้งนี้เพื่อที่ว่าบางทีพวกเขา

อัล ซัจญ์ดะ ฺ

จะได้หันมายังเราเพื่อการสำานึกผิดและขออภัย ใครที่จะทำาผิดยิ่งใหญ่ ไปกว่าผู้ที่เมื่อสัจธรรมของพระผู้อภิบาลของเขาได้ถูกอ่านให้เขาฟังแล้ว เขายังหันห่างออกจากมัน แน่นอน เราจะลงโทษผู้ทำาผิดเหล่านั้นอย่าง หนัก ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซา ดังนั้น เจ้า(มุ ัมมัด)จงอย่า คลางแคลงสงสัยในการรับสิ่งเดียวกันนี้ เช่นเดียวกับที่เราได้ทำาให้มัน เป็นทางนำาสำาหรับลูกหลานอิสรออีล เราได้ทำาให้พวกเขามีผู้นำาที่นำา ผู้คนโดยคำาบัญชาของเราเมื่อพวกเขาได้แสดงความอดทนและเชื่อมั่นใน สัญญาณทั้งหลายของเราแล้ว แน่นอน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระ ผู้อภิบาลของเจ้าเท่านั้นที่จะตัดสินสิ่งต่างๆที่พวกเขาขัดแย้งกัน และ มัน(เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์)ไม่ได้ทำาให้พวกเขารู้หรือว่า ก่อนหน้า พวกเขานั้น เราได้ทำาลายไปกี่ชนชาติแล้ว และซากถิ่น านของคนเหล่า นั้นพวกเขาก็เดินทางผ่านไปมา แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณอย่างมากมาย แล้วพวกเขายังไม่ฟังกระนั้นหรือ พวกเขาไม่เห็นหรือว่าเราได้ทำาให้น้ำาไหลไปยังแผ่นดินที่แห้งแล้ง และจากนั้นเราได้ทำาให้พืชผลงอกเงยออกมาซึ่งสัตว์ของพวกเขาและ พวกเขาได้กินจากมัน พวกเขายังไม่เห็นอะไรอีกหรือ และพวกเขา กล่าวว่า เมื่อใดที่การตัดสินนี้จะเกิดขึ้นถ้าพวกท่านพูดจริง จงบอก พวกเขาว่า ในวันแห่งการตัดสิน มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่บรรดา ผู้ป ิเสธสัจธรรม ถ้าพวกเขาศรัทธาในตอนนั้น พวกเขาจะไม่ได้รับการ ผ่อนผัน ดังนั้น จงปล่อยพวกเขาไว้และคอยดู แท้จริงแล้ว พวกเขาก็ กำาลังคอยดูอยู่ด้วยเหมือนกัน

สหพรรค

33. สหพรรค

อัล-อะฮฺซาบ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้นบี จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงอย่าเชื่อฟังบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม และผู้ตลบตะแลง แท้จริง พระเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชา สามารถ จงป ิบัติตามสิ่งที่ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของ เจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ในสิ่งที่เจ้ากระทำา จงวางใจในพระเจ้า เพราะ พระเจ้าเท่านั้นก็พอแล้วที่จะเป็นผู้ปกป้อง 4 พระเจ้ามิได้ทรงทำาให้คนผู้หนึ่งมีสองหัวใจในร่างกายของเขา และ พระองค์มิได้ทรงทำาให้บรรดาภรรยาของสูเจ้าซึ่งสูเจ้าออกห่างโดยการ กล่าวว่า เธอเป็นเหมือนกับหลังของแม่ ัน เป็นแม่(จริงๆ)ของสูเจ้า และพระองค์ก็มิได้ทรงทำาให้ลูกบุญธรรมของสูเจ้าเป็นลูกแท้ๆของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่สูเจ้ากล่าวออกมาจากปากของสูเจ้า แต่พระเจ้าทรงกล่าว ความจริงและพระองค์เท่านั้นที่ทรงนำาไปสู่ทางที่ถูกต้อง 5 จงเรียกบุตร บุญธรรมของสูเจ้าตามชื่อพ่อของพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่ยุติธรรมกว่าใน สายตาของพระเจ้า และถ้าหากสูเจ้าไม่รู้ว่าพ่อของพวกเขาเป็นใคร จง ถือว่าพวกเขาเป็นพี่น้องในศาสนาของสูเจ้าและเพื่อนของสูเจ้า และไม่มี ข้อตำาหนิอันใดแก่สูเจ้าถ้าหากสูเจ้ากล่าวอะไรบางอย่างโดยไม่เจตนา แต่ สูเจ้าจะถูกตำาหนิอย่างแน่นอนสำาหรับสิ่งที่สูเจ้ากล่าวออกไปด้วยเจตนา ของหัวใจของสูเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ นบีมีสิทธิ์เหนือบรรดาผู้ศรัทธามากกว่า(พวกเขามีสิทธิ์เหนือ)ตัว ของพวกเขาเอง และภรรยาทั้งหลายของนบีก็เป็นแม่ของพวกเขา แต่ ตามคัมภีร์ของพระเจ้า ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้นมีสิทธิ์เหนือกัน

อัล อะ ฺซาบ

และกันมากกว่าบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาผู้อพยพ อย่างไรก็ตาม สูเจ้า อาจทำาดีต่อเพื่อนๆของสูเจ้าได้ นี่เป็นสิ่งที่ได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ 7 (โอ้นบี) เราได้รับสัญญาที่มั่นคงจากนบีทั้งหลาย จากเจ้าและนู ฺ จา กอิบรอ ีมและมูซาและอีซาบุตรของมัรฺยัม เราได้ให้พวกเขาทุกคนทำา สัญญาอย่างมั่นคงไว้กับเรา ทั้งนี้เพื่อที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาจะได้ ถามบรรดาผู้มีสัจจะวาจาเกี่ยวกับความสัตย์จริงของพวกเขา(ว่าได้รับ การตอบสนองอย่างไรในโลก) ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น พระองค์ ได้ทรงเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงนึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรง แสดงแก่สูเจ้าเมื่อไพร่พลศัตรูมายังสูเจ้า เราได้ส่งพายุมายังพวกเขาและ ไพร่พลอีกมากมายที่สูเจ้ามองไม่เห็น และพระเจ้าเป็นผู้ทรงเ ้าดูทุกสิ่ง ที่สูเจ้ากระทำา เมื่อพวกศัตรูบุกมายังสูเจ้าจากข้างบนและจากข้างล่าง ของสูเจ้า สูเจ้าตาเหลือกเพราะความกลัวและหัวใจจุกอยู่ที่ลำาคอและ สูเจ้าเริ่มสงสัยเกี่ยวกับพระเจ้า ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาจึงได้ถูกทดสอบ และได้รับความหวั่นไหวอย่างรุนแรง พวกตลบตะแลงและบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขามีโรคกล่าวว่า สัญญาที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ทำาไว้กับพวกเขานั้นมิใช่อะไร นอกไปจากการหลอกลวง อีกกลุ่มหนึ่งของคนพวกนี้กล่าวว่า ชาว ยัษริบเอย พวกเจ้าไม่มีทางที่จะต้านทาน(ศัตรู)ได้หรอก ดังนั้น จงกลับ ไปเสีย แต่อีกกลุ่มหนึ่งของพวกเขาได้ขออนุญาตนบีโดยกล่าวว่า บ้าน ของเราไม่ปลอดภัย ทั้งๆที่มันปลอดภัยอยู่ แท้จริงแล้ว พวกเขาต้องการ ที่จะหนีแนวรบ ถ้าหากพวกศัตรูบุกเข้ามาจากทุกด้านของเมือง และคนเหล่านี้ถูกยุให้ทรยศ พวกเขาจะทำาอย่างแน่นอนโดยไม่ลังเล แท้จริง พวกเขาได้ทำาสัญญาไว้กับพระเจ้าแล้วว่าพวกเขาจะไม่หันหลัง ให้ และสัญญาที่ได้ทำาไว้กับพระเจ้านั้นจะต้องถูกสอบถาม (โอ้นบี) จง บอกพวกเขาว่า ถ้าหากพวกท่านหนีจากความตายหรือการถูก ่า การ

สหพรรค

หนีของพวกท่านจะไม่ยังประโยชน์อันใดแก่พวกท่าน พวกท่านจะมีความ สุขในชีวิตแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จงถามพวกเขา ใครเล่าที่จะ ปกป้องพวกท่านจากพระเจ้าถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะให้พวกท่าน ได้รับอันตราย หรือถ้าพระองค์ทรงปรารถนาที่จะเมตตาพวกท่าน ใคร ที่สามารถขัดขวางพระองค์ แท้จริงแล้ว พวกเขาไม่สามารถที่จะพบใคร เป็นผู้ปกป้องและผู้ช่วยเหลือพวกเขาได้นอกไปจากพระเจ้า พระเจ้าทรงรู้ดีว่าใครในหมู่สูเจ้าที่ดึงคนอื่นกลับมา ผู้ที่บอกกับ พี่น้องของพวกเขาว่า มาอยู่ ่ายเราสิ และพวกเขาไม่ได้เข้ามาร่วม ต่อสู้นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาให้ความช่วยเหลือเจ้า โดยไม่เต็มใจ แต่เมื่อมีอันตรายเกิดขึ้น เจ้าจะเห็นพวกเขามองไปยังเจ้า ดวงตาของพวกเขากลอกกลิ้งเหมือนกับผู้ที่กำาลังเป็นลมใกล้ตาย แต่ เมื่ออันตรายผ่านพ้นไปแล้ว พวกเขาจะออกมาต่อว่าเจ้าอย่างเผ็ดร้อน ด้วยความอยากได้ในทรัพย์สิน คนเหล่านี้มิได้ศรัทธาแต่อย่างใด ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทำาให้การงานของพวกเขาไร้ผล และนี่เป็นเรื่องง่ายสำาหรับ พระเจ้า พวกเขาคิดว่าไพร่พลที่ร่วมกันมารุกรานนั้นจะไม่มีวันถอยไป แท้จริงแล้ว ถ้าหากพวกศัตรูเหล่านั้นกลับมาโจมตีอีก พวกเขาก็อยาก จะอยู่ในทะเลทรายกับพวกเบดูอิน และพวกเขาจะคอยถามข่าวเกี่ยว กับสูเจ้าจากที่นั่น แต่ถ้าพวกเขาจะอยู่กับสูเจ้า พวกเขาจะไม่ร่วมต่อสู้ นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แท้จริงแล้ว ในศาสนทูตของพระเจ้านั้นมีแบบอย่างที่ดีที่สุดสำาหรับ คนที่แสวงหาพระเจ้าและวันสุดท้ายและระลึกถึงพระเจ้าเสมอ เมื่อ บรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงมองเห็นพวกศัตรูที่มารุกราน พวกเขาได้ร้อง ออกมาว่า นี่คือสิ่งที่พระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้สัญญาไว้กับ เรา แน่นอน สัญญาของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์เป็นจริงเสมอ และนี่เป็นสิ่งที่ทำาให้พวกเขาศรัทธาและนอบน้อมมากขึ้น ในบรรดา ดูหน้า ของบทนำา

อัล อะ ฺซาบ

ผู้ศรัทธานั้นมีผู้ซื่อตรงต่อสัญญาที่เขาได้ทำาไว้กับพระเจ้า บางคนในหมู่ พวกเขาได้ป ิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้ว และบางคนก็กำาลังคอยอยู่ โดยมิได้ผันแปรใดๆแม้แต่นิดเดียว พระเจ้าจะทรงตอบแทนผู้ซื่อตรง สำ า หรั บ ความซื่ อ ตรงของพวกเขาและลงโทษพวกตลบตะแลงถ้า หาก พระองค์ทรงประสงค์ หรือพระองค์อาจยอมรับการสำานึกผิดของพวกเขา เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ พระเจ้าได้ทรงทำาให้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมหันหลังกลับด้วยความ เคียดแค้นโดยไม่ได้รับผลดีแต่อย่างใด พระเจ้าทรงเพียงพอแล้ว(ที่จะ คุ้มครอง)สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาในการต่อสู้ พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรง อำานาจ พระองค์ได้ทรงนำาชาวคัมภีร์ที่ช่วยเหลือบรรดาผู้รุกรานลงมา จากป้อมของพวกเขาและทรงทำาให้หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยหวาด พระองค์ได้ กลัวจนบางคนสูเจ้าได้ ่าและบางคนสูเจ้าจับเป็นเชลย ทรงทำาให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินของพวกเขาและที่อยู่อาศัยของพวก เขาและทรัพย์สินของพวกเขา และทรงประทานแผ่นดินที่สูเจ้ายังไม่เคย ย่ำาเท้าเข้าไปมาก่อน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง โอ้นบี จงบอกบรรดาภรรยาของเจ้าว่า ถ้าพวกเธอปรารถนาชีวิต แห่งโลกนี้และการประดับประดาอันสวยงามของมัน จงมา ันจะให้สิ่ง เหล่านี้แก่พวกเธอและปล่อยพวกเธอไปอย่างมีเกียรติ แต่ถ้าพวกเธอ ปรารถนาพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และที่พำานักแห่งโลกหน้า แล้ว จงรู้ไว้ว่าพระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมการตอบแทนอันยิ่งใหญ่สำาหรับผู้ ทำาดีในหมู่พวกเธอไว้แล้ว โอ้ภรรยาของนบี ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่ ประพ ติตัวไม่เหมาะสมอย่างเปิดเผยจะต้องถูกลงโทษเป็นสองเท่า นี่ เป็นสิ่งที่ง่ายสำาหรับพระเจ้า แต่ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และกระทำาความดี เราจะตอบแทนรางวัลพวกเธอเป็นสองเท่า และเราได้ เตรียมปัจจัยอันมีเกียรติไว้สำาหรับเธอไว้แล้ว โอ้ภรรยาของนบี พวก

สหพรรค

เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงอื่นๆ ถ้าพวกเธอเกรงกลัวพระเจ้า จงอย่าพูดจา ด้วยเสียงอ่อนหวานนัก ด้วยเหตุว่าคนที่หัวใจเป็นโรคจะคิดหวังอย่าง ผิดๆจากตัวเธอ แต่จงพูดจาด้วยความเหมาะสม จงอยู่ในบ้านของพวกเธอและจงอย่าออกไปเที่ยวอวดความ สวยงามอย่ า งที่ ผู้ ห ญิ ง ทั้งหลายทำาในสมัยแห่งความโง่เขลาก่อนหน้า นี้ จงดำารงนมาซและจ่ายซะกาตและจงเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์ โอ้ ผู้หญิงในครอบครัวของนบี พระเจ้าเพียงแต่ทรงเจตนาที่จะ ขจัดความโสมมทั้งหลายออกจากพวกเธอและจะทำาให้พวกเธอสะอาด ผ่องแผ้ว จงนึกถึงสิ่งที่พระเจ้าประทานมาและวิทยปัญญาที่ได้ถูกอ่าน ในบ้านของพวกเธอ แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง ทรงตระหนัก อยู่เสมอ แน่นอนที่สุด ชายและหญิงที่ยอมจำานนต่อพระเจ้า ชายและหญิง ผู้ศรัทธา ชายและหญิงผู้เชื่อฟัง ชายและหญิงผู้มีความซื่อสัตย์ ชายและ หญิงผู้อดทน ชายและหญิงผู้นอบน้อมถ่อมตน ชายและหญิงผู้บริจาค ทาน ชายและหญิงผู้ถือศีลอด ชายและหญิงผู้รักษาส่วนอันพึงสงวนของ ตนเอง ชายและหญิงผู้ระลึกถึงพระเจ้ามากๆ พระเจ้าทรงเตรียมการ ให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันใหญ่หลวงแก่พวกเขาไว้แล้ว มันไม่ เหมาะสมสำาหรับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาที่จะมาเลือกอะไรอีกใน เรื่องของพวกเขาเมื่อพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ได้ตัดสินใจใน เรื่องของพวกเขาไปแล้ว ใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์ แน่นอน พวกเขาได้หลงผิดอย่างชัดแจ้ง (โอ้นบี) เจ้าได้พูดกับคนที่พระเจ้าได้ประทานความโปรดปรานแก่ เขาและเจ้าก็โปรดปรานเขาเช่นกันว่า จงครองภรรยาของเจ้าไว้และ จงเกรงกลัวพระเจ้า ในตอนนั้น เจ้าหาทางปิดบังเรื่องที่พระเจ้าจะทรง เปิดเผยไว้ในหัวใจของเจ้า แต่เจ้าเกรงกลัวผู้คน ในขณะที่พระเจ้านั้น มีสิทธิ์มากกว่าที่เจ้าจะต้องเกรงกลัว เมื่อเซดได้หย่านางแล้ว เราได้ให้

อัล อะ ฺซาบ

นางแต่งงานกับเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่บรรดาผู้ศรัทธาจะได้ไม่มีอุปสรรคในเรื่อง ภรรยาของลูกบุญธรรมของพวกเขาเมื่อพวกเขาหย่าพวกนางแล้ว พระ บัญชาของพระเจ้านั้นต้องได้รับการป ิบัติให้เป็นไปตามนั้น ไม่มีข้อ เสียหายแต่ประการใดสำาหรับนบีที่จะทำาในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกำาหนด ไว้สำาหรับเขา นี่เป็นแนวทางของพระเจ้าเกี่ยวกับบรรดานบีที่ได้ล่วง ลับไปก่อนหน้านี้ และคำาบัญชาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่ได้ถูกกำาหนดไว้ โดยสมบูรณ์แล้ว บรรดาผู้ที่เผยแผ่สาสน์ของพระองค์และเกรงกลัว พระองค์และไม่เกรงกลัวผู้ใดนอกไปจากพระเจ้า พระเจ้าก็เพียงพอแล้ว ที่จะทรงชำาระบัญชี มุ ัมมัดมิได้เป็นพ่อของใครในหมู่คนของสูเจ้า แต่เขาเป็นศาสนทูตของพระเจ้าและเป็นตราประทับของนบีทั้งหลาย พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงระลึกถึงพระเจ้าให้มากๆ จงสดุดีพระองค์ทั้ง ยามเช้าและยามเย็น พระองค์คือผู้ทรงประทานความจำาเริญแก่สูเจ้า และทูตสวรรค์ของพระองค์ก็วิงวอนขอความโปรดปรานจากพระองค์ให้ แก่สูเจ้าด้วย ทั้งนี้เพื่อที่พระองค์จะทรงนำาสูเจ้าออกจากความมืดไปสู่แสง สว่าง พระองค์ทรงเมตตาต่อบรรดาผู้ศรัทธาอยู่เสมอ 44 ในวันที่พวกเขา พบพระองค์ พวกเขาจะถูกต้อนรับด้วยคำาทักทายว่า ศานติ พระองค์ ทรงเตรียมรางวัลอันมีเกียรติไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว 45 นบีเอย เราได้ส่งเจ้ามาให้เป็นพยาน เป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน และผู้เชิญชวนไปสู่พระเจ้าโดยอนุมัติของพระองค์ และนำาทางพวกเขา เหมือนประทีปที่ส่องสว่าง 47 จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่าพระเจ้ามี ความจำาเริญอันมากมายไว้สำาหรับพวกเขา ดังนั้น จงอย่าคล้อยตาม บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและพวกตลบตะแลง จงอย่าสนใจต่อคำาพูดเราะ รานของพวกเขาและจงวางใจในพระเจ้า เพราะพระเจ้านั้นเพียงพอแล้ว สำาหรับการมอบความไว้วางใจ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าแต่งงานกับหญิงผู้ศรัทธาและหลังจาก

สหพรรค

นั้นได้หย่าพวกนางก่อนที่จะได้อยู่ร่วมกับพวกนาง สูเจ้าไม่ต้องรอพวก นางให้ครบเวลาแห่งการรอคอย จงให้บางสิ่งบางอย่างแก่พวกนางและ ปล่อยพวกนางไปอย่างมีเกียรติ โอ้นบี เราได้ทำาให้บรรดาภรรยาของเจ้าเป็นที่อนุมัติแก่เจ้าสำาหรับ คนที่เจ้าได้ให้ของขวัญแต่งงานแก่พวกนางไปแล้ว และบรรดาผู้หญิงที่ เจ้าครอบครองอยู่จากบรรดาทาสหญิงที่พระเจ้าทรงประทานแก่เจ้า และ (เราได้ทำาให้บุคคลต่อไปนี้เป็นที่อนุญาตสำาหรับเจ้า นั่นคือ) ลูกสาวของ พี่น้องชายทางพ่อของเจ้าและลูกสาวของพี่น้องหญิงทางพ่อของเจ้า และ ลูกสาวของพี่น้องชายทางแม่ของเจ้าและลูกสาวของพี่น้องหญิงทางแม่ ของเจ้าซึ่งได้อพยพไปกับเจ้า และหญิงผู้ศรัทธาที่เสนอตัวเองแก่นบีถ้า หากนบีต้องการจะแต่งงานกับนาง สิทธิพิเศษนี้สำาหรับเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาคนอื่นๆ เรารู้ดีถึงสิ่งที่เราได้กำาหนดแก่บรรดาผู้ ศรัทธาเกี่ยวกับภรรยาของพวกเขาและทาสหญิงของพวกเขา ทั้งนี้เพื่อ ที่จะได้ไม่มีคำาตำาหนิต่อเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ เจ้าจะให้ภรรยาคนใดของเจ้าอยู่ห่างเจ้าก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ และเจ้าจะให้ใครอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ และไม่มีข้อตำา หนิใดๆถ้าเจ้าจะเรียกภรรยาที่เจ้าให้อยู่ห่างมาอยู่ใกล้ก็ได้ นั่นเป็นการ เหมาะสมกว่า เพื่อที่ดวงตาของนางจะเย็นลงและพวกนางจะได้ไม่เศร้า โศก และพวกนางทั้งหมดจะได้พอใจกับสิ่งที่เจ้าให้พวกนาง พระเจ้าทรง รู้ทุกสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเจ้า และพระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงขันติธรรม ไม่เป็นที่อนุญาตให้เจ้าแต่งงานกับผู้หญิงอื่นอีกแล้วหลังจากนี้ และเจ้า จะไม่ได้รับอนุญาตให้เอาภรรยาอื่นมาแทนพวกนางถึงแม้ว่าความสวย ของพวกนางจะทำาให้เจ้าพึงใจก็ตาม เว้นแต่ทาสหญิงที่เจ้าครอบครอง พระเจ้าเป็นผู้ทรงเ ้าดูทุกสิ่ง โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเข้าไปในบ้านของนบีเว้นเสียแต่ว่าสูเจ้า ถูกเชิญให้ไปกินอาหาร จงอย่านั่งอ้อยอิ่งคอยจนกระทั่งอาหารพร้อม เมื่อ

อัล อะ ฺซาบ

สูเจ้าถูกเชิญมา จงเข้าไปและเมื่อสูเจ้ากินอาหารเสร็จแล้ว จงรีบแยกย้าย กันกลับไป จงอย่านั่งอ้อยอิ่งสนทนากัน เพราะการทำาเช่นนั้นจะสร้าง ความลำาบากใจให้แก่นบี แต่เขากระดากใจที่จะบอกสูเจ้า แต่พระเจ้าไม่ ทรงกระดากใจต่อความจริง ถ้าหากสูเจ้าจะขอสิ่งใดจากภรรยาของนบี ก็จงขอต่อนางจากหลังม่าน นี่เป็นการดีกว่าสำาหรับความผ่องแผ้วของ หัวใจของสูเจ้าและหัวใจของพวกนาง และมิพึงที่สูเจ้าจะรบกวนศาสนทูต ของพระเจ้าและไม่อนุญาตให้สูเจ้าแต่งงานกับภรรยาของเขาหลังจากเขา เป็นอันขาด นี่เป็นความผิดร้ายแรงยิ่งในสายตาของพระเจ้า 54 ไม่ว่าสูเจ้า จะเปิดเผยสิ่งใดหรือซ่อนเร้นมัน แน่นอน พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง 55 ไม่มีข้อตำาหนิแต่ประการใดสำาหรับบรรดาภรรยาของนบีในการ ปราก ตัวต่อบิดาของพวกนาง ลูกชายของพวกนาง พี่ชายน้องชายของ พวกนาง ลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกนาง ลูกชายของพี่สาวน้อง น้องสาวของพวกนาง ผู้หญิงที่คุ้นเคยด้วยกันของพวกนางและทาสของ พวกนาง โอ้ผู้หญิงทั้งหลาย จงเกรงกลัวพระเจ้า พระเจ้าทรงรู้เห็นทุกสิ่ง แท้จริง พระเจ้าและทูตสวรรค์ของพระองค์ยังอำานวยพรแก่นบี บรรดาผู้ศรัทธาเอย จงขอพรให้แก่เขาได้รับความจำาเริญและส่งความ สันติแก่เขา 57 บรรดาผู้สร้างความยุ่งยากให้แก่พระเจ้าและศาสนทูตของ พระองค์จะถูกพระเจ้าสาปแช่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า พระเจ้าได้ทรง เตรียมการลงโทษอันน่าอัปยศไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว บรรดาผู้ใส่ร้าย ชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ทำานั้น แน่นอน พวก เขาได้แบกการกล่าวร้ายอันหนักหน่วงและบาปอันชัดแจ้งไว้ โอ้นบี จงสั่งบรรดาภรรยาของเจ้าและลูกสาวของเจ้าให้เอาเสื้อผ้า ส่วนนอกดึงลงมาเหนือตัวของพวกนางไว้(เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ) เพื่อ ที่พวกนางจะได้เป็นที่รับรู้และไม่ถูกระราน พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยและ ผู้ทรงเมตตา ถ้าพวกตลบตะแลงและพวกที่หัวใจของพวกเขาเป็นโรค และพวกที่ชอบนินทาในมะดีนะ ฺไม่หยุดยั้ง แน่นอน เราจะให้เจ้าจัดการ

สหพรรค

พวกเขา พวกเขาจะถูกสาปแช่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและจะถูกจับกุมและ ถูก ่า นี่คือวิธีการของพระเจ้าสำาหรับผู้คนก่อนหน้านี้ และเจ้าจะไม่ พบการเปลี่ยนแปลงใดๆในวิธีการของพระเจ้า ผู้คนถามเจ้าเกี่ยวกับยามอวสาน จงบอกพวกเขาว่า พระเจ้า เท่านั้นที่มีความรู้เรื่องนี้ ใครจะรู้ ยามอวสานอาจจะอยู่ใกล้ๆนี้ก็ได้ แน่นอน พระเจ้าทรงสาปแช่งบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและได้เตรียม ไฟที่ลุกโชนไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นตลอด กาลและพวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ ในวันนั้น ใบหน้า ของพวกเขาจะถูกพลิกไปพลิกมาบนไฟ พวกเขาจะกล่าวว่า เราน่าเชื่อ ฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และพวกเขากล่าวว่า โอ้พระผู้ อภิบาลของเรา เราเชื่อฟังบรรดาหัวหน้าของเราและผู้อาวุโสของเรา และ พวกเขาได้ทำาให้พวกเราหลงทาง โอ้พระผู้อภิบาล โปรดทรงลงโทษ พวกเขาเป็นสองเท่า และทรงสาปแช่งพวกเขาอย่างหนักด้วยเถิด โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเป็นเหมือนบรรดาผู้กล่าวร้ายมูซา พระเจ้าได้ทรงทำาให้เขาพ้นมลทินจากที่พวกเขากล่าวร้ายแล้ว เขาเป็นผู้ มีเกียรติในทัศนะของพระเจ้า โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเกรงกลัวพระเจ้า และจงพูดแต่สิ่งที่ถูกต้อง พระองค์จะประทานความจำาเริญให้แก่การ งานของสูเจ้าและให้อภัยความผิดของสูเจ้า แน่นอน ใครที่เชื่อฟังพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์ เขาก็จะได้รับความสำาเร็จอันยิ่งใหญ่ เราได้เสนอความรับผิดชอบอันนี้แก่ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและ ภูเขา แต่พวกมันป ิเสธที่จะแบกรับมันไว้และเกรงกลัวความรับผิดชอบ แต่มนุษย์ออกมาแบกรับมันไว้ แท้จริง เขาเป็นผู้อธรรมและโง่เขลา พระเจ้าจะทรงลงโทษชายและหญิงผู้ตลบตะแลง และชายหญิงผู้ตั้งภาคี แต่พระองค์ทรงรับการสำานึกผิดของชายและหญิงผู้ศรัทธา พระเจ้าเป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ดูหน้า ของบทนำา

สะบะอ์

34. ชีบา

สะบะอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และบรรดาการสรรเสริญเป็นของพระองค์แต่ เพียงผู้เดียวในปรโลกด้วย พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณและผู้ทรงรอบรู้ พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งใดก็ตามที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งใดก็ตามที่ออกมา จากมัน และสิ่งใดก็ตามที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งใดก็ตามที่ขึ้นไปในนั้น พระองค์เป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงให้อภัย บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้กล่าวว่า ยามอวสานจะไม่มีวันมาถึงเรา จงบอกพวกเขาว่า ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของ ันผู้ทรงรอบรู้ถึงสิ่ง ที่มองไม่เห็น มันจะมายังพวกท่านอย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งใดแม้แต่น้ำาหนัก เพียงน้อยนิดจะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้ไม่ว่าจะในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินหรือสิ่งที่เล็กไปกว่านั้นหรือใหญ่ไปกว่านั้น ทุกสิ่งได้มีอยู่ใน บันทึกอันชัดแจ้งแล้ว 4 พระองค์จะทรงตอบแทนบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดี พวกเขาจะได้รับการให้อภัยและปัจจัยอันมีเกียรติ 5 ส่วน บรรดาผู้ดิ้นรนต่อต้านสัญญาณทั้งหลายของเรานั้น สำาหรับพวกเขาคือ การลงโทษอันเจ็บปวดอย่างที่สุด บรรดาผู้ได้รับความรู้นั้นรู้ดีว่าอะไร ก็ตามที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเป็นสัจธรรม และนำาไปสู่หนทางของพระผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ 7 บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้กล่าวแก่ผู้คนว่า เอาไหม เราจะชี้ให้ พวกท่านเห็นถึงคนที่จะบอกพวกท่านว่าเมื่อร่างกายของพวกท่านแยก สลายออกเป็นชิ้นๆแล้ว พวกท่านจะถูกทำาให้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เขา สร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้าขึ้นมาหรือว่าเป็นบ้าไปเสียแล้ว เปล่าเลย

ชีบา

บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในวันโลกหน้าต่างหากที่จะถูกลงโทษและพวกเขาอยู่ ในการหลงผิดไปไกลลิบ พวกเขาไม่สังเกตถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขา จากฟากฟ้าและแผ่นดิน ทั้งข้างหน้าและข้างหลังพวกเขากระนั้นหรือ ถ้าหากเราประสงค์ เราสามารถที่จะทำาให้พวกเขาจมลงไปในแผ่นดิน หรือทำาให้บางส่วนของท้องฟ้าถล่มลงมาบน พวกเขาก็ได้ แท้จริง ในนั้น มีสัญญาณหนึ่งสำาหรับบ่าวผู้หันมายังเรา เราได้ประทานความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่แก่ดาวูด เราได้บัญชา ว่า โอ้ภูเขาและนก จงร่วมกับเขาในการสดุดีเรา เราได้ทำาให้เหล็กอ่อน สำาหรับเขา (โดยกล่าวว่า) จงทำาเสื้อเกราะและสวมใส่ห่วงให้เหมาะสม และจงทำาความดี แน่นอน ันเห็นทุกสิ่งที่เจ้าทำา สำาหรับสุลัยมาน เราได้ทำาให้เขามีอำานาจควบคุมกระแสลมที่พัด สำาหรับการเดินทางหนึ่งเดือนในตอนเช้าและการเดินทางหนึ่งเดือนใน ตอนเย็น และเราได้ทำาให้ตาน้ำาทองแดงหลอมละลายออกมาให้เขา และ ได้ทำาให้มีอำานาจควบคุมญินที่ทำางานรับใช้เขาโดยพระบัญชาของพระ ผู้อภิบาลของเขา และใครก็ตามในหมู่พวกมันที่บ่ายเบี่ยงจากคำาบัญชา ของรา เราจะทำาให้มันได้ลิ้มรสไฟที่ลุกโชน พวกมันได้ทำาทุกอย่างให้ เขาตามที่เขาต้องการ เช่น หอสูง รูปจำาลอง ถ้วยชามเหมือนอ่างน้ำาและ หม้อหุงต้มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กับที่ เรากล่าวว่า ผู้คนของดาวูดเอย จง ขอบคุณเถิด เพราะบ่าวของ ันส่วนน้อยเท่านั้นที่กตัญญู เมื่อเราได้กำาหนดความตายแก่สุลัยมาน ไม่มีอะไรที่บอกให้พวก ญินได้รู้ถึงการตายของเขานอกจากพวกตัวปลวกที่กัดกินไม้เท้าของเขา เมื่อเขาล้มลง พวกญินจึงประจักษ์ว่าถ้าพวกมันรู้ถึงสิ่งที่มองไม่เห็น พวก มันจะไม่ต้องมาทนทรมานทำางานอย่างอดสูต่อไป สำาหรับผู้คนของชีบานั้นมีสัญญาณหนึ่งในที่อยู่อาศัยของพวกเขา นั่นคือสวนสองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ทางด้านขวาและอีกแห่งหนึ่งทางด้าน ซ้าย เราได้บอกพวกเขาว่า จงกินจากที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าประทาน

สะบะอ์

มาและจงขอบคุณพระองค์ สูเจ้ามีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์และพระผู้ อภิบาลผู้ทรงอภัย แต่พวกเขากลับหันหลังให้(สัจธรรม) ดังนั้น เรา จึงได้ทำาให้น้ำาจากเขื่อนไหลท่วมพวกเขา และเราได้เปลี่ยนสวนทั้งสอง ของพวกเขาด้วยสวนอีกสองแห่งที่ให้ผลไม้ขมและต้นไม้พุ่มเตี้ยและพุ่ม หนามอีกเล็กน้อย นี่แหละคือการตอบแทนของเราเพราะการที่พวกเขา เนรคุณ และเราไม่ลงโทษเช่นนั้นแก่ผู้ใดนอกไปจากผู้เนรคุณ ระหว่างพวกเขาและเมืองทั้งหลายที่เราได้ประทานความจำาเริญให้ ในนั้น เราได้ให้มีเมืองอื่นๆตั้งอยู่ใกล้กัน และระหว่างเมืองเหล่านั้น เราได้ กำาหนดระยะการเดินทางของมันไว้ โดยกล่าวว่า จงเดินทางบนเส้นทาง เหล่านี้ทั้งกลางคืนและกลางวันโดยปลอดภัยเถิด แต่พวกเขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทรงให้การเดินทางของเรายาวกว่านี้เถิด ดังนั้น พวกเขาจึงอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง และเราได้ทำาให้พวกเขา กลายเป็นตำานานและแตกกระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน แท้จริงแล้ว ใน นั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับผู้อดทนและผู้กตัญญู ซาตานพบว่าการคาดคะเนของมันถูกต้องและพวกเขาก็ตามมัน ยกเว้นผู้ศรัทธาที่แท้จริงซึ่งมีอยู่น้อย แต่มันไม่มีอำานาจใดๆเหนือพวก เขา เราเพียงแค่ต้องการที่จะดูว่าใครเป็นผู้ศรัทธาในโลกหน้าและใครที่ สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเ ้าดูทุกสิ่ง (โอ้นบี) จงกล่าวแก่ผู้ตั้งภาคีว่า จงวิงวอนต่อบรรดาสิ่งที่พวกท่าน เคารพสักการะแทนพระเจ้า พวกมันมิได้เป็นเจ้าของสิ่งใดแม้แต่น้ำาหนัก เพียงอณูเดียวในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพวกมันมิได้มีส่วนใดๆ ในทั้งสองนั้น และไม่มีผู้ใดจากพวกมันเป็นผู้ช่วยเหลือพระองค์ การขอ ไถ่โทษใดๆต่อพระเจ้าจะไม่อำานวยประโยชน์แก่ผู้ใดนอกจากผู้ที่พระองค์ ทรงอนุมัติ เมื่อหัวใจของพวกเขาผ่อนคลายจากความกลัวแล้ว พวกเขา จะถามผู้ได้รับอนุญาตให้ขอไถ่โทษว่า พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้

ชีบา

ตอบว่าอย่างไร พวกเขาจะกล่าวว่า เป็นความจริง และพระองค์เป็น ผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่ (โอ้นบี) จงถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังแก่พวก ท่านจากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จงกล่าวเถิด พระเจ้า ไม่เราก็ พวกท่านที่อยู่บนทางนำาหรือในการหลงผิดอย่างชัดเจน จงบอกพวก เขาว่า พวกท่านจะไม่ถูกสอบถามถึงบาปของเรา และเราก็จะไม่ถูก สอบถามถึงสิ่งที่พวกท่านทำา จงบอกพวกเขา พระผู้อภิบาลของเรา จะรวมพวกเราเข้าด้วยกัน หลังจากนั้น พระองค์ก็จะทรงตัดสินระหว่าง เราอย่างถูกต้อง พระองค์เป็นผู้ทรงตัดสินโดยเด็ดขาด ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง จงบอกพวกเขาว่า จงนำาสิ่งที่พวกท่านตั้งเป็นภาคีกับพระองค์มาให้ ันได้เห็นหน่อยซิ ไม่เลย พระองค์เท่านั้นคือพระเจ้าผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรง ปรีชาญาณ (โอ้นบี) เราได้ส่งเจ้ามาเพื่อเป็นผู้นำาข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน สำาหรับมนุษยชาติทั้งหมด แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ พวกเขาถาม ว่า เมื่อใดสัญญานี้จะเป็นจริงถ้าหากว่าท่านพูดจริง จงกล่าวเถิด ว่า สำาหรับพวกท่านนั้น วันนั้นได้ถูกกำาหนดเอาไว้แล้วซึ่งพวกท่านไม่ สามารถที่จะหน่วงเหนี่ยวมันไว้หรือจะเร่งมันสักยามก็ไม่ได้ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวว่า เราจะไม่ศรัทธาในกุรอานนี้และ จะไม่ศรัทธาในคัมภีร์อื่นใดก่อนหน้านี้ด้วย ถ้าเจ้าได้เห็นคนชั่วพวกนี้ ในตอนที่พวกเขายืนอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาต่าง คนต่างจะตำาหนิกันเอง บรรดาผู้อ่อนแอจะกล่าวแก่ผู้ที่ทำาตัวเป็นใหญ่ว่า ถ้ามิใช่เพราะพวกเจ้า เราก็คงเป็นผู้ศรัทธาแล้ว บรรดาผู้ทำาตัวเป็น ใหญ่จะกล่าวแก่ผู้อ่อนแอว่า เราขัดขวางพวกเจ้าจากทางนำากระนั้นหรือ เมื่อมันได้มายังพวกเจ้า เปล่าเลย พวกเจ้าเองต่างหากที่เป็นคนผิด บรรดาผู้อ่อนแอจะกล่าวแก่บรรดาผู้ทำาตัวเป็นใหญ่ว่า ไม่ใช่เช่นนั้น แต่เพราะแผนการของพวกเจ้าทั้งกลางคืนและกลางวันเมื่อพวกเจ้าสั่ง

สะบะอ์

พวกเราให้ป ิเสธพระเจ้าและตั้งสิ่งอื่นเป็นภาคีกับพระองค์ ในที่สุด เมื่อ พวกเขาเห็นการลงโทษ พวกเขาจะสำานึกผิดในหัวใจของพวกเขาและเรา จะคล้องคอบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมไว้ พวกเขาจะถูกลงโทษตามสัดส่วน ความผิดของพวกเขา ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราส่งผู้ตักเตือนคนใดมายังเมืองใด คนที่มี อันจะกินในเมืองนั้นได้กล่าวว่า เราไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านนำามา พวก เขามักจะกล่าวว่า พวกเรามีทรัพย์สินและลูกหลานมากมาย และเราจะ ไม่มีวันถูกลงโทษ (โอ้นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า พระผู้อภิบาลของ ันทรงประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรง ประทานเพียงเล็กน้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ไม่ใช่ทรัพย์สินของสูเจ้าและลูกหลานของสูเจ้าที่นำาสูเจ้าเข้า เรื่องนี้ มาใกล้เรา บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีต่างหากที่จะได้รับรางวัล ตอบแทนเป็นสองเท่าสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำาไว้ และพวกเขาจะอยู่ ในวิมานสูงอันสงบ ส่วนบรรดาผู้พยายามขัดขวางสาสน์ของเราเพื่อที่ จะทำาลายวัตถุประสงค์ของมันนั้น พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างหนัก (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า พระผู้อภิบาลของ ันทรงประทานปัจจัยอย่าง มากมายจากหลายทางแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงประทานมันอย่างน้อยนิดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอะไร ก็ตามที่พวกท่านใช้จ่ายไป พระองค์จะทดแทนให้ และพระองค์ทรงเป็น เลิศที่สุดในบรรดาผู้ประทานปัจจัย ในวันที่พระองค์ทรงรวมมนุษยชาติทั้งหมดไว้ด้วยกันนั้น พระองค์ จะทรงถามทูตสวรรค์ว่า พวกเขาเหล่านี้หรือที่เคารพสักการะพวกเจ้า พวกเขาจะตอบว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ พระองค์คือผู้ทรง คุ้มครองเรา เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา ความจริงแล้ว พวกเขา เคารพสักการะญินต่างหาก พวกญินนั่นแหละที่ส่วนมากของพวกเขา ศรัทธา (ในตอนนั้น เราจะกล่าวว่า) วันนี้ สูเจ้าไม่สามารถที่จะให้คุณ

ชีบา

และให้โทษแก่กันและกันได้ และเราจะกล่าวแก่บรรดาผู้ทำาผิดว่า ตอนนี้ จงลิ้มรสการลงโทษที่สูเจ้าเคยป ิเสธมาตลอด เมื่อใดก็ตามที่สาสน์อันชัดเจนของเราได้ถูกนำามายังพวกเขา พวก เขากล่าวว่า คนผู้นี้(มุ ัมมัด)เพียงแต่ต้องการที่จะหันพวกเจ้าออกไป จากสิ่งที่บรรดาบรรพบุรุษของพวกท่านเคารพสักการะมาก่อน และ พวกเขากล่าวว่า นี่(กุรอาน)มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องเท็จที่กุขึ้นมา เมื่อสัจธรรมมาปราก ต่อหน้าบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเหล่านี้ พวกเขา กล่าวว่า นี่มิใช่อะไรนอกไปจากเวทมนต์คาถาเท่านั้น 44 เราไม่ได้ให้ คัมภีร์แก่พวกเขาก่อนหน้านี้เพื่อที่พวกเขาจะได้เรียนและเราก็มิได้ส่ง ผู้ตักเตือนคนใดมาก่อนหน้าเจ้า 45 บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาเคย ป ิเสธสัจธรรมเช่นกัน คนเหล่านี้ไม่ได้รับแม้แต่หนึ่งในสิบของสิ่งที่เรา ได้ประทานแก่ผู้คนก่อนหน้านี้ แต่เมื่อพวกเขาถือว่าบรรดาศาสนทูตของ เราเป็นผู้โกหก ดังนั้น จงดูเถิดว่าการลงโทษของ ันจะน่าสะพรึงกลัว อย่างไร (โอ้นบี) จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ันขอให้พวกท่านทำาสิ่งหนึ่ง นั่น คือจงยืนขึ้นต่อหน้าพระเจ้าเป็นคู่หรือลำาพังคนเดียวก็ได้และตรึกตรอง ดู พวกท่านจะรู้ว่าสหายของพวกท่านไม่ได้บ้า แท้จริง เขาเป็นแค่เพียง ผู้ตักเตือนยังพวกท่านก่อนที่การลงโทษอันสาหัสจะมา 47 จงกล่าวแก่ พวกเขาว่า ถ้า ันขอสิ่งตอบแทนอะไรจากพวกท่าน พวกท่านจงเก็บมัน ไว้ เพราะสิ่งตอบแทนของ ันอยู่ที่พระเจ้าและพระองค์ทรงเป็นพยานต่อ ทุกสิ่ง จงกล่าวแก่พวกเขาว่า แท้จริง พระผู้อภิบาลของ ันทรงขว้าง ความจริงออกมา(ยังความเท็จ) และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่มอง ไม่เห็นทั้งปวง จงกล่าวเถิดว่า สัจธรรมได้มาแล้วและจะดำารงอยู่ต่อ ไป ส่วนความเท็จไม่อาจก่อให้เกิดสิ่งดีใดๆและจะไม่ทำาความดีให้เกิดขึ้น อีก จงกล่าวเถิดว่า ถ้าหาก ันหลงผิด ภาระแห่งการหลงผิดจะตก

อัล ฟา ิรฺ

อยู่บนตัว ันเอง และถ้าหาก ันอยู่ในทางนำาที่ถูกต้อง นั่นก็เพราะพระผู้ อภิบาลของ ันทรงเปิดเผยความจริงแก่ ัน แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรง ได้ยินทุกสิ่งและผู้ทรงอยู่ใกล้เสมอ ถ้าหากเจ้าเห็นผู้ป ิเสธสัจธรรมในตอนที่พวกเขาอยู่ในภาวะตื่น ตระหนกและพวกเขาไม่อาจหนีรอดไปได้ แต่พวกเขาจะถูกกระชากตัว จากสถานที่ใกล้ๆ แล้วพวกเขาจะกล่าวว่า เราศรัทธาในพระองค์แล้ว แต่พวกเขาจะได้รับความศรัทธาอย่างไรในเมื่อพวกเขาออกห่างจากมัน ไปไกลแล้ว ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ป ิเสธและเคยนึกเดาเอาโดยไม่มี ความรู้ที่แท้จริง 54 และระหว่างพวกเขากับความต้องการของพวกเขาจะ มีสิ่งกีดขวางวางไว้ดังที่เคยทำาในอดีตกับคนที่เป็นเหมือนพวกเขา เพราะ พวกเขาอยู่ในการสงสัยที่ทำาให้หลงผิด 35. ผู้สร้าง

อัล-ฟาฏิรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และผู้ทรงแต่งตั้งทูตสวรรค์ที่มีปีกสองคู่หรือสามคู่หรือสี่คู่ ให้ เป็นผู้นำาสาสน์ของพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มในสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ตามพระประสงค์ของพระองค์ แน่นอน พระเจ้าทรงมีพลานุภาพเหนือทุก สิ่ง ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งความจำาเริญที่พระเจ้าทรงประทานแก่ผู้ใด และอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงยับยั้งไว้ ไม่มีผู้ใดสามารถให้มันได้นอกจาก พระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงปรีชาญาณ มนุษย์เอย จงระลึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่ทรงมีต่อสูเจ้า มีผู้สร้างอื่นใดนอกไปจากพระเจ้าอีกกระนั้นหรือที่ประทานปัจจัยยังชีพ

ผู้สร้าง

แก่สูเจ้าจากฟากฟ้าและแผ่นดิน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วทำาไมสูเจ้าจึงถูกหันไปจากความจริง 4 (โอ้นบี) ถ้าหากคนเหล่านี้ ป ิเสธ (นั่นก็มิใช่เรื่องใหม่) ศาสนทูตต่างๆก่อนหน้าเจ้าก็เคยถูกหาว่า เป็นคนโกหกมาแล้วเช่นกัน และในที่สุดแล้ว การงานทั้งหลายจะถูกนำา กลับไปยังพระเจ้า 5 มนุษย์เอย แท้จริงสัญญาของพระเจ้าเป็นจริงเสมอ ดังนั้น จงอย่าให้ ชีวิตแห่งโลกนี้มาหลอกลวงสูเจ้า และจงอย่าให้ผู้หลอกลวงมาหลอกลวง สูเจ้าเกี่ยวกับพระเจ้า แท้จริง ซาตานนั้นเป็นศัตรูของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้า จงถือว่ามันเป็นศัตรูของสูเจ้าด้วยเช่นกัน มันกำาลังเรียกร้องพวกพ้องของ มันไปสู่หนทางของมัน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้เป็นผู้อาศัยอยู่ ในนรก 7 บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง ส่วน บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีจะได้รับการให้อภัยและรางวัลอันยิ่ง ใหญ่ คนที่คิดว่าการทำาความชั่วของตัวเองถูกทำาให้ดูสวยหรูเพื่อที่เขาจะ ดูว่ามันเป็นความดีนั้น(เท่ากับคนที่ได้รับทางนำาที่ถูกต้อง)กระนั้นหรือ แท้จริง พระเจ้าจะทรงปล่อยให้คนที่พระองค์ทรงประสงค์หลงผิด และจะ ทรงนำาผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง ดังนั้น (โอ้นบี) จง อย่าทำาลายตัวเจ้าเองด้วยความเศร้าโศกเสียใจเพราะคนเหล่านี้ พระเจ้า ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากำาลังกระทำาอยู่ พระเจ้าคือผู้ทรงส่งลมทั้งหลายให้พัดไปเพื่อที่มันจะหอบเอาก้อน การตายอย่าง ับพลัน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแผ่นดินไหว และเหตุการณ์อื่นๆในทำานองนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่ความเป็น อยู่ที่สงบของมนุษย์ เหตุการณ์เหล่านี้ในความเป็นจริงแล้วล้วนเตือนให้ นึกถึงวันสิ้นโลกก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง แต่ซาตานเบี่ยงเบนความสนใจ ของมนุษย์โดยกล่าวว่าเหตุการณ์เหล่านี้มีสาเหตุทางธรรมชาติ มิใช่เกิด จากการแทรกแซงของพระเจ้า

อัล ฟา ิรฺ

เม ขึ้นมา แล้วเราได้ให้เม ลอยไปยังดินแดนที่แห้งแล้ง แล้วเม นั้นได้ ทำาให้แผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่มันได้ตายไป การฟื้นคืนชีพก็เช่น เดียวกันนี้แหละ ใครก็ตามที่แสวงหาเกียรติยศ จงรู้ไว้เถิดว่าเกียรติยศ นั้นเป็นของพระเจ้า เ พาะถ้อยคำาที่ดีเท่านั้นจะขึ้นไปถึงพระองค์ และ การงานที่ดีต่างหากที่ได้รับการยกย่องโดยพระองค์ ส่วนผู้ที่วางแผนชั่ว ร้ายนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง และแผนการของพวก เขาจะย่อยยับ พระเจ้าทรงสร้างสูเจ้ามาจาก ุ่นดิน หลังจากนั้น ก็จาก เชื้ออสุจิ หลังจากนั้นได้ทรงทำาให้สูเจ้าเป็นคู่ (นั่นคือเพศชายและเพศ หญิง) ไม่มีผู้หญิงคนใดที่ตั้งครรภ์และคลอดโดยที่พระองค์ไม่รู้ และไม่มี ชีวิตของคนใดถูกยืดให้ยาวออกไปหรือถูกทำาให้สั้นลงนอกจากมันได้ถูก บันทึกไว้แล้ว นี่เป็นสิ่งง่ายดายสำาหรับพระเจ้า ทะเลสองแห่งไม่เหมือนกัน น้ำาจากแห่งหนึ่งจืดสนิทและดับ กระหายเป็นที่น่าดื่ม ในขณะที่อีกแห่งหนึ่งเค็มจัด แต่จากทะเลทั้งสองนั้น สูเจ้าจะได้กินเนื้อสดและได้เครื่องประดับจากมันมาสวมใส่ และในแหล่ง น้ำาเดียวกันนี้เองที่สูเจ้าเห็นเรือมากมายแล่น ่าผิวน้ำาไป ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้า จะได้แสวงหาความโปรดปรานและเพื่อสูเจ้าจะได้ขอบคุณ พระองค์ ทรงทำ า ให้ ก ลางคื น ผ่ า นเข้ า ไปในกลางวั น และกลางวั น ผ่ า นเข้ า ไปใน กลางคืน พระองค์ทรงทำาให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปตามเวลา ที่ได้ถูกกำาหนดไว้ พระเจ้าองค์เดียวกันนี้แหละที่เป็นพระผู้อภิบาลของ สูเจ้า อำานาจสูงสุดเป็นของพระองค์ สิ่งทั้งหลายที่สูเจ้าวิงวนนอกไปจาก พระองค์นั้นมิได้เป็นเจ้าของแม้แต่ผิวของเมล็ดอินทผลัม ถ้าหากสูเจ้า วิงวอนพวกมัน พวกมันไม่อาจได้ยินการวิงวอนของสูเจ้า และถ้าหาก พวกมันได้ยิน พวกมันก็ไม่สามารถตอบสูเจ้าได้ และในวันแห่งการฟื้น คืนชีพ พวกมันจะป ิเสธการที่สูเจ้าตั้งพวกมันเป็นพระเจ้า ไม่มีใครบอก ให้สูเจ้ารู้ถึงเรื่องนี้ได้นอกจากผู้ทรงรอบรู้ มนุษย์เอย สูเจ้าเองต่างหากที่ต้องการพระเจ้า ส่วนพระเจ้านั้น

ผู้สร้าง

ทรงมีอย่างเหลือหลาย และทรงได้รับการสรรเสริญ หากพระองค์ทรง ประสงค์ พระองค์สามารถที่จะขจัดสูเจ้าออกไปและนำาชนรุ่นใหม่มาแทน สูเจ้าได้ นั่นไม่ใช่เรื่องยากสำาหรับพระเจ้าแต่ประการใดเลย ไม่มีผู้ แบกภาระคนใดจะแบกภาระของอีกคนหนึ่งได้ และถ้าหากชีวิตที่แบก ภาระอยู่แล้วจะร้องขอความช่วยเหลือ ก็ไม่มีใครออกมาช่วยแบกภาระ ของเขาได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติสนิทก็ตาม (โอ้นบี) เจ้าสามารถเตือนได้ ก็แต่บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็น พระองค์และพวกเขาดำารงนมาซ และใครก็ตามที่ขัดเกลาตนเอง เขาก็ ขัดเกลาเพื่อตัวของเขาเอง และยังพระเจ้าที่ทุกสิ่งจะกลับไป คนตาบอดกับคนตาดีนั้นย่อมไม่เหมือนกัน และความมืดกับ ที่ร่มเย็นกับที่ร้อนก็ไม่เหมือนกัน แสงสว่างนั้นก็ย่อมไม่เหมือนกัน คนเป็นกับคนตายก็ย่อมไม่เหมือนกัน พระเจ้าทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ได้ยินพระองค์ แต่(โอ้นบี) เจ้าไม่สามารถทำาให้ผู้ที่ถูก ังอยู่ใน สุสานได้ยินเจ้า แท้จริง เจ้าเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น เราได้ส่ง เจ้ามาพร้อมกับสัจธรรมใน านะเป็นผู้บอกข่าวดีและผู้ตักเตือน และไม่มี ประชาชาติใดที่ไม่มีผู้ตักเตือนถูกส่งมา ทีนี้ ถ้าหากพวกเขาป ิเสธ เจ้า คนที่มาก่อนหน้าพวกเขาก็เคยป ิเสธ(ศาสนทูตของพวกเขา)เช่นกัน ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณต่างๆอันชัดเจน กับบันทึกต่างๆและกับคัมภีร์ที่เป็นแสงสว่างแห่งปัญญา ในที่สุด ัน ได้ลงโทษบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม และการลงโทษของ ันนั้นสาหัสจริงๆ สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงให้น้ำาหลั่งลงมาจากท้องฟ้าและ เราได้ทำาให้พืชผลชนิดต่างๆหลากสีสันงอกเงยออกมาด้วยน้ำานั้น ใน ภูเขามีชั้นหินที่มีสีสันต่างๆ เช่น สีขาว สีแดงและสีดำา ในทำานอง เดียวกัน ทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างๆ และปศุสัตว์ก็มีสีสันแตกต่างกัน แท้จริง แล้ว บรรดาผู้มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้นที่เกรงกลัว พระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงให้อภัยเสมอ

อัล ฟา ิรฺ

บรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของพระเจ้าและดำารงนมาซและใช้จ่ายจากสิ่ง ที่เราได้ประทานแก่พวกเขาทั้งโดยลับและโดยเปิดเผยนั้น พวกเขาหวัง การแลกเปลี่ยนที่ไม่มีการขาดทุนเลย พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัล ของพวกเขาโดยครบถ้วนและเพิ่มพูนความโปรดปรานของพระองค์แก่ พวกเขา แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นผู้ให้อภัยและทรงเป็นผู้ชื่นชม (โอ้นบี) คัมภีร์ที่เราได้ประทานแก่เจ้านั้นคือสัจธรรมที่ยืนยันบรรดาคัมภีร์ก่อน หน้านี้ แท้จริง พระเจ้าทรงรู้ดีและทรงเ ้าดูปวงบ่าวของพระองค์ เราได้ประทานคัมภีร์แก่บ่าวของเราที่เราได้เลือกไว้ บางคนในหมู่ พวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง บางคนอยู่ครึ่งๆกลางๆ(ระหว่าง ถูกและผิด) บางคนเหนือกว่าคนอื่นในการทำาความดีด้วยการอนุมัติของ พระเจ้า นี่คือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พวกเขาจะได้ เข้าสวรรค์อันนิรันดรซึ่งในนั้น พวกเขาจะได้รับการประดับด้วยกำาไลทอง และไข่มุก และเสื้อผ้าของพวกเขาในนั้นจะเป็นผ้าไหม พวกเขาจะ กล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงขจัดความทุกข์โศก ไปจากเรา แท้จริง พระผู้อภิบาลของเราเป็นผู้ทรงให้อภัยและผู้ทรงชื่นชม ผู้ทรงให้เราได้เข้าไปพักในที่พำานักอันถาวร ด้วยความโปรดปรานของ พระองค์ ในนั้น เราไม่พบการทดสอบและความเบื่อหน่ายใดๆ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะยังคงอยู่ในไฟนรกที่ไม่มีการ กำาหนดความตายไว้สำาหรับพวกเขาเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่อาจหนีรอด โดยความตาย นั่นแหละที่เราตอบแทนผู้เนรคุณทุกคน ในที่นั้น พวก เขาจะร้องตะโกนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดนำาเราออกไปจากที่นี่ ด้วยเถิด เพื่อที่เราจะได้ทำาดีและทำาตัวแตกต่างไปจากที่เราเคยทำา แต่ พระองค์จะตอบว่า เรามิได้ให้สูเจ้ามีชีวิตยืนยาวพอที่จะนึกถึงข้อตัก เตือนกระนั้นหรือ และผู้เตือนได้มายังสูเจ้าแล้ว ดังนั้น ตอนนี้สูเจ้าจงลิ้ม รส(การลงโทษ)เถิด สำาหรับผู้ทำาความผิดนั้นไม่มีผู้ช่วยเหลือ แน่นอน พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับทุกอย่างทั้งในชั้นฟ้าทั้ง

ผู้สร้าง

หลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงรู้แม้กระทั่งความลับที่ถูกปิดบังไว้ใน หัวอก พระองค์เป็นผู้ทรงทำาให้สูเจ้าเป็นผู้สืบทอดโลกนี้ ดังนั้น ใคร ก็ตามที่ป ิเสธพระองค์ เขาผู้นั้นต้องแบกรับภาระแห่งการป ิเสธของ เขาไว้ และสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น การป ิเสธสัจธรรมของเขามีแต่จะ เพิ่มพูนความกริ้วของพระองค์ มันมีแต่จะทำาให้การขาดทุนของพวกเขา เพิ่มมากขึ้น (โอ้นบี) จงถามพวกเขาว่า พวกท่านเคยพิจารณาบรรดาสิ่งที่พวก ท่านตั้งขึ้นมาเป็นภาคีและวิงวอนนอกไปจากพระเจ้าบ้างไหม ชี้ให้ ัน เห็นหน่อยซิว่าพวกมันสร้างอะไรขึ้นมาบ้างในแผ่นดินนี้ หรือมันมีส่วน อะไรในการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย หรือเราได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขา แล้วเพื่อที่พวกเขาจะได้ทำาตามหลัก านจากมันใช่ไหม แท้จริง สัญญา ของพวกคนทำาผิดที่มีต่อกันนั้นไม่มีอะไรนอกไปจากการหลอกลวงซึ่งกัน และกัน แน่นอน พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงค้ำาจุนชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินไว้เพื่อมิให้มันเบี่ยงเบน(ออกไปจากวงโคจรของมัน) และถ้ามันเบี่ยง เบนออกไป ก็ไม่มีใครสามารถค้ำาจุนมันได้นอกไปจากพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงขันติ ผู้ทรงให้อภัย พวกเขาได้สาบานต่อพระเจ้าอย่างหนักแน่นว่าถ้าหากมีผู้ตักเตือน คนใดมายังพวกเขา พวกเขาจะเป็นประชาชาติที่ได้รับทางนำาถูกต้องยิ่ง กว่าประชาชาติอื่นอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ตักเตือนมายังพวกขาแล้ว มัน มีแต่ทำาให้พวกเขาหันหลังให้สัจธรรมมากขึ้น พวกเขาเริ่มทำาตัวหยิ่ง ในอายะ ฺนี้ การได้รับ แผ่นดินเพื่อสืบททอด (เคาะลีฟะ ฺ) หมายความว่า หลังจากการเกิดขึ้นของชาติต่างๆก่อนหน้านี้ สูเจ้าได้ ถูกนำามาตั้งถิ่น านบนแผ่นดินแทนพวกเขา มันเป็นวิธีการของพระเจ้า ที่พระองค์ให้โอกาสชาติหนึ่งมาตั้งถิ่น านและสร้างความก้าวหน้าบนโลก หลังจากนั้น เมื่อมีการพิสูจน์ได้ว่าชนชาตินั้นไม่มีความสามารถ พระองค์ จะนำาชาติอื่นมาแทน

ยาซีน

ยโสมากขึ้นในแผ่นดินและวางแผนร้าย แต่แผนร้ายนั้นมิได้เป็นภัยต่อผู้ ใดนอกไปจากพวกที่วางแผนนั้นเอง แล้วพวกเขายังจะเ ้าคอยอะไรอีก นอกไปจากสิ่งเดียวกับที่คนก่อนหน้านี้(คนทำาบาป)ได้รับ เจ้าจะไม่พบ การเปลี่ยนแปลงใดๆในแนวทางของพระเจ้า และจะไม่พบว่าอำานาจอะไร สามารถที่จะเปลี่ยนแนวทางของพระเจ้าให้เป็นอย่างอื่นได้ 44 พวกเขาไม่ เคยท่องไปในแผ่นดินแล้วดูว่าวาระสุดท้ายของคนก่อนหน้าพวกเขานั้น เป็นอย่างไรบ้างหรือทั้งๆที่คนเหล่านั้นมีอำานาจเข้มแข็งยิ่งกว่าพวกเขา เสียด้วยซ้ำา ไม่มีสิ่งใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินที่สามารถขัดขวาง (แผนการของ)พระเจ้าได้ พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งและทรงมีอำานาจเหนือ ทุกสิ่ง 45 ถ้าหากพระเจ้าจะทรงลงโทษมนุษย์ในความผิดที่พวกเขาได้ทำา ไว้ พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใดๆหลงเหลือไว้บนหน้าแผ่นดิน นี้ แต่พระองค์ทรงผ่อนผันเวลาให้พวกเขาจนถึงเวลาที่กำาหนดไว้ ดังนั้น เมื่อเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับพวกเขามาถึง พวกเขาจะรู้ว่าพระองค์ ทรงเ ้ามองบรรดาบ่าวของพระองค์อยู่ 36. ยาซีน

ยาซีน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ยาซีน ขอสาบานด้วยอัลกุรอานที่เปี่ยมไปด้วยวิทยปัญญา แท้จริง เจ้าเป็น หนึ่งในบรรดาศาสนทูต 4 บนแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง 5 กับสิ่งที่ถูก ประทานมาโดยพระผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตา เพื่อที่เจ้าจะได้เตือนหมู่ ชนที่บรรพบุรุษของพวกเขาไม่ได้ถูกเตือน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้

ยาซีน

คำาพูดนี้ได้รับการพิสูจน์ไปแล้วว่าเป็นจริงต่อคนส่วนใหญ่ของพวก เขา พวกเขาจะไม่ศรัทธา เราได้คล้องคอพวกเขาด้วยโซ่ที่ห้อยลง มายังคางของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถก้มหัวของพวกเขาได้ และเราได้วางเครื่องกีดขวางไว้ข้างหน้าพวกเขาและเครื่องกีดขวางไว้ ข้างหลังพวกเขา แล้วเราได้ครอบพวกเขาไว้เพื่อที่พวกเขาจะไม่สามารถ มองเห็นได้ ไม่ว่าเจ้าจะตักเตือนพวกเขาหรือไม่ มันก็มีผลเท่ากัน สำาหรับพวกเขา พวกเขาจะไม่ศรัทธา เจ้าสามารถเตือนได้ก็แต่เพียง ผู้ที่ป ิบัติตามคำาตักเตือนและเกรงกลัวพระผู้ทรงกรุณาปรานีเท่านั้น จง แจ้งข่าวดีแก่พวกเขาถึงเรื่องการให้อภัยและรางวัลอันมีเกียรติ แน่นอน วันหนึ่ง เราจะทำาให้คนตายกลับฟื้นคืนชีวิต เรากำาลัง บันทึกการกระทำาทั้งหมดที่พวกเขาส่งมาล่วงหน้าและสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ ข้างหลัง เราได้บันทึกทุกสิ่งไว้ในบันทึกอันชัดแจ้งแล้ว จงยกตัวอย่างให้พวกเขาถึงเรื่องราวของผู้คนที่บรรดาศาสนทูต ของเราได้มายังเมืองของพวกเขา เมื่อเราได้ส่งศาสนทูตสองคนไป ยังพวกเขาและพวกเขาได้ป ิเสธศาสนทูตทั้งสองนั้น ดังนั้น เราจึงได้ ส่งศาสนทูตคนที่สามไปเพื่อทำาให้ศาสนทูตทั้งสองเข้มแข็งขึ้น พวกเขา กล่าวว่า เราถูกส่งมา(โดยพระเจ้า)ยังพวกท่านใน านะศาสนทูต แต่ ผู้คนได้กล่าวว่า พวกท่านมิได้เป็นอะไรมากไปกว่ามนุษย์เหมือนอย่าง พวกเรา และพระผู้ทรงกรุณาปรานีไม่ได้ประทานสิ่งใดมา พวกท่านมิได้ มีอะไรนอกไปจากการโกหก ศาสนทูตจึงกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ เราทรงรู้ดีว่าเราถูกส่งมายังพวกท่าน และเราไม่มีหน้าที่อะไรนอกไป จากนำาสาสน์มาประกาศอย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ผู้คนตอบว่า เรา ถือว่าพวกท่านเป็นลางร้ายสำาหรับพวกเรา ถ้าหากพวกท่านไม่หยุดยั้ง (จากสิ่งนี้) เราจะเอาหินขว้างพวกท่านและพวกท่านจะได้รับการลงโทษ อันเจ็บปวดจากเรา ศาสนทูตจึงกล่าวว่า ลางร้ายของพวกท่านนั้นอยู่ 7

กับพวกท่านเอง พวกท่านกล่าวเช่นนี้เพราะพวกท่านได้ถูกตักเตือนมา แล้วมิใช่หรือ ความจริงแล้ว พวกท่านเป็นหมู่ชนที่ ่า ืนทุกอย่าง หลังจากนั้น มีชายคนหนึ่งจากส่วนที่ไกลของเมืองได้วิ่งมาถึงและ กล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย จงป ิบัติตามบรรดาศาสนทูตเหล่านี้เถิด จงป ิบัติตามผู้ที่มิได้เรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกท่านและพวก เขาเป็นผู้ที่อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ทำาไมเล่าที่ ันจะไม่เคารพสักการะผู้ทรงสร้าง ันและผู้ที่พวกท่าน ทั้งหลายจะถูกนำากลับไป จะให้ ันยึดถือสิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ เป็นพระเจ้ากระนั้นหรือ ถ้าพระผู้ทรงกรุณาปรานีจะให้ ันได้รับความ ทุกข์ภัยใดๆ การขอไถ่โทษของพวกเขาเหล่านั้นไม่สามารถอำานวยประ โยชน์ใดๆแก่ ันได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถช่วย ันให้รอดได้ ถ้าหาก ันทำาเช่นนั้น ันต้องตกอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง ันศรัทธาใน พระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้น พวกท่านควรฟัง ัน เราได้กล่าว แก่เขาว่า จงเข้าสวรรค์เถิด และเขาได้กล่าวว่า หมู่ชนของ ันน่าจะได้ รู้ ถึงการที่พระผู้อภิบาลของ ันได้ทรงให้อภัย ันและทรงรวม ันไว้ใน บรรดาผู้มีเกียรติ หลังจากเขาแล้ว เราไม่ได้ส่งไพร่พลใดๆจากฟากฟ้ามายังหมู่ ชนของเขาและเราไม่จำาเป็นต้องส่งไพร่พลเช่นนั้นลงมา แค่มีเสียง กัมปนาทกึกก้องเพียงครั้งเดียว พวกเขาทั้งหมดก็สิ้นชีวิต อนิจจา บ่าวทั้งหลายเอย พวกเขาหัวเราะเยาะศาสนทูตทุกคนที่มายังพวกเขา พวกเขาไม่เห็นหรือว่ากี่ชนชาติแล้วที่เราได้ทำาลายไปก่อนหน้าพวก เขาและพวกเขาไม่ได้กลับมายังพวกเขาอีก วันหนึ่ง พวกเขาทั้งหมด จะถูกนำามาปราก ต่อหน้าเราอย่างแน่นอน สำาหรับพวกเขามีสัญญาณหนึ่งในแผ่นดินที่แห้งแล้ง เราได้ทำาให้ มันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และเราได้ทำาให้เมล็ดพันธุ์พืชงอกเงยออก มาจากแผ่นดินนั้น แล้วพวกเขาได้กินมัน เราได้ทำาให้ในนั้นมีสวน

ยาซีน

อินทผลัมและองุ่นมากมาย และได้ทำาให้ในนั้นมีตาน้ำาพุ่งออกมา ทั้งนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้กินผลของมัน และทั้งหมดนี้มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากมือ ของพวกเขา แล้วพวกเขายังไม่ขอบคุณอีกหรือ มหาบริสุทธิ์ยิ่งคือ พระองค์ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งเป็นคู่ๆจากสิ่งที่งอกเงยออกมาจากผืนดิน และ จากตัวของพวกเขาเอง และจากสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ อีกสัญญาณหนึ่งสำาหรับพวกเขาก็คือกลางคืน เราได้เอา(แสงของ) กลางวันออกมาจากมัน ดังนั้น พวกเขาจึงถูกทิ้งไว้ในความมืด และ ดวงอาทิตย์ที่กำาลังโคจรไปยังจุดที่พักของมันโดยการกำาหนดของพระ ผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงรอบรู้ และเราได้กำาหนดขั้นตอนการโคจรสำาหรับ ดวงจันทร์ จนกระทั่งมันได้กลายเป็นเหมือนกับกิ่งอินทผลัมแห้งอีกครั้ง หนึ่ง ดวงอาทิตย์ไม่อาจไล่ตามดวงจันทร์ และกลางคืนจะไม่ล้ำาหน้า กลางวัน แต่ละสิ่งจะโคจรไปตามวิถีของมันเอง อีกสัญญาณหนึ่งสำาหรับพวกเขาคือเราได้บรรทุกลูกหลานของพวก เขาไว้ในเรือที่เต็มเพียบ เราได้ทำาเรือลำาใหญ่ในทำานองนี้ให้แก่พวกเขา ซึ่งพวกเขาได้ขึ้นไปโดยสาร ถ้าหากเราประสงค์ เราก็สามารถทำาให้ พวกเขาจมน้ำาโดยที่ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของพวกเขา และพวกเขาจะ ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆให้รอดพ้นด้วย 44 นอกจากความเมตตาของ เราเท่านั้นที่จะช่วยพวกเขาและสามารถทำาให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตจนถึง เวลาที่ถูกกำาหนดไว้ 45 เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า จงปกป้องตัวเองต่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้าสูเจ้า และสิ่งที่อยู่ข้างหลังสูเจ้า เพื่อที่สูเจ้าจะได้รับความเมตตา (พวกเขาไม่ ใส่ใจ) เมื่อสัญญาณอะไรก็ตามของพระผู้อภิบาลของสูเจ้ามายังพวก เขา พวกเขาหันออกไปจากมัน 47 และเมื่อพวกเขาถูกบอกว่า จงใช้จ่าย จากสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานแก่สูเจ้า บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้พูดกับ บรรดาผู้ศรัทธาว่า ทำาไมเราต้องเลี้ยงอาหารคนที่พระเจ้าสามารถเลี้ยง พวกเขาได้ถ้าพระองค์ต้องการ สูเจ้าหลงผิดกันชัดๆ

ยาซีน

พวกเขากล่าวว่า เมื่อใดเล่าที่สัญญานี้จะเป็นจริง ถ้าหากเจ้าพูด จริง ความจริงแล้ว สิ่งที่พวกเขากำาลังรอคอยอยู่มิใช่อะไรนอกไป จากการระเบิดเพียงครั้งเดียวที่จะทำาลายพวกเขาในขณะที่พวกเขากำาลัง ถกเถียงกันอยู่ พวกเขาจะไม่มีเวลาสั่งเสียและไม่สามารถกลับไปหา ครอบครัวของพวกเขาได้อีก หลังจากนั้น แตรจะถูกเป่าและพวกเขา จะออกมาจากสุสานเพื่อไปปราก ตัวต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา บรรลัยแล้วเรา พวกเขาจะกล่าวว่า ใครกันที่ปลุกเราให้ลุกขึ้นจาก ที่หลับนอนของเรา นี่คือสิ่งที่พระผู้ทรงกรุณาได้สัญญาไว้และบรรดา ศาสนทูตนั้นพูดความจริง ไม่มีอะไรนอกไปจากเสียงระเบิดกัมปนาท เพียงครั้งเดียว และพวกเขาทั้งหมดจะถูกนำามาปราก ต่อหน้าเรา 54 ในวันนั้น จะไม่มีชีวิตใดได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่เพียงนิด เดียว สูเจ้าจะได้รับการตอบแทนตามที่สูเจ้าได้ทำาไว้ 55 ในวันนั้น ชาว สวรรค์จะมีแต่ความสุขสำาราญ พวกเขาและคู่ครองของพวกเขาจะนอน เอนกายอยู่บนฟูกในที่ร่ม 57 ในนั้น พวกเขาจะได้รับผลไม้ทุกชนิดและทุก สิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาจะถูกทักทายด้วยคำาว่า ศานติ จาก พระผู้อภิบาลผู้ทรงเมตตา (และพระเจ้าจะกล่าวว่า) สูเจ้าผู้ทำาความผิด จงแยกตัวของสูเจ้า ออกมาจากคนดีในวันนี้ ลูกหลานของอาดัมเอย ันมิได้บัญชาสูเจ้า หรือว่าอย่าเคารพสักการะซาตาน เพราะมันเป็นศัตรูตัว กาจของสูเจ้า ชัดๆ แต่จงเคารพสักการะและเชื่อฟัง ันเท่านั้น นี่คือหนทางที่ถูกต้อง แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังทำาให้ส่วนมากของสูเจ้าหลงทาง แล้วทำาไมสูเจ้า ยังไม่เข้าใจ นี่คือนรกที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้ วันนี้ จงเป็นเชื้อเพลิง ของมันเพราะการป ิเสธสัจธรรมของสูเจ้า วันนี้ เราจะปิดปากของ พวกเขา และมือของพวกเขาจะพูดกับเรา และเท้าของพวกเขาจะยืนยัน สิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ ถ้าหากเราประสงค์ เราสามารถที่จะปิดตาของพวกเขาและปล่อยให้

ยาซีน

พวกเขาคลำาหาทางกันเอง แต่พวกเขาจะเห็นได้อย่างไร และถ้าหาก เราประสงค์ เราสามารถทำาให้พวกเขาไม่อาจขยับเขยื้อนตรงที่ที่พวกเขา ยืน จนพวกเขาไม่สามารถที่จะไปข้างหน้าหรือถอยหลังกลับได้ ถ้าเรา ให้ชีวิตใครยืนยาว เราจะทำาให้เขากลับคืนสู่สภาพในตอนแรก พวกเขาใช้ เหตุผลไม่ได้หรือไง เรามิได้สอนบทกวีใดๆแก่เขาและมันก็ไม่เหมาะ กับเขา นี่มิใช่อะไรนอกไปจากคำาตักเตือนและเป็นกุรอานอันชัดเจน ทั้งนี้เพื่อที่จะเตือนทุกคนที่กำาลังมีชีวิตอยู่และเพื่อสนับสนุนถ้อยคำา (การตัดสินของพระเจ้า)ต่อบรรดาผู้ป ิเสธ พวกเขาไม่เห็นหรือว่าในบรรดาสิ่งต่างๆที่เราได้ทำาให้เป็นรูปร่าง ขึ้นมาด้วยมือของเรานั้น เราได้สร้างปศุสัตว์เพื่อพวกเขาซึ่งพวกเขาเป็น เราได้ทำาให้พวกมันยอมอยู่ใต้อำานาจของพวกเขา จน ผู้ควบคุมมัน บางชนิดพวกเขาได้ขี่มัน และบางชนิดเพื่อเป็นอาหาร บางชนิดเพื่อ ให้นมสำาหรับดื่มและบางชนิดมีประโยชน์อื่นๆที่พวกเขาได้รับจากมัน ดังนั้นแล้ว พวกเขายังไม่ขอบคุณอีกหรือ 74 พวกเขาได้ตั้งสิ่งอื่นเป็น พระเจ้าโดยหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสิ่งเหล่านั้น 75 แต่พวกมัน ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้เลย พวกเขาต่างหากจะถูกนำาไปอยู่หน้า พระเจ้าใน านะไพร่พลที่เป็นพันธมิตรของพวกมัน ดังนั้น จงอย่าให้ คำาพูดของพวกเขาทำาให้เจ้าต้องโศกเศร้าเสียใจ เรารู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขา ซ่อนเร้นและสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย 77 มนุษย์ไม่เห็นหรือว่าเราได้สร้างเขามาจากหยดอสุจิ แต่แล้ว เขา กลับเป็นผู้โต้เถียงอย่างเปิดเผย โดยเขาสร้างเหตุผลต่างๆขึ้นมาโต้ แย้งเราและลืมการสร้างเขาขึ้นมา เขาถามว่า ใครเล่าที่จะทำาให้กระดูก เหล่านี้มีชีวิตขึ้นมาอีกในเมื่อมันได้เป็นผุยผงไปแล้ว จงบอกพวกเขา ว่า พระผู้ทรงสร้างมันขึ้นมาตั้งแต่แรกนั่นไงที่จะทำาให้มันมีชีวิตขึ้นมา อีก พระองค์ทรงมีความรอบรู้เชี่ยวชาญในการสร้างทุกสิ่ง ผู้ทรงสร้าง ไฟให้พวกท่านจากต้นไม้สีเขียวและจากต้นไม้นี้เองที่พวกเขาได้ใช้มัน

อัล ศ็อฟฟาต

จุดไฟ ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินไม่สามารถสร้างสิ่งอื่นๆ ที่เหมือนกับคนเหล่านี้ได้กระนั้นหรือ แน่นอน พระองค์ทำาได้แน่ เพราะ พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างที่ชาญ ลาด เมื่อพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์แค่ทรงกล่าวว่า จงเป็น แล้วมันก็เป็นขึ้นมา ดังนั้น มหา บริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงมีอำานาจควบคุมทุกสิ่ง และยังพระองค์ที่พวก ท่านทั้งหลายจะถูกนำากลับไป 37. ตำาแหน่ง

อัล-ศ็อฟฟาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยบรรดา(ทูตสวรรค์)ผู้จัดตัวเองอยู่ในแถวที่ชิดกัน และ บรรดาผู้ขับไล่(คนชั่ว)ด้วยการตำาหนิ และขอสาบานด้วยบรรดาผู้อ่าน คำาตักเตือน 4 พระเจ้าที่แท้จริงของสูเจ้านั้นเป็นพระเจ้าองค์เดียว 5 ผู้ทรง อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนั้น พระผู้อภิบาลแห่งตะวันออกทั้งหมด เราได้ประดับฟ้าชั้นล่างด้วยความสวยงามของดวงดาวอันมากมาย 7 และได้ระวังรักษามันไว้จากซาตานทั้งหมดที่ ่า ืน พวกมันไม่ สามารถฟังถ้อยคำาของที่ชุมนุมอันสูงส่งเพราะพวกมันจะถูกขว้างจากทุก ด้าน ถูกขับไล่ และพวกมันจะได้รับการลงโทษตลอดกาล แต่ถ้าหาก มัน ก วยสิ่งใดไป(รู้อะไรจากที่นั่น) เปลวเพลิงที่สว่างไสวจะพุ่งติดตาม มันไป ดังนั้น จงถามผู้ป ิเสธสัจธรรมซิว่าการสร้างพวกเขาขึ้นมานั้นยาก กว่าการสร้างสิ่งอื่นๆทั้งหมดที่เราได้สร้างขึ้นมากระนั้นหรือ แท้จริง เรา สร้างพวกเขามาจากดินเหนียว ไม่แปลกอะไร ในขณะที่เจ้าประหลาด

ตำาแหน่ง

ใจ แต่พวกเขากำาลังเย้ยหยัน เมื่อพวกเขาถูกเตือน พวกเขาไม่ยอมรับ คำาตักเตือน และเมื่อพวกเขาเห็นสัญญาณหนึ่ง พวกเขาก็พากันเย้ย หยัน โดยกล่าวว่า นี่เป็นมายากลอย่างชัดเจน อะไรกัน เมื่อเรา ตายจนกลายเป็นผงธุลีและกระดูกแล้ว เราจะถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หนึ่ง พร้อมกับบรรพบุรุษของพวกเรากระนั้นหรือ จงบอกพวกเขา ว่า ใช่ และพวกท่านจะถูกนำามาอย่างไม่มีค่าใดๆ จะมีเสียงระเบิดแค่เพียงครั้งเดียว และพวกเขาจะได้เห็นด้วยตา ของพวกเขาเอง พวกเขาจะกล่าวว่า บรรลัยแล้วเรา นี่คือวันแห่งการ ชำาระบัญชี (จะมีเสียงกล่าวว่า) นี่คือวันแห่งการตัดสินที่สูเจ้าเคย ป ิเสธ แต่เราจะกล่าวว่า จงรวบรวมบรรดาผู้กระทำาความผิดพร้อม นอก กับผู้มีส่วนร่วมกับคนพวกนี้และสิ่งที่พวกเขาเคารพสักการะ ไปจากพระเจ้า และจงนำาพวกเขาไปสู่หนทางแห่งไฟ และจงหยุดยั้ง พวกเขาไว้เพื่อการสอบสวน มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้าที่ทำาให้สูเจ้าไม่ สามารถช่วยเหลือกันและกันได้เล่า ในวันนั้น พวกเขาจะยอมจำานน อย่างสิ้นเชิง พวกเขาจะหันมาไต่ถามซึ่งกันและกัน พวกเขาจะกล่าวว่า พวก ท่านได้มาหาเราจากทางด้านขวา พวกเขาตอบว่า เปล่าเลย พวก ท่านเองต่างหากที่ไม่ศรัทธา เราไม่มีอำานาจอันใดเหนือพวกเจ้า พวก เจ้าเองต่างหากที่เป็นคนดื้อรั้น แต่ตอนนี้ วจนะของพระผู้อภิบาลของ เราได้เป็นความจริงต่อเราแล้ว ดังนั้น จึงสมควรแล้วที่เราจะได้ลิ้มรส(การ ลงโทษ) เราได้ทำาให้พวกเจ้าหลงผิดเพราะเราเองก็หลงผิดอยู่แล้ว ใน วันนั้น พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งในการลงโทษร่วมกัน นั่นเป็นวิธีการ ที่เราได้ป ิบัติต่อผู้ทำาความชั่ว เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า ไม่มีสิ่งใดที่ คู่ควรแก่การเคารพสักการะนอกจากพระเจ้า พวกเขาหันไปอย่างหยิ่ง ผยอง และกล่าวว่า จะให้เราทิ้งสิ่งที่เราเคารพบูชาเพื่อกวีบ้าคนหนึ่ง กระนั้นหรือ แน่นอน เขา (มุ ัมมัด)ได้นำาสัจธรรมมายืนยันถึงบรรดา

อัล ศ็อฟฟาต

ศาสนทูตที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ สูเจ้าจะต้องได้ลิ้มรสการลงโทษอันเจ็บ ปวดอย่างแน่นอน และการลงโทษตอบแทนสูเจ้านั้นจะเป็นไปตามสิ่งที่ สูเจ้าได้ทำาไว้ แต่บรรดาบ่าวที่ได้รับการคัดเลือกของพระเจ้า พวกเขาจะได้ รับปัจจัยยังชีพดังที่ได้รู้แล้ว นั่นคือผลไม้หลากชนิด และพวกเขาจะ เป็นผู้มีเกียรติ ในสวนสวรรค์อันรื่นรมย์ 44 พวกเขาจะนั่งบนฟูกหัน หน้าเข้าหากัน 45 เครื่องดื่มจะถูกส่งผ่านไปรอบพวกเขาจากตาน้ำาที่ไหล อยู่ เป็นเครื่องดื่มขาวสะอาดและรสชาติอร่อยแก่บรรดาผู้ดื่มมัน 47 ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของพวกเขาและไม่ทำาให้พวกเขามึนเมา พวกเขาจะมีหญิงสาวบริสุทธิ์ที่มีดวงตาสวยงามและมองอย่างสงบเสงี่ยม เสมือนไข่มุกที่ถูกรักษาไว้อย่างใกล้ชิด พวกเขาจะหันมาถามซึ่งกันและกัน พวกเขาคนหนึ่งจะกล่าวว่า ันมีเพื่อนคนหนึ่ง ผู้เคยถามว่า เจ้าเป็นคนที่เชื่อกับเขาด้วยหรือว่า เมื่อเราตายจนกลายเป็นธุลีดินและกระดูกไปแล้ว เราจะถูกนำาไปสู่การ พิพากษา 54 ดังนั้น เขาจะกล่าวว่า เราจะมองหาเขาไหม 55 หลัง จากนั้น เมื่อเขามองลงไป เขาได้เห็นคนผู้นั้นอยู่ในก้นบึ้งของนรก เขา จึงกล่าวว่า ขอสาบานด้วยพระเจ้า เจ้าเกือบทำาให้ ันได้รับความหายนะ แล้ว 57 ถ้าหากมิใช่ความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของ ันแล้ว ัน อาจถูกนำาตัวมายังนรกอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจะกล่าว(กับผู้ได้รับ ความโปรดปรานว่า) เราจะไม่ตาย นอกไปจากการตายครั้งแรกของ เรากระนั้นหรือ และเราจะไม่ถูกลงโทษกระนั้นหรือ แท้จริง นี่คือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เพื่อสิ่งเดียวกันนี้ ทุกคนจงดิ้นรนต่อไป นั่นเป็นการต้อนรับที่ดีกว่า หรือว่าต้นซักกูม ที่เราได้ทำามัน ให้เป็นการทดสอบอย่างหนึ่งสำาหรับคนทำาผิด เพราะมันเป็นต้นไม้ที่ เติบโตมาจากก้นบึ้งของนรก และผลของมันเหมือนกับหัวของซาตาน พวกเขาจะได้กินจากมันจนกระทั่งเต็มท้อง หลังจากนั้น พวกเขา

444

ตำาแหน่ง

จะได้ดื่มน้ำาเดือด หลังจากนั้น พวกเขาจะกลับไปยังนรกอีก พวก เขาพบว่าบรรพบุรุษของพวกเขาหลงผิด แล้วพวกเขายังกระตือรือร้น ดำาเนินรอยตามคนเหล่านั้น แน่นอน คนส่วนใหญ่ก่อนหน้าพวกเขา ได้หลงผิด ถึงแม้เราได้สงผู้เตือนหลายคนไปยังพวกเขาแล้ว ตอน นี้ดูกันเองเถิดว่าบรรดาผู้ถูกตักเตือนนั้นได้พบจุดจบของพวกเขาอย่างไร 74 แต่ปวงบ่าวที่พระเจ้าทรงคัดเลือกไว้มิใช่เช่นนั้น 75 นู ฺได้ร้องขอต่อเรา และดูซิว่าการตอบรับของเรานั้นดีเลิศเช่นไร เราได้ช่วยเขาและคนของเขาให้พ้นจากความทุกข์อันมหันต์ 77 และ เราได้ทำาให้ลูกหลานของเขารอดชีวิต เราได้ทิ้งเรื่องราวของเขาไว้ให้ คนรุ่นหลังเอ่ยถึง ศานติจงมีแด่นู ฺในหมู่ชาวโลก นั่นเป็นวิธีการที่ เราตอบแทนบรรดาผู้ทำาความดี แท้จริง นู ฺเป็นหนึ่งในบรรดาบ่าวผู้ ศรัทธาของเรา เราได้ทำาให้คนอื่นๆจมน้ำาตาย อิบรอ ีมก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีความศรัทธาเดียวกัน เขาได้ เข้าหาพระผู้อภิบาลของเขาด้วยหัวใจที่สงบ เขาได้กล่าวแก่บิดาของ เขาและผู้คนของเขาว่า ดูซิ พวกท่านเคารพบูชาอะไรกันนี่ พวกท่าน รับใช้เทวรูปเหล่านั้นแทนพระเจ้ากระนั้นหรือ พวกท่านคิดอะไรใน เรื่องพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก หลังจากนั้น เขาได้มองไปที่ดวงดาว และเขากล่าวว่า ันไม่ สบายจริงๆ ดังนั้น พวกเขาจึงหันหลังให้เขาแล้วจากไป (เมื่อคน เหล่านั้นไม่อยู่) เขาได้ลอบเข้าไปยังเทวรูปเหล่านั้นและกล่าวว่า ทำาไม พวกเจ้าไม่กิน เป็นอะไรไปเล่า พวกเจ้าถึงไม่พูด หลังจากนั้น เขาๆได้ตรงเข้าไปฟาดเทวรูปเหล่านั้นด้วยมือขวา (เมื่อผู้คนกลับมา) พวกเขารีบตรงมาหาอิบรอ ีม แต่เขากล่าวว่า พวกท่านเคารพบูชา สิ่งที่พวกท่านแกะสลักมันด้วยมือของพวกท่านเองกระนั้นหรือ ทั้งๆ ที่พระเจ้าทรงสร้างพวกท่านขึ้นมาเช่นเดียวกับสิ่งที่พวกท่านทำาขึ้นมา พวกเขาจึงกล่าวว่า จงเตรียมสถานที่เผาไว้สำาหรับเขาแล้วโยนเขาลง

อัล ศ็อฟฟาต

445

ไปในไฟที่กำาลังลุก พวกเขาต้องการทำาร้ายเขา แต่เราได้ทำาให้พวก เขาต้องพ่ายแพ้ อิบรอ ีมได้กล่าวว่า ันจะไปหาพระผู้อภิบาลของ ัน พระองค์จะทรงนำาทาง ันอย่างแน่นอน โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรด ทรงประทานบุตรที่จะเป็นคนดีแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด เราได้แจ้ง ข่าวดีแก่เขาว่าเขาจะมีลูกชายที่มีความอดทนและมีขันติธรรมคนหนึ่ง และเมื่อลูกของเขาเติบโตขึ้นถึงวัยที่จะทำางานกับเขา (วันหนึ่ง) อิบรอ ีมได้กล่าวแก่เขาว่า ลูกรัก พ่อได้ ันเห็นว่าพ่อกำาลังเชือดเจ้า บอกพ่อหน่อยซิว่าเจ้าคิดอย่างไร เขากล่าวว่า พ่อครับ พ่อจงทำาตาม ที่ได้ถูกบัญชาเถิด หากพระเจ้าทรงประสงค์แล้ว พ่อจะพบว่า ันเป็นหนึ่ง ในบรรดาผู้อดทน เมื่อทั้งสองยอมจำานนต่อพระเจ้าแล้ว อิบรอ ีม เราได้เรียกเขา อิบรอ ีม ได้ให้ลูกชายของเขานั่งก้มหัวลงกับพื้น เจ้าได้ป ิบัติตามความ ันแล้ว เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนบรรดา ผู้ทำาความดี แท้จริงแล้ว นี่คือการทดสอบอันชัดเจน เราได้ไถ่ ลูกชายของเขาสำาหรับการพลีอันยิ่งใหญ่ และเราได้ทิ้งเขาไว้เพื่อให้(ผู้ ป ิบัติตาม)กลุ่มหนึ่งในหมู่ชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อจากเขา ศานติแด่ อิบรอ ีม นั่นเป็นวิธีการที่เราตอบแทนบรรดาผู้ทำาความดี แท้จริง เขาเป็นบ่าวผู้ศรัทธาของเราคนหนึ่ง เราได้แจ้งข่าวดีแก่เขาถึงเรื่อง อิส ากซึ่งเป็นนบีคนหนึ่งในบรรดาผู้ทรงคุณธรรม และเราได้ประทาน ความจำาเริญแก่เขาเช่นเดียวกับอิส าก และในหมู่ลูกหลานของพวกเขา นั้นมีบางคนที่มีคุณธรรมความดีและบางคนเป็นผู้อธรรมต่อตัวเองอย่าง ชัดเจน เราได้ประทานความโปรดปรานแก่มูซาและ ารูน เราได้ช่วย เหลือเขาทั้งสองและคนของเขาให้พ้นจากทุกขภัยอันยิ่งใหญ่ เราได้ ช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นผู้ได้รับชัยชนะ และเราได้ ประทานคัมภีร์ที่ชัดเจนแก่เขาทั้งสอง และได้นำาเขาทั้งสองไปสู่ทางที่ เที่ยงตรง และเราได้ทิ้งคนทั้งสองไว้เพื่อให้มี(ผู้ป ิบัติตาม)กลุ่มหนึ่ง

ตำาแหน่ง

ในหมู่ชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อจากเขาทั้งสอง ศานติแด่มูซาและ า รูน เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนบรรดาผู้ทำาความดี แท้จริงแล้ว เขาทั้งสองเป็นบ่าวผู้ศรัทธาของเรา อิลยาส(เอลิยาห์)นั้นเป็นหนึ่งในบรรดาศาสนทูต เขาได้พูดกับ คนของเขาว่า พวกท่านไม่เกรงกลัว(พระเจ้า)หรือ พวกท่านวิงวอน ต่อบาลและทอดทิ้งผู้ดีเลิศที่สุดแห่งบรรดาผู้สร้าง นั่นคือพระเจ้า พระ ผู้อภิบาลของพวกท่านและพระผู้อภิบาลของบรรดาบรรพบุรุษของพวก ท่านกระนั้นหรือ แต่พวกเขาป ิเสธเขา ดังนั้น พวกเขาจะต้อง ถูกลงโทษอย่างแน่นอน ยกเว้นบรรดาบ่าวผู้ได้รับการคัดเลือกของ พระเจ้า ดังนั้น เราจึงได้ทิ้งเขาไว้ให้มี(ผู้ป ิบัติตาม)กลุ่มหนึ่งในหมู่ ศานติจงมีแด่อิลยาสและคนของ คนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อจากเขา เขา เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนผู้ทำาความดี แท้จริง เขาเป็นคน หนึ่งในบรรดาบ่าวผู้ศรัทธาของเรา ลู ก็เป็นหนึ่งในบรรดาศาสนทูต เราได้ช่วยเขาและคนของเขา ให้รอดชีวิต ยกเว้นหญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่ข้างหลัง และเราได้ทำาลาย คนอื่นๆจนหมดสิ้น สูเจ้าเดินผ่านซากปรักหักพังของพวกเขาทั้งยาม เช้า และยามค่ำา แล้วสูเจ้ายังไม่คิดอีกหรือ ยูนุสก็เป็นคนหนึ่งในบรรดาศาสนทูต จงนึกถึงเมื่อตอนที่เขา หนีไปยังเรือที่บรรทุกจนเต็มเพียบ แล้วพวกเขาได้ร่วมกันเสี่ยงทาย และเขาเป็นผู้แพ้ และปลาตัวใหญ่ก็ได้กลืนเขาลงไปในขณะที่เขา ตำาหนิตัวเอง ถ้าหากเขามิได้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ยอมรับความเกรียง ไกรของพระเจ้า แน่นอน เขาจะต้องอยู่ในท้องปลาตัวนั้นไปจนกระทั่ง วันแห่งการฟื้นคืนชีพ แต่ต่อมาเราได้ทำาให้เขาถูกโยนไปบนชาย ั่ง ในสภาพที่ป่วย และเราได้ทำาให้มีไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมตัวเขา หลัง จากนั้น เราได้ส่งเขาไปใน านะศาสนทูตยังหมู่คนจำานวนแสนหรือ

อัล ศ็อฟฟาต

447

มากกว่านั้น และคนเหล่านั้นได้ศรัทธาในเขาและเราได้ปล่อยพวกเขา ให้มีชีวิตจนกระทั่งถึงเวลาหนึ่ง ทีนี้ จงถามพวกเขาซิว่าพระผู้อภิบาลของเจ้ามีลูกสาวหลายคนใน ขณะที่พวกเขามีลูกชายหลายคนกระนั้นหรือ เราได้สร้างทูตสวรรค์ เป็นเพศหญิงและพวกเขารู้เห็นการสร้างกระนั้นหรือ ความจริง แล้ว มันเป็นการสร้างเรื่องเท็จของพวกเขาขึ้นมาเมื่อพวกเขากล่าวว่า พระเจ้าทรงมีบุตร พวกเขากล่าวเท็จทั้งสิ้น พระเจ้าจะทรงเลือก บุตรสาวแทนบุตรชายกระนั้นหรือ สูเจ้าเป็นอะไรไป ทำาไมสูเจ้า จึงตัดสินเช่นนั้น สูเจ้าไม่คิดบ้างเลยกระนั้นหรือ หรือถ้าสูเจ้า มีหลัก านที่ชัดแจ้งอันใดในเรื่องนี้ สูเจ้าก็จงนำาคัมภีร์ของสูเจ้ามาถ้า สูเจ้าพูดความจริง พวกเขาอ้างว่าพระองค์ทรงมีความสร้างความสัมพันธ์ทางสาย เลือดกับกับญิน ทั้งๆที่พวกญินรู้ดีว่าพวกมันจะถูกนำาตัวมาอยู่ต่อหน้า พระองค์(เพื่อการพิพากษา) พระเจ้าทรงอยู่เหนือพ้นจากสิ่งที่พวกเขา กล่าวถึงพระองค์ แต่บ่าวที่แท้จริงของพระองค์มิใช่เช่นนั้น สูเจ้า และสิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะ ไม่สามารถที่จะลวงผู้ใดให้หันไปจาก พระเจ้าได้ นอกจากบรรดาผู้ที่จะถูกเผาในนรก (บรรดาทูตสวรรค์ กล่าวว่า) สำาหรับพวกเราแต่ละองค์มีสถานะที่ได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว และเราเป็นบ่าวที่อยู่ในแถว และเราเป็นผู้สดุดีพระเจ้า พวกเขาเคยกล่าวว่า ถ้าหากเรามีคัมภีร์อยู่กับเราเหมือนกับ ผู้คนก่อนหน้านี้เคยได้รับ เราก็จะได้เป็นบ่าวผู้บริสุทธิ์ใจของพระเจ้า อย่างแน่นอน แต่พวกเขาได้ป ิเสธมัน(กุรอาน)แล้ว ไม่ช้า พวกเขา จะได้รู้ และแน่นอน สัญญาของเราได้เป็นจริงแล้วกับบรรดาศาสนทูต บ่าวของเรา ว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอน และ กองทัพของเราเท่านั้นจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ ดังนั้น (โอ้ นบี) จงปล่อย

ศอด

พวกเขาไว้ชั่วขณะหนึ่ง และจงเ ้ามองพวกเขา ไม่ช้า พวกเขาก็จะ เห็นด้วยตัวเอง พวกเขาอยากจะเร่งให้เรารีบลงโทษกระนั้นหรือ เมื่อใดที่มัน ลงมาที่ลานหน้าบ้านของพวกเขา เช้านั้นจะเป็นช่วงเวลาอันน่าสะพรึง กลัวสำาหรับผู้ที่ถูกเตือน ดังนั้น เจ้าจงปล่อยเขาไว้ตามลำาพังชั่วขณะ หนึ่ง และจงเ ้าดูพวกเขา ไม่ช้า พวกเขาก็จะได้เห็นมันเอง มหา บริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า พระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติสูงส่งและ ปลอดพ้นจากสิ่งที่พวกเขากล่าวหา ศานติจงมีแด่บรรดาศาสนทูต และบรรดาการสรรเสริญทั้งหลายนั้นเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก 38. ศอด

ศอด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ศอด ขอสาบานด้วยกุรอานซึ่งเต็มไปด้วยข้อตักเตือน บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมเองต่างหากที่อยู่ในความยโสโอหังและความเป็นศัตรู กี่ชนชาติ แล้วที่เราได้ทำาลายไปก่อนหน้าพวกเขา และพวกเขาร้องขอความช่วย เหลือเมื่อมันสายเกินกว่าที่จะหนีรอดแล้ว 4 พวกเขาประหลาดใจที่มีผู้ตักเตือนคนหนึ่งจากในหมู่พวกเขาได้ มายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า นี่คือนักมายากลและคนโกหก 5 เขาได้ ทำาให้พระเจ้าหลายองค์เป็นพระเจ้าองค์เดียวกระนั้นหรือ นี่เป็นเรื่อง ประหลาดจริงๆ หัวหน้าของพวกเขาได้ออกไปและกล่าวว่า ออกไป ซะและจงยึดมั่นต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพวกท่านต่อไป นี่เป็นการ

ศอด

วางแผนสมรู้ร่วมคิดกันชัดๆ 7 เราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ในศาสนาก่อนๆ นี่ มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องที่กุขึ้นมา คำาตักเตือนถูกส่งมายังเขาเพียงคน เดียวในหมู่พวกเรากระนั้นหรือ ความจริงแล้ว พวกเขาสงสัยในข้อตัก เตือนของ ัน เพราะพวกเขายังไม่ได้ลิ้มรสการลงโทษของ ัน พวกเขามีคลังแห่งความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรง อำานาจและผู้ทรงมีอย่างเหลือหลายกระนั้นหรือ พวกเขาเป็นเจ้าของ ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนั้นหรือ ถ้า เป็นเช่นนั้น จงให้พวกเขาใช้เชือกปีนขึ้นไปบนชั้นฟ้า ไพร่พลนี้จะถูก ทำาลายเช่นเดียวกับไพร่พลอื่นๆ ก่อนหน้าพวกเขา หมู่ชนของนู ฺได้ ป ิเสธสัจธรรมเช่นเดียวกับหมู่ชนของอาดและฟาโรห์แห่งเสาหลักได้ รวมทั้งพวกษะมูดและหมู่ชนของลู และผู้อาศัย เคยป ิเสธมาแล้ว อยู่ในป่า(ชาวอัยกะ ฺ)ด้วย พวกเขาเหล่านี้เป็นพวกเดียวกัน แต่ละ พวกล้วนถือว่าบรรดาศาสนทูตของพวกเขาเป็นผู้โกหก ดังนั้น พวกเขา สมควรได้รับการลงโทษจาก ัน พวกเขาเพียงแต่คอยเสียงกัมปนาท (แห่งการลงโทษ)เพียงครั้งเดียวเท่านั้นและมันจะไม่ล่าช้าออกไปแม้แต่ นิดเดียว พวกเขาจะกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเรา โปรดรีบให้เราได้ รับชะตากรรมของเราก่อนถึงวันแห่งการชำาระบัญชีด้วยเถิด (โอ้ นบี) จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพูด และจงบอกพวกเขาถึงเรื่อง ราวของบ่าวของเรา นั่นคือดาวูดผู้ทรงพลัง เขาเป็นผู้หันเข้าหาเราเสมอ เราได้ทำาให้ภูเขาสดุดีร่วมกับเขาทั้งในยามค่ำาและยามรุ่ง และพวก นกเป็น ูงๆก็หันมายังพระองค์ เราได้ทำาให้อาณาจักรของเขาเข้มแข็ง และเราได้ประทานวิทยปัญญาและความสามารถในการตัดสินที่ถูกต้อง แก่เขา เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของคู่พิพาทที่ปีนกำาแพงเข้าไปในห้องชั้นบน ของเขาไหม เมื่อพวกเขาได้มาถึงตัวดาวูด เขาตกใจที่ได้เห็นคนทั้ง สอง พวกเขากล่าวว่า อย่ากลัวเลยท่าน เราเป็นคู่พิพาทกัน ่ายหนึ่ง

ศอด

ล่วงเกินอีก ่ายหนึ่ง ดังนั้น จงช่วยตัดสินระหว่างเราอย่างยุติธรรมโดยไม่ ลำาเอียงและโปรดแนะนำาเราไปสู่หนทางที่ถูกต้องด้วยเถิด นี่คือพี่ชายของ ัน เขามีแกะเก้าสิบเก้าตัวและ ันมีหนึ่งตัว เขา บอกกับ ันว่า เอาแกะตัวนี้มาให้ ัน และเขาก็เอาชนะ ันในการโต้เถียง ดาวูดได้ตอบว่า แน่นอนเขาไม่เป็นธรรมต่อเจ้าที่ต้องการเอาแกะของ เจ้าไปรวมกับแกะของเขา ความจริงแล้ว คนที่อยู่ร่วมกันมักจะละเมิดต่อ กันและกัน เว้นแต่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี แต่คนเช่นนี้มีน้อย (ทันใดนั้น) ดาวูดเริ่มตระหนักได้ว่าความจริงแล้วเรากำาลังทดสอบเขา ดัง นั้น เขาจึงขอให้พระผู้อภิบาลของเขายกโทษให้เขา เขาคุกเข่าลงและหัน ไปยังพระผู้อภิบาลของเขาเพื่อสำานึกผิดและขออภัยโทษ ดังนั้น เราจึง ให้อภัยเขาในเรื่องนั้น และแน่นอน รางวัลตอบแทนของเขาคือการได้อยู่ ใกล้เรา สถานที่พำานักอันดีเลิศที่จะกลับไป เราได้กล่าวว่า ดาวูดเอย เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ควบคุมดูแล แผ่นดินนี้ ดังนั้น จงปกครองผู้คนด้วยความยุติธรรมและจงอย่าป ิบัติ ตามอารมณ์ใ ่ต่ำา เพราะมันจะนำาเจ้าให้หลงไปจากแนวทางของพระเจ้า สำาหรับบรรดาผู้หลงไปจากแนวทางของพระเจ้านั้น พวกเขาจะได้รับการ ลงโทษอย่างแสนสาหัสเพราะพวกเขาลืมวันแห่งการชำาระบัญชี เราไม่ได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างมัน ทั้งสองขึ้นมาอย่างไร้สาระ นั่นคือสิ่งที่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนึกคิดกัน ขึ้นมาเอง ดังนั้น ความหายนะจากไฟนรกจงประสบแก่บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมเหล่านั้น จะให้เราป ิบัติต่อผู้ศรัทธาและกระทำาความดีเช่น เดียวกับผู้สร้างความเสียหายในแผ่นดินกระนั้นหรือ จะให้เราป ิบัติ ต่อบรรดาผู้ยำาเกรงเช่นเดียวกับผู้ทำาชั่วกระนั้นหรือ นี่คือคัมภีร์อัน จำาเริญซึ่งเราได้ประทานลงมายังเจ้า(โอ้มุ ัมมัด) เพื่อที่คนเหล่านี้จะได้ พิจารณาสาสน์ทั้งหลายของมันและเพื่อคนที่มีความเข้าใจจะได้รับบท เรียนจากมัน

ศอด

เราได้ประทานสุลัยมานแก่ดาวูด เขาเป็นบ่าวผู้ประเสริ ที่หันไปหา พระผู้อภิบาลของเขาเสมอ ในเย็นวันหนึ่ง เมื่อมีการนำาขบวนม้าพันธุ์ ดีมาให้เขาดู เขากล่าวว่า ันรักทรัพย์สมบัตินี้เหนือกว่าการระลึกถึง พระผู้อภิบาลของ ันเสียแล้ว จนกระทั่ง(ดวงอาทิตย์)ได้ลับหายไปเบื้อง หลังม่านของมันและม้าได้หายลับไปจากสายตา (เขาได้บัญชาว่า) จง นำาพวกมันกลับมาให้ ัน หลังจากนั้น เขาก็เริ่มตบขาและคอของพวกมัน เราได้ทดสอบสุลัยมานโดยการเอาร่างหนึ่ง(ที่ไร้ชีวิต)วางไว้บน บัลลังก์ของเขา หลังจากนั้น เขาได้หันกลับมายังเรา เขาวิงวอนว่า โอ้ พระผู้อภิบาล โปรดประทานอภัยโทษแก่ข้าพระองค์และโปรดประทาน อำานาจแก่ ันซึ่งหลังจาก ันแล้วจะไม่มีใครได้รับอำานาจนี้อีกด้วยเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงให้ที่แท้จริง ดังนั้น เราจึงได้ทำาให้ลมอยู่ใต้ อำานาจของเขาซึ่งมันจะพัดโชยตามคำาบัญชาของเขาไปยังที่ไหนก็ตามที่ เขาสั่งมัน รวมทั้งพวกญินที่เป็นช่างก่อสร้างและพวกนักดำาน้ำา และ พวกอื่นๆที่ถูกล่ามโซ่ด้วย (เราได้กล่าวแก่เขาว่า) นี่เป็นของขวัญจาก เรา เจ้าจะให้หรือไม่ให้แก่ใครก็ได้ตามที่เจ้าต้องการโดยไม่ต้องได้รับการ สอบสวน รางวัลตอบแทนของเขาคือความใกล้ชิดกับเรา เป็นสถานที่ ดีที่สุดที่จะกลับไป จงนึกถึงอัยยูบบ่าวของเราเมื่อเขาวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ เขาโดยกล่าวว่า ซาตานได้ทำาให้ ันได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนและ ความทรมาน เราได้กล่าวว่า จงกระทืบเท้าของเจ้าบนแผ่นดิน นี่คือ น้ำาเย็นสำาหรับอาบและดื่ม และเราได้นำาครอบครัวของเขากลับมายัง เขาและที่มาพร้อมกับพวกเขามากไปกว่านั้นอีกใน านะเป็นความเมตตา จากเราและเป็นข้อตักเตือนสำาหรับคนที่มีความเข้าใจ 44 (และเราได้บอก เขาว่า) จงเอาฟางมากำามือหนึ่งแล้วใช้มันฟาดลงไป จงอย่าทำาลายคำา

ศอด

สาบานของเจ้า เราพบว่าเขาเป็นผู้อดทน เป็นบ่าวผู้ประเสริ ที่หันไปยัง พระผู้อภิบาลของเขาเสมอ 45 จงเอ่ยถึงบ่าวของเรา นั่นคือ อิบรอ ีมและอิส ากและยะกูบ พวก เขาเป็นผู้ทรงอำานาจและมองอะไรลึกซึ้ง เราได้เลือกพวกเขาเพื่อ วัตถุประสงค์พิเศษอย่างหนึ่ง นั่นคือการประกาศข่าวเรื่องโลกหน้า 47 และในทัศนะของเรา พวกเขาได้ถูกรวมไว้ในหมู่ผู้ถูกคัดเลือก เป็นคน ที่มีคุณธรรมดีเลิศ และจงนึกถึงอิสมาอีลและอัลยะซะอ์(เอลิชา)และ ซุลกิฟล์ พวกเขาทั้งหมดอยู่ในหมู่ผู้มีความยุติธรรม นี่คือข้อตักเตือน (จงฟัง) สำาหรับผู้มีความยำาเกรงพระเจ้านั้นจะได้ รับที่พำานักอันประเสริ นั่นคือสวนสวรรค์อันสถาพรที่ประตูของมันจะ เปิดไว้สำาหรับพวกเขาเสมอ ในนั้น พวกเขาจะได้นั่งเอนกายเรียกหา ผลไม้และเครื่องดื่มที่อยู่มากมาย พวกเขาจะมีคู่ครองเป็นหญิงบริสุทธิ์ ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน นี่คือสิ่งที่ได้ถูกสัญญาไว้สำาหรับวันแห่ง การชำาระบัญชี 54 แท้จริง นี่คือสิ่งที่เราจัดเตรียมไว้สำาหรับสูเจ้า มันจะ ไม่มีวันหมด 55 แต่สำาหรับผู้โอหังนั้นจะได้รับการตอบแทนที่เลวร้ายที่สุด พวก 57 เขาจะถูกเผาในนรกซึ่งเป็นที่พำานักอันชั่วช้าที่สุด ทั้งหมดนี้สำาหรับ พวกเขา ดังนั้น จงปล่อยให้พวกเขาได้ลิ้มรสน้ำาเดือดและน้ำาหนอง และ สิ่งอื่นๆเช่นเดียวกันนี้ (และพวกเขาจะกล่าวซึ่งกันและกันว่า พวกเจ้า เห็นไหม) นี่คือหมู่ชนที่กำาลังรีบเร่งมาร่วมกับพวกเจ้า ไม่มีการต้อนรับ อัยผลูเป็นนบีในเชื้อสายอิสราเอลในราวศตวรรษที่ ก่อนคริสตกาล ตามคัมภีร์ไบเบิล (โยบ ) เดิมทีเขาเป็นคนร่ำารวยมาก เขามีเรือก สวนไร่นา ปศุสัตว์ บ้านและลูกหลานมากมาย จนถึงขนาดที่ว่าในตะวัน ออกไม่มีใครที่ไม่พึ่งพาอาศัยเขา แม้กระนั้นก็ตาม โยบเป็นผู้ศรัทธาและ ผู้ขอบคุณพระเจ้า ชีวิตของเขาเป็นแบบอย่างที่ดีสอนให้คนรู้จักถ่อมตน และเจียมตัวแม้จะมีทรัพย์สินมากมายและเกียรติสูงส่งก็ตาม

ศอด

สำาหรับพวกเขา พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในนรก พวกเขาจะตอบว่า ไม่ เลย พวกท่านเองต่างหากที่ไม่ได้รับการต้อนรับ เพราะพวกท่านนำาเรา มาสู่บั้นปลายเช่นนี้ ช่างเป็นสถานที่พักอันชั่วช้าเสียเหลือเกิน แล้ว พวกเขาจะกล่าวต่ออีกว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา ใครที่ทำาให้พวกเรา ต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ ขอพระองค์ทรงลงโทษพวกเขาเป็นสอง เท่า และพวกเขาจะกล่าวซึ่งกันและกันว่า เป็นไปได้อย่างไรที่เราไม่ เห็นใครเลยที่เราเคยคิดว่าเป็นคนเลวในโลก(อยู่ที่นี่) และผู้ที่เราถือเอา เป็นที่เย้ยหยัน หรือพวกเขาอยู่ที่นี่ แต่ตาของเรามองไม่เห็นพวกเขา ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่ชาวนรกต่างตำาหนิกันและกัน (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า ันเป็นแค่เพียงผู้ตักเตือนคนหนึ่ง เท่านั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดๆนอกจากพระเจ้าผู้ทรงเอกะและผู้ทรงพิชิต พระผู้ทรงอภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ใน ระหว่างทั้งสอง ผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงอภัยอย่างที่สุด จงบอกพวกเขาว่า นี่คือข่าวอันยิ่งใหญ่ ที่พวกท่านไม่ใส่ใจ ันไม่มีความรู้ใดๆในเรื่อง ที่ชุมนุมอันสูงส่งเมื่อพวกเขาถกเถียงกัน(ในเรื่องการสร้างมนุษย์) ัน เพียงแต่ได้รับการบอกให้รู้ว่า ันเป็นแค่ผู้ตักเตือนเท่านั้น พระผู้อภิบาลของเจ้าได้กล่าวแก่ทูตสวรรค์ว่า ันจะสร้างมนุษย์ คนหนึ่งจากดิน และเมื่อ ันได้ทำาให้เขาเป็นรูปร่างและเป่าวิญญาณ ของ ันเข้าไปในตัวเขาแล้ว พวกเจ้าจงก้มลงกราบต่อเขา ดังนั้น ทูตสวรรค์ทั้งหมดจึงก้มลงกราบ 74 นอกจากซาตานที่ยโสโอหังและเป็น หนึ่งในบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม 75 พระเจ้าทรงถามว่า ซาตาน อะไรที่ ขัดขวางเจ้ามิให้ก้มกราบต่อเขาซึ่ง ันได้สร้างมาด้วยมือทั้งสอง ัน เจ้ายโสโอหังนัก หรือว่าเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้สูงส่ง มันตอบว่า ันดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้าง ันมาจากไฟและทรงสร้างเขามาจาก ดิน 77 พระองค์ทรงกล่าวว่า ดังนั้น เจ้าจงออกไปจากที่นี่ แท้จริง เจ้า

454

ูงคน

เป็นผู้ที่ถูกสาปแช่งแล้ว และการสาปแช่งของ ันจะมีแก่เจ้าจนกระทั่ง ถึงวันแห่งการตัดสิน แต่ซาตานกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ถ้าเช่นนั้น ขอพระองค์ได้ทรง ผ่อนผันให้ ันจนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพด้วยเถิด พระองค์ทรงกล่าว ว่า ได้ เจ้าได้รับการผ่อนผัน จนถึงวันที่ได้ถูกกำาหนดไว้ มันกล่าว ว่า ขอสาบานด้วยเกียรติของพระองค์ ันจะทำาให้พวกเขาทั้งหมดหลง ผิด นอกจากบ่าวของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ พระเจ้า ทรงกล่าวว่า นี่คือความจริง และความจริงเท่านั้นที่ ันกล่าว ันจะ ทำาให้นรกเต็มไปด้วยพวกเจ้า และบรรดาผู้ที่ตามพวกเจ้าทั้งหมด (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า ันมิได้ร้องขอสิ่งตอบแทนใดๆจาก พวกท่านเพื่อสาสน์นี้ และ ันก็มิใช่คนโกหกหลอกลวง นี่มิใช่อะไรนอก ไปจากคำาตักเตือนสำาหรับมวลมนุษย์ หลังจากนี้ พวกท่านเองจะได้รู้ ความจริงของมัน 39. ฝูงคน

อัล-ซุมัรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ คัมภีร์นี้ได้ถูกประทานมาจากพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และผู้ทรงปรีชา ญาณ (โอ้ มุ ัมมัด) แท้จริง เราได้ประทานคัมภีร์นี้มายังเจ้าด้วย สัจธรรม ดังนั้น จงเคารพสักการะพระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียวโดยการ อุทิศตนทั้งหมดของเจ้าให้ศาสนาของพระองค์ พระเจ้าเท่านั้นที่ต้องได้ รับการเชื่อฟังอย่างบริสุทธิ์ใจ บรรดาผู้ที่เอาสิ่งอื่นเป็นผู้พิทักษ์นอกไป จากพระองค์กล่าวว่า เราเคารพบูชาสิ่งเหล่านั้นเพียงเพื่อที่สิ่งเหล่านั้น จะนำาเราเข้าใกล้พระเจ้า แน่นอน พระเจ้าจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขา

อัล ซุมัรฺ

455

เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่พวกเขาขัดแย้งกัน แท้จริง พระเจ้ามิทรงนำาทางผู้ โกหกและป ิเสธสัจธรรม 4 ถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ที่จะมีบุตร พระองค์จะทรงเลือกผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์จากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระองค์(พระองค์ทรงอยู่เหนือสิ่งเช่นนั้น) พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงเอ กะ ผู้ทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง 5 พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์ที่แท้จริง พระองค์ทรงทำาให้กลางคืนตามหลัง กลางวันและกลางวันตามหลังกลางคืน พระองค์ทรงควบคุมดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ไว้เพื่อที่มันจะได้โคจรไปตามวิถีของมันจนถึงเวลาที่ได้ถูก กำาหนดไว้ พระองค์คือผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงให้อภัย พระองค์ทรงสร้างสูเจ้ามาจากชีวิตหนึ่ง แล้วจากชีวิตนั้นพระองค์ได้ ทรงสร้างคู่ครองของมัน และทรงจัดเตรียมปศุสัตว์แปดตัวทั้งเพศผู้และ เพศเมียแก่สูเจ้า พระองค์ทรงสร้างสูเจ้าเป็นขั้นเป็นตอนในครรภ์ของ มารดาของสูเจ้าในความมืดทึบสามชั้น พระเจ้าองค์นี้แหละที่เป็นพระผู้ อภิบาลของสูเจ้า อำานาจสูงสุดเป็นของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอก ไปจากพระองค์ แล้วอะไรทำาให้สูเจ้าหันไป 7 ถ้าหากสูเจ้าเนรคุณ จงจำาไว้ว่าพระเจ้าไม่ต้องการสูเจ้า พระองค์ ไม่ทรงยินดีต่อการเนรคุณในบ่าวของพระองค์ แต่ถ้าหากสูเจ้าขอบคุณ พระองค์จะทรงยินดี(ที่เห็นมัน)ในตัวสูเจ้า ไม่มีผู้แบกรับภาระคนใดที่จะ แบกภาระของอีกคนหนึ่ง ในที่สุดแล้ว สูเจ้าทั้งหมดจะต้องกลับไปหาพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้า หลังจากนั้น พระองค์จะทรงบอกสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าได้ ทำาไป พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของมนุษย์ เมื่อมนุษย์ได้รับทุกข์ภัยบางอย่าง เขาจะวิงวอนต่อพระผู้อภิบาล ของเขาและหันไปยังพระองค์เพื่อสำานึกผิดและขออภัย แต่เมื่อพระผู้ อภิบาลของเขาประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่เขา เขาก็ลืม ผู้ที่เขาได้วิงวอนก่อนหน้านี้และตั้งสิ่งอื่นขึ้นมาเป็นภาคีกับพระเจ้า เพื่อ

ทำาให้คนอื่นๆหลงไปจากทางของพระองค์ (โอ้ นบี) จงบอกเขาว่า จง สนุกสนานกับการป ิเสธของท่านไปสักระยะหนึ่งเถิด พวกท่านจะเป็น หนึ่งในชาวนรก ผู้ภักดีต่อพระเจ้าที่ใช้เวลาในยามค่ำาคืนยืนและกราบ และผู้หวั่นเกรงต่อโลกหน้าและหวังในความเมตตาของพระผู้อภิบาล ของเขา (จะเหมือนกับผู้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นหรือ) จงถามพวกเขาว่า คน ที่รู้กับคนที่ไม่รู้จะเท่าเทียมกันกระนั้นหรือ ผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะ ยอมรับข้อตักเตือนนี้ (โอ้ นบี) จงกล่าวเถิด (พระเจ้าทรงกล่าวว่า) ปวงบ่าวผู้ศรัทธา ทั้งหลาย จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกท่าน สำาหรับผู้ทำาความดี ในโลกนี้จะได้รับรางวัลตอบแทนที่ดี และแผ่นดินของพระเจ้านั้นกว้าง ใหญ่ไพศาล แท้จริง บรรดาผู้อดทนจะได้รับการตอบแทนโดยไม่มีการ คำานวณ (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า ันถูกบัญชาให้เคารพภักดีพระเจ้า โดยอุทิศการเคารพสักการะทั้งหมดของ ันเพื่อพระองค์ และ ันได้ ถูกบัญชาให้เป็นคนแรกที่ยอมจำานน จงกล่าวเถิด แท้จริง ันกลัว การลงโทษแห่งวันอันน่าสะพรึงกลัวถ้าหาก ัน ่า ืนพระผู้อภิบาลของ ัน จงกล่าวเถิด พระเจ้าเท่านั้นที่ ันเคารพสักการะ มีความศรัทธา อย่างบริสุทธิ์ใจในพระองค์เท่านั้น ส่วนพวกท่านจะเคารพบูชาใครอื่น นอกไปจากพระองค์ก็ตามใจ จงกล่าวเถิดว่า ผู้ขาดทุนที่แท้จริงนั้นคือผู้ ทำาตัวเองและครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ นั่นเป็นการล้มละลายอย่างชัดเจน พวกเขาจะมีชั้นเปลวไฟประกบ พวกเขาจากทั้งข้างบนและข้างล่าง นั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้ทำาให้บ่าว ของพระองค์เกรงกลัว ดังนั้น ปวงบ่าวของ ันเอย จงเกรงกลัว ัน ส่วนบรรดาผู้หลีกห่างจากการเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จอม ปลอมและหันไปยังพระเจ้านั้น สำาหรับพวกเขามีข่าวดี ดังนั้น เจ้าจงแจ้ง ข่าวดีแก่ปวงบ่าวของ ัน ผู้สดับฟังถ้อยคำานั้นแล้วป ิบัติตามสิ่งที่ดี

อัล ซุมัรฺ

457

ที่สุดของมัน เหล่านี้แหละคือผู้ที่พระเจ้าได้ทรงชี้ทางนำาที่ถูกต้องให้และ เขาเหล่านี้คือผู้มีความเข้าใจ ใครจะสามารถคุ้มครองคนที่ถูกตัดสินแล้วว่าสมควรได้รับการ ลงโทษ เจ้าสามารถช่วยคนที่ตกลงไปในไฟนรกได้กระนั้นหรือ แน่นอน แต่สำาหรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขามีค หาสน์โอ่โถงหลายหลังซึ่งถูกสร้างไว้เป็นชั้นๆ และใต้นั้นมี ลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน นี่คือสัญญาของพระเจ้า พระเจ้าไม่ทรงบิดพลิ้ว สัญญาของพระองค์ เจ้ามิเห็นหรือว่าพระเจ้าได้ทรงหลั่งน้ำา นลงมาจากท้องฟ้า แล้ว ทรงให้มันไหลในแผ่นดินเป็นตาน้ำาและแม่น้ำา หลังจากนั้น ด้วยน้ำาดัง กล่าว พระองค์ได้ทรงให้พืชพรรณนานาชนิดหลากสีสันงอกเงยออกมา หลังจากนั้นมันจะสุกและเหี่ยวแห้ง และเจ้าจะได้เห็นมันเปลี่ยนเป็นสี เหลือง แล้วในที่สุด พระองค์ก็ทำาให้มันกลายเป็นเศษแห้ง แท้จริง ในนั้น มีบทเรียนสำาหรับผู้มีความเข้าใจ ผู้ใดที่พระเจ้าทรงเปิดหัวใจของพวก เขาเพื่ออิสลามจะมีแสงสว่างจากพระผู้อภิบาลของเขา แต่ความวิบัติจะ เกิดขึ้นกับบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาถูกทำาให้แข็งกระด้างต่อการระลึก ถึงพระเจ้า พวกเขาเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดเจน พระเจ้าได้ทรงประทานสาสน์ที่ดีที่สุดลงมา เป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งซึ่ง ทุกส่วนของมันสอดคล้องกัน และเรื่องสำาคัญของมันได้ถูกกล่าวซ้ำาแล้ว ระบบอันมหัศจรรย์ของ นบนโลกที่ส่งผลทำาให้พืชผักเติบโตขึ้น มาและการเตรียมตัวเพื่อการเก็บเกี่ยว สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทั้งหมดมี บทเรียนที่เต็มไปด้วยความหมายนับไม่ถ้วน แต่บทเรียนเหล่านี้จะมี ประโยชน์สำาหรับผู้ที่มีนิสัยตรึกตรองเป็นธรรมชาติเท่านั้น คนที่รักษา ความสามารถทางธรรมชาตินี้ให้คงมีชีวิตอยู่และใช้มันพิจารณาสิ่งต่างๆ ในโลกอย่างลึกซึ้งจะทำาให้ความคิดของพวกเขาเต็มไปด้วยการตระหนัก ถึงพระเจ้า

ูงคน

ซ้ำาอีก คนที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะเกิดความหวั่นกลัวเมื่อ พวกเขาได้ยินมัน หลังจากนั้น ร่างกายและหัวใจของพวกเขาจะสงบลง ด้วยการเอ่ยคำาระลึกถึงพระเจ้า นี่คือการนำาทางของพระเจ้า พระองค์ จะทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และไม่มีใครสามารถนำาทางผู้ที่ พระเจ้าทรงทำาให้เขาหลงทาง แล้วคนที่มีแต่เพียงใบหน้าเปล่าๆที่จะคุ้มครองเขาจากการลงโทษ อันน่าสะพรึงกลัวของวันแห่งการฟื้นคืนชีพจะเป็นอย่างไรเล่า บรรดาผู้ ทำาผิดจะถูกบอกว่า ตอนนี้ จงลิ้มรสสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไว้ หลายคนก่อน หน้าพวกเขาได้เคยป ิเสธสัจธรรมมาแล้วเช่นกัน และการลงโทษได้เกิด ขึ้นกับพวกเขาจากที่ที่พวกเขาไม่คาดคิด พระเจ้าได้ทรงทำาให้พวกเขา ได้ลิ้มรสความอัปยศแม้กระทั่งในชีวิตแห่งโลกนี้ แต่การลงโทษของโลก หน้านั้นรุนแรงกว่ามากนักถ้าหากพวกเขาได้รู้ เราได้ยกข้อเปรียบเทียบทุกอย่างในกุรอานนี้สำาหรับมนุษย์เพื่อที่ พวกเขาจะได้ใส่ใจ กุรอานเป็นภาษาอาหรับที่ไม่มีความคลุมเครือใดๆ ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้คิด พระเจ้าได้ทรงยกอุปมาอย่างหนึ่งขึ้นมา ดังนี้ มีชายคนหนึ่งตกเป็นส่วนแบ่งของนายหลายคนที่ต่างไม่ยอมกัน และมีชายอีกคนหนึ่งมีนายเพียงคนเดียว ทั้งสองคนนี้จะเหมือนกันไหม ในข้อเปรียบเทียบนี้ การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของพระเจ้า แต่พวกเขา ส่วนใหญ่ไม่รู้ (โอ้ นบี) แท้จริง เจ้าต้องตายและพวกเขาก็ต้องตายด้วย เช่นกัน แล้วในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ สูเจ้าทั้งหมดจะนำาข้อถกเถียง ของสูเจ้ามาต่อหน้าพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น ใครจะไม่เป็นธรรมยิ่งไปกว่าคนที่สร้างความเท็จต่อพระเจ้า และป ิเสธสัจธรรมเมื่อมันมายังเขาแล้ว มิใช่ในนรกดอกหรือที่เป็น สถานที่สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ส่วนคนที่มากับสัจธรรมและ ผู้ยืนยันสัจธรรม คนเหล่านี้คือผู้เกรงกลัวพระเจ้า พวกเขาจะได้รับทุก สิ่งที่พวกเขาต้องการจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา นี่คือการตอบแทน

อัล ซุมัรฺ

ของบรรดาผู้ทำาความดี พระเจ้าจะทรงลบล้างความชั่วที่พวกเขาได้ทำา ไว้ออกจากบัญชีของพวกเขาและจะทรงตอบแทนพวกเขาตามความดีที่ พวกเขาได้ทำาไว้ (โอ้ นบี) พระเจ้าไม่เพียงพอกระนั้นหรือสำาหรับบ่าวของพระองค์ คนเหล่านี้พยายามข่มขู่เจ้าด้วยสิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ และใครที่ พระเจ้าทรงทำาให้เขาหลงทางจะไม่มีใครนำาทางเขา และผู้ใดที่พระเจ้า ทรงนำาทางให้ จะไม่มีใครที่สามารถทำาให้เขาหลงทางได้ พระเจ้ามิใช่ ผู้ทรงอำานาจและผู้ทรงสามารถตอบโต้ได้กระนั้นหรือ ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน พวกเขาจะกล่าวว่า พระเจ้า จงถามพวกเขาว่า จงพิจารณา ถึงสิ่งที่พวกท่านวิงวอนนอกไปจากพระองค์ ถ้าพระองค์ประสงค์จะทำาให้ ันได้รับอันตรายแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะปลดเปลื้องอันตรายไปจาก ันได้ ไหม หรือถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ที่จะประทานความเมตตาแก่ ัน สิ่งเหล่านั้นสามารถยับยั้งความเมตตาของพระองค์ได้ไหม ดังนั้น จง บอกพวกเขาไปว่า พระเจ้าทรงเพียงพอแล้วสำาหรับ ัน พระองค์เท่านั้น จงบอกพวกเขา ที่ผู้มอบหมายความไว้วางใจได้ให้ความไว้วางใจ ว่า หมู่ชนของ ันเอย พวกท่านจงทำาตามที่พวกท่านสามารถ ันก็จะ ทำางานของ ัน ไม่ช้า พวกท่านจะได้รู้ ว่าใครที่ได้รับการลงโทษอย่าง อัปยศและใครได้รับการลงโทษอันยาวนาน (โอ้ นบี) เราได้ประทาน คัมภีร์นี้แก่เจ้าเพื่อมนุษยชาติทั้งมวลด้วยความจริง ดังนั้น ใครก็ตามที่ ป ิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็จะได้แก่ตัวเขาเอง และใครก็ตามที่หลงผิด เขาจะต้องแบกภาระการหลงผิดของเขาเอง เจ้าไม่ใช่ผู้รับผิดชอบต่อพวก เขา พระเจ้าเป็นผู้ทรงเอาชีวิตของมนุษย์ไปในตอนที่พวกเขาตาย และชีวิตของคนที่ยังไม่ตายในระหว่างที่พวกเขานอนหลับ หลังจากนั้น พระองค์จะทรงเอาชีวิตของผู้ที่พระองค์ได้ทรงกำาหนดความตายไว้แล้ว

ูงคน

และทรงปล่อยชีวิตอื่นกลับไปจนกระทั่งถึงเวลาที่ถูกกำาหนดไว้ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับหมู่ชนที่ใคร่ครวญ พวกเขายังจะเอาสิ่งอื่นนอกไปจากพระเจ้าเป็นผู้ช่วยขอไถ่โทษ กระนั้นหรือ จงบอกพวกเขาว่า พวกเขาจะขอไถ่โทษให้กระนั้นหรือ ทั้งๆที่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีอำานาจใดและไม่มีความเข้าใจ 44 จงบอก พวกเขาว่า การขอไถ่โทษนั้นอยู่ในอำานาจของพระเจ้าทั้งหมด พระองค์ ทรงควบคุมชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พวกท่านทั้งหมดจะถูกนำากลับ ไปยังพระองค์ 45 เมื่อพระเจ้าองค์เดียวได้ถูกเอ่ยขึ้น หัวใจของบรรดา ผู้ไม่ศรัทธาในวันโลกหน้าจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เมื่อสิ่งอื่นๆ นอกไปจากพระองค์ได้ถูกเอ่ยขึ้นมา พวกเขารู้สึกดีใจขึ้นมาทันที จง กล่าวเถิด โอ้พระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงรอบรู้ ในสิ่งเร้นลับและสิ่งที่เปิดเผย พระองค์เท่านั้นที่จะทรงตัดสินระหว่างบ่าว ของพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน 47 ถ้าหากบรรดาผู้ทำาผิด มีทุกสิ่งในโลกนี้ทั้งหมดและมีมากกว่านั้นอีกเป็นสองเท่า พวกเขาพร้อม ที่จะนำามันทั้งหมดมาเสนอเป็นค่าไถ่เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากการถูก ลงโทษอย่างน่ากลัวในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ เพราะพระเจ้าจะให้พวกเขา ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ผลกรรมอันเลวร้ายในการ ทำาความชั่วของพวกเขาจะปราก ต่อหน้าพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาเคย หัวเราะเยาะนั้นจะออกมารายรอบพวกเขา เมื่อทุกข์ภัยใดๆเกิดขึ้นแก่มนุษย์ เขาก็วิงวอนต่อเรา แต่เมื่อเราได้ ประทานความโปรดปรานแก่เขาแล้ว เขากล่าวว่า ันได้รับสิ่งนี้เพราะ ความรู้ของ ัน เปล่าเลย นั่นคือการทดสอบอย่างหนึ่งต่างหาก แต่พวก เขาส่วนใหญ่ไม่รู้ ผู้คนก่อนหน้าพวกเขาก็เคยพูดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ พวกเขาไม่ได้รับประโยชน์อันใดจากสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ ดังนั้น พวก เขาจึงได้พบกับผลแห่งความชั่วร้ายที่พวกเขาได้ทำาไว้ บรรดาผู้ทำาความ ผิดในวันนี้เช่นกัน พวกเขาจะได้พบกับผลแห่งความชั่วร้ายที่พวกเขาได้

อัล ซุมัรฺ

ทำาไว้ พวกเขาไม่สามารถที่จะยับยั้ง(แผนการของเรา)ได้ พวกเขาไม่รู้ หรือว่าพระเจ้าทรงจัดหาปัจจัยยังชีพอย่างเหลือเฟือให้แก่ผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์และทรงยับยั้งสำาหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง ใน นั้นมีสัญญาณมากมายสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา จงกล่าวเถิด(พระเจ้า กล่าวว่า) โอ้ปวงบ่าวของ ัน ผู้ที่ทำาในสิ่งที่เกินเลยต่อชีวิตของตนเอง จง อย่าสิ้นหวังในความเมตตาของพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าจะทรงอภัยบาป ทั้งหลาย เพราะพระองค์คือผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ 54 จงหันไป ยังพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและนอบน้อมยอมจำานนต่อพระองค์ก่อนที่การ ลงโทษจะมาถึงสูเจ้า เพราะหลังจากนั้น สูเจ้าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ 55 จงป ิบัติตามสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้ถูกประทานมายังสูเจ้าจากพระผู้ อภิบาลของสูเจ้าก่อนที่การลงโทษจะลงมายังสูเจ้าอย่าง ับพลันทันที โดยสูเจ้าไม่รู้ตัว มิ ะนั้น บางคนอาจจะกล่าวว่า อนิจจาตัว ันที่ละทิ้ง หน้าที่ต่อพระเจ้าและ ันยังเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เย้ยหยันอีกด้วย 57 หรือ อาจจะมีบางคนกล่าวว่า หากพระเจ้าทรงแสดงทางนำาแก่ ัน ันจะได้ อยู่ในหมู่ผู้ยำาเกรง หรือ ถ้า ันได้มีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง ันก็จะได้อยู่ ในหมู่ผู้ทำาความดี (แล้วเขาจะได้รับคำาตอบว่า) ไม่เลย สาสน์ของ ัน ได้มาถึงสูเจ้าแล้ว แต่สูเจ้าได้ป ิเสธมันและแสดงความหยิ่งยโส และ สูเจ้าก็อยู่ในหมู่ผู้ป ิเสธ ในวันแห่งการตัดสิน สูเจ้าจะได้เห็นใบหน้า ของบรรดาผู้กล่าวเท็จต่อพระเจ้าดำาคล้ำา มิใช่ในนรกกระนั้นหรือที่เป็นที่ พำานักสำาหรับบรรดาผู้หยิ่งยโส ส่วนบรรดาผู้ดำาเนินชีวิตด้วยความ ยำาเกรงนั้น พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาให้รอดพ้น ความชั่วร้ายใดๆจะไม่ แผ้วพานพวกเขาและพวกเขาจะไม่โศกเศร้าเสียใจ พระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างทุกสิ่งและเป็นผู้ทรงคุ้มครองดูแลทุกสิ่ง กุญแจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์และบรรดา ผู้ป ิเสธสิ่งที่พระเจ้าประทานมานั้นคือผู้ขาดทุน (โอ้ นบี) จงกล่าว แก่พวกเขาว่า พวกคนโอหังเอย พวกท่านสั่งให้ ันเคารพสักการะสิ่ง

ูงคน

อื่นนอกไปจากพระเจ้ากระนั้นหรือ มันได้ถูกประทานมายังเจ้าและ บรรดาผู้ที่มาก่อนหน้าเจ้าแล้วว่าถ้าหากเจ้าทำานำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับ พระเจ้า การงานของเจ้าทั้งหมดก็จะไร้ผลและเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน ดังนั้น (โอ้ นบี) เจ้าจงเคารพสักการะพระเจ้าและจงอยู่ในหมู่ผู้กตัญญู คนเหล่านี้ไม่ยอมรับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าดังที่พระองค์ทรง เป็น แต่ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แผ่นดินนี้ทั้งหมดจะอยู่ในพระหัตถ์ของ พระองค์ในขณะที่ชั้นฟ้าจะถูกม้วนด้วยพระหัตถ์ขวาของพระองค์ มหา บริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์และผู้ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขานำามาเป็นภาคี กับพระองค์ แตรจะถูกเป่าในวันนั้น แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินจะล้มตายลงนอกจากบรรดาผู้ที่พระเจ้าประสงค์จะให้ มีชีวิต หลังจากนั้น แตรจะถูกเป่าอีกครั้งหนึ่งและพวกเขาทั้งหมดจะลุก ขึ้นยืนมองไปรอบๆ แผ่นดินจะสว่างด้วยรัศมีแห่งพระผู้อภิบาลของมัน และบัญชีความประพ ติจะถูกกางออก บรรดานบีและพยานจะถูกนำามา และมนุษย์จะถูกตัดสินด้วยความยุติธรรมและไม่มีใครได้รับความไม่เป็น ธรรม ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนอย่างครบถ้วนสำาหรับสิ่งที่ได้ทำาไว้ และพระองค์ทรงรอบรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากระทำา บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะถูกไล่ต้อนไปสู่นรกเป็นกลุ่มๆ เมื่อพวก เขาไปถึงที่นั่น ประตูทั้งหลายของนรกจะถูกเปิดออก และผู้เ ้าประตูนรก จะกล่าวแก่พวกเขาว่า ในหมู่สูเจ้ามิได้มีบรรดาศาสนทูตมาอ่านสาสน์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและเตือนสูเจ้าเกี่ยวกับการพบ(กับพระเจ้า) กันในวันนี้กระนั้นหรือ พวกเขาตอบว่า มี พวกเขามาแล้ว แต่การ ตัดสินลงโทษต่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาจะถูก บอกว่า สูเจ้าจงเข้าประตูนรกเพื่อพำานักอยู่ในนั้นตลอดไป และนั่นเป็นที่ พำานักอันชั่วช้าสำาหรับผู้หยิ่งยโส แต่บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะถูกนำาไปยัง สวรรค์เป็นกลุ่มๆ เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่นและประตูของมันเปิดออก ผู้เ ้า

อฟิรฺ

ประตูสวรรค์จะกล่าวว่า ศานติจงมีแด่ท่าน พวกท่านได้ทำาดีมาแล้ว ดัง นั้น เชิญท่านเข้าไปข้างในและพำานักอยู่ในนั้นตลอดกาล 74 และพวกเขา จะกล่าวว่า บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้าผู้ทรงทำาตามสัญญา ของพระองค์ที่ให้ไว้แก่เราและได้ทรงทำาให้เราเป็นผู้สืบทอดแผ่นดิน ทีนี้ เราสามารถที่จะอยู่ในสวรรค์ตรงไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ ช่างเป็นการ ตอบแทนที่เลอเลิศเหลือเกินสำาหรับผู้ทำาความดี 75 เจ้าจะได้เห็นบรรดา ทูตสวรรค์ล้อมรอบบัลลังก์สรรเสริญสดุดีพระผู้อภิบาลของพวกเขา และ มนุษย์จะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรม และจะมีการ ประกาศว่า บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่ง สากลโลก 40. ผู้ให้อภัย

ฆอฟิรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮา มีม คัมภีร์นี้ถูกประทานมาจากพระเจ้าผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรง อภัยบาปและผู้ทรงรับการกลับใจ ผู้ทรงเ ียบขาดในการลงโทษและ ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความโปรดปราน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจาก พระองค์ ยังพระองค์ที่ทุกสิ่งจะกลับไป 4 มีแต่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเท่านั้นที่โต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาณทั้ง หลายของพระเจ้า ดังนั้น จงอย่าให้การงานของพวกเขาในแผ่นดินของ หลอกลวงเจ้า 5 ก่อนหน้าพวกเขา หมู่ชนของนู ฺและกลุ่มคนต่างๆหลัง จากพวกเขาได้ป ิเสธสัจธรรมมาแล้ว และทุกชาติเคยวางแผนต่อต้าน ศาสนทูตที่ถูกส่งมายังพวกเขาโดยคิดจะทำาร้ายเขา พวกเขาโต้เถียง(คำา

ผู้ให้อภัย

สอนที่เขานำามา)ด้วยเหตุผลอันเป็นเท็จเพื่อที่จะทำาลายล้างสัจธรรม ดัง นั้น ันจึงได้เอาโทษพวกเขา แล้วดูเองว่าการลงโทษของ ันน่าสะพรึงี กลัวอย่างไร ในทำานองนี้แหละที่วจนะของพระผู้อภิบาลของเจ้าได้เป็น จริงกับบรรดาผู้ป ิเสธ พวกเขาจะเป็นชาวนรก 7 บรรดาผู้แบกบัลลังก์และผู้ที่อยู่รอบๆบัลลังก์นั้นต่างสดุดีด้วยการ สรรเสริญพระผู้อภิบาลของพวกเขาและศรัทธาในพระองค์ พวกเขากำาลัง ขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธาโดยกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ทรงไพศาลยิ่งในความเมตตาและในความรอบรู้ทุกสิ่ง โปรดทรง อภัยและช่วยเหลือบรรดาผู้สำานึกผิดและป ิบัติตามแนวทางของพระองค์ ให้พ้นจากการถูกลงโทษในนรกด้วยเถิด โปรดรับพวกเขาเข้าสวรรค์อัน สถาพรซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แก่พวกเขา รวมทั้งคนดีๆจากบรรดา พ่อแม่ ภรรยาและลูกๆของพวกเขาด้วยเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรง อำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ โปรดคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากความชั่ว ทั้งหลาย เพราะผู้ใดก็ตามที่พระองค์ได้ทรงช่วยให้พ้นจาก(การลงโทษ สำาหรับ)การงานอันชั่วร้ายจะได้รับความเมตตาจากพระองค์ และนั่นคือ ความสำาเร็จอันยิ่งใหญ่ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้นจะถูกบอกว่า ความกริ้วของพระเจ้าที่มี ต่อสูเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าความโกรธที่สูเจ้ามีต่อตัวเองในวันนี้เสียอีก สูเจ้า ถูกเรียกร้องไปสู่ความศรัทธา แต่สูเจ้าป ิเสธ พวกเขากล่าวว่า โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ทรงให้เราตายสองครั้งและทรงให้เรามีชีวิต สองครั้ง ตอนนี้เรายอมสารภาพความผิดของเรา แล้วมีทางออกใดๆไป จากที่นี่ไหม (พวกเขาจะถูกบอกว่า) นี่เป็นเพราะเมื่อสูเจ้าถูกเรียก ร้องไปสู่พระเจ้าผู้ทรงเอกะ สูเจ้าได้ป ิเสธสัจธรรม แต่เมื่อมีการนำาสิ่งใด มาเป็นภาคีกับพระเจ้า สูเจ้ากลับศรัทธาในสิ่งเหล่านั้น ตอนนี้ การตัดสิน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพระเจ้าผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่ พระองค์ต่างหากเป็นผู้แสดงให้สูเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของ

พระองค์ และได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพจากท้องฟ้าแก่สูเจ้า แต่ไม่มีใคร ใส่ใจยกเว้นผู้สำานึกผิด ดังนั้น จงวิงวอนต่อพระเจ้าโดยการทำาศาสนา ให้บริสุทธิ์เพื่อพระองค์ แม้ว่าบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมอาจจะเกลียดชัง สูเจ้าก็ตาม ผู้ทรงตำาแหน่งอันสูงส่ง ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งบัลลังก์ พระองค์ ทรงส่งวิญญาณโดยคำาบัญชาของพระองค์ลงมายังบ่าวของพระองค์ที่ พระองค์ทรงประสงค์ เพื่อเตือนถึงวันแห่งการพบปะกัน วันที่พวกเขา ทั้งหมดจะลุกขึ้นมา(จากหลุม ังศพของพวกเขา) และไม่มีสิ่งใดของพวก เขาจะถูกซ่อนเร้นไปจากพระเจ้าได้ วันนั้น อำานาจเป็นของใคร (ทั่วทั้ง จักรวาลจะตะโกนว่า) มันเป็นของพระเจ้าผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิตโดยเด็ด ขาด วันนั้น ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนสำาหรับสิ่งที่มันได้ขวนขวาย ไว้ วันนั้นจะไม่มีใครได้รับความไม่เป็นธรรม และพระเจ้าทรง ับพลันใน การคำานวณ (โอ้ นบี) จงเตือนพวกเขาถึงวันที่กำาลังใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อหัวใจ จะขึ้นมาถึงลำาคอและมนุษย์จะยืนนิ่งด้วยความเศร้าโศก เมื่อผู้ทำาความ ผิดทั้งหลายจะไม่มีมิตร และจะไม่มีผู้ขอไถ่โทษคนใดได้รับการรับฟัง เพราะพระเจ้าทรงรอบรู้ถึงดวงตาที่หลบซ่อนและทุกสิ่งที่หัวใจซ่อน เร้นอยู่ พระเจ้าจะทรงตัดสินด้วย(ความยุติธรรมและ)ความจริง ส่วนสิ่ง ทั้งหลายที่พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้น พวกมันไม่อาจตัดสิน อะไรได้ แท้จริง พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงได้ยินทุกสิ่งและเห็นทุกสิ่ง พวกเขาไม่ได้เดินทางไปในแผ่นดินแล้วดูว่าผลสุดท้ายของผู้ที่ล่วง ลับไปก่อนหน้าพวกเขาว่าเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ พวกเขาเหล่านั้น เข้มแข็งกว่าพวกเขาและได้ทิ้งร่องรอยที่ยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน แต่พระเจ้า ได้ทำาลายพวกเขาเพราะบาปของพวกเขา และไม่มีใครสามารถที่จะช่วย พวกเขาให้รอดพ้นจากพระเจ้าได้ นั่นเป็นเพราะบรรดาศาสนทูตของ พวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่พวกเขา

ผู้ให้อภัย

ยังป ิเสธ ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงลงโทษพวกเขา แท้จริง พระองค์เป็น ผู้ทรงอำานาจและทรงรุนแรงในการลงโทษ เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของเราและหลัก านอย่าง ชัดเจน มายังฟาโรห์ และ ามานและกอรูน แต่พวกเขากล่าวว่า เขา เป็นนักมายากล เป็นผู้โกหก ดังนั้น เมื่อเขาได้มายังคนเหล่านี้พร้อม กับสัจธรรมจากเรา พวกเขาได้กล่าวว่า จง ่าบรรดาลูกชายของผู้ที่ ศรัทธาและเข้าร่วมกับเขา และไว้ชีวิตลูกสาวของพวกเขาเท่านั้น แต่ แผนการของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมต้องล้มเหลว วันหนึ่ง ฟาโรห์ได้กล่าวแก่คนของเขาว่า ปล่อยให้ ัน ่ามูซา และให้เขาร้องหาพระเจ้าของเขา ันกลัวว่าเขาจะทำาให้พวกเจ้าเปลี่ยน ศาสนาของพวกเจ้าหรือไม่ก็อาจสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน มูซากล่าวว่า ันขอความคุ้มครองจากพระผู้อภิบาลของ ันและพระ ผู้อภิบาลของพวกท่านให้พ้นจากผู้ยโสโอหังทุกคนที่ไม่ศรัทธาในวันแห่ง การชำาระบัญชี ผู้ศรัทธาคนหนึ่งจากหมู่ชนของฟาโรห์ซึ่งปิดบังความศรัทธาของ เขาไว้ได้ออกมากล่าวว่า พวกท่านจะ ่าคนผู้หนึ่งเพียงเพราะเขากล่าว ว่า พระผู้อภิบาลของ ันคือพระเจ้า กระนั้นหรือทั้งๆที่เขาได้นำาสัญญาณ อันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว ถ้าหาก เขาเป็นคนโกหก บาปการโกหกก็จะตกอยู่บนตัวเขา แต่ถ้าหากเขาพูด จริง บางสิ่งที่เขาข่มขู่พวกท่านก็จะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน แท้จริง พระเจ้า ไม่ทรงนำาทางผู้ที่ ่า ืนและผู้โกหก หมู่ชนของ ันเอย วันนี้พวกท่านมี อำานาจและเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ใครเล่าจะช่วยเราถ้าหากเราได้รับการ ลงโทษจากพระเจ้า ฟาโรห์ได้กล่าวว่า ข้าบอกพวกเจ้าในสิ่งที่ข้าคิดว่า เหมาะสม และข้าเพียงแต่ชี้แนะพวกเจ้าให้เห็นทางที่ถูกต้องเท่านั้น ชายผู้ศรัทธาจึงได้กล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย ันกลัวว่าพวกท่าน จะได้รับการลงโทษอย่างในสมัยที่กลุ่มคนในอดีตเคยได้รับกันมาแล้ว

อฟิรฺ

อย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับหมู่ชนของนู ฺและชาวอาดและชาวษะมูดและ บรรดาผู้คนหลังจากพวกเขาเหล่านั้น และแท้จริง พระเจ้ามิทรงต้องการ ที่จะสร้างความอธรรมธรรมแก่บ่าวของพระองค์ หมู่ชนของ ันเอย ัน กลัวถึงวันที่พวกท่านจะร้องคร่ำาครวญหากันและกัน วันที่พวกท่าน (อยากจะ)หันหลังวิ่งหนีโดยที่ไม่มีใครปกป้องพวกท่านให้พ้นจากการ ลงโทษของพระเจ้าได้ เพราะใครที่พระเจ้าทรงให้เขาหลงผิดแล้วจะไม่มี ใครเป็นผู้นำาทางเขา ก่อนหน้านี้ ยูซุฟได้นำาสัญญาณต่างๆอันชัดแจ้งมายังสูเจ้าแล้ว แต่ สูเจ้ายังคงสงสัยในสิ่งที่เขาได้นำามายังสูเจ้า เมื่อเขาตายไป สูเจ้าก็กล่าว ว่า พระเจ้าจะไม่ส่งศาสนทูตคนอื่นมาอีกหลังจากเขา ในทำานองนี้แหละ บรรดาผู้ที่โต้เถียง ที่พระเจ้าจะปล่อยให้ผู้ ่า ืนและผู้สงสัยหลงทาง เกี่ยวกับสิ่งที่พระเจ้าประทานมาโดยไม่มีหลัก านใดๆกำาลังทำาสิ่งที่น่า รังเกียจยิ่งต่อพระเจ้าและต่อบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้นแหละที่พระเจ้าทรง ปิดผนึกหัวใจของผู้กดขี่ที่หยิ่งยโส ฟาโรห์ได้กล่าวว่า ามาน จงสร้างหอคอยสูงให้ข้าเพื่อที่ข้าจะได้ มีทางขึ้นไป สู่ชั้นฟ้าทั้งหลายเพื่อที่ข้าจะไปมองหาพระเจ้าของมูซา เพราะข้าคิดว่ามูซาเป็นคนโกหกอย่างแน่นอน เช่นนั้นแหละที่การกระ ทำาอันชั่วร้ายของฟาโรห์ได้ถูกทำาให้ดูเหมือนเป็นเรื่องดีงามสำาหรับเขา และเขาได้ถูกหันจากแนวทาง(แห่งสัจธรรม) และแผนการของฟาโรห์ มิได้นำาไปสู่สิ่งใดนอกจากความหายนะ คนที่ศรัทธาได้กล่าวว่า หมู่ชนของ ันเอย จงป ิบัติตาม ัน ัน จะนำาพวกท่านไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง หมู่ชนของ ันเอย ชีวิตแห่งโลก นี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว และโลกหน้านั้นเป็นที่พำานักอันถาวร ใครที่ ทำาความชั่วจะได้รับการตอบแทนด้วยความชั่ว และใครที่ทำาความดีไม่ ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง หากเขาเป็นผู้ศรัทธา พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์ซึ่ง ในนั้นพวกเขาจะได้รับปัจจัยโดยที่ไม่มีการคำานวณ หมู่ชนของ ันเอย

ผู้ให้อภัย

เป็นอย่างไรซิที่ ันเชิญชวนพวกท่านไปสู่การรอดพ้น แต่พวกท่านกลับ เชิญชวน ันไปสู่ไฟนรก พวกท่านเชิญชวน ันให้ป ิเสธพระเจ้าและ เอาสิ่งที่ ันไม่รู้มาเป็นภาคีกับพระองค์ในขณะที่ ันกำาลังเชิญชวนพวก ท่านไปสู่พระเจ้าผู้ทรงอำานาจและผู้ทรงอภัย มิต้องสงสัยเลย สิ่งที่พวก ท่านเรียกร้อง ันไปสู่นั้นไม่พูดอะไรเลยทั้งในโลกนี้และโลกหน้าว่ายัง พระเจ้าเท่านั้นที่เราจะต้องกลับไป ส่วนผู้ ่า ืนนั้น พวกเขาเป็นชาวนรก 44 ในไม่ช้า พวกท่านจะนึกถึงสิ่งที่ ันบอกพวกท่าน และ ันมอบหมาย การงานทั้งหลายของ ันไว้กับพระเจ้า เพราะทรงเ ้าดูบ่าวของพระองค์ อยู่ตลอดเวลา 45 ในที่สุด พระเจ้าทรงช่วยผู้ศรัทธาคนนั้นให้พ้นจากความชั่วร้ายที่ พวกเขาวางแผนไว้ และพวกพ้องของฟาโรห์เองที่ตกอยู่ท่ามกลางการ พวกเขาจะถูกนำามายังไฟนรกทั้งเวลาเช้า ลงโทษอันน่าสะพรึงกลัว และเวลาเย็น และเมื่อวันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง (จะมีเสียงคำาบัญชาว่า) จงเอาผู้คนของฟาโรห์ไปลงโทษให้สาหัส 47 เมื่อตอนที่คนเหล่านี้เถียงกันในนรก พวกที่อ่อนแอกว่าจะกล่าวแก่ พวกที่วางตัวเป็นใหญ่ว่า เราเป็นผู้ตามพวกท่าน พวกท่านช่วยเราให้ พ้นจากไฟนรกสักส่วนหนึ่งได้ไหม พวกที่วางตัวเป็นใหญ่จะกล่าวว่า เราทุกคนล้วนอยู่ในสภาพเดียวกันที่นี่ และพระเจ้าได้ทรงตัดสินระหว่าง บ่าวของพระองค์ไปแล้ว ชาวนรกจะกล่าวแก่ผู้เ ้านรกว่า โปรดช่วย วิงวอนพระผู้อภิบาลของพวกท่านให้ลดหย่อนผ่อนโทษแก่เราสักวันหนึ่ง ด้วยเถิด แต่พวกเขาจะกล่าวว่า บรรดาศาสนทูตของพวกท่านมิได้ มายังพวกท่านพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งกระนั้นหรือ พวกเขาจะ กล่าวว่า มาแล้ว ผู้เ ้านรกจะกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น พวกท่านวิงวอนขอ กันเองแล้วกัน แต่การวิงวอนของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้นมีแต่จะไร้ ผล แน่นอนที่สุดว่าเราได้ช่วยบรรดาศาสนทูตของเราและบรรดาผู้

อฟิรฺ

ศรัทธาทั้งในชีวิตโลกนี้และในวันที่พยานทั้งหลายจะยืนขึ้น วันที่การ แก้ตัวของผู้ทำาผิดจะไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขา พวกเขาจะถูกสาปแช่ง และจะได้รับที่พำานักอันเลวร้ายที่สุด เราได้ให้ทางนำาแก่มูซาและทำาให้ ลูกหลานของอิสรออีลเป็นผู้สืบทอดคัมภีร์ 54 ที่เป็นทางนำาและคำาตัก เตือนสำาหรับสำาหรับคนที่มีสติปัญญา 55 ดังนั้น จงอดทน (โอ้ นบี) เพราะ สัญญาของพระเจ้านั้นจะเป็นจริงอย่างแน่นอน จงขออภัยในความผิดของ เจ้า และจงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยการสรรเสริญทั้งยามเย็นและใน ยามเช้า สำาหรับบรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับสาสน์ของพระเจ้าโดยไม่มีหลัก านใดๆมายังพวกเขานั้น ในหัวใจของพวกเขาไม่มีอะไรนอกไปจาก ความรู้สึกยิ่งใหญ่ที่พวกเขาไม่มีวันจะได้รับ ดังนั้น จงขอความคุ้มครอง จากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงเห็นทุกสิ่ง 57 แน่นอน การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการสร้าง มนุษย์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ คนตาบอดกับคนตาดีนั้นไม่อาจเท่าเทียม กัน เช่นเดียวกับผู้ศรัทธาและกระทำาความดีกับผู้กระทำาความชั่วย่อมไม่ เท่าเทียมกัน แต่สูเจ้าเข้าใจเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยามอวสานจะ มีมาอย่างแน่นอน ไม่มีข้อสงสัยใดๆในเรื่องนี้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงกล่าวว่า จงวิงวอนต่อ ัน ันจะตอบ รับคำาวิงวอนของสูเจ้า ส่วนบรรดาผู้หยิ่งยโสต่อการเคารพสักการะ ันจะ เข้าไปในนรกอย่างอัปยศอดสู พระเจ้าเป็นผู้ทรงทำากลางคืนให้แก่สูเจ้า เพื่อพักผ่อนในยามนั้นและทรงทำาให้กลางวันสว่างเพื่อสูเจ้าจะได้มอง เห็น แท้จริงแล้ว พระเจ้าเป็นผู้ทรงโปรดปรานต่อมนุษย์ แต่มนุษย์ส่วน ใหญ่ไม่ขอบคุณ พระเจ้าองค์เดียวกันนี้อีกเช่นกันที่เป็นพระผู้อภิบาล ของสูเจ้า ผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ แล้วใย สูเจ้าจึงถูกทำาให้หันไป(จากพระองค์) เช่นเดียวกันนี้แหละที่ผู้ป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของพระเจ้าหันออกไปจากพระองค์

ผู้ให้อภัย

พระเจ้าคือผู้ทรงทำาให้แผ่นดินนี้เป็นสถานที่พักสำาหรับสูเจ้า และ ทำาให้ท้องฟ้าเป็นหลังคาโค้ง พระองค์ทรงทำาสูเจ้าให้เป็นรูปร่างและทรง ทำารูปร่างของสูเจ้าให้ดี และพระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า ด้วยสิ่งที่สะอาด พระเจ้าองค์เดียวกันนี้อีกเช่นกันที่เป็นพระผู้อภิบาลของ สูเจ้า ดังนั้น จงสดุดีพระองค์ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พระองค์ คือผู้ทรงชีวิน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ดังนั้น จงวิงวอน ต่อพระองค์เท่านั้นโดยการทำาศาสนาให้บริสุทธิ์สำาหรับพระองค์เท่านั้น บรรดาการสรรเสริญเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก (โอ้ นบี) จงบอกผู้คนว่า ันถูกสั่งห้ามวิงวอนสิ่งที่พวกท่านวิงวอน แทนพระเจ้า ในเมื่อ ันเห็นสัญญาณต่างๆอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาล ของ ันแล้ว และ ันได้ถูกบัญชาให้ยอมจำานนต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้ามาจากดิน หลังจากนั้นก็จากตัวอสุจิ หลังจากนั้นก็จากก้อนเลือด แล้วพระองค์ก็ทรงให้สูเจ้าคลอดออกมา เป็นทารก แล้วทำาให้สูเจ้าเจริญเติบโตจนถึงวัยเข้มแข็งเต็มที่ แล้วก็ทรง ทำาให้สูเจ้าเข้าสู่วัยชรา ในขณะที่บางคนในหมู่สูเจ้าได้ถูกเรียกกลับ ก่อน และสูเจ้าไปถึงเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้ เพื่อที่สูเจ้าจะตรึกตรอง พระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ความตาย ดังนั้น เมื่อพระองค์จะ ทรงกำาหนดสิ่งใด พระองค์แค่ทรงกล่าวว่า จงเป็น แล้วมันก็เป็นขึ้นมา สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าคนที่โต้เถียงเกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของ พระเจ้าถูกหันไปจากหนทางที่ถูกต้องอย่างไร บรรดาผู้ป ิเสธคัมภีร์ นี้และบรรดาคัมภีร์ที่เราได้ส่งมากับบรรดาศาสนทูตของเรานั้น พวก เขาจะได้รู้ในไม่ช้า เมื่อพวกเขาถูกลากพร้อมกับห่วงและโซ่รอบคอ ของพวกเขา ลงไปในน้ำาเดือดและหลังจากนั้นถูกโยนลงไปในไฟนรก หลังจากนั้น พวกเขาจะถูกถามว่า ไหนเล่าสิ่งที่พวกเจ้านำามาเป็นภาคี (กับพระเจ้า) 74 พวกเขาตอบว่า พวกมันได้หายไปจากเราแล้ว เปล่า เลย เราไม่ได้วิงวอนสิ่งใดมาก่อน(ที่มันมีอยู่จริง) ดังนั้นแหละที่พระเจ้า

อฟิรฺ

ได้ทรงทำาให้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมหลงผิด 75 ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสูเจ้า หลงระเริงในแผ่นดินอยู่กับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่สัจธรรมและยินดีอยู่กับสิ่งนั้น ตอนนี้ จงเข้าประตูนรกเพื่ออยู่ในนั้นตลอดไป ที่พำานักของผู้โอหังนั้น เป็นสิ่งที่เลวร้าย 77 ดังนั้น จงอดทน (โอ้ นบี) สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นจริง ไม่ว่าเรา จะให้เจ้าได้เห็นส่วนหนึ่งของผลอันชั่วร้ายที่เราได้สัญญาไว้กับพวกเขา หรือทำาให้เจ้าตายก่อน พวกเขาจะต้องกลับมายังเรา (โอ้ นบี) ก่อนหน้าเจ้า เราได้ส่งศาสนทูตคนอื่นๆมาหลายคน บาง คนเราได้เล่าเรื่องราวให้เจ้าและบางคนเราไม่ได้เล่า มันเป็นไปไม่ได้ที่ ศาสนทูตคนใดจะมีอำานาจนำาสัญญาณใดๆมาเองนอกจากจะได้รับอนุมัติ จากพระเจ้า แต่เมื่อคำาบัญชาของพระเจ้ามาถึง การตัดสินก็จะเป็นไป ด้วยความจริงและความยุติธรรม ในตอนนั้นแหละที่บรรดาผู้ยืนอยู่บน ความเท็จจะขาดทุน พระเจ้าคือผู้ทรงจัดเตรียมปศุสัตว์ให้แก่สูเจ้าเพื่อสูเจ้าจะได้ใช้ขี่บาง ตัวและบางตัวใช้เป็นอาหาร และในตัวปศุสัตว์นั้นมีประโยชน์มากมาย หลายอย่างสำาหรับสูเจ้า เพื่อสูเจ้าจะได้ขี่มันไปยังสถานที่ที่สูเจ้าต้องการ จะไปให้ถึง และมันบรรทุกสูเจ้าเช่นเดียวกับเรือบรรทุกสูเจ้าในทะเล พระเจ้าได้ทรงให้สูเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ แล้ว สัญญาณไหนของพระเจ้าที่สูเจ้าจะป ิเสธ พวกเขาไม่เคยท่องเที่ยวไปในแผ่นดินแล้วดูว่าชะตากรรมของ บรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ พวกเขาเหล่านั้น มีจำานวนมากกว่าและมีความเข้มแข็งกว่าและคนเหล่านั้นได้ทิ้งร่องรอย แห่งอำานาจอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาไว้มากมายในแผ่นดิน แต่สิ่งที่พวกเขา ได้สร้างไว้นั้นไม่ได้อำานวยประโยชน์อะไรแก่พวกเขาเลย เมื่อบรรดา ศาสนทูตมายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง พวกเขายังคงหลง ติดอยู่กับความรู้ที่พวกเขามีอยู่ ดังนั้น พวกเขาจึงตกอยู่ท่ามกลางการ

การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด

ลงโทษที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะ แต่เมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษของ เรา พวกเขาก็ร้องว่า ตอนนี้เราศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและเราป ิเสธ หุ้นส่วนทั้งหลายที่เราเคยนำามาเป็นภาคีกับพระองค์ แต่การศรัทธา ของพวกเขาหลังจากเห็นการลงโทษของเรานั้นไม่เป็นประโยชน์อะไรกับ พวกเขาอีกแล้ว เพราะนี่เป็นก ตายตัวของพระเจ้าที่ทรงใช้กับปวงบ่าว ของพระองค์มาตั้งแต่ในอดีตแล้ว ดังนั้น บรรดาผู้ป ิเสธจึงมีแต่ขาดทุน 41. การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด

ฟุศศิลัต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮามีม นี่เป็นการประทานมาจาก(พระเจ้า)ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ คัมภีร์ที่ข้อความทั้งหลายของมันได้ถูกอธิบายไว้อย่างดี คือคัมภีร์กุรอา นภาษาอาหรับสำาหรับบรรดาผู้มีความรู้ 4 เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตัก เตือน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ได้หันหลังให้มันและไม่สนใจที่จะฟัง 5 และ พวกเขากล่าวว่า หัวใจของเราถูกปิดไว้ต่อสิ่งที่ท่านกำาลังเรียกร้องเราไป สู่มัน และหูของพวกเราก็หนวก และระหว่างเรากับท่านยังมีสิ่งขวางกั้น อยู่อีก ดังนั้น ท่านจะทำาอะไรก็ทำาไป เราจะทำาในสิ่งที่เราต้องการ (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า ันเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนพวกท่าน แต่ได้มีบัญชามายัง ันว่าพระผู้อภิบาลของพวกท่านคือพระเจ้าองค์เดียว ดังนั้น จงยึดแนวทางที่เที่ยงตรงมายังพระองค์ และจงขออภัยโทษต่อ พระองค์ ความวิบัติจะมีแก่บรรดาผู้นำาสิ่งอื่นมาเป็นภาคีกับพระองค์ 7 ผู้ ที่ไม่จ่ายซะกาตและป ิเสธโลกหน้า สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำา

ฟุศศิลัต

ความดีนั้น พวกเขาจะได้รับรางวัลตอบแทนโดยไม่ขาดตกบกพร่องอย่าง แน่นอน (โอ้ นบี ) จงถามพวกเขาว่า อะไรกันซิ พวกท่านป ิเสธพระองค์ ผู้ทรงสร้างโลกในสองวัน(ช่วงเวลา)และพวกท่านตั้งสิ่งอื่นขึ้นมาเสมอกับ พระองค์กระนั้นหรือ แท้จริงแล้ว พระองค์คือพระผู้อภิบาลแห่งสากล โลก พระองค์ทรงทำาให้เทือกเขาตั้งมั่นอยู่เหนือแผ่นดินและทรง ประทานความจำาเริญแก่มัน พระองค์ทรงจัดเตรียมปัจจัยยังชีพขึ้นใน นั้นอย่างพอเพียงภายในสี่วันตามความต้องการของบรรดาผู้ขอ หลัง จากนั้น พระองค์ได้ทรงหันมายังฟากฟ้าที่ในตอนนั้นเป็นเพียงหมอก ควันและได้ทรงกล่าวแก่มันและแผ่นดินว่า จงมาที่นี่ ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจ หลังจาก หรือไม่ก็ตาม มันกล่าวว่า เราทั้งสองมาตามคำาสั่งแล้ว นั้น พระองค์ได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดภายในสองวัน และในแต่ละชั้นฟ้า พระองค์ได้ทรงกำาหนดก ระเบียบไว้ให้มัน และเราได้ประดับฟ้าชั้นล่าง ไว้ด้วยตะเกียงที่สว่างไสว(ดวงดาว)มากมายและได้ป้องกันมันไว้ นั่นคือ การกำาหนดของพระผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงรอบรู้ ถ้าหากพวกเขายังหันหลังให้ จงบอกพวกเขาว่า ันขอเตือนพวก ท่านถึงการลงโทษอันหนักหน่วงอย่างที่พวกอาดและษะมูดได้รับมาแล้ว เมื่อบรรดาศาสนทูตได้มายังพวกเขาจากทุกด้าน ทั้งด้านหน้าและด้าน หลัง โดยกล่าวว่า จงอย่าเคารพสักการะสิ่งอื่นใดนอกไปจากพระเจ้า พวกเขากล่าวว่า ถ้าพระเจ้าของเราทรงประสงค์ พระองค์น่าจะส่งทูต สวรรค์ลงมา(ยังเรา) ดังนั้น เราจะไม่มีวันศรัทธาในสาสน์ของท่าน สำาหรับชนเผ่าอาดนั้น พวกเขาได้ถือตัวเองเป็นใหญ่ในแผ่นดินโดย จงยึดแนวทางที่เที่ยงตรงมายังพระองค์ หมายถึง จงรักษาการ เคารพสักการะของเจ้าให้บริสุทธิ์เพื่อพระเจ้า กล่าวคือ เจตนาทั้งหมด ของเจ้าต้องมุ่งตรงไปยังพระเจ้า วัตถุประสงค์ของการวิงวอนและการ เคารพสักการะของเจ้าต้องเป็นไปเพื่อพระเจ้าเท่านั้น

474

ไม่มีสิทธิ์ใดๆ และพวกเขาได้กล่าวว่า ใครมีอำานาจเข้มแข็งยิ่งกว่าเรา พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกเขานั้นมีอำานาจเข้มแข็งยิ่ง กว่าพวกเขา แต่พวกเขายังคงป ิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา ดัง นั้น เราจึงได้ส่งพายุที่พัดกระหน่ำามาเป็นลางร้ายอยู่หลายวัน ทั้งนี้เพื่อ ที่เราจะทำาให้พวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษอันอัปยศในชีวิตโลกนี้ แต่การ ลงโทษในโลกหน้านั้นยิ่งอัปยศกว่า และที่นั่นพวกเขาจะไม่ได้รับความ ช่วยเหลือ สำาหรับพวกษะมูดนั้น เราได้แสดงแนวทางที่ถูกต้องให้พวก เขาแล้ว แต่พวกเขาชอบที่จะมืดบอดต่อทางนำามากกว่า ดังนั้น พวกเขา จึงได้รับการลงโทษอันอัปยศอย่าง ับพลันตามความผิดที่พวกเขาได้ทำา ไว้ เราได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาและเกรงกลัวพระเจ้าให้ปลอดภัย ในวันที่ศัตรูของพระเจ้าจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันเพื่อนำาไปสู่ไฟ นรก พวกเขาจะถูกรวมเป็นกลุ่มๆ เมื่อพวกเขาทั้งหมดได้มายังที่นั่น หู ตาและผิวหนังของพวกเขาจะเป็นพยานยืนยันสิ่งที่พวกเขาได้กระทำาไว้ พวกเขาจะถามผิวหนังของพวกเขาว่า ทำาไมเจ้าจึงมาเป็นพยานต่อ เรา และผิวหนังของพวกเขาจะตอบว่า พระเจ้าผู้ทรงให้ทุกสิ่งพูดองค์ นี้แหละที่ให้เราพูด(ด้วยเช่นกัน) พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้าในขั้นแรก และตอนนี้สูเจ้าได้ถูกนำากลับมายังพระองค์ สูเจ้าไม่อาจซ่อนตัวของ สูเจ้าเองจากหู ตาและผิวหนังของสูเจ้าเพื่อขัดขวางมันมิให้เป็นพยานต่อ สูเจ้า และสูเจ้าคิดว่าแพระเจ้าจะไม่ทรงรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไป แต่ความ คิดของสูเจ้าเกี่ยวกับพระผู้อภิบาลของสูเจ้าเช่นนี้แหละที่ทำาให้สูเจ้าได้รับ ความหายนะและทำาให้สูเจ้าเป็นผู้ขาดทุน ถึงแม้พวกเขาทนได้(หรือ ไม่ก็ตาม) ไฟนรกจะเป็นที่พำานักของพวกเขา และถ้าพวกเขาต้องการจะ แก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเอง พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำาเช่นนั้น เราได้ให้พวกเขามีสหายที่ทำาให้ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลัง พวกเขาดูเป็นสิ่งดีงามแก่พวกเขา ในที่สุด คำาบัญชา(การลงโทษ)ก็ได้

ฟุศศิลัต

475

เกิดขึ้นจริงกับพวกเขาซึ่งได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับพวกญินและมนุษย์ที่ ล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเขา แน่นอน พวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ขาดทุน บรรดาผู้ป ิเสธกล่าวว่า พวกท่านจงอย่าฟังกุรอานนี้ เมื่อมันถูก อ่านขึ้นมา จงส่งเสียงกลบมันเพื่อที่พวกท่านจะได้เหนือกว่า ดังนั้น เราจะให้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเหล่านี้ได้ลิ้มรสการลงโทษอย่างแสน สาหัสและจะตอบแทนพวกเขาอย่างสาสมสำาหรับความชั่วที่พวกเขาได้ ทำาไว้ นั่นคือสิ่งตอบแทนสำาหรับศัตรูของพระเจ้า นรกจะเป็นที่พำานัก ตลอดกาลของพวกเขา นี่เป็นการลงโทษความผิดที่พวกเขาป ิเสธสาสน์ ของเรา บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้ เราได้เห็นญินและมนุษย์ที่ทำาให้พวกเราหลงผิดด้วยเถิด เราจะกระทืบ สำาหรับบรรดาผู้ที่กล่าว มันเพื่อที่มันจะได้อับอายขายหน้าบ้าง ว่า พระผู้อภิบาลของเราคือพระเจ้า แล้วหลังจากนั้นก็ยืนหยัดมั่นคง บรรดาทูตสวรรค์จะลงมายังพวกเขา และกล่าวว่า จงอย่ากลัวและอย่า ระทมทุกข์ แต่จงรื่นเริง(รับฟังข่าวดี)เรื่องสวรรค์ที่พวกท่านได้ถูกสัญญา ไว้ เราเป็นสหายของพวกท่านทั้งในชีวิตโลกนี้และในโลกหน้า ที่ นั่น พวกท่านจะได้ในสิ่งที่พวกท่านปรารถนาและอะไรก็ตามที่พวกท่าน ร้องขอ พวกท่านก็จะได้ นั่นเป็นการจัดเตรียมปัจจัยอย่างเหลือเฟือ จากพระผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ และใครเล่าที่จะมีคำาพูดดีไปกว่าคนที่เชิญชวนไปสู่พระเจ้าและ ทำาความดีและกล่าวว่า ันคือผู้นอบน้อมยอมจำานน (นบีเอย) ความ ดีและความชั่วนั้นไม่อาจเท่าเทียมกัน จงขับไล่ความชั่วด้วยสิ่งที่ดีกว่า แล้วเจ้าจะเห็นว่าคนที่เคยเป็นศัตรูของเจ้าจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของ เจ้า แต่ไม่มีใครที่จะบรรลุถึงคุณสมบัตินี้ได้นอกไปจากบรรดาผู้อดทน และไม่มีผู้ใดที่จะบรรลุถึงตำาแหน่งนี้ได้นอกไปจากบรรดาผู้มีโชคอันใหญ่

การเปิดเผยที่ถูกอธิบายอย่างละเอียด

หลวง ถ้าหากเจ้ารู้สึกว่าซาตานยั่วยุเจ้า ดังนั้น จงขอความช่วยเหลือ ต่อพระเจ้า พระองค์ทรงได้ยินทุกสิ่ง ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง หนึ่งในบรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือกลางคืนและ กลางวันและดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ดังนั้น จงอย่ากราบดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ แต่จงกราบพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกมันถ้าหากสูเจ้าเป็น ผู้เคารพสักการะพระองค์จริงๆ แต่ถ้าหากคนพวกนี้แสดงความยโส โอหังและดันททุรังอยู่ (จงจำาไว้ว่า) บรรดาผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพระผู้อภิบาลของ เจ้าต่างสดุดีพระองค์ทั้งกลางคืนและกลางวันโดยไม่เหนื่อยหน่าย และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ สูเจ้าได้เห็นแผ่นดิน ที่แห้งแล้ง แต่หลังจากที่เราได้ส่ง นลงมาบนมัน มันจะมีชีวิตและพอง ขึ้นมา แน่นอนที่สุด ผู้ที่ให้ชีวิตแก่แผ่นดินที่แห้งแล้งนี้แหละที่จะทำาให้ คนตายมีชีวิตขึ้นมา แท้จริง พระองค์ทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง บรรดา ผู้บิดเบือนความหมายของสาสน์ของเราไม่สามารถจะซ่อนเร้นไปจากเรา ได้ ใครดีกว่ากัน คนที่จะถูกโยนลงนรกหรือคนที่ได้รับความปลอดภัยใน วันแห่งการฟื้นคืนชีพ สูเจ้าจงทำาตามที่สูเจ้าต้องการ พระเจ้าทรงเ ้าดู ทุกสิ่งที่สูเจ้าทำา บรรดาผู้ป ิเสธการตักเตือน(กุรอาน)เมื่อมันได้มายังพวกเขา(คือ ผู้ที่ขาดทุน) ความจริงแล้ว มันคือคัมภีร์ที่ทรงอำานาจ ความเท็จไม่ สามารถเข้ามาถึงมันได้ทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง เพราะมันเป็นสิ่งที่ ถูกประทานมาจากผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ (โอ้ นบี) ไม่มี สิ่งใดที่ได้ถูกกล่าวแก่เจ้านอกไปจากสิ่งที่ได้เคยถูกกล่าวแก่บรรดาศาสน ทูตก่อนหน้าเจ้า แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง และเป็น ผู้ทรงลงโทษอย่างรุนแรงยิ่งเช่นกัน 44 ถ้าหากเราส่งกุรอานนี้มาเป็นภาษาอื่นที่มิใช่อาหรับ พวกเขาจะ กล่าวว่า ทำาไมข้อความทั้งหลายของมันจึงไม่ถูกอธิบายให้ชัดเจน อะไร กันซิ นบีเป็นชาวอาหรับ แต่คัมภีร์เป็นภาษาต่างชาติ จงบอกพวกเขา

ฟุศศิลัต

477

ว่า กุรอานนี้เป็นทางนำาและสิ่งบำาบัดรักษาสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา แต่ สำาหรับบรรดาผู้ไม่ศรัทธานั้น มันเป็นสิ่งที่อุดหูและปิดตาของพวกเขา พวกเขาเป็นเหมือนกับคนที่กำาลังถูกเรียกจากที่ห่างไกล 45 ก่อนหน้านี้ เราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซาและมันเป็นที่ได้รับการถก เถียงกัน ถ้าหากไม่มีบัญชาจากพระผู้อภิบาลของเจ้ากำาหนดไว้ก่อนหน้า นี้แล้ว การตัดสินก็คงจะทำากันในระหว่างบรรดาผู้โต้เถียง ความจริงก็คือ พวกเขาเป็นผู้ที่อยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับมัน ใครทำาความดีก็ได้ดีแก่ ตัวเอง และใครทำาชั่วอะไรไว้ก็จะได้แก่ตัวเอง พระผู้อภิบาลของเจ้าไม่ เคยอธรรมต่อบ่าวของพระองค์ 47 พระเจ้าเท่านั้นที่มีความรู้เกี่ยวกับยามอวสาน ไม่มีผลไม้ใดที่ออก มาจากเปลือกของมันและไม่มีผู้หญิงคนใดตั้งครรภ์แล้วคลอดทารกออก มาโดยที่พระองค์ไม่รู้ ดังนั้น ในวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขามาถามว่า ไหนเล่าสิ่งทั้งหลายที่เป็นภาคีกับ ัน พวกเขาจะกล่าวว่า เรายอมรับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย แล้วว่าไม่มีใครในหมู่พวกเราสามารถยืนยันได้ ที่พวกเขาวิงวอนก่อนหน้านี้ได้หนีหายไปจากพวกเขา และพวกเขาจะ ตระหนักว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะหนีไปไหนได้ มนุษย์ไม่เบื่อหน่ายต่อการวอนขอเพื่อสิ่งที่ดีของชีวิต แต่เมื่อเขา ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อน เขาก็สิ้นหวังและหมดอาลัย เมื่อเรา ได้ให้เขาลิ้มรสความความเมตตาจากเราหลังจากความทุกข์ยาก เขาก็ กล่าวว่า ันสมควรได้รับสิ่งนี้และ ันไม่คิดว่าวันแห่งการฟื้นคืนชีพจะ เกิดขึ้น แต่ถ้าหาก ันถูกนำากลับไปยังพระผู้อภิบาลของ ันจริง ันจะได้ รับการตอบแทนที่ดีที่พระองค์ด้วย แต่ความจริงก็คือ เราจะบอกบรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ และเราจะทำาให้พวกเขาได้ลิ้มรส การลงโทษอันแสนสาหัสที่สุด เมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานแก่มนุษย์ เขาจะหันห่างและยิ่ง ชูคอ แต่เมื่อเขาประสบความชั่ว เขาก็พร่ำาวิงวอนขออย่างยืดยาว (โอ้

การปรึกษาหารือกัน

นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า พวกท่านพิจารณาหรือไม่ว่าถ้าหากกุรอานนี้ มาจากพระเจ้าและพวกท่านยังคงป ิเสธมันต่อไป ใครเล่าที่จะหลงผิดยิ่ง ไปกว่าคนที่เตลิดไปไกลจากสัจธรรม ในไม่ช้านี้ เราจะให้พวกเขาได้เห็นสัญญาณทั้งหลายของเราใน จักรวาลและในตัวของพวกเขาเองจนกระทั่งมันเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่พวก เขาว่ากุรอานนี้คือสัจธรรม ยังไม่เพียงพออีกหรือที่พระผู้อภิบาลของเจ้า นั้นทรงเ ้าดูทุกสิ่ง 54 ถึงกระนั้น คนพวกนี้ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับการ พบกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา จงฟังให้ดี พระองค์ทรงห้อมล้อมทุกสิ่ง 42. การปรึกษาหารือกัน

อัล-ชูรอ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮา มีม 2 อีน ซีน กอฟ พระเจ้าผู้ทรงอำานาจผู้ทรงปรีชาญาณได้ทรงประทานวจนะแก่เจ้า เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงประทานแก่บรรดา(ศาสนทูต)ก่อนหน้าเจ้า 4 ทั้งหมดที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์ และ พระองค์ทรงสูงส่งและทรงอำานาจยิ่ง 5 ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบแยกออกจาก กันจากเบื้องบนเมื่อบรรดาทูตสวรรค์สดุดีพระผู้อภิบาลของพวกเขาด้วย การสรรเสริญและวิงวอนขอการอภัยโทษให้แก่ผู้ที่อยู่บนโลกนี้ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ส่วนบรรดาผู้ที่เอาสิ่งอื่นนอก ไปจากพระเจ้ามาเป็นผู้คุ้มครองพวกเขานั้น พระเจ้าทรงเ ้าดูพวกเขาอยู่ และเจ้าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อการกระทำาของพวกเขา 7 ดังนั้น เราได้ประทานกุรอานเป็นภาษาอาหรับแก่เจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้ เตือนบรรดาผู้อาศัยอยู่ในใจกลางเมือง(มักกะ ฺ) และที่อยู่รอบๆมัน และ

อัล ชูรอ

จงเตือนพวกเขาถึงวันแห่งการชุมนุมซึ่งจะต้องมีอย่างแน่นอนโดยไม่ต้อง สงสัยว่ากลุ่มหนึ่งจะได้อยู่ในสวรรค์และอีกกลุ่มหนึ่งจะได้อยู่ในนรก หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์ทรงสามารถทำาให้พวกเขา ทั้งหมดเป็นประชาชาติเดียวกันก็ได้ แต่พระองค์จะทรงรับผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์สู่ความเมตตาของพระองค์ และบรรดาผู้ทำาความผิดนั้น จะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ พวกเขาได้ยึดเอาผู้อื่นนอกไปจาก พระองค์เป็นผู้คุ้มครองกระนั้นหรือ พระเจ้าเท่านั้นต่างหากที่ทรงเป็น ผู้คุ้มครอง พระองค์เท่านั้นที่ทรงให้ชีวิตแก่สิ่งที่ตาย และพระองค์ทรงมี อำานาจเหนือทุกสิ่ง อะไรก็ตามที่สูเจ้าขัดแย้งกัน(โอ้บรรดาผู้ศรัทธา) พระเจ้าจะทรงตัดสินเรื่องนั้นในที่สุด (จงกล่าวเถิด) พระเจ้าองค์นี้แหละ คือพระผู้อภิบาลของ ัน พระองค์เท่านั้นที่ ันได้มอบความไว้วางใจและ ยังพระองค์ที่ ันจะกลับไป พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรง สร้างคู่ครองให้แก่สูเจ้าจากตัวของสูเจ้าเอง และทรงทำาให้ปศุสัตว์มีคู่ของ มันด้วยทั้งนี้เพื่อที่จะทวีจำานวนสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น ไม่มีสิ่งใดเป็น เหมือนอย่างพระองค์ พระองค์ทรงได้ยินและทรงเห็นทุกสิ่ง พระองค์ ทรงเป็นเจ้าของกุญแจคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรง ประทานปัจจัยอย่างเหลือเฟือแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้ผู้ที่ พระองค์ทรงประสงค์บางคนอัตคัด แท้จริง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง พระเจ้าได้ทรงกำาหนดศาสนาเดียวกันนี้แก่สูเจ้าเช่นเดียวกับที่ได้ กำาหนดแก่นู ฺ และที่เราได้ประทานแก่เจ้าในขณะนี้ และที่เราได้กำาชับ แก่อิบรอ ีมและมูซาและอีซาเพื่อที่ว่าเจ้าจะต้องมั่นคงดำารงอยู่ในศาสนา นี้และไม่แตกแยกกัน สิ่งที่เจ้า (มุ ัมมัด) กำาลังเรียกร้องพวกบูชาเทวรูป อยู่นี้เป็นเรื่องที่ยากสำาหรับพวกเขา พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ไว้สำาหรับพระองค์เองและพระองค์ทรงชี้ทางของพระองค์ให้แก่ผู้ ที่หันไปหาพระองค์เท่านั้น

การปรึกษาหารือกัน

พวกเขาแตกแยกกันหลังจากที่ความรู้ได้มายังพวกเขาแล้ว นั่น เพราะว่าพวกเขาต่างอิจ าริษยากันเอง หากพระผู้อภิบาลของเจ้าไม่ได้ ออกคำาประกาศิตเลื่อนการลงโทษพวกเขาไปจนถึงเวลาที่ได้ถูกกำาหนด ไว้แล้ว เรื่องระหว่างพวกเขาคงจะถูกตัดสินไปแล้วอย่างแน่นอน บรรดา ผู้ที่รับสืบทอดคัมภีร์หลังจากพวกเขานั้นก็ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับมันอยู่ ดังนั้น (โอ้ มุ ัมมัด) จงเรียกร้องเชิญชวนพวกเขามาสู่ความศรัทธา นั้นและจงยืนหยัดในแนวทางนี้เช่นดียวกับที่เจ้าได้ถูกบัญชา และจงอย่า ทำาตามความต้องการของพวกเขา แต่จงบอกพวกเขาว่า ัน ศรัทธาใน คัมภีร์ที่พระเจ้าประทานมา และ ันได้ถูกบัญชาให้ป ิบัติอย่างยุติธรรม ในระหว่างพวกท่าน พระเจ้าทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราและของพวก ท่าน เรารับผิดชอบในสิ่งที่เราทำาและพวกท่านรับผิดชอบในสิ่งที่พวก ท่านทำา ไม่มีการโต้เถียงกันระหว่างเรากับพวกท่าน พระเจ้าจะทรง รวบรวมเราเข้าไว้ด้วยกันในวันหนึ่งและยังพระองค์ที่เราทั้งหมดจะกลับ ไป บรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับพระเจ้าหลังจากที่พระองค์ได้ถูกยอมรับ แล้วนั้น ข้อโต้แย้งของพวกเขาไร้เหตุผลในทัศนะของพระผู้อภิบาลของ พวกเขา และพวกเขาจะถูกพระองค์ทรงกริ้วและพวกเขาจะได้รับการ ลงโทษอย่างแสนสาหัส พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานคัมภีร์นี้มาพร้อมกับสัจธรรมและตาชั่ง แห่งความยุติธรรม และอะไรเล่าที่จะทำาให้เจ้าเข้าใจว่าเวลาแห่งการ ตัดสินอาจจะอยู่ใกล้แค่นี้เอง บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในการมาของมัน อยากให้มันเกิดขึ้นเร็วๆ แต่บรรดาผู้ศรัทธาในเรื่องนี้ต่างประหวั่นต่อมัน และรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จงรู้ไว้เถิดว่า บรรดาผู้โต้เถียง เกี่ยวกับเรื่องยามอวสานได้หลงผิดออกไปไกล พระเจ้าทรงเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งต่อปวงบ่าวของพระองค์ พระองค์ ทรงประทานปัจจัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์เป็นผู้ทรงพลานุ ภาพและผู้ทรงอำานาจ ใครก็ตามที่ปรารถนาผลตอบแทนแห่งโลกหน้า

อัล ชูรอ

เราจะเพิ่มพูนผลตอบแทนของเขา ส่วนใครที่ต้องการผลตอบแทนแห่ง โลกนี้ เราจะให้เขาที่นี่ แต่เขาจะไม่ได้รับส่วนแบ่งใน(ความจำาเริญแห่ง) โลกหน้าอีก พวกเขามีภาคีต่างๆที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นผู้กำาหนดศาสนา สำาหรับพวกเขาโดยที่พระเจ้าไม่ได้อนุมัติกระนั้นหรือ หากคำาตัดสิน มิได้ถูกประกาศไปก่อนหน้านี้ กรณีของพวกเขาคงจะถูกสะสางไปนาน แล้ว แน่นอน สำาหรับบรรดาผู้ทำาความผิดจะได้รับการลงโทษอันเจ็บ ปวด เจ้าจะเห็นคนชั่วเหล่านี้เกรงกลัวผลกรรมที่พวกเขาได้ทำาไว้อย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้นจะได้ อยู่ในสวนแห่งสวรรค์ พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนาที่พระ ผู้อภิบาลของพวกเขา นั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือ สิ่งที่พระเจ้าทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ศรัทธาและกระทำา ความดี (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า ันมิได้เรียกร้องสิ่งตอบแทนใดๆ จากพวกท่านสำาหรับงานนี้ นอกไปจากเพราะความรักในเครือญาติ ใคร ก็ตามที่ทำาความดี เราจะเพิ่มพูนความดีสำาหรับเขา แท้จริง พระเจ้าเป็น ผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเห็นคุณค่าของความดี พวกเขาพูดหรือว่า เขาสร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับพระเจ้า ถ้าหาก พระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงปิดผนึกหัวใจของเจ้าก็ได้ พระองค์ ทรงลบล้างความเท็จให้หมดไปและทรงพิสูจน์สัจธรรมว่าเป็นความจริง ด้วยวจนะของพระองค์ แท้จริง พระองค์ทรงรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในหัวอก พระองค์คือผู้ทรงรับการสำานึกผิดจากปวงบ่าวของพระองค์และทรง อภัยบาปทั้งหลาย พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา พระองค์ทรง ตอบรับการวิงวอนของบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีและประทาน ความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขามากยิ่งกว่านั้นอีก แต่สำาหรับ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษที่รุนแรง ถ้าพระเจ้าทรงประทานปัจจัยแก่บ่าวของพระองค์อย่างล้นเหลือ

การปรึกษาหารือกัน

พวกเขาจะสร้างความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระองค์ได้ทรงประทาน ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง พระองค์ทรงรู้ดีถึงบ่าวของพระองค์ และทรงเ ้าดูพวกเขาอยู่เสมอ พระองค์คือผู้ทรงประทานน้ำา นลงมา หลังจากที่ผู้คนหมดหวังกันแล้ว และทรงแผ่ความเมตตาของพระองค์ ไปทั่ว พระองค์เท่านั้นที่ทรงเป็นผู้คุ้มครองที่ควรค่าแก่การได้รับคำา สรรเสริญ ในบรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระองค์นั้นคือการสร้าง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่แพร่กระจายอยู่ในทั้ง สองนั้น พระองค์ทรงสามารถที่จะรวมพวกมันเข้าด้วยกันเมื่อใดก็ได้ที่ พระองค์ทรงประสงค์ ความทุกข์ยากเดือดร้อนอันใดที่เกิดขึ้นกับสูเจ้านั้นเป็นเพราะสิ่ง ที่สูเจ้าได้ทำาไว้ พระองค์ทรงให้อภัยมามากแล้ว สูเจ้าไม่อาจหลีกหนี พระองค์ไปได้ในแผ่นดินนี้และสูเจ้าไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใดๆอื่น ไปจากพระเจ้า และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือเรือต่างๆที่ดูเหมือน ภูเขาในทะเล หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์ทรงสามารถให้ลม หยุดนิ่งและปล่อยให้เรือเหล่านั้นลอยนิ่งอยู่กลางทะเล ในนี้มีสัญญาณ มากมายสำาหรับทุกคนที่อดทนและขอบคุณ หรือพระองค์ทรงอาจ ทำาให้เรือเหล่านั้นจมลงเพราะสิ่งที่พวกเขาได้ทำาผิดไว้ พระองค์ทรงอภัย มามากต่อมากแล้ว บรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของเรา จะได้รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางทึ่จะหลบหนีไปได้ อะไรที่สูเจ้าได้รับนั้นเป็นเพียงปัจจัยสำาหรับชีวิตนี้ แต่สิ่งที่อยู่กับ พระเจ้านั้นดีกว่าและยั่งยืนกว่า สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและและมอบ ความไว้วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา บรรดาผู้ละเว้นจากบาป ใหญ่และสิ่งลามก ผู้ที่เมื่อโกรธแล้วให้อภัย และผู้เชื่อฟังพระผู้อภิบาล ของพวกเขาและดำารงนมาซ ผู้ดำาเนินกิจการของพวกเขาโดยการปรึกษา หารือกันและใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาเป็นปัจจัยยังชีพ

อัล ชูรอ

บรรดาผู้ที่เมื่อถูกกดขี่ พวกเขาช่วยเหลือและป้องกันตนเอง ขอ ให้การลงโทษตอบแทนการทำาร้ายคือการทำาร้ายที่เท่าเทียมกัน แต่ใคร ที่ให้อภัยและหาทางไกล่เกลี่ยกัน รางวัลของเขาก็อยู่ที่พระเจ้า แท้จริง พระองค์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ทำาความผิด บรรดาผู้แก้แค้นด้วยตัวเอง หลังจากพวกเขาถูกอธรรมนั้นไม่อาจถูกตำาหนิได้ ผู้ที่สมควรจะถูก ตำาหนินั้นคือบรรดาผู้กดขี่มนุษย์และล่วงละเมิดในแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิ์ ใดๆ สำาหรับคนเหล่านั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ ส่วน ผู้ที่อดทนและให้อภัยนั้น ความจริงแล้ว นั่นคืองานแห่งความกล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว 44 ผู้ใดที่พระเจ้าทรงปล่อยให้เขาหลงทางจะไม่มีผู้คุ้มครอง เจ้าจะเห็น ว่าเมื่อผู้กระทำาความผิดเห็นการลงโทษ พวกเขาจะกล่าวว่า ไม่มีทางใด ที่จะกลับไปอีกแล้วหรือ 45 เจ้าจะเห็นว่าเมื่อพวกเขาได้ถูกนำาตัวมาอยู่ ต่อหน้านรก พวกเขาจะก้มหน้าด้วยความสิ้นหวังและจะมองมันด้วยสาย ตาหลบๆซ่อนๆ และบรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า ผู้ขาดทุนที่แท้จริงคือ ผู้ทำาให้ตัวของพวกเองและพวกพ้องของพวกเขาได้รับความเสียหายใน วันแห่งการฟื้นคืนชีพ จงระวังให้ดี ผู้ทำาผิดจะได้รับการลงโทษตลอดไป พวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองมาช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้า คนที่ พระเจ้าทรงปล่อยให้หลงผิดนั้นจะไม่มีทางหนีรอดไปได้ 47 จงตอบพระผู้อภิบาลของสูเจ้าก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึงซึ่งไม่มีโอกาส หลบเลี่ยง(ไปจากเจตนารมณ์ของพระเจ้า)ได้ ในวันนั้น สูเจ้าจะไม่มีที่พัก พิงและจะไม่(มีโอกาสใดๆ)ป ิเสธบาปของสูเจ้า ตอนนี้ ถ้าพวกเขา หันหลังให้ เราไม่ได้ส่งเจ้า (โอ้ นบี) เพื่อไปเ ้าดูแลพวกเขา หน้าที่ของ เจ้าคือการนำาสาสน์ไปให้เท่านั้น มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้แหละ เมื่อเราได้ให้ เขาลิ้มรสความเมตตาของเรา เขาก็ยินดีปรีดาต่อมัน แต่ถ้าหากพวกเขา ได้รับสิ่งเลวร้ายอันเนื่องมาจากสิ่งที่มือของพวกเขาเองได้ทำาไว้ เขาก็ เนรคุณ

เครื่องประดับทองคำา

พระเจ้าทรงมีอำานาจควบคุมชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงประทานบุตรสาวแก่ผู้ ที่พระองค์ทรงประสงค์และบุตรชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ หรือ ทรงประทานทั้งบุตรชายและบุตรสาวแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะ ทำาให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เป็นหมัน แท้จริง พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง ไม่มีมนุษย์คนใดที่พระเจ้าจะตรัสกับเขาต่อหน้า พระองค์จะตรัส กับเขาโดยการดลใจ หรือจากข้างหลังม่าน หรือพระองค์จะส่งผู้นำาสาสน์ มายังเขาเพื่อที่จะมาเปิดเผยสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์โดยคำาบัญชาของ พระองค์ แท้จริง พระองค์ทรงสูงส่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง เช่นเดียวกันนั้น แหละ (โอ้ มุ ัมมัด) ที่เราได้เปิดเผยวิญญาณแก่เจ้าโดยคำาบัญชาของเรา เจ้าไม่เคยรู้จักคัมภีร์และความศรัทธามาก่อน แต่เราได้ทำาให้มันเป็นแสง สว่างที่เราใช้แสดงหนทางแก่บ่าวของเราที่เราประสงค์ แท้จริง เจ้ากำาลัง นำาไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง หนทางของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่ง ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จงจำาไว้ว่าการงานทั้งหมดจะกลับไป สู่พระเจ้าเท่านั้น 43. เครื่องประดับทองคำา

อัล-ซุครุฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮา มีม ขอสาบานด้วยคัมภีร์ที่ทำาให้สิ่งต่างๆเป็นที่ชัดเจน เราได้ทำาให้มันเป็น กุรอานภาษาอาหรับเพื่อที่สูเจ้าทั้งหลายจะได้เข้าใจ 4 ความจริงแล้ว มัน

อัล ซุครุฟ

ถูกจารึกอยู่ในคัมภีร์ต้น บับที่อยู่ในการดูแลรักษาของเรา เป็นคัมภีร์อัน สูงส่งและเต็มไปด้วยวิทยปัญญา 5 จะให้เราหยุดส่งข้อตักเตือนนี้มายังสูเจ้าเพียงเพราะสูเจ้าเป็นผู้ ่า ืนกระนั้นหรือ เราได้ส่งนบีไม่รู้กี่คนแล้วมายังหมู่ชนก่อนหน้านี้ 7 แต่เมื่อใดที่นบีคนหนึ่งมายังพวกเขา พวกเขาหัวเราะเยาะเย้ยเขา ดัง นั้น เราจึงได้ทำาลายพวกเขาถึงแม้พวกเขาจะมีอำานาจเข้มแข็งกว่าคน เหล่านี้ มีตัวอย่างของหมู่ชนก่อนหน้านี้มากมายแล้ว ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินนี้ แน่นอนเลย พวกเขาจะตอบว่า พระผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงรอบรู้ เป็นผู้สร้างมัน พระองค์คือผู้ทรงทำาให้แผ่นดินนี้เป็นเปลสำาหรับ สูเจ้า และทรงทำาให้มีหนทางในนั้นสำาหรับสูเจ้าทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้ถูก พระองค์คือผู้ทรงประทานน้ำาลงมา นำาทางไปยังจุดหมายของสูเจ้า จากท้องฟ้าตามปริมาณที่กำาหนด และด้วยน้ำานั้น เราได้ทำาให้ผืนดินที่ แห้งแล้งกลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สูเจ้าทั้งหลายจะถูกนำาออกมาอีก ครั้งหนึ่งเช่นเดียวกันนี้แหละ พระองค์คือผู้ทรงสร้างทุกสิ่งขึ้นมาเป็นคู่ และทรงทำาให้เรือและปศุสัตว์เป็นพาหนะสำาหรับสูเจ้าเพื่อใช้ขับขี่ เพื่อ ที่เมื่อสูเจ้านั่งอยู่บนหลังของมัน สูเจ้าจะได้ระลึกถึงความโปรดปรานของ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าและกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงให้ พาหนะนี้เป็นประโยชน์แก่เรา มิเช่นนั้นแล้วเราจะไม่สามารถควบคุมมัน ได้ และวันหนึ่ง เราจะต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของเรา แม้กระนั้น พวกเขายังนำาบ่าวบางคนของพระองค์มาเป็นหุ้นส่วนใน ความเป็นพระเจ้าของพระองค์ มนุษย์นั้นเนรคุณอย่างชัดเจน พระเจ้า จะเอาสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาเป็นลูกสาวและทรงให้พวกเจ้ามีลูกชาย กระนั้นหรือ เมื่อบางคนในหมู่พวกเขาได้รับข่าวอย่างเดียวกับที่พวก เขากล่าวถึงพระผู้ทรงกรุณา(คือได้รับข่าวว่าจะได้ลูกสาว) ใบหน้าของ เขากลับหมองคล้ำาและเต็มไปด้วยความเศร้า พวกเขาจะเอาลูกหลาน

เครื่องประดับทองคำา

ที่ถูกเลี้ยงดูท่ามกลางเครื่องประดับและไม่สามารถที่โต้เถึยงอะไรได้(มา ให้พระเจ้า)กระนั้นหรือ พวกเขาถือว่าบรรดาทูตสวรรค์ผู้เป็นบ่าวของ พระผู้ทรงกรุณาเป็นเพศหญิง พวกเขาเห็นการสร้างทูตสวรรค์กระนั้น หรือ หลัก านของพวกเขาจะถูกบันทึกไว้และพวกเขาจะถูกเรียกมาส อบสวน พวกเขากล่าวว่า หากพระผู้ทรงกรุณาปรานีประสงค์ พวกเราคงจะ ไม่เคารพสักการะมลาอิกะ ฺเหล่านั้น พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่อง นั้นนอกจากจะเดาส่งเดชกันเอาเอง เราได้ประทานคัมภีร์เล่มหนึ่ง แก่พวกเขาก่อนหน้านี้ซึ่งพวกเขายึดถือมันเป็นหลัก านกระนั้นหรือ เปล่าเลย แต่พวกเขากล่าวว่า เราได้เห็นบรรพบุรุษของเราอยู่ใน หนทางนี้มาก่อน ดังนั้น เราจึงดำาเนินตามแนวทางของพวกเขา เมื่อ ใดที่เราส่งผู้ตักเตือนไปยังเมืองใด ผู้คนที่มั่งคั่งฟุ่มเฟือยในเมืองนั้นจะพูด เหมือนกันว่า เราเห็นบรรพบุรุษของเราป ิบัติตามประเพณีนี้มาก่อน และเราเพียงแต่ป ิบัติตามแนวทางของพวกเขาเท่านั้น นบีทุกคนจะ ถามพวกเขาว่า แล้วถ้า ันนำาแนวทางที่ถูกต้องกว่าแนวทางที่พวกท่าน เห็นบรรพบุรุษของพวกท่านกำาลังป ิบัติอยู่มาให้พวกท่านเล่า พวก เขาตอบว่า เราป ิเสธสิ่งที่ถูกส่งมากับท่าน ดังนั้น เราจึงได้ตอบแทน พวกเขา จงดูเอาเองก็แล้วกันว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น เป็นเช่นไร จงนึกถึงเมื่อตอนที่อิบรอ ีมได้กล่าวแก่บิดาและคนของเขาว่า ัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะ ( ันเคารพสักกา ระ)พระองค์ผู้ทรงสร้าง ันมาเท่านั้น และพระองค์จะทรงนำาทาง ันอย่าง แน่นอน และอิบรอ ีมได้ทิ้งถ้อยคำาดังกล่าวนี้ไว้ในหมู่ลูกหลานของ เขา เพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมา(สู่พระเจ้า) ันได้ให้สิ่งดีๆแห่งชีวิต นี้แก่คนเหล่านี้และบรรพบุรุษของพวกเขาต่อไปจนกระทั่งสัจธรรมได้ มายังพวกเขาและศาสนทูตได้อธิบายสิ่งต่างๆให้เป็นที่ชัดเจน แต่เมื่อ

อัล ซุครุฟ

สัจธรรมได้มายังพวกเขา พวกเขากลับกล่าวว่า นี่เป็นไสยศาสตร์ และ เราขอป ิเสธมัน พวกเขากล่าวว่า ทำาไมกุรอานนี้จึงไม่ถูกส่งมายังคนสำาคัญของ สองเมืองนี้ พวกเขากระนั้นหรือที่เป็นผู้แบ่งปันความเมตตาของพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้า เราต่างหากที่เป็นผู้จัดสรรการทำามาหากินของพวก เขาในชีวิตแห่งโลกนี้และเราได้ทำาให้บางคนในหมู่พวกเขาเหนือกว่าบาง คนหลายชั้นทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาบางคนจะได้นำาอีกบางคนมาผลัดกันใช้ งาน และความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นมีคุณค่ายิ่งใหญ่กว่า ความมั่งคั่งที่พวกเขาสะสมไว้ ถ้าไม่เกรงว่ามนุษยชาติทั้งหมดจะเป็น ประชาคมหนึ่ง(ของผู้ไม่ศรัทธา)แล้ว เราจะทำาให้บรรดาผู้ป ิเสธความ กรุณาปรานีของเรามีบ้านที่หลังคาทำาด้วยเงินและบันไดเงินเพื่อขึ้นไป มีบ้านที่ประตูทำาด้วยเงินและเตียงที่พวกเขาเอนนอนทำาด้วย ชั้นบน เงิน และเครื่องประดับทองคำา แต่สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นแค่เพียงปัจจัย แห่งชีวิตโลกนี้ โลกหน้าต่างหากที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นมีไว้สำาหรับ ผู้เกรงกลัวพระองค์ สำาหรับคนที่ไม่ใส่ใจคำาตักเตือนของพระผู้ทรงกรุณาปรานี เราจะให้ ซาตานตัวหนึ่งมายังเขาและมันจะเป็นสหายของเขา ซาตานเหล่านี้จะ ขัดขวางพวกเขาจากหนทางที่เที่ยงตรงในขณะที่พวกเขาคิดว่าพวกเขา อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อคนเช่นนั้นมายังเรา เขาจะพูด(กับสหาย ของเขา)ว่า ถ้าหากเจ้าอยู่ห่างจาก ันเหมือนดังทิศตะวันออกห่างจาก ทิศตะวันตกก็จะดีหรอก เจ้านี่ช่างเป็นสหายที่ชั่วร้ายที่สุด จะมีเสียง กล่าวแก่คนเช่นนี้ว่า เมื่อสูเจ้าทำาผิด การมีหุ้นส่วนที่ถูกลงโทษด้วยกัน จะไม่เป็นประโยชน์อันใดเลยแก่สูเจ้าในวันนี้ เจ้า(นบี) สามารถทำาให้คนหูหนวกได้ยินหรือชี้ทางให้คนตาบอด และคนที่หลงผิดอย่างชัดๆได้กระนั้นหรือ ถึงแม้เราจะเอาเจ้าไปจาก โลกนี้ เราจะลงโทษพวกเขาอย่างสาสมแน่นอน หรือเราจะให้เจ้าเห็น

เครื่องประดับทองคำา

สิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับพวกเขา แท้จริง เรามีอำานาจเต็มที่เหนือพวกเขา ดังนั้น จงยึดมั่นในคัมภีร์ที่ถูกส่งมายังเจ้า แท้จริง เจ้าอยู่บนหนทางที่ เที่ยงตรง 44 แท้จริง มันคือคำาตักเตือนสำาหรับเจ้าและผู้คนของเจ้า และ ไม่ช้า พวกเขาจะถูกเรียกมาสอบสวน 45 จงถามศาสนทูตทั้งหลายที่เรา ส่งมาก่อนหน้าเจ้าก็ได้ว่า เราเคยแต่งตั้งพระเจ้าใดอื่นให้มาเป็นที่เคารพ สักการะนอกไปจากพระผู้ทรงกรุณาปรานีหรือไม่ เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่างๆของเรามายังฟาโรห์และ เสนาบดีของเขา และเขาได้กล่าวแก่คนเหล่านั้นว่า ันเป็นศาสนทูต ของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก 47 แต่เมื่อเขาได้แสดงสัญญาณต่างๆ ของเราให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาก็หัวเราะเยาะเขา ถึงแม้ว่าเราได้ แสดงสัญญาณครั้งแล้วครั้งเล่าแก่พวกเขาซึ่งแต่ละสัญญาณยิ่งใหญ่กว่า สัญญาณก่อนๆ และเราได้ลงโทษพวกเขาเพื่อที่พวกเขาอาจกลับมา(สู่ หนทางที่ถูกต้อง) พวกเขากล่าวว่า ท่านนักไสยศาสตร์ โปรดวิงวอน พระผู้อภิบาลของท่านให้พวกเราตามสัญญาที่ท่านได้รับจากพระองค์ ด้วยเถิด แล้วเราจะเป็นผู้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง แต่เมื่อเราได้ทำาให้ การลงโทษหมดไปจากพวกเขา พวกเขาก็ผิดสัญญาอีก ฟาโรห์ได้ประกาศท่ามกลางผู้คนของเขาว่า ประชาชนของ ัน อาณาจักรแห่งอียิปต์นี้มิใช่ของ ันกระนั้นหรือ แม่น้ำาลำาคลองที่ไหลอยู่ แทบเท้าของ ันนี้มิใช่ของ ันหรือ พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่า ันดีกว่า คนผู้นี้ที่ต่ำาต้อยและพูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำา ทำาไมจึงไม่มีกำาไลทอง ส่งมาให้เขาหรือมีขบวนทูตสวรรค์คอยติดตามรับใช้เขาล่ะ 54 นี่แหละ ที่เขาได้หลอกลวงผู้คนของเขาและพวกเขาก็เชื่อฟังเขา เพราะพวกเขา เป็นผู้คิดกบ 55 ดังนั้น เมื่อพวกเขาทำาให้เรากริ้ว เราจึงลงโทษพวกเขา และทำาให้พวกเขาจมน้ำาทั้งหมด เราได้ทำาให้พวกเขากลายเป็นอดีต และเป็นบทเรียนสำาหรับคนรุ่นต่อๆไป 57 เมื่อได้มีการหยิบยกเอา(อีซา)ลูกของนางมัรฺยัมขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์

อัล ซุครุฟ

ผู้คนของเจ้าก็โห่ร้องกันออกมา และกล่าวว่า พระเจ้าทั้งหลายของ พวกเราดีกว่าหรือว่าเขา พวกเขายกคำาเปรียบเทียบนี้ขึ้นมาเพียง เพื่อท้าทายเจ้า เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขาเป็นผู้ชอบโต้เถียง แต่ เขา(ลูกของนางมัรฺยัม)เป็นแค่เพียงบ่าวคนหนึ่งซึ่งเราได้ประทานความ โปรดปรานแก่เขาและเป็นตัวอย่างแห่งอำานาจของเราสำาหรับพวกลูก หลานอิสรออีล หากเราประสงค์ เราก็สามารถแต่งตั้งทูตสวรรค์มาเป็น ผู้สืบทอดแผ่นดินต่อจากสูเจ้าก็ได้ ความจริงแล้ว เขาเป็นสัญญาณ หนึ่งของยามอวสาน ดังนั้น เจ้าอย่าได้สงสัยใดๆและจงป ิบัติตาม ัน นี่ คือแนวทางอันเที่ยงตรง จงอย่าให้ชัย อนขัดขวางเจ้าจากสิ่งนี้ แท้จริง มันเป็นศัตรูของเจ้าอย่างเปิดเผย เมื่ออีซามาพร้อมกับสัญญาณต่างๆอันชัดแจ้ง เขาได้กล่าวว่า ัน มายังพวกท่านพร้อมกับวิทยปัญญาเพื่อทำาให้พวกท่านเข้าใจความจริง ในสิ่งที่พวกท่านขัดแย้งกัน ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าและเชื่อฟัง ัน เพราะพระเจ้าคือพระผู้อภิบาลของ ันและพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ด้วยเช่นกัน ดังนั้น จงเคารพสักการะพระองค์ นี่คือแนวทางอันเที่ยงตรง แต่ (ถึงแม้คำาสอนของเขาจะชัดเจนแล้ว) นิกายต่างๆในหมู่พวกเขาก็ ยังขัดแย้งกันเอง ดังนั้น ความหายนะจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ทำาความผิด พวกเขาจะได้รับการลงโทษแห่งวันอันเจ็บปวด พวกเขาเหล่านี้เพียงแต่รอคอยยามอวสานที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา อย่าง ับพลันในขณะที่พวกเขาไม่รู้กระนั้นหรือ เมื่อวันนั้นมาถึง มิตร สหายทั้งหลายจะเป็นศัตรูกันยกเว้นบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้า โอ้ บ่าวทั้งหลายของ ัน วันนี้ สูเจ้าจะไม่มีความหวาดกลัวอะไรและสูเจ้าจะ ไม่ต้องเศร้าใจ บรรดาผู้ศรัทธาในสิ่งที่เราประทานมาและนอบน้อม ยอมตนต่อเรา จงเข้าไปในสวรรค์เถิด ทั้งตัวของสูเจ้าและคู่ครองของ สูเจ้า ที่นั่นจะมีจานและถ้วยน้ำาทองคำาเวียนรอบพวกเขาและที่นั่น พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่จิตใจของพวกเขาปรารถนาและสายตาของพวก

เครื่องประดับทองคำา

เขาชื่นชมยินดี สูเจ้าจะพำานักอยู่ที่นั่นตลอดไป นี่คือสวนสวรรค์ที่สูเจ้า จะได้รับเป็นมรดกตามที่สูเจ้าได้กระทำาไว้ก่อนหน้านี้ และที่นั่นมีผลไม้ มากมายให้สูเจ้าได้กิน 74 ส่วนผู้กระทำาความผิดนั้น พวกเขาจะต้องได้รับการลงโทษในนรก ตลอดกาล 75 พวกเขาจะไม่ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษและในนั้นพวก เขาจะมีแต่ความสิ้นหวัง เรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเอง ต่างหากที่อธรรมต่อตัวเอง 77 พวกเขาจะร้องออกมาว่า โอ้ มาลิก โปรด ให้พระเจ้าของท่านจัดการให้เราตายไปเถิด แต่เขา(ทูตสวรรค์)จะตอบ ว่า พวกท่านจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป เราได้นำาความจริงมายังสูเจ้า แล้ว แต่สูเจ้าส่วนใหญ่รังเกียจความจริง หรือว่าพวกเขาได้ตัดสินใจ วางแผนไว้แล้วใช่ไหม ดีละ เราก็จะวางแผนของเราด้วยเช่นกัน พวก เขาคิดหรือว่าเราไม่ได้ยินการพูดกันอย่างลับๆและการกระซิบกันของ พวกเขา ทูตสวรรค์ของเราอยู่ข้างๆพวกเขาคอยจดบันทึกอยู่ (มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้าหากพระผู้ทรงกรุณาปรานี มีบุตร ันจะเป็นคนแรกที่เคารพสักการะเขา แต่มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่ พระผู้ทรงอภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระเจ้าแห่งบัลลังก์ พระองค์ทรงอยู่เหนือสิ่งที่พวกเขากล่าว(เท็จ)ถึงพระองค์ ดังนั้น จง ปล่อยพวกเขาให้หมกมุ่นอยู่ในความเท็จและการละเล่นจนกว่าพวกเขา จะพบวันของพวกเขาซึ่งได้ถูกสัญญาไว้ พระองค์เท่านั้นคือพระเจ้าในชั้นฟ้าทั้งหลายและพระเจ้าแห่ง แผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ มหาจำาเริญคือ พระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและ ทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น พระองค์เท่านั้นที่มีความรู้เรื่องยามอวสานและยัง พระองค์ที่สูเจ้าจะถูกนำากลับไป บรรดาผู้ที่พวกเขาวิงวอนนอกไปจากพระเจ้านั้นไม่มีอำานาจที่จะ ขอไถ่โทษนอกไปจากผู้ยืนยันสัจธรรมด้วยความรู้เท่านั้น และถ้าหาก

อัล ดุคอน

เจ้าถามพวกเขาว่าใครเป็นผู้สร้างพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า พระเจ้า แล้วพวกเขายังหันไปทางอื่นอีกหรือ นบีกล่าวว่า พระผู้อภิบาล คน เหล่านี้คือหมู่ชนผู้ไม่ศรัทธา ดังนั้น (โอ้ มุ ัมมัด)จงอดทนต่อพวกเขา และกล่าว สันติจงมีแด่ท่าน ในไม่ช้าพวกเขาจะได้รู้ 44. ควัน

อัล-ดุคอน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮา มีม ขอสาบานด้วยคัมภีร์ที่ทำาให้สิ่งต่างๆเป็นที่ชัดเจน แท้จริง เราได้ ประทานมันลงมาในคืนอันจำาเริญยิ่ง เราได้ส่งคำาเตือนมาเสมอ 4 ในคืน นั้น ประกาศิตอันชาญ ลาดทุกอย่างได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว 5 โดยคำาบัญชา ของเรา เราได้ส่งสาสน์มาแล้ว เป็นความเมตตาจากพระผู้อภิบาลของ เจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ 7 พระองค์ทรงเป็นพระ ผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ถ้า หากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆที่คู่ควรแก่การ เคารพสักการะนอกจากพระองค์ ผู้ทรงให้ชีวิตและผู้ทรงให้ตาย พระผู้ อภิบาลของสูเจ้าและพระผู้อภิบาลของบรรพบุรุษของสูเจ้า แต่พวกเขา ยังมีแต่ความสงสัย ดังนั้น จงคอยวันหนึ่งซึ่งท้องฟ้าจะปราก หมอก ควันที่เห็นได้ชัด ซึ่งจะปกคลุมมนุษยชาติ นี่จะเป็นการลงโทษอันเจ็บ ปวด พวกเขาจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดช่วยเราให้พ้น จากการลงโทษนี้ด้วยเถิด ตอนนี้เราเป็นผู้ศรัทธาในพระองค์แล้ว พวก เขาจะได้ประโยชน์จากการตักเตือนนี้อย่างไรในเมื่อมีศาสนทูตคนหนึ่ง มายังพวกเขาและอธิบายสิ่งต่างๆให้เป็นที่ชัดเจนแล้ว แต่พวกเขา

ควัน

กลับหันหลังให้เขาและกล่าวว่า เขาเป็นคนบ้าที่มีคนอื่นสอนมา ถ้า เราปลดเปลื้องการลงโทษไปชั่วขณะหนึ่ง สูเจ้าก็จะกลับไปสู่การป ิเสธ สัจธรรมอย่างที่เคยเป็นมาก่อน วันที่เราลงโทษบรรดาผู้ทำาบาปอย่าง รุนแรงที่สุดนั้น เราจะตอบแทนพวกเขาอย่างสาสม ก่อนหน้าพวกเขา เราได้ทดสอบผู้คนของฟาโรห์มาแล้ว นั่นคือมี ศาสนทูตผู้ทรงเกียรติคนหนึ่งถูกส่งมายังพวกเขา เขากล่าวว่า จง มอบปวงบ่าวของพระเจ้าให้แก่ ัน ันคือศาสนทูตผู้ซื่อสัตย์สำาหรับพวก ท่าน พวกท่านจงอย่ายกตนเหนือพระเจ้า ันได้นำาหลัก านอันชัดแจ้ง มาแสดงให้ท่านได้เห็นแล้ว ันขอความคุ้มครองจากพระผู้อภิบาลของ ันและพระผู้อภิบาลของพวกท่านแล้วเพราะเกรงว่าพวกท่านจะเอาหิน ขว้าง ัน(จนตาย) ถ้าหากพวกท่านไม่ศรัทธา ัน ก็จงอย่าทำาร้าย ัน ในที่สุด เขาได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาว่า คนเหล่านี้เป็น ผู้ทำาบาป พระเจ้ากล่าวว่า จงออกเดินทางไปพร้อมกับปวงบ่าวของ ันในตอนกลางคืน เพราะสูเจ้าจะถูกติดตามอย่างแน่นอน จงปล่อย ทะเลไว้อย่างนั้น พวกเขาทั้งหมดจะจมน้ำาตาย สวนผลไม้และตาน้ำา กี่แห่งแล้วที่พวกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง รวมทั้งไร่ข้าวโพดและอาคารอัน โอ่อ่า และสิ่งอำานวยความฟุ้งเฟ้อที่พวกเขาเคยได้รับความสุข นั่น คือบั้นปลายของพวกเขา และเราได้ทำาให้คนอื่นมาสืบทอดสิ่งที่เป็นของ พวกเขา ดังนั้น ชั้นฟ้าและแผ่นดินจึงมิได้ร้องไห้แก่พวกเขา และพวก เขามิได้รับการผ่อนปรน เราได้ช่วยเหลือพวกลูกหลานอิสรออีลให้รอดพ้นจาการลงโทษอัน อัปยศ จากฟาโรห์ผู้เป็นคนสำาคัญที่สุดในบรรดาผู้ละเมิดขอบเขตทุก อย่าง เราได้เลือกพวกเขาเหนือบรรดาคนอื่นๆทั้งหมดโดยรู้ว่าพวก เขาเป็นเช่นนั้น และเราได้แสดงสัญญาณต่างๆให้พวกเขาได้เห็นเพื่อ เป็นการทดสอบอย่างชัดเจน แต่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมกล่าวว่า ไม่มีอะไรนอกไปจากความ

ตายครั้งแรกของเรา และเราจะไม่ถูกทำาให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก ถ้า หากพวกท่านพูดจริง จงนำาบรรพบุรุษของพวกเรากลับมาอีกครั้งหนึ่งซิ พวกเขาดีกว่าชาวตุบบะอ์และบรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขากระนั้น หรือ เราได้ทำาลายพวกเขาเพราะพวกเขาเป็นผู้ทำาบาป เรามิได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น อย่างไร้สาระ เรามิได้สร้างทั้งสองสิ่งดังกล่าวขึ้นมาเพื่ออื่นใดนอกไป จากเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ แท้จริง วัน แห่งการตัดสินเป็นเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับพวกเขาทั้งหมด วัน ที่เพื่อนจะไม่สามารถช่วยเหลือกันได้ และพวกเขาจะไม่ได้รับการช่วยเห ลือใดๆ นอกไปจากบรรดาผู้ที่พระเจ้าจะทรงแสดงความเมตตาแก่พวก เขา แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ แน่นอน ผลของต้นซักกูม 44 จะเป็นอาหารของผู้ทำาบาป 45 เหมือน กับกากของน้ำามัน มันจะเดือดอยู่ในท้อง เหมือนกับการเดือดของน้ำา ร้อน 47 (จะมีเสียงร้องว่า) จงกระชากเขาแล้วลากไปยังกลางไฟนรก ถ้าใครตรึกตรองถึงระบบของชั้นฟ้าและแผ่นดินหรือจักรวาลทั้งหมด เขาจะเข้าใจชัดเจนว่าทุกสิ่งถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนอย่าง หนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เช่นนั้น มนุษย์จะไม่สามารถสร้างวั นธรรมอันรุ่งเรือง ขึ้นมาในโลกนี้ได้เลย การทำางานทั้งหมดของจักรวาลอย่างมีความ หมายเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่ามันจะจบลงในลักษณะที่มีความหมายและมี วัตถุประสงค์ และไม่มีทางคิดได้เลยว่ามันจะสิ้นสุดลงในลักษณะที่เป็น อย่างอื่น ความจริงแล้ว วาระสุดท้ายของมันจะบอกล่วงหน้าถึงการมา ของชีวิตหลังความตาย และความศรัทธาในโลกมิใช่อะไรนอกไปจากการ ขยายการมีความหมายของจักรวาล ขั้นตอนปัจจุบันแห่งโลกนี้เป็นแค่ขั้น ตอนของการทดสอบ ดังนั้น ทุกคนจึงมีส่วนแบ่งของตนในการมีความ หมายของโลกนี้ แต่ในโลกหน้า เ พาะผู้ที่สมควรได้รับจริงๆในสายตา ของพระเจ้าจะมีส่วนแบ่งในการมีความหมายของชีวิตโลกหน้า

การคุกเข่า

และเอาน้ำาเดือดเทราดลงไปบนหัวของเขาเป็นการลงโทษ จงลิ้มรส สิ่งนี้ดู คนที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่และมีเกียรติ นี่คือสิ่งที่สูเจ้าเคยสงสัย ส่วนคนที่เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะอยู่ในสถานที่อันปลอดภัย ใน ท่ามกลางสวนสวรรค์อันหลากหลายและตาน้ำา สวมใส่อาภรณ์ทำาด้วย ผ้าไหมละเอียดและไหมหยาบ นั่งหันหน้าเข้าหากัน 54 มันจะเป็นเช่นนั้น แหละ และเราจะให้พวกเขามีคู่ครองเป็นหญิงสาวผิวดีมีตาดำาโต 55 พวก เขาจะร้องขอผลไม้ทุกชนิดที่มีรสอร่อยในความสงบและปลอดภัย ที่ นั่น พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความตายหลังจากความตายครั้งแรกของพวก เขาในโลกนี้ พระองค์จะทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของ ไฟนรก 57 ใน านะเป็นความโปรดปรานจากพระผู้อภิบาลของเจ้า นี่คือ ความสำาเร็จอันใหญ่หลวง (โอ้ นบี) เราได้ทำาให้คัมภีร์นี้ง่ายต่อการเข้าใจในภาษาของเจ้าเพื่อ พวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ ดังนั้น จงคอยเถิด เช่นเดียวกับที่พวกเขา กำาลังคอย 45. การคุกเข่า

อัล-ญาซิยะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮา มีม คัมภีร์นี้ถูกส่งลงมาจากพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงปรีชาญาณ ในชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินมีสัญญาณต่างๆมากมายสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา 4 และในการสร้างสูเจ้าและในสรรพสัตว์ทั้งหลายที่พระเจ้าได้ทรงแพร่ กระจายออกไปนั้นล้วนเป็นสัญญาณสำาหรับหมู่ชนผู้เชื่อมั่น 5 และในการ สับเปลี่ยนกันของกลางคืนและกลางวัน และปัจจัยที่พระเจ้าทรงประทาน

อัล ญาซิยะ ฺ

มาจากฟากฟ้าซึ่ง พระองค์ได้ทำ าให้แ ผ่นดินมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่มัน ได้ตายไป และในการหมุนเวียนของลม (ในทั้งหมดนี้)มีสัญญาณต่างๆ มากมายสำาหรับหมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา เหล่านี้เป็นสาสน์ที่พระเจ้าทรง ประทานมาซึ่งเราได้สาธยายให้แก่เจ้าด้วยความจริงทั้งหมด แต่ถ้าพวก เขาป ิเสธพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์ทรงประทานมา พวกเขาจะศรัทธาใน สาสน์อะไร 7 ความวิบัติจงมีแก่ผู้โกหกที่ทำาบาปทุกคน เขาได้ยินสาสน์ของ พระเจ้าที่ถูกอ่านให้เขาแล้ว แต่เขายังคงดึงดันป ิเสธอย่างโอหังเหมือน กับว่าเขาไม่ได้ยินสาสน์เหล่านั้น ดังนั้น จงแจ้งข่าวการลงโทษอันเจ็บ ปวดแก่เขา เมื่อเขารู้บางสิ่งจากสาสน์ทั้งหลายของเรา เขาก็ถือเอา สาสน์เหล่านั้นเป็นเรื่องล้อเล่น คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับการลงโทษอัน อัปยศ พวกเขาจะมีนรกอยู่ข้างหน้าพวกเขา และไม่มีอะไรที่พวกเขา ได้ขวนขวายไว้ในโลกนี้จะสามารถอำานวยประโยชน์แก่พวกเขาได้ และ บรรดาผู้ที่พวกเขายึดเอาเป็นผู้คุ้มครองแทนพระเจ้าจะไม่สามารถช่วย เหลืออะไรเขาได้ด้วย สำาหรับพวกเขานั้นคือการลงโทษอันน่าสะพรึง กลัว นั่นคือทางนำาของเรา และสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสาสน์ของพระ ผู้อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวดอย่าง มหันต์ พระเจ้าคือผู้ทรงทำาให้ทะเลอำานวยประโยชน์แก่สูเจ้าเพื่อที่เรือ ทั้งหลายจะได้แล่นไปในนั้นโดยคำาบัญชาของพระองค์ และสูเจ้าจะได้ แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อที่สูเจ้าจะได้ขอบคุณ พระองค์ พระองค์ได้ทรงทำาให้ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินอำานวยประโยชน์ต่อสูเจ้าซึ่งทั้งหมดมาจากพระองค์ แท้จริงแล้ว ใน นั้นมีสัญญาณสำาหรับหมู่ชนผู้ใช้ความคิด (โอ้นบี) จงบอกบรรดาผู้ศรัทธาให้เลิกสนใจบรรดาผู้ที่ไม่กลัวการ มาของวันอันเลวร้ายจากพระเจ้า พระองค์จะทรงตอบแทนแก่หมู่ชนตาม

การคุกเข่า

ที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ ผู้ใดทำาความดีก็จะได้ดีแก่ตัวเอง และผู้ใด ทำาชั่วก็จะต้องแบกภาระไว้เอง หลังจากนั้น สูเจ้าจะถูกนำากลับไปยังพระ ผู้อภิบาลของสูเจ้า เราได้ประทานคัมภีร์ วิทยปัญญาและความเป็นนบีแก่พวกลูกหลาน อิสราเอล และเราได้ประทานสิ่งดีๆทั้งหลายแห่งชีวิตแก่พวกเขาและเรา ได้ยกย่องพวกเขาให้เหนือกว่าผู้คนอื่นๆทั้งหมด เราได้ประทานหลัก านอันชัดเจนแก่พวกเขา(เกี่ยวกับเรื่องศาสนา) แต่หลังจากความรู้มายัง พวกเขา พวกเขาก็ขัดแย้งกันเองเพียงเพราะว่าพวกเขาต้องการชิงดีชิง เด่นกัน ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระผู้อภิบาลของเจ้าจะตัดสินระหว่าง พวกเขาในเรื่องที่พวกเขาได้ขัดแย้งกัน หลังจากนั้น (โอ้ นบี)เราได้ ทำาให้เจ้าอยู่บนหนทางอันชัดเจน(ของศาสนา) ดังนั้น จงป ิบัติตามมัน และจงอย่าป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของบรรดาผู้ไม่มีความรู้ พวกเขาไม่ สามารถช่วยเหลือเจ้าให้พ้นจากพระเจ้าได้ แท้จริงแล้ว บรรดาผู้ทำาความ ผิดต่างเป็นสหายของกันและกันในขณะที่เพื่อนของคนมีคุณธรรมความ ดีคือพระเจ้า (คัมภีร์)นี้คือแสงสว่างและทางนำาสำาหรับมนุษยชาติและ เป็นความจำาเริญแก่หมู่ชนผู้เชื่อมั่นในความศรัทธา บรรดาผู้ทำาความชั่วคิดหรือว่าเราจะป ิบัติต่อพวกเขาในลักษณะ เดียวกับที่เราป ิบัติกับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี พวกเขาจะ เหมือนกันหรือในการมีชีวิตและในการตายของพวกเขา ชั่วช้าเหลือเกิน ที่พวกเขาตัดสินเช่นนั้น พระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน เพื่อวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ทั้งนี้เพื่อที่แต่ละชีวิตจะได้รับการตอบแทน ตามที่มันได้ขวนขวายไว้ และพวกเขาจะไม่ได้รับความอธรรม (โอ้นบี) เจ้าเคยพิจารณาคนที่ถือเอาอารมณ์ต่ำาของเขาเป็นพระเจ้า ของเขาบ้างไหม ถึงแม้จะมีความรู้ พระเจ้าจะทรงปล่อยให้เขาหลงผิด และปิดหูของเขาและหัวใจของเขาและทรงทำาให้มีสิ่งปิดบังดวงตาของ

อัล ญาซิยะ ฺ

เขา แล้วใครเล่าที่สามารถจะนำาทางเขาหลังจากพระเจ้า(ได้ทอดทิ้งเขา แล้ว) แล้วสูเจ้ายังไม่คิดกันอีกหรือ พวกเขากล่าวว่า ไม่มีชีวิตอื่นใดนอกไปจากชีวิตของเราในโลกนี้ เราจะตายและมีชีวิตอยู่ที่นี่และไม่มีสิ่งใดนอกไปจากเวลาที่ทำาลายเรา ความจริงแล้ว พวกเขาไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาเพียงแต่ เดาเอาเท่านั้นเอง เมื่อสาสน์อันชัดเจนของเราได้ถูกอ่านให้พวกเขา ฟัง ข้อโต้แย้งของพวกเขาก็มีแค่การกล่าวว่า จงนำาบรรพบุรุษของเรา กลับมาถ้าหากท่านพูดจริง (โอ้ นบี)จงบอกพวกเขาเถิดว่า พระเจ้า ต่างหากที่ให้ชีวิตพวกท่าน หลังจากนั้นก็ทรงทำาให้พวกท่านตาย หลัง จากนั้น พระองค์จะทรงรวบรวมพวกท่านในวันฟื้นคืนชีพที่จะมาถึงอย่าง แน่นอน แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ พระเจ้าเป็นเจ้าของอำานาจสูงสุดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ในวันที่เวลาแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง บรรดาผู้บูชาความเท็จทั้งหลายจะ ขาดทุนอย่างย่อยยับ เจ้าจะได้เห็นทุกชนชาติอยู่ในสภาพนั่งคุกเข่า ทุกชนชาติจะถูกเรียกมาดูบันทึกของพวกเขา (และจะมีเสียงกล่าวว่า) วันนี้สูเจ้าจะได้รับการตอบแทนในสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไว้ บันทึกของเราจะ บอกความจริงเกี่ยวกับสูเจ้า แท้จริง เราได้บันทึกการกระทำาทั้งหมดของ สูเจ้าไว้ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี พระผู้อภิบาลของพวก เขาจะทรงรับพวกเขาไว้ในความเมตตาของพระองค์ นี่คือความสำาเร็จ อันชัดเจน ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น จะมีการบอกพวกเขาว่า เมื่อสาสน์ของเราถูกอ่านให้สูเจ้าฟัง สูเจ้าไม่ได้แสดงความโอหัง และ มิได้ดึงดันทำาชั่วต่อไปกระนั้นหรือ เมื่อได้มีการกล่าวว่า สัญญาของ พระเจ้านั้นเป็นจริงและไม่มีข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับยามอวสาน สูเจ้ามิได้ ตอบว่า เราไม่รู้ว่ายามอวสานนั้นคืออะไร เราคิดว่ามันเป็นเพียงการเดา เอาเท่านั้นเอง และเราไม่มีความเชื่อในเรื่องนี้ กระนั้นหรือ

สันทราย

ดังนั้น ความชั่วที่พวกเขาได้ทำาไว้จะเป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขา การ ลงโทษที่พวกเขาเคยเยาะเย้ยจะห้อมล้อมพวกเขา พวกเขาจะถูกบอก ว่า วันนี้เราจะลืมสูเจ้าเช่นเดียวกับที่สูเจ้าลืมการพบกันของวันนี้ ตอน นี้ ที่พำานักของสูเจ้าคือนรกและจะไม่มีใครช่วยเหลือสูเจ้าได้ นั่นเป็น เพราะสูเจ้าถือเอาสาสน์ของพระเจ้าเป็นเรื่องล้อเล่น และสูเจ้าถูกชีวิต แห่งโลกนี้ล่อลวง ดังนั้น ในวันนี้พวกเขาจะไม่ถูกนำาออกจากนรกและ พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ตัวอีก ดังนั้น การสรรเสริญทั้งหลายเป็นของพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่ง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พระองค์ ทรงเป็นเจ้าของความยิ่งใหญ่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์ เท่านั้นคือผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 46. สันทราย

อัล-อะฮฺกอฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ฮามีม คัมภีร์นี้ถูกส่งลงมาจากพระเจ้าผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ เราได้ สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้นขึ้นมาด้วยเพื่อ จุดหมายที่เป็นธรรมและเพื่อระยะเวลาหนึ่งตามที่ได้ถูกกำาหนดไว้ แต่ บรรดาผู้ป ิเสธได้หันหลังไปจากความจริงที่พวกเขาได้ถูกตักเตือน 4 (โอ้ นบี) จงถามพวกเขาว่า พวกท่านเคยคิดเกี่ยวกับสิ่งที่พวก ท่านวิงวอนแทนพระเจ้าบ้างไหม ไหนลองชี้ให้ ันเห็นซิว่ามันได้สร้าง อะไรขึ้นมาบ้างในโลกนี้หรือว่ามันมีส่วนร่วมอะไรในการสร้างและการ ควบคุมชั้นฟ้าทั้งหลาย จงนำาเอาคัมภีร์ที่ถูกประทานมาก่อนหน้านี้หรือ

อัล อะ ฺกอฟ

จงนำาความรู้อะไรบางอย่างมาก็ได้ถ้าหากท่านพูดจริง 5 และใครเล่าที่จะ หลงยิ่งไปกว่าคนที่วิงวอนสิ่งอื่นนอกไปจากพระเจ้าโดยที่สิ่งเหล่านั้นไม่ สามารถตอบรับเขาจนกระทั่งถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และพวกมันไม่รู้ ด้วยซ้ำาไปว่าพวกมันกำาลังถูกวิงวอน และเมื่อมนุษย์ทั้งหมดถูกรวมเข้า ด้วยกัน พวกมันจะเป็นศัตรูกับบรรดาผู้วิงวอนพวกมันและจะป ิเสธการ สักการะบูชาของพวกเขา 7 และเมื่อใดก็ตามที่สาสน์อันชัดเจนของเราได้ถูกอ่านให้พวกเขาและ สัจธรรมได้ถูกนำามายังพวกเขา บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะกล่าวว่า นี่ เป็นมายากลชัดๆ พวกเขาต้องการที่จะกล่าวว่าศาสนทูตแต่งมันขึ้นมา ใช่ไหม (โอ้มุ ัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้าหาก ันแต่งมันขึ้นมาเอง พวกท่านก็ไม่สามารถทำาสิ่งใดที่จะช่วยเหลือ ันให้พ้นจากการลงโทษ ของพระเจ้าได้ พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกท่านกล่าวออกมา พระองค์ นั้นเพียงพอแล้วที่จะเป็นพยานระหว่าง ันกับพวกท่าน และพระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงบอกพวกเขาว่า ันมิใช่ศาสนทูตคนแรกของพระเจ้า ันไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับ ันและกับพวกท่าน ันเพียงแต่ป ิบัติตามสิ่งที่ถูก เปิดเผยแก่ ันเท่านั้น และ ันมิได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้ตักเตือน (โอ้ นบี) จงถามพวกเขาเถิดว่า พวกท่านเคยคิดบ้างไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าหากกุรอานมาจากพระเจ้าจริงและพวกท่านยังป ิเสธอีก อะไรจะ เกิดขึ้นถ้าลูกหลานอิสรออีลคนหนึ่งได้มายืนยันความคล้ายกันของคัมภีร์ นี้กับคัมภีร์ก่อนหน้านี้และเขาศรัทธามัน แต่พวกท่านยโสโอหังเกินกว่าที่ จะทำาเช่นนั้น พระเจ้าไม่ทรงชี้ทางแก่บรรดาผู้ทำาความชั่วอย่างแน่นอน บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้กล่าวถึงบรรดาผู้ศรัทธาว่า ถ้าหากในกุ รอานนี้มีสิ่งดีๆ พวกเขาไม่น่าจะศรัทธาก่อนหน้าเรา เนื่องจากพวกเขา ไม่ได้รับทางนำาใดๆจากกุรอาน ดังนั้น พวกเขาจะกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องโก หกเก่าๆมาตั้งแต่โบราณ

สันทราย

ก่อนหน้านี้ คัมภีร์ของมูซาได้ถูกประทานมาเป็นทางนำาและความ จำาเริญ และนี่คือคัมภีร์ที่ได้ถูกประทานมาเป็นภาษาอาหรับเพื่อยืนยันสิ่ง ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อตักเตือนบรรดาผู้ทำาผิด และเพื่อแจ้งข่าวดีแก่ บรรดาผู้กระทำาความดี แท้จริง บรรดาผู้กล่าวว่า พระเจ้าเท่านั้นคือ พระผู้อภิบาลของเรา แล้วพวกเขาก็ยืนหยัดมั่นคง(บนหนทางนั้น) พวก เขาจะไม่มีสิ่งใดที่ต้องกลัวและพวกเขาจะไม่เศร้าโศกเสียใจ พวกเขา เหล่านั้นจะได้เข้าสวรรค์ซึ่งพวกเขาจะพำานักอยู่ที่นั่นตลอดกาล เป็นการ ตอบแทนสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ในในโลกนี้ เราได้กำาชับมนุษย์ให้ป ิบัติต่อพ่อแม่ของเขาด้วยดี แม่ของเขา ได้ อุ้ ม ครรภ์ เ ขาด้ ว ยความเหนื่ อ ยยากและได้ ค ลอดเขาด้ ว ยความเจ็ บ ปวด และการอุ้มครรภ์และการหย่านมของเขากินเวลาสามสิบเดือนจน กระทั่งเมื่อเขาบรรลุถึงวัยหนุ่มและมีอายุสี่สิบปี เขาได้กล่าวว่า โอ้พระ ผู้อภิบาล โปรดช่วย ันให้เป็นผู้ขอบคุณความโปรดปรานของพระองค์ที่ ทรงประทานแก่ ันและแก่พ่อแม่ของ ันและให้ ันได้ทำาความดีเพื่อเป็น ที่พึงพอพระทัยของพระองค์ด้วยเถิด โปรดทำาให้ลูกหลานของ ันเป็นคน ดี ันขออภัยโทษต่อพระองค์และ ันเป็นหนึ่งในบรรดาผู้นอบน้อมยอม คนเหล่านี้คือคนที่เรารับการทำาดีที่สุดจากพวกเขา ตนต่อพระองค์ และมองข้ามความผิดของพวกเขา พวกเขาจะได้อยู่ในหมู่ชาวสวรรค์ตาม สัญญาอันแท้จริงที่ได้ทำาไว้กับพวกเขา แต่ผู้ที่กล่าวคำาหยาบคายต่อพ่อแม่ของเขาว่า เชอะ อะไรกันซิ นี่ พ่อแม่ขู่ ันหรือว่า ันจะถูกนำาออกมาจากหลุม ังศพหลังจากที่ตายไป แล้ว ทั้งๆที่มีคนมากมายหลายรุ่นล่วงลับไปก่อนหน้า ัน และไม่มีใคร ฟื้นขึ้นมาสักคน พ่อแม่ของเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือต่อพระเจ้าโดย กล่าวว่า วิบัติแล้วเจ้า จงศรัทธาเดียวนี้ สัญญาของพระเจ้านั้นเป็นความ จริง แต่เขากล่าวว่า นี่มิใช่อะไรนอกไปจากตำานานเก่าคร่ำาครึ คน เหล่านี้คือผู้ที่การตัดสินลงโทษได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว พวกเขาจะได้เข้าไป

อัล อะ ฺกอฟ

อยู่ร่วมกับหมู่ญินและมนุษย์ที่ล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเขา แท้จริงแล้ว พวกเขาคือผู้ขาดทุน ในแต่ละประเภทนี้จะมีลำาดับชั้นของตัวเองตามที่พวกเขาได้กระทำา ไว้ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงตอบแทนพวกเขาอย่างครบถ้วนสำาหรับ สิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้โดยที่พวกเขาจะไม่ได้รับความอธรรมใดๆ ใน วันที่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมถูกนำามารวมกันหน้าไฟนรก (พวกเขาจะ ถูกกล่าวว่า) สูเจ้าได้ใช้ส่วนที่ดีๆของสูเจ้าไปหมดแล้วในชีวิตแห่งโลกนี้ และสูเจ้าได้รับความสุขจากมันอย่างเต็มที่ วันนี้ สูเจ้าจะได้รับการลงโทษ อย่างอัปยศเป็นการตอบแทนอันเนื่องมาจากความยโสโอหังของสูเจ้าใน แผ่นดินโดยไม่มีสิทธิ์ใดๆและเนื่องจากการที่สูเจ้า ่า ืน จงบอกกล่าวถึงเรื่องพี่น้องคนหนึ่งของพวกอาด (นั่นคือ ูด) เมื่อ เขาได้เตือนผู้คนของเขาที่สันทราย และมีผู้ตักเตือนหลายคนแล้วได้มา ก่อนและหลังจากเขา โดยกล่าวว่า พวกท่านจงอย่าเคารพสักการะสิ่ง ใดอื่นนอกไปจากพระเจ้า เพราะ ันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษใน วันอันยิ่งใหญ่ พวกเขากล่าวว่า ท่านมาหาเราเพื่อจะให้เราหันห่าง ออกจากสิ่งที่เราเคารพสักการะกระนั้นหรือ เอาละ ถ้าเช่นนั้น จงนำา การลงโทษที่ท่านขู่ไว้มาซิ ถ้าหากท่านพูดจริง เขากล่าวว่า พระเจ้า เท่านั้นที่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด ันเพียงแต่บอกพวกท่านตามที่ ันได้ ถูกส่งมา แต่ ันเห็นว่าพวกท่านเป็นหมู่ชนที่งมงาย ครั้นเมื่อพวกเขาเห็นเม ดำาเคลื่อนมายังหุบเขาของพวกเขา พวก เขาร้องอุทานว่า นี่คือเม ที่กำาลังจะนำา นมาให้เรา ( ูดกล่าวว่า) เปล่า เลย แต่นี่เป็นสิ่งที่พวกท่านเร่งเร้าที่จะให้เกิดต่างหาก นี่คือลมพายุที่ กำาลังนำาการลงโทษอันเจ็บปวดมา มันจะทำาลายทุกสิ่งตามคำาบัญชา ของพระผู้อภิบาลของมัน และในตอนเช้า ไม่มีอะไรหลงเหลือให้เห็น นอกไปจากสถานที่พักอันว่างเปล่าของพวกเขา นั่นแหละที่เราตอบแทน ผู้ทำาความชั่ว

สันทราย

เราได้ให้พวกเขามีอำานาจที่เราไม่เคยให้สูเจ้า(คนรุ่นหลัง)มาก่อน เราได้ให้ความสามารถในการได้ยินและการเห็นและหัวใจแก่พวกเขา แต่ หูตาและหัวใจของพวกเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแก่พวกเขา เพราะพวก เขาป ิเสธสาสน์ที่พระเจ้าประทานมา และสิ่งที่พวกเขาหัวเราะเยาะนั้น ได้ล้อมรอบพวกเขาไว้ เราได้ทำาลายเมืองอื่น(ที่เคยรุ่งเรือง)รอบๆสูเจ้า ไปแล้ว เราได้ส่งสัญญาณต่างๆของเราไปยังพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าใน ลักษณะต่างๆเพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมา(ยังแนวทางที่ถูกต้อง) แล้ว ทำาไมสิ่งต่างๆที่พวกเขายึดถือเป็นที่เคารพสักการะแทนพระเจ้าเพื่อนำา พวกเขาให้เข้าใกล้พระองค์จึงไม่ช่วยพวกเขาล่ะ ไม่เลย สิ่งเหล่านั้นได้ หายไปจากพวกเขา และนี่คือจุดจบของการกล่าวเท็จที่พวกเขาสร้างขึ้น จงนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเราได้ส่งญินกลุ่มหนึ่งมายังเจ้าเพื่อที่พวก เขาจะได้ฟังกุรอาน เมื่อพวกมันมาฟังสิ่งที่เจ้ากำาลังอ่าน พวกมันได้กล่าว ว่า พวกเจ้าจงนิ่งฟัง เมื่อการอ่านสิ้นสุดลง พวกมันได้กลับไปหาพวก ของมันเพื่อทำาหน้าที่ตักเตือน พวกมันกล่าวว่า หมู่ชนของเราเอย เรา เพิ่งได้ฟังคัมภีร์ที่ถูกส่งมาหลังจากมูซา มันยืนยันสิ่งที่ได้ถูกส่งมาก่อน หน้านี้และมันนำาทางไปสู่สัจธรรมและแนวทางที่เที่ยงตรง หมู่ชนของ เราเอย จงตอบรับการเชิญชวนของผู้เรียกร้องไปสู่พระเจ้าเถิดและจง ศรัทธาต่อเขา พระเจ้าจะทรงอภัยโทษความผิดให้พวกเจ้าและจะทรงให้ พวกเจ้ารอดพ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวด แต่ผู้ใดที่ไม่ตอบรับการ เรียกร้องไปสู่พระเจ้าจะไม่มีอำานาจใดๆในแผ่นดินช่วยให้เขารอดพ้นไป จากพระองค์ และจะไม่มีผู้คุ้มครองใดๆที่จะช่วยเขาให้พ้นไปจากพระองค์ ได้ คนเหล่านี้แหละคือผู้อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง พวกเขาไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น ดินและมิทรงเหน็ดเหนื่อยต่อการสร้างสิ่งเหล่านั้นมีอำานาจทำาให้คนตาย ฟื้นคืนชีพขึ้นมา ทำาไมจะไม่เล่า แน่นอน พระองค์ทรงมีอำานาจเหนือทุก สิ่ง ในวันที่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมถูกรวบรวมเข้าด้วยกันต่อหน้าไฟ

มุ ัมมัด

นรกนั้น พวกเขาจะถูกถามว่า นี่มิใช่ความจริงกระนั้นหรือ พวกเขาจะ กล่าวว่า ใช่แล้ว ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของเรา(ว่านี่คือความจริง) พระเจ้าจะทรงกล่าวว่า ดังนั้น จงลิ้มรสการลงโทษจากผลที่สูเจ้าป ิเสธ ดังนั้น จงอดทน (โอ้ นบี) เช่นเดียวกับบรรดาศาสนทูตผู้ยึดมั่นและ ไม่ต้องไปรีบร้อนเกี่ยวกับคนพวกนี้ ในวันที่พวกเขาเห็นสิ่งที่ได้ถูกสัญญา ไว้ มันจะปราก แก่พวกเขาเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้เกิน กว่าหนึ่งชั่วโมงของวันหนึ่ง (ความรับผิดชอบของเจ้าก็คือ)จงนำาสาส์นไป บอก ดังนั้น จะมีใครนอกไปจากผู้ไม่เชื่อฟังที่จะถูกทำาลาย 47. มุฮัมมัด

มุฮัมมัด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ พระเจ้าจะทรงทำาให้การงานที่ดีของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและขัด ขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้าไร้ผล สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดีและเชื่อในสิ่งที่ถูกประทานมาแก่มุ ัมมัด และมันเป็น สัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา พระเจ้าจะทรงลบล้างความชั่ว ของพวกเขาให้หมดไปจากพวกเขา และจะทำาให้สภาพของพวกเขาดีขึ้น นั่นเพราะว่าบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้ป ิบัติตามความเท็จและบรรดา ผู้ศรัทธาได้ป ิบัติตามสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เช่นนั้น แหละที่พระเจ้าทรงเปรียบเทียบให้มนุษย์ได้รู้ถึงสถานภาพที่แท้จริงของ พวกเขา 4 ดังนั้น เมื่อสูเจ้าพบบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมในสนามรบ จงฟันพวก เขาที่คอ และเมื่อพวกเขาพ่ายแพ้แล้ว จงทำาให้พวกเขาเป็นเชลย หลัง ดูหน้า

ของบทนำา

มุ ัมมัด

จากนั้น จงป ิบัติต่อพวกเขาด้วยดีโดยการปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ หรือให้พวกเขาค่าไถ่ตัวเองก็ได้จนกระทั่งสงครามสิ้นสุด นั่นเป็นสิ่งที่ สูเจ้าควรทำา หากพระเจ้าทรงประสงค์ พระองค์จะทรงจัดการกับพวกเขา เอง แต่วัตถุประสงค์ของพระองค์ก็เพื่อที่จะทรงทดสอบสูเจ้าบางคนด้วย คนอีกกลุ่มหนึ่ง ส่วนบรรดาผู้ที่ถูก ่าในหนทางของพระเจ้า พระองค์จะ ไม่ทรงทำาให้การงานของพวกเขาไร้ผล 5 พระองค์จะทรงนำาทางพวกเขา และจะทำาให้สภาพของพวกเขาดีขึ้น และจะทรงรับพวกเขาเข้าสู่สวรรค์ ที่พระองค์ได้ทรงทำาให้พวกเขารู้ดีแล้ว 7 โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ถ้าหากสูเจ้าช่วยเหลือพระเจ้า พระองค์จะทรง ช่วยท่าน และจะทำาให้เท้าของสูเจ้ามั่นคง ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม นั้น พวกเขาจะได้รับความพินาศ และพระเจ้าได้ทรงทำาให้การงานของ ทั้งนี้เพราะพวกเขาไม่ยอมรับสิ่งที่พระเจ้าได้ พวกเขาไม่เหลืออะไร ทรงประทานมา ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทรงทำาให้การงานของพวกเขาไร้ผล พวกเขามิได้เดินทางไปในแผ่นดินแล้วดูว่าจุดจบของบรรดาผู้คนก่อน หน้าพวกเขาเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ พระเจ้าได้ทรงทำาลายพวกเขา และบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะพบจุดจบอย่างนั้นเช่นกัน นั่นเพราะ ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงคุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือบรรดาผู้ศรัทธา และ แน่นอน บรรดาผู้ป ิเสธศรัทธาไม่มีผู้คุ้มครอง พระเจ้าจะทรงรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีเข้าสู่สวรรค์ที่ ใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น พวก เขาจะได้รับความสุขชั่วคราวแห่งโลกนี้และกินเยี่ยงปศุสัตว์ แต่ที่พำานัก สุดท้ายของพวกเขาคือนรก (โอ้ นบี)กี่เมืองแล้วที่เราได้ทำาลายไปทั้งๆ ที่เมืองเหล่านั้นมีอำานาจเข้มแข็งกว่าเมืองของเจ้าที่ขับไสไล่ส่งเจ้า และ ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือมันได้ ดังนั้น คนที่อยู่บนทางนำาอันชัดเจนจากพระเจ้าของเขาจะเหมือน กับบรรดาผู้ที่การงานอันชั่วร้ายของพวกเขาได้ถูกทำาให้เป็นที่ดูดีแก่พวก

มุ ัมมัด

เขาและผู้ที่กำาลังทำาตามอารมณ์ต่ำาของพวกเขากระนั้นหรือ สวรรค์ ที่ได้ถูกสัญญาไว้แก่ผู้ยำาเกรงพระเจ้านั้นจะมีแม่น้ำาที่น้ำาใสบริสุทธิ์ตลอด กาล มีธารน้ำานมที่รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง มีธารน้ำาจัณ ์อันโอชะแก่ผู้ ดื่มและธารน้ำาผึ้งที่สะอาดบริสุทธิ์ และในนั้นจะมีผลไม้ทุกชนิดสำาหรับ พวกเขาและการอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา บรรดาผู้ที่ได้รับ ความสุขเช่นนั้นจะเหมือนกับบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในนรกตลอดกาลและผู้ ที่จะได้ดื่มน้ำาเดือดที่บาดลำาไส้ของพวกเขากระนั้นหรือ มีบางคนที่ฟังเจ้าพูด แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาก็ถาม บรรดาผู้มีความรู้(ในคัมภีร์)ว่า เมื่อกี้เขาพูดอะไร คนเหล่านี้คือผู้ที่ พระเจ้าทรงปิดผนึกบนหัวใจของพวกเขาและผู้ป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของ ส่วนบรรดาผู้ป ิบัติตามทางนำานั้น พระเจ้าจะทรงเพิ่มพูน พวกเขา แนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาและจะทรงแสดงให้พวกเขาเห็นถึงหนทาง ไปสู่ความยำาเกรง ตอนนี้ พวกเขากำาลังคอยยามอวสานให้เกิดขึ้นกับพวกเขาอย่าง ับพลันกระนั้นหรือ ความจริง สัญญาณของมันมาแล้ว แต่การตักเตือน พวกเขาจะมีประโยชน์อะไรต่อพวกเขา เมื่อมันเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้ว ดังนั้น จงรู้ไว้เถิดว่าไม่มีสิ่งใดที่ควรคู่แก่การเคารพสักการะนอกไปจาก พระเจ้า และจงขออภัยโทษสำาหรับความผิดของเจ้าและสำาหรับชายและ หญิงผู้ศรัทธาด้วย เพราะพระเจ้าทรงรู้ถึงความเคลื่อนไหวของสูเจ้าและ สถานที่พักของสูเจ้า บรรดาผู้ศรัทธาได้ถามว่า ทำาไมถึงไม่มีสักบทหนึ่ง(เกี่ยวกับการ ต่อสู้)ถูกส่งมา แต่เมื่อมีบทที่พูดถึงการต่อสู้อย่างชัดเจนถูกส่งมา เจ้าก็ จะเห็นบรรดาผู้ที่ในหัวใจของเขาเป็นโรคมองไปยังเจ้า(นบี)เหมือนกับผู้ กำาลังใกล้จะตาย หายนะทั้งนั้นคนพวกนี้ การเชื่อฟังและคำาพูดที่ดีใน ตอนที่มีการตัดสินนั้นเป็นสิ่งที่ดีกว่าสำาหรับพวกเขาถ้าพวกเขาป ิบัติต่อ พระเจ้าอย่างจริงใจ ดังนั้น ถ้าหากสูเจ้าหันหลังให้ สูเจ้าก็จะแพร่ความ

มุ ัมมัด

เสี ย หายในแผ่ น ดิ น และตั ด ความสั ม พั น ธ์ ท างเครื อ ญาติ ข องสู เ จ้ า อี ก เหล่านี้คือบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงสาปแช่งและทำาให้พวกเขาหูหนวก และตาบอด ดังนั้น พวกเขาจะไม่ใคร่ครวญถึงกุรอานกระนั้นหรือ หรือว่าบน หัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่ บรรดาผู้ที่หันหลังเป็น ผู้ป ิเสธ(สาสน์นี้)หลังจากที่ทางนำาได้ถูกนำามาแสดงแก่พวกเขาแล้ว ซาตานได้ทำาให้ความฟุ้งเฟ้อของพวกเขาเป็นที่ดูดีและทำาให้พวกเขา หวังลมๆแล้งๆ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำาไมพวกเขาถึงได้พูดกับบรรดา ผู้เกลียดชังสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงประทานมาว่า เราจะเชื่อฟังพวกท่านใน บางเรื่อง แต่พระเจ้าทรงรู้ดีถึงความลับของพวกเขาด้วยเช่นกัน ดัง นั้น จะเป็นเช่นใดเล่าเมื่อทูตสวรรค์มาเอาวิญญาณของพวกเขาไปโดย นั่นเพราะว่าพวกเขา ตีที่ใบหน้าของพวกเขาและหลังของพวกเขา ป ิบัติตามแนวทางที่ทำาให้พระเจ้าทรงกริ้ว และรังเกียจที่จะป ิบัติตาม แนวทางแห่งความโปรดปรานของพระองค์ ดังนั้น พระองค์จึงทรงทำาให้ การงานของพวกเขาทั้งหมดไร้ผล บรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาเป็นโรคคิดหรือว่าพระเจ้าจะไม่นำาเอา สิ่งสกปรกแห่งหัวใจของพวกเขามาเปิดเผย ถ้าหากเราประสงค์ เรา สามารถทำาให้เจ้าเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจนและเจ้าจะได้รู้จักพวกเขา จากใบหน้าของพวกเขา และแน่นอน เจ้าจะรู้จักพวกเขาจากลักษณะคำา พูดของพวกเขา พระเจ้าทรงรู้ดึถึงการงานทุกอย่างของเจ้า แน่นอน เราจะทดสอบสูเจ้าจนกระทั่งเราพบว่าในหมู่สูเจ้านั้นใคร ที่กำาลังต่อสู้อย่างเต็มที่และอดทนอย่างสุดกำาลังและจะทดสอบบันทึก (ความกล้าหาญ)ของสูเจ้า บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและขัดขวางผู้อื่น จากหนทางของพระเจ้าและถกเถียงกับศาสนทูตผู้นี้หลังจากที่แนวทางที่ ถูกต้องได้เป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้วนั้นไม่อาจที่จะทำาอันตรายใดๆต่อ พระเจ้าได้เลย พระเจ้าจะทรงทำาให้การงานของพวกเขาไร้ผล

อัล ฟัต ฺ

โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงเชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูตผู้นี้ และจงอย่าปล่อยให้การงานของสูเจ้าสูญเปล่า สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมและขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้าและตายลงในสภาพที่ ยังเป็นผู้ป ิเสธสัจธรรมอยู่นั้น พระเจ้าจะไม่มีวันอภัยโทษให้แก่พวกเขา ดังนั้น สูเจ้าจงอย่าท้อแท้และจงอย่าร้องขอสันติภาพเมื่อสูเจ้าเหนือ กว่าพวกเขา พระเจ้าทรงอยู่กับสูเจ้าและจะไม่ปล่อยให้การงานของสูเจ้า สูญเปล่า ชีวิตแห่งโลกนี้เป็นแค่เพียงการละเล่นและการสนุกสนานเท่านั้น ถ้าหากสูเจ้าศรัทธาและยำาเกรง พระเจ้าจะทรงตอบแทนรางวัลแก่สูเจ้า และพระองค์จะไม่ทรงขอทรัพย์สินของสูเจ้า ถ้าหากพระองค์จะทรง ขอทรัพย์สินของสูเจ้าและเรียกร้องมันทั้งหมด สูเจ้าก็จะขี้เหนียว และนี่ จะทำาให้สิ่งไม่ดีงามของสูเจ้าปราก ออกมา พึงรู้ไว้เถิดว่า สูเจ้าเป็น ผู้ที่ถูกเรียกร้องให้ใช้จ่ายในหนทางของพระเจ้า แต่กระนั้น สูเจ้าบางคน ยังคงตระหนี่ ดังนั้น ใครก็ตามที่ตระหนี่ เขาก็ตระหนี่ต่อตัวของเขาเอง พระเจ้าทรงมั่งมีเหลือเฟือ สูเจ้าต่างหากที่ขัดสน(ต้องการพระองค์) ถ้า หากสูเจ้าหันหลังให้ พระเจ้าจะทรงเอาหมู่ชนอื่นมาแทนสูเจ้า และพวก เขาจะไม่เป็นเช่นสูเจ้า 48. ชัยชนะ

อัล-ฟัตฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ (โอ้ นบี) แท้จริง เราได้ประทานชัยชนะอันชัดแจ้งแก่เจ้าแล้ว เพื่อที่ พระเจ้าจะได้ทรงอภัยโทษความผิดก่อนหน้านี้และความผิดหลังจากนี้ แก่เจ้า และจะได้ทำาให้ความโปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อเจ้าครบถ้วน

ชัยชนะ

สมบูรณ์ และชี้ทางอันเที่ยงตรงให้แก่เจ้า และเพื่อที่พระเจ้าจะทรง ประทานความช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่แก่เจ้า 4 พระองค์คือผู้ทรงประทานความสงบลงไปในหัวใจของบรรดาผู้ ศรัทธา เพื่อที่พวกเขาจะได้มีความศรัทธาเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก ไพร่พล แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรง รอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ 5 และเพื่อที่พระองค์จะได้รับชายผู้ศรัทธาและ หญิงผู้ศรัทธาเข้าสู่สวนสวรรค์ซึ่งใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน พวก เขาจะพำานักอยู่ที่นั่นตลอดไปและพระองค์จะทรงลบล้างความชั่วต่างๆ ของพวกเขาให้หมดไป แท้จริงแล้ว นี่คือความสำาเร็จอันยิ่งใหญ่ที่สุดใน ทัศนะของพระเจ้า และเพื่อที่พระองค์จะทรงลงโทษชายและหญิงผู้ ตลบตะแลง และชายและหญิงผู้บูชาเทวรูปที่คิดชั่วร้ายกับพระเจ้า และ ความชั่วร้ายนั้นเองที่จะกลับมายังพวกเขา เพราะพระเจ้าทรงกริ้วพวก เขาและพระองค์ทรงสาปแช่งพวกเขาและได้ทรงเตรียมนรกซึ่งเป็นที่ พำานักอันชั่วร้ายไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว 7 และไพร่พลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ (โอ้ นบี) เราได้ส่งเจ้ามาใน านะพยานคนหนึ่ง และใน านะผู้แจ้ง ข่าวดีและผู้เตือนคนหนึ่ง เพื่อที่สูเจ้าทั้งหลาย (มนุษย์เอย) จะได้ศรัทธา ในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจะได้ช่วยเขา(นั่นคือศาสนทูต) และให้เกียรติเขาและสดุดีพระเจ้าทั้งในยามเช้าและยามเย็น (โอ้ นบี) บรรดาผู้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเจ้านั้น แท้จริงแล้วก็เหมือนกับการให้ คำาสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อพระเจ้า พระหัตถ์ของพระเจ้านั้นเหนือกว่า มือของพวกเขา ตอนนี้ ใครก็ตามที่ทำาลายคำาสาบานนี้ก็เท่ากับเขาได้ ทำาลายตัวเอง และใครที่ทำาตามสัญญาที่เขาทำาไว้กับพระเจ้า พระองค์จะ ทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขา (โอ้ นบี) พวกอาหรับทะเลทรายที่อยู่ข้างหลังจะพูดกับเจ้าอย่าง แน่นอนว่า ทรัพย์สินของเราและครอบครัวของเราทำาให้เรายุ่งวุ่นวาย ดัง

อัล ฟัต ฺ

นั้น โปรดขออภัยให้แก่เราด้วย พวกเขากล่าวด้วยลิ้นในสิ่งที่ไม่ได้มีอยู่ ในหัวใจของพวกเขาเลย จงบอกพวกเขาเถิดว่า ถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ใครเล่าที่มีอำานาจ(แทรกแซง)แทนพวกท่านหากพระองค์ทรงประสงค์ ที่จะทำาให้พวกท่านได้รับความทุกข์หรือทรงอำานวยประโยชน์แก่พวก ท่าน พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำาอยู่ทุกอย่าง เปล่าเลย สูเจ้าคิดว่าศาสนทูตและบรรดาผู้ศรัทธาจะไม่กลับมายังครอบครัวของ พวกเขาอีกและความคิดเพ้อ ันนี้ได้ทำาให้หัวใจของสูเจ้าเบิกบาน สูเจ้า คิดชั่วร้าย ดังนั้น สูเจ้าจะประสบความหายนะ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ เราได้เตรียม ไฟนรกที่โชติช่วงไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว อำานาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินเป็นของพระเจ้า พระองค์จะทรงให้อภัยโทษผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์และจะทรงลงโทษผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็น ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อสูเจ้า(บรรดาผู้ศรัทธา)ออกไปเพื่อรวบรวมทรัพย์เชลย บรรดาผู้ ที่อยู่ข้างหลังจะกล่าวแก่สูเจ้าว่า ขอให้เราไปกับพวกท่านด้วย พวกเขา ต้องการจะเปลี่ยนแปลงประกาศิตของพระเจ้า จงบอกพวกเขาว่า พวก ท่านจะมากับเราไม่ได้ พระเจ้าได้ทรงประกาศสิ่งนี้ไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจะกล่าวว่า พวกท่านอิจ าเรานะสิ แต่พวกเขาไม่เข้าใจอะไร เลยนอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จงบอกพวกอาหรับทะเลทรายที่อยู่ข้างหลังว่า ไม่ช้า พวกท่านจะ ถูกเรียกไปต่อสู้หมู่ชนที่เข้มแข็ง พวกท่านจะต้องต่อสู้พวกเขาเว้นเสียแต่ ว่าพวกเขายอมจำานน ดังนั้น ถ้าหากพวกท่านทำาตามคำาบัญชา พระเจ้า จะทรงตอบแทนรางวัลที่ดีแก่พวกท่าน และถ้าหากพวกท่านหันหลังให้ ดังที่พวกท่านได้ทำามาก่อนหน้านี้ พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกท่านด้วย การลงโทษอันเจ็บปวด ส่วนคนตาบอด คนพิการและคนป่วยจะไม่ ถูกตำาหนิ พระเจ้าจะรับใครก็ตามที่เชื่อฟังพระองค์และศาสนทูตของ

ชัยชนะ

พระองค์ เข้าสู่สวรรค์ซึ่งใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน แต่ผู้ใดหันหลัง พระองค์จะทรงลงโทษเขาด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด พระเจ้าทรงโปรดปรานบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพวกเขาให้สัตย์ ป ิญาณแก่เจ้า(นบี)ใต้ต้นไม้ พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวก เขา ดังนั้น พระองค์ได้ทรงประทานความสงบลงมายังพวกเขา และทรง ตอบแทนพวกเขาด้วยชัยชนะอันใกล้นี้ และสิ่งอื่นๆอีกมากมายใน อนาคต พระเจ้าเป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ พระเจ้าได้ทรง สัญญากับสูเจ้าถึงสิ่งที่สูเจ้าจะได้รับมากมายในอนาคต และพระองค์ได้ ประทานสิ่งเหล่านี้แก่สูเจ้าล่วงหน้าแล้ว และพระองค์ทรงยับยั้งมือของ ผู้คนไว้จากการทำาร้ายสูเจ้า ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้เป็นสัญญาณหนึ่งแก่ บรรดาผู้ศรัทธา และเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงนำาสูเจ้าไปสู่หนทางอันเที่ยง ตรง นอกจากนี้แล้ว ยังมีสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่อยู่เหนือความคาดหมาย ของสูเจ้าซึ่งพระเจ้าได้ทรงล้อมมันไว้หมดแล้ว(สำาหรับสูเจ้า) เพราะ พระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง ถ้าหากบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมต่อสู้สูเจ้า แน่นอน พวกเขาจะหัน หลังกลับและพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ นั่นเป็นก ของพระเจ้าในอดีต และสูเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในก ของพระเจ้า พระองค์ต่างหากที่ทรงยับยั้งมือของพวกเขาจากสูเจ้าและมือของสูเจ้า จากพวกเขาในหุบเขาแห่งมักกะ ฺหลังจากที่พระองค์ได้ทรงประทาน ชัยชนะแก่สูเจ้าเหนือพวกเขา พระเจ้าทรงดูทุกอย่างที่สูเจ้ากระทำา พวกเขาคือผู้ป ิเสธสัจธรรมและขัดขวางสูเจ้าจากมัสญิดอัล ะ รอมและขวางกั้นสัตว์ที่จะถูกเชือดพลีมิให้ไปถึงสถานที่ที่มันจะถูกเชือด พลี หากไม่มีชายและหญิงผู้ศรัทธาบางคน(ในมักกะ ฺ)ที่สูเจ้าอาจจะ เหยียบย่ำาทำาลายพวกเขาโดยไม่รู้และจะทำาให้เป็นความผิดแล้ว (พระเจ้า จะทรงบัญชาสูเจ้าให้ต่อสู้ทั้งๆที่มีคนเหล่านี้อยู่ แต่พระองค์ได้ทรงหยุด ยั้งไว้) ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้ทรงรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไว้ในความ

อัล ฟัต ฺ

เมตตาของพระองค์ ถ้าหากบรรดาผู้ศรัทธาถูกแยกออกมา(จากผู้คนชาว มักกะ ฺ)อย่างชัดเจน เราจะลงโทษบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมในหมู่พวกเขา อย่างเจ็บปวด เมื่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้ทำาให้มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรี(ในหัวใจ ของพวกเขา) ความยึดติดในยุคแห่งความโง่เขลา พระเจ้าจึงได้ทรง ประทานความสงบลงมายังศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา และทรงให้พวกเขายึดมั่นในหลักการแห่งความยำาเกรง เพราะพวกเขา คู่ควรและเหมาะสมที่สุดกับสิ่งนี้ พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง แท้จริง พระเจ้าได้ทรงทำาให้สิ่งที่ศาสนทูตของพระองค์เห็นความ จริงทุกอย่างในความ ันซึ่ง พระองค์ทรงกล่าวว่า แน่นอน สูเจ้าจะได้เข้า มัสญิด อัล ะรอมถ้าหากพระเจ้าทรงประสงค์ ด้วยความปลอดภัยและ ปราศจากความกลัว โดยสูเจ้าจะโกนศีรษะและตัดผมสั้น พระเจ้าทรง รู้ในสิ่งที่สูเจ้าไม่รู้ ดังนั้น พระองค์จึงได้ทรงประทานชัยชนะอันใกล้นี้แก่ สูเจ้าก่อน พระเจ้าคือผู้ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมกับทางนำาและ ศาสนาแห่ ง สั จ ธรรมเพื่ อ ที่ พ ระองค์ จ ะทรงทำ า ให้ มั น สู ง เด่ น เหนื อ กว่ า ศาสนาทั้งหมด พระเจ้านั้นทรงเพียงพอแล้วที่จะเป็นพยานในเรื่องนี้ มุ ัมมัดเป็นศาสนทูตของพระเจ้า และบรรดาผู้ที่อยู่กับเขานั้นเข้ม แข็งไม่ระย่อต่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและเมตตาปรานีในหมู่พวกเขา กันเอง สูเจ้าเห็นพวกเขาโค้งและก้มกราบและแสวงหาความโปรดปราน และความพึงใจจากพระองค์ บนใบหน้าของพวกเขามีร่องรอยแห่งการก ราบซึ่งทำาให้พวกเขาแตกต่างไปจากผู้อื่น ในเตารอตและในอินญีลกล่าว ไว้ว่าพวกเขาเปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่แทงต้นอ่อนของมันออกมา หลัง จากนั้นก็ทำาให้มันแข็งแรงและเติบโตและยืนอยู่ได้บนลำาต้นของมันเอง ซึ่งทำาให้ผู้หว่านเกิดความยินดีและมันทำาให้ผู้ไม่ศรัทธาริษยาเขา พระเจ้า

ที่พักอาศัย

ได้ทรงสัญญาบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีว่าพวกเขาจะได้รับการ ให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ 49. ที่พักอาศัย

อัล-ฮุญุรอต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าล้ำาหน้าพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ จงเกรงกลัวพระเจ้า แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่ายกเสียงของสูเจ้าเหนือเสียงของนบี และจงอย่าพูดกับเขาด้วยเสียงดังเหมือนกับที่สูเจ้าพูดกันเอง ด้วยเกรง ว่าการงานทั้งหลายของสูเจ้าจะสูญเปล่าโดยที่สูเจ้าไม่รู้ บรรดาผู้ลด เสียงของตัวเองต่ำาลงเมื่ออยู่กับศาสนทูตของพระเจ้านั้นความจริงแล้ว คือคนที่พระเจ้าได้ทรงทำาให้หัวใจของพวกเขาเกิดความยำาเกรง สำาหรับ พวกเขาเหล่านี้คือการให้อภัยและรางวัลอันยิ่งใหญ่ 4 บรรดาผู้ส่งเสียง เรียกเจ้าจากภายนอกห้องพักนั้น ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่ใช้สติปัญญา 5 ถ้าหากพวกเขาเพียงแต่อดทนไว้จนกว่าสูเจ้าจะออกมาหาพวกเขา มัน จะเป็นการดีกว่าสำาหรับพวกเขา แต่พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ถ้าหากคนชั่วนำาข่าวอะไรมาบอกแก่สูเจ้า สูเจ้าจงสอบสวนให้ชัดเจนเพราะเกรงว่าสูเจ้าจะสร้างความเสียหายให้แก่ คนอื่นโดยไม่รู้ตัวและหลังจากนั้นจะเสียใจในสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไป 7 และจง รู้ไว้ด้วยว่าศาสนทูตของพระเจ้านั้นอยู่ท่ามกลางสูเจ้า ถ้าหากเขาจะเชื่อ ฟังสูเจ้าแทบทุกเรื่องแล้ว สูเจ้าจะได้รับความยุ่งยากลำาบากอย่างแน่นอน แต่พระเจ้าได้ทรงทำาให้ความศรัทธาเป็นที่รักของสูเจ้าและทรงทำาให้มันดู

อัล ุญุรอต

เป็นสิ่งสวยงามในหัวใจของสูเจ้า และทรงทำาให้การป ิเสธสัจธรรม การ ทำาชั่วและการ ่า ืนเป็นที่น่ารังเกียจแก่สูเจ้า คนเหล่านั้นคือผู้ที่ได้รับ ทางนำาที่ถูกต้อง โดยความโปรดปรานจากพระเจ้า และพระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ ถ้าผู้ศรัทธาสอง ่ายต่อสู้กันเอง สูเจ้าจงหาทางปรองดองระหว่างคน ทั้งสอง ่าย หลังจากนั้น ถ้าหาก ่ายหนึ่ง ่ายใดละเมิดอีก ่ายหนึ่ง จง ต่อสู้ ่ายที่ละเมิดนั้น จนกว่า ่ายนั้นจะกลับไปสู่พระบัญชาของพระเจ้า ดังนั้น ถ้าหาก ่ายนั้นกลับมาแล้ว สูเจ้าจงสร้างความสงบขึ้นระหว่างทั้ง สอง ่ายด้วยความเท่าเทียมและยุติธรรม แท้จริง พระเจ้าทรงรักผู้มีความ ยุติธรรม แน่นอน บรรดาผู้ศรัทธานั้นเป็นพี่น้องกัน ดังนั้น จงสร้าง ความสัมพันธ์ขึ้นในระหว่างพี่น้องของสูเจ้า และจงเกรงกลัวพระเจ้าเพื่อที่ ว่าสูเจ้าจะได้รับความเมตตา โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย อย่าให้พวกผู้ชายบางคนเยาะเย้ยพวกผู้ชาย บางคน บางทีคนกลุ่มนั้นอาจจะดีกว่าพวกเขาก็ได้ และอย่าให้ผู้หญิงบาง คนหัวเราะเยาะผู้หญิงอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะบางทีคนกลุ่มนั้นอาจจะดีกว่า พวกเธอก็ได้ จงอย่าเหน็บแนมกันในหมู่สูเจ้า และจงอย่าเรียกกันด้วย ายานาม(ที่ดูถูก) มันไม่ดีเลยที่จะถูกเรียกด้วยชื่อที่เลวทรามหลังจากที่ ได้มีความศรัทธาแล้ว ใครที่ยังไม่สำานึกผิด พวกเขาก็เป็นผู้ทำาชั่ว โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงหลีกห่างจากความระแวงสงสัยส่วนใหญ่ เพราะความระแวงสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป จงอย่าสอดแนมและจง อย่านินทาว่าร้ายซึ่งกันและกัน มีใครบ้างในหมู่สูเจ้าที่ชอบกินเนื้อพี่น้อง ของเขาที่ตายไปแล้ว ไม่เลย สูเจ้าเองก็ยังรังเกียจ ดังนั้น จงเกรงกลัว พระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงยอมรับการขออภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างสูเจ้ามาจากผู้ชายคนหนึ่ง และผู้หญิงคนหนึ่ง และหลังจากนั้นเราได้แบ่งสูเจ้าออกเป็นชาติชนชาติ และเป็นเผ่าเพื่อที่สูเจ้าทั้งหลายจะได้รู้จักกัน ผู้มีเกียรติที่สุดในทัศนะของ

ที่พักอาศัย

พระเจ้าคือผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้ามากที่สุดในหมู่สูเจ้า แน่นอน พระเจ้าเป็น ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน พวกอาหรับทะเลทรายกล่าวว่า เราศรัทธาแล้ว จงบอกพวกเขา เถิดว่า พวกท่านยังไม่ได้ศรัทธา แต่จงกล่าวว่า เรายอมจำานน เพราะ ความศรัทธายังไม่ได้เข้าไปในหัวใจของพวกท่าน ถ้าหากพวกท่านเชื่อ ฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระองค์จะไม่ทำาให้การตอบแทน ใดๆจากการงานของพวกท่านน้อยลงแต่ประการใด แน่นอน พระเจ้า เป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ความจริงแล้ว ผู้ศรัทธาที่แท้ จริงคือบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ หลังจากนั้น แล้ว พวกเขาไม่มีความสงสัยใดๆและพวกเขาดิ้นรนต่อสู้อย่างถึงที่สุดใน หนทางของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินของพวกเขาและชีวิตของพวกเขา พวก เขาเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีวาจาสัจจริง จงกล่าวแก่พวกเขา(ผู้อ้างตัวว่าศรัทธา) ว่า พวกท่านกำาลังจะสอน พระเจ้าให้รู้ถึงเรื่องศาสนาของพวกท่านกระนั้นหรือทั้งๆที่พระเจ้าทรง รู้ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง พวกเขาถือว่าพวกเขาได้ทำาดีแก่เจ้าแล้วที่พวกเขามาเป็นมุสลิม จง บอกพวกเขาเถิดว่า อย่าได้คิดเอาอิสลามของพวกท่านมาเป็นบุญคุณ แก่ ันเลย พระเจ้าต่างหากผู้ทรงโปรดปรานพวกท่านโดยนำาพวกท่าน มาสู่ความศรัทธาที่ถูกต้อง (ยอมรับสิ่งนี้ซะ) ถ้าหากพวกท่านพูดจริง พระเจ้าทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับทุกอย่างทั้งในชั้นฟ้าทั้งหลายและ แผ่นดิน และพระองค์ทรงเห็นทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำา

กอฟ

50. ก๊อฟ

ก๊อฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ก๊อฟ ขอสาบานด้วยกุรอานอันทรงเกียรติ แท้จริง พวกเขาประหลาดใจที่มี ผู้ตักเตือนคนหนึ่งจากในหมู่พวกเขาได้มายังพวกเขา ดังนั้น บรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมจึงกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดจริงๆ ที่เมื่อเรา ตายและกลายเป็นธุลีดินไปแล้ว เราจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง นั่นเป็น เรื่องยากที่จะเข้าใจ 4 เรารู้ดีถึงสิ่งที่แผ่นดินกลืนกินพวกเขาไปและเรามี บันทึกที่เก็บรักษาทุกสิ่งไว้ 5 แต่คนเหล่านี้ป ิเสธสัจธรรมเมื่อมันมาถึง พวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเกิดความสับสน พวกเขาไม่เคยสังเกตท้องฟ้าเหนือพวกเขาเลยหรือว่าเราได้สร้าง มันขึ้นมาและได้ประดับประดามันไว้อย่างไรโดยที่ไม่มีช่องโหว่ในนั้น เลย 7 เราได้แผ่ขยายแผ่นดินออกไปและได้ตั้งภูเขาขึ้นในนั้นและเราได้ ทำาให้พืชผักที่สวยงามทุกชนิดงอกเงยออกมา ทั้งหมดเป็นบทเรียนและ เป็นสิ่งที่คอยเตือนสำาหรับมนุษย์ทุกคนที่หันกลับไปสู่พระเจ้า และเรา ได้ประทานน้ำาอันจำาเริญลงมาจากท้องฟ้าซึ่งโดยน้ำานั้นเราได้ทำาให้สวน มากมายและเมล็ดพืชสำาหรับการเก็บเกี่ยวเกิดขึ้น และต้นอินทผลัมสูง ตระหง่านที่ออกผลซ้อนกันเป็นพวงย้อยลงมา เป็นการจัดเตรียมปัจจัย สำาหรับบ่าวทั้งหลาย และด้วยน้ำานี้ เราได้ทำาให้แผ่นดินที่แห้งแล้งกลับมี ชีวิตขึ้นมา เช่นนั้นแหละคือการฟื้นคืนชีพ ก่อนหน้าพวกเขา ผู้คนของนู ฺและชาวร็อส และชาวษะมูด เคยป ิเสธมาแล้ว รวมทั้งชาวอาดและฟาโรห์และพี่น้องของลู ตลอดจนผู้อาศัยในป่า(ชาวอัยกะ ฺ)และชาวตุบบะอ์ เช่นกัน ทุกกลุ่ม

กอฟ

ป ิเสธศาสนทูต ดังนั้น การเตือนของ ันต่อพวกเขาจึงเป็นจริง เรา เหน็ดเหนื่อยกระนั้นหรือในการสร้างครั้งแรก เปล่าเลย แต่คนเหล่านี้ยัง คงสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการสร้างครั้งใหม่อีก เราได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาและเรารู้ถึงการกระซิบอันชั่วร้ายทุกอย่างที่ เกิดขึ้นในจิตใจของเขา และเราอยู่ใกล้ชิดกับเขายิ่งกว่าเส้นเลือดคอของ เขาเสียอีก และยังมีผู้บันทึกทั้งสองที่นั่งอยู่บนด้านขวาและด้านซ้าย ของเขากำาลังบันทึกทุกสิ่ง แต่ละถ้อยคำาที่เขากล่าวออกมาจะถูกบันทึก ไว้โดยผู้เ ้าติดตาม อาการแห่งความตายจะมาพร้อมกับการเปิดเผยความจริง นั่นเป็น สิ่งที่สูเจ้าพยายามจะหลบหนี หลังจากนั้น แตรจะถูกเป่า นี่คือวันที่ สูเจ้าได้ถูกเตือน ทุกคนจะมาในสภาพที่มี(ทูตสวรรค์)ผู้นำาเขามาพร้อม กับพยาน สูเจ้าไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ เราได้ดึงม่านที่ปิดบังสูเจ้า ออกแล้ว ดังนั้น วันนี้ สูเจ้าจึงมองเห็นได้ชัดเจน ผู้ติดตามเขาได้กล่าว ว่า ันมีบันทึกของเขาพร้อมแล้ว จงโยนผู้เนรคุณที่ดื้อรั้นทุกคนลง นรก ผู้ขัดขวางการทำาดี ผู้ ่า ืน ผู้ทำาให้คนอื่นสงสัย ผู้ตั้งสิ่งอื่นเป็น ที่เคารพสักการะควบคู่กับพระเจ้า จงโยนเขาไปสู่การลงโทษอันสาหัส ผู้ติดตามเขา(ซาตาน)กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ข้าพระองค์มิได้ทำาให้ เขาหลงผิดแต่ประการใด แต่เขาเองต่างหากที่หลงผิดไปไกลมาก่อนแล้ว พระองค์จึงได้กล่าวว่า อย่ามาถกเถียงกันต่อหน้า ันเลย ันได้เตือน สูเจ้ามาแล้ว การตัดสินของ ันไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงได้ และ ันจะ ไม่อธรรมต่อปวงบ่าวของ ัน วันนั้น เราจะถามนรกว่า เจ้าเต็มแล้วหรือยัง มันจะกล่าวว่า ยัง มีมากกว่านี้อีกไหม และสวรรค์จะถูกนำามาใกล้ผู้ยำาเกรงและมันจะ ไม่ไกลอีกต่อไป นี่คือสิ่งที่ได้ถูกสัญญาไว้แก่ทุกคนที่หันกลับไปยัง พระเจ้าและนึกถึงพระองค์อย่างต่อเนื่อง ผู้เกรงกลัวพระผู้ทรงกรุณา ปรานีถึงแม้จะมองไม่เห็นและผู้มาด้วยหัวใจที่อุทิศให้ ดังนั้น จงเข้าไป

ในสวรรค์ด้วยความสันติเถิด นั่นคือวันแห่งชีวิตอันนิรันดร ที่นั่น พวก เขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนาและเรายังมีอีกมากมายสำาหรับ พวกเขาเหล่านั้น กี่ชนชาติแล้วที่มีอำานาจเข้มแข็งกว่าพวกเขาและถูกเราทำาลายไป ก่อนหน้าพวกเขา คนพวกนี้เที่ยวออกปล้นไปตามเมืองต่างๆ แต่พวกเขา หนีรอดไหม แท้จริงแล้ว ในนั้นมีบทเรียนสำาหรับคนที่มีหัวใจหรือผู้ ฟังด้วยความตั้งใจ เราได้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น ในหกวัน(ช่วงเวลา) และเราไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ดังนั้น (โอ้ นบี) เจ้า จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขาพูด และจงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยการ สรรเสริญพระองค์ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและก่อนดวงอาทิตย์ตก จงสดุดี พระองค์อีกในตอนกลางคืนและในตอนสิ้นสุดของการนมาซทุกครั้ง จงฟัง วันที่ผู้เรียกจะร้องเรียกจากที่ใกล้ๆ วันที่ผู้คนทั้งหลาย จะได้ยินเสียงร้องแห่งชะตากรรม พวกเขาจะลุกขึ้น(จากหลุม ังศพของ พวกเขา) แท้จริงเราคือผู้ให้ชีวิตและความตายและยังเราที่ทุกคนจะ ต้องกลับมา 44 ในวันนั้น ผืนแผ่นดินจะปริแยกออกและพวกเขาจะรีบเร่ง ออกมาจากมัน นี่คือการรวบรวมที่ง่ายมากสำาหรับเรา 45 (โอ้ นบี) เรารู้ดียิ่งถึงสิ่งที่ผู้ป ิเสธสัจธรรมพูด และเจ้าไม่มีอำานาจ ใดๆที่จะไปบังคับให้พวกเขาเชื่อ ดังนั้น จงตักเตือนด้วยกุรอานแก่ทุกคน ที่เกรงกลัวการเตือนของ ัน

ลมที่พัดกระจาย

51. ลมที่พัดกระจาย

อัล-ซาริยาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยลมที่พัด ุ่นให้กระจายขึ้น และลมที่แบกเม ( น)ที่ หนักไว้ และลมที่พัดด้วยความสะดวก 4 และกระจายคำาบัญชาของ พระเจ้าตามคำาสั่งของพระองค์ 5 สิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้นั้นเป็นความ จริง และการตัดสินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 7 ขอสาบานด้วยฟากฟ้า ที่เต็มไปด้วยปราก การณ์หลากหลาย แท้จริงแล้ว สูเจ้าทั้งหลายกำาลัง ขัดแย้งกัน (ในเรื่องว่าจะเชื่ออะไร) คนที่หันออกไปจากสัจธรรมเท่านั้น ที่หลงผิดออกไป ความวิบัติจะเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ตัดสินโดยการเดา ผู้ที่หลงอยู่ในความ โง่เขลาและไม่ใส่ใจ พวกเขาถามว่า วันแห่งการตัดสินจะเกิดขึ้นเมื่อ ใด ก็วันที่พวกเขาจะถูกลงโทษในไฟนรกนั่นไง จงลิ้มรสความ เสียหายที่สูเจ้าก่อไว้บ้าง นี่คือสิ่งเดียวกับที่สูเจ้าเร่งจะให้มันเกิดขึ้น ส่วนผู้ที่ยำาเกรงนั้นจะได้อยู่ในสวนสวรรค์และน้ำาพุมากมาย พวกเขา ปีติยินดีในสิ่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขาประทานแก่พวกเขา เพราะพวก เขาเป็นผู้ทำาความดีมาก่อนหน้านี้ พวกเขานอนแต่เพียงเล็กน้อยใน ตอนกลางคืน และวิงวอนขอการอภัยโทษในตอนก่อนรุ่งอรุณ และ แบ่งทรัพย์สินของพวกเขาให้ผู้เอ่ยขอและผู้ขัดสน ในแผ่นดินนั้นมีสัญญาณต่างๆมากมายสำาหรับผู้เชื่อมั่นในความ ศรัทธา และในตัวของสูเจ้าเองก็เช่นกัน แล้วสูเจ้ายังไม่เห็นอีกหรือ ในชั้นฟ้านั้นมีปัจจัยสำาหรับสูเจ้าและสิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้ ขอ สาบานด้วยพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินว่า นี่คือความจริงดังที่ สูเจ้ากำาลังพูดกันอยู่ในขณะนี้

อัล ซาริยาต

(โอ้ นบี) เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับแขกผู้มีเกียรติของอิบรอ ีม ไหม เมื่อแขกเหล่านั้นมาหาเขา พวกเขาได้กล่าวว่า ศานติ เขาตอบ รับว่า ศานติจงมีแด่ท่านเช่นกัน (และเขาพูดกับตัวเองว่า) พวกเขาช่าง ดูแปลกหน้าเสียจริง หลังจากนั้น เขาได้เดินไปยังครอบครัวของเขา อย่างเงียบๆ และนำาเอาลูกวัวย่างออกมา และวางไว้ข้างหน้าแขกผู้มา เยือน เขากล่าวว่า พวกท่านจะไม่กินหรือ เขาเริ่มรู้สึกกลัวคนเหล่า นั้น พวกเขาจึงกล่าวว่า จงอย่ากลัวเลย และพวกเขาได้แจ้งข่าวดีถึง การกำาเนิดลูกชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีความรู้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภรรยา ของเขาได้ออกมาส่งเสียงร้องพร้อมกับตบหน้าผากตัวเองและกล่าวว่า หญิงแก่และเป็นหมันอย่าง ันนี่หรือ พวกเขาตอบว่า นั่นเป็นพระ ประสงค์ของพระผู้อภิบาลของนาง แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้ อิบรอ ีมได้ถามว่า ท่านผู้นำาสาสน์ของพระเจ้า พวกท่านมีจุดมุ่ง หมายอะไร พวกเขากล่าวว่า แท้จริง เราได้ถูกส่งมายังหมู่ชนผู้ ทำาความผิด เพื่อที่จะโปรยก้อนหินที่ทำาจากดินเหนียวลงมายังพวก เขา ซึ่งพระผู้อภิบาลของท่านได้ตราเป็นเครื่องหมายไว้แล้วสำาหรับ บรรดาผู้ละเมิด เราได้ช่วยชีวิตบรรดาผู้ศรัทธาทุกคนที่อยู่ในนั้นไว้ และเราไม่พบว่าในนั้นมีบ้านใดที่เป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริงนอกไปจาก บ้านเดียว และเราได้ทิ้งสัญญาณหนึ่งไว้ที่นั่นสำาหรับบรรดาผู้เกรงกลัว การลงโทษอันเจ็บปวด มีอีกสัญญาณหนึ่งในเรื่องราวของมูซา เราได้ส่งเขาไปยังฟาโรห์ พร้อมกับหลัก านอันชัดเจน แต่ฟาโรห์แสดงความยโสโอหังหันหลัง ให้และกล่าวว่า นี่คือนักไสยศาสตร์หรือคนบ้า ดังนั้น เราจึงได้ทำาลาย เขาพร้อมกับไพร่พลของเขาและเราได้โยนพวกเขาลงไปในทะเล และเขา ก็ได้กลายเป็นผู้ที่ถูกประณาม มีอีกสัญญาณหนึ่งในหมู่ชาวอาดเมื่อเรา ได้ส่งลมพายุมาทำาลายล้างพวกเขา และมันทำาลายทุกสิ่งที่มันพัดผ่าน

ไปจนพินาศย่อยยับ และในหมู่ชนษะมูด(มีอีกสัญญาณหนึ่ง)เมื่อได้มี การกล่าวแก่พวกเขาว่า จงสนุกสนานกันไปชั่วครู่หนึ่งเถอะ 44 แต่พวก เขาก็ยังดื้อดึงต่อคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดังนั้น พวกเขา จึงถูกทำาลายโดยเสียงฟ้าฟาดเพียงครั้งเดียวในขณะที่พวกเขาจ้องมอง อยู่ 45 พวกเขาไม่สามารถยืนขึ้นได้อีกและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และก่อนหน้าพวกเขาเราได้ทำาลายหมู่ชนของนู ฺมาแล้วเพราะพวก เขาเป็นผู้ทำาบาป 47 เราได้สร้างจักรวาลด้วยอำานาจของเราเองโดยให้มันขยายตัวออก ไปอย่างกว้างขวาง เราได้แผ่ขยายผืนแผ่นดินออกไป และ(ดูซิว่า) เรา เป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยมอย่างไร และเราได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาเป็น คู่ๆ เพื่อที่สูเจ้าจะได้คิด ดังนั้น จงรีบเร่งไปหาพระเจ้าเถิด แท้จริง ัน ถูกพระองค์ส่งมาเพื่อให้การตักเตือนที่ชัดเจนแก่พวกท่าน จงอย่าตั้ง สิ่งอื่นใดเพื่อเคารพสักการะร่วมกับพระเจ้า ันมาจากพระองค์เพื่อตัก เตือนพวกท่านอย่างเปิดเผย ในทำานองเดียวกัน เมื่อใดก็ตามที่ศาสนทูตคนหนึ่งมายังผู้คนก่อน หน้าพวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า เขาเป็นนักไสยศาสตร์หรือคนบ้า พวกเขาส่งทอดเรื่องนี้ให้กันไหม เปล่าเลย พวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ ละเมิดขอบเขตต่างหาก 54 ดังนั้น(โอ้ นบี) จงอย่าสนใจพวกเขา และเจ้า จะไม่ถูกตำาหนิเลย 55 แต่จงตักเตือนต่อไปเถิด เพราะการตักเตือนนั้น เป็นประโยชน์สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา ันมิได้สร้างญินและมนุษย์มาเพื่ออื่นใดนอกไปจากเพื่อที่พวกเขา จะได้เคารพภักดี ัน 57 ันมิได้ต้องการปัจจัยใดๆจากพวกเขาและ ัน ก็มิได้ต้องการให้พวกเขาให้อาหาร ัน พระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ทรง ประทานปัจจัยยังชีพ เป็นผู้ทรงพลังและผู้ทรงมั่นคง บรรดาผู้ทำาความ ผิดจะพบชะตากรรมเช่นเดียวกับบรรดาผู้คนที่มาก่อนหน้าพวกเขา พวก

อัล ูรฺ

เขาอย่ามาขอให้ ันรีบเร่ง(ลงโทษ)เลย ดังนั้น ในที่สุดแล้วความวิบัติจะ เกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมในวันที่พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้มาถึง 52. ภูเขาซีนาย

อัล-ฏูรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยภูเขาซีนาย และขอสาบานด้วยคัมภีร์ที่ถูกจารึก ไว้ ในแผ่นม้วนที่ไม่ได้ถูกคลี่ออก 4 ขอสาบานด้วยบ้านที่มีผู้มาเยือน อยู่สม่ำาเสมอ 5 ขอสาบานด้วยหลังคาแห่งท้องฟ้าที่ถูกยกสูง และขอ สาบานด้วยทะเลที่เต็มไปด้วยคลื่น 7 การลงโทษของพระผู้อภิบาลของ สูเจ้าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีใครสามารถยับยั้งมันได้ ในวันที่ชั้น ฟ้าจะปั่นป่วนและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และขุนเขาจะสะเทือนและ ปลิวว่อน ความวิบัติในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ที่หมกมุ่นอยู่กับการถกเถียงเรื่องไร้สาระ ในวันนั้น พวกเขาจะถูก ไล่ต้อนและถูกผลักลงไปในไฟนรก นี่คือนรกที่สูเจ้าเคยป ิเสธมาก่อน นี่เป็นมายากลใช่ไหม หรือสูเจ้ายังไม่มองไม่เห็นอีก ตอนนี้จง เข้าไป ไม่ว่าสูเจ้าจะทนได้หรือไม่ มันก็เหมือนกันสำาหรับสูเจ้า ตอนนี้ สูเจ้ากำาลังได้รับการตอบแทนตามที่สูเจ้าได้ทำาไว้ ส่วนผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า(ในวันนั้น)จะได้อยู่ในสวรรค์และความ โปรดปราน โดยได้รับความสุขในสิ่งที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา ประทานแก่พวกเขา และพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะช่วยพวกเขาให้พ้น จากการลงโทษของไฟนรก (พวกเขาจะถูกบอกว่า) จงกินและจงดื่ม ด้วยความสุข ใน านะเป็นรางวัลตอบแทนการงานที่ดีของสูเจ้า พวก

ภูเขาซีนาย

เขาจะเอนกายบนเตียงนุ่มที่ถูกจัดแถวหันหน้าเข้าหากันและเราจะให้ พวกเขาได้มีคู่ครองเป็นหญิงสาวที่มีดวงตาสวยงาม สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธานั้น เราจะรวมบรรดาลูกหลานของพวกเขา ที่เจริญรอยความศรัทธาของพวกเขาไว้กับพวกเขาด้วยเช่นกัน และเรา จะไม่ทำาให้การงานที่ดีของพวกเขาปราศจากรางวัลตอบแทน มนุษย์ทุก คนเป็นหลักประกันสำาหรับสิ่งที่เขาได้ขวนขวายไว้ เราจะจัดหาผลไม้ และเนื้อให้พวกเขาตามที่พวกเขาต้องการ ที่นั่น พวกเขาจะส่งถ้วย แก้วกันอย่างมีความสุขและในนั้นจะไม่จะไม่มีการพูดจาไร้สาระและสิ่ง ที่เป็นบาป พวกเขาจะมีเด็กผู้ชายน่ารักเหมือนไข่มุกที่ถูกซ่อนอยู่ใน เปลือกของมันคอยรับใช้พวกเขา พวกเขาจะหันมายังอีกคนหนึ่งและ ถามกัน ก่อนหน้านี้ เราอยู่ในหมู่คนของเราด้วยความหวาดกลัวและ ประหวั่นพรั่นพรึง หลังจากนั้น พระเจ้าได้ทรงโปรดปรานแก่เราและ ได้ทรงช่วยเหลือเราให้พ้นจากการลงโทษของความร้อนแรงของนรก แท้จริง ก่อนหน้านี้ เราได้วิงวอนต่อพระองค์เท่านั้น แน่นอน พระองค์ เป็นผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้ทรงเมตตาเสมอ ดังนั้น (โอ้ นบี) จงตักเตือนพวกเขาต่อไป ด้วยความโปรดปราน ของพระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้ามิใช่หมอดูและมิใช่คนบ้า ถ้าพวกเขา กล่าวว่า เขาเป็นกวีคนหนึ่งซึ่งเรากำาลังคอยให้ความหายนะเกิดขึ้น กับเขา จงบอกพวกเขาว่า จงคอยเถิด ันจะคอยอยู่กับพวกท่าน หรือว่าความคิดของพวกเขาสั่งพวกเขาให้พูดเช่นนั้นหรือว่าพวกเขา เป็นผู้ ่า ืน หรือพวกเขากล่าวว่า คนผู้นี้แต่งกุรอานขึ้นมาเอง เปล่าเลย ความจริงแล้วพวกเขาไม่ต้องการจะศรัทธาต่างหาก ดังนั้น จงให้พวกเขาแต่งคัมภีร์เช่นนี้ขึ้นมา ถ้าหากพวกเขาแน่จริงในสิ่งที่พวก เขาพูด หรือว่าพวกเขาเกิดมาโดยปราศจากผู้ทรงสร้าง หรือพวกเขาเป็น ผู้สร้างตัวของพวกเขาเอง หรือพวกเขาสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่น

อัล ูรฺ

ดินขึ้นมา เปล่าเลย ความจริงแล้วพวกเขาไม่มีความศรัทธาต่างหาก หรือพวกเขามีทรัพย์สมบัติของพระผู้อภิบาลของเจ้า หรือพวกเขาใช่ ไหมที่เป็นผู้ควบคุมมัน พวกเขามีบันไดปีนขึ้นไปบนชั้นฟ้าเพื่อที่จะ ได้ยินเรื่องราวต่างๆไหม ดังนั้น ขอให้ใครก็ได้ในหมู่พวกเขาที่ได้ยินนำา หลัก านอันชัดแจ้งมา พระเจ้ามีลูกสาวและสูเจ้ามีลูกชายกระนั้นหรือ หรือว่าเจ้าขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกเขาซึ่งทำาให้พวกเขาต้อง แบกรับภาระหนี้สิ้นอันหนักอึ้ง พวกเขามีความรู้เรื่องสิ่งเร้นลับที่พวก เขาบันทึกไว้ไหม พวกเขาคิดที่จะวางแผนกระนั้นหรือ บรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรมต่างหากจะตกเป็นเหยื่อของแผนการนั้น หรือว่าพวก เขามีสิ่งอื่นเพื่อการเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า มหาบริสุทธิ์ยิ่ง แด่พระเจ้าผู้ทรงอยู่เหนือสิ่งที่พวกเขานำามาตั้งภาคีกับพระองค์ 44 ถ้าพวกเขาเห็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้าหล่นลงมา พวกเขาจะกล่าว ว่า นี่เป็นก้อนเม ที่รวมตัวกัน 45 ดังนั้น (โอ้ นบี) จงปล่อยพวกเขาไป จนกว่าพวกเขาจะได้พบกับวันของพวกเขาเองซึ่งในวันนั้นพวกเขาจะ ถูกฟาดจนล้มลง วันที่แผนการของพวกเขาจะไม่อำานวยประโยชน์อัน ใดแก่พวกเขาและพวกเขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ 47 แท้จริง สำาหรับ บรรดาผู้ทำาความผิดจะได้รับการลงโทษอย่างอื่นอีก แต่พวกเขาส่วนใหญ่ ไม่รู้ ดังนั้น (โอ้ นบี) จงคอยด้วยความอดทนจนกว่าพระผู้อภิบาลของ เจ้าจะตัดสิน เจ้าอยู่ในสายตาของเราเสมอ และจงสดุดีพระผู้อภิบาล ของสูเจ้าด้วยการสรรเสริญเมื่อเจ้าลุกขึ้น(จากการนอน) และจงสดุดี พระองค์ในตอนกลางคืนและเมื่อยามที่หมู่ดาวคล้อยลับไป

ดวงดาว

53. ดวงดาว

อัล-นัจญม์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยดวงดาวที่กำาลังลับไป สหายของสูเจ้ามิได้หลงผิดและ มิได้ถูกหลอกลวง และเขามิได้พูดตามอารมณ์ 4 แต่มัน(กุรอาน)เป็น สิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เขา 5 เขาถูกสอนโดย(ทูตสวรรค์)ผู้ทรงพลัง อำานาจ ผู้ได้รับวิทยปัญญา ผู้สำาแดงตัวเองในเวลานั้น 7 โดยยืนอยู่บน จุดสูงสุดของฟากฟ้า หลังจากนั้น ได้ลงมาใกล้ จนกระทั่งอยู่ในระยะ ห่างแค่สองคันธนูหรือใกล้ยิ่งกว่านั้นอีก หลังจากนั้น ได้เปิดเผยสิ่งที่ เขาจะต้องเปิดเผยแก่บ่าวของพระเจ้า หัวใจ(ของนบี)มิได้เข้าใจผิดใน สิ่งที่เห็น แล้วสูเจ้ายังจะมาโต้เถียงกับเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็นกระนั้น หรือ และเขาก็ได้เห็น(ทูตสวรรค์)อีกเป็นครั้งที่สอง ที่ต้นพุทราอัน ไกลลิบซึ่งพ้นไปจากนั้นแล้วไม่มีใครผ่านไปได้ ใกล้ๆนั้นคือสวรรค์แห่ง การพักพิง(อันนิรันดร) ในตอนนั้น ต้นพุทราถูกปกคลุมด้วยอะไรบาง อย่างที่งดงามอย่างบอกไม่ได้ สายตาของเขามิได้พร่ามัวและมิได้ผิด เพี้ยนไป เขาได้เห็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระผู้อภิบาลของเขา สูเจ้าเคยพิจารณาเทวรูปอัลลาตและอัลอุซซา และมะนาตตัว ที่สามบ้างไหม อะไรซิ ลูกชายเป็นของสูเจ้าและลูกสาวเป็นของ พระองค์กระนั้นหรือ นี่ช่างเป็นการแบ่งที่ไม่เป็นธรรมเสียจริงๆ สิ่งเหล่านี้มิใช่อะไรนอกไปจากชื่อที่สูเจ้าและบรรพบุรุษของสูเจ้าตั้งขึ้น มา พระเจ้ามิได้ส่งหลัก านอะไรมาให้แก่พวกเขา ความจริงแล้ว พวกเขา มิได้ป ิบัติตามสิ่งใดนอกจากความนึกคิดและความปรารถนาแห่งจิตใจ อัลลาต, อัลอุซซาและมะนาตเป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคก่อนอิสลามเคารพ สักการะ

อัล นัจญม์

ของพวกเขาเองเท่านั้น ถึงแม้ว่าทางนำาจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะ มายังพวกเขาแล้วก็ตาม มนุษย์จะมีอะไรก็ได้ตามที่เขาอยากมีกระนั้น หรือ แต่พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของโลกนี้และโลกหน้า ในชั้นฟ้ามีทูตสวรรค์นับไม่ถ้วน แต่การขอไถ่โทษของทูตสวรรค์ ไม่บังเกิดผลใดๆจนกว่าพระเจ้าจะทรงให้อนุญาตแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์และทรงพอพระทัย แต่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้าเรียก บรรดาทูตสวรรค์ด้วยชื่อผู้หญิง พวกเขาไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย พวก เขาป ิบัติตามการคาดเดาเท่านั้น และการคาดเดาไม่อาจแทนความจริง ได้เลย ดังนั้น (โอ้ นบี) จงอย่าสนใจผู้ที่หันห่างออกไปจากสิ่งที่เรา ประทานมาและมิได้แสวงหาสิ่งใดนอกไปจากชีวิตแห่งโลกนี้ นั่นคือสุด ยอดแห่งความรู้ของพวกเขาแล้ว แน่นอน พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ดียิ่ง ถึงผู้ที่หลงออกไปจากแนวทางของพระองค์และทรงรู้ถึงผู้ที่อยู่ในทางนำา ของพระองค์ ทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินเป็นของพระเจ้า ดังนั้น พระองค์ จ ะทรงตอบแทนบรรดาผู้ ก ระทำ า ความชั่ ว ตามที่ พ วกเขาได้ กระทำาไว้และจะทรงตอบแทนความดีแก่บรรดาผู้ทำาความดี ผู้หลีก เลี่ยงจากบาปใหญ่และสิ่งลามกอนาจาร ถึงแม้พวกเขาอาจทำาความผิด เล็กๆน้อยๆ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าทรงเป็นผู้กว้างขวางในการให้อภัย พระองค์ทรงรู้จักสูเจ้ามาตั้งแต่ครั้งที่พระองค์ทรงสร้างสูเจ้ามาจากดิน และเมื่อสูเจ้ายังเป็นตัวอ่อนในครรภ์ของแม่ของสูเจ้า ดังนั้น สูเจ้าจงอย่า มาอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์ พระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้ดีว่าใครที่เป็นผู้ยำาเกรง พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ได้ให้ทางนำาที่สมบูรณ์แก่มนุษย์ว่าเขาต้อง ทำาสิ่งใดและอย่าทำาสิ่งใด อย่างไรก็ตาม มนุษย์จะได้รับการให้อภัยใน กรณีของความผิดเล็กๆน้อยๆ เช่น การหมกมุ่นอยู่ในความเสียหายอัน เนื่องมาจากอารมณ์ที่หลงระเริง โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องตระหนักถึงการ ถลำาตัวของเขาและเริ่มรู้สึกละอาย หลังจากนั้น ขออภัยต่อพระเจ้า

(โอ้ นบี) เจ้าเคยพิจารณาคนที่หันหลังให้บ้างไหม คนที่ให้เพียง น้อยนิดและต่อมาได้หยุดให้ เขามีความรู้เรื่องสิ่งเร้นลับที่ทำาให้เขา เห็นกระนั้นหรือ เขาไม่เคยรู้ถึงสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ของมูซากระ นั้นหรือ และในคัมภีร์ของอิบรอ ีมผู้ทำาตามคำาพูดของเขา ว่าไม่มี ผู้แบกภาระคนใดจะแบกภาระของคนอื่น และมนุษย์จะได้รับเ พาะสิ่ง ที่เขาขวนขวายไว้ และ(ผลของ)สิ่งที่เขาดิ้นรนทำาไว้นั้นจะได้เห็นในไม่ ช้า และในที่สุดแล้ว เขาจะได้รับการตอบแทนอย่างครบถ้วน และที่ ว่าทุกสิ่งในที่สุดแล้วจะกลับไปยังพระเจ้า และที่ว่าพระองค์คือผู้ทำาให้ (มนุษย์) หัวเราะและร้องไห้ 44 และที่ว่าพระองค์คือผู้ทรงให้ความตาย และให้ชีวิต 44 และที่ว่าพระองค์คือผู้ทรงสร้างคู่เพศชายและเพศหญิง จากหยดอสุจิเมื่อมันหลั่งออกมา 47 และเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะ ให้ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และพระองค์อีกเช่นกันที่ทรงทำาให้เขามั่งคั่งและ ประทานทรัพย์สิน และพระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลแห่งดาวสิริอุส พระองค์เป็นผู้ทรงทำาลายชาวอาดก่อนหน้านี้ และพวกษะมูดจน ไม่หลงเหลือใครไว้เลย และก่อนหน้าคนเหล่านี้ พระองค์ได้ทรงทำาลาย ผู้คนของนู ฺเพราะพวกเขาเป็นคนชั่วและ ่า ืนที่สุด และพระองค์ได้ ทรงพลิกคว่ำาเมือง(โซดอมและโกโมราห์)ให้จมหายไป 54 หลังจากนั้น ทรงกลบพวกเขาไว้จากสายตาของสูเจ้าตลอดไป 55 ดังนั้น (มนุษย์เอย) ความโปรดปรานอันใดเล่าของพระผู้อภิบาลของเจ้าที่สูเจ้ายังสงสัย นี่คือการเตือนเหมือนกับบรรดาผู้คนก่อนหน้านี้ 57 ยามอวสานที่ กำาลังจะเกิดขึ้นนั้นได้ใกล้เข้ามาแล้ว ไม่มีผู้ใดนอกไปจากพระเจ้าที่จะ ขัดขวางมันได้ สูเจ้ายังเห็นว่าข่าวเหล่านี้เป็นสิ่งที่แปลกกระนั้นหรือ ทำาไมสูเจ้ายังหัวเราะแทนที่จะร้องไห้ สูเจ้ายังคงดึงดันไม่ใส่ใจอีก หรือ จงก้มกราบต่อพระเจ้าเถิดและจงเคารพสักการะพระองค์เท่านั้น

อัล เกาะมัรฺ

54. ดวงจันทร์

อัล-เกาะมัรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้า ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ยามอวสานได้ใกล้เข้ามาแล้วและดวงจันทร์ได้แยกออกจากกัน ถึง กระนั้น เมื่อพวกเขาเห็นสัญญาณอะไรก็ตาม พวกเขา(ผู้ป ิเสธสัจธรรม) จะหันหลังให้และกล่าวว่า นี่คือไสยศาสตร์เก่าๆที่มามาแต่เดิม พวก เขาป ิเสธสัจธรรมและป ิบัติตามอารมณ์ต่ำาของพวกเขา ทุกเรื่องมีจุด สุดท้ายของมันที่ได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว 4 มีคำาบอกเล่ามายังพวกเขาแล้ว ถึงเรื่องราวที่มีคำาเตือนมากมาย 5 และมีเหตุผลอันลึกซึ้งด้วย แต่คำาเตือน นั้นไม่ยังประโยชน์อันใดกับคนเหล่านี้ ดังนั้น (โอ้ นบี) จงหันห่างออก จากพวกเขา วันที่ผู้ร้องเรียกจะเรียกพวกเขาไปสู่เหตุการณ์อันน่าสะพรึง กลัว 7 ผู้คนจะลุกขึ้นออกมาจากหลุม ังศพของพวกเขาด้วยสายตาที่ หวาดกลัวเหมือนกับว่าพวกเขาเป็น ูงตักแตนที่บินว่อน พวกเขารีบ ไปยังผู้ร้องเรียกและบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะร้องครวญว่า นี่เป็นวันที่ ลำาบากเหลือเกิน ก่อนหน้าพวกเขา ผู้คนของนู ฺก็เคยป ิเสธ(สัจธรรม)มาแล้วเช่น กัน พวกเขาเรียกศาสนทูตของเราว่าผู้โกหกและกล่าวว่า เขาเป็นคนบ้า และเขาถูกด่าว่าอย่างหนัก ดังนั้น เขาจึงวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ เขาว่า ันเป็นผู้แพ้แล้ว ขอพระองค์ทรงช่วยเหลือด้วยเถิด ดังนั้น เราจึงได้เปิดประตูแห่งชั้นฟ้าให้ นเทลงมาอย่างหนัก และเราได้ทำาให้ แผ่นดินแยกเป็นตาน้ำาไหลพุ่งทะลักออกมา และน้ำาได้มาบรรจบกันเพื่อ เป็นไปตามจุดหมายที่ได้บัญชาไว้ เราได้บรรทุกนู ฺไว้บนเรือลำาใหญ่ ที่ทำาด้วยแผ่นไม้และตอกติดด้วยตะปู ซึ่งลอยอยู่ภายใต้การดูแลของ เรา นี่เป็นการแก้แค้นให้แก่เขาที่ถูกป ิเสธ และเราได้ทิ้งเรือนั้นไว้เป็น

ดวงจันทร์

สัญญาณหนึ่ง แล้วมีใครบ้างไหมที่ได้รับการตักเตือนนี้ ลองดูซิว่าการ ลงโทษและคำาเตือนของ ันน่าสะพรึงกลัวเช่นไร เราได้ทำาให้มันง่าย ที่จะได้รับบทเรียนจากกุรอาน แล้วมีผู้ใดบ้างที่ได้รับการตักเตือน ชาวอาดอีกเช่นกันที่ป ิเสธสัจธรรม ดังนั้น จงดูซิว่าการลงโทษและ การตักเตือนของ ันน่าสะพรึงกลัวเช่นไร เราได้ส่งลมพายุร้ายพัด กระหน่ำาพวกเขาในวันแห่งความหายนะที่ต่อเนื่องกัน พายุนั้นได้พัด กวาดพวกเขาออกไปจนเหมือนกับพวกเขาเป็นต้นอินทผลัมที่ถูกถอน ราก จงดูซิว่าการลงโทษและการตักเตือนของ ันเป็นเช่นใด เราได้ ทำาให้กุรอานนี้เป็นวิธีการตักเตือนที่ง่าย แล้วมีผู้ใดบ้างที่ได้รับการตัก เตือน พวกษะมูดก็ป ิเสธการตักเตือนของเรา พวกเขากล่าวว่า จะให้ เราป ิบัติตามคนที่อยู่ในหมู่พวกเรากระนั้นหรือ ถ้าเราทำาเช่นนั้น เราก็ หลงผิดและบ้าแน่ เขาเป็นคนเดียวในหมู่พวกเรากระนั้นหรือที่ได้รับ สาสน์ของพระเจ้า ไม่ เขาเป็นคนโกหกที่คุยโม้ (เราได้บอกศาสน ทูตของเราว่า) พรุ่งนี้ พวกเขาจะได้รู้ว่าใครเป็นผู้โกหกที่คุยโม้ เรา จะส่งอู ตัวเมียตัวหนึ่งมาเป็นสิ่งทดสอบสำาหรับพวกเขา ตอนนี้ จงเ ้า ดูพวกเขาและจงทดทน จงบอกพวกเขาว่าน้ำา(ในบ่อนั้น)จะถูกแบ่ง ระหว่างพวกเขากับอู ตัวเมียโดยแต่ละ ่ายผลัดกันมาใช้น้ำา แต่พวก เขาได้เรียกพวกพ้องของพวกเขามาร่วมกัน ่าอู ตัวนั้น ดังนั้น จงดู ซิว่าการลงโทษและการตักเตือนของ ันน่าสะพรึงกลัวเพียงใด เราได้ ทำาให้มีเสียงกัมปนาทเกิดขึ้นบนพวกเขาเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็กลาย เป็นเศษไม้แห้งที่ถูกเหยียบย่ำา เราได้ทำาให้กุรอานนี้ง่ายในการที่จะได้ รับบทเรียนจากมัน แล้วมีใครบ้างที่ได้รับการตักเตือน หมู่ชนของลู ก็ป ิเสธการตักเตือนของเรา เราจึงได้ส่งพายุหิน มาทำาลายพวกเขาทั้งหมดนอกจากคนในครอบครัวของลู ซึ่งเราได้ช่วย ให้ปลอดภัยในช่วงก่อนรุ่งอรุณ ใน านะเป็นความโปรดปรานจาก

เรา นั่นแหละคือสิ่งที่เราตอบแทนผู้กตัญญู ลู ได้เตือนคนของเขาให้ รู้ถึงการลงโทษของเราแล้ว แต่พวกเขาโต้แย้งคำาเตือนนั้น พวกเขา ต้องการที่จะได้แขกผู้มาเยือนลู ไปตอบสนองอารมณ์ของพวกเขา ดัง นั้น เราจึงได้ทำาให้ตาของพวกเขาบอด (และกล่าวว่า) ดังนั้น จงลิ้มรส การลงโทษของ ันที่สูเจ้าเคยสบประมาทคำาเตือนของ ัน ในตอนรุ่ง สาง พวกเขาก็ได้รับการลงโทษอย่างยาวนาน ตอนนี้ จงลิ้มรสการ ลงโทษที่สูเจ้าเคยสบประมาทคำาเตือนของ ัน เราได้ทำาให้เป็นเรื่อง ง่ายที่จะได้รับบทเรียนจากกุรอาน แล้วมีใครบ้างที่ได้รับการตักเตือนนี้ แน่นอน มีผู้ตักเตือนได้มายังผู้คนของฟาโรห์ด้วยเช่นกัน แต่ พวกเขาป ิเสธสัญญาณของเราทั้งหมด ดังนั้น เราจึงลงโทษพวกเขา ด้วยการลงโทษของผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงอานุภาพ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมของสูเจ้ามีอะไรดีกว่าพวกเขาเหล่านั้น หรือ หรือสูเจ้าได้รับการยกเว้นใดๆในคัมภีร์ไหม 44 หรือพวกเขากล่าว ว่า เราเป็นพวกที่แข็งแรง เราจะเหนือกว่า 45 ในไม่ช้า คนพวกนี้จะถูก ทำาลายและพวกเขาทั้งหมดจะหันหลังหนี ความจริงแล้ว ยามอวสาน คือเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้สำาหรับพวกเขา และยามอวสานจะเป็นยามที่ เศร้าโศกเสียใจและขมขื่นที่สุด 47 ความจริงแล้ว คนชั่วเหล่านี้หลงอยู่ใน ความหลงผิดและความโง่ ในวันที่พวกเขาถูกลากคว่ำาหน้าเข้าไปสู่ไฟ นั้น(จะมีเสียงกล่าวว่า) ตอนนี้ จงลิ้มรสเปลวไฟของนรก เราได้สร้างทุกสิ่งขึ้นมาตามสัดส่วนของมัน คำาบัญชาของเรา เพียงครั้งเดียว สิ่งที่เราประสงค์จะเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เราได้ทำาลาย หมู่ชนเช่นเดียวกับสูเจ้าไปมากแล้ว แล้วมีใครในหมู่สูเจ้าที่ได้รับคำาตัก เตือน อะไรก็ตามที่พวกเขาได้ทำาไปจะถูกเก็บไว้ในบันทึกของพวก เขา ทุกการกระทำาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ได้ถูกบันทึกไว้ในนั้น 54 บรรดา ผู้ยำาเกรงพระเจ้าจะอยู่ท่ามกลางสวนสวรรค์และลำาน้ำาหลายสาย 55 ในที่ รวมแห่งสัจธรรมต่อหน้าพระผู้ทรงอำานาจที่สุด

ความกรุณา

55. ความกรุณา

อัล-เราะฮฺมาน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ พระผู้ทรงกรุณาปรานีที่สุด ผู้ทรงสอนกุรอาน พระองค์ทรงสร้าง มนุษย์ 4 และพระองค์สอนให้เขาพูด 5 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้โคจร ไปตามที่ได้ถูกกำาหนดไว้ และดวงดาวและต้นไม้ได้ก้มกราบสักการะ 7 พระองค์ได้ทรงยกชั้นฟ้าไว้สูงและได้ทรงกำาหนดความสมดุลไว้ ดัง นั้น สูเจ้าจงอย่าได้ทำาให้ความสมดุลเสียไป จงชั่งด้วยความเที่ยงธรรม และจงอย่าทำาให้น้ำาหนักพร่องไป พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมแผ่นดินไว้สำาหรับสิ่งถูกสร้างทั้งปวง ใน นั้นมีผลไม้รสชาติดีทุกชนิดและต้นอินทผลัมที่ออกผลซ้อนกันเป็นพวง และธัญพืชหลากชนิดที่มีเปลือกรวมทั้งเมล็ดข้าว ดังนั้น (โอ้ ญิน และมนุษย์) ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองป ิเสธ พระองค์ทรงสร้างมนุษย์จากดินแห้งคล้ายกับหม้อดินเผา และพระองค์ทรงสร้างญินจากเปลวไฟ ดังนั้น (โอ้ ญินและมนุษย์ เอย) ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ป ิเสธ พระองค์เป็นพระผู้ทรงอภิบาลของทิศตะวันออกทั้งสองและ ทิศตะวันตกทั้งสอง ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า อันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ พระองค์ทรงทำาให้สองทะเลมาบรรจบ กัน โดยระหว่างทั้งสองนั้นมีแนวขวางกั้นที่มันจะไม่ล้ำาเขตกัน ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ จากทะเลทั้งสองนี้มีไข่มุกและหินปะการังออกมา ดังนั้น ความอัศ จรรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ และ

อัล เราะ ฺมาน

ของพระองค์คือเรือที่ถูกยกสูงขึ้นเหมือนภูเขาในทะเล ดังนั้น ความ อัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ ทั้งหมดที่อยู่บนแผ่นดินจะต้องแตกดับ จะมีก็แต่พระผู้อภิบาล ของสูเจ้าผู้ทรงอำานาจและทรงเกียรติเท่านั้นที่จะดำารงอยู่ตลอดไป ดัง นั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ป ิเสธ ผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะอ้อนวอนขอสิ่งที่ จำาเป็นต่อพระองค์ พระองค์จะทรงสำาแดงตนในสภาพใหม่ทุกวัน ดัง นั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ป ิเสธ ในไม่ช้านี้ เราจะจัดการเรื่องต่างๆของสูเจ้า สองกลุ่มใหญ่(ของญิน และมนุษย์) ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่า ที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ โอ้หมู่ญินและมนุษย์ ถ้าหากสูเจ้ามีอำานาจที่จะ หนีข้ามขอบเขตของชั้นฟ้าและแผ่นดินไปได้ก็จงข้ามไปเถิด แต่สูเจ้าไม่มี วันที่จะข้ามไปได้นอกจากด้วยอำานาจ(ของเรา) ดังนั้น ความอัศจรรย์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ เปลวไฟ และทองเหลื อ งหลอมละลายจะถู ก ส่ ง มายั ง สู เ จ้ า และสู เ จ้ า ไม่ ส ามารถ ป้องกันตัวเองได้ ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอัน ใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ เมื่อท้องฟ้าระเบิดออกและกลายเป็นสีแดงเหมือนหนังสีแดง โลกปัจจุบันเป็นสถานที่แห่งการทดสอบ ตราบใดที่ช่วงเวลาแห่ง การทดสอบยังคงดำาเนินอยู่ ทุกคนมีโอกาสที่จะโอหังอย่างไรก็ได้ตามที่ เขาต้องการ แต่ถึงแม้จะมีเสรีภาพอย่างเต็มที่แล้ว ไม่มีญินและมนุษย์คน ใดมีอำานาจที่จะไปเกินขอบเขตของจักรวาล ความจริงนี้โดยตัวเองเพียง พอแล้วที่จะพิสูจน์ว่ามนุษย์อยู่ในอำานาจของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง เมื่อช่วง เวลาแห่งการทดสอบสิ้นสุดลง พระองค์จะเริ่มจัดการมนุษย์และไม่มีใคร สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองป ิเสธ เพราะในวันนั้น มนุษย์และญินจะไม่ถูกถามถึงบาปของ เขา ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้า ทั้งสองป ิเสธ บรรดาผู้ทำาความผิดจะเป็นที่รู้ได้จากเครื่องหมาย ของพวกเขาและพวกเขาจะถูกคว้าตรงหน้าผากและตรงเท้าของพวกเขา ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองป ิเสธ นี่คือนรกที่บรรดาผู้ทำาผิดเรียกว่าการโกหก 44 พวกเขา จะเดินไปมาระหว่างนรกและน้ำาที่กำาลังเดือด 45 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ มีสวนสองแห่งสำาหรับคนที่เกรงกลัวการยืนต่อหน้าพระผู้อภิบาล ของเขา 47 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่า ที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ (จะมีสวนสองแห่ง)ที่ต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขา ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองป ิเสธ ในทั้งสองแห่งนั้นมีตาน้ำาสองแห่งไหลพุ่งออกมาเป็น สายน้ำา ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่ สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ ในสวนสวรรค์ทั้งสองจะมีผลไม้ทุกอย่างสองชนิด ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองป ิเสธ 54 ชาวสวรรค์จะเอนกายนอนบนพรมที่บุด้วยผ้าไหมหนา และกิ่งผลไม้ของสวนทั้งสองนั้นจะอยู่แค่เอื้อม 55 ดังนั้น ความอัศจรรย์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ ในนั้นจะมี หญิงสาวที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว ซึ่งไม่เคยมีมนุษย์และญินแตะต้องมาก่อน เลย 57 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้า ทั้งสองป ิเสธ (จะมี)สาวสวยงามดุจดังทับทิมและปะการัง ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ การตอบแทนความดีจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากความดีใช่ไหม

อัล เราะ ฺมาน

ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้ง สองป ิเสธ นอกจากสวนสวรรค์สองแห่งนั้นแล้ว ยังมีสวนสวรรค์อื่นอีกสอง แห่ง ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้า ทั้งสองป ิเสธ (สวน)ทั้งสองเขียวชอุ่ม ดังนั้น ความอัศจรรย์ของ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ ในสวนทั้งสอง นั้นมีตาน้ำาไหลพุ่งออกมาอยู่ไม่ขาด ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้ อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ ในสวนทั้งสองนั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้และอินทผลัมและผลทับทิม ดังนั้น ความ อัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ ใน นั้นยังมีคู่ครองที่บริสุทธิ์และสวยงามรวมอยู่ด้วย ดังนั้น ความอัศจรรย์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ (ที่นั่น ผู้ ได้รับความจำาเริญจะอยู่กับ) ผู้ติดตามที่ถูกเก็บตัวไว้ในกระโจม ดัง นั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสอง ป ิเสธ 74 ไม่มีมนุษย์หรือญินเคยแตะต้องพวกนางมาก่อนเลย 75 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ (พวกเขาจะอยู่ในสวรรค์เช่นนั้น)โดยนอนเอกเขนกบนหมอนสีเขียว และพรมที่หนานุ่มสวยงาม 77 ดังนั้น ความอัศจรรย์ของพระผู้อภิบาล ของสูเจ้าอันใดเล่าที่สูเจ้าทั้งสองป ิเสธ ความจำาเริญจงมีแด่พระนาม ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งความรุ่งโรจน์และความทรง เกียรติ

เหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

56. เหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

อัล-วากิอ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อเหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้น และจะไม่มีใครป ิเสธ การเกิดขึ้นของมัน มันจะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความอัปยศให้คนกลุ่ม หนึ่งและยกย่องคนอีกกลุ่มหนึ่ง 4 โลกจะเกิดความสั่นสะเทือนอย่าง รุนแรง ับพลัน 5 และภูเขาทั้งหลายจะพังทลาย และแตกสลายกลาย เป็น ุ่น 7 (ในวันนั้น)สูเจ้าทั้งหลายจะถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มคนที่อยู่ทางขวา กลุ่มคนที่อยู่ทางขวาช่างดีเสียนี่กระไร ส่วน กลุ่มคนที่อยู่ทางซ้าย กลุ่มคนทางซ้ายนี่ช่างเคราะห์ร้ายเสียนี่กระไร ส่วนกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าจะอยู่ข้างหน้า พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ใกล้ชิด พระเจ้า พวกเขาจะได้อยู่ในสวรรค์อันบรมสุข พวกเขาส่วนใหญ่ เป็นผู้ศรัทธาในรุ่นก่อนๆ และเป็นคนจำานวนน้อยจากในหมู่คนรุ่นหลัง นั่งอยู่บนเบาะที่ประดับด้วยทองคำาและอัญมณี พวกเขาจะนอน เอกเขนกหันหน้าเข้าหากัน โดยมีเด็กๆอายุเท่าเดิมวนเวียนรับใช้พวก เขาตลอดไป โดยถือถ้วยจอกและถ้วยสุราอันบริสุทธิ์ ซึ่งจะไม่ทำาให้ ในโลกปัจจุบัน มนุษย์สังเกตเห็นว่าเขาเป็นอิสระที่จะทำาอะไรก็ได้ ตามที่เขาต้องการ ดังนั้น คำาถามเรื่องการตอบแทนในโลกหน้าจึงไม่มี ผลต่อความคิดของมนุษย์ แต่การเกิดขึ้นของ อีกโลกหนึ่ง เป็นสิ่งที่ สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกับการเกิดขึ้นของโลกนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ระบบทั้งหมดจะย้อนหลังกลับ คนที่อยู่ตำาแหน่งสูงจะต่ำาลงและคนที่อยู่ ในตำาแหน่งที่ต่ำากว่าจะถูกเห็นว่าอยู่สูง ในตอนนั้น มนุษย์จะถูกแบ่งออก เป็นสามกลุ่ม นั่นคือ กลุ่มที่อยู่ข้างหน้า(อัซซาบิกูน) คนที่อยู่ข้างขวา(อัศ าบุลยะมีน)และคนที่อยู่ข้างซ้าย(อัศ าบุลชิมาล)

อัล วากิอะ ฺ

พวกเขามึนศีรษะและขาดสติสัมปชัญญะ พร้อมกับผลไม้รสอร่อยทุก ชนิดมาให้พวกเขาเลือกกิน และเนื้อนกที่พวกเขาอยากกิน และ สำาหรับพวกเขาจะมีหญิงสาวสวยนัยน์ตาคมน่ารัก ดังไข่มุกที่ถูกเก็บ รักษาไว้ในเปลือกหอย ทั้งหมดนี้พวกเขาจะได้รับเป็นการตอบแทน สำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ ที่นั่น พวกเขาจะไม่ได้ยินคำาพูดที่ไร้สาระ และเป็นบาป นอกจากคำาพูดแห่งความสันติและสงบปลอดภัย ส่วนกลุ่มคนที่อยู่ทางขวา ช่างโชคดีเสียนี่กระไรกลุ่มที่อยู่ทางขวา พวกเขาจะเอนกายอยู่ท่ามกลางต้นพุทราที่ไม่มีหนาม และต้นกล้วย ที่ออกผลซ้อนกันแน่นในเครือ และร่มเงาที่แผ่กระจาย และน้ำาที่ไหล รินอยู่ตลอดเวลา และผลไม้อันอุดมสมบูรณ์ โดยไม่หมดสิ้นและไม่ เป็นที่ต้องห้าม และในเบาะที่ถูกยกสูงขึ้น เราจะสร้างคู่ครองของ พวกเขาขึ้นมาใหม่ และทำาให้นางเหล่านั้นเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ เป็น คนรักของสามีพวกนางและมีอายุอยู่ในคราวเดียวกัน ทั้งหมดนี้สำาหรับ คนที่อยู่ทางขวา ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งจากคนรุ่นก่อน และกลุ่มหนึ่งจาก คนรุ่นหลังๆ ส่วนกลุ่มคนที่อยู่ข้างซ้าย ช่างเคราะห์ร้ายเสียนี่กระไรกลุ่มที่อยู่ข้าง ซ้าย พวกเขาจะอยู่ในลมร้อนและน้ำาที่กำาลังเดือด และร่มเงาของ ควันดำา 44 ซึ่งไม่ร่มเย็นและไม่เป็นที่สดชื่น 45 พวกเขาคือผู้ที่ใช้ชีวิตอย่าง สุขสำาราญมาก่อน พวกเขาดึงดันทำาบาปใหญ่มาโดยตลอด 47 และพวก เขาเคยกล่าวว่า อะไรนะ เมื่อเราตายกลายเป็นดินและกระดูกแล้ว เราจะ ถูกทำาให้ฟื้นชีพอีกกระนั้นหรือ รวมทั้งบรรพบุรุษของเราที่ล่วงลับไป ก่อนหน้านี้ด้วยหรือ จงบอกพวกเขาเถิดว่า แน่นอน ทั้งรุ่นก่อนและ รุ่นหลัง ทั้งหมดจะถูกรวมเข้าด้วยกันวันหนึ่งในเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้ แล้ว หลังจากนั้น สูเจ้าผู้หลงผิดและผู้ป ิเสธสัจธรรมทั้งหลาย สูเจ้า จะได้กินผลของต้นซักกูม จนเต็มท้องของสูเจ้า 54 และดื่มน้ำาที่กำาลัง

เดือดตามลงไป 55 พวกเขาจะดื่มมันเหมือนกับอู ที่กำาลังกระหายน้ำา นี่ เป็นสิ่งที่พวกเขาจะได้รับในวันแห่งการพิพากษา 57 เราได้สร้างสูเจ้าขึ้นมา แล้วทำาไมสูเจ้าไม่ยอมรับสัจธรรม สูเจ้า ไม่พิจารณา(อสุจิ)ที่สูเจ้าหลั่งออกมากระนั้นหรือ สูเจ้าสร้างมันหรือ เราที่เป็นผู้สร้าง เราได้เป็นผู้กำาหนดความตายในหมู่สูเจ้า และไม่มี ใครมาขัดขวางเรา ในการที่เราจะเปลี่ยนรูปแบบของสูเจ้าและสร้าง สูเจ้าขึ้นมาในอีกรูปแบบหนึ่งที่สูเจ้าไม่รู้ สูเจ้ารู้ดีอยู่แล้วถึงการสร้าง สูเจ้าในครั้งแรก แล้วทำาไมสูเจ้าจึงไม่ใส่ใจ สูเจ้าเคยพิจารณาถึงเมล็ด พืชที่สูเจ้าหว่านลงไปบ้างหรือเปล่า สูเจ้ากระนั้นหรือที่ทำาให้มันงอก ออกมาเป็นต้นหรือว่าเราเป็นผู้ทำาให้มันงอกเงยออกมา ถ้าหากเรา ประสงค์ เราก็สามารถทำาให้มันกลายเป็นเศษแห้งได้ แล้วเมื่อนั้นสูเจ้าก็ จะเสียใจ (และร้องว่า) โอย เราได้รับการลงโทษแล้ว เราไม่เหลือ อะไรแล้ว สูเจ้าเคยเห็นน้ำาที่สูเจ้าดื่มหรือไม่ สูเจ้ากระนั้นหรือ ที่ทำาให้มันหลั่งลงมาจากก้อนเม หรือเราที่เป็นผู้ทำาให้มันหลั่งลงมา ถ้าหากเราประสงค์ เราสามารถทำาให้มันเค็มได้ ดังนั้นแล้ว ไ นเล่า สูเจ้าจึงไม่กตัญญู สูเจ้าเคยพิจารณาถึงไฟที่สูเจ้าจุดขึ้นมาบ้างไหม สูเจ้ากระนั้นหรือที่สร้างต้นไม้ที่เป็นเชื้อเพลิงขึ้นมา หรือเราที่สร้าง มัน เราได้สร้างมันขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ และเป็นปัจจัยแห่ง ชีวิตสำาหรับผู้มีความจำาเป็น 74 ดังนั้น จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาล ของเจ้าผู้ทรงอำานาจสูงสุด 75 แต่ไม่ ันขอสาบานด้วยการลับขอบฟ้าไปของดวงดาวทั้งหลาย และมันเป็นคำาสาบานอันยิ่งใหญ่ ถ้าหากสูเจ้ารู้ 77 ว่าแท้จริงนี่คือกุรอา นอันทรงเกียรติ ซึ่งถูกจารึกไว้ในคัมภีร์ที่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี ที่ ไม่มีใครสามารถแตะต้องมันได้นอกจากผู้สะอาด เป็นสิ่งที่ถูกประทาน ลงมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ดังนั้นแล้ว สูเจ้ายังถือว่าคำาพูด

อัล ะดีด

นี้เป็นสิ่งไม่ควรค่าแก่การสนใจได้อย่างไร สูเจ้าอาศัยมันเป็นปัจจัยใน การยังชีพ แล้วสูเจ้าป ิเสธมันกระนั้นหรือ ทำาไมซิ เมื่อวิญญาณของคนที่กำาลังตายมาถึงคอหอย และ(ใน ตอนนั้น)สูเจ้าได้แต่เ ้าดูเขาตาย(โดยช่วยเหลืออะไรไม่ได้) และเรา อยู่ใกล้ชิดกับเขายิ่งกว่าสูเจ้าเสียอีก แต่สูเจ้ามองไม่เห็นเรา ดังนั้นแล้ว ถ้าหากสูเจ้าคิดว่าสูเจ้ามิได้อยู่ภายใต้อำานาจของเรา ทำาไมสูเจ้าไม่นำา วิญญาณนั้นกลับมายังผู้ตายอีก ถ้าหากสูเจ้าแน่จริง แต่ถ้าหากผู้ตาย เป็นผู้ใกล้ชิดกับเรา สำาหรับเขาก็มีความสะดวกสบายและสวรรค์อัน บรมสุข และถ้าหากเขาเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มทางด้านขวา เขาจะได้รับ การทักทายด้วยคำาว่า ศานติจงมีแด่ท่าน พวกท่านเป็นผู้ที่อยู่ทางด้าน ขวา แต่ถ้าหากเขาเป็นผู้ป ิเสธสัจธรรม ผู้หลงผิด ดังนั้น สิ่งที่เขา จะได้รับก็คือน้ำาเดือด และเปลวไฟที่กำาลังลุกไหม้ในนรก ทั้งหมดนี้ คือสัจธรรมที่ชัดแจ้ง ดังนั้น (โอ้ นบี) จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาล ของเจ้าผู้ทรงมีอำานาจสูงสุด 57. เหล็ก

อัล-ฮะดีด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ สรรพสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดีพระเจ้า และ พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาสามารถ อำานาจแห่งชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ ผู้ทรงให้ชีวิตและทรงให้ตาย และทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง พระองค์ทรงเป็นที่แรกและเป็นที่สุดท้าย ทรงเปิดเผยให้เห็นและทรงเร้นลับ และพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสรรพสิ่ง 4 พระองค์ต่างหากที่เป็นผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในหกวัน

เหล็ก

(ช่วงเวลา)และหลังจากนั้นได้ทรงขึ้นไปบนบัลลังก์ พระองค์ทรงรอบรู้ ถึงสิ่งที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งที่ออกมาจากมัน และสิ่งที่ลงมาจากฟาก ฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่มัน พระองค์ทรงอยู่กับสูเจ้าไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าทรงเ ้ามองสิ่งที่สูเจ้ากระทำาอยู่ 5 พระองค์ทรงมีอำานาจเหนือชั้น ฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และกิจการทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ของพระองค์ พระองค์คือผู้ทรงทำาให้กลางคืนผ่านเข้าไปในกลางวันและ กลางวันผ่านเข้าไปในกลางคืน และพระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับที่สุด ของหัวใจ 7 จงศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และจงใช้จ่ายจากสิ่ง ที่พระองค์ได้ทรงทำาให้สูเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบดูแล สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา และใช้จ่ายจากทรัพย์สินของพวกเขานั้นจะมีรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่ แล้วมีเหตุผลอะไรเล่าที่สูเจ้าจะไม่ศรัทธาในพระเจ้าในขณะที่ศาสนทูต ได้เชิญชวนสูเจ้าให้ศรัทธาในพระผู้อภิบาลของสูเจ้า และได้ให้สูเจ้าทำา สัญญา ถ้าหากสูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง พระองค์คือผู้ทรงประทาน สาสน์ที่ชัดเจนลงมาแก่บ่าวของพระองค์เพื่อที่เขาจะได้นำาสูเจ้าออกมา จากความมืดสู่แสงสว่าง และความจริงแล้ว พระเจ้านั้นเป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรงเมตตาสูเจ้า แล้วทำาไมสูเจ้าจะไม่ใช้จ่ายในหนทางของพระเจ้า ในขณะที่มรดกแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ บรรดา ผู้ใช้จ่ายและต่อสู้ก่อนจะได้รับชัยชนะย่อมมีตำาแหน่งเหนือกว่าบรรดาผู้ที่ จะใช้จ่ายหลังจากได้ชัยชนะอย่างแน่นอน พระเจ้าได้ทรงสัญญาสูเจ้าไว้ แล้วถึงรางวัลตอบแทนอันดีงาม พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้าทำา ใครจะให้การยืมที่ดีแก่พระเจ้า พระองค์จะทรงใช้คืนมากกว่านั้น และให้รางวัลตอบแทนแก่เขาอย่างมากมาย ในวันนั้น เจ้า(นบี)จะ เห็นชายและหญิงผู้ศรัทธาพร้อมกับรัศมีส่องสว่างอยู่เหนือพวกเขาและ ทางด้านขวาของพวกเขา (เจ้าจะได้ยินเสียงกล่าวแก่พวกเขาว่า) วันนี้ ดูหน้า ของบทนำา

อัล ะดีด

มีข่าวดีสำาหรับสูเจ้า สูเจ้าจะได้เข้าสวนสวรรค์ที่ใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสาย ไหลผ่านและสูเจ้าจะได้พำานักอยู่ในนั้นตลอดไป นี่คือความสำาเร็จอันสู สุด ในวันนั้น พวกตลบตะแลงทั้งชายและหญิงจะกล่าวแก่บรรดาผู้ ศรัทธาว่า หันมามองเราบ้างสิ เพื่อที่เราจะได้ประโยชน์จากแสงสว่าง ของพวกท่านบ้าง แต่พวกเขาจะถูกบอกว่า ไปให้พ้น ไปหาแสงสว่าง ของพวกเจ้าในที่อื่น หลังจากนั้นจะมีกำาแพงถูกยกขึ้นมากั้นระหว่างพวก เขา มันจะมีประตูบานหนึ่งที่ด้านในของมันจะเป็นความกรุณาและความ เมตตา และด้านนอกของมันจะเป็นการลงโทษ บรรดาผู้ตลบตะแลงจะ ร้องเรียกบรรดาผู้ศรัทธาและกล่าวว่า เราจะไม่ได้อยู่กับพวกท่านกระนั้น หรือ บรรดาผู้ศรัทธาจะตอบว่า ใช่แล้ว แต่พวกเจ้าต่างหากที่ปล่อยตัว เองให้การเย้ายวน ความสงสัยและความหวังลมๆแล้งๆล่อลวงพวกเจ้า จนกระทั่งการตัดสินของพระเจ้าได้มาถึง ดังนั้น ผู้หลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น วันนี้ การ (ซาตาน)จึงได้หลอกลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับพระเจ้า ไถ่โทษจะไม่เป็นที่ยอมรับจากสูเจ้าและจากบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ที่ พำานักของสูเจ้าคือนรก มันจะเป็นผู้อยู่กับสูเจ้า และนี่คือปลายทางอันชั่ว ร้าย ยังไม่ถึงเวลาอีกหรือสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาที่หัวใจของพวกเขาจะ หวั่นกลัวด้วยการระลึกถึงพระเจ้าและการประทานสัจธรรม เพื่อที่พวก เขาจะได้ไม่เป็นเหมือนบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ก่อนหน้าพวกเขาซึ่ง หลัง จากเวลาได้ผ่านเลยพวกเขาไปเนิ่นนานแล้ว หัวใจของพวกเขายังแข็ง กระด้างและตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่ได้เป็นผู้ ่า ืน จงรู้ไว้เถิดว่า พระเจ้าทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินหลังจากที่มันตายไป เราได้แสดงสัญญาณ ต่างๆแก่สูเจ้าอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้เข้าใจ แน่นอน ในบรรดาชายและหญิงผู้จ่ายทาน และผู้ให้การยืมที่ดีแก่ พระเจ้าจะได้รับการใช้คืนหลายเท่า และสำาหรับพวกเขาคือรางวัลอันมี เกียรติ สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้าและในบรรดาศาสนทูตของ

เหล็ก

พระองค์นั้น พวกเขาเป็นผู้เชื่อถือได้มากที่สุด และเป็นพยานที่แท้จริงใน สายตาของพระผู้อภิบาลของพวกเขา สำาหรับพวกเขาคือรางวัลตอบแทน และรัศมีของพวกเขา ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสัญญาณต่างๆของเรานั้น พวก เขาคือชาวนรก จงอย่าลืมว่าชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากการละเล่นและการ สนุกสนาน การอวดเครื่องประดับและการโอ้อวดกันในหมู่สูเจ้าและการ แข่งขันกันในความมั่งคั่งและลูกหลาน อุปมาของมันเหมือนกับพืชพันธุ์ ที่งอกเงยขึ้นมาหลังจากได้รับน้ำา นสร้างความดีใจให้แก่ชาวนาชาวไร่ หลังจากนั้น มันก็จะเหี่ยวเ า แล้วสูเจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลือง หลัง จากนั้น มันจะกลายเป็นซากแห้งที่ไร้ค่า แต่ในปรโลกนั้นมีการลงโทษ อันแสนสาหัสและมีการอภัยโทษจากพระเจ้าและความโปรดปรานของ พระองค์ชีวิตแห่งโลกนี้มิใช่อะไรนอกไปจากการหลอกลวง จงแข่งขัน กันไปสู่การอภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและสวนสวรรค์ที่ความ กว้างใหญ่ไพศาลของมันเหมือนกับความกว้างใหญ่ไพศาลของชั้นฟ้า ทั้งหลายและแผ่นดินซึ่งถูกเตรียมไว้สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาในพระเจ้า และในบรรดาศาสนทูตของพระองค์ นี่คือความโปรดปรานของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และความโปรดปราน ของพระองค์ไม่มีขอบเขต ไม่มีเคราะห์กรรมอันใดที่เกิดขึ้นในโลกนี้หรือในตัวสูเจ้าเองโดยที่ เราไม่ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ง่ายสำาหรับ พระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่สูเจ้าจะได้ไม่ท้อแท้ใจในสิ่งที่สูเจ้าสูญเสียไปและ ไม่รู้สึกยินดีในสิ่งที่พระเจ้าประทานแก่สูเจ้า พระเจ้าไม่ทรงรักบรรดาผู้ โอหังและผู้คุยโตโอ้อวด และผู้ที่ขี้เหนียวแล้วยังชักชวนให้คนอื่นขี้ เหนียวด้วย ตอนนี้ ใครก็ตามที่หันหลังให้ (จงรู้ไว้เถิดว่า) พระเจ้านั้นทรง พอเพียงและทรงควรค่าแก่การได้รับการสรรเสริญ เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเรามาพร้อมกับหลัก านและคัมภีร์

อัล ะดีด

และตาชั่ ง แห่ ง ความเที่ ย งธรรมเพื่ อ ที่ ม นุ ษ ย์ จ ะได้ ป ิ บั ติ ใ นสิ่ ง ที่ เ ป็ น ความยุติธรรม เราได้ส่งเหล็กซึ่งมีความแข็งแกร่งและคุณประโยชน์ อื่นๆมากมายลงมาเพื่อมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่พระเจ้าจะได้รู้ว่าใครช่วยเหลือ พระองค์แม้จะมองไม่เห็นและบรรดาศาสนทูตของพระองค์ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำานาจ เราได้ส่งนู ฺและอิบรอ ีมมาและเราได้ให้มีนบีและคัมภีร์แก่บรรดา ลูกหลานของทั้งสอง ดังนั้น ลูกหลานของพวกเขาจึงมีผู้ป ิบัติตาม แนวทางที่ถูกต้อง แต่ส่วนมากของพวกเขาได้กลายเป็นผู้ ่า ืน หลัง จากพวกเขา เราได้ส่งบรรดาศาสนทูตของเราคนแล้วคนเล่าและตามมา ด้วยอีซาบุตรของมัรฺยัม เราได้ประทานคัมภีร์อินญีลแก่เขาและเราได้ ทำาให้ความสงสารและความเมตตาเกิดขึ้นในหัวใจของบรรดาผู้ป ิบัติ ตามเขา แต่เรามิได้กำาหนดเรื่องการเป็นนักบวชถือสันโดษแก่พวก เขา พวกเขาอุตริคิดกันขึ้นมาเองเพื่อที่จะแสวงหาความโปรดปรานของ พระเจ้า แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ป ิบัติตามมันอย่างที่มันควร จะต้องได้รับการป ิบัติตาม ดังนั้น เราจึงได้ประทานรางวัลแก่บรรดาผู้ ศรัทธาในหมู่พวกเขา แต่ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ ่า ืน โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเกรงกลัวพระเจ้าและจงศรัทธาในศาสนทูต ของพระองค์ พระเจ้าจะทรงประทานความเมตตาเป็นสองเท่าแก่สูเจ้า และจะประทานแสงสว่างแก่สูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะได้เดินไปในแสงสว่างนั้น และจะทรงอภัยโทษความผิดให้แก่สูเจ้า พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ ชาวคัมภีร์ต้องรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีอำานาจเหนือความ โปรดปรานของพระเจ้า ความโปรดปรานของพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ ของพระองค์ซึ่งพระองค์จะทรงประทานแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และ พระเจ้าทรงเป็นเจ้าแห่งความโปรดปรานอันหาที่สิ้นสุดมิได้

การอุทธรณ์

58. การอุทธรณ์

อัล-มุญาดะละฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ พระเจ้าทรงได้ยินคำาพูดของผู้หญิงที่กำาลังอุทธรณ์ต่อเจ้าเกี่ยวกับเรื่อง สามีของนางและกำาลังร้องทุกข์ต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงได้ยินการสนทนา กันของสูเจ้าทั้งสอง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็นอยู่เสมอ บรรดาผู้แยกตัวเองออกจากภรรยาของตนโดยการกล่าวว่า สำาหรับ ันเล้ว เธอเหมือนกับหลังของแม่ของ ัน พวกเขาต้องรู้ว่าภรรยาของ พวกเขามิใช่แม่ของพวกเขา ไม่มีใครเป็นแม่ของพวกเขายกเว้นผู้ให้ กำาเนิดพวกเขาเท่านั้น แน่นอน พวกเขากล่าวสิ่งที่น่ารังเกียจและกล่าว คำาเท็จ พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงยกโทษให้เสมอ บรรดาผู้แยก ตัวเองออกจากภรรยาโดยการเปรียบพวกนางกับแม่ของตนเองและหลัง จากนั้นต้องการที่จะกลับมายังสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวไป จะต้องปล่อย ทาสคนหนึ่งให้เป็นอิสระก่อนที่ทั้งสองจะแตะต้องซึ่งกันและกัน นี่เป็นสิ่ง ที่สูเจ้าได้ถูกสั่งให้ทำา พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา 4 และ คนที่ไม่สามารถหาทาสได้จะต้องถือศีลอดต่อเนื่องกันเป็นเวลาสองเดือน ก่อนที่ทั้งสองจะแตะต้องกัน และคนที่ไม่สามารถทำาได้ก็ต้องให้อาหาร คนยากจนหกสิบคน ที่สั่งเช่นนั้นก็เพื่อที่สูเจ้าจะได้ศรัทธาในพระเจ้า และศาสนทูตของพระองค์ นี่คือขอบเขตที่พระเจ้าได้ทรงกำาหนดไว้ และ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้นคือการลงโทษอันเจ็บปวด 5 บรรดาผู้ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์จะได้รับความ อัปยศเช่นเดียวกับบรรดาคนก่อนหน้าพวกเขา เราได้ประทานวจนะที่ ชัดแจ้งลงมาแล้ว และสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะได้รับการลงโทษ อย่างน่าอัปยศ ในวันที่พระเจ้าจะทรงให้พวกเขาทั้งหมดฟื้นขึ้นอีกครั้ง

อัล มุญาดะละ ฺ

หนึ่ง พระองค์จะบอกพวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ แม้พวกเขาได้ลืม มันไปแล้ว แต่พระเจ้าได้ทรงบันทึกการกระทำาทั้งหมดของพวกเขาไว้ ครบถ้วนแล้ว เพราะพระเจ้าทรงรู้เห็นทุกสิ่ง 7 เจ้าไม่รู้หรือว่าพระเจ้าทรงรู้ถึงทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ไม่มีการปรึกษากันอย่างลับๆระหว่างสามคนนอกจากพระองค์จะทรง เป็นที่สี่ในหมู่พวกเขา และไม่มีการปรึกษากันอย่างลับๆระหว่างห้า คนนอกจากพระองค์จะทรงเป็นเป็นที่หกในหมู่พวกเขา ไม่ว่าจะน้อย กว่านั้นหรือมากกว่านั้น พระเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะ อยู่ที่ไหน ในที่สุดแล้ว ในวันแห่งการพิพากษา พระองค์จะทรงบอกพวก เขาให้รู้ถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำาไป แท้จริง พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง เจ้า ไม่เห็นหรือว่าบรรดาผู้ถูกห้ามปรึกษากันอย่างลับๆยังทำาในสิ่งที่พวกเขา ถูกห้ามไว้อีก พวกเขาแอบคุยกันในเรื่องบาปและการ ่า ืนและการ ไม่เชื่อฟังศาสนทูต และเมื่อพวกเขามาหาเจ้า พวกเขากล่าวทักทายเจ้า แต่ไม่ใช่ด้วยถ้อยคำาที่พระเจ้าใช้ และในใจนั้น พวกเขาประหลาดใจว่า ทำาไมพระเจ้าถึงไม่ลงโทษเราในสิ่งที่เรากล่าวไป นรกเป็นสิ่งที่เหมาะ สมสำาหรับพวกเขา พวกเขาจะเป็นเชื้อเพลิงของมัน ช่างเป็นบั้นปลายที่ เลวร้ายจริงๆ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าคุยกันเป็นการส่วนตัว จงอย่าแอบคุย กันในเรื่องของบาปและการ ่า ืนและการไม่เชื่อฟังศาสนทูต แต่จงพูด คุยกันในเรื่องการส่งเสริมคุณธรรมและความยำาเกรงพระเจ้า และจงเกรง กลัวพระเจ้าซึ่งต่อหน้าพระองค์สูเจ้าทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน แท้จริง การซ่องสุมกันวางแผนลับๆเป็นงานของซาตานเพื่อที่จะสร้าง ความทุกข์ใจให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา แต่มันไม่สามารถที่จะทำาร้ายพวก เขาได้เว้นเสียแต่พระเจ้าจะทรงอนุมัติ ขอให้บรรดาผู้ศรัทธาไว้วางใจใน พระเจ้าเท่านั้น โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อมีการขอให้สูเจ้าเปิดช่องว่างให้อีกคนหนึ่ง

544

การอุทธรณ์

ในที่ชุมนุม สูเจ้าจงเปิดที่ให้ และพระเจ้าจะทรงจัดหาที่ให้แก่สูเจ้า และ เมื่อมีการขอให้สูเจ้าลุกขึ้น สูเจ้าจงลุกขึ้น จงทำาตามนั้น พระเจ้าจะทรง ยกตำาแหน่งบรรดาผู้ศรัทธาและได้รับความรู้ในหมู่สูเจ้า พระองค์ทรงรู้ดี ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำาไป โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าปรึกษากับศาสนทูตเป็นการส่วน ตัว สูเจ้าจงให้อะไรบางสิ่งเป็นทานก่อนที่สูเจ้าจะปรึกษา นี่เป็นการดี กว่าสำาหรับสูเจ้าและเป็นการบริสุทธิ์กว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสูเจ้าไม่ สามารถหาสิ่งใดมาให้เป็นทานได้ จงรู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรง เมตตาเสมอ สูเจ้ากลัวว่าก่อนที่สูเจ้าจะปรึกษาเป็นการส่วนตัว สูเจ้า จะ(ไม่สามารถ)จ่ายทานกระนั้นหรือ หากสูเจ้าไม่สามารถทำาเช่นนั้น ได้ พระองค์ได้ทรงอภัยให้สูเจ้าในเรื่องนี้แล้ว ดังนั้น สูเจ้าจงดำารงนมาซ และจ่ายซะกาตเป็นประจำาและเชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำา เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้นำาเอาหมู่คนที่พระเจ้าทรงกริ้วมาเป็นมิตร กระนั้นหรือ พวกเขาไม่ได้เป็นพวกสูเจ้าและมิได้เป็นพวกของพวกเขา ด้วย และพวกเขาสาบานต่อความเท็จโดยที่พวกเขารู้ พระเจ้าทรง เตรียมการลงโทษอันแสนสาหัสไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว ความชั่วทั้งนั้น ที่พวกเขาได้ทำาไป พวกเขาได้ใช้คำาสาบานของพวกเขาเป็นสิ่งปิดบัง การทำาผิดของพวกเขาและพวกเขาขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้า ดังนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ ความมั่งคั่งร่ำารวยของพวกเขาและลูกหลานของพวกเขาไม่อาจ ช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นไปจากพระเจ้าได้ พวกเขาเหล่านั้นเป็นชาว นรก พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดไป วันที่พระเจ้าทรงให้พวกเขาฟื้น ขึ้นมาทั้งหมดอีกครั้งหนึ่งนั้น พวกเขาจะสาบานต่อพระองค์ดังที่พวก เขาสาบานต่อสูเจ้า โดยพวกเขาคิดว่าคำาสาบานของพวกเขาจะช่วย อะไรพวกเขาได้บ้าง แต่พวกเขาเป็นผู้โกหกทั้งสิ้น ซาตานได้เข้าไปมี

อัล ัชร์

545

อำานาจเหนือพวกเขาและได้ทำาให้พวกเขาลืมการรำาลึกถึงพระเจ้า พวก เขาได้เข้าไปเป็นพลพรรคของซาตาน จงรู้ไว้เถิดว่าพรรคของซาตานนั้น เป็นพวกที่ขาดทุนอย่างแท้จริง แน่นอน บรรดาผู้ ่า ืนพระเจ้าและ ศาสนทูตของพระองค์นั้น(ในวันแห่งการพิพากษา)คือผู้ที่อยู่ในความ ต่ำาช้าน่าสงสารที่สุด พระเจ้าได้ทรงลิขิตไว้แล้วว่า ันและบรรดา ศาสนทูตของ ันจะชนะอย่างแน่นอนที่สุด แท้จริง พระเจ้าทรงเป็นผู้ทรง พลัง ทรงมีอำานาจสูงส่ง เจ้าจะไม่พบหมู่ชนใดที่ศรัทธาในพระเจ้าและในวันสุดท้ายรักคนที่ ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ถึงแม้คนเหล่านั้นจะเป็นบิดา ของพวกเขาหรือลูกๆของพวกเขาหรือพี่น้องของพวกเขาหรือเครือญาติ ของพวกเขาก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ที่พระองค์ได้ทรงจารึกความ ศรัทธาไว้ในหัวใจของพวกเขาแล้วและได้ทำาให้พวกเขามีความเข้มแข็ง ด้วยวิญญาณจากพระองค์ พระองค์จะทรงรับพวกเขาเข้าสู่สวนสวรรค์ที่ ภายใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านเพื่อให้พวกเขาพักอยู่ในนั้นตลอด ไป พระเจ้าทรงพึงพอพระทัยพวกเขาและพวกเขาก็ยินดีกับพระองค์ พวกเขาเป็นพรรคของพระเจ้า พึงรู้ไว้เถิดว่าพรรคของพระเจ้าเท่านั้นคือ ผู้ประสบความสำาเร็จอย่างแท้จริง 59. การขับไล่

อัล-ฮัชร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินสดุดีพระเจ้า เพราะพระองค์ เท่านั้นคือผู้ทรงอำานาจและผู้ทรงปรีชาญาณ พระองค์คือผู้ทรงขับไล่ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมในหมู่ชาวคัมภีร์ออกจากบ้านเรือนของพวกเขา

การขับไล่

ในการบุกครั้งแรก สูเจ้าไม่คิดว่าพวกเขาจะออกไปและพวกเขาเองก็คิด ว่าป้อมปราการของพวกเขาจะคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากพระเจ้าได้ แต่ พระเจ้าได้มายังพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน และพระองค์ได้ ทรงสร้างความหวาดกลัวขึ้นในหัวใจของพวกเขาจนบ้านเรือนของพวก เขาพังทลายลงโดยมือของพวกเขาเองและมือของบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้น สูเจ้าจงจำาใส่ใจไว้ โอ้ผู้มีตาที่จะดู ถ้าพระเจ้าไม่ได้ทรงกำาหนดการเนรเทศไว้สำาหรับพวกเขาไว้ พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาในโลกนี้แล้ว แต่ในโลกหน้านั้นมีการ 4 ลงโทษในนรกสำาหรับพวกเขาอยู่อย่างแน่นอน ทั้งหมดนี้เพราะพวกเขา ต่อต้านพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พระเจ้าทรงเ ียบขาดในการ ลงโทษใครก็ตามที่ต่อต้านพระองค์ 5 ต้นอินทผลัมอะไรก็ตามที่สูเจ้าโค่น มันลงมาหรือที่สูเจ้าปล่อยให้มันยืนต้นอยู่บนรากของมันล้วนเป็นไปโดย อนุมัติของพระเจ้าเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อที่จะทำาให้บรรดาผู้ ่า ืนได้รับความ อัปยศ อะไรก็ตามที่พระเจ้าได้ทรงเอาจากพวกเขามาให้ศาสนทูตของ พระองค์ใน านะเป็นทรัพย์เชลยนั้นมาจากความโปรดปรานของพระองค์ มิใช่สิ่งที่สูเจ้าควบม้าและอู ออกไปเอามันมา แต่พระเจ้าได้ทรงทำาให้ บรรดาศาสนทู ต ของพระองค์ มี อำ า นาจเหนื อ ผู้ ใ ดก็ ต ามที่ พ ระองค์ ท รง ประสงค์ และพระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง 7 ทรัพย์สินอะไรก็ตามของ พวกชาวเมืองที่พระเจ้ามอบให้ศาสนทูตของพระองค์นั้นเป็นของพระเจ้า และศาสนทูตและญาติสนิทและเด็กกำาพร้าและคนขัดสนและคนเดินทาง ทั้งนี้เพื่อที่มันจะได้ไม่เป็นทรัพย์สินของบรรดาผู้มั่งมีในหมู่สูเจ้าเท่านั้น ดังนั้น อะไรก็ตามที่ศาสนทูตให้สูเจ้า จงรับไว้ และอะไรก็ตามที่เขาห้าม สูเจ้าก็จงละเว้นเสีย จงเกรงกลัวพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเ ียบขาดใน การลงโทษ มันเป็นของบรรดาผู้อพยพที่ยากจนซึ่งถูกขับไล่ออกมาจาก บ้านของพวกเขาและทรัพย์สินของพวกเขา เพราะพวกเขาแสวงหาความ

อัล ัชร์

547

โปรดปรานจากพระเจ้าและความพอพระทัยจากพระองค์และพร้อมที่จะ ช่วยเหลือพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ พวกเขาเหล่านั้นคือผู้มีสัจจะ วาจา บรรดาผู้ตั้งถิ่น านในเมือง(มะดีนะ ฺ)และมีความศรัทธามั่นอยู่ก่อน แล้วนั้น พวกเขารักบรรดาผู้ที่อพยพมายังพวกเขาและไม่มีความต้อง การใดๆในใจของพวกเขาสำาหรับสิ่งที่พวกเขาได้รับและพวกเขาเห็น คนอื่นสำาคัญกว่าตัวเองถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะขัดสนอยู่ก็ตาม และคน ที่ปกป้องตัวเองให้พ้นจากความโลภในตัวของเขาเองนั้น พวกเขาคือผู้ ประสบความสำาเร็จโดยแท้จริง บรรดาผู้ที่มา(เข้ารับความศรัทธา)หลัง จากพวกเขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดประทานอภัยแก่เรา และแก่พี่น้องของเราผู้เข้ารับความศรัทธาก่อนหน้าเรา และโปรดอย่าได้ ทรงให้มีความเคียดแค้นใดๆต่อบรรดาผู้ศรัทธาเกิดขึ้นในหัวใจของเรา ด้วยเถิด โอ้พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงเอ็นดู ผู้ทรง เมตตาเสมอ เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้ทำาตัวเป็นผู้ตลบตะแลงกระนั้นหรือ พวกเขา กล่าวแก่บรรดาพี่น้องผู้ป ิเสธของพวกเขาในหมู่ชาวคัมภีร์ว่า ถ้าหาก พวกท่านถูกขับไล่ออกไป เราจะออกไปกับพวกท่านด้วย และเราจะไม่ ฟังผู้ใดเกี่ยวกับพวกท่าน และถ้าหากพวกท่านถูกโจมตี เราจะช่วยเหลือ ท่าน แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานว่าพวกเขาเป็นผู้โกหก ถ้าหากพวก เขาถูกขับไล่ คนเหล่านี้จะไม่มีวันออกไปกับพวกเขา และถ้าพวกเขาถูก โจมตี คนเหล่านี้จะไม่ช่วยเหลือพวกเขา และถึงแม้พวกเขาจะช่วยคน เหล่านี้ คนเหล่านี้จะหันหลังหนี แล้วพวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากที่ไหนเลย พวกเขามีความหวาดหวั่นสูเจ้ามากกว่าพระเจ้าเสียอีก ทั้งนี้เพราะ พวกเขาเป็นผู้ไม่มีความเข้าใจ พวกเขาจะไม่ออกมาต่อสู้สูเจ้าข้างนอก ถ้าพวกเขาจะสู้ พวกเขาจะสู้ในถิ่นที่ตั้งที่ได้รับการป้องกันอย่างแข็งแรง

การขับไล่

หรือไม่ก็จากหลังกำาแพง พวกเขาเป็นศัตรูกันเองอย่างรุนแรง สูเจ้าคิด ว่าพวกเขารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในขณะที่หัวใจของพวกเขา แตกแยกกัน นั่นเป็นเพราะพวกเขาเป็นหมู่ชนที่ไม่ใช้สติปัญญา เช่นเดียวกับบรรดาผู้คนก่อนหน้านี้ พวกเขาได้ลิ้มรสผลชั่วจากสิ่ง ที่ตัวเองได้กระทำาไว้ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด พวก เขาเป็นเหมือนกับซาตานผู้บอกมนุษย์ว่า จงป ิเสธสัจธรรม แต่เมื่อ มนุษย์ป ิเสธสัจธรรมแล้ว มันก็กล่าวว่า ันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า ันกลัวพระเจ้า พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก ดังนั้น จุดสุดท้ายของ พวกเขาทั้งสองคือพวกเขาจะได้อยู่ในนรกตราบนิรันดรกาล และนั่นคือ สิ่งตอบแทนสำาหรับผู้ทำาความผิด โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงเกรงกลัวพระเจ้า และขอให้ทุกคนได้ พิจารณาถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำาไว้สำาหรับวันพรุ่งนี้ จงเกรงกลัวพระเจ้าเถิด เพราะพระเจ้านั้นทรงรู้ดีทุกอย่างถึงสิ่งที่สูเจ้าทำา จงอย่าเป็นเหมือน บรรดาผู้หลงลืมพระเจ้าและพระเจ้าทรงทำาให้พวกเขาหลงลืมตัวเอง(ผล ประโยชน์ที่แท้จริงของพวกเขาเอง) พวกเขาเหล่านั้นคือผู้ ่า ืน ชาว นรกและชาวสวรรค์นั้นไม่เหมือนกัน ชาวสวรรค์เท่านั้นที่เป็นผู้ได้รับ ความสำาเร็จที่แท้จริง ถ้าหากเราส่งกุรอานนี้ลงมาบนภูเขา เจ้าจะได้เห็นมันพังทลายและ แตกออกเป็นเสี่ยงๆเพราะความกลัวพระเจ้า และนั่นเป็นการอุปมาที่เรา ได้นำามาแสดงให้มนุษย์ได้รู้เพื่อที่พวกเขาจะได้พิจารณา พระองค์คือ พระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่เร้นลับและ สิ่งที่มองเห็น พระองค์เป็นผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตา พระองค์คือ พระเจ้า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ สูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งความปลอดภัย ผู้ทรงประทาน ความสันติ ผู้ทรงพิทักษ์ ผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงป ิบัติตามประกาศิต และ ผู้ทรงเป็นใหญ่เสมอ พระองค์ทรงบริสุทธิ์เหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีกับ

อัล มุมตะ ะนะ ฺ

พระองค์ พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงวางแผนการสร้าง ผู้ทรงทำาให้ มันเป็นไปตามนั้น ผู้ทรงทำาให้เป็นรูปร่าง ของพระองค์คือพระนามอัน ประเสริ ทั้งหลาย อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดี พระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจสูงสุดและผู้ทรงปรีชาญาณ 60. ผู้หญิงที่ถูกทดสอบ

อัล-มุมตะฮะนะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าเป็นมิตรกับศัตรูของ ันและศัตรู ของสูเจ้า สูเจ้าจะแสดงความเป็นมิตรแก่พวกเขาหรือในเมื่อพวกเขา ป ิเสธสัจธรรมที่สูเจ้าได้รับแล้ว เมื่อพวกเขาขับไล่สูเจ้าและศาสนทูต (เพียง)เพราะสูเจ้าศรัทธาในพระเจ้า พระผู้อภิบาลของสูเจ้า ถ้าหากสูเจ้า ออกมาจากบ้านของสูเจ้าเพื่อจะต่อสู้ในหนทางของ ันและเพื่อแสวงหา ความโปรดปรานของ ันแล้ว สูเจ้าจะเป็นมิตรกับพวกเขาอย่างลับๆได้ อย่างไร ันรู้ทุกอย่างที่สูเจ้าปกปิดและที่สูเจ้าทำาโดยเปิดเผย ใครก็ตาม ในหมู่สูเจ้าที่ทำาเช่นนี้ล้วนหลงผิดออกไปจากหนทางที่ถูกต้อง ถ้าหาก พวกเขาเหนือกว่าสูเจ้า พวกเขาจะเป็นศัตรูต่อสูเจ้าและจะใช้มือและลิ้น ของเขาทำาร้ายสูเจ้า พวกเขาปรารถนาที่จะให้สูเจ้าละทิ้งความศรัทธา ของสูเจ้า ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ ความสัมพันธ์ทางเครือญาติและลูก หลานของสูเจ้าจะไม่ยังประโยชน์อันใดต่อสูเจ้า ในวันนั้น พระองค์จะทรง แยกแยะระหว่างสูเจ้า และพระองค์เป็นผู้ทรงเห็นสิ่งที่สูเจ้ากระทำา 4 แท้จริง สูเจ้ามีตัวอย่างที่ดีในอิบรอ ีมและบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาเมื่อ พวกเขากล่าวแก่คนของพวกเขาว่า เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกท่าน และสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะนอกไปจากพระเจ้า เราขอป ิเสธพวก

ผู้หญิงที่ถูกทดสอบ

ท่าน และระหว่างเรากับพวกท่านได้มีความเป็นศัตรูและความเกลียดชัง เกิดขึ้นตลอดไปจนกว่าพวกท่านจะศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว (ยกเว้น) เมื่ออิบรอ ีมได้พูดกับพ่อของเขาว่า ันจะวิงวอนขออภัยโทษ(ต่อ พระเจ้า)ให้ท่านถึงแม้ ันจะไม่มีอำานาจใดๆที่จะช่วยท่านจากพระเจ้า ได้ พวกเขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์เท่านั้นที่เรามอบ หมายความไว้วางใจและยังพระองค์เท่านั้นที่เราจะหันไปและยังพระองค์ เท่านั้นที่เราจะกลับไปในที่สุด 5 โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดอย่าทรง ทำาให้เราเป็นเหยื่อของบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเลย ขอพระองค์โปรดทรง อภัยเรา โอ้พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงอำานาจและ ผู้ทรงปรีชาญาณ แน่นอน ในความประพ ติของคนเหล่านั้นมีตัวอย่าง อันดีงามสำาหรับสูเจ้าและสำาหรับทุกคนที่มีความหวังในพระเจ้าและใน วันสุดท้าย แต่ผู้ใดที่หันออกไปจากนี้ต้องรู้ว่าพระเจ้าทรงเพียงพอและ ทรงควรค่าแก่การสรรเสริญ 7 บางทีพระเจ้าอาจจะทรงทำาให้เกิดความ รักขึ้นระหว่างสูเจ้ากับบางคนในหมู่พวกเขาที่สูเจ้าถือว่าเป็นศัตรู เพราะ พระเจ้าเป็นผู้ทรงอานุภาพ และเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ พระเจ้ามิได้ทรงห้ามสูเจ้าทำาดีและป ิบัติอย่างเป็นธรรมต่อบรรดา ผู้ที่มิได้ต่อสู้สูเจ้าในเรื่องของศาสนาและมิได้ขับไล่สูเจ้าออกจากบ้าน ของสูเจ้า แท้จริง พระเจ้าทรงรักผู้มีความยุติธรรม แท้จริง พระเจ้าทรง ห้ามสูเจ้ามิให้เอาบรรดาผู้ต่อสู้สูเจ้าในเรื่องศาสนาและขับไล่สูเจ้าออก จากบ้านของสูเจ้าและช่วยเหลือกับคนอื่นในการขับไล่สูเจ้ามาเป็นเพื่อน เท่านั้น ส่วนคนที่เอาพวกเขาเหล่านั้นมาเป็นเพื่อน พวกเขาก็คือผู้ละเมิด โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้อพยพมายังสูเจ้า จงตรวจ สอบพวกนางเสียก่อน ถึงแม้พระเจ้าทรงรู้ดีที่สุดถึงความศรัทธาที่แท้จริง ของพวกนาง หลังจากนั้น เมื่อสูเจ้ารู้ว่าพวกนางเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง แล้ว จงอย่าส่งพวกนางไปให้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม พวกนางไม่เป็นที่ อนุมัติสำาหรับพวกเขาและพวกเขาก็ไม่เป็นที่อนุมัติสำาหรับพวกนางอีก

อัล มุมตะ ะนะ ฺ

ต่อไป จงส่งของขวัญแต่งงานที่พวกเขาให้แก่นางคืนกลับไปให้แก่สามี ผู้ป ิเสธสัจธรรมของพวกนาง ไม่มีข้อตำาหนิใดๆถ้าสูเจ้าจะแต่งงานกับ พวกนางเมื่อสูเจ้าได้จ่ายของขวัญแต่งงานให้แก่นางแล้ว และสูเจ้าจงอย่า เหนี่ยวรั้งหญิงผู้ป ิเสธสัจธรรมไว้ในการแต่งงาน จงขอคืนสิ่งที่สูเจ้าได้ ให้แก่ภรรยาผู้ไม่ศรัทธาของสูเจ้า และจงให้บรรดาผู้ไม่ศรัทธาขอคืนสิ่ง ที่พวกเขาได้ให้แก่ภรรยามุสลิมของพวกเขา นี่คือคำาบัญชาของพระเจ้า พระองค์ทรงตัดสินระหว่างสูเจ้าและพระองค์ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ ถ้าหากภรรยาคนใดของสูเจ้าหนีสูเจ้าไปหาบรรดาผู้ป ิเสธ และต่อมา เมื่อถึงคราวของสูเจ้าบ้าง(โดยการที่ผู้หญิงของ ่ายตรงข้ามมาหาสูเจ้า) สูเจ้าจงให้แก่คนที่ภรรยาของพวกเขาหนีไปในจำานวนเท่ากับที่พวกเขา ได้ให้พวกนางไป และจงเกรงกลัวพระเจ้าที่สูเจ้าเป็นผู้ศรัทธาในพระองค์ เถิด โอ้ นบี เมื่อหญิงผู้ศรัทธาได้มายังเจ้าเพื่อให้สัตย์ป ิญาณจงรักภักดี และสัญญาว่าพวกนางจะไม่นำาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระเจ้า และจะไม่ ขโมย จะไม่ทำาชู้ จะไม่ ่าลูกของพวกนาง จะไม่สร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเพื่อ ใส่ร้ายผู้อื่น และจะไม่ ่า ืนสูเจ้าในสิ่งที่ดี เจ้าจงรับการให้สัตย์ป ิญาณ ของพวกนาง และจงวิงวอนต่อพระเจ้าให้ทรงอภัยพวกนาง แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าเป็นมิตรกับบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงกริ้ว ผู้หมดหวังต่อวันปรโลกเช่นเดียวกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมที่กำาลังนอน อยู่ในสุสานอย่างสิ้นหวัง

ตำาแหน่ง

61. ตำาแหน่ง

อัล-ศ็อฟ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินต่างสดุดีพระเจ้า พระองค์ เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา ทำาไมสูเจ้าจึง พูดในสิ่งที่สูเจ้าไม่กระทำา สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดในทัศนะของพระเจ้าก็ คือสูเจ้าไม่ทำาในสิ่งที่สูเจ้าพูด 4 แท้จริง พระเจ้าทรงรักบรรดาผู้ต่อสู้ใน หนทางของพระองค์เป็นแถวเหมือนกับเป็นปราการที่แข็งแกร่ง 5 จงนึกถึงเมื่อตอนที่มูซาได้พูดกับคนของเขาว่า โอ้ พวกพ้องของ ัน ทำาไมพวกท่านถึงได้ทำาร้าย ันทั้งๆที่พวกท่านรู้ว่า ันเป็นศาสนทูต คนหนึ่งที่พระเจ้าส่งมายังพวกท่าน ดังนั้น เมื่อพวกเขาหันเหออกไป พระเจ้าจึงได้ทรงทำาให้หัวใจของพวกเขาหันเหออกไปด้วย พระเจ้าไม่ ทรงนำาทางผู้ ่า ืน จงนึกถึงเมื่อตอนที่อีซาบุตรของมัรฺยัมได้กล่าวว่า ลูกหลานอิส รออีลทั้งหลาย ันเป็นศาสนทูตคนหนึ่งที่พระเจ้าได้ส่งมายังพวกท่าน เพื่อยืนยันเตารอตที่มาก่อน ันและแจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตคนหนึ่งที่จะ มาหลังจาก ัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหมัด แต่ถึงกระนั้น เมื่อเขา มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง พวกเขายังกล่าวว่า นี่เป็น แค่ไสยศาสตร์ 7 ใครเล่าที่จะชั่วร้ายมากไปกว่าคนที่กล่าวเท็จเกี่ยวกับ พระเจ้าเมื่อเขากำาลังถูกเชิญชวนมาสู่การยอมจำานนต่อพระเจ้า พระเจ้า ไม่ทรงนำาทางบรรดาผู้ทำาความผิดเหล่านั้น พวกเขาหาทางที่จะดับ แสงสว่างของพระเจ้าด้วยปากของพวกเขา แต่พระเจ้าได้ทรงกำาหนด ไว้แล้วว่าพระองค์จะให้แสงสว่างของพระองค์สมบูรณ์ แม้ว่าบรรดาผู้ ดูหน้า

ของบทนำา

อัล ญุมุอะ ฺ

ป ิเสธสัจธรรมจะเกลียดชังแค่ไหนก็ตาม พระองค์คือผู้ส่งศาสนทูตของ พระองค์มาพร้อมกับทางนำาและศาสนาที่แท้จริงเพื่อที่จะทำาให้มันเหนือ กว่าศาสนาใดๆทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกบูชารูปเคารพจะเกลียดชังก็ตาม โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จะให้ ันบอกสูเจ้าถึงการต่อรองที่จะช่วยให้ สูเจ้ารอดพ้นจากการลงโทษอันเจ็บปวดเอาไหม นั่นคือ สูเจ้าจะต้อง ศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ และดิ้นรนต่อสู้ในหนทาง ของพระเจ้าด้วยทรัพย์สินและชีวิตของสูเจ้า นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำาหรับ สูเจ้า ถ้าหากสูเจ้ารู้ พระเจ้าจะทรงอภัยบาปแก่สูเจ้าและจะทรงรับสูเจ้า เข้าสู่สวรรค์ที่ใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่านและจะประทานที่พำานักอัน แสนบรมสุขในสวนสวรรค์อันนิรันดรแก่สูเจ้า นี่คือความสำาเร็จอันสูงสุด อย่างแท้จริง พระองค์จะทรงประทานสิ่งอื่นๆที่สูเจ้าปรารถนาด้วย นั่น คือ การช่วยเหลือของพระเจ้าและชัยชนะ (โอ้นบี) จงแจ้งข่าวดีถึงเรื่องนี้ แก่บรรดาผู้ศรัทธา โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงเป็นผู้ช่วยเหลือพระเจ้าดังที่อีซาบุตของมัรฺยัม ได้กล่าวแก่บรรดาสานุศิษย์ ของเขาว่า ใครจะเป็นผู้ช่วยเหลือ ันใน หนทางของพระเจ้า บรรดาสานุศิษย์ได้ตอบว่า เราคือผู้ช่วยเหลือของ พระเจ้า ดังนั้น ลูกหลานของอิสราเอลบางคนจึงได้ศรัทธาและบางคนได้ ป ิเสธ ดังนั้น เราจึงได้ช่วยบรรดาผู้ศรัทธาให้เหนือกว่าศัตรูของพวกเขา แล้วพวกเขาก็ได้กลายเป็นผู้ชนะ 62. วันแห่งการชุมนุม

อัล-ญุมุอ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินต่างสดุดีพระเจ้าผู้ทรงมี อำานาจสูงสุด ผู้ทรงบริสุทธิ์และผู้ทรงปรีชาญาณ พระองค์คือผู้ทรงแต่ง

554

ตั้งศาสนทูตคนหนึ่งขึ้นมาในหมู่ผู้ไม่รู้หนังสือในหมู่พวกเขาเพื่อมาอ่าน วจนะทั้งหลายของพระองค์ให้แก่พวกเขาและขัดเกลาพวกเขาและสอน คัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวกเขาในขณะที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นผู้หลง อยู่ในความผิดอันชัดแจ้ง และแก่คนอื่นๆจากในหมู่พวกเขาที่ยังไม่ได้ มาร่วมกับพวกเขา พระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ 4 นั่นคือ ความโปรดปรานของพระเจ้า พระองค์ประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ เพราะพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ 5 บรรดาผู้ที่ได้รับเตารอตแล้ว แต่ไม่ได้ทำาตามนั้นก็เหมือนกับลาที่ แบกหนังสือไว้ แต่ที่แย่กว่านั้นคือบรรดาผู้ถือว่าสัญญาณของพระเจ้าเป็น เท็จ พระเจ้าไม่ทรงนำาทางผู้ทำาความผิดเช่นนั้น จงบอกพวกเขาว่า โอ้ ผู้ที่กลายเป็นยิวไปแล้วทั้งหลาย ถ้าหากพวกท่านอ้างว่าพวกท่านเท่านั้น ที่เป็นที่รักของพระเจ้า พวกท่านจงหาทางตายกันเถิด ถ้าหากพวกท่าน พูดจริง 7 แต่ว่าพวกเขาไม่ปรารถนามันเพราะความผิดที่พวกเขาได้ส่ง ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว พระเจ้าทรงรู้จักบรรดาผู้ทำาความผิดเหล่านี้เป็น อย่างดี ดังนั้น จงบอกพวกเขาว่า ความตายที่พวกท่านวิ่งหนีมันนั้น จะตามทันพวกท่านสักวันหนึ่ง หลังจากนั้น พวกท่านจะถูกนำาตัวไปยัง พระองค์ผู้ทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผย และพระองค์จะบอกพวก ท่านถึงสิ่งที่พวกท่านได้ทำาไว้ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา เมื่อสูเจ้าถูกเรียกไปสู่การนมาซวันศุกร์ จงรีบเร่ง ไปสู่การระลึกถึงพระเจ้าและจงละทิ้งการค้าขายเสีย นั่นเป็นการดีกว่า สำาหรับสูเจ้าถ้าหากสูเจ้ารู้ เมื่อการนมาซเสร็จสิ้นแล้ว สูเจ้าจงแยก ย้ายกันไปในแผ่นดินและแสวงหาความโปรดปรานของพระเจ้า และจง ระลึกถึงพระเจ้าให้มากๆ เพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้รับความเจริญมั่งคั่ง และ เมื่อพวกเขาเห็นการค้าและการละเล่น พวกเขาก็กรูกันไปหามันและทิ้ง ให้เจ้ายืนอยู่ จงบอกพวกเขาว่า สิ่งที่อยู่กับพระเจ้านั้นดีกว่าการละเล่น และการค้า และพระเจ้าคือผู้ประทานปัจจัยยังชีพที่ดีที่สุด

อัล มุนาฟิกูน

555

63. พวกตลบตะแลง

อัล—มุนาฟิกูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ (โอ้ นบี) เมื่อพวกตลบตะแลงมายังเจ้า พวกเขากล่าวว่า เราขอยืนยัน ว่าท่านเป็นศาสนทูตของพระเจ้า พระเจ้าทรงรู้ว่าเจ้าเป็นศาสนทูตของ พระองค์จริง แต่พระเจ้าทรงเป็นพยานว่าพวกตลบตะแลงเหล่านี้เป็นผู้ โกหก พวกเขากล่าวคำาสัตย์ป ิญาณเพื่อเป็นโล่กำาบัง แล้วพวกเขา ขัดขวางผู้อื่นจากหนทางของพระเจ้า ความชั่วแท้ๆสำาหรับสิ่งที่พวกเขา กระทำา นั่นเพราะว่าพวกเขาศรัทธาและหลังจากนั้นพวกเขาก็ป ิเสธ ความศรัทธาของพวกเขา ดังนั้น หัวใจของพวกเขาจึงถูกปิดผนึกจนพวก เขาไม่เข้าใจสิ่งใด 4 เมื่อเจ้าเห็นพวกเขา รูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาดูน่าประทับใจ เมื่อพวกเขาพูด เจ้าก็อยากจะฟังสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในความจริงแล้ว พวกเขาเหมือนกับท่อนไม้ที่พิงกำาแพง พวกเขาคิดว่าเสียงตะโกนทุก เสียงนั้นมุ่งตรงไปที่พวกเขา พวกเขาคือศัตรูที่แท้จริง ดังนั้น จงระวังพวก เขาให้ดี ขอพระเจ้าทรงทำาลายพวกเขา พวกเขาหลงผิดไปได้อย่างไร กันนี่ 5 เมื่อพวกเขาถูกบอกว่า มาเถิด ศาสนทูตของพระเจ้าจะวิงวอน ขออภัยให้พวกท่าน พวกเขาส่ายหัวและเจ้าจะเห็นพวกเขาหันหลังด้วย ความยโสโอหัง (โอ้ นบี) ไม่ว่าเจ้าจะวิงวอนขอการอภัยโทษหรือไม่ มันไม่มีอะไรต่างกันสำาหรับพวกเขา พระเจ้าจะไม่ทรงอภัยโทษพวกเขา เพราะพระเจ้าไม่ทรงนำาทางผู้ ่า ืน 7 พวกเขาคือผู้กล่าวว่า จงอย่าให้สิ่งใดแก่บรรดาผู้ป ิบัติตามศาสน ทูตของพระเจ้าจนกว่าพวกเขาจะทิ้งเขาไป ทั้งๆที่พระเจ้าทรงเป็น เจ้าของคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แต่พวกตลบตะแลงไม่เข้าใจ

และพวกเขากล่าวว่า เมื่อเรากลับไปยังมะดีนะ ฺ (เรา)พวกที่มีเกียรติ จะขับไล่พวกที่ต่ำาต้อย(หมายถึงมุสลิมที่ยากจน)ออกไปจากเมือง ทั้งๆที่ เกียรตินั้นเป็นของพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธา แต่พวกตลบตะแลงไม่รู้ โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงอย่าให้ทรัพย์สินของสูเจ้าและลูกหลานของ สูเจ้าทำาให้สูเจ้าหันห่างออกจากการะลึกถึงพระเจ้า บรรดาผู้ที่ทำาเช่น นั้นคือผู้ขาดทุนอย่างแท้จริง และจงใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่ สูเจ้าก่อนที่ความตายจะมายังคนหนึ่งคนใดในหมู่สูเจ้า แล้วเขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล หากพระองค์ทรงผ่อนผันให้ ันอีกสักระยะหนึ่ง ันจะ บริจาคทานและ ันจะเป็นผู้ทำาความดี แต่พระเจ้าจะไม่ทรงผ่อนผัน ให้คนใดเมื่อวาระของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว และพระเจ้าทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้า กระทำา 64. การขาดทุนและกำาไร

อัล-ตะฆอบุน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและในแผ่นดินกำาลังสดุดีพระเจ้า ของ พระองค์คืออำานาจสูงสุดและของพระองค์คือการสรรเสริญและพระองค์ ทรงมีอำานาจเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด พระองค์คือผู้ทรงสร้างสูเจ้า แต่แล้ว บางคนของสูเจ้ายังเป็นผู้ป ิเสธความจริงนี้และบางคนเป็นผู้ศรัทธา(ใน เรื่องนี้) พระเจ้าทรงเ ้าดูสิ่งที่สูเจ้ากระทำา พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้ง หลายและแผ่นดินเพื่อวัตถุประสงค์หนึ่ง พระองค์ได้ทรงทำาให้สูเจ้าเป็น รูปร่างและทำาให้รูปร่างของสูเจ้าดีเลิศ ยังพระองค์ที่สูเจ้าจะต้องกลับไป ในที่สุด 4 พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์

อัล ตะ อบุน

557

ทรงรู้ทุกสิ่งที่สูเจ้าปิดบังและทุกสิ่งที่สูเจ้าเปิดเผย และพระองค์ทรงรู้ทุก สิ่งที่อยู่ในหัวใจของสูเจ้า 5 สูเจ้าไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมก่อนหน้านี้และ หลังจากนั้นได้ลิ้มรสผลชั่วจากการกระทำาของพวกเขาไปแล้วกระนั้น หรือ พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด นั่นเป็นเพราะบรรดา ศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดเจนแล้ว แต่พวกเขากล่าวว่า แค่มนุษย์ธรรมดานี่หรือที่จะมาเป็นผู้นำาทางเรา ดังนั้น พวกเขาจึงได้ป ิเสธสัจธรรมและหันหลังให้ ดังนั้น พระเจ้าจึงไม่ ต้องการพวกเขา พระเจ้าทรงมีเพียงพอไม่ต้องอาศัยใครและทรงควรค่า แก่การสรรเสริญ 7 บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมยืนยันว่าพวกเขาจะไม่มีวันถูกทำาให้ฟื้น ขึ้นจากความตาย จงบอกพวกเขาว่า อย่ากระนั้นเลย ขอสาบานด้วย พระเจ้าของ ัน พวกท่านจะถูกทำาให้ฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน หลังจากนั้น พวกท่านจะถูกบอกว่าพวกท่านได้ทำาอะไรไป และนี่เป็นเรื่องง่ายสำาหรับ พระเจ้า ดังนั้น จงศรัทธาในพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์และใน แสงสว่างที่เราได้ประทานลงมา พระเจ้าทรงรอบรู้ในสิ่งที่สูเจ้ากระทำา เมื่อพระองค์จะรวบรวมสูเจ้าเข้าด้วยกันในวันแห่งการชุมนุมนั้น นั่น เป็นวันแห่งการขาดทุนและกำาไร ใครที่ศรัทธาในพระเจ้าและทำาความ ดี พระเจ้าจะทรงลบล้างบาปของเขาออกไปและจะรับเขาเข้าไว้ในสวน สวรรค์ ซึ่ ง ใต้ นั้ น มี ลำ า น้ำ า หลายสายไหลผ่ า นเพื่ อ พำ า นั ก อยู่ ใ นนั้ น ตลอด ไป นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ส่วนบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและถือว่า สัญญาณทั้งหลายของเราเป็นเท็จนั้นจะเป็นชาวนรกที่อยู่ในนั้นตลอดไป และนั่นเป็นจุดหมายที่เลวร้ายที่สุด ไม่มีทุกข์ภัยเกิดขึ้นกับมนุษย์ได้นอกไปจากโดยอนุมัติของพระเจ้า ใครที่ศรัทธาในพระองค์ พระองค์จะทรงนำาทางหัวใจของเขา พระเจ้าทรง รอบรู้ทุกสิ่ง จงเชื่อฟังพระเจ้าและจงเชื่อฟังศาสนทูต แต่ถ้าหากสูเจ้า

การหย่า

หันหลังให้การเชื่อฟัง จงจำาไว้ว่าศาสนทูตของเรารับผิดชอบแค่การนำา สาสน์ที่ชัดเจนมาบอกต่อเท่านั้น พระเจ้าคือผู้ที่ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกไปจากพระองค์ ดังนั้น ขอให้บรรดาผู้ศรัทธามอบความไว้วางใจใน พระองค์ บรรดาผู้ศรัทธาเอย (แม้แต่)ภรรยาบางคนของสูเจ้าและลูกหลาน ของสูเจ้าก็เป็นศัตรูของสูเจ้า ดังนั้น จงระวังพวกเขา แต่ถ้าหากสูเจ้าให้ อภัยและยกโทษ แน่นอน พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ทรั พ ย์ สิ น ของสู เ จ้ า และลู ก หลานของสู เ จ้ า มิ ใ ช่ อื่ น ใดนอกไปจากการ ทดสอบ และพระเจ้าเท่านั้นที่มีรางวัลตอบแทนอันยิ่งใหญ่อยู่กับพระองค์ ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้าเท่าที่สูเจ้าจะสามารถทำาได้ และจงฟังและ จงเชื่อฟังและจงใช้จ่ายทรัพย์สินของสูเจ้า มันเป็นผลดีต่อสูเจ้าเอง และ ผู้ใดปกป้องตนเองให้พ้นจากความโลภของพวกเขา พวกเขาจะประสบ ความสำาเร็จ ถ้าหากสูเจ้าให้การยืมที่ดีแก่พระเจ้า พระองค์จะทรงจ่าย คืนให้สูเจ้าเป็นหลายเท่าและจะทรงอภัยความผิดให้สูเจ้า พระเจ้าทรง เห็นคุณค่าความดีงามและทรงผ่อนปรน พระเจ้าทรงรู้ในสิ่งเร้นลับและ สิ่งเปิดเผย ผู้ทรงอำานาจและผู้ทรงปรีชาญาณ 65. การหย่า

อัล-เฎาะลาก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ นบี เมื่อเจ้า(และบรรดาผู้ศรัทธา)หย่าภรรยา จงหย่าพวกนางตาม ระยะเวลาแห่งการรอคอยของพวกนางที่ได้ถูกกำาหนดไว้ และจงนับระยะ เวลาแห่งการรอคอยนั้นให้ถูกต้อง จงเกรงกลัวพระเจ้า พระผู้อภิบาล ของสูเจ้า และจงอย่าไล่นางออกจากบ้านของพวกนาง(ในระหว่างเวลา

รอคอย) และนางเองจะต้องไม่ทิ้งพวกเขาไป ยกเว้นในกรณีที่พวกนาง ทำาสิ่งลามกอย่างเปิดเผย นี่คือขอบเขตที่กำาหนดโดยพระเจ้า และใครที่ ละเมิดขอบเขตของพระเจ้า เขาก็อธรรมต่อตัวของเขาเอง เจ้าไม่รู้หรอก ว่าหลังจากนี้แล้วบางทีพระเจ้าอาจจะทำาให้มีสถานการณ์ใหม่บางอย่าง (การประนีประนอม)เกิดขึ้น หลังจากนั้น เมื่อระยะเวลาแห่งการรอ คอยสิ้นสุดแล้ว จงรั้งตัวพวกนางไว้อย่างมีเกียรติหรือไม่ก็ให้พวกนาง จากไปอย่างมีเกียรติ และจงให้มีพยานผู้เป็นธรรมสองคนในหมู่สูเจ้าเป็น พยานอย่างเที่ยงธรรมเพื่อพระเจ้า นี่เป็นการตักเตือนสำาหรับบรรดาผู้ ศรัทธาในพระเจ้าและวันสุดท้าย ใครก็ตามที่เกรงกลัวพระเจ้าในสิ่งที่เขา ทำา พระเจ้าจะหาทางออก(จากความยุ่งยาก)ให้แก่เขา และพระเจ้าจะ ประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากสิ่งที่เขาไม่คาดคิด พระเจ้าเพียงพอแล้ว สำาหรับผู้ใดก็ตามที่วางใจในพระองค์ พระเจ้าทรงทำาให้สิ่งที่ถูกกำาหนดไว้ เป็นไปตามนั้น พระเจ้าได้กำาหนดชะตากรรมไว้สำาหรับทุกสิ่งแล้ว 4 ในกรณีของภรรยาของสูเจ้าที่ผ่านวัยมีประจำาเดือนแล้ว ถ้าสูเจ้ามี ความสงสัยใดๆ จงรู้ไว้เถิดว่าระยะเวลาการรอคอยของพวกนางคือสาม เดือน และนี่ก็ใช้กับผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำาเดือนเช่นกัน สำาหรับผู้หญิงที่ ตั้งครรภ์นั้น ระยะเวลาของพวกนางสิ้นสุดลงเมื่อพวกนางได้คลอดทารก ที่อยู่ในครรภ์ของพวกนาง และใครก็ตามที่เกรงกลัวพระเจ้า พระองค์จะ ทรงทำาให้เรื่องของเขาง่ายดายสำาหรับเขา 5 นี่คือคำาบัญชาของพระเจ้าซึ่ง พระองค์ได้ประทานมายังสูเจ้า ใครก็ตามที่เกรงกลัวพระเจ้าจะได้รับการ ให้อภัยบาปและได้รับรางวัลตอบแทนอย่างมากมาย จงให้ผู้หญิง(ที่อยู่ในระหว่างเวลารอคอย)อาศัยอยู่ในลักษณะเดียว กับที่สูเจ้าอาศัยอยู่ตาม านะของสูเจ้า และจงอย่าทำาร้ายพวกนางเพื่อ ทำาให้พวกนางอยู่อย่างลำาบาก ถ้าหากพวกนางตั้งครรภ์ จงเลี้ยงดูพวก นางจนกระทั่งพวกนางคลอดบุตร หลังจากนั้น ถ้าหากพวกนางให้นม ลูกของสูเจ้า จงให้ค่าตอบแก่พวกนาง และจงปรึกษา(ปัญหาเรื่องค่า

การหย่า

ตอบแทน)ร่วมกันด้วยดี แต่ถ้าหากสูเจ้าต่างสร้างภาระให้กันและกัน (เกี่ยวกับปัญหาเรื่องค่าตอบแทน) จงให้หญิงอื่นให้นมทารกนั้น 7 ขอให้ คนรวยใช้จ่ายตาม านะของเขาและขอให้คนที่ปัจจัยของตนจำากัดจำาเขี่ย ใช้จ่ายจากสิ่งที่พระเจ้าประทานแก่เขา พระเจ้าไม่ได้สร้างภาระแก่ผู้ใด ในสิ่งที่เกินกว่าพระองค์ได้ประทานแก่เขา ไม่ช้า พระเจ้าจะให้เกิดความ สบายหลังจากความลำาบาก กี่เมืองแล้วที่ ่า ืนคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลของมันและศาสน ทูตของพระองค์ และเราได้เรียกพวกเขามาชำาระบัญชีอย่างเข้มงวดและ ลงโทษพวกเขาอย่างแสนสาหัส ดังนั้น พวกเขาจึงได้ลิ้มรสผลชั่วจาก การกระทำาของพวกเขา และผลสุดท้ายก็คือพวกเขาไม่มีอะไรนอกไปจาก พระเจ้าได้ทรงเตรียมการลงโทษ ความหายนะที่มีไว้สำาหรับพวกเขา อันรุนแรงไว้สำาหรับพวกเขาแล้ว ดังนั้น จงเกรงกลัวพระเจ้า โอ้บรรดาผู้ มีสติปัญญาที่มีความศรัทธา พระเจ้าได้ส่งผู้ตักเตือนมายังสูเจ้า และ ศาสนทูตคนหนึ่งที่นำาสาสน์อันชัดเจนของพระเจ้ามายังสูเจ้าเพื่อที่เขาจะ ได้นำาบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีออกจากความมืดมาสู่แสงสว่าง ใครก็ตามที่ศรัทธาในพระเจ้าและกระทำาความดี พระเจ้าจะทรงรับเขาเข้า สู่สวรรค์ซึ่งภายใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้อยู่ในนั้น ตลอดไป พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมปัจจัยอันดีเลิศไว้สำาหรับเขาแล้ว พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินจำานวนที่เท่ากัน คำาบัญชาของพระองค์ลงมาท่ามกลางพวกมัน ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้รู้ว่า พระเจ้าทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่งและความรู้ของพระเจ้านั้นครอบคลุมทุก สิ่งทุกอย่าง

อัล ตะ ฺรีม

66. การห้าม

อัล-ตะฮฺรีม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ นบี ทำาไมเจ้าจึงทำาให้สิ่งที่พระเจ้าทรงอนุมัติเป็นที่ต้องห้ามสำาหรับ เจ้าเพื่อทำาให้ภรรยาของเจ้าพึงพอใจ แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตา พระเจ้าได้ทรงให้แนวทางแก้คำาสาบานให้เจ้าแล้ว พระเจ้า ทรงเป็นนายเจ้า และพระองค์เท่านั้นคือผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ ครั้งหนึ่ง นบีได้บอกความลับแก่ภรรยาคนหนึ่งของเขา แต่นางไม่ รักษาความลับนั้นและเมื่อพระเจ้าได้ทรงบอกให้นบีได้รู้เรื่องนี้ นบีจึงได้ บอกส่วนหนึ่งให้เป็นที่รู้กันและหลีกเลี่ยง(ที่จะเอ่ยถึง)อีกส่วนหนึ่ง เมื่อ เขาพูดกับภรรยาของเขาถึงเรื่องนี้ นางได้ถามว่าใครเป็นคนบอกเรื่องนี้ แก่เขา นบีตอบว่า ผู้ทรงรู้ทุกสิ่งและผู้ทรงรอบรู้ได้บอกให้ ันรู้ 4 ถ้าหาก สูเจ้าทั้งสอง(ผู้หญิง)สำานึกผิดหันกลับไปหาพระเจ้า (มันจะเป็นการดีกว่า สำาหรับสูเจ้า) เพราะหัวใจของสูเจ้าทั้งสองได้คล้อยไปทางนั้นแล้ว แต่ถ้า หากสูเจ้าทั้งสองร่วมมือกันต่อต้านนบี สูเจ้าทั้งสองควรรู้ว่าพระเจ้าเป็น ผู้ทรงคุ้มครองเขา และหลังจากพระองค์ ญิบรีลรวมทั้งบรรดาผู้ศรัทธาที่ ดีและบรรดาทูตสวรรค์ยังเป็นผู้ติดตามและให้ความช่วยเหลือเขาอีกด้วย 5 ถ้าหากนบีหย่าสูเจ้าทั้งสอง พระเจ้าจะหาภรรยาที่ดีกว่าแก่เขาแทน สูเจ้าทั้งสอง ภรรยาที่เป็นผู้ยอมจำานน(ต่อพระเจ้า) มีความศรัทธา เชื่อฟัง อดทน อุทิศตนในการเคารพสักการะและมั่นคงในการถือศีลอด ไม่ว่าจะ เคยแต่งงานมาแล้วหรือเป็นหญิงบริสุทธิ์ก็ตาม โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงปกป้องคุ้มครองตัวของสูเจ้าเองและครอบครัว ของสูเจ้าให้พ้นจากไฟนรกที่เชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และหินซึ่งข้างบน นั้นจะมีทูตสวรรค์ที่เข้มงวดดุดันเ ้าอยู่ ทูตสวรรค์เหล่านี้ไม่เคย ่า ืน

การห้าม

คำาบัญชาของพระเจ้าและจะทำาตามที่ได้ถูกบัญชา 7 โอ้บรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรม วันนี้สูเจ้าอย่าได้มาแก้ตัวเลย สูเจ้ากำาลังได้รับการตอบแทน สำาหรับสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไว้ โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงหันกลับมายังพระเจ้าและขออภัยต่อพระเจ้า ด้วยความจริงใจเถิด บางทีพระเจ้าจะให้อภัยความผิดของสูเจ้าและรับ สูเจ้าเข้าสู่สวรรค์ซึ่งเบื้องล่างนั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน มันเป็นวันที่ พระเจ้าจะไม่ทำาให้นบีและบรรดาผู้ศรัทธาที่อยู่กับเขาได้รับความอัปยศ รัศมีของพวกเขาจะส่องสว่างทางเบื้องหน้าพวกเขาและทางด้านขวาของ พวกเขา และพวกเขาจะกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทำาให้ แสงสว่างของเราสมบูรณ์สำาหรับพวกเราและโปรดทรงอภัยแก่เรา แท้จริง พระองค์ทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง โอ้ นบี จงใช้ความพยายามให้ถึงที่สุดต่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม และพวกตลบตะแลง และจงแข็งกร้าวกับพวกเขา ที่พำานักของพวกเขา คือนรกและมันเป็นที่พำานักอันชั่วช้ายิ่ง พระเจ้าทรงยกเอาภรรยาของ นู ฺและลู ขึ้นมาเป็นตัวอย่างสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม พวกนาง แต่งงานกับบ่าวผู้ดีงามทั้งสองของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อสามี ของนาง และเขาทั้งสองไม่สามารถช่วยอะไรนางจากพระเจ้าได้ นางทั้ง สองได้ถูกกล่าวว่า จงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับคนอื่นๆที่จะเข้าไปในนั้น เถิด และสำาหรับบรรดาผู้ศรัทธา พระเจ้าได้ทรงยกเอาภรรยาของฟาโรห์ มาเป็นตัวอย่างเมื่อนางได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน โปรดทรง สร้างบ้านที่ใกล้พระองค์ในสวนสวรรค์ให้แก่ ันและปกป้องคุ้มครอง ัน จากฟาโรห์และการกระทำาที่ชั่วร้ายของเขา และโปรดทรงช่วย ันจาก พวกคนชั่วด้วยเถิด และตัวอย่างของนางมัรฺยัมลูกสาวของอิมรอนซึ่ง ปกป้องความบริสุทธิ์ของนาง ดังนั้น เราจึงได้เป่าวิญญาณของเราเข้าไป

อัล มุลก์

ในตัวนาง และนางได้ยืนยันวจนะของพระผู้อภิบาลของนางและคัมภีร์ ของพระองค์ว่าเป็นความจริง และนางเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เชื่อฟัง 67. อำานาจสูงสุด

อัล-มุลก์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ มหาจำาเริญยิ่งคือพระองค์ ผู้ซึ่งอำานาจสูงสุดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงมีอำานาจเหนือทุกสิ่ง ผู้ทรงสร้างความตายและชีวิต เพื่อที่พระองค์จะทดสอบสูเจ้าและดูว่าในหมู่สูเจ้านั้นใครดีที่สุดในด้าน การงาน พระองค์เป็นผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้า ทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆ สูเจ้าจะไม่เห็นความผิดพลาดใดๆในการสร้างของพระ ผู้ทรงกรุณา ดังนั้น ลองหันกลับมาดูซิว่าสูจ้าเห็นช่องโหว่ตรงไหนบ้าง 4 หลังจากนั้น จะหันกลับมาดูแล้วดูอีกก็ได้ แล้วสิ่งที่สูเจ้าเห็นจะทำาให้ สูเจ้าสับสนและท้อแท้ 5 เราได้ประดับประดาฟ้าชั้นต่ำาสุดด้วยประทีป และเราได้ทำาให้มันไว้ เพื่อขับไล่บรรดาซาตาน สำาหรับซาตานเหล่านี้ เราได้เตรียมไฟที่ลุกโชน ไว้สำาหรับพวกมันแล้ว บรรดาผู้คิดจะกล่าวร้ายพระผู้อภิบาลของพวก เขานั้นจะได้รับการลงโทษของนรกซึ่งเป็นที่จุดหมายปลายทางอันชั่วร้าย 7 เมื่อพวกเขาถูกโยนเข้าไปในนั้น พวกเขาจะได้ยินเสียงคำารามของมัน ขณะที่มันกำาลังเดือด เหมือนกับการระเบิดด้วยความโกรธ ทุกครั้งที่คน พวกหนึ่งถูกโยนลงไปในนั้น ผู้เ ้านรกจะถามว่า ไม่มีผู้ตักเตือนมายัง สูเจ้ากระนั้นหรือ พวกเขาตอบว่า ผู้ตักเตือนได้มายังเราแล้ว แต่เรา ป ิเสธเขาและกล่าวว่า พระเจ้าไม่ได้ส่งสิ่งใดมา พวกท่านต่างหากที่ หลงผิดอย่างหนัก พวกเขากล่าวอีกว่า ถ้าพวกเราเพียงแค่ฟังหรือ

อำานาจสูงสุด

เข้าใจ เราจะไม่ต้องมาเป็นชาวนรกเช่นนี้ แล้วพวกเขาได้ยอมรับบาป ของพวกเขา ดังนั้น ชาวนรกนี่เองที่ห่างไกลจากความเมตตาของพระเจ้า สำาหรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาโดยที่มองไม่ เห็นนั้น พวกเขาจะได้รับการให้อภัยและรางวัลตอบแทนอันใหญ่หลวง ไม่ว่าสูเจ้าจะปิดบังคำาพูดของสูเจ้าหรือพูดออกมาดังๆพระองค์ทรงรู้ ความลับที่อยู่ในหัวอกของสูเจ้า เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ทรงสร้างจะไม่รู้ สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาในเมื่อพระองค์เป็นผู้ทรงรู้อย่างถี่ถ้วนและทรง รอบรู้ พระองค์คือผู้ทรงทำาให้แผ่นดินเป็นประโยชน์สำาหรับสูเจ้า ดังนั้น จงเดินไปตามขอบเขตของมันและจงกินสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ ให้ และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมา สูเจ้ารู้สึกปลอดภัย ว่าพระองค์ผู้อยู่ในชั้นฟ้าจะไม่ทำาให้สูเจ้าถูกสูบจมลงไปใต้ดินและทำาให้ แผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือนในทันทีกระนั้นหรือ สูเจ้ารู้สึกปลอดภัยหรือว่า พระองค์ผู้อยู่ในชั้นฟ้าจะไม่ส่งพายุที่นำาก้อนหินมากระหน่ำาใส่สูเจ้าเพื่อ ที่สูเจ้าจะได้รู้ว่าการเตือนของ ัน(เป็นจริง)อย่างไร บรรดาผู้คนก่อน หน้าพวกเขาก็ป ิเสธ(สัจธรรม)เช่นกัน ดังนั้น จงดูว่าการป ิเสธพวกเขา ของ ันยิ่งใหญ่เพียงใด พวกเขาไม่เห็นนกที่กางปีกและหุบปีกของมันเหนือพวกเขากระนั้น หรือ ไม่มีใครที่ทำาให้พวกมันลอยอยู่นอกจากผู้ทรงกรุณา แท้จริง พระองค์ทรงเ ้ามองทุกสิ่ง ใครที่จะมาป้องกันสูเจ้าเหมือนกองทัพ นอกจากพระผู้ทรงกรุณา ความจริงแล้ว บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้นล้วน หลงอยู่ในการหลอกลวงชัดๆ ผู้ใดที่สามารถจัดหาปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า ถ้าหากพระองค์ทรงยับยั้งปัจจัยของพระองค์ ความจริงแล้ว คนเหล่านี้ ล้วนดึงดันอยู่ความโอหังและการหลงออกไปจากสัจธรรม จงพิจารณาดูว่าคนที่เดินก้มหน้าไม่มองอะไรจะเป็นผู้อยู่ในหนทาง ที่ถูกต้องกว่า หรือผู้ที่เดินตัวตรงอยู่บนหนทางที่ราบรื่น จงบอกพวก

อัล เกาะลัม

เขาเถิดว่า พระเจ้าคือผู้ทรงสร้างสูเจ้าและทรงทำาให้สูเจ้ามีความสามารถ ได้ยินและเห็นและประทานหัวใจแก่สูเจ้าเพื่อคิดและทำาความเข้าใจ แต่ น้อยนักที่สูเจ้าจะขอบคุณ จงบอกพวกเขาเถิดว่า พระเจ้าเป็นผู้ทรง แพร่ขยายสูเจ้าไปในแผ่นดินและสูเจ้าจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันกลับไป ยังพระองค์(ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ) พวกเขากล่าวว่า เมื่อใดที่สัญญานี้จะเป็นจริงถ้าหากสิ่งที่ท่านพูด เป็นความจริง จงบอกพวกเขาว่า พระเจ้าเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ันเป็น เพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นมันใกล้เข้ามา ใบหน้าของ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจะบิดเบี้ยว และตอนนั้นจะมีเสียงกล่าวว่า นี่เป็น สิ่งที่สูเจ้าร้องขออยู่ไง จงบอกพวกเขาว่า พวกท่านเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าพระเจ้าทำาลาย ันและบรรดาผู้ที่อยู่กับ ัน หรือประทานความเมตตา แก่เรา แล้วใครเล่าจะช่วยเหลือบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมเหล่านี้ให้พ้นจาก จงบอกพวกเขาเถิดว่า พระองค์คือผู้ทรง การลงโทษอันเจ็บปวดได้ กรุณา เราศรัทธาในพระองค์และเรามอบหมายต่อพระองค์ ในไม่ช้า พวก ท่านจะได้รู้ว่าใครที่อยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง จงบอกพวกเขาเถิด ว่า พวกท่านเคยพิจารณาบ้างหรือไม่ว่าถ้าน้ำาในบ่อน้ำาของพวกท่านซึม หายไปในแผ่นดิน ใครเล่าที่จะนำาน้ำาที่ไหลท้นกลับมาให้ท่านอีก 68. ปากกา

อัล-เกาะลัม

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ นูน ขอสาบานด้วยปากกาและทุกสิ่งที่พวกเขาเขียน ด้วยความโปรดปราน ของพระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้าไม่ใช่คนบ้า แน่นอนที่สุด สำาหรับเจ้ามี

ปากกา

รางวัลอันไม่สิ้นสุด 4 เพราะเจ้านั้นถูกยกย่องให้มีลักษณะอันมีเกียรติ สูงส่ง 5 ในไม่ช้า เจ้าจะได้เห็นเช่นเดียวกับพวกเขา ว่าผู้ใดในหมู่สูเจ้า เสียสติ 7 แท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้านั้นทรงรู้ดีที่สุดถึงบรรดาผู้หลงไป จากทางของพระองค์ และทรงรู้ดีที่สุดถึงบรรดาผู้อยู่ในหนทางที่ถูกต้อง ดังนั้น จงอย่าป ิบัติตามบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ความจริงแล้ว พวกเขาต้องการให้เจ้าโอนอ่อนผ่อนตามลงมาสักเล็กน้อย แล้วพวกเขาก็ จะยอมโอนอ่อนผ่อนตาม จงอย่าป ิบัติตามผู้ชอบสบถสาบานที่ต่ำาช้า หรือผู้นินทาและกล่าวร้ายผู้อื่น หรือผู้ขัดขวางความดีและผู้ ่า ืน ผู้ชั่วช้าหยาบคายและผู้กดขี่ และเหนืออื่นใดเป็นผู้ต่ำาช้าโดยกำาเนิด เพียงเพราะพวกเขามีทรัพย์สินมั่งคั่งและมีลูกมาก เมื่อวจนะของเรา ได้ถูกอ่านให้เขาฟัง เขากล่าวว่า นี่เป็นเรื่องปรัมปรามาตั้งแต่โบราณ ในไม่ช้า เราจะตีตราเขาบนปลายจมูก เราได้ทดสอบพวกเขาเช่นเดียวกับที่เราได้ทดสอบเจ้าของสวนแห่ง หนึ่งเมื่อพวกเขาสาบานว่าจะเก็บผลไม้ในสวนของพวกเขาในตอนเช้า และพวกเขาไม่ได้มีข้อยกเว้นใดๆไว้(สำาหรับเจตนารมณ์ของพระเจ้า) ดังนั้น ในขณะที่พวกเขาหลับในตอนกลางคืน หายนะภัยจากพระผู้ อภิบาลของเจ้าก็ได้มาทำาลายสวนนั้น จนแผ่นดินโล่งเตียนเหมือนกับ ได้ถูกเก็บเกี่ยวไปเรียบร้อยแล้ว ในตอนเช้า พวกเขาต่างพากันร้อง ตะโกนต่อกันว่า รีบไปที่สวนของพวกท่านโดยเร็วถ้าหากพวกท่าน ต้องการจะเก็บผลไม้ ดังนั้น พวกเขาจึงพากันออกไปและต่างกระซิบ กันว่า อย่าให้พวกคนยากจนเข้าไปในสวนวันนี้ พวกเขาเร่งรีบ ออกไปแต่เช้าโดยคิดว่าพวกเขามีอำานาจที่จะป้องกัน แต่เมื่อพวกเขา เห็นสวน พวกเขาได้กล่าวว่า เราหลงทางแล้ว เปล่าเลย พวกเราได้ รับความหายนะต่างหาก ผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาคนหนึ่งกล่าวว่า ันไม่ได้บอกท่านให้สดุดีพระเจ้ากระนั้นหรือ พวกเขาจึงกล่าวว่า มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริง เราทำาผิดไปแล้ว แล้ว

อัล เกาะลัม

พวกเขาก็หันไปตำาหนิต่อกันและกัน พวกเขากล่าวว่า วิบัติแล้วเรา พวกเราทำาอะไรกันเกินเลยขอบเขตไปแล้ว บางที พระผู้อภิบาลของ เราจะให้สวนที่ดีกว่านี้แก่เราแทนก็ได้ แท้จริง เราจะกลับไปหาพระองค์ นั่นเป็นการลงโทษ(ในชีวิตนี้) แต่การลงโทษแห่งโลกหน้านั้นยิ่งใหญ่ กว่ามากนักหากพวกเขารู้ แน่นอน สำาหรับผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะได้รับรางวัลตอบแทนด้วย สวนสวรรค์อันบรมสุข จะให้เราป ิบัติต่อบรรดาผู้ศรัทธาเช่นเดียวกับ ที่เราป ิบัติต่อผู้ทำาผิดกระนั้นหรือ เกิดอะไรขึ้นกับสูเจ้า สูเจ้าตัดสิน เช่นนั้นได้อย่างไร หรือสูเจ้ามีคัมภีร์ที่บอกสูเจ้า ว่าสูเจ้าจะได้รับ สิ่งที่สูเจ้าเลือกไว้ หรือสูเจ้ามีสัญญาที่ผูกพันเราจนกระทั่งถึงวันฟื้น จงถามพวกเขาซิ คืนชีพว่าสูเจ้าจะได้รับสิ่งที่สูเจ้าเรียกร้องต้องการ ว่าคนไหนในหมู่พวกเขาจะประกันสิ่งนี้ หรือพวกเขามีสิ่งที่เป็นภาคี อื่นๆ(นอกไปจากพระเจ้า) หากเป็นเช่นนั้น จงให้พวกเขานำาเอาภาคี พระเจ้าของพวกเขามาถ้าหากพวกเขาพูดจริง เมื่อวันที่สัจธรรมถูกตีแผ่ พวกเขาจะถูกเรียกมาให้ก้มกราบ แต่ พวกเขาจะไม่สามารถก้มลงกราบได้ ตาของพวกเขาจะละห้อย พวก เขาจะตกอยู่ในสภาพหมดหวังอย่างน่าเวทนา พวกเขาเคยถูกเรียกให้ก้ม กราบเมื่อพวกเขาอยู่ในสภาพที่ดี (แต่พวกเขาไม่เชื่อฟัง) 44 ดังนั้น โอ้นบี จงปล่อยเรื่องของบรรดาผู้ป ิเสธสาสน์นี้ไว้ให้ ัน เราจะนำาพวกเขาไปสู่ ความหายนะทีละขั้นโดยที่พวกเขาคิดไม่ถึง 45 ันจะผ่อนผันให้พวกเขา เพราะแผนการของ ันนั้นทรงพลังอำานาจยิ่ง เจ้าขอสิ่งตอบแทนบางอย่างจากพวกเขาเพื่อที่หนี้ของพวกเขา จะได้เบาลงกระนั้นหรือ 47 พวกเขามีความรู้ในเรื่องสิ่งเร้นลับจนพวก เขาบันทึกมันไว้กระนั้นหรือ ดังนั้น จงอดทนรอคำาบัญชาของพระ ผู้อภิบาลของเจ้าและจงอย่าเป็นดังเช่นคนที่ถูกกลืนเข้าไปในท้องปลา (นบียูนุส)ร้องออกมาด้วยความระทมทุกข์ หากมิใช่เพราะพระผู้

เวลาที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อภิบาลของเขาทรงเมตตาเขา เขาคงถูกโยนไปยังชาย ั่งที่ห่างไกลแล้ว แต่พระผู้อภิบาลของเขาได้ทรงเลือกเขาไว้และรวมเขาไว้ในบรรดา ผู้ทำาความดีแล้ว เมื่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมได้ยินคำาตักเตือน พวก เขาเขม็งมองเจ้าด้วยสายตาที่ชั่วร้ายจนทำาให้เจ้าต้องสะดุด และพวกเขา กล่าวว่า เขาเป็นคนบ้าแน่ๆ แต่ถึงกระนั้น มันเป็นคำาตักเตือนต่อ มนุษยชาติ 69. เวลาที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อัล-ฮากเก๊าะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อะไรคือเวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และ อะไรที่จะทำาให้เจ้ารู้ว่าเป็นเวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 4 ชาวษะมูดและ ชาวอาดป ิเสธความหายนะแบบ ับพลันที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขามาแล้ว 5 ชาวษะมูดได้ถูกทำาลายโดยพายุฟ้าร้องและฟ้าแลบอย่างรุนแรง ส่วน ชาวอาดถูกทำาลายโดยพายุรุนแรงโหมกระหน่ำา 7 พระเจ้าได้ทรงให้มัน พัดกระหน่ำาใส่พวกเขาเป็นเวลาเจ็ดคืนแปดวันต่อเนื่องกัน เพื่อที่เจ้าจะ ได้เห็นพวกเขานอนตายเกลื่อนกลาดเหมือนกับลำาต้นอินทผลัมกลวงที่ ล้มลงมา ตอนนี้เจ้าเห็นผู้ใดในหมู่พวกเขาเหลือรอดบ้างไหม ฟาโรห์ และคนก่อนหน้าเขาและเมืองที่ถูกคว่ำาทำาลายได้ทำาบาปอันยิ่งใหญ่เช่น เดียวกัน พวกเขาไม่เชื่อฟังศาสนทูตของพระผู้อภิบาลของพวกเขา ดัง นั้น พระองค์จึงได้ทรงลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง เมื่อน้ำาท่วมสูงขึ้น ผิดปกติ เราได้นำาสูเจ้าทั้งหลายขึ้นมาไว้ในเรือลำาใหญ่ เพื่อที่เราจะได้ ทำาให้เหตุการณ์นี้เป็นการตักเตือนสำาหรับสูเจ้าและเพื่อที่หูที่สำาเหนียกจะ ได้จำา

อัล ากเกาะ ฺ

เมื่อแตรได้ถูกเป่าขึ้นครั้งหนึ่ง แผ่นดินและภูเขาจะถูกยกขึ้น กระแทกกันเป็นเสี่ยงๆในทีเดียว ในวันนั้น เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่จะเกิด ขึ้น ในวันนั้น ชั้นฟ้าจะแตกออกและระบบของมันจะหลุดออกจากกัน บรรดาทูตสวรรค์จะอยู่ข้างๆนั้นและทูตสวรรค์แปดองค์จะทูนบัลลังก์ ของพระผู้อภิบาลของสูเจ้าไว้ นั่นเป็นวันที่สูเจ้าจะถูกนำามาสู่การตัดสิน และไม่มีความลับใดๆของสูเจ้าที่จะถูกซ่อนเร้นอีกต่อไป หลังจากนั้น คนที่ได้รับบันทึกในมือขวาของเขาจะกล่าวว่า นี่ ไงบันทึกของ ัน มาอ่านมันสิ ันรู้ว่า ันจะได้รับบัญชีของ ันอย่าง แน่นอน แล้วเขาจะมีชีวิตอันบรมสุข ในสวนสวรรค์อันสูงส่ง ที่ ผลไม้กระจายให้เด็ดอยู่แค่เอื้อม เราจะบอกเขาว่า จงกินและดื่มอย่าง มีความสุขใน านะรางวัลตอบแทนสำาหรับสิ่งที่สูเจ้าได้ทำาไว้ในวันที่ผ่าน ส่วนผู้ที่ได้รับบันทึกในมือซ้ายของเขานั้น เขาจะกล่าวว่า ัน มา ไม่อยากที่จะได้รับบันทึกของ ัน และไม่อยากจะรู้ว่าบัญชีของ ัน เป็นอย่างไรเลย ันอยากจะให้ความตายของ ันเป็นอันสิ้นสุดทุกสิ่ง ทรัพย์สินของ ันไม่สามารถช่วยเหลืออะไร ันได้เลย อำานาจของ ันหมดสิ้นแล้ว (จะมีคำาสั่งว่า) จงเอาตัวเขาไปและล่ามโซ่คอเขาไว้ แล้วโยนเขาเข้าไปในนรก แล้วล่ามเขาไว้ด้วยโซ่ยาวเจ็บสิบศอก เพราะเขาไม่ศรัทธาในพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่ และเขาไม่ส่งเสริมการ เลี้ยงอาหารคนยากจน ดังนั้น วันนี้เขาจะไม่มีเพื่อนที่นี่ และไม่มีอา หารใดๆนอกจากของเสียที่ไหลออกมาจากแผล ที่ไม่มีใครกินนอกจาก ผู้ทำาบาป โลกปัจจุบันได้ถูกทำาให้เป็นที่ทดสอบมนุษย์ เมื่อระยะเวลาการ ทดสอบสิ้นสุดลง โลกนี้จะถูกทำาลายและโลกใหม่ที่ถูกออกแบบให้ตอบ สนองความต้องการใหม่จะถูกสร้างขึ้น ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในขณะ นี้ปราก ให้เห็นโดยทางอ้อม แต่ในตอนนั้น ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจะ ปราก ให้เป็นที่ประจักษ์โดยตรง

ทางขึ้นข้างบน

ไม่เลย ันขอสาบานด้วยสิ่งทั้งหลายที่สูเจ้าเห็น และด้วยสิ่งที่ สูเจ้ามองไม่เห็น ว่านี่คือวจนะของศาสนทูตผู้ทรงเกียรติ มันไม่ใช่ ถ้อยคำาของกวี แต่น้อยนักที่สูเจ้าศรัทธา และมันไม่ใช่คำาพูดของพวก พ่อมดหมอผี แต่น้อยนักที่สูเจ้าไตร่ตรอง มันคือสิ่งที่ถูกประทานมา 44 จากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก และถ้าเขาสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเกี่ยว กับเรา 45 เราจะจับเขาที่มือขวา และตัดเส้นเลือดคอของเขา 47 แล้วจะ ไม่มีผู้ใดในหมู่สูเจ้าสามารถยับยั้งเราได้ และนี่เป็นสิ่งตักเตือนสำาหรับ บรรดาผู้ยำาเกรง เรารู้ดีว่าบางคนในหมู่สูเจ้าป ิเสธสัญญาณของเรา สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น มันเป็นสาเหตุแห่งความสิ้นหวัง และนี่ คือสัจธรรมอันชัดเจน ดังนั้น จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาลผู้ทรง ยิ่งใหญ่ของเจ้า 70. ทางขึ้นข้างบน

อัล-มะอาริจญ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ครั้งหนึ่ง มีคนผู้สงสัยร้องขอให้การลงโทษเกิดขึ้นทันที แก่บรรดาผู้ ป ิเสธสัจธรรม ไม่มีอำานาจใดสามารถขัดขวางพระเจ้า จากการลงโทษ พวกเขา พระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลแห่งทางขึ้นไปสู่ข้างบน 4 ซึ่ง บรรดาทูตสวรรค์และวิญญาณจะขึ้นไปหาพระองค์ในวันหนึ่งซึ่งยาวนาน เป็นเวลาห้าหมื่นปี 5 ดังนั้น (โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา) จงอดทนด้วยการอดทน ที่ดี พวกเขาคิดว่ามัน(วันแห่งการพิพากษา)เป็นเรื่องที่ยังห่างไกล 7 แต่ เราเห็นว่ามันใกล้อยู่แค่เอื้อม ในวันนั้น ชั้นฟ้าทั้งหลายจะเป็นเหมือน ทองเหลืองที่ถูกหลอมละลาย และภูเขาทั้งหลายจะปลิวว่อนเหมือนขน สัตว์หลากสี และมิตรสหายจะไม่ถามถึงกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเห็น

อัล มะอาริจญ์

กันก็ตาม คนทำาผิดยินดีที่จะไถ่ตัวเองจากการลงโทษของวันนั้นโดยยอม ยกลูกๆของเขา ภรรยาของเขา พี่น้องของเขา ญาติใกล้ชิดของเขา ผู้ให้ที่พักอาศัยแก่เขา และผู้คนทั้งหมดของโลกเป็นค่าไถ่ที่จะช่วยเขา ให้รอดพ้น แต่ไม่มีทาง มันจะมีเปลวเพลิงลุกโชน ที่ไหม้กินผิวหนังของเขา มันจะเรียกทุกคนที่หันหลัง(ให้ความศรัทธาที่ถูกต้อง)และหันห่างออก ไป(จากสัจธรรม) และสะสมทรัพย์สมบัติและป้องกันมันไว้ แท้จริง มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเป็นผู้ที่ไม่อดทน เมื่อความทุกข์ยากลำาบากเกิด ขึ้นกับเขา เขาก็กลัดกลุ้มตีโพยตีพาย แต่เมื่อความดีมาประสบแก่เขา เขาก็กลายเป็นผู้ตระหนี่ นอกจากบรรดาผู้ทำานมาซ ผู้ที่มั่นคงและ บรรดาผู้ที่ในทรัพย์สินของเขามีส่วน ดำารงการนมาซอยู่เป็นประจำา หนึ่งที่กำาหนดไว้ สำาหรับบรรดาผู้เอ่ยขอและผู้ขัดสน ผู้เชื่อมั่นในวัน แห่งการตอบแทน ผู้ประหวั่นต่อการลงโทษของพระผู้อภิบาลของพวก เขา เพราะไม่มีใครรู้สึกปลอดภัยจากการลงโทษของพระผู้อภิบาลของ พวกเขา ผู้ปกป้องสิ่งอันพึงสงวนของพวกเขา ยกเว้นกับภรรยาของ พวกเขาและบรรดาผู้หญิงที่อยู่ในการครอบครองของพวกเขาโดยชอบ ธรรม ในกรณีเช่นนี้ พวกเขาจะไม่ถูกตำาหนิ แต่บรรดาผู้เลยเถิดไป จากนี้คือผู้ล่วงละเมิด บรรดาผู้รักษาสิ่งที่พวกเขาได้รับมอบหมายและ รักษาสัญญาของพวกเขา ผู้ยืนยันในการเป็นพยานที่แท้จริง และ ผู้ดูแลการนมาซของพวกเขาอย่างเคร่งครัด พวกเขาจะได้อยู่อย่างมี เกียรติในสวนสวรรค์อันหลากหลาย มีอะไรเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมที่วิ่งกระหืดกระหอบมายัง เจ้า จากทางด้านขวาและด้านซ้ายเป็นกลุ่มๆกระนั้นหรือ ทุก คนในหมู่พวกเขาอยากจะถูกรับเข้าไปในสวนสวรรค์อันบรมสุขกระนั้น หรือ ไม่มีทางหรอก พวกเขารู้ว่าเราสร้างพวกเขามาจากอะไร ไม่ใช่เช่นนั้นเลย ันขอสาบานต่อพระผู้อภิบาลแห่งทิศตะวันออก

โนอาห์

และทิศตะวันตกทั้งหลายว่าเรามีอำานาจ ที่จะเอาคนที่ดีกว่าพวกเขามา แทนพวกเขา ไม่มีใครที่จะมาขัดขวางเราได้ ดังนั้น จงปล่อยพวกเขา ให้หมกมุ่นอยู่การพูดคุยอันไร้สาระและการละเล่นจนกว่าพวกเขาจะพบ วันของพวกเขาซึ่งได้ถูกสัญญาไว้ วันที่พวกเขาจะกรูกันออกมาจาก หลุม ังศพเช่นเดียวกับที่พวกเขาแข่งขันกันไปยังเป้าหมายของพวกเขา 44 ด้วยสายตาละห้อยและใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความอัปยศ นั่นคือวันที่ พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้ 71. โนอาห์

นูฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เราได้ส่งนู ฺลงมายังหมู่ชนของเขา โดยกล่าวว่า จงเตือนผู้คนของเจ้า ก่อนที่การลงโทษอันเจ็บปวดจะมาถึงพวกเขา เขา(นู ฺ)กล่าวว่า โอ้ หมู่ชนของ ัน ันคือผู้ตักเตือนที่ชัดแจ้งของพวกท่าน ( ันขอเตือน ว่า) พวกท่านจงเคารพสักการะพระเจ้า(องค์เดียวเท่านั้น)และจงเกรงกลัว พระองค์และจงเชื่อฟัง ัน 4 พระองค์จะทรงอภัยบาปของพวกท่าน และ จงทรงผ่อนผันเวลาให้พวกท่านจนถึงเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้ เมื่อเวลาที่ พระเจ้ากำาหนดไว้มาถึง มันไม่อาจเลื่อนออกไปได้อีกแล้ว ถ้าหากพวก ท่านรู้ 5 นู ฺวิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล ันได้เรียกร้องผู้คนของ ันทั้ง กลางคืนและกลางวัน แต่การเรียกร้องของ ันมีแต่ทำาให้พวกเขาหลีก หนีมากขึ้น 7 ทุกครั้งที่ ันเรียกร้องพวกเขาเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงให้ อภัยพวกเขา พวกเขากลับเอานิ้วอุดหูของพวกเขาและเอาผ้าปิดหน้า ของพวกเขา และยิ่งดื้อรั้นแสดงความยโสโอหัง ดังนั้น ันจึงได้เชิญ ชวนพวกเขาอย่างเปิดเผย และพูดกับพวกเขาต่อหน้าผู้คนและในที่

ส่วนตัว ันได้บอกว่า จงขอการอภัยโทษต่อพระผู้อภิบาลของพวก ท่านเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงให้อภัยโทษ พระองค์จะส่ง นลง มายังท่านอย่างมากมาย และจะทรงเพิ่มพูนทรัพย์สินและลูกหลานแก่ พวกท่าน จะทรงสร้างสวนมากมายให้แก่พวกท่าน และจะประทานแม่น้ำา แม่น้ำาหลายสายแก่พวกท่าน พวกท่านเป็นอะไรไปซิ จึงป ิเสธความ ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ทั้งๆที่พระองค์ได้ทรงสร้างสูเจ้าเป็นขั้นตอน พวกท่านไม่เห็นหรือว่าพระเจ้าทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดเป็นชั้นๆ อย่างไร และทรงทำาให้ดวงจันทร์ในชั้นฟ้าเป็นแสงสว่างและดวง อาทิตย์เป็นตะเกียง พระเจ้าได้ทรงทำาให้พวกท่านเติบโตออกมาจาก ผืนดิน หลังจากนั้น พระองค์จะนำาพวกท่านกลับมายังแผ่นดินนั้นอีก และจะทรงนำาพวกท่านออกมาจากมันอีก และพระเจ้าได้ทรงแผ่ขยาย แผ่นดินนี้ออกไปเพื่อพวกท่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้เดินไปในหนทาง ต่างๆที่เปิดกว้าง นู ฺกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของ ัน พวกเขาไม่เชื่อฟัง ันและ ป ิบัติตามบรรดา(พวกหัวหน้า)ที่ทรัพย์สินและลูกหลานของพวกเขามี แต่จะทำาให้พวกเขาหายนะมากขึ้น พวกเขาได้วางแผนการใหญ่กันไว้ พวกเขากล่าวว่า จงอย่าละทิ้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พวกท่านเคารพ บูชาและจงอย่าทิ้งวัดด์และสุวาอ์และยะ ูซและยะอูกและนัซร์ พวก เขาได้ทำาให้ผู้คนมากมายหลงผิดและทำาให้ผู้ทำาผิดมีแต่หลงผิดมากขึ้น ดั้งนั้น พวกเขาจึงถูกน้ำาท่วมตายและถูกส่งไปยังนรกเพราะบาปทั้ง หลายของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่พบผู้ช่วยเหลือใดๆที่จะช่วยพวกเขา ให้พ้นจากพระเจ้าได้ นู ฺได้วิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาล ขอพระองค์อย่าได้ปล่อยให้ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมหลงเหลือไว้บนแผ่นดินนี้เลย ถ้าหากพระองค์ ทรงปล่อยพวกเขาไว้ พวกเขาจะนำาบ่าวของพระองค์ไปสู่การหลงผิด และพวกเขาจะไม่ให้กำาเนิดผู้ใดนอกไปจากผู้ทำาบาปและผู้ป ิเสธเท่านั้น

574

ญิน

โอ้พระผู้อภิบาล โปรดให้อภัยแก่ข้าพระองค์และพ่อแม่ของข้าพระองค์ และผู้ที่เข้ามาในบ้านของข้าพระองค์ใน านะผู้ศรัทธา และแก่ผู้ศรัทธาทั้ง ชายและหญิง และโปรดอย่าได้เพิ่มพูนสิ่งใดให้แก่ผู้ทำาผิดเหล่านั้นนอก ไปจากความหายนะด้วยเถิด 72. ญิน

อัล-ญิน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงกล่าวเถิดว่า ได้มีการประทานวจนะมายัง ันว่าญินหมู่หนึ่งได้มาฟัง (กุรอาน)และพวกมันกล่าวว่า เราได้ยินการอ่านอันมหัศจรรย์ ที่นำาเรา ไปยังหนทางที่ถูกต้อง ดังนั้น เราจึงศรัทธาในกุรอานและตอนนี้เราจะไม่ เอาผู้ใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระผู้อภิบาลของเรา และ ความยิ่งใหญ่ ของพระผู้อภิบาลของเรานั้นสูงส่ง พระองค์ทรงไม่มีภรรยาและมีบุตร 4 และ(ตอนนี้เรารู้ว่า) พวกคนโง่ในหมู่พวกเรากำาลังกล่าวสิ่งเลวร้ายเกี่ยว กับพระเจ้า 5 เราคิดว่ามนุษย์และญินไม่อาจที่จะกล่าวเท็จต่อพระเจ้าได้ มนุษย์บางคนเคยขอความคุ้มครองจากพวกญินบางตนในอดีต นั่นจึง ทำาให้พวกมันยโสโอหังมากขึ้น 7 พวกมันคิดเช่นเดียวกับที่สูเจ้าคิดว่า พระเจ้าจะไม่ทำาให้ใครฟื้นขึ้นมาจากความตาย เราได้พยายามขึ้นไป ยังชั้นฟ้าทั้งหลาย แต่เราพบว่ามันเต็มไปด้วยผู้คุ้มกันที่แข็งแรงและเปลว ไฟมากมาย ก่อนหน้านี้ เราเคยมีที่นั่งในชั้นฟ้าเพื่อแอบฟัง แต่ตอนนี้ ถ้าใครแอบฟัง ผู้นั้นจะพบกับเปลวไฟที่คอยพุ่งใส่เขา เราไม่สามารถ บอกได้ว่าความชั่วบางอย่างมีไว้สำาหรับผู้ที่อาศัยอยู่บนโลกหรือพระผู้ อภิบาลของพวกเขาต้องการที่จะนำาทางพวกเขา ในหมู่พวกเรามีบาง ตนที่ดีขณะที่บางตนก็ไม่ดี พวกเราป ิบัติตามแนวทางที่ต่างกัน เรา

575

ตระหนักดีว่าเราไม่สามารถหนีรอดไปจากพระเจ้าได้ทั้งในโลกนี้และโลก หน้า เมื่อเราได้ยินการเรียกร้องไปสู่ทางนำา เราก็ศรัทธาในทางนำานั้น ผู้ใดที่ศรัทธาในพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะไม่กลัวการขาดทุนและความ ไม่เป็นธรรม ในหมู่พวกเรานั้นมีบางตนเป็นผู้เชื่อฟังและบางตนเป็นผู้ ทำาผิด ผู้ใดที่เชื่อฟังจะพบหนทางที่ถูกต้อง แต่บรรดาผู้ทำาผิดจะกลาย เป็นเชื้อเพลิงสำาหรับนรก ถ้าพวกเขาป ิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง เราจะประทาน นแก่พวก เขาอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อที่เราจะทดสอบพวกเขาโดยความอุดม สมบูรณ์นั้น และผู้ใดที่หันห่างออกไปจากการระลึกถึงพระผู้อภิบาลของ เขา พระองค์จะทรงลงโทษเขาอย่างแสนสาหัส มัสญิดทั้งหลายนั้น มีไว้เพื่อการเคารพสักการะพระเจ้า ดังนั้น จงอย่าวิงวอนผู้ใดหรือสิ่งใด เมื่อบ่าวของพระเจ้ายืนขึ้นวิงวอนต่อพระองค์ อื่นร่วมไปกับพระเจ้า ผู้คนก็กรูกันเข้ามาล้อมเขาจนเขาอึดอัด โอ้นบี จงกล่าวเถิดว่า ัน วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของ ันเท่านั้น และ ันไม่เอาผู้ใดมาเป็นภาคีกับ พระองค์ จงกล่าวเถิด ันไม่มีอำานาจใดๆที่จะให้โทษหรือให้คุณแก่ พวกท่านได้ จงกล่าวเถิดว่า ไม่มีใครสามารถคุ้มครอง ันจากพระเจ้า ได้และ ันไม่พบที่พึ่งใดนอกไปจากพระองค์ หน้าที่ของ ันก็แค่เพียง นำาสิ่งที่ ันได้รับจากพระองค์และสาสน์ของพระองค์ไปเผยแผ่ ผู้ใดที่ไม่ เชื่อฟังพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ สำาหรับเขาก็มีไฟนรกคอยอยู่ เขาจะพำานักอยู่ในนั้นตลอดไป เมื่อพวกเขาเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาได้ถูกสัญญาไว้ พวกเขาจะรู้ว่า ผู้ช่วยเหลือของใครอ่อนแอกว่าและผู้ช่วยเหลือของใครมีจำานวนน้อยกว่า จงกล่าวเถิดว่า ันไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกท่านได้ถูกสัญญาไว้นั้นใกล้เข้ามา หรือว่าพระผู้อภิบาลของ ันได้กำาหนดวาระสำาหรับมันให้ยาวออกไป พระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้ทรงรู้สิ่งเร้นลับ พระองค์ไม่ทรงเปิดเผยความ ลับของพระองค์แก่ผู้ใด นอกไปจากศาสนทูตที่พระองค์ทรงเลือก

ผู้ที่คลุมกาย

พระองค์ ไ ด้ ท รงส่ ง ผู้ คุ้ ม กั น ไว้ ข้ า งหน้ า พวกเขาและข้ า งหลั ง พวกเขา เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงรู้ว่าบรรดาศาสนทูตได้เผยแผ่สาสน์ของพระผู้ อภิบาลของพวกเขาแล้ว พระองค์ทรงล้อมทุกสิ่งที่อยู่รอบๆพวกเขาและ ได้ทรงนับทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมดแล้ว 73. ผู้ที่คลุมกาย

อัล-มุซซัมมิล

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ผู้ที่นอนคลุมกายอยู่ในเสื้อคลุม จงยืนขึ้นนมาซให้มากหน่อยใน ตอนกลางคืน อาจจะครึ่งหนึ่งของกลางคืนหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ 4 หรือ เพิ่มมันอีกเล็กน้อย แต่จงอ่านกุรอานอย่างช้าๆและชัดเจน 5 เพราะเราจะ ส่งสาสน์อันหนักหน่วงมายังเจ้า แน่นอน การลุกขึ้นในตอนกลางคืน(เพื่อนมาซ)นั้นมีประสิทธิภาพ ที่ สุ ด ในการควบคุ ม ตั ว ตนและเหมาะสมที่ สุ ด สำ าหรั บ ถ้ อ ยคำ า (ของการ วิงวอน) 7 เพราะในเวลากลางวัน เจ้ามีงานมากมาย(ในการเชิญชวน ผู้คน) จงระลึกถึงพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าและจงอุทิศตัวของ เจ้าให้พระองค์อย่างหมดหัวใจ พระองค์คือพระผู้อภิบาลของทิศตะวัน ออกและทิศตะวันตก ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ดังนั้น จง เอาพระองค์เท่านั้นเป็นผู้คุ้มครองของเจ้า จงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขา กล่าวและจงออกห่างจากพวกเขาอย่างสุภาพ จงปล่อยให้ ันจัดการ กับบรรดาผู้ป ิเสธที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเอง และจงอดทนกับพวกเขา สักระยะหนึ่ง เรามีโซ่หนักและไฟที่ลุกโชนไว้สำาหรับพวกเขา อาหาร ที่ติดลำาคอและการลงโทษอันเจ็บปวด ในวันที่โลกและภูเขาจะกลาย เป็นกองทรายที่กระจัดกระจาย

577

สำาหรับสูเจ้า เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งมาเป็นพยานเหนือสูเจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้ส่งศาสนทูตคนหนึ่งไปยังฟาโรห์ แต่ฟาโรห์ต่อ ต้านศาสนทูตคนนั้น เราจึงลงโทษเขาอย่างหนัก ถ้าหากสูเจ้ายังดึงดัน ป ิเสธสัจธรรม สูเจ้าจะหนีรอดได้อย่างไรในวันที่จะทำาให้ผมของเด็กเป็น สีเทา วันที่ชั้นฟ้าทั้งหลายจะถูกทำาให้แตกออกและสัญญาของพระเจ้า นั้นจะได้รับการป ิบัติไปตามจริง แน่นอน นี่คือการตักเตือน ดังนั้น ใครก็ตามที่ประสงค์ จงเอาทางที่เที่ยงตรงไปสู่พระผู้อภิบาลของเขาเถิด โอ้นบี พระผู้อภิบาลของเจ้าทรงรู้ว่าบางครั้งเจ้ายืนนมาซเกือบสอง ในสามของกลางคืนและบางครั้งก็ครึ่งคืน และบางครั้งก็หนึ่งในสามของ กลางคืนกับผู้ที่อยู่กับเจ้าอีกจำานวนหนึ่ง พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงกำาหนด เวลาของกลางวันและกลางคืน พระองค์ทรงรู้ว่าเจ้าไม่สามารถคำานวณ เวลาได้อย่างถูกต้อง ดังนั้น พระองค์จึงทรงแสดงความกรุณาต่อสูเจ้า ตอนนี้ เจ้าจงอ่านกุรอานตามที่เจ้าสามารถทำาได้โดยสะดวก พระองค์ ทรงรู้ ว่ า ในหมู่ สู เ จ้ า มี ค นป่ ว ยและบางคนที่ เ ดิ น ทางไปแสวงหาความ โปรดปรานของพระเจ้า และอีกบางคนที่ต่อสู้ในหนทางของพระเจ้า ดัง นั้น จงอ่านกุรอานให้มากเท่าที่สูเจ้าจะอ่านได้โดยสะดวก และจงดำารง นมาซและจ่ายซะกาต และจงให้พระเจ้ายืมด้วยการยืมที่ดี เพราะความ ดีอะไรก็ตามที่สูเจ้าส่งล่วงหน้าไปสำาหรับตัวสูเจ้าเอง สูเจ้าจะได้พบมัน ที่พระเจ้า นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและมากมายที่สุดในรางวัลตอบแทน จงขอ การอภัยโทษต่อพระเจ้า แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา เสมอ

ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม

74. ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม

อัล-มุดดัซซิรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปราน ผู้ทรงเมตตาเสมอ โอ้ผู้ห่มกายอยู่ในเสื้อคลุม จงลุกขึ้นและจงประกาศเตือน จงประกาศ ความยิ่งใหญ่ของพระผู้อภิบาลของเจ้า 4 จงรักษาเสื้อผ้าของเจ้าให้ สะอาด 5 จงห่างไกลจากสิ่งสกปรกโสมม จงอย่าทำาคุณแก่คนอื่นโดย หวังสิ่งตอบแทนอันมากมาย 7 จงอดทนเพื่อพระผู้อภิบาลของเจ้า เมื่อแตรถูกเป่า วันนั้นจะเป็นวันแห่งความยากลำาบาก สำาหรับ จงปล่อย ันไว้ตาม บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ลำาพัง(ให้จัดการ)กับคนที่ ันสร้างเขา และคนที่ ันได้ให้ความมั่งคั่ง อย่างมากมายแก่เขา และลูกหลานที่อยู่เคียงข้างเขา และผู้ที่ ันได้ จัดเตรียมปัจจัยทุกอย่างให้ แต่เขาก็ยังต้องการให้ ันเพิ่มให้เขามาก ขึ้นอีก ไม่มีวัน เพราะเขาเป็นศัตรูต่อวจนะที่เราประทานมา ไม่ช้า ันจะทำาให้เขาต้องได้รับความลำาบากหนักขึ้น เพราะเขาคิดและพยายามที่จะวางแผน และความวิบัติจะเกิดขึ้น กับเขาในสิ่งที่เขาพยายามคิดวางแผน ขอให้เขาถูกทำาลายเขา เขาคิด ได้อย่างไร หลังจากนั้น เขาได้หันไปรอบๆ แล้วเขาก็หน้าบึ้งถลึงตา และหันหลังให้พร้อมกับแสดงอาการโอหัง และเขากล่าวว่า นี่มิใช่ อะไรนอกไปจากไสยศาสตร์ที่สืบทอดกันมาแต่อดีต นี่มิใช่สิ่งใดนอก ไปจากคำาพูดของมนุษย์คนหนึ่ง ในไม่ช้า ันจะโยนเขาเข้าไปในนรก แล้วเจ้ารู้ไหมว่านรกคือ อะไร มันจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดมีชีวิตและมันจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดตาย มันจะเผาไหม้ผิวหนัง มี(ทูตสวรรค์)สิบเก้าองค์ถูกมอบหมายหน้าที่ ให้ดูแล เราได้แต่งตั้งเ พาะทูตสวรรค์เท่านั้นให้เป็นผู้เ ้านรก เราได้

กำาหนดจำานวนของทูตสวรรค์ไว้ด้วยเพื่อเป็นการทดสอบสำาหรับบรรดา ผู้ป ิเสธสัจธรรม เพื่อที่ชาวคัมภีร์จะได้เกิดความเชื่อมั่น และบรรดา ผู้ศรัทธาจะได้เพิ่มพูนความศรัทธา และเพื่อที่ชาวคัมภีร์และบรรดาผู้ ศรัทธาจะได้ไม่สงสัย และเพื่อที่คนในหัวใจมีโรคและบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมอาจถามว่า พระเจ้าหมายความว่าอะไรในการยกอุปมานี้ นี่ แหละคื อ วิ ธี ก ารที่ พ ระเจ้ า ทำ า ให้ ผู้ ที่ พ ระองค์ ท รงประสงค์ ห ลงผิ ด และ ทรงนำาทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และไม่มีผู้ใดรู้ถึงไพร่พลของพระผู้ อภิบาลของเจ้านอกไปจากพระองค์เองและนรกได้ถูกเอ่ยขึ้นมาก็เพื่อที่ จะเป็นการตักเตือนสำาหรับมนุษย์ ไม่เลย ขอสาบานด้วยดวงจันทร์ ขอสาบานด้วยกลางคืนเมื่อมัน จากไป ขอสาบานด้วยยามเช้าเมื่อมันเริ่มมีแสงสว่าง นรกเป็นหนึ่ง ในบรรดาสิ่งที่น่ากลัวที่สุด มันเป็นสิ่งที่เตือนมนุษยชาติ เป็นการ เตื อ นทุ ก คนในหมู่ สู เ จ้ า ที่ ป รารถนาจะไปข้ า งหน้ า หรื อ จะอยู่ ข้ า งหลั ง ทุกคนถูกสัญญาไว้แล้วสำาหรับการงานของเขา ยกเว้นผู้ที่อยู่ด้าน ขวา จะได้อยู่ในสวรรค์ ซึ่งที่นั่นพวกเขาจะถาม เกี่ยวกับผู้ทำาบาป อะไรที่นำาพวกท่านเข้าไปในนรก พวกเขากล่าวว่า เรามิได้เป็น 44 ผู้หนึ่งในบรรดาผู้นมาซ และเรามิได้เลี้ยงอาหารคนยากจน 45 และเรา เคยร่วมกับบรรดาผู้มั่วสุมในการถกเถียงที่ไร้สาระ และเราเคยป ิเสธ วันแห่งการพิพากษา 47 จนกระทั่งสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้(ความตาย)เกิดขึ้น แก่เรา ดังนั้น การขอไถ่โทษจะไม่อำานวยประโยชน์ใดๆแก่พวกเขา แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ที่พวกเขาหันห่างออกจากการตัก เตือน เหมือนกับพวกเขาเป็นลาป่าที่ตกใจ วิ่งหนีสิงโต แต่ แท้จริงแล้ว พวกเขาแต่ละคนต้องการที่จะให้แผ่นบันทึกการประทาน วจนะถูกกางออกต่อหน้าพวกเขาเขา ไม่มีทาง ความจริงก็คือว่าพวก เขาไม่กลัวโลกหน้า 54 แต่นี่คือสิ่งที่คอยตักเตือน 55 ดังนั้น ใครที่ประสงค์ ก็จงใส่ใจคิด แต่พวกเขาจะไม่มีวันใส่ใจ เว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าจะทรง

วันแห่งการฟื้นคืนชีพ

ประสงค์ พระองค์เท่านั้นที่สมควรได้รับความเกรงกลัว พระผู้อภิบาลแห่ง การให้อภัย 75. วันแห่งการฟื้นคืนชีพ

อัล-กิยามะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และด้วยชีวิตที่ประณาม ตนเอง มนุษย์คิดหรือว่าเราไม่สามารถ(ที่จะทำาให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้น มาและ)นำากระดูกของเขามารวมเข้าด้วยกันอีก 4 แท้จริง เรามีแม้แต่ อำานาจที่จะทำาให้ปลายนิ้วมือของเขากลับคืนมา 5 แต่มนุษย์นั้นต้องการ ป ิเสธสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเขา เขาถามว่า เมื่อใดวันฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้น 7 แต่(ในวันนั้น)เมื่อดวงตาพร่ามัว และดวงจันทร์ถูกทำาให้มืดมิด ดวง อาทิตย์และดวงจันทร์ถูกนำามารวมกัน ในวันนั้น มนุษย์จะถามว่า ัน จะหนีไปทางไหนได้ ไม่มีเลย ไม่มีที่ไหนที่เขาจะหลบภัยได้ ใน วันนั้น ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของสูเจ้าเท่านั้นที่จะขอความช่วยเหลือได้ วันนั้น มนุษย์จะถูกแจ้งให้ทราบถึงสิ่งที่พวกเขาได้ส่งมาก่อนและสิ่งที่ เขาทิ้งไว้ข้างหลัง แท้จริงแล้ว มนุษย์จะเป็นพยานยืนยันตัวของเขาเอง ถึงแม้เขาจะมีข้อแก้ตัวมากมายมาอ้างก็ตาม (โอ้ นบี) จงอย่ากระดิกลิ้นของเจ้าเพื่อจำากุรอานนี้อย่างรีบเร่ง มัน เป็นหน้าที่ของเราเองที่จะติดตามดูการรวบรวมมันและการอ่านมัน ดัง นั้น เมื่อเราอ่านมัน เจ้าจงฟังถ้อยคำาของมันด้วยความตั้งใจ หลังจาก นั้น มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะทำาความหมายของมันให้ชัดเจน ความจริงแล้วสูเจ้ารักสิ่งที่จะได้อย่างรวดเร็ว และละทิ้งโลกหน้า ในวันนั้น บางใบหน้าจะสดใสเบิกบาน มองไปยังพระผู้อภิบาลของ

อัล อินซาน

พวกเขา และในวันนั้น หลายใบหน้าจะเศร้าหมอง และหวั่นกลัวว่า ภัยพิบัติอันรุนแรงกำาลังจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา แต่เมื่อวิญญาณมาถึง คอหอยของพวกเขา และเมื่อมันถูกถามว่า มีนักมายากลคนใดคอย ช่วยไหมในตอนนี้ และเขารู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจากโลกนี้ เมื่อขาของเขาถูกพันเข้าด้วยกัน(เมื่อเคราะห์กรรมถูกรวมเข้ากับ เคราะห์กรรม) ในวันนั้น เขาจะถูกต้อนไปสู่พระผู้อภิบาลของสูเจ้า เขาไม่ศรัทธาและไม่นมาซ แต่เขาป ิเสธสัจธรรมและหันหลัง ให้ แล้วเขาก็ไปหาพวกเขาอย่างยโส ความวิบัติจะเกิดขึ้นกับสูเจ้า (โอ้มนุษย์เอย) ความวิบัติจะเกิดขึ้นกับสูเจ้า ใช่แล้ว ความวิบัติจะเกิด ขึ้นกับสูเจ้า มนุษย์คิดหรือว่าเขาจะถูกทิ้งไว้ให้เป็นไปตามประสงค์ของ ตัวเอง เขาไม่ได้เป็นแค่เพียงหยดอสุจิที่พุ่งออกมา หลังจากนั้น ก็ เป็นก้อนเลือดเหมือนปลิง แล้วพระองค์ได้ทรงสร้างเขาและทำาให้เขาเป็น รูปร่างได้สัดได้ส่วน แล้วพระองค์ได้ทรงทำาให้เขาเป็นคู่ เพศชายและ เพศหญิง แล้วพระองค์ไม่ทรงมีอำานาจที่จะทำาให้คนตายมีชีวิตขึ้นมา อีกกระนั้นหรือ 76. มนุษย์

อัล-อินซาน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ไม่เคยมีช่วงเวลาที่มนุษย์มิได้เป็นสิ่งใดที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงกระนั้น หรือ แท้จริง เราได้สร้างมนุษย์มาจากหยดอสุจิที่ถูกผสมเพื่อทดสอบ เขา ดังนั้น เราจึงได้ทำาให้เขามีความสามารถได้ยินและเห็น เราได้แสดง ให้เขาเห็นหนทางว่าเขาจะเป็นผู้กตัญญูหรือผู้ป ิเสธ 4 (ตอนนี้) จงรู้ไว้ สำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธนั้น เราได้เตรียมโซ่และ

มนุษย์

ปลอกคอและไฟที่ลุกโชนไว้แล้ว 5 แต่บรรดาผู้ทำาความดีจะได้ดื่มเครื่อง ดื่มจากถ้วยที่ปรุงรสและกลิ่นด้วยกะฟูรฺ(สมุนไพรที่มีกลิ่นหอมหวาน) เป็นตาน้ำาที่ไหลพุ่งออกมาซึ่งบ่าวของพระเจ้าจะได้ดื่มจากตรงไหน ก็ได้ตามที่ต้องการ 7 พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ป ิบัติตามคำาสาบานของ พวกเขาและกลัววันที่ความชั่วร้ายของมันจะแพร่กระจายไป พวกเขา เลี้ยงอาหารคนยากจนและเด็กกำาพร้าและเชลยแม้พวกเขาจะชอบมัน ก็ตาม โดยกล่าวว่า เราให้อาหารพวกท่านเพื่อพระเจ้า เราไม่ได้หวัง การตอบแทนและการขอบคุณใดๆจากพวกท่าน เรากลัวการลงโทษ ในวันแห่งความทุกข์ยากอันแสนหดหู่จากพระผู้อภิบาลของเรา ดัง นั้น พระเจ้าจะช่วยพวกเขาให้พ้นจากความชั่วร้ายของวันนั้นและทำาให้ และจะตอบแทนพวกเขาด้วยสวน พวกเขาได้พบความสดชื่นรื่นเริง สวรรค์และอาภรณ์ผ้าไหมเป็นรางวัลสำาหรับความอดทนของพวกเขา ที่นั่น พวกเขาจะได้เอนกายบนเบาะ ในนั้น พวกเขาจะไม่ถูกรบกวน โดยความร้อนของดวงอาทิตย์และความหนาวเหน็บ กิ่งก้านที่ให้ร่มเงา ของต้นไม้แห่งสวนสวรรค์จะปกคลุมพวกเขาโดยรอบและผลไม้ในสวน สวรรค์จะอยู่ใกล้พวกเขาแค่เอื้อม ภาชนะเงินและแก้วใสจะถูกส่งผ่าน ไปรอบๆพวกเขา และแก้วที่ทำาด้วยเงินใสเป็นประกายจะถูกรินให้เต็ม ตามสัดส่วนของมัน ที่นั่น พวกเขาจะได้รับถ้วยเครื่องดื่มที่ผสมด้วยขิง จากตาน้ำาแห่งหนึ่งในสวรรค์ที่มีชื่อว่าซัลซะบีล พวกเขาจะมีเด็กวัย รุ่นตลอดกาลคอยวนเวียนรับใช้พวกเขาอยู่โดยรอบ เมื่อสูเจ้าเห็นพวก เขา สูเจ้าจะคิดว่าพวกเขาเป็นไข่มุกที่กระจัดกระจาย ไม่ว่าสูเจ้าจะมอง ไปทางใดที่นั่น สูเจ้าจะเห็นแต่ความสุขและอาณาจักรอันยิ่งใหญ่อลังการ พวกเขาจะสวมใส่อาภรณ์ไหมสีเขียวอย่างดีและปักอย่างวิจิตร และจะ ถูกประดับด้วยกำาไลเงิน และพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะให้พวกเขาได้ ดื่มเครื่องดื่มอันบริสุทธิ์ นี่คือรางวัลตอบแทนของสูเจ้า และความบาก บั่นของสูเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ได้รับการเห็นคุณค่า

(โอ้ นบี) แท้จริง เราต่างหากที่ได้ประทานกุรอานลงมาแก่เจ้า เป็นตอนๆ ดังนั้น จงรอคอยคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลของเจ้าด้วย ความอดทน และจงอย่าป ิบัติตามคนชั่วหรือบรรดาผู้เนรคุณในหมู่พวก เขา จงสดุดีพระผู้อภิบาลของเจ้าทั้งในยามเข้าและยามเย็น และ จงก้ ม กราบต่ อ พระองค์ ใ นยามกลางคื น และสดุ ดี พ ระองค์ ใ นช่ ว งเวลา กลางคืนให้นาน คนเหล่านี้(ที่ไม่คิดถึงพระเจ้า)อยากได้รับประโยชน์ ชั่วคราวอย่างรวดเร็วและทิ้งวันอันหนักหน่วงไว้ข้างหลัง เราต่างหาก ที่ได้สร้างพวกเขาและทำาให้โครงร่างของพวกเขาแข็งแรง แต่เมื่อใดที่ เราประสงค์ เราสามารถเอาคนอื่นที่เหมือนกับพวกเขามาแทนพวกเขา ได้ แท้จริง นี่คือการตักเตือน ดังนั้น ใครที่ประสงค์ จงยึดแนวทางที่ แต่สูเจ้าไม่สามารถประสงค์มันได้ ถูกต้องไปสู่พระผู้อภิบาลของเขา เว้นเสียแต่ว่าพระเจ้าจะทรงประสงค์(ที่จะแสดงหนทางนั้นแก่เจ้า) แท้จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ พระองค์ทรงรับผู้ที่พระองค์ ทรงประสงค์ไว้ในความเมตตาของพระองค์ และสำาหรับบรรดาผู้ทำาความ ผิดนั้น พระองค์ได้ทรงเตรียมการลงทรมานอันเจ็บปวดไว้สำาหรับเขาแล้ว 77. บรรดาผู้ถูกส่งมา

อัล-มุรฺซะลาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยลมที่ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง แล้วหลังจากนั้นได้พัด อย่างรุนแรง และลมที่แพร่กระจาย น 4 ทำาให้มันแยกระจายจากกัน 5 โดยบรรดาผู้ที่นำาผู้ตักเตือนลงมา เพื่อให้เหตุผลแก่บางคนและเตือน บางคน 7 ว่าสิ่งที่สูเจ้าได้ถูกสัญญาไว้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อดวงดาวดับแสงลง และเมื่อชั้นฟ้าถูกแยกออก และเมื่อภูเขา

บรรดาผู้ถูกส่งมา

แตกออกเป็นธุลี และเมื่อบรรดาศาสนทูตถูกนำามารวมกันในเวลาที่ กำาหนดไว้ สำาหรับวันใดที่สิ่งนี้ได้ถูกกำาหนดไว้ สำาหรับวันแห่งการ ตัดสิน และเจ้ารู้อะไรบ้างว่าวันแห่งการตัดสินคือวันอะไร ความ หายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม เราไม่ได้ทำาลาย ผู้คนก่อนหน้านี้หรือ ตอนนี้ เราจะให้บรรดาคนรุ่นหลังตามพวกเขา ดังนั้นแหละที่เราจัดการกับพวกคนผิด ความหายนะในวันนั้นจะเกิด ขึ้นแก่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม เรามิได้สร้างสูเจ้ามาจากของเหลวที่ไร้ค่า แล้วได้ให้มันอยู่ใน สถานที่ปลอดภัย(มดลูก) ตามระยะเวลาที่กำาหนดไว้กระนั้นหรือ เรามีอำานาจที่จะทำาสิ่งนี้ ดังนั้น อำานาจของเราที่จะตัดสินจึงดีเยี่ยมที่สุด ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม เรามิได้ ทำาให้แผ่นดินนี้เป็นที่รองรับ ทั้งคนมีชีวิตและคนตายกระนั้นหรือ เรามิได้ตั้งภูเขาสูงไว้บนนั้นและได้ให้น้ำาจืดสนิทแก่สูเจ้าดื่มกระนั้น หรือ ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม จงออกไปยังที่ที่สูเจ้าเคยป ิเสธ จงออกไปยังเงาที่ทอดออกไป สามด้าน ที่จะไม่ให้ความร่มเย็นและการคุ้มครองจากเปลวไฟ ที่ ลุกโชนสูงเหมือนหอคอย และสว่างเหมือนกับ ูงอู สีเหลือง ความ หายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม วันนั้น พวกเขา จะไม่ได้พูด และจะไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ตัว ความหายนะในวันนั้น จะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม นี่คือวันแห่งการตัดสิน เราได้ รวบรวมทั้งสูเจ้าและคนก่อนหน้าสูเจ้าเข้าไว้ด้วยกัน ตอนนี้ ถ้าสูเจ้ามี เพทุบายอะไรต่อ ัน จงแสดงออกมา ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้น แก่บรรดาผู้ป ิเสธ ส่วนบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้านั้นจะได้อยู่ท่ามกลางร่มเงาและน้ำาพุ และผลไม้ต่างๆตามที่พวกเขาต้องการ พวกเขาจะถูกบอกว่า จง กินและจงดื่มตามสบายใน านะที่เป็นรางวัลตอบแทนสิ่งที่สูเจ้าได้กระทำา

อัล นะบะอ์

ไว้(ในชีวิต) 44 นี่คือวิธีการที่เราได้ตอบแทนบรรดาผู้ทำาความดี 45 แต่ ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม สูเจ้าจงกิน และจงสนุกสนานไปชั่วขณะหนึ่งเถิด แท้จริงแล้ว สูเจ้าคือผู้ทำาความผิด 47 ความหายนะในวันนั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม เมื่อ พวกเขาถูกสั่งให้โค้งคำานับ พวกเขาไม่โค้งคำานับ ความหายนะในวัน นั้นจะเกิดขึ้นแก่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ดังนั้น คำาพูดอันใดเล่าหลัง จากนี้ที่พวกเขาจะศรัทธา 78. ข่าวคราว

อัล-นะบะอ์

ด้วยพระนามของพระเจ้า ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ พวกเขาถามกันเกี่ยวกับเรื่องอะไร เกี่ยวกับเรื่องข่าวใหญ่(เรื่อง การฟื้นคืนชีพ) ที่พวกเขากำาลังมีความขัดแย้งกันใช่ไหม 4 แต่พวก เขาจะได้รู้ในไม่ช้า 5 แน่นอน พวกเขาจะได้พบความจริงในอีกไม่นาน เรามิได้สร้างแผ่นดินนี้ให้เป็นพื้นราบเหมือนที่นอน 7 และทำาให้ภูเขา เป็นหมุดที่ค้ำายันหรือ เราได้สร้างสูเจ้าเป็นคู่ และได้ทำาให้การนอน ของสูเจ้าเป็นการพักผ่อน และทำาให้กลางคืนเป็นที่ปกคลุม และ ทำากลางวันสำาหรับการหาเลี้ยงชีพ เราได้สร้างชั้นฟ้าอันแข็งแรงทั้ง เจ็ดไว้เหนือสูเจ้า และเราได้ทำาให้ในนั้นมีตะเกียงที่สว่างส่องแสงออก มา ได้ทำาให้น้ำาหลั่งลงมาอย่างมากมายจากเม น เพื่อที่เราจะได้ ทำาให้ข้าวโพดผักและพืชผักงอกเงยออกมา และสวนต่างๆเขียวชอุ่ม แน่นอน วันแห่งการพิพากษามีเวลาที่ได้ถูกกำาหนดไว้แล้ว วันที่แตรจะถูกเป่าและสูเจ้าจะออกมากันเป็นหมู่ๆ และชั้นฟ้าจะ ถูกเปิดออกเพื่อเป็นประตู และภูเขาจะถูกเคลื่อนจนเหมือนกับมันเป็น

ข่าวคราว

ภาพลวงตา แท้จริง นรกนั้นเป็นสิ่งที่คอยซุ่มอยู่ เป็นที่พำานักสำาหรับ บรรดาผู้ ่า ืน พวกเขาจะพำานักอยู่ในนั้นเป็นเวลายาวนาน ในนั้น พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความเย็นและเครื่องดื่มใดๆ นอกจากน้ำาเดือด และสิ่งที่ไหลออกมาจากแผล เป็นการตอบแทนอย่างสาสม เพราะ พวกเขามิได้คาดคิดว่าจะถูกเรียกมาสอบสวน และพวกเขาป ิเสธ สัญญาณทั้งหลายของเรา แต่เราได้บันทึกทุกสิ่งไว้ในบันทึกแล้ว (ดังนั้น เราจะกล่าวว่า) จงลิ้มรส(ผลของการที่สูเจ้าทำาชั่วไว้) และเรา จะไม่ให้สิ่งใดแก่สูเจ้านอกไปจากการลงโทษที่ทรมานมากยิ่งขึ้นๆ แน่นอน สำาหรับผู้ยำาเกรงพระเจ้า พวกเขาจะได้รับชัยชนะ พวกเขาจะได้รับสวนต่างๆและไร่องุ่น และสาวๆที่มีอายุรุ่นราว คราวเดียวกัน และถ้วยแก้วที่มีเครื่องดื่มเต็มเปี่ยม ที่นั่น พวกเขา จะไม่ได้ยินคำาพูดไร้สาระและความเท็จ ทั้งหมดนี้เป็นรางวัลตอบแทน และของขวัญอย่างเพียงพอจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ผู้ทรงอภิบาล แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนี้ ผู้ทรง กรุณา ซึ่งไม่มีใครมีอำานาจขึ้นเสียงต่อหน้าพระองค์ วันที่วิญญาณ และ บรรดาทูตสวรรค์จะยืนขึ้นเป็นแถว และจะไม่มีใครพูดนอกไปจากคนที่ พระผู้ทรงกรุณาจะอนุญาต และผู้ที่พูดในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น วันนั้นจะ ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็จงให้เขาเลือกทางเดินทาง กลับไปสู่พระผู้อภิบาลของเขา เราได้เตือนสูเจ้าแล้วถึงการลงโทษที่ กำาลังใกล้เข้ามา วันที่มนุษย์จะได้เห็นทุกสิ่งที่สองมือของเขาได้ส่งไปล่วง หน้า และบรรดาผู้ป ิเสธจะร้องออกมาว่า ถ้า ันเป็นเพียง ุ่นก็จะดี

อัล นาซิอาต

79. ผู้กระชาก

อัล-นาซิอาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วย(ลม)ที่กระชากออกมาอย่างแรง และที่พัดอย่างนุ่มนวล และขอสาบานด้วยบรรดา (เม ) ที่ลอยล่องอย่างสงบ 4 และขอสาบาน ด้วยบรรดาผู้ที่ทำาตามคำาบัญชาอย่าง ับพลันทันที 5 และขอสาบานด้วย บรรดาผู้ควบคุมเหตุการณ์ต่างๆ ในวันที่การสั่นสะเทือนจะทำาให้(โลก) เกิดการกระเทือนอย่างรุนแรงไปทั่ว 7 และตามมาด้วยการกระเทือนอีก หลายครั้ง หัวใจทั้งหมดในวันนั้นจะสะสั่นสะท้านด้วยความกลัว ใน ขณะที่ตาละห้อย พวกเขากล่าวว่า อะไรนะ เราจะถูกทำาให้กลับมามี ชีวิตอีกกระนั้นหรือ ถึงแม้ว่าเราได้กลายเป็นกระดูกที่ผุพังไปแล้ว พวกเขากล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นก็เป็นการกลับไปที่ขาดทุนชัดๆ แต่ ทั้งหมดจะใช้เวลาแค่การระเบิดเพียงครั้งเดียว แล้วคอยดู พวกเขา ทั้งหมดจะออกมาปราก ในทุ่งโล่ง เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของมูซาไหม เมื่อพระผู้อภิบาลของเขา ได้เรียกเขาในหุบเขา ุวา (โดยกล่าวว่า) จงไปหาฟาโรห์ แท้จริง เขา ได้กลายเป็นผู้ ่า ืนทุกอย่างแล้ว และจงบอกเขาว่า ท่านจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเองไหม ท่านต้องการให้ ันนำาท่านไปยังพระผู้ อภิบาลของท่านเพื่อที่ท่านจะได้เกรงกลัวพระองค์ไหม แล้วมูซา ได้แสดงให้เขาได้เห็นถึงสัญญาณอันยิ่งใหญ่ แต่เขากลับป ิเสธมัน และไม่ยอมรับ(ความศรัทธา) หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไป และเรียก ผู้คนของเขาทั้งหมดมาชุมนุมกัน และประกาศว่า ันเป็นพระเจ้า สูงสุดของพวกเจ้า ดังนั้น พระเจ้าจึงได้ทำาลายเขาเพื่อเป็นการลงโทษ

เขาแสดงหน้าขมึงทึง

ทั้งในโลกหน้าและโลกนี้ แท้จริง ในนั้นมีบทเรียนสำาหรับคนที่เกรงกลัว พระเจ้า (มนุษย์เอย) การสร้างสูเจ้าเป็นสิ่งที่ยากกว่าการสร้างชั้นฟ้าที่ พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา โดยการยกมันให้สูงขึ้นเป็นหลังคาและ ออกแบบมันโดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ และทำาให้กลางคืนของมันมืด และนำาแสงสว่างยามเช้าของมันออกมา และแผ่นดินที่พระองค์ทรงแผ่ ออก หลังจากนั้นได้ทรงทำาให้น้ำาและทุ่งหญ้าออกมาจากมัน และได้ ทรงให้มีภูเขาปักแน่นอยู่ในนั้น (ทั้งหมดนี้)เพื่อเป็นแหล่งปัจจัยสำาหรับ สูเจ้าและปศุสัตว์ของสูเจ้ากระนั้นหรือ เมื่อความหายนะอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ในวันที่มนุษย์จะนึกถึงสิ่ง ที่เขาได้ขวนขวายไว้ และนรกถูกเปิดให้ทุกคนได้เห็น ใครที่โอหัง และชอบชีวิตแห่งโลกนี้ จะพบตัวเองอยู่ในนรก ผู้ที่เกรงกลัว ต่ อ การไปยื น อยู่ เ บื้ อ งหน้าพระผู้อ ภิบาลของเขาและยับยั้งตัวเองจาก อารมณ์ใ ่ต่ำา จะได้อยู่ในสวรรค์ พวกเขาถามเจ้า(นบี)เกี่ยวกับยาม อวสานว่า มันจะเกิดขึ้นเมื่อใด มันไม่ใช่เจ้าที่จะไปบอกเวลาของมัน 44 ความรู้เรื่องนี้อยู่ที่พระเจ้าเท่านั้น 45 เจ้าเป็นเพียงแค่ผู้ตักเตือนแก่คนที่ เกรงกลัวมัน วันที่พวกเขาเห็นมัน พวกเขาจะหวั่นกลัวราวกับพวกเขา ได้อยู่ในโลกนี้แค่เพียงตอนเย็นหรือตอนเช้าของวันหนึ่งเท่านั้น 80. เขาแสดงหน้าขมึงทึง

อะบะซะ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เขาทำาหน้าบึ้งและเบือนหน้าของเขา เมื่อมีคนตาบอดมาหาเขา และอะไรที่ทำาให้เจ้ารู้ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง 4 หรือใส่ใจในคำา

อะบะซะ

ตักเตือนและได้รับประโยชน์จากการเตือน(ของเรา) 5 ส่วนผู้ที่เ ยเมย นั้น เจ้ากลับให้การเอาใจใส่ 7 ถึงแม้เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบถ้าหากเขาไม่ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเขาเอง ส่วนผู้ที่พากเพียรมาหาเจ้าด้วยเจตนา ของเขาเอง และเขามีความเกรงกลัว เจ้ากลับเบือนหน้าหนี แท้จริง นี่(กุรอาน)คือการตักเตือน ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็ให้เขายอมรับ มัน ได้ถูกบันทึกไว้แล้วในแผ่นจารึกอันมีเกียรติ ที่ได้รับการยกย่องเทิดทูน และสะอาดบริสุทธิ์ โดยมือของผู้บันทึก ที่มีเกียรติและบริสุทธิ์ หายนะจะเกิดแก่มนุษย์ เขาช่างเนรคุณเสียนี่กระไร จากอะไรเล่าที่ พระองค์ทรงสร้างเขามา จากเชื้ออสุจิหยดหนึ่ง พระองค์ได้ทรงสร้าง เขาและได้ทรงกำาหนดสัดส่วนของเขา หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำาให้ หนทางของเขาง่ายดายสำาหรับเขา หลังจากนั้น พระองค์ทรงทำาให้เขา ตายและนำาเขาไปสู่หลุม ังศพ หลังจากนั้น เมื่อพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์จะทรงทำาให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่กระนั้น มนุษย์ยังป ิเสธ ที่จะทำาสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งไว้ ดังนั้น มนุษย์จงมองไปยังอาหารที่เขา กิน เราได้หลั่งน้ำาลงมาอย่างมากมาย หลังจากนั้น เราได้แยกแผ่น ดินออกจากกัน หลังจากนั้น เราได้ทำาให้พืชพรรณเติบโตขึ้นมาในนั้น และองุ่นและพืชผัก และมะกอกและอินทผลัม และสวนที่เขียว ชอุ่ม และผลไม้ทุกชนิดและทุ่งหญ้า เพื่อเป็นปัจจัยยังชีพสำาหรับ สูเจ้าและสัตว์เลี้ยงของสูเจ้า ในที่สุด เมื่อมีเสียงกัมปนาทกึกก้องเกิดขึ้น วันนั้น ผู้คนจะวิ่งหนี ออกจากพี่น้องของเขา จากแม่ของเขาและพ่อของเขา และภรรยา ของเขาและลูกๆของเขา ในวันนั้น พวกเขาแต่ละคนจะสาละวนอยู่ กับเรื่องของตัวเองจนไม่สนใจผู้อื่น หลายใบหน้าในวันนั้นจะสดใส ร่าเริงและดีใจ แต่หลายใบหน้าในวันนั้นจะเต็มไปด้วย ุ่น และ ความมืดจะปกคลุมพวกเขา พวกเขาเหล่านี้คือบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมและผู้ทำาบาป

81. การม้วน

อัล-ตักวีรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อดวงอาทิตย์ถูกม้วน และเมื่อดวงดาวทั้งหลายอับแสง และเมื่อ ภูเขาถูกทำาให้เคลื่อนย้าย 4 และเมื่ออู ท้องสิบเดือนถูกทิ้งโดยไม่มีใคร สนใจ 5 และเมื่อสัตว์ได้ถูกนำามารวมกัน และเมื่อทะเลถูกทำาให้ลุกเป็น ไฟ 7 และเมื่อวิญญาณทั้งหลายถูกแบ่งออกเป็นชั้นต่างๆ และเมื่อทารก หญิงที่ถูก ังทั้งเป็นถูกถาม ว่าด้วยความผิดอะไรที่เธอถึงได้ถูก ่า เมื่อบันทึกการกระทำาทั้งหลายของมนุษย์ถูกเปิดออก เมื่อม่านแห่ง ชั้นฟ้าถูกเปิดออก เมื่อนรกถูกจุดให้ลุกโชน เมื่อสวรรค์ได้ถูกนำามา ใกล้ (หลังจากนั้น) แต่ละชีวิตจะได้รู้ว่าเขาได้นำาอะไรมา ันขอสาบานต่อดวงดาวทั้งหลายที่หายลับไป และดวงดาวที่ กำาลังซ่อนเร้น และกลางคืนเมื่อมันจากไป และลมหายใจแรกของ ตอนเช้า นี่คือถ้อยคำาที่นำามาโดยศาสนทูตผู้ทรงเกียรติ ที่เต็มไป ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่และถูกถือว่ามีเกียรติโดยพระผู้อภิบาลของบัลลังก์ ผู้ได้รับการเชื่อฟังและผู้ที่ไว้วางใจได้ สหายของสูเจ้า(มุ ัมมัด)มิใช่ คนบ้า เขาได้เห็นทูตสวรรค์บนขอบฟ้าอันชัดแจ้ง และเขาไม่ได้เป็น คนละโมบในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น และนี่มิใช่ถ้อยคำาของมารร้ายที่ถูก สาปแช่ง แล้วสูเจ้าจะไปไหน แท้จริง นี่เป็นการตักเตือนยังชาวโลก ทุกคน สำาหรับทุกคนในหมู่สูเจ้าที่ต้องการจะป ิบัติตามแนวทางที่ถูก ต้อง แต่ความประสงค์ของเจ้าไม่อาจเกิดขึ้นได้เลยเว้นเสียแต่ว่าพระ ผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาลจะทรงประสงค์(ที่จะแสดงให้เจ้าเห็นทางนั้น)

อัล อินฟิ อรฺ

82. การแยกออกจากกัน

อัล-อินฟิฏอรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อชั้นฟ้าถูกแยกออก และเมื่อหมู่ดาวแตกกระจาย และเมื่อทะเล ทั้งหลายล้นท่วม 4 และเมื่อหลุม ังศพทั้งหลายถูกเปิดออก 5 ทุกชีวิต จะได้รู้สิ่งที่พวกเขาได้ทำาไว้ทั้งก่อนนี้และหลังจากนั้น มนุษย์เอย อะไร เล่าที่หลอกลวงสูเจ้าเกี่ยวกับพระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติของสูเจ้า 7 ผู้ทรง สร้างสูเจ้าและทรงทำาให้สูเจ้าเป็นรูปร่างและทรงทำาให้สูเจ้าสมส่วน และ แต่กระนั้น สูเจ้า ประกอบสูเจ้าขึ้นมาในรูปที่พระองค์ทรงประสงค์ ยังป ิเสธการตัดสินครั้งสุดท้าย ถึงแม้ว่าเหนือสูเจ้ามีผู้คอยเ ้าดูอยู่ เป็นผู้บันทึกผู้ทรงเกียรติ ผู้รู้ทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำา แน่นอน บรรดา ผู้มีคุณธรรมนั้นจะได้อยู่ในความสุข ในขณะที่คนชั่วจะได้อยู่ในนรก ที่พวกเขาจะเข้าไปในนั้นในวันแห่งการพิพากษา และพวกเขาจะ ไม่สามารถออกไปจากนั้นได้ และอะไรที่จะทำาให้สูเจ้ารู้ว่าวันแห่งการ พิพากษาคืออะไร แล้วอะไรที่จะทำาให้สูเจ้ารู้ว่าวันแห่งการพิพากษา คืออะไร มันเป็นวันที่ไม่มีใครมีอำานาจที่จะทำาสิ่งใดเพื่อคนอื่นได้ การ ตัดสินในวันนั้นเป็นสิทธิของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว

กุรอานบอกให้เรารู้ว่าวันแห่งการพิพากษาจะมาถึงในที่สุด มนุษย์ ทั้ ง หมดจะถู ก นำ า มารวมกั น ในวั น นั้ น และจะได้ รั บ รางวั ล ตอบแทน หรือลงโทษตามที่พวกเขาได้ทำาไว้ การบอกข่าวเรื่องนี้สอดคล้องกับ สถานการณ์ปัจจุบันของโลก ความจริงแล้ว การสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างมี ความหมายนี้มีเหตุผลสนับสนุนอยู่ในการประกาศนี้

ผู้โกงตาชั่ง

83. ผู้โกงตาชั่ง

อัล-มุฏ็อฟฟิฟีน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ความวิบัติจงมีแด่บรรดาผู้ชั่งตวงให้ขาด ผู้ที่ต้องการให้คนอื่นตวง ให้เต็มจำานวนเมื่อตวงให้พวกเขา แต่เมื่อพวกเขาตวงหรือชั่งให้คนอื่น พวกเขาก็ทำาให้ขาด 4 พวกเขาไม่คิดหรือว่าพวกเขาจะถูกทำาให้ฟื้นขึ้นมา อีกครั้งหนึ่ง 5 ในวันอันยิ่งใหญ่ วันที่มนุษย์จะยืนต่อหน้าพระผู้อภิบาล แห่งสากลโลก 7 แท้จริงแล้ว บันทึกของบรรดาผู้ทำาชั่วนั้นอยู่ในซิจญีน และอะไรที่จะทำาให้สูเจ้ารู้ว่าซิจญีนนั้นคืออะไร มันเป็นบันทึกที่ได้ ถูกเขียนไว้แล้ว ความวิบัติในวันนั้นจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ป ิเสธ ที่ ถือว่าวันแห่งการพิพากษาเป็นเรื่องเท็จ ไม่มีใครป ิเสธมันได้นอกไป จากผู้ล่วงละเมิดที่ทำาบาปทุกคน เมื่อวจนะของเราได้ถูกนำามาอ่านให้ แก่เขา เขาก็กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องราวปรัมปราตั้งแต่ครั้งโบราณ ไม่ เลย ความจริงแล้ว การทำาชั่วของพวกเขาต่างหากที่ทำาให้หัวใจของพวก เขาถูกปกคลุมด้วยสิ่งเปรอะเปื้อน ไม่เลย ในวันนั้น พวกเขาจะถูก ขวางกั้นจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาอย่างแน่นอน หลังจากนั้น พวก เขาจะเข้านรก แล้วพวกเขาจะถูกบอกว่า นี่คือสิ่งที่สูเจ้าเคยป ิเสธ แต่บันทึกของผู้ทำาความดีนั้น(ถูกรักษาไว้)อยู่ในอิลลียูน และ อะไรที่จะทำาให้สูเจ้ารู้ว่าอิลลียูนนั้นคืออะไร มันเป็นบันทึกที่ได้ถูก เขียนไว้ ซึ่งบรรดาทูตสวรรค์ผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจะให้คำายืนยัน แน่นอน คนมีคุณธรรมจะได้อยู่ในความสุข พวกเขาจะนั่งอยู่บนเตียงสูงแล้ว มองลงมาโดยรอบ สูเจ้าจะได้เห็นร่องรอยแห่งความสุขสำาราญปราก อยู่บนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาจะได้ดื่มเหล้าองุ่นที่คัดเลือกมา อย่างดีและถูกปิดผนึกไว้ โดยผนึกของมันจะทำาด้วยชะมดเชียง ดัง

นั้น ใครที่อยากจะได้สิ่งนี้ ก็ให้เขาพยายาม เหล้าองุ่นนั้นจะมาจาก ส่วนผสมของตัสนีม ซึ่งเป็นตาน้ำาที่บรรดาผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจะได้ดื่มมัน ส่วนบรรดาผู้ทำาผิดที่เคยหัวเราะเยาะบรรดาผู้ศรัทธานั้น เมื่อบรรดา ผู้ศรัทธาเดินผ่าน พวกเขาจะหลิ่วตาให้กัน และเมื่อพวกเขากลับไปหา พวกพ้องของพวกเขา พวกเขาก็กลับไปอย่างขบขัน และเมื่อพวกเขา เห็นบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขาจะกล่าวว่า พวกนี้คือผู้หลงผิด ทั้งๆที่ พวกเขามิได้ถูกส่งมาเป็นผู้พิทักษ์เหนือพวกเขาแต่ประการใด ดังนั้น วันนี้ บรรดาผู้ศรัทธาจะหัวเราะบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมบ้าง ในขณะที่ พวกเขาเอนกายอยู่บนฟูกมองดูไปรอบๆ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมย่อม ได้รับการตอบแทนตามที่พวกเขาได้ทำาไว้มิใช่หรือ 84. การเปิดโดยระเบิดออก

อัล-อินชิกอก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อท้องฟ้าได้แตกออก และมันเชื่อฟังคำาบัญชาของพระผู้อภิบาลของ มันตามที่มันต้องทำาเช่นนั้น และเมื่อแผ่นดินได้ถูกแผ่กว้าง 4 และพ่น เอาทุกสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาจนมันว่างเปล่า 5 และมันเชื่อฟังคำาบัญชา ของพระผู้อภิบาลของมันตามที่มันต้องทำาเช่นนั้น มนุษย์เอย การดิ้นรน ขวนขวายอย่างหนักไปยังพระผู้อภิบาลของสูเจ้า สูเจ้าจะได้พบพระองค์ อย่างแน่นอน 7 ใครที่ได้รับบันทึกทางด้านมือขวา จะถูกสอบสวนอย่าง ง่ายดาย และเขาจะกลับไปหาครอบครัวของเขาด้วยความสุข ส่วน ผู้ที่ได้รับบันทึกจากด้านหลัง เขาผู้นั้นจะร้องหาความตาย และจะ ถูกโยนเข้านรก เขาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของเขาอย่างสุขสำาราญ เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องกลับไป(หาพระเจ้า) ทำาไมจะไม่

เล่า พระผู้อภิบาลของเขาเ ้าดูการกระทำาของเขาอยู่เสมอ ันขอ สาบานด้วยยามพลบค่ำา และยามกลางคืน และสิ่งที่มันปกคลุม และ ดวงจันทร์เมื่อมันเต็มดวง สูเจ้าจะต้องผ่านจากสภาพหนึ่งไปยังอีก สภาพหนึ่งอย่างแน่นอน มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขากระนั้นหรือที่พวก เขาไม่ศรัทธา เมื่อกุรอานได้ถูกอ่านต่อหน้าพวกเขา พวกเขาไม่ก้ม ลงกราบ แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมไม่ยอมรับมัน พระเจ้า ทรงรู้ดีที่สุดถึงสิ่งที่พวกเขาสะสมไว้ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้น จงแจ้ง พวกเขาให้รู้ถึงการลงโทษอันเจ็บปวด แต่สำาหรับบรรดาผู้ศรัทธาและ กระทำาความดีจะได้รับรางวัลตอบแทนที่ไม่มีวันสิ้นสุด 85. หมู่ดาว

อัล-บุรูจญ์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยท้องฟ้ากับดวงดาวของมัน และด้วยวันที่ถูกสัญญาไว้ และขอสาบานด้วยผู้เห็นและสิ่งที่ถูกเห็น 4 ความหายนะได้บังเกิดขึ้นแล้ว กับผู้คนแห่งหลุม 5 ที่มีไฟลุกโชนด้วยเชื้อเพลิง เมื่อพวกเขานั่งอยู่ข้าง หลุม 7 และมองเห็นสิ่งที่พวกเขากำาลังทำากับบรรดาผู้ศรัทธา ที่พวกเขา เกลียดโดยไม่มีเหตุผลใดนอกไปจากพวกเขาเหล่านั้นศรัทธาในพระเจ้า ผู้ทรงอำานาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ ผู้ทรงเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่ง ชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระเจ้าทรงเ ้าดูทุกสิ่ง สำาหรับบรรดา ผู้เข่น ่าสังหารบรรดาชายและหญิงผู้ศรัทธาแล้วยังไม่สำานึกผิดหลังจาก นั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษของนรกและการลงโทษโดยการเผาไหม้ ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้นมีสวรรค์สำาหรับพวกเขาซึ่ง ใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ แท้จริง การ

อัล อริก

ลงโทษของพระผู้อภิบาลของสูเจ้านั้นรุนแรงสาหัสยิ่ง แท้จริง พระองค์ คือผู้ทรงสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก และพระองค์อีกเช่นกันที่จะทรงสร้างขึ้น มาอีก และพระองค์คือผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงรักใคร่ปรานี ผู้ทรงเป็น เจ้าของบัลลังก์อันทรงเกียรติ ทรงเป็นผู้ทำาตามที่พระองค์ทรงประสงค์ เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของบรรดาไพร่พล ของฟาโรห์และชาวษะมู ดกระนั้นหรือ แต่บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมยังดึงดันอยู่ในการป ิเสธ พระเจ้าได้ทรงล้อมพวกเขาไว้ทุกด้านแล้ว แท้จริงแล้ว มันคือกุรอา นอันประเสริ ที่ถูกบันทึกไว้บนแผ่นที่ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี 86. สิ่งที่มาในตอนกลางคืน

อัล-ฏอริก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าและผู้มาเยือนในยามค่ำาคืน และอะไรที่จะทำาให้ เจ้ารู้ว่าอะไรที่มาเยือนในยามค่ำาคืน มันคือดวงดาวที่ประกายแสง นั่นไง 4 (เพราะ)ไม่มีชีวิตใดถูกทิ้งไว้โดยปราศจากการป้องกัน 5 ดังนั้น มนุษย์จงตรองดูเถิดว่าเขาได้ถูกสร้างมาจากอะไร เขาถูกสร้างมาจาก น้ำาที่พุ่งกระ ูด 7 ออกมาจากระหว่างกระดูกสันหลังและกระดูกหน้าอก แน่นอน พระองค์ทรงมีอำานาจที่จะสร้างเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ในวัน ที่ความลับทั้งหลายจะถูกเปิดเผย หลังจากนั้น มนุษย์จะไม่มีอำานาจ ใดๆของตนเองและไม่มีผู้ช่วยเหลือใดๆ ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าทั้งหลาย ที่โคจรอยู่ตลอดเวลา และด้วยแผ่นดินที่แยกออกพร้อมกับการเติบ โตใหม่ๆ แท้จริง มันคือวจนะอันชัดเจนเด็ดขาด และมันไม่ใช่ของ เล่น พวกเขากำาลังวางแผนกันอยู่ และ ันก็กำาลังวางแผนอยู่เช่นกัน

สูงที่สุด

ดังนั้น (โอ้นบี) จงอดทนต่อบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมและปล่อยพวกเขา ไว้สักระยะหนึ่ง 87. สูงที่สุด

อัล-อะอฺลา

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ (โอ้ นบี) จงสดุดีพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสูงที่สุด ผู้ทรง สร้างทุกสิ่งและผู้ทรงกำาหนดสัดส่วนให้มัน ผู้ทรงกำาหนดธรรมชาติ (ของทุกสิ่งที่มีอยู่) และทรงนำาทางมันไปตามนั้น 4 ผู้ทรงทำาให้พืชพรรณ งอกเงยออกมา 5 หลังจากนั้นทรงทำาให้มันเหี่ยวลงมาเป็นขยะสีคล้ำา (โอ้นบี) เราจะทำาให้เจ้าอ่านกุรอานเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ลืม 7 เว้นแต่ พระเจ้าจะทรงประสงค์ พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่เปิดเผยและสิ่งที่ถูกซ่อนเร้น เราจะให้หนทางแห่งความสะดวกง่ายดายแก่เจ้า ดังนั้น จงตักเตือน พวกเขาเถิดถ้าหากการตักเตือนนั้นเป็นประโยชน์ ใครที่กลัว(พระเจ้า) จะยอมรับคำาตักเตือน ส่วนผู้เคราะห์ร้ายจะไม่สนใจใยดี ผู้ที่จะเข้า นรกขุมใหญ่ ซึ่งในนั้นเขาจะไม่ตายและไม่มีชีวิต แท้จริง ผู้ประสบ ความสำาเร็จคือผู้ที่ขัดเกลาตนเองให้บริสุทธิ์ และผู้ระลึกถึงพระนาม ของพระผู้อภิบาลของเขาแล้วนมาซ แต่สูเจ้า (โอ้มนุษย์) กลับชอบชีวิต แห่งโลกนี้ ทั้งๆที่โลกหน้านั้นดีกว่าและถาวรกว่า แท้จริง นี่เป็นสิ่ง ได้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้แล้ว นั่นคือคัมภีร์ของอิบรอ ีมและมู ซา

อัล อชิยะ ฺ

88. เหตุการณ์ที่ปกคลุม

อัล-ฆอชิยะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เจ้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับความหายนะที่เป็นเงาปกคลุมแล้วมิใช่หรือ ในวันนั้น หลายใบหน้าจะก้มต่ำา กรำางานหนัก รู้สึกหดหู่ 4 พวกเขา จะเข้าไปในเปลวไฟอันร้อนแรง 5 และจะได้ดื่มน้ำาจากน้ำาพุเดือด ไม่มี อาหารใดสำาหรับพวกเขานอกไปจากหนาม 7 ที่จะไม่ทำาให้เขาอ้วนและ ไม่ทำาให้หายหิว หลายใบหน้าในวันนั้นจะเบิกบาน ดีใจกับสิ่งที่เขา ได้ทำาไว้ ในสวนสวรรค์อันสูงส่ง ที่พวกเขาจะไม่ได้ยินเรื่องไร้สาระ พร้อมกับตาน้ำาไหลรินอยู่ตลอด มีฟูกที่ยกสูง และถ้วยแก้วที่ถูก จัดเรียงไว้พร้อมหยิบ มีหมอนอิงเรียงไว้เป็นแถว และพรมอย่างดีปู ลาดไว้ พวกเขาไม่พิจารณาอู หรือว่ามันถูกสร้างมาอย่างไร และ ดูท้องฟ้าว่ามันถูกยกสูงขึ้นอย่างไร และดูภูเขาว่ามันได้ถูกตั้งมั่น ไว้อย่างไร และดูว่าแผ่นดินได้ถูกแผ่ขยายอย่างไร ดังนั้น (โอ้ นบี) จงตักเตือนพวกเขาต่อไปเถิด เพราะเจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น เจ้าไม่ใช่ผู้ดูแลพวกเขา แต่ผู้ที่หันหลังให้และบรรดาผู้ป ิเสธ สัจธรรมนั้น พระเจ้าจะลงโทษพวกเขาอย่างหนัก แท้จริง ยังเราต่าง หากที่พวกเขาจะกลับมา หลังจากนั้น เราเองมีหน้าที่จะเรียกพวกเขา มาชำาระบัญชี

รุ่งอรุณ

89. รุ่งอรุณ

อัล-ฟัจญร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยยามรุ่งอรุณ และด้วยคืนทั้งสิบ และด้วยสิ่งที่เป็น จำานวนคู่และคี่ 4 และด้วยกลางคืนเมื่อมันจากไป 5 ในนั้นไม่มีหลัก านที่หนักแน่นสำาหรับผู้มีสติหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าพระผู้อภิบาลของ เจ้าจัดการอย่างไรกับพวกอาด 7 ชาวอิร็อม เมืองที่มีเสาสูงตระหง่าน มากมาย ซึ่งไม่เคยมีใครสร้างมาก่อนในแผ่นดิน และพวกษะมูดที่ และฟาโรห์แห่งเสาหลักมากมาย พวก ขุดเจาะหินในหุบเขา เขาทั้งหมดคือผู้ที่ล่วงละเมิดในแผ่นดินของพวกเขา และแพร่ความ เสียหายอย่างมากมายในนั้น ด้วยเหตุนี้ พระผู้อภิบาลของเจ้าจึงได้ กระหน่ำาการลงโทษลงมาบนพวกเขา เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น ทรงเ ้าดูอยู่เสมอ สำาหรับมนุษย์นั้น เมื่อใดก็ตามที่พระผู้อภิบาลของ เขาทรงทดสอบเขา และให้้เกียรติเขา และประทานความโปรดปราน แก่เขา เขาจะกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของ ันทรงให้เกียรติ ัน แต่ เมื่อพระองค์ทรงทดสอบเขาและจำากัดปัจจัยยังชีพของเขา เขาก็กล่าว ว่า พระผู้อภิบาลของ ันได้สร้างความอัปยศให้แก่ ัน ไม่ใช่เช่นนั้น เลย แต่สูเจ้าไม่ป ิบัติดีต่อเด็กกำาพร้า และสูเจ้าไม่ส่งเสริมกันในการ เลี้ยงอาหารคนยากจน และสูเจ้ากินมรดกของผู้อ่อนแอด้วยความโลภ และสูเจ้ารักทรัพย์สินที่ไม่เคยพอ ไม่ใช่เลย เมื่อแผ่นดินถูกทำาให้สั่น สะเทือนจนเป็นผุยผง เมื่อพระผู้อภิบาลของเจ้ามาพร้อมกับทูตสวรรค์ ที่เรียงรายกันเป็นแถว และนรกในวันนั้นได้ถูกนำามาให้เห็น ในวันนั้น มนุษย์จะเข้าใจ แต่ความเข้าใจจะมีประโยชน์อะไรต่อเขาในตอนนั้น เขาจะกล่าวว่า ันน่าจะเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้าสำาหรับชีวิตนี้ของ

อัล บะลัด

ันบ้าง แล้วในวันนั้น ไม่มีใครสามารถลงโทษเหมือนพระองค์ทรง ลงโทษได้ และไม่มีใครสามารถผูกมัดได้เหมือนพระองค์ (สำาหรับผู้ มีคุณธรรมนั้น พระเจ้าจะทรงกล่าวแก่เขาว่า) โอ้ชีวิตที่สงบสุขเอย จง กลับไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้า ด้วยความยินดีและความปลื้มปิติ จง เข้ามาร่วมกับบ่าวผู้มีคุณธรรมของ ัน และเข้าสวรรค์ของ ันเถิด 90. เมือง

อัล-บะลัด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ันขอสาบานด้วยเมืองนี้ ในขณะที่เจ้า (โอ้ นบี) อาศัยอยู่ในเมืองนี้ และ ันขอสาบานด้วยผู้ให้กำาเนิดและลูกหลาน 4 ว่าเราได้สร้างมนุษย์ มาให้มีชีวิตอยู่ในความเหนื่อยยากและอยู่ในการทดสอบ 5 เขาคิดหรือว่า ไม่มีผู้ใดจะมีอำานาจเหนือเขา เขากล่าวว่า ันได้ใช้ทรัพย์สินมหาศาล มาแล้ว 7 เขาคิดหรือว่าไม่มีผู้ใดเห็นเขา เรามิได้ให้สองตา และ ลิ้นและสองริม ีปากแก่เขา และให้เขาได้เห็นถึงทั้งสองทางกระนั้น หรือ แต่เขาก็ไม่ได้พยายามขึ้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าทางขึ้นนั้นคืออะไร มันคือการปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ หรือการเลี้ยงอาหารในยาม อดอยากหิวโหย ของเด็กกำาพร้าที่เป็นญาติใกล้ชิด หรือคนยากจน ที่นอนอยู่ใน ุ่น ดังนั้น จงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ศรัทธา และตักเตือนกัน และกันไปสู่ความอดทนและตักเตือนกันไปสู่ความเมตตา บรรดาผู้ทำา เช่นนั้นคือผู้คนที่อยู่ด้านขวามือ และสำาหรับบรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรม ของสิ่งที่เราประทานมานั้น พวกเขาคือคนที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ พวก เขาจะมีไฟนรกห่อหุ้มอยู่

ดวงอาทิตย์

91. ดวงอาทิตย์

อัล-ชัมส์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยดวงอาทิตย์และแสงสว่างของมัน และด้วยดวงจันทร์ เมื่อมันโคจรตามหลังมัน และด้วยกลางวันเมื่อมันเปิดเผยความสว่างจ้า ของมัน 4 และด้วยยามกลางคืนเมื่อมันลากม่านมาปกคลุมมัน 5 และด้วย ชั้นฟ้าและพระองค์ผู้ทรงสร้างมัน และด้วยแผ่นดินและพระองค์ผู้ทรง แผ่ขยายมัน 7 และด้วยตัวตนของมนุษย์และพระองค์ผู้ทรงสร้างมันขึ้นมา อย่างสมดุล แล้วได้ทรงดลใจให้มันได้รู้ว่าอะไรถูกและอะไรผิดสำาหรับ มัน แท้จริง ผู้ประสบความสำาเร็จคือผู้ที่ขัดเกลาตนเองให้บริสุทธิ์ และ ผู้ทำาลายมันย่อมเป็นผู้ล้มเหลว พวกษะมูดได้ป ิเสธสัจธรรมเพราะ ความโอหังของพวกเขา เมื่อคนชั่วที่สุดของพวกเขาได้ลุกขึ้น ดังนั้น ศาสนทูตของพระเจ้าจึงได้บอกพวกเขาว่า นี่คืออู ตัวเมียของพระเจ้า จงปล่อยให้มันดื่มน้ำา แต่พวกเขาป ิเสธสิ่งที่เขากล่าวและ ่าอู ตัว นั้น ดังนั้น พระผู้อภิบาลของพวกเขาจึงได้ลงโทษพวกเขาเพราะบาปของ พวกเขาและได้ทำาลายพวกเขาทั้งหมด และพระองค์มิทรงเกรงกลัวผล ที่จะตามมา 92. กลางคืน

อัล-ลัยล์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยเวลากลางคืนเมื่อมันปิดบัง(โลก)ไว้ในความมืด และ เวลากลางวันเมื่อมันส่องสว่าง และด้วยการสร้างเพศชายและเพศหญิง

อัล ุ า 4 มนุษย์เอย ความพยายามของสูเจ้านั้นก็เพื่อเป้าหมายที่ต่างกัน 5 ดังนั้น

ผู้ใดที่ใช้จ่าย(เพื่อคนอื่น)และเกรงกลัวพระเจ้า และเชื่อมั่นในสัจธรรม ของสิ่งที่ถูกต้อง 7 เราจะปูหนทางของเขาไปสู่ความสะดวกง่ายดาย ส่วนผู้ที่ตระหนี่และไม่ใส่ใจ และป ิเสธสิ่งที่ถูกต้อง เราจะทำาให้ทาง ของเขาไปสู่ความลำาบาก และทรัพย์สินของเขาจะไม่เกิดประโยชน์ อันใดแก่เขาเมื่อเขาตกลงไป(ในขุมนรก) แท้จริง หน้าที่ของเราคือ การนำาทาง และทั้งโลกหน้าและโลกนี้เป็นของเรา ันได้เตือนสูเจ้า แล้วถึงไฟที่ลุกโชน ไม่มีใครถูกเผาไหม้ในนั้นนอกไปจากคนชั่วที่สุด ที่ป ิเสธสัจธรรมและหันหลังให้ ส่วนผู้ที่ยำาเกรงที่สุดนั้นจะถูกให้ อยู่ห่างจากมัน นั่นคือผู้ที่ใช้จ่ายทรัพย์สินของเขาเพื่อขัดเกลาตนเอง และเขาไม่ได้รับความดีความชอบจากผู้ใดที่เขาจะต้องให้การตอบแทน นอกจากการแสวงหาความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของเขาผู้ทรง สูงส่งเท่านั้น และไม่นานเขาจะได้รับความพอใจ 93. แสงสว่างยามเช้าที่เจิดจ้า

อัล-ฎุฮา

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยแสงสว่างของยามเช้าที่เจิดจ้า และกลางคืนเมื่อมัน มืด พระผู้อภิบาลของเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งเจ้า และมิได้ทรงโกรธเคือง เจ้า 4 แน่นอน โลกหน้านั้นดีกว่าชีวิตปัจจุบันสำาหรับเจ้า 5 ในไม่ช้า พระผู้อภิบาลของเจ้าจะทรงประทานแก่เจ้าอย่างมากมายจนเจ้าพอใจ พระองค์มิได้พบว่าเจ้าเป็นเด็กกำาพร้าและหลังจากนั้นได้ทรงดูแลเจ้า กระนั้นหรือ 7 พระองค์มิได้ทรงพบว่าเจ้าไม่รู้จักทางและพระองค์ได้ทรง นำาทางเจ้ากระนั้นหรือ พระองค์มิได้ทรงพบว่าเจ้าขัดสนและพระองค์

ทรงทำาให้เจ้าหมดจากความขัดสนกระนั้นหรือ ดังนั้น จงอย่าก้าวร้าว รุนแรงต่อเด็กกำาพร้า ส่วนผู้มาขอนั้น เจ้าจงอย่าดุด่าขับไล่ และจง ประกาศถึงความโปรดปรานของพระผู้อภิบาลของเจ้า 94. ความสะดวกสบาย

อัล-ชัรฺฮ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ (โอ้นบี) เรามิได้ยกหัวใจของเจ้าให้สูงขึ้น และปลดภาระหนักออกไป จากเจ้า ซึ่งเป็นภาระหนักบนหลังของเจ้า 4 และเรามิได้ทำาให้เจ้ามีชื่อ เสียงกระนั้นหรือ 5 แท้จริง พร้อมๆกับความยากลำาบากนั้นมีความง่าย อยู่ แน่นอน พร้อมๆกับความยากลำาบากนั้นมีความง่ายอยู่ 7 ดังนั้น เมื่อเจ้าเสร็จสิ้นจากการงานแล้ว จงอุทิศตนเองให้แก่การป ิบัติศาสนกิจ และจงหันความสนใจของเจ้าทั้งหมดไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้า 95. มะเดื่อ

อัล-ตีน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยมะเดื่อและมะกอก และด้วยภูเขาซีนาย และด้วย เมืองแห่งความสงบปลอดภัยนี้ 4 แท้จริง เราได้สร้างมนุษย์มาในรูปแบบ ที่ดีที่สุด 5 หลังจากนั้น เราได้ทำาให้เขากลับไปสู่ความต่ำาสุดของความต่ำา ยกเว้นบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี สำาหรับพวกเขานั้นมีรางวัล ตอบแทนอันไม่สิ้นสุด 7 ดังนั้น (โอ้ นบี) หลังจากนี้แล้ว อะไรเล่าที่จะ

อัล อะลัก

ทำาให้เจ้าป ิเสธการพิพากษาครั้งสุดท้าย ที่สุดในบรรดาผู้พิพากษาทั้งหลาย

มิใช่พระเจ้ากระนั้นหรือที่ดี

96. ก้อนเลือด

อัล-อะลัก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงอ่าน ด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้าผู้ทรงสร้าง ทรงสร้าง มนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่าน พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงโอบอ้อม อารีที่สุด 4 ผู้ทรงสอนมนุษย์ด้วยปากกา 5 ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขา ไม่รู้ ถึงกระนั้น มนุษย์ยังคงทำาตัวโอหัง 7 เพราะเขาเห็นว่าตัวเขาเอง มั่งคั่งเพียงพอ แท้จริง ทั้งหมดจะกลับไปยังพระผู้อภิบาลของเจ้า เจ้า ไม่เห็นผู้ห้าม บ่าวคนหนึ่งเมื่อเขานมาซกระนั้นหรือ เจ้าคิดหรือ ว่าเขาอยู่บนหนทางที่ถูกต้อง หรือกำาชับให้มีความยำาเกรงพระเจ้า เจ้าเห็นไหมว่าเขาป ิเสธสัจธรรมและหันหลังให้มันอย่างไร เขา ไม่รู้หรือว่าพระเจ้าทรงเห็นทุกสิ่ง จงให้เขาระวังไว้ ถ้าหากเขาไม่ หยุดยั้ง เราจะจิกหัวขม่อมเขา หัวขม่อมที่โกหกและทำาบาป ดัง นั้น จงให้เขาเรียกพวกที่สนับสนุนพวกเขามา เราจะเรียกทูตสวรรค์ผู้ ลงโทษมาเช่นกัน อย่าทีเดียว จงอย่าเชื่อฟังเขา และจงก้มกราบและจง เข้าใกล้พระเจ้า

คืนแห่งการกำาหนด

97. คืนแห่งการกำาหนด

อัล-ก๊อดรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เราได้ส่งมัน(กุรอาน)ลงมาในคืนแห่งการกำาหนดชะตากรรม และอะไร ที่ทำาให้เจ้ารู้ว่าคืนแห่งการกำาหนดชะตามกรรมนั้นคืออะไร คืนแห่ง การกำาหนดชะตากรรมนั้นดีกว่าพันเดือน 4 ในคืนนั้น บรรดาทูตสวรรค์ และวิญญาณได้ลงมาพร้อมกับประกาศิตสำาหรับทุกอย่างโดยอนุมัติของ พระผู้อภิบาลของพวกเขา 5 คืนนั้นเป็นคืนที่สงบจนกระทั่งรุ่งอรุณ 98. หลักฐานที่ชัดเจน

อัล-บัยยินะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจากในหมู่ชาวคัมภีร์และพวกบูชาเทวรูปจะ ไม่ละเว้นจากการป ิเสธจนกระทั่งหลัก านอันชัดแจ้งได้มายังพวกเขา (นั่นคือ)ศาสนทูตคนหนึ่งจากพระเจ้าจะมาอ่านคัมภีร์อันบริสุทธิ์ให้พวก เขา ซึ่งในนั้นมีสิ่งที่เขียนไว้อย่างถูกต้องและชัดเจน 4 บรรดาผู้ที่ได้รับ คัมภีร์ก่อนหน้านี้มิได้มีการแตกแยกกันจนกระทั่งหลังจากที่มีหลัก าน อันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว 5 พวกเขามิได้ถูกบัญชาใช้สิ่งใดนอกไป จากการเคารพสักการะพระเจ้าโดยการอุทิศตนด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อ พระองค์ จริงใจในความศรัทธาของพวกเขา ดำารงนมาซเป็นประจำาและ จ่ายซะกาต เพราะนี่เท่านั้นคือศาสนาที่แท้จริงและถูกต้องที่สุด แท้จริง บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมจากในหมู่ชาวคัมภีร์และผู้บูชาเทวรูปนั้นจะอยู่ ในนรกตลอดกาล พวกเขาเหล่านั้นเป็นมนุษย์ที่ชั่วช้าที่สุด 7 สำาหรับ

บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดีนั้น พวกเขาคือมนุษย์ที่ดีที่สุด พระผู้ อภิบาลของพวกเขามีรางวัลตอบแทนไว้สำาหรับพวกเขา เป็นสวนสวรรค์ อันนิรันดรที่ใต้นั้นมีลำาน้ำาหลายสายไหลผ่าน พวกเขาจะได้อยู่ในนั้น ตลอดกาล พระเจ้าจะทรงยินดีกับพวกเขาและพวกเขาจะยินดีในพระองค์ ทั้งหมดนี้สำาหรับผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา 99. แผ่นดินไหว

อัล-ซัลซะละฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อแผ่นดินถูกสั่นสะเทือนด้วยการสั่นสะเทือนอย่างสุดแรงของมัน และเมื่อแผ่นดินโยนทุกสิ่งที่มันแบกเอาไว้ในนั้นออกมา และเมื่อ 4 มนุษย์ถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับมัน ในวันนั้น มันจะบอกเล่าถึงสิ่งที่ ได้เกิดขึ้น 5 เพราะพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงบัญชามัน ในวันนั้น มนุษย์ จะออกกันมาเป็นหมู่ๆเพื่อที่จะได้เห็นการงานของพวกเขา 7 ดังนั้น ใคร ก็ตามที่ได้ทำาความดีไว้แม้เพียงอณูหนึ่งจะได้เห็นมัน และใครก็ตามที่ ได้ทำาความชั่วไว้แม้เพียงอณูหนึ่งก็จะได้เห็นมัน 100. ม้าที่หอบ

อัล-อาดิยาต

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมเตตาเสมอ ขอสาบานด้วยม้าที่วิ่งส่งเสียงหอบอย่างแรง ทำาให้เกิดประกายไฟ ด้วยกีบเท้าของมัน ในขณะที่พวกมันควบเพื่อทำาการจู่โจมในตอนเช้า 4 และทำาให้ ุ่นฟุ้ง 5 แล้วมันพุ่งตัวเข้าไปท่ามกลางศัตรู แท้จริง มนุษย์

นั้นเนรคุณต่อพระผู้อภิบาลของเขา 7 และตัวเขาเองก็เป็นพยานต่อสิ่งนั้น เขารักทรัพย์สมบัติแห่งโลกนี้อย่างหมดหัวใจ เขาไม่รู้หรือว่าเมื่อใด สิ่งที่ถูก ังอยู่ในสุสานจะถูกนำาขึ้นมา และสิ่งทั้งหมดที่ถูกซ่อนอยู่ใน หัวอกของเขาจะถูกเปิดเผย แน่นอน ในวันนั้นพระผู้อภิบาลของพวก เขาจะทรงรู้เรื่องของเขาเป็นอย่างดี 101. ผู้ทำาให้เกิดเสียงกระทบกัน

อัล-กอริอ๊ะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ สิ่งที่ทำาให้เกิดเสียงกึกก้องกัมปนาท อะไรคือสิ่งที่ทำาให้เกิดเสียง กึกก้องกัมปนาท และเจ้ารู้บ้างไหมว่าสิ่งที่ทำาให้เกิดเสียงกึกก้อง กัมปนาทคืออะไร 4 (มันเป็น)วันที่มนุษย์จะเป็นเหมือนแมลงเม่าที่ กระจาย 5 และภูเขาจะเหมือนกับขนสัตว์หลากสีที่ปลิวว่อน ดังนั้น ใคร ที่การงานที่ดีของเขามีน้ำาหนักในตาชั่ง 7 จะมีชีวิตที่มีความสุข แต่ใคร ที่การงานของเขาเบาในตาชั่ง เขาจะได้อยู่ในขุมนรก และเจ้ารู้อะไร ไหมว่ามันเหมือนกับอะไร มันคือไฟที่ลุกโชตช่วง 102. โลภอยากได้แล้วได้อีก

อัล-ตะกาซุรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ความโลภเพื่อให้ได้มากขึ้นและมากขึ้นทำาให้สูเจ้าเพลิดเพลินจนหลงลืม (พระเจ้า) จนกระทั่งสูเจ้าได้มาถึงหลุม ังศพ แน่นอน ในไม่ช้า สูเจ้า จะรู้ 4 ในไม่ช้า สูเจ้าจะได้รู้ 5 แน่นอน ถ้าสูเจ้าได้รู้ความจริงด้วยความเชื่อ

อัล ุมะซะ ฺ

มั่น สูเจ้าจะได้เห็นนรกอย่างแน่นอน 7 ดังนั้น สูเจ้าจะได้เห็นมันชัดๆ อย่างแน่นอน แล้วในวันนั้น สูเจ้าจะถูกเรียกมาสอบสวนในเรื่องความ โปรดปรานและความสุขแห่งชีวิต 103. การผ่านไปของเวลา

อัล-อัศรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ขอสาบานด้วยเวลาที่ผ่านไป มนุษย์นั้นอยู่ในสภาพขาดทุนอย่าง แน่นอน เว้นแต่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำาความดี และชักชวนกันไปสู่ สัจธรรม และชักชวนกันไปสู่ความอดทน 104. ผู้นินทา

อัล-ฮุมะซะฮฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ ความวิบัติจงมีแก่ทุกคนที่ชอบนินทาและใส่ร้ายผู้อื่น ผู้ที่ชอบสะสม ทรัพย์สินและนับมันอยู่เนืองๆ โดยคิดว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะยังคง อยู่กับเขาตลอดไป 4 ไม่มีวัน เขาจะถูกโยนลงไปในสถานที่ที่มีการบดขยี้ 5 และเจ้ารู้ไหมว่าสถานที่ที่มีการบดขยี้นั้นคืออะไร มันคือไฟที่พระเจ้า ทรงจุดขึ้น 7 ซึ่งจะลุกท่วมขึ้นมาถึงหัวใจ มันจะไหม้ล้อมพวกเขาในทุก ด้าน ในเสาที่สูงเหมือนหอคอย

105. ช้าง

อัล-ฟีล

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เจ้าไม่เห็นหรือว่าพระผู้อภิบาลของเจ้าได้จัดการกับพวกที่มากับช้าง อย่างไร พระองค์มิได้ทรงทำาให้แผนการของพวกเขาจบลงด้วยความ ล้มเหลว และพระองค์ทรงส่ง ูงนกจำานวนมากมายมายังพวกเขา 4 และ ขว้างพวกเขาด้วยหินจากดินเผา 5 แล้วหลังจากนั้นพระองค์ทรงทำาให้ พวกเขาเป็นเหมือนกับฟางหญ้าที่ถูกปศุสัตว์กินกระนั้นหรือ 106. กุเรช

กุรอยชฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เพื่อความปลอดภัยของชาวกุเรช เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาใน การเดินทางใน ดูหนาวและใน ดูร้อน ดังนั้น จงให้พวกเขาควรเคารพ สักการะพระผู้อภิบาลแห่งบ้านหลังนี้ 4 ผู้ทรงให้อาหารพวกเขาพ้นจาก ความหิว และทำาให้พวกเขาปลอดภัยจากความกลัว 107. สิ่งเล็กๆน้อยๆ

อัล-มาอูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เจ้าเห็นคนที่ป ิเสธวันแห่งการพิพากษาหรือไม่ เขาผู้นั้นก็คือผู้ขับ ไล่ไสส่งเด็กกำาพร้า และไม่ส่งเสริมการให้อาหารแก่คนยากจน 4 ดังนั้น

ความหายนะจงมีแด่บรรดาผู้นมาซ 5 แต่หัวใจของพวกเขาไม่อยู่ในการ นมาซของพวกเขา บรรดาผู้ทำาดีเพื่อให้คนได้เห็น 7 และผู้หวงแหนสิ่ง เล็กๆน้อย 108. ความอุดมสมบูรณ์

อัล-เกาษัรฺ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ (โอ้นบี) เราได้ประทานความอุดมสมบูรณ์แก่เจ้า ดังนั้น จงวิงวอนต่อ พระผู้อภิบาลของเจ้าและจงเชือดพลีเพื่อพระองค์เท่านั้น แท้จริง คนที่ เกลียดเจ้าต่างหากที่ถูกตัดขาดแล้ว 109. บรรดาผู้ปฏิเสธสัจธรรม

อัล-กาฟิรูน

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงกล่าวเถิดว่า โอ้บรรดาผู้ป ิเสธสัจธรรมทั้งหลาย ันไม่เคารพสัก การะสิ่งที่พวกท่านเคารพสักการะ และพวกท่านก็ไม่เคารพสักการะ พระองค์ผู้ที่ ันเคารพสักการะ 4 ันจะไม่มีวันเคารพสักการะสิ่งที่พวก ท่านเคารพสักการะ 5 และพวกท่านจะไม่มีวันเคารพสักการะสิ่งที่ ัน เคารพสักการะ พวกท่านมีศาสนาของพวกท่าน และ ันก็มีศาสนาของ ัน

110. ความช่วยเหลือ

อัล-นัศร์

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ เมื่อความช่วยเหลือของพระเจ้าและชัยชนะมา และเจ้าเห็นผู้คนกำาลัง เข้ามาในศาสนาของพระเจ้าเป็นกลุ่มๆ ดังนั้น จงสดุดีพระผู้อภิบาลของ เจ้าด้วยการสรรเสริญ และจงวิงวอนขอการอภัยโทษต่อพระองค์ แท้จริง พระองค์พร้อมเสมอที่จะรับการสำานึกผิด 111. เส้นใยที่ถูกบิดเป็นเกลียว

อัล-มะซัด

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ มือทั้งสองของอบูละ ับได้หักสะบั้นแล้วและเขาก็ได้รับความหายนะ ทรัพย์สินของเขาและอะไรก็ตามที่เขาหามาได้นั้นไม่ได้อำานวย ประโยชน์อะไรให้เขาเลย ในไม่ช้า เขาจะถูกโยนเข้าไปในไฟที่ลุกโชน 4 เช่นเดียวกับภรรยาของเขาผู้แบกเชื้อเพลิง 5 ด้วยเชือกที่ทำาด้วยใย อินทผลัมบิดเป็นเกลียวรอบคอของนาง

112. ความเป็นหนึ่งเดียว

อัล-อิคลาศ

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงกล่าวเถิด พระองค์คือพระเจ้า ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียว พระเจ้าทรง เป็นผู้ทรงมีทุกอย่างโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด พระองค์ไม่ทรงให้กำาเนิด และพระองค์มิได้ทรงถูกกำาเนิด 4 และไม่มีสิ่งใดเหมือนกับพระองค์ 113. รุ่งสาง

อัล-ฟะลัก

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงกล่าว ันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งรุ่งอรุณ ให้พ้น จากความชั่วร้ายของทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง และจากความชั่วแห่ง ความมืดของกลางคืนเมื่อมันแผ่ลงมา 4 และจากความชั่วของผู้เสกเป่าลง ไปบนปมเงื่อน 5 และจากความชั่วของผู้อิจ าเมื่อเขาอิจ า 114. ผู้คน

อัล-นาส

ด้วยพระนามของพระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงกล่าว ันขอความคุ้มครองด้วยพระผู้อภิบาลแห่งมนุษยชาติ ราชาแห่งมนุษยชาติ พระเจ้าของมนุษยชาติ 4 ให้พ้นจากความชั่วของ ผู้แอบเข้ามากระซิบครั้งแล้วครั้งเล่า 5 ผู้กระซิบเข้าไปในหัวใจของมนุษย์ ทั้งจากพวกญินและมนุษย์

Quran Translations in 30 Languages

• English • French • Spanish • German • Dutch • Italian • Russian • Portuguese • Polish

• Chinese • Chichewa • Filipino • Hebrew • Sinhalese* • Braille • Burmese • Afrikaans* • Rwandese*

• Korean • Maori* • Bengali • Urdu • Hindi • Malayalam • Tamil • Marathi • Telugu

• Gujarati • Punjabi • Kannada • Dogri • Assamese* • Manipuri • Khasi* • Odia* • Thai

To order a free printed copy of the Quran, please log on to: www.goodwordbooks.com, www.cpsglobal.org Free copies of the Quran are available for hotels, hospitals, prisons, etc. Please contact: [email protected], [email protected] Whatsapp: +91 8588822680 For requirements in the US and Canada, please contact: [email protected] Mob. 617-960-7156

Explore our Digital Resources Languages Player

Chapter 2

We have entered a new era. Never in history has the world been so connected, diverse, educated and aware. It is an era where, fuelled by curiosity, we find ourselves on a never-ending quest for answers and knowledge and one where confidence in reason prevails over the antiquated ways of superstition. The journey of civilization has brought us to an age where reason has become the strongest voice.

www.goodwordbooks.com www.cpsglobal.org

ISBN 978-93-86589-26-2

9 789386 589262

Maulana Wahiduddin Khan

Maulana Wahiduddin Khan is the founder of Centre for Peace and Spirituality, New Delhi, an organization dedicated to presenting Islam to the world as a complete ideology of peace. The Maulana is the author of numerous best-selling books on Islam. He has been internationally recognized for his contributions to world peace.

0:00

Questions on God, Islam, Peace, Spirituality and Wisdom

Maulana Wahiduddin Khan

10

Goodword Quran App Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages

6:00

Ebooks Inspire yourself with a range of free ebooks on peace and spirituality

10

Audiobooks A range of free audiobooks to keep you inspired and motivated

Books on Peace and Spirituality

The Seeker’s Guide Questions on God, Islam, peace, spirituality and wisdom.

spiritofislam.co.in

Discovering God Discover God and His attributes by reflecting on nature, universe and life’s events.

cpsglobal.org

Leading A Spiritual Life The art of spirituality is to extract food for the soul from life’s different circumstances.

goodwordbooks.com

Goodword Quran App 19 Mary

Quran

19.Mary (Maryam) In the name of God, the Most Gracious, the Most Merciful 1 Kaf Ha Ya ‘Ayn Sad 2 This is an account of your Lord’s mercy bestowed upon His servant Zachariah, 3 when he called upon his Lord in low tones,

Download the free app and access the complete text and audio of the Quran in numerous languages Inspire yourself with daily quotes, articles, videos, and audios anywhere Share Quran passages on social media, as texts, or via email Download on the

App Store

Get it on

Google Play

Multiple languages

Multimedia

Various translations

Teachings and talks

Inspirational Quotes

Quran based videos and audios

CMYK

กุรอาน คัมภีร์ที่นำ�ข่าวดีมายังมนุษชาติพร้อมกับคำ�ตักเตือนจาก พระเจ้า เน้นย้ำ�ถึงความสำ�คัญของการค้นพบสัจธรรมของมนุษย์ทั้งทาง ด้านจิตวิญญาณและสติปัญญา หนังสือทุกเล่มมีวัตถุประสงค์ของมันและวัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุ รอานคือการทำ�ให้มนุษย์รู้จักแผนการสร้างสรรค์ของพระเจ้า นั่นคือ เพื่อ บอกมนุษย์ว่าทำ�ไมพระเจ้าสร้างโลกนี้ การให้มนุษย์มาอาศัยอยู่บนโลก นี้มีวัตถุประสงค์อะไร สิ่งจำ�เป็นสำ�หรับมนุษย์คืออะไรในช่วงชีวิตก่อน ตาย และเขาจะเผชิญอะไรหลังความตาย วัตถุประสงค์ของคัมภีร์กุรอาน คือการทำ�ให้มนุษย์รู้ความจริงนี้ ดังนั้น คัมภีร์กุรอานจึงทำ�หน้าที่นำ�ทาง มนุษย์ตลอดการเดินทางของเขาผ่านชีวิตไปสู่ชีวิตหลังความตาย หัวข้อหลักของคัมภีร์กุรอานคือการให้แสงสว่างทางปัญญา ความใกล้ ชิดกับพระเจ้า ความสงบและจิตวิญญาณ คัมภีร์กุรอานใช้คำ� ตะวัซซัม (หมายถึง การพยายามทำ�ความเข้าใจสัญญาณต่างๆของธรรมชาติ), ตะ ดับบุรฺ(การตรึกตรองและวิเคราะห์อะไรบางอย่าง) และตะฟักกุรฺ(การ นึกถึงพระเจ้า) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเรียนรู้บทเรียนโดยการตรึกตรอง คิด และใคร่ครวญในสัญญาณต่างๆของพระเจ้าที่กระจายไปทั่วโลก การ แปลกุรอานนี้ถูกทำ�ขึ้นโดยคำ�นึงถึงหัวข้อหลักดังกล่าวมานี้

www.goodwordbooks.com www.cpsglobal.org

ISBN 978-81-943663-3-1

9

7 8 8194

366331

Goodword

Goodword

THAI

Gold

CMYK